My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk  (อ่าน 183387 ครั้ง)

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #180 เมื่อ19-12-2008 14:52:57 »

รอลุ้นให้เรียวใจอ่อนเสียที

เดียร์ออกจะน่ารัก

ถ้าให้เดียร์ออกไปจากชีวิตเรียว แล้วเรียวคิดว่าตัวเองจะไม่เสียใจทีหลังเหรอ :เฮ้อ:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #181 เมื่อ19-12-2008 17:35:21 »

:3123: มาแล้วจ้า มาแล้ว มาทุกวันจ้า :m20:

บทที่ 14



“นี่ นี่ ดีจังเลย ที่ได้มาเที่ยวกับเรียวจริงๆ ยังกับฝันไปแน่ะ นึกว่าคุณจะหลอกผมเสียแล้ว”


เดียร์ตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อผมพาเขาไปเที่ยวห้างจริงๆตามที่สัญญาเอาไว้ วันนี้เดียร์แต่งตัวซะหล่อเท่ห์

ร่างสูงๆของเขาอยู่ในชุดกางเกงยีนส์สีเข้ม เสื้อยืดแขนยาว กับรองเท้าผ้าใบ ใส่หมวกแก๊ปสีเดียวกันกับกางเกงยีนส์

หน้าตาอ่อนเยาว์ยิ้มแป้นไม่ยอมหุบ คล้ายๆเด็กที่ได้สิ่งที่ตนเองถูกใจ



เด็กหนุ่มมาปลุกผมตั้งแต่ตีห้าของวันอาทิตย์ ผมยังงัวเงียอยู่เลย เขากุลีกุจอทำข้าวต้มปลากับกุ้งให้ผมทานตั้งแต่เช้า

แล้วก็นั่งคอยอย่างกระวนกระวายในห้องรับแขก ระหว่างรอก็กวาดบ้านถูบ้านให้ผม กรอกน้ำจนเต็มตู้เย็น เอาขยะไปทิ้งนอกบ้านให้

หาข้าวให้เจ้าหญิงกิน และเล่นกับมันไปพลางๆ รอเวลาให้ผมแต่งตัวจนเสร็จ พอสัก 9 โมง ครึ่ง ผมก็พร้อมที่จะออกไปกับเด็กหนุ่ม

ผมพาเขาไปยังห้างใหญ่ที่มีศูนย์บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนมือถืออยู่บนชั้น 4 หลังจากได้ที่จอดรถแล้ว ผมจึงพาเขาขึ้นลิฟท์ไปชั้นบน

เด็กหนุ่มเดินตามนัวเนียผมไม่ยอมห่าง จนผมเกิดอารมณ์หลายอย่าง ทั้งรำคาญ หมั่นไส้ และนึกตลกที่เจ้าเด็กนี่ เกาะผมแจเหมือนลูกมากับพ่อแม่ มากกว่าจะเหมือนคู่รัก

อาจจะเป็นเพราะข้อความสัญญาที่ว่า ห้ามแตะต้องผมในที่สาธารณะ ทำให้เขาไม่ค่อยกล้าที่จะถึงเนื้อถึงตัวผมมากนัก

ก็ดีไปอย่างเจ้าเด็กนี่ ไว้ใจได้เสียที่ไหน เผลอเป็นกอด เป็นจูบ ฉวยโอกาสค้ากำไรเอากับผมตลอดเวลา



“แค่ไปซื้อมือถือด้วยกันนี่นะ อะไรจะดีใจเว่อร์ขนาดนี้”


ผมขำแกมหมั่นไส้ เลยต้องพูดแขวะซะหน่อย อยากทำโอเว่อร์แอ็คชั่นดีนัก


“ก็นั่นแหละ ออกไปไหนด้วยกันก็เหมือนได้เที่ยวกันนั่นแหละ ที่ไหนก็ช่าง มีเรียวที่ไหน ผมก็มีความสุขได้ทั้งนั้นอ่ะครับ อิอิ”


เดียร์ตอบกลับมา พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนผมต้องยิ้มตาม เด็กบ้าอะไรไม่รู้ หน้าเป็นอยู่ได้ ไม่มีความทุกข์ใจบ้างหรือไงนะ


“อยากได้รุ่นไหน เลือกไว้แล้วหรือยัง”

“อยากได้รุ่นที่มันถ่ายวิดีโอ กับถ่ายภาพนิ่งได้ด้วยอ่ะครับ อันเก่าก็ถ่ายได้ แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นมันจะแพงนะ เสียดายตังค์

เรียวเก็บไว้ใช้อย่างอื่นดีกว่า สำหรับผมอ่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือการได้โทรพูดคุยกับเรียวเท่านั้น ไม่ค่อยได้ใช้ทำอย่างอื่น เอาแค่รุ่นธรรมดาก็ได้ครับ”


เดียร์มีท่าทีเกรงอกเกรงใจจนเห็นได้ชัด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าเดียร์ไม่ต้องการรบกวนผม แต่ในเมื่อผมทำความเสียหายให้กับโทรศัพท์เครื่องเก่าของเขา

ผมต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการซื้อของในรุ่นเดิม แบบเดิม หรือไม่ก็ต้องเป็นรุ่นที่ดีกว่า

อย่างน้อยๆตัวเองก็จะได้สบายใจขึ้นที่ได้ทำอะไรบางอย่างไถ่โทษให้กับความผิดของตัวเอง


“ไม่เป็นไรหรอก เลือกรุ่นที่นายชอบเถอะ อยากได้รุ่นไหนก็บอก ไม่ต้องมาเสียดายเงินแทนฉันหรอก

ฉันทำเครื่องนายพัง ฉันต้องรับผิดชอบในการหามาทดแทนให้นายอยู่แล้ว อย่าได้เกรงใจไปเลย”



ผมบอกเขา เดียร์มองหน้าผม แล้วกล่าวขอบคุณออกมาเบาๆ ผมยิ้มให้เด็กหนุ่มด้วยความจริงใจ เดียร์ส่งยิ้มหวานตอบกลับมาให้ผม

จนผมต้องรีบเบือนหน้าหนี ด้วยไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ตนเองหวั่นไหว



เราสองคนเดินวนดูมือถือหลายร้าน มีมือถือหลายแบบหลากสี ขนาดต่างกันไป รวมทั้งมีเบอร์สวยๆให้เลือกด้วย แต่ต้องประมูลกันด้วยราคาแพงๆ


เดียร์ชี้ให้ผมดูป้ายที่เขียนเบอร์สวยๆให้ผมดูป้ายหนึ่งแล้วหัวเราะใหญ่เลย ผมมองตาม เห็นเป็นเบอร์ 086 ตามด้วยหมายเลข 969-6969

ผมหน้าแดง แล้วหันมาทำตาดุใส่เขา ด่าว่าไอ้เด็กทะลึ่ง เดียร์หัวเราะก๊ากไม่ยอมหยุด ทำท่าว่าอยากประมูลเลขนี้จะเอาไว้ใช้โทรหาผมคนเดียว

ผมเลยเขกหัวเขาโป๊กหนึ่ง เด็กหนุ่มหยุดหัวเราะ คลำหัวป้อยๆ แล้วแสร้งทำหน้าตาน่าสงสารใส่ผม น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก


เลือกไปเลือกมาเด็กหนุ่มก็ได้โทรศัพท์รุ่นที่ถูกใจ เป็นรุ่นที่ ถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอได้ด้วย แต่ราคามันเกือบสองหมื่นบาท

เดียร์มองหน้าผม จากนั้นก็หยิบมือถือ รุ่นธรรมดา ราคา พันกว่าบาทมาถือไว้ แล้วบอกผมว่าเขาจะเอาอันนี้ ผมเลยตีมือเขาไปทีหนึ่ง

แล้วก็ฉวยรุ่นที่เขาอยากได้มากๆ ส่งให้พนักงานขาย ต่อรองราคากันเสร็จสรรพ ผมก็ให้เดียร์เลือกเบอร์ที่ชอบ

เดียร์ใช้เวลาในการเลือกเบอร์จากในลิสต์ยาวเหยียดที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็หันมายิ้มให้ผม


“เอาเบอร์นี้แล้วกัน เบอร์เดียวกับมือถือของเรียวเลย แต่คนละ 0 เท่านั้น ฟลุ๊คจริงๆเลยครับ สงสัยว่าเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องจำเยอะไงครับ”

“ตามใจ”


ผมไม่ได้ว่าอะไร เขาอยากจะได้เบอร์ไหนก็เรื่องของเขา ผมไม่ใส่ใจในรายละเอียดพวกนี้อยู่แล้ว ถึงยังไงผมก็คงไม่โทรไปหาเขาหรอก


“ใจดีจังเลย”


เด็กหนุ่มทำท่าประจบประแจง หลังจากที่ผมจ่ายเงินค่าซื้อโทรศัพท์ให้เขาแล้ว เขาเดินนัวเนียใกล้ผมไม่ยอมห่าง

“ราคาแพงกว่ารุ่นที่ผมซื้อมาอีกนะครับ เดี๋ยวผมทำงานเก็บเงินใช้ให้นะ”


เขาบอกผมด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจเหมือนเดิม


“ไม่ต้องหรอก จะมาคืนเงินให้ฉันทำไม”

“ก็เสียดายเงินแทนเรียวนี่ครับ ราคาตั้งเกือบ 2 หมื่น เครื่องที่ผมซื้อมาน่ะ ราคาแค่หมื่นต้นๆเอง ผมไม่อยากเอาเปรียบเรียวนี่ครับ”


ผมรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ เจ้าเด็กนี่ นอกจากจะห่วงใยผมแล้ว เขายังไม่เคยทำอะไรที่จะเป็นการเอาประโยชน์เรื่องเงินทองจากผมเลยสักครั้ง



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #182 เมื่อ19-12-2008 17:36:11 »


“หิวไหม”


ผมเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามเขาน้ำเสียงอ่อนโยน


“นี่มันจะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงข้าวนายมื้อหนึ่งตามสัญญา”

เด็กหนุ่มยิ้มแก้มแทบปริ


“ดีจังเลยอ่ะ ได้มาเที่ยวแล้วก็ได้กินข้าวกับเรียวอีก มีความสุขจัง”

“เว่อร์อีกแล้ว สัญญาว่าจะพามา ฉันก็ทำตามแล้วไง ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย”


เดียร์ทำปากยื่น เมื่อผมพูดเป็นทำนองไม่ใส่ใจเขาแบบนั้น


“แหม ได้โอกาสมาเที่ยวกับเรียวทั้งที จะช่วยสร้างบรรยากาศแบบคู่รักกันให้หน่อยก็ไม่ได้ ใจแข็งจังนะครับ”

“ก็ฉันไม่ใช่คู่รักของนายจริงๆนี่นา ก็แค่ทำสัญญาร่วมกัน ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆซะหน่อย นายก็อย่าเพ้อเจ้อให้มันมากนักเลย

ผิดหวังมาจะเสียใจเปล่าๆ แล้วจะมาโทษฉันก็ไม่ได้ด้วย เพราะบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”


ผมดับความฝันเด็กหนุ่ม แว่บหนึ่งที่ผมเห็นประกายตาของเดียร์หม่นวูบ จากนั้นก็กลับคืนมาสู่ภาวะร่าเริงเหมือนดังปกติที่เคยเป็น


“คร้าบ บอกมาเป็นล้านครั้งเห็นจะได้ ผมก็แค่หวังว่าเรียวจะใจอ่อน ก็แค่นั้นเอง แต่ไม่เป็นไรครับ ผมจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ

ไม่ใจอ่อนวันนี้ ก็คงจะใจอ่อนในวันใดวันหนึ่งข้างหน้านั่นแหละครับ ผมจะรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง ไม่มีวันที่ผมจะยอมพ่ายแพ้ไปก่อนหรอกครับ”


เด็กหนุ่มตอบผมด้วยท่าทีมุ่งมั่น ดวงตาฉายแววแห่งความหวัง น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกชื่นชมเด็กคนนี้ในใจ แม้จะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาคิดทั้งหมด

แต่ผมกลับมีความรู้สึกดีกับเดียร์มากขึ้น เขาเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีความพยายามอย่างมากในการที่จะทำตามสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ละทิ้งความฝันมันไปง่ายๆ

กล้าพูดกล้าคิดอย่างที่ตนเองรู้สึก ผมเสียอีกที่บางครั้งก็ไม่ค่อยกล้าจะพูดในสิ่งที่ตนเองต้องการออกมา เหมือนตอนที่คบกับอรจิรา

ผมอยากแต่งงานกับเธอมาก แต่ความที่ผมยังมีฐานะไม่มั่นคงเพียงพอ ผมจึงรีรอที่จะพูดกับเธอ เพราะไม่อยากให้เธอมาเจอกับความยากลำบาก

แต่พอผมคิดว่าตัวเองพร้อม เธอก็มีคนอื่น ซึ่งร่ำรวยกว่าผมหลายเท่านัก ความไม่กล้าเปิดเผยใจตัวเอง ทำให้ผมพลาดเรื่องดีๆในชีวิตไปมากมาย



ผมสลัดความคิดคำนึงถึงอรจิราออกไป หันกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง จะมัวคิดถึงคนที่เขาไม่เคยแคร์เราอยู่ทำไม

ในเมื่อยังมีอีกตั้งคนหนึ่งที่รักผมจนหมดใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ต้องการเป็นแฟนกับเขาก็ตาม แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกกับผมว่า

เขาน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของผมได้ เพื่อนที่ทำให้ผมหายเหงา คลายจากความเศร้า ความทุกข์โศกทั้งหลายทั้งปวงที่กำลังเผชิญอยู่


“อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมเอ่ยปากถามเดียร์ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยน อยากตอบแทนเด็กหนุ่มด้วยการพูดจาดีๆกับเขาบ้างสักครั้ง

“เรียวเลือกแล้วกัน เรียวกินอะไร ผมก็กินอย่างนั้นน่ะครับ”

“ฉันเลี้ยงนาย นายก็ต้องเป็นฝ่ายเลือกสิ ถ้าให้ฉันเลือก เดี๋ยวไม่ถูกปากนายจะว่าไง ไม่ต้องเอาใจฉันมากมายถึงขนาดฉันกินอะไรนายกินด้วยหรอก

มันน้ำเน่ามาก ฟังแล้วอยากจะอ้วก ไม่ต้องมาทำหวานใส่หรอก ฉันเลี่ยน”


ผมอดไม่ได้ที่จะแขวะเขา เด็กหนุ่มหัวเราะก๊าก ทำหน้าทะเล้นใส่ผม


“ไม่ไหวเลยเรียวนี่ ไม่โรแมนติกเลยจริงๆ เฮ้อ ก็ได้ครับ ผมอยากจะกินส้มตำอ่ะ ส้มตำปูปลาร้าด้วย กับไก่ย่าง แต่ที่ไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่าเรียวจะทานไม่ได้

แล้วก็กลัวว่ามันจะไม่เหมาะกับการออกเดทของเราน่ะครับ”



ผมอดที่จะขำตามไปด้วยไม่ได้ เออจริงสิ กินส้มตำปูปลาร้า ในการออกเดทครั้งแรกระหว่างผมกับเขา ( ตามที่เดียร์เข้าใจ)

มันดูแปลกๆพิลึกนะ ผมเองก็ทานเผ็ดไม่ค่อยจะได้เสียด้วยสิ อีกทั้งก็เป็นคนธาตุอ่อน กินของอะไรที่สุกๆดิบๆก็พาลจะท้องเสียขึ้นมาทันที

สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นน่าจะดีกว่า



“ถ้าจะให้ผมชอบจริงๆนะ ผมชอบที่จะกินข้าวกับเรียวที่บ้านมากกว่า เราซื้อของกลับไปทำกินที่บ้านกันดีไหม เรียวอยากกินอะไรผมก็จะทำให้ ประหยัด และกินได้เยอะกว่าด้วย”

เดียร์เสนอไอเดีย แต่ผมไม่เห็นด้วย


“กว่าจะถึงบ้าน ก็หิวตายกันพอดี อีกอย่างนะ ฉันบอกว่าฉันจะเลี้ยงนาย ดังนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินในกระเป๋าฉัน ฉันเลี้ยงนายได้

ถ้าไปกินที่บ้าน นายทำให้ฉันกิน จะเรียกว่าเลี้ยงได้ไงล่ะ ไม่มีความจำเป็นจะต้องมาสิ้นเปลืองเวลา ทำอาหารเลี้ยงตัวเองหรอก”


“แต่เรียวจ่ายค่าโทรศัพท์ไปแล้วตั้ง 19500 บาท ถ้าพาไปกินอีก ก็คงจะหมดไปเยอะมาก เราซื้อกับข้าวไปทำกินกัน

ก็ยังสามารถทำกินต่อมื้อเย็นได้อีกนะครับ ไม่ต้องไปเบียดเสียด แย่งโต๊ะอาหารกับใครอีก”


ด็กหนุ่มแย้งผมกลับ ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างเกรงใจที่ผมจ่ายเงินซื้อโทรศัพท์ให้เขาตั้งเยอะเลยไม่กล้าจะรบกวน

แต่ผมไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เพราะรู้ดีว่า กลับบ้านไป ผมก็ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง นึกหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบคราวที่แล้ว

ซึ่งเดียร์คงไม่ยอมอดกลั้นปลดปล่อยผมให้รอดมือเขาเป็นแน่



ถึงแม้ว่าจะมีข้อสัญญาผูกมัดว่าเขาจะไม่ทำอะไรให้เกินเลย แต่มันก็ดันมีช่องว่างไว้ด้วยว่าถ้าผมเต็มใจ เขาก็สามารถจะล่วงเกินผมได้

ที่กลัวก็คือใจของผมเอง เพราะมันชอบหวั่นไหวเวลาที่ถูกเด็กหนุ่มคนนี้สัมผัส ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม

รู้แค่เพียงว่า การโลมไล้ของเขาสร้างความปรารถนาขึ้นมาในกายของผมแทบทุกครั้ง



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #183 เมื่อ19-12-2008 17:37:05 »


“เอางี้ ไปกินที่ฟู้ดคอร์ท ตรงชั้น 6 กันดีกว่า ประหยัด แล้วก็มีอาหารให้เลือกหลากหลาย

นายอยากกินอะไรก็กินไป ฉันเลี้ยงไม่อั้น มันคงไม่ทำให้กระเป๋าฉันฉีกอย่างที่นายกังวลกระมัง เสร็จแล้วฉันจะแถมด้วยการดูหนังกับนายสักรอบเป็นไง

นี่เกินกว่าที่สัญญานะ แต่ฉันเองก็ไม่อยากเอาเปรียบนายเหมือนกัน”



ในที่สุดผมก็เจอทางออกในการแก้ปัญหา ผมได้เลี้ยงเขากลับคืน แถมซ้ำยังไม่ต้องกลับบ้านไปขลุกอยู่กับเขาอีก

อย่างน้อยๆการอยู่ในโรงหนังก็น่าจะดีกว่าไปอยู่กับเด็กนี่สองคนที่บ้านล่ะ



เดียร์ตอบตกลงด้วยอาการกระดี๊กระด๊า คงเป็นเพราะผมยอมที่จะไปดูหนังกับเขาทั้งๆที่เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนั้น

เด็กหนุ่มเดินตามผมไปที่ฟู้ดคอร์ทอย่างร่าเริง ผมอนุญาตให้เขาสั่งส้มตำไก่ย่างมากินได้อย่างที่เขาต้องการ เขาทำท่าอิดออด

พอผมถามว่าเป็นอะไร เขาก็บอกว่ากลัวมีกลิ่นปาก เกิดได้จูบกับผมขึ้นมา เดี๋ยวผมจะรังเกียจไม่ยอมให้จูบ ผมเลยเขกหัวเขาไปทีหนึ่ง

เด็กหนุ่มคลำหัวป้อยๆ แล้วบอกว่า ผมน่ะ ทำร้ายร่างกายเขาอยู่เรื่อยเลย เขกหัวเขามากๆ ถ้าเขาความจำเสื่อม จำผมไม่ได้จะทำอย่างไรล่ะ

ผมเลยบอกว่าดีแล้ว จะได้ฉวยโอกาสยกเลิกสัญญาเสียเลย เดียร์ยิ้มยั่ว แล้วก็บอกผมหน้าทะเล้นว่า ไม่มีทางที่เขาจะลืมผมได้หรอก

ถึงอย่างไร เขาก็จะต้องทำให้ผมรักเขาให้ได้ แล้วผมก็จะต้องยอมเขาทั้งกายและใจ

ผมหมั่นไส้ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเขาอย่างมาก ยกมือขึ้นจะเขกกะโหลกเขาอีกครั้ง แต่เดียร์รีบเผ่นแผล็วจากไปเสียก่อน




หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ผมก็พาเดียร์ไปดูหนังตามที่สัญญาไว้ หนังที่เลือกดูเป็นหนังรักโรแมนติกเป็นหนังญี่ปุ่นเรื่อง Be With You

เรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง กับลูกชายซึ่งอยู่กันสองคน คนพ่ออยู่กับความหลังฝังใจถึงภรรยาที่ตายไป เหตุการณ์ย้อนไปตอนอดีต

ตอนที่ลูกเขาอายุได้สัก 10 ขวบ ซึ่งแม่เขาสัญญาว่าในวันที่ฝนตก แม่เขาจะกลับมา ลูกก็พยายามทำทุกอย่างที่จะให้แม่มาอยู่กับตนในช่วงฤดูฝน

ไม่ว่าจะเป็นการห้อยตุ๊กตาไล่ฝนกลับหัว หรือ หาของที่สองแม่ลูกเคยซ่อนไว้ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะเป็นประตูเชื่อมโยงคนสองคนเข้าหากัน

และแล้วแม่ก็กลับมา มาใช้ชีวิตอยู่ด้วย แต่แม่จำอะไรไม่ได้เลย ว่าเป็นภรรยา หรือ เป็นแม่ของใคร ทั้งหมดใช้ชีวิตร่วมกันใหม่อีกครั้ง

และแล้วฤดูฝนก็สิ้นสุดลง ถึงเวลาที่แม่ต้องจากไป ก่อนจะจากไป แม่มอบบันทึกไว้ให้ลูกเล่มหนึ่ง ซึ่งบันทึกนั้นเปรียบดังเครื่องไทม์แมชชีน

ซึ่งจะทำให้รู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แล้วแม่ก็จากไปจริงๆ เมื่อพ่ออ่านบันทึกจึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว แม่ที่กลับมาหาในตอนฤดูฝน

ก็คือ สาวน้อยคนหนึ่งที่แอบหลงรักพ่อมานาน แอบดูแลมาตลอด รักแต่ไม่กล้าพูดอะไรกัน จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเกิดอุบัติเหตุ

และปาฏิหาริย์ได้นำเธอมาสู่โลกอนาคต ที่คนทั้งคู่ได้แต่งงานกันและมีลูก ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข

เมื่อตอนที่เธอกลับไปสู่โลกปัจจุบันของเธอ เธอได้รับรู้แล้วว่า ถ้าแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ที่เธอรัก เธอจะต้องเสียชีวิต

แต่ความตายที่จะมาถึงนั้นไม่ได้ทำให้เธอหวั่นไหว เธอเลือกที่จะแต่งงานกับเขา ทั้งที่รู้ดีว่า วันข้างหน้าของตัวเองจะเป็นอย่างไร

มันเป็นหนังที่แสดงออกถึงความรักแท้ที่คนๆหนึ่งจะมีให้กับคนที่ตนรัก


เดียร์ดูหนังด้วยความซาบซึ้ง และอินจัดไปกับตัวละครและเนื้อเรื่อง ผมเห็นเขายกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆตลอดเวลา

คงจะรู้สึกสะเทือนใจไปกับภาพและเสียงบนจอภาพยนตร์ มีเสียงฟืดฟาดให้ได้ยิน เมื่อผมหันไปมองก็เห็นเดียร์น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม เขาพยายามที่จะไม่ให้ผมเห็น


“ไหนบอกเป็นลูกผู้ชาย จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นไง”


ผมพูดหยอกเย้า หลังจากที่เราออกมาจากโรงหนังกันแล้ว เดียร์หันหน้าซึ่งมีดวงตาบวมช้ำ และจมูกที่แดงก่ำ เพราะร้องไห้ มาทางผม เขายิ้มอายๆ


“สงสารตัวละครในเรื่องน่ะครับ สงสารลูก สงสารพระเอก แล้วก็ซาบซึ้งกับความเสียสละของนางเอกจัง ผมชอบมากเลยครับ หนังเรื่องนี้

ขอบคุณนะที่พามาดู รู้สึกดีจังเลย ได้รับรู้เรื่องราวของความรักที่บริสุทธิ์แบบนี้ ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเป็นกองเลยนะ

ผมน่ะไม่ได้ต่อสู้เรื่องราวของความรักแต่เพียงลำพังคนเดียวเลยนะ ยังมีคนที่บูชาความรักอีกหลายคนที่ทำอย่างผม

เห็นไหมเรียว ผมน่ะ ไม่ได้แปลกประหลาดสักหน่อย ถ้าเป็นผม ผมก็จะทำอย่างนี้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าการที่ผมรักเรียว อาจจะทำให้ผมต้องตายไป ผมก็ยินดี

ขอเพียงให้ผลตอบแทนที่ผมจะได้รับคือ ความรักของเรียวที่มีกลับคืนมาให้ผม แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ผมยินดีที่จะทำทุกอย่างให้ได้มันมาครับ”



คำพูดมากมายพรั่งพรูมาจากปากของเด็กหนุ่ม เป็นถ้อยคำที่บ่งบอกถึงความรักลึกซึ้งที่เขามีต่อผม มองหน้าเดียร์ทีไร ผมก็อดหวั่นไหวไม่ได้

ทำไมคนที่ทำดีให้ผมจึงกลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่ม ที่อ่อนเยาว์ทั้งอายุ และประสบการณ์ แต่มีจิตใจที่เข้มแข็งอย่างเขาคนนี้

แล้วผมจะก้าวข้ามเส้นบางๆของความแตกต่างระหว่างการรักเพศเดียวกัน กับรักต่างเพศไปได้อย่างไร



“อย่าอินไปกับหนังให้มาก หนังจะสร้างอย่างไรก็ได้ ชีวิตจริงไม่ได้สวยงามขนาดนั้น ไม่มีใครทำอะไรเพื่อคนอื่นหรอก”


ผมดึงเดียร์ให้ออกมาจากโลกแห่งความเพ้อฝัน มันจะดีทั้งตัวเขาเอง และก็ตัวของผมด้วย ถ้าเขาหวังมาก แล้วผมไม่สามารถสนองตอบเขาได้

เขาอาจจะได้รับความเจ็บปวดกระทบกระเทือน ผมไม่อยากทำร้ายเขา ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่อยากฝืนใจตัวเองด้วย



“แต่ผมเชื่อว่า หนังบางเรื่อง ก็สร้างมาจากชีวิตจริงครับ ต้องมีใครบางคนรักใครคนหนึ่งอย่างมากมาย และยินยอมทำได้ทุกอย่างแม้แต่การเสียสละชีวิตตนเอง

ไม่งั้นเขาจะสร้างหนังแบบนี้ขึ้นมาทำไมล่ะครับ ถ้ามันไม่มีมูลความจริงหรือไม่มีโอกาสเป็นไปได้ ก็เท่ากับหลอกคนดูสิครับ

ผมน่ะ เชื่อมั่นศรัทธาในความรัก ผมจะพิสูจน์ให้เรียวเห็นว่า ผมมีรักแท้ให้เรียวแค่ไหน ผมสามารถทำทุกอย่างให้เรียวได้จริงๆ คอยดูต่อไปนะครับ แล้วคุณจะต้องเชื่อคำพูดของผม”



เด็กหนุ่มบอกอย่างมุ่งมั่น ผมกลับเป็นฝ่ายถอดใจเสียเอง รู้สึกว่าความพยายามที่จะให้เขาเปลี่ยนใจไม่เคยสัมฤทธิ์ผล

ไม่ว่าจะพูดตัดหนทางอย่างไร เด็กหนุ่มก็แก้ได้หมด ดูเหมือนว่าเขาปลุกเร้าให้ตนเองมีกำลังใจที่ดีอยู่ตลอดเวลา จนไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคทั้งปวง

ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเด็กหนุ่ม เลยรีบเดินหนีไปที่ลานจอดรถ โดยมีเด็กหนุ่มเดินตามมาติดๆ

เด็กหนุ่มดูเหมือนจะรู้ทันว่าผมกำลังพ่ายแพ้ต่อความตั้งใจจริงๆของเขา ก็เลยพูดดังๆให้ผมได้ยินว่า



“หนีอะไรก็หนีได้ แต่คุณไม่มีทางหนีหัวใจของตนเองได้หรอกครับเรียว สักวันหนึ่ง ผมจะทำให้คุณหันมารักผมให้ได้”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #184 เมื่อ19-12-2008 17:38:09 »

ผมแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด เดินจ้ำอ้าวๆไปจนถึงรถที่จอดไว้ เปิดประตูแล้วก้าวขึ้นไปนั่งด้านคนขับ

โดยมีเดียร์วิ่งไปเปิดประตูด้านข้างก้าวขึ้นไปนั่งอย่างลุกลี้ลุกลน พอขึ้นมาได้ ก็โวยวายเสียงแจ้ว


“แหม จะรีบไปไหนเหรอครับ ทนฟังไม่ได้เหรอ หรือว่าผมพูดจี้ใจดำเรียวเข้าให้แล้ว”

“ขี้เกียจฟังคำพูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระที่ไม่มีวันเป็นจริงขึ้นมาได้ของนายอ่ะ”


ผมทำท่าเบื่อหน่ายใส่เขา เดียร์หน้ามุ่ย ทำปากยื่นปากยาวใส่ผม


“ทั้งปีเล้ย ไม่มีจินตนาการ ไม่มีความฝัน ไม่เชื่อในอานุภาพ และความมหัศจรรย์แห่งความรักบ้างเล้ย หัวใจเรียวทำด้วยอะไรน้า ทำไมมันถึงได้เย็นชาอย่างนี้ เฮ้อออออออออ”


เดียร์ทำเป็นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่หน้าตากลับยิ้มละไม คงไม่ได้นึกเบื่อที่ผมทำท่าไร้อารมณ์กับเขา

อาจจะรู้สึกสนุกด้วยซ้ำกระมัง ที่สามารถพูดยั่วเย้าและต้อนผมจนมุมจนได้ เวลาเขาเล่นมุขรักผมนักรักผมหนาทีไร

ผมมักจะเถียงเขากลับไม่ได้ทุกที ยิ่งเห็นหน้าตาใสซื่อ ประกายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก และความหวัง ผมยิ่งโกรธไม่ลง


“จะกลับบ้านแล้วเหรอครับ ดีจังเลย แต่ว่า แวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตก่อนกลับบ้านดีไหมครับ วันนี้ผมว่าจะทำมักกะโรนีผัดผงกะหรี่ ให้ทานอ่ะ เพิ่งได้สูตรมา

ลองทำกินเองก็อร่อยดี แล้วจะทำพายบลูเบอรี่ให้กินด้วย ผมดูจากในทีวีมาเห็นว่าน่ากินดี เลยคิดว่าจะลองทำกินเองดูบ้างครับ เพราะกรรมวิธีก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลยครับ”


เดียร์เปลี่ยนเรื่องพูดเฉยเลย ผมอดหัวเราะไม่ได้ เลยขำออกมาดังๆ


“นายนี่มันเหลือเกินจริงๆ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรบ้างเลยหรือไงนะ”

“แหม อยู่ใกล้คนรักของตัวเอง จะทำหน้าบึ้งตึงไปทำไมกันล่ะครับ ผมอ่ะ มีเวลาแค่หกเดือนที่จะทำให้เรียวมารักผมให้ได้

ก็ต้องพยายามโกยคะแนนสุดฤทธิ์ จะมาทำเป็นหงุดหงิดขี้โมโหไม่ได้หรอก เป็นฝ่ายรักเขาก่อน ก็ต้องอดทนอย่างนี้แหละ

ไว้เรียวรักผมมากๆแล้ว คราวนี้ผมค่อยเล่นตัวให้เรียวง้อบ้างก็แล้วกัน เป็นการเอาคืน”


เขาพูดยิ้มๆ ผมมองหน้าทะเล้นนั้น แล้วรู้สึกขวางหูขวางตายิ่งนัก เจ้าเด็กปิศาจคนนี้ มีใบหน้าและแววตาที่รบกวนจิตใจผมเสียจริง

นี่ไม่นับรวมกริยาอาการที่เขาปฏิบัติต่อผม บางทีก็รู้สึกดี บางทีก็รู้สึกหมั่นไส้ จนผมไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่


“ไม่มีทาง รอไปเถอะ อีกสิบชาติ กว่าที่ฉันจะใจอ่อน”


ผมบอกเขาอย่างมั่นใจตนเอง แน่นอน เดียร์ก็ตอบมาแบบเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองเช่นกัน


“คอยดูก็แล้วกัน เคยได้ยินไหมครับ น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน หัวใจของเรียว ที่มาเจอความรักที่ทุ่มเทและจริงจังของผม

จะทนทานไม่รักผมได้ ก็ให้มันรู้ไปสิครับ ถึงวันนั้น ผมจะแจกโล่หัวใจหินให้เรียวเอง อิอิ”

เด็กหนุ่มหัวเราะชอบใจ ผมค้อนเด็กหนุ่ม ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอากัปกิริยาหนึ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน พอรู้ตัวว่าทำท่าอะไรลงไป

ผมก็รีบปั้นหน้าเป็นเคร่งขรึม กลบเกลื่อนความตระหนกตกใจของตนเองที่เผลอทำกริยาเหมือนที่ผู้หญิงเขาทำกันออกไป

แต่มีหรือที่จะรอดพ้นสายตาเจ้าเล่ห์ของไอ้เด็กบ้านี่ไปได้ ดูเหมือนว่าเขาจะคอยจ้องมองผมทุกอากัปกิริยาการเคลื่อนไหว

เขายื่นหน้ามาใกล้ แล้วพูดประโยคที่ทำให้ผมเกิดความกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา



“เรียวครับ เมื่อกี้เรียวทำท่าเหมือนผู้หญิงเลยนะ นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นเขาจะเรียกว่าสาวแตกนะครับ แต่ผมรู้ว่าเรียวน่ะไม่ใช่หรอก

ดูยังไงก็ไม่ใช่ เพราะเรียวน่ะ ไม่ใช่เกย์อย่างพวกผม แถมซ้ำเรียวก็ไม่ใช่คนที่แกล้งแอ๊บแมนด้วย เรียวแค่หมั่นไส้ผมเท่านั้นใช่ไหมครับ

อย่าทำท่าแบบนี้ให้คนอื่นเห็นเชียวนะ เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดกัน ไปเจอคนทั่วๆไปน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไปทำให้พวกเกย์เห็นระวังจะโดนจีบ

ผมน่ะไม่ยอมให้เรียวกับใครหรอกนะ เรียวเป็นของผมคนเดียวก็พอ”



“อย่ามาพูดบ้าๆหน่อยเลย”


ผมด่าเขา ในใจก็แอบคิดตามว่า ผมทำท่าอย่างนั้นจริงๆหรือ บ้าน่ะสิ เจ้าเด็กลูกครึ่งปิศาจนี่พูดเพื่อให้ผมเป็นพวกเดียวกับเขาหรือไง

ใครจะไปเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว สาวแตกแบบที่ว่า ที่ผมค้อนเขาเมื่อครู่ มันเป็นอาการของผู้หญิงก็จริง แต่ผมก็เห็นผู้ชายบางคนก็ทำ

หรือว่าคนเหล่านั้นเป็นพวกแอบจิตแบบที่เดียร์ว่าจริงๆ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกร้อนๆหนาวๆ การที่นายเดียร์มาอยู่ใกล้ผมมากๆมันสามารถถ่ายทอดความเป็นเกย์จากเขามาสู่ผมได้หรือเปล่านะ

เหมือนกับโรคติดต่อเลย ติดต่อได้ทางการสัมผัส และ พูดคุยกัน ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นแล้ว


“ฉันไม่ใช่พวกเดียวกับนาย อย่ามาโมเม”

“ไม่ได้ว่า ว่าเป็นสักหน่อย ผมก็ไม่ชอบให้เรียวเป็นเกย์หรอก เดี๋ยวเกิดติดใจขึ้นมา แล้วจะไปมีคนอื่น นอกจากผม มันจะยุ่ง แค่เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่รักเกย์อย่างผมก็พอแล้วครับ”

“มีด้วยเหรอ ผู้ชายธรรมดา ที่รักเกย์ แต่ไม่เป็นเกย์น่ะ”

“มีสิ มีดาราคนหนึ่ง เป็นกะเทยแปลงเพศแล้ว แต่งงานกับผู้ชายแท้ๆ เขารักและแต่งงานกับเธอทั้งๆที่เขารู้ว่าเธอเป็นผู้ชายมาก่อน แต่เขาก็แต่งงานด้วย เขาก็ไม่เห็นเป็นเกย์นี่ครับ”



เดียร์เอ่ยอ้างถึงดาราคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการเพราะแสดงภาพยนตร์เกี่ยวกับกีฬา เพื่อยืนยันคำพูดของเขา ผมกลับไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้


“เขารักที่คนๆนั้นอยู่ในคราบผู้หญิงหรือเปล่า”


“เปล่า เขารักเธอที่หัวใจต่างหาก ไม่ใช่ร่างกาย แล้วผมก็หวังว่า ผู้ชายแท้ๆอย่างเรียว จะรักผมที่หัวใจ มากกว่าจะมองว่าผมเป็นเพศไหนเหมือนกัน”

“คงไม่คิดถึงขนาดให้ฉันแต่งงานกับนายด้วยหรอกนะ”

“ไม่หรอกครับ แค่รักผมเท่านั้นก็พอ ที่พูดแบบนี้ หมายความว่าไงล่ะครับ แปลว่า จะอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องแต่งใช่ไหมครับ สบายอยู่แล้ว ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”





anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #185 เมื่อ19-12-2008 17:38:58 »

เจ้าเด็กลูกครึ่งปิศาจยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับผม ส่งสายตาหวานฉ่ำให้ ผมทำหน้าเซ็งๆ คุยกับหมอนี่ทีไรก็เข้าตัวเองทุกที

โต้ตอบอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ หมอนี่ไม่เคยสะทกสะท้านกับคำพูดของผมแม้แต่น้อยนิด การถกเถียงกับเขามีแต่จะทำให้ผมหงุดหงิดและสับสนในใจมากยิ่งขึ้น


“ไปซื้ออาหารสดและของกินที่ห้าง...........แล้วกัน”


ผมเปลี่ยนเรื่องพูด โดยการบอกชื่อห้างที่จะพาเขาไปเดินเลือกซื้อข้าวของที่จะนำมาทำเป็นอาหารเย็น

เด็กหนุ่มก็ปรับเปลี่ยนท่าทีเช่นกัน เขาหันมาคุยจ้อถึงอาหารที่จะทำให้ผมกินเป็นมื้อเย็น เอาสมุดขึ้นมาจดรายการของอาหารที่ต้องซื้อ



พอถึงห้าง เดียร์ก็ไปลากรถเข็นมาคันหนึ่ง แล้วเดินนำผมไปยังแผนกอาหาร หยิบโน่น เลือกนี้ใส่รถเข็นด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว

ผมเองยังอดรู้สึกเพลินไปด้วย เมื่อมองตามเขาไป เดียร์มีความชำนาญในการเลือกซื้อของที่จะมาใช้ในการปรุงอาหารมาก

เขาเลือกปูสดๆเพื่อมาทำผัดผงกระหรี่ให้ผมทาน เลือกผักที่จะใช้ประกอบ โดยดูเอาที่ใหม่สด ปลอดสารพิษ ผมนึกสนุกไปกับเขาด้วย

โดยการเลือกซื้ออาหารสดนอกเหนือจากที่จะทำกินสำหรับเย็นนี้ ผมเห็นว่า ไหนๆก็เลี่ยงที่จะไม่ให้เดียร์มาบ้านได้แล้ว เพราะมีการตกลงทำสัญญากันไว้

ดังนั้น ผมก็ควรจะมีของติดตู้เย็นเอาไว้บ้าง เด็กหนุ่มจะได้ไม่ต้องไปซื้อให้สิ้นเปลืองเงินทองของตัวเอง



ผมไหว้วานให้เด็กหนุ่มเลือกให้ เพราะผมเองก็เลือกไม่เป็นเพราะไม่เคยทำอาหารกินเอง คนโสดอย่างผมกินแต่ข้าวนอกบ้าน

แต่ที่มีอุปกรณ์ครัวมากมาย เพราะผมเตรียมไว้สำหรับการแต่งงานระหว่างผมกับอรจิรา ผมหลอกให้เธอไปเดินซื้อเป็นเพื่อนผม

ซึ่งผมคิดว่าเธอรู้ความหมายดีว่าผมต้องการสื่ออะไร แต่ในที่สุดเธอก็หนีผมไปมีคนอื่น แต่ช่างมันเถอะ อย่างไรผมก็มีโอกาสได้ใช้เครื่องครัวนั้น

แถมซ้ำยังมีคนมาคอยทำอาหารให้กินอีกด้วย



เด็กหนุ่มกุลีกุจอเลือกอาหารสดให้ผม มีจำพวกปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ผมซื้อพวกไส้กรอก หมูยอ แหนม ลูกชิ้นมาเก็บไว้ด้วย

จากนั้น เราสองคนก็พากันไปเลือกซื้อพวกอาหารแห้งบ้าง ผมให้เดียร์ตัดสินใจว่าในครัวผมควรจะมีอะไรบ้าง

ท่าทางเขาดูปลาบปลื้มที่ผมมอบความไว้วางใจให้กับเขา ในการเป็นผู้กำหนดเรื่องอาหารการกิน จนผมอดยิ้มด้วยความเอ็นดูเขาไม่ได้

เดียร์หยิบพวกเส้นหมี่ สปาเกตตี้ มักกะโรนี ใส่ไว้ในรถ มีปลากระป๋อง น้ำพริกเผา กะปิ น้ำปลา ข้าวสาร น้ำตาลทราย ผงปรุงรส และ ของที่เก็บไว้กินได้นานๆอีกหลายชนิด

ตลอดเวลาเหล่านั้น เดียร์นัวเนียใกล้ชิดผมตลอดเวลา ถามโน่น ถามนี่ ว่าผมชอบกินอะไร รสชาติแบบไหน บางอย่างเขาก็เห็นด้วย

บางอย่าง ก็แนะนำให้ใหม่ บางอย่างเป็นของมาจากเมืองนอก เขาก็จะแนะนำของที่ทำจากไทย คุณภาพใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่ามาให้

ดูท่าทางเขาเป็นคนที่มีความรู้ค่อนข้างเยอะในเรื่องเกี่ยวข้องกับอาหารจนผมรู้สึกทึ่ง



ขณะที่เราวนเวียนอยู่ ตรงชั้นวางอาหารกระป๋อง สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเข็นรถเข็นเดินตรงมาที่ผมและเดียร์กำลังเลือกซื้อของอยู่

ผมชะงักเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นเป็นใคร ฝ่ายหญิงก็มีอาการไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่
“อ้าว คุณเรียวซื้อของเยอะแยะเชียว ที่บ้านจะจัดงานเหรอ”


ชายท่าทางภูมิฐานเอ่ยทักทายผมด้วยใบหน้าแสดงความเป็นมิตรไมตรี ผิดกับอดีตคนรักของผม ที่ยืนหน้าเชิด ปิดปากเงียบ ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำทักทาย หรือยิ้มแย้มให้


“เปล่าครับ แค่ซื้อไปเก็บเอาไว้ นานๆจะมาซื้อของซักทีน่ะครับ คุณอนันต์ ก็มาซื้อของเหมือนกันเหรอ”


ผมเสมองไปที่รถเข็นที่ว่างเปล่าของเขา ไม่อยากจะมองหน้าอรจิรา เพราะผมไม่เห็นมิตรภาพอยู่บนใบหน้าสวยๆนั่น

เออ หนอ เลิกกันไป โดยที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกผมเอง ผมน่าจะเป็นฝ่ายแค้นใจมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงปั้นปึ่งขึ้งโกรธผมนัก

หรือว่าสิ่งที่เธอทำนั้น มันเพื่อต้องการที่แสดงให้คนรักใหม่ของเธอได้รู้ว่า ผมและเธอไม่เคยรู้จักสนิทสนมเกินเลยนอกเหนือไปจากการเป็นคนที่ทำงานในบริษัทเดียวกันเท่านั้น


“ครับ พอดีว่า เราจะซื้อของใช้ไว้ในครัวเรือนของเราครับ แต่เดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงแถวนี้ พอเห็นคุณเข้า ก็เลยแวะเข้ามาทักเสียหน่อย

ตอนแรก อร เขาก็ไม่อยากเข้ามา กลัวว่า จะเป็นการรบกวนคุณน่ะครับ”


คุณอนันต์บอกยิ้มๆ ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานในตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทอง

แต่ในเรื่องคนหรือเรื่องของความรัก เขากลับไว้ใจคนอื่นง่ายๆ ดูก็รู้ว่า อรจิรา รังเกียจการที่จะมาเจอผมแค่ไหน แต่เขากลับมองไม่ออก



ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงยังไง ผมก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้แล้ว เธอไม่มีวันรู้สึกดีกับผมอีกต่อไป

ในเมื่อผมไม่อาจทำให้เธอกลับมารักผมได้ดังเดิม ผมก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความจริง ผมไม่อาจจะก้มหน้า ทำตัวเป็นคนขี้แพ้ต่อไปได้

ความรู้สึกมันบอกให้ผมยืนหยัดต่อสู้กับความจริงอันปวดร้าว เพื่อความเข้มแข็ง และเพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมองอรจิรา

ก็เห็นเธอมองผมอย่างเหยียดๆอยู่ก่อนแล้ว พอเธอเห็นผมมองตอบ เธอก็หันหน้าไปหาชายคนรักกระเป๋าหนักของเธอ แล้วทำน้ำเสียงอ้อนๆ


“ก็จริงนี่คะ บางที คุณเรียวน่ะ เขาคงอยากจะใช้เวลากับการเลือกซื้อข้าวของโดยไม่มีใครรบกวนเหมือนอย่างเช่นเราสองคนก็ได้นี่คะ

เดี๋ยวเราแยกกับคุณเรียวตรงนี้ดีกว่า ของที่เราต้องการยังไม่ได้เลย เรามีเวลาไม่มากนักนะคะ เพราะเดี๋ยวก็ต้องไปเลือกกระเบื้องสำหรับปูห้องน้ำที่บ้านหลังใหม่ของคุณด้วย”



ก่อนที่คุณอนันต์จะพูดอะไรออกมา เจ้าเด็กลูกครึ่งซึ่งเมื่อครู่กำลังสาละวนอยู่กับการเลือกซื้ออาหารกระป๋อง ก็เดินเข้ามาหา

เขาแตะแขนผมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงว่า


“นี่เรียวดูนี่สิครับ ว่าผมเจออะไร ปลาทูน่า ในน้ำมันพืช กับปลาทูน่าในน้ำเกลือครับ รู้ไหม เราสามารถเอาปลาทูน่าไปทำแกงเขียวหวานกินได้นะ

ผมทำเป็นด้วยล่ะ นี่เราซื้อไปสักสองกระป๋องดีกว่าเนอะ ไว้คราวหน้าผมจะทำให้ทาน กินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือขนมจีนก็อร่อยเลยล่ะ”

*******************************
 :m16: รมณ์เสียเว้ย รมณ์เสีย เจอแฟนเก่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2008 17:42:01 โดย ไต๋ »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #186 เมื่อ19-12-2008 17:42:06 »

จิ้มๆ พี่แอน  :z2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #187 เมื่อ19-12-2008 19:14:28 »

เข้ามาเป็นหน้าม้าให้คุณแอน  :z2: :z2:

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #188 เมื่อ19-12-2008 19:57:29 »

 :o8:

มีหน้าม้าแล้วขอเปลี่ยนตัวเองเป็นหน้าหมาแทนละกัน

เป็นกำลังใจให้นะ

 :pig4:

~Kalianeko~

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #189 เมื่อ19-12-2008 20:35:14 »

เดียร์นี่จ่ายตลาดเก่งจัง


เรียวเองก็ดูหวั่นไหวแล้วนี่น่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #189 เมื่อ: 19-12-2008 20:35:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






sun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #190 เมื่อ20-12-2008 02:58:02 »

อ่านกี่ทีๆๆ ก้อหมั่นไส้ ยัยอรจีรา เค่อะ  :beat:

6969 เลขจ๋วยโนะ  เดียร์น่าจะไปประมูลมาใช้นะเนี่ย คึคึ  :z1:

พ่อบ้าน พ่อเรือนแบบเน้  ... ปี้เรียว ไม่ร๊าก ก้อแย่แล้ว  อิอิ   :z2: 


 

TinaJunior

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #191 เมื่อ20-12-2008 12:38:54 »

ตามอ่านคับ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #192 เมื่อ20-12-2008 21:20:42 »

 :sad4: ขอโทษโพสผิดตอน
มาใหม่ให้ละ


บทที่ 15




อรจิราเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ เธอมองผมกับเดียร์สลับกันไปมา ดวงตาจ้องจับผิด เดียร์ยังคงไม่รู้ตัว เขานัวเนียชิดใกล้ผม

เอาปลากระป๋องมายื่นให้ผมดู แล้วก็พูดไปเจื้อยแจ้ว ไม่ได้สนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า อดีตคนรักของผมมองเราสองคนไม่วางตา

สักพักใบหน้าสวยๆนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน เธอไม่พูดอะไร แต่ในความรู้สึกของผมบอกว่า มีบางอย่างที่อรจิราอยากจะพูดออกมา

เพียงแต่เธอคงไม่แน่ใจ และเรื่องนั้นต้องไม่ดีอย่างแน่นอน ถ้าให้เดากัน เรื่องที่เธอกำลังคิดอยู่คงไม่พ้นเรื่องของผมกับเดียร์เป็นแน่

เธออาจจะไม่รู้ว่าเดียร์คือใคร แต่ผมคิดว่าเธอคงกำลังสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเด็กหนุ่มคนนี้ และคงจะหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่


“คุณอนันต์คะ ท่าทางคุณเรียวคงไม่ว่างซะแล้วค่ะ เราไปกันเถอะ”

อรจิราหันมาพูดกับคุณอนันต์ ทำท่าเหมือนหวังดี ไม่อยากรบกวนผม


“เดี๋ยวเราต้องไปก่อนนะ ซื้อของเสร็จก็ต้องไปอีกที่หนึ่งน่ะครับ วันหลังค่อยคุยกัน”

เขาบอกผมด้วยท่าทางเกรงใจ ไม่มีทีท่าวางโต ผิดกับแฟนเก่าของผมที่ทำท่าเชิดหยิ่ง กาลเวลาทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ

อรจิราเดินคล้องแขนคุณอนันต์เดินจากไป แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่วายเหลียวหลังมามองผมและยิ้มเยาะให้

สายตาของเธอที่มองมามันเหมือนจะพูดกับผมเป็นนัยว่า หาใหม่ได้แค่นี้เองเหรอ พลาดจากฉัน ก็ไปมีแฟนเป็นผู้ชาย ช่างน่าสมเพช เวทนาจริงๆ



ผมรู้สึกหน้าชา เมื่อมองสบตาที่ดูหมิ่นดูแคลนนั้น เธอคงเข้าใจว่า ผมกับเดียร์เป็นแฟนกัน เพราะเจ้าเด็กนี่ก็นัวเนียใกล้ชิดกับผมไม่ยอมห่าง

ทำท่าเหมือนว่าเป็นคู่รักของผม อยู่ดีๆ อารมณ์โกรธผมก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ผมนึกเกลียดเจ้าเด็กลูกครึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆผม

เพราะเขาทีเดียวที่ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ ทำให้ผมถูกคนรักเก่า มองอย่างหยามเหยียด

เธอคงคิดว่าผมสิ้นท่า คว้าใครมาเป็นแฟนไม่ได้ เลยต้องกลายมาเป็นเกย์แน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งชังน้ำหน้าเดียร์ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ


“เพื่อนของเรียวหรือครับ”

เดียร์ถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขายังไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าผมเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว


“ผู้หญิงคนนั้นสวยดีนะครับ แต่แววตาร้ายๆยังไงไม่รู้ ทำท่าเชิด คอตั้ง จนผมนึกกลัวว่าคอเจ้าหล่อนจะเคล็ดเสียก่อน

แต่เพื่อนอีกคนของเรียวท่าทางดูใจดีจังเลย ผมว่าไม่ค่อยเหมาะสมกันสักเท่าไหร่ คู่นี้ท่าจะไปกันไม่ค่อยยืดนะ”



เด็กหนุ่มออกความเห็นพาดพิงไปถึงคนรักเก่าของผม สงสัยเดียร์คงจะไม่ค่อยชอบอรจิราเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะการวางตัวของอรจิรานั่นเอง

ที่ทำให้คนอื่นไม่ชื่นชมเธอสักเท่าไหร่ ทั้งที่ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาคนภายนอก คือ สวย และ อ่อนหวาน และเป็นคนเก่งในเรื่องการงานพอตัว

“เรื่องของเขา จะไปยุ่งทำไม”


ผมพูดกับเดียร์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดียร์ชะงัก มองหน้าผม ตอนนี้เขาคงเริ่มผิดสังเกตกับอากัปกิริยาของผมที่เปลี่ยนไป

เพราะเมื่อครู่ผมยังพูดคุยยิ้มแย้มกับเขาตอนเลือกซื้อข้าวของด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมกลับเคร่งเครียด จนแม้แต่ตัวผมเองยังรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่โกรธที่พุ่งพล่าน



เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรเลยหลังจากนั้น เขาเดินตามผมมาเงียบๆ ไม่ชวนคุย หรือเซ้าซี้ให้น่ารำคาญใจ

เขาคงรู้แล้วว่าผมกำลังอารมณ์ไม่ดี ก็เลยไม่อยากจะทำอะไรให้ผมโกรธมากยิ่งขึ้น



พอเราสองคนเดินผ่านตู้แช่ไอศกรีม เดียร์ก็หยุดยืนมอง ทำท่าละล้าละลัง ผมมองเขาอย่างนึกเคือง เจ้าเด็กนี่เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก

จะกินอะไรก็หยิบๆมาซะก็สิ้นเรื่อง มัวแต่รีรออยู่ได้ ผมขัดใจเลยถามเขาว่า จะเอาอะไร เขาก็บอกว่าอยากได้ไอศกรีม เพื่อเอาไว้กินหลังอาหารเย็น

ท่าทางเขาลังเลว่าควรจะหยิบหรือไม่หยิบดี ผมซึ่งกำลังหงุดหงิดอยู่แล้วเลยสั่งเขาเสียงห้วน ให้เลือกมาอย่างที่ต้องการ อย่าร่ำไร

เดียร์มองหน้าผมอย่างงงๆ เขาคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่เดียร์ก็ไม่พูดอะไร เขาปล่อยให้ผมงุ่นง่านอยู่คนเดียว โดยไม่พยายามจะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ใดๆทั้งสิ้น



หลังจากได้ไอศกรีม รสชาติที่ต้องการ เขาก็พาผมไปซื้อคุ้กกี้ที่จะใช้ทำพาย และ แยมบลูเบอรี่ รวมถึงอุปกรณ์ทำเค้กต่างๆ

เราใช้เวลากับการเลือกของทุกอย่างเกือบชั่วโมงครึ่ง ผมเดินจนขาล้าแล้ว เพราะวันนี้เดินทั้งวัน ทั้งซื้อมือถือ และ ซื้อกับข้าว

อยากกลับไปพักผ่อนอยู่กับบ้าน วันนี้วุ่นวายจนเกินพอแล้ว



แต่ดูเหมือนว่าวันอันเลวร้ายของผมยังไม่ยอมสิ้นสุดลงทีเดียว ขณะที่เดียร์กับผม เข็นรถที่ใส่ข้าวของที่ซื้อตุนไว้จนเพียบมายังรถที่จอดไว้

ก็ให้มีอันต้องไปจ๊ะเอ๋ กับผู้บริหารฝ่ายขายที่มีเรื่องมีราวกับผม เรื่องที่เขาขายประกันให้กับเกย์ในวงเงินสูงมาก แล้วผมไปตัดในเรื่องสุขภาพออก

เพราะเขาซื้อไว้เยอะแล้วจากบริษัทอื่น และเข้าข่ายมีความเสียงที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิตของเขา



ผู้บริหารคนนั้นเดินมาตามทางในที่จอดรถ กับผู้ชายอีกคนที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเกย์เหมือนกันกับเขา ทั้งคู่แสดงออกเหมือนกับเป็นคู่รักกัน

พอเห็นเราสองคน ผู้บริหารคนนั้นก็ทักทายผม และ หันหน้ามามองเดียร์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เหมือนสุนัขจิ้งจอกที่มองเห็นเหยื่อที่อ่อนแอกว่า

เขามองเราสองคนแล้วยิ้มแบบที่ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า เขาคิดว่าผมกับเดียร์ก็เป็นคู่เกย์เหมือนกัน รอยยิ้มนั้นมันทำให้ผมหน้าชาไปทั้งแถบ

มันดูเย้ยหยันพิกล ตอนที่กำลังจะลาจากกัน เขาเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วกระซิบเบาๆให้ได้ยินว่า ทีนี้ผมคงเข้าใจความรู้สึกของเขาแล้ว

และหวังว่าเคสที่กำลังมีปัญหากันอยู่ ผมจะช่วยอนุมัติให้มันผ่านไปด้วยดี จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วเดินจากไป
ผมขบกรามแน่น

อะไรมันจะซวยขนาดนี้นะ ทั้งคนรักเก่า และ ผู้บริหารที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผม ทำไมต้องพากันมาที่ห้างแห่งนี้ด้วย

อารมณ์ของผมพลุ่งพล่าน โกรธจัด จนพาลไปทั่ว นึกโทษเดียร์ที่ทำให้ผมตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ โกรธเขาที่ชวนผมมาซื้อของ

ทั้งที่ควรจะกลับบ้านไปได้แล้ว แถมซ้ำยังมาคอยอยู่ใกล้ให้คนเข้าใจผิดอีกด้วย



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #193 เมื่อ20-12-2008 21:21:36 »

พอเอาของใส่หลังรถจนหมด ผมก็ขึ้นมาขับรถ นั่งหน้าบึ้งหน้าตึงไปตลอดทาง ไม่พูดไม่จา

เดียร์เองก็ฉลาดพอที่ใช้ความเงียบเป็นเครื่องมือที่ทำให้อารมณ์ของผมค่อยๆสงบลง แต่วันนี้ผมหงุดหงิดจนเกินพอแล้ว

ผมไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายทำให้ผมอารมณ์เสียอีก ถึงแม้ว่าเดียร์จะนั่งอยู่เฉยๆ ผมก็ยังไม่หายโมโหเขาอยู่ดี ดังนั้นพอขับรถถึงบ้าน ผมก็ไล่เขาลง



“กลับไปซะ วันนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว”

ผมพูดโดยไม่มองหน้าเขา เดียร์ซึ่งนั่งเงียบมานาน ได้ฤกษ์ที่จะเปิดปากขึ้นมา


“ทำอย่างงี้ได้ไงล่ะ ก็ไหนบอกว่าจะทำอาหารเย็นกินกัน แล้วทำไมถึงกลับคำ ไล่ผมกลับบ้านอย่างนี้ ทั้งที่เราก็อุตส่าห์ไปเดินเลือกซื้อข้าวของกันมา”

“ไว้วันหลังแล้วกัน ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ และก็ไม่หิวด้วย”

น้ำเสียงของผมเย็นชา


“เป็นอะไรไปหรือครับเรียว โกรธใครมาเหรอ สองคนนั่นที่เราเจอในห้าง หรือ ว่าผู้ชายสองคนที่เราเจอเขาที่ลานจอดรถ”

เด็กหนุ่มพยายามหาสาเหตุของการอารมณ์ไม่ดีของผม แต่ผมพูดปดใส่เขา


“ไม่มีอะไร ไม่มีใครทำให้ฉันโกรธหรอก”

“โกหก พวกนั้นต้องทำให้คุณอารมณ์เสียแน่ๆ โกรธคนอื่น แล้วมาพาลผมทำไม ผมทำอะไรให้เรียวล่ะ แล้วทำไมต้องมาทำลายช่วงเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันไป

ไม่พอใจพวกเขาก็ไปแสดงต่อคนพวกนั้นสิ มาทำใส่ผมทำไม”



น้ำเสียงของเด็กหนุ่มมีแววตัดพ้อ คำพูดของเดียร์ทำให้ผมคิดได้ จริงสิ เขาไม่ได้ทำอะไรให้ผมสักหน่อย ทำไมผมต้องไปโกรธเขาด้วย

ถึงจะสงสัยตัวเองว่าโกรธเขาทำไม มันก็ไม่ช่วยให้ผมคลายความโกรธลง ผมยังคงโกรธอยู่

คล้ายๆกับว่าผมต้องการหาแพะสักตัวเพื่อมารองรับอารมณ์โกรธของผม และเขาช่างอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมจริงๆ


“ตกลงนายไม่กลับใช่ไหม”

ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ยังแสดงความโกรธอยู่ เด็กหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ


“ไม่กลับ วันนี้เป็นวันของผม ผมจะอยู่กับเรียว ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ตาม คุณจะโกรธ จะกราดเกรี้ยว จะโวยวาย จะหงุดหงิด ยังไงก็เชิญ

แต่ผมจะไม่ยอมให้วันของผมเสียไปเปล่าๆเพราะเรื่องแบบนี้แน่ ดังนั้น ผมจะไม่ไปจากบ้านคุณจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ”

น้ำเสียงที่ตอบกลับแสดงออกถึงความดื้อดึง จะทำในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าสมควร



“ก็ได้” ผมก้าวลงจากรถ และพูดเสียงค่อนข้างดังท้าทายเขา

“ยังไงนายก็จะไม่ไปใช่ไหม ไม่ว่าฉันจะโกรธ หรือโมโหอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ถ้าอยากจะให้ฉันเป็นปกติ

นายก็ช่วยฉันสิ เห็นบอกอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ ว่ายินดีทำทุกอย่างเพื่อฉัน งั้นมานี่เลยมาช่วยทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นเดี๋ยวนี้เลย”


ผมคว้าแขนเขากระชากให้เดินตาม เปิดประตูบ้าน และลากเขาเข้ามาข้างใน จากนั้นก็ปิดประตูลงกลอน

แล้วดึงแขนเดียร์พาไปที่ห้องรับแขก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ปลดเข็มขัดกางเกงออกจากกัน รูดซิบลง และชี้นิ้วสั่งเขา


“ถ้านายแน่จริงอย่างปากว่า ทำให้ฉันหายโกรธสิ ทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์ดีและผ่อนคลายมากขึ้น บางทีถ้านายทำดี ทำเก่ง ฉันอาจจะทบทวนเรื่องการรับนายเข้ามาในใจฉันก็ได้”



ความโกรธที่พุ่งพล่านจากการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามแท้ทีเดียว ที่ทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น เดียร์มีสีหน้าหม่นหมอง

แววตาที่เขามองผมเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำหน้าตาแบบนั้น แต่ความงุ่นง่านที่ถูกหยามเกียรติลูกผู้ชาย

ทำให้ผมโกรธจนขาดสติ ไม่นึกอะไรมากไปกว่าการทำอะไรก็ได้ที่จะประชดประชันตัวเองและคนทั้งโลก
อยากคิดว่าผมเป็นเกย์

อยากให้ผมชอบผู้ชายด้วยกันนักใช่ไหม ลองดูก็ได้ ดูสิว่าเดียร์จะเก่งขนาดไหน แน่พอที่จะทำให้ผมเปลี่ยนใจเดี๋ยวนี้ได้เลยหรือเปล่า

ในเมื่ออยากเห็นในสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นผมก็จะทำให้พวกเขาสมใจ



“ทำแบบนี้จะดีหรือครับ เรียวคิดว่าจะช่วยแก้อารมณ์โกรธที่คุกรุ่นในใจคุณได้เหรอ”

เด็กหนุ่มมองผมอย่างค้นคว้า ผมจ้องตอบ ความโกรธยังไม่จางลงจากใจ ยิ่งเห็นเขาพูดแบบนี้ ผมกลับยิ่งอยากท้าทาย


“ไม่กล้าใช่ไหม ความสามารถไม่พอล่ะสิ ทีหลังก็อย่ามาพูดว่ายินดีทำทุกอย่างเพื่อฉัน ทั้งที่นายก็ทำไม่ได้อย่างปากว่า”

“งั้นหรือครับ เรียวต้องการแบบนี้ใช่ไหม ได้เลยครับ ผมจะทำให้เรียวอย่างที่ต้องการ เกิดอะไรขึ้นมา อย่ามาโทษผมนะครับ เพราะเรียวเป็นฝ่ายเรียกร้องให้ผมทำเอง”



เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งระหว่างขาของผม เขาปลดกางเกงผมออกจากตัว รูดลงมาถึงข้อเท้า แล้วก้มหน้าลงไป เดียร์ใช้ปากและลิ้นสัมผัสอย่างแผ่วเบาที่น้องชายของผม

และใช้มือลูบไล้คลึงเคล้น ผมเอนตัวพิงพนักเบาะ และแอ่นสะโพกขึ้นเพื่อให้เขาได้อย่างเต็มที่ ปิดเปลือกตาลง เพื่อซ่อนความหงุดหงิด และความละอายไม่ให้เขาเห็น



ร่างกายส่วนนั้นของผมถูกเดียร์กลืนหายเข้าไปในปาก เขาหยอกล้อกับมันเป็นเวลานาน ดูเหมือนเขาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของผม

แต่ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์ เพราะน้องชายของผมกลับหลับใหลไม่ยอมรับรู้ถึงการกระตุ้นภายนอกที่เดียร์ทำอย่างต่อเนื่อง



ผมลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นเดียร์มองผมอยู่ก่อนแล้ว คิ้วของเขาขมวดมุ่น ท่าทางเริ่มหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าร่างกายของผมยังคงอ่อนปวกเปียก

ผมหัวเราะเยาะหยันเดียร์ออกมาดังๆ ก่อนจะพูดเสียงเย็นชาใส่เขา


“อ่อนหัด มีฝีมือแค่นี้เองน่ะเหรอ ไอ้หนูเอ๊ย”


มีสีแดงเรื่อเข้มขึ้นที่หน้าของเด็กหนุ่ม แม้ว่าเขาจะมีสีผิวออกน้ำตาลทอง แต่ผมก็สามารถมองเห็นได้ ดวงตาของเด็กหนุ่มดูกร้าวขึ้น

เขาก้มหน้าลงไปทำต่อ ลงมือและปากหนักขึ้น แต่นั้นก็ไม่ช่วยให้ผมเกิดอารมณ์แต่อย่างใด ดูเหมือนว่าเราทั้งคู่ต่างก็หงุดหงิด

อารมณ์ของผมยังคงขุ่นมัวจากสิ่งที่เจอ ส่วนเดียร์คงนึกโกรธที่เขาไม่สามารถทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้เหมือนเดิม



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #194 เมื่อ20-12-2008 21:22:31 »


“ทำไมวันนี้ถึงไม่มีอารมณ์เหมือนครั้งก่อนๆนะ”


เขาถอนริมฝีปากออกจากน้องชายผม พึมพำเบาๆอย่างไม่เข้าใจ ผมมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มองจ้องผมด้วยแววตาที่บอกอารมณ์หลากหลาย

แล้วเกิดตัวสั่นระริกขึ้นมา ไม่ใช่จากอารมณ์ปรารถนา แต่จากความพยายามจะดับโทสะของตัวเองลง เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันบ้ามาก

ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมโกรธคนเดียวไม่พอ แต่กลับลากคนอื่นให้มาอารมณ์เสียแบบเดียวกับตัวเองด้วย

โดยเฉพาะกับเด็กหนุ่มคนนี้ คนที่พยายามที่จะทำดีกับผมทุกอย่าง นี่ผมเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วทำไมถึงต้องไปลงเอากับเดียร์ด้วย



อันที่จริงมันไม่เกี่ยวกับเด็กหนุ่มนี่โดยตรงหรอก แค่ผมรู้สึกว่าตนเองเป็นไอ้ขี้แพ้ ที่ถูกแฟนเก่าเยาะเย้ยด้วยสีหน้าและแววตา ก็เลยเกิดโมโหขึ้นมา

แถมซ้ำยังมาเจอผู้บริหารที่เป็นคู่ปากคู่ปรับกับผมอีก คำพูดถากถางของเขาทำให้ผมไม่พอใจ เขาเห็นว่าผมเป็นพวกเดียวกับเขาไปแล้ว

และกำลังพยายามใช้สิ่งที่เขาเข้าใจไปเองมาต่อรองเพื่องานของตน ซึ่งผมคิดว่ามันออกจะเกินไปหน่อย แล้ว
ส่วนที่ผมโกรธเดียร์อาจจะเป็นเพราะเขาไม่พูดอะไรเลยต่างหาก


ผมอยากได้ยินคำพูดปลอบประโลมจากปากใครสักคน คำพูดที่ทำให้ผมมีกำลังใจและเข้มแข็งขึ้น สามารถที่จะยืนหยัดกับสิ่งที่ผมเห็นว่าถูกต้อง

ตามปกติเด็กนี่จะพูดคุยอยู่ตลอดเวลา แต่คราวนี้กลับเอาแต่เงียบ ซึ่งมันอาจจะเป็นความผิดของผมด้วยส่วนหนึ่งที่หน้าบึ้ง และอารมณ์เสียจนเขาไม่กล้าเข้าหน้า



“เด็กโง่เอ๊ย” ผมว่าเขา

“เวลาที่หงุดหงิดไม่สบายใจ ต่อให้พยายามอย่างไร มันก็ไม่มีอารมณ์หรอก นายนี่มันอ่อนหัดอย่างที่ฉันว่าจริง”

ผมดึงตัวเขาขึ้นมาจากส่วนล่างของร่างกายผม แล้วกอดเขาไว้ แค่นี้ก็พอแล้ว ผมรับรู้ถึงความพยายามที่เขาจะทำให้ผมรู้สึกดีแล้ว ไม่ต้องทำไปมากกว่านี้หรอก



“ขอโทษนะ ที่หงุดหงิดใส่ ฉันมันบ้าไปเองแหละ”


เดียร์กอดตอบผมอย่างแนบแน่น เขายังคงไม่พูดอะไรเช่นเคย แต่ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากตัวเขามาสู่ตัวผม มันบอกอะไรได้มากมาย

หัวใจของผมแนบกับอกด้านขวาของเขา และหัวใจของเขาแนบอยู่ที่หน้าอกด้านขวาของผมเช่นกัน มันเต้นระรัวในตอนแรก แล้วค่อยๆเต้นช้าลงสู่ระดับปกติ

เด็กหนุ่มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



“เรียวครับ คราวต่อไป อย่าโมโหแล้วทำแบบนี้อีกนะ ผมน่ะชอบอยู่หรอกที่ได้ทำกับเรียว แต่ถ้าทำเพราะเรียวต้องการประชด

ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกที่อยากจะทำจริงๆ ผมก็ไม่เห็นด้วยนะครับ ทำแบบนี้ไม่ดีกับทั้งตัวเอง แล้วก็ยังทำร้ายคนอื่นด้วย

ผมน่ะเข้าใจเรียวครับว่าเรียวคงโกรธคนพวกนั้น ก็เลยมาระบายกับผม ซึ่งผมก็ยินดีถ้าหากมันจะช่วยทำให้คุณดีขึ้น

ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เรียวหงุดหงิดได้ขนาดนั้น แล้วผมก็ไม่อยากจะรู้ด้วย แต่อยากจะขอร้องให้เรียวลืมมันไปเสียเถอะนะครับ

อย่าได้เก็บมาคิดอีกเลย มันจะทำให้คุณไม่สบายใจเปล่าๆ”
ผมกอดเขาแน่นเข้า รู้สึกขอบคุณเด็กหนุ่ม คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเขา ทำให้อารมณ์ของผมแช่มชื่นขึ้น มันมีความรักและหวังดีปนอยู่ในคำกล่าวเหล่านั้นของเขา


“ไปทำกับข้าวกันเถอะ เห็นบอกว่า วันนี้จะทำมักกะโรนีผัดผงกะหรี่ให้ฉันกินนี่ ทำให้อร่อยๆนะ จะเตรียมท้องรอ”



ผมคลายมือออกจากการกอดรัดเดียร์ ดันตัวเด็กหนุ่มออกจากตัว แล้วจัดการสวมกางเกงที่ถูกเดียร์ปลดออกไปกองที่ข้อเท้า

ยิ้มให้เขาก่อนที่จะลุกขึ้น เดียร์ยิ้มตอบ เราต่างคนต่างมองหน้ากัน มีความเข้าอกเข้าใจเกิดขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมา


ใบหน้าอ่อนเยาว์กลับมาสดชื่นตามปกติ เขาเดินตามผมเข้าไปในครัวติดๆ


เราสองคนช่วยกันทำอาหารมื้อเย็น และนั่งกินด้วยกันเงียบๆ เดียร์ไม่ชวนคุยเหมือนเดิม แต่คอยยิ้มให้กำลังใจผมตลอดเวลา

ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะผมยังรู้สึกละอายกับสิ่งที่ทำเมื่อตอนบ่ายอยู่เลยไม่อยากจะพูดอะไรมาก เดี๋ยวอารมณ์ที่สงบลงแล้วจะคุกรุ่นขึ้นมาอีก



หลังอาหารมื้อนั้น ผมช่วยเขาล้างจานเสร็จ ก็ขอตัวขึ้นนอนเลย เด็กหนุ่มไม่ได้ร้องงอแง ขอให้ผมกอดเขาเหมือนเคย

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดี ว่าในยามนี้ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวจะดีที่สุด ผมเอาผ้าห่มนวมกับหมอนลงมาให้เขา แล้วก็กลับเข้าห้อง

ตั้งใจว่าจะหลับแต่หัวค่ำ พักผ่อนสักหน่อย น่าจะทำให้ผมตื่นมาด้วยสมองที่ปลอดโปร่ง แต่หลังจากที่พลิกซ้ายพลิกขวา พยายามข่มตาให้หลับอยู่เกือบชั่วโมงก็ไม่เป็นผล

ผมเลยลุกขึ้น แล้วออกจากห้อง เดินลงไปข้างล่างเพื่อหาอะไรมากินแก้เซ็งแล้วไปนั่งดูทีวีระหว่างรอให้ตัวเองง่วง

ผมไม่อยากพึ่งยานอนหลับ แล้วก็ไม่คิดว่าการกินอะไรก่อนนอน จะช่วยให้ผมหลับสบายขึ้น แต่เนื่องจากผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ดีกว่านี้

จึงเลือกที่จะดูทีวีกับกินของว่างเป็นคำตอบสุดท้าย



ตอนที่ผมเดินลงมาผมไม่ได้มองไปที่ห้องรับแขกที่เดียร์นอนอยู่ แต่ตอนเดินกลับออกมาจากห้องครัว ผมสังเกตว่าท่ามกลางความมืดสลัว

มีแสงสว่างลอดออกมาจากเครื่องรับทีวีที่อยู่ในห้องรับแขก เจ้าเด็กบ้านั่น นอนหลับโดยลืมปิดทีวีหรือเปล่านะ
ผมเดินตรงมาที่โซฟาที่เดียร์ใช้อาศัยเป็นที่นอน

ปรากฏว่าเด็กหนุ่มไม่ได้หลับอย่างที่ผมเข้าใจ เขากลับนั่งชันเข่าอยู่บนพื้นห้อง โดยเอาหลังพิงกับด้านหน้าของโซฟา ตาจ้องเป๋งไปที่ภาพบนจอที่วี

ในขณะที่มือจดอะไรบางอย่างลงไปในสมุดบันทึกเล่มเล็กที่เขามักจะพกติดตัวไปด้วยเสมอๆ ท่าทางตั้งอกตั้งใจมากกับสิ่งที่ตนเองทำ

ผมอดอมยิ้มไม่ได้ พลางนึกสงสัยว่าดึกแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ยังมัวมาทำอะไรอยู่หน้าจอทีวีหนอ กำลังเรียนหนังสือจากสื่อการเรียนประเภทวิดีโอหรือเปล่า

หรือว่า เป็นโปรแกรมเรียนภาษาอย่างที่เขาบอกว่าเขากำลังเรียนอยู่ ความสนใจใคร่รู้ทำให้ผมนั่งลงบนโซฟา ใกล้ๆกับที่เขานั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงอันดัง


“ทำอะไรอยู่น่ะ เรียนหนังสืออยู่เหรอ”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #195 เมื่อ20-12-2008 21:23:35 »


เดียร์สะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงผม เขาหันมามอง ท่าทางตกใจมาก


“เรียว ทำไมยังไม่นอนอีกครับ”

“นอนไม่หลับ อาจจะหงุดหงิดจนเกินกว่าที่จะนอนได้มั้ง”

ผมบอกเขายิ้มๆ อันที่จริงผมหายโกรธกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันแล้ว แต่อยากแหย่เขา


“อื้อ อย่าเก็บเรื่องไม่สบายใจเก็บไว้กับตัวนานๆนะครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพกาย และใจของเรียวอ่ะ”


น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแฝงไว้ด้วยความกังวลใจ เขาคงคิดว่าผมยังไม่หายโกรธจริงๆ ความห่วงใยที่เขามีต่อผม ทำให้ผมอดที่จะรู้สึกดีกับเขาไม่ได้ ผมยิ้มให้เด็กหนุ่ม


“ฉันรู้น่า มันไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ ฉันแค่หงุดหงิดกับเรื่องบางเรื่องเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้หายแล้ว เออ แล้วนายทำอะไรอยู่เหรอ เห็นกำลังจดยิกๆเลย ภาษาอังกฤษเหรอ”



ผมถามเด็กหนุ่ม เดียร์หลบตาผม พูดอ้ำๆอึ้งไม่เต็มเสียง ว่ากำลังศึกษาข้อมูลอยู่ ผมยิ้มให้เขาอย่างนึกเอ็นดู

เสียงโทรทัศน์ดังมาให้ได้ยินแว่วๆ เป็นคำสนทนาภาษาอังกฤษ มีคำบางคำที่ผ่านเข้ามาแล้วสะกิดใจผม ทำให้ผมต้องหันไปมองภาพบนจอโทรทัศน์ที่กำลังเปิดอยู่

แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นสิ่งที่เดียร์บอกว่ากำลังศึกษาอยู่



ภาพที่เคลื่อนไหวบนจอ เป็นภาพของฝรั่ง ชายหนุ่มสองคน กำลังพูดคุยกัน ออกไปในทางที่ส่อไปถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กัน

จากนั้นหนุ่มทั้งสองก็โผเข้ากอดรัดกันด้วยอารมณ์ที่รุนแรง ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงจนล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ ทั้งคู่จูบกันอย่างหื่นกระหาย

ลูบไล้คลึงเคล้ากันอย่างเมามัน จากนั้นหนุ่มคนที่อยู่ด้านบน ก็เลื่อนตัวลงมาที่กลางลำตัวของอีกคนหนึ่ง แล้วปลดกางเกงลง

จากนั้นก็จัดการกับร่างกายส่วนนั้นของหนุ่มที่นอนอยุ่บนเตียง



ใบหน้าของผมร้อนวูบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มีความรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังตื่นตัวขึ้น ผมตกตะลึงเมื่อสำเหนียกได้ว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นเพราะผมได้บังเอิญเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น นั่นคือ การมีเซ็กส์กันระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย ภาพบางอย่างมันช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน

โดยเฉพาะตอนที่หนุ่มคนแรกกำลังใช้ปากทำโอษฐกามให้กับคู่ของตน พลันผมก็นึกถึงสิ่งที่เดียร์ทำกับน้องชายของผมขึ้นมา

ผมหันไปมองเดียร์ทันที ก็เห็นเดียร์จ้องมองผมด้วยดวงตาแวววาวอยุ่ก่อนแล้ว


เขายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับผม ตามองต่ำลงไปที่กางเกงนอนซึ่งน้องชายของผมกำลังพองตัวดันขึ้นมา ผมตัดสินใจลุกขึ้น

แต่ก็ช้าไปกว่าเดียร์ เด็กหนุ่มคว้าข้อมือของผมเอาไว้ แล้วฉุดให้นั่งลงอีกครั้ง ก่อนที่จะพลิกตัวมาแทรกอยู่ตรงหว่างขาของผม


“เรียวมีอารมณ์แล้วเหรอครับ ผมช่วยปลดเปลื้องให้นะ”

“ไม่”


ผมปฏิเสธ ขยับตัวจะลุกหนี แต่เดียร์ใช้สองมือโอบเอวผมไว้ แล้วแนบหน้ามาซบอยู่ตรงหว่างขาของผม เขาแตะริมฝีปากเบาๆลงไปตรงส่วนที่โป่งพองนั้น

“ให้ผมทำนะ แก้ตัวจากเมื่อตอนกลางวันที่ผมทำพลาด”

“ขอโทษนะ กับเรื่องเมื่อกลางวัน ฉันกำลังโกรธ เลยท้าทายออกไปน่ะ”

“ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ผมแค่อยากจะทำให้เรียวได้รู้ว่า ผมไม่ใช่ไอ้เด็กอ่อนหัดอย่างที่คุณเข้าใจ ผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้คนเห็น ว่าผมทำให้คุณมีความสุขได้จริง”



เด็กหนุ่มเอามือข้างหนึ่งมาเขียนรูปหัวใจขยุกขยิกลงไปบนน้องชายของผมหลายดวง


“นะครับ ผมอยากลองอีกครั้ง ว่าที่ผมทำไม่สำเร็จ เป็นเพราะว่าคุณโกรธจนไม่มีอารมณ์ หรือ เป็นเพราะว่าผมมันไร้ฝีมือจริงๆ

ถ้าผมทำให้คุณมีความสุขไม่ได้ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอีกต่อไป ขอลองดูแค่ครั้งนี้นะครับ”



เขาเป่าลมหายออกจากปากรินรดน้องชายของผม จนอุ่นวาบ ดูเหมือนยิ่งไปเร่งให้เรียวน้องคึกคักขึ้นมาอีก ผมเบือนหน้าหนีเขา

แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ภาพบนจอก็ตามมาหลอกหลอน จนผมต้องหันกลับมามองเขาอีกครั้ง เดียร์มองผมด้วยดวงตาอ้อนวอน จนผมเกิดความสับสนในใจ


อะไรบางอย่างสั่งให้ผมพยักหน้าให้เขา ไม่ใช่เพราะคำพูดที่ว่า เขาจะไม่ทำอีกต่อไป หากทำไม่สำเร็จ แต่มันอาจจะเกิดเพราะอารมณ์ปรารถนาที่กำลังก่อตัวขึ้น

เดียร์ยิ้มให้ผมอย่างพึงพอใจ เขารูดกางเกงนอนของผมลงไปกองที่ข้อเท้า และก้มหน้าลงมาหยอกล้อน้องชายของผม ที่คึกคักเต็มไม้เต็มมือของเขา



ผมแหงนหงายใบหน้าพิงกับพนักเบาะ ก้นลอยแทบไม่ติดพื้น รู้สึกเกร็งไปหมดด้วยความซ่านสยิว เดียร์ใช้สองมือช้อนสะโพกของผมไว้ และบีบเคล้นไปมา

ลิ้นของเขาพลิกพลิ้ว เด็กหนุ่มลากลิ้นไปทั่วลำตัวน้องชายของผม และเลื่อนต่ำมาตรงก้นกบ เขาฉกลิ้นแลบเลียลงไปตรงปากช่องทางนั้น

ผมสะดุ้งเฮือก ผงกศีรษะขึ้น ก็เห็นเดียร์ส่งยิ้มตาหวานฉ่ำมาให้ ผมกดศีรษะของเขาลงมาที่ท้องน้อยของผมมากขึ้น แล้วเด้งเอวสวนขึ้นไป

ความปรารถนาที่ต้องการได้รับการปลดเปลื้องอารมณ์มีอยู่ท่วมท้น ผมถึงกับครางกระเส่า ไม่เป็นภาษา เมื่อเดียร์ดูดเน้นน้องชายของผมแรงๆสองสามครั้ง

ในเวลาไม่นาน ผมก็บรรลุถึงจุดหฤหรรษ์จนทะลักทลายความสุขออกเต็มปากเด็กหนุ่ม



“ในที่สุดผมก็กู้ศักดิ์ศรีของผมคืนมาจนได้ ทีนี้ก็ยอมรับได้แล้วนะครับว่าผมสามารถทำให้เรียวมีความสุขได้จริงๆ”


ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มยั่ว ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ผมยิ้มด้วยจำนนต่อความเป็นจริง เด็กหนุ่มคนนี้ สามารถปลุกเร้าอารมณ์ผมให้เตลิดเพริดไปกับความสุขทางเพศรสที่เขามอบให้

ผมยอมรับอย่างไม่ละอายว่า ผมถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่เด็กหนุ่มใช้ปากให้กับผม ต่างจากที่ผมเคยถูกทำโดยแฟนสาวและผู้หญิงคนอื่นๆ

พวกเธอไม่เคยทำให้ผมรู้สึกซาบซ่านวาบหวิวแบบที่เดียร์ทำให้ผมมาก่อนเลย


“คราวหลังเรียกใช้บริการผมอีกได้นะครับ”


เดียร์ทำเป็นยืดอกด้วยความภาคภูมิใจตนเอง ผมอดที่จะหมั่นไส้เด็กหนุ่มไม่ได้ เจ้าเด็กบ้านี่ ทำเป็นทะเล้นอีกแล้ว

แต่ก็เพราะว่าความหน้าเป็น ทะเล้น ทะลึ่งของเขามิใช่หรือที่ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีไปด้วย



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #196 เมื่อ20-12-2008 21:24:32 »


“น่าจะทำเป็นอาชีพเสริมนะ ท่าทางภูมิใจในฝีมือตัวเองเหลือเกิน”


เด็กหนุ่มละมือจากกางเกงนอนที่สวมใส่ให้ผมตามเดิม ทำตาโตใส่ผม เมื่อได้ยินคำค่อนขอดนั้น เขาโต้ตอบผมด้วยการย้อนถามน้ำเสียงทะเล้นทะลึ่งว่า


“หรือว่าเรียวไม่เห็นด้วยล่ะครับ”

“แล้วไอ้ที่เปิดดูหนังโป๊ แล้วมานั่งจดน่ะ มันคืออะไรล่ะ จดข้อมูลเกี่ยวกับอะไรเหรอ วิธีการมีเซ็กส์หรือไง ถ้ามั่นใจแล้วทำไมต้องจดด้วย”


ผมถามเขาจี้ใจดำ เด็กหนุ่มทำท่าอายๆ



“ก็เมื่อตอนบ่ายอ่ะ เรียวทำเอาผมสูญเสียความมั่นใจไปมากเลย ที่เรียวไม่เกิดอารมณ์ ผมก็เลยคิดว่า ผมอาจจะมือตก หรือว่า ทำเทคนิคอะไรผิดพลาดไป

ก็เลยมาเปิดหนังโป๊ดู เพื่อศึกษาข้อมูลดูอ่ะครับ ว่าผมได้หลงลืมอะไรที่สำคัญไปหรือเปล่า กะว่าจะดูเงียบๆคนเดียว

ไม่คิดว่า เรียวจะลงมาเจอ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะพอเรียวได้ดูเรียวก็เกิดอารมณ์ขึ้นมา มันทำให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองให้หายสงสัยเสียที

คราวนี้ผมรู้แล้ว ว่าผมเก่งพอตัวเลยล่ะ ไม่งั้นคงทำให้เรียวมีความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้หรอก”



เขาทำท่าปลาบปลื้ม ผมเลยได้ทีที่จะแหย่เขาเรื่องที่เขาไม่สามารถทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้


“แต่เมื่อกลางวันน่ะไม่ได้เรื่องเลยนะ”

“แหม ก็ตอนนั้นอ่ะเรียวโกรธอยู่เลยไม่มีอารมณ์นี่”


เขาแย้งเสียงหลง ผมยักไหล่


“นั่นแหละ ถ้ามีฝีมือจริงๆ ต่อให้ฉันอารมณ์เสียแค่ไหน ถ้านายเก่งจริงตามปากว่า ก็คงสามารถทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มอารมณ์ดีขึ้นมาได้”


เด็กหนุ่มหรี่ตามองผมอย่างประเมินสถานการณ์ แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นหน้าระรื่นขึ้นมาทันที


“เอ๊ะ ที่พูดนี่หมายความว่าไงหรือครับ เป็นการพูดเปิดทางให้ผมหรือเปล่า ว่าสามารถทำกับเรียวได้ทุกสภาวะอารมณ์ ช่วยยืนยันอีกทีสิ ว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง”

“โรคคิดไปเองฝ่ายเดียว กำเริบอีกแล้วล่ะสิ งั้นเชิญอยู่กับตัวเองไปแล้วกัน ฉันไปล่ะ”


ผมลุกขึ้น ไม่อยากอยู่คุยต่อ เพราะคุยทีไรเข้าตัวเองทุกที


“หนีความรู้สึกตัวเองอยู่เรื่อยเลย เรียวน่ะ ชอบหลอกตัวเองอยู่ได้ ทำไมไม่ยอมรับกับตัวเองบ้างล่ะครับว่าตัวเองน่ะเหงามากๆ”


เด็กหนุ่มลุกตาม แล้วพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“ใครกัน ฉันไม่เคยเหงาเลยสักครั้ง”

“แต่ตาเศร้าๆของเรียวมันฟ้อง มันคอยจะบอกผมว่า เรียวอยากมีใครสักคนมาอยู่ด้วย ผมถึงอาสาไงครับ อยากอยู่ข้างๆเรียวไปตลอดไปนะครับ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้”


ผมปฏิเสธเด็กหนุ่ม ด้วยไม่เคยที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่เขาว่า

“คงจะนานมากสินะครับ กับการที่ไม่มีใครเลย”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันด้วยล่ะ อยู่ๆก็พูดแบบนี้ นายกำลังจะบอกอะไรฉันเหรอ”

“เรียวน่ะ ไม่มีใครอยู่ด้วยนานมาก จนทำให้ลืมวิธีที่จะอ้อนคนอื่นไปแล้วใช่ไหมครับ อ้อนแบบคนรักเวลาที่อยู่ด้วยกัน

ก่อนหน้านั้นเรียวอาจจะไม่มีใครเลย แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่เพื่อเรียว จะเป็นไรไปล่ะครับ ถ้าจะลองเริ่มต้นใหม่

ผมยินดีที่จะเป็นตัวทดลองให้เรียวได้ทดสอบการอ้อนคนอีกครั้ง โดยไม่คิดค่าเสียเวลาเลยครับ”



น้ำเสียงออดอ้อน แต่แฝงไปด้วยความห่วงใย กับสีหน้าและแววตาที่จริงใจของเขา มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาอีกแล้ว

ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่อาจจะทำใจยอมรับในสิ่งที่เขาพูดได้ ผมไม่ได้เหงามากขนาดนั้นหรอก ผมยังอยู่คนเดียวได้

แล้วทำไมผมจะต้องไปอ้อนเจ้าเด็กนี่ด้วย พิลึกจริงเชียว ให้ผู้ชายต่อผู้ชายมาอ้อนกันนี่นะ เป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง


“บ้า”

“นะครับ ลองอ้อนผมดู ขอร้องผม ในสิ่งที่เรียวอยากได้ แล้วผมจะให้ในสิ่งที่เรียวต้องการ”

“งั้นฉันต้องการให้นายไปนอนได้แล้ว อย่าหมกมุ่นกับเรื่องทางเพศให้มันมากนักนะ เป็นเด็กเป็นเล็ก หนังสือหนังหายังต้องเรียน

ยังต้องมีอนาคตอีกไกล มัวแต่ใส่ใจอยู่กับเรื่องรักๆใคร่ๆอยู่ได้ เดี๋ยวเรียนไม่จบจะรู้สึกหรอก นี่ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”


“อ๊า ใช้ไม่ได้เลย นี่ไม่ใช่วิธีการอ้อน มันเป็นการออกคำสั่งกัน เรียวลองใหม่อีกทีสิครับ พูดแบบนี้ก็ได้……

เดียร์จ๋า ดึกแล้วนะคนดี ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว เป็นห่วงรู้มั๊ย……พูดแบบนี้อ่ะครับ เป็นไหม”



เด็กหนุ่มทำเสียงอ่อนเสียงหวานสอนให้ผมพูดตาม ผมอดหัวเราะไม่ได้


“ใครจะไปพูดแบบนั้น เจ้าเด็กบ้า ฟังแล้วอยากจะอ้วกมากกว่า ไม่เห็นว่ามันจะดูซาบซึ้งตรงไหนเลย”

“โห เรียวลองพูดดูสิ ผมชอบนะ หวานๆซึ้งๆ เวลาพูดให้กัน ไม่ใช่คำพูดห้วนๆแบบที่เรียวพูดกับผมบ่อยๆ ผม

ชอบฟังถ้อยคำแสดงความห่วงใย แล้วก็ชอบพูดด้วย ถ้าเป็นผมนะ ผมจะพูดกับเรียวแบบนั้นแหละ”


“ไม่เอาหรอก ฟังเองยังรู้สึกตลกเลย ถ้าให้พูดคงทำให้คลื่นไส้แน่”

“ใจร้าย ไม่โรแมนติกเลย เรียวนี่ แต่ผมไม่ละความพยายามหรอก ผมต้องทำให้เรียวพูดหวานๆให้ได้ คอยดูต่อ
ไปสิ”


เด็กหนุ่มบอกอย่างมาดมั่น

“ไม่มีทางหรอก เชิญฝันต่อไปเถอะ”


ผมบอกเขา ไม่คิดว่าจะมีวันนั้นสำหรับตัวเอง วันที่ต้องพูดจาหวานแหววกับผู้ชายด้วยกัน


“เรียวครับ ดึกแล้วนะครับ ไปนอนได้แล้ว พักผ่อนเยอะๆนะ แล้วฝันถึงผมด้วยล่ะ ผมจะคอยดูแลคุณแม้กระทั่งในความฝัน

จะช่วยทำให้คุณได้รับความสะดวกสบายเต็มที่เลย ผมรักและห่วงใยคุณมากเลยนะครับยอดรักของผม”



เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมนึกขำในใจที่เดียร์เอ่ยปากให้ผมไปนอน ทั้งๆที่ผมเป็นเจ้าของบ้านนี้ แล้วก็เป็นผู้ใหญ่กว่า

แถมซ้ำผมยังไล่ให้เขาไปนอนก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายพูดคำนั้นกับผมอีกด้วย อีกทั้งคำพูดของเขาก็ดูตลก ดูเชย ยังกับลิเกแน่ะ


“งั้นฉันไปนอนแล้วนะ นายก็ปิดโทรทัศน์แล้วก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์ เดี๋ยวก็ไปสายอีก
หรอก”


เด็กหนุ่มมองผม ยังไม่ยอมขยับตัว ผมมองหน้าเขางงๆ


“ไม่กอดและจูบราตรีสวัสดิ์เหรอ รออยู่นะ”


ในที่สุดเด็กหนุ่มก็พูดสิ่งที่ต้องการออกมา ผมยืนนิ่ง ชั่งใจว่าจะให้ตามที่เขาขอหรือไม่ แต่พอสบตาที่มองมา
อย่างมีความหวัง

ผมก็ใจอ่อน ดึงตัวเขามากอดเร็วๆ แล้วก็ผลักออก เดียร์กะพริบตาปริบๆ จ้องผมอย่างงงๆ


“อะไรเนี่ย กอดแค่นี้เองเหรอ”

“พอแล้ว ให้ได้แค่นี้ อย่าหวังอะไรให้ไกลเกินตัวนักเลย”

“ใจร้าย ไม่น่ารักเลย”

“ช่วยไม่ได้ ไม่ได้ให้มารักด้วย รู้ว่าฉันไม่ดีพอ ก็ตัดใจซะเถอะ”


ผมยักไหล่ ทำเป็นไม่ใส่ใจกับท่าทีงอแง แบบเด็กๆนั่น เดียร์สั่นหัวไปมา


“ไม่มีวัน ไม่ยอมแพ้หรอก วันหนึ่งข้างหน้า คุณจะรักผมหมดใจ แล้วยอมกอด จูบผมด้วยตัวเอง และจะอ้อนพร้อมกับพูดคำหวานหูกับผมด้วย”


เขาประกาศก้อง ผมเบะปากยักไหล่ ไม่เชื่อว่าจะมีวันนั้น พลางหันหลังเดินกลับขึ้นห้องนอนของตัวเอง



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #197 เมื่อ20-12-2008 21:32:39 »

เช็อะ อิจฉาตาเรียว  :man1:

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #198 เมื่อ20-12-2008 23:00:35 »

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

เค้าโกรธไต๋แล้ว ฮือ ๆๆๆ

อ่านไม่ทันซักที  โพสมาเยอะแยะไปหมดเลย

(เอ๊ะน้อยไปก็บ่น  เยอะไปก็บ่น  :beat: :beat: :beat:)

แต่ยังไงก็ยังจะอ่านต่อไป

สุขี สุขี  :m1: :m1: :m1:

 :pig4:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #199 เมื่อ21-12-2008 14:07:59 »

โอ๋ไม่โกรธนะAsahi โพสวันละตอนไง :z1:

บทที่ 16



วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไปๆมาๆผมก็คบกันเป็นแฟนกับเดียร์ได้สามอาทิตย์แล้ว เป็นสามอาทิตย์ที่ชุลมุนวุ่นวายพอสมควร

ผมต้องปรับตัวปรับใจให้เข้ากับความเคยชินใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นตื่นขึ้นมาก็มีหนังสือพิมพ์และอาหารเช้ามาห้อยไว้ตรงประตูรั้วทุกวัน

ยกเว้นวันอาทิตย์ที่เดียร์จะมาหาผม พร้อมทำอาหารให้ทาน นอกจากนี้เดียร์ยังโทรศัพท์มาหาวันละ สองถึงสามครั้ง ตามเวลาอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน

เรื่องที่พูดคุยส่วนใหญ่ ก็จะเป็นในลักษณะให้ผมทำโน่น ทำนี่เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพตนเอง คำพูดขอร้อง กึ่งสั่งการให้ผมทานข้าว เยอะๆ พักผ่อนให้มากๆ

อย่านอนดึก ดื่มน้ำบ่อยๆ เป็นสิ่งที่ผมได้ยินประจำตลอดสามสัปดาห์นี้


ไหนจะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งเดียร์คอยนัวเนียเอาอกเอาใจทำกับข้าว กับปลาให้ผม ล้างถ้วยชาม ทำความสะอาดบ้านช่องให้

ผมต้องแย่งเด็กหนุ่มทำแทบทุกครั้ง เพราะไม่อยากเอาเปรียบเขา ตามปกติ เวลาที่ผมอยู่บ้านคนเดียว ผมจะค่อยๆทำไปเรื่อยๆ

ไม่ได้ซีเรียสว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะถึงอย่างไรผมก็สามารถทำได้อย่างเรียบร้อยภายใน 1 วัน แต่เมื่อมีเดียร์มาช่วยทำนั่นทำนี่

ก็เลยทำให้งานมันเสร็จได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผมสบายอย่างบอกไม่ถูก


และที่ทำจนเป็นประจำ ทุกครั้งที่เจอกันคือก่อนนอนทุกคืน เจ้าเด็กบ้านั่น จะเรียกร้องให้ผมกอดหรือจูบเขา ถ้าไม่ได้ ก็จะงอนไม่ยอมนอน

แรกๆผมก็รำคาญที่เจ้าเด็กนี่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่รู้จักโต พยายามที่จะไม่สนใจคำขอของเขา แต่เมื่อนึกถึงสิ่งดีๆที่เขาทำให้ ผมก็ใจแข็งไม่ลง

กอดตอบเขาบ้างโดยนึกเอาว่ากำลังกอดน้องชายคนหนึ่ง



ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยพอใจนักที่ผมกอดอย่างไร้อารมณ์ ทว่าเด็กหนุ่มก็บังคับผมไปมากกว่านี้ไม่ได้ เขาจำต้องยอมรับเท่าที่ผมหยิบยื่นให้

พร้อมทั้งประกาศว่าเขาจะทำให้ผมรักเขา เห็นความสำคัญกับเขาให้ได้ในวันหนึ่งทุกครั้ง ซึ่งผมก็ทำเป็นเฉยกับเป้าหมายที่ลั่นวาจาไว้นั้น

ไม่อยากสนับสนุนให้กำลังใจ หรือด่าทอให้ห่อเหี่ยว การเงียบเฉยของผมดูเหมือนจะเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงได้ดีที่สุด



ในขณะที่ผมวุ่นวายอยู่กับการปรับตัวให้เคยชินกับการกวนใจของเดียร์ งานที่ผมทำอยู่ก็ทวีความหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ

เคสที่ส่งเข้ามาใหญ่ขึ้นและยากต่อการพิจารณามากกว่าเดิม เนื่องจากตัวแทนเร่งทำยอดให้มาก จึงขายประกันในวงเงินสูงๆ

ซึ่งคนที่จะมีเงินขนาดนั้น ก็เป็นพวกคนร่ำรวย อายุมากๆ ที่ทำแต่งานไม่ค่อยสนใจเรื่องการออกกำลังกายหรือการดูแลตัวเอง

แถมบางคนยังเสี่ยงภัยจากโรคด้วย ผมได้รับโทรศัพท์ไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน จนต้องโอนสายไปให้เลขารับเรื่องแทน

ทั้งผู้บริหารและตัวแทนที่ผมปฏิเสธเคสของเขา หรือลดวงเงินลูกค้า พากันโทรมาด่า หาว่าผมตัดหนทางพวกเขา

บางคนด่าหยาบคาย บางคนขู่จะฟ้องหัวหน้าของผม แม้ว่าผมจะพยายามอธิบายโดยยกเหตุผลต่างๆมาอ้าง พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง

แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่หวั่นไหว ยังคงเดินหน้าทำงานบนความถูกต้องตลอดเวลา จะมีอนุโลมบ้าง ถ้ามันไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก

แต่ถ้ามันเหลือบ่ากว่าแรงผมก็ยินดีที่จะปะทะฝ่ายขายเหล่านั้น ดีกว่าปล่อยให้การประกันชีวิตกลายเป็นเรื่องพนันขันต่อ โดยมีชีวิตคนเป็นเดิมพัน

ตลอดทั้งอาทิตย์ผมเครียดอยู่กับงาน แถมยังถูกกดดันจากฝ่ายขาย และเจ้านาย ถึงแม้ว่าผมจะยืนอยู่บนความบริสุทธิ์ยุติธรรม

แต่เจ้านายเบื้องบนกลับเห็นว่าควรอนุโลมบ้าง เพราะหากตึงเกินไป ฝ่ายขายก็จะไม่ยอมส่งงานเข้ามา ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อยอดขายของบริษัทด้วย

ซึ่งผมก็ให้ข้อมูลกับเจ้านายของผมไปว่า ผมยินดีที่จะพิจารณาด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างที่สุด แต่ถ้ามันเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆผมก็ไม่สามารถให้ได้

เพราะนั่นอาจจะหมายถึงความเสียหายที่บริษัทจะได้รับ คำตอบของผมแม้มันจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ถูกใจเจ้านายกับพวกฝ่ายขายนัก

กระแสเสียงที่ก่นด่าผมก็ยังมีอยู่ต่อไป ซึ่งผมก็พยายามอดทนปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยไม่ปริปากโต้ตอบ



บางครั้งก็จำเป็นต้องทำตามคำสั่งเบื้องบนทั้งๆที่รู้ว่ามันน่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ในเมื่อผู้ใหญ่ไม่ว่าอะไร

และมีนโยบายผ่อนปรนมาอย่างนี้ เพื่อเร่งยอดขาย ผมก็จำเป็นต้องหลับตา ปล่อยให้มันผ่านๆไป คิดเสียว่า ผมไม่ใช่เจ้าของบริษัท

เมื่อผู้ใหญ่เห็นว่าควรจะเป็นอย่างไร ก็คงจะต้องเป็นไปตามนั้น ผมไม่อาจฝืนได้



นอกเหนือจากความวุ่นวายเรื่องการงาน และการปรับตัวเมื่ออยู่กับเดียร์แล้ว ผมยังได้รู้จักพ่อครัวคนที่ทำอาหารให้ผมมากเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้เช่นกัน


เรื่องของเรื่องคือ ผมรู้สึกเครียดกับงาน และคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย หรือฝ่ายขาย อยากจะหาอะไรทำเพื่อผ่อนคลาย

ตอนแรกคิดว่าจะไปเมาตามผับตามบาร์ สำนึกส่วนดีก็บอกผมว่า ในเมื่อผมตั้งใจเลิกยุ่งเกี่ยวกับเหล้าเบียร์แล้วจะหวนกลับไปทำไมอีก หาอย่างอื่นทำดีกว่า



ดังนั้นพอเจ้าสันต์มาชวนให้ไปนั่งในร้านกาแฟที่มันเคยชวนผมไปหลายครั้ง ผมก็เลยตอบตกลงทันที

มันรับประกันว่าคราวนี้ ผมได้เจอกับผู้ช่วยกุ๊กคนนั้นแน่ เพราะน้องแซ่บสืบมาแล้ว ว่าเขาอยู่ร้านในวันที่เราไปแน่นอน



ผมเจอเดียร์ที่ร้านนั้น ปริศนาที่ค้างคาใจมานานได้ถูกคลี่คลายลง ทันทีที่ผมเห็นหน้าเขา ผมก็เข้าใจทันทีว่า ทำไมผมถึงได้รับสิทธิพิเศษ

ได้กินอาหารมากมาย มากกว่าใคร เจ้าเด็กบ้านี่ เป็นผู้ช่วยพ่อครัวในร้านบ้านคุณป้านั่นเอง เขาคอยเอาใจใส่ทำอาหารอร่อยๆให้ผมกิน

วันไหนที่ผมไม่ลงไปเขาก็จะฝากอาหารมากับเจ้าสันต์มาให้ผมทาน



ผมรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจต่อสิ่งที่เด็กหนุ่มทำกับผม พลางนึกสงสัยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเขามาทำงานที่นี่ได้ไง

รู้ได้ไงว่าผมชอบมาทานอาหารที่นี่ ทำไมเขาถึงสามารถทำอาหารให้ผมได้มากมาย แถมซ้ำก็ไม่เอาเงินด้วยในบางครั้ง

เขาเอาเงินจากที่ไหนมาจ่าย หรือว่ายอมโดนหักเงินเพื่อผมอีก เจ้าเด็กโง่เอ๊ย ทำไมถึงต้องมาทำอะไรมากมายเพื่อผมด้วย

แล้วถ้าผมไม่รักเขาตอบล่ะ เขาจะว่ายังไง จะเสียใจมากมายแค่ไหนกันนะ ไม่อยากจะคิดเลย




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #199 เมื่อ: 21-12-2008 14:07:59 »





anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #200 เมื่อ21-12-2008 14:08:46 »


สันต์แนะนำผมให้รู้จักกับเด็กหนุ่ม ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกับเดียร์ แล้วก็แอบขยิบตาให้เด็กหนุ่มรู้เป็นนัยๆจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูก

ผมไม่ต้องการให้เพื่อนผม และ เด็กที่ชื่อแซ่บล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา มันอาจจะเป็นผลเสียต่อผมในวันข้างหน้าก็ได้




เจ้าสันต์อาศัยช่วงจังหวะที่ร้านคนไม่ค่อยเยอะ ชวนเด็กหนุ่มมาพูดคุยด้วย มันยิงคำถามเป็นชุดเลย ว่าเดียร์รู้จักผมหรือเปล่า

ทำไมถึงได้ทำอาหารให้ผมมากมายเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น ชอบผมอยู่ใช่ไหม แล้วชอบผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงได้มาทำงานที่นี่

ผมเห็นเด็กหนุ่มกรอกตาไปมา มีรอยยิ้มอยู่มุมปาก ท่าทางนึกสนุกกับเกมส์ยี่สิบคำถามของเจ้าสันต์ ผมลุ้นอยู่ในใจ

ขออย่าให้เจ้าเด็กนี่สร้างความยุ่งยากให้ผมอีกเลย แค่นี้ผมก็หัวปั่นพอควรแล้ว เจ้าประคู้ณ




คำตอบของเดียร์ทำให้ผมโล่งใจ เขาบอกกับเจ้าสันต์ว่า เขามาทำงานที่นี่ได้หลายเดือนแล้วไม่เคยรู้จักกับผมเป็นการส่วนตัวมาก่อน

แต่เคยเห็นหน้าผมบ่อยๆ รู้ว่าผมมากินข้าวที่ร้านบ้านคุณป้าประจำ แล้วผมก็ชอบทานเยอะด้วย พอดีว่าเดียร์เพิ่งหัดทำอาหาร

ก็เลยอยากลองทำอาหารหลายๆแบบ ซึ่งพอทำมาให้ผมก็กินจนหมด เขาเลยทำพิเศษให้ผมเรื่อยๆ เป็นการฝึกปรือฝีมือ

บางคำถามเด็กหนุ่มก็ไม่ตอบ ถ้าเห็นว่ามันล้วงลึกเกินไป เขาก็จะปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลอย่างสุภาพ




แม้เจ้าสันต์จะไม่ค่อยเชื่อถือในคำตอบเท่าใดนัก แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ เพราะเดียร์เองก็แสดงท่าทีว่าไม่อยากตอบคำถามอะไร

พอจบรายการสัมภาษณ์เดียร์ก็ขอตัวไปทำงาน พอลับหลังเด็กหนุ่ม สันต์ก็หันมาพูดกับผม




“ให้ตายเถอะ ฉันไม่เชื่อคำพูดของเด็กคนนี้เลย ฉันคิดว่ามันมีบางอย่างที่เขาปกปิดอยู่ เป็นไปได้ไง เหตุผลที่ทำอาหารให้นายกินมากกว่าคนอื่น เพราะนายกินจุ

ชั้นต่างหากที่กินจุ นายกินข้าวน้อยกว่าฉันอีกนะเรียว แล้วถ้าจะลองฝีมือทำอาหาร ทำไมต้องลองกับนายคนเดียวอ่ะ

ทำไมไม่ทำให้ฉันกินบ้างล่ะ อย่างนี้มันเลือกที่รักมักที่ชังนี่ น่าสงสัยจริงๆ”




ผมหัวเราะก๊ากกับการพยายามเป็นนักสืบของมัน สิ่งที่มันคิดใกล้เคียงกับความเป็นจริง เดียร์เป็นคนที่โกหกไม่แนบเนียนเลย

ผมรู้ว่าที่จริงแล้ว เขาอยากจะเปิดเผยว่าเขารู้จักกับผม และเราสองคนตกลงที่จะเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เขาเกรงว่าผมจะได้รับความลำบาก

เขาก็เลยจำใจต้องโกหก แต่เป็นการโกหกที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย




“นายมันขี้ระแวงจริงๆเลย เขาจะมาโกหกนายเล่นทำไมล่ะ อีกอย่างฉันกับเด็กนั่นก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวนี่นา

แล้วทำไมเขาจะต้องมาทำอาหารให้ฉันกินเยอะๆด้วย เหตุผลที่เขาบอกพวกเรา ฉันก็ว่ามันฟังดูสมเหตุสมผลดีนะ หรือว่านายคิดว่ามันมีเหตุผลอื่น”

“ก็มันไม่แนบเนียนนี่นา ฉันเลยไม่ค่อยอยากจะเชื่ออ่ะ”

เจ้าสันต์ตอบผมเสียงอ่อยๆ


“เฮ้อ นายเห็นฉันคบกับใครเหรอ ตอนนี้ฉันอกหักอยู่นายก็รู้ อีกอย่างฉันไม่ใช่พวกชอบผู้ชายด้วยกันนี่ ทำไมถึงมาสงสัยกันล่ะ”

ผมพยายามพูดเบี่ยงประเด็นออกไป ไม่อยากให้เจ้าสันต์จับแพะมาชนแกะ จนประมวลเหตุการณ์ต่างๆได้ถูกต้อง

มันน่าอันตรายน้อยเสียเมื่อไหร่ หากบังเอิญมีใครมารู้เรื่องข้อสัญญาของเราสองคน ผมไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านด้วยเรื่องแบบนี้


“ก็ไม่มีหรอก .........ยังไม่เคยเห็นอ่ะ.............แต่ก็ไม่แน่นี่หว่า บางทีนายอาจจะกำลังมีใครบางคนอยู่ โดยไม่บอกฉัน แล้วคนๆนั้นอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้”



คำพูดของเจ้าสันต์เล่นเอาผมแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่มอยู่ ถ้อยคำของมันแทงใจดำของผมอย่างจัง เริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาเสียแล้ว

คราวหลังจะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวเป็นพิเศษให้มากกว่านี้ เจ้านี่ยิ่งชอบสืบค้นอยู่ด้วย เดี๋ยวเกิดเจอผมกับเดียร์ขึ้นมา คราวนี้จะแก้ตัวกันไม่ออก

นี่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ผู้บริหารฝ่ายขายคนนั้น กับอรจิราที่ไปเห็นผมเดินกับเดียร์ที่ห้างสรรพสินค้า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ออกมาให้ผมอึดอัดใจ

แต่ถึงจะพูด ผมก็ไม่ใส่ใจ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าผมกับเดียร์เป็นแฟนกันจริงๆ เราสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยให้ใครเห็น

และผมก็ไม่เคยมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศมาก่อน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า คงไม่มีใครใส่ใจกับคำพูดของพวกเขาที่หากบังเอิญมันหลุดออกมาเป็นแน่



พอได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองในวันอาทิตย์ที่เดียร์มาหาที่บ้าน ผมก็ซักถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร

เด็กหนุ่มเล่าให้ผมฟังอย่างไม่ปิดบังว่า เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เขาได้ลาออกจากการเป็นนักแสดงโชว์คาร์บาเร่ต์เพราะไม่อยากเจอกับเสี่ยคนนั้นอีกแล้ว

เขาก็เดินทางมากรุงเทพ ตั้งใจจะมาแสวงโชคในเมืองกรุง โดยระหว่างที่ยังหางานทำอยู่ เขาก็มาพักอาศัยโดยเช่าห้องอยู่กับเพื่อนที่เป็นเกย์คนหนึ่ง

ซึ่งเคยเป็นนักแสดงโชว์ในคาร์บาเรต์เหมือนกัน แต่ออกมาก่อน แล้วเข้ามาทำงานเป็นนักเต้นในบาร์ผู้ชายย่านรามคำแหง

เดียร์ก็เคยมาเต้นโชว์ด้วยเหมือนกันบางครั้ง แต่ตอนหลังเลิกไปแล้ว เนื่องจากเดียร์ไม่ชอบคนที่มาเที่ยว เพราะนักเที่ยวราตรีบางคน

ซึ่งมีทั้งผู้หญิงอารมณ์เปลี่ยว สาวไซด์ไลน์ หรือแม้แต่พวกเกย์ ชอบจ้องแต่จะชวนเขาไปนอนด้วย โดยเสนอเงินให้มากมาย

เพื่อแลกกับการมีเพศสัมพันธ์ชั่วครั้ง บางคนก็ถึงขนาดเอ่ยปากจะเลี้ยงดู ให้รถ ให้บ้าน ให้ชีวิตที่มีความสุขไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป

แต่เดียร์ไม่ชอบชีวิตแบบนี้ จึงปฏิเสธคนเหล่านั้น และไม่ยอมไปเต้นอีกเลย



เดียร์ได้งานในร้านอาหาร เป็นพนักงานเสิร์ฟ รายได้ไม่มาก แต่ก็พอประทังชีวิตไปได้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่หยุดตัวเองแค่นั้น

เขาเข้าไปช่วยงานในครัวด้วย ทุกครั้งที่มีโอกาส ตอนอยู่ที่พัทยา เขาก็เคยทำอาหารเลี้ยงทั้งตัวเอง และนักมวยในค่ายมาแล้ว ซึ่งฝีมือก็พอใช้ได้

แถมซ้ำยังมีโอกาสได้ไปทำงานในร้านอาหารของเจ้าน้อยเพื่อนรักในช่วงแรกๆที่เขาเปิดร้านใหม่ ก็พอจะได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารจากพ่อครัวที่น้อยจ้างมาด้วย

ฝีมือของเด็กหนุ่มก็เริ่มพัฒนาขึ้น พอมีโอกาสเข้ามาช่วยงานในครัวที่ร้านอาหารในกรุงเทพ ก็ทำให้เพิ่มพูนประสบการณ์มากขึ้น

จนเจ้าของร้านให้ลองทำอาหารดูบ้าง ปรากฏว่ามีคนติดใจ จึงได้เลื่อนชั้นจากคนเสิร์ฟอาหารมาเป็นผู้ช่วยกุ๊ก แต่ทำได้ไม่นาน ก็ต้องออก

เพราะว่าพ่อครัวที่สอนเขามากับมือ เกิดอิจฉาเขา กลัวว่าเขาจะเด่นเกินหน้าขึ้นมา




anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #201 เมื่อ21-12-2008 14:09:33 »


ด้วยความที่ไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากเป็นศิษย์คิดล้างครู เดียร์จึงลาออก แล้วหางานใหม่ ระหว่างนั้นก็ตามหาผมไปด้วย

เขาเคยไปดักรอที่หน้าบริษัทหลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นผมเดินออกมาจากบริษัทกับเจ้าสันต์ ซึ่งตอนแรก

เขาเข้าใจว่าเป็นแฟนผม เพราะเราสนิทกันมาก เจ้าเด็กนี่ยอมรับกับผมว่า เขาเกิดอารมณ์หึงหวงขึ้นมา เลยสะกดรอยตามผมกับเจ้าสันต์ไป

จนถึงร้านอาหารบ้านคุณป้า เขาตามเราไปเกือบทุกวัน เลยรู้ว่าร้านนี้เป็นร้านที่เรานั่งประจำ เด็กหนุ่มแสร้งเข้าไปข้างในร้านและสั่งอาหารมากิน

โดยเลือกที่นั่งใกล้ๆกับผม คอยสังเกตสังกาผมตลอดเวลา เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นว่า เจ้าสันต์กับผมเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้น

ไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่เขาสงสัย นอกจากนี้เขายังได้รู้พฤติกรรมการกินของผมด้วย ว่าผมชอบกินอะไรเป็นพิเศษ

เขาพยายามจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมให้ได้มากที่สุด




เด็กหนุ่มสะกดรอยตามผมได้สักสองอาทิตย์ พอดีทางร้านกำลังหาคนมาทำงานในครัวเพิ่ม เนื่องจากผู้ช่วยคนเก่าลาออกไป

เหลือแค่กุ๊กสองคนเท่านั้น ทำอาหารกันแทบไม่ทัน จนลูกค้าบ่น เดียร์เลยไปสมัครงาน เพราะอยากมีรายได้มาจ่ายเป็นค่าเช่าบ้านรวมทั้งค่ากินอยู่

และยังอยากใกล้ชิดกับผมด้วย คุณป้าเจ้าของร้าน ตกลงรับเดียร์เข้ามาทำอาหารหลังจากได้ลองชิมฝีมือของเดียร์แล้ว แต่ก็ยังไม่ให้ปรุงอาหารในทันที


คุณป้ามอบหมายงานเป็นลูกมือช่วยหั่นเนื้อสัตว์ ล้างผัก จนกระทั่งชินกับเครื่องไม้เครื่องมือ และ รู้งานในครัวแล้ว จึงมอบหมายให้เดียร์ช่วยทำอาหารให้


แรกๆ เดียร์ไม่กล้าปรุงอาหารให้ผมทาน เพราะไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่ก็แอบๆดูออเดอร์จากโต๊ะที่ผมสั่ง แล้วก็สังเกตวิธีที่พ่อครัวปรุง

จากนั้นก็แอบสอบถามพนักงานเสิร์ฟว่า ผมพึงพอใจหรือไม่ อะไรที่ผมชอบ เขาก็จะแอบไปจำสูตรและวิธีการมาจากคนที่ปรุง

แต่หากอันไหนที่ผมไม่พอใจ เขาก็จะคิดค้นวิธีการปรุงใหม่ และทดลองชิมเอง และให้คนอื่นชิมด้วย จนได้รสที่กลมกล่อมที่คาดว่าผมจะพอใจ

เมื่อมั่นใจในฝีมือตัวเองแล้ว เขาจึงเริ่มลงมือทำให้ผมทาน




โดยตลอดเวลาเหล่านั้น ผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเด็กหนุ่มทำงานอยู่ที่นี่แล้ว และผมกำลังถูกจับตามองอยู่ ความที่ผมไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร

และไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเจอเหตุการณ์ถูกลักพาตัวไปขอความรักจากเด็กหนุ่มซึ่งผมเคยช่วยเอาไว้ ทำให้ผมไม่ระมัดระวังตัวเอง

หลังจากได้รับอิสรภาพซึ่งแลกกับการที่ต้องกลายมาเป็นแฟนของเดียร์ เวลาที่ผมมากินข้าวที่ร้านนี้ ผมก็ไม่เคยเฉลียวใจมาก่อนเลย

ว่าคนที่คอยทำอาหารให้ผมกินมากกว่าคนอื่นๆ ก็คือเด็กหนุ่มที่จับตัวผมไปนั่นเอง


“แล้วทำไมถึงไม่บอกกันตั้งแต่แรกว่าเป็นนาย ปล่อยให้ฉันสงสัยอยู่ได้”

ผมต่อว่าเขา เดียร์ยันกายขึ้นจากการนอนพังพาบข้างๆผม พลางส่งสายตาอ้อนๆมาให้


“ก็ผมไม่อยากให้คุณคิดมาก กลัวคุณจะด่าหาว่าผมคอยสอดแนมคุณอยู่ตลอดเวลาน่ะครับ อีกอย่าง ถ้าคุณรู้คุณอาจจะไม่ยอมกินอาหารที่ผมทำก็ได้”

“ทำยังกับว่า ตอนนี้รู้แล้ว จะกินงั้นแหละ แล้วที่บอกว่าไม่ได้สอดแนมน่ะ การตามฉันมาตลอด ทุกที่ทุกเวลา อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรกันล่ะ”
เดียร์ยิ้มเขินๆ เมื่อฟังสิ่งที่ผมพูดจนจบ เด็กหนุ่มตอบกลับมาด้วยคำอธิบายยืดยาว

“ผมขอโทษนะ แต่ถ้าไม่ตามก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเรียวสิ แล้วผมก็ต้องมาคอยนั่งกลุ้มใจ กับความคิดที่ว่าคุณมีแฟนแล้ว

ตอนเจอคุณที่พัทยา เห็นคุณไปกับผู้หญิง ก็คิดว่าคนนั้นต้องเป็นแฟนคุณแน่ๆ แต่ผมไม่เห็นคุณไปกับผู้หญิงคนนั้นอีกเลยตอนอยู่กรุงเทพ

มีแต่ไปไหนมาไหนกับคุณสันต์ ผมก็นึกว่าคุณเป็นแฟนกับเขา แอบดีใจ และเสียใจไปพร้อมกัน”



“......ดีใจเพราะคิดว่าคุณคงจะมีใจให้กับผู้ชายด้วยกันบ้าง แต่เสียใจที่คิดว่าคนๆนั้นเป็นแฟนคุณ และผมคงไม่มีโอกาส

พอรู้ว่าคุณกับเขาคนนั้นเป็นแค่เพื่อนกัน ผมดีใจมากเลยนะรู้ไหม คิดว่าโชคดีมากแค่ไหนที่คุณยังไม่มีคนอื่น ผมอาจจะมีสิทธิได้ครอบครองหัวใจคุณ

และเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ผมจำเป็นต้องผูกมัดตัวคุณไว้กับผมให้ได้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

พอดีไปอ่านเจอในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง “เสียงเรียกของความรัก” ที่ตัวเอกที่เป็นฝ่ายรับ ถูกจับใส่กุญแจมือ เพื่อขอความรัก

แผนการที่จะลักพาตัวคุณมันก็เลยเกิดขึ้นมาในหัวสมองทันทีเลยอ่ะ......”


“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง บ้าการ์ตูนไปหน่อยมั้งเรา แต่ในชีวิตจริงมันไม่สมหวังเหมือนในการ์ตูนหรอกนะ”

“ครับ”


เด็กหนุ่มพยักหน้ายอมรับ แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังคงมีรอยยิ้ม


“ในการ์ตูน เขาต่างก็เป็นเกย์ด้วยกัน มันก็เลยง่ายนะครับ แต่ว่า ในชีวิตจริงแล้ว มันยากตรงที่ เรียวน่ะ ไม่ได้เป็นเกย์เหมือนอย่างที่ผมเป็น

ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันใช่ไหมครับ ถ้าจะมีก็คงจะมีกับผมเป็นคนแรก แต่ข้อนั้น เราสองคนต่างก็เสมอภาคกันนะ

เพราะผมก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน จะมีบ้างที่มีคนมาใช้ปากให้ แต่นอกนั้นยังไม่เคยเลยครับ ผมไม่ชอบ

ถ้าไม่ใช่กับเรียวแล้ว ผมไม่ยอมมีอะไรกับใครทั้งนั้นล่ะ”



หน้าสีน้ำตาลทองนั้นแดงเรื่อขึ้นมา ด้วยเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง เขายิ้มให้ผมอย่างอายๆ ผมยิ้มให้เขา ช่วยไม่ได้ที่เกิดเอ็นดูเด็กบ้านี่ขึ้นมา

รู้สึกภูมิใจที่ได้ยินประโยคท้ายของเขา แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี ว่าเด็กหนุ่มคนนี้พูดเพื่อให้ผมพอใจหรือเปล่า ท่าทางของเขาไม่เหมือนคนที่ไม่มีประสบการณ์เลย


“แต่นายใช้ปากกับมือ เหมือนคนที่เชียวชาญทางด้านนี้เลยนะ เหมือนกับเคยผ่านศึกสังเวียนมาเป็นร้อยๆครั้งแน่ะ ไม่ต้องมาโกหกเลย

จะเคยมีอะไรกับใครมาฉันก็ไม่ใส่ใจหรอก มันไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว”


ผมว่ายิ้มๆ เด็กหนุ่มทำตาโต หน้าตาปลาบปลื้ม


“เดี๋ยวนะครับ เอาประโยคแรกก่อน ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม คุณว่าผมทำได้เชี่ยวชาญมาก แปลว่าผมเก่งสินะ

ทำให้เรียวเกิดอารมณ์และถึงจุดสุดยอดได้ทุกครั้งเลยใช่ไหมครับ”



ซวยล่ะสิ ผมคิดในใจ ดันพูดไปเข้าทางเด็กหนุ่มจนได้ รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าหมอนี่ เป็นโรคเข้าข้างตัวเอง แต่ผมก็ดันพลาดพูดเหมือนชมเขาขึ้นมา

คราวนี้ คงขยันทำกับผมยกใหญ่แน่



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #202 เมื่อ21-12-2008 14:10:14 »

“เออ เออ....”

ผมยอมรับก็ได้ ไม่อยากโกหกตัวเอง ขืนทำอย่างนั้น เจ้าหมอนี่ ก็ต้องหาทางพิสูจน์เอาจนได้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นมันไม่จริง

สู้ๆยอมรับไปซะก็สิ้นเรื่อง บางทีเมื่อเขาเห็นว่าเขาสามารถทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้แล้ว ความกระตือรือร้นที่จะทำซ้ำๆเพื่อเอาชนะผมอาจจะลดน้อยลงไปจากเดิมก็ได้

ซึ่งผมก็จะปลอดภัยจากเขามากขึ้น เดียร์หน้าบานเป็นจานเชิง ขยับเข้ามาจนชิด แล้วทำมาเป็นพูดกระซิบกระซาบเสียงอ่อนเสียงหวานข้างหูผม



“จริงๆนะ ดีจังเลยที่เรียวชอบ อย่างนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย คราวต่อไป ผมจะทำให้เรียวมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ เชื่อมือผมเถอะ”


นั่นประไร นึกแว่บๆอยู่เหมือนกันว่าอาจจะไม่ได้ผล หมอนี่ ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาก็วกเข้ามาด้วยเรื่องแบบนี้จนได้


“แหม ผ่านศึกมาเยอะสิท่า ถึงได้เชื่อมือตัวเองขนาดนั้น”

อดไม่ได้อีกเหมือนกันที่จะเหน็บเขา เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ


“มันดูเหมือนว่าผมผ่านศึกมาโชกโชนอย่างนั้นเหรอ อยากจะรับสมอ้างจังเลยครับ แต่ขอปฏิเสธดีกว่า ผมบอกแล้วไง ว่า ถ้าไม่ใช่เรียวแล้ว

ผมไม่ทำให้ใครหรอก ที่เห็นว่าผมดูเก่งนี่ ผมมีเทคนิคนิดหน่อยครับ ถ้าเรียวอยากรู้ผมก็จะบอกให้ แต่แลกกับหอมแก้มเรียวครั้งหนึ่งนะ”


เดียร์ทำหน้าตากรุ้มกริ่มเหมือนคนเจ้าชู้


“งั้นก็ไม่ต้องเล่าหรอก ฉันไม่อยากรู้สักเท่าไร เพราะถึงยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว”


ผมทำท่าไม่สนใจ เด็กหนุ่มนั่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง และแล้วด้วยความว่องไว เขาก็โน้มตัวเข้ามาหาผม เอาจมูก


มาแตะที่แก้ม แล้วหอมผมฟอดใหญ่


“ตอนนี้ผมอยากเล่าแล้วอ่ะ”

“เออ .......ก็หอมไปแล้วนี่หว่า ก็เล่ามาเลยสิ อย่าอ้อมค้อม”


ผมใช้หลังมือเช็ดที่แก้มไปมา พลางมองเด็กหนุ่มอย่างเคืองๆ เดียร์มองตอบมาด้วยดวงตาใสซื่อ เขายิ้มอ้อนๆให้ผม

ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปยังห้องครัว เขาเดินกลับมาพร้อมกับกล้วยหอม แตงกวา และไส้กรอกที่เขาซื้อมาฝาก

ผมมองเขาอย่างงงๆ เดาไม่ถูกว่าหมอนี่ถือของพวกนั้นติดมือมาด้วยทำไม เกิดหิวขึ้นมา หรือว่า จะเอามาให้ผมทานกันนะ


“ผมน่ะ เตรียมการยกใหญ่เลยนะ ตอนที่ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นแฟนคุณให้ได้ คิดว่าทำอย่างไรดี เรียวถึงจะประทับใจ

ถ้าเป็นแฟนกันเฉยๆมันก็คงจะน่าเบื่อ แต่ถ้าเรามีอะไรกันบ้าง แล้วผมทำให้เรียวพอใจ เรียวก็อาจจะยอมรับผมเป็นแฟนได้ด้วยความเต็มใจ

แต่ผมน่ะคิดว่าตัวเองคงถูกสร้างมา เพื่อมีเซ็กส์กับคุณเท่านั้นนะครับ ผมไม่ได้มีความรู้สึกอยากมีกับใครทั้งนั้น นอกจากคุณคนเดียว

มันทำให้ผมไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศมาก่อนเลย แต่ผมอ่ะ จะทำตัวเป็นไก่อ่อนไม่ได้ ผมก็เลยต้องศึกษาข้อมูลนิดหน่อย

ด้วยการเอาวิดีโอมาดู แล้วก็ศึกษาทดลองด้วยตนเอง.....”
อยู่ๆเด็กหนุ่มยื่นกล้วยมาตรงหน้าผม ยิ้มจนตาหยี

“นี่ไงครับ ครูของผม”



ผมมองเด็กหนุ่มค่อยๆปอกเปลือกกล้วยออกอย่างงงๆ ในใจก็จินตนาการไปต่างๆนาน ภาพเดียร์กับกล้วยในรูปแบบลามกต่างๆผุดพรายขึ้นในหัว

จนผมอดที่จะรู้สึกตกใจกับความคิดบ้าบอในหัวสมองของตนเองไม่ได้



เขาปอกเปลือกแค่ครึ่งหนึ่ง และถือกล้วยมาใกล้ๆปากตัวเอง ทำตาเซ็กซี่เย้ายวนใส่ผม ก่อนที่จะตวัดลิ้นเลียเบาๆ

แล้วห่อปากเป็นรูปตัวโอแล้วอมกล้วยไว้หลวมๆ ดึงเข้าดึงออกไปมา ผมมองเด็กหนุ่มแสดงบทบาทสมมุติการเรียนรู้วิธีใช้ปากทำโอษฐกาม

กับคุณครูกล้วยหอมของเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ใครจะบ้าไปทำอะไรพิเรนทร์ขนาดนั้น



เหมือนว่าเขาจะรู้ว่าผมไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังบอกผมอยู่ เด็กหนุ่มหยุดใช้ปากกับกล้วยหอมนั้น กัดกลืนกินมันลงไป จนหมดลูก แล้วหันมายิ้มให้ผม


“ผมจินตนาการให้มันเป็นเรียวน้อยของคุณอ่ะครับ ดูหนังเอ็กซ์ไปด้วย ก็ทำกับกล้วยตามไปด้วย แต่ว่ากล้วยอ่ะ มันนิ่มเกินไปนะครับ

พอผมเม้มแรงๆก็เละ บางครั้งก็หักเข้าคอผมไปเลย เรียวน้อยที่เป็นกล้วยหอม จึงมีจุดจบในท้องผมแทบทุกครั้งเลยอ่ะครับ”



ผมนึกขำในใจกับคำพูดซื่อๆนั้น นึกเดาได้ทันทีว่า แตงกวากับไส้กรอกที่เขาถือมาด้วย คงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทดลองมีเซ็กส์ของเด็กหนุ่มแน่ๆ


“แตงกวากับไส้กรอกนั่นก็คงจะเป็นครูของนายด้วย ใช่ไหม”


ผมถามคำถามล้อเลียนเขา เด็กหนุ่มอายจนหน้าแดง


“เอ้อ.....ก็ใช่ครับ คือ หลังจากที่กล้วยหอมมันหลุดลื่นเข้าคอ กลายเป็นอาหารที่ทำให้ผมจุกแน่นท้องทุกครั้ง ผมก็มาคิดได้ว่า

แตงกวาน่ะ ก็มีรูปทรงคล้ายอวัยวะเพศชายเหมือนกัน แถมซ้ำ ยังเป็นตอนแข็งตัวด้วย ผมก็ลองเอามาใช้ดูอ่ะครับ

แต่ว่า มันออกจะแข็งเกินของจริงไปหรือเปล่าไม่รู้ หรือว่าผมยังไม่ชำนาญพอก็ไม่ทราบ ปากเปิกผมแทบพัง เพราะแรงกระแทกอ่ะครับ

ผมเลยเลิกใช้ แตงกวา หันมามองหาอย่างอื่นแทน”


คราวนี้ผมทนไม่ไหว ถึงกับหัวเราะก๊ากออกมา เดียร์ทำปากยื่นใส่ผม แล้วก็อดหัวเราะตามไม่ได้ เจ้าเด็กบ้านี่ ทำไมมันช่างทำเรื่องบ้าบอได้ถึงขนาดนี้นะ


“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะอยากทำให้เรียวมีความสุขนะ ผมไม่ลงทุนขนาดนี้หรอก”

“แล้วทำไมไม่ไปมีอะไรกับคนอื่นซะเลยล่ะ”


ผมย้อนถามเด็กหนุ่ม



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #203 เมื่อ21-12-2008 14:11:58 »


“บอกแล้วไงล่ะครับ ครั้งแรกของผม ต้องเก็บไว้มีกับเรียวคนเดียวเท่านั้นนะ ผมไม่ทำให้ใครหรอก

แต่ว่า ผมก็ยอมรับว่า น้องชายของผมน่ะ ผมไม่สามารถรักษาไว้ให้กับเรียวได้ มีคนเคยมาใช้ปากกับผมแล้วครับ แค่ปากเท่านั้นเอง

ผมน่ะแค่อยากรู้ว่า เขาทำกันอย่างไร ดูในหนังเอ็กซ์ มันก็ไม่เหมือนกับเจอด้วยตัวเอง พอมีคนมาขอทำให้ผม ก็เลยยอมให้เขาทำอ่ะ

เขาก็เก่งใช้ได้นะ ทำให้ผมมีความสุขได้ ผมก็ถือว่าเขาเป็นครูเหมือนกัน ผมจำท่วงท่าลีลาของเขาไว้จนหมดเลย

แล้วก็นำมาประยุกต์ใช้กับครูคนสุดท้าย ครูไส้กรอกอ่ะครับ.......”



เดียร์หยุดพูดแล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม



“ไส้กรอกมันเป็นอะไรที่เหมือนกับมังกรน้อยของผู้ชายเลยนะครับ ทำจากเนื้อบดอัดเป็นแท่งๆคล้ายผิวเนื้อมนุษย์อ่ะ

มีหลายขนาดให้เลือกด้วยอ่ะครับ ผมน่ะ ต้องอาศัยจินตนาการเข้าช่วย ว่าขนาดของเรียวอ่ะ เท่าไหร่กันหนอ มันควรจะเป็นฟุตลอง

หรือ ขนาดธรรมดา หรือว่าบิ๊กไซส์ดี ในที่สุดผมก็เลือกเอาไส้กรอกชีสอ่ะครับ เพราะว่ามันน่าจะใกล้เคียงของจริงมากที่สุดอ่ะครับ

ก็เลือกขนาดที่พอเหมาะนะครับ แล้วก็เอามาฝึกหน้าจอทีวีที่ฉายหนังเอ็กซ์ทุกๆวันอ่ะครับ จนกระทั่งมั่นใจว่า ฝีมือตัวเองใช้ได้แน่นอนอ่ะครับ

เลยเริ่มลงมือปฏิบัติการ ตอนที่จับคุณมา แล้วทำให้คุณครั้งแรก ผมตื่นเต้นมากเลยนะครับ กลัวว่าผมจะทำผิดพลาด

แต่พอชีสไหลออกจากไส้กรอกของเรียวอย่างมากมาย ผมก็คิดว่า ผมทำสำเร็จแล้ว ดีใจมากที่สุดเลยครับ”




ไม่พูดเปล่า เด็กหนุ่มกลับแกะไส้กรอกออกจากถุงพลาสติก และลงมือแสดงให้ผมดู ลีลาท่าทางเหมือนกับที่เขาทำกับเรียวน้อยของผมไม่ผิดเพี้ยน

ผมมองเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก พลันภาพเหตุการณ์ที่เดียร์เคยโอ้โลมลูบไล้น้องชายของผมก็แว่บเข้ามาสู่สมอง

ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบไปทั่วตัว และปวดหน่วงๆที่ตรงท้องน้อย อะไรบางอย่างบอกผมว่า น้องชายของผมกำลังตื่นขึ้นมาเต้นดึ๋งดั๋งอยู่ในกางเกง

ผมรีบเอามือไปวางพาดบนตัก แต่เดียร์ซึ่งตาไวมองเห็นน้องชายของผมที่กำลังคึกคักอยู่ ยื่นมือมาจับข้อมือผมไว้

แล้วดึงมือผมออก เขามองจ้องเข้าไปในดวงตาผม กระซิบเสียงพร่า



“ให้ผมทานชีสเถอะนะครับยอดรัก ผมหิวอยู่พอดี เรียวเองก็จะได้สบายตัวด้วยไงครับ”


น่าแปลกที่ไม่มีคำพูดปฏิเสธใดๆออกจากปากผม เพลิงปรารถนาในกายบอกให้ผมยินยอมให้เดียร์ปลดปล่อยตัวเองออกจากความทุกข์ทรมานจากอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน


เด็กหนุ่มยิ้มให้ ก่อนจะโน้มตัวลงไปยังร่างกายส่วนล่างของผม แล้วก็เหมือนทุกๆครั้ง เด็กหนุ่มใช้ความจัดเจนที่มีอยู่ ทำให้ผมทะลักทลายความสุขออกมา

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ประสบการณ์ของเขาได้มาจากบรรดาอาจารย์ที่ไร้ชีวิตจิตใจรวมถึงสื่อวิดีโอลามกพวกนั้นพวกนั้น

เจ้าเด็กบ้านี่ช่างเป็นคนที่เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยวิธีการประหลาด แถมซ้ำยังสามารถทำได้ดีอีกด้วย
**********
 :amen: วันละตอนนะ พ่อจอมเจ้าชูเซน

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #204 เมื่อ21-12-2008 15:14:43 »

สุดยอดเลยน้องเดียร์

ฝึกทุกอย่างเพื่อเรียวโดยเฉพาะ

อ๊ากกกกกกกก :haun4: เรียวฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้างเนี่ย

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #205 เมื่อ21-12-2008 15:28:07 »


 :amen: วันละตอนนะ พ่อจอมเจ้าชูเซน



 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ชมกันยังงี้ก็ม้วนต้วนเลยดิ๊ ไต๋ ก็

 :pig4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #206 เมื่อ21-12-2008 19:10:37 »

เจ้าเด็กร้ายกาจ  :laugh: :laugh:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #207 เมื่อ22-12-2008 08:27:42 »

ขอบคุณค่ะ ติดตามอยู่นะคะ

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #208 เมื่อ22-12-2008 17:43:51 »

ขอบคุณค่ะ ติดตามอยู่นะคะ
:haun4: รอคนเดียวมันอันตรายนะครับ  เดี๋ยวผมรอเป็นเพื่อน

 :pig4:

ออฟไลน์ rayjikung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #209 เมื่อ22-12-2008 18:09:27 »

เจอแล้ววววววววว!!~~

นิยายที่ตามหามานาน

สนุกมากมายเลยอะ เรื่องเนี้ย

เคยอ่านแต่ไม่จบ

อ่านอีกทีก้ไม่เปนไร

ชอบๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ เลยอะ

มาลงให้ทุกตอนจนจบนะคร้าบบบบ

จะเปนกำลังใจให้ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด