รักหมดใจนายโรคจิต ภาคต้นข้าวX พี่กีตาร์ EP.8.1 เกือบอีกแล้ว ครึ่งหลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักหมดใจนายโรคจิต ภาคต้นข้าวX พี่กีตาร์ EP.8.1 เกือบอีกแล้ว ครึ่งหลัง  (อ่าน 481 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2024 22:11:14 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
แนะนำเรื่อง นิยายเรื่องนี้คือส่วนหนึ่งของนิยายเรื่อง รักวุ่นวายผู้ชายเขารักกัน(ภาคน้องๆ)

          ต้นข้าวเป็นลูกคนที่สาม แต่ต้นข้าวไม่เคยรู้ว่ามีพี่คนกลางด้วยเขาจึงเข้าใจมาตลอดว่าเขามีพี่ชายแค่คนเดียวชื่อพี่ข้าวปั้น ข้าวปั้นพึ่งจะสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ตามที่พ่อของเขาต้องการแต่ว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึน เมื่อข้าวปั้นถูกตำรวจจับข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองและมียาเสพติด

           ข้าวปั้นเป็นหัวหน้าแก้ง ของพวกภาคิน แกงนี้มีหัวหน้าสามคน แฮกซ์และบอส หลังจากที่ข้าวปั้นถูกจับกุมตัว เขาถูกส่งเข้าสถานพินิจทันทีทั้งที่เขาเหลือแค่ไม่กี่เดือนจะจบชั้นมัธยมปีที่หกกันแล้วแถมไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นเด็กเกเร ข้าวปั้นตั้งใจเรียน ช่วยงานพ่อแม่แต่ก็มีไปตามประสาเด็กผู้ชายโดยมีน้องชายต้นข้าวที่ติดสอยห้อยตามเขาไปหาเพื่อนเป็นประจำ
            และวันที่เขาถูกจับกุมที่บ้าน พ่อแม่และน้องชายของเขาถึงได้รู้ว่า ลุกชายเป็นหัวหน้าแก้ง มีลูกน้องหลายคน แต่ล่ะคนโดนพักการเรียน

            เมื่อทุกคนในแก้งได้กลับมาเรียน ต้นข้าวเลยหาเรื่องย้ายไปเรียนที่ดรงเรียนเก่าของพี่ชายเพื่อหาเหตุผลว่าทำไม พี่ชายเขาโดนอยู่คนเดียวและใครคือคนที่หักหลังพี่ชายของเขา
 
            แต่ว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เขาไปเจอพวกลูกหลานเจ้าของโรงเรียนที่มาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเขาจะหาคำตอบในใจเขาได้หรือไม่และเขายังต้องเจอไอ้พี่กีตาร์โรคจิตที่ตามจีบเขาไม่เลิก ต้นข้าวจะยอมใจอ่อนหรือไม่ 

            ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ อาจจะนานๆมาที มาช้าหน่อยก็ขออภัยนะคะ

นิยายเรื่องนี่แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลอื่นใด ตัวละครและสถานที่ สมมุติขึ้นมาเท่านั้น ไม่มีอยู่จริง เนื้อเรื่องถูกแต่งขึ้นมาเท่านั้นไม่มีเจตนาจะสร้างความขัดแย้งให้กับองค์กรใด หากมีข้อผิดพลาดประการใด คนแต่งขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ภาคต้นข้าว X พี่กีตาร์  EP.1 ผมเลือกทำเพื่ื่อพี่ข้าวปั้น
              Part’s  ผมชื่อต้นข้าว ชื่อน่ารักตัวเล็กแต่ว่าแก่นแก้วแก่นกะโหลกไม่เบา มีความซ่าตั้งแต่ยังอยู่ม.ต้น ผมมีพี่ชายสองคน พี่ชายคนโตชือพี่ข้าวปั้นแต่พี่ชายคนที่สองชื่อพี่ข้าวหอม แต่ว่าพี่ข้าวหอมเขาไปอยู่กับป้าที่อเมริกาตั้งแต่ผมพึ่งจะลืมตาดูโลกเพราะว่าอตนนั้นครอบครัวผมเจอพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ เกือบล้มละลาย อันที่จริงครอบครัวของผมย้ายมากจากกรุงเทพกัน พ่อมีธุรกิจแต่สุดท้ายก็ต้องยุติและกลับมาอยู่ที่ต่างจังหวัดเพื่อหาอะไรทำแรกๆพ่อกับแม่บอกว่ายากมากที่จะต้องมาเริ่มต้นใหม่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นคืนขึ้นมาได้ ผมไม่รู้สึกอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะว่าผมพึ่งคลอด ส่วนพี่ข้าวปั้นก็พึ่งจะเข้าโรงเรียนเอง แต่ว่าตอนนี้พ่อกับแม่ก็เร่งสร้างตัวกลับขึ้นมาใหม่ เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น พ่อผมเปิดค้าวัสดุก่อสร้างจากร้านเล็กๆจนใหญ่โตพอจะทำร้ายได้ให้ครอบครัว รายได้ค่อนข้างดีทีเดียวและพ่อก็ตั้งใจจะส่งให้พี่ข้าวปั้นเรียนวิศวะแต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว

          ย้อนเหตุการณ์
             ขณะที่พวกผมกำลังทานอาหารเย็นด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ลูก พ่อและแม่ค่อนข้างตามใจผมแต่ไม่ได้ตามใจจนเสียผู้เสียคน แม่ผมเคยเปิดร้านเบเกอรี่และเป็นครูสอนทำขนมเค้กด้วยที่นี้ ไม่แปลกที่แม่พยายามจะสอนผมเหมือนกัน ก็แม่ผมไม่มีลูกสาว แต่ว่าผมไม่ชอบอ่ะ เลยไม่ค่อยอยากเรียนเท่าไหร่แต่ถามว่าช่วยแม่ทำบ้างไหม ช่วยบ่อย ช่วยเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า
               “ข้าวปั้น ผลสอบออกเมื่อไหร่ล่ะ” พ่อเขมถามพี่ข้าวปั้น พ่อตั้งความหวังไว้กับพี่ข้าวปั้นมากและพี่ข้าวปั้นก็ไม่ทำให้พ่อเขมผิดหวัง สอบติดวิศวะแล้ว
                  “อาทิตย์หน้าครับพ่อ” พี่ข้าวปั้นพูด ผมมองพี่ชายสุดที่รักของผมอย่างภาคภูมิใจ พี่ข้าวปั้นหันมามองผมก่อนจะขยี้หัวผมเล่นเหมือนเช่นปกติ
              “เลือกไว้ที่ไหนบ้างล่ะข้าวปั้นแต่ถ้าได้ที่กรุงเทพก็ดีซิเพราะว่าเพื่อนของพ่อและแม่ก็กำลังจะย้ายกลับมาอยู่บ้านที่นี้เหมือนเรา เขาเคยบอกว่า ถ้าข้าวปั้นสอบติดมหา’ลัยที่กรุงเทพได้ เขาจะให้เราไปพักที่นั้นเป็นเพื่อนลูกชายเขา ซอน่ะ เราเคยเล่นกับซอตอนเด็กๆ” แม่บอกพี่ข้าวปั้น ผมไม่เคยเจอเพื่อนรักของพ่อกับแม่มีแต่พี่ข้าวปั้นนี่แหละเพราะว่าผมคลอดพ่อกับแม่ก็ย้ายมาที่นี้แล้ว
             “ครับแม่” พี่ข้าวปั้นพูด
             “ต้นข้าว พ่อว่าเราต้องไปเรียนพิเศษบ้างแล้วน่ะ “นั้นไงพ่อวนมาหาต้นข้าวทันที
            “พ่ออ่ะ จะให้รีบเรียนหนักไปไหนอ่ะ ชีวิตวัยเด็กมันมีรอบเดียวเองน่ะพ่อ” ผมพูด พ่อหันมามองหน้าผม พี่ข้าวปั้นแอบขำผมทันที ผมชี้ที่หัวว่าเป็นไง ใช่สมองครับ
            “ถ้าไม่อยากเรียนทำเค้กกับแม่ก็ไปหาติววิชาที่ต้องใช้ในการเรียนต่อนั้น ชวนบลูไปด้วย วันก่อนแม่ของบลูก็บอกกับแม่ว่าอยากให้ต้นข้าวชวนบลูไปเรียนพิเศษอยู่น่ะ บลูเขาไม่กล้าไปคนเดียว” แม่ผมพูด
             “ก็แน่ล่ะ มันกลัวไปหมดขนาดนั้น” ผมพูด
             “ใครจะเหมือนเราล่ะ ไม่กลัวอะไรเลย ซ่าจริงๆ” พี่ข้าวปั้นพูด
            “ก็มีพี่ข้าวปั้นอยู่จะกลัวทำไมอ่ะ” ผมพูด
             “ถ้าพี่ไม่อยู่แล้วล่ะ “พี่ข้าวปั้นพูด
            “พี่ข้าวปั้น” ผมหันมามองพี่ข้าวปั้น
            “พี่หมายถึงว่าวันที่พี่ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ ถ้าพี่สอบติดที่ไกลๆ นายจะทำยังไง ดังนั้น หยุดซ่าได้แล้ว” พี่ข้าวปั้นพูด ไม่พูดเปล่า บี๋ปลายจมูกผมด้วย ปลายจมูกชมพู่ของผม ผมได้จมูกของแม่ ไม่ใช่จมูดโด่งเป็นสันคมแบบพ่อผมนั้น อันนั้นพี่ข้าวปั้นได้ไป
             “กริ่งๆๆๆๆ” มีคนมากดกริ่งรัวที่หน้าบ้านผม พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน
             “ใครกันน่ะ มาเอาป่านนี้ ปกติก็ไม่มีใครมาติดต่อค่ำๆ แบบนี้เลยน่ะพี่” แม่ผมเอ่ยปากถามพ่อผม
              “งั้นผมลงไปดูเองครับ” พี่ข้าวปั้นพูด พ่อพูนพยักหน้าว่าได้ พี่ข้าวปั้นลุกขึ้นและเดินออกไป ผมยังนั่งเขี่ยข้าวและเล่นมือถือไปด้วย
              Line
              Bluey!!//ข้าวงานเข้า// บลูมันส่งข้อความหาผมทางไลน์
              Ton khaw//งานใคร งานมึงเหรอ//
               Bluey!!//ไม่ใช่งานกู แต่เป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่ข้าวปั้นอ่ะ โดนกันยกแก้งเลย//
               Ton khaw// มันไม่แปลกหรือเปล่าว่ะ โรงเรียนนี้อ่ะมีพวกค้ายาเสพติดและมันก็โดนจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว โชคดีน่ะที่พี่กูจบปีนี้น่ะ//
                “ว้ายตายแล้ว!!” จู่ๆ แม่ผมก็อุทานเสียงหลง ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็ตกใจไม่แพ้กัน บ้านผมมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเข้ามากันหลายคนเลย
                 “นี่มันเรื่องอะไรกันครับคุณตำรวจ” พ่อผมถามด้วยความตกใจ
                “ขอโทษนะครับ คุณเป็นผู้ปกครองของนายข้าวปั้นใช่ไหมครับ” เจ้าหน้าที่ถามพ่อผม พ่อผมพยักหน้าว่าใช่ แม่เดินเข้ามาหาผม ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ยืนนิ่งจนแข็งถือเลยทีเดียว
                “มันเกิดอะไรขึ้นครับ รบกวนอธิบายให้ผมฟังที และนี้ลูกชายผมละครับ” พ่อผมถามด้วยความกระวนกระวายใจไม่แพ้ผมกับแม่เช่นกัน
                “ลูกชายคุณได้รับหมายจับให้มาจับตัวนายข้าวปั้นไปฝากขัง เนื่องจากมีอาวุธปืนในครอบครองและยังเก็บซ้อนเอาไว้ในลิ้นชักของโรงเรียนที่เป็นสถานที่ให้การศึกษา เท่ากับพกอาวุธ เข้าไปในโรงเรียน ผมต้องส่งเขาไปคุมขังวันนี้เลย” พอตำรวจพูดเท่านั้นแหละแม่ถึงกับกอดผมทันที ผมเองก็รู้สึกเหมือนใครเอาไม้หน้าสามมาตีลงที่หัว มันมึนตึบไปหมดเลย
                “ทางเราได้จับกุมเด็กคนอื่นๆ ไว้ได้หมดแล้ว เขาบอกว่าเป็นลูกน้องในแก้งของนายข้าวปั้นครับ ทุกคนให้การสารภาพทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” คุณตำรวจพูด
                 “ไม่จริง!! ลูกผมมันเรียนอย่างเดียว มันไม่เคยไปเป็นหัวหน้าก้งหัวหน้าแก้งอะไรทั้งนั้น คุณตำรวจน่ะเข้าใจผิดแล้ว” พ่อผมยังไม่เชื่อ
                 “มันก็มีแต่เพื่อนๆ เท่านั้นและทุกวันนี้ ลูกชายผมก็เรียนหนักและนี่ลูกผมก็พึ่งจะสอบโควตาเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดังนั้นผมไม่เชื่อ” พ่อผมพูด คุณตำรวจหันไปพยักหน้ากับนายตำรวจท่านอื่นๆ และเขาก็นำรูปถ่ายมาให้พ่อผมดู พ่อผมถึงกับตกใจ ผมเข้าไปหยิบดูบ้าง รูปพี่ข้าวปั้นจริงๆ ด้วย อยู่ในแก้ง ผมจำได้ว่าพวกนี้เป็นนักเรียนรุ่นน้องของพี่ข้าวปั้นทั้งนั้น ผมรู้จักชื่อมันทุกคนเพราะว่าเคยเจอตอนไปสังสรรค์งานปีใหม่บ้านเพื่อนของพี่ข้าวปั้น บ้านพี่แฮกซ์
                   “และนี้คือาวุธปืนที่เราไปค้นมาจากล็อกเกอร์ในโรงเรียน มีเด็กในแก้งบอกที่ซ้อนมาครับ” คุณตำรวจพูดและตอนนี้เขากำลังขึ้นไปค้นที่บนบ้าน ไม่นานพวกเขาก็เดินลงมาพร้อมกับของกลางอีกนั้นคือยาเสพติด แต่พี่ผมไม่เคยเสพยาเลย
                   “ลูกชายผมไม่เคยเสพยาครับท่าน” พ่อผมเข่าทรุดทันที
                   “เราค้นได้ในห้องนอนนายข้าวปั้น ผมต้องขอควบคุมตัวลูกชายคุณพ่อไปฝากขังเพื่อจะได้ดำเนินคดีต่อไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับพ่อผม ผมผละออกจากแม่ของผมก่อนจะวิ่งออกไปดูหน้าบ้าน สิ่งที่ผมเห็นคือพี่ข้าวปั้นที่ถูกจับเอามือไขว้หลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าที่ตรงหน้าบ้าน
                   “พี่ข้าวปั้น ฮือๆ” ผมร้องไห้ออกมาทันที ผมวิ่งไปหาพี่ข้าวปั้น
                  “พี่ทำแบบนี้ทำไม “ผมถามพี่ข้าวปั้น ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
                    “ต้นข้าว พี่ขอโทษ ดูแลพ่อกับแม่ดีดีน่ะ พี่ขอโทษ ที่พี่อยู่ทำหน้าที่พี่ชายเราไม่ได้แล้ว ดูแลตัวเองด้วยน่ะ อย่าไปซ่ากับใครที่ไหนเพราะว่าพี่ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ต้นข้าว” พี่ข้าวปั้นพูด ผมนั่งปาดน้ำตาร้องไห้ ร้องจนน้ำตาหมด ร้องจนไม่มีน้ำตาเหลือ ผมยืนกอดแม่มองพี่ชายสุดที่รักถูกจับกุมขึ้นรถไปเพื่อไปฝากขัง

                คดีความถูกตัดสินให้พี่ผมเข้าไปอยู่ในสถานพินิจเพราะว่าพี่ข้าวปั้นยังไม่ถึงสิบแปดแม้จะใกล้แล้วก็ตามและคนอื่นๆ ที่โดนเหมือนกัน พี่แฮ็กซ์ถูกให้พักการเรียนแค่นั้นเพราะว่าให้การสารภาพและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พี่แฮกซ์เป็นเพื่อนรักของพี่ชายผม มันทำให้ผมคิด เพื่อนกันนี้ต้องหักหลังกันแบบนี้เหรอ แต่ว่ายังมีอีกคนมันชื่อบอส ไอ้นี่เป็นหลานนักการเมืองชื่อดัง มันหนีไปต่างประเทศทัน ส่วนพวกไอ้ภาคิน ไอ้โซ่ ไอ้มาร์คและเพื่อนๆ มันอีกหลายคน ถูกสั่งพักการเรียนเหมือนกัน มีพี่ผมคนเดียวที่โดนหนักที่สุด มันทำให้ผมกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ผมอยากรู้ว่าใครมันหักหลังพี่ชายผม ผมเชื่อว่าปืนกระบอกนั้นพี่ข้าวปั้นไม่รู้เรื่องและใครที่มีกุญแจล็อกเกอร์ของพี่ข้าวปั้นได้

                   วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะได้เป็นเด็กมัธยมปลายชั้นปีที่ห้าที่โรงเรียนเดียวกับพี่ข้าวปั้น ผมรอวันนี้เพราะว่าชุดที่โดนสั่งพักการเรียนไปมันกลับมาเรียนแล้วทั้งแก้ง ผมอยากหาว่าใครคือคนที่หักหลังพี่ชายผมพี่แฮกซ์หรือเปล่า ส่วนพี่ข้าวปั้นเขายังไม่พ้นโทษเพราะว่ามีข้อหาเพิ่มเติม เขาบอกว่าพี่ข้าวปั้นมีปืนในครอบครองเพื่อต้องการฆ่าคู่อริ
                 “ต้นข้าว แน่ใจแล้วเหรอที่จะไปเรียนที่นั่นน่ะ ตอนนี้ใครก็ต่างพาลูกย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่นกันทั้งนั้น ตอนนี้ก็เหลือแต่พวกอันธพาล เจ้าของโรงเรียนเขาเอาไม่อยู่แล้วเนี๊ยะพวกเพื่อนๆแม่ก็ทักทวงมา ทำไมเรายังจะไปอีกล่ะ" แม่ถามผม
               "แม่ผมอยากไปเรียนที่นั้นจริงๆ ผมดูแลตัวเองได้ น่ะแม่นะ"ผมพูออ้อนแม่ของผม " ทำไมเราดื้อขนาดนี้น่ะ แม่ไม่อยากเสียลูกแม่ไปอีกคน เหมือนพี่ข้าวปั้น” แม่ผมพูด ผมรู้ว่าแม่เสียใจเรื่องพี่ข้าวปั้นมากและนี่แหละที่ผมจะเข้าไปหาความจริงให้พี่ข้าวปั้น
                 “ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ครับแม่ น่ะครับ ผมอยากรู้ว่าใครใส่ร้ายพี่ข้าวปั้น” ผมพูด
                 “แล้วเราจะไปทำอะไรกับเขาได้ เขาเป็นลูกคนใหญ่คนโต ตอนนี้น่ะ พวกมีเงินทำอะไรก็ได้ ลูกก็เห็น” แม่ผมพูด จังหวะนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านผมดังขึ้น ไอ้บลู เพื่อนรักของผมที่ย้ายตามผมไปเรียนด้วยเช่นกัน มันตัวติดกับผมมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว จนตอนนี้ ไม่นี่ไม่คิดจะมีเพื่อนใหม่บ้างหรือไงแต่มันเหมือนผมชอบคบแต่เพื่อนเดิมๆ เพื่อนใหม่ไม่ค่อยมี ไม่มีเลยจะดีกว่า
                “แม่ผมไปแล้วน่ะ ผมจะรีบกลับ” ผมบอกแม่พร้อมกับยกมือไหว้แม่ผมก่อนไปโรงเรียนซึ่งผมทำเป็นประจำ ผมหยิบกระเป๋าหนังสือ ทุกอย่างใหม่หมด ชุดเครื่องแบบ ผมเดินลงมาด้านล่างก็เจอไอ้บลูพ่อมันมาส่ง พ่อผมจะไปส่งพร้อมกับผมด้วย เราสนิทกันมาตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี้ ผมกับไอ้บลูก็เหมือนโตมาด้วยกันเหมือนกัน
              “บลู” ผมเรียกไอ้บลู มันยิ้มตาหยีมาให้ผม
               “เอาล่ะ ไปเรียนวันแรกทำตัวดีดีล่ะ ไม่รู้จะย้ายทำไม ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว” พ่อของไอ้บลูพูดบ่นเหมือนพ่อแม่ผมไม่มีผิด ผมวางแผนกันว่า ผมสองคนโดนบลูลี่เลยขอย้ายที่เรียน จนสุดท้ายพ่อผมกับพ่อของบลูก็ถึงได้ยอม บลูยกมือไหว้พ่อของเขาก่อนจะเดินไปขึ้นรถเก๋งของพ่อผม ผมก็ตามขึ้นไปเช่นกัน ในหัวของผม ผมมีเวลาไม่เกินสองปี ต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้ พ่อผมขับรถมาถึงที่หน้าโรงเรียน

                 “เอาล่ะ ไปรายงานตัวที่ห้องธุรการและไปเข้าห้องเรียนน่ะ “พ่อบอกผม ผมหันไปยกมือไหว้พ่อผมก่อนจะพยักหน้ากับไอ้บลูว่าให้ลงจากรถได้แล้ว ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ ก็เดินเข้าไปทันที เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าต้องเข้าแถวแล้วแต่ว่าผมยังไม่รู้เลยว่าห้องเรียนอยู่ที่ไหน ต้องไปถามเจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการอีกทีแต่ว่าผมระบุแล้วว่าอยากเรียนห้อง311 ผมโกหกว่าผมรู้จักพวกภาคิน ถามว่ารู้จักไหม รู้จักเพราะว่าผมติดตามพี่ข้าวปั้นไปทุกทีแต่ผมไม่รู้เลยว่าพี่ข้าวปั้นเป็นหัวหน้าแก้งอยู่

               (นี่มึงเห็นพวกลูกคุณหนูป่ะ มาเรียนที่นี้วันนี้อ่ะ เขานั่งในห้องอาหาร มีคอกกั้นด้วยเหมือนกลัวพวกเราไปป่ะปนด้วยอย่างนั้นแหละ ไม่มีเงินทำไม่ได้และต้องไม่มีสมองด้วยน่ะ ดูดิมีคนให้บริการยังกับว่ามันคือคนสำคัญของประเทศอย่างนั้นแหละ) ผมได้ยินเสียงนินทา นี้มีพวกลูกคุณหนูมาด้วยเหรอ แต่ผมไม่แคร์
               “ต้นข้าว ทำไมนักเรียนมีนิดเดียวเองอ่ะ โรงเรียนใหญ่แต่คนน้อยอ่ะ “บลูพูด ผมหันมามองหน้าไอ้บลู
               “ก็เขาพากันย้ายไปหมดไง” ผมพูด
               “อ้อ มึงกลัวเขาไม่มีนักเรียนให้สอนเลยชวนกูย้ายมาแทนใช่ไหมวะ” ไอ้บลูมันพูด
              “เพี๊ยะ!!” ต้องเรียกสติกลับตลอด
               “ตีเขาทำไมอ่ะ” ไอ้บลูถามผม
               “มึงนี้ หัดบริโภคปลาบ้างน่ะ “ผมพูดก่อนจะเดินพากันขึ้นไปที่ห้องธุรการและทันทีที่ผมเข้าไปก็รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที ผมน่ะมาหมอบตัวเรียบร้อยแล้วโดยผู้ปกครองมาด้วย
                 “สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ” เจ้าหน้าที่ถามผม
                 “สวัสดีครับ ผมสองคนมาติดต่อเรื่องที่ผมพึ่งจะย้านมาจากโรงเรียนประจักษ์วิทยานะครับ ผมย้ายมาเข้าเรียนมัธยมปลายปีที่ห้าครับ” ผมบอกพี่เจ้าหน้าที่
                   “ขอใบมอบตัวด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสาร ผมก็หยิบให้เขาดูทั้งหมด พี่เขารับไปตรวจสอบก่อนจะหันมามองผมสองคน
                    “ใครชื่อวัลลพคะ” เจ้าหน้าที่ถามผมสองคน ผมเหลือบตาไปมองใบสมัครมันก็มีรูปผมแปะอยู่น่ะแต่ก็ เอาสักหน่อย
                    “ผมครับ” ผมขานตอบ
                    “และอีกคน นายปกรณ์” เขาถามอีกคนไอ้บลูมันยิ้มตาหยีรออยู่แล้ว
                   “ผมครับ” บลูรีบตอบทันที
                    “นี้เราระบุจะเรียนห้อง 311 ใช่ไหมคะ เออ พอดีห้องนี้เขาไม่รับนักเรียนเพิ่มนะคะเพราะว่ามีเด็กที่ย้ายเข้ามาเรียนแล้วค่ะ “พี่เขาพูด ผมสะบัดหน้าไปมองพี่เขาทันที
                     “แต่วันที่ผมมามอบตัวทุกอย่างมันโอเคนี่ครับ ทำไมวันนี้มาเปลี่ยนละครับ ผมไม่ยอมอ่ะครับ” ผมพูดโวยวายกับเจ้าหน้าที่ ผมอุตส่าห์รอให้พวกมันกลับมาเรียนน่ะ
                     “น้องคะ เรียนห้องไหนก็เหมือนๆ กันไหมคะ” พี่เขาพูดแต่ผมคิดว่ามันไม่เหมือนกันไม่อย่างนั้นผมจะมาทำไมจริงไหม อุตสาห์ข้ามรุ่นมาเพื่อมาเจอพวกมันแท้ๆ
                      “ไม่ครับ ผมบอกแล้วว่าผมรู้จักเด็กในห้องนี้ ดังนั้นผมควรจะได้เรียนกับเพื่อนๆ ของ..ผม”
                       “น้องคะ พี่แนะนำนะคะว่าไปเรียนห้องอื่นเถอะ ถ้าเรียนห้องนี้น่ะ เผลอๆ น้องไม่ได้จบหรอกค่ะ ห้องนี้เกเรที่สุด นี้พึ่งจะกลับมาเป็นนักเรียน น้องยังจะเรียนอีกเหรอคะ” พี่เขาพูดและจู่ๆ ก็มีครูคนอื่นเข้ามาเขาก็เดินไปคุยกันสักพัก ก่อนจะเดินกลับมาหาผม
                     “ยังไงผมก็จะเรียนห้องนี้ “ผมพูด
                    “ต้นข้าว บลูว่าไปเรียนห้องอื่นก็ได้” บลูพูด
                    “รอสักครูนะคะ พี่จะโทรหาครูที่เป็นครูที่ปรึกษาห้องนี้ให้นะคะ” พี่เขาพูดและให้ผมรออีกแล้ว พี่เขาหายไปสักพักก่อนจะเดินออกมาใหม่
                      “น้องรอสักครู่นะคะ ครูพัฒน์ที่ทำหน้าที่รักษาการแทนครูที่ปรึกษาคนเก่าจะเดินลงมาค่ะ” พี่เขาบอกผมแบบนั้น ค่อยโล่งหน่อย ผมหันมามองไอ้บลู มันก็ค้อนใส่ผมทันที ผมยืนรอสักพักก็เห็นครูผู้ชาย รูปร่างผอมบาง ตัวขาว หน้าตาหล่อผิวพรรณ์ดี เขาแต่งตัวเสื้อเชิ้ตสีอ่อน เดินลงมาหาผมสองคน แต่จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ปิดประตูช่องที่ติดต่อทันทีเลยและหันไปคุยกันโดยไม่ได้สนใจผมกับครูคนที่ลงมารับผมสักนิด
                    “แบบนี้ก็ได้เหรอ” บลูถามผม  ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปยกมือไหว้ครูเขา
                   “สวัดดีครับครู ผมเป็นนักเรียนมาใหม่ครับ “บอกครูตรงหน้า ครูเขามองผม ก่อนจะขอเอกสารไปเปิดดู พอเขาอ่านชื่อและนามสกุลของผมก็ตกใจ ครูเขามองหน้าผม ผมเดาว่าครูเขารู้จักพี่ชายผมแน่นอน
                    “ผมต้องการเรียนห้อง …”ผมพูด
                   “เพราะว่าเขารู้จักกับพี่ชายเราอย่างนั้นใช่ไหม” ครูตรงหน้าถามผม
                    “ใช่ครับ “ผมตอบครู
                   “แต่ผมคิดว่าผมมาก่อนไอ้ลูกคุณหนูนั้นนะครับครู” ผมพูด แต่ว่าไอ้บลูมันจับแขนผมเอาไว้
                  "ขอโทษครับครู”ผมเผลอลืมตัวไปนิดนึง เลยขอโทษครูเขา
                   “ครูไม่ได้แบ่งแยกตรงนั้นแต่ห้องนี้ มีบางสิ่งที่ พวกเขาต้องจัดการ ครูเลยจะให้เธอไปอยู่ห้องที่มีแต่คนเรียน” ครูพัฒน์พูด
                    “ผมเชื่อว่าผมจัดการมันได้ดีครับ ต่อให้คนในห้องจะเกเร แต่ผมเชื่อว่าผมก็คงไม่ตามพวกนั้นไปหรอกครับแต่ผมอยากเรียนเพราะว่า ผมรู้จักพวกนี้ดี” ผมพูดครูพัฒน์มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
                       “งั้นก็ตามครูขึ้นห้องเลย ทุกคนอยู่ในห้องแล้ว” ครูพัฒน์บอกผม ผมหันไปพยักหน้ากับบลู ครูพัฒน์แค่มองคนในห้องธุรการที่ไม่สนใจใยดีครูเขาเลยและผมก็เดินตามครูเข้าขึ้นห้องไป ใจก็ตื่นเต้น ผมไม่ได้เจอพวกนี้มาปีกว่าแล้วหลังจากที่พี่ข้าวปั้นถูกส่งไปที่สถานพินิจ มีแค่ไอ้มาร์คคนเดียว ที่อยู่หลังบ้านผมเอง  ผมอยากรู้ว่ามันจะทำหน้ายังไงถ้าเห็นว่าผมที่เป็นน้องชายหัวหน้าแก้งพวกมัน ที่เข้าไปรับโทษคนเดียว มันรู้สึกยังไงกันบ้าง

    TBC

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2024 22:12:35 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2 วันแรกก็ได้เข้าแก้งแล้ว

            Part's ต้นข้าว ผมเดินตามครูพัฒน์ไปขึ้นห้องเรียน จะว่าไปโรงเรียนนี้ที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนเอกชนในเขตนี้แต่ว่าตอนนี้นักเรียนน้อยลงมาก ทำไมโรงเรียนนี้เคยเป็นอันดับหนึ่ง โรงเรียนนี้มีครบทุกอย่างสระว่ายน้ำ โรงยิมที่มีทุกอย่าง ห้องสมุดที่ทันสมัยและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ครบทุกอย่างแต่น่าแปลกกลับมีเด็กนักเรียนที่อื่นมาก่อกวนอยู่เป็นประจำ
         “เธอรอครูสักที่หน้าห้องแป๊ปหนี่งนะ” ครูเขาอบกผม ผมพยักหน้าก่อนจะยืนรอจนครูเขาพยักหน้าเรียกผมสองคนให้เข้าไปในห้องได้   ผมผมเดินเข้าไปในห้อง ก้าวแรกที่ผมได้เข้าไปในห้องนี้ ผมหันไปมองพวกที่นั่งกันอยู่เป็นกลุ่ม ผมจำได้ดี ไอ้ภาคิน มันเห็นหน้าผม มันถึงกับตกใจและพวกคนอื่นๆ ที่รู้จักผม ว่าผมคือน้องของใคร ก็พากันตกใจไม่แพ้กัน
        “ครูมีเพื่อนมาใหม่อีกสองคนนะ ชื่อนายวัลลพ และนายปกรณ์” ครูที่ปรึกษาประจำห้องนี้ แนะนำผมกับเพื่อนๆ ผมหันไปมองมีอีกกลุ่มหนึ่ง ผมเดาได้ว่าไอ้พวกนี้คือพวกลูกคุณหนูที่ทำให้ผมเกือบชวดได้เรียนห้องนี้แล้ว
        “เอาละครูขอฝากเพื่อนใหม่เพิ่มอีกสองคนด้วยน่ะ เราสองคนไปหาที่นั่งเลย” ครูที่ปรึกษาบอกผม ผมหันไปมองป้ายชื่อคุณครูถึงได้รู้ว่าครูเขาชื่อ ครูพัฒน์
        “ขอให้เพื่อนใหม่นั่งใกล้ๆ พวกผมนะครับ “จู่ๆ พวกคุณหนูนั้นมันเรียกผมสองคนไปนั่งกับมัน ผมนี่แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งน่ะ ห้องนี้เขาแบ่งแยกดินแดนกันเหรอ เห็นพากันนั่งติดชิดฝั่งแต่ยกเว้นตรงกลาง ผมหันไปมองหน้าครูว่าให้ผมไปนั่งฝั่งไหนกันแน่
         “งั้นก็ได้ ไปนั่งแถวข้างที่นายแจ็คบอกก็ได้น่ะเราสองคนน่ะ “ครูพัฒน์พูด ผมหันมามองครูพัฒน์เอาจริงๆ เหรอ แค่ได้ยินก็ไม่อยากเป็นเพื่อนแล้วอ่ะผม
         “ทำไมล่ะนายวัลลพและนายปกรณ์ “ครูพัฒน์ถามผม บลูมันขยิบตาให้ผม ผมหันมามองไอ้บลู เห็นพวกนี้หล่อหน่อยไม่ได้เลยน่ะบลูพยักพเยิดให้ผมเดินไป ผมก็ต้องไปตามที่มันบอก ผมเดินมาหยุดโต๊ะที่ครูพัฒน์ชี้นิ้วมาให้ผมมานั่ง ไอ้หน้าหล่อ หล่อแบบลูกครี่ง คนนี้หันมาทักทายผมก่อนเลย
          “สวัสดี”
          “พวกนายเป็นใครอะ เรียกกูสองคนมานั่งนี้ทำไมวะ” ผมถามคนนั้นทันที พวกนั้นหันมามองหน้ากันก่อนจะซุบซิบคุยกัน
“อ้าว! ไม่รู้จักกันมาก่อนเหรอ “ไอ้คนสวมแว่นตาที่ครูพัฒน์แนะนำให้ผมมานั่งด้านหลังหันมาถามผมกับไอ้บลู
“ไม่อ่ะ ไม่รู้จัก กูมาวันแรกจะรู้จักใครได้ไง ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกมาวันแรกเหรอวะ” ผมพูดกับไอ้แว่น
"และกูนี่เด็กใหม่ไม่ใช่เด็กเก่า ดูหน้าดิ ใหม่ไหม???" ผมถามไอ้แว่นอีกที ผมชี้หน้าตัวเองด้วยให้มันดู ไอ้แว่นถึงกลับรับหดคอไม่กล้าถามอะไรผมต่อ

           จังหวะนั้น ผมหันไปเจอสายตาไอ้ภาคินมันหันมามองผม มันคือลูกน้องในแก้งของพี่ชายผม แปลกน่ะพวกนี้ไม่โดนโทษหนักเหมือนพี่ชายผมเลย ดังนันมันทำให้ผมคิดเลยว่าพวกมันหรือเปล่าที่หักหลังพี่ชายผมเอง
          “ต้นข้าวอ่ะ เขาอุตส่าห์เฟรนด์ลี่ด้วย เราควรจะเฟรนด์ลี่กลับซิ” บลูพูด
          “แม้ไอ้บลู มึงนี้นะ จะมาอยู่ห้องนี่ ห้องโหดสาด” ผมหันมาแต่ว่าไอ้บลูมันพยักพเยิดให้ผมนั่งลงก่อนดีกว่า ผมก็นั่งลง แต่จะว่าไป ผมอยากหาความจริงให้พี่ข้าวปั้นดังนั้นผมจะไปอยู่แก้งเดียวกับไอ้ภาคินไม่ได้ คงต้องแก้งไอ้พวกนีแหละ ถึงแม้จะไม่ค่อยปลื้มพวกคุณหนูเท่าไหร่
          “เอาละ ครูจะมาเป็นที่ปรึกษาพวกเธอ จนกว่า ที่ปรึกษาตัวจริงจะมาน่ะ” ครูพัฒน์พูด
          “แล้วครูหนุ่ยไปไหน” ไอ้มาร์ค ไอ้นี่ผมรู้จักมันเพราะว่าบ้านมันอยู่หลังบ้านผมเอง แต่ปกติมันก็ไม่ใช่เด็กดื้ออะไรแบบนี้น่ะ
          “ที่บ้านไม่มีใครสอนเหรอว่าให้มีสัมมาคารวะ ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ หรือไงวะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้นลอยๆ
          “อะไรวะ ทำไมครูตุ๊ดนี้มาเป็นที่ปรึกษาเราวะ เดี๋ยวจับทำเมียเลย” อีกคนทำให้ผมตกใจมากไอ้โซ่ ปกติมันไม่ใช่แบบนี้น่ะและได้ผล หนี่งในกลุ่มนี้ดูท่าจะเอาเรื่องมากและไวมากด้วย ตรงปรี่ไปหาไอ้โซ่และคว้าคอเสื้อแถมง้างหมัดรอแต่ยังไม่ได้ตะบันหน้า ไอ้บลูมันปิดตารอแล้ว นี้ถ้าไม่ติดว่าต้องทำตัวให้ดูโหดน่ะ ผมคงกระโดดกอดไอ้บลูไปแล้ว
          “หยุดนะดิว! อย่านะปล่อยเพื่อนเดี๋ยวนี้!! พี่สั่งให้ปล่อยคอเสื้อเพื่อนเดี๋ยวนี้ดิว!! “ครูที่ปรึกษาร้องห้ามทันที
          “มึงถอนคำพูดเดียวนี้!!” เสียงตะคอก น้ำเสียงฟังดูดุดันมาก ผมว่าไม่ธรรมดาน่ะคนนี้น่ะ
          “ดิว ...หยุด กลับไปนั่งที่ซะ!! “ครูพัฒน์พูดออกคำสั่งและคนที่ชื่อดิวก็ปล่อยคอเสื้อไอ้โซ่ลง ผมดูแล้ว ผมว่าไอ้โซ่น่ะสู้ไอ้คนชื่อดิวไม่ได้หรอก มันน่ะคงได้หมอบแน่ๆ ถ้าครูห้ามไม่ได้
          “และนายโซ่ นั่งลงเดี๋ยวนี้และถ้านายยังลามปามครู ครูคงต้องเรียกผู้ปกครองเธอน่ะ เธอคงลืมไปนะว่า เธอทำผิดได้อีกแค่ครั้งเดียว เธอจะถูกพักการเรียนและอาจจะโดนไล่ออก หรือเธออยากให้เป็นแบบนั้น ทำอะไรคิดถึงพ่อแม่เธอหน่อยน่ะ คนที่มาขอร้องให้ครูฝ่ายปกครองช่วยให้เธอได้เรียนให้จบน่ะ” ครูพัฒน์พูด ไอ้โซ่มันมีน้องชายอีกคน พ่อแม่ก็ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพท์ ผมได้ข่าวว่าพ่อมันโคตรดุเลยแต่ทำไมที่โรงเรียนมันโคตรเกเรเลย
         “ผมขอโทษครับครูพัฒน์ ผมแค่ไม่อยากให้มันปากเปราะกับคนที่มาทำหน้าที่ครูให้พวกมัน” คนชื่อดิวพูด ผมกับไอ้บลูพยักหน้าทันที
          “เห็นไหมต้นข้าว เรารอดชัวถ้าอยู่กับพวกนี้น่ะ” บลูพูด ผมหันมาดันหน้ามันออก มันหลงคนหล่อก็บอกมา แต่จะว่าไป คุณหนูอะไรว่ะโหดสาดเลย ผมต้องทำหน้านิ่งเข้าไว้ ไม่ได้ไม่กลัวน่ะ กลัวจนฉี่ผมจะราดอยู่แล้ว
          “ช่างเถอะดิว นั่งลง” ครูพัฒน์บอกให้คนนั้นนั่งลง ผมหันไปเจออีกคนที่นั่งข้างกับคนชื่อดิว เขามองผมพร้อมกับยิ้มให้ผม ดิวก็หันไปคุยกับคนนั้น ดูจากสายตาเขาทั้งคู่ ผมเดาว่าแฟนกันชัว
          “ครูหนุ่ย เขาขอพักการสอน ครูหนุ่ยมีปัญหาสุขภาพน่ะแต่จริงๆ เราจะมีครูคนใหม่มาเป็นที่ปรึกษาเฉพาะแค่ตอนนี้ เพราะครูที่ปรึกษาตัวจริงเขายังไม่สะดวกมา ดังนั้นครูจึงทำหน้าที่แทนไปก่อนเข้าใจน่ะ” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง
          “เอาละ ครูพยายามเข้ามาพบทุกเช้านะและครูขอความร่วมมือ เข้าแถวหน้าเสาธงหน่อยเพราะว่าผู้ใหญ่เขาติงมา ห้องนี้ไม่เคยเข้าแถวเลย ครูขอนะ หัวหน้าห้องเชิญครับ” ครูพัฒน์พูดและครูพัฒน์ก็พยักหน้าให้ไอ้คนที่สวมแว่นตา
          “นักเรียนทำความเคารพ”
          “ขอบคุณครับคุณครู” และครูพัฒน์ก็ออกไป ผมหันมามองไอ้บลู คิดถูกแน่เหรอที่มานั่งกับพวกนี้แต่ว่าผมก็คงไปนั่งกับพวกภาคินไม่ได้เพราะว่าผมเองยังแคลงใจไอ้พวกนี้อยู่ ไอ้มาร์คมันมองผม มันเหมือนอยากจะเข้ามาคุยกับผมแต่ว่า
           “ครื้ดดด” จู่ๆ ไอ้โซ่มันลุกพรวดขึ้นมันจะเข้ามาแต่จะมาหาใคร ผมหันไปมองตามสายตามัน ผมเดาได้ว่าไอ้คนที่ชื่อดิว แต่ว่าไอ้นี่มันนั่งใช้นิ้วเคาะโต๊ะนักเรียนรอ ไม่สะทกสะท้านอะไรแต่ไอ้โซ่ก็มาไม่ได้เพราะติดไอ้มาร์ค คนที่ลุกมาล็อกคอมันเอาไว้ ผมนั่งมองถามว่าลุ้นไหม ลุ้นแต่ไม่อยากแสดงอาการ ส่วนไอ้บลูนี้มันเอามือทาบอกแล้ว ผมแอบคิดในใจ ไอ้ป๊อดเอ๊ย! ไม่รู้จะตามผมมาทำไม ทั้งที่เขาให้ผมย้านคนเดียวแต่มันดันขอย้ายตามมาด้วย
          “ติดโซ่เหรอเลยมาไม่ถึง” อีกคนก็พูด ผมกับไอ้บลูหันมามองหน้ากัน ผมว่าคุ้นๆ หน้าอยู่น่ะ
          “ต้นข้าว คนนี้ใช่ดาราหรือเปล่า” ไอ้บลูมันกระซิบถามผม ไอ้คนที่พูดเมื่อกี้หันมามองผมแค่แว็ปเดียวแค่นั้น
          “กูไม่รู้ว่ะ กูไม่ใช่ติ่งดารา” ผมพูดกับไอ้บลู มันแอบค้อนผมทันที
          “ปล่อยกูไอ้มาร์ค!! กูบอกให้ปล่อยกู!!” ไอ้โซ่มันพยายามจะมาหาไอ้คนที่ชื่อดิวให้ได้ มันเหมือนหมาบ้ามากเลยวันนี้น่ะ
          “ไอ้โซ่!! กูบอกให้หยุด!!! “ไอ้คนที่ภาคินมันเลยลุกขึ้นห้าม ไอ้ภาคินนี้ ผมรู้แค่ว่าพ่อมันเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่นี้และมีเพื่อนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลตั้งสองคน แต่ผมไม่แคร์ ถ้ามันคือคนที่ทำให้พี่ผมหมดอนาคต ผมก็ไม่กลัว ผมนั่งมองไอ้ภาคินเพลินจนพวกนั้นเริ่มเดินออกไปจากห้องแต่ไหนกันไม่รู้ และจู่ๆ ก็มีคนสะกิดถามผม ไอ้คนที่หน้าตาหล่อเหมือนลูกครึ่งแขกขาวประมาณนั้น
          “นี้นายชื่ออะไร” เขาถามชื่อผมและไอ้บลูด้วยแน่นอน
         “เราเหรอ” ผมถามคนนั้นกลับ ทั้งที่ผมก็รู้อยู่แล้วแหละ
          “ใช่ครับ มึงสองคนแหละครับ ชื่ออะไร” ไอ้คนที่หน้เหมือนดาราแต่ผมก็ไม่ใช่ติ่งดารา ไม่แปลกที่จะจำไม่ได้หรือไม่รู้จักเลยก็ว่าได้
         “ถ้าจะขึ้นมึงแบบนี้ไม่ต้องครับก็ได้มั้งว่ะ” ผมหันไปพูด
         “ติ๊ก!!” ไอ้คนหน้าหวานนั้นห้ามปรามคนที่จะอ้าปากด่าผมละซิ ผมก็พร้อมมาก ด่ามากูด่ากลับ
         “ไอ้ต้นข้าวอย่าซ่า เดี๋ยวหมอบ” ไอ้บลูหันมาบอกห้ามผม
          “ใครวะที่หมอบ” อีกคนที่ดูน่ารักตัวเล็ก เสื้อก็เล็กกะทัดรัดเหมือนจะรัดรูป
          “ไอ้นี่แหละ โดนตีนคนอื่นหมอบตลอดยังไม่เข็ด” ไอ้บลูพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผม ผมนี้หันมามองไอ้บลู ผมคิดผิดมากที่พามันมาด้วย
         “กูชื่อแจ็คและนี้บอย ยินดีที่รู้จักว่ะ “ไอ้คนที่หล่อนั้นแนะนำตัวและอีกคนที่ดูน่ารัก น่ารักจริงๆ หล่อแบบ หล่อหน้าสวย ผมสีควันบุหรี่ ถ้าสังเกตุดีดี เขาคนนั้นมีนัยต์ตาสีฟ้าด้วย ผมแว๊ปแล้วก่อนจะสะบัดไปมองอีกรอบ ตาสีฟ้า ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
           “กูดิวว่ะ และนี้แอ้ ยินดีว่ะ” อีกคนก็แนะนำตัว ไอ้คนที่ชื่อดิวและอีกคนชื่อแอ้ แอ้เหรอ ผมมองอีกที ไม่น่าเชื่อพวกไฮโซ่ ชื่อนี่ด้วย ส่วนใหญ่จะชื่อออกแนวฝรั่งกันทั้งนั้น
         “กูชื่อติ๊ก” อีกคนพูด
         “หน้าเหมือนดาราเลยอ่ะ แต่คงไม่ใช่” ไอ้บลูพูดเชิงถาม ผมหันไปมองหน้า มันก็กล้าถามอะไรที่เขาไม่ถามกันเนอะ
          “ติ๊ก เย็นไว้มึง” ไอ้คนที่ชื่อแอ้ห้ามคนที่บลูมันไปสะกิดติ่งเขาเข้าให้ ของขึ้นทันที
            “อ๊ย!!” ไอ้บลูมันทำท่าจะกระโดดหนีมาหลบที่ผม
          “สมน้ำหน้า” ผมพูดให้ไอ้บลูมันได้ยิน
          “กูนี้แหละ ดารา ทำไมหน้ากูไม่ตรงปกหรือไง” ไอ้คนที่ชื่อติ๊กที่ว่าเป็นดาราและดูท่าจะหัวร้อนอยู่เหมือนกันถามไอ้บลูแถมยังพร้อมบวกมาก ผมหันไปมองไอ้บลู ใช่แล้วไง จะขอลายเซ็นหรือว่าไง มันกับส่ายหัวไม่กล้ากับเขาซะงั้นตอนนี้
          “ตรงแต่ไม่คิดว่าจะมา” ไอ้บลูพูดเบาๆ
          “ไม่คิดว่าจะมาเรียนที่นี้ กูก็ไม่อยากมาวะ แต่พ่อบังคับพวกกูมา “ไอ้คนที่ติ๊กพูดว่าไม่ได้อยากจะมา ผมก็หยักไหล่เพราะว่านี้ไม่ใช่เรื่องของผม ผมเองก็ไม่อยากมาแต่ก็ต้องมาเพื่อหาคำตอบเรื่องพี่ข้าวปั้น
         “แล้ว?” ผมถามพร้อมกับหันไปมองอีกคน ดูมันไม่กวนเท่าไหร่มันยังหันไปมองหาใครอีก
         “แล้วคนนั้นละ น่ารักโน๊ะ” ไอ้บลูมันชี้นิ้วไปทีคนตัวเล็กน่ารัก ให้มันรู้ตัวว่าผมหมายถึงมันนั่นแหละ
         “เราชื่อพาย” คนนั้นแนะนำ คนนี้ค่อยไฮโซขึ้นมาหน่อย น้องพาย
          “ไม้พายเหรอ” แต่ไอ้บลูทักซะไถลกันทั้งโต๊ะเลยไม่เว้นผมเอง ผมหันมามองไอ้บลู มึงเล่นมุกอะไรของมึง
         “เคยกินพวก เออ แอปเปิลพาย อะไรพวกนี้ไหม แม้หน้าเอาเท้าไปวางที่หน้านะมึงน่ะ” ไอ้ตัวเล็กมันเลยขึ้นเลย ผมเดาได้เลยว่าแก้งนี่ หัวร้อนเกือบทั้งแก้ง
         “เขาขอโทษ” ไอ้บลู ผมหันไปมองหน้าเป็นไงล่ะ
          “ตกลงมึงสองคนชื่ออะไรกันครับ “ไอ้คนที่ชื่อแจ็คมันถามผมสองคนอีกครั้ง บลูพยักหน้าว่าให้ตอบเขาไป
         “กูชื่อต้นข้าวและไอ้นี่ชื่อบลู” ผมพูดและแนะนำอีกคนด้วย
        “ยินดีที่ได้รวมแก้งเดียวกัน” ไอ้รูปหล่อที่ชื่อแจ็คพูด มันลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือเพื่อขอจับมือเหมือนจะตกลงเซนต์สัญญาอะไรบางอย่าง ผมก็มองมือนั้น ไอ้บลูก็สะกิอีก ให้ผมจับมือแต่ผมจะจับเหรอ ใครจะกล้า
         "ดีล"ไอ้แจ็คพูดและผมก็อยู่ในโหมดมึนๆ งง” เผลอยื่นมือให้มันจับซะอย่างนั้น ก่อนจะปล่อยมือเป็นอิสระ
         “อะไรวะ มาถึงได้เข้าแก้งเลยกู” ผมพูดขึ้น
         “พวกกูนี้รับคนเข้าแก้งยากมากนะมึง ยากจริงๆ!! เชื่อกูดิ!” ไอ้คนชื่อดิวพูด มันยังมาพูดอีกเหรอว่ารับคนยาก ผมว่าชีวิตพวกมันทั้งแก้งนี้ น่าจะยากกว่าตรงที่จะใช้ชีวิตยังไงให้รอดกันแน่ ยิ่งดูจะมีปัญหากับพวกไอ้ภาคินด้วย มันทำให้ผมเริ่มจะคิดหนักว่าผมมานั่งกับพวกมันทำไมเนี๊ยะ!! แต่ต้นข้าวก็ยังเก็บอาการ ถ้าสังเกตดีดี ขาจะสั่นๆเล็กน้อยแล้ว
         “แล้วผมละครับ” ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม
         “ไม่ละตอนนี้เต็ม” มันถูกตัดสิทธิ์ไปเฉยเลย
ผมก็หยิบเอาตารางเรียนขึ้นมาดู ชั่วโมงนี้เป็นวิชาสังคมศึกษาแต่ว่าเห็นครูเข้ามาสอนและพวกไอ้ภาคินมันก็ออกไปไม่เข้ามาอีก แบบน็ได้เหรอว่ะที่จะไม่กลับเข้าเรียน
          ตื้ดๆๆ มือถือของผมสั่น มีข้อความเข้ามือถือของผม
        (ต้นข้าว มาเรียนที่นี้ทำไม ย้ายกลับไปเรียนที่เดิม พี่ขอล่ะ) มีคนส่งข้อความหาผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าใคร ไม่ระบุชื่อ ผมจะรู้ไหมว่าใครขอ (แล้วกูจะให้ถูกไหมละไอ้เชี้ยว่าใครขอแล้วกูจะได้ให้ได้ถูกๆ ผมแค่ด่าได้ในใจ) 

            ผมก็เลยไม่สนใจซิครับและน่าแปลกที่นี้แทบจะไม่มีครูเลยครูหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ นั่งว่างๆ หลายชั่วโมงเลยทีเดียว นักเรียนก็น้อยลงครูก็ไม่มีแล้วอย่างนี่ผมกับไอ้บลูจะรอดไหมวะ มันทำให้ผมคิดและเรียนๆเล่นๆแบบนี้ ผมจะเอาเกรดไปต่อยอดเรียนที่ไหนได้วะ ทำไมพึ่งมาคิดตอนนี่วะไอ้ต้นข้าว ผมแอบด่าตัวเองในใจ แต่ที่หนักกว่าผมคงเป็นพวกลูกคุณหนูพวกนี้แหละ แต่ว่าบ้านเขามีฐานะ ไม่ต้องเรียนสูง หางานทำก็คงมีเงินใช้ไปจนถึงชาติหน้าอยู่แล้ว ผมคิดเบาๆในใจ

TBC....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2024 20:22:43 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ภาคต้นข้าว X พี่กีตาร์  EP.3ลงเรือลำเดียวกัน

                Part's ต้นข้าว วันแรกก็จะสบายๆ หน่อย แทบจะไม่ได้เรียนอะไรเลย สบายกว่าโรงเรียนเดิมอีกน่ะผมว่าแต่ก็ดี ผมได้คุยกับพวกนี้ พ นี้ก็ไม่ได้แย่เหมือนที่ผมได้ยินมาตลอดทาง ว่าเป็นพวกคุณหนูบ้างเพราะว่าเขาเป็นลูกเจ้าของโรงเรียน พวกพ่อรวย ผมก็ไม่รู้หรอกว่ารวยแค่ไหน แต่มันไม่ใช่เรื่องของผม มันเงินเขา
                 “ต้นข้าว ลงไปทานอาหารกับพวกูดิ” ไอ้คนชื่อดิวมันบอกผม ผมหันมามองไอ้คนที่นั่งยิ้มแป้นพยักหน้าไปเรียบร้อยแล้วว่าจะไป ผมก็คงต้องไปแหละ
               “แต่มันยังไม่พักเลย เหลืออีกครึ่งชั่วโมงได้” หนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น
             “ไม่มีอะไรจะทำอะ ลงไปก่อนก็ได้มั้ง” ติ๊กพูด ผมหันมาจะเก็บของแต่ว่าผมบางสิ่งตกลงพื้นและคนที่เก็บให้ผมก็คือแอ้
            “ต้นข้าว” แอ้พูดพร้อมกับก้มลงหยิบรูปถ่ายที่ผมทำตก เป็นรูปถ่ายพี่ชาย เพื่อนๆและรุ่นน้อง ผมเข้าใจว่าเป็นแค่เพื่อนแต่ที่ไหนได้พวกนี้เป็นแก้งแต่ผมไม่รู้ว่าทำอะไรกัน รู้แต่ว่ามีคนหนุนหลักอยู่  แอ้หยิบมาก็คงเห็นก่อนจะรีบส่งคืนให้ผม ผมพกมาด้วยเพื่อจะได้หาว่าใครกันแน่ที่เป็นเพื่อนที่ทรยศพี่ข้าวปั้นของผม ผมเก็บรูปนั้นใส่กระเป๋าทันที แอ้แค่ยิ้มให้ผมอันนี้เป็นรูปล่าสุดก่อนที่พี่ข้าวปั้นจะโดนจับเข้าไปที่สถานพินิจ บางคนผมก็รู้จักแต่มีอยู่หนึ่งคนผมไม่รู้จักมาก่อนและพี่ข้าวปั้นก็ไม่เคยพูดถึงด้วย ผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนของเพื่อนพี่เขาอีกที

                  ผมเดินตามออกมาจนถึงหน้าห้องและจู่ๆ ก็มีกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาผม ผมจำได้ดี พี่แฮกซ์นั้นเองแต่คนที่มาด้วยผมไม่คุ้นเคย ผมหันไปมองพี่ๆ และเพื่อนๆ พี่เขา ผมยกมือไหว้พี่แฮกซ์คนเดียว พวกนั้นหันมามองผมและทำท่าจะเข้ามาดึงผมเข้าไปหาพวกมันแต่ผมยกมือห้าม ผมคิดว่าพวกแจ็คคงคิดว่าพี่แฮกซ์จะเข้ามาทำร้ายผมซิน่ะ
                “หวัดดีครับพี่แฮกซ์” ผมทักทายพี่เขา พี่แฮกซ์ยิ้มอ่อนๆ ให้ผม
                “ต้นข้าว พี่ขอคุยด้วยหน่อยซิ ได้ไหม” พี่แฮกซ์ถามผมอย่างสุภาพ ผมหันไปมองพวกนั้นก่อนจะพยักหน้าว่าได้ บลูมันมองผมด้วยสีหน้ากังวล ผมพยักหน้าว่ามันเข้าไปกับผมได้ มันก็รู้ทุกเรื่องหมดแล้ว ผมเดินตามพี่แฮกซ์ออกไป ห่างออกไปหน่อย พวกนั้นก็ชะเง้อมองผมกันใหญ่เลย
                “นี่มันเป็นห่วงเราหรืออยากรู้อยากเห็นกันแน่” พี่แฮกซ์ถามผมปนหัวเราะ
                “ไม่รู้ดิพี่ ผมพึ่งเจอพวกนี้อ่ะ แต่ว่าพวกนี้ดีกว่าที่ผมได้ยินมาตั้งแต่หน้าประตูซะอีก” ผมพูดกับพี่แฮกซ์ พี่เขาหรี่ตาม องผมแบบไม่เชื่อ
               “บางทีมันอาจจะจริงใจกว่าใครบางคนก็ได้น่ะพี่ ดังนั้นผมจะไม่ตัดสินใครจากที่ได้ยินมาเพราะว่ามันมักจะผิดเหมือนที่พี่ชายผมเจอพี่แฮกซ็” ผมพูด พี่แฮกซ์มองหน้าผม ผมรู้ว่าพี่เขาเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร พี่แฮกซ์พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง
                  “ต้นข้าว พี่ถามจริงๆ นี่เรามาเรียนที่นี้ทำไมเนี่ย บอกพี่มาดิ” พี่แฮกซ์ถามผมตรงๆ
                 “พี่น่าจะรู้ ว่าผมมาทำไม “ผมถามพี่แฮกซ์กลับ
                  “พี่รู้ว่าเราโกรธเรื่องไอ้ข้าวปั้น แต่พวกพี่ไม่ได้ทำต้นข้าว พี่ไม่เคยหักหลังเพื่อนพี่ “พี่แฮกซ์พูด ผมก็มองพี่แฮกซ์จะเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ทำ
                   “แค่พวกที่เข้ามาหาเรื่องพวกพี่ก็แย่แล้ว ไอ้ข้าวปั้นน่ะมันดูแลเด็กๆ ทุกคนในแก้งอย่างดีตั้งแต่มันได้เป็นหัวหน้าพวกนี้ มันดูแลไม่อยากให้ใครโดนพวกคนนอกมาหาเรื่อง ไอ้ข้าวปั้นมันเป็นพี่ที่ดูแลน้องๆ ดี พวกไอ้ภาคินมันรู้ดีและมันก็รักและเคารพไอ้ข้าวปั้นเหมือนพี่มันแท้ๆ” พี่แฮกซ์พูด ผมไม่แปลกใจเลยพี่ข้าวปั้นเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของผมเช่นกัน
                   “ดังนั้นพวกพี่ไม่หันมากัดกันเองหรอกต้นข้าว พี่สาบานได้” พี่แฮกซ์พูด
                  “แฮ็กซ์ เราต้องไปแล้ว” พี่อีกคนเดินมาหาพี่แฮกซ์
                  “ต้นข้าว นี่พี่กอล์ฟ” พี่แฮกซ์บอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น
                 “เราต้องไปแล้วแฮกซ์” พี่คนที่ชื่อกอล์ฟพูด
                 “พวกพี่ไปเยี่ยมข้าวปั้นมาน่ะ มันก็ฝากพวกพี่ดูแลเราน่ะ ต้นข้าว” พี่แฮกซ์พูด ผมยืนนิ่ง
                 “พี่รู้ว่ามันยากน่ะที่จะยกโทษให้พวกพี่หรือจะให้เชื่อว่าพวกพี่ไม่ได้ทำ มันก็ยากอีก เอาเป็นว่าให้ทุกอย่างมันพิสูจน์เองแล้วกันน่ะต้นข้าว ว่าใครทำ!” พี่แฮกซ์พูด พี่เขาหันไปมองพวกนั้นที่ชะเง้อคอมองผมอยู่
                  “ไปเถอะเพื่อนมองแย่แล้ว “พี่แฮกซ์พูด ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้าว่าใช่
                  “ที่พี่ไม่อยากให้เรียนที่นี้" พี่แฮกซ์พูด ผมมองหน้าพี่แฮกซ์พร้อมกับหันไปมองพวกแจ็ค ความหมายผมคือเพราะพวกนี้เหรอ
                   " ไม่ใช่เพราะที่นี้อาจจะปิดตัวลงก็ได้น่ะ ปิดแล้วหาที่เรียนยากมาก ไม่มีไหนรองรับ ยิ่งได้ยินมาว่ามาจากที่นี้เพราะว่ามันมีผู้มีอิทธิพลในนี้เขาพยายามทำให้ที่ไม่มีที่ยืน ดังนั้นผู้ปกครองหลายคนเลยพากันนำลูกหลานตัวเองออกไปก่อนแล้ว” พี่แฮกซ์พูด ผมยืนหันหลังอยู่
                 “และยิ่งอยู่กับพวกนี้ด้วย พี่ไม่อยากให้ต้นข้าวโดนลูกหลง เหมือนที่ไอ้ข้าวปั้นมันโดนเหมือนกัน พวกพี่เป็นห่วง” พี่แฮกซ์พูด ผมก็แค่หยุดฟังก่อนจะเดินกลับไป เพื่อไปหาพวกนั้น ส่วนพวกพี่แฮกซ์ก็เดินไปอีกทางหนึ่ง

                 ผมเดินกลับมาหาพวกแจ็ค  ผมเห็นสีหน้าทุกคนมองมาที่ผม ผมควรจะดีใจดีไหม น่าจะดีใจตั้งแต่ก้าวเข้าห้องและพวกมันก็เชิญผมสองคนเข้าแก้งทันที โดยไม่ถามความสมัครใจสักคำแต่ว่า มันก็ดีน่ะ ผมสองคนตัวเล็กๆ จะไปทำอะไรได้ มีพวกนี้อยู่ด้วยคงอุ่นใจแต่ก็ทำหน้าเก็กไว้ก่อน เดี๋ยวมันหาว่าผมอ่อน
                  “มีอะไรวะต้นข้าว” ไอ้คนชื่อดิวมันถามผมทันที
                  “ถึงพวกกูจะพึ่งรู้จักมึงสองคน แต่ตอนนี้มึงสองคนคือเพื่อนพวกกูแล้ววะ เพื่อว่าพวกกูช่วยได้” ไอ้ดิวพูดผมหันมามองไอ้บลู เห็นแบบนี้มันโคตรเป็นห่วงผมเลย บลูมันแตะแขนผม
                  “บอกไปเถอะต้นข้าวเพราะมึงก็บอกใครไม่ได้อยู่แล้วแม้กระทั่งพ่อแม่มึงเอง” ไอ้บลูพูด
                   “ที่กูย้ายมาเรียนที่นี้เพราะพี่ชายกูว่ะ พี่กูชื่อข้าวปั้น พี่กูถ้าไม่โดนไล่ออกก็จะอยู่มัธยมปีที่หก ปีเดียวกับคนที่มาคุยกับพวกกูอ่ะ “ผมพูด ทุกคนมองหน้าผมพร้อมกันหมด "พวกมันก็โดนน่ะแต่แค่พักการเรียนแต่พี่กูโดนหนักที่สุด กูเลยอยากรู้ว่าทำไม"ผมพูดทุกคนมองหน้าผม
                  “แล้วตอนนี้พี่มึงไปไหนอ่ะ” ไอ้แจ็คมันถามผม
                 “พี่กูอยู่สถานพินิจว่ะ ข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองและมียาเสพติดหลายเม็ดเลย “ผมพูด พวกนี้ชักสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที พวกนี้คงเห็นว่าผมหน้าตาบ้านๆ แต่ว่ามีเรื่องที่มันยังไม่คาดคิดอีกเยอะ
                 “พี่กูนะเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้แหละไอ้ที่อยู่ในห้องด้วยก็ลูกน้องพวกพี่กูทั้งหมด” ผมพูดพวกมันก็พยักหน้าก่อนจะสะบัดหน้ามามองหน้าผมอีกที
                 “เดี๋ยว!! เมื่อกี้มึงพูดว่าพี่มึงเป็นอะไรกับไอ้คนที่มาคุยกับมึงนะ” ไอ้แจ็คมันถามผม
                 “พี่กูคืออดีตหัวหน้าพวกมันไง” ผมพูด ผมมองหน้าพวกนี้แอบขำแต่ไม่กล้าแสดงออก สีหน้าที่บอกว่าตกใจขั้นสุดเป็นยังไงก็ได้เห็นวันนี้แหละ ไอ้บลูมันแตะแขนผมอีกว่าผมไปแกล้งพวกนี้มัน
                 “เฮ้ย!!! เวรแล้วกู!!” คนแรกที่อุทานด้วยความตกใจคือแจ็ค
                 “ฉิบหายแล้ว!!! กูว่าแล้วมึงดึงมาผิดคนไอ้แจ็ค!!” ตามมาด้วยไอ้ดารา
                 “นี้มึงชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ” และไอ้ดิวแต่แปลกไอ้แอ้ไม่ตกใจก็เพราะว่ามันเห็นทุกคนมารูปถ่ายของผมแล้วมั้ง มันเลยไม่ตกใจ
                “นี้มึงไปคุยความลับอะไรกับพี่เขาวะ หรือว่ามึงจะให้เขาฆ่าตัดตอนพวกกูว่ะ กูไม่น่าเลย อีพายเอ๊ยย กูจะตายแบบนี้ไม่ได้ มันเสียชาติเกิดกู มึงรู้ไหม?” น้องพาย ผมหันมามองหน้ามัน มันดูหนังมากไปไหม ผมยืนมองพวกนี้ตีโพยตีพายก่อนจะหันมามองไอ้บลู กูคิดผิดไหมที่เข้ามาอยู่กับพวกนี้ แล้วนี่กูจะได้อะไร คงไม่ได้อะไรเลยมั้ง ขนาดแค่รู้ว่าพี่ผมเป็นใครมันยังขนาดนี้เลย
                “ไอ้ต้นข้าว มึงไปแกล้งพวกเขาทำไมอ่ะ มึงเองก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ในแก้งพวกพี่แฮกซ์สักหน่อย” ไอ้บลูพูด
                “เฮ้ยเดี๋ยวดิ!! ฟังให้จบก่อนพวกมึงจะกลัวกูกันทำไมวะ” ผมเรียกสติพวกนี้ก่อนจะ
                “ก็มึงพึ่งจะบอกกูอยู่ว่า พี่มึงนะเป็นหัวหน้าพวกที่มันจะเล่นพวกกูอยู่ “ไอ้แจ็คพูด
                “พี่กูนะถูกพวกมันนี้แหละหักหลังแต่กูไม่รู้ว่าใคร กูเลยขอพ่อแม่กูมาเรียนและไอ้พี่ที่มาขอคุยน่ะ เขาเข้ามาขอโทษเรื่องพี่กูและขอให้กูกลับไปเรียนที่เดิม พร้อมกับให้พวกกูอย่าคบพวกมึง มึงจะพาพวกกูเดือดร้อนหนัก” ผมพูดอธิบายให้พวกมันฟัง มันก็ยังดีที่คุมสติตัวเองได้บ้าง
                 “แต่พี่กูนะไม่ใช่พวกโหดสาดแบบในหนังนะ เช่นพวกยากูซ่าอะไรพวกนี้” ผมพูด ผมมองหน้าทุกคน
                “พ่อแม่และกูยังไม่เคยรู้เลยว่าพี่กูเป็นหัวหน้าแก้ง เป็นมาหลายปีแล้วด้วยแต่มารู้ตอนที่พี่กูน่ะถูกตำรวจจับนั่นแหละ กูนี้เจ็บใจเลยมาหาคำตอบ พวกมึงช่วยกูได้ไหมวะ” ผมพูด แต่ล่ะคนก็มองผม แน่นอนไม่มีใครอยากเชื่อแม้กระทั่งตำรวจที่มาที่บ้านยังไม่เชื่อผมเลยว่าพ่อกับแม่และผมเองที่ไม่รู้ ว่ามีจริงแก้งอะไรพวกมันนี่แหละ ผมรู้ทีหลังว่ามีลูกชายของนายทหารเป็นแบกกราวน์ให้
                 “ต้นข้าว พวกกูก็มืดแปดด้านเลยวะ กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้เวรในห้องนี้กลับมาตั้งใจเรียน ดูซินี่มันเพ่นกันตั้งแต่คาบแรกเลย แล้วพวกกูจะไปช่วยมึงได้ยังไงวะ “ไอ้ดิวพูด ผมเข้าใจว่าแค่ที่มันต้องมาทำก็ยังไม่รู้ชะตาเลยว่าจะไปทางไหนกัน
                “เออ ดูดิ รักเรียนกันขนาดนี้ หนีแม่งทุกคาบที่ทำได้ มันควรจะไปช่วยพ่อแม่ไถนาแทนควายจริงๆ ว่ะ” ไอ้ติ๊กอีกคน ไอ้คนนี้ปากแม่งโคตรจัดเลย ผมว่าจัดแล้วน่ะแต่ไอ้นี่จัดกว่าอีก
                “กูเข้าใจว่ะ “ผมพูด
               “เอาน่ะไอ้ข้าว ไหน ไหนก็ลงเรือรำเดียวกันแล้ว พวกกูจะช่วยวะ “ไอ้แจ็คพูด ผมหันมามองหน้ามันแววตามีประกาย
               “พี่ พี่ ครูพัฒน์บอกว่าตอนเที่ยงให้ไปหาที่ห้องครับ” มีเด็กตัวเล็ก กว่าพวกผมเยอะเลยวิ่งมาทำตาหยี ผมหันไปมองน่าจะม.1 เอง ผมสังเกตจากชุดที่น้องเขาสวมใส่
             “เออ ใจว่ะ แต่ห้องครูพัฒน์อยู่ไหนเรา” ไอ้ดิวหันไปถามน้องเด็กม. หนึ่งคนนั้น
             “อยู่ชั้นนี้แหละครับ เดินลงไปชั้นล่างครับ จะมีป้ายบอกว่าห้องพักครูครับ” เด็กคนนั้นบอกแบบกวนๆ เด็กที่นี้มันกวนกันทุกคนเลยก็ว่าได้
             “เอาวะข้าว ไหน ไหนก็ตกที่นั่งเดียวกัน พวกกูจะช่วยมึงว่ะ” แจ็คพูดพร้อมพยักหน้า ผมค่อยโล่งอกหน่อย ไอ้บลูมันยิ้มให้ผม ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนที่จะช่วยผมได้
              “ไปหาครูพัฒน์ก่อนดีกว่าวะ” แจ็คพูด ผมหันมาพยักหน้ากับบลู แอ้มันเดินมาหาผม ผมรู้สึกถูกชะตากับคนนี้ แอ้มันดูเงียบๆ นิ่งๆ แต่ว่ามันดูน่าคบหา แอ้มันยิ้มให้ผม
             “ทำไมมึงไม่ตกใจว่ะ” ผมถามแอ้
             “กูเห็นพวกไอ้ภาคินและพี่คนที่เดินมาหามึง คนเดียวกันที่อยู่ในรูปนั้นที่มึงให้ดูอ่ะ และกูว่ามึงคงรู้จักพวกเขาดี” แอ้พูด ผมเอารูปพี่ชายผมที่ผมอยากตามหาให้ดู ผมมองแอ้ คนนี้เป็นคนเดียวที่คุมสติตัวเองดีมากทีเดียวไอ้พวกนั้นน่ะ ตกใจหัวร้อนกันไปหมดไม่ซิ ไม่ทั้งหมดบอยอีกคนที่นิ่งมีสติพอๆกับแอ้เหมือนกัน
             “แต่มีอีกคนหนึ่งในนั้นกูรู้จัก” ไอ้แอ้พูด ผมหันมามองหน้าแอ้ จริงเหรอ
              “คนไหนวะ” ผมถาม
              “คนที่ยืนข้างๆ พี่มึงอ่ะ ด้านซ้ายมือ” แอ้พูด ผมหันมามองแอ้ระหว่างที่เดินลงไปพร้อมกับพวกแจ็ค
               “คนนั้น กูไม่คุ้นว่ะ น่าจะพึ่งมาใหม่” ผมพูด
              “พี่เขาชื่อพี่ภาณุ เขาเป็นเพื่อนกับพี่ชายกู แต่ก่อนเขาก็ไปเรียนอยู่ที่เตรียมทหารกับพี่ชายกูน่ะ กูเจอเขาที่กรุงเทพ” แอ้พูด
              “กูไม่รู้จักว่ะ คงเป็นเพื่อนของเพื่อนพี่กูอีกทีหนึ่ง พวกนี้พวกมันเยอะ” ผมพูดพร้อมกับหยักไหล่ให้แอ้
       ผมกับแอ้คุยกัน ค่อนข้างถูกคอทีเดียว แอ้มันดูอบอุ่นน่ารักและที่ผมสังเกต มีคนมองแอ้มันตลอดทาง โดยเฉพาะหนุ่มๆ แอ้มันน่ารัก ไม่ได้น่ารักอ่อนแอ่นแบบน้องพายหรือว่าดูเหมือนติ๊กที่ดูมั่นและมันก็ดูออกเลยว่าเป็นเกย์แน่นอน แต่แอ้มันดูมีเสน่ห์ดึงดูดแบบคนมีออร่า มีฟีโนโมนเรียกความสนใจ โดยไม่ต้องเป็นจุดเด่นก็เป็นที่จับตามองได้ ดิวก็หันมามองผมกับแอ้เป็นระยะๆ สายตาไอ้ดิวนี่ผมเดาว่ามันรักแอ้แน่ๆเลย ดูมันหวงแอ้ด้วยแต่กลับไม่ยอมแสดงออกมาให้ชัดเจน เหมือนมีอะไรบางอย่างที่กั้นมันสองคนเอาไว้
               TBC.....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2024 08:01:02 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.4 ได้เข้าแก๊งก็งานเข้าเลย

                Part’ s ต้นข้าว จะว่าไปตั้งแต่ผมมาอยู่กับพวกนี้ ภาพที่ผมได้ยินพวกนั้นเริ่มหายไป จะว่าไปพวกนี้ก็เหมือนพวกผมนีแหละแต่สิ่งที่ผมไม่กล้าถามตรงๆ คือ ที่ผมได้ยินมาพวกนี้ชอบเพศเดียวกันจริงเหรอ ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว วันนี้พ่อผมบอกว่าจะมารับสายหน่อยแต่ผมบอกว่าได้ ผมกับบลูชอบมานั่งกินไอศกรีมข้างโรงเรียนนี้บ่อยตอนมารอพี่ข้าวปั้นเพราะว่าเด็กคอนแวนต์มาทานไอศกรีมที่นี้กัน เหมื่อก่อนโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนชายล้วนและคอนแวนต์ก็เป็นโรงเรียนสตรีล้วนและพอโรงเรียนชายล้วนเริ่มเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนสห คอนแวนต์ก็เอาบ้างเลยไม่น้อยหน้ากัน

                “ต้นข้าว วันนี้กินอะไรใหม่ๆ บ้างไหมอ่ะ” บลูถามผม

               “กินไรดีอ่ะ ตีนไหม บลู ใหม่มากมึงยังไม่เคยลองไม่ใช่เหรอ” ผมถามไอ้บลู มันค้อนผมทันที ผมชอบแกล้งมันแบบนี้แหละระหว่างที่ผมเดินลงมาพร้อมกับพวกแจ็ค ดิวและแอ้ ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วแต่น่าแปลก บรรยากาศเหมือนกับว่าพวกผมลงมาช้าเพราะว่าไม่มีนักเรียนรอกลับบ้านกันเลย มันโล่งมาก ผมหันไปมองกันแบบเลิกลัก

                “เฮ้ยไอ้ต้นข้าว กูเคยได้ยินว่าโรงเรียนนี่น่ะ วันดีคืนดีก็มีนักเรียนต่างถิ่นเข้ามาตียั้นในโรงเรียนเลยว่ะ “ไอ้บลูพูดกระซิบกับผม ผมหันมามองหน้ามัน เวอร์เกินไปแล้วใครจะกล้าแบบนั้น แต่จู่ ก็มีนักเรียนวิ่งสวนพากันกลับขึ้นห้องนี่มันรักเรียนกันขนาดนี้เลยเหรอ ผมแอบคิดในใจแต่ว่า

                  “อ้าว ไม่กลับบ้านกันหรือไงวะ!!” ดิวตะโกนถามคนที่วิ่งสวนขึ้นไปแต่ไม่มีใครตอบสักคน ผมเริ่มรู้สึกแปลกแล้วซิ เริ่มคิดเรื่องที่ไอ้บลูมันพูด

                 “เออว่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” ผมถามขึ้นแต่ล่ะคนมองหน้าผมพร้อมกับสั่นหัวกันทุกคนว่าไม่รู้

                 “ในโรงเรียนจะมีเรื่องได้ไงว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมน่ะพอจะรู้มาบ้างว่าโรงเรียนนี้มีคนมาท้าตีท้าต่อย ไม่รู้ว่านักเรียนที่นี้ไปหาเรื่องเขาก่อนหรือว่าพวกนี้มาเพื่อปั่นป่วนก็ไม่รู้ จนผู้ปกครองต่างพากันเอาลูกหลานตัวเองย้ายไปเรียนที่อื่นกันหมดแต่ไปไม่ได้ทุกคนเพราะว่าบางคนก็ไปไม่ได้ติดหลายๆ อย่างก็ต้องทนอยู่

                  “เออ นั้นดิ ข้าว นี้โรงเรียนน่ะ มันจะมีคนมาหาเรื่องเหรอ” ไอ้แอ้ถาม

                  “งั้นก็รีบเดินลงไปเถอะว่ะจะได้พากันกลับบ้านและไปพักผ่อนกันแบบสบายๆ ซื้อเบียร์ไปจิ๊บกันดีกว่า” ไอ้คนชื่อแจ็คพูด นี่มันดื่มเบียร์กันแล้วเหรอ

                  “สิบแปดปีกันแล้วบอย กินได้แล้ว” ผมหันมามองเพราะว่าผมพึ่งจะสิบหกปีเองแต่พวกนี้สิบแปดปีแล้ว ผมกับไอ้บลูหันมามองหน้าพวกนี้กัน เขามองหน้าผมและยิ้มๆ ด้วย

                  “เฮ้ยย! พวกนายสิบแปดแล้วเหรอ พวกเรายังแค่ สิบหกอยู่เลย” ผมพูด ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันว่าใช้สิบแปดแล้ว ดังนั้นพวกนี้ต้องเรียนจบมัธยมปลายแล้วดิ เฮ้ยนี้มันรุ่นเดียวกับพี่ผมเลยดิ

                   “กูมาทำภารกิจสำคัญว่ะและความจริงพวกกูจบกันหมดแล้วต้นข้าว บลู “ไอ้ดิวมันพูด ดังนั้นพวกนี้แฝงตัวเข้ามามันเหมือนหนังภาพยนตร์เลยที่ตำรวจบ้าง นักสืบบ้าง ปลอมตัวมาเป็นนักเรียนแต่อันนี้ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนปลอมตัวมาเพื่อแก้ไขปัญหาแทนนี่น่ะ

                    “งั้นก็พี่พวกเราอ่ะดิ” ไอ้บลูพูด

                    “ไม่ต้องเรียกพี่ว่ะ ถ้ามึงเรียกพี่พวกนั้นมันก็จะรู้ดิ” ไอ้แจ็คพูด

                    “ไอ้พวกนั้นก็พี่พวกกูเหมือนกัน” ผมพูด

                     “งั้นก็ทำตัวเหมือนเดิม เพื่อนกันเหมือนเดิม ปกติพวกกูไม่ชอบข้ามรุ่นแต่ยกให้มึงสองคน เรียกพวกกูเหมือนเดิม” มีแบบนี้ด้วย ผมก็พยักหน้าก็ได้

                      “เออ ต้นข้าว บลู พรุ่งนี้มึงสองคนไปทานอาหารเช้าในห้องอาหารกับพวกกูดิ” แจ็คมันบอกผมกับไอ้บลู

                      “เข้าไปทานกันด้านในอีกไหมว่ะ ที่เขากั้นเอาไว้น่ะ” ผมถาม ผมก็มองแล้วมันเหมือนคอกกั้นอะไรสักอย่าง พวกนี้ก็มองผมกันหมด มันคงไม่รู้ว่าพวกนั้นเขาคิดยังไงละซิท่า

                      “กูได้ยินพวกนั้นมันด่ามึงกันว่ามาก็แยกแยะที่กินที่อยู่ตั้งแต่กูมาถึงแล้ว แต่กูไปติดที่ห้องเจ้าหน้าที่ ตอนแรกเขาจะไม่ให้กูเรียนห้องมึงอ่ะ แต่ว่ากูโวยวายไง เขาก็เลยยอมและโทรไปหาครูพัฒน์ให้ ครูพัฒน์ลงมาก็เลยบอกว่าได้” ผมพูดพวกนี้ก็เลยพยักหน้าพร้อมกัน

                       “ตอนแรกกูก็โคตรโมโหเลย เขาบอกว่าห้องนี้พวกลูกคุณหนูมาเรียนแล้วและเขาก็จำกัดคน เขาไม่อยากเรียนปะปนกับคนอื่น “ผมพูดพวกนี้มองหน้าผมตกใจที่ผมพูด ผมคิดเอาไว้แล้วเชียวพวกนี้มันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก

                      “พวกกูไม่เคยพูดแบบนั้นน่ะไอ้ต้นข้าว” ไอ้ดิวมันพูด

                     “พวกเขาเลยจะ ไม่ให้กูสองคนลงเรียนห้องนั้นทั้งที่กูตั้งใจมาก” ผมพูดเพราะความโมโหตอนนั้นแต่เอาเข้าจริงๆ พวกนี้ก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไรเหมือนที่พวกนั้นพูดกันเลย

                      “ตอนนั้นน่ะกูแม่งคิดเลยถ้าเจอหน้าพวกมึงกูกะจะด่าให้สักหน่อย ก็คนเชี่ยอะไรก็ไม่รู้ทำตัววิเศษวิโสมาจากไหน แหมให้พวกกคุณหนูเอ๊ย! โธ่ไอ้พวกลูกคุณหนูหัวค**!! แถมที่กูได้ยินพวกนั้นพูดน่ะ พวกมึงแม่งก็แยกที่กินที่อยู่อีก ถ้าจะกินหรูอยู่สบายมึงจะมาทำห่าอะไรว่ะที่นี้ ก็กลับไปอยู่คฤหาสน์ของมึงดิ” ผมพูดแต่ทำไมพวกนี้มันทำหน้าเหมือนจะร้องหายไห้กันละ

                      “ต้นข้าว!!” ไอ้บลูสะกิดเรียกผม ผมหันมามองพวกนี้ที่ยืนมองผมตกใจ

                     “กูก็แค่คิดไง” ผมบอกพวกนั้น

                     “มึงพูดไปหมดแล้วไงไอ้ต้นข้าว!! เต็มๆ เลยสัส!!” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมสะดุ้ง นี้ผมว่าพวกมันไปหมดแล้วเหรอวะ

                     “ไม่ซิด่าพวกกูไปแล้วและมึงก็พูดทุกอย่างที่มึงคิดไปหมดแล้ว!” พายพูด

                     “เหรอวะ ขอโทษว่ะ “ผมพูด เกาหัวแก้เขินเลยผม

                    “เนียนเชียวน่ะมึง หรอกด่าก็ได้เหรอ” พายพูด

                    “จะว่าไปไอ้ต้นข้าวมันก็พูดถูกน่ะ” ไอ้แอ้พูด ผมหันมามอง คนเดียวที่คิดต่างกับพวกนั้น

                     “เออว่ะ พวกเราเดินไปสั่งอาหารทานเหมือนพวกเขาดีกว่าไหม ไปเข้าแถวแล้วมานั่งทานกันปกติอ่ะ ไม่ต้องให้ไอ้ป๊อดมันยกมาประเคนแบบนี้ แม่งมันดูเหมือนพวกต้องมีคนดูแลตลอดเวลา” ไอ้ดิวอีกคน ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ใช่ดิวเห็นด้วยกับผมแต่ว่าดิวกับแอ้นี่ต้องมีอะไรถึงได้ใจตรงกัน คิดตรงกันแทบจะทุกเรื่องเลยก็ว่าได้

                    “บอยก็เห็นด้วยน่ะ เห็นด้วยกับดิวและแอ้” บอยพูด จะว่าไปพวกนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยน่ะ ผมเดาว่าน่าจะมีคนที่เข้ามาปั่นมากกว่าและดูท่าจะไม่ใช่เด็กแต่แค่ใช้เด็กมาเป็นเครื่องมือ ที่ผมคิดน่ะ

                     “แต่กูกลัวว่าจะเจอแบบตอนเช้าว่ะ” แจ็คมันพูด ผมเองก็ไม่รู้ว่าเจออะไรมาเพราะว่าผมมาเจอกับพวกนี้ตอนเที่ยงแค่นั้นเอง

                     “เอานะ ไม่น่าเกิดหรอกว่ะ พรุ่งนี้ก็ทานด้านนอกดูดิว่าจะเป็นยังไง “ไอ้ดิวพูด ทุกคนก็พยักหน้าว่าเอาตามนั้น

                    “งั้นวันนี้หลังอาหารเย็นกูจะคุยกับไอ้ป๊อดเองว่ะ ว่าเราจะเอาแบบนี้กัน “ติ๊กพูด ผมทำท่านึก อ้อเด็กที่อยู่ในห้องอาหาร

                    “ไอ้ต้นข้าว พวกมึงสองคนกลับกันยังไงวะ” แจ็คมันหันมาถามผม

                    “พ่อกูมารับว่ะแต่ว่าพวกกูจะไปกินไอ้ติมกันก่อนเพราะว่าพ่อกูมารับช้านิดหน่อย “ผมหันมาตอบ

                    “ไม่ดีกว่าว่ะ พวกกูขอบาย เหนื่อยว่ะ กลับไปอาบน้ำและนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตดีกว่า” พวกนี้ปฏิเสธพวกผมทันที ที่ผมบอกว่าเด็กคอนแวนด์ แน่นอนต้องนึกถึงสาวๆ แต่ว่าผมเองก็ไม่ค่อยจีบใครแต่ให้ไปนั่งมองน่ะเอา น่ารักขนาดนั้น

                     “ร้านนี้ร้านโปรดไอ้ต้นข้าวมันเพราะว่ามีแต่สาวๆ จากเด็กคอนแวนต์มานั่งทานกัน” ไอ้บลูพูด ผมนี่อยากจะโบกมันจริงๆ ไปบอกเขาทำไม

                     “ชื่อร้านบ้านไอติม สาวๆ จากโรงเรียนคอนแวนต์ชอบมานั่งทานกันว่ะกูสองคนเลยชอบไปนั่งดูแต่พวกมึงคงไม่ปลื้มใช่ไหมวะ” ผมพูดแต่ก็แอบดักคอเอาไว้ คือถ้าพวกนี้ไปพวกผมดับแค่นอน พวกนี้หน้าตาดีขนาดนี้ แต่พวกนี้หันมามองหน้าผม สงสัยจะเล่นแรงไปหน่อย

                     “แซวเล่น รู้ว่าชอบแบบไหนกัน” ผมพูด

                     “ไปเถอะวะ พวกกูไม่ถนัดแบบนี้ ดูแลเทคแคร์ไม่เป็นและเขาก็คงไม่ชอบแบบกูด้วย” แจ็คพูด ผมพยักหน้า

                    “เออกูถามพวกมึงอย่างหนึ่งดิ “ผมเองก็ไม่กล้าจะถามก็คิดว่าถามดีกว่าเพื่อจะได้วางตัวถูก

                    “พวกมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงกันใช่ไหมวะ” ผมถามและทุกคนก็มองหน้าผม

                   “เออ กูไม่ได้ไม่ชอบแบบนั้นพวกกูยอมรับว่ะ” แจ็คเป็นคนตอบแทนทุกคน

                    “แล้วมึงล่ะ รังเกียจพวกกูเหมือน...” แจ็คถาม ผมรู้ว่าพวกในโรงเรียนนี้ก็พูดเรื่องนี้กันเหมือนกัน

                    “ไม่วะ กูแยกแยะว่ะ” ผมพูด

                    ตอนนี้พวกผมเดินมาอยู่ที่ชั้นล่างของตึกแล้วแต่ว่าทุกอย่างก็ยังเงียบกริบไม่มีแม้แต่นักเรียนลงมาชั้นล่างสักคน หรือว่าเขาไปทำกิจกรรมอะไรกันที่พวกผมไม่รู้ น่าแปลกมากแต่ก็ไม่นำพาสำหรับผมกับไอ้บลู

                   “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไม่มีนักเรียนเลย เขากลับกันไปหมดแล้วเหรอวะ “ไอ้ดิวพูดขึ้น คราวนี้ทุกคนก็พากันกวาดสายตามองไปรอบๆ ผมหันมามองพวกนี้ ดูท่าจะงงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                   “กูไปก่อนนะ แยกกันตรงนี้ว่ะ” ผมพูดก่อนจะหันไปพยักหน้ากับไอ้บลู ผมว่าจะไปที่ประตูพิเศษ ผมเคยมากับพี่ข้าวปั้นที่โรงเรียนนี้กันจะมีประตูที่ใช้เปิดเข้าออกเฉพาะพวกพี่ข้าวปั้นและผมเองก็มีกุญแจจากพี่ข้าวปั้นด้วย ไม่มีใครรู้

                   “แล้วมึงไม่ออกด้านหน้าเหรอวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

                    “พวกกูมีทางลัดว่ะ เดินไปด้านหน้ากว่าจะถึง กูไม่ทันได้สั่งไอติม พ่อกูมารับซะก่อน ร้านนี้คนเยอะ” ผมพูด พวกนี้ก็โบกมือว่าโอเคและทำท่าจะแยกกันแต่ว่ายังไม่ทันที่พวกผมแยกย้ายกันเลยก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยและฟังดูไม่ใช่มิตรแท้ประกันภัยแน่นอน

                     “มาแล้วเหรอ กูรอเจอพวกมึงอยู่ว่ะ” พวกผมหันไปมอง มาเป็นแก้งเลย อาวุธครบมือมาก ผมว่าที่ไอ้บลูมันพูดน่ะ ถูกต้องแล้วที่ว่ามีคนมาตีกันถึงที่น่ะเรื่องจริงทีเดียว

                      “ดูท่าพวกมึงจะงานเข้าวะ” ผมพูดพร้อมกลับรีบหลบไปอยู่ด้านหลังสุดทันที

                      “ไม่ต้องดูท่าหรอก กูว่าเข้าวะงานนี้ มีเรื่องแน่ๆ” ไอ้บลูพูดอีกคนและมันก็หลบหลังผมอีกที ไอ้นี่พาไปไหน ไปเป็นเพื่อนได้อย่างเดียว ช่วยอะไรไม่ได้เลย พวกดิว แจ็คและทุกคนก็หันมามองหน้ากันเลิกลักว่าจะเอายังไงดี ผมก็หันมามองบลู ส่งสายตาว่า มีจังหวะให้วิ่งไปด้านหลังเลยน่ะ

                      “มึงมารอพวกกูทำไมอ่ะ ขอลายเซ็นเหรอ” ไอ้คนที่ชื่อติ๊กตะโกนถาม ผมรู้ว่ามันคือดาราแต่ถ้าพวกนี้จะมาขอลายเซ็น มันควรจะมีกระดาษ ปากกามาแต่นี้มันไม้ทั้งนั้นเลย

                       “กูจะเอาไปทำไมลายเซ็น แต่พวกกูอยากได้มาเป็นเมียวะ” มันตะโกนตอบมาแบบนี้ ผมกับไอ้บลูแทบจะหันมากอดกันกลมเลยดีกว่า

                      “เอาไงดีต้นข้าว” ไอ้บลูถามผม

                     “วิ่งดิมึง!!” ผมพูดและเหมือนผมคือคนยิงปืนเพื่อปล่อยนักวิ่งแท้ๆ ทุกคนพากันหันหลังวิ่งครับ ผมก็วิ่งและคว้ามือใครมาด้วยก็ไม่รู้ ผมว่ามันนิ่มผิดปกติแต่พอหันมามอง อ้าว ผมคว้ามือบอยวิ่งมากับผมแทนไอ้บลู ส่วนไอ้บลูน่ะมากับแจ็ค พอแจ็คมันหันไปมองคนที่มันจับมือมาด้วยเท่านั้นแหละ

                   “ไอ้ต้นข้าวเอาเพื่อนมึงคืนไปและเอาที่รักกูคืนมา” ไอ้แจ็คมันบอกผม ผมก็ต้องวิ่งเอาคนของมันไปคืนครับและเอาไอ้บลูมา ผมวิ่งมาที่ด้านหลังจนถึงที่ผมคิดว่าน่าจะปลอดภัย

                     “เฮ้ย! กูรู้ว่าไปทางไหนดี” ผมพูดและโบกมือให้พวกนี้วิ่งตามผมไป

                     “วิ่งตามกูมา” ผมบอกทุกคนและทุกคนก็วิ่งตามผมกับไอ้บลูไป ไปที่ตรงด้านหลัง มันจะมีประตูอีกประตู เป็นประตูลับแต่ว่ามันล็อก

                    “ทางตันไอ้ข้าว” ไอ้ดิวมันไม่เห็นทางไปมันเลยหันไปบอกเพื่อนๆ

                    “มานี้กูมีทางหนี” ผมบอกทุกคนก่อนจะ รีบหยิบกุญแจออกมาและผมก็ไขกุญแจทันที พวกนี้มองผมตกใจซิท่า ผมหันมาหยักคิ้วให้พวกนี้ ผมเดาว่าพวกนี้คงไม่มีอารมณ์จะมานั่งสักว่าผมมีได้ยังไง ทั้งที่ผมไม่ใช่รปภของโรงเรียน ผมเปิดประตูได้และพวกนี้วิ่งออกไป มันจะแคบสักหน่อยแต่พวกนี้มันสูงก็ต้องหมุดนิดหน่อย พอออกไปได้ผมก็ปิดและใส่กุญแจทันที ฉลาดมากไปนะผมน่ะ พวกนี้มองผมด้วยสายตาที่ชื่นชมว่าผมคือฮีโร่ของพวกมัน

                    “กูนี่เลือกคนเข้าแก๊งไม่ผิดจริงๆ” แจ็คมันชมผม

                    “วิ่งตรงไปเลย” แต่ว่าผมยังได้ยินพวกนี้กำลังตามหาพวกแจ็คอยู่เลยบอกให้พวกนี้วิ่งตรงไปเพื่อไปออกปากซอย ร้านไอศกรีม พวกนี้ก็วิ่งแบบไม่คิดชีวิตจนไปถึงปากซอยและพากันนั่งหายใจหอบเหนื่อยกันเป็นแถวเลย

                   “มันไม่ตามมาหรอก” ผมพูดก่อนจะมองหน้าทุก

                   “พวกมึงไปทำอะไรให้พวกนี้ว่ะ” ผมถามพวกนี้ว่าไปทำอะไรถึงได้เจอดีตั้งแต่วันแรกแบบนี้

                   “เป็นคำถามที่ดีมาก พวกกูไม่รู้ว่ะและพวกกูมากันวันแรกน่ะที่นี้ พวกกูไม่เคยมาเหยียบที่นี้กันก่อนเลยจริงๆ “ไอ้แจ็คมันหันมาตอบผม ผมฟังจากน้ำเสียง พวกมันก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนี้ดักตีมันทำไม

                    “ไหน ไหนก็มาแล้วไปนั่งหาไอติมกินกันก่อนไหมวะ “ผมเลยถือโอกาสชวนพวกนี้ไปหาอะไรทานกันก่อน

                    “ก็คงต้องแบบนั้นว่ะ วิ่งมาเหนื่อยขนาดนี้ใครจะเดินกลับไปขึ้นรถที่หน้าโรงเรียนเลยว่ะ แถมยังไม่รู้ว่าพวกมันยังยืนรออยู่ไหม รอสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะดีกว่า “แจ็คพูด ทุกคนก็เห็นด้วย ไอ้บลูนี่ยิ้มดีใจทันที

                    ทันทีที่ตกลงกันได้ผมกับไอ้บลูก็เป็นเดินนำพาทั้งกลุ่มเดินไปที่ร้านบ้านไอติม คนเยอะเหมือนทุกวัน สาวๆ เหล่านี่ก็มานั่งให้หนุ่มๆ แซวกันสนุกสนาน หน้าตาน่ารัก น่ารักตั้งแต่ยูนิฟอร์มแล้วและแน่นอนโรงเรียนเอกชนแบบนี้ ดูการแต่งตัวและของใช้ที่มี ก็พอจะเดาได้ว่ามีเงิน ผมเองก็มีแต่ว่าไม่อวดมากเพราะมีไม่มาก

                    “พวกแก ดูซิ หน้าตาหล่อว่ะ หล่อทั้งแก๊งเลย “นั้นไงได้ผลสาวๆ พากันแซวพวกนี้กันทั้งนั้น

                    “ใช่แก งานดีมากเลยอ่ะ อยากได้เป็นแฟน “สาวพากันกระซิบกระซาบกัน

                    “เชิญค่ะ มาหลายคนน้าเอาโต๊ะติดกันให้ไหมคะ “ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของร้าน ผมรู้ว่าเขามีลูกชายคนเดียวและกำลังเรียนโรงเรียนเตรียมทหารแห่งหนึ่ง

 
                      พวกผมเดินตามเจ้าของร้านเข้าไปนั่งด้านในระหว่างที่เดินเข้าไป แน่นอนสาวๆ ที่ไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อแบบพวกแจ็ค ดิวก็ออกอาการแซวกันใหญ่ บ้างก็ส่งสายตาเชื้อเชิญอยากได้เป็นแฟน ผมเดินเข้าไปนั่งโต๊ะเกือบจะด้านในสุด

                     “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู โรงเรียนไหนวะ เครื่องแบบไม่เห็นเหมือนพวกนักเรียนในโรงเรียนลุงกูเลยอ่ะและเครื่องแบบนี้มันฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมากเลยว่ะ กูอยากย้ายจากโรงเรียนสายโหดลุงกูไปเรียนเดียวกับน้องเขาเลยว่ะ” พายพูด

                     “โรงเรียนคอนแวนต์อยู่ทางใต้โน่น ส่วนโรงเรียนเราอยู่ทางเหนือนั้น” ผมกระซิบบอกน้องพาย พายหันมายิ้มให้สาวๆ แต่ผมว่าสาวก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนสาวนั้นเอง แต่เขาก็ทำนิ้วทักทายแบบทักทายเพื่อนสาวไม่ใช่หนุ่มๆ

                     “สั่งอะไรกันดีค่ะ “คุณน้าเจ้าของร้านเขาถาม เขาหันมายิ้มให้ผมสองคน ลูกค้าประจำเลย

                      “ดูท่าจะเดินมาไกลอยู่น่ะ” น้าเขาถามพวกนั้น ผมก็หยิบเมนูมาดูเพื่อว่าวันนี้จะเปลี่ยนไปกินอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง

                      “ส่วนเราสองคนนะ น้าจำได้ กินประจำเลย ช็อกโกแลตซันเดย์ และอีกคนนี้ราสเบอร์รี่เชอร์เบท “ผมกับไอ้บลูน่ะ ลูกค้าประจำคุณน้าเขาจำได้ดี ผมสองคนพยักหน้า ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนแต่คิดไปคิดมาเอาแบบเดิมดีกว่า

                      “งั้นพวกเราดูออเดอร์กันไปก่อนนะ เดี๋ยวน้ามานะคะ ขอไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นก่อนค่ะ ไม่นานค่ะ” คุณน้าเขาบอกพวกผม ทุกคนก็เปิดเมนูดู ผมรู้ว่าไอติมที่นี้อาจจะไม่ใช้ยี่ห้อดังแบบในเมือง ผมสังเกตจากสีหน้าติ๊กแต่ว่าแอ้สะกิด ก่อนจะพากันเลือกไอศกรีม พวกผมนั่งท่ามกลางสายตาสาวๆ ที่ส่งมาให้ ปกติผมกับไอ้บลูแทบจะไม่เคยเจอเลยแบบนี้

                      “กูว่าเบียร์ก่อนเลยว่ะ ร้อน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้น ผมกับไอ้บลูหันมามองหน้ากัน มันจะสั่งเบียร์ทั้งที่สวมชุดนักเรียนนี่น่ะ

                       “กูเอาด้วย ขอเย็นๆ เลย” ไอ้ดิวก็บอกเอาด้วยอีก

                       “ก็อยากดื่มไวน์อยู่น่ะ แต่เอามั้งเบียร์” พายก็เหมือนกัน ดีไม่สั่งไวน์ละ

                       “แอ้ล่ะเอาอะไรดี บาคาดี้ไหม” ดิวถามแอ้ ผมคิดในใจแอลกอฮอล์มาครบหมดเลยมั้ง

                       “กูว่า กูสั่งกับแกล้มมาดีกว่า ไม่กินแล้วไอศรีมน่ะ กูว่าสั่งข้าวมากินกับพวกมันเลยเถอะ มันจะได้มีอะไรแกล้มเหล้าแกล้มเบียร์” ผมกระซิบกับไอ้บลุ

                      “ต้นข้าว!!” บลูมันพูด

                      “ขอโทษนะคะ!” จู่ๆ คุณน้าเจ้าของร้านที่ยืนฟังไม่ได้จดหรอกเพราะว่าน้าเขารู้ว่าพวกมันไม่ได้หรอกที่สั่งมาน่ะ

                      “ที่เราสั่งมานี่คิดดีแล้วเหรอคะ!!!” นั้นไงกูว่ามันโดนแน่ๆ

                     “ครับผม คิดดีแล้วครับ” ยังอุตส่าห์ไปตอบเขาอีก ไม่สำนึกเลย

                     “พวกเรายังใส่ชุดนักเรียนกันอยู่เลยน่ะ!!” น้าเขาพูด ทุกคนก้มลงมองชุดตัวเอง มันยังสวมชุดนักเรียนอยู่เลย ผมพยักหน้าเป็นไงล่ะ

                     “ชิท!!!!” ไอ้ดิวมันอุทาน

                     “ร้องทำไมของมึงวะดิว” ไอแจ็คมันถามไอ้ดิว

                      “ชุดนักเรียนมันสั่งเบียร์ไม่ได้นะมึง” ไอ้ติ๊กพูด

                     “ใช่ค่ะ!!! ใส่ชุดนักเรียนขนาดนี้ สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหรอคะ นี้ยังอยู่ในเขตโรงเรียนอยู่นะคะ ถึงไม่ใช่ในรั่วโรงเรียนก็เถอะ ร้านน้าไม่ขายแอลกอฮอล่ค่ะ” คุณน้าพูด มันหันมามองหน้าผมสองคนทันที

                      “กูจะทักแล้วแม้เบียร์เย็นๆ ไม่สั่งกลับแก้มด้วยล่ะ กูจะได้สั่งข้าวมารอด้วย กินข้าวเย็นที่นี้ไปเลย ไม่รอไปทานที่บ้าน” ผมพูด

                     “นี่ร้านไอติมนะคะหนู “คุณน้าเจ้าของร้านพูด

                    “งั้นก็เอาน้ำเปล่ามาก่อนเลยครับคุณน้าและขอเมนูมาดูก่อนนะครับ” ไอ้ดิวมันสั่งน้ำเปล่าแทนก่อนจะหันไปหยิบเมนูมาเปิดดูรสไอศครีมแทน

                     “เหมือนเดิมไหมคะ” น้าเขาหันมาถามผมสองคน ผมเลยไม่อยากเปลี่ยนเลย เอาเหมือนเดิมแล้วกัน

                     “อย่าไปส่งสายตาให้พวกนั้นเลยสาวๆ มันชอบอัดถั่วดำนะสาวๆ ฮาๆ “จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้นมาลอยๆ เพื่อไม่ให้สาวๆ ส่งสายตาให้พวกผม

                     “อะไรอีกวะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้นอย่างหัวเสีย ผมกับไอ้บลูหันมามองหน้ากันเลิกลัก นี้คิดว่าหนีพวกนั้นมาได้แล้วยังมาเจออีกชุดเหรอว่ะ

                     “ไอ้ข้าว! กูว่าเราไม่ได้มาหาคำตอบให้พี่ข้าวปั้นแล้วแหละ กูว่าคงได้อย่างอื่นแทน นี่วันแรกเองนะมึง” ไอ้บลูพูด

                    “ชอบกินแบบเป็นแท่งๆ หรือเปล่า พี่มีน่ะ ฮาๆ” ไอ้พวกปากดียังคงแซวแต่ว่าพวกนี้ก็พยายามจะไม่ตอบโต้

                    “มาทานของพี่ไหม มีน้ำสีขาวขุ่นๆ ด้วยน่ะ ถ้าได้ปากเล็กๆ น่ารักอย่างน้องน่ะ” ไอ้พวกนั้นมันย้ายโต๊ะมาอยู่ด้านหลังพวกผม มีหนึ่งคนเดินเข้ามาหาแอ้เพราะว่ามันอยู่ด้านหลังแอ้และมันก็คว้าข้อมือของแอ้ แต่จู่ๆ แอ้ก็บิดข้อมือไอ้คนนั้น

                  “โว้ววว” ไอ้ติ๊กร้องแต่ผมสองคนกอดกันกลมอีกแล้ว

                 “โอ๊ยย สาด!” ได้ผลไอ้นั่นมันร้องลั่นเลยมันคงเจ็บ

                “มึงอยากได้ไอติมแบบเป็นแท่งเหมือนกันใช่ไหมแต่รูปตีน” ไอ้ดิวลุกขึ้นถาม ไอ้นี้ก็โหดไอ้อีก

                “พวกกูมีแต่แบบนี้ให้พวกปากดีแบบพวกมึงอ่ะ เอาไปกระแทกปากและแถมด้วยน้ำราดสีแดงทะลักว่ะ ลองไหมล่ะ “ไอ้ดิวพูดและมันก็คว้าคอเสื้อไอ้คนที่บิดข้อมือเอาไว้และดิวก็ปล่อยมันตรงไปทันทีที่ใบหน้าไอ้คนนั้น ไอ้คนที่ถูกต่อยถึงกลับสะบัดไปเลย

                “อู้ยย!!” ผมกับไอ้บลู ร้องออกมาพร้อมกัน

                “พวกมึงเป็นอะไรกัน กูไม่รู้จักพวกมึงสักหน่อย อย่ามาหาเรื่องกันได้ไหมวะ “ไอ้แจ็คหันไปถาม พวกนั้นดูท่าจะแค้นมากที่ไอ้แอ้กับดิวทำเพื่อนรักของมันเจ็บและตั้งท่าจะเข้ามาแต่ว่าผมซิ อยู่ในวงล้อมแบบนี้

                 “อะไรกันคะ นี้อย่ามามีเรื่องในร้านนะ ไม่งั้นน้าจะแจ้งตำรวจนะคะ” เหมือนระฆังช่วยชีวิตเอาไว้ได้ คุณน้าเจ้าของร้านรีบเดินเข้ามาห้ามปรามเอาไว้ได้ซะก่อน ผมกับไอ้บลูกุมหน้าอก

                “งานงอก” ไอ้ติ๊กพูด

                “วันแรกก็โดนซะแล้ว กูว่าตายแน่ๆ อยู่ต่ออีกปี” น้องพายพูดแต่ว่าผมสองคนซิ อาทิตย์หน้าจะยังได้อยู่หรือเปล่า

                “น้าเห็นค่ะ ว่าเราไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ “คุณน้าคนนั้นพูด เข้าข้างพวกผม

                “เดี๋ยวได้เห็นดี!” พวกนั้นมันมาพยุงเพื่อนมันขึ้น มันมากันห้าหกคนได้แต่ตอนนี้เดี้ยงไปสองคนแล้ว และมันก็เดินออกมาไปจากร้าน พวกนักเรียนต่างโรงเรียนกับพวกผมที่นั่งอยู่ก็หันมามองผมด้วยอาการตกใจ

                “แก ..ใช่พวกที่เขาบอกว่าพวกคุณหนูลูกหลานเจ้าของโรงเรียนบดินทร์วิทยามั้ยวะ? “ผมได้ยินเสียงคนกระซิบกัน

                “ใช่ว่ะ แก ออกเถอะวะ เดี๋ยวเกิดมีมาอีกพวกเราซวย กลับบ้านดีกว่า” นั้นไงแต่ละคนพากันลุกขึ้น พวกผมหันไปมองเจ้าของร้าน ผมว่างานเข้าเจ้าของร้านด้วย โต๊ะเก้าอี้กระจัดกระจาย ทุกคนพากันลุกขึ้นเพื่อช้วยกันเก็บทุกอย่าง

                 “พวกผมขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้” แจ็คพูดพร้อมทำท่าจะส่งบัตรเครดิตให้แต่ว่าคุณน้าเขาปฏิเสธที่จะรับ

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณน้าเจ้าของร้านพูด

                “ถ้าอย่างนั้น บอยว่าพวกเรารีบกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านกันเถอะ “บอยพูด ผมก็พยักหน้ากับไอ้บลูว่าไปเถอะ ไม่ต้องกินแล้วไอติมน่ะ

                “งั้นก็แยกกันข้างหน้านี้น่ะ กูจะไปโทรหาพ่อว่า ให้พ่อกูมารับตรงไหนดี ที่จะไม่เจอตีน” ผมพูดและทุกคนก็พยักหน้าและผมก็ลากแขนไอ้บลูแยกออกไป คือถ้าไม่ไปตอนนี้ไม่ได้ไปแน่นอน ระหว่างที่ผมเดินไปด้านหน้า ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพ่อผมทันที

               // ฮัลโหล พ่อ มารับหรือยัง// ผมถามพ่อของผม

               //มาแล้วเนี่ย ไม่รู้อะไร เด็กช่างที่ไหนมันจะมารอตีใครก็ไม่รู้ ข้าว//พ่อผมพูด

               //เอาอย่างนี้นะพ่อ ไปเจอกันอีกซอย//ผมบอกพ่อผม

               //เออ เอางั้นก็ได้เพราะว่าพ่อรีบ มีคนจะมาดูอุปกรณ์ปลูกบ้าน พ่อนัดไว้ตอนเย็น เลยว่าจะมารับเราก่อน//พ่อบอกผม



                  ผมก็กดวางสายทันทีและพาไอ้บลูเดินไปตามถนน ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นจะเดินย้อนกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถพวกมันยังไงแต่จังหวะนั้นผมหันมาเจอพวกที่จะมาหาเรื่อง ดูมันมาด้วยอาวุธครบมือมากนี่มันยังไม่ยอมเลิกอีกเหรอ เวรแล้ว แล้วผมกับไอ้บลูจะผ่านมันไปได้ยังไง ผมสองคนก้มลงมองเครื่องแบบนักเรียนที่สวมอยู่ ใช่ครับ มันต้องถามแน่ๆ เพราะว่าเรียนที่เดียวกัน
               TBC…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2024 10:23:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5 ความลับจากเพื่อนบ้าน

                    Part’ s ต้นข้าว หลังจากวางสายพ่อผม ผมกับไอ้บลูเดินไปตามถนนเพื่อจะซอยถัดไปซอยนี้เป็นซอยลัดที่จะออกไปยังถนนใหญ่ได้และไปบ้านผมได้นั้นเอง ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นจะเดินย้อนกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถพวกมันยังไง แต่จังหวะนั้นผมหันมาเจอพวกที่จะมหาเรื่อง ดูมันมาด้วยอาวุธครบมือมาก

“บลู!!” ผมหันมาเรียกไอ้บลู ผมหันมาเจอตู้โทรศัพท์พอดี มุกนี้พี่ข้าวปั้นบอกผมเอาไว้ ผมรีบเข้าไปในตู้โทรศัพท์นั้นทันที ผมไม่ลืมดึงไอ้บลูเข้าไปด้วย

“ต้นข้าวจะแปลงร่างเป็นซูปเปอร์แมนเหรอ ทำไมไม่แปลงตั้งแต่อยู่ในร้านไอศรีมละมึง” ไอ้บลูมันถามผม ผมมองหน้ามัน

“โป๊ก!!!” เอามือเคกกะบาลมันทันที

“ในมันในหนัง” ผมพูด

“เปลี่ยนเสื้อซะ สถาบันกูก็รักน่ะแต่ชีวิตกูนี่ที่รักมากกว่า “ผมบอกไอ้บลูและส่งเสื้อให้มันหนึ่งตัว ผมเอามาเผื่อมันด้วย เสื้อรักเรียนโรงเรียนเก่า พอดีมีเสื้อยืดด้านในและเอาเสื้อนักเรียนโรงเรียนเดิมมาใส่และโชคดีที่กางเกงคล้ายๆ กัน ผมสองคนเตรียมพร้อมมาก เรียกว่าทำการบ้านมาดีก็ว่าได้ว่าถ้ามาเรียนที่นี้ต้องทำยังให้รอดชีวิต พอเปลี่ยนเสร็จ ผมสองคนก็เดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ พวกนั้นมันเดินทำหน้าเข้มเต็มคาราเบลไม่ทันได้สังเกตผมสองคน พวกมันคงคิดว่าผมสองคนเข้าไปโทรศัพท์กันละซิท่า ผมเดินส่วนพวกมันออกไป

“อะไรวะ พวกมึงแม่งไม่ได้เรื่องเลย” ผมได้ยินไอ้โจ๋ที่เดินนำหน้าดูท่าจะหัวหน้าแก้งพวกมัน หน้าตาแบบว่า โหดมาก ตัวร้ายในละครใช่มันเลย

“ทำไมป๊าต้องให้พวกเรามารังควานพวกนี้ด้วยอ่ะพี่” พวกมันมีคนส่งมานี่เอง

“กูไม่รู้ รู้แต่ว่าป๋าสั่งมา อย่างถามเยอะเพราะว่ากูตอบไม่ได้ ไอ้เวร!!!” และพวกมันก็เดินผ่านพวกผมไป ผมสองคนก็ทำท่าจะออกวิ่ง

“มึงตอบไม่หรือมึงไม่รู้อะไรเลยก็พูดมาไอ้เชี้ย!!”นี่มันมีคนสั่งมาอีกที ป๋าไหนก็ไม่รู้

“เฮ้ย!!มึงสองคนน่ะ หยุด!!” เวรแล้วไง ผมสองคนค่อยๆ หันไปมองพวกนั้นช้าๆ ช้า ๆ ช้าๆ

“หันให้มันเร็วๆ ดิว่ะ กูจะถามอะไรหน่อย สโลโมชั่นเหลือเกินน่ะมึงสองคนน่ะ” หนึ่งในนั้นพูด

“จะถามเหรอคะพี่!!” ผมก็รีบสวมบทแต๋วทันที บลูมันมองหน้าผม ผมพยักว่าอยากรอดไปไหม

“นั้นซิฮะ วันนี้ไม่รับงานน่ะรีบกลับบ้าน เดี๋ยวแม่ว่า” บลูพูด นิ้วมันออกมากกว่าผมอีก

“อีตุ๊ดเอ๊ย กูไม่เอา!!!” ไอ้หน้าโหดมันพูด

“มึงเห็นไอ้หน้าหล่อๆ ที่มาจากโรงเรียนชายล้วนนั้นไหม” พวกนี้ถามผมและชี้ไปที่โรงเรียนที่ผมเรียน เออจริงดิ โรงเรียนพ่อของติ๊กมันเคยเป็นโรงเรียนชายล้วนมาก่อน แต่ว่ามันนานแล้วน่ะ

“ไอ้พวกนี้มันหลงยุกมาจากไหนวะ ยังคิดว่าโรงเรียนนั้นมันเป็นชายล้วนอยู่” ผมกระซิบกับไอ้บลู

“ไม่ล้วนก็เหมือนล้วนแหละต้นข้าวเพราะว่าผู้หญิงหายาก มีน้อยมาก” ไอ้บลูพูด

“มึงสองคนจะปรึกษากันอีกนานไหม แค่ตอบมาว่าเห็นไม่เห็น เดี๋ยวจับทำเมี่ยเลย” ไอ้พวกนี้พูด

“โรงเรียนXXXX อะไรนี่นะเหรอพี่” ผมถามเสียงอ่อนเสียงหวานใส่

“มึงอย่าไปคุยกับแม่งเลย กูขนลุก ฟังเสียงมันดิ” พวกมันหันมาพูดกัน

“เออ มึงเห็นไหม ตอบมา ไม่ตอบกูเตะไข่แตก!!” ดูไอ้โหดมันขู่ผม

“เห็นเดินออกไปตรงโน้นน่ะ” ผมชี้ไปไม่ใช่ทางที่ไปโรงเรียนแต่เป็นคนละทางกัน

“สงสัยมันให้รถมาจอดรอรับที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าโรงเรียนวะ” พวกนั้นหันมาคุยกันแต่จังหวะนั้น พวกนั้นเดินออกมาด้านหน้าพอดีเลย ผมนึกในใจมึงจะออกมาทำไม และพวกที่มารอเล่นพวกมันก็หันไปเจอเข้าพอดี

“เฮ้ยมันอยู่นั้น!!” เท่านั้นแหละ ผมหันมาพยักหน้ากับไอ้บลูและพวกนี้ก็วิ่งไปหาพวกนั้นทันทีมันวิ่งมาทางผมแต่ไม่ใช่ผมสองคน ส่วนผมสองคนน่ะวิ่งเหมือนกันแต่วิ่งสวนไปเลย รีบไปยังซอยที่ผมบอกกับพ่อผมเอาไว้ ผมรีบวิ่งกันขาขวิดเลย ไปถึงก็เจอรถพี่อของผมจอดรออยู่แล้ว ผมรีบขึ้นรถไปพร้อมกับไอ้บลู

“พ่อออกรถ!!” ผมบอกพ่อผม พ่อกำลังงงก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปทันที วิ่งออกไปโดยไม่ได้หันมาถามพวกผมเลยสักนิด พอผ่านมาได้ผมกับไอ้บลูถอนหายใจออกมาพร้อมกันทันที

“ตกลงโรงเรียนไหนมีเรื่องข้าว?” พ่อถามผม

“ก็เป็นโรงเรียนอื่นอ่ะพ่อแถวนี้มันตีกันประจำพ่อก็รู้” ผมพูดแต่ไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดว่าโรงเรียนที่ผมเรียนนี้แหละพ่อ

“แน่น่ะ ไม่ใช่โรงเรียนที่เราไปเรียนใช่ไหมข้าว บลู” พ่อถามผมกับไอ้บลู ไอ้บลูนี่หน้าซีดรอแล้ว

“ไม่ใช่พ่อ” ผมพูด

“ถ้ามีเรื่องกันเยอะๆ พ่อว่าเราควรจะย้ายกลับไปที่โรงเรียนเดิมหรือไม่ก็ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพ ไปอยู่กับป้าณีเขา เขาดูแลเราได้” พ่อผมพูด ป้าณีคือพี่สาวแม่ผมเอง มีแต่ลูกสาว

“ไม่มีพ่อ” ผมพูด และพ่อก็ขับรถกลับมาถึงบ้าน ผมเจอพ่อของไอ้บลูมารอแล้ว คงแปลกใจทำไมผมสองคนกลับบ้านช้ากันวันนี้

“อ้าวมาแล้วรึ?วันนี้ทำไมกลับช้ากันล่ะ “พ่อของบลูถามขึ้น

“พอดี มีพวกนักเรียนตีกันเลยหาทางเข้ายากนะ” พ่อผมเป็นคนตอบแทน

“วันแรกได้เรื่องซะแล้ว แล้วมันจะจบไปเนี่ย?” พ่อของบลูถาม ผมสองคนหันมามองหน้ากัน

“จบซิพ่อ พวกผมไม่ได้ไปตีกับเขาสักหน่อย” บลูพูด

“ไปบลูงั้นก็ขึ้นรถเลย ขอบใจมากน่ะ” พ่อของบลูพูดขอบคุณพ่อผม พ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะพยักหน้ากับพ่อของบลูและทั้งคู่ก็เดินออกไป

“พ่อจะไปที่ร้านน่ะ เราก็ทำการบ้าน อ่านหนังสือซะด้วย “พ่อผมพูด ผมพยักหน้าพร้อมกลับเดินเข้าไปบ้าน ผมเข้าไปถึงก็เจอแม่ผม ผมชอบทำขนม ขนมเค้กและชอบจัดบ้านด้วย แม่กำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่

“ต้นข้าว มาแล้วเหรอลูก” แม่ถามผม

“ครับแม่ หวัดดีครับ ฟ้อด!!!” ผมตรงเข้าไปหาแม่ผมและกอดหอมกันคนล่ะที

“ทำไมใส่เสื้อนักเรียนตัวนี่ล่ะ “แม่ถามผมทันทีที่เห็นเสื้อนักเรียนของผม

“พอดีเสื้อผมมันเลอะอ่ะแม่ผมเลยเปลี่ยน” ผมพูด

“เปลี่ยนมาใส่ชุดเรียนโรงเรียนเดิมนี่น่ะ ว่าแต่เอาไปด้วยรึ” แม่ถามผม ผมพยักหน้า

“เอ้าๆ งั้นก็ไปล้างไม้ล้างมือจะได้ทานขนมมทำเอาไว้ให้แม่พูด ผมพยักหน้าก่อนจะเปิดทีวีเพื่อจะได้มานั่งข้างๆ แม่ของผม

“ต้นข้าว ไปตัดดอกกุหลาบส่วนหลังบ้านให้แม่หน่อยซิลูก” แม่บอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ ผมเดินไปหยิบกรรไกรก่อนจะเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน บ้านผมค่อนข้างร่มรื่นเพราะว่าพ่อกับแม่ชอบปลูกนั้นปลูกนี้ กิจกรรมวันหยุดคือทำสวนด้วยกัน เมื่อก่อนผมเด็กๆ ก็ชอบช่วยพ่อแม่ทำ ตอนนี้ก็มีบ้างแต่ไม่บ่อย ขี้เกียจตามวัย ขณะที่ผมกำลังยืนตัดดอกกุหลาบให้แม่ผมตามที่แม่บอกผมไว้

ปึก!!มีบางอย่างปามาที่ผม ผมหันไปมองว่าเป็นอะไร เป็นกระดาษที่ม้วนมาเป็นก้อน ผมหยิบมาเปิดดู เป็นลายมือที่เขียนได้ชุ่ยที่สุด น่าจะลายตีนมากกว่า จะว่าเป็นลายมือแพทย์แบบที่เขาพูดกันว่าอ่านไม่ออกเลย น่าจะใช้

“เหี้ย!!มึงเขียนดีดีไม่ได้หรือไง อ่านแม่งไม่ออกเลย แน่ใจน่ะลายมือ กูว่าลายตีนว่ะ” ผมพูดขึ้นลอยๆ ด่าไอ้คนที่โยนกระดาษมา

“กูบอกว่าจะขอคุยด้วย จากพี่มาร์ค แค่นี้มึงอ่านไม่ออกเหรอ” นั้นไงข้อความเสียงก็มาด้วย ผมพยักหน้าแบบนี้ก็มี

“เว้ยย!!” ผมร้องตกใจตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นไปบนกำแพงบ้านและเจอว่าไอ้พี่มาร์ค มันแก่กว่าผมสองปี มันปืนกำแพงอยู่ ไอ้นี่เรียนห้องเดียวกับผมนี้แหละมันคือหนึ่งในแก๊งของภาคิน ใช่แล้วครับ บ้านผมอยู่ติดกับบ้านไอ้พี่มาร์คมัน ไอ้พี่มาร์คเพื่อนของภาคิน มันอยู่หลังบ้านผม อันนี้ผมไม่ได้บอกพวกไอ้แจ็คน่ะ ผมเดินไปที่ตรงกำแพง

“มีอะไร” ผมถามคนที่ยืนอยู่ กำลังแพงมันสูงแต่ไม่มาก ผมแหงนหน้าขึ้นไปมอง ไอ้พี่มาร์ค มันปีนกำแพงขึ้นมา ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรมารองไว้ให้มันยืนอยู่ มันคงไม่ได้เกาะกำแพงอยู่หรอก

“มีอะไร ว่ามา” ผมถามไอ้พี่มาร์ค

“มึงมาเรียนกับพวกพี่ทำไมว่ะไอ้ต้นข้าว” ไอ้มาร์คมันถามผม

“กูไปเรียนที่นั่นเพื่อพี่กู พี่กูแม่งโดนอยู่คนเดียว ลองเป็นพี่มึงดิ มึงจะโกรธไหม” ผมพูด ไอ้มาร์คมันยืนมองหน้าผม ผมกับบ้านไอ้มาร์ครู้จักกันเพราะว่าพ่อไอ้มาร์คทำงานที่อบต. ดังนั้นพ่อกับแม่ผมก็รู้จักในฐานะเพื่อนบ้านและพี่มาร์คก็เป็นรุ่นน้องในแก้งแต่ไม่เคยบอกพ่อกับแม่ผมเลยทั้งที่เจอหน้าก็ยกมือไหว้ทุกครั้ง

“ข้าว… มึงคิดว่าพี่แฮกซ์เหรอวะ” ไอ้พี่มาร์คมันถามผม

“เออ… จะมีใครวะ” ผมถามไอ้มาร์คกลับ

“กูจะบอกให้น่ะว่าไม่ใช่” ไอ้มาร์คพูด

“ถ้าไม่ใช่ไอ้พี่แฮกซ์แล้วใครอ่ะ “ผมถามไอ้พี่มาร์ค ไอ้พี่มาร์คมันมีสีหน้าซีเรียสขึ้นมาทันที ก่อนจะควักมือให้ผมขึ้นไปยืนเสมอมัน ผมหันไปมองซ้ายมองขวา เออ เจอบันไดเลยเอามาพาด บันไดปีนต้นไม้ของพ่อผมเอง เอาว่ะต่อคอคุยกับมันหน่อย ผมปืนขึ้นไปจนเสมอมัน

“กูขึ้นมาขนาดนี้ถ้าเสียเวลากูด่ามึงน่ะไอ้พี่มาร์ค” ผมพูด

“กูก็ไม่กล้าเพราะว่ากูกลัวปากมึงเหมือนกัน” ไอ้พี่มาร์คพูด

“ที่กูไม่กล้าจีบมึงไม่ใช่ว่าพี่ข้าวปั้นน่ะ ปากมึงน่ะน่ากลัวกว่าพี่ข้าวปั้นอีก” ไอ้พี่มาร์คพูด

“ว่ามา!” ผมพูด ไอ้พี่มาร์คมมันมองหน้าผม

“เร็ว!!” ผมเร่งมันก่อนที่แม่จะออกมาตามผม

“กูจะบอกให้น่ะว่าทำไมพี่มึงโดนอยู่คนเดียว” พี่มาร์คพูด

“พี่ข้าวปั้นบอกพวกกูแล้วว่าเขาจะรับคนเดียว เขาไม่อยากให้พวกกูเสียอนาคตมากไปกว่านี้ “ไอ้มาร์คพูด

“เพื่อให้พี่กูเสียอนาคตอยู่คนเดียวนี่น่ะ” ผมพูดมันไม่ใช่เหตุผลเลย

“พวกกูน่ะไปเหยียบตอเอา ตอใหญ่ด้วยและไอ้นี่มันก็เป็นพวกขาใหญ่ ระดับท่อนซุงแต่อันนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้พี่ข้าวปั้นโดนจับ” ไอ้พี่มาร์คพูด

“พี่ข้าวปั้นน่ะช่วยคนหนึ่ง เมื่อก่อนเคยเรียนห้องเดียวกับพี่ข้าวปั้นแต่ว่าสอบติดโรงเรียนเตรียมทหาร ไปเรียนที่นั่น ไอ้นี่น่ะสนิทกับพี่ข้าวปั้นมากแต่สถานะอะไรกูไม่รู้จริงๆ” ไอ้มาร์คพูด

“พี่กูกับเขาคบกันเหรอวะ” ผมถามไอ้มาร์ค

“กูไม่รู้เพราะว่าพี่ข้าวปั้นไม่เคยพูดเรื่องสถานะ” ไอ้มาร์คพูด

“แต่ไอ้นั่นน่ะมันมีเพื่อนไปเรียนที่นั่นด้วย พวกกูรู้มาว่าเขาเจอกันที่โรงเรียนกวดวิชา” ไอ้มาร์คพูด

“แล้ว?” ผมถามไอ้พี่มาร์คเชิงว่าผมกำลังเร่งมันอยู่

“ไอ้พี่คนนี้กลับมาเพราะว่าไปทำเรื่องอะไรไว้ไม่รู้ น่าจะโดนไล่ออกจากที่โน่นแต่ว่า พ่อไอ้นี่เป็นทหารเลยขอให้เพื่อนของเขาที่พ่อของไอ้คนที่พี่เขาไปเรียนเตรียมทหารด้วยกันช่วยและเขาก็ได้กลับมาเรียนที่นี้อีกปี ปีนี้ด้วย” พี่มาร์คพูด

“แต่พอมันกลับมา มันก็ทำเรื่องอีกและปืนที่พี่ข้าวปั้นโดนน่ะปืนของมัน” ผมตกใจ

“ทำไมพวกมึงไม่พูดเรื่องนี้ว่ะ” ผมถามไอ้มาร์ค

“พี่ข้าวปั้นขอเอาไว้ ไอ้นั่นมันคงขอพี่ข้าวปั้นเพราะว่าถ้ามันโดนอีก มันจบเห่แน่ๆ” ไอ้มาร์คพูด

“แล้วไอ้พี่คนนั้น อยู่ไหน” ผมถามไอ้มาร์ค

“มันอยู่ที่โรงเรียนเดียวกับพวกเราตอนนี่แหละ ไอ้นี่แม่งเป็นรุ่นพี่และมันก็โคตรพระเอกอ่ะ ไม่มีใครดูมันออกว่ามันร้าย” ไอ้พี่มาร์คพูด ผมนี่นึกไม่ออกเลยจริงๆ

“ตอนนี้มันกำลังจีบเพื่อนมึงในแก๊งลูกคุณหนูอยู่” ไอ้มาร์คพูด

“คนไหนวะ” ผมถามไอ้พี่มาร์ค

“ไอ้คนที่หน้าหวานๆ ในกลุ่มนั้นน่ะ มีอยู่หนึ่งคนที่ไอ้ดิวมันตามติดอยู่อ่ะ” ไอ้มาร์คพูดอธิบาย นี้ผมเห็นภาพทันที นั้นคือแอ้ แน่นอน

“ไอ้แอ้” ผมพูด

“เออ… “แต่ว่าผมนิ่งและทำท่าคิดใครวะที่ทำท่าที่จะมาจีบแอ้

“ต้นข้าว!!!” จู่ๆ แม่ผมก็เดินออกมาและเปิดประตูหลังบ้าน แม่ออกมายืนมองผมกับไอ้พี่มาร์ค ยืนคุยกันข้ามกำแพง

“อ้าวมาร์ค ทำไมไม่เข้ามาคุยกันในบ้านล่ะลูก ไปยืนปืนกำแพงคุยกันทำไมน่ะ เดี๋ยวก็ได้ตกลงมาแข้งขาหักกันพอดี” แม่ผมถามไอ้พี่มาร์ค

“ผมว่าไม่ดีกว่าครับ ผมชอบยืนแบบนี้ครับแม่ ผมมักความลำบากครับ” พี่มาร์คพูด ไอ้มาร์คนี้แม่เป็นคนอีสานเลยพูดอีสานได้บ้าง ผมหันไปพยักหน้ากับแม่ผมว่าไอ้พี่มาร์คมันชอบแบบนี้

“ว่างแล้วเข้ามาเอาขนมไปให้คุณยายด้วยน่ะมาร์ค” แม่ผมพูด

“แล้วดอกไม้แม่ละข้าว” แม่ถามผม

“เดี๋ยวตัดไปให้แล้วแม่” ผมบอกแม่ผม แม่ก็พยักหน้าและเดินเข้าบ้านไป ผมหันมามองหน้าไอ้พี่มาร์ค

“เออ แล้วมึงรู้ไหมว่าพ่อของคนที่ไอ้พี่คนนั้นขอให้ช่วยน่ะ “ผมถามไอ้พี่มาร์ค

“พี่เคยเจอไอ้พี่คนนี้น่ะที่กรุงเทพ พี่ไปเรียนพิเศษตอนที่ถูกพักการเรียนอ่ะ” ไอ้พี่มาร์คพูด

“พี่ไม่รู้ว่าคนเดียวกันไหม หน้าเหมือนมากแต่นิสัยไม่เหมือนว่ะ ต่างกันสิ้นเชิงเลยมึง” พี่มาร์คพูด ผมก็มองหน้าไอ้พี่มาร์ค

“คนที่ชื่อแอ้อ่ะ” พี่มาร์คบอกผม ผมไม่อยากจะเชื่อเลย แอ้เหรอ

“ตอนแรกพี่ตกใจว่ะแต่มันมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นมึงไปถามคนชื่อแอ้เอาว่า พ่อเขาช่วยใครไว้หรือเปล่า” ไอ้พี่มาร์คพูด ผมก็คิดก่อนจะหันไปมองแม่

“กูต้องตัดดอกไม้ไปให้แม่แล้วอ่ะพี่มาร์ค”  ผมบอกไอ้พี่มาร์ค

“เออ มึงไปเถอะ กูก็เมื่อยคอแย่แล้วเนี่ย” พี่มาร์คพูด

“ไหนบอกว่ามักความลำบาก” ผมถามไอ้พี่มาร์ค

“แต่ตอนนี้กูว่ามันเยอะแล้ว” ไอ้พี่มาร์คพูดก่อนจะทำท่าจะหันหลังลง

“ถามอะไรอย่างดิพี่มาร์ค” ผมถามไอ้พี่มาร์ค ไอ้พี่มาร์คมองหน้าผม

“ทำไมพวกพี่ไม่ชอบพวกนั้นอ่ะ” ผมถามพี่มาร์ค พี่เขาหันมามองหน้าผม ยิ้มๆ แบบนี้

“ไม่ได้ไม่ชอบโว้ย!แต่มีคนสั่งให้ทำและพวกพี่น่ะขอบคนจริงๆ เลยอยากรู้ว่ามันจะซื้อใจพวกพี่ได้ไหม “ไอ้พี่มาร์คพูด

“ข้าว มึงบอกพวกมันหรือเปล่าว่ามึงกับกูรู้จักกัน บ้านอยู่ใกล้ก้นด้วย” ไอ้พี่มาร์คมันถามผม

“ไม่อ่ะไม่ได้บอก” ผมพูด

“อย่าพึ่งบอกน่ะ” ไอ้พี่มาร์คพูด มันยิ้มแบบมีเรศนัย

“พวกมึงไม่ได้อยากกวนตีนพวกนี้ใช่ไหมวะ” ผมถาม

“มีคนสั่งให้ทำ ไอ้คนนี้ ก็ใหญ่พอๆ กับพวกลูกคุณหนู ใหญ่พอจะช่วยพี่มึงได้แต่ทำไม่ได้เพราะว่า พี่มึงดันสารภาพว่าปืนเป็นของเขาคนเดียว ไม่อย่างนั้นไอ้คนที่บอกให้กูทำแบบนี้ มันช่วยพี่มึงไปนานแล้ว” ไอ้มาร์คพูด

“เขานับถือพี่มึง” ไอ้มาร์คพูด ผมมองหน้ามันไอ้นี่เอาแต่ผมมาให้ มันไม่บอกชื่อผมจะไปแกะเอาที่ไหนวะ

“เออๆ แต่ขอบใจน่ะ” ผมพูดแค่นั้นไอ้พี่มาร์ค ก็ะกระโดดลงไป ผมเองก็รีบเดินไปตัดดอกกุหลาบและเอาเข้าไปให้แม่ของผม แม่ก็นั่งจัดดอกไม้รอ ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ แม่ ผมรู้ว่าแม่ไม่อยากให้ผมไปเรียนที่นั่น ไม่อยากให้เหมือนพี่ข้าวปั้นแต่ผมจะหาคำตอบและทำให้พี่ข้าวปั้นออกมาจากที่นั่นให้ได้ ผมยิ้มให้แม่ผมก่อนจะโผ่เข้าไปกอดผม แม่หันมามองผมด้วยความแปลกใจก่อนจะเอามือลูบหัวผมเบาๆ สายตาคู่คี่ ผมดูก็รู้ว่าแม่รักผมมากแค่ไหน ดังนั้นผมจะทำให้เรากลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้งโดยมีพี่ข้าวปั้นด้วย แต่ว่าผมต้องหาคำตอบก่อนว่าพ่อของแอ้เคยช่วยไอ้พี่คนนั้นจริงเหรอ ให้มันรอดแต่พี่ผมซวยแทนนี่น่ะ มันคาใจผมมาก

TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
  ภาคต้นข้าวX พี่กีตาร์ EP.6 เกือบได้เรื่องแล้ว

                Part’ s ต้นข้าว วันนี้ผมมาโรงเรียนเกือบอาทิตย์แล้ว ผมได้เพื่อนใหม่ที่พึ่งมารู้ทีหลังว่ารุ่นน้องพี่ข้าวปั้นปีหนึ่ง พี่ข้าวปั้นสิบเก้าแล้ว รุ่นเดียวกับพี่แฮ็กซ์และพวกนี้ก็เป็นรุ่นพี่ผมสองปี ผมเรียนเร็วไปหนึ่งปีเพราะว่าตอนที่ผมจะเข้าโรงเรียนพ่อผมดูปีผิดและครูที่รับผมเข้าเรียนตอนปฐมก็ไม่ได้ดูวันเดือนปีเพราะว่าผมไปตอนจะปิดรับแล้วและผมกับไอ้บลูเลยฟรุ๊กได้เรียนกับรุ่นพี่ไปเลย ดังนั้นผมถึงต้องทำตัวห้าวเพื่อไม่ให้ใครมารังแกแต่ความจริงก็ไม่มีใครกล้าหรอกเพราะว่าพี่ข้าวปั้นของผม พี่เขาเงียบ นิ่ง สุขุม มีสาวมาชอบเยอะมาก ตบตีกันแย่งพี่ข้าวปั้น ทั้งที่พี่เขาไม่เคยไปหยอดกับใครเขาเลย แต่พี่ผมก็ไม่เคยมีแฟนสักคน มีแต่คนแย่งแต่พี่ผมไม่เอาสักคน

             “ไอ้บลู วันเสาร์นี้มึงไปไหนไหมวะ มาเที่ยวบ้านกูดิ พ่อบอกว่าเพื่อนพ่อจะมาทานข้าวที่บ้านอ่ะ” ผมบอกไอ้บลู บลูมันก็ทำท่าคิด

             “คิดนานงั้นมึงอย่ามาเลยไอ้นี่” ผมพูด

              “ไปดิ ช่วงนี้พ่อบิณ ไม่มีอะไรทำด้วย งั้นไปบ้านข้าวก็ได้” บลูพูด

              “ก็แค่นั่นแหละยืนคิดนานกูนึกว่ามึงจะมาปีหน้า” ผมพูดประชด ผมหันไปมองพี่คนหนึ่งเขาเดินออกไปที่หน้าโรงเรียน ผมเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที คุ้นๆ หน้าผมมาก

              “ต้นข้าว มองใครอ่ะ” บลูถามผมก่อนจะมองตามผมไปเช่นกัน

               “เหมือนเคยเห็นหน้าแต่ว่ากูไม่รู้จักเขาว่ะ” ผมพูดขึ้น

                “พี่คนนี้เหรอ บลูได้ยินน้องๆ เขาบอกว่าพี่เคยเรียนที่นี้และกลับมาเรียนใหม่ ไม่รู้เหตุผลเพราะอะไร” บลูพูด ผมหันไปมองมันได้ยินมาตอนไหน ผมก็อยู่กับมันตลอดน่ะ

               “ก็มีเด็กที่เรียนชั้นม.3 มาซื้อขนมที่บ้านบ่อย” ไอ้บลูพูด บ้านไอ้บลูเขาเปิดซูเปอร์มาเก็ต

              “บลูก็รู้จักเลยถาม เขาก็บอกแบบที่บลูบอกต้นข้าวไปนั่นแหละ” บลูพูด ตอนนี้พี่เขากำลังเดินผ่านพวกผมไป พี่เขาหน้าตาดี แต่งตัวดี ดูภูมิฐาน ดูท่าจะมีเป็นลูกคนมีตัง ขณะที่พี่เขากำลังเดินผ่านผมพี่เขาหันมาเจอผมยืนมองพอดี ผมรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาปิดหน้าพร้อมกันทันที

              “หึๆ” พี่เขายืนตรงหน้าผมกับหัวเราะผมในลำคอซะนี้

              “มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองพี่ตั้งแต่พี่เดินลงมาแล้ว” พี่เขาถามผม แต่ผมกับไอ้บลูยังยืนเอากระเป๋าบังหน้าเอาไว้อยู่

               “นี่เอากระเป๋าลงและมองหน้าพี่ดีกว่าไหมครับน้อง” พี่เขาพูด ผมกับไอ้บลูมองหน้าก่อนจะ กลั้นใจเอากระเป๋าลง

               “ก็แค่นี้เอง ว่าแต่เราหน้าคุ้นๆ น่ะ” พี่เขาพูด ว่าผมหน้าคุ้นๆ ผมหันมามองไอ้บลู ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช้คนเดียวกับที่ไอ้มาร์คมันบอกผมไหมเพราะว่าพี่เขาดูสุขุมนุ่มลึกมาก

               “คือผมก็คุ้นหน้าพี่แต่นึกไม่ออกครับ ว่าเคยเจอพี่ที่ไหน” ผมพูด
 
               “ไม่น่านะ พี่พึ่งมาเรียนปีนี้ปีแรกเอง” พี่เขาพูด

               “มาเรียนตอนมอหกแบบนี้เหรอพี่” ไอ้บลูมันปากไว

               “เออ พอดีพี่ย้ายตามพ่อพี่มาครับ พ่อพี่เป็นตำรวจยศรองผู้บัญชาการนะครับ” พี่เขาพูด ผมพยักหน้า

               “เออ ผมคิดว่าผมจำคนผิดน่ะพี่ ผมไปน่ะพี่ พ่อมารับแล้ว” ผมพูดและรีบจะพากันเดินออก

               “น้องครับพี่ถามหน่อยซิครับ พี่ว่าน้องอยู่ห้อง5/8 ใช่ไหมครับ พี่เคยเห็นน้องเดินแอ้นะครับ” พี่เขาถามและยังบอกว่าเคยเห็นผมเดินกับแอ้ ผมหันไปมองพี่เขารู้จักแอ้ด้วยเหรอ ไม่น่าจะมาด้วยกันกับพวกนั้นน่ะ ผมหันมามองพี่เขา

              “ใช่แน่ๆ เลย เพื่อนของแอ้ใช่ไหมครับ” พี่เขาถามผม

              “พี่รู้จักแอ้ด้วยเหรอครับ” ผมถามพี่เขา

              “รู้จักซิครับ พี่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายแอ้เขาเลย” เขาพูด ผมนี่อึ้งหนักเข้าไปอีก ตกลงพี่คนนี้ใช้ไหม ผมหันมาจ้องมองพี่เขา มองหน้าพี่ มองจ้องจน

               “น้องครับ “พี่เขาดันผมเอาไว้

              “ต้นข้าว มึงจะจ้องหน้าพี่เขาหาริ้วรอยพี่เขาเหรอ” ไอ้บลูมันดึงผมเอาไว้ซะก่อน พี่เขาก็มองผมก่อนจะค่อยๆ ขยับออก

              “พ่อพี่มารับแล้ว พี่ไปก่อนนะครับเพราะว่าพี่มีติวตอนเย็นนะครับ “พี่เขาพูดก่อนจะรีบเดินออกไป ผมก็ยืนมองด้วยความเสียดาย ผมหันมามองไอ้บลู

              “มึงทำเอาพี่เขากลัวไปเลยมึง” ไอ้บลูพูดและผมก็มองเห็นพ่อเขมของผมกำลังชะเงอคอมองหาผมแล้ว

             “ไอ้บลู พ่อกูมารับแล้วมึง” ผมบอกไอ้บลู มันก็วิ่งตามผมออกไป ผมวิ่งออกมาทางประตูเล็กผมนะนำหน้าออกมาก่อน

             “พ่อ!!!” ผมเรียกพ่อ พ่อเขมหันมามองผมก่อนจะยืนเอามือเท้าเอวแสดงว่ารอนานแล้ว ผมหันมามองไอ้บลู มันยังไม่ออกมาเพราะมีไอ้เด็กมอต้นคนหนึ่ง มันทำท่าจะเข้าแต่ว่าไอ้บลูจะออก มันโยกหลบกันแต่โยกหลบไปทางเดียวกันตลอด ผมก็ยืนมองว่ามันจะได้กลับบ้านไหมวันนี้

               “มึงเล่นอะไรของมึงเนี๊ยะ กิง-ก่อง- แก้ว กันอยู่เหรอ กี่ขวบแล้วพวกมึง” ผมถามทั้งคู่ ไอ้เด็กคนนั้นหันมามองหน้าผมก่อนจะเกาหัวแกร็กๆ

               “ไอ้แชมป์ เร็วๆ” ผมได้ยินเพื่อนมันเรียก

               “น้องเข้ามาก่อนก็ได้ เฮอะๆ” ไอ้บลูมันเลยหลบและบอกให้น้องมันเข้าไปก่อน ผมพยักหน้าว่าให้มันได้แบบนี้ดิและพอไอ้บลูออกมาได้ผมก็รีบเดินตรงไปหาพ่อเขมของผมทันที

               “พ่อมารอนานแล้วเหรอ” ผมถามพ่อผมก่อนจะรีบเข้าไปนั่งในรถทันที พ่อผมเดินเข้ามานั่งแต่ตายังมองไปรอบๆ โรงเรียนของผมเหมือนพ่อเขมกำลังมองหาอะไรอยู่ ผมพยักหน้าให้ไอ้บลูมันเข้ามานั่งด้านในได้แล้ว พ่อเขมก็ตามเข้ามาก่อนจะหันมามองหน้าผม

               “วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” พ่อผมถามขึ้น ผมหันไปมองพ่อผมก่อนจะส่ายหัวทันทีว่าไม่มีอะไร

               “ต้นข้าว” พ่อเรียกชื่อผม

               “ไม่มีอะไรนิพ่อ ก็โรงเรียนเหมือนทุกวันนั่นแหละ “ผมพูดแต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าพ่อของผม

               “นี้ยังปิดพ่ออีกเหรอต้นข้าว “พ่อผมถามผมเสียงแข็ง

               “บลู!!” พ่อหันไปหาไอ้บลูทันที

                “บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้ จริงๆ แล้วโรงเรียนนี้มีเรื่องตีกันทุกวันจริงไหม บอกพ่อมาซิ” พ่อถามผม ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าพ่อเลยก้มหน้าตลอดเลย

                “พ่อรู้” ผมพูดเบาๆ

                 “ใช่พ่อรู้ เมื่อวันก่อนมีคนเข้ามาฉุดกระชากเด็กผู้ชายหน้าโรงเรียน ข้าว!! นั้นมันเด็กผู้ชายน่ะต้นข้าวไม่ใช่เด็กผู้หญิง!! “พ่อผมพูด

                 “พรุ่งนี้ไม่ต้องเตรียมตัวมาเรียนน่ะ พ่อจะหาโรงเรียนให้ใหม่ นี้คือคำสั่ง “พ่อผมพูดก่อนจะออกรถไป ผมหันมามองไอ้บลู ซวยเลย ความลับอะไรก็ไม่ได้ ทั้งที่มันเข้ามาแล้วทีละนิดแต่นี่พ่อดันสั่งห้ามไปเรียนอีก จะหาโรงเรียนให้ใหม่อีก ผมอยากจะบ้าตาย

                 “วันเสาร์นี้ห้ามไปไหนน่ะ เพื่อนพ่อจะมาทานข้าวด้วย เขามาจากกรุงเทพ อันที่จริงเราน่าจะไปเรียนคอนแวนต์น่ะเพราะว่าเขาก็รับผู้ชายแล้วแต่แค่พึ่งจะเปิด ไปไหมต้นข้าว” พ่อผมาถมผม ผมหันมามองไอ้บลู

                 “ลูกสาวเพื่อนพ่อก็พึ่งจะย้ายมาและลูกชายคนที่สองเขาก็มาเรียนเพื่อรีเกรดจะไปเข้ามหาวิทยาลัยและไม่แน่ถ้าเราไปเรียนมหาวิทยาลัย พ่อกับแม่จะได้ฝากเขาดูแลเราเพราะว่าพี่ข้าวปั้นออกมาจากสถานพินิจก็คงต้องช่วยพ่อทำงานไปเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่แล้ว” พ่อผมพูดยาวเลย ผมสองคนนั่งฟังไปจนถึงบ้าน พ่อของไอ้บลูก็จอดรถรออยู่แล้ว พ่อบิณเดินลงจากรถมารอรับไอ้บลู สีหน้าตึงเครียดมาแต่ไกล

              “กูว่ากูก็คงหูชาหลังจากนี้” ไอ้บลูพูด

              “บลู พ่อเตือนแล้วว่าอย่าย้าย อย่าย้ายโรงเรียน น่าจริงๆ เราสองคนนี้” พ่อบิณต่อว่าไอ้บลูทันที

             “อาบิณ มันไปเพราะว่าผมอา” ผมพูด

            “อากับพ่อเราคุยกันแล้วว่าเราต้องคน อยู่บ้าน จนกว่าจะหาโรงเรียนใหม่ได้ ย้ายตอนนี้ มันยากอยู่แล้วแต่ว่าห้ามไปเพราะว่าสถานการณ์ไม่น่าปลอดภัย ต้นข้าว บลู “อาบิณพูด ผมหันมามองไอ้บลู ผมพยักหน้าว่าให้มันขึ้นรถพ่อมันไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน ส่วนผมก็เดินเข้าบ้านตามหลังพ่อผมไป พ่อคงไม่ไปที่ร้านแล้วแหละ ดูท่าทางจะเข้าบ้านเลย ผมเดินไปหาแม่ของผม ไปกอดแม่ แม่ก็คงรู้แต่บางเรื่องแม่ก็ตัดสินใจไม่ได้เพราะบางเรื่องแม่ก็ให้สิทธิ์พ่อมากกว่า

                  Part’ s กีตาร์ ผมชื่อกีตาร์ ผมมีพี่น้องสามคน คนโตชื่อพี่ซอ ผมคนกลางชื่อกีตาร์และน้องสาวคนเล็กชื่อเปียโน่ พ่อแม่ผมเป็นครูสอนดนตรีทั้งคู่ ตอนนี้พ่อแม่ผมเปิดโรงเรียนสอนดนตรีโดยเฉพาะ พ่อผมชื่อกลองและแม่ผมชื่อแม่ขิม ผมกลับมารีเกรดใหม่เพราะอยากเข้าวิศวคอมพิวเตอร์ อันที่จริงผมเข้าไปเรียนแล้วแต่ไม่ใช่ทางของผม ผมไม่มีความสุขเลยบอกพ่อว่าขอไม่เรียนอยากเรียนที่ผมชอบแต่เกรดมันก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจและประจวบเหมาะว่าเกิดเรื่องจนทำให้ผมต้องออกจากมหาวิทยาลัยพอดี แต่ต้องกลับมาเรียนโรงเรียนคอนแวนต์ที่เคยมาเรียนเมื่อสองปีที่แล้ว

                ผมเป็นลูกชายคนเดียวที่ถูกส่งมาเรียนที่นี้เพราะว่ามีเรื่องกับลูกนักการเมืองและเขาก็จะเอาเรื่องผมเพราะว่าฟังลูกชายเขามากกว่า ทั้งที่ลูกชายเขามาหาเรื่องผมก่อน แต่โชคดีที่เพื่อนรักผมเขาให้พ่อเขาช่วยเอาไว้และผมก็ต้องกลับมาเรียนที่นี้ตอนม.5 ทำให้ผมเจอเพื่อนในแก๊งของไอ้สรจักร มันเป็นรุ่นน้องผมแต่ว่าผมไม่เจออดีตหัวหน้าของพวกนี้น่ะเพราะว่าผมสุงสิงกับพวกเพื่อนเก่าผมมากกว่าแต่มารู้จักกับเพื่อนๆของไอ้ภาคินทีหลัง หลังจากที่ลูกพี่พวกมันโดนตำรวจส่งเข้าสถานพินิจไป ผมก็พอรู้เรื่องพี่คนนี้บ้างแต่ไม่ได้อย่างสนใจ ผมไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครที่จะทำให้ผมเดือดร้อนไปถึงพ่อแม่ผม

               “ไอ้กีตาร์” ผมลงจากรถได้ไอ้คนที่เรียกชื่อผมคนแรกคือไอ้ธงรบ ผมมีเพื่อนสนิทหลายคนแต่ที่สนิทมากก็จะมีไอ้ว่าที่สามทหารเสือนำทีมไอ้สรจักร ไอ้นี่มันอัลฟ่าของกลุ่มเลยดีกว่า ไอ้ธงรบ ไอ้นี่ก็เพื่อนสนิทอีกคน ไอ้อธิปแต่ไอ้นี่ผมสนิททีหลังเพราะว่าเป็นเพื่อนกับไอ้สรจักรมาก่อนผมแต่ว่าย้ายไปเรียนที่อื่นก่อน ไอ้สรจักรกับไอ้ธงรบ ไอ้พวกนี้มันไม่ใช่พวกเจ้าชู้แต่มีเด็กมาหามันเยอะแยะ มันเลยทำให้ผมได้ไปด้วย ผมเองก็ชอบแบบไม่ผูกพันเพราะว่าผมจะผูกกับใครสักคน คนนั้นผมต้องชอบจริงๆ และผมเองก็ยังหาไม่ได้เลย ผมเลยขอลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัยไปก่อน

               “ไงว่ะมึง กลับมารีเกรดหรือว่าจะกลับมาฟันเด็กกับกูกันแน่ เอาดีดี!” ไอ้ธงรบมันถามผม ผมหันมาหยักคิ้วว่าคืนนี้มีไหม

               “มีดิ มาทั้งแก๊ง” ไอ้ธงรบมันพูด ผมเดินไปขึ้นคอนโดหรูใจกลางเมือง คอนโดที่เรียกว่าแหล่งกบดานของพวกเพื่อนผม เอาไว้ฟันเด็กๆ ที่มาหา อันที่จริงผมจบแล้วแต่ว่าผมต้องกลับมารีเกรดบางวิชา ที่ผมต้องใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัย ผมอยากเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์

               “ดีวะ” ผมพูดพร้อมกับนั่งลง

              “มึงพึ่งมาถึงก็ซ่าเลยเหรอวะ” ไอ้สรจักรมันถามผม

              “นี้มึงคุยอะไรกันอยู่ว่ะ” ผมถามไอ้สรจักร ผมหันไปรับเบียร์จากไอ้ธงรบมาเปิด ผมสิบเก้าแล้วแก่กว่าพวกนี้ไม่กี่เดือน

              “ไอ้อธิปมันบอกกูว่าเจอลูกพี่ลูกน้องกูมาอยู่ที่นี้ “ไอ้สรจักรพูด

              “ชุดไหนวะ” ไอ้ธงรบมันถามทันที

              “ชุดที่มีคนที่กูอยากได้อยู่ด้วย” ไอ้สรจักรพูด ผมหันไปมองใครวะ ไอ้นี่มันก็ไปเรื่อยแต่มันก็ไม่เน้นผูกมัดเหมือนไอ้ธงรบเหมือนกัน

              “น้องแอ้เหรอ” ไอ้ธงรบมันถามไอ้สรจักร

               “ไอ้ภาคินมันมาแล้ว มึงลงไปรับมันขึ้นมาให้กูทีดิไอ้ธง” ไอ้สรจักรมันบอกไอ้ธงลงไปรับไอ้ภาคินเพื่อนผมอีกคนที่พึ่งจะกลับไปเรียนเหมือนกันเพราะว่าโดนพักการเรียน แต่ล่ะคนใช้ได้จริงๆ เพื่อนผม

               “อะไรวะ ให้มันรอพาเด็กกูขึ้นมาด้วยดิ” ไอ้ธงรบพูด

              “มึงไปรับมันมาให้กูก่อนกูจะคุยธุระ ไอ้เสาธง!!” ไอ้สรจักรพูด มันนั่งสูบบุหรี่อยู่ก่อนจะหันมามองหน้าผม

               “มึงย้ายมาอยู่ที่นี้ทั้งครอบครัวไหมวะ ไอ้กีตาร์” ไอ้สรจักรมันถามผม

               “มาแค่กูกับน้องสาวว่ะ กูแค่มารีเกรดส่วนเปียโนมันย้ายมาเรียนม.4 ที่นี้เลย” ผมตอบมัน

               “ทำไมวะ” ไอ้สรจักรมันถามผม

               “พ่อกลัวมันจะเสียคนไปกับเพื่อนๆ ของมันอ่ะและมาอยู่ที่นี้ ใกล้กับเพื่อนของพ่อแต่กูยังไม่เคยเจอน่ะ “ผมพูด ผมไม่เคยเจอเพราะว่าเขาย้ายไปตั้งแต่ผมยังเล็กมากและมีแค่พี่ซอที่เคยเล่นกับลูกชายคนโตเขา ที่ชื่อพี่ข้าวปั้น ผมเองก็ไม่เคยเจอแต่ได้ยินมาว่าไปอยู่ที่สถานพินิจแล้ว

                “มึงแฮ็คข้อมูลคนนี้ให้กูหน่อยดิว่ะ กูอยากรู้ว่ามันกำลังทำอะไร” ไอ้สรจักรมันส่งงานมาให้ผม ผมพยักหน้าและรับไป ผมจะไปใช้คอมพิวเตอร์ที่ผมประกอบเองและมันก็สเป็กแรงกว่าคอมพิวเตอร์ไหนๆ ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามานั้นคือไอ้ภาคิน มันสวมชุดอยู่บ้านมา

              “ดีวะ” ไอ้ภาคินทักทายผมกับไอ้สรจักรและไอ้อธิป

              “มาเลยไอ้คิน มาเล่าให้กูฟังหน่อยดิ ว่าเพื่อนใหม่มึงเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่างานเข้าทุกวัน ฮาๆ” ไอ้สรจักรมันพูด ไอ้ภาคินมันหันไปรับเบียร์มาจากไอ้ธงรบ

              “แต่กูว่าเด็กๆ สำหรับพวกมันว่ะ เมื่อวันก่อนไอ้ดิว มันจัดซะหลับกลางอากาศไปเลยมึง” ไอ้ธงรบมันพูด ผมหันมามองแม่งเก่งขนาดนี้เลยเหรอ

               "กูเคยต่อยกับมัน มันเจ๋งว่ะ กูยังน่วมเลยมึงแต่มันก็หนักพอพอกับกู"ไอ้สรจักรพูด ผมหันมามอง ตกใจมากตรงนี้แหละ ไอ้สรจักรนี้มันโหดและหมัดมันหนักใช่เล่น มันเป็นนักมวยได้เลยน่ะแต่ไม่เอา มันอยากไปสายทหารมากกว่า

               “อีกอย่าง ไอ้เดี่ยวเพื่อนมึงกลับมา” ไอ้ภาคินพูด ไอ้ธงรบมันกำลังดื่มเบียร์มันถึงกับวางขวดเบียร์มันทันที ผมรู้ว่ามันโดนเด็กแท่งเอา ผมยังมาเยี่ยมมันเลยและจะไปเอาคืนแทนแต่ไอ้สรจักรมันห้ามเพราะว่าไอ้ธงรบมันผิด มันก็ดีตรงนี้ไงพวกนั้นเลยอยากได้เป็นหัวหน้าแต่มันไม่เอา

               “ดีเลยกูจะได้เอาคืน” ไอ้ธงรบพูด

              “มึงซ่าหนักถ้าเกิดเรื่องมา กูไม่ให้พ่อกูช่วยนะมึงและมึงผิดครั้งก่อน มึงยังจะไปเอาคืนอะไกับมันว่ะ มึงไปนอนกับแฟนมัน อันนี้กูไม่เข้าข้างวะ” ไอ้สรจักรหันมาชี้นิ้วบอกไอ้ธงรบ มันก็คงไม่กล้าทำหรอก

             “มึงคิดถึงม๊ามึงด้วยไอ้เสาธง” ไอ้สรจักรพูด

            “น้องมึงก็หางานให้พวกมันนี่หว่า” ไอ้สรจักรพูด ผมหันไปมองไอ้ภาคิน มันจะซวยเพราะน้องลูกแหง๋มันหลายครั้งแล้ว เป็นผมน่ะมันโดนจัดหนักไปแล้ว แต่ไอ้ภาคินบอกว่าลูกรักแม่มัน นิสัยแย่แบบนี้เรียกลูกรัก

            “วันนี้มึงกลับดึกได้เปล่าไอ้กีตาร์” ไอ้ธงรบมันถามผม

            “ได้ว่ะ พรุ่งนี้กูเบี้ยวได้ ขี้เกียจอยู่เหมือนกัน” ผมพูดพร้อมกับกระดกดื่มเบียร์ไปด้วย ผมดื่มได้เพราะว่าผมไปเรียนแค่บางรายวิชาเท่านั้นที่ขอรีเกรดใหม่ ผมนั่งดื่มกันไปสักพัก

             “กูลงไปรับน้องๆ ก่อนนะมึง ใครอยากเข้าก่อน หยิบบัตรคิวเลยน่ะ” ไอ้ธงรบมันพูด ผมหันมามองไอ้สรจักรมันจะลุยก่อนไหม ไอ้จักรมันก็ยกแก้วว่ามันรีบมันจะเอาก่อนเลย

             “มึงบอกว่าน้องชายพี่ข้าวปั้นย้ายมาเรียนโรงเรียนมึงเหรอวะ” ไอ้สรจักรพูด ผมได้ยินแต่ไม่เคยสนใจเรื่องพี่ข้าวปั้นอะไรนี้มาก่อนแต่ผมรู้ว่าเขาเป็นหัวหน้าแก๊งให้ไอ้ภาคิน

             Rrrr มือถือผมดังขึ้น เบอร์ของแม่ผมเอง ผมยกมือเบรกขอตัวไปหาที่เงียบๆ คุยกับหญิงแม่ของผมก่อน แม่ผมไม่ได้เป็นคุณหญิงหรอกแต่ผมชอบเรียกกันว่าหญิงแม่

           (ครับแม่)

           (กีตาร์ ไปไหนอีกแล้วไม่อยู่บ้าน) แม่ถามผม

           (ผมออกมาหาเพื่อนนะครับแม่) ผมบอกแม่ของผม

            (อย่าหาเรื่องอีกน่ะกีตาร์ จะได้ไปเข้ามหาวิทยาสักที นี้ขนาดแค่รีเกรดสองวันเท่านั้นน่ะต่ออาทิตย์และนี้พ่อเขาให้โอกาสสุดท้ายเราแล้วน่ะ อย่าทำให้แม่กับพ่อต้องมีปัญหากันเพราะเราเลยน่ะกีตาร์) แม่พูด จริงๆพ่อกับแม่เคยทะเลาะกันเลยแต่ตอนที่ผมมีเรื่องกับนักการเมืองพ่อโกรธผมมากและผมก็ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่เอาจริงๆผมก็ไม่ได้ชอบอยู่แล้วสาขาการดนตรีที่พ่อส่งผมไปเรียน

             (อาทิตย์นี้แม่กับพ่อจะไปเยี่ยมหาเพื่อนรัก เราไปด้วยกันน่ะ เพื่อว่าเขาจะได้ช่วยเราดูแลน้องสาวจอมแก่นของเราด้วย

             (ดูท่าพ่อกับแม่จะงานเข้า ดังนั้นพ่อกับแม่จึงจะฝากเราไว้กับเพื่อนแม่ะและพ่อ) แม่ผมพูด

              (อย่าลืมล่ะ เข้าใจไหมกีตาร์) แม่สั่งผม

               (ครับแม่) ผมตอบแม่ก่อนจะกดวางสายไป ผมหันหลังเดินเข้าบ้าน น้องสาวผมไปนอนบ้านเพื่อน เพื่อนคนนี้ผมรู้จักและไว้ใจได้เป็นเพื่อนผู้หญิงของเธอ ผมก็เลยออกมาหาอะไรทำได้วันนี้ ผมเดินกลับเข้าไป ฮาเรมกำลังเกิดขึ้นเลย มีเด็กๆ ไอ้ธงรบมาถึงแล้ว มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย

               “ไงไอ้ฐา ทำไมมาได้ละมึง” ผมถามไอ้ฐาปณัฐ ลูกพี่ลูกน้องไอ้สรจักรมัน ไอ้นี่พี่มันโหดเป็นครูสอนหน่วยซีลแล้วตอนนี้ ชื่อพี่อู๋ ไอ้ฐาปณัฐมันยกมือไหว้ผมเพราะว่าผมรุ่นพี่มันสองปี

              “หมับ” มีหนุ่มน้อยเข้ามากอดผม หน้าตาน่ารักแต่ว่าผมไม่คิดอยากได้เป็นแฟน น้องเขาแรงเกินไป อยากจับผมจนตัวสั่น

              “พี่กีตาร์ มิวอ่ะคิดถึงพี่อ่ะ พี่ไม่โทรหามิวเลย “น้องเขาพูดเชิงต่อว่าผม

              “มิวครับ พี่ไม่ได้เป็นแฟนมิวและมิวก็ไม่ได้เป็นแฟนพี่นะครับ” ผมพูดมิวชักสีหน้าตกใจ

              “แล้วที่เรามีอะไรกันละ” มิวถามผม ผมหันไปมองไอ้ธงรบ เด็กมึงเยอะแล้ว

              “มิว พี่บอกตั้งแต่แรกแล้ว มิวไม่เข้าใจเหรอ ว่าพวกพี่ไม่ชอบผูกพัน ถ้ามิวรับไม่ได้ ถอนตัวไปได้น่ะครับ ” ธงรบมันนั่งเอามือพาดไปที่เก้าอี้ มองมิว เพื่อนๆ มิวขยิบตาให้มิว

             “ว่าไงครับ ถ้าไม่รับตรงนี้ ก็ปล่อยพี่ พี่หาคนใหม่” ผมพูด มิวมองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

             “ห้ามมามีปัญหากับพี่ที่หลังนะครับ พี่ทำได้มากกว่าแค่ขู่” ผมพูดกับมิวก่อนจะเดินไปนั่งและเปิดเบียร์ดื่ม

             “วันนี้มึงไม่กลับบ้านใช่ไหมวะ” ไอ้สรจักรมันถามผม

             “น้องกูไม่อยู่บ้าน ไปค้างบ้านเพื่อน” ผมตอบ มิวก็มานั่งเอาใจผม

            “งั้นก็เต็มที่เลยแต่กูต้องพาไอ้ฐามันกลับว่ะ “ไอสรจักรมันพูด

             “กูขอเข้าไปจัดก่อนเลยน่ะ พวกมึงไม่รีบ จัดทีหลังกูแล้วกัน” ไอ้สรจักรมันพูดและมันก็พาเข้าไปในห้องเลย

                   ผมพยักหน้ากับพวกนี้ ดูเพื่อนมึงควงไปสองคนเลย ชอบโดนรุ่มว่างั้น เมื่อก่อนพี่ชายมันพี่อธิคมกับพี่อู๋ก็ไม่ใช่เล่นๆ โดบเฉพาะพี่อู่ ผมก็นั่งดื่มจะว่าไปก็เบื่อน่ะ เบื่อที่ต้องมาทำตัวแบบนี้ แต่ผมเป็นประเภทเรื่องมากด้วยมั้ง ขนาดน้องมิวนี้เขาชอบผมมากผมยังไม่อยากได้มาเป็นแฟนเลย หรือว่าผมจะชอบเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาแบบนี้กันแน่

             "ไอ้คิน น้องพี่ข้าวปั้น คนไหนวะ กูไม่เคยเห็นใช่ไหมวะ" ไอ้ธงรบมันถามไอ้ภาคิน

             "อาจจะเคยแต่พี่ข้าวปั้นไม่บอกมึงอ่ะ เขากลัวมึงยุ่งกับน้องเขา" ไอ้ภาคินมันพูด

             "และปากมันจัดมาก ไม่เชื่อไปถามไอ้มาร์ค บ้านมันอยู่หลังบ้านไอ้ต้นข้าว มันยังไม่กล้าจีบเลย" ไอ้ภาคินพูด ผมก็โบกมือไม่ชอบคนปากจัด ไม่เอาอ่ะ ผมหันมามองน้องมิว ที่ส่งสายตาเชื้อเชิญผม ชงเหล้ามาให้ด้วย แถมแกล้งสัมผัสจุดยุทธศาสตร์ผมบ่อยๆ สงสัยอยากให้จัดให้แน่ๆ ไอ้ธงรบมันพยักพเยิดให้ผม

               "น้องว้อนทฺไปก่อนได้เลยไอ้กีตาร์" ไอ้ธงรบมันบอกผม ผมพยักหน้าว่าน่าจะต้องจัดก่อนเลย ไอ้ภาคินมันก็ไม่ธรรมดามีเด็กสองคนประกบดูแล ที่คอนโดนี้เลยเรียกได้ว่ามันคือฮาเรมของไอ้ธงรบและพวกผม เอาไว้มีความสุขกัน เหล้าเบียร์แค่นั้นไม่มียาเสพติด ผมก็พาน้องมิวไปหาที่สนองสักหน่อย อ่อยเหลือเกิน

               TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.7 ได้กลับไปเรียนแล้ว

                Part’ s ต้นข้าว ผมไม่ได้ไปเรียนเพราะว่าพ่อเขมสั่งห้ามไปก็วันที่มีคนมาฉุดกระชากธรรณ์ที่หน้าโรงเรียนนั่นแหละและเรื่องหลุยส์พ่อผมก็ได้ยินมา พ่อเลยห้ามไม่ให้ผมไปเรียนอีก ทั้งที่ผมเริ่มจะได้เบาะแสแล้วแต่พ่อก็บอกว่าได้ไปก็เท่านั้นเพราะว่าพี่ผมรับผิดคนเดียวและพวกคนอื่นๆ ก็มีคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลังกันทุกคนและนี้ผมอยากรู้ว่าคนที่ไอ้มาร์คมันบอกผมว่า พ่อเขาช่วยพี่คนที่มาใหม่นั้นคือพ่อของแอ้จริงไหม แต่ผมต้องหาก่อนว่าพี่คนใหม่น่ะ ใช่คนเดียวกับที่ผมยืนคุยวันนั้นไหม แต่ยังไม่ทันไรเลย พ่อสั่งแบรนด์ผมซะแล้ว

                 ผมเดินลงมาด้านล่างวันนี้เป็นวันเสาร์ พ่อผมบอกว่าเพื่อนของพ่อและแม่จะมาทานอาหารเย็นที่บ้านกันมาพร้อมกับลูกๆ ของเขาด้วย ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะได้ลงมาช่วยแม่ผมจัดอาหารเย็น ทุกวันนี้เหมือนไม่ใช่ลูกชายเหมือนเป็นลูกสาวของแม่ผมไปแล้ว พอผมเดินลงมาก็เจอใครบางคนที่ยืนมองดูรูปครอบครัวที่มีผมกับพี่ข้าวปั้น พ่อและแม่ยืนถ่ายรูปด้วยกัน มีหลายรูปเลย

                  “สวัสดีครับพี่” ผมทักทายคนที่ยืนถือรูปพี่ข้าวปั้นขั้นมาดู ผมถึงกับขมวดคิ้ว ใครอีกวะ พี่เขาก็ค่อยๆ หันมามองผม อุบ๊ะ พี่เขาหล่อมาก สูงมาก ผมว่าพี่ข้าวปั้นสูงแล้วนะแต่มาตรฐานชายไทยแต่พี่คนนี้สูงกว่าอีก พี่เขาหันมาก็ยิ้มให้ผมทันที รอยยิ้มที่ดูละมุนนั้น

                  “สวัสดีครับ น้องข้าวหอม” พี่เขาพูด แต่ว่าเรียกชื่อผมผิดครับ

                  “พี่เป็นใครอ่ะครับ” ผมถามพี่เขา น้ำเสียงที่ตื่นเต้นหายไป นึกในใจนี้เรามาถึงจุดที่โจรมันหน้าตาดีขนาดนี้แล้วเหรอและบุกมาท้าทายเราถึงในบ้านขนาดนี้ แต่มันควรจะศึกษาข้อมูลเจ้าของบ้านมาบ้างน่ะว่าชื่ออะไร ผมค่อยๆ ล้วงเอามือถือออกมาทันที

                  “พี่ชื่อพี่ซอครับ ไม่เคยเจอกันเลยนะครับ” พี่เขาพูด

                   “ผมว่าพี่เข้าผิดบ้านแล้วและผมคิดว่าพี่คือ…” ผมพูด พี่เขามองหน้าผม

                   “โจร!!!” ผมพูด พี่เขารีบวางรูปที่ถือลงทันที

                    “ไม่ใช่ครับ พี่มากับ…” พี่เขาพูดและชี้นิ้วไปด้านในห้องรับแขก

                   “พี่กำลังจะบอกผมว่าพี่มา…” ผมถามพี่เขาด้วยสีหน้าตกใจ

                   “ใช่ครับ พี่มากับพวกเขา” พี่เขาบอกผม ผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์นำเลย เบอร์ตำรวจ

                   “เดี๋ยวๆๆ น้องครับ “พี่เขารีบห้ามผม

                    “พี่มากันเป็นแก๊งเลยใช่ไหมพี่ พ่อแม่ผมคงไม่อยู่บ้าน พี่เลยเข้ามาจะยกเค้าบ้านผม” ผมพูดและกดหาเบอร์ตำรวจ งานต้องพึ้งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แล้วครับผม พี่เขารีบแย้งมือถือผม

                    “เฮ้ยเดี๋ยวน้อง เป็นแก๊งอะไรพี่มากับครอบครัวน้อง!!” พี่เขาพูด

                   “น้องข้าวหอมพี่มาดี” พี่เขาพูด

                    “นั้นไง เรียกชื่อยังเรียกผิดเลย ไปคุยกับตำรวจเถอะ” ผมพูดและพยายามจะกดโทร

                      (นี้แม่พิณ ลูกเธอก็โตแล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะไปหาเพื่อน เอาไว้เธอก็มาอีกซิ มาบ่อยๆ มาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ เด็กๆ จะได้รู้จักกัน ตอนนี้มีแค่ต้นข้าวคนเดียวแล้ว “แม่ผมเดินคุยมากับใครก็ไม่รู้ ผมก็พยายามยื้อแย่งมือถือกับโจรหน้าตาดีอยู่

                     “น้องครับพี่ไม่ใช่โจรน้อง” พี่เขาพูด

                    “ต้นข้าว!! เล่นอะไรกับพี่เขาน่ะ” แม่ผมเข้ามาถึงก็ถามผมพร้อมกับมองผมกับพี่เขาสลับกันไปมา

                    “แม่ โจรเข้าบ้าน บอกพ่อเขมเร็วแม่” ผมบอกแม่ผม

                   “โจรที่ไหนต้นข้าว!!” แม่ผมถามผม

                   “นี้ไง” ผมชี้ให้แม่ดูหน้าพี่เขา แม่ก็หันไปมอง พร้อมกับชี้นิ้ว ผมก็มองแม่อย่าเห็นว่าหน้าตาดีเลยไม่เชื่อดิ

                    “พี่ไม่ใช่โจรน้อง” พี่เขาพูด

                   “ซอ ไปทำอะไรน้องเขาน่ะ” ผู้หญิงอีกคนเดินมาบอกผู้ชายที่กำลังยื้อแย้งมือถือกับผมอยู่

                    “น้องเขาจะโทรเรียกตำรวจมาจับผมแม่” พี่เขาพูด

                    “ต้นข้าว!! ส่งมือถือมาให้แม่” แม่ผมบอกพร้อมกับแบมือขอมือถือผมไป และแม่ก็มองผมสองคน

                    “หยุดต้นข้าว โจรเจินอะไรที่ไหนล่ะ นี้พี่ซอ เป็นลูกชายของน้าสายพิณกับอากลอง เขาสองคนเป็นเพื่อนรักของพ่อกับแม่ลูก คนที่มีแม่บอกว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วยน่ะ” แม่ผมเอ็ดผมทันที

                     “พี่บอกแล้วว่าพี่มากับเขา” พี่เขาพูดและพ่อผมกับเพื่อนพ่อเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น เสียงคุยกันอยู่ในนั้น ดูหัวเราะชอบใจกันน่าจะสนิทกันมาก

                    “ก็พี่เขาเรียกชื่อผมผิดอ่ะ ผมก็นึกว่าพวกซุ่มเขามาปล้นอะไรแบบนี้อ่ะแม่” ผมพูด

                     “แล้วไปเรียกชื่อน้องเขาว่าอะไรละซอ” แม่ของพี่เขาถามลูกชายเขา พี่เขาหันมามองหน้าผม

                     “น้องข้าวหอมครับ” พี่เขาพูด

                     “น้องไม่ได้ชื่อข้าวหอม จ๊ะซอ น้องเขาชื่อต้นข้าว” แม่ผมบอกพี่เขา พี่เขาก็ยกมือเกาหัว

                    “มันคนละอย่างกันเลยไม่ได้ใกล้เคียงกันเลย หิวข้าวเหรอ เลยอยากกินข้าวหอมมะลิ” ผมพูดก่อนจะเดินแยกไปทันที

                    “ไม่ใช่คนนี้” ผมได้ยินเสียงแม่ของพี่เขาบอกพี่เขา ผมหันไปเหลียวหลังมอง ใครกันน่ะข้าวหอม ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยน่ะ พี่เขาคงจำคนผิดมั้ง แต่ผมเห็นแม่เหมือนมีอะไรจะพูดกับเพื่อนเขา ผมเดินเข้าไปเพื่อจะได้ช่วยแม่ผมจัดโต๊ะอาหาร จะได้ทานอาหารเย็นกัน จะว่าไปผมก็คิดถึงพวกนั้นเหมือนกันน่ะ พึ่งได้เป็นเพื่อนกันไม่นานก็ไม่ได้เป็นต่อแล้ว

                    “ต้นข้าว “แม่เรียกผม

                    “นี้น้าสายพิณเป็นเพื่อนรักของแม่ตอนที่เรียนที่กรุงเทพด้วยกันและเขาก็เป็นแฟนของเพื่อนรักพ่อเขาด้วยน่ะ “แม่แนะนำเขาให้ผมรู้จัก ผมก็ยกมือไหว้

                     “จะว่าไปน่ะ คนนี้หน้าเหมือนเธอน่ะ ส่วนข้าวปั้นนี้เขาเหมือนพ่อเขา” น้าเขาพูด

                       แม่กับน้าสายพิณก็ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร พ่อผมกับเพื่อนของพ่อเดินเข้ามา ดูทั้งคู่คุยกันสนุกสนาน เหมือนไม่ได้เจอกันมานาน ผมหันไปมองพี่คนที่ผมเกือบเรียกตำรวจมาพาไปนอนห้องขังก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คนหน้าตาน่ารักสวย จัดว่าสวยเลยทีเดียว บ้านนี้หน้าตาดีทั้งบ้านนะผมว่า

                    “มาแค่สองคน อีกคนติดเพื่อนมาก” น้าเขาบอกแม่ของผม

                    “คนนั้นมาอยู่ที่นี้ก่อนแล้วนิใช่ไหมล่ะสายพิณ” แม่ผมถามเขา มาอยู่แต่ไม่เคยมาทักทายเลยนี่น่ะ

                     “ใช่แล้วแต่ก็ดึงกลับไปเรียนพิเศษทุกช่วยปิดเทอม ตอนนั้นฉันก็ยุ่งมากเลย เจอพิษเศรษฐกิจไปกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้แย่เลย” น้าเขาบอกแม่ผม

                     “นั่งได้เลยจ้ะ อาหารพร้อมแล้ว ซอ เปียโน” แม่ผมบอกคนที่ยืนอยู่ เปียโนเธอยิ้มให้ผม

                     “เปียโนนี้พี่ต้นข้าว” แม่ของเปียโนแนะนำ

                      “น่าจะรุ่นเดียวกันน่ะเพราะว่าต้นข้าวน่ะเขาเรียนก่อนไปหนึ่งปี” แม่ของผมบอกเพื่อนของแม่ เขาก็พยักหน้า เธอนั่งลงเธอยิ้มให้ผม

                    “เปียโนเขาเรียนที่คอนแวนต์นะต้นข้าว” แม่บอกผม ผมพยักหน้า

                    “ต้นข้าวละ เรียนที่ไหน” เธอถามผม

                   “เรียนที่…” ผมกำลังจะตอบ

                    “กำลังหาที่เรียนให้ต้นข้าวใหม่น่ะ “พ่อผมพูด

                    “ทำไมละไอ้เขม ลูกมึงยังไม่ได้เข้าเรียนอีกเหรอนี่มันจะเดือนหนึ่งแล้วน่ะที่เขาเปิดเทอมน่ะ” เพื่อนพ่อร้องทักทันที ผมหันไปมองหน้าพ่อผม เป็นไงล่ะ พอดีผมคงไม่ต้องเรียนจบกันไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยที่พ่ออยากให้ไปแน่นอน แทนที่จะให้ผมไปเรียนต่อ

                  “ก็ไอ้ต้นข้าวดันย้ายไปเรียนที่โรงเรียนที่ตีกันบ่อยๆ นั้นไงและที่เขาตีกันเพราะว่าศึกชิงที่ดินนี้แหละ กับพวกผู้มีอิทธิพลในพื้นที ส่วนเจ้าของน่ะไม่ใช่คนพื้นที่แต่มาเปิดเหมือนบังหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ รับหมดทั้งคนมีเงินและมีเงินก็เข้าเรียนได้” พ่อผมพูด

                  “พี่ต้นข้าวเรียนที่โรงเรียนบดินทร์วิทยา เหรอคะ” เปียโนถามผมทันที

                    “ทำไมอ่ะ จะย้ายไปบ้างเหรอ “พี่ซอเขาถามน้องสาวเขา

                   “ไม่ใช่ เปียโนได้ยินมาว่า มีคนหล่อ ลูกคุณหนูไปเรียนที่นั่น และมีหนึ่งคนที่เปียโนชอบมาก พี่ต้นข้าวติดต่อให้หน่อยซิ พี่เขาชื่อพี่ดิว คนนี้ที่ฟันศอกจนพวกที่ไปทำร้ายสลบกลางอากาศเลยอ่ะ เปียโนชอบอ่ะ” เธอพูดกับผมออกตัวแรงมาก

                 “เปียโน” แม่ของเธอรีบห้ามปรามทันที

                 “ที่ชื่อดิวเหรอ “ผมถามเธอ เธอรีบพยักหน้าแต่ว่าแม่เธอชี้นิ้วห้ามเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง

                “ไอ้ดิวมันมีแฟนแล้ว” ผมพูด

                “ไม่เห็นเป็นไรเลยแค่แฟน เพื่อว่าพี่เขาอยากเปลี่ยนใจ” เธอพูดแบบนี้ทำเอาผมเงยหน้ามามองหน้าเธอ แรงได้อีก ผมหันไปมองพี่ชาย ทำไมต่างกันสุดขั้วขนาดนี้พี่ชายนี้นั่งนิ่งได้แต่ยิ้มๆ

                “เอาไว้เปียโนไปหาพี่ต้นข้าวที่โรงเรียนได้ไหมอ่ะ อยากเจอพี่เขาอ่ะ” เปียโนพูด

                 “ไม่ได้แล้วละครับ” ผมตอบเธอ

                “ทำไมละ” เธอถามผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจไม่น้อย

                 “พี่ไม่ได้ไปเรียนแล้วครับ เผลอๆ อาจจะไม่ได้ไปเรียนที่ไหนเลยก็ได้ อยู่บ้าน ปลอดภัยดี ไม่ต้องไปเจอโลกอันโหดร้ายแบบนี้” ผมพูดเชิงประชดพ่อผมนี่แหละ

                 “ต้นข้าว พ่อรู้น่ะว่าเราประชดพ่อ!!” พ่อผมพูด ผมก็นั่งทานอาหารไม่พูดไม่จาอะไรต่อ ส่วนพี่ซออะไรนี้ก็สะกิดเปียโนให้หยุดเซ้าซี้ผมเรื่องจะให้ติดต่อไอ้ดิวให้ เธอก็นั่งทานของเธอไปเงียบๆ ผมนั่งทานกันจนเสร็จเรียบร้อย แม่ผมกับน้าสายพิณก็ช่วยกันล้างทำวามสะอาดในครัว ส่วนผมขอไปนั่งดูซีรีส์เกาหลีต่อ ดูจนจบไปหลายรอบแล้ว เบื่อมากอยากกลับไปเรียน

                 “กริ้ง!!!” เสียงกริงหน้าบ้านที่ไม่ค่อยได้มีคนมากด มีแต่วันนั้น วันที่พี่ชายผมถูกตำรวจรวบตัวไปนั่นแหละ มันทำให้ผมขวัญผวา ผมลุกขึ้นแต่พ่อผมยกมือห้ามขอเดินออกไปดูเอง ผมนั่งลง พี่ซอเขารู้จักพี่ข้าวปั้นมาก่อนแต่แปลกใจทำไมเขาเรียกผมว่าข้าวหอมนี่แหละ ผมก็ไม่ได้ถามอะไร

                   “เข้ามาในบ้านซิ ภาคิน แฮ็กซ์” พ่อผมบอกใครสักคน ผมหันไปมองไอ้พี่ภาคินกับพี่แฮ็กซ์ ว่าแต่มากันทำไม

                   “แป๊บหนึ่งน่ะกลอง มีคนขอมาคุยด้วย” พ่อผมพูด ผมหันไปยกมือไหว้พี่ภาคิน แต่ในห้องเรียนไม่ได้ไหว้น่ะและพี่แฮ็กซ์นี้ก็ไหว้ตลอด ที่เจอ พี่เขามากับพี่กอล์ฟด้วย แต่มาทำไมไม่รู้ และที่น่าแปลกใจ เปียโนยิ้มทักทายเหมือนรู้จักดีทีเดียว

                   “พี่ซอ นี้พี่ภาคินเพื่อนพี่กีตาร์อ่ะ” เธอบอกพี่ซอ

                   “พี่ซอสวัสดี” พี่ภาคินยกมือไหว้พี่ซอ ส่วนพี่แฮ็กซ์เขาแค่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องกับพ่อผม

                   “ต้นข้าวไปเรียกแม่เรามาซิ บอกว่าภาคินกับแฮ็กซ์และกอล์ฟเขามาคุยด้วย” พ่อบอกผม ผมพยักหน้า พ่อผมน่ะจะรู้จักพวกพี่ๆ เขาเพราะว่าเคยมางานวันเกิดพี่ข้าวปั้นที่บ้านหลายครั้ง ผมก็เดินเข้าไปในห้องครัว

                   “แม่ พ่อให้มาเรียกอ่ะ บอกว่าพี่ภาคินกับพี่แฮ็กซ์และพี่กอล์ฟมาคุยด้วยอ่ะแม่” ผมแม่ผม

                   “แกร็ก!!” แม่ทำช้อนตกลงในอ้างทันที น้าสายพิณยังตกใจเลย ผมก็มองแม่ผม

                 “ที่ไหนละ” แม่ถามผม

                 “ในห้องทำงานพ่ออ่ะแม่” ผมบอกแม่ผม

                 “เดี๋ยวฉันมาะนะ” แม่บอกน้าสายพิณก่อนจะเดินออกไป ผมเองยังแปลกใจเลยว่าทำไมแม่ถึงได้ตกใจขนาดนี้

                  “ต้นข้าว เปลี่ยนใจไปเรียนกรุงเทพเถอะลูก แม่เรานี้เป็นห่วงเรามากน่ะและไปอยู่ใกล้ๆ กับน้าหรือบ้านน้าก็ได้น่ะ พี่ๆ เขาจะได้ช่วยดูแล “น้าสายพิณบอกผม ผมก็ยิ้มๆ ผมไม่อยากไปจนกว่าจะได้เรื่องพี่ข้าวปั้น

                   ผมไม่ได้ตอบอะไรน้าเขา ผมเดินออกไปด้านนอก เห็นพี่ซอเขาหยิบรูปมาดูกับเปียโน ผมเดินไปนั่งลง พี่เขาก็มองหน้าผมก่อนจะวางรูปลง ผมมองในห้องทำงานพ่อผม ดูเหมือนจะคุยกันด้วยเรื่องตึงเครียดนี่มันจะมาบีบให้ผมไปเรียนที่อื่นกันขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าใช่แสดงว่าที่มันบอกผมว่าไม่ได้รู้เห็นน่ะ มันโกหกแน่ๆ

                  “ต้นข้าวพี่ถามหน่อยซิ ทำไม ข้าวปั้นถึงได้ซวยอยู่คนเดียวทั้งที่ทั้งแก๊งรอด” พี่เขาถามผม ผมก็มองหน้าพี่เขา

                  “ผมก็อยากรู้พี่ แต่แม่ไม่อยากให้ผมไปหาคำตอบที่นั่น” ผมพูด

                 “พี่ไม่อยากเชื่อเลยนะ ข้าวปั้นเป็นคนเรียนเก่งมาก ขนาดน้องชายพี่บอกพี่ว่าข้าวปั้นเป็นหัวหน้าแก๊ง พี่ยังไม่เคยเชื่อเลยน่ะ” พี่เขาพูด
                 "น้องชายพี่เขาเคยมาเรียนที่นี้ตอนม.4 อ่ะ มาอยู่คนเดียวที่นี้เพราะว่าเพื่อนเขาบ้านอยู่ที่นี้ เขาเลยขอมาและพ่อกับแม่พี่ก็คิดว่าจะย้ายมาที่นี้อยู่แล้ว ตอนนั้นยุ่งๆ พ่อกับแม่พี่เลยไม่ได้บอกพ่อกับแม่ของเราน่ะ" พี่ซอพูด

                “เขาบอกพี่เมื่อไหร่อ่ะ เรื่องพี่ข้าวปั้น” ผมถามพี่ซอ

                  “ก่อนจะเกิดเรื่องอ่ะ น่าจะสองสามเดือนก่อน” พี่เขาพูด นี่พี่เขารู้ก่อนบ้านผมอีกเหรอ

                  “พ่อกับแม่และผมรู้เรื่องวันที่พี่เขาโดยตำรวจมารวบตัวที่บ้านนั่นแหละพี่” ผมพูด

                 “น่าเสียดายจังที่พี่ไม่ได้เรียนที่นั่นแล้ว เปียโนเลยอดไปดูหนุ่มหล่อเลย” เปียโนพูด

                “คิดแค่นี้เหรอ ระวังแม่ได้ยินเข้าจะหยิกแขนเรา” พี่ซอหันไปพูดกับน้องสาว

                “นี้พี่ชายเรากลับมาหรือยัง” พี่เขาถามเปียโนส่วนผมก็มองไปในห้องนั้นที่ยังสนทนากันอยู่

                “ไปปั่ม ปั๊มกับเด็กพี่ธงรบอีกแล้วไง “เธอพูดพร้อมกับเบ้ปากทันที ไม่นานพ่อกับแม่ผมก็เดินออกมาพร้อมกับพี่ภาคินและพี่แฮ็กซ์ พี่กอล์ฟอีกคน

                   “อาจะขอคิดดูก่อนน่ะ อารู้ว่ามันไม่ได้ส่งผลดีต่อต้นข้าวแต่ว่าโรงเรียนนี้จะปิดตัวลงเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ ตอนนั้นมันจะแย่เข้าไปอีก นี้ผู้อำนวยการก็ไม่มี ครูก็เหลือน้อย ใครจะดูแล พวกเราก็เหมือนกัน จะมาทิ้งอนาคตเปล่าๆ น่ะ จะเหมือนข้าวปั้นเขา อาเป็นห่วง” พ่อผมพูดออกมา

                  “ผมเชื่อว่ามันจะดีขึ้นครับอา ตอนนี้เขาส่งคนมาช่วยแต่ยังอยู่ในช่วงทดลองงาน ถ้าพวกเขาผ่านโปร โรงเรียนนี้ก็รอด ผมคิดว่าน่ะ” พี่แฮ็กซ์พูดและหันมามองทางผม อย่าบอกน่ะว่าพี่เขาหมายถึงไอ้พวกนั้นน่ะ

                   “แต่ผมก็เชื่อว่าเขาจะช่วยให้มันดีขึ้นนะครับอาเขม” พี่เขาพูด

                   “ขอบใจน่ะแฮ็กซ์และแม่ขอบใจที่ไปเยี่ยมพี่ข้าวปั้นเขาบ่อยๆ ด้วยน่ะ “แม่ของผมบอกพี่เขา พี่เขาพยักหน้าก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและพากันเดินออกไป โดยไม่ได้พูดอะไรกับผม ผมหันมามองพ่อผม พ่อยกมือเบรกผมเอาไว้ ก่อนจะเดินมานั่งคุยกับเพื่อนๆ ของเขาแทน คุยกันเรื่องความหลัง ส่วนเปียโนนี้ก็ติดมือถือ พี่ซอเขาก็เล่นมือถือเหมือนกัน ผมจะเดินไปเรียกไอ้มาร์คก็มืดแล้วแม่ไม่ให้ไปแน่ๆ ตอนนี้มันเหมือนผมเหมือนคนขรี้ไม่ออกยังไงก็ไม่รู้ มันอึดอัด

                    “งั้นพวกฉันกลับบ้านกันก่อนแล้วกันน่ะ เอาไว้จะมาอีก อาหารเมียเรานี้อร่อยเหมือนเดิม” เพื่อนของพ่อชมแม่ผม แม่ผมทำเองอาหารวันนี้ ผมก็เข้าไปช่วยบ้างแต่ช่วยหั่นผัก หั่นหมู ปลอกกุ้งแค่นั้นที่ช่วยได้

                    “พี่กลับก่อนนะครับน้องข้าว…” ผมหันมามองหน้า ยังหิวข้าวหอมมะลิอีกเหรอ

                   “น้องต้นข้าว” พี่เขารีบกลับคำทันที

                  “เปียโนไปก่อนนะต้นข้าว อย่าลืมน่ะฝากบอกพี่ดิวที่ว่ามีคนอยากรู้จักมาก กอไก่ล้านตัวเลย” เปียโนบอกผม ผมพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันมายกมือไหว้เพื่อนของพ่อและแม่ผม

                  “อย่าลืมละข้าว ตัดสินใจไปเรียนกรุงเทพเมื่อไหร่ บอกน้าน่ะ จะจัดห้องพักเอาไว้รอ นี้เปียโนเขาเรียนแค่ปีนี้เขาก็จะกลับไปเรียนที่กรุงเทพแล้ว “เพื่อนของแม่ผมพูดก่อนจะเดินพากันเดินออกไป พ่อกับแม่ผมเดินออกไปส่ง ผมยืนมองมือถือผม จะถามใครได้ว่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นไอ้มาร์คมันอยู่หลังบ้านก็ไม่เคยขอเบอร์มือถือมันหรอก รู้อย่างนี้ขอไว้ก็ดี ในฐานะเพื่อนในห้องเรียน

                  “ต้นข้าว” พ่อผมเดินเข้ามาพอดี ผมหันไปมองพ่อเขมของผม

                   “วันจันทร์ไปเรียน” พ่อบอกผม ผมหันไปมองพ่อผม

                  “วันจันทร์ไปเรียนแต่ระหว่างนี้พ่อจะหาที่เรียนใหม่ให้เราไว้รอน่ะ เรียนให้จบเทอมนี้ก็ได้ พ่อขอน่ะต้นข้าว” พ่อผมพูด

                   “จริงอ่ะพ่อ” ผมกระโดดดีใจ

                  “แล้วไอ้บลูละ” ผมถามพ่อผมทันที

                   “จะโทรไปบอกไอ้บิณมันให้ว่าให้บลูไปเรียนด้วยจะได้มีเพื่อน” พ่อผมพูด ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานเพื่อโทรศัพท์คุยกับอาบิณ ผมหันมามองแม่ของผม

                    “แม่ถามจริงๆ เถอะ มีดีอะไรที่โรงเรียนนั้น” แม่ถามผม

                    “ผมได้เพื่อนใหม่แม่และเพื่อนใหม่ผมก็เรียนห้องเดียวกับพี่ภาคิน “ผมพูด

                   “ภาคินก็บอกแม่กับพ่อเราแบบนั้น ติดเพื่อนใหม่น่าดู “แม่ผมพูด

                   “ทุกทีผมมีแค่ไอ้บลูแต่ตอนนี้ผมมีพวกนั้นด้วย แก๊งใหญ่เลยนะแม่และพวกนี้ ผมชอบอ่ะ “ผมพูด

                  “พามาทานข้าวที่บ้านบ้างน่ะ” แม่บอกผม

                 “วันเกิดเราไง ชวนเขามาที่บ้านนะ” แม่บอกผม ผมพยักหน้าและตามแม่เข้าไปในห้องครัวเพื่อจะได้เก็บภาชนะเข้าที่ ผมเป็นคนทำหน้าที่เก็บส่วนแม่ผมก็เช็ดให้แห้งก่อนเก็บเข้าตู้

                 “แม่ทำไมพี่เขาเรียกผมว่าข้าวหอมล่ะแม่” ผมถามแม่ผม แม่หันมามองหน้าผม ก่อนจะวางบางสิ่งลง แม่เดินเข้ามาจับใบหน้าของผม

                  “แม่เคยมีลูกชายอีกคน คนกลาง เขาเกิดมาก่อนเราปีหนึ่งแต่ว่าพอแม่ตั้งท้องเรา บริษัทเลิกจ้างกะทันหัน พ่อเราเงินเดือนสูงมาเขาก็จ้างออกแม่กับพ่อเลยตัดสินใจมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดนี้และตอนนั้นทางบ้านยังลำบาก ป้าที่แม่รู้จักเขาขอพี่เขาไปเลี้ยงในฐานะลูกและแม่ก็ยกให้เขาไปเพื่อว่าจะดีกว่านี้ แม่ไม่รู้ว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมด้วยไง” แม่อธิบายกับผม

                  “พี่เขาก็คงจำได้แค่ข้าวหอมน่ะ “แม่พูด

                  “ผมมีพี่อีกคนเหรอครับแม่” ผมถามแม่ผม

                 “ใช่แล้วแต่แม่สัญญากับคนที่แม่ยกให้เขาไปจะไม่แสดงตัวตนว่าเป็นพ่อหรือแม่เขา เพราะว่าเขาจะเลี้ยงพี่เราเหมือนเป็นลูกของเขาแท้ๆ “แม่บอกผม ผมพยักหน้า ผมกอดแม่ผมทันที ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่อยากยกลูกตัวเองให้ใครและที่แม่ต้องทำเพราะพี่เขาด้วยจะได้สบาย ผมหันมาช่วยแม่เก็บข้าวของต่อจะได้เตรียมตัวขึ้นนอน ผมหวังว่าอาบิณจะให้ไอ้บลูไปเรียนกับผมเหมือนเดิม

                  TBC


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.8 เกือบอีกแล้ว ครึ่งแรก

                Part’ s ต้นข้าวผมได้กลับไปเรียนแล้วแม้จะแค่เทอมเดียวก็ตาม ผมจะต้องหาความจริงของพี่ข้าวปั้นให้ได้ ผมตื่นมาเช้ารีบแต่งตัว พ่อเขมอาสาไปส่งเหมือนเช่นทุกวัน วันนี้แม่ตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำขนมไปส่งร้านค้า หนึ่งในนั้นก็คือซูเปอร์มาเก็ตของไอ้บลู วันนี้แม่ผมทำชิฟฟอร์นมะพร้าวอ่อน แพ็คเอาไว้อย่างสวยงามน่าทาน

             “แม่ ผมไปโรงเรียนนะแม่” ผมเดินไปหาแม่ผมในห้องครัว

              “ดีใจน่าดูน่ะเราน่ะ” แม่ทักผม

              “แม่จะให้มาอยู่บ้านทำไมน่าเบื่อออก ไปโรงเรียนดีกว่า มีเรื่องให้ตื่นเต้นเยอะแยะเลย” ผมพูดหยอกแม่ผม

              “ก็พูดอย่างนี้ไง พ่อเราถึงไม่อยากให้ไป” แม่ผมหันมาเอ็ดผม พ่อผมเดินออกมาพอดี พ่อแต่งตัวที่จะไปที่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างหลังจากที่ส่งผมไปโรงเรียน

                "ตอนเที่ยงพ่อมารับแม่น่ะ “พ่อผมเดินมาบอกแม่ผม ก่อนพ่อจะไปทำงานจะหอมแก้มแม่ทุกครั้งไม่เคยเลยที่จะไม่หอม ผมอยากรู้จังว่าจะมีคนรักที่ทำแบบนี้ทุกวันไม่เคยเปลี่ยนไหม

                  “ไปได้แล้วต้นข้าว “พ่อผมพูด ผมหันไปหอมแก้มแม่ผมเช่นกัน

                  “อย่าหอมนาน นั้นของพ่อ” พ่อผมหันมาบอกผม

                  “ของพ่อคนเดียวที่ไหน นี้ก็แม่ผมน่ะพ่อ” ผมพูด ผมได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ไอ้บลูมันมาแล้ว แม่ก็พยักหน้าบอกพ่อผมให้หยิบเอาขนมที่แม่ไปฝากขายไว้ที่ซูเปอร์มาเก็ตของพ่อแม่บลู ไม่ได้เอากำลังอะไรเลย บ้านผมกับบ้านของบลู พ่อแม่เราช่วยเหลือกันมานาน

                 “ไอ้บิณ นี้ขนม” พ่อผมส่งถุงขนมที่แม่ผมทำให้ไป ส่วนไอ้บลูมันวิ่งมาก็ยกมือไหว้พ่อผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมพยักหน้าไอ้บลูให้ไปขึ้นรถ ผมหันมามองหน้ามัน

                  “เราต้องสืบหาความจริงให้เร็วที่สุด” ผมกระซิบกับไอ้บลู พ่อผมขึ้นมาบนรถพอดีเลย พ่อผมขับรถออกมาได้หน่อยก็เห็นรถบ้านไอ้มาร์คจอดอยู่ ดูท่าจะรถเสีย พ่อผมจอดและพยักหน้าว่าจะลงไปดูเอง

                   “ต้นข้าวก็ให้ไอ้พี่มาร์คช่วยดิ” บลูพูด ผมพยักหน้าและนั้นพ่อผมก็เดินกลับมาพร้อมกับไอ้พี่มาร์ค

                   “ให้พี่มาร์คไปโรงเรียนด้วย รถเขาเสีย” พ่อบอกผม ผมพยักหน้าไอ้พี่มาร์ค มันขึ้นมานั่งในรถ

                   “พ่อโทรตามช่างแล้วใช่ไหมมาร์ค” พ่อผมถามไอ้พี่มาร์ค

                    “ครับอา ช่างกำลังมาครับ” พี่มาร์คพูด ผมหันไปมองไอ้มาร์ค ยิ้มให้มันด้วยในฐานะเพื่อนร่วมห้อง

                    “ไปไหนกันอ่ะ ไปลาออกเหรอ” ไอ้มาร์คมันทักผม

                     “ไอ้ปากหมา!!!” ผมหันไปด่ามันทันที

                    “ต้นข้าว ไปด่าพี่เขาทำไมละ “พ่อผมหันมาเอ็ดผมทันที

                     “ก็ดูมันทักดิพ่อ “ผมพูด

                     “อาก็อยากให้มันลาออกวันละสามเวลา จะย้ายมาทำไมก็ไม่รู้” พ่อผมพูดขณะที่ขับรถออกไป ไอ้มาร์คมันหยักคิ้วให้ผม

                     “อา ถ้าเป็นเรื่องที่มีคนมานั้นน่ะ ไม่ใช่ความผิดของนักเรียนโรงเรียนผมหรอกอา แค่มีคนอยากปั่นน่ะ เขาอยากได้ที่ดินตรงนี้ ไปทำห้างสรรพสินค้าแต่ว่าใครนั้น พวกผมก็ไม่รู้น่ะ ได้ยินเด็กแก๊งอื่นเขาพูดกันนะอา” ไอ้พี่มาร์คพูด

                     “และมันพอดีมีลูกหลานเจ้าของโรงเรียนเขามาเรียนที่นี้ด้วย เลยโดนรับน้องไปอา” ไอ้มาร์คพูด

                     “ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนมาเรียนที่นี้เหรอ ทำไมเขาไม่ไปเรียนที่กรุงเทพ ที่นั่นใหญ่กว่าที่นี้อีกน่ะ” พ่อผมยังแปลกใจเลย

                     “เขามาเพราะเหตุผลอะไรพวกผมไม่รู้หรอกครับอา” ไอ้มาร์คพูด มันหยักคิ้วให้ผม ไม่นานรถก็มาจอดด้านหน้าโรงเรียน ผมลงจากรถ รอไอ้บลูมันลงจากรถเหมือนกันและไอ้มาร์คก็เดินไปยกมือไหว้พ่อผม ผมก็ไม่ลืมไหว้พ่อผมเช่นกัน ไอ้บลูมันเหมือนยืนมองใครอยู่ ผมเดินอ้อมรถไปดูเพราะว่ามันจะไม่ทันได้กินข้าวเช้า

                     “ไอ้บลู!!” ผมเรียกไอ้บลู มันยืนมองเด็กมอสองที่ยืนโบกมือให้ไอ้บลู ไอ้นี่จะกินเด็กน่ะ ผมหันมามองไอ้บลู

                      “เข้าเรียน” ผมพูด ไอ้บลูทำปากยู่และผมก็เดินตามไอ้มาร์คไป

                     “ไอ้พี่มาร์ค” ผมเรียกไอ้พี่มาร์ค มาร์คหันมามองหน้าผม

                     “ถ้ามึงจะมีไอ้ ไม่ต้องมีพี่ตามมาหรอก ไอ้นี่!!” ไอ้พี่มาร์คมันพูด

                     “ถามหน่อยดิ ทำไมไอ้ภาคินมันไปคุยกับพ่อแม่ให้อ่ะ” ผมถามไอ้พี่มาร์ค

                     “ไอ้ภาคินมันจะโดนไล่ออกแต่เพื่อนมึงในแก๊งลูกคุณหนูอ่ะ เขาช่วยเอาไว้และบอกว่าคนที่ผิดน่ะน้องชายมันไม่ใช่ตัวมัน” ไอ้พี่มาร์คบอกผม

                     “ไอ้แจ็คมันเลยขอข้อแรกเปลี่ยนกับภาคินให้ไปคุยกับพ่อแม่มึงให้อ่ะ ไอ้ภาคินก็กลัวพ่อมึง เลยไปขอให้พี่แฮ็กซ์ไปคุยให้ด้วยเพราะอย่างน้อยพี่แฮ็กซ์ก็เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ข้าวปั้น เคยเข้าออกบ้านมึงอ่ะ ก่อนที่พี่ข้าวปั้นจะโดนซิวไป” ไอ้พี่มาร์คพูด ผมพยักหน้าว่าอย่างนี้นี่เอง

                     “มีอะไรอีกไหมกูจะไปหาเพื่อนกู ไม่เจอกันหลายชั่วโมงคิดถึง” ไอ้มาร์คพูด

                     “ก็ไปดิ กูไม่ได้รั้งเอาไว้นิ” ผมพูด

                     “ไอ้นี่ ปากมึงนี่น่ะ กูอยากรู้ใครจะจีบมึงวะ” ไอ้พี่มาร์คพูด ผมหยักไหล่ไม่แคร์ ผมเดินตามหลังไอ้มาร์ค มันก็เดินกดมือถือและจู่ๆ มันก็เบรกซะจนผมที่เดินตามหลัง ชนมันเต็มๆ

                     “ปึก”

                    “ปึก” อีกคนคือไอ้บลู มันชนผมอีกที มันมัวแต่อ่านข้อความในมือถือของมัน

                    “ไอ้พี่มาร์ค มึงหยุดทำไม” ผมถามไอ้พี่มาร์ค
 
                    “เชี้ย กูว่างานเข้าว่ะ” ไอ้พี่มาร์คพูดและชี้ไปที่รถกระบะที่จอดอยู่แต่ดูสภาพรถแล้วมันโดนใครพ่นสี ผมก็มองหน้าไอ้มาร์ค

                    “มึงรู้จักเจ้าของรถเหรอ” ผมถาม

                    “รู้ดิ มันเคยเรียนที่นี้ มันคือคนที่เขาพูดกันว่า คุณก็รู้ว่าใคร” ไอ้พี่มาร์คพูด

                     “แล้ว มันคือใครว่ะ” ผมถาม ไอ้มาร์คมันก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความ

                    “ใครเขาก็รู้มึงไม่รู้เหรอ” ไอ้พี่มาร์คถามผม

                    “ก็ไม่รู้ไง ใครอ่ะ” ผมถามมันอีก

                     “เดี๋ยวมึงก็รู้ กูไปก่อนน่ะ กูไปบอกพวกไอ้ภาคินก่อน มันจะได้ตั้งรับได้ทัน” ไอ้พี่มาร์คพูด ผมก็ยืนมองมันด้วยอาการหมางง ผมหันมามองไอ้บลูว่าไปกันได้หรือยัง แต่ว่าเห็นไอ้บลูมันยืนเหมือนจะแลกเบอร์กับไอ้เด็กมอต้นนั้น

                     “ไอ้บลู!!!” ผมเรียกมัน ไอ้เด็กคนนั้นมันรีบวิ่งหนีไปเลย

                     “ต้นข้าวอ่ะ ตะโกนทำไมน้องเขาตกใจหมดเลยและนี้ก็เลยได้ไม่ครบเลยอ่ะ เบอร์โทร” ไอ้บลูมันพูด

                     “มันเด็กกว่ามึงอีกน่ะไอ้บลู” ผมพูด

                     “ทำไมอ่ะ บลูไม่ใช่นักมวยซะหน่อย ข้ามรุ่นได้” ไอ้บลู

                     “กูจะฟ้องพ่อมึง” ผมพูด

                     “ไปได้แล้วกูจะไม่ทันได้กินข้าว กูจะกินกระบาลมึงแทน” ผมพูดบ่นไอ้บลูแต่ก็ยังหันไปมองรถคันนั้น ว่ารถใครทำไมไอ้มาร์คมันถึงได้หน้าตาตื่นเดินไปหาพวกภาคินกัน มันต้องมีอะไรแน่ๆ ผมเดินผ่านใครก็พากันซุบซิบกัน

                      “พี่แกมาว่ะ มาล้างแค้นเปล่ามึง ก็เพื่อนพี่ภาคินอ่ะ มีเรื่องกับพี่เขาถึงได้โดนย้ายโรงเรียนไป นี้กลับมาอีก สงสัยโรงเรียนเราจะเละก็งานนี้” ผมได้ยินถึงกับหันหลังไปมอง เละเลยเหรอ มันทำให้ต่อมอยากรู้เริ่มทำงาน ผมเดินตรงไปที่โรงอาหารทันที เพื่อว่าพวกนั้นจะรู้อะไรมาบ้าง

                      “ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู” ไอ้แอ้มันตะโกนเรียกผม ผมก็โบกมือให้มันเลยว่าผมสองคนยังอยู่ แต่ล่ะคนหันมามองผมกันหมดทั้งแก๊ง ผมเดินตรงเข้าไป ไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์มันพยักหน้ากัน ผมก็พยักหน้าขอบใจเหมือนกัน

                     “ดีว่ะพวกมึง” ผมทักทายทุกคน

                     “เออ.... กูเดินผ่านมาเห็นรถกระบะจอดอยู่ ใครแม่งไปพ่นสีรถไว้วะ สงสารเจ้าของรถว่ะ “ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด

                      “รถสีอะไรวะ “ไอ้ดิวมันถามผม

                      “สีเขียวอ่ะคาดดำด้วยติดสติกเกอร์ สวยว่ะ "ผมบรรยายทุกคนก็ทำสีหน้าตกใจไม่แพ้กันแสดงว่าพวกนี้ก็เห็นนะซิ

                     "แต่ว่าตอนนี้เละไม่เป็นท่า ใครแม่งมือบอนก็ไม่รู้ เป็นกูนี้นะ จะจับแม่ง” ผมพูด

                     “กระทืบเหรอ” ไอ้บลูมันหันมาถามผม

                     “เอออะดิ เล่นซะเละขนาดนี้ เคืองยันลูกบวชอะมึง “ผมพูด

                    “ไปหาอะไรมาทานดิวะต้นข้าว บลู เดี๋ยวมึงสองคนก็ไม่ทันหรอก” แอ้หันมาบอกผม ผมก็เมาส์เพลินลืมเลย ผมรีบลุกไปหาอะไรกินกันทันที ผมเห็นพวกนั้นหันมาสุมหัวคุยกัน แสดงว่าได้ยินอะไรมาหรือเปล่า ผมเดินไปตักอาหารที่วางเอาไว้เพื่อเป็นอาหารเช้าพวกเพื่อนๆ ผม

                    (ไม่เห็นเลยพี่ จริงดิ มาทำไมอ่ะ ห๊ะ!!) ไอ้ป๊อดมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่

                     “มึงจะหาอะไรป๊อด” ผมถามไอ้ป๊อด

                    “ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใครไง” ไอ้ป๊อดมันพูด มันพูดเหมือนไอ้มาร์คอีกแล้ว

                      “ใครวะ ไอ้คนนั้นน่ะ” ผมถาม

                   (พี่เขาจะมาเล่นพวกคุณหนูของผมเหรอครับ ผมต้องไปบอกพี่เขาแล้ว) ไอ้ป๊อดมันพูดว่าจะมีคนมาเล่นคุณหนูของมัน อย่าบอกน่ะว่าไอ้พวกนี้งานเข้า ผมพึ่งจะได้กลับมาเรียน มีหวังผมคงได้กลับไปอยู่บ้านช่วยแม่ทำเค้กอีกแน่ๆ ผมค่อยๆ หันไปมองที่โต๊ะ ปรากฏว่ามีบางสิ่งเหมือนรองเท้านักเรียนลอยมาลงตรงกลางโต๊ะพวกนั้นเลย

                   “ไอ้ป๊อด!!!” นั้นไงพวกนั้นมันเรียกไอ้ป๊อดทันที

                   “ไอ้ป๊อด กูว่าไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครมาแล้วมึง” ผมตะโกนบอกไอ้ป๊อด

                   “จริงดิพี่!!” ไอ้ป๊อดมันถามผม

                   “ป๊อด) )) )) )” ผมหันไปมองไอ้ป๊อด เขาเรียกมึงอ่ะ

                  “รับอะไรเพิ่มพี่” ไอ้ป๊อดมันตะโกนถามพวกนั้น ผมรีบดึงไอ้บลูหมอบลง

                  “พี่เดี่่ยวววววว) )) )” ผมได้ยินไอ้ป๊อดมันเรียกชื่อใครสักคน ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ผมก็ว่าคุ้นๆ หน้าน่ะ เหมือนมันอยู่ในแก๊งพี่ข้าวปั้นมาก่อน ไอ้นี้มันหล่อเข้มเต็มคาราเบลมาก แต่ว่าสีหน้ามันนี้เหมือนใครไปเผาบ้านมันมาเลย

                   “ต้นข้าว” ไอ้บลูมันดึงผมให้หมอบลง

                   “หมอบทำไม” ผมถามไอ้บลู

                   “ดูหน้าดิโหดมากอ่ะ สงสัยมันจะมาเก็บพวกนั้นแล้วแหละ ดังนั้นเราอย่าออกไปเลยน่ะ บลูยังไม่อยากตาย” ไอ้บลูพูด

                   “มึงจะบ้าเหรอ ใครจะมาฆ่ากันที่นี้แต่อาจจะแค่สั่งสอนเฉยๆ” ผมพูดกับไอ้บลู

                   “ฟิ้วส์” ผมเห็นอะไรวิ่งไปไวไว ไอ้ป๊อด ไอ้นี่มันป๊อดสมชื่อมันเลย มันทิ้งพวกคุณหนูของมันให้เผชิญชะตากรรมตามลำพังเฉยเลย ผมก็แอบมองใต้โต๊ะ เห็นพวกนั้นกำลังเจรจากันอยู่ ผมนี้คุ้นหน้ามากแต่นึกไม่ออกว่าใคร

                  “เขาตีกันยัง” ผมหันมามองไอ้ป๊อดมันมาแอบกับผมสองคนแอบดูเหตุการณ์

                   “มึงไม่ออกไปล่ะไอ้ป๊อด มันเป็นคนดูแลพวกนี้อ่ะ ออกไปดิ จะได้ตายในหน้าที่ คราวนี้แม่มึงไม่ต้องขายอาหารแล้ว อาจจะรวยเลย” ผมพูด

                  “พี่ต้นข้าว พูดแบบนี้ จ้างให้ป๊อดก็ไม่ไป” ไอ้ป๊อดพูด

                  “มึงรู้ไหมอ่ะว่าใคร” ไอ้บลูมันถามไอ้ป๊อด

                  “พี่เขาเป็นเคยอยู่แก๊งพี่ข้าวปั้นและคนนี้แหละที่เอามีดปักพุงพี่ธงรบ” ไอ้ป๊อดพูด ผมหันมามองใครวะธงรบ

                   “ไม่เคยเจอเหรอ สามทหารเสือ พี่สรจักร พี่ธงรบ พี่อธิป สามคนที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง กลัวกันทั้งนั้น” ไอ้ป๊อดมันพูด ผมส่ายหน้าและผมก็แอบมองสถานการณ์ ผมเห็นไอ้ดิวมันเดินออกไปและนั้นมวยคู่เอกก็เริ่มขึ้น

                   “โอ้ว!!” ผมกับไอ้บลูหันมากอดกันเลย ไอ้ดิวมันต่อยกับไอ้คนนั้น

                   “อู้ยยย!!” ผมหันไปมองไอ้ป๊อดมันร้องตอนที่ทั้งคู่เข้าปะทะ ไอ้ดิวโดนเขาต่อยแต่ไอ้ดิวก็ต่อยไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครเข้าไปหน้านี้สะบัดกันคนละทิศละทางเลย ผมยืนมองทั้งคู่ต่อยกันอย่างดุเดือด

                  “พี่ดิวนี้น่าจะโหดระดับพี่สรจักร” ไอ้ป๊อดพูด ผมหยักไหล่ไม่รู้จัก ผมก็ชะโงกขึ้นไปมอง

                  “แปะ แปะ แปะ” เสียงไอ้หลุยส์มันปรบมือและทุกอย่างก็หยุดนิ่งๆ ผมค่อยยืนขึ้นมาก่อนจะเห็นว่าครูพัฒน์เดินลงมาอย่างรวดเร็ว ผมหันไปมองไอ้บลู หวังว่าจะไม่โดนทั้งแก๊งน่ะ แต่จังหวะนั้นผมหันมาเจอพี่ภาณุเขามายืนดูเหตุการณ์อยู่ ผมหันไปเจอพี่เขาเข้าพอดี แต่ว่าพี่เขาเดินออกไปซะก่อน

                   “ไอ้บลู กูจะไปห้องน้ำ” ผมบอกไอ้บลู บลูหันมามองหน้าผมแต่ว่าผมรีบเดินออกไปซะก่อน แต่ว่ามันคลาดกันผมหันไปมองหาพี่เขาไม่เจอ

                  “ไม่เข้าห้องน้ำเหรอต้นข้าว” ไอ้บลูถามผม

                 “เออ” ผมพูดและทำท่าจะเดินไปแต่ว่า

                   (อยู่กับดิวตลอดเลยอ่ะแอร์ ณุไม่มีโอกาสได้คุยกับแอ้เลย เรากับเขาเลิกกันแล้วแอร์ อยู่สถานพินิจแล้ว ไม่กลับไปหาเขาแล้ว ก็เพราะพ่อแอร์ไงที่ช่วยณุ ไม่อย่างนั้นก็คงโดนหนักไปด้วย อ้าวเหรอ ได้ ได้…) ผมได้ยินก็ถึงกับชะงักเท้า ใช่พี่ภาณุหรือเปล่าและใครกันที่เขาคุยว่าอยู่สถานพินิจ ใช่พี่ผมไหมอ่ะ ผมจะเดินไปตามที่เขาคุยโทรศัพท์

                   “ต้นข้าว” ผมได้ยินเสียงใครเรียกชื่อผม ไม่ดังมากเสียงหวานๆ ผมหันไปมอง คนนั้นคือบอยและธรรณ์เดินมาด้วยกัน

                   “ยืนทำอะไรนะต้นข้าว” ธรรณ์ถามผม

                   “ยืนแอบ…” ผมพูด ไอ้แจ็คและไอ้หลุยส์เดินเข้ามาพอดี

                  “ไอ้ข้าวมึงมาแอบดูคนเข้าห้องน้ำเหรอวะ นี้ห้องน้ำชายมึงก็ไม่เว้นเหรอว่ะ น่ากลัววะมึง” ไอ้แจ็คพูด

                 “ไม่ใช่!! กูจะแอบดูทำไม ของกูก็มี ดูของตัวเองดีกว่าไหมเพราะว่าบางคนดูไปอาจจะเสียอารมณ์กว่าดูของตัวเอง” ผมพูด

                   “ปากมันใช้ได้เลยว่ะ “ไอ้หลุยส์พูด

                    “งั้นก็อย่ามาแอบดูของกูแล้วกันเพราะว่าถ้าดูแล้วมึงจะลืมของมึงไปเลย ของมึงเสียอารมณ์แน่นอน” ไอ้แจ็คมันพูด ผมชูนิ้วกลางให้ทันที เสียอารมณ์ตรงนี้แหละ

                    “แล้วนี่พวกดิวล่ะ” บลูถาม

                    “ไปทำแผลแล้ว” แจ็คพูด

                    “พวกเราไปเตรียมตัวไปเข้าแถวเถอะจะได้ขึ้นห้องเรียน ข้าว บลู” บอยพูด ผมก็เลยอดเลย แต่ผมคิดว่าพี่เขาเดินออกไปแล้วแหละเพราะว่ามันเงียบไปแล้ว

                           TBC….




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           
 
EP.8.1 เกือบอีกแล้ว ครึ่งหลัง
              Part’ s ต้นข้าว หลังจากที่ไปเข้าแถว ผมก็เจอพี่ภาณุแกยืนคุยกับเพื่อน แกคงไม่รู้ว่าผมไปยืนแอบฟังแกคุยกับใครก็ไม่รู้ พี่แกหันมายิ้มให้ผมและมองหาใครสักคนในแถวของผมด้วย ผมเดาได้ว่านั้นคือแอ้ซิน่ะ พี่แกทำท่าจะถามผม แต่ผมนี้กำลังอิน เลยสะบัดบ๊อบใส่พี่แกไป พี่แกก็งงไปเลยซิ

“กูว่ากูเคยเจอไอ้เดี่ยวนี้น่ะ มันเคยไปที่บ้านกับพี่ข้าวปั้นว่ะ “ผมพูดกับไอ้บลูขณะที่เดินตามทุกคนขึ้นห้อง

“ชื่อคุ้นๆ น่ะแต่ว่าไม่ค่อยได้คุยกันเลยจำไม่ค่อยได้” บลูพูดกับผม

“ก็ดีน่ะถ้าไอ้เดี่ยวมันเคยอยู่กับแก๊งพี่กู กูจะได้หาคำตอบจากมันได้บ้าง” ผมพูดกับไอ้บลู ผมเดินเข้าห้องเรียนไป ไปนั่งในห้อง ไอ้มาร์คมันมองหน้าผม มันเหมือนสงสัญญาณอะไรสักอย่างให้ผม ไอ้ผมก็อ่านภาษามือมันไม่ออกซะด้วย ขนาดภาษาเขียนยังอ่านและแปลแล้วแปลอีก ไอ้นี้มาภาษามือล้วนๆ ล้วนแล้วแต่มัวมาทั้งนั้น

“ต้นข้าว บลู มึงหายไปไหนมาว่ะ ตอนที่เขากำลังเกิดศึกน่ะ” พายหันมาถามผม

“ไม่ได้หายไปไหน ก็แอบดูอยู่ตรงโต๊ะกับไอ้ป๊อดไง” บลูพูด

“มึงก็บอกพายมันไปว่ามึงหมอบอยู่เพราะว่ามึงยังไม่อยากตาย เลยไม่ยอมออกไป” ผมพูด

“มึงนี่รักพวกกูมากน่ะ” พายพูด

“กูเห็นไอ้นั่นมันส่งสัญญาณมืออ่ะ มึงพวกมันป่ะเนี๊ยะ” พายถามผม ผมหันไปมองไอ้มาร์ค มันก้มหน้าลงทันที

“ถ้ากูพวกมันกูคงไปอยู่กับพวกนั้นแล้ว” ผมพูด

“กูเห็นมันส่งสัญญาณมือ มันจะให้มึงลวงพวกกูไปให้มันกระทืบเปล่า” พายพูด

“กูยังแปลมันไม่ออกเลย มึงแปลออกด้วยเหรอ” ผมพูด จังหวะนั้นครูพัฒน์เดินเข้ามาในห้องพอดี ตามมาด้วยดิวและแอ้ ผมมองหน้าไอ้ดิวที่มีรอยช้ำที่มุมปาก ผมนี้ร้องเลย

“อู้ยยส์!!” นี้คือการคัดสรรเพื่อนเข้ากลุ่มที่โคตรโหดเลยว่ะผมแอบคิดในใจ

“โชคดีน่ะที่มึงสองคนได้เดินเข้าแก๊งกูอย่างสวยๆ ไม่ต้องเอาหน้าไปลองหมัดไอ้ดิวมัน” พายพูด แอ้เดินผ่านมามีนก็พยักหน้ากับผมก่อนจะนั่งลงและติ๊กก็มานั่งกับพาย ผมหันไปมองหน้าห้อง ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครเดินเข้าห้องมาตามที่ครูพัฒน์เรียก ได้ผล พวกไอ้ภาคินถึงกับเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นด้วยอาการตกใจ

“สวัสดีครับ ผมชื่อกิตติศักดิ์ ชื่อเล่นชื่อเดี่ยวครับ ยินดีที่รู้จักเพื่อนๆ … ทุกคน” ไอ้เดี่ยวมันพูด

“มึงดูหน้าเพื่อนๆ ฝังโน้นดิ ไม่มีอยากรู้จักมันหรอกมั้งวะ” ผมพูดขึ้น และครูพัฒน์ก็มองหาว่าจะให้ไอ้เดี่ยวไปนั่งตรงไหนดี

“ให้นั่งโต๊ะข้างไอ้ติ๊กก็ได้ครับ ครูพัฒน์” ไอ้แจ็คพูดว่าให้มานั่งข้างติ๊ก

“ทำไมต้องให้มันมา” ติ๊กทำท่าจะปฏิเสธ

“เออ น่ะ แค่นั่งตรงข้ามมึงไม่ได้นั่งกลับมึงซะหน่อย” ไอ้หลุยส์มันพูด

"หรือจะเปลี่ยนให้มานั่งกับพายก็ดีนะแจ็ค พายชอบของใหม่" พายพูด ผมหันเห็นไอ้มาร์คมันหันมามองพายและที่ผมเห็นเพราะว่าบลูสะกิดให้ผมหันไปมองเช่นกัน อย่าบอกน่ะว่าไอ้มาร์คมันแอบชอบพายน่ะ ไอ้เดี่ยวมันนั่งลงแต่ละคนคงแนะนำตัวกันไปแล้วตั้งแต่ตอนที่มันทดสอบที่โรงอาหาร

“ดีวะเดี่ยว” ผมทักมันทันที ตีซี่ด้วย ไอ้นี้หันมาทำหน้าคิด คิดและก็คิด ผมอยากบอกว่าถ้ามึงคิดหนักขนาดนี้เลิกคิดเถอะ

“จำเราได้ป่ะ เราน้องพี่ข้าวปั้นอ่ะ”  ผมพูด

“เออ เหมือนจะจำได้วะ แต่ตอนนี้กูคิดว่ากูจำไมได้ว่ะ” ตอนแรกผมก็ยิ้มแต่พอมันบอกว่าจำไม่ได้เท่านั้นแหละ ผมนี้ถไลไปกับโต๊ะเลย

“ขอบใจมาก!” ผมพูด

“เราชื่อบลู” ไอ้บลูมันแนะนำ ผมหันไปมอง เห็นมันหล่อหน่อยอาการออกเลยน่ะอีกบลู ไอ้บลูมันรีบหลบตาผมทันที ผมนั่งเรียนกันจนหมดคาบ ได้เวลาพักลงไปดื่มน้ำหรือไปห้องน้ำ ผมลุกขึ้นเดินตามแอ้ไป

“แอ้ “ผมเรียกแอ้

“ว่าไงต้นข้าว” แอ้หันมามองหน้าผม ตอนนี้ไอ้ดิวมันเดินไปคุยกันไปกับเพื่อนใหม่

“แอ้ มีพี่คนหนึ่งอ่ะ เขาถามว่าเราเป็นเพื่อนแอ้ไหมอ่ะ เขาเป็นพี่มอหกอ่ะ แอ้รู้จักไหม” ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม

“ชื่ออะไรอะ” แอ้ถามผม

“ชื่อพี่ภาณุอ่ะแอ้” ผมพูด

“อ้อ เขาเป็นเพื่อนพี่ชายแอ้เองอ่ะต้นข้าว “แอ้พูด ผมก็อึ้งไปเลย อย่าบอกน่ะว่าพ่อคนที่ช่วยให้พี่มันรอด คือพ่อของแอ้ ผมยังอึ้งไปอีกหลายนาที

“ต้นข้าวมีอะไรหรือเปล่า” แอ้ถามผม

“ไม่มีอ่ะ คือต้นข้าวแค่แปลกใจ แอ้พึ่งมาแต่มีคนรู้จักแล้วและเขาก็ยังมองหาแอ้เมื่อเช้าอ่ะ” ผมพูด แอ้หันมามองหน้าผม แอ้แค่พยักหน้า พอดีว่าดิวเดินกลับมาหาแอ้ แอ้ขยิบตากับผมแสดงว่าไม่อยากให้ดิวรู้ว่ามีคนถามหาแอ้

“ไปซื้ออะไรกินกันดีกว่าแอ้ หิวอ่ะ “ดิวพูด จะว่าไปเวลาดิวคุยกับแอ้ มันน่ารักเหมือนคู่รักกันมากอ่ะ ผมน่ะชอบอ่านนิยายวายแต่ตัวผมเองอ่ะ ไม่รู้อ่ะ แต่ก็ชอบหลี่หญิงแต่หญิงมักจะไม่สนผมเพราะว่าผมตัวเล็กด้วยมั้ง

“ต้นข้าว บลู ไปหาอะไรกินกัน” พายเดินมาเรียกผม ผมเห็นไอ้มาร์คมันชะเง้อคอมองมา มันควักมือเรียกผม ผมก็สั่นหัวว่าไม่ไป เดี่ยวพวกนี้คงได้รู้ว่าผมกับไอ้มาร์ครู้จักกัน ผมเดินแทรกไปต่อคิวซื้อน้ำผลไม้แทน ผมนั่งดื่มน้ำผลไม้

“แอ้ ดิวจะไปขนของที่รถไอ้เดี่ยวน่ะ มันจะเอารถไปส่งอู่และเอาของใส่รถดิว” ดิวบอกแอ้ แอ้พยักหน้าและนั่งกับพวกผมต่อ ติ๊ก็เดินไปดูรถกับดิวและเดี่ยว ผมหันมามองแอ้

“แอ้ ถามจริง เป็นแฟนไอ้ดิวมันหรือเปล่า” ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม

“กูรู้ว่ากลัวคืนรู้ แต่เพื่อนกัน บอกได้น่ะ” ผมพูดกับแอ้

“มีคนถามกูอ่ะ เขาสนใจไอ้ดิว อยากจีบ เป็นผู้หญิงด้วยแต่กูบอกไปว่ามีแฟนแล้ว ทั้งที่กูก็ไม่มั่นใจอ่ะ ตกลงมึงกับดิวเป็นแฟนกันไหมวะ “ผมถามแอ้ แอ้มองหน้าผม

“ดูดิวหึงแอ้น่ะ บลูรู้สึก” บลูพูด แอ้มันก็มองผมสองคนและมองไปยังติ๊กที่เดินตามสองคนนั้นไป

“ติ๊กไม่รู้เรื่องมึงกับดิวเหรอ” ผมถามแอ้ แอ้พยักหน้าว่าใช่

“ไม่มีใครรู้หรอกและไม่มีใครสังเกตเพราะว่าพวกกูโตมาด้วยกัน เกิดวันเดียวกันหมด ดังนั้นมันเลยไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรที่ผิดปกติไป” แอ้พูด สีหน้าแอ้ดูกังวล

“เออๆ กูไม่เอาไปพูดหรอกเพราะว่าพวกมึงก็เพื่อนกันให้คุยกันเองดีกว่า” ผมพูดแอ้ยิ้มอ่อนๆ ให้ผม ไม่นานดิวกับไอ้เดี่ยวและติ๊กเดินกลับมา แอ้พยักหน้าว่าขึ้นห้องเรียนกันดีกว่า

“ปวดฉี่ว่ะ “ผมพูดเพราะว่าหันไปเห็นไอ้มาร์ค เหมือนมันมีอะไรจะคุยกับผม แอ้พยักหน้าและเดินขึ้นห้องไปก่อน ผมก็หันมาคว้ามือไอ้บลูเดินไปทางห้องน้ำทันที ผมเดินไปถึงไอ้มาร์คมันยืนหลบพรางตัวอยู่ตรงต้นไม้ ผมเดินไปมันก็ยังพรางตัวอยู่

“เฮ้ย งู!!” ผมพูดเท่านั้นแหละ

“ว๊ากๆๆๆ” มันแต๋วแตกร้องออกมาทันที

“ไหน???” มันถามผม

“มึงไปยืนพรางตัวทำไมของมึงเนี๊ยะ” ผมถามไอ้มาร์ค

“ก็กูรอให้มึงมา กูกลัวเพื่อนมึงจะรู้ว่ากูแอบคุยกับมึงอ่ะ” ไอ้มาร์คพูด

“เดี๋ยวพวกมันจะจับมึงไปทรมารเพื่อเค้นหาความลับ” ไอ้มาร์คพูด

“ไม่ต้องเค้นหรอก กูบอกหมดแหละ” ผมพูด

“แหม จะบอกว่ารักษาความลับไม่ได้ว่างั้น” ไอ้มาร์คพูด

“ว่าแต่มึงส่งสัญญาณมืออะไรของมึงว่ะ หยึกหยักๆ ตอนแรกกูนึกว่ามึงเป็นหง้อย” ผมพูด ไอ้มาร์คมันมองหน้าผม

“มึงจะบอกอะไรกูเกี่ยวกับไอ้เดี่ยวเหรอ” ผมถามไอ้มาร์ค

“กูนี่น่ะจะบอกอะไรเกี่ยวกับไอ้เดี่ยว ไม่มี กูแค่จะให้มึงน่ะหลบ กูจะมองน้องพาย” ไอ้มาร์คมันพูด ผมก็มองหน้ามัน แค่นี้นี่น่ะ มันก็พยักหน้า

“จะมองน้องพาย ถุ้ย!!” ผมพูดและถุยใส่หน้ามันเลย

“จะจีบน้องนายเหรอ “บลูพูดแต่ไอ้พี่มาร์คมันเอามือปิดปากบลู

“มึงจะไปปิดปากมันขนาดนั้นทำไม แทนที่จะไม่มีใครรู้ทุกคนก็รู้เพราะว่ามันขาดอากาศหายใจตายคาหน้าทางเข้าห้องน้ำชายด้วย” ผมพู

“อย่าพึ่งไปบอกน่ะ เดี๋ยวกูซวย โดนพวกนี้เอาเพราะว่าพวกมันยังขอทดสอบพวกเพื่อนๆ มึงก่อน” ไอ้มาร์คพูด

“มึงจะทดสอบมันเพื่ออะไรวะ” ผมพูด

“เออน่ะ มีคนสั่งให้ทำ” มาร์คพูด

“งั้นกูขึ้นห้องน่ะ” ผมบอกไอ้มาร์ค

“กูไม่ขึ้นเรียนตอนบ่ายว่ะ “ไอ้มาร์คพูด ผมรู้ว่าพวกมันมีช่องทางพิเศษหลบหนีออกไปได้ แสดงว่ามีเรื่องแน่ๆ ผมพยักหน้าและพากันเดินขึ้นห้อง จะว่าไปมันก็เป็นคำถามที่ว่าใครสั่งให้ไอ้พวกนี้มาทดสอบพวกไอ้แจ็คกันแน่ แสดงว่าไม่ธรรมดา ผมก็พากันเดินขึ้นห้องเรียน ผมเดินไปนั่งเรียน อีกคาบก็จะพักเที่ยงแล้วแต่พวกนี้ชิ่งไปตั้งแต่ยังไม่เที่ยงเลยดีจริงๆ ผมคิดในใจ

                 Part’ s กีตาร์ ผมเลิกเรียนวิชาที่ผมไปเรียนรีเกรด ผมเรียนแค่บางวิชาเท่านั้น ผมยังไม่อยากกลับบ้านเลยว่าจะไปบ้านไอ้แฮ็กซ์ ไปหาอะไรดื่มกับเพื่อนๆ พวกไอ้ภาคิน วันนี้คงไม่ได้ซ่าหรอก ผมต้องเอาน้องสาวไปด้วย เปียโน ไม่รู้จะอยากผ่านไปที่โรงเรียนของไอ้แฮ็กซ์ทำไมก็ไม่รู้

“จอดแป๊บหนึ่งซิพี่กีตาร์” เปียโนบอกผม ผมหันไปมอง ตอนนี้เวลาเลิกเรียนแล้ว

“จอดทำไม เดี๋ยวรปภ ก็มาไล่ รถก็หรู โดนเขาไล่ อายเขาเปียโน” ผมบอกน้องสาวผม หน้างอทันที

“จะจอดดูอะไร มีแต่เด็กเราชอบแบบผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ ปกติเห็นแอบมองแต่เด็กมหา’ลัยทั้งนั้น” ผมพูดพร้อมกับหันมามองน้องสาวของผม

“แต่ตอนนี้เปลี่ยนสเป็คแล้ว” เปียโนพูด ผมสั่นหัวตอนนี้รถค่อนข้างติดเนื่องจากผู้ปกครองหลายคนมาจอดรอลูกขึ้นรถกัน

(ฮัลโหล ไอ้กีตาร์ มึงมาบ้านกูหรือเปล่า) ไอ้แฮ็กซ์มันโทรมาถามผม

(นี้ไง ติดอยู่หน้าโรงเรียนมึงอ่ะ นักเรียนไม่เยอะแต่รถเยอะฉิบหายเลย) ผมพูดบ่นๆ

“พี่กีตาร์” เสียงเปียโนเรียกผมแต่ว่าผมต้องเอารถออกตามรถคันหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นรออีกยาวเลย ผมเปิดไฟเลี้ยวนำรถ

(กูออกมาแล้วกูกำลังจะไปถึงแล้ว มึงอยู่บ้านหรือยัง) ผมถามไอ้แฮ็กซ์

(กูออกมานานแล้ว พวกไอ้ภาคินมันไปดูพวกที่มาฉีดพ่นสเปย์ที่บ้านไอ้ภาคินอ่ะแต่จับตัวไม่ได้) ไอ้แฮ๊กพูด

(ตอนนี้ กูออกไปรับลูกกลับบ้านแล้วว่ะ ลูกกูไปศูนย์เด็กเล็ก กูมากับไอ้กอล์ฟ) แฮ็กซ์บอกผม ไอ้แฮ็กซ์มันมีลูกแล้วแต่ๆ ไม่ใช่ลูกมันหรอก ลูกของน้องสาวแฮ็กซ์อีกที

“พี่กีตาร์อ่ะ “เปียโนทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่ผม

“อะไรเปียโน” ผมถามน้องสาวผม

“เปียโนเจอต้นข้าว เปียโนว่าจะลงถามหาใครสักคนที่เปียโนอยากเจออ่ะแต่พี่อะไม่ฟังเลย ขับออกมาซะนิ” เปียโนพูด ผมหันมามองน้องสาวผมที่นั่งข้างๆ ก่อนจะส่ายหัวไปมาผมเลี้ยวรถเข้าไปซอยบ้านของไอ้แฮ็กซ์ ผมนำรถเข้าไปจอด มีรถมาจอดหลายคัน ลูกสมุนของไอ้แฮ็กซ์ มารวมตัวกันที่บ้านนี้เหมือนกัน ดุท่าจะมีเรื่องเมาส์กันแน่ๆ ผมได้ยินเสียงมันคุยกัน

“อย่าอยู่นานน่ะพี่กีตาร์” เปียโนบ่น ผมหยักไหล่ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ ผมขับรถไปเรียนเอง รถหรูของพ่อผมเอง ผมเดินเข้าไปตรงที่พวกนี้นั่งอยู่ด้วยกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มา พวกนี้มันแก่แดดกันแต่ผมก็ด้วยไม่แพ้พวกมันหรอก

“พี่กีตาร์ หวัดดีเพ่!” ดูพวกมันทักผมซะก่อนแต่ยังดียกมือไหว้ผม

“น้องเปียโน” ไอ้โซ่มันเรียกเปียโน ผมหันไปมองเปียโน

“เซ็งอ่ะ “เปียโนพูด เปียโนไม่ชอบที่โดนไอ้โซ่พยายามจีบอยู่

“เอาน่า ยังไงพวกนี้มันก็เป็นน้องๆ ในกลุ่มของพวกพี่ เปียโน” ผมพูด ผมเดินไปนั่ง พวกนี้มันรู้ใจชงเหล้ามาทันทีหนึ่งแก้ว

“อย่าดื่มเยอะน่ะ ไม่อย่างนั้นเปียโนฟ้องแม่แน่ๆ” เปียโนพูด ขณะที่ผมกำลังยกแก้วเหล้ากระดกอื่ม

“ตกลงนี้จะเป็นน้องหรือจะเป็นแม่ บ่นจังเลย” ผมถามก่อนจะดื่ม ไอ้แฮ็กซ์กับไอ้กอล์ฟ นำรถเข้ามาจอดและเด็กสองคนก็ลงมาจากรถ

“เฮ้ยยย!! มาแล้วเหรอ “ไอ้พวกนี้มันก็ดีน่ะ มันเหมือนเป็นพี่เลี้ยงลูกน้องสาวไอกอล์ฟได้และไอ้กอล์ฟมันก็รักเหมือนลูกมันเองเลย

“ไงวะไอ้กีตาร์” ไอ้แฮ็กซ์มันถามผม

“ว่างไง” ผมตอบ

“เกียร์ ไกด์ ขึ้นไปบนบ้านก่อน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนลูก” กอล์ฟบอกเด็กสองคน ที่ตรงเข้ามาถึงก็หยิบพวกขนมที่พวกนี้ซื้อมาเป็นกับแกล้มในวงเหล้า

“เดี๋ยวลงมา เอาลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” กอล์ฟกระซิบกับไอ้แฮ็กซ์

“ครับ” แฮ็กซ์ตอบ

“แม่เด็กไม่อยู่เหรอวะ” ผมถามไอ้แฮ็กซ์

“คงไปเจอของดี หายไปหลายวันยังไม่กลับเลย “แฮ็กซ์มันพูดด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย

“เออ ตกลงไอ้เดี่ยวมันมาใช่ไหมวะ” ไอ้แฮ็กซ์มันถามน้องๆ พวกมัน

“นั้นไง ถามไอ้ภาคินดิ “ไอ้ภาคินมันพึ่งเอารถเข้ามาจอดเหมือนกัน มันคงเอาไอ้ว่านไปส่งบ้านก่อน ไอ้ว่านน่ะต้องยอมเป็นแฟนน้องมันเพราะว่าน้องมันเอาแต่ใจ

“ไงไอ้ภาคิน ตกลงไอ้เดี่ยวมันกลับมาใช่ไหมวะ” แฮ็กซ์หันไปถามภาคิน

“ใช่พี่” ภาคินมันพูดแค่นั้น มันก็หันไปรับแก้วเหล้าจากพวกนี้

“และพวกคุณหนูก็สอยไอ้เดี่ยวไปอยู่ในแก๊งของมันแล้วด้วย” ไอ้โซ่พูด

“ได้ไงวะ” ไอ้แฮ็กซ์ยังแปลกใจเลย ผมเองน่ะไม่รู้จักไอ้นี่หรอก

“มันต่อยกับไอ้ดิว แม่งมวยคู่เด็ดเลยพี่ เด็กๆ มันพูดกัน มันส์หยดเลย เสียดายพวกผมไม่ได้ลงไปดู” ไอ้มาร์คมันพูด ผมหันมามองไอ้แฮ็กซ์ มันชักสีหน้ากังวล แฮ็กซ์มันหันมามองหน้าผม

“มึงเจอเพื่อนมึงไหม ไอ้ธงรบอ่ะ” ไอ้แฮ็กซ์มันถามผม

“เจอวันก่อน ก่อนที่มันจะกลับไปเรียน มีอะไรเปล่า” ผมถามไอ้แฮ็กซ์

“บอกมันด้วยว่า เพื่อนรักมันมา “ไอ้แฮ็กซ์พูด

“ใช่ไอ้คนที่เคยเอามีดแท่งพุงมันไม่วะ กูไม่เคยเห็นหน้าว่ะ มันไปซะก่อน” ผมพูด

“ใช่ไอ้คนนี้แหละ ไอ้นี่แม่งคนจริง กูนี้ยังชอบมันเลย มันเก่งหมัดมวย พ่อมันเคยเป็นนักมวยเก่า พ่อมันเป็นทหารและเป็นครูสอนในค่ายทหารแต่เขามาเสียชีวิตตอนที่มีการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และพ่อมันก็โดยยิง กูจำได้เพราะว่ากูนี่แหละที่ขับรถพามันไปโรงพยาบาลวันนั้น” พี่แฮ็กซ์พูด

“มันก่อนที่มีจะมีเรื่องกับไอ้ธง” ไอ้แฮ็กซ์พูด ผมพยักหน้า

“แต่เพื่อนมึงผิด” ไอ้แฮ็กซ์พูด

“ก็ไอ้ธง มันนอนได้หมดถ้าให้มันและน้องมันก็ให้ไอ้ธงด้วย” ผมพูดก่อนจะดื่มเหล้า กอล์ฟเดินลงมาแล้ว

“ดีวะกีตาร์ มึงเอาเปียโนมานั่งเฝ้าด้วยเหรอวะ” กอล์ฟมันถามผม ผมหันไปมอง เปียโนมันนั่งเล่นมือถือ ทำหน้าตาเซ็งเพราะว่าโดนพวกไอ้โซ่มันแซวเชิงจีบ โดยเฉพาะไอ้โซ่

“ไอ้นี่มันจีบน้องมึงมาราธอนเลยว่ะ มันจีบตั้งแต่น้องมึงยังไม่ได้มาเรียนที่นี้เลย” ไอ้กอล์ฟมันพูด ผมยอมรับว่ามาอยู่ที่นี้ทุกช่วงปิดเทอม หนีความวุ่นวายมาอยู่กับพวกนี้มันสบายใจกว่า ส่วนเปียโนนี้ชอบอยู่ในเมืองกรุงมากกว่าชอบเที่ยวจนพ่อแม่กลัวจะเสียคนนี่แหละ ผมนั่งดื่มกับพวกนี้ คุยกัน พวกนี้คุยทุกเรื่องแม้กระทั่ง น้องชายพี่ข้าวปั้นแต่ชื่ออะไรผมไม่ได้ฟัง ส่วนข้าวปั้นนี้ ผมก็รู้คร่าวๆ ว่าเป็นอดีตหัวหน้าแก๊ง ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเอาคนเรียนเก่งอย่างคนนี้มาเป็นหัวหน้าแก๊ง

“พ่อแฮ็กซ์ เกียร์ไม่มีการบ้าน นั่งกับพวกพี่เขาได้หรือเปล่า” เด็กที่ไอ้แฮ็กซ์กับกอล์ฟเลี้ยงไว้เป็นลูก ก็น่าจะใช่เพราะว่าให้เรียกพ่อขนาดนี้

“ได้ซิ” แฮ็กซ์บอกลูกชายของเขา

“อย่าสุบบุหรี่ตรงนี้น่ะพวกมึง ออกไปสูบที่จัดไว้ให้นั้นเพราะว่าตรงนี้ ลูกชายกูเขาจะมานั่งด้วย” พี่แฮ็กซ์บอกทุกคน

“มา มา มานั่ง ดื่มอะไรดี เอาเพรียวเลยไหมไม่ต้องผสม หรือจะผสมดีน้ำกับโซดาดี “ไอ้พวกนี้มันกวดตีนจริงๆ ดูมันถามลูกไอ้แฮ็กซ์บ้าง ไอ้แฮ็กซ์หันไปหยิบอะไรปาใส่พวกนี้ทันที

“จะกินน้ำแอปเปิลเหรอ ได้ครับลูกพี่ ว่าแต่ตอนหยิบนี้ดูนิดนึงน่ะ สีเหมือนเหล้าเลย “พวกนี้มันกวนได้อีกว่างั้น

(ไอ้กีตาร์ พวกกูกลับมาพักอาทิตย์หนึ่งวะ มึงมาหากูหน่อย จะพาไปหาอะไรทำสนุกๆ) ไอ้ธงรบมันส่งข้อความหาผม

“เชี้ย มันตายยากฉิบหายเลยวะ” ผมพูด ไอ้แฮ็กซ์มันหันมามองหน้าผม

“ไอ้ธงรบมันส่งข้อความมาว่ามันพักหลายวัน มันชวนกูอีกแล้ว” ผมพูด

“มึงก็ไม่ปฏิเสธหรอกไอ้กีตาร์” ไอ้กอล์ฟมันพูด ผมหยักไหล่ก่อนจะดื่มจนหมดแล้วไป

"ไอ้จักรมาด้วยไหมวะ" ไอ้แฮ๊กซ์มันถามผม

"ไม่รู้อ่ะ บางทีก็ไม่มาเพราะว่าไอ้จักรมันตามพ่อมันส่วนไอ้ธงรบน่ะมันชอบกลับบ้าน มันดูแลไอ้ปริ้นซ์เด็กที่เขาส่งมาให้ป๊ากับม๊ามันดูแลอ่ะ" ผมพูด

"ถ้าเจอไอ้จักรบอกให้มันเข้ามาหากูด้วยน่ะ ว่าจะเอาไงแก็งมันเนี๊ยะ กูก็จะจบแล้ว กูต้องวางมือแล้ว กุมีลูกต้องดูแลเพราะว่ากูกับกอล์ฟ จะรับเกียร์กับไกด์เป็นลูกทันทีที่พ่อกับแม่ของกอล์ฟเขาบินมาไทย" แฮกซ์พูด

"น้องไอ้กอล์ฟมันดูแลไม่ได้หรอก" ไอ้แฮ็กซ์พูด ผมพยักหน้า

“กูกลับแล้ว เดี่ยวเปียโนมันฟ้องแม่กู กูโดนบ่นหูชา” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมหันไปมองเปียโน

“เปียโน กลับบ้าน” ผมเรียกน้องสาวผม

“เปียโนกลับแล้วเหรอ อยากให้นั่งนานๆ “ไอ้โซ่มันแซวเปียโน

“โอ๊ย! ขนลุก อยากรีบกลับเลยเนี๊ยะ! “เปียโนพูดและเดินสะบัดบ๊อบออกมา เปียโนยกมือไหว้ไอ้แฮ็กซ์และกอล์ฟก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถทันที ไม่รอผมเลย ผมหันมาโบกมือลาทุกคนแต่ละคนก็ยกมือไหว้ผม ผมหันมาตบบ่าไอ้ภาคินและไอ้แฮ็กซ์ และไอ้กอล์ฟอีกคน ผมเดินไปที่รถก่อนที่เปียโนมันจะหน้างอคอหักมากไปกว่านี้และออกรถทันที มันทำให้ผมคิดน่ะ ว่าไอ้คนที่ชื่อเดี่ยวมันกลับมาทำไม มันจะเล่นไอ้ธงรบเอาคืนหรือเปล่า

TBC....

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด