My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk  (อ่าน 183388 ครั้ง)

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #210 เมื่อ22-12-2008 21:34:57 »

 :3123: รักคนอ่าน วันนี้ต้องขอโทษด้วย

เหนื่อยมาก พรุ่งนี้นะต่อให้ 2 ตอนเลย :z10:




nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #211 เมื่อ22-12-2008 21:42:39 »

^

^

จิ้มพี่แอนก่อน

เดี๋ยวคืนนี้ตามมาอ่านนะคะ

เหนื่อยก็พักบ้างนะ

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #212 เมื่อ22-12-2008 21:44:45 »

:3123: รักคนอ่าน วันนี้ต้องขอโทษด้วย

เหนื่อยมาก พรุ่งนี้นะต่อให้ 2 ตอนเลย :z10:




ครับไต๋เซนขอโทษที่ทำให้ไต๋ต้องเหนื่อย วันนี้ก็นอนหลับให้สบายนะครับ  :m23:

เดี๋ยวเซนจะกล่อมให้นอน

.
.
.

ไม่นะครับไต๋ไม่ดื้อน๊า ...  :teach:

ไหนว่าเหนื่อยไง ...

ก็ได้ครับแต่จะมาหาว่าเซนรังแกไม่ได้นะครับลูกแมวน้อยของพี่  :haun4:

 :pig4:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #213 เมื่อ23-12-2008 12:02:46 »

 o22 กูว่าแล้วทำมั้ยถึงเหนื่อย
 :angry2:นายนี้เองอาซาฮีมาแอบเข้าฝัน
 :sad4:หลอกหลอนเค้า เลยนอนไม่หลับเลย


บทที่ 17



นาฬิกาที่ข้อมือผมบอกเวลา สี่ทุ่มกว่าแล้ว ตอนที่ผมเจอเดียร์นั่งหลับอยู่ที่หน้าบ้านพักของผมในท่านั่งกางขาเหยียดยาว

ข้างๆมีกระเป๋าสะพายใบที่เขาถือประจำ กับถุงใส่ผัก ผลไม้ ผมเขย่าตัวเรียกเขา 2-3 ครั้ง เด็กหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมา ทันทีที่เห็นผม เขาก็ส่งยิ้มกว้างมาให้


“กลับมาแล้วหรือครับ วันนี้มาช้าจังเลยนะครับ งานเยอะเหรอ”

“อื้อ มีประชุมทั้งวันเลย งานไม่เสร็จก็เลยเคลียร์งานอยู่จนมืดค่ำ ว่าแต่นายเถอะ มาทำอะไรแถวนี้ วันนี้มันวันพุธนี่นา ไม่ใช่วันเสาร์ อาทิตย์สักหน่อย”

ผมซักถามเขาด้วยความสงสัย เด็กหนุ่มทำหน้าทะเล้น


“แหม เรียวก็ อย่าเคร่งครัดกับเงื่อนไขสัญญาเลยได้ไหมครับ พอดีวันนี้เพื่อนผมมันขอแลกกะบ่ายกับผมอ่ะครับ

เพราะมันต้องไปติดต่องานราชการ ผมอยู่ร้านคุณป้า เสร็จแล้ว ก็มาทำงานต่อที่ร้านกาแฟจนถึงสองทุ่ม เลิกงานแล้ว ยังไม่อยากกลับบ้าน

คิดถึงเรียวมาก อยากมาหา มากินข้าวด้วยโทรไปหาคุณตั้งหลายครั้ง เรียวก็ไม่ยอมรับสายผม พอโทรไปที่บริษัท เลขาก็บอกว่าคุณติดประชุม

ก็เลยคิดว่าคงจะทานข้าวข้างนอกกันไม่ได้ คุณคงหิว เลยอยากทำอาหารให้เรียวทานน่ะครับ ผมเลยไปซุปเปอร์มาเก็ตมา

ซื้อข้าวของมาหลายอย่างเลย เรียวหิวหรือยังครับ”



ความห่วงใยเปี่ยมล้นอยู่ในคำพูดของเขา จนผมอดที่จะรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ ผมพยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มเป็นเชิงยอมรับ เขายิ้มจนตาเป็นรูปสระอิ

“นั่นไง นึกแล้ว เดี๋ยวผมจะทำกับข้าวอร่อยๆให้กินเยอะๆเลยครับ ว่าแต่เข้าบ้านกันได้หรือยังครับ อยู่ตรงนี้ ยุงเยอะจัง”

เขากุลีกุจอลุกขึ้น ปากก็คุยจ้อ


“พี่ที่อยู่บ้านตรงข้ามใจดีมากเลยนะ เขาเห็นผมมารอคุณตั้งนาน เลยชวนเข้าไปนั่งในบ้าน แต่ผมเกรงใจไม่อยากไปกวนเขา

แล้วอยากดักรอคุณที่นี่ด้วย เลยปฏิเสธไป พี่เขาก็เลยเอายาทากันยุงมาให้อ่ะ ผมก็เลยสามารถนั่งรอคุณได้ โดยไม่โดนกัดมาก”



“อ๋อ พี่สมชายน่ะ เขาเป็นคนนิสัยดีนะ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับเพื่อนบ้านรอบข้าง ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย ลูกเขาก็น่ารักดี ฉันน่ะ ชอบไปเล่นกับลูกเขาบ่อยๆ

แต่ภรรยาเขาจะขี้หึงมาก ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายเข้าใกล้สามีเขาไม่ได้เลย พักหลังฉันเลยไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเขาสักเท่าไหร่ นายก็ระมัดระวังไว้บ้างก็แล้วกัน”



ผมเตือนเด็กหนุ่มเป็นนัยๆ อันที่จริง ไม่ใช่เพราะเรื่องแฟนของพี่สมชายขี้หึงอย่างเดียวหรอก เธอยังเป็นขาเม้าท์อีกด้วย

การที่เดียร์มาบ้านผมบ่อยๆ แล้วมานอนค้างด้วย อาจจะทำให้แฟนของพี่สมชายสงสัยใคร่รู้ และอาจจะคอยจับตามองเพื่อสืบเรื่องราวระหว่างผมกับเดียร์ด้วย

ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ด้วยกันตลอดคืนวันอาทิตย์ มันเป็นเรื่องที่ชวนให้น่าสงสัยน้อยเสียเมื่อไหร่
ตัวผมเองก็เป็นโสด ยังไม่ได้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว อยู่ตัวคนเดียว มีเด็กหนุ่มคนเดิมมาหาเป็นประจำ

แถมซ้ำเจ้านี่ ยังเป็นคนเดียวกับเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่ส่งอาหารเช้าให้ผมทุกวันด้วย เวลาที่เจ้าบ้านี่ มาหาผมทีไร

เขาก็จะนัวเนียชิดใกล้ คอยช่วยเหลือผมทุกอย่าง ทั้งทำกับข้าว ล้างถ้วยชาม เก็บกวาดถูบ้านผม ล้างรถ อาบน้ำให้สุนัข ซักผ้า รีดผ้า

ทำตัวเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของบ้านนี้ ผมจะบ่นว่าก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด สมควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่มีน้ำใจต่อผม

ก็เลยทำให้ผมปล่อยเลยตามเลย อยากจะทำอะไรก็ทำไป ไม่ได้หวงห้าม แรกๆก็กลัวว่าคนข้างบ้านจะคอยสอดแนม และพูดจาถามไถ่ ให้ผมอับอายอึดอัด

แต่การอยู่แบบตัวใครตัวมันของคนกรุงเทพฯ ทำให้ไม่มีใครสนใจใคร ทำให้ผมสบายใจไปได้เปลาะหนึ่ง

จะมีก็แต่บ้านของพี่สมชายที่อยู่ตรงข้ามบ้านของผมเท่านั้น ที่ชอบสนใจเรื่องของชาวบ้าน โดยเฉพาะเมียของเขาที่ยิ่งกว่าลำโพงของชุมชนเสียอีก

การที่เขามาเห็นเดียร์แบบนี้ ยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจใหญ่ ลางสังหรณ์บอกว่า วันข้างหน้าผมต้องเจอกับความวุ่นวายแน่นอน



ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ค่อยรู้สึกทุกข์ร้อนอะไรนัก เขารับกุญแจบ้านมาจากผม เปิดประตูรั้วอ้ากว้างให้ผมเอารถเข้าไปจอด

จากนั้นก็ปิดประตูรั้ว และเดินหิ้วถุงใส่ผักผลไม้ ตามผมเข้าไปในบ้านด้วยท่าทีที่ร่าเริง

“หวังว่าวันนี้คงไม่ได้ซื้อ กล้วย หรือ ไส้กรอกมาด้วยหรอกนะ”

ผมแกล้งแซวเขา เด็กหนุ่มยิ้มแย้ม ทำหน้าทะเล้น

“เรียวคิดถึงเรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหรือครับ หรือว่าอยากจะให้ผมทานไส้กรอกชีสของเรียวอีก

ผมชอบทานนะ ไส้กรอกชีสของเรียวอร่อยมาก ทานกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลย”



คนปากดีแบบนี้ต้องโดนมะเหงกเขกกบาลซะบ้าง หมั่นทะลึ่งเกินเด็กเหลือเกิน เดียร์คลำหัวป้อยๆ โวยวายเสียงหลง


“อ๊า ผู้ใหญ่รังแกเด็ก เขกหัวผมทำไมอ่ะครับ ก็เรียวถามเองอ่ะ ผมก็นึกว่าเรียวอยากให้ผมทำแบบวันนั้นอีก แล้วผมก็พูดจริงนะ

ผมชอบทำแบบนั้นกับเรียวที่สุดเลย ถ้าได้ทำทุกวันก็ดีน่ะสิ พูดแล้ว ก็อยากทำ อยากทำอีกอ่ะ”



ด้วยความหมั่นไส้ที่เดียร์แสร้งทำเป็นง๊องแง๊ง เหมือนเด็กที่กำลังร้องขอในสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่อาจให้ได้ ผมจึงยกเท้าถีบก้นเดียร์เบาๆ

เด็กหนุ่มทำท่าเซถลาไปชนกับโซฟาประหนึ่งว่าผมออกแรงกับเขามากจนเกินไป เดียร์หันมามองผม แล้วก็หันกลับไปวางข้าวของในมือลงบนโต๊ะกลาง

ก่อนจะหันกลับแล้วพุ่งเข้ามาหาผมใหม่ ผมช้ากว่าเขาอีกแล้ว ไม่ทันคิดว่าเจ้าเด็กบ้าจะโต้ตอบกลับ จึงถูกเขารวบตัวไว้ในวงแขนได้โดยง่าย


“ผมน่ะ ไม่ชอบให้ใครมารังแกนะ คนที่ทำร้ายผม ต้องโดนเอาคืน แต่นี่เป็นเรียว คนที่ผมรักมากที่สุด

ดังนั้น ผมจะละเว้นโทษตายให้ แต่ถึงกระนั้นก็อย่าหวังว่าผมจะใจดีปล่อยให้รังแกผมได้ตามสะดวก”


เดียร์แสร้งทำเป็นขู่ผม แต่ตาที่มองมากลับหวานเยิ้ม



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #214 เมื่อ23-12-2008 12:03:37 »

“จะทำอะไร”

ผมเสียงแข็งกลับ จ้องเขาตาเขม็ง หวั่นใจว่าหมอนี่จะเล่นพิเรนทร์อีก

“ก็ทำอย่างนี้ไง”

เดียร์ก้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว และจูบประทับที่ริมฝีปากของผม เขาพยายามเปิดปากผมด้วยปากของเขา

แม้ว่าผมจะพยายามเม้มปากให้สนิท แต่จูบที่เรียกร้องของเดียร์สามารถทำให้ปากผมเผยอออกจนได้ ลิ้นนุ่มๆสอดเข้ามาในปาก

และกระหวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของผม เขามอบจูบที่หวานล้ำให้ จนผมอดเคลิบเคลิ้มไม่ได้

กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อตนเองได้จูบโต้ตอบเดียร์อย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน


“นายผิดสัญญาอีกแล้วนะ”

ผมผลักเขาออกไปให้พ้นตัวอย่างรวดเร็วทันทีที่ตระหนักว่าตนเองได้เผลอตัวทำอะไรลงไป ผมใช้หลังมือเช็ดที่ริมฝีปากของตนเอง

เหมือนจะให้รอยจูบของเดียร์เมื่อสักครู่ลบเลือน ดวงตาของเด็กหนุ่มหลุบต่ำลงที่ริมฝีปากผม ท่าทางอาลัยอาวรณ์


“คิดดูดีๆนะครับ เรียว ผมผิดสัญญาที่ไหน คุณเองก็ยินยอมพร้อมใจด้วยนี่นา”

เขาพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบ ผมอึ้งอย่างยอมจำนน ไม่อาจจะกล่าวหาเขาได้อีก แต่กระนั้นความรู้สึกของผู้ชายแท้ๆที่ถูกผู้ชายที่เป็นเกย์ล่วงเกิน

มันบอกให้ผมต้องแสดงออกด้วยการปั่นปึ่งใส่เขา เพื่อให้รู้ว่า ผมไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำ


“นายมันเป็นคนชอบฉวยโอกาสจริงๆ เผลอเป็นไม่ได้”

เด็กหนุ่มขยับเข้ามาหา ทันทีที่สิ้นคำต่อว่าของผม แต่ผมเบี่ยงตัวหนี แล้วเดินมานั่งที่โซฟา เดียร์เดินตามเข้ามาหา แล้วส่งสายตาอ้อนมาให้

“เพราะรักน่ะครับ เลยอดใจไม่ไหวจริงๆ ผมน่ะ แทบจะรอเวลาที่จะให้เรียวรักผมด้วยใจจริงไม่ได้เลยอ่ะครับ”

“จะมีวันนั้นด้วยเหรอ”


ผมพูดเสียงเยาะ เด็กหนุ่มมองหน้าผม แววตาหม่นลง แต่ก็เพียงครู่เดียว ดวงตาคู่นั้นก็กลับมาฉายประกายกล้า

“มีสิครับ ผมเชื่อว่าวันนั้นมีจริง วันที่เรียวเห็นว่าผมเป็นคนที่สำคัญที่สุด วันที่ผมจะได้อยู่กับเรียวอย่างมีความสุข มันอยู่ไม่ไกลหรอกครับ”


น้ำเสียงที่มุ่งมั่นจริงจังที่ผมได้ยินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ช่างกัดกร่อนจิตใจของผมเสียเหลือเกิน ทุกครั้งที่ได้ยินใจของผมก็เริ่มหวั่นไหวขึ้นทุกที

ผมไม่รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าที่เขาว่า มันจะมีจริงหรือไม่ ระหว่างเขากับผมใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้ไปเสียก่อน อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มเลย

ผมเองก็รอวันนั้นเหมือนกัน ด้วยอยากรู้ว่า ใจของผมจะแกร่งเพียงพอแค่ไหน หรือจะเอนไหวไปกับความสุขกายสุขใจที่เด็กหนุ่มคนนี้ปฏิบัติต่อผม

เวลาที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ครบ 1 เดือนเต็มที่เด็กหนุ่มเข้ามาวุ่นวายในชีวิต ผมยอมรับว่าบางครั้งเขาก็ทำให้ผมมีความสุขได้เหมือนกัน
“อย่ามัวแต่พูดอยู่เลย ไปทำกับข้าวเถอะ มันดึกมากแล้ว ฉันหิวแล้วล่ะ นายเองก็คงจะหิว รีบทำกับข้าว แล้วจะได้มาทานด้วยกัน”


ผมบอกเขาเป็นการตัดบท เดียร์มีสีหน้าท่าทางที่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขารับเขา แล้วรีบกุลีกุจอ ถือถุงผักผลไม้ตรงเข้าไปยังในครัว

ผมอดส่งยิ้มตามหลังเด็กหนุ่มไม่ได้ เด็กหนอเด็ก เดี๋ยวก็ทำหน้าน้อยใจ เดี๋ยวก็ทำเข้มแข็งมุ่งมั่น ตอนนี้ก็ทำร่าเริงกระดี๊กระด๊าอีกแล้ว

เจ้าเด็กนี่ดูๆไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ เสียดายจังที่เป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิง แล้วมาทำให้ผมมากมายขนาดนี้ ผมคงหลงรักเขาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ


“ทานอาหารเสร็จแล้วดูหนังด้วยกันนะครับ”

เด็กหนุ่มเอ่ยเชิญชวนผม ขณะที่เรานั่งทานอาหารด้วยกัน

“จะบ้าเหรอเดียร์ นี่มันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว ไม่กลับบ้านกลับช่องหรือไง”

“ก็มันยังไม่อยากกลับนี่ครับ เพิ่งจะห้าทุ่มเอง ไม่ดึกเท่าไหร่หรอก แล้ววันนี้นะ ผมไปซื้อวีซีดีมาครับ เป็นหนังน่าสนใจดี ก็เลยอยากซื้อมาดูกับคุณด้วยอ่ะครับ”

“เรื่องอะไร หวังว่าคงไม่ใช่หนังโป๊นะ”

“เปล่าครับ แต่เป็นหนังเกย์อ่ะครับ มีหลายเรื่องจากหลายชาติอ่ะครับ แต่เป็นหนังดี สนุกด้วย อยากให้เรียวได้ดูบ้างน่ะครับ เพื่อเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ”

“แล้วทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย”

“คุณจะได้เข้าใจคนที่เป็นเกย์มากขึ้นไงครับ จะได้รู้ว่าเกย์คิดแบบไหนน่ะครับ”

“ไม่เห็นจะต้องอยากเข้าใจพวกนายเลย ไม่เอาล่ะ ถ้านายอยากดู ก็ดูไปคนเดียวเถอะ ฉันง่วงแล้ว จะไปนอนล่ะ

อ้อ วันนี้น่ะ ห้ามนอนที่นี่นะ ไม่ใช่วันของนาย สัญญาต้องเป็นสัญญา ดังนั้นถ้านายจะดูหนังที่นี่ ฉันก็ไม่ว่า ขอเพียงดูเสร็จ ออกไปแล้ว ก็ล็อคประตูให้ด้วยแล้วกัน”

“เรียวอ่ะ ใจร้าย แล้วก็ทำตัวเย็นชาอีกแล้ว ก็ได้ครับ ผมไม่ดูก็ได้นะ ผมกลับก็ได้ ถ้าเรียวไม่อยากให้ผมอยู่

แต่ผมจะทิ้งหนังพวกนี้ไว้ที่นี่แล้วกัน เผื่อว่าเรียวอยากจะดูอ่ะครับ มันเป็นหนังดีมากนะ ถ้าลืมว่ามันเป็นหนังเกย์

หนังมันให้ข้อคิดดีๆหลายเรื่องเลย เรียวดูแล้วอาจจะชอบก็ได้”


น้ำเสียงคนพูดบ่งบอกถึงความน้อยอกน้อยใจเต็มที่ แต่กระนั้นก็ยังแฝงไว้ด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อผม แม้ว่ามันจะดูเหมือนกับยัดเยียดไปหน่อยก็ตาม

เฮ้อ ทำหน้าตากับน้ำเสียงละห้อยละเหี่ยแบบนี้ผมเองก็อดสงสารไม่ได้

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องทิ้งไว้หรอก ฉันจะดูกับนายก็ได้ แต่ว่าเรื่องเดียวพอ แล้วนายต้องสัญญาด้วยว่า ดูเสร็จแล้วก็จะกลับไปบ้าน ไม่วุ่นวายกวนใจฉันอีก”


ในที่สุดผมก็ใจอ่อนยอมตามใจเจ้าเด็กบ้านี่จนได้ ผมหาเหตุผลให้ตัวเองว่าเพราะอะไรถึงตกลงไปแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะอาหารมื้ออร่อยที่เขาช่วยทำให้ผมทาน

ความเอาใจใส่ห่วงใยในตัวผมที่เขามีให้เสมอ ดูแลไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งเหล่านี้กระมังที่คอยเตือนผมให้ทำดีกับเขาบ้าง



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #215 เมื่อ23-12-2008 12:04:13 »

การดูหนังกับเจ้าเด็กนี่สักเรื่อง คงไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากมายหรอกนะ ถึงแม้จะเป็นหนังเกย์

ก็ใช่ว่าดูแล้วจะเบี่ยงเบนเป็นพวกเขาไปเลยเสียเมื่อไหร่ บางทีผมอาจจะเข้าใจคนพวกนี้มากขึ้นอย่างที่เดียร์ว่าก็ได้



เดียร์มีสีหน้าแช่มชื่นอย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มกว้างให้ผม ทำท่าร่าเริงเหมือนเด็กๆ ผมมองเขาอย่างนึกเอ็นดู

เด็กหนุ่มคนนี้มักจะมีรอยยิ้มบนหน้าเสมอ ไม่ว่าจะดีใจ หรือแม้ว่ากำลังเสียใจเขาก็จะพยายามยิ้มตลอด

ดูเหมือนว่าเดียร์พยายามจะต่อสู้กับอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการด้วยความมุ่งมั่นและการมองโลกในแง่ดี

เห็นเขาเป็นแบบนี้ ใจผมก็ยิ่งอ่อนแอหวั่นไหว เริ่มรู้สึกนิยมชมชอบเจ้าเด็กนี่มากยิ่งขึ้น จนต้องเตือนตัวเองหลายครั้งว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเรา เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น



หลังจากที่เดียร์ล้างถ้วยชาม เก็บกวาดห้องครัวเรียบร้อย ส่วนผมก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เราสองคนก็มานั่งดูหนังกันที่ห้องรับแขก

เดียร์อ้อนขอมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับผม แรกๆก็นั่งคนละมุม แต่พอดูไปดูมา เด็กหนุ่มก็เลื้อยตัวลงนอนเรื่อยๆ

จนกระทั่งศีรษะของเขาแทบจะเกยขึ้นมาบนหน้าตักผมอยู่แล้ว ผมไม่ว่าอะไรเขา นอกจากนั่งเฉย และให้ความสนใจกับเนื้อหนังที่อยู่บนจอ



หนังที่เดียร์นำมามีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เขาอธิบายให้ผมฟังเป็นฉากๆว่าหนังที่เขานำซื้อมาดูนั้นมีอะไรบ้าง

เริ่มด้วยหนังดังจากประเทศจีน นำแสดงโดย เลสลี่จาง กับ เหลียงเฉาเหว่ย ชื่อเรื่อง Happy Together

หนังวัยรุ่นจีน เรื่อง Formula 17 หนังโรแมนติกดราม่าอย่าง Lan yu หนังรัสเซียเรื่อง You I love

หนังกลิ่นอายละตินอเมริกันอย่าง Bad education หนังอเมริกันและเนเธอร์แลนด์อย่าง Mysterious skin

หนังสิงคโปร์ Rice Rhapsody ยังมีหนังที่มีดาราสุดหล่อขวัญใจสาวๆอย่าง โคริน ฟาร์เรล

ที่แสดงเป็นหนุ่มเกย์ในเรื่อง A home at the end of the world หรือแม้แต่หนังของเกี่ยวกับกะเทยที่ผ่าตัดแปลงเพศ

แต่หมอกลับทำให้ไม่สมบูรณ์แบบ จะหญิงก็ไม่ใช่จะชายก็ไม่เชิงอย่างเรื่อง Hedwig and the angry inch

ที่ตัวผู้กำกับลงทุนเป็นดารานำแสดงเสียเอง มีหนังเกี่ยวกับเกย์นักเต้นอย่างเรื่อง The Adventures of Priscilla, Queen of the Desert

และหนังซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Queer as folks อีกด้วย



นอกจากนี้ยังมีอีกหลายชื่อเรื่องที่ผมจำได้แทบไม่หมด ดูเหมือนเดียร์จะไปกว้านซื้อหนังเกย์ทุกเรื่องมาดูโดยเฉพาะ

เขาบอกกับผมว่า หนังบางเรื่องดูแล้วก็ทำให้เกิดกำลังใจมีความหวัง ในขณะที่หนังบางเรื่อง ก็สะท้อนด้านที่มืดหม่นออกมา

เมื่อดูแล้วแทนที่จะห่อเหี่ยว กลับยิ่งต้องสร้างภูมิต้านทางด้านจิตใจให้มากยิ่งขึ้น การเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับตัวเอง

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้ จะมีความสุข หรือ มีความทุกข์ เรากำหนดได้ทั้งนั้น ดูหนังดูละคร แล้วก็ย้อนตัวเอง

ถ้าสามารถจัดการกับชีวิตได้ดี เราก็จะพบกับความสุข แฮปปี้เอนดิ้งไปตลอดกาล


“เรียวอยากดูเรื่องอะไรดีครับ”
ขาถามด้วยความกระตือรือร้น หลังจากที่อธิบายเรื่องย่อคร่าวๆของแต่ละเรื่องให้ผมฟังจนหมดแล้ว

ผมส่ายหน้าอย่างงงๆ ความที่ผมไม่ค่อยได้ดูหนังมานานมากแล้ว อย่าว่าแต่หนังเกย์พวกนี้เลย หนังแอคชั่น หรือหนังดังๆทั้งหลายที่เข้าโรงอยู่ตอนนี้

ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลย ดังนั้นถ้าหากถามผม ก็คงจะตอบไม่ได้ว่าเรื่องไหนน่าสนใจกว่ากัน


“งั้นเราอย่าดูหนังที่มันหนักๆเลยนะ ดูหนังที่สบายๆใสๆไปก่อน เรียวจะได้ปรับอารมณ์ความรู้สึกได้ เอาหนังวัยรุ่นเรื่องนี้ก็แล้วกัน”

เด็กหนุ่มหยิบแผ่นดีวีดีของหนังเรื่อง formula 17 ใส่เข้าไปในเครื่องเล่น จากนั้นก็ล้มลงนอนเหยียดยาวข้างๆผมตามเดิม


โจวเทียนไฉเด็กหนุ่มบ้านนอกวัย 17 ปีได้ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เข้ามาท่องเที่ยวในกรุงไทเป

โดยพักอยู่กับเพื่อนหนุ่มนิสัยออกสาวอย่างเหวินหยู โดยส่วนตัวนั้น เทียนเชื่อว่า เซ็กส์ควรเกิดขึ้นพร้อมๆกับความรักเท่านั้น

แต่นั่นดูจะไม่ใช่อุดมคติ ที่จะไปกันได้กับผู้คนในเมืองใหญ่อย่างไทเปเลย เพียงแค่การนัดเที่ยวครั้งแรก เขาก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่า

การหารักแท้ในเมืองนี้ ดูจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก



ตลอดฤดูร้อนนี้ เทียนต้องพบกับแบบทดสอบต่างๆนานา ที่ล้วนแล้วแต่มาในรูปของผู้ชายรูปงาม ที่ยั่วยวนต่อการเสียตัวยิ่งนัก

แต่ก็คงไม่มีบททดสอบใดที่น่าหวั่นเกรงไปมากกว่า ไป๋เถียน-หนาน หนุ่มเจ้าชู้ที่เชี่ยวชาญในการฟันแล้วทิ้งจนขึ้นชื่อลือชาในหมู่เกย์ไทเป

คงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนักหรอก ถ้าบังเอิญเทียนจะไม่ได้พบกับไป๋เถียนหนานบ่อยครั้ง ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ ดูเหมือนฝ่ายไป๋จะสนใจเทียนอยู่ไม่ใช่น้อย


ขณะเดียวกันเทียนก็รู้สึกใจหวิวๆเมี่ออยู่ใกล้ไป๋เถียนหนานด้วยเช่นกัน แล้วในวันหนึ่งหนุ่มน้อยเทียนก็ไปหาไป๋ถึงบ้าน

และมีอะไรกันด้วยความรัก แต่เมื่อเพลิงพิศวาสดับมอดลงในตอนเช้า ไป๋ซึ่งกลัวการผูกมัดก็กล่าวคำล่ำลา ทำให้เทียนช้ำใจ

จนคิดกลับบ้านนอก กว่าที่ไป๋จะรู้ใจตนเอง เขาก็เกือบจะเสียเด็กหนุ่มไป



ทั้งหมดนั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนัง แม้ว่าผมจะเลยวัยรุ่นมาแล้ว แต่การได้ดูหนังที่มีกลิ่นไอของความใสซื่อของหนุ่มวัยรุ่นบ้านนอกคอกนา

ที่บูชารักแท้ ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้ ไพล่นึกไปถึงเจ้าเด็กที่นอนอยู่ข้างๆผม เด็กบ้านี่ก็บูชารักแท้เหมือนกัน

พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักมา ต่างกันที่ว่า เดียร์ไม่ได้ใสซื่อแบบเทียน แต่เจ้าเล่ห์แสนกลกว่า อายุต่างกันแค่ปีเดียว

แต่เจ้าเด็กลูกครึ่งกลับสามารถวางแผนแบล็คเมล์จนผมติดกับยอมทำสัญญาเป็นแฟนด้วย แล้วผมก็ยังเชื่ออีกว่า

ต่อให้ผมด่าว่าเดียร์หรือร้ายกาจกับเขายิ่งกว่าไป๋ ก็ไม่มีทางทำให้เด็กหนุ่มถอดใจยอมพ่ายแพ้ เลือดนักสู้มันไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเขา

เดียร์ไม่มีวันยอมรามือให้กับอุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามา คนอย่างเขาคงฮึดสู้จนกว่าจะได้ยินเสียงระฆังหมดเวลาเป็นแน่

ตัวแสดงในเรื่องเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หน้าตาของเด็กหนุ่มคนที่เล่นเป็นเทียนก็ดูน่ารักใสซื่อดี ในขณะที่คนแสดงเป็นไป๋ก็มีใบหน้าที่ดูหล่อเหลา

ใบหน้าตอนยิ้มก็ดูน่ารัก ผมอดสงสัยตัวเองไม่ได้ว่าทำไมอยู่ๆก็เกิดนิยมดาราชายขึ้นมา หวังว่าผมคงไม่กลายพันธุ์กลายเพศหรอกนะ



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #216 เมื่อ23-12-2008 12:04:52 »


“เอ๊ะ น้องชายคุณโตขึ้นอีกแล้วครับ สงสัยจะมีอารมณ์ ผมช่วยนะครับ”

ผมสะดุ้งเฮือก ก้มลงมองที่กางเกงนอนของตัวเอง ใช่จริงๆด้วย น้องชายของผมเกิดคึกคักขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

หลังจากที่หนังฉายถึงฉากพิศวาสระหว่างไป๋กับเทียน มันไม่ได้โจ๋งครึ่มแบบหนังเอ็กซ์เกย์ที่เดียร์เอามาดูเมื่อวันอาทิตย์ก่อนโน้น

แต่มันก็มีอิทธิพลต่ออารมณ์ปรารถนาของผม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น สองครั้งแล้วที่เห็นผู้ชายมีอะไรกันแล้วผมดันเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา

นี่ผมผิดปกติไปรึเปล่านะ ไม่ได้การเสียแล้ว ผมควรจะหนีไปจากสถานการณ์ล่อแหลมตรงนี้ดีกว่าก่อนที่จะเกิดอะไรที่ไม่งามสำหรับตัวเอง



ขณะที่ผมเตรียมจะลุกหนีจากโซฟา แต่ความที่มัวแต่เงอะงะตกใจและสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาเมื่อดูหนังเกย์

ทำให้ผมเคลื่อนไหวร่างกายช้าไปกว่าเจ้าเดียร์ซึ่งนอนอยู่บนโซฟาใกล้ๆผม ดูเหมือนเจ้าหมอนี่คอยมองหาโอกาสที่จะได้เล่นงานน้องชายของผมอยู่ตลอดเวลา


พอเรียวน้อยเริงร่าเข้าทางเขาเมื่อไหร่ เจ้าเด็กนี่ก็อาสาเล่นด้วยกับน้องชายของผมทันที


เดียร์ไถลตัวลงนั่งกับพื้นอย่างว่องไว ปราดเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าผม แล้วเอื้อมมือจะมา รูดกางเกงนอนผมลง ผมพยายามผลักไสเขา ร้องปฏิเสธพัลวัน


“ไม่เอานะเดียร์ ฉันไม่ทำนะ”

“แต่ว่า คุณกำลังมีอารมณ์อยู่นะ ไม่ปลดปล่อย เดี๋ยวก็ปวดท้อง นอนไม่หลับหรอก”

“จะทำอะไรกันบ่อยๆ ฉันไม่ใช่ของเล่นที่นายจะมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้นะเดียร์”


ผมทำเสียงแข็งใส่เขา จ้องเด็กหนุ่มตาเขม็ง มือก็คอยจับมือไม้เด็กหนุ่มไว้ ไม่ให้ยุ่มย่ามกับน้องชายของผม

เดียร์จ้องตอบผม แล้วเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลทว่าจริงจัง


“ผมไม่เคยมองเรียวเป็นเหมือนของเล่นเลยนะครับ ที่ผมอาสาจะทำให้ ก็เพราะว่าผมรู้ว่าเรียวเองก็มีความปรารถนาซ่อนเร้นอยู่

เรียวอยู่คนเดียวมานาน ทำแต่งาน ไม่ได้เที่ยวเตร่บ่อยเหมือนเมื่อก่อน แฟนก็ไม่มี บางครั้งเกิดอารมณ์ก็ต้องทนเก็บกดไว้ ไม่มีใครคอยช่วย”


เดียร์หยุดพูดเพื่อจ้องมองผม เมื่อเห็นผมนั่งฟังทำหน้าเฉยเมย เขาก็พูดต่อ


“คนเราเมื่อถึงเวลาอยาก แต่ไม่ได้กินนี่มันหงุดหงิดนะครับ แล้วพาลจะอารมณ์เสียออกมาได้ง่ายๆ ผมไม่อยากให้เรียวของผมเปลี่ยนจากคนใจดี

กลายมาเป็นขี้หงุดหงิดขี้โมโหง่าย อยากให้เรียวปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องราวไม่สบายใจทั้งปวง อยากให้เรียวมีความสุข

การมีเซ็กส์ก็ช่วยให้ทำให้คนเราอารมณ์ดี และมีอายุยืนนะครับ ผมจึงอาสาที่จะคอยช่วยเหลือเรียวยังไงล่ะครับ”

“แต่ฉันไม่อยากทำนี่”


ผมยังยืนกรานปฏิเสธ แม้จะรู้ว่าเดียร์หวังดี แต่ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ มันบ่อยมากเกินไปไหม ที่ผมหงุดหงิด
นั่นไม่ใช่เพราะผมไม่ได้มีเซ็กส์ แต่มันเกิดจากการที่ผมอยากมีเซ็กส์ต่างหาก และที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือ

ผมเริ่มที่จะรู้สึกว่า เวลาที่ผู้ชายอย่างเขามาแตะต้องของสงวนของผม จากที่เคยรังเกียจขยะแขยง มันกลับกลายเป็นความพึงพอใจ

หากผมยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่วันใดก็วันหนึ่ง ผมคงเผลอใจยอมมีอะไรกันกับเขาเป็นแน่ ฟ้าคงผ่าตายเลย

ถ้าผู้ชายอย่างผมเกิดอยากจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันขึ้นมา

“ผมไม่เชื่อในสิ่งที่เรียวพูดหรอกครับ ตาเรียวมันฟ้องว่าต้องการเหมือนกัน แต่ที่ปฏิเสธ เป็นเพราะว่าผมเป็นผู้ชายใช่ไหม

เรียวติดแค่ตรงนี้เอง ตรงที่ผมมีเพศเดียวกับคุณ ทำไมเรียวไม่ลองหลับตาดูล่ะครับ ไม่ต้องมองผม ปล่อยตัวปล่อยใจตามสบาย

ปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมา แล้วเรียวก็จะพบแต่ความสุขจากการถูกสัมผัสน่ะครับ”



แววตาที่จ้องมองมา เปล่งประกายกล้าจนผมต้องเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสู้สายตา เพราะกลัวว่า ความรู้สึกที่แท้จริงในใจมันจะฟ้องออกมาให้เด็กหนุ่มจับได้เรื่อยๆ

ที่เดียร์พูดมาถูกต้องที่สุดเกือบจะทุกเรื่อง ใช่สิ ผมน่ะ ไม่มีแฟนมานานแล้ว แถมซ้ำยังไม่ได้นอนกับใครตั้งแต่เลิกกับอรจิรา

ช่วยตัวเองเพื่อปลดเปลื้องอารมณ์ก็ไม่ได้ทำ เกิดอารมณ์ขึ้นมาทีไรก็ต้องรีบหาอย่างอื่นมาทำให้มันวุ่นวายจะได้ลืม

และเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ เพราะยิ่งคิดยิ่งหมกมุ่น ความปรารถนายิ่งรุนแรง จะออกไปเที่ยวผู้หญิง ก็กลัวติดโรคไม่ปลอดภัย

จะหาผู้หญิงคนใหม่มาเป็นแฟน ก็กลัวการผูกมัด และกลัวจะมีปัญหาแบบเดียวกับที่เจอกับอรจิรา ความกังวลในในเรื่องเหล่านี้ทำให้ผมเข็ดขยาด

ไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับใคร แม้จะเป็นความสัมพันธ์ชั่วครั้งก็ตาม



อารมณ์ใคร่ที่ถูกเก็บกดไว้ในเบื้องลึก ค่อยๆปรากฏออกมาให้เห็นทีละเล็กทีละน้อย หลังจากที่เดียร์เข้ามาเปิดทาง

เขาทำให้ผมเกิดความรู้สึกที่อยากจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับใครก็ได้เพื่อเป็นการปลดปล่อยตัวเองบ้าง และในบางครั้งเขาทำให้ผมคิดอยากจะลองมีอะไรกับเขา

ความคิดอันน่าตกใจนี้ มันวูบวาบเป็นพักๆ ทำให้ผมต้องสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง ไม่อยากจะรับความหวังดีจากเขาไปมากกว่านี้

กลัวว่าจะอดใจไม่ไหว แล้วทำสิ่งที่ทำลายความเชื่อของตัวเองขึ้นมา ในเมื่อผมเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่า ผู้ชายควรมีอะไรกับผู้หญิงเท่านั้น

แม้มิได้รังเกียจพวกคนรักเพศเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ต้องการเป็นหนึ่งในสมาชิกของชมรมนี้อย่างแน่นอน



เด็กหนุ่มกลับขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆผมตามเดิม แต่คราวนี้ขยับเข้ามานั่งจนชิด เดียร์ใช้สองมือประคองใบหน้าผมให้หันมาหา

แล้วมองเข้าไปในตาผม พลางพูดเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบ


“หลับตานะครับเรียว ปลดปล่อยตัวเองจากความหวั่นเกรงทั้งหลาย แล้วเปิดประตูหัวใจเอาไว้ อย่ากังวลกับอะไรทั้งนั้นนะครับ”



เดียร์ไล้หัวแม่มือไปตามแนวริมฝีปากของผมเบาๆ ผมสบตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเทิดทูนของเขา แล้วหลับตาลงอย่างว่าง่าย

มีเสียงหัวเราะเบาๆแว่วมาให้ได้ยิน จากนั้นผมจึงสัมผัสได้กับลมหายใจที่เป่ารดข้างแก้ม เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้ามาหาผม

และฝังจมูกซุกไซร้ที่ใบหน้าและลำคอจนผมสะท้านเยือก เขาใช้สองมือสัมผัสผมอย่างแผ่วเบา ทว่าเร่าร้อน เดียร์ใช้มือหนึ่งโอบไหล่ผมไว้

ดันให้เอนเข้ามาหาเขา มืออีกข้างก็สอดเข้ามาข้างในเสื้อนอน และลูบไล้ไปตามแผ่นอกของผม มันสร้างความรุ่มร้อนให้เกิดขึ้นในกาย

ยามที่เขาลากมือผ่านไปตามส่วนต่างๆ ผมถึงกับครางฮือ เมื่อเดียร์เคลื่อนมือลงต่ำไปจนถึงท้องน้อย เขาค้างมือเวียนวนลูบไล้อยู่แค่ตรงนั้น



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #217 เมื่อ23-12-2008 12:05:44 »

ปากของผมถูกเปิดออกด้วยริมฝีปากของเขา เดียร์สอดลิ้นอุ่นๆแทรกเข้ามาภายใน และพลิกลิ้นอย่างชำนิชำนาญ

ถึงแม้ว่าผมจะหลับตา ไม่ได้มองดูการกระทำของเขา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความตั้งอกตั้งใจที่เด็กหนุ่มแสดงออกต่อผม

เขามอบจูบที่หวานล้ำให้ ผมจำได้อย่างลางเลือนว่าตัวเองก็จูบโต้ตอบเขาด้วยเช่นกัน เราแลกลิ้นกันพัลวัน

ความตะขิดตะขวงใจที่ต้องจูบกับผู้ชายแต่ก่อนเก่ามลายหายไปสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหลับตาจนไม่สามารถมองเห็นความเป็นชายของเขา

หรือเพราะรสจูบที่เร้าอารมณ์กันแน่ ที่ทำให้ผมตอบสนองเขาอย่างสมกัน



มือของเด็กหนุ่มสอดเข้ามาในกางเกงนอนของผม และกอบกุมน้องชายตัวน้อยของผมไว้ เดียร์ลูบไล้คลึงเค้นไปตามลำตัวเรียวน้อยอย่างอ่อนโยน

จากนั้นเขาก็งัดเจ้าหนูน้อยที่กำลังเริงร่าของผมให้ออกมาเต้นดึ๋งดั๋งเต็มไม้เต็มมือเขาข้างนอก

“ไวไฟจังเลยนะครับ เรียวนี่ปลุกเร้านิดเดียวก็มีอารมณ์แล้ว ดีจังเลยครับ”


เสียงกระซิบแผ่วจากปากของเรียว ทำให้ผมได้สติ เมื่อลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นหน้าของเดียร์ลอยอยู่ใกล้แค่คืบ

เขาก้มลงจะฝังจมูกลงที่ซอกคอเหมือนเมื่อครู่ที่เขาทำจนผมเกิดความเคลิบเคลิ้ม แต่ผมเบี่ยงหน้าหนีได้ทัน พยายามจะขยับตัวออก

แต่ไม่ถนัด เนื่องจากร่างกายส่วนหนึ่งของผม เอนอิงไปซบอกเขา และในมือของเด็กหนุ่มยังมีน้องชายของผมเป็นตัวประกันอยู่

“อย่าทำเลย”

ผมขอร้องเขา อกใจสั่นไหว เดียร์ยิ้มให้ผมอย่างปลอบประโลม เขาคงรู้ว่าอารมณ์ของผมสะดุดลงหลังจากได้ยินคำพูดนั้นของเขา และเด็กหนุ่มกำลังพยายามจะเริ่มมันใหม่


“ไม่เป็นไรหรอกครับเรียว ถึงแม้ว่ามันจะไม่อยู่ในสัญญาของเราก็ตาม แต่ผมยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจนะครับ

ถ้าเรียวปล่อยให้อารมณ์ค้าง จะทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น เรียวเห็นด้วยไหมครับว่าหลายคืนที่ผ่านมานี้

เรียวหลับฝันดี เพราะว่ามีผมคอยทำให้เรียวมีความสุข แล้วเรียวก็ไม่ต้องมาขอบใจผมด้วย ผมยินดีบริการตราบเท่าที่เรียวต้องการน่ะครับ ดังนั้นเชิญใช้ผมได้เลย ครับ”



เขาทำเป็นไขสือ ไม่ใส่ใจกับสาเหตุที่ทำให้ผมหมดอารมณ์ พลางยิ้มหวานประจบ ผมนึกชังรอยยิ้มแบบนั้นของเขาจัง

มันเหมือนรอยยิ้มของเด็กๆ ดูใสชื่อ บริสุทธิ์ แต่จริงๆแล้ว เจ้าของรอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ห์แสนกลเสียเหลือเกิน



ผมทำหน้าบึ้งใส่เขา ใครจะไปเห็นด้วยกับคำพูดแบบนั้นของเขาเล่า การที่ผมไม่ยอมให้เขาทำ มันไม่เกี่ยวกับสัญญาอะไรนั่นหรอก

มันเป็นเรื่องของความเหมาะสมมากกว่า ผมเป็นผู้ชาย จะให้ผมชื่นชอบ การถูกเล้าโลมจากผู้ชายด้วยกันได้ยังไง

มันต้องเป็นการกระทำจากพวกผู้หญิงมากกว่าที่จะทำให้ผมมีอารมณ์ได้.....


ทว่า.....มันไม่จริงหรอก .......ในที่สุดผมก็ให้คำตอบของตัวเอง ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้น ผมก็ดันผ่ามีอารมณ์กับผู้ชายด้วย

ดังนั้นเมื่อเดียร์ไม่ยอมหยุดขยับมือ แถมซ้ำยังทำเป็นมึนกอดจูบลูบไล้ผมอีกครั้ง ผมจึงเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาทำกับผมอย่างที่เคยทำมาอีกจนได้


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #218 เมื่อ23-12-2008 12:06:01 »

บทที่ 18



ผมสงสัยมานานมาแล้วว่า หลังจากที่เดียร์ปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ให้ผมแล้วตัวเขาล่ะ เกิดอารมณ์ขึ้นมาบ้างไหม

เขาทำอะไรให้ตัวเองบ้าง เพราะทุกครั้งที่เดียร์ช่วยให้ผมถึงสวรรค์ เขาจะพูดคุยยิ้มแย้มกับผมด้วยความภาคภูมิใจที่สามารถทำให้ผมเสร็จได้ทุกครั้ง

ยกเว้นครั้งเดียวตอนที่ผมโกรธ จากการสังเกตของผม พบว่าเดียร์มักจะเดินเข้าห้องน้ำ แล้วหายเข้าไปสัก 15 นาที ก่อนจะออกมาด้วยสีหน้าสดชื่นรื่นเริง

ผมเข้าใจเอาว่า เขาคงเข้าไปช่วยเหลือตัวเองในห้องน้ำ แต่ก็ไม่กล้าถามให้แน่ใจ จนกระทั่งคืนนั้น หลังจากที่เขาปฏิบัติภารกิจให้ผมเสร็จ ผมอดไม่ได้จึงถามเขาขึ้นมา


“นายช่วยฉันแล้ว จากนั้นนายทำอะไรให้กับตัวเองบ้าง”

“อะไรหรือครับ”

เดียร์เงยหน้าขึ้นจากการเลียนิ้วมือที่เลอะคราบน้ำรักของผม ลิ้นสีชมพูของเด็กหนุ่มกวาดไปทั่วนิ้วจนสะอาด ขณะที่ตาจับจ้องมองว่าผมจะพูดอะไรต่อ

“นายมีอารมณ์บ้างหรือเปล่า เวลา เอ้อ.....เวลาที่นายทำให้ฉัน”

เด็กหนุ่มหัวเราะ

“มีสิ มีมากด้วย จนบางครั้งนึกอยากจะปล้ำคุณแล้วจัดการคุณเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ไม่กล้านะครับ กลัวว่าคุณจะ
โกรธผม

อยากให้เรียวยินยอมพร้อมใจด้วยตนเองดีกว่า ผมกลัวตัวเองเหมือนกันว่าจะเผลอบังคับขืนใจเรียวขึ้นมา จึงต้องหยุดตัวเองไว้ก่อน

ไม่อยากทำกับคนที่ไม่เต็มใจอ่ะครับผมน่ะก็เลยต้องช่วยตัวเองทุกครั้งในห้องน้ำบ้านเรียวนี่แหละ บางทีก็อาบน้ำไปพร้อมกันเลย

มันจะได้ดับความร้อนรุ่มในกายลง แล้วก็ได้แต่หวังว่าในวันหนึ่ง ผมจะได้ทำกับเจ้าของบ้านนี้บ้าง”


“ดีแล้วที่คิดได้ว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยโดยที่ฉันไม่ได้ยินยอม อย่าคิดอะไรให้มันไกลเกินเอื้อมมากนักนะ หวังมากไป

ถ้าไม่ได้จะเสียอารมณ์ไปเปล่าๆ เพราะฉันน่ะ ไม่ยอมมีอะไรกับนายเด็ดขาด เลิกฝันได้เลย”

เดียร์ยิ้มยั่ว ทำหน้าล้อเลียน


“ท่าทางมั่นใจเหลือเกินนะครับ ว่าจะไม่ใจอ่อน เห็นเรียวยืนยันแข็งขันแบบนี้ ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอกครับ ผมน่ะ จะต้องทำให้เรียวยอมเป็นของผมให้จงได้”

“ไม่มีทาง ฉันเป็นผู้ชาย ฉันไม่ยอมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันหรอก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทำ หรือเป็นฝ่ายโดนทำ นายควรจะไปหาคนอื่น”


ปากก็บอกว่ามั่นใจ แต่ในส่วนลึกกลับไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเองสักเท่าไหร่ การโต้ตอบของผมที่พูดออกไปเพียงเพราะต้องการเอาชนะเด็กหนุ่ม

และเหมือนเป็นการประกาศกร้าวกับตัวเอง เพื่อสั่งจิตมิให้หลงระเริงไปกับการปลุกเร้าอารมณ์ของเขา ผมไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสามี หรือ ภรรยาของผู้ชายด้วยกัน

ผมจะไม่มีวันยอมให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด

“ผมไม่ไปไหนหรอก เพราะว่าผมเห็นเส้นชัยแล้ว อีกไม่นานเรียวต้องรักผมแน่ๆ”

เด็กหนุ่มทำตาเจ้าเล่ห์ จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงเหยียดเท้าออก และยันคนนั่งใกล้ให้ออกไปห่างๆตัว เขาแสร้งทำตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อน

ผมจึงออกแรงอีกนิดหน่อยเพื่อถีบเขาลงจากโซฟา ตั้งใจจะแกล้งเขาเล่น เด็กหนุ่มรับมุขผมด้วยการทำเป็นไถลตัวเลื่อนจากเบาะลงไปนั่งกองกับพื้นห้อง

ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เขาทำเป็นโกรธใส่ผม


“รังแกอีกแล้ว ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า เลยแกล้งได้แกล้งเอาหรือครับ อยากโดนแบบเมื่อสักครู่นี้อีกใช่ไหม คราวหน้าถ้าแกล้งผมอีก

ผมจะไม่อยู่เฉยแล้วนะครับ ผมจะกอด จูบ เรียว เอาคืนให้เท่ากับที่เรียวทำกับผม หรือ มากกว่าเลยล่ะ”


หน้าของเดียร์มีรอยยิ้มยียวนประดับอยู่ที่ริมฝีปาก สายตาที่มองผมมีแววหยอกเย้า ผมมองหน้าเจ้าเล่ห์นั้น อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เจ้าบ้านี่ ทำไมชอบทำหน้าแบบนี้ใส่ผมนักนะ รู้หรือเปล่าว่าถ้าทำหน้าแบบนี้แล้ว มันทำให้หน้าตาของเขาดูน่ารักมาก

เหมือนโจรเจ้าเล่ห์ที่รูปหล่อบาดตาบาดใจ ทั้งร้ายทั้งน่ารัก เห็นแล้วก็รู้สึกหวั่นไหวทุกที พอคิดแบบนี้ทีไร

ผมก็ยิ่งตกใจว่าทำไมตัวเองถึงนิยมชมชอบหมอนี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่นะ นี่ผมกำลังเป็นบ้าไปหรือเปล่า

อย่าบอกนะว่าผมเทใจให้เขาแล้ว



ไม่จริงหรอก ผมบอกตัวเอง ผมคงไม่ได้ชอบเดียร์แบบคนรักอย่างที่นึกกลัว ถ้าจะชอบก็คงเพราะเด็กคนนี้ทำให้ผมมีความสุข อยู่ด้วยแล้วสบายใจ

แม้เขาจะทำนัวเนียอยู่กับผม และทำตัววุ่นวายให้ปวดหัวเล่น แต่เจ้าหมอนี่ก็เป็นคนนิสัยดี น่ารัก ความขี้อ้อน ชอบประจบเอาใจทำให้ผมเกิดความเอ็นดูเด็กนี่อย่างมาก

อีกทั้งความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้น กับใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมอดที่จะมองโลกด้านดีตามเขาไปด้วยไม่ได้



เดียร์น่าจะเหมาะเป็นน้องชายของผมมากกว่า ผมเองก็เป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้องที่คลานตามกันมา แถมซ้ำพ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว

มีน้องชายน่ารักที่คอยปรนนิบัติ ทำทุกอย่างให้ก็น่าจะดี ถ้าความสัมพันธ์เป็นในรูปแบบนี้ ผมก็พอจะลดความกังวลใจได้บ้าง

ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่งของผมดีกว่า ตอนแรก เดียร์อาจจะไม่ยินยอม

แต่ผมต้องพยายามปรับเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของเขาให้ได้ โดยที่ตัวผมเองก็ต้องระมัดระวังไม่เผลอเปลี่ยนใจไปชอบเขาแบบแฟนเสียก่อน


“ทำมาขู่เจ้าของบ้านเหรอ กลับไปเลย นายเดียร์ นี่มันก็ดึกแล้ว สัญญาต้องเป็นสัญญา”


ผมไล่เด็กหนุ่มกลับ โดยใช้สิทธิของการเป็นเจ้าของบ้านและอ้างคำพูดที่ตกลงกันไว้ เดียร์ทำหน้างอนๆเหมือนเด็กถูกขัดใจ

แต่เมื่อเห็นผมทำท่าเคร่งขรึมเข้าใส่ เขาก็ยินยอมโดยดี

“กลับก็ได้ แต่ว่า เรียวต้องกอดลาผมก่อนนะ”

เขาเดินเข้ามาหาผม ยิ้มให้อย่างอ้อนๆ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการเรื่องมากของเขา ก่อนจะเดินไปหาเด็กหนุ่มและกางมือออกสวมกอดเขาไว้หลวมๆ

เดียร์ทำปากจิ๊จ๊ะ จากนั้นก็โอบสองแขนไว้รอบไหล่ผม และซุกหน้าตรงที่ต้นคอ


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #219 เมื่อ23-12-2008 12:06:28 »

“เรียวนี่ ไม่ได้เรื่องจริงๆเลย กอดคนรัก เขาต้องกอดแน่นๆแบบนี้รู้ไหม ความอบอุ่นมันจะได้ถ่ายเทถึงกันได้

กอดแบบเรียว มันดูห่างเหิน ไม่สนิทใจอ่ะครับ คราวหลัง ต้องกอดแบบนี้นะ ถ้าเรียวไม่กอด ผมจะเป็นฝ่ายกอดเรียวให้แน่นๆเอง”

เขากระซิบที่ข้างหู และก่อนที่จะผละออก เดียร์ก็จูบเบาๆที่ข้างแก้มของผม


“ฝันดีนะครับที่รัก คิดถึงผมบ้างนะคืนนี้”


เด็กหนุ่มใช้มือไล้แก้มข้างที่เขาเพิ่งจูบไปเมื่อสักครู่อย่างแผ่วเบา เขายิ้มหวานให้ผม จากนั้นก็เก็บสัมภาระของตัวเองเข้ากระเป๋าสะพาย

ผมไปส่งเขาที่รั้วหน้าบ้าน ลมพัดแรง กระโชกจนใบมะม่วงที่ผมปลูกไว้หน้าบ้านร่วงกราว ท่าทางเหมือนฝนกำลังจะตก

ผมรีบบอกให้เด็กหนุ่มกลับบ้าน เดี๋ยวฝนตกมาจะลำบาก เด็กหนุ่มทำท่าอาลัยอาวรณ์ไม่อยากไป แล้วจู่ๆเขาก็เดินเข้ามากอดผมแล้วจูบที่แก้มผมอีก


“ไม่อยากไปเลยอ่ะ อยากอยู่ด้วยกันอีก แต่ก็ต้องกลับตามสัญญา เมื่อไหร่ที่เราจะอยู่ด้วยกันโดยที่ผมไม่ต้องรีบกลับก็ไม่รู้”


เด็กหนุ่มพูดเสียงเศร้าๆ ผมยิ้มให้เขา อย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี พลางดันหลังให้เขารีบไปก่อนฝนจะตก เด็กหนุ่มยิ้มให้ผม แล้วก้าวเดินจากไป

ผมยืนส่งเขาที่หน้าบ้าน จนกระทั่งเห็นเขาเรียกมอเตอร์ไซด์ให้ไปส่งหน้าปากซอยได้แล้ว จึงหันหลังกลับ ช่วงจังหวะนั้นเองที่ผมเห็นเงาตะคุ่มอยู่ตรงประตูบ้านที่ฝั่งตรงข้าม

เมื่อหันไปมองก็เห็นพี่สมชายยืนมองผมอยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทางเหมือนคนเพิ่งจะกลับ เพราะผมเห็นเขายังอยู่ในเสื้อผ้าชุดทำงาน น่าแปลกที่วันนี้พี่สมชายไม่ได้เอารถไปทำงานเหมือนเคย


“เพิ่งกลับเหรอครับพี่”

ผมทักทายเขาอย่างคนคุ้นเคยกันดี พลางนึกสงสัยในใจว่า เขายืนอยู่ตรงนั้นนานหรือยัง ทำไมผมจึงไม่เห็นเขาเลย

แล้วเขายืนอยู่นานพอจนทันได้เห็นเดียร์กอดและจูบผมไหมหนอ

“ช่าย งานเยอะอ่ะ วันนี้ไม่ได้เอารถไปด้วย แฟนเขาเอาไปใช้ เลยกลับดึกเข้าไปใหญ่”

เขาตอบผม ท่าทางพี่สมชายเหมือนกำลังมีพิรุธ ผมมองดูพี่สมชายเห็นท่าทางที่ยืนดูคล้ายคนเมายังไงไม่รู้

“ผมเข้าบ้านก่อนนะครับ”

ผมตัดบทเพียงแค่นั้น ได้ยินพี่สมชายตอบรับกลับมาว่าเขาจะเข้าบ้านเองเช่นกัน เมื่อเข้ามายืนในบ้านผมก็อดครุ่นคิดไม่ได้ นึกหวั่นใจกลัวว่าพี่สมชายจะเห็นผมกับเดียร์แล้วคิดไปต่างๆนานา ไม่อยากให้แกเอาไปพูดวิพากษ์วิจารณ์เสียๆหายๆในภายหลัง ถึงแม้แกจะไม่มีประวัติเป็นพวกช่างเม้าท์ก็ตาม แต่แกอาจจะเผอเรอไปพูดกับเมีย แล้วเมียเอาไปโพนทะนาต่อก็ได้ ใครจะรู้ ยิ่งคิด ก็ยิ่งเกิดความโมโหขึ้นมา ที่ไม่น่าพลาดให้เดียร์กอดจูบตามอำเภอใจเลย แถมซ้ำยังไปทำให้คนอื่นเห็นอีกด้วย เจ้าตัวน่ะไม่เสียหายหรอก อาจจะชอบด้วยซ้ำ เพราะอยากจะแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมเสียเหลือเกิน แต่ผมสิ หนุ่มโสด ที่พัวพันนัวเนียอยู่กับเกย์ คนต้องหาว่าผมเป็นเกย์ด้วยแน่ๆ


แล้วดูสิ ทิ้งถุงใส่วีซีดีหนังเกย์ที่ซื้อมาไว้ที่นี่อีก คงกะจะให้ผมเอาไว้ดูเพื่อเปลี่ยนใจผมกระมัง เจ้าหมอนี่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด คิดว่าจะเปลี่ยนใจคนอื่นให้เป็นอย่างตัวเองได้เหรอ คอยดูนะ หากเจ้านี่ โทรมาหาเมื่อไหร่ จะด่าให้แสบไปเลย


ผมคิดในใจด้วยความฉุนเฉียว หยิบถุงใส่หนังแผ่นของเดียร์ไปวางไว้ในตู้ที่เก็บซีดี แล้วทำหน้าขึ้งโกรธใส่อากาศที่ว่างเปล่ารอบตัว พยายามนึกให้เป็นตัวเจ้าเด็กนั่น อยากให้มาอยู่ตรงหน้า จะได้พูดคุยเจรจา ห้ามปรามไม่ให้ทำอะไรตามใจตัวเองอีกต่อไป ผมพยายามนึกถึงข้อห้ามต่างๆที่จะใส่เพิ่มเข้าไปในสัญญาระหว่างเรา ไม่รู้ล่ะ ถึงจะตกลงกันแล้ว ผมก็จะใส่เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อความสงบสุขในชีวิตของตนเอง ไม่อยากให้ใครตราหน้าว่า เป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศ ชอบไม้ป่าเดียวกัน


สีหน้าเยาะเย้ยของอรจิรา ที่มองผมในวันนั้น รวมถึงคำพูดของผู้บริหาร และสายตาอยากรู้อยากเห็นของยามในคืนที่เดียร์ไปหาผมที่สำนักงานมันคอยหลอนจิตใจผมตลอดเวลา แม้จะยังไม่มีใครพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ลางสังหรณ์บอกผมว่า ในไม่ช้าไม่นาน เรื่องร้ายๆคงจะเกิดขึ้นกับผมอย่างแน่นอน


เสียงคำรามครืนโครมดังแว่วมาไกลๆจากข้างนอก ฝนตกแล้ว ท่าทางจะตกหนักเสียด้วย มีฟ้าแล่บแปลบปลาบ สลับกับฟ้าผ่าเป็นระยะ ผมปิดหน้าต่างห้องรับแขกด้วยกลัวว่าฝนจะสาดเข้ามา หลังจากตรวจตราความเรียบแล้วภายในบ้านแล้ว ผมก็กลับขึ้นห้องนอน แต่ยังไม่หลับ ใจคิดไปถึงเรื่องของตัวเองและเด็กหนุ่ม นึกอยากจะให้เจ้าบ้านั่นโทรมาไวไว จะได้พูดคุยกันให้รู้เรื่องไปเสียที ป่านนี้จะกลับไปถึงบ้านหรือยังก็ไม่รู้ ฝนก็ดันมาตกอีก ตามปกติ ถึงบ้านแล้ว จะโทรมาตลอด แต่จนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะโทรกลับมา สงสัยฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว คงจะทำให้การจราจรติดขัด กลับบ้านช้าแน่ๆ คงต้องรออีกสักพัก


แต่แล้วผมก็ไม่มีโอกาสจะได้ด่าหรือพูดคุยกับเดียร์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์จากเด็กหนุ่มตลอดอาทิตย์นั้น อันที่จริง หลังจากเขากลับออกไปเมื่อวันพุธที่แล้ว เขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา ไม่โทรมาหา ไม่มาให้เห็นหน้า หรือกวนใจอีกเลย สิ่งใดที่เคยทำเป็นประจำเขาก็งดไปจนน่าสงสัย เดิมเคยมาส่งหนังสือพิมพ์กับอาหารเช้าให้ทุกวัน ก็กลับไม่มาดังปกติ


ตั้งแต่เริ่มคบหาเป็นแฟนกันตามสัญญา เจ้าเด็กนี่ก็มาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผมในการคุ้นเคยที่จะมีเขา เวลาที่ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืดผมจะเปิดหน้าต่างมองลงไปข้างล่างที่ประตูรั้วด้านหน้าเพื่อรอใครบางคนเป็นประจำ แต่ในเช้าวันพฤหัสบดีกลับไม่มีเด็กส่งหนังสือพิมพ์คนที่กวนอารมณ์ของผม จะมีก็แต่เด็กส่งหนังสือพิมพ์คนเก่าที่เคยส่งแต่บ้านอื่น ไม่ใช่บ้านของผม เพราะแต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยรับหนังสือพิมพ์ที่บ้านอยู่แล้ว


ที่ร้านอาหารบ้านคุณป้า ในช่วงสองวันสุดท้ายในสัปดาห์ที่ผมไปกินข้าวพร้อมกับเจ้าสันต์ ผมได้ทานอาหารในจานเท่ากับคนปกติ ไม่มีพิเศษ แถมซ้ำรสชาติก็ต่างไปจากเดิม เจ้าแซ่บให้ความกระจ่างกับผม เมื่อถูกเจ้าสันต์ซักด้วยความสงสัยความเดียร์ไม่มาทำงานได้สองวันแล้ว ไม่โทรมาบอกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ที่ร้านกาแฟก็ไม่ได้ไปทำด้วย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #219 เมื่อ: 23-12-2008 12:06:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #220 เมื่อ23-12-2008 12:07:06 »

ผมฟังสิ่งที่แซ่บบอก ในใจก็คิดไปต่างๆนานา เจ้าเด็กนี่ไปอยู่เสียที่ไหนกันหนอ ทำไมไม่ติดต่อส่งข่าวคราวให้ใครๆรู้บ้าง

จะไปไหนมาไหนทำไมไม่บอก เล่นหายเงียบไปอย่างนี้คนจะติดต่อเขาได้อย่างไร หนีงานไปเที่ยว ขี้เกียจทำงาน หรือว่า ติดธุระอื่น

หมอนี่ดูท่าทางไม่เหมือนคนที่ไม่รับผิดชอบต่อการงาน เขาเป็นคนขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ แถมซ้ำยังทำงานมากมายหลายอย่าง

เก็บเงินเก็บทองไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของตัวเองสำหรับการอยู่กรุงเทพฯ ดังนั้นการที่เขาหายไปอาจจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไม่อาจจะรู้



ช่างปะไร ไม่เห็นจะอยากใส่ใจเลย ไม่มาให้เห็นก็ยิ่งดีใหญ่ มาทีไรก็ชอบทำให้วุ่นวายขายหน้า แถมซ้ำยังชอบทำอะไรรุ่มร่ามไม่ค่อยระมัดระวัง

คนอื่นจึงเห็นผมกับเขาสองคนจนได้ เจ้าเด็กนั่นจะไปไหนหรือทำอะไรก็ไม่เห็นว่าผมจะต้องไปวิตกทุกข์ร้อนอะไรนี่นา

เอาเวลาที่จะไปคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเดียร์ไปทำงานทำการของตนเองดีกว่า งานยิ่งเยอะอยู่ด้วย
น่าแปลกที่สองวันที่เหลือ งานไม่ได้ยุ่งอย่างที่คิด

อาจจะเป็นเพราะสามวันที่ผ่านมา ผมกับลูกน้องในฝ่ายช่วยกันทำงานอย่างหนัก กลับบ้านกันจนดึกจนดื่น เลยทำให้มีงานคั่งค้างไม่มากนัก

เมื่อสำรวจดูปริมาณงานที่เหลืออยู่ว่ามันสามารถทำได้ในเวลาปกติ ไม่จำเป็นต้องอยู่ดึก ผมจึงอนุญาตให้ลูกน้องกลับบ้านตามเวลาเลิกงาน

เนื่องจากรู้สึกสงสารลูกเมีย และ คนในครอบครัวของพวกเขา ที่ต้องมานั่งถ่างตารอการกลับมาบ้านทุกวัน ไม่อยากให้ปัญหาครอบครัวเกิดขึ้น

จากการที่พวกเขาต้องมาทุ่มเทให้กับงานจนไม่มีเวลาให้กับตัวเองและคนในครอบครัว ผมเป็นคนโสดจึงสามารถทำอย่างนั้นได้

แต่ลูกน้องบางคนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว หรือคนที่ยังโสดแต่มีแฟน พวกเขาต้องการเวลาที่เป็นส่วนตัวบ้าง ขืนบ้างานอย่างผม คงทำให้สถาบันครอบครัวล่มสลายแน่



พอกลับบ้านเร็วขึ้น ก็ไม่มีอะไรทำเหมือนเดิม ได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่หน้าจอทีวี ดูหนัง ดูละคร เกมส์โชว์ที่ไร้สาระไปวันๆ เพื่อฆ่าเวลา ผมไม่ค่อยได้ออกเที่ยวนานแล้ว รู้สึกไม่สนุกที่จะไป แม้ว่าเจ้าสันต์จะพยายามชักชวนลากจูงอย่างไร ผมก็ปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง รู้สึกว่าหมดวัยที่จะไปเที่ยวเตร่เฮฮาแล้ว อีกอย่างผมก็พยายามเลี่ยงสถานที่ที่มีแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มน้ำเมาทุกชนิด ไม่อยากจะเสียคนเหมือนเมื่อก่อน ที่เมาหัวราน้ำยามที่อกหัก ครั้งเดียวสำหรับการใช้ชีวิตที่ดำดิ่งลงสู่ห้วงทุกข์ ก็เพียงพอแล้ว ผมไม่ต้องการจะหวนกลับไปหามันอีก ดังนั้นผมจึงชอบที่จะหมกตัวอยู่กับบ้านมากกว่า



แต่ชีวิตผมมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เด็กบ้านั่น ทำให้ผมไม่คุ้นเคยกับการอยู่คนเดียวอีกต่อไป ตอนที่นั่งเหงาๆอยู่ในบ้าน อยู่ดีๆผมก็ดันนึกถึงเจ้าเด็กบ้านั่นขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร ภาพของเจ้าเด็กนั่นแว่บเข้ามาในสมองแล้วก็คงอยู่แบบนั้น หน้าทะเล้นและยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผมเคยเห็นจนชินตา แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นมันอีก ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย



วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เดียร์จะต้องมาค้างที่บ้านเป็นประจำ แต่นี่จะปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะโผล่มา ตามปกติ ทุกๆเช้ามืดวันอาทิตย์ เดียร์จะมากดออดและคอยอยู่ตรงหน้าประตูด้วยความกระตือรือร้น ในมือถือกับข้าวมากมายมาฝาก พอวางของเสร็จก็จะเข้ามากอด นัวเนียไม่ยอมห่าง ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า เดิมทีผมรู้สึกรำคาญที่เขาเข้ามาชิดใกล้ มันทำให้ผมไม่เป็นอิสระ แต่เมื่อไล่แล้วเจ้าเด็กนี่ไม่ยอมไป แถมซ้ำยังมาอยู่ใกล้ๆผมมากยิ่งขึ้น นานเข้ามันก็กลายเป็นความเคยชิน ผมไม่ได้รังเกียจที่จะมีเขาอยู่ในบ้านอีกต่อไป แถมซ้ำผมยังมีความรู้สึกดีๆให้กับเขาอีก เวลาที่ผมถูกเขากอดหรือสัมผัสมากๆเข้ามันเหมือนมีความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามา เหมือนแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างในฤดูหนาวที่เงียบเหงา ช่วยละลายความเย็นเฉียบที่เกาะอยู่ในใจผม



จะว่าไปแล้วผมก็ยอมรับว่า ในส่วนลึกของจิตใจผมนั้นรู้สึกดีที่มีเดียร์อยู่ด้วย วันไหนที่เดียร์ไม่โทรมา หรือโทรมาช้า ก็จะหงุดหงิด ตอนเช้าๆของทุกวัน หรือแม้กระทั่งวันอาทิตย์ ผมก็คอยแต่ชะเง้อ ชะแง้มอง ดูว่าเดียร์จะมาเมื่อไหร่ พอเด็กหนุ่มมาหาตามที่ได้สัญญากันไว้ ผมก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ เพื่อปกปิดอาการดีใจที่ได้เห็นหน้าเขาของตนเอง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงเกิดอารมณ์หงุดหงิดง่ายแบบนี้ รู้แต่ว่าจะเป็นบ่อยหากว่าเดียร์หายไปโดยไม่บอกกล่าว



ถ้าวันไหนที่เดียร์ไม่โทรมา เขาก็จะโทรมาหาผมแบบดับเบิ้ลในวันถัดไป เดิมเคยโทรมาวันละสามครั้ง ก็จะกลายเป็นวันละหกครั้ง เหตุผลของเขาก็คือ เพื่อชดเชยกับวันที่เขาไม่ได้โทรมาหาหาผม เหตุผลของคนเจ้าเล่ห์ที่เรียกรอยยิ้มของผมตลอดเวลา เดียร์จะไม่ยอมเสียเปรียบผมด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ หากเขาคิดว่านั่นคือสิทธิที่เขาควรได้จากผม เขาก็จะเรียกร้องเอาเต็มเม็ดเต็มหน่วย



เขาเคยบอกผมว่า เขาอยากจะมาหาผมตั้งแต่เที่ยงคืนของวันเสาร์ต่อเช้าของวันอาทิตย์เลย เพราะอยากจะอยู่กับผมแบบเต็ม 24 ชั่วโมง แต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาของผม ซึ่งผมก็มักจะเถียงกับเขาว่า เขาก็อยู่กับผมเกิน 24 ชั่วโมงเหมือนกัน เพราะผมไม่ได้ไล่เขากลับตอนเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ แต่ให้เขานอนที่บ้านผมด้วย จนกระทั่งเช้า แถมบางวันยังเกิน 24 ชั่วโมงอีก เพราะเขาตื่นสาย ถึงแม้ผมจะอ้างแบบนี้กับเขา แต่เด็กหนุ่มนั่นก็ยังดื้อตาใส เถียงเพื่อให้ได้อยู่กับผมเกินกว่า 24 ชั่วโมงทุกครั้ง



แม้จะรู้ว่าผมไม่มีทางให้ เขาก็ยังพยายามพูดเพื่อให้ผมใจอ่อน ความดื้อ และ เกเรแบบเด็กๆของเขามันทำให้ผมเกิดความรู้สึกหมั่นไส้แกมเอ็นดูในตัวเขายิ่งนัก เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ผมตระหนักในคุณค่าของตนเอง ว่ายังมีคนที่รักและอยากอยู่กับผม ถึงขั้นพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ เขาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นหลังจากสูญเสียความมั่นใจไปจนหมดแล้วเมื่อคบกับอรจิรา ความเอาใจใส่ที่เขาทุ่มเทมีให้กับผม ทำให้ผมนิยมชมชอบเด็กบ้านั่นเรื่อยๆ



แต่วันนี้เด็กหนุ่มไม่มา ทั้งที่เขาดิ้นรนตลอดเวลาที่จะได้อยู่กับผม ไม่รู้ว่าหายไปไหน ไปทำอะไร ไม่มีแม้แต่กระทั่งโทรศัพท์มาบอกมากล่าวกันบ้าง ผมเดินวนไปเวียนมาอยู่ในบ้าน เหมือนหนูติดจั่น ไม่เป็นอันทำการทำงานอะไร ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินเลยสักมื้อ ตั้งแต่เช้ามาแล้วที่ผมครุ่นคิดกังวลว่าทำไมเด็กหนุ่มยังไม่มาหาอีก เดียร์ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย โดยปกติ ผมจะไล่ยังไงก็ไม่เคยไป มีแต่จะอ้อนวอนขออยู่ต่อ นี่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ส่งข่าวมา ผมว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่



มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับหมอนี่หรือเปล่านะ จะไปถูกใครทำร้ายอีกหรือเปล่า หมอนี่ยิ่งชอบมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย อาจจะกำลังหนีการตามไล่ล่าของพวกคนใจร้ายอย่างหัวซุกหัวซุนอยู่ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ใครจะคอยช่วยเหลือ นี่ถ้าผมอยู่ด้วย ก็อาจจะพอช่วยได้บ้าง แม้จะไม่ถึงขนาดต่อยตีเพื่อช่วยเหลือเขา แต่ผมก็สามารถพาเขาขึ้นรถหนีได้ เหมือนที่เคยช่วยเขาไว้ด้วยวิธีนี้ในอดีต



โอ๊ย ไม่อยากคิดให้มันร้ายๆเลย บางทีอาจจะไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้ ผมอาจจะหงุดหงิดและเครียดไปหน่อยที่ไม่เห็นหน้าเขา แต่การที่เดียร์หายไป ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปพบกับอันตรายนี่นา เด็กนั่นแกร่งพอสมควรและเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่เอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มันเสี่ยงหรอก ประเด็นนี้ตัดไปได้เลย



ถ้างั้นเป็นไปได้หรือเปล่าว่าที่หายไปเพราะมีงานคอนเสิร์ต หรืองานเปิดตัวสินค้าที่เขาต้องไปเต้นโชว์ให้ หมอนี่เคยบอกผมว่ารักการเต้นรำมาก ช่วงนี้ศิลปินหลายค่ายออกเทปใหม่ชนกันเยอะ เห็นโปรโมทตามสื่อต่างๆมากมาย ผมยังได้ยินแว่วๆว่ามีนักร้องหลายคนจะเปิดคอนเสิร์ตเพื่อเพิ่มยอดขายให้เทปตัวเอง เด็กนี่อาจจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเต้นให้กับนักร้องคนไหนก็ได้



หรือว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้มีการสอบกันนะ เขาเลยเก็บตัวอ่านหนังสือไม่ไปทำงาน ผมมักจะเห็นเขาหอบหนังสือใส่เป้มาด้วยทุกครั้งเวลามาเจอผม แต่ไม่เคยได้อ่านสักที เพราะเขามัวแต่วุ่นวาย จัดโน่น จัดนี่ ทำกับข้าว และทำความสะอาดบ้านให้ผม ไหนจะงานประจำของตนเอง เขาคงยุ่งมากจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เลยต้องหาเวลาทุ่มเทกับมันก่อนไปสอบก็ได้



แล้วถ้าเป็นเหตุผลเพียงแค่นั้น ทำไมเด็กนั่นจึงไม่โทรมาบอกกล่าวล่ะ ผมไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากสักหน่อย อีกอย่างถ้าเขาจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย แต่เอ ไม่เกี่ยวจริงเหรอ แล้วที่ผมเก็บมาครุ่นคิด ถามเองตอบเอง แบบนี้ มันคืออะไรกันล่ะ มันจะบอกว่า ผมไม่ใส่ใจในตัวเขาเลยงั้นเหรอ ไม่ล่ะ ผมไม่อาจจะโกหกตัวเองแบบนั้นได้ ใจของผมมันบอกว่า ผมห่วงเด็กหนุ่มจริงๆ ยิ่งกังวล ก็ยิ่งเครียด แล้วก็กลายเป็นหงุดหงิด ยิ่งเขาไม่ติดต่อกลับมา ปล่อยให้ผมวิตกอยู่อย่างนี้ ผมยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่



หรือว่า เด็กนี่จะเปลี่ยนใจ เลิกยุ่งกับผมแล้วหนอ คงเห็นว่าเปลี่ยนใจผมได้ยาก ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีใครกวนใจ แต่เอ มันจะดีจริงๆนะเหรอ ถ้าเขาไม่รักผมเหมือนเดิม ไม่มาหาผมอีก ไม่วุ่นวายกับผม ไม่มานัวเนียชิดใกล้ ไม่มาทำดื้อดึง เอาแต่ใจตัวเอง หรือทำตัวให้ผมด่าอย่างเคย ผมจะมีความสุขได้จริงๆเหรอ ผมเองก็ไม่อาจจะตอบแบบฟันธงลงไปได้ว่าผมต้องการให้เป็นแบบไหน หรือว่า จริงๆแล้วผมน่ะ ไม่ได้อยากให้เขาไปห่างไกลจากผมอย่างที่ปากเคยผลักไส หรือว่าจริงๆแล้ว ผมน่ะ อยากอยู่ใกล้เขาเท่าๆกับที่เขาอยากอยู่ใกล้ๆกับผม อะไรกันแน่คือความต้องการที่แท้จริง ผมให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลย



ความคิดของผมวนเวียนไปมาไม่มีที่สิ้นสุด อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่โทรมา หรือว่าต้องรอให้ผมโทรไป ไม่นะเรื่องอะไรที่ผมต้องโทรไปล่ะ จะไปไหนก็เรื่องของเขานี่ แต่เอ๊ะ ถ้าผมไม่แคร์ แล้วผมหงุดหงิดกังวลใจเรื่องของเดียร์ทำไมล่ะ ผมน่าจะใจสงบมากกว่านี้นี่



ว่าแต่ทำไมผมถึงไม่ยอมโทรไปหาเขากันนะ อย่างน้อยเขากับผมก็เป็นคนรู้จักกัน เด็กหนุ่มทำอะไรให้ผมอย่างมากมาย คอยเป็นห่วงเป็นใยผมตลอดเวลา เขาหายไปอย่างนี้ผมก็น่าจะโทรไปถามข่าวคราวบ้าง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รักชอบเขาก็ตาม แต่เราก็รู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมโลก ห่วงใยกันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลก
ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวอย่างที่ใครว่าไว้จริงๆ ใจผมคิดอะไร มือผมก็ไปตามนั้น ความที่คิดกังวลใจเกี่ยวกับตัวเขา ทำให้ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจดๆจ้อง พลางกดที่ phone book แล้วใช้นิ้วกดไล่เบอร์ไปเรื่อยๆ จนถึงเบอร์เขา ผมหยุดนิ่งชั่งใจว่าควรจะกดไปหรือไม่ ความรู้สึกหลายอย่างต่อสู้กันอยู่ในใจ จะโทรหรือไม่โทรดี โทรไป เด็กนั่นจะคิดมาก หาว่าผมสนใจเขาหรือเปล่า ถ้าไม่โทรไป ก็จะใจดำเกินไปไหม คนหายไปทั้งคน ไม่ถามไถ่กันบ้างเลย



มีเสียงกริ่งดังขึ้นยาวนานจากหน้าประตูบ้าน ผมยิ้มขึ้นมาทันที รู้สึกตื่นเต้นดีใจ คงเป็นนายเดียร์แน่ แต่แล้วผมก็รีบหุบยิ้มปั้นหน้าเครียด ไม่อยากให้เขารู้ว่าผมรื่นเริงแค่ไหนที่จะได้เจอเขา ความโกรธที่เขาไม่โทรมา ทำให้ผมต้องการเอาคืนกับเขาบ้าง ในเมื่อเขาไม่ใส่ใจจะโทรมา ผมก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องรีบร้อนไปเปิดประตูต้อนรับเขา ผมนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา ปล่อยให้เวลามันผ่านไปสัก 15 นาที จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเดินไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้า เดียร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขายิ้มทันทีที่เห็นผมเดินมา แต่ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่าวันนี้เขาดูไม่ปกติเหมือนกับทุกวัน ใบหน้าหล่อเหลาสีน้ำตาลทองของเขา กลับดูซีดเซียว ผมหยิกสลวยดูรุงรังปิดหน้าปิดตา หนวดเคราเขียวครึ้ม ท่าทางเซื่องซึมไม่ร่าเริงเหมือนที่เคยเป็น ในมือไม่ได้ถือข้าวของสำหรับทำกับข้าว มีแต่กระเป๋าเป้ที่ห้อยอยู่ที่ไหล่อย่างหลวมๆ พอผมเปิดประตูรับเขาเข้ามา เด็กหนุ่มก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ผมตกใจมาก ถลาเข้าไปประคองเขายืนขึ้น ตัวเขาหนักมากจนผมแทบจะพาเขายืนทรงตัวไม่ไหว ผิวกายร้อนเป็นไฟ ผมจับแล้วถึงกับสะดุ้ง


“นี่เราไม่สบายเหรอเนี่ย”

**************************
 :call: 2 ตอนตามสัญญานะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2008 12:08:59 โดย ไต๋ »

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #221 เมื่อ23-12-2008 15:51:55 »

กรี๊ดสองตอนรวด

จุใจมากเลยค่ะ

น้องเดียร์หายไปอย่างนี้ เรียวเริ่มคิดถึงแล้วสิ

เริ่มรู้ใจตัวเองหรือยังเรียว

ออฟไลน์ MiTo™

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #222 เมื่อ23-12-2008 17:28:10 »

 o13

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #223 เมื่อ23-12-2008 19:11:16 »

 :z1: จะหาแบบเดียร์สักคน  :z1:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #224 เมื่อ23-12-2008 20:36:01 »

:z1: จะหาแบบเดียร์สักคน  :z1:
เผื่อคนนะพี่ THIP นะนะ
อิอิ :กอด1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #225 เมื่อ23-12-2008 21:06:19 »



ชอบเดียร์มากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :-[

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #226 เมื่อ23-12-2008 21:13:13 »

:z1: จะหาแบบเดียร์สักคน  :z1:
เผื่อคนนะพี่ THIP นะนะ
อิอิ :กอด1:
:m16: แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันไม่ดีตรงไหนเลยต้องหาคนใหม่ บอกมาดิ๊

:pig4:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #227 เมื่อ23-12-2008 21:25:36 »

ขอบคุณค่า

sun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #228 เมื่อ23-12-2008 22:05:31 »

งี้แล่ะ ปู้ใหญ่ปากแข็งโนะ   

เดียร์ไม่สบาย พี่เรียว ต้องคอย ดูแลอ๊ะป่ะ  คิคิ
   :z2:

ออฟไลน์ baddy

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #229 เมื่อ24-12-2008 00:55:13 »

ผู้ชายอย่างเดียร์เนี๋ย.................หาได้แถวไหนหรอค่ะ  :-[ จะได้ไปหาเอามาเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวบ้าง อิอิ
 
    เป็นกำลังใจให้คนแต่งและคนโพสค่ะ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #229 เมื่อ: 24-12-2008 00:55:13 »





anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #230 เมื่อ24-12-2008 09:02:31 »

:z1: จะหาแบบเดียร์สักคน  :z1:
เผื่อคนนะพี่ THIP นะนะ
อิอิ :กอด1:
:m16: แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันไม่ดีตรงไหนเลยต้องหาคนใหม่ บอกมาดิ๊

:pig4:

:haun4: เหอๆๆ ก็เพราะมันดีไปหมดไง ที่เหลืออยู่นี้ไม่รู้อะไร
เลยต้องหาใหม่เผื่อๆไว้ อิอิ :laugh3:

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #231 เมื่อ24-12-2008 14:40:12 »

^
|
|
 :m19:
มีของดีไม่ีรีบคว้า ระวังหมามันจะคาบไปแด๊กซ์ !!!~

 :pig4:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #232 เมื่อ24-12-2008 15:35:42 »

 :z3: ให้มันหมดปายยยยยยยยยยยยยย

บทที่ 19



เขามองผมด้วยดวงตาสะลึมสะลือ ตระกองกอดผมเอาไว้เหมือนจะให้ผมเป็นหลักยึดเหนี่ยวไม่ให้เขาล้ม

ผมประคองเขาเข้าไปในบ้าน แล้วพาเขามานอนตรงโซฟา เพราะผมคงไม่สามารถพาเขาขึ้นไปนอนข้างบนได้ไหว เนื่องจากตัวเขาหนักมากเหลือเกิน

ผมขึ้นไปเอาหมอนกับผ้าห่มที่เขาใช้ประจำเวลามาบ้านนี้มาให้เขา แล้วก็เดินเข้าไปในครัว เอาผ้าขนหนูที่ติดมือมาด้วยใส่น้ำในกะละมัง


“ขอโทษนะครับที่มาช้า พอดีว่าผมไม่สบายเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา วันที่ผมมาหาคุณน่ะครับ ออกจากบ้านฝนก็ตกพอดี

ฝนตกตลอดทางเลย รถแท็กซี่ไม่ยอมเข้าไปส่งด้วย เพราะว่าน้ำท่วมซอย ผมเลยต้องลุยน้ำเข้าบ้าน ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบาย

แต่ก็พยายามแข็งใจไปทำงานทั้งๆที่เป็นไข้ แต่ก็ไปไม่ไหว เลยต้องขอลางานครับ ตั้งใจว่าจะนอนพักสักวัน แต่ปรากฏว่านอนซมอยู่ตั้งสองวันแน่ะครับ…………”


“เมื่อวานนี้พอจะลุกได้บ้าง ก็มีงานเต้นโชว์เร่งด่วนเข้ามา พอดีเขาขาดคนเต้นคนหนึ่งครับ เลยนึกถึงผมได้ จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียงานอื่นเลยต้องรับ

เต้นทั้งวันเลยครับ เหนื่อยมาก เต้นทั้งที่เป็นไข้เลย กลับมาถึงบ้านเมื่อวานนี้ก็ดึกมากแล้ว เพลียมาก ไข้กลับมาซ้ำอีก วันนี้ก็นอนหลับไปทั้งวัน

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นมากแล้ว นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมต้องมาหาคุณที่บ้าน วันนี้เป็นวันของเราสองคน ที่เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้คุณรอนาน

แล้วก็ไม่อยากจะเสียวันของเราไปด้วยครับ”



เขาอธิบายถึงสาเหตุที่เขาหายหน้าหายตาไปอย่างยืดยาวให้ผมฟังด้วยเสียงที่แหบแห้ง ก่อนจะไอโขลกออกมา

ผมนั่งนิ่งไม่ตอบอะไรเขา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาบิดผ้าชุบน้ำให้หมาดๆ


“ไม่พูดอะไรบ้างเลยเหรอ โกรธผมหรือครับ ขอโทษทีนะ ที่ไม่ได้โทรมาบอก ทำให้คุณกังวลใจหรือเปล่าไม่รู้ ผมหมดแรงจริงๆเลยครับ โทรมาหาไม่ไหวจริงๆ”


เด็กหนุ่มขอโทษขอโพย และพยายามสบตาผม แววตาของเขาเศร้าสร้อย มีความเสียใจอยู่ในนั้น


“นี่ ถ้าไม่สบายนะ ก็ไม่ต้องลำบากมาหาฉันหรอก”


ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะดุเขา ขณะที่มือก็ง่วนอยู่กับการเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาให้เดียร์ จากนั้นก็วางมันลงบนศีรษะร้อนรุมนั้น


“อยากมานี่ อาทิตย์หนึ่ง จะได้อยู่กับคุณ แค่ วันเดียวเอง นอกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้มาหา ถ้าผมไม่มา ก็ต้องรอไปจนถึงอาทิตย์หน้าโน่นแน่ะ

รอไม่ไหวหรอก ไม่ว่าจะป่วยหนักแค่ไหน ก็ต้องตะเกียกตะกายมาเจอหน้าเรียว มาคุยด้วย แม้ว่าเรียวจะรังเกียจผมก็ตาม

แต่ก็ยังอยากมาอยู่ดีครับ ขอแค่ได้อยู่ด้วยใกล้ๆ ก็พอแล้ว”



เขาบอกผมเสียงสั่นเครือ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมมองหน้าเขา ใจอ่อนยวบ รู้สึกได้ถึงความรักความภักดีที่เขามีต่อผมอย่างลึกซึ้ง

ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะเขาอย่างแผ่วเบา เด็กหนอเด็ก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าที่ไม่อยากอยู่ใกล้ ที่ไล่ออกไปให้พ้น

เพราะไม่อยากให้ใจตนเองมันถลำลึกไปมากกว่านี้ ยิ่งเขามาคอยนัวเนียอยู่ใกล้ ผมก็ยิ่งลำบากใจ กลัวตัวเองจะไปหลงรักเขาเข้าให้


“จะบ้าเหรอ ถ้ามาไม่ได้ก็บอกมา ฉันไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำเสียหน่อย แล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่รักษาสัญญา บอกว่าให้มาได้แค่วันอาทิตย์ก็จริง

แต่ถ้ามาไม่ได้ ก็มาชดเชยวันอื่นแทนก็ได้ มาทั้งๆที่ป่วยแบบนี้ ก็มาเป็นภาระฉันเปล่าๆ ไม่อยากดูแลคนป่วยหรอก น่าเบื่อจะตาย”


ความสงสารเห็นใจ ทำให้ผมเอ่ยปากอนุญาตเขาให้มาหาผมในวันอื่นๆได้ พอพูดออกไปแล้วก็กลัวว่าเขาจะได้ใจ และคิดมากว่าผมยินยอมเขา

เพราะห่วงใยรักใคร่ จึงแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆที่เขามารบกวนผม เพื่อซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจ ไม่ให้มันแสดงออกมา


เดียร์หน้าระรื่นขึ้น ตาแห้งผากนั้นกลับหวานฉ่ำ เด็กหนุ่มคว้ามือผมมากุมไว้ ยกขึ้นมาจูบ แล้ววางมันไว้แนบอกตรงตำแหน่งที่เป็นหัวใจของเขา

ใบหน้าซีดเซียวด้วยพิษไข้นั้นมีรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุข


“ดีจังเลยครับ ให้ผมมาวันอื่นๆได้จริงๆนะ”

“ทดแทนวันที่มาไม่ได้ต่างหาก”

ผมตอกย้ำลงไปอีก ไม่อยากให้เข้าใจผิด

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะฮะ ที่จะให้ผมมาได้ทุกวัน เอากุญแจให้ผมมาก็ได้ฮะ จะได้ไม่ต้องมากด
กริ่งเรียกบ่อยๆ

หรือถ้าไม่อยากให้ผมมาทุกวัน ก็ให้ผมอยู่ที่นี่เลยก็ได้”



ดูเหมือนเจ้าบ้านี่ จะไม่เคยแม้แต่ทำความเข้าใจว่าผมพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบเลี่ยงการอยู่กับเขา ไม่เคยสักครั้งที่เดียร์จะใส่ใจในคำพูดที่เขาคิดว่าไม่ได้ประโยชน์

เขาจะเลือกแต่ข้อความที่จะทำให้เขาได้เปรียบ ได้อยู่ใกล้ๆผมมากยิ่งขึ้น ผมมองใบหน้ายิ้มๆนั้น แล้วก็ดุเขา

“คนป่วยอะไรเนี่ย พูดมากอยู่ได้ น่ารำคาญ นี่ก็ดึกแล้ว พักผ่อนได้แล้ว”

“ให้ผมนอนตรงนี้หรือครับ”

เด็กหนุ่มทำหน้าละห้อยละเหี่ย

“ก็ใช่น่ะสิ นายคิดว่าฉันจะให้นายไปนอนที่ไหนได้ล่ะ”

“แต่นอนตรงนี้มันไม่ค่อยสบายนะครับ โซฟาก็สั้นกว่าตัวผม ให้ผมไปนอนบนเตียงในห้องเรียวไม่ได้เหรอ”


เขาทำเสียงอ้อนจนผมรู้สึกหมั่นไส้ คนป่วยท่ามากแบบนี้ น่าเตะสักพลั่กมากกว่าที่จะพยาบาลให้หาย


“ไม่ได้หรอก นอนตรงนี้น่ะดีแล้ว ข้างบนนั่น เป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉันห้ามไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

ผมบอกเสียงแข็ง เรื่องอะไรจะให้เจ้าเด็กบ้านี่ ล่วงล้ำเข้าไปบนห้องส่วนตัวของผม   

“แต่ว่า มันนอนลำบากจริงๆนะครับ”

เขายังดื้อ ไม่ยอมนอนที่โซฟาในห้องรับแขก

“แค่ตอนธรรมดาๆไม่เจ็บไม่ไข้ เวลานอนทีไรผมก็รู้สึกปวดเมื่อยตัวไปหมด แต่ตอนนี้ผมป่วยนะครับ อยากนอนพักผ่อนในที่สบายๆจะได้หายไวๆอ่ะ

ถ้าผมนอนข้างล่างนี่ ตอนกลางคืนเกิดจับไข้หนักขึ้นมา เรียวก็จะไม่ได้รู้ได้เห็น อาการก็จะยิ่งแย่หนัก ไปหาหมอไม่ทัน

หรือว่า จริงๆแล้ว เรียวไม่ได้อยากให้ผมหายไวๆ เพราะอยากให้ผมอยู่ที่นี่กับเรียวใช่ไหม”


มาอีกแล้ว มุขเข้าข้างตัวเองของหมอนี่ ขนาดไม่สบาย ตัวร้อน เสียงแหบแห้งแบบนี้ ก็ยังไม่วายเจ้าเล่ห์ ที่พูดยืดยาวทั้งหมด

ก็เพียงเพื่อให้ผมยอมทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ เจ้าเด็กนี่เกเรจริงๆทั้งตอนดีและตอนเจ็บไข้ได้ป่วย น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก

ผมยิ้มขำความเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวของเขา ไม่ได้รู้สึกโมโหเลยสักนิดที่เขาทำท่างอแงเหมือนเด็ก ทั้งที่ตัวโตกว่าผมตั้งเยอะ

ไม่รู้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาจะแสดงอาการแบบนี้ออกไปไหมหนอ แล้วคนอื่นจะรำคาญแบบผมไหม ไม่สิ คงไม่รำคาญผมเองยังไม่รู้สึกรำคาญเลย

ถ้าผมไม่ชอบ ผมจะยิ้มทำไม เด็กบ้าเอ๊ย นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ ทำไมผมถึงโกรธเขาไม่ลงเลย เป็นเพราะความสงสารที่เห็นว่าเขาไม่สบาย

หรือเป็นเพราะว่าผมตระหนักกันตัวเองว่าคิดถึงเขากันแน่นะ หรือว่าเป็นทั้งสองอย่างรวมกัน


“ว่ายังไงครับ เรียวอยากให้ผมหายดี หรืออยากให้ผมป่วยแล้วนอนซมอยู่กับบ้านของเรียวแบบนี้อ่ะครับ”

เด็กหนุ่มรอฟังคำตอบ ตาละห้อย แต่ดูแล้วน่าหมั่นไส้ มากกว่าน่าสงสาร

“เอาล่ะ ฉันเองก็ไม่อยากให้นายมาป่วยตายที่บ้านนี้ ถ้าการขึ้นไปนอนในห้องฉัน มันจะช่วยให้นายสบายตัวหายป่วยตามที่นายคิด ก็ไปนอนข้างบนก็ได้ แต่ต้องมีข้อตกลงกันนะ”


ไม่มีทางเสียหรอกที่เด็กนี่จะได้อะไรมาโดยง่าย ผมหาทางจำกัดพฤติกรรมการเอาแต่ใจตัวของเขา ไม่ให้ย่ามใจจนเกินไปด้วยการอ้างถึงข้อตกลงที่จะทำร่วมกัน

“อะไรหรือครับ”

เดียร์ทำท่ากระตือรือร้นขึ้นมาทันที มองผมตาแป๋ว

“ข้อแรก หากนายลุกเดินไปไหว ฉันก็จะให้นายขึ้นไปนอนข้างบน เพราะฉันไม่แบกตัวนายไปแน่ ตัวหนักจะตาย

ข้อสอง เวลาที่นอนในห้องของฉัน ก็ห้ามรุ่มร่าม ทำตามอำเภอใจ ห้ามแตะข้าวของ หรือแม้แต่เนื้อตัวของฉัน โดยไม่ได้รับอนุญาต

แล้วข้อสาม ขอให้นายทำความเข้าใจไว้ด้วยว่า ที่ฉันยอมให้นายขึ้นไปนอนบนเตียงของฉัน ในห้องของฉัน ไม่ได้เป็นเพราะว่า

ฉันเกิดเปลี่ยนใจ พิศวาสนายขึ้นมา แต่ที่ทำไปเพราะเห็นแก่เพื่อนร่วมโลกตาดำๆที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วย

แล้วข้อสุดท้าย นายต้องกินยาให้ที่ฉันเอามาให้ด้วย จะได้ฟื้นไข้เร็ว ถ้าหากนายหายแล้ว ก็จะได้กลับไปซะที แค่นี้แหละ ทำได้ไหม”



เด็กหนุ่มมองผมตาเป็นประกายแพรวพราว เขายกมือผมมาจูบอีกครั้ง ทำท่าดีอกดีใจที่ผมอนุญาตให้เขารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวของผม

“รับทราบแล้วยินดีปฏิบัติตามครับ ขึ้นไปนอนตอนนี้เลยนะ ผมง่วงแล้ว”


เขารีบผลุดลุกขึ้นจะยืน แต่ความที่เคลื่อนไหวเร็วเกินไป เด็กหนุ่มเลยเซถลาจนผมเกือบจะคว้าตัวไว้ไม่ทัน

เด็กหนุ่มพิงร่างไว้กับผม หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผมอดสงสารไม่ได้ แต่ก็ไม่วายจะบ่นเขา


“รีบร้อนอะไรกันนักหนา เห็นไหม เกือบจะล้มไปแล้ว ถ้าฉันรับไว้ไม่ทันจะทำไง ตัวนายก็ใช่ว่าเบา ล้มมาทีแขนฉันแทบยอกเลย

เอาล่ะ เก่งนักนี่ ขึ้นไปเองแล้วกัน ฉันไม่ประคองนะ ระวังตัวด้วย บันไดมันขัดมันเดี๋ยวจะลื่น ถ้านายขึ้นไปเองได้ ฉันจะให้นายนอนในห้องด้วยตามสัญญา”


ผมกระตุ้นให้เด็กหนุ่มตื่นตัวด้วยการท้าทาย พลางดันตัวให้เขายืนขึ้น ผละออกจากเขาแต่ก็ยืนคุมเชิงอยู่ กลัวว่าเขาจะล้มโครมลงมาด้วยพิษไข้ที่รุมเร้า

เหมือนจะดูว่าใจดำที่ไม่ยอมช่วยประคองเด็กหนุ่มที่กำลังป่วย แต่ผมไม่ได้คิดจะให้เขาขึ้นไปบนนั้นตั้งแต่แรก ในเมื่อร้องขอให้ผมอนุญาต

เขาก็จะต้องพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าเขาขึ้นไปบนห้องผมเองได้จริง อย่างน้อยผมจะได้รู้สึกดีมากกว่าการที่ยินยอมพร้อมใจให้เขาขี้นไปนอนด้วยโดยไม่ขัดขืน

แบบนั้นน่ะมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังทอดสะพานให้อย่างไรไม่รู้ แล้วเด็กนี่เมื่อขึ้นไปแล้ว จะทำอะไรมิดีมิร้ายกับผมหรือเปล่า

ป่วยขนาดนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีแรง เกิดทำบ้าๆขึ้นมา ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะขัดขืนเขาได้ไหม


ลูกฮึดของเจ้าหมอนี่มีอยู่มากโข ทั้งๆที่ตัวเองเดินซวนเซแทบจะล้มอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังพยายามที่จะขึ้นไปบนห้องให้ได้ เขาค่อยๆเกาะราวบันไดไต่ขึ้นไป

ได้ไม่กี่ขั้นก็หอบแฮ่ก ซึ่งตามปกติเด็กหนุ่มคนนี้ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว แต่นี่เพราะว่าเขาไม่สบายมาก ร่างกายจึงดูอ่อนแอ

แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาคงตั้งใจที่จะไปนอนกับผมให้ได้ เขาจึงไม่ยอมละความพยายาม ผมมองเขาแล้วก็นึกสงสารขึ้นมา

อยากเข้าไปช่วย ก็ตะขิดตะขวงใจว่า กำลังร่วมมือให้เขาเข้าห้องนอนของตัวเองง่ายดายไปหรือเปล่า เลยปล่อยให้เขาขึ้นไปด้วยตัวเองอย่างนั้น



เด็กหนุ่มยิ้มกว้างอย่างมีชัยให้ผม เมื่อเขาสามารถเดินขึ้นไปยืนอยู่หน้าห้องผมได้สำเร็จ ผมยิ้มตอบ และยกนิ้วหัวแม่โป้งทั้งสองมือให้เขา

เปิดประตูพาเขาเข้าไปในห้อง เดียร์กวาดตาไปรอบๆทำสีหน้าชื่นชม


“ห้องของเรียวตกแต่งได้สวยมากเลยนะครับ ผมชอบเตียงนอนของเรียวที่มีเสาสี่มุมนั่นจัง และมุ้งบางๆนั้นด้วย

ให้ความรู้สึกคลาสสิคยังไงไม่รู้ เหมือนอยู่ในฮาเร็ม หรือในห้องนอนของชนชั้นสูงน่ะครับ เอ หรือว่าเรียวแต่งห้องไว้รอเจ้าชายมาประทับกันนะ”

“เจ้าชายอะไร ฉันเป็นผู้ชายนะ ต้องรอเจ้าหญิงถึงจะถูกสิ”


ผมว่าเขาอย่างขำๆ เจ้าเด็กคนนี้ คิดอย่างไรกันนะ ถึงอยากจะให้ผมเป็นผู้หญิงเสียเหลือเกิน หรือว่าเขาคิดอยากจะให้ผมเป็นฝ่ายรับมาตลอด

โดยที่เขาจะมารุกผมเสียเอง บ้าไปหน่อยแล้วมั้งถ้าจะคิดแบบนี้


“ผมก็เป็นเจ้าชายเหมือนกัน ไม่ใช่เจ้าหญิง แต่ไม่เป็นไรหรอกผมไม่ถือ ผู้ชายกับผู้ชายนอนด้วยกันได้ครับ ไม่มีใครว่า ตำรวจไม่จับ

งั้นขอให้เจ้าชายนอนเตียงแสนสวยนั้นเลยนะครับ ขอแค่พักผ่อนให้ร่างกายสดชื่นเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเจ้าของเตียงอยากให้ผมนอนอยู่ด้วยตลอดไป ผมก็ไม่ขัดข้องหรอกครับ”


ดูเอาสิ ไม่สบายขนาดนี้ยังจะทำปากดี ปากเก่ง พูดอะไรแต่ละอย่าง ก็เข้าข้างตัวเองทั้งนั้น เบื่อแต่ก็สนุกทุกครั้งที่ได้ฟังเด็กนี่พูด

รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่บ้าดีที่ต้องมาฟังคนที่คิดเอง เออเองอยู่ตลอดเวลา แถมซ้ำหน้าไม่อาย ไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าเสียด้วย จนคนที่ว่าต้องรามือไปเอง



หลังจากจัดที่ให้เดียร์ได้นอนลงบนเตียงของผมในอีกมุมหนึ่งแล้ว ผมก็ขอตัวลงไปข้างล่างเพื่อจะหายามาให้เขาทาน

เด็กหนุ่มบอกกับผมว่า เขายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน รู้สึกหิวมาก รบกวนให้ผมหาอะไรให้เขาทานด้วยได้ไหม

ผมรู้สึกรำคาญใจที่ต้องมาปรนนิบัติเด็กหนุ่ม แต่พอคิดถึงสิ่งที่เขาทำให้ผมตั้งมากมาย ก็เลยต้องรับปากว่าจะทำให้เขา

เด็กหนุ่มพร่ำบ่นขอบคุณผม ดวงตาเป็นประกาย รู้สึกว่าเขาจะดีอกดีใจมากที่ผมทำอะไรให้เขา


ความที่ผมไม่ค่อยถนัดในเรื่องการทำอาหาร ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้เขากินดี ผมจึงเอาข้าวต้มสำเร็จรูปที่ซื้อตุนไว้คราวที่ไปห้างด้วยกัน

เอามาใส่ถ้วยแล้วเทน้ำร้อนใส่ พอสุกได้ที่ผมก็ถือถาดใส่ข้าวต้ม น้ำเปล่า และยามาให้เขาทาน



เด็กหนุ่มหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย ผมเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้แห้งมาวางไว้บนหน้าผากของเขาเพื่อลดไข้ แล้วจึงเข้านอน

คืนนั้นผมกับเขาอยู่บนเตียงเดียวกัน โดยมีหมอนคั่นกลาง



ดึกสงัดประมาณตีสองกว่าๆ ผมต้องสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงครางจากเขา จึงลุกขึ้นมาดู เห็นเขานอนตัวสั่น พึมพำฟังไม่ได้ศัพท์

ผมลุกไปปรับอุณหภูมิของแอร์ในห้อง แต่เขาก็ยังร้องครางตัวสั่นเทาอยู่ดี ผมจับตัวเขาดู ตัวเขาร้อนจัด แต่เขาก็ยังบ่นว่าหนาว

ผมจึงเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้เขาใหม่เพื่อให้ความร้อนในตัวของเขาลดลงอีก



และหลังจากที่ชั่งใจอยู่นาน ในที่สุดผมก็ล้มตัวลงนอน โดยรั้งตัวเขามากอดไว้แนบอก เพื่อให้ไอความร้อนจากร่างกายผมส่งผ่านไปยังตัวเขา

ตัวของเด็กหนุ่มไม่สั่นอีกต่อไปแล้ว เขาซุกเข้าหาและโอบแขนไว้รอบตัวผม ตอนแรกผมนอนนิ่งตัวแข็งทื่อ นึกว่าเจอเด็กหนุ่มทำมารยาใส่เข้าให้แล้ว

แต่เมื่อพิจารณาดวงหน้าอ่อนเยาว์ที่ซีดเซียวนั่นก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ เขานอนหลับตาพริ้ม หายใจสม่ำเสมอ ดูเหมือนคนที่ไม่ได้สติจากการอ่อนเพลีย

มากกว่าที่จะมาแกล้งกัน ผมหลับตาลงบ้าง รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน หิวด้วย แต่ไม่อยากกินอะไรแล้ว อยากนอนพักข้างๆเด็กหนุ่มคนนี้ แล้วหลับไปพร้อมๆกัน



เช้าแล้ว ผมรู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ ลืมตาแทบจะไม่ขึ้น แต่ความรู้สึกบอกให้ผมต้องรีบลุกขึ้นโดยด่วน เพราะวันนี้เป็นเช้าวันจันทร์เริ่มต้นการทำงานวันแรกของสัปดาห์

ผมไม่อยากไปสาย เพราะอยากจะทำงานให้เสร็จๆ จะได้ไม่ต้องอยู่ดึกมาก ตอนที่ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาก็พบว่าเด็กหนุ่มนอนมองผมอยู่ก่อนแล้ว ด้วยตาโตแป๋วแหวว

ตัวของเขาแนบอยู่ชิดใกล้ โดยมีอ้อมแขนของผมโอบรอบร่างเขาไว้ ผมรีบผละออก


“อรุณสวัสดิ์ครับ เรียว”

เขายิ้มทักทาย ใบหน้าอ่อนเยาว์แลดูสดใส แทบจะไม่เหลือริ้วรอยของความป่วยไข้ให้เห็น ผมเสียอีกที่กลับรู้สึกว่าตัวร้อนรุม

“ขอบคุณมากนะครับ สำหรับเตียงแล้วก็อ้อมกอดที่อบอุ่น”

“เมื่อคืนนายบ่นว่าหนาว ห่มผ้าให้ กับลดแอร์แล้ว นายก็ยังตัวสั่นอยู่ดี ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็เลยกอดให้เพื่อให้นายคลายหนาว

แต่ก็อย่าคิดมากว่าฉันพิศวาสนายนะ แค่ช่วยให้นายไม่ต้องป่วยหนักไปมากกว่านี้น่ะ”


ผมรีบสร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้นระหว่างผมกับเขาโดยเร็ว


“ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากครับ กับความช่วยเหลือนี้ของเรียว”

เด็กหนุ่มยิ้มละไม สบตาผมด้วยแววตาพราวระยับของเขา

“ค่อยยังชั่วแล้วหรือยังล่ะเราน่ะ”

พร้อมกับคำพูด มือของผมก็เอื้อมไปแตะหน้าผากเขา มันยังคงอุ่นๆอยู่ ไม่ร้อนจัดแบบเมื่อวาน แสดงว่าเขาอาการดีขึ้นมากแล้ว

“คิดว่างั้นนะครับ แต่ก็มึนหัวนิดหน่อยนะครับ”

เด็กหนุ่มจับมือข้างนั้นของผมไว้ แล้วดึงขึ้นมาหอมที่หลังมือของผม เขาจูบที่นิ้วนางข้างซ้ายที่ผมสวมแหวนที่เขาให้เอาไว้

ก่อนที่จะพลิกให้หงายขึ้น และจูบตรงใจกลางฝ่ามือนั้น เขาช้อนตาขึ้นมองผม เผยให้เห็นความจงรักภักดีอยู่ในดวงตาคู่นั้น

ผมถอนหายใจ และดึงมือออกเบาๆ เด็กหนุ่มยินยอมปล่อยแต่โดยดี

“เรียวใส่แหวนของผมด้วย ดีใจจังเลยครับ”

“เพิ่งจะเห็นหรือไง”

“เห็นนานแล้ว แต่ที่ไม่ทักตั้งแต่แรก กลัวว่าพอทักไป เรียวจะถอดมันอ่ะครับ อยากให้เรียวใส่แหวนวงนี้ไปตลอด

อยากเห็นมันติดนิ้วของเรียวอย่างนี้ ไม่อยากให้เรียวทิ้งขว้างมันอ่ะครับ”


สายตาของเด็กหนุ่มที่มองมา มีแวววิงวอนขอร้อง เขาคงกลัวว่าผมจะถอดแหวนของเขา ผมมองหน้าเดียร์ ไม่ตอบคำถามนั้น แต่เสพูดไปเรื่องอื่น


“นายนอนพักที่บ้านฉันอีกสักหน่อยแล้วกัน หายแล้วค่อยกลับบ้านนะ อยากทานอะไรก็ทำเอา ถ้าลุกไหว แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็โทรสั่งให้ร้านอาหารแถวนี้มาส่งก็ได้นะ เอาไหมฉันมีเบอร์”

เดียร์ทำตาโต หูพึ่ง เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ได้จริงๆเหรอครับ ให้ผมนอนที่บ้านเรียวได้อีกวันหนึ่งเหรอ ทำไมใจดีจังอ่ะ”

“จะนอนหรือเปล่า ไม่นอนก็ได้นะ ไม่ได้ว่าอะไร แค่เห็นว่าเมื่อวานนี้นายมาเที่ยงคืนแล้ว ยังไม่ครบตามวันที่สัญญา ฉันเลยให้นายนอนต่อ ถ้าคิดว่าจะกลับบ้านก็ไม่ว่ากัน”

ผมตอบเด็กหนุ่มไปอย่างเย็นชา เดียร์ทำหน้าอ้อน

“นอนสิ อยากนอนครับ ก็ยังไม่ค่อยหายเลยอ่ะ ปวดหัวจัง คงกลับบ้านไม่ไหวอ่ะครับ”

เดียร์ทำเป็นยกมือกุมหัว ท่าทางสำออยเหมือนป่วยหนักเสียเต็มประดา ผมมองหน้าเจ้าเล่ห์นั้นยิ้มๆ พลางลุกขึ้นจากที่นอนเตรียมจะไปอาบน้ำแต่งตัว

เกิดนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ตามลำพังในห้อง จึงเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อคลุมนอนมาสวมทับ ก่อนเดินเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงเดียร์ไล่หลังมา

“ไม่ต้องอายหรอกครับเรียว ผู้ชายด้วยกันจะอายอะไร แล้วผมก็เคยเห็นของเรียวจนหมดแล้วด้วย อีกอย่างผมก็ไม่สบาย ไม่มีแรงกวนเรียวหรอกนะครับ”

คนป่วยอะไรกันเนี่ย ตะโกนเสียงเจื้อยแจ้วได้ขนาดนี้ ผมคิดอย่างขำๆ บ้าน่ะสิ ถึงจะเคยเห็นเรือนร่างผมมาแล้วก็ตาม

แต่ก็ใช่ว่าจะต้องมาเปลือยกายให้เขาเห็นซ้ำอีกนี่ หมอนี่ไว้ใจได้เสียที่ไหน ถึงจะนอนแหม่บ ไม่มีแรงลุกขึ้นมา แต่ปากแล้วก็ตา ก็ยังทำงานได้นี่นา

ผมไม่อยากให้ตาเจ้าเล่ห์นั้นมองตามผมตอนโป๊ แล้วก็ไม่อยากได้ยินเสียงพูดเกี่ยวกับร่างกายหรือวิพากษ์วิจารณ์อะไรเกี่ยวกับตัวผมทั้งนั้น

สงสัยต้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเสียแล้ว



แต่ผมไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ เดียร์ก็หลับไปอีกแล้ว ผมเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ยืนมองอยู่ตั้งนาน

ก็เห็นเด็กหนุ่มนอนหลับตาพริ้ม ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง ท่าทางจะไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ สงสัยจะไม่มีแรงอย่างที่ว่าจริงๆ

คงไม่สามารถกวนใจผมได้แล้วมั้ง เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมจึงแต่งเนื้อแต่งตัวโดยไม่ต้องมานั่งระมัดระวังอีกต่อไป


“วันนี้กลับดึกไหมครับ”

เสียงใสๆถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ผมสะดุ้ง หันไปที่เตียงก็เห็นเขานอนตะแคงข้าง มองผมตาแป๋ว มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายอยู่ทั่วใบหน้า

ชักเริ่มรู้ตัวแล้วว่าถูกหมอนี่แอบมองมาโดยตลอด เจ้าเด็กบ้านั่นแสร้งทำเป็นหลับ เพื่อให้ผมตายใจ แล้วก็นอนดูผมโป๊ด้วยความเพลิดเพลิน

ผมสำรวจความเรียบร้อยของตนเองที่หน้ากระจก ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียง แล้วทำมือเป็นมะเหงกเขกหัวคนที่นอนป่วยดังโป๊กใหญ่ เขาทำหน้าเบ้ เอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ


“ดูเพลินเลยนะ ไอ้คนโรคจิต”

เด็กหนุ่มยิ้มเขินๆ เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบทำผิด เขาดึงมือข้างที่สวมแหวนของผมมาแนบแก้มตนเอง แล้วก็จูบอย่างรักใคร่

ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงอ้อนที่ทำให้โกรธไม่ลงว่า


“ก็แหม ผู้ชายคนที่ตัวเองรัก โป๊ทั้งที ก็ต้องดูกันนิดหน่อยอ่ะ เรียวน่ะ ถึงจะผอมเพรียวบางไปหน่อยก็ตาม แต่ก็หุ่นดีเหมือนกันนะ

ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลย เมื่อกี้อ่ะ ถ้ามีแรงสักหน่อยนะ ผมจะเข้าไปกอดให้สมกับความคิดถึงเลย”

ผมดึงมือออกแล้วผลักที่หน้าผากเขาเบาๆ พลางพูดหยอกล้อใส่เขา

“ดีแล้ว ที่ไม่คิดจะทำ ไม่อย่างนั้นฉันเตะนายกลิ้งแน่ๆ”

“เรียวไม่ทำหรอก ผมรู้ เรียวใจดีจะตาย”


ท่าทางออดอ้อนประจบประแจงที่เดียร์ทำต่อผม ทำให้ใจอ่อนยวบ ผมยิ้มให้เขา แล้วถามว่า เขาจะทานข้าวต้มไหม จะได้ทานยา

ตอนแรกเขาปฏิเสธ บอกเกรงใจผม แต่เมื่อผมทำเสียงดุใส่เขาว่า ไม่ทานข้าว แล้วจะหายได้ยังไง ถ้าไม่อยากหาย ก็กลับไปตายที่บ้านซะ อย่ามาตายที่นี่

เด็กหนุ่มก็เลยยอมทาน แต่ก็บ่นกระปอดกระแปดว่า ถ้าห่วงเขา ก็ไม่จำเป็นต้องดุว่าแรงๆนี่นา ทำท่าไม่ใยดีแบบนี้

มันทำให้เขาหัวใจสลาย ผมเลยอดที่จะหัวเราะคำพูดของเขาไม่ได้



ทำข้าวต้มให้เดียร์ และรอดูจนกระทั่งเขาทานยาเสร็จแล้ว ผมจึงออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน โชคดีที่วันนี้ไม่มีประชุม หรือมีโทรศัพท์มากวนใจ

ผมจึงสามารถพิจารณางานที่กองอยู่บนโต๊ะได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยังเหลือใบคำขอที่ต้องพิจารณาอีกไม่มาก วันนี้ผมคงสามารถกลับบ้านได้เร็ว

นึกห่วงเจ้าเด็กบ้านั่น ป่านนี้จะเป็นอย่างไงบ้างหนอ ค่อยยังชั่วหรือยังก็ไม่รู้ ลุกขึ้นมาได้แล้วหรือว่ายังนอนซมอยู่บนเตียง แล้วกินข้าวปลาอาหารได้กินหรือยังนะ

ไหนจะยาอีก ไม่ได้อยู่คุม ก็ไม่รู้ว่าจะกินยาตามที่สั่งไว้หรือไม่ เฮ้อ เจ้าเด็กบ้านี่ ทำให้ผมกังวลใจจนแทบจะไม่มีกระจิตกระใจทำงาน   



ก่อนเที่ยงเล็กน้อย ผมโทรไปหาเขาที่มือถือ แต่เขาไม่ยอมรับสาย อาจจะยังไม่ตื่นก็ได้ เดี๋ยวตอนบ่ายผมค่อยโทรไปอีกทีแล้วกัน

หากโทรไปบ่อยเดี๋ยวเขาจะคิดมาก ว่าผมห่วงเขา ซึ่งที่จริงผมก็ห่วงน่ะแหละ แต่ไม่อยากจะให้เดียร์รู้ เดี๋ยวได้ใจแล้วจะทำตัววุ่นวายกับผมไม่หยุดหย่อน



ประมาณสักบ่ายสาม หลังจากที่ผมเคลียร์งานชุดที่สองบนโต๊ะจนหมด ผมจึงโทรไปหาเดียร์อีกครั้ง เขาไม่ยอมรับสายอีกเช่นเดิม

ผมโทรไปหลายรอบก็ยังได้ผลเหมือนเดิม เริ่มที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาว่า ทำไมเขาถึงไม่รับสาย

หรือว่าจะไม่สบายหนักยิ่งกว่าเดิมอีกจนไม่สามารถลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ได้กันนะ ผมชักเป็นห่วงเขาขึ้นมาเสียแล้วสิ



ผมรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา เลยวางมือจากงาน แล้วเดินออกมานอกห้อง แวะพูดคุยให้กำลังใจลูกน้อง แล้วก็เดินตรงไปยังแคนทีน เพื่อชงกาแฟกินสักแก้ว

ไม่อยากใช้เลขาให้เอามาให้ เพราะเห็นว่างานเขาเยอะมาก อีกอย่างผมก็อยากจะเดินไปเดินมา ให้หายเครียดจากเรื่องงานและเรื่องเจ้าเด็กนั่นด้วย


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #233 เมื่อ24-12-2008 15:36:32 »

ศักดิ์ชายเพื่อนเก่าแก่ เดินมาเจอผมตรงทางไปห้องน้ำพอดี เราต่างยิ้มให้กัน ผมรู้จักเขาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กอนุบาล เรียนอยู่ห้องเดียวกัน

แล้วก็เรียนด้วยกันมาตลอดจนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย แถมซ้ำเขายังเคยเป็นเพื่อนบ้านของผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพิ่งจะมาแยกกัน ตอนที่ผมเรียนจบแล้วพ่อผมก็มาจากไป

แม่ขายบ้านเก่าแล้วออกมาอยู่ที่แฟลตแถวห้วยขวางเนื่องจากบ้านเก่าอยู่ไกลถึงรังสิต ไกลจากสถานที่ทำงานของแม่


แล้วพอแม่ตายแล้ว ผมจึงออกจากแฟลตนั่น แล้วมาซื้อบ้านใหม่ที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้ เราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยนับจากจบมหาวิทยาลัย

น่าแปลกที่ผมมาเจอเขาอีกที่บริษัทแห่งนี้ โดยเขาทำงานอยู่ฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งผมต้องติดต่องานด้วยประจำ ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอกันอีก


เขาเป็นเพื่อนสนิทของผมอีกคนนอกจากเจ้าสันต์ แต่ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเขาบ่อย เนื่องจากว่า เขาแต่งงานแล้ว มีภรรยาและลูกที่น่ารัก

เขาเพิ่งแต่งงานได้แค่สองปี ผมมีโอกาสไปงานแต่งงานของเขาด้วย ลูกของเขาเพิ่งคลอดเมื่อห้าเดือนที่ผ่านมา

เขาค่อนข้างจะเห่อลูกของเขามาก พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลูกตลอดเวลา ศักดิ์ชาย เคยชวนผมไปบ้านเขาเพื่อไปเยี่ยมเมียและลูก

แต่ผมก็ยังหาโอกาสไปไม่ได้สักที แต่ก็สัญญาว่า จะไปบ้านเขาสักครั้ง



ศักดิ์ชายออกมาจากห้องน้ำ แล้วตอนที่ผมเพิ่งวางโทรศัพท์จากการโทรไปหาเดียร์ เจ้าเด็กนั่นไม่ยอมรับสายอีกแล้ว

ผมยิ่งเพิ่มความกังวลใจมากขึ้น นึกเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นที่นอนอยู่ในบ้านคนเดียว ไม่มีใครดูแล ไม่รู้ว่าเขาจะไข้กลับมาอีกหรือเปล่า

การที่เขาไม่รับสาย อาจจะเป็นไปได้ว่า สลบไสลไม่ได้สติอยู่ก็ได้ ความที่ผมมัวแต่ใจจดใจจ่อยู่กับเด็กบ้านั่น เลยไม่ทันได้เห็นว่าศักดิ์ชาย

เดินเข้ามาใกล้และพูดอะไรบางอย่าง จนกระทั่งเขาพูดซ้ำ ผมจึงได้ยิน


“วันศุกร์นี้ วันเกิดฉัน จะจัดงานวันเกิดกันที่บ้าน นายไปด้วยนะ”

“อื้อ....ได้สิ”


ผมรับปากอย่างไม่ลังเล จะได้ฉวยโอกาสเยี่ยมเยียนเมียและลูกของเขาด้วย ศักดิ์ชายมองผมนิ่งนาน เขายิ้มให้ผม ก่อนจะเดินจากไป


ผมกลับเข้าไปทำงานต่อ ด้วยใจที่ยังคงเป็นกังวล การที่ผมติดต่อเจ้าเด็กบ้านั่นไม่ได้ ทำให้ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรือเปล่า

ผมจินตนาการภาพที่เขาป่วยหนักสลบไสลไม่ได้สตินอนอยู่กับบ้านโดยไม่มีใครรับรู้ แล้วก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา พยายามตั้งสติกับงานที่ทำตรงหน้า

แต่ดูเหมือนว่า มันไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าที่งานตรงหน้าจะสำเร็จลุล่วงไป เมื่อยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา

ก็พบว่า เวลาล่วงเลยไปจนถึง หกโมงแล้ว ตั้งใจจะกลับบ้านเร็วๆ เพื่อไปดูเจ้าเด็กบ้านั่นสักหน่อย กลับเลิกงานช้าจนได้



ตอนที่ผมเปิดประตูบ้านเข้าไป ก็พบว่าบ้านไม่ได้ล็อค คนป่วยที่น่าจะนอนอยู่บนเตียง ของผมกลับมานอนคุดคู้อยู่บนโซฟาที่เขาอาศัยนอนเป็นประจำเวลามาบ้านนี้

เขานอนหลับสนิท โดยมีเจ้าหญิง สุนัขแสนรู้ของผม นอนหมอบอยู่ตรงพื้นเป็นเพื่อน ทันทีที่เห็นหน้าผม เจ้าหญิงก็ส่งเสียงร้องดังออกมา

แล้ววิ่งมาคลอเคลีย เสียงของมันปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นขึ้น เดียร์ผลุดลุกขึ้นนั่งทันที เขาส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้ผม พูดทักทายด้วยความกระตือรือร้น



“กลับมาแล้วหรือครับ ทำไมกลับมาค่ำจังเลยอ่ะ งานเยอะเหรอ เหนื่อยไหมครับ ผมทำกับข้าวไว้รอนะ ป่านนี้คงเย็นหมดแล้ว หิวไหมครับ ทานเลยไหม เดี๋ยวผมไปอุ่นให้”

ผมไม่ตอบทุกคำถามของเขา ได้แต่เดินมาหยุดยืนอยู่ที่โซฟา แล้วเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากเด็กหนุ่ม ความร้อนในตัวของเขาลดลงแล้ว หน้าตาหล่อเหลานั้นก็ดูสดใสขึ้น

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ฉันโทรมาหลายรอบ”

“เรียวโทรมาเหรอ สงสัยผมคงหลับอยู่มั้งครับ เลยไม่ได้ยิน”

“หลับบ้าอะไรทั้งวัน”

ผมถามเขาเสียงขุ่น เดียร์อึกอัก

“ก็....ไม่เชิงว่าหลับทั้งวันหรอกครับ พอดีตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงๆ ก็ลงมาข้างล่างนี่แหละ ไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงมาด้วยอ่ะครับ”

“วันนี้ทำอะไรบ้าง”

ผมถามเขาอย่างซักไซ้ เดียร์ทำตาโต จ้องมองผมอย่างงงๆ

“เอ้อ ......ก็หลายอย่างอ่ะครับ ทำไมเหรอ”

“ตอบมาก่อน......บอกมาให้หมดทุกอย่างเลย”

“ก็งานบ้านนิดหน่อย ช่วยกวาดบ้าน ถูบ้านให้เรียว อาบน้ำให้เจ้าหญิง เอาข้าวให้กิน เอาขยะไปเท ซักผ้า รีดผ้าให้ แล้วก็ทำอาหารเย็นรอให้เรียวมาทานอ่ะครับ”

เด็กหนุ่มตอบผม ดวงตาของเขาใสชื่อ และจริงใจ ผมกำหมัดแน่น และยกขึ้นเตรียมจะเอากำปั้นทุบหัวเขา เดียร์ย่นคอ หลับตาปี๋

ผมเปลี่ยนใจไม่ทำร้ายเขา แต่คลายมือออก แล้วลูบศีรษะเขาอย่างแผ่วเบา


“เจ้าเด็กบ้า ที่พูดมาทั้งหมดน่ะ มันไม่ใช่งานนิดหน่อยเลย มาทำให้ฉันทำไม นายยิ่งไม่สบายอยู่นะ เดี๋ยวป่วยไข้ขึ้นมาอีกมันจะแย่”

ผมทำน้ำเสียงดุๆใส่เขา มันไม่ได้มาจากความโกรธ แต่มาจากความห่วงใยมากกว่า


“ก็ตอนที่ผมตื่นมาน่ะ มันค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว และผมก็ไม่อยากนอนอยู่บนเตียงคนเดียวนานๆ ยกเว้นแต่ว่า ถ้ามีเรียวอยู่ด้วยก็ถึงไหนถึงกัน

แหม....ทำตาดุใส่เชียว ล้อเล่นไม่ได้เหรอครับ ผมเลยคิดว่าจะมานอนเล่นข้างล่าง แต่มันเบื่อ เลยอยากหาอะไรทำแก้เซ็งอ่ะ

มองไปมองมา เห็นผ้าเต็มตะกร้า เจ้าหญิงก็มอมแมม ข้าวก็ไม่ได้กิน ก็เลยจัดการให้หมดเลยอ่ะครับ พอดีมันเย็นแล้วก็เลยคิดว่าเรียวกลับมาบ้านคงหิว เลยทำกับข้าวรออ่ะครับ”

“มิน่าล่ะ ฉันโทรหานายทั้งวันเลย แต่นายก็ไม่รับสาย เด็กโง่เอ๊ย ขอบใจมากนะ ที่คอยทำอะไรให้ตลอดเวลา แต่คราวหลังไม่ต้องทำหรอก

พักผ่อนให้เยอะๆ จะได้หายไวไวนะ อย่าทำให้ใครเขาเป็นห่วงไปมากกว่านี้อีกเลยนะ”

ผมบอกเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“เรียวเป็นห่วงผมเหรอ ใจดีจังเลย”

เดียร์ดึงมือผมที่ลูบศีรษะของเขามาหอม และจูบไปมา ผมยอมให้เขาทำโดยไม่ขัดขืน รู้สึกเต็มตื้นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่ตลอดเวลา แม้ในยามที่เขาไม่สบาย เขาก็สามารถทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความสุขที่แท้จริงของการให้ มันทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนมุมมองในตัวเขาไปทีละนิด

“แล้วนายกินข้าวหรือยังล่ะ”

ผมไม่ตอบคำถามที่เข้าตัวนั้น เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ ตาเป็นประกาย

“ยังเลยครับ ตอนเย็นนี้ยังไม่ได้กิน รอทานพร้อมเรียวครับ แต่เช้ากับกลางวันกินแล้ว และกินยาตามที่สั่งแล้วด้วยนะ”

“งั้นก็ดีเลย ไปทานข้าวเย็นกัน แต่รอฉันแป๊บนะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะลงมาทานด้วย”

“ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปอุ่นอาหารเตรียมไว้เลยนะ”

เดียร์กระวีกระวาดไปที่ห้องครัว ส่วนผมขึ้นไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น ลงมาอีกที อาหารทุกอย่างก็พร้อมวางบนโต๊ะ

เดียร์ทำกับข้าวให้ผมทานอย่างมากมาย จนผมอดที่จะซึ้งในน้ำใจของเด็กหนุ่มไม่ได้ ดูสิ ขนาดไม่สบาย ยังอุตส่าห์มาทำอะไรต่ออะไรให้ผมอีก

ทำไมเขาจึงไม่เป็นผู้หญิงจริงๆหนอ ผมจะได้รักเขาได้อย่างสนิทใจ ไม่ต้องมัวกังวลเกี่ยวกับความถูกต้อง และ มาตรฐานที่สังคมกำหนด



ค่ำวันนั้น เป็นการทานมื้อเย็นที่มีความสุขสำหรับผม และผมก็คิดว่าเขาเองก็มีความสุขด้วยเช่นกัน ผมรู้สึกมีความสุข

เพราะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจกับสิ่งต่างๆที่เดียร์ทำให้ในวันนี้ รู้สึกดีที่เขาพยายามทำทุกอย่างให้ผมด้วยความรัก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจุดจบของความเพียรพยายามของเขาคืออะไร

แต่เขาก็ยังทำ นับว่ามีความอดทนที่สูงมากทีเดียว ส่วนเดียร์คงมีความสุข ที่ได้นั่งทานข้าวเย็นไปพร้อมๆกับผม

แถมซ้ำผมยังใจดี อนุญาตให้เขานอนพักต่อที่บ้านของผมได้อีก 1 คืน แม้ว่า คราวนี้ เขาจะต้องระเห็จลงไปนอนที่โซฟาเหมือนเดิมก็ตาม

แต่เดียร์ก็ไม่ปริปากบ่น กลับทำท่ากระดี๊กระด๊า เริงร่าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ มองยังไง ก็เหมือนไม่ใช่คนป่วย จนผมแทบจะถอนคำพูด ไล่เขากลับบ้านซะด้วยซ้ำ


หลังจากช่วยเดียร์ล้างจานชาม และเก็บกวาดห้องครัวเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็มานั่งดูทีวีกันก่อนจะนอน อันที่จริง ผมไม่อยากดูสักเท่าไหร่

อยากให้เขานอนพักผ่อนให้มากๆ แต่เจ้าเด็กบ้านี่ ทำท่าออดอ้อน ขอให้ผมนั่งเป็นเพื่อนก่อน เพราะเขายังไม่อยากจะหลับตอนนี้

ผมเห็นหน้าป่วยๆเพลียๆ ของเขาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ตกปากรับคำ นั่งเล่นเป็นเพื่อน เพราะเห็นแก่ความดีที่อุตส่าห์ทำอะไรให้หลายอย่างทั้งที่ยังไม่หาย

หารู้ไม่ว่า เด็กเจ้าเล่ห์ วางแผนการณ์ที่จะอยู่ใกล้ชิดผม เลยสำออย แกล้งทำเป็นป่วยหนัก เรียกร้องความสงสาร

พอผมไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกกับเขา เดียร์ ก็รีบมานอนหนุนตัก ไล่ก็ไม่ไป ทำเป็นดื้อตาใส ออเซาะเสียงอ่อนเสียงหวาน


“ขอนอนแป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวผมก็หลับแล้วนะ เวลาไม่สบาย ผมน่ะ อยากให้คนที่ผมรักมาอยู่ใกล้ๆอ่ะครับ มันอบอุ่นดี และปลอดภัยดีนะครับ”


ไม่รู้เป็นเพราะคำพูดประโยคนั้น กับท่าทางอ้อนๆของเดียร์หรือเปล่า ที่ทำให้ผมปล่อยเลยตามเลยให้เขาหนุนตักได้ตามสบาย

เดียร์ยิ้มกริ่ม วางหัวพาดไว้กับตักผม นอนตะแคงข้าง แล้วดึงมือของผมมากุมไว้ ผมไม่รู้จะทำอะไรดี จะนั่งเฉยๆ โดยมีเจ้าบ้านี่นอนหนุนตักอยู่ก็ดูขัดเขิน

เลยเอารีโมตมากดปุ่มดูทีวีฆ่าเวลาไปพลางๆจนกว่าเดียร์จะหลับ แต่ผมคาดผิด คนป่วยคนนี้ นอกจากจะไม่หลับง่ายๆดังปากว่าแล้ว ยังพูดคุยเสียงเจื้อยแจ้วอีกด้วย


“ความรักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โลกเคลื่อนไหว พลังแห่งรักจะพาเราไปสู่ทางที่สวยงาม”

อยู่ๆเดียร์ก็ร้องเพลงขึ้นมา ผมจึงแสร้งว่าเขาเสียงขุ่น

“นี่ตกลงจะดูทีวีหรือจะร้องเพลง”

“ทั้งสองอย่าง ก็ในทีวีอ่ะ มันเป็นรายการเพลงนี่ครับ เรียวไม่ทันได้สังเกตเหรอ เพลงนี้อ่ะ เพราะออก ผมชอบ
จังเลย ความหมายดีน๊า.....”


จริงสิ ผมเปิดทีวีไปยังงั้นเอง แต่ความสนใจผมไม่ได้อยู่ที่จอตรงหน้า แต่มาอยู่ที่คนนอนหนุนตักนี่มากกว่า ผมมองหน้าหล่อเหลาที่ช้อนตาขึ้นมองผม แล้วก็เผลอยิ้มออกมา

“นายนี่มันทะเล้นจริงๆเล้ย ไม่สบายแล้วยังจะมาทำเป็นอารมณ์ดีอยู่ได้”

“ก็เวลาไม่สบายแบบนี้ มันดีจริงๆนี่นา เรียวยอมทำอะไรให้ตั้งหลายอย่างแน่ะ ถ้าสบายดี เรียวก็คงไม่ทำให้หรอก

ดูสิ ถ้าผมเป็นปกติ เรียวจะยอมให้ผมนอนหนุนตักเรียวเหรอ แต่ตอนนี้ผมป่วย เรียวเลยใจดีอ่ะ ยอมทำทุกอย่างที่ผมขอร้อง

ผมรู้นะ จริงๆแล้วเรียวเป็นคนใจดี ขี้สงสาร ชอบใจอ่อน กับคนที่อ่อนแอด้วย เพียงแต่ว่า เรียวชอบทำตัวเข้มแข็งกับผม

เพราะเรียวไม่อยากจะหลวมตัวมารักเกย์อย่างผมต่างหาก”

เด็กหนุ่มพูดไป ก็จูบมือผมไปมา ผมพยายามจะดึงมือกลับแต่เขารั้งไว้

“รู้เหมือนกันนี่ ว่าฉันคิดอย่างไร ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำให้ฉันลำบากใจสิ”

สบช่องพอดี ผมเลยพูดขึ้นมา เพื่อให้เขาเลิกตอแยผมเสียที เด็กหนุ่มยิ้มจนตาหยี ไม่มีวันเสียหรอกที่เขาจะยอมแพ้ เขาโต้ตอบผมทันควัน

“ไม่อ่ะ เรียวแค่ลำบากใจ แค่ตอนที่เกิดความสับสนในใจขึ้นมาแค่นั้นแหละ พอเริ่มรักผมแล้ว ก็หายเองล่ะนะ ดังนั้นผมไม่ยอมแพ้หรอก

ผมจะสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นให้จงได้ ไม่ว่าเรียวจะพูดว่าอย่างไร ผมก็ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ คอยดูต่อไปสิ”


เมื่อเด็กหนุ่มยืนกรานด้วยความมั่นอกมั่นใจแบบนั้น ผมเลยคร้านที่จะเถียง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเถียงเอาแพ้ หรือ ชนะ

เด็กนี่ดื้อรั้นพอสมควร เขาต้องพยายามทำทุกอย่างตามที่ลั่นวาจาไว้ให้จงได้ สิ่งที่ผมจะทำคือแค่ไม่หลวมตัวไปติดกับดักเสน่หาที่เขาล่อไว้

และต้องไม่ให้โอกาสเขาทำตามใจตัวเองในการที่ล่วงเกินผม แค่สองสิ่งนี้มันทำได้ไม่ยาก หากคิดจะทำ แต่สิ่งที่ผมตอบไม่ได้ คือ ผมอยากจะทำจริงๆหรือเปล่า


กว่าที่เดียร์จะนอนได้ ก็เลยเที่ยงคืนมาโขแล้ว เขานอนหนุนตักผม พูดคุยสารพัดเรื่อง แล้วเสียงก็เริ่มแผ่วเบาลง จนเงียบไปในที่สุด

ผมพยายามขยับตัวลุกขึ้นก็เกรงว่าเขาจะตื่น แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะเดียร์นอนไม่ไหวติง ผมจึงต้องนั่งอยู่อย่างนั้น

เปิดดูทีวีเกือบทุกช่อง ก่อนจะหลับไปในที่สุด เลยเป็นว่าทั้งผมและเขาไม่ได้นอนแยกจากกันเลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว


“ตื่นได้แล้วครับ เรียวคนดี”

*************************
c u tomorrow :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2008 15:41:33 โดย ไต๋ »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #234 เมื่อ24-12-2008 18:41:31 »


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #235 เมื่อ24-12-2008 18:52:06 »

 :z1: มาดูคนป่วยขี้อ้อน  :z1:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #236 เมื่อ24-12-2008 22:09:50 »

Merry Christmas & Happy New Year 2009 :3123:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #237 เมื่อ24-12-2008 22:26:54 »

Merry X'Mas







 :กอด1:พี่แอน

เทคแคร์ตัวเองด้วยนะคะ

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #238 เมื่อ25-12-2008 00:37:24 »

Merry X'mas and Happy Birthday N' Dear

ครบรอบวันเกิดน้องเดียร์วันนี้ค่ะ (ฮ่าฮ่าฮ่า) ในนิยายเรื่องนี้ เดียร์เกิดวันที่ 25 ธันวาค่ะ เดียร์จึงเป็นของขวัญวันคริสต์มาสของเรียวค่ะ สุขสันต์วันเกิดน้องเดียร์นะคะ อิอิอิ  :L2:

ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #239 เมื่อ25-12-2008 01:01:00 »

Happy Birthday เดียร์คับ :mc4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด