My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk  (อ่าน 183446 ครั้ง)

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #150 เมื่อ15-12-2008 22:23:28 »

ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :กอด1: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #151 เมื่อ15-12-2008 22:31:57 »

สู้ๆนะคับ เป็นกำลังใจให้

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #152 เมื่อ16-12-2008 16:28:51 »

บทที่ 10




“ในกระเป๋ามีอะไรมั่งเนี่ย ทำไมมันถึงดูตุงจัง ทำอย่างกับหอบข้าวของมาอยู่ด้วย เป็นอาทิตย์”


ผมถามเด็กหนุ่ม เราสองคนกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก ผมนอนทอดขาเหยียดยาวไปตามแนวนอนของเบาะ ส่วนเดียร์นั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกตัว กำลังรื้อค้นข้าวของออกมาจากกระเป๋า เด็กหนุ่มโชว์ให้ผมดูทีละอย่าง


“ก็มีหนังสือเรียนไว้สำหรับอ่านเตรียมสอบครับ นี่เป็นกระเป๋าใส่พวกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิวนะครับ เพราะว่า ผมอ่ะ ต้องไปเต้นโชว์บ่อย แล้วก็ต้องแต่งหน้าเป็นเวลานานๆนะครับ แล้วก็นอนดึกด้วย ต้องบำรุงไว้ก่อน เดี๋ยวจะแย่ มียาสีฟัน แปรงสีฟัน กับน้ำยาบ้วนปากด้วย เผื่อว่าได้มีโอกาสจูบกับเรียว จะได้ไม่มีกลิ่นปากไงครับ”



เดียร์หันมาทำหน้าทะเล้นให้ผมอีกครั้ง ผมสั่นหน้าให้เขา ทำปากขมุบขมิบบอกว่าไม่มีทาง เดียร์หัวเราะจนตาหยี แล้วก็หันมาอธิบายต่อ


“แล้วเนี่ยเป็นเสื้อผ้าสำหรับใช้เปลี่ยนตอนขากลับ นี่ชุดอยู่บ้าน นี่เสื้อผ้าใส่นอน ทุกอย่างซักสะอาดสะอ้านใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย เวลากอดกันจะได้ไม่มีกลิ่นอับของผ้า สุดท้ายนี่คือตุ๊กตาชื่อเรียวจังผมนอนกอดทุกคืนเลย”


เขาหยิบตุ๊กตาหมูขนฟูออกมาจากกระเป๋า มันมีสีซีดจางแล้วก็กระดำกระด่างจนมองไม่ออกว่าเคยมีสีชมพูมาก่อน


“ทำไมฉันต้องกลายเป็นหมูด้วยล่ะ ฉันไม่ได้อ้วนสักหน่อย”


“ก็เรียวอ่ะ มีผิวขาวอมชมพูเหมือนลูกหมูนี่ครับ จริงๆแล้ว ตอนไปซื้อ มีกระต่าย หมี แล้วก็แกะ แต่ว่า ผมไม่ชอบกระต่าย มันบอบบางเกินไป หมีก็ไม่เหมาะกันเรียว แกะยิ่งไม่ดีใหญ่ ผมน่าจะเป็นแกะมากว่า เพราะผมหยิกเหมือนกัน ผมก็เลยให้เรียวเป็นหมู ผมชอบหมูนะน่ารักดี อยากดูแลให้เรียวอ้วนเป็นหมูเลย จะได้ไม่มีใครมาชอบเรียวนอกจากผม”



เดียร์พูดยิ้มๆ ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเคลิ้มไปกับคำพูดบอกรักล้านแปดวิธีของเขา แต่ ขำที่หมอนี่ช่างหยอดเสียจริง นิดหน่อยก็ยังดี แรกๆก็รำคาญ แต่ฟังนานๆก็รู้สึกเพลินดี


“อ๋อ มีนี่ด้วย ผมทำหนังสือมาให้ครับ เรียวเซ็นตรงนี้ และผมก็เซ็นตรงนี้นะ ถ้าทำอย่างนี้แล้ว จะได้เหมือนกับเป็นหนังสือสัญญาไงครับ ดีกว่าการพูดปากเปล่า เพราะอาจจะทำให้ลืมสิ่งที่ตกลงกันไว้ หรือไม่ก็อาจจะบ่ายเบี่ยงไม่ทำตามก็ได้ เนื่องจากไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานชี้ชัด ในสัญญาฉบับนี้ ผมให้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เรียววางไว้ ซึ่งหากผมสามารถทำตามมันได้ทุกข้อ เรียวก็จะต้องยอมให้ผมอยู่ข้างๆใช่ไหมครับ ถ้าทำเป็นเอกสารข้อตกลงกันไว้ เรียวก็จะได้วางใจด้วยไงครับว่าผมไม่บิดพลิ้วทำอะไรที่เกินเลยกว่าข้อตกลงของเราแน่นอน”
เขาหยิบกระดาษสองแผ่นออกมา ยื่นให้ผมดู แล้วก็ชี้ตรงจุดที่จะให้เซ็นชื่อลงไป ผมอ่านข้อความในนั้น มันเป็นข้อตกลงระหว่างผมกับเดียร์เมื่ออาทิตย์ก่อน เดียร์ดึงกลับไปตามเดิม แล้วเซ็นชื่อในช่องคู่สัญญาทั้งสองแผ่น จากนั้นก็เลื่อนเอกสารมาทางผม แล้วยื่นปากกาให้ ผมมองปากกาในมือของเดียร์สลับกับมองกระดาษที่เป็นเสมือนใบสัญญาที่วางอยู่บนโต๊ะ พลางครุ่นคิดว่า นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กับเด็กบ้าคนนี่หนอ ดูเหมือนเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันกลายเป็นเครื่องผูกมัดให้ผมกับเขาผูกพันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ไม่น่าไปตอบตกลงเลย



ถึงไง หมอนี่ก็แค่ขู่ผมเท่านั้น เขาไม่เอาภาพผมไปเผยแพร่ลงเน็ตหรอก ดูท่าทางเขารักผมมากเกินกว่าที่จะคิดทำลายให้ย่อยยับ ผมน่าจะคิดได้ออกตั้งแต่แรก ความกลัวที่จะเสียชื่อเสียง ทำให้ผมด่วนตัดสินใจออกไป มาคิดแล้วก็ยังนึกเจ็บใจตัวเองไม่หาย แต่ลูกผู้ชายรับปากไว้ก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเสียสัจจะ ผมก็เลยต้องทนก้มหน้ารับในสิ่งที่ตนเองได้พูดออกไป



ผมเซ็นชื่อลงในช่องคู่สัญญา แล้วเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเดียร์มองผมอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มอย่างอ่อนหวานให้ผม ดวงตาที่จ้องมองมา เปล่งประกายความรักอย่างลึกซึ้ง ผมหลบตาเขา ไม่อยากสบตาที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวนั้น


“อ้ะ..... ใส่ข้อความเพิ่มเข้าไปตรงนี้ด้วยดีไหมครับ”

“อะไรเหรอ” ผมชะงัก

“ก็เราตกลงทำสัญญากันไว้ 6 เดือน แต่ถ้าในระหว่างที่ยังไม่ถึงกำหนดสัญญา เรียวเกิดรักผมขึ้นมา แล้วไม่สามารถแยกจากผมได้แล้ว ผมว่าสัญญาฉบับนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกนี่ครับ”



เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทางจริงจัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ดูเหมือนเขาจะคิดว่า เขาจะสามารถทำให้ผมเกิดหลงรักเขาขึ้นมาได้เพียงชั่วเวลา 6 เดือน ผมฟังแล้วรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก นี่หมอนี่ตั้งอกตั้งใจจะทำให้มันเกิดอย่างนั้นจริงๆน่ะหรือ แล้วโอกาสที่มันจะเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหนกัน


“วันนั้นไม่มีทางมาถึงอยู่แล้ว อย่าได้คิดฝันเฟื่องไป ดีหมือนกัน มีหนังสือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรแบบนี้ จะได้ตีความกันง่ายหน่อย ถ้านายทำผิดเงื่อนไขล่ะก็ ฉันจะรีบฉีกสัญญาทิ้งทันที”



ผมบอกเขาด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน ไม่อยากให้เด็กหนุ่มคิดหวังในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ อีกทั้งเป็นการย้ำเตือนให้เขาวางตัวให้ดีเวลาอยู่กับผม มิฉะนั้นผมก็สามารถที่จะยุติข้อตกลงได้เหมือนกัน


“แต่สำหรับผมแล้ว วันนั้นต้องมาถึงแน่นอน ผมเชื่อมั่นอย่างนั้นนะครับ เชื่อว่า ด้วยพลังแห่งความรักที่มีต่อเรียว จะทำให้คุณเริ่มเห็นคุณงามความดีของผม และรักผมได้สักวันหนึ่ง”



เด็กหนุ่มบอกด้วยท่าทางมุ่งมั่น สายตาที่มองมายังผมเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ผมหลบสายตาเขา นั่งนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบอะไร ปล่อยให้ความเงียบเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างเราทั้งสอง


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #153 เมื่อ16-12-2008 16:29:33 »

“นี่ๆเรามีอะไรกันบ้างได้ไหมครับ”


เดียร์พูดทำลายความเงียบขึ้นมา


“ไม่ได้”


ผมตอบปฏิเสธด้วยเสียงค่อนข้างดัง


“ทำไมอ่ะ ผมอยากทำกับเรียวนี่ อยากทำทุกวันเลย”

“เรื่องอะไร มันเป็นข้อตกลงในสัญญาไม่ใช่เหรอว่า ห้ามมีเซ็กส์กัน”


เดียร์หยิบสัญญามาดู ไล่สายตาไปมาตามตัวอักษร


“ไม่เห็นมีข้อห้ามเลย มีแต่บอกว่าห้ามแตะเนื้อต้องตัวเรียว ยกเว้นแต่ว่าเรียวจะยินยอมเท่านั้นเอง แปลว่า มีเซ็กส์ด้วยกันก็ได้ ถ้าเรียวยอมอ่ะ”

“ยังไงก็ไม่ยอมทั้งนั้นแหละ” ผมยืนยันเสียงแข็ง

“โธ่เรียวครับ อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันทั้งที ก็น่าจะมีอะไรพิเศษพิเศษให้จดจำกันบ้าง ”


เด็กหนุ่มทำเสียงออดอ้อน แต่ผมหรือจะยอม


“ฝันไปเถอะ ไปทำกับคนอื่นไป๊”

“งั้นขอใช้ปากกับมือให้นะ”


เขาพยายามต่อรองอีก ผมก็ยังยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งเหมือนเดิม แถมซ้ำยังทำท่ารำคาญใส่เขาอีก


“ไม่ได้ อะไรกันเนี่ย เรียกร้องโน่นนี่อยู่ได้”

“ก็อยู่ใกล้ๆเรียวจะอดใจไหวได้ไง นะนะนะ”


เด็กหนุ่มพยายามคะยั้นคะยอผม


“นายนี่แย่จังนะ สัญญาไม่เป็นสัญญา”

“ถ้าไม่ให้ผมใช้มือกับปาก ผมก็จะขอมีอะไรกับเรียวด้วย คนรักกัน เป็นแฟนกัน ต้องทำกันได้สิ ลองดูไหมครับ อาจจะดีอย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้”


เดียร์ทำหน้าเว้าวอน


“จะพูดยังไงก็ตามแต่ ฉันไม่ยอมทั้งนั้น ฉันไม่ชอบมีอะไรกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าใจไหม”


ผมหาเหตุผลด้านความไม่เหมาะสมทางอายุมาอ้าง เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร เด็กบ้านี่ก็ยังคงพยายามที่จะพูดให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองอยากได้อยู่ดี


“แหม อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ผมก็จะอายุ 19 แล้ว โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

“อายุ 20 ปี ถึงจะเรียกว่าบรรลุนิติภาวะ ฉันไม่อยากจะติดคุกในข้อหาพรากผู้เยาว์”


ผมบอกเขา ดีเหมือนกันใช้เหตุผลนี้ บางทีอาจจะหยุดยั้งเขาได้ แล้วผมเองก็รอดตัวไม่ต้องถูกเด็กนี่ลวนลามอีก


“ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายทำ ไม่ใช่เรียวทำสักหน่อย ถ้าใครมาจับคุณ ผมจะออกรับเอง”


เด็กหนุ่มเถียงอย่างดื้อดึง
“นี่ไง เขาถึงได้พูดว่า คบเด็กสร้างบ้าน นี่ไม่รู้อะไรเลย หรือแค่อยากตะแบงแกล้งโง่กันแน่ ผู้ใหญ่ไปยุ่งกับเด็ก ยังไงก็ผิดวันยังค่ำนะ”

“ก็เด็กมันยอมนี่ครับ ผมน่ะ ยอมทั้งร่างกายและจิตใจเลย เพื่อเรียวเท่านั้น”


เดียร์ยังไม่ยอมเข้าใจอยู่ดี คงคิดแค่ว่า ถ้าคนสองคนยินยอมพร้อมใจกัน ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ แต่อันที่จริงไม่ใช่แบบนั้น มันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องใช้การพิจารณาประกอบกัน


“งั้นอนุญาตให้ใช้มือกับปากได้นะครับ ไม่ได้ทำกัน ก็แย่เลยนะ แต่อย่างน้อย ได้ช่วยเรียวปลดปล่อยอารมณ์บ้าง ก็น่าจะดีนะ”


“นี่อย่ายกเอาเรื่องของฉันมาเป็นเหตุผล ไอ้เด็กบ้า ขอพูดแค่อีกครั้งเดียว นะ ว่าไม่ตกลง สัญญาก็ระบุชัดแล้ว ขืนเซ้าซี้ จะไม่คุยด้วยแล้วนะ”


ผมทำน้ำเสียงฉุนๆ เดียร์ทำหน้าจ๋อย บ่นอุบอิบ


“ใจร้ายจริงๆเลยนะครับ”


อยู่ๆ เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมานั่งแปะอยู่ตรงที่เท้าแขนของโซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่ แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ พูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่แสดงความห่วงใย


“เรียวน่ะ ทำตัวเข้มงวดมากจนเกินไปแล้วนะ ไม่รู้สึกตัวบ้างเหรอ ว่าถึงแม้เรียวจะบอกว่าไม่อยากให้ใครอยู่ด้วย ไม่อยากให้ใครแตะต้อง แต่เรียวน่ะ ก็ทำหน้าตาแบบว่า เหงามากๆเลย อยากให้ใครอยู่เป็นเพื่อน อยากมีคนอยู่ใกล้ๆ อยากให้ใครๆกอดเหมือนกัน ทำไมเรียวถึงไม่ยอมทำตัวผ่อนคลายบ้างเลย ปิดกั้นตัวเองทำไม
หรือครับ”


ผมเงยหน้ามองเดียร์ที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว มีความห่วงใยฉายชัดอยู่ในแววตานั้นให้เห็น หัวใจผมวูบไหว รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมา ทำไมเด็กนี่ต้องทำให้ผมรู้สึกแย่อย่างนี้ด้วยนะ เขาคอยเป็นห่วงว่าผมจะรู้สึกอย่างไร แต่ผมไม่เคยที่ให้สิ่งเหล่านั้นกลับคืนเขาเลย


“ก็ได้”


ผมบอกเขา เดียร์ทำหน้างงๆ ที่อยู่ๆผมก็พูดโพล่งขึ้นมา


“แต่ถ้าฉันไม่ยอมก็ห้ามทำนะ ถ้าไม่สมยอมก็จะใช้ปากใช้มือไม่ได้”


เดียร์เพิ่งถึงบางอ้อ สีหน้าแปรเปลี่ยน มีรอยยิ้มผลุดขึ้นที่ใบหน้าของเขา


“แล้วก็อย่าได้เที่ยวคิดเอง เออเอง เข้าใจผิด ว่า ฉันน่ะ อยากมีอะไรด้วยกับนายจนตัวสั่น ที่ยอมตกลง เพราะรำคาญการเซ้าซี้จากนายน่ะแหละ พูดแล้วก็ไม่ยอมฟัง เลยตกลงไปอย่างงั้น เพราะรู้ดีว่า ถึงยังไง นายก็ไม่มีทางที่จะได้ทำแบบนั้นแน่”


ผมพูดเสียงเข้ม เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจตัวเอง ความรู้สึกดีกับเดียร์ที่มันค่อยๆก่อตัวขึ้นมาในใจ โดยที่ผมเองก็ให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่เพียงว่า ต้องกดมันเอาไว้ภายใน ไม่ยอมให้มันแสดงออกมาให้เดียร์เห็น



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #154 เมื่อ16-12-2008 16:30:34 »

“ปากกับใจไม่ตรงกัน”


เดียร์ว่ายิ้มๆ ท่าทางเขามีความสุขอย่างเห็นได้ชัด


“อะไร ใครปากกับใจไม่ตรงกัน”

“เรียวน่ะแหละ” เขาว่าผม พร้อมกับยิ้มมากขึ้น ทั้งปากและตา

“ตรงกันก็ไปออกงานวัดแล้ว”


ผมใช้มุขควายเข้าข่มความอาย ที่เขาทำท่าเหมือนว่ารู้เท่าทันความคิดผม เดียร์หัวเราะจนตาหยี ก้มหน้าลงมาใกล้ผมอีก จนหน้าแทบจะชนกัน ทำตาหวานเยิ้มใส่ผม


“พูดแบบนี้ มันแปลเป็นนัยๆได้ว่า เรียวยอมรับรักผมแล้วใช่ป่ะ เห็นไหมเสน่ห์ของผมนี่ก็เหลือร้ายเชียวนะ ในที่สุดคุณก็เห็นเข้าจนได้ ไม่อยากจะคุยเลย”

“ประสาท”


ผมด่าเขา พร้อมทั้งลุกขึ้นจากโซฟา เพราะเริ่มรู้สึกหวั่นไหว เมื่อหน้าของเดียร์อยู่ใกล้ขนาดนั้น แถมซ้ำลมหายใจของเขายังเป่ารดที่แก้มผมอีกด้วย ผมจึงไม่ยอมให้เดียร์เข้าใกล้ไปมากกว่านี้


“เก็บข้าวเก็บของได้แล้ว รื้อออกมารกกระจายเกลื่อนกลาดทำบ้านฉันสกปรกอยู่ได้”


ผมสั่งเขา แล้วก็ทำท่าจะเดินขึ้นไปยังชั้นบน เดียร์รีบกุลีกุจอเก็บของยัดใส่กระเป๋า ปากก็ถามผมด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว ว่าผมจะไปไหน ยังกับกลัวว่า ผมจะหนีจากเขาไปยังงั้นแหละ


“โวยวายอะไร ฉันจะขึ้นไปเอางานลงมาทำต่อข้างล่าง นายก็อย่าทำเสียงดังแล้วกัน”

“อะไรกันน่ะ วันหยุดทั้งที ทำไมถึงต้องทำงานล่ะ ผมยังหยุดเลย นึกว่าจะได้นั่งคุยกัน ทำอะไรร่วมกันกระหนุงกระหนิง เรียวน่ะใจร้ายมากเลย”


“เฮ้ยยยยยยย แล้วจะให้ฉันทำไงล่ะ ก็มันมีงานที่ต้องทำนี่นา ถ้านายไม่พอใจก็กลับไปก็ได้ มาร่ำร้องให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ”


“ผมไม่ยอมกลับไป โดยทิ้งวันหยุดที่เราควรจะอยู่ด้วยกันไว้ให้เสียเปล่าหรอก เอาเป็นว่าเรียวทำงานไปนะครับ ผมจะหาอะไรอย่างอื่นมาทำ จะไม่รบกวนสมาธิ เรียวจะได้ทำเสร็จไวๆไงครับ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”


“ดีมาก นายจะนั่ง จะนอน หรือทำอะไรก็ตามสบายนะ แค่อย่าทำวุ่นวายก็พอ”

“คร้าบบบบบบบบ” เดียร์รับคำด้วยความกระตือรือร้น

“ผมเล่นกับเจ้าหมาตัวนี้ได้ไหมครับ”


เดียร์ชี้ไปที่เจ้าหญิง ที่นอนหมอบอยู่แทบเท้าผม แต่เอียงหูฟังว่าใครพูดอะไรถึงตัวเองบ้าง มันกระดิกหางใหญ่ เมื่อเด็กหนุ่มส่งสายตาที่เป็นมิตรมาให้


“ก็เอาสิ แต่ออกไปเล่นข้างนอกจะดีกว่านะ เจ้าหญิงมันชอบทำเสียงดัง”


ผมอนุญาต ดีเหมือนกัน เจ้าหญิงมีเพื่อนเล่น จะได้ไม่เหงา เพราะผมเอง ก็ไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับมันมากนัก อย่างน้อยๆก็ได้กันเจ้าเดียร์ออกห่างจากผมไปได้ชั่วระยะหนึ่ง
“ชื่อเจ้าหญิงเหรอ ชื่อน่ารักจังเลย”


เดียร์ก้มลง แล้วยื่นมือไปลูบหัวมัน เจ้าหญิงลุกขึ้นยืน แกว่งหางไปมา ท่าทางจะยอมรับเด็กบ้านี่เป็นมิตรด้วย ผมมองดูหนึ่งคน หนึ่งสัตว์เลี้ยง กำลังพยายามผูกสัมพันธ์กัน แล้วก็ยิ้มอย่างเบาใจ ที่เห็นเจ้าหญิงไม่พยศใส่ เหมือนที่เคยทำกับอรจิรา ท่าทางเด็กนี่ จะเก่งในแง่ของการสร้างมนุษยสัมพันธ์ ก็ขนาดผมไม่ชอบใจที่เขาทำไม่ดีกับผม แต่บางครั้งก็อดที่จะเผลอรู้สึกดีด้วยไม่ได้



เด็กหนุ่มพูดคุยชักชวนเจ้าหมาของผมไปเล่นข้างนอก เจ้าหญิงเดินกระโดดโลดเต้นตามไป เหมือนจะเข้าใจสื่อสารกันรู้เรื่อง ผมเบือนสายตามาจากภาพนั้น แล้วเดินขึ้นไปบนห้อง หอบแฟ้มงานลงมาข้างล่าง
ผมนั่งทำงานไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงหัวเราะ ผสานไปกับเสียงเห่าของเจ้าหญิง เมื่อมองออกไปทางประตูด้านหน้า ใกล้กับห้องรับแขก ก็เห็นเดียร์กำลังปล้ำกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหมาของผม บนพื้นหญ้าหน้าบ้านติดกับทางเดินที่ผมจอดรถเอาไว้



เขากำลังอาบน้ำให้กับเจ้าหญิง แต่เจ้าโกลเด้นท์ตัวดี ไม่ยอม ดิ้นหนีไปมา ทำให้ทั้งคนทั้งหมา เปียกปอนมอมแมม ผมอดหัวเราะไม่ได้ ตาของผม แทนที่จะจับจ้องที่งานที่กองอยู่บนโต๊ะ กลับโฟกัสไปที่หมาของตัวเอง และเด็กหนุ่มคนนั้น ผมเฝ้ามองเขาอย่างไม่วางตา รู้สึกรื่นเริงกับสิ่งที่เห็น



ความอ่อนเยาว์ และความร่าเริงที่เดียร์มี ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงตัวเอง นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ชีวิตของผม มีแต่งาน งาน งาน แล้วก็งาน จนไม่เคยใส่ใจกับตัวเอง ไม่เคยหาความสุข หรือทำตัวมีชีวิตชีวา การที่ผมอกหัก ทำให้มุมมองในการใช้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป ผมไม่รู้ว่า การที่ผมทำงานหนัก นั้นเป็นข้ออ้าง ของการอยากลืม หรืออยากเอาชนะอรจิรากันแน่ บางที การที่เธอจากผมไป เพราะผมจนกว่าผู้ชายคนใหม่ของเธอ อาจจะผลักดันให้ผมบ้างานขึ้นเพื่อเก็บเงินให้เยอะๆจะได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขาบ้างก็ได้ บางที อาจจะมีใครสักคนที่หันมามองผมบ้าง แต่คนนั้น อยู่ที่ไหนกัน แล้วอีกนานไหมกว่าที่ผมจะเจอ



“เปียกซ่กทั้งตัวเลยครับ เจ้าหญิงนี่ ไม่ไหว เลย ตัวเหม็น แต่ไม่ยอมอาบน้ำ นี่ผมก็อาบน้ำให้เจ้าหญิงเสร็จแล้วนะครับ ตัวหอมแล้วล่ะ ส่วนผมก็เปียกอย่างที่เห็นนี่แหละ”


อยู่ๆเดียร์ก็โผล่ แต่หัวเข้ามาคุยกับผม เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก เพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่เห็นเขา ทั้งๆที่ก็มองเด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลา เขาหัวเราะที่เห็นผมตกใจ หน้าบางส่วนของเขามีคราบดิน กับเศษหญ้าติด


“ด้านข้างบ้าน มีลานซักล้าง มีเครื่องซักผ้าอยู่ นายเอาเสื้อผ้าเปียกๆของนายไปซักแล้วปั่นซะ แดดกำลังเปรี้ยงๆ จะได้มีเสื้อผ้าใส่กลับ”


ผมรีบปรับเปลี่ยนสีหน้า ทำเป็นวางมาดเคร่งขรึม


“อื้อ ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้แล้วครับ แต่ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะกางเกง ก็เปียกหมดเลย เอามาแค่ตัวเดียวด้วย งั้นถอดซักข้างบ้านได้เลยใช่ไหมครับ”


เด็กหนุ่มกลับพูดจาและทำหน้าตาทะเล้นใส่ ผมกระโดดลุกขึ้นยืน ร้องดังลั่น


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #155 เมื่อ16-12-2008 16:32:03 »

“เฮ้ย.....จะบ้าเหรอ”

“ถอดกางเกงยีนส์ซัก กว่าจะแห้งก็อีกตั้งนาน แล้วนายจะใส่อะไรระหว่างที่ยืนซักอยู่ล่ะ”


ผมละล่ำละลักถาม กลัวว่าเด็กนี่จะเอาจริง


“กางเกงในไง ไม่โป๊หรอก ผมไม่ได้ใส่จีสตริง หรือกางเกงในบางๆอะไรหรอกน่า”

“ก็นั่นแหละ จะมายืนแก้ผ้าเหลือแต่กางเกงในอยู่ข้างบ้านคนอื่นเขาได้ไง”


เด็กหนุ่มหัวเราะก๊ากกับท่าทางของผม


“คิดเป็นจริงเป็นจังเลยนะ ใครจะทำอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าจะโชว์ ก็ต้องให้เรียวดูคนเดียวเท่านั้น คนอื่นจะให้เห็น
ได้ไงอ่ะ อิอิ เดี๋ยวผมจะขอเข้าไปเอาเสื้อมาเปลี่ยนแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ เดี๋ยวผมถูบ้านให้ ถ้ามันเปียก”



เขาขออนุญาต ผมพยักหน้า เด็กหนุ่ม เลยเดินโหย่งตัวเข้ามา ที่ห้องรับแขก เดียร์รื้อค้นข้าวของในกระเป๋า ซึ่งวางอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้าผม แล้วก็หยิบชุดที่เขาบอกว่าเตรียมไว้สำหรับใส่อยู่บ้านขึ้นมา ซึ่งก็คือเสื้อยืดแขนกุด แบบเสื้อนักบาส กับกางเกงขาสั้น และแล้วเดียร์ก็ทำให้ผมถึงกับตาเหลือกด้วยความตกใจที่อยู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อยืดออกจากตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถอดกางเกงออกต่อหน้าต่อตาผมซึ่งนั่งอึ้งอยู่


“ไม่ต้องแปลกใจหรอก ผู้ชายด้วยกันนะครับ”


เดียร์บอกผมยิ้มๆ ผมมองร่างกึ่งเปลือยที่มีเพียงกางเกงในสีขาวห่อหุ้มร่างกายตรงหน้า ร่างสูงใหญ่ สมบูรณ์ไปด้วยมัดกล้าม ไม่ว่าจะเป็นไหล่กว้าง หน้าท้องเป็นลอน ต้นขาแข็งแรง ถึงแม้จะไม่มากเท่าพวกนักกล้าม หรือพวกนักกีฬา แต่เขาก็มีรูปร่างที่งดงามชวนมอง อยู่ดีๆสายตาของผมก็ตกต้องอยู่แถวกลางลำตัวของเดียร์



ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นึกเปรียบเทียบสิ่งที่เห็นกับของที่ตนเองมีอยู่ การผสมผสานกันของสองเชื้อชาติ ทำให้เดียร์รับส่วนดีของเผ่าพันธุ์มาไว้เต็มๆ เขามีความอ่อนเยาว์ในใบหน้า ผิวพรรณที่เนียนละเอียด ไม่หยาบกระด้าง และเรือนผมสีน้ำตาลเข้มสลวย กับผิวสี แบบชาวเอเชีย ในขณะที่โครงสร้างร่างกายที่แข็งแรง และใบหน้าที่หล่อเหลา จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ได้มาจากความเป็นอเมริกันในสายเลือดของพ่อ โดยเฉพาะส่วนที่บ่งบอกความเป็นชายของเขา ดูมันแข็งแรงและบึกบึนแบบชาวต่างชาติ ผมอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้



พอผมเงยหน้าขึ้นมองเดียร์ ก็เห็นเด็กหนุ่มมองอยู่ก่อนแล้ว เขาอมยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นว่าผมเพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากการมองน้องชายของเขา ผมก้มหน้า รู้สึกตัวว่าตัวเองหน้าแดง เพราะความร้อนจากเลือดที่ฉีดพล่าน ด้วยความอายที่เผลอไปมองของสงวนของเขา นึกโมโหตัวเองที่คล้ายคนโรคจิตเข้าไปทุกที



“เด็กบ้า อยู่ๆก็มาถอดเสื้อผ้าตรงนี้ นี่มันห้องรับแขกนะ ไม่ใช่ห้องน้ำ ไม่เกรงใจเจ้าของบ้านบ้างเลย”


ผมว่าเด็กหนุ่มอย่างเคืองๆ มีเสียงหัวเราะดังออกมาให้ได้ยิน


“มองผมสิครับเรียว หลบตาทำไม”
“นายรีบใส่เสื้อผ้าให้เสร็จเถอะ จะมาชักชวนให้คนอื่นดูตัวเองโป๊ทำไม คราวหน้าคราวหลังก็หัดใช้ห้องน้ำนะ อย่ามาแก้ผ้ากันกลางบ้านแบบนี้ หน้าไม่อาย”



ผมด่าเขา โดยที่ไม่ยอมหันไปมอง เหมือนเดียร์จะแกล้งผม เขากลับเดินทั้งๆที่ยังอยู่ในกางเกงในสีขาวตัวเดียวมายืนอยู่ตรงหน้าผม ชะโงกมาใกล้ แล้วเอามือแตะไหล่ ผมสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองเขาโดยอัตโนมัติ เด็กหนุ่มหัวเราะชอบใจใหญ่


“นี่เป็นรอบคืนกำไรให้ผู้ชม ผมเคยเห็นของเรียวแล้ว ผมก็เลยอยากให้เรียวเห็นของผมบ้าง เราจะได้เสมอกันไงครับ ที่รัก”


เดียร์ยิ้มยั่ว ผมหน้าแดงจัด นึกโกรธเจ้าเด็กบ้าที่ยืนเกือบเปลือยอยู่ตรงหน้า ช่างทำลงไปได้ โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมเลย เป็นเด็กนี่ ทำได้ทุกอย่างรึไงนะ เวลาที่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ ผู้ใหญ่อย่างผมมีสิทธิจะโกรธเขาได้ใช่ไหม


“เล่นบ้าอะไร ใครจะไปอยากดูของนาย โรคจิตจริงๆเลย ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วก็รีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”


ผมไล่เขาออกไปให้พ้นๆจากห้องรับแขกด้วยเสียงอันดัง ไม่อยากเห็น และไม่อยากให้คนอื่นเห็น โดยเฉพาะเพื่อนบ้านรอบข้าง ถ้าหากเขาเกิดมาล่วงรู้ว่ามีผู้ชายแก้ผ้าเหลือแต่กางเกงในอยู่ในบ้านผม พวกเขาคงคิดเลยเถิดกันไปยกใหญ่ ผมนึกไม่ออกว่าจะตอบปัญหาพวกเขาอย่างไรเด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า เอามือแตะเข่าของผม แล้วถามด้วยความสงสัย


“ใครจะมาหรือครับ นัดใครไว้เหรอ”

“ถามทำไม”

“ก็วันนี้ เรียวสัญญาไว้นี่ครับ ว่าจะเป็นวันของผมคนเดียว จะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายในวันของเรา แล้วยังจะมีใครมาเห็นผมโป๊ได้อีกล่ะ หรือว่าเรียวนัดใครไว้ ให้มาหาที่นี่ ”


เดียร์ทำเสียงกระเง้ากระงอด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยความกลัดกลุ้ม ที่เด็กนี่ทำท่าหึงหวงผมโดยไม่ยอมเชื่อใจกัน


“ฉันหมายถึงว่า ฉันไม่ได้ปลูกบ้านอยู่โดดเดี่ยวกลางทุ่ง แต่มีเพื่อนบ้านแวดล้อมอยู่ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง แล้วก็ด้านข้าง หากบังเอิญเขาเห็นหนุ่มโสดอย่างฉัน อยู่ในบ้านกับผู้ชาย แถมซ้ำยังยืนโป๊อยู่ในบ้านตัวเองด้วย คนเห็นเขาจะคิดอย่างไร ฉันไม่กลายเป็นเกย์เฒ่าโรคจิตหลอกเด็กเหรอ ใครต่อใครก็คงจะเอาไปลือ เอาไปพูดกันอย่างสนุกปาก นายว่ามันสนุกนักเหรอ ที่จะถูกคนอื่นนินทา ทั้งที่มันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดเลย แม้แต่น้อย”


ผมอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังด้วยน้ำเสียงแสดงความหงุดหงิด รู้สึกเบื่อกับเรื่องนี้เหลือเกิน


“ผมขอโทษนะ ที่พูดแบบนั้นกับเรียว ผมแค่หวง ไม่อยากให้คุณอยู่กับใครนอกจากผม แล้วผมก็ต้องขอโทษด้วยนะ ที่คึกคะนองมากไปหน่อย ผมเห็นว่า เราอยู่ด้วยกันแค่สองคนเท่านั้น ก็เลยทำตามใจตัวเองด้วยการถอดเสื้อผ้าออกต่อหน้าต่อตาคุณ แค่อยากให้เรียวได้เห็นผมบ้างเท่านั้น”
เดียร์สารภาพเสียงเบา ท่าทางสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังของตนเอง


“ผมแค่อยากจะลองดูว่า เรียวเห็นร่างกายของผมแล้ว จะเป็นอย่างไร จะรู้สึกอะไรบ้างไหม มีอารมณ์อย่างที่ผมเป็นหรือเปล่า แค่อยากรู้ มันเหมือนกับเราลงแข่งในเกมส์อะไรสักอย่าง ต้องพยายามที่จะเช็คอยู่ตลอดเวลาว่า ตอนนี้ เราอยู่ตรงจุดไหน ผมมีโอกาสมากไหมที่จะพิชิตหัวใจคุณ หากมันยังห่างไกลกับสิ่งที่ผมต้องการ ผมจะได้ทุ่มความพยายามลงไปให้มากขึ้น”


“.........”


“ผมอาจจะทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง ไม่คิดให้รอบคอบ ผมรู้ว่ามันผิดที่ผมมักจะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ อยากทำอะไรก็ทำตามที่ใจมันสั่ง บางทีก็ไม่ได้คิดถึงเหตุผลความถูกต้อง ไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา แต่ว่าที่ผมทำไป เพราะว่าผมรักคุณมากเลย แค่อยากเป็นคนสำคัญของเรียว แค่อยากให้คุณรักผมบ้าง ต้องการตัวผม เหมือนที่ผมต้องการคุณน่ะครับ”


น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความหม่นเศร้า เขามองสบตาผม มีคำขอโทษมากมายให้เห็นในดวงตาคู่นั้น ผมเหลือบแลดูใบหน้าหล่อเหลาของเดียร์ นึกชิงชังความเอาแต่ใจตัว ไม่รู้กาลเทศะของเขา แต่เมื่อเห็นความใสซื่อสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้นแล้วก็เริ่มใจอ่อน เด็กนี่ขาดการอบรมดูแลสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ไม่มีใครชี้นำเขาในแนวทางที่ถูกต้อง ลองผิดลองถูกตัดสินใจด้วยตัวเอง ด้วยความเยาว์วัย ถึงแม้จะมีเรื่องผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ ทำให้เขาเผอเรอทำเรื่องผิดพลาดบ่อยครั้ง ในฐานะที่ผมโตกว่าเขา และเขาเองก็รักผมมากเสียด้วย ผมน่าจะใช้จุดนี้เป็นเหตุผลในการที่จะสั่งสอนเขาให้ประพฤติตัวในแนวทางที่เหมาะสม เพื่อที่เขาจะได้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข ไม่ก้าวล้ำล่วงเกินคนอื่น โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจ



เจ้าเด็กนี่ก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรเลย การที่เขามาวุ่นวายก่อความรำคาญให้กับผม เป็นเพราะว่าเขารักผม เพราะผมเคยช่วยเขาไว้หลายครั้ง เขาก็แค่เห็นว่าผมเป็นฮีโร่คนหนึ่งของเขา และเกิดความคลั่งไคล้ขึ้นมา จนอยากเป็นแฟน อยากทำอะไรต่ออะไรให้ ผมคิดว่า หากเจ้านี่ ทำตัวดีขึ้น แล้วเขามีโอกาสเจอคนดีๆนอกจากผม เขาอาจจะเจอคนที่เขารัก และรักเขาจริงๆก็ได้



อยู่ๆเดียร์ก็ซบศีรษะลงบนหน้าขาของผม ทำท่าเหมือนเด็กที่กำลังอ้อนพ่อแม่ ให้ยกโทษให้กับความผิดของตัวเอง ผมนั่งมองร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำตาลทองที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่กางเกงชั้นในสีขาวห่อหุ้มเรือนกายเอาไว้ ในใจเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ



“ผมขอโทษจริงๆนะครับ ยกโทษให้ผมนะ”


เดียร์ทำเสียงอ้อน มือไม้เริ่มลูบไล้ขาของผมที่พ้นกางเกงออกมา ทำท่าประจบ แต่ผมกลับรู้สึกขนลุกเกรียวกับสัมผัสนั้นใจกระหวัดไปถึงความฝันเมื่อเช้าตรู่ ผมพยายามชักขาออกจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่ม


“ทีหลังอย่าทำอีกแล้วกัน”

“คร้าบ”


เด็กหนุ่มรับคำอย่างกระตือรือร้น มือไม้ลูบขาผมไปมาจนผมเกิดความวาบหวิวซาบซ่าน


“นี่ๆๆๆๆๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะทีไป๊”


ผมไล่เขา ไม่อยากให้เขาทำให้ผมหวั่นไหวไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วคงจะเดาความรู้สึกของผมออกว่าผมรู้สึกอย่างไร


“หน้าแดงหมดแล้ว เรียวเขินอะไรหรือครับ หรือว่า มีอารมณ์กับผมแล้ว”


เดียร์ถามยิ้มๆ เขาลูบไล้มือหนักขึ้น แต่คราวนี้เลื่อนสูงไปจนถึงต้นขา ผมใช้มือผลักหน้าเขาจนหงาย เดียร์หัวเราะเบาๆแล้วจับแขนของผมข้างที่ผลักเขาเอาไว้ แล้วก้มลงจูบพร้อมกับใช้ลิ้นวาดเป็นรูปหัวใจที่กลางฝ่ามือ จากนั้นเด็กหนุ่มก็เลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับผม แนบหน้าเข้ามาจนชิด กระทั่งรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รดต้นคอของผม



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 บทที่2 By Katesnk
«ตอบ #156 เมื่อ16-12-2008 16:36:11 »

“จะทำอะไรน่ะ”


ผมถามเขาเสียงสั่น เนื่องจากใจคอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เดียร์เอามือแตะที่คางของผม แล้วใช้นิ้วบังคับให้หน้าของผมหันไปเผชิญกับหน้าของเขา ผมยกมือขึ้นจับแขนเด็กหนุ่ม พยายามที่จะดึงมือเขาออก แต่มือของเขาแข็งแรงมากจนผมไม่สามารถขยับเขยื้อนออกจากหน้าผมได้


“แค่อยากมองหน้าเรียวใกล้ๆนะครับ เวลาเรียวอายเนี่ย น่ารักดีจังครับ หน้าแดง แก้มแดงไปหมดเลย นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าแดง เหมือนลูกตำลึงสุก แดงเหมือนลูกท้อ คนพูดเปรียบเปรยได้น่ารักจริง แต่ไม่ใกล้เคียงนัก เท่าที่เห็นนี้ มันแดงเรื่อมากกว่านั้นอีกนะครับ เป็นสีกุหลาบเลย”


คำพูดของเดียร์ทำให้ผมร้อนวูบวาบจากใบหน้าสู่ลำคออีกครั้ง


“ลืมข้อตกลงหรือไง ว่าห้ามแตะต้องตัวฉัน”


ผมทวงคำสัญญา เดียร์กลับยิ้มหวานใส่ตาผม เด็กหนุ่มใช้นิ้วหัวแม่โป้งของตัวเองไล้ริมฝีปากผมไปมา


“ก็ทราบครับ แต่ว่า ถ้าเรียวยินยอมก็ได้นี่ครับ”

“แล้วฉันยอมตรงไหนกัน”


ผมบอกเขาเสียงขุ่น เด็กหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม พลางก้มหน้าเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น จนจมูกของเขาคลอเคลียอยู่แถวตรงข้างแก้ม


“ดูจากนัยน์ตาก็รู้ มันบอกว่า เรียวไม่ขัดขืนอะไร”


เด็กหนุ่มพูดเป็นเสียงกระซิบ เขาแลบลิ้นมาเลียแถวซอกคอของผมแล้วก็วนลิ้น เป็นรูปหัวใจอีกครั้ง ผมทำคอย่นด้วยความเสียวสะท้าน ขยับตัวจะหนี แต่เขาก็เอื้อมมือมารั้งผมไว้


“คิดเอง เออเองทุกทีเลยนะ”


เดียร์หัวเราะ หึหึ จากนั้นเด็กหนุ่มก็ซุกจมูกลงที่คอของผม มือข้างหนึ่งโอบอยู่ที่รอบต้นคอ ส่วนข้างที่ว่างสอดเข้าไปใต้เสื้อ แล้วลูบไล้ทรวงอกผมไปมา


“นี่มันไม่ถูกต้องนะเดียร์”


ผมท้วง เด็กหนุ่มครางเสียงอู้อี้ตอบกลับมาว่า


“ในเรื่องของกฎเกณฑ์ หรือ หัวใจล่ะครับที่รัก”

“ทั้งนั้นแหละ”


ผมบอก พยายามที่จะผลักไสเขาออกไปให้พ้นจากตัว อยู่ๆเดียร์ก็หยุดเคลื่อนไหว เขาใช้มือ
ที่อยู่ใต้เสื้อ กดลงตรงตำแหน่งที่เป็นหัวใจของผม


“หัวใจของเรียว เต้นรัวอยู่ใต้ฝ่ามือของผม มันบอกอะไรได้บ้าง เดาได้ไหม”


เขาถามผม แต่ผมกลับนิ่งเฉย ไม่ตอบ ตามองจ้องเป๋งที่ใบหน้าเขา คาดเดาไม่ถูกว่า เจ้าเด็กบ้านี่จะมาไม้ไหนกันแน่


“มันบอกว่า เรียวเองก็ตื่นเต้นในสัมผัสของผม หรืออีกอย่างก็คือ เรียวเองก็ปรารถนาที่จะปลดเปลื้องอารมณ์ของตัวเองออกไป บางทีหัวใจของเรียวอาจจะกำลังเปิดประตูออก เพื่อต้อนรับผมเข้าไปข้างในก็ได้ เรียวอาจจะอยากให้ผมช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ตกตะกอนอยู่ภายในหัวใจของเรียวออกมาให้หมด เพื่อที่หัวใจจะได้ว่างขึ้น สะอาดปราศจากสิ่งขุ่นมัว เรียวจะได้เลิกกลายเป็นคนเย็นชา และสามารถรับรู้ความรักที่ผมและคนอื่นๆมอบให้”


“แค่หัวใจเต้นตามปกติ ไม่เต้นสิแปลก ฉันยังไม่ตายเสียหน่อย หัวใจจะได้หยุดเต้น”


ผมแย้งเขาทันควัน เดียร์ยิ้มใส่ตาผม จากนั้นก็เคลื่อนมือข้างนั้นอย่างรวดเร็วไปยังร่างกายส่วนล่างของผม และกอบกุมมันไว้ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเติบโตขึ้นเต็มมือของเขา


“ถ้าไม่เชื่อใจตัวเอง ก็เชื่อร่างกายตัวเองสักหน่อยดีไหม เห็นหรือเปล่าว่าเรียวน่ะ ไวต่อสัมผัสของผมมากแค่ไหน แตะต้องแค่นิดเดียว น้องชายของเรียวก็ตื่นเต้นตัวแข็งไปหมดแล้ว"


เด็กหนุ่มแซวผมยิ้มๆ หูตาแพรวพราว
**********************************
 :serius2: จะทำอะไรผมช่วยด้วยครับบบบบบบบบบบบบบบบ
อันนี้คนโพสร้องเอง อินนะอิน อิอิ :bye2:

ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #157 เมื่อ17-12-2008 02:53:35 »

โหยมีแอบค้างด้วยง่ะ
แต่ขอบคุณมากๆคับ มาต่อไวๆน้า

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #158 เมื่อ17-12-2008 04:29:14 »

 :mc4: กลับมาแย้ววว


ขอบคุณพี่แอนที่ช่วยลงต่อ  :กอด1:

แล้วก็ขอโทษพี่เคทด้วยที่มะได้ลงต่อให้  :L2: ช่วงนี้ยุ่งมากมายยยย

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #159 เมื่อ17-12-2008 04:32:21 »

มาให้กำลังใจพี่แอน จ้า  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #159 เมื่อ: 17-12-2008 04:32:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #160 เมื่อ17-12-2008 06:42:55 »

 :3123: สวัสดีตอนเช้า

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #161 เมื่อ17-12-2008 09:01:47 »

มาให้กำลังใจน้องแอนด้วยคนค่ะ สู้ๆนะคะ น้องแอน  o13

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #162 เมื่อ17-12-2008 16:19:33 »

เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ

สนุกมากเลยค่ะ น้องเดียร์ก็น่ารัก แต่ทำไมพี่เรียวใจแข็งจัง


ตามดูกันว่าพี่เรียวจะใจแข็งไปได้อีกกี่น้ำ

ขอบคุณทั้งพี่เคทคนเขียน และคุณแอนคนโพสต์ด้วยนะคะ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #163 เมื่อ17-12-2008 19:59:20 »

 :z1: มาแล้วจ้า










“อย่าทำอะไรที่เกินเลยนะเดียร์ สัญญาต้องเป็นสัญญานะ”


ผมร้องบอก พยายามผลักไสเด็กหนุ่ม แต่เดียร์กลับเพิกเฉย เขาเลื่อนจากการซุกไซร้ซอกคอ เปลี่ยนมาประกบที่ปาก จูบของเขานับวันยิ่งทวีความเรียกร้องมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนมันจะมีพลังอำนาจเพียงพอที่จะยุติการเคลื่อนไหว หรือการต่อต้านจากผม



เด็กหนุ่มคลึงเคล้าหยอกล้อเรียวน้อยไปมาจนผมครางอือด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นไปด้วยเพลิงปรารถนา สัมผัสของเขาทำให้ใจของผมกระเจิดกระเจิง มือที่พยายามจะผลักเขาออกเริ่มไร้เรี่ยวแรง ถึงแม้ว่าในใจของผมจะคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่ผู้ชายกับผู้ชายจะมีอะไรกัน โดยเฉพาะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นเกิดกับตัวผม แต่อีกส่วนลึกของจิตใจก็บอกให้ผมละทิ้งความคิดเดิมๆ แล้วให้เติมเต็มความปรารถนาให้กับตัวเอง ไม่เห็นจะแปลกถ้าผู้ชายอย่างผม จะแสวงหาความสุขทางเพศรสที่ตื่นเต้น โดยไม่จำเป็นต้องสนว่าผู้ที่ปลดเปลื้องให้อีกฝ่ายจะเป็นใคร หรือ เพศใด



ผมสูดลมหายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอด หลังจากที่เดียร์ถอนริมฝีปากออก เขามองหน้าผมด้วยดวงตาหวานเยิ้ม ยิ้มให้ผม แล้วค่อยๆดันตัวของผมนอนลงบนโซฟา เลิกเสื้อยืดของผมขึ้น จากนั้นเขาก็โน้มลงมาแล้วเกลือกกลิ้งใบหน้าไปมาเข้ากับแผ่นอกของผม เขาจูบฟอนเฟ้นไปทั่วแล้วค่อยเลื่อนลงต่ำมาที่หน้าท้อง เด็กหนุ่ม เงยหน้าขึ้นมองดูผม เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ทำท่าขัดขืนอะไร เขาก็ดึงกางเกงผมออกมากองไว้ตรงหน้าขา และเริ่มปฏิบัติการโอษฐ์กามกับผม



เหมือนร่างกายจะประทุออกจากกัน ด้วยความร้อนรุ่มที่อยู่ภายใน ผมเกร็งตัวด้วยความซ่านสยิว เมื่อร่างกายส่วนนั้นของตัวเองลับหายเข้าไปในปากของเดียร์ เขาโอบอุ้มให้ความอบอุ่นกับน้องชายตัวน้อยของผม ทั้งหยอกเอิน และ ยั่วเย้าอยู่ในที ด้วยปากและลิ้นที่พลิกพลิ้วชำนาญชาญ มือที่ใช้สัมผัส ก็สร้างความปั่นป่วนรัญจวนใจจนถึงขีดสุด



เด็กหนุ่มลากลิ้นไปตามลำตัวน้องชายของผม ก่อนจะวนลิ้นตวัดกลับมาที่ส่วนหัว แล้วดูดเม้มคล้ายทารกน้อยที่กำลังรีดนมออกจากเต้าของมารดา มือที่เคล้นคลึงขึ้นลง ให้น้ำหนักที่นุ่มนวลและรุนแรงควบคู่กันไป เขาเฝ้าเพียรปฏิบัติต่อร่างกายส่วนนั้นของผม ดังกำลังรูดเมือกออกจากปลาไหล ผมเกร็งตัวก้นลอยแทบไม่ติดเบาะ และแล้วเมื่ออารมณ์พลุ่งพล่านจนไม่อาจจะควบคุมได้ ผมก็เอื้อมมือไปรั้งศีรษะของเดียร์ไว้ และกดให้แนบกับร่างกายส่วนล่างของผมมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการจะทำ โดยไม่ผลักไสอีกต่อไป เพื่อเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ทั้งของตัวผมและตัวเขาเอง



ในเวลาไม่นาน ของเหลวขุ่นข้นจากอารมณ์ดำฤษณาของผม ก็ทะลักทลายให้เดียร์ได้ดูดกลืนจนหมดสิ้น ผมหอบสะท้าน หน้าตาเนื้อตัวร้อนวูบวาบ ใบหน้าหล่อเหลาของเดียร์ยังอยู่ที่ท้องน้อยของผม แต่ดวงตาวาววามนั้นจ้องผมไม่วางตา ผมพยักหน้าให้เดียร์เป็นนัยๆให้เขาได้รู้ว่า ผมบรรลุถึงจุดแห่งความสุขสมแล้ว มือที่กดศีรษะเดียร์เมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นลูบไล้เรือนผมหยิกสลวยของเขาไปมาแทนคำขอบคุณ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2008 20:13:48 โดย ไต๋ »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #164 เมื่อ17-12-2008 20:01:31 »

“สงบใจลงบ้างเถอะ”


ผมบอกเขา อันที่จริงก็ถือโอกาสบอกตัวเองด้วยเหมือนกัน


“อยากทำง่ะ”


เดียร์เริ่มทำน้ำเสียงงอแง ตัวของเขาหายสั่นแล้ว บางส่วนของร่างกายที่แนบชิดอยู่กับสะโพกของผมก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่เขาก็ยังไม่ยอมคลายมือออกจากการกอดรั้งผมไว้ ผมเองก็นอนเฉย ปล่อยให้เขาแนบชิดอยู่บนตัวผมในสภาพนั้น ไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะไปกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างของเขาให้กลับคืนมาอีก นึกหวั่นวิตกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ ตอนที่ผมกับเดียร์กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ปรารถนา ถ้าหากว่าเขาไม่เป็นฝ่ายหยุดเสียก่อน แล้วทำต่อ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร


“ใจร้ายจังเลย สัญญาบ้าบออะไรเนี่ย”


เดียร์กระซิบข้างหูผม น้ำเสียงโกรธๆ ทว่าไม่จริงจังนัก ดูเหมือนเป็นคำตัดพ้อของเด็กที่ถูกขัดใจเสียมากกว่า


“ทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ”ผมพูดอย่างกวนๆตอบกลับไป

“ก็เรียวน่ะ คิดคำสัญญาขึ้นมาแบบนี้ได้ไง มันไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง แถมซ้ำยังปฏิบัติได้ยากอีก คนรักกัน อยู่ใกล้กัน มันจะอดใจไม่ให้มีอะไรกันได้อย่างไง ทำอย่างนี้ เหมือนฆ่ากันชัดๆ”


เด็กหนุ่มกล่าวหาผม ผมพยายามจะมองหน้าเขาขณะโต้ตอบ แต่ก็ทำได้ไม่ง่ายนัก ในสภาพที่เดียร์นอนทับผมอย่างที่เป็นอยู่นี้ ยิ่งขยับ แก้ม คาง และปากของผม ก็ยิ่งใกล้ชิดกับใบหน้าของเดียร์มากยิ่งขึ้น


“จะมาบ่นอะไร ที่ทำลงไปเมื่อครู่นี้ ก็ถือว่าทำนอกเหนือกว่าที่ตกลงกันแล้ว ฉันน่ะ น่าจะเป็นฝ่ายโวยวายมากกว่านายนะ”


ผมสวนกลับ เดียร์หัวเราะก๊ากไอ้ที่ตั้งท่าจะงอแงเมื่อครู่กลายเป็นทำท่าทะเล้นขึ้นมา


“ใครบอก เมื่อกี้น่ะ ถูกต้องตามสัญญาเป๊ะเลย ถ้าเรียวสมยอม ผมก็สามารถแตะต้องเรียวได้นี่นา แต่เอ จะว่าไปแล้ว ถ้าเรียวยอมโดยไม่ขัดขืนนี่ ผมก็น่าจะทำต่อได้เรื่อยๆใช่ไหม อ๊ากกก.....”


อยู่ๆเดียร์ก็ผลุดลุกขึ้นนั่ง เอามือกุมศีรษะ ทำท่าเสียดาย เหมือนได้ปล่อยอะไรดีๆให้หลุดลอยไป ผมรีบตะกายขึ้นมานั่งตามเดิม แล้วเลื่อนกางเกงขึ้นมาสวมใส่จนเรียบร้อย


“เป็นบ้าอะไร อยู่ๆก็ร้องขึ้นมา”


ผมว่าเขา พลางถอยหนีไปนั่งจนชิดอีกมุมด้านหนึ่งของโซฟา


“นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อกี้ เรียวกำลังอยู่ในภาวะยินยอมผมแท้ๆ ผมไม่น่าหยุดการกระทำของตนเองเลย แถมซ้ำเรียวก็ไม่ได้ขัดขืนด้วย ถ้าผมไปต่อเรื่อยๆ เรียวก็อาจจะกลายมาเป็นของผมแล้วก็ได้ แถมผมก็ไม่ผิดสัญญาอีกด้วย”
เด็กหนุ่มทำท่าฟูมฟายเสียดมเสียดาย ที่เขาปล่อยให้ลูกแกะอย่างผมหลุดมือไป เด็กหนุ่มหันมาจ้องผมที่นั่งซุกอยู่ที่ด้านหนึ่งของโซฟา แล้วทำหน้าหื่นๆพร้อมแสยะยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ให้ผม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า


“งั้นเอาเป็นว่า ช่วงเวลาเมื่อกี้ เป็นการพักให้น้ำแล้วกัน ตอนนี้อ่ะ ผมขอต่อเลยนะ”


ไม่พูดเปล่า เดียร์รีบกระเถิบมาใกล้ แต่ผมชิงลุกหนีขึ้นมาก่อน


“พอแล้ว อย่ามาเรียกร้องไปมากกว่านี้ เดี๋ยวนายจะโดนดีไม่ใช่น้อย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เอาผ้าเปียกๆไปซักไปปั่นให้แห้งเสียทีไป๊”


ผมร้องสั่งเดียร์ เขาทำหน้างอ เมื่อผมไม่ยอมเออออไปกับเขาด้วย


“ใจร้ายที่สุด คนอะไรหน้าตาก็ดี ใจดำชะมัด ดูสิ ปล่อยให้เราค้างเติ่งอยู่ได้คนเดียว ไม่ช่วยกันบ้างเลย ทั้งๆที่เราก็สู้อุตส่าห์ทำให้หายอารมณ์เปลี่ยวแล้ว”


เขาทำเสียงโวยวายเป็นเด็กๆ แต่ผมไม่ยอมใจอ่อน กลับชี้มือไปที่ประตูห้องน้ำตรงข้างห้องครัว แล้วพูดแบบไม่ใส่ใจกับเขาว่า


“โน่นเลย ไปแก้ปัญหาเอาเองในนั้น แล้วอย่ามาทวงบุญคุณกับเอากับฉันในเรื่องแบบนี้ ใครเขาไปบังคับให้นายมาทำกันล่ะ นายมาล่วงเกินเอากับฉันต่างหาก ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ถือโอกาสฉีกสัญญาทิ้ง”


“โธ่ โธ่ เวรกรรมจริงๆ”


เดียร์แสร้งทำเป็นตีหน้าเศร้า แต่รู้สึกว่า กริยาท่าทางกับใบหน้าจะไม่ไปด้วยกันสักเท่าไหร่


“คำก็ฉีกสัญญา สองคำก็ขู่ว่าจะเลิกรากันไป ใจคอทำด้วยอะไรหนอ ไหงไม่เห็นใจกันบ้างเล้ย มีแฟนหล่อ น่ารัก นิสัยดี พะเน้าพะนอเอาใจเก่งอย่างผมเนี่ย ยังจะใจจืดใจดำได้ลงคอ จะใจแข็งไปถึงไหนกันน๊า”


เด็กหนุ่มทำเป็นบ่นกระปอดกระแปด แต่แววตาที่มองผมกลับขี้เล่นยั่วเย้าอยู่ในที หมอนี่ จะโกรธเป็นบ้างไหมน๊า ไม่ค่อยจะเคยเห็นเลย นับตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกับเขามา มีแต่ทำหน้าตาทะลึ่งทะเล้นตลอด ทำเหมือนกับว่าชีวิตนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้มีแต่ความสุขไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจมาแผ้วพาล


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว ฉันก็จะขึ้นไปบนห้องบ้างเหมือนกัน”


ผมบอกเขาน้ำเสียงเฉยเมย อันที่จริง อยากขำท่าทางของเขามากกว่า แต่กลัวเจ้าหมอนี่ได้ใจ เลยต้องแสร้งทำเป็นปั้นปึ่ง แต่ดูเหมือนเดียร์จะรู้ว่าผมก็ไม่ได้หมั่นไส้ หรือโกรธเขาจริงจังตามท่าทางและปากที่ว่า เขาก็เลยทำเป็นไม่ใส่ใจคำพูดของผมบ้าง เด็กหนุ่มปรายตามองผมผ่านม่านขนตาดกหนาของเขา แล้วแกล้งทำเป็นวางท่าเชิ่ดคอแข็ง เหมือนพวกกะเทยทั่วไปที่ผมเคยเห็น ทำปากยื่นล้อเลียนคำพูดของผม จนสิ่งที่ผมสู้อุตส่าห์อดกลั้นมานานทะลักทลายออกมาให้เขาเห็น ผมหัวเราะก๊ากออกมาด้วยความขำ หยิบหมอนขึ้นปาใส่เขาเพื่อแก้เก้อที่ตัวเองเผลอหัวเราะออกมา เดียร์หัวเราะตามผมบ้าง ใบหน้าหล่อเหลาเวลายิ้มดูสดใสสบายตายิ่งนัก ผมมองตามจนเพลิน



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #165 เมื่อ17-12-2008 20:03:57 »

“นายนี่มันทะลึ่งได้ใจจริงๆเลย ขอเชิญนายบ้าไปคนเดียวแล้วกัน ฉันจะไปบนห้องล่ะ แล้วก็อย่าริเดินตามขึ้นมานะ ฉันเตะตกกระไดไม่รู้ด้วย”


ผมขู่เขา เดียร์ทำท่าหงอ ไหล่ ห่อ คอตก ก้มหน้างุดๆ อยู่ตรงโซฟา มือเอานิ้วชี้แตะกันไปมา


“กลัวจังเลยอ่ะ คนอะไร หน้าหวาน แต่ดุ๊ ดุ”



ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ รีบหันหลังกลัวว่าเดียร์จะเห็นความอ่อนแอในใจผม ที่นับวันมันจะทำลายเกราะกำบังที่ผมสร้างขึ้นมาขวางกั้นระหว่างผมกับเด็กหนุ่ม ทั้งๆที่เราก็รู้จักกันได้ไม่นาน แถมซ้ำยังอยู่ภายใต้สถานการณ์การคบกันที่แปลกประหลาด แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ทำให้ช่วงเวลาของผมสนุกสนานไม่เบื่อหน่าย จนผมรู้สึกกลัวว่า วันหนึ่งผมจะเคยชินจนไม่สามารถปลีกตัวออกไปจากเรื่องนี้ได้



เดียร์ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาไม่ยอมขยับในสภาพที่นุ่งกางเกงในอยู่ตัวเดียว เขาทำให้ผมไม่กล้าที่จะเหลียวกลับไปมองอย่างเต็มตา ผมจึงทิ้งเขาไว้อย่างนั้น คิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเองนั่นแหละ หมอนี่คงไม่เดินเปลือยในบ้านผมเป็นแน่ เพราะเขาคงรู้ว่า เขามีลิมิตแค่ไหนในการก้าวล่วงล้ำสู่ความเป็นส่วนตัวของผม



ผมเดินขึ้นไปบนห้อง ตั้งใจจะเปลี่ยนกางเกงในที่มันเลอะเฉอะแฉะออกเอามาซัก เจ้าเด็กบ้านั่น ทำเอาผมเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด ถึงแม้ว่าเขาจะทำความสะอาดให้ผมเรียบร้อย แต่ก็มีบ้างที่กระเซ็นกระสายจนเปียกชุ่มกางเกง จนผมต้องเปลี่ยนใส่ตัวใหม่ พอล้างเนื้อล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พอจะเหลียวหาตะกร้าผ้า ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ผมได้เอาไปทิ้งไว้ที่ลานซักล้างก่อนที่จะไปเปิดประตูให้เดียร์เข้ามาเมื่อตอนเช้านี้ ผมจึงเดินหอบเสื้อผ้าที่จะเอามาซัก ลงบันไดมายังห้องชั้นล่าง เดียร์ไม่อยู่ในห้องรับแขกแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจจนบอกไม่ถูก แต่เมื่อผมเดินออกมายังลานซักล้าง ผมก็ต้องแปลกใจกับสิ่งที่เห็น



เดียร์ยืนหันหลังให้กับผม มีตะกร้าผ้าว่างเปล่า อยู่ข้างตัว มันเป็นตะกร้าที่ผมเอามาวางไว้เมื่อเช้านี้ เด็กหนุ่มคงจะจัดการเอาผ้าลงเครื่องให้กับผม ขณะที่เดียร์กำลังหยิบเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของผมขึ้นมาถือ ผมก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นของที่อยู่ในมือเขาเป็นกางเกงในตัวที่ผมใส่นอนตอนฝันเปียกเมื่อเช้านี้ ก่อนที่เขาจะหย่อนมันลงถัง ผมเห็นเดียร์ทำสิ่งที่ผมต้องอึ้ง ด้วยการยกกางเกงตัวนั้นขึ้นมาดม ผมปราดเข้าไปหาเขาทันที แล้วทำมือเป็นมะเหงกเขกหัวเดียร์ดังโป๊ก



“ไอ้เด็กโรคจิต” ผมต่อว่าเขาเสียงไม่เบาเลย

“อารายอ่ะ”


เขาครำหัวป้อยๆ ท่าทางงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมผมจึงมาเขกหัวเขา


“ดมไปได้ยังไง กางเกงในคนอื่น ใช้แล้วด้วยอีกต่างหาก ประสาทหรือเปล่า”

“คนอื่นที่ไหน ของแฟนตัวเอง ทำไมจะดมไม่ได้ หอมดีด้วย”

“บ้าหรือไง ของใช้แล้ว สกปรกจะตาย”

“เมื่อกี้ ก็ทั้งดูด ทั้งกิน ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แล้วนี่ก็แค่ดมเอง ไม่สกปรกหรอก เรียวเป็นคนสะอาดจะตาย กลิ่นหอมทั้งตัวแม้กระทั่งจุดซ่อนเร้นแบบนั้นอ่ะ กลิ่นยังเร้าใจเลย”


เขายังเถียง ทำท่าดื้อตาใส ผมรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจกับเด็กคนนี้เสียจริง
“ลามก สกปรก โรคจิตอีกด้วย”

“อ๊ากกกกกกก ด่าเป็นชุดเลย ไม่ใช่ซะหน่อย ทั้งสามอย่างที่ว่านั่นน่ะ กล่าวหาเสียจริง”


เด็กหนุ่มต่อปากต่อคำกับผมไม่ลดละ

“ทำไมจะไม่ใช่ คนดีๆที่ไหนจะทำกัน มีแต่พวกโรคจิตเท่านั้น ถึงจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับฉันและคนอื่นไม่คิดหรอกนะว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา”


ผมกล่าวหา แต่เดียร์ก็พยายามแก้ตัว


“ไม่หรอก คนอื่นก็เป็นนะ ไม่ใช่ผมคนเดียว พวกชอบดมกางเกงใน สะสมกางเกงในก็เยอะอ่ะ ผมไม่ใช่อย่างพวกนั้นสักหน่อย”

“แต่นายก็ทำเหมือนคนพวกนั้นนั่นแหละ แล้วนี่ทำมานานแล้วเหรอ”

“ไม่อ่ะ ครั้งแรกเลยนะที่ทำ เห็นว่าเป็นของเรียว เลยอยากชิดใกล้ให้มากกว่านี้ อยากสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรียว ทดแทนการที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน”

“บ้า”


ผมด่าเขาอีก รู้สึกอายกับเรื่องที่เดียร์พูด หมอนี่หาวิธีอื่นที่จะได้ใกล้ชิดผมไม่ได้หรือไงนะ ทำไมต้องมาทำวิธีแบบเดียวกับพวกโรคจิตด้วยล่ะ


“ผมให้สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้วล่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ผมทำแค่เพราะอยากจะรู้ว่า เวลาดมกางเกงในของเรียวแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรู้สึกอะไรบ้างไหม เพราะเคยดมแต่ของตัวเอง เวลาที่ไปไหนนานๆ แล้วเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนน้อยชิ้นอ่ะ แต่กลิ่นของตัวเอง มันก็คุ้นไปแล้ว เลยอยากจะดมของคนที่ตัวเองรักบ้างน่ะ”


“โรคจิต…… แล้วไง....... ดมแล้วรู้สึกอย่างไรเหรอ”

“หอม”


เดียร์สูดลมเข้าเต็มปอด ทำท่าชื่นอก ชื่นใจเหมือนได้กลิ่นอากาศที่บริสุทธิ์


“เจ้าคนบ้า”

“จริงนะ กลิ่นเนื้อตัวหอมๆของเรียวติดมากับเสื้อผ้าด้วย ชอบจังเลย อยากดมอีก แต่จากเจ้าตัวจริงๆ ไม่อยาก
ได้แค่สัมผัสกลิ่นเอากับเสื้อผ้าอ่ะ”


เด็กหนุ่มทำตาเจ้าชู้ใส่ผม


“แล้วนั่นทำอะไรอ่ะ จะซักผ้าให้ฉันหรือไง”


ผมไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเรื่องพูดซะงั้นแหละ เดียร์เหลือบตาลงมองที่เครื่องซักผ้า แล้วก็มองกางเกงในของผมที่ยังอยู่ในมือเขา ผมยังไม่ได้แย่งมันกลับคืนมา ผมมองตามสายตาเขา หน้าร้อนวูบ รีบแย่งชิ้นส่วนนั้นมาจากมือเขา เดียร์คืนให้ผมแต่โดยดี เขายิ้มให้ผม หูตาแพรวพราว จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเขา เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกับผมว่า



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By
«ตอบ #166 เมื่อ17-12-2008 20:05:35 »

“ครับ ก็เห็นว่าถ้าซักแค่สองตัวก็เปลืองไฟ และผงซักฟอก ผมเห็นผ้าคุณเต็มตะกร้าเลย มีทั้งเสื้อทำงานและเสื้อผ้าอยู่บ้าน ก็เลยคิดว่าน่าจะซักให้คุณด้วย คุณจะได้มีใส่ แดดก็กำลังดีด้วย ซักแป๊บเดียวก็คงจะแห้ง จะได้เอามารีดต่อ นี่ก็วันอาทิตย์แล้ว ขืนไม่ซักให้เสร็จ ค่ำมืดไปเสียก่อน คุณจะไม่มีผ้าใส่ไปทำงานน่ะครับ”



ผมได้ฟังคำพูดของเขา แล้วก็ใจอ่อนยวบยาบเป็นขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ เจ้าเด็กบ้านี่ คิดห่วงใยผมอยู่ตลอดเวลา ผมเสียอีก ที่ทำตัวไม่ค่อยดีกับเขาสักเท่าไหร่


“ขอบใจนะ ที่ช่วยทำให้ นี่เดี๋ยวตั้งเวลาเอาก็ได้ แล้วก็ไปนั่งพักในบ้าน หรือหาอะไรทำซะ เห็นเอาหนังสือมาอ่านนี่นา ใกล้จะสอบแล้วเหรอ”


“อื้มครับ อีกไม่กี่เดือน ก็เลยอ่านไปเรื่อยๆ เวลาว่างอ่ะครับ เพราะว่าผมทำงานเยอะกลัวจะไม่มีเวลานะครับ”

“งั้นก็ไปหาที่เงียบๆนั่งอ่านนะ ส่วนฉันก็จะไปทำงานต่อแล้วล่ะ”


ผมเดินออกมาจากตรงนั้น โดยที่เดียร์กระวีกระวาดตามมาติดๆ


“นี่ใกล้จะเที่ยงแล้วล่ะ ผมไปเข้าครัวทำกับข้าวนะ”


เด็กหนุ่มบอกผม แล้วแยกตัวเข้าห้องครัวไป แทนที่ผมจะแยกไปนั่งที่ห้องรับแขกที่ผมเอางานมากองไว้ ผมกลับเดินตามหลังเดียร์ตรงไปห้องครัวด้วย คิดอยากจะช่วยทำอะไรบ้าง ไม่อยากงอมืองอเท้ารอให้เขาทำให้กินอย่างเดียว


“ไปทำงานต่อสิครับเรียว เดี๋ยวผมทำเองได้”


เขาห้ามผมไม่ให้เข้าครัวของผมเองเสียแล้ว แต่ผมไม่ยอมเอาเปรียบเด็กนี่หรอก นึกสงสารเขาขึ้นมา ที่มาทำอะไรต่ออะไรให้ โดยที่ผมเองก็ไม่ได้ตอบแทนอะไรเขามากมายเลย


“ไม่เป็นไร ทำมาตั้งแต่เช้าแล้ว เลยเบื่ออ่ะ เดี๋ยวฉันช่วยนายทำกับข้าว พอกินเสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยไปทำงานต่อก็ได้”


“งั้นก็ได้ครับ”


เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้ผม


“ไหนดูสิครับ มีอะไรที่จะทำอะไรได้บ้าง”


เดียร์เปิดดูตู้เย็นที่แช่ของที่เขาซื้อมา ยังเหลือผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว และพวกเนื้อสัตว์เหลืออยู่จากการทำอาหารตอนเช้า


“ทำผัดผักรวมมิตรใส่กุ้ง แกงจืดไข่ ปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย ดีกว่านะครับ ง่ายดี”


เด็กหนุ่มหันมาบอกผม หลังจากสำรวจดูข้าวของที่มีอยู่ ผมพยักหน้าเป็นการตอบตกลง จากนั้นเราสองคนก็แบ่งงานกันทำ ผมช่วยเดียร์ล้างผัก และเนื้อสัตว์ ส่วยเดียร์จัดการปรุงอาหาร เขาคุยกับผมหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการเรียนของตัวเอง และเรื่องงานการที่ทำ ส่วนใหญ่เดียร์จะผูกขาดการพูดเสียมากกว่า
ผมได้รับรู้ว่า เดียร์เรียนอยู่ที่รามคำแหง เป็นนักศึกษาใหม่ปีหนึ่ง เขาเลือกเรียนคณะศึกษาศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ ด้วยความที่อยากจะฝึกฝนภาษาให้เก่ง เพื่อจะได้มีโอกาสไปทำงานที่เมืองนอก แล้วก็หาโอกาสออกตามหาพ่อด้วย เขาไม่รู้ว่าพ่อเขาเป็นใคร มีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว เขามีเพียงแค่รูปถ่ายจำนวนหลายใบของบรรดาคนที่เคยนอนกับแม่ก่อนที่จะคลอดเขาออกมา ซึ่งแม้แต่แม่ของเขาก็ไม่รู้ว่า คนไหนกันแน่ คือพ่อผู้ที่ให้กำเนิดเดียร์ แม้จะรู้ว่าความหวังมีเพียงน้อยนิดในการที่จะตามหาพ่อ และเดียร์เองก็ไม่ได้คาดว่าตนเองจะมีโอกาสได้เจอ แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะลองพยายามดู



เวลาที่เดียร์พูดถึงเรื่องเหล่านี้ให้ผมฟัง ท่าทางเขาดูไม่เหมือนคนที่มีความทุกข์เลย ใบหน้าของเขายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ ในขณะที่ผมเองกลับเป็นฝ่ายหดหู่ เมื่อรับรู้ความทุกข์ยากในอดีตของเขา พอผมถามเขาว่า เขารู้สึกอย่างไรกับชีวิตทีเป็นแบบนี้ เขากลับยิ้มให้ผม แล้วบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มันหนักหนาสาหัสอะไร เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้



“ผมน่ะ ถึงแม้จะเติบโตมาจากการเลี้ยงดูของป้าแท้ๆ แต่เขาก็ไม่เคยรักผมเหมือนลูกเหมือนหลาน มีแต่จะใช้กำลังตบตี พอหนีมาอยู่ตามลำพัง ก็ต้องพยายามที่จะอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง เพราะไม่มีใครที่เราจะพึ่งพาอาศัยได้แล้ว ดังนั้นถึงแม้จะมีความทุกข์ใจแค่ไหน ก็จะแสดงออกให้ใครรู้ใครเห็นไม่ได้ ต้องพยายามเข้มแข็ง ทำตัวร่าเริงอยู่เสมอ ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน ก็ต้องขจัดมันออกไปให้สิ้นซาก จะมาแบกรับมันตลอดเวลาไม่ได้ ไม่มีใครช่วยแก้ นอกจากตัวเอง”



นี่คือสิ่งที่เด็กหนุ่มตอบผม มันทำให้ผมรู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สงสาร และเห็นใจเขามากขึ้น เด็กคนนี้เป็นคนที่เข้มแข็งพอสมควร เขาแสร้งทำตัวเป็นร่าเริง ทั้งๆที่บางครั้งก็เจ็บปวดรวดร้าวในใจ เขาเป็นคนที่ขาดแคลนซึ่งความรัก และพยายามที่จะโหยหามันมาตลอด หลายต่อหลายครั้งที่ต้องพบกับความผิดหวัง แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ และครั้งนี้ เขาก็พยายามจะทุ่มเททุกอย่าง เพื่อให้ได้ความรักจากผม ไม่อยากให้เขาพบกับความผิดหวังอีกเลย แต่ผมก็ไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้อยู่ดี



คุยกันไปสักพัก อาหารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมขึ้นโต๊ะ กลิ่นของมันหอมหวนชวนกินเป็นอย่างยิ่ง แถมซ้ำรสชาติก็อร่อยมาก จนผมเองแอบติดใจในฝีมือการปรุงของเขา เจ้าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารจริงๆ


เด็กหนุ่มกุลีกุจอเอาอกเอาใจผมสารพัดอย่าง ทั้งตักข้าว รินน้ำมาเสิร์ฟให้ ดูท่าทางเขามีความสุขที่ได้บริการรับใช้ผม บางครั้งก็เอามือเท้าคางจ้องมองพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนผมรู้สึกเขินที่เขาปฏิบัติกับผมเหมือนคนรักอย่างนี้



เขาไล่ให้ผมออกไปให้พ้นครัว ทันทีที่เราสองคนทานข้าวกันอิ่มแล้ว เดียร์อาสาล้างถ้วยชามและทำความสะอาดห้องครัวเองอีกครั้ง เขาให้ผมกลับไปนั่งทำงานตามเดิม จะได้เสร็จไวๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆขณะอยู่ด้วยกัน


พอเดียร์ล้างจานเสร็จ ก็เข้ามาหาผมในห้องรับแขก ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวข้างๆผม นั่งเงียบๆไม่พูดไม่จา ผมนั่งทำงานไปสักพัก พยายามไม่สนใจเขา เพราะเกรงว่าเขาจะทำให้จิตใจผมว่อกแว่ก สมาธิไม่จดจ่อกับงาน หลังจากที่ผมพิจารณาอนุมัติงานตรงหน้าและเก็บใส่ซองเสร็จเรียบร้อย เมื่อหันไปมองอีกที ก็เห็นเด็กหนุ่มหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว



เดียร์นอนทอดตัวไปตามความยาวของโซฟา ลมหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้าอ่อนเยาว์ มีรอยยิ้มระบายจางๆ ตาหลับพริ้ม ผมปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนอยู่ในสภาพแบบนั้น ส่วนตัวเองเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเอาซองงานไปเก็บ เมื่อลงมาอีกครั้ง เดียร์ยังคงหลับอยู่ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาตรงกันข้ามกับเขา นั่งมองเด็กหนุ่มที่นอนนิ่งเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วๆ ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะเท่านั้น



ผมหลับตาลงบ้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักติดต่อกันตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทำให้ผมปรารถนาที่จะได้รับการพักผ่อนบ้าง แต่ในเมื่อเดียร์ยังคงอยู่ในบ้านผมแบบนี้ ผมจึงไม่สามารถทิ้งเขาให้อยู่เพียงลำพัง โดยที่ตนเองขึ้นไปนอนบนห้องของตัวเองได้ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นขโมย หรือพวกนักย่องเบาที่จะมาฉกฉวยทรัพย์สินของผมไป เพราะผมเองก็ไม่มีของอะไรที่มีค่าสำหรับเขา ผมแค่อยากนั่งอยู่เป็นเพื่อนเด็กคนนี้ เพื่อทดแทนหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำให้กับผม



ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถตอบแทนด้วยการรักเขาแบบคู่รักอย่างที่เขาต้องการ แต่ผมก็สามารถรักเขาแบบเพื่อนร่วมโลก หรือ แบบพี่น้องกันได้ อย่างน้อยๆ เด็กนี่ ก็จะได้รู้สึกสบายใจ ที่ความรักที่เขาทุ่มเทให้กับคนอื่น ได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาบ้าง แม้จะอยู่ในรูปแบบอื่นก็ตาม


ความคิดของผมล่องลอยไปไกล สักพัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลางเลือน เมื่อผมผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน

************
 :m29: เหอเหอ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยัง... อารายน้า :m28:
แล้วเรียวเราจะเหลือเหรอ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2008 20:12:01 โดย ไต๋ »

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #167 เมื่อ17-12-2008 21:18:56 »

ขอบคุณพี่เคทมาก ๆ เลยครับที่แต่งนิยายสนุก ๆ มาให้ได้อ่านกัน

ผมติดตามผลงานพี่เคทมาหลายเรื่องแล้วแต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้คอมเมนต์ให้กำลังใจเลย

(หลบมุมอยู่นานวันนี้ได้ออกมาเผยตัวซักที  :z1:)

ขอมาประเดิมที่เรื่องนี้เลยละกัน

ขอบคุณคนโพสทุกคนที่ช่วยมาโพสเรื่องนี้ด้วยนะครับ ( ที่รักของ... + SuMoDevil + ไต๋ )

จะคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้นะ  :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2008 21:27:00 โดย Asahi »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #168 เมื่อ17-12-2008 21:39:47 »

 :กอด1: มา+1ให้กับไข่ฟองใหม่ อิอิ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #169 เมื่อ17-12-2008 21:50:00 »

จิ้มพี่แอน  :z1: เดี๋ยวอ่านก่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #169 เมื่อ: 17-12-2008 21:50:00 »





~Kalianeko~

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #170 เมื่อ17-12-2008 22:39:49 »

อ่านรวดเดียวเลย


สนุกดีจังคับ


เรียวนี่ใจแข็งจังเลยนะ



Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #171 เมื่อ18-12-2008 03:12:21 »

 :o211:  อ๊ากกกกกกกก   ยังอ่านไม่ถึงไหนเลย

ตอนนี้จะเป็นแพนด้าแล้ว

 o14 ขอบคุณไต๋ที่ +1 ให้ครับ

เปิดซิงเค้าไปด้วยอ่ะ ... เอาผู้ใหญ่มาสู่ขอด้วยนะ :-[

(หยุดอ่านชั่วคราวไปแต่งตัวรอไต๋มาสู่ขอดีฝ่า  555+ :oni1:)

+1 ให้เป็นของหมั้นนะครับ

 :pig4:

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #172 เมื่อ18-12-2008 16:12:25 »

อ๊ากเดียร์ทำถึงขนาดนี้แล้ว

พี่เรียวไม่ใจอ่อนบ้างเหรอ

เดียร์ออกจะน่ารัก หันมามองน้องเดียร์บ้างเถอะ


รอลุ้นคู่นี้อยู่นะคะ

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #173 เมื่อ18-12-2008 18:29:28 »

ขอบคุณจ่ะ

คนโป๊ดใจดี :กอด1:

รักคนแต่งด้วย

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #174 เมื่อ18-12-2008 19:13:24 »

 :m26: ไม่อยากจะบอกเลยว่าพี่เรียวนะ น้ำหยดใช่ไม่ได้ผล
รุ่นนี้ของเค้าดีจริงๆ ต้องน้ำตกอยากเด่ยวดิ อิอิ :3123:



บทที่ 13




ผมสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อมีเสียงเรียกอยู่ข้างๆหู เมื่อผมลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเดียร์นั่งหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตรงที่เท้าแขนโซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่

โดยเขาโน้มตัวลงมาใกล้มากจนหน้าเกือบจะแนบชิดกับหน้าของผม


“ผมทำอาหารเย็นเสร็จแล้วครับ ไปทานกันเถอะ”


เขาบอกผมด้วยท่าทีกระตือรือร้น ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง มันบอกเวลา 6 โมงกว่าแล้ว ผมหลับไปนานมาก ตั้งแต่บ่าย เกือบ สามชั่วโมงทีเดียว


“ตื่นนานหรือยัง”


ผมถามเขา พลางขยับตัว เดียร์จึงยืดร่างขึ้นนั่งตัวตรง เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้ผมอีกครั้ง


“สักชั่วโมงกว่าๆได้แล้วครับ เห็นเรียวกำลังหลับสบายอยู่ เลยไม่อยากปลุก แล้วก็เห็นว่ามันเย็นแล้วด้วย

ผมกลัวว่าเรียวตื่นมาจะหิว เลยไปทำกับข้าวมาให้ทานครับ ไปทานกันเลยนะ ”


“ตื่นมาก็จะกินเลยเหรอ ทำอย่างอื่นก่อนดีไหม นอนแล้วกิน กินแล้วนอน อ้วนตายกันพอดี”



ผมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ นึกขำที่วันนี้ ผมไม่ค่อยได้ทำอะไรมากมายเท่าไหร่ นอกจากทานอาหารที่เดียร์ปรุงให้ นั่งทำงาน แล้วก็นอน

ดูเหมือนว่าวันแรกของการอยู่ด้วยกัน มันไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจทำกันสักเท่าไหร่


“แหม เรียวอ่ะ อ้วนอีกนิดหนึ่งก็ดีนะ ผมว่า เรียวน่ะ ผอมบางไปหน่อย ต่างจากที่ผมเคยเห็นเรียวครั้งแรกๆเลยนะครับ

ตอนนั้นมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ สงสัยคงจะทำแต่งาน ข้าวปลาไม่ค่อยได้กินสิเนี่ย ต้องปฏิวัติการกินเสียใหม่

ผมไม่ยอมให้คนรักของผมผอมหรอกครับ เสียชื่อพ่อครัวฝีมือดีหมด”



“ว่าเข้าไปนั่น อุปโลกน์ให้ฉันเป็นคนรักของนายยังไม่พอ ยังจะแอบอ้างว่าเป็นพ่อครัวฝีมือดีอีก นิสัยแอบอ้างนี่แก้ไม่หายจริงๆ”


ผมว่าเขาขำขำ ไม่มีเจตนาจะด่าอย่างจริงจัง แค่อยากหยอกเอินเขาเล่นมากกว่า ด้วยหมั่นไส้เด็กหนุ่มที่ชอบคิดอะไรไปเองฝ่ายเดียว

“แต่ก็อร่อยจริงๆใช่ไหมล่ะ เอาเถอะไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ว่าผมเป็นพ่อครัวที่ดี ขอแค่ให้เรียวกินอาหารฝีมือผมแล้วถูกปากก็พอ เรื่องอื่นผมไม่สนใจ จะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”

“อ๊ะ ยอมแพ้ไม่ดึงดันแล้วเหรอ เห็นทุกทีก็เถียงจะเอาชนะให้ได้นี่นา”

“ก็ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะบ้างจะเป็นไรไป ยังไง ถ้าแพ้ ก็แพ้ให้กับคนรักของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรหรอก”


เดียร์ยิ้มยั่ว เขารู้ว่าผมแกล้งว่าเขา แล้วเขาก็นึกสนุกที่จะได้โต้ตอบผมเอาคืน

“ฉันไปล้างหน้าก่อนแล้วกัน”


ผมบอกกับเขา รู้ดีว่าโต้ตอบไปอย่างไร เจ้าเด็กบ้านี่ ก็จะย้อนคำพูดให้มาเข้าตัวผมจนได้


“ครับ งั้นผมจัดโต๊ะรอเลยนะ”


เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปที่ห้องครัว แล้วลำเลียงอาหารมาวางบนโต๊ะ พอผมล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาร่วมวงกินข้าวกับเขา

เดียร์ชวนผมคุยนั่นคุยนี่ไม่หยุด ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่วๆไป เช่นถามว่า เวลาว่างนอกจากทำงานแล้ว ผมทำอะไรบ้าง ชอบดูหนังไหม

หนังที่ผมชอบคือเรื่องอะไร คนไหนเป็นดาราคนโปรด เพลงที่ชอบ หนังสือที่อ่าน ไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่า คำถามเขามีมากมาย

ส่วนผมก็เลือกตอบเท่าที่อยากจะบอกกับเขา อันไหนที่เป็นคำถามลึกมากไป ผมก็เว้นไว้ ไม่ตอบคำถาม ซึ่งเด็กหนุ่มก็ฉลาดพอที่จะไม่เซ้าซี้ให้ผมรำคาญใจ



อาหารมื้อค่ำเสร็จภายในเวลา 1 ทุ่ม เมื่อรวมเวลาล้างจานทำความสะอาดครัว อีกครึ่งชั่วโมง ก็ยังคงเหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานอน

ผมเริ่มรู้สึกอึดอัด ที่จะต้องอยู่กับเดียร์สองต่อสอง งานก็ทำไปจนเสร็จหมดแล้ว แถมซ้ำวันนี้ผมก็สัญญาไว้แล้วว่า เขาสามารถมานอนค้างได้

จะไล่เขาไปก็ใช่ที่ จะขึ้นไปนอนเลย ก็นอนไม่หลับ กิจกรรมที่จะทำเพื่อฆ่าเวลาก็ไม่มี นอกจากดูทีวี ซึ่งตามปกติ ผมไม่ค่อยชอบดูเท่าไหร่

แต่วันนี้ ผมกลับไปนั่งอยู่หน้าจอทีวี เพื่อให้สิ่งที่อยู่บนจอดึงดูดความสนใจของผมไม่ให้จดจ่ออยู่แต่เรื่องของเจ้าเด็กหน้าทะเล้นคนนี้



“ผมชอบดูละครเกาหลีเรื่องนี้จัง ที่ชอบเพราะว่ามีเคล็ดลับวิธีทำอาหารด้วย ส่วนเนื้อหาก็เข้มข้นดี

ไม่เหมือนละครน้ำเน่าของไทยเท่าไหร่เลย มีแต่เรื่องชิงรักหักสวาท น่าเบื่อจะตาย”


เดียร์เปิดปากคุย หลังจากที่ละครจบลง และโฆษณามาคั่น เขานั่งดูกับผมด้วย เพราะไม่มีอะไรจะทำเหมือนกัน



“เหรอ ฉันไม่ค่อยได้ดูละครสักเท่าไหร่หรอก ไม่ค่อยมีเวลา ถ้าดูก็จะเป็นพวกข่าวมากกว่า”


ผมบอกเด็กหนุ่มไปตามตรง ชีวิตที่ผ่านมาของผม มีแต่เรื่องงานสุมหัว จนแทบไม่มีเวลาหายใจอยู่แล้ว เรื่องหนังเรื่องละครแทบไม่ต้องพูดถึงเลย


“น่าจะหาเรื่องสนุกๆทำบ้างนะครับ มีแต่งาน แต่งาน จะทำให้เรียวเครียด และ หดหู่ลงไปเรื่อยๆนะครับ”
น้ำเสียงของเดียร์แฝงไว้ด้วยความห่วงใย


“คราวหน้า เราไปหาอะไรทำสนุกๆกันดีกว่า อย่างเช่น ไปเที่ยวกัน ไปดูหนัง อะไรแบบนี้ เรียวจะได้ผ่อนคลายบ้างไงครับ ดีไหม”


ผมมองตาคนพูด และเห็นความจริงใจอยู่ในนั้น เดียร์ยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น ผมละสายตาจากเดียร์และผลุดลุกขึ้น

เนื่องจากเริ่มรู้สึกตัวว่าชักจะหวั่นไหวไปกับคำพูดของเดียร์อีกแล้ว จึงต้องพยายามปลีกตัวออกไปจากสถานการณ์ที่ชวนให้ลำบากใจอย่างนี้




anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #175 เมื่อ18-12-2008 19:14:25 »

“ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะจะนอนแล้ว นายจะดูต่อหรือว่าจะอาบน้ำก็ได้ มีห้องน้ำอยู่ข้างๆครัวที่เปิดออกไปสู่ลานซักล้าง มีสบู่ ยาสระผม ยาสีฟันอยู่ในนั้น

อ้อ ....ไม่ต้องสินะ นายเตรียมมาแล้วนี่ งั้นถ้าจะไปอาบน้ำก็ไปตรงนั้นแล้วกัน”



ผมบอกเขาก่อนที่จะเดินไปยังบันไดที่ทอดไปสู่ชั้นบน เดียร์พูดอ้อนๆขึ้นมา


“อาบข้างบนด้วยคนไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ ........อาบที่ห้องนั้นน่ะดีแล้ว”


ผมบอกพลางรีบเดินขึ้นไปข้างบนทันที เมื่อกลับลงมาอีกครั้ง เพื่อที่จะมาเอาน้ำไปเก็บไว้ดื่มในห้องนอนสักขวด

ก็เจอเดียร์ยืนรีดผ้าอยู่ในห้องรับแขก ตาก็มองไปที่จอทีวี ตอนแรกผมคิดว่าเขารีดผ้าให้ตัวเอง แต่เมื่อมองชัดๆก็รู้ว่า เสื้อผ้าที่รีดและพาดไว้ที่โซฟา

เป็นเสื้อผ้าของผมทั้งนั้น ผมก็ตกใจ รีบเดินเข้ามาร้องบอกให้เขาหยุดการกระทำของตนเองเดี๋ยวนี้



“ใกล้จะเสร็จแล้วครับ นี่ตัวสุดท้ายแล้ว”


เด็กหนุ่มบอกผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผมทำหน้าดุใส่เขา รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่เด็กหนุ่มทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่ปรึกษาผม


“ใครบอกให้มารีดเสื้อให้ฉัน”

“โกรธหรือครับ”


เขายิ้มหวาน ทำท่าประจบประแจง อธิบายให้ฟังถึงสาเหตุที่มายืนรีดผ้าให้ผม



“ผมกำลังจะไปอาบน้ำพอดี เห็นผ้ายังตากอยู่หลังบ้าน มันแห้งหมดแล้วครับ แล้วก็โชคดีที่ยังไม่โดนน้ำค้างให้เปียกชื้น

เห็นเป็นเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงานก็เลยเอามารีดช่วงที่เรียวขึ้นไปอาบน้ำนะครับ เพราะนี่มันก็มืดค่ำแล้ว กว่าเรียวจะอาบน้ำแล้วลงมารีด ก็ดึกดื่นกันพอดี

กลัวว่าจะไม่มีใส่สำหรับพรุ่งนี้ เลยเอามารีดให้ครับ ผมไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าไหม้หรือเสียหายเลยนะ ระมัดระวังอย่างดีเลย เนียนเรียบ ไม่มีจีบซ้ำหลายจีบ รับรองได้

ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน ว่าแต่เรียวโกรธผมด้วยเรื่องนี้หรือครับ ทำไมล่ะ”



ผมส่ายหน้า จริงๆแล้วผมไม่ได้โกรธเด็กหนุ่มคนนี้หรอก เพียงแค่รู้สึกว่า สิ่งที่เขาทำให้ผมมันมากมายจริงๆ จนผมนึกอดเคืองตัวเองไม่ได้

ที่ไม่สามารถตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการ ความโกรธเลยทำให้ผมเกิดพาลเขาขึ้นมา เมื่อไหร่จะเลิกมาทำดีให้ผมรู้สึกว่าตัวเองผิดต่อเขาเสียที



“ทำไมต้องมาทำอะไรให้ฉันมากมายแบบนี้ ในเมื่อฉันก็สามารถทำเองได้”



ผมต่อว่าเขาโดยไม่มองหน้า กลัวจะเผลอแสดงความอ่อนแอในใจของตัวเองออกมาให้เห็น



“โกรธด้วยเรื่องแบบนี้เองหรือครับ ผมก็บอกเรียวแล้วไง ที่ผมมานี่ ทำเรื่องทุกอย่างให้เกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการลักพาตัวเรียว บังคับให้เซ็นสัญญาเป็นแฟน เอาอกเอาใจทำโน่นทำนี่ให้ ก็เพราะว่าผมรักเรียวมากจริงๆ รักตั้งแต่แรกเห็นแล้ว

ตอนที่คุณช่วยผมวันนั้น และการให้ความช่วยเหลือในเวลาต่อมา ทำให้ผมได้ตระหนักว่า คุณมีค่าสำหรับผมมากมายแค่ไหน

ถ้าไม่มีคุณ ผมก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้ยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ เรียวทำให้ผมรู้ว่า ในโลกนี้ ยังมีคนที่ปรารถนาดีกับคนอื่นอย่างจริงใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน

เรียวทำให้ผมมองเห็นโลกในมุมมองที่เปลี่ยนไป ผมเริ่มรู้สึกอยากมีความรัก อยากมีใครสักคนที่ผมมอบความรักให้ แล้วคนๆนั้นก็คือเรียว เข้าใจไหมครับ

ที่ผมทำลงไปนี้ ยังน้อยกว่าที่คุณได้ทำให้กับผมอีก ผมน่ะ อยากจะเป็นคนที่สำคัญในชีวิตของเรียว อยากทำให้เรียวรักผมให้จงได้

ผมขอร้องล่ะ ผมมีเวลาแค่ 6 เดือนนี้เท่านั้น ปล่อยให้ผมทำให้เต็มที่ได้ไหมครับ ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว เรียวไม่มีใจให้ผมบ้าง

ผมก็จะไปจริงๆตามสัญญา ไม่ฉุดรั้งคุณไว้อีกต่อไป แล้วก็จะไม่มาให้คุณเห็น หรือ มาทำเรื่องวุ่นวายรบกวนคุณอีกเลย”



คำพูดและแววตาที่จริงใจของเขาทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ยอมแพ้ให้กับความตั้งใจจริงของเขา คิดว่า คงต้องปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไป

ให้เจ้าเด็กนี่ได้ทำอย่างที่ เด็กหนุ่มรีดเสื้อตัวสุดท้ายให้ผมเรียบร้อยแล้ว กำลังเก็บเตารีดและที่รองรีด และ นำมันไปวางไว้ข้างๆตู้โชว์ตรงประตูหน้าห้องครัว

หยิบผ้าแขวนไว้ในไม้แขวนเสื้อที่เอามาจากตะกร้า ก่อนจะเดินมาหาผม แล้วยื่นเสื้อผ้าที่รีดไว้ให้ ผมรับมาถือไว้ในมือ

“เสร็จแล้ว ก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้วนะ นอนตรงโซฟานี้แล้วกัน เดี๋ยวจะไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้”

“อ๊ะ ไม่ได้นอนด้วยกันข้างบนหรอกเหรอครับ”


เด็กหนุ่มท้วงเสียงหลง ผมตอบกลับเสียงเครียดๆว่า


“นอนตรงนี้น่ะดีแล้ว ฉันไม่ชอบให้ใครมานอนด้วย อึดอัดน่ะ”

“ให้ผมนอนค้างด้วย มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่คนรักกันต้องนอนด้วยกันไม่ใช่หรือ ผมเป็นคนรักของเรียว ก็ต้องได้นอนในห้องด้วยสิ

ทำไมต้องแยกกันนอนละ ทำไมต้องให้ผมนอนที่โซฟา แล้วเรียวหนีไปนอนในห้องด้วย แบบนี้ จะดีหรือครับ”



ผมชักจะเหงื่อตกกับการที่จะต้องอธิบายซ้ำไปซ้ำมาให้หมอนี่เข้าใจ เด็กนี่ เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคารพการตัดสินใจของคนอื่นบ้าง

คิดเองเออเอง พยายามจะให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ไม่คำนึงเลยว่าจะไปกระทบคนอื่นอย่างไร อย่างในกรณีนี้เป็นต้น ทำไมไม่เข้าใจเอาเสียเลยนะว่า

ผมไม่มีทางที่จะให้เขามานอนด้วยอย่างเด็ดขาด ขนาดอยู่ห่างกัน หมอนี่ยังฉวยโอกาสลวนลามผมตามอำเภอใจ

ขืนอยู่ใกล้ เขาคงใช้กำลังบังคับทำมิดีมิร้ายกับผมเป็นแน่ แล้วผมหรือจะสามารถไปสู้รบปรบมือกับเขาได้ อีกอย่างผมกับเขาต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่

มานอนร่วมเตียงเดียวกัน คนรู้เข้าก็จะคิดไปกันใหญ่ แค่เขามาขลุกอยู่ด้วยทั้งวันแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านรอบข้างจะมีใครมาเห็นบ้างหรือเปล่า

ขี้เกียจต้องมานั่งตอบคำถามใครต่อใคร ไม่อยากโกหก แล้วก็ไม่อยากอธิบายเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น



“ถ้าเรื่องมาก คราวหลังจะไม่อนุญาตให้มานอนค้างแล้ว จะให้มาแบบไปเช้าเย็นกลับ”


ผมขู่เขา ซึ่งก็ได้ผล เดียร์หยุดทำท่าง๊องแง๊ง แต่สักพัก ก็หาเรื่องใหม่มาอ้อนผมจนได้


“ก็ได้ นอนตรงนี้ก็ได้ แต่ว่า เรียวต้องมีกู๊ดไนท์คิสด้วยนะครับ”


ผมไม่ตอบเขา แต่เดินขึ้นไปบนห้อง เด็กหนุ่มเดินตามขึ้นบันไดมาด้วยติดๆ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมลง ผมหันมาทำหน้าเคืองๆใส่เขา


“บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามตามขึ้นมาบนห้อง นี่มันพื้นที่ส่วนตัวของฉันนะ”

“ก็เรียวยังไม่ได้กอด หรือ จูบผมเป็นการกล่าวราตรีสวัสดิ์นี่ครับ ผมเลยตามขึ้นมาทวง”


ใบหน้าอ่อนเยาว์มีแววดื้อดึง ท่าทางคงอยากจะให้ผมตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการ แต่ไม่มีวันเสียล่ะ ผมไม่ใจอ่อนให้ง่ายๆหรอก เดี๋ยวเด็กนี่จะเคยตัว

พอผมเปิดประตูได้ ก็รีบเข้าห้อง แล้วล็อคกลอนทันทีกลัวว่าเขาจะตามเข้ามา ผมเดินไปที่เตียง แล้วหยิบหมอนหนุนมา 1 ใบ แล้วก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า

เอาผ้าที่เขารีดแขวนไว้ แล้วหยิบผ้าห่มนวมชุดใหม่ที่ผมซื้อมาเก็บไว้ สำหรับบริการเพื่อนๆที่มาพักบ้านผมออกมา จากนั้นก็หอบของทั้งหมดไว้ในอ้อมแขน

แล้วก็เดินไปเปิดประตู เด็กหนุ่มยืนจังก้า รอผมอยู่ที่หน้าห้อง สีหน้ากระวนกระวาย พอเห็นผม เขาก็ยิ้มให้ แล้วอ้าแขนออกมา


“บอกลา ราตรีสวัสดิ์ ผมก่อนนะ กอดหรือจูบก็ได้ นะ นะ นะคร้าบบบ”



ผมไม่ทำทั้งสองอย่าง แต่วางหมอนและผ้าห่มนวมไว้บนแขนที่ยื่นออกมานั้น พลาง แตะมือเด็กหนุ่มเบาๆ เดียร์ร้องโวยวาย



“เมื่อกี้นี้มันอะไรกันหรือครับเรียว ที่แตะเมื่อกี้ แทนคำว่าราตรีสวัสดิ์เหรอ แต่ว่า มันไม่ใช่ที่อยากได้นี่ครับ

ทำไมล่ะ จะแยกกันไปนอนแล้ว อยากให้นอนหลับฝันดี ต้องกอด และจูบกันสิ ไม่ได้นอนบนเตียงเดียวกัน แล้วก็ไม่ได้นอนในห้องด้วย

ผมยังยอมเรียวได้เลยนี่ครับ แต่ถึงยังไงผมก็ยังอยากหลับอย่างมีความสุขนะ กอดผมนิด จูบผมหน่อย จะเป็นอะไรไปล่ะครับ”



ผมมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังเอียงคอมองผม ผ่านผ้าห่มนวมหนาหนักที่ถืออยู่ นึกรำคาญปนขำกับความดื้อดึงเอาแต่ใจของเขา

เด็กนี่ชอบสร้างความยุ่งยากใจให้ผมเสียจริง ผมหันหลังเอาดื้อๆ ฉวยจังหวะที่เด็กหนุ่มมีของเต็มมือ และมัวแต่โวยวายอยู่ รีบเปิดประตูห้องนอน และล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว

ผมยังไม่ได้เดินไปยังเตียงนอนทันที แต่ยืนนิ่ง เอาลำตัวด้านหลังพิงประตูไว้ หูก็พยายามฟังเสียงที่เกิดขึ้นข้างนอก มีเสียงทุบประตูแล้วก็เสียงโวยวายตามมา



“เปิดประตูสิครับ มาราตรีสวัสดิ์ผมก่อน เมื่อกี้น่ะ แตะมือผม หน่อยเดียวเอง มีผ้านวมกันอีกตั้งคืบ ไม่เห็นจะได้รับความอบอุ่นจากกันเลย

ทำไมใจร้ายแบบนี้ล่ะ วันนี้ผมทำอะไรให้เรียวตั้งหลายอย่างนะ ทำดีกับผมบ้างไม่ได้หรือไง ผมไม่ขออะไรที่เรียวทำไม่ได้สักหน่อย

จูบผม กอดผมแค่เนี้ย ช่วยทำให้ผมชื่นใจบ้างได้ไหม”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #176 เมื่อ18-12-2008 19:15:33 »

เดียร์โวยวายร่ายยาวเป็นชุด ผมยืนฟังอย่างขำๆ ทีแรกรู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่ทำให้อารมณ์ของผมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมรู้สึกตลกที่ได้เห็นเขาพยายามทำทุกอย่างที่จะให้ผมยอมรับว่าเขาเป็นคนสำคัญ วิธีการที่ทำก็แสนจะบ้าบอพิลึกพิลั่น บางครั้งก็เอาใจผมทำนั่นทำนี่ให้

บางทีก็แสนงอนกระเง้ากระงอด หรือไม่ก็โวยวายเอาแต่ใจตัวเอง แต่ส่วนมากก็ทำท่าออดอ้อนจนน่ารำคาญ แต่ไม่ว่าผมจะด่าเขากลับ

หรือโต้ตอบร้ายๆอย่างไร เขาก็ไม่เคยโกรธผมสักครั้งเดียว มีแต่เพิ่มความพยายามมากยิ่งขึ้นไปอีก
เสียงบ่นโวยวาย และเสียงทุบประตูเงียบไปแล้ว

ผมยืนนิ่งฟังสักประมาณ 10 นาที เมื่อไม่ได้ยินเสียงของความเคลื่อนไหว ของคนที่อยู่หน้าห้องของผม ทำให้ผมเข้าใจว่า

เจ้าเด็กนั่นคงยกธงขาว และกลับลงไปนอนข้างล่างแล้ว ผมจึงค่อยๆเปิดประตูออกมา แต่ผิดคาด เดียร์ยังคงอยู่หน้าห้องผม

แต่เปลี่ยนจากการยืนเป็นนั่งกอดเข่าทำหน้าง้ำ ตาจ้องเป๋งมาที่ประตู พอเห็นผมเท่านั้น เด็กหนุ่มก็เอ่ยถ้อยคำตัดพ้อ เสียงเครือคล้ายคนที่กำลังจะร้องไห้



“คนใจร้าย ใจดำ คืนนี้ผมต้องฝันร้ายแน่ๆเลย”

“แล้วจะให้ทำไง”


ผมถามอย่างอ่อนใจ เดียร์เม้มปากแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย


“เดินมาใกล้ๆผมหน่อยสิ อยากเห็นหน้า จะได้นอนหลับฝันดี”


เดียร์ขอร้องผม ผมมองหน้าจืดจ๋อยนั้น แล้วเกิดสงสารขึ้นมา จึงเดินมานั่งยองๆตรงหน้าเขา


“เอ้า เห็นหน้าฉันแล้ว ก็ลงไปนอนซักทีสิไป๊”

“ไม่อ่ะ”

“เฮ้ย......แล้วจะเอายังไงกันแน่วะ”


ผมชักฉุน เดียร์มองหน้าผมด้วยดวงตาเว้าวอน


“กอดหรือจูบผมหน่อยได้ไหมครับ แบบที่คนรักเขาทำกันนะ ไม่งั้นผมไม่ยอมไปนอนจะนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเลย”


ผมมองหน้าเด็กหนุ่ม นึกเคืองที่เจ้านี่พูดจาไม่รู้เรื่อง แถมซ้ำยังมาข่มขู่ผมด้วย แต่เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนที่มองตอบกลับมา ก็นึกโกรธไม่ลง


ผมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ที่ตัวเองเริ่มจะใจอ่อนให้เด็กบ้านี่อีกแล้ว


“แปลว่า ถ้าจูบแล้ว นายจะไปนอนใช่ไหม”


ผมถาม เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ ตาเริ่มมีประกายแห่งความหวัง


“จูบตรงไหนก็ได้ใช่ไหม”

“ครับ”



แววตาที่มองผม เริ่มหยาดเยิ้ม มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเขา


“งั้นก็ได้”
ผมตกลงอย่างเสียไม่ได้ คิดว่า ช่างมัน ขืนไม่ทำตาม คืนนี้คงนอนไม่เป็นสุขแน่ เพราะต้องนั่งกังวลใจถึงเจ้าเด็กนี่ที่นั่งอยู่หน้าห้องผมทั้งคืน

หากว่าผมไม่ยอมจูบหรือกอดเขาตามที่เด็กนี่ขอมา เดียร์ยิ้มแก้มแทบปริ หูตาเป็นประกายแพรวพราว ท่าทางกระตือรือร้น

เขายื่นหน้ามาหาผม หลับตาพริ้ม รอเวลาที่ผมจะมอบจุมพิตให้ ผมยื่นมือไปยังศีรษะของเดียร์ทางด้านหลัง

นิ้วมือแทรกไปตามเรือนผมหยิกสลวยหนานุ่มมือนั้น

ก่อนจะรั้งศีรษะเขาเข้ามาหาแล้วบรรจงแตะริมฝีปากไปที่หน้าผากเขาเบาๆ และผละออกอย่างรวดเร็ว

เดียร์ลืมตาขึ้นทำหน้าเหรอหรา อ้าปากเตรียมจะพูด แต่ผมตัดหน้าเสียก่อน



“ให้ได้เท่านี้ อย่าต่อรองมาก ไม่งั้นคราวหน้าจะไม่ได้อะไรเลย”

“ครับ”



เด็กหนุ่มรับคำอย่างเสียดาย ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มให้ผมอย่างประจบประแจง จนผมนึกหมั่นไส้

เจ้าเด็กนี่บทจะเรื่องมาก ก็เรียกร้องนั่นนี่วุ่นวายน่ารำคาญ แต่บทจะเข้าใจอะไรขึ้นมา ก็ง่ายซะจนเล่นเอาผมงงไปเลย



“เดี่ยวผมจะลงไปนอนข้างล่างแล้ว ฝันดีนะครับเรียว”


“พรุ่งนี้ไปส่งหนังสือพิมพ์หรือเปล่า ให้ฉันปลุกให้เอาไหม”


“อย่าเลยครับ เรียวนอนให้สบายเถอะ ผมตื่นเองได้ ผมจะออกไปเองตอนเช้ามืดนะครับ ไม่ต้องไปรอเปิดปิดประตูให้หรอก

เดี๋ยวผมออกไปเอง แล้วจะซ่อนกุญแจไว้ให้นะครับ”



เด็กหนุ่มบอกกับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตอนที่ผมเดินลงมาข้างล่าง มันเป็นเวลาหกโมงเช้าของวันใหม่แล้ว

เด็กนี่ยังนอนหลับอุตุบนโซฟาอยู่เลย ผมต้องปลุกเขาด้วยการดึงหมอนและผ้าห่มออก แล้วก็ใช้หมอนฟาดที่ไหล่เขาแรงๆเพื่อให้เขาตื่น

เดียร์ทำท่าอิดออดไม่ยอมไปทำงาน ผมต้องดุเขา และบอกว่าถ้าทำตัวเกเรเหลวไหล จะไม่ให้นอนค้างอีก นั่นแหละ

เขาถึงเด้งตัวขึ้นจากโซฟา อาบน้ำอาบท่า และแต่งตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว



อาทิตย์ที่สองของการทำงานในเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่งานค่อนข้างหนักกว่าอาทิตย์แรก เพราะตัวแทนเริ่มทยอยส่งงานเข้ามาเรื่อยๆ

เนื่องจากบริษัทอัดโปรโมชั่นคุณวุฒิของรางวัลเข้าไปมากเพื่อเป็นการเร่งยอด ทำให้ฝ่ายขายวิ่งกันขาขวิด ขายเข้ามามากมาย

จนพวกที่ทำงานฝ่ายพิจารณารับประกันอย่างพวกผมแทบไม่มีเวลาได้ว่างเว้นสำหรับการหายใจ



วิถีการดำเนินชีวิตของผมก็ยังคงเหมือนเดิม ตื่นไปทำงานแต่เช้าตรู่ แล้วก็ทำงานจนโงหัวไม่ขึ้น ตอนเที่ยงก็ไปทานข้าวที่ร้านบ้านคุณป้าตามคำชวนของเจ้าสันต์

ได้อาหารพิเศษ จานใหญ่กว่าคนอื่น และมีอาหารเพิ่มมาให้โดยคิดเงินในราคาเท่าเดิม ผมยังไม่มีโอกาสทำความรู้จักกับผู้ช่วยกุ๊ก

พอๆกับไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ร้านกาแฟตามคำเชิญของเจ้าสันต์ซึ่งยังคงเดินหน้าหาความจริงให้ได้ ว่าใครกันหนอ

คือกุ๊กที่ทำอาหารมาให้ผมทานเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น เจ้าสันต์คืนดีกับน้องแซ่บแล้ว โดยที่ผมเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยให้

มันดีใจมากที่น้องแซ่บไม่โกรธมัน สองคนนั่นชวนกันไปเที่ยวบ่อยมาก พักหลังๆนี้ เจ้าสันต์ไม่มารบกวนหรือทำตัววุ่นวายกับผมอีกเลย

ซึ่งก็ดีไปอย่าง เพราะผมเองก็ไม่มีเวลาพอที่จะพูดคุยกันมันด้วย



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #177 เมื่อ18-12-2008 19:19:08 »

เจ้าเด็กลูกครึ่งปิศาจยังคงส่งหนังสือพิมพ์และอาหารเช้าให้ผมอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวนี้ผมทานอาหารเช้าที่เดียร์ซื้อมาให้ไม่วางทิ้งขว้าง

หรือให้คนอื่นกินเหมือนก่อน รู้สึกสงสารเขาหากผมทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจไมตรีที่เขาหยิบยื่นให้

เจ้าเด็กนี่คงเสียใจแน่เพราะเขาอุตส่าห์ทำให้ผมโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เงินทองก็ไม่เคยคิดกับผมแม้แต่บาท แม้แต่สตางค์แดงเดียว

ผมรู้ว่าเขาเองก็ต้องเก็บเงินไว้เพื่อกินใช้ส่วนตัว แต่เขาก็อุตส่าห์เจียดเงินส่วนหนึ่ง มาซื้ออาหารการกินให้ผม ความห่วงหาอาทรที่เด็กหนุ่มมีให้

ทำให้ผมทำตัวเฉยชากับเขาไม่ลง



เดียร์โทรศัพท์มาคุยกับผมทุกวัน บางครั้งก็วันละ สองครั้ง เช้าบ้าง เย็นบ้าง บางทีก็ตอนกลางคืนก่อนนอน เขามักจะใช้โทรศัพท์สาธารณะเสียเป็นส่วนใหญ่

เดียร์มักจะหอบเหรียญบาทเพื่อเอาไว้โทรศัพท์มาหาผม สลับกับการใช้บัตรโทรศัพท์ สุดแท้แต่ว่าเขาจะเจอตู้ในลักษณะใด

เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้ เนื่องจากโทรศัพท์ของเขาถูกผมทำมันพังเสียแล้ว ด้วยความโมโหในตอนนั้น ผมรู้สึกสงสารเด็กหนุ่ม

จึงบอกกับเขาว่า จะพาเขาไปซื้อโทรศัพท์ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แล้วพาเขาไปหาอะไรทานเพื่อตอบแทนที่เขามาทำกับข้าวให้ผมกินที่บ้าน

เจ้าเด็กลูกครึ่งดีอกดีใจยกใหญ่ที่จะได้ไปเที่ยวกับผม ถึงแม้ว่ามันจะแค่การเดินไปเลือกซื้อมือถือด้วยกันก็ตาม



อันที่จริง ผมก็แอบยอมรับกับตัวเองว่า ในบางครั้ง ยามที่ผมเครียดๆกับเรื่องงาน เวลาที่เดียร์โทรมา

มันทำให้ช่วงเวลาที่ยุ่งยากของผมเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาที่รื่นรมย์ขึ้น เหมือนกับผมได้หลุดออกไปจากโลกที่เต็มไปด้วยความกดดันและการแข่งขัน

เดียร์มักจะชวนคุยกับผมด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ถ้อยคำห่วงใยที่มีให้ผมเสมอ

แรกๆผมก็รำคาญที่เขาทำตัวเหมือนเป็นบุพการีของผมที่คอยสั่งนั่นเตือนนี่อยู่ตลอด เช่น


“เรียวทานข้าวเช้าหรือยัง ครับ ต้องกินนะ อาหารเช้าดีต่อสุขภาพนะ”

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ ยังทำงานต่ออีกเหรอ นอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

“วันนี้ทำอะไรบ้างหรือครับ ทำงานตลอดเวลาเลยเหรอ หาเวลาพักผ่อนบ้างก็ดีนะ”

“ทำไมเรียวไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองเลย ผมเป็นห่วงรู้ไหม เรียวน่ะ ทำแต่งาน ไม่สนอะไรเลย แม้แต่ร่างกายของตนเอง

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมบ่นได้ไง ผมรักเรียวมาก ก็ห่วงเรียวมากรู้ไหม”


“ถ้าผมอยู่กับเรียว จะไม่ปล่อยให้เรียวอดอยากแน่ๆ น้ำในตู้เย็นของเรียว ข้าวในหม้อ กับข้าวบนโต๊ะ ต้องมีอยู่เต็มเสมอ

ในเมื่อเราทำงานหนัก เราก็ต้องเอาใจใส่กับสุขภาพกายและใจของเราด้วย ไม่งั้นเราจะทำงานหนักไปเพื่ออะไรครับ ได้เงินมาก็เอามารักษาตัวงั้นเหรอ”


“เรียว ออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า นิดหน่อยก็ยังดีนะ ร่างกายจะได้แข็งแรง”



และยังมีอื่นๆอีกมากมาย ที่เด็กหนุ่มจะสรรหามาบ่นมาพูดกับผม แต่ก็ล้วนแล้วแต่ออกมาจากความห่วงใยที่เขามีให้ จึงทำให้ผมนึกโกรธหรือหมั่นไส้เขาไม่ลง

ในขณะที่ผมค่อยๆเริ่มรู้สึกดีที่มีใครมาห่วงใยเราขนาดนั้น หลังจากที่ไม่มีมานานมากแล้ว

เดียร์ทำให้ผมเริ่มมองเห็นมุมมองแห่งความสุขจากการดำเนินชีวิตที่เป็นอยู่ เด็กหนุ่มคนนี้มองโลกในแง่ดีเสียเหลือเกิน

เขาสามารถทำตัวกลมกลืนและมีความสุขได้กับทุกสิ่ง แทบจะไม่มีครั้งไหนที่เขาจะบ่นให้ได้ยิน ยกเว้นแต่เรื่องของผมเท่านั้น

แต่ก็เป็นการบ่นที่ผมไม่เกิดความรู้สึกรำคาญอีกต่อไปแล้ว เพราะรู้ว่าคนที่เอาแต่บ่นว่าอยู่ตลอดเวลาคนนี้ ห่วงใยผมมากแค่ไหน

****************************
:z3: ขอโทษที บทที่ 11 กับ 12 มันรวมกันไปแล้วลืมแยกให้ ไม่โกรธเค้านะ :m17:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #178 เมื่อ18-12-2008 20:15:40 »

อ่านอีกรอบก็ยังสนุก  :กอด1: :กอด1:

สู้เค้านะคนโพสต์ หนทางยังอีกยาวไกล  :z1:

~Kalianeko~

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #179 เมื่อ18-12-2008 22:27:00 »

เริ่มใจอ่อนแล้วสินะคับเรียว


55555


ก็เดียร์เอาใจซะขนาดนั้น   เป็นใครก็ต้องใจอ่อนบ้างล่ะน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด