มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 712649 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sailordews

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งๆก็ยังมีฟีลที่อยากจะกระโดดเข้าไปในเรื่องทุกรอบเลยค่ะ โอ๊ยยยย ทำไมการรับรู้ความจริงทุกด้านมันเจ็บปวดขนาดนี้นน  :z3:

ออฟไลน์ ดาวกระดาษ97

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยังรออยู่แต่งดีมาก ฮื้ออออ

ออฟไลน์ Ruszel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอเธอมานานแสนนาน ทรมานถึงนานขาดใจ สู้ๆจ้า 55555  :hao5:

ออฟไลน์ garden 12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออยู่นะค้าาาาาาา

ออฟไลน์ Somporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอติดตามครับผม

ออฟไลน์ ปากกาหมึกซึม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านแล้วนั่งร้องไห้ สลับกับยิ้มไป

รอนักเขียนมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ Chayra

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอ...ร้อออออออ.......รออออออออออ

 :monkeysad:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เข้ามาอ่านนึกว่าจบแล้ววอ่ะ

ออฟไลน์ khunbuck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

รออยู่เสมอนะคะ คุณดอกไม้ คราวนี้หายไปนานเลย

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานมาก แต่ไม่เคยลืมนิยายเรื่องนี้
ยังรอที่จะอ่านจนถึงตอนจบ ขอโหวตให้เป็นนิยายในดวงใจ
และเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ในการทำผลงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vassalord4822

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
TT เสียงร่ำไห้ของคนรอ มาเถอะค่า อยากให้รวมเล่มมาก

ออฟไลน์ Tawes

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ก็..... เคยเข้ามาอ่านนิยายในเล้าบ้างบางครั้งค่ะ ไม่เคยเมนต์เลย เพราะงงกับหน้าเว็บและระบบมาก

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ เหมือนได้กลับไปอ่านนิยายเก่าๆ เหมือนๆ ร้อยป่า ร่มฉัตร อะไรประมาณนี้ ชอบจนพยายามหาวิธี reply ตั้งนาน)

และถ้าจะกรุณานักอ่านที่กำลังจะลงแดง ได้โปรดมาเขียนต่อเถอะเจ้าค่ะ  :call:

รอเสมอค่ะ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
พักนี้ฝนตกบ่อย เมื่อไหร่จะมาหนอ  :katai5:

ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมัครเล้ามาเป็นปี ไม่เคยเม้นเรื่องไหนเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยค่ะ อ่านรวดสองวันแบบไม่หลับไม่นอน5555 สู้ๆนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
บทที่ ๓๖

ไม่มีวัน

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


หม่อมดารายอมถอนฟ้องอาจารย์คนึงดั่งลั่นวาจาเอาไว้ต่อหลานชายอันเป็นที่รัก

ขั้นตอนการพาตัวอาจารย์หนุ่มออกมารวดเร็วง่ายดายไม่ต่างกับตอนลากคอเข้าคุมขัง หรือผู้มีอำนาจวาสนาก็เป็นเช่นนี้ เปลี่ยนชะตาชีวิตมดปลวกได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ อาศัยเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกหัดครูถือกระดาษแผ่นเดียวขึ้นโรงพัก ไม่กี่อึดใจ อิสรภาพก็หวนคืนสู่ชีวิตคนึง วนาสัยอีกครั้ง

ในห้องธุรการ โรงเรียนฝึกหัดครู อาจารย์หนุ่มรับหมายจากผู้บังคับบัญชามาอ่านด้วยมือสั่นเทา

เมื่อพิจารณาถึงสถานภาพของนายคนึง วนาสัยซึ่งเป็นข้าราชการครูแต่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศต่อหม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา แม้มิใช่นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของนายคนึง อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ ประกอบกับจำเลยยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงมีความเห็นสั่งฟ้องนายคนึงในความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราและกระทำอนาจาร  แม้หม่อมราชวงศ์เลอมานได้ถอนคำร้องทุกข์ในภายหลัง  เป็นเหตุให้การดำเนินคดีอาญาต่อนายคนึงระงับแล้วก็ตาม  ก็ไม่อาจทำให้นายคนึงพ้นจากการกระทำผิดทางวินัย

การกระทำของนายคนึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๙๔ วรรค ๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ถูกลงโทษให้ไล่ออกจากราชการ

คนึงวางกระดาษหัวครุฑคืนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาเหม่อลอยไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ถูกไล่ออกจากข้าราชการ คำนี้สาหัสนักสำหรับลูกชาวนาผู้เป็นความหวังของพ่อแม่เช่นเขา ถูกไล่ออก.. ก็จะไม่ได้รับการอนุญาตต่อใบประกอบวิชาชีพครู นั่นหมายถึงการจบอาชีพครูไปด้วย หวนนึกถึงเครื่องแบบข้าราชการสีกากีที่นับจากนี้คงไม่มีโอกาสได้สวมอีก ความภาคภูมิใจของพ่อแม่คงสูญสิ้นลงครานี้

อาจารย์ปรีชามองมาด้วยความห่วงใย ขยับตัวอึดอัดเหมือนยังมีบางสิ่งค้างคาอยู่ คนึงวอนให้บอกเขามาเลยไม่ต้องอมพะนำ ไม่ต้องเกรงใจหรือกลัวว่าหัวใจเขาจะรับไม่ไหว

“คุณชายเล็กไม่มีโอกาสได้อยู่ทำหน้าที่อาสาสมัครของโครงการจนครบวาระ” ในที่สุดผู้มากวัยกว่าก็เอ่ยปาก “หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชจะเสด็จมารับบุตรชายคนเดียวกลับอังกฤษด้วยพระองค์เองในอีกห้าวัน”

อาจารย์หนุ่ม.. ไม่สิ.. อดีต.. อดีตอาจารย์พาสมองมึนชาเดินลัดสนามกว้างกลับเรือนพัก แดดอุ่นออกแล้ว แสงที่ลอดช่องว่างใบไม้ลงมาให้ความระยับบนใบหญ้า หากเช้ากว่านี้เขาคงได้เห็นประกายสีทองเล็กๆ น่าพิศวง ตรงนั้น..ตรงนี้.. เคยเห็นไหมเวลาหยดน้ำค้างกระทบต้องมุมหักเห เกิดเป็นดาวเล็กๆ กระจัดกระจาย วอมแสงเป็นประกายทอง กระทบเข้าตาปริบๆ

แต่พอแดดไล่มา อยู่ไหนนะ เจ้าจุดสีทองน่าเอ็นดู อยู่ไหน..

ไม่มีอะไรเลย นอกจากใบหญ้า น้ำค้าง และความว่างที่ทบขึ้นเป็นชั้นๆ จนกว่าจะถึงท้องฟ้าสีคราม ฟ้าฤดูหนาวสวยเหลือเกิน ตกกลางคืนคงเกลื่อนดาวดารดาษ สูงส่ง..สุดสอย.. เดินทางข้ามกี่ขอบขัณฑ์ ก็ไม่มีวันคว้ามาครอง

ดาวบนผืนหญ้าก็ละเลือนหาย ดาวบนท้องฟ้า.. ก็จนปัญญาจะเอื้อมถึง..

คนึงซมซานกลับถึงห้องพักอย่างคนไร้วิญญาณ นัยน์ตาคมดำกวาดมองไปทั่วห้อง ห้อง..ที่ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป โชคดีที่ผู้บังคับบัญชายังเมตตาให้เขาอยู่ที่นี่ได้ต่อจนกว่าจะหาลู่ทางได้ และคำขอร้องที่เขาวิงวอนจากหัวใจ ว่าอย่าให้เลอมานรู้เป็นอันขาดว่าเขาถูกไล่ออกแล้ว ท่านก็ตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ

ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้า เขาควรเริ่มเก็บข้าวของได้แล้ว นั่น.. เครื่องแบบข้าราชการสีกากีที่เคยสวมใส่ทุกวันจันทร์ ชุดปกติขาวครูรวมไปจนถึงอินทรธนู เครื่องหมายสังกัดและเครื่องราชแพรแถบ เขาไม่มีสิทธิ์สวมมันอีกต่อไป รวมไปถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นครูที่ใช้ความพากเพียรร่วมสิบปีของเขาและหยาดเหงื่อแรงงานชั่วชีวิตของบุพการีแลกมา ต่อแต่นี้จะไร้ค่ายิ่งกว่าปลักตม

หันไปมองอีกฝั่งห้อง มันเงียบงันว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีคนอยู่อาศัย หม่อมดาราคงบัญชาให้คนมาเก็บข้าวของของเลอมานไปหมดแล้ว ที่ริมหน้าต่าง ตะเพียนน้อยสองตัวแกว่งไกวอยู่ สีซีดจางไปตามวันเวลา เตียงนอนว่างเปล่า เขาซบหน้าลงกับหมอนขาวสะอาดที่เจ้าเด็กดื้อเคยนอนหนุน

หนูเล็กของครู.. ก่อนจะพรากจากกัน จะมีวาสนาได้เห็นหน้าเจ้าอีกครั้งหรือไม่ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม

ถ้าชีวิตคือละคร ละครชีวิตของคนึง วนาสัยคงเป็นบทบาทที่จบลงด้วยความปวดร้าว สุขได้ไม่นานก็ทุกข์ สมหวังไม่นานก็ต้องผิดหวัง ได้ครองรักแล้วกลับถูกจำพรากซ้ำซากเวียนวน  และใครเล่าเป็นผู้ลิขิตชีวิตของเขา หม่อมดารา.. หรือปีศาจตนใด หรือมือที่มองไม่เห็นของจารีตฉีกทึ้งเขาเป็นชิ้นๆ ดั่งความวิปโยคเป็นเสมือนหนึ่งทาสที่ติดตามคนึงไปทุกฝีก้าว

มืดมิดดั่งหมึกแล้วโลกนี้ ฟ้าสะท้านคำรามคำรน พายุโหมฮือมาอีกครั้งและติดต่อกันยาวนาน หัวใจคนึงแดดิ้นแทบจะขาดอยู่รอมร่อ สูญสิ้นหมดทั้งชีวิตแล้ว ความฝันบรรเจิดได้ติดปีกโบยบินเข้ากลีบเมฆ ทิ้งไว้แต่เงาทมิฬหินชาติแล้วขยี้ร่างอ่อนระโหยให้แหลกลาญ หัวใจเขาเดียวดายเหมือนตกอยู่กลางทุ่งกว้าง สิ่งที่หักห้ามมานานก็พรั่งพรูลงอาบหมอน เขาปล่อยให้มันหลั่งออกมาเพื่อเป็นอนุสรณ์การจากไปของเลอมานอย่างไม่อายฟ้าดิน ความรักอันต่ำต้อยของเขามันช่างสิ้นหวังและจบลงด้วยการพลัดพราก

เจียมกะลาหัวเสียแต่แรกก็คงไม่เจ็บอย่างนี้ หัวใจด้านหนึ่งหยามเหยียดมา แต่อีกด้าน ที่พิสุทธิ์สว่างใส ก็ปลอบประโลมว่าการได้รักและได้ครอบครองหัวใจหม่อมราชวงศ์เลอมาน ทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิตเขาเคยมีความสุขมากเพียงใด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม

***********************************

เลอมานมีแต่ความซึมเซา ไม่พูดไม่จากับผู้ใดไปตลอดวัน แม้กับเพื่อนสนิทอย่างเจ้าจ้อยยังถามคำตอบคำ ความเป็นไปเหล่านี้ผู้เป็นย่าย่อมซึมทราบได้ดีว่าเกิดแต่เหตุอันใด  หม่อมดาราถึงแก่ทอดถอนใจด้วยความหม่นหมอง ถ้าจะดูหัวใจของท้าวเธอเวลานี้แล้ว ก็ไม่ผิดแผกอะไรกับโจโฉ  เมื่อครั้งเกลี้ยกล่อมได้กวนอูมาเลี้ยงไว้  ถึงจะปรนปรืออย่างถึงขนาดแล้ว  กวนอูก็ยังมิวายระลึกถึงเล่าปี่อยู่นั่นเอง  กวนอูมีความซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่ฉันใด  เลอมานก็ยังคงมีความรักต่อชายผู้เป็นยอดชีวิตของเขาฉันนั้น

ดังนั้น.. พอจู่ๆ หลานรักออกปากขออนุญาตให้จ้อยพาไปวัด ไปไหว้พระให้จิตใจสงบ ไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง หม่อมดาราจึงยอมให้ไปอย่างเสียไม่ได้ ห้ามคนไม่ให้ไปวัดก็บาปเปล่าๆ แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับมาภายในเวลาที่กำหนด และห้ามลักลอบไปพบนายคนึง วนาสัยเป็นอันขาด

เรือน้อยล่องมาในคลองใส จ้อยคัดท้าย เลอมานนั่งหัวเรือ ดวงตาสีอำพันกวาดมองไปรอบๆ อย่างกับว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นทัศนียภาพเช่นนี้อีก

พอแสงอรุณสาดสว่าง ท้องนาก็พลันกลับมามีชีวิตใหม่ พระอาทิตย์ไขแสงอุทัยสาดมาต้องแผ่นดิน นาที่เก็บเกี่ยวไปสิ้นเหลือแต่ซังเหลืองอร่าม เหมือนเป็นตอหญ้าทาด้วยทองธรรมชาติ ไผ่สีสุกเบียดกันส่งเสียงเสนาะ นกต้อยตีวิดก็ออกเหินลม บัวสายออกดอกแดงลอยเกลื่อนอยู่กับกอผักตบที่ออกดอกสีฟ้า ดอกบวบที่ขึ้นมิเลือกแล้งเลือกฝน นั่นดอกแคที่ยายช้อยเคยเก็บมาทำแกงส้มให้กินตัดไข้เอาไว้ก่อนลำบากตัวถึงล้มหมอนนอนเสื่อ มะละกอตัวเมียและพริกขี้นกขึ้นดกระย้าเขียว กระถินชายทุ่งแตกช่ออ่อน ขอบบึงมีคันเบ็ดที่ชาวนาเอาไส้เดือนไปเกี่ยวล่อปลาช่อน มันโก่งและสั่นคลอน คงติดปลาตัวโตเป็นแน่ มื้อเช้าวันนี้ชาวนาบ้านนั้นคงไม่พ้นต้มยำปลากินกัน มันเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นสุข

“จ้อยรู้ไหม ที่ลอนดอนน่ะ ไม่มีหรอกที่เขาจะมามัวนั่งเหม่อดูสายลมแสงแดดอย่างบ้านเรา” เลอมานยิ้มเศร้า  ยามเอ่ยคำว่า ‘บ้านเรา’ ออกมาอย่างไม่ขัดปาก นัยน์ตายังบวมเป็นเครื่องหมายของการร้องไห้อย่างสาหัส  ร่องรอยความเศร้าหมองยังไม่ลบเลือนไปจากใบหน้าหมดจด “คนเขาหาเงินกันตัวเป็นเกลียว เช้าก็ออกจากรังเหมือนแม่นกเที่ยวหาเหยื่อ ทุกคนเอาแต่ดูนาฬิกา ไม่มีหรอกที่จะตื่นตอนไก่ขัน และพักผ่อนเมื่อนกบินกลับรัง และไม่มีหรอกทุ่งนาฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างนี้ มีแต่บ้าน ตึก แล้วก็รถยนต์”

จ้อยไม่ว่ากระไร มือน้อยงัดไม้พายเชื่องช้า ราวกับให้เพื่อนซึมซับภาพตรงหน้าไว้ให้นานที่สุด

วัดหน้าพระเมรุในยามไม่มีงานบุญประจำปีดูเงียบสงบ ต้นโพธิ์แกรกกรากต้องลมดั่งจะเอ่ยคำลา ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความทรงจำ ไม่กี่เดือนมานี้เองมิใช่หรือที่อาจารย์พาเขาซ้อนท้ายจักรยานข้ามสะพานคูเมืองมาที่นี่ ร่วมบุญช่วยกันปิดทองพระอธิษฐานและเสี่ยงเซียมซี ตรงนั้นเวทีลิเก ตรงนั้นจอหนังกางแปลง ตรงนั้นชิงช้าสวรรค์สูงคอตั้งบ่า ทุกที่ทุกแห่งล้วนมีภาพของอาจารย์ผู้เป็นที่รักก่อกวนวกวนอยู่ในอก

จ้อยเดินนำไปทางพระอุโบสถสีขาวสะอาด เลอมานตามไปเชื่องช้า พระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ภายใน หนนี้หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์เรียบร้อยไม่กระโดกกระเดกเช่นครั้งก่อน มือขาวสะอาดพนมอธิษฐานต่อหน้าองค์พระสงบนิ่ง เขาขอเพียงได้พบหน้าอาจารย์อีกสักครั้งก่อนจำพรากจากกันไป

ระลึกถึงใบเซียมซีที่เคยเสี่ยงได้ ‘เจอเนื้อคู่คู่เป็นหม้ายไม่ไกลนัก’ คำทำนายที่ต้องไปถามจ้อยในภายหลังจึงเข้าใจถ่องแท้ในความหมายที่เล่นเอาหน้าแดงทุกครั้งที่มองหน้าอาจารย์ วาดฝันสวยงามว่าพวกเขาจะได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป

สุดท้ายโลกนี้มีอะไรจีรังบ้าง..

กระบอกสีแดงบรรจุไม้ติ้วอัดแน่นอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มสูงศักดิ์คว้ามาเขย่า นึกถึงคราวก่อนที่เขาทำไม้ติ้วหล่นกระจัดกระจายขายขี้หน้า เดือดร้อนอาจารย์ต้องตามเก็บให้งกๆ

ไม้ติ้วแท่งหนึ่งร่วงหล่นลงมา..

“ใบที่สี่แหละจ้อย” เลอมานสูดจมูกลึก มือที่จับแท่งไม้เล็กๆ สั่นระริก จ้อยพาไปที่โต๊ะเซียมซีหน้าอุโบสถ ชายชราคนหนึ่งฉีกใบเซียมซีหมายเลขสี่ยื่นให้ จ้อยก้มลงอ่านเพียงบรรทัดแรกก็มองหน้าเลอมานนิ่ง

หม่อมราชวงศ์หนุ่มใจเต้นเป็นรัวกลอง ขอร้องเพื่อนเสียงสั่นพร่า “ให้เล็กอ่านเถอะ..”

จากนั้น.. ตัวอักษรไม่กี่บรรทัดก็พร่าเลือนไปด้วยน้ำกลบสองตา..
   
ใบที่สี่ชี้ชัดความพลัดพราก   
เหมือนต้องจากคู่ไปไกลสถาน
ดังลูกไก่พลัดวงหลงไปนาน   
กว่าจะพานพบหน้าก็ช้าจัง
ต้องอุตส่าห์อดกลั้นถึงนานหน่อย 
แล้วจึงค่อยเป็นสุขในยุคหลัง
จงประคองตนไว้อย่าให้พลั้ง 
ดวงจิตตั้งหวังสมานสามัคคี
เร่งนอบนบเคารพอยู่ที่ผู้ใหญ่ 
คอยตามไปใช้พินิจกิจวิถี
เหมือนดวงจันทร์ส่องฟ้าในราตรี
เมื่อแสงศรีสุริยันตะวันรอน


กระดาษแผ่นเล็กๆ ใบเดียวเหมือนจะหนักอึ้งจนพลัดทำหลุดมือ หัวใจที่อ่อนล้าอยู่แล้วก็แทบปลิวหายออกจากขั้ว จ้อยโผเข้าประคองไหล่เล็กเอาไว้เมื่อเห็นเพื่อนทำท่าจะทรุดลงกอง

“เล็ก.. สัญญากับเพื่อนได้ไหมว่าจะมีสติ” จ้อยบีบไหล่เพื่อนแน่น “เล็กเป็นหลานแม่ทัพ หลานทหาร ต้องเข้มแข็งอย่างทหารให้ได้”

เลอมานพยักหน้าทั้งสะอื้น น้ำที่คลอในตาพลัดร่วงผล็อยๆ

“ถึงต้องพลัดพรากไปอยู่ต่างถิ่นแดนไกล ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งถึงได้พบประสบกัน” ผู้เฒ่าเฝ้าโต๊ะเซียมซีขยายความ นัยน์ตาสีเทามองมาอย่างอาทร “แต่ดวงของพวกเอ็งทั้งคู่จะเป็นคู่แท้ที่เกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดร่วมกันก็ได้ผลสำเร็จลุล่วง”

“จะมีวันนั้นหรือ” คุณชายน้ำตานองหน้าแล้ว “เล็กต้องรอไปจนถึงเมื่อไร”

“สัญญาต่อหน้าพระ เล็กต้องเข้มแข็งนะ” จ้อยเตือนสติเพื่อน ความเจ็บปวดแล่นลึกอยู่ในสายตาที่มองสบกันแน่วแน่นั้น

ดังลูกไก่พลัดวงหลงไปนาน
กว่าจะพานพบหน้าก็ช้าจัง..


***********************************

(มีต่อจ้ะ :katai5:)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ตะวันคล้อยทุ่ง แลลิบออกไปเบื้องหน้าคือท้องทุ่งเวิ้งว้างเหลืองอร่ามด้วยแสงแดดผีตากผ้าอ้อม ผู้คนทยอยกันกลับจากงานนา นกปูดร้องแว่วๆ มาจากหลังป่าสะแก นกกวักรวมกลุ่มร้องแซ่เตือนให้รู้ว่าใกล้ค่ำ

ยายช้อยกลับมาพร้อมปลาเล็กปลาใหญ่ กระทั่งปลาสวายหรือปลากรายก็ยังมี แกรีบทำปลาผ่าท้องเอาขี้และไส้ออก หลานรักอยู่ติดบ้านเสียที กะว่าเย็นนี้จะทำต้มยำเชิงปลากรายซดกันให้รื่น ด้านจ้อยนั้น.. ก่อไฟพักเดียวกลิ่นหอมของข้าวใหม่ก็อบอวลออกมาจากเตาไฟ หม้อสีดำคล่ำหุงเดือดคลั่กๆ อยู่บนเตา
   
พอตกค่ำดาวประฟ้า สองยายหลานก็ตั้งสำรับกันที่นอกชาน

นักเรียนครูเขี่ยข้าวในจานอ้อยอิ่ง นึกถึงหน้าหม่นหมองของเลอมานแล้วสงสารจับใจ หรือความรักต่างชนชั้นก็เป็นเช่นนี้ อดหันมองตัวเองไม่ได้.. จะมีเหตุอันใดไหมให้จ้อยกับพี่สิงห์ต้องพรากจากกันไกล หากแม้นวันนั้นมาถึงจริง จ้อยจะอดทนมีแรงยืนอยู่ได้สักครึ่งของเลอมานไหม

ไม่มีวันหรอกน่า.. จ้อยสะบัดความคิดเพ้อเจ้อออกจากหัว ความรักของจ้อยที่ขมขื่นมานานกำลังหวานชื่น หนทางทอดยาวไปข้างหน้ามีแต่ดอกไม้สะพรั่งสองข้างทาง ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะทำให้จ้อยกับพี่ต้องจากกัน

“ยายจ๋า..หนูมีเรื่องจะบอก” จ้อยอ้อมแอ้ม ช้อนสังกะสีเขี่ยเนื้อปลาที่ยายแกะวางลงจานให้ไปมา “ไม่รู้ว่าบอกไปแล้วยายจะว่าอะไรหรือเปล่า”

แม่เฒ่าทำเสียงอืออาในคอเป็นเชิงรับรู้ ก่อนตักน้ำแกงขึ้นซดโฮก

“คือ.. ป้าทรัพย์..” จ้อยขัดเขินเกินจะกล่าว หากในดวงตาเป็นประกายวาววาม “แกจะให้หนูกับยายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านลุงกำนัน”

ยายช้อยชะงัก แทบสำลักน้ำแกง “จริงหรือจ้อย” ตาแกเบิกกว้างอย่างตกตะลึง แต่ในความตกตะลึงนั้น.. ปิติเหลือเกิน “ป้าทรัพย์หรือพ่อกำนันเป็นคนชวนเอ็ง”

“ป้าทรัพย์จ้ะ” จ้อยส่งยิ้มเจิดจ้าให้ยาย ยิ้มจากดวงใจอันเปี่ยมสุข “แกบอกหนูว่าลุงกำนันก็ยินดี ต่อไปนี้เราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แกกับลุงเสริมจะรักจ้อยเหมือนลูกเหมือนหลาน”

ยายมองจ้อยเพริดไป ในดวงตาสีเทามีน้ำตาคลอเบ้ากระทบแสงตะเกียงวาววาม

จ้อยคลานเข้าไปหายาย ซบหน้าลงกับอกผ่ายผอม ยายผอมเหลือเกิน หายใจแต่ละทีซี่โครงแทบขยายออกมานอกอก มือเหี่ยวย่นลูบหัวจ้อยแผ่วเบา จ้อยคว้ามือนั้นมาแนบแก้มอย่างรักใคร่บูชา มือยายกร้านกรำอย่างคนทำงานหนักมาทั้งชีวิต ก็มือคู่นี้มิใช่หรือที่ทะนุถนอมเลี้ยงดูจ้อยมาจนเติบใหญ่ นับจากนี้ยายจะไม่ต้องลำบากอีกแล้ว จ้อย พี่สิงห์ ป้าทรัพย์ ลุงเสริม จะไม่ปล่อยให้ยายอดมื้อกินมื้อ ไม่ต้องนอนปวดหลังบนเสื่อหยาบกระด้าง ไม่ต้องห่อกายด้วยผ้าผวยผืนเก่ายามลมหนาวหวีดหวิวผ่านรูที่ฝากระท่อมอีกต่อไป

ถึงจ้อยจะยากจน แต่ก็เป็นสุขเสมอเมื่ออยู่ในอ้อมกอดยาย ต่อแต่นี้เราจะไม่ต้องแยกกันอีกแล้ว จ้อยจะได้อยู่กับคนที่จ้อยรักตลอดไป ทั้งยาย..ทั้งพี่สิงห์..จะไม่มีอะไรมาพรากจากไป..

อดคิดถึงเลอมานไม่ได้ ราชนิกูลผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ทว่าหนทางรักระหว่างเลอมานและอาจารย์คนึงกลับดูมืดมนไปทั้งแปดด้าน จ้อยสิอดอยากยากจนมาทั้งชีวิต แต่หนทางข้างหน้ากลับมีแต่ความสว่างไสว ต่อไปนี้จ้อยจะได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับพี่สิงห์ เช้ามาก็ได้เห็นหน้า ตกเย็นเลิกเรียนมาก็ได้เจอกัน อีกปีเดียวเท่านั้นจ้อยก็จะเรียนจบ จ้อยจะสอบบรรจุเป็นครูอย่างที่ใฝ่ฝัน ส่วนพี่สิงห์ก็ดูแลโรงสีไป

คนที่จ้อยรักจะอยู่เคียงข้างจ้อยตลอดไป ทั้งยาย..ทั้งพี่สิงห์..

จ้อยมีความสุขเหลือเกินยายจ๋า

“ดีจริงๆ จ้อยเอ๋ย” เสียงยายสั่นเครือปนสะอื้น อ้อมแขนผ่ายผอมโอบกอดจ้อยไว้ โยกโคลงเบาๆ เหมือนคราวจ้อยเป็นเด็ก “ยายรอวันนี้มานาน..รอมานานเหลือเกิน..”

มือเหี่ยวย่นประคองใบหน้าจ้อยเอาไว้ ในดวงตาที่มองสบมามีน้ำตาหยาดไหล

“ป้าทรัพย์เขาได้บอกอะไรหนูอีกหรือเปล่า”

จ้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ยายอยากให้เอ็งได้ไปอยู่บ้านนั้นมานานแล้ว ในที่สุดก็มีวันนี้” ยายปาดน้ำที่คลอหัวตา ลูบผมจ้อยซ้ำๆ “แม่ทรัพย์เขายอมรับเอ็งแล้วจ้อย ถ้าพ่อกำนันเขารู้ เขาก็ต้องยอมรับเอ็งเหมือนกัน ยายดีใจเหลือเกินลูกเอ๋ย”

คำพูดยายสะกิดใจจ้อย ยอมรับ? ทำไมต้องยอมรับ? ยอมรับในฐานะอะไร? หากไม่ทันได้ถาม หญิงชราก็โผเผลุกขึ้นหายเข้าไปในตัวกระท่อม จ้อยชะโงกหน้ามองตามไป ในแสงตะเกียงเรื่อเรือง เห็นยายเอื้อมหยิบกระถางธูปพี่จินดาออกมาเทลงผ้าขาว คุ้ยเขี่ยอยู่สักพักก็กลับออกมา

พร้อม ‘อะไรบางอย่าง’ ในมือ

ต่อเมื่อยายนั่งลงตรงหน้า จ้อยจึงเห็นว่ามันเป็นแหวนวงหนึ่ง คงเก่ามากแล้ว ความสุกปลั่งหายไปตามกาลเวลา ยายค่อยๆ เช็ดมันกับชายเสื้อคอกระเช้าตัวเก่าอย่างทะนุถนอม ก่อนวางมันลงในมือจ้อย

ท่ามกลางความสับสนงุนงง จ้อยดูออกว่ามันเป็นแหวนทองคำแท้ ยิ่งค่าทองสูงทองยิ่งอ่อนจนวงบิดเบี้ยว มีแต่เศรษฐีที่ทำทองแบบนี้สวมใส่ติดตัว

และเมื่อจ้อยส่องมันกับแสงตะเกียง รอยสลักคำว่า ‘สีตลา’ ปรากฏเด่นชัด

นามสกุลพี่สิงห์?

ทำไมแหวนนามสกุลพี่สิงห์ถึงมาอยู่กับยาย?

ลางสังหรณ์แปลกประหลาดแล่นพรูเป็นริ้วๆ ค่อยๆ แทรกซึมจับขั้วหัวใจ

“ปีนั้นแม่เอ็งถูกไอ้เสือฝ้ายบ้านใต้ดักฉุกไป โชคดีที่พ่อเสริมเขาตามไปช่วยไว้ได้ทัน ยิงไอ้เสือฝ้ายตายเป็นผีเฝ้าทุ่ง” เรื่องนี้จ้อยพอรู้มาบ้าง ยายเคยเล่า.. ลุงกำนันก็เคยเล่า.. เรื่องฉาวโฉ่ระดับตำนานของหมู่บ้าน มีแม่จ้อยเป็นนางเอก ลุงเสริมเป็นพระเอก.. จ้อยพอรู้..

แต่เรื่องราวหลังจากนี้.. จ้อยไม่เคยรู้..

“เขาให้แหวนวงนี้กับแม่เอ็งไว้” ยายจ้องจ้อยที่ดวงตา “แล้วจากนั้น.. แม่กำไลก็มีเอ็ง..”

เสียงฟ้าคำรามครืนครันมา ลมเย็นหอบกลิ่นไอฝนแรกของปีมาต้องกาย จ้อยสั่นสะท้านไปทั้งตัว “ยาย..ยายพูดอะไร..” แม้เสียงที่หล่นจากปากก็สั่นพร่า

“ตอนยังเล็กเอ็งเป็นไข้หนักเกือบตาย ยายไม่มีเงินค่าหมอเลยอุ้มเอ็งไปหาพ่อเสริม ถ้าเขารู้ว่าเอ็งเป็นลูกเขาไม่ปล่อยให้เอ็งตายแน่ แต่ไปปะเอาแม่ทรัพย์เข้าเสียก่อน”

ลูกหรือ.. ใคร.. ใครเป็นลูกใคร..

“แม่ทรัพย์เขาเลยให้เงินมาก้อนใหญ่ ให้ตาเวกพาไปหาหมอในเมืองเสร็จสรรพ ค่ายาเอ็งตอนนั้นแกออกให้หมดทุกบาททุกสตางค์ แต่มีข้อแม้..” ยายหยุดเช็ดน้ำหมาก “แลกกับการไม่บอกพ่อเสริมว่าเอ็งเป็นลูกเขา”

ไม่จริง.. ไม่มีทาง.. พี่สิงห์..

พี่สิงห์ของจ้อย..

‘จะเสี่ยงสัตย์อธิษฐาน ขอให้เป็นพยาน อย่าคลาดไป
ถ้าน้องเป็นน้ำ ตัวพี่จะตามเป็นปลา จะได้เย็นอุรา พี่ชาย..’


จ้อยเผลอกำแหวนในมือแน่น ลมฝนกรรโชกแรงเกินไปหรือ ทั้งตัวและหัวใจจ้อยจึงชาดิกราวถูกจับแช่ในน้ำกรด

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้สักคน มีแค่ยายกับแม่ทรัพย์ที่รู้ เขากลัวพ่อเสริมจะรักเอ็งมากกว่าตาสิงห์ คงกลัวเอ็งจะไปแย่งสมบัติลูกเขา” 

‘ถ้าพี่ทำเบ็ดเกี่ยวตาจ้อย จะควักลูกตาตัวเองให้แทน’

“ยายพูดอะไร..” เสียงจ้อยแผ่วหวิวดั่งเค้นขึ้นจากหัวใจเจียนสลาย ภาพยายตรงหน้าพร่ามัวเลือนราง

“ยายเห็นเอ็งกับตาสิงห์รักกันแต่เด็กก็เบาใจ ที่ไหนได้.. มาไม่ถูกกันเอาตอนโต ใจยายจะขาดเสียให้ได้” แต่ละคำพูดยายที่หล่นลง กรีดเฉือนใจจ้อยเป็นริ้วๆ จ้อยส่ายหน้าหนีความจริงที่รุมเข้าฉีกทึ้งหัวอก สองมือกอดตัวเองไว้แน่น

‘พี่คิดถึงจ้อย.. คิดถึงแต่จ้อย.. จะทำอะไรก็เห็นแต่หน้าจ้อย’

“พี่น้อง.. อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ตอนนี้เห็นพวกเอ็งรักกันขนาดนี้ ยายนอนตายตาหลับแล้วลูก”

“ยายพูดอะไร!” จ้อยตะเบ็งสุดเสียงทั้งน้ำตานองหน้า “ยายโกหก!”

“จ้อย..” แม่เฒ่าชะงัก มองจ้อยอย่างตกตะลึง เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก หลานชายคนดี.. แม้คำน้อยก็หาได้พูดให้ขัดหูไม่

“ยายโกหก! หนูไม่เชื่อ! ไม่จริง! ยายโกหกหนู!” จ้อยตะคอกใส่ยายเหมือนคนเสียสติ ส่ายหน้ารัวน้ำหูน้ำตาพลัดกระเด็น
   
‘สินสอดนี่คืออะไรน้อ พี่มันโง่ ความรู้น้อย สอนพี่หน่อยสิครู’
    
ไม่จริง.. พี่สิงห์ของจ้อย..

“จ้อย.. จ้อย..โกรธยายหรือลูก” แขนผ่ายผอมพยายามไขว่คว้า จ้อยปัดป้องเหมือนอ้อมแขนที่เคยโอบอุ้มเป็นเงื้อมเงาปีศาจน่ารังเกียจ

ปีศาจที่นำความจริงมาสู่ ความจริงอันน่าอดสูเกินใจจะแบกรับ “ยายขอโทษ ขอโทษที่เลี้ยงเอ็งมาลำบาก ถ้าบอกพ่อเสริมไปตั้งแต่วันนั้น เอ็งคงไม่ต้องมาอดอยากอยู่กับยาย ยายขอโทษลูก..”

ไม่! จ้อยไม่ได้โกรธยายเรื่องนั้น!

จ้อยยกสองมือขึ้นอุดหู ราวจะหนีความจริงที่กรีดหัวใจเป็นรอยบากลึกซ้ำๆ ปากก็ยังพึมพำพร่ำเรียก.. “พี่สิงห์..พี่สิงห์..”

“เอ็งกับพี่สิงห์จะได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ แล้วอย่างไรล่ะจ้อย ไม่ดีหรือลูก” ยายโผเผเข้ามากอด จ้อยผลักยายจนเซ เขวี้ยงแหวนแห่งความอัปยศใส่หน้ายาย ดวงตาแข็งกร้าว ตะโกนสุดเสียง

คำที่แม่เฒ่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินจากปากหลานชายผู้เป็นที่รัก

“หนูเกลียดยาย!”

นักเรียนครูคนดีผลุนผลันลงบันไดจนกระท่อมสะเทือน “จ้อย! จ้อยจะไปไหนลูก!” เสียงยายไต่บันไดตามลงมา เสียงยายร่ำเรียกชื่อจ้อยไล่หลังมาปนกับเสียงฝนฟังดูปวดร้าวเจียนขาดใจ แต่จ้อยไม่แม้แต่จะเหลียวไปมอง 

ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเหมือนใยแก้วนับหมื่นสาย จ้อยวิ่งกระเซอะกระเซิงไปตามทางเกวียนเหมือนคนบ้า รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ติดมา ถนนบ้านนานั้นทางมันก็ไอ้ดินปนฝุ่น ครั้นฝนเทลงมาหนักก็พลันแฉะฉ่ำเปียกเละเป็นโคลนตม หรือความจริงจ้อยเป็นบ้าไปเสียเลยจริงๆ ยังดีกว่าต้องมารับรู้ความจริงน่าอดสูแบบนี้

จ้อยไม่อยากเป็นลูกกำนัน จ้อยอยากเป็นหลานยายเหมือนเดิม พายเรือข้ามคลองไปมาระหว่างโรงสีและกระท่อมยายเหมือนเดิม จ้อยไม่อยากเป็นลูกกำนัน จ้อยอยากเป็นหลานยายเหมือนเดิม จ้อยไม่อยากเป็นลูกกำนัน.. จ้อยไม่อยากเป็นน้องชายพ่อเดียวกันกับพี่สิงห์!

ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาเค้นคอจ้อยแทบแตกป่น ราวกับมีฝูงปีศาจตะเกียกตะกายดึงแขนขา ฉุดกระชากจ้อยลงขุมอเวจี จ้อยต้องรีบสลัดพวกมันออกตอนนี้ ตอนนี้ยังมีโอกาส หากยอมให้มันลากลงไปแล้ว จ้อยจะติดอยู่ในนั้นตลอดไป กอดกรงหนามความผิดบาปไว้แนบอกจนวันตาย จ้อยวิ่งเตลิด จ้อยจะไปไหน หนีไปไหนพวกมันก็ตามรังควาญ หลอกหลอน

นักเรียนครูสะดุดล้มพลั่กกลางดินเลนเปียกแฉะ สองแขนโอบกอดร่างเปียกปอนเปรอะเปื้อนไว้กลางสายฝนเหน็บหนาว ฟ้าคำรามครืนๆ ราวจะเย้ยชะตาชีวิต ไม่ไยดีคนคนหนึ่งที่กำลังร่ำไห้ปานจะขาดใจ

‘ถ้าได้อยู่กับจ้อยตลอดไป ให้เป็นวัวเป็นควายพี่ก็ยอม’

***********************************


เสียงทุบประตูดังระรัวชำแรกเสียงฝนปลุกนายสิงห์ สีตลาให้ตื่นขึ้นกลางดึก ร่างสูงใหญ่ผลุนผลันลงจากเตียงนอนหลังออฟฟิศ เร่งร้อนไปเปิดประตูทั้งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว เสื้อแสงยังไม่ทันใส่ด้วยซ้ำ

ดึกแบบนี้ ต้องมีใครมีธุระร้อนแน่ๆ โจรที่ไหนแอบมาลักควายลูกบ้านพ่อหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นกูจะไล่ยิงให้ดับด้วยลูกซอง!

หากพอประตูเปิดผางเท่านั้น

“จ้อย!” ร่างบอบบางที่ยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ตรงหน้ากลับทำให้ตะลึงไม่ใช่น้อย “มาได้ยังไง!”

สารรูปจ้อยดูแทบไม่ได้ เปียกโชกไปหมดทั้งตัวเหมือนไปมุดน้ำมา ลงอีแบบนี้คือฝ่าฝนมาแบบไม่ต้องสงสัย ขี้ดินขี้เลนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด พี่รับร่างซวนเซเจียนล้มไว้เต็มสองแขน ประคองเข้ามาข้างใน กุลีกุจอหาผ้าขนหนูมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ 

พี่ถามอะไรไม่รู้มากมายเต็มไปหมด ไม่ได้เข้าหัวจ้อยสักคำ จ้อยมองแต่หน้าพี่.. กลางแสงตะเกียงสลัว อะไรๆ ก็พร่าเลือน แต่สายตาพี่ยามมองจ้อยช่างแจ่มชัดนัก

“พี่สิงห์..” เสียงแผ่วหวิวหล่นจากปากสั่นระริก นัยน์ตาเป็นประกายสีดำราวถ่านเปียกน้ำจ้องพี่ที่ดวงตา “ไม่ว่าจ้อยจะเป็นยังไง พี่ก็รักจ้อยใช่ไหม”

พี่พยักหน้ารัว และพอพี่จะถามอะไรอีก จ้อยก็ปิดปากช่างซักนั้นไว้ด้วยริมฝีปากเย็นชืดของจ้อย

จ้อยยอมให้ผีห่าซาตานลากคอมาที่นี่ ขอแค่ได้อยู่กับพี่ จะพาจ้อยไปนรกขุมไหนก็ยอม อยู่ในอ้อมกอดพี่ จ้อยไม่นึกถึงอะไรทั้งสิ้น ไม่มีหน้ายาย ไม่มีหน้ากำนันเสริม ไม่มีหน้าใคร จะอาชีพครูผู้ทรงเกียรติจ้อยก็ไม่ได้นึกถึง มีแต่จ้อยกับพี่ มีแต่พี่กับจ้อยเท่านั้น

พี่ผละออกเมื่อจ้อยหอบหนักปานจะขาดใจ เมื่อนั้นจ้อยจึงได้เห็นนัยน์ตาที่บรรจุบางสิ่งบางอย่างเปี่ยมล้น ยามพี่เอ่ยชื่อจ้อยมันช่างอ่อนโยนเหมือนโศลกแห่งรักอันเพราะพริ้ง จ้อยจะทนได้หรือหากต้องจากอ้อมกอดนี้ไป ความร้อนแผ่ไล่จากแก้มไปหาใบหู ฉีดซ่านทั่วอณูเนื้อ

เหลือเพียงเนื้อเปล่าๆ กดถูเสียดสีกันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ มีความรัก มีความห่วงหา มีความปรารถนาเจียนคลั่งหลอมรวมอยู่ในความร้อนผ่าวที่เคลื่อนไหวในเรือนกาย ตัวโตยังกะยักษ์มาร มือตีนใหญ่แผงอกเป็นพะเนิน เนื้อกล้ามมองดูเหมือนจะหักคอวัวตาย ยามแขนกำยำกระหวัดรั้งรัด จ้อยแทบน่วมไปทั้งตัว แต่ทั้งหมดนี้จ้อยรักจ้อยบูชาของจ้อยนัก  เหมือนร่ำร้องให้พี่กอดจ้อยแรงกว่าทุกที เรือใหญ่โลดแล่นไปบนยอดคลื่น บางคราวหัวเรือจุ่มลงไปแตะคลื่นเพียงนิดเดียว บางคราวพุ่งดิ่งกระแทกกระทั้นลงไปเกือบหมดลำ คลื่นลูกใหญ่กระแทกโครมคราม ทะเลไกวส่ายหมุนและเรือชุ่มโชกด้วยหยาดน้ำเป็นมันเลื่อมพราย

หากนรกจะหวานขนาดนี้ จ้อยยินดีอยู่ในนั้นนิจนิรันดร์

***********************************

รุ่งอรุณเลือนรางสว่างแล้ว

สองพี่น้องยังคงกอดก่ายกันบนที่นอนยับย่น ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไม่ติดตัว พี่เป็นฝ่ายสะดุ้งตื่นก่อนยามเสียงเคาะประตูดังระรัว คราวนี้มีเสียงคนร้องเรียกโหวกเหวกด้วย

“สิงห์! สิงห์เอ๊ย!” เสียงน้าเวกฟังดูเร่งร้อน สลับกับเสียงทุบประตูกึงๆ “สิงห์ตื่นเร็ว!”

พี่ปลุกน้องตื่นด้วยจูบแผ่วเบาตรงหน้าผาก จ้อยรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นจัดแจงสวมเสื้อผ้า น้าเวกรู้ว่าพวกเขารักใคร่กันฉันพี่น้องก็จริง แต่พี่น้อง..ให้สนิทกันแค่ไหนคงไม่แก้ผ้านอนกอดกันหรอก

เมื่อพี่สิงห์เปิดประตูออฟฟิศ น้าเวกพรวดพราดเข้ามา “โอยครู!” แกร้องเมื่อเห็นจ้อย “เขาตามหากันให้ควั่ก นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่” 

“ตามหาจ้อยแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือน้า” พี่สิงห์เป็นฝ่ายถาม ชายกลางคนเปลี่ยนท่าทีจากเร่งร้อนเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ครู.. ทำใจดีๆ ไว้นะ” น้าเวกละล่ำละลัก “ยายช้อย..”

ใจจ้อยหล่นวูบเมื่อได้ยินชื่อยาย..

“ยายช้อยตายแล้ว”


โปรดติดตามตอนต่อไป

__________________________________________________________________
*ไม่มีวัน, ป.ชื่นประโยชน์ คำร้อง, สวลี ผกาพันธุ์ ขับร้อง


ครบรอบหนึ่งปีพอดี๊ แฮ่!  :mew1:
(ยังอีก..ยังหน้าระรื่นไม่รู้สึกรู้สา)
ตอนหน้าจบละน๊า แต่ยังเหลือบทส่งท้ายสั้นๆ และตอนพิเศษไซด์สตอรี่อีกสองสามตอนจ้า
บวกลบไม่เกินนี้ สุดแท้แต่จะนึกออกน๊า
เจอกันตอนหน้าคับพ้ม

ดอกไม้

๑๖ ส.ค. ๖๑

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
ยังไงก็จะจบแล้ว อย่าให้คนอ่านรอนานนะคะ เป็นกำลังใจให้ จะกลับไปอ่านตอนหนึ่งใหม่รอตอนจบนะคะ

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
ฮืออออออออออออออิ
คุณดอกไม้กลับมาพร้อมมรสุมลูกใหญ่มาก
กว่าจ้อยกับพี่สิงห์จะรักกันก้ยากแล้ว ยังมีอุปสรรคอีก
แล้วหนูเล็กที่ต้องจากอ.คนึงไปไดลแสนไกล

ตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆเหรอคะ
ถ้าอย่างนั้นขอตอนพิเศษหวานๆ
สักตอนสองตอนให้กระชุ่มกระชวย
แทนหัวใจที่บอบช้ำจะได้ไหมหนอ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ไม่ว่าจะอัพตอนไหน สำนวนพี่ดอกไม้ก้สวยมากกกกกก ภาษาสวยจนอยากร้องไห้

ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายเรื่องนี้ ถ้าพี่รวมเล่มหนูเก็บแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สำนวนภาษาสวยงามเช่นเคย แต่ตัวละครก็น่าสงสาร น่าเวทนาเหมือนเดิม
เมื่อไหร่จะหมดทุกข์กันเสียที

ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆเลยค่ะที่มาต่อ
ฮือออออ คิดถึงมากๆเลยค่ะ ตอนก่อนหน้าว่าพีคแล้ว
ตอนนี้พีคกว่า สงสารจ้อย สงสารทุกคน
สงสารยายช้อย ฮือ สารภาพว่าตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆ
ทุกวันนี้ก็ยังตามอยู่ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านงานคุณดอกไม้
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เสมอ
ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
งานเหนื่อยก็พัก ขอบคุณมากๆค่ะที่คิดถึงกัน <3

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ครูคนึงผิดวินัย มาตั้งแต่ จินดา แล้วนะ

ออฟไลน์ narongyut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
สู้ๆนะะครับ​ ทุกคน​

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Bless my soul! คุณดอกไม้มาแล้ว พร้อมกับระเบิดลูกใหญ่ (แค่จะดูว่าตอนท้ายๆ เป็นอย่างไร แต่ดันไปเห็นประโยคนั้นเสียก่อน ฮือ...งั้นขอกลับไปอ่านตอนแรกๆ ก่อนนะคะ ทำใจบ่ได้

ป.ล. ขอบคุณมากๆ ค่ะ รักเรื่องนี้จริงๆ อยากจับเล่ม อยากเก็บไว้อ่านนานๆ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ mookim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกค่ะ ยาวๆ
ส่วนตัวเป็นคนเม้นไม่ค่อยเก่ง
แต่อยากบอกว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่ชอบมาก ไม่สิ ต้องบอกว่า รักเลย... ทั้งการใช้ภาษา  การบรรยาย สื่ออารมณ์ตัวละคร ฯ
บอกเลยว่า สุดจริงๆ บทจะยิ้มก็ยิ้มแก้มแตก เศร้าก็เศร้าใจหาย บางตอนถึงกับน้ำตามซึม


รอลุ้นกับบทสรุปของเรื่องกันต่อไป ...

สุดท้ายนี้อยากบอกว่า

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้ได้อ่านนะคะ รัก.


ออฟไลน์ nemonoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ กลับมาก็ปวดใจเลย

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
คุณดอกไม้กลับมาแล้วกลับมาพร้อมความพรีคของจ้อยและสิงห์ไหนจะยายช้อยตายอีกสงสารจ้อยเลย

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม :z3:

คุณดอกไม้มาต่อนิยายแล้ว

ฮืออออออออผ่านไปต้อง 1 ปีแหนะกว่าจะมา :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด