My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend:Part 2 By Katesnk  (อ่าน 183403 ครั้ง)

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #240 เมื่อ25-12-2008 17:09:11 »

  :z1: มาละจ้า




บทที่ 20


เสียงกระซิบที่รื่นหูดังขึ้น ผมสะดุ้งตกใจตื่น เมื่อลืมตาขึ้นมองก็เห็นเดียร์นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

ใบหน้าของเขาใกล้กับหน้าของผม จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่เป่ารดแถวลำคอ

“เช้าแล้วนะครับ ที่รัก”

เขาทักทายผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ดวงตาที่จ้องมองผมเป็นประกายแพรวพราว ไม่มีอาการป่วยไข้หลงเหลือให้เห็น

“หายดีแล้วเหรอ”

ผมถามอย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มพยักหน้า ยิ้มแป้น

“ผมคิดว่าผมหายแล้วล่ะครับ แต่รู้สึกเหมือนว่า เรียวน่าจะไม่สบายนะ”

เด็กหนุ่มพูดพลาง เอามือมาอังหน้าผากผม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป มีความห่วงกังวลอยู่ในแววตาคู่นั้น

“ก็คงจะติดจากนายนะสิ”

ผมจามขึ้นมา พยายามจะลุกจากที่นั่ง รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัว แล้วก็ปวดหัวไปหมด แต่ก็แข็งใจฝืนยืนขึ้น ไม่
อยากทำท่าอ่อนแอให้เด็กบ้านี่เห็น

“ไม่เป็นไรมากหรอกน่า ถึงฉันจะผอมกว่านาย แต่ฉันก็แข็งแรงนะ”

“แต่เมื่อกี้ลองจับหน้าผากเรียวดูแล้ว เรียวตัวร้อนๆนะครับ”

เดียร์มีทีท่ากังวล ผมมองสบตาเด็กหนุ่ม แล้วรีบเบือนหน้าหนี กลัวใจตัวเองจะพ่ายแพ้ต่อความห่วงหาอาทรของเขา

“บอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรสิ เดี๋ยวกินยา แล้วจะออกไปทำงาน ส่วนนายเมื่อหายป่วยแล้ว สมควรจะกลับบ้านไปทำงานทำการได้แล้ว”

ผมถือโอกาสไล่เขา เดียร์ทำปากยื่น ร้องอุทธรณ์ว่า

“แหม พอตื่นขึ้นมา ก็ทำท่าไม่อยากเห็นให้ผมอยู่ด้วยขึ้นมาเชียว หวงเนื้อหวงตัวจังเลย เรียวนี่ น่าน้อยใจเชียว”

“ก็ฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก ไม่เคยให้ความหวังอะไรนายสักหน่อย นายน่ะแหละคิดเองเออเองทั้งนั้น ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งกับพวกเกย์สักหน่อย”

เด็กหนุ่มฟังผมพูดจบ ก็ทำตาเป็นประกาย ยิ้มทะเล้นจนน่าหมั่นไส้

“นั่นแหละสิ่งที่ผมต้องการ การที่เรียวหวงเนื้อหวงตัวแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน แปลว่า ไม่มีผู้ชาย หรือ เกย์หน้าไหนได้มีโอกาสมาแตะต้อง หรือยุ่งเกี่ยวกับเรียวของผม แสดงว่าเรียวยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ มีแต่ผมคนเดียวที่มีโอกาสได้ทำสิ่งนั้น ผมยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจมากเลยนะ เลยคิดว่าจะต้องรีบทำให้เรียวใจอ่อน ยอมเป็นของผมให้ได้ ผมอ่ะกะจะถนอมเรียวไว้เป็นของผมตลอดไปเลยอ่ะ”


ผมรีบเดินหนีขึ้นห้องหลังจากเดียร์พูดจบ ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดังไล่หลังมา ผมแอบยิ้มให้กับตัวเอง เจ้าเด็กบ้านี่ ทำท่าราวกับว่าเราสองคนเป็นคู่รักกันงั้นแหละ ทั้งพูดจาหยอกเย้า แทะโลม เกี้ยวพาราสี นึกว่าตัวเองเป็นชายหนุ่มที่กำลังติดพันหญิงสาวอยู่หรือไงนะ


ถึงผมจะดูผอมเพรียวแต่ผมก็มีความสูง และขนาดร่างกาย เท่ากับชายหนุ่มที่ทำงานในออฟฟิศหลายคน ไม่ได้อ้อนแอ้นบอบบางเหมือนผู้หญิงสักหน่อย แล้วก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงหลายคนด้วย แล้วทำไมเด็กนี่จึงมาดูแลเทคแคร์ผมอย่างกับว่าเป็นหญิงสาวที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นะ เจ้าบ้าเอ๊ย ผมอดขำความคิดของเดียร์และเริ่มจะหวั่นใจไม่ได้ หากนายเดียร์ทำอย่างนี้กับผมบ่อยๆ ผมจะกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นได้หรือเปล่านะ ชักนึกกลัวซะแล้วสิ


หลังจากใช้เวลาในห้องน้ำนานร่วม ครึ่งชั่วโมง ทั้งอาบน้ำ และคิดอะไรเรื่อยเปื่อย บวกกับการแต่งเนื้อแต่งตัวอีก ครึ่งชั่วโมง ก็พอที่จะถ่วงเวลาไม่ให้ผมต้องเจอหน้ากับเจ้าเด็กลูกครึ่งที่ชอบก่อกวนอารมณ์ความรู้สึกของผมอีก พอลงมาจากห้อง ก็พบว่า เด็กหนุ่มเก็บข้าวเก็บของออกไปแล้ว โดยทิ้งโน้ตไว้ที่ห้องครัว และที่โต๊ะอาหารไว้ด้วย


เขาทำโจ๊กให้ผมทาน โดยใช้โจ๊กสำเร็จรูปที่เราไปซื้อกันมา เขาใส่หมูสับ กับไข่ให้ผมด้วย โน้ตเล็กๆที่มีลายมือสวยๆของเขาบอกให้ผมทานอาหารแล้วทานยาตามด้วย จะได้หายไวๆ เขาเป็นห่วงผมมาก อยากอยู่ดูแล แต่เกรงว่าผมจะไม่อนุญาต ส่วนตัวเขาขอออกไปทำงานก่อน ผมอ่านโน้ตแล้วอมยิ้ม แม้กระทั่งขณะทานโจ๊กที่เดียร์ทำให้ นึกภาพเขารีบอาบน้ำแล้วออกไปข้างนอก ไปส่งหนังสือพิมพ์ จากนั้นก็แต่งตัวไปร้านครัวคุณป้า เพื่อทำหน้าที่เป็นคนปรุงอาหาร แล้วจบลงที่ร้านกาแฟเป็นที่สุดท้าย เขาคงยุ่งวุ่นวายจนหัวปั่น ต้องทำงานชดเชยที่หยุดไป เนื่องจากป่วยเสียหลายวัน ไม่ได้ทำงานทำการก็ทำให้ขาดรายได้ ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงชีพของเขามาก



นึกสงสารเห็นใจอยู่ครามครัน อยากจะยื่นมือไปช่วยเหลือ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จะให้มาอยู่ด้วยในบ้าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ก็นึกหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมต้องให้คนแปลกหน้าที่รู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ มานอนที่บ้านด้วย แถมซ้ำยังเป็นคนที่ลักพาตัวผม บังคับทางอ้อมให้ยอมเป็นแฟนกับเขา จนผมอึดอัดใจทำอะไรไม่ค่อยจะถูกเมื่ออยู่ใกล้เด็กคนนี้ ถ้าผมยินยอมให้เขามาอยู่ด้วย ความยุ่งยากต่างๆอาจจะตามมาในภายหลังก็ได้ คิดไปคิดมาก็เลิกยุ่งกับเด็กนี่ดีกว่า ให้เขาช่วยเหลือตัวเองนั่นแหละ ดีแล้ว



วันนี้ผมนึกครึ้มใจที่การพิจารณารับประกันของผมเป็นไปด้วยดี ไม่ติดขัดอะไร เคสที่ผมรับมาพิจารณา เป็นการทำประกันทั้งครอบครัว พ่อแม่ และลูกอีกสองคน ซึ่งไม่อยากต่อการพิจารณานัก แม้จะเป็นเคสที่มีวงเงินที่สูงมาก แต่ลูกค้าสุขภาพดีกันทุกคน หัวหน้าครอบครัวเป็น คนหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แถมซ้ำยังเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงสังคมอีกด้วย



เคสพ่อแม่ลูกนี้ เป็นของผู้บริหารคนที่มักจะมีปากเสียงกับผมบ่อยๆ แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่เจอผมกับเดียร์ที่ห้างวันนั้น เขาคอยติดตามถามไถ่เป็นระยะ ว่าผลการพิจารณาจะออกมาว่าอย่างไร เนื่องจากเป็นการทำประกันที่มีการเก็บเบี้ยประกันจำนวนมาก หากผ่านการอนุมัติ นั่นหมายถึงตัวเลขผลงานของเขาจะเพิ่มสูงขึ้น พอผมแจ้งผลให้เขาทราบ เขาก็ดีอกดีใจพูดคุยกับผมอย่างดี ลืมเรื่องบาดหมางระหว่างเราไปเสียสิ้น เขาแฮปปี้ ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่อยากจะทำงานไปแล้วมีใครมาคอยด่าตลอดเวลา ถึงแม้จะทำใจไว้แล้วว่า งานอย่างนี้ ต้องมีทั้งคนรักและคนชัง แต่ถูกด่าบ่อยๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน



ความที่ผมอารมณ์ดี กอปรกับงานเสร็จเร็วด้วย ผมจึงชวนเจ้าสันต์ไปทานข้าวที่ร้านครัวคุณป้า ตั้งแต่ 11.45 ออกก่อนเวลานิดหน่อย เพราะไม่อยากแย่งกันลงลิฟท์ และเบียดเสียดผู้คนแย่งกันทานอาหาร แล้วก็รอคิวนานๆ พอดีเจอศักดิ์ชาย กำลังจะไปทานข้าวพอดี ผมจึงชวนเขาไปด้วย



ไม่รู้ว่าวันนี้ พ่อครัวตัวดี จะหายป่วยไข้ จนสามารถทำอาหารได้อร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่าน้อ อยากรู้จังเลย เมื่อเช้ากินโจ๊กฝีมือเขา มันก็อร่อยดี แต่พิสูจน์ไม่ได้เท่าไหร่ เพราะมันเป็นโจ๊กที่เขาปรุงมาสำเร็จแล้ว เติมนั่นนิดนี่หน่อย ก็อร่อยได้ แต่ ฝีมือการทำอาหารหลังจากป่วยของเจ้าเด็กบ้านั่นสิ ยังคงคุณภาพไว้อย่างที่เป็นมาหรือไม่ ผมไม่อาจจะรู้ได้



อันที่จริงมันไม่น่าจะเกี่ยวกันหรอก กับป่วยหรือไม่ป่วย แล้วจะทำอาหารได้ดีหรือเลวลง หากฝีมือดีอยู่แล้วก็คงจะทำอาหารได้ดีเหมือนเก่า เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ดลใจผมให้วนเวียนคิดแต่เรื่องของเขา คิดนั่นคิดนี่ไปมา จนเกิดความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องตัวเขาไปเสียทุกอย่าง พอได้สติขึ้นมา ก็นึกได้ว่า ผมคิดเพ้อเจ้อเลื่อนลอยไปถึงเขามากเกินไปเสียแล้ว ไม่อยากให้ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นกับผมเลย



พ่อครัวเอกออกมาเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเองเลยวันนี้ ทำหน้าแป้นแล้น ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม เขาทำน้ำพริกปลาทู พร้อมไข่ชะอม และผักลวกให้ผมทาน มีแกงจืดกับผัดผักมาให้ทานด้วย แถมซ้ำยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำอาหารเพิ่มให้เจ้าสันต์อีกด้วย ศักดิ์ชายมองอาหารที่จานของเราสองคนด้วยความอิจฉา ถามไถ่ใหญ่เลยว่า พวกผมสองคนเป็นลูกค้าวีไอพีเหรอ ถึงได้พิเศษ



เจ้าสันต์ถึงกับหัวเราะก๊ากออกมา แล้วก็เล่าให้เพื่อนเก่าของผมฟังว่า เขาเองก็เคยคิดแบบที่ศักดิ์ชายคิดเหมือนกัน ถึงขนาดลงทุนไปสืบ แต่ก็ไม่มีอะไร พ่อครัวคนนี้อยากฝึกปรือฝีมือเท่านั้น แต่ไม่วายแอบหยอดว่าสงสัยพ่อครัวจะชอบผม ศักดิ์ชายทำหน้าเหมือนได้ยินเรื่องที่น่าแปลกใจ แววตาที่มองผมเหมือนจะคาดคั้นว่าจริงหรือเปล่า ผมไม่ตอบคำถาม แต่พูดว่า อย่าไปเชื่ออะไรกับเจ้าสันต์มากนัก เจ้านี่ชอบคิดไปเอง ศักดิ์ชายทำสีหน้าแบบโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด



ทานข้าวเสร็จผมก็กลับมาทำงานต่อ ใบคำขอเอาประกันที่มีให้ผมพิจารณาในรอบบ่าย เป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่า ในรอบเช้า มีแต่ลูกค้าสูงอายุที่ทำประกันเข้ามาในวงเงินสูงมาก และเป็นการซื้อประกันแบบซิงเกิ้ลพรีเมี่ยมด้วย ดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่เสี่ยงอะไร เพราะลูกค้าจ่ายเงินก้อนเดียวเข้ามา โดยไม่สามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพได้ แต่ในแง่ของความเป็นธรรมกับลูกค้า หากเขาจ่ายเงินเข้ามาก้อนใหญ่ แล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เงินที่เขาได้จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เขาเสียไป ผมจึงต้องการหลักฐานข้อมูลต่างๆเพื่อมาประกอบการพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมและถูกต้องตามหลักเกณฑ์



กว่าจะพิจารณาเสร็จ ก็เล่นเอาผมปวดหัวไปหมด หัวผมเหมือนจะระเบิดออกจากกัน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ตัวร้อนรุมรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ อันที่จริงก็รู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เช้าวันจันทร์แล้ว แต่ผมคิดว่า คงเป็นเพราะนอนน้อย และเครียดจากการทำงานมากกว่า จึงทำให้รู้สึกเพลีย พอเมื่อเช้าเป็นอีก ก็ตั้งใจว่าจะกินยา แต่ก็มาลืมซะก่อน พอดีมีงานเข้ามาให้ทำตลอด ผมก็เลยลืมเรื่องนี้ไปสนิท ตั้งใจว่ากลับถึงบ้าน อาบน้ำ ทานข้าว แล้วก็จะกินยา แต่ความตั้งใจของผมก็มีอันถูกละเลยไป เมื่อกลับถึงบ้าน แล้วผมก็คลานขึ้นเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ตั้งใจจะนอนเล่นๆเพื่อให้หายเหนื่อย แต่ก็ดันผล็อยหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ



ผมไปทำงานในวันพุธและวันพฤหัสบดี ด้วยร่างกายที่อ่อนล้า มีประชุมเรื่องสินค้าตัวใหม่ที่จะขายโดยผ่านช่องทางธนาคาร ผมในฐานะตัวแทนจากฝ่ายพิจารณารับประกันต้องเข้าไปประชุม ร่วมด้วย ฝ่ายสินไหมซึ่งเจ้าสันต์ซึ่งย้ายจากงานเดิมที่ดูแลเรื่องการตรวจสอบ มาดูแลเกี่ยวกับการจ่ายสินไหมให้กับธุรกิจประกันผ่านแบงค์ ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายคณิตศาสตร์ ฝ่ายการตลาด และ ฝ่ายที่ดูแลเกี่ยวกับช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านแบงค์ นอกจากนี้ยังมีฝ่ายตรวจสอบเข้ามาร่วมด้วย ซึ่ง ครั้งนี้เขาส่งศักดิ์ชายเป็นตัวแทนมาร่วมประชุม กลายเป็นว่า ผมและเพื่อนๆอีกสองคน ต้องมาประชุมถกเถียงกันในสินค้าตัวใหม่ที่จะวางตลาด



ทางฝ่ายการตลาด ขอร้องให้ทางผมปรับกฎเกณฑ์ในการพิจารณาให้เข้มงวดน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากฐานตลาดลูกค้าที่มาออมเงินกับธนาคาร เป็นพวกที่ไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก อีกอย่าง ผู้ที่ทำหน้าที่ขายก็คือพนักงานแบงค์ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องประกันมากนัก แถมซ้ำ สินค้าที่ขายผ่านแบงค์ก็มีตั้งหลายตัว แล้วพนักงานธนาคารจำเป็นต้องทำยอดขายให้กับธนาคารด้วย หากขายอะไรที่มันยากๆ กฎเกณฑ์เยอะก็จะสร้างความลำบากให้เกิดขึ้น ทำให้ยอดขายไม่เติบโตอย่างที่ต้องการ



เราประชุมกันนานมากใช้เวลาถึงสองวันเต็ม จนผมเครียดไปหมด ต่างถกเถียงยกเอาเหตุผลที่ดีกว่าของตัวมาหักล้างกัน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปที่จะได้ประโยชน์สูงสุดกับบริษัท โดยเราจะลดเงื่อนไขการพิจาณารับประกันให้เหลือน้อยลง และง่ายมากขึ้น แต่มีข้อแม้ว่าต้องมีการจำกัดวงเงินต่อกรมธรรม์ว่าซื้อสูงสุดได้เท่าไหร่ หากเกินกว่าที่กำหนด เงื่อนไขกฎเกณฑ์ก็จะปรับมาสุ่ปกติ โดยที่ลูกค้าสามารถซื้ออนุสัญญาที่ต้องการได้ทุกตัว กว่าจะตกลงกันได้ ก็เล่นเอาทุกคนเหนื่อยอ่อนไปตามๆกัน



ด้วยความที่งานยุ่งมาก แถมซ้ำยังประชุมเครียดด้วย ผมจึงไม่ค่อยจะมีกะจิตกะใจพูดคุยกับเดียร์มากนัก เวลาที่เขาโทรมาผมก็คุยได้แป๊บเดียวก็ตัดบท ผมเหนื่อย และเพลียมาก ไม่อยากแม้แต่จะขยับปาก ใจอยากจะทำงานให้เสร็จๆ ไม่อยากให้คั่งค้าง เพราะกลัวงานอนุมัติไม่ทัน บริษัทก็จะไม่มีเงินเข้ามา หลังจากเลิกประชุมในแต่ละวัน ผมก็จะอยู่เคลียร์งานจนดึกจนดื่น กลับเข้าบ้านอาบน้ำเสร็จก็คลานขึ้นเตียง หลับสนิท ลืมทานข้าว ทานยาเพื่อให้หายป่วย



พอถึงวันศุกร์ ผมก็แทบจะทรงกายไม่ไหว แต่ก็พยายามที่จะฝืนใจไปทำงานทั้งๆที่ตัวร้อน และเพลียมาก ผมขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานไม่ยอมออกไปไหน จนกว่างานจะเสร็จ



เจ้าสันต์รับหน้าที่เป็นคนซื้อข้าวแทนผม ซึ่งเขาก็ไปทานที่ครัวคุณป้าเหมือนเดิม เดียร์รับรู้แต่เพียงว่า งานผมยุ่งจนไม่มีเวลาทานข้าว เขาก็ฝากอาหารมาให้ผมจนเยอะแยะ มีการโทรศัพท์มาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่ผมก็ตอบเขาไปว่า ไม่มีอะไรมาก แค่งานยุ่งเท่านั้น สงสัยอาจจะต้องหอบงานไปทำที่บ้านด้วย เขาแสดงความเห็นใจออกมา แล้วบอกว่าถ้าไม่สบายก็บอกเขานะ เขายินดีมาดูแลผมที่บ้าน ผมบอกเขาว่าไม่ต้อง ผมไม่เป็นอะไรมาก เมื่อเห็นผมยืนยันเสียงแข็งแบบนั้น เดียร์เลยบอกกับผมว่าจะไม่กวนแล้ว ให้ผมทำงานตามสบาย เขาจะไม่โทรมาหาจนกว่าจะถึงวันเสาร์เพื่อให้ผมทำงานได้ตามสบาย ผมกล่าวขอบคุณเขา ที่ทำอาหารให้ แล้วก็ขอตัวทำงานต่อ




ศักดิ์ชายเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมป่วย เพราะในตอนประชุมผมจะนั่งติดเขาตลอด และเขามักจะสังเกตอาการของผมตลอดเวลา เวลาที่ผมเครียด เขาก็จะพูดคุยให้ใจเย็น ๆ พยายามจะชวนผมให้ไปเที่ยวเพื่อผ่อนคลายหลังเลิกงาน แต่ผมปฏิเสธไป บอกเขาว่าอยากนอนมากกว่า แล้วผมก็รู้สึกเกรงใจภรรยาและลูกของเขาด้วย ไม่อยากชวนให้เขาเถลไถล เดี๋ยวจะมีเรื่องผิดใจกันในครอบครัวไปเสียเปล่าๆ


“กลับบ้านไปนอนเสียนะ แล้วกินยาด้วย พรุ่งนี้วันเกิดฉัน นายอย่าลืมไปให้ได้ล่ะ”

ศักดิ์ชายโทรมาหาผมตอนค่ำของวันศุกร์ เขาเลิกงานแล้ว แต่ยังอยู่ต่อ เพื่อเช็คเมล์งานต่างๆ เขาออกไปก่อนผมครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นผมก็หอบงานออกมา ตั้งใจกะจะเอากลับไปทำที่บ้าน แต่ผมกลับไม่ได้ทำ เพราะทันทีที่หัวถึงหมอน ผมก็หลับสนิท แล้วไปตื่นเอาตอนเย็นของวันรุ่งขึ้น



เพื่อนเก่าของผมโทรมานับสิบรอบ แต่ผมไม่ได้ยินเนื่องจากหลับไปนานมาก ด้วยความอ่อนเพลีย รู้สึกว่าหัว
ตื้อ หนักไปหมด ตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ร้อนวูบที่หนังตา และเนื้อตัว ขนาดลุกไปห้องน้ำ ยังเซถลาต้องยึดประตูไว้ รู้สึกว่าห้องมันหมุนติ้วไปหมด ผมคลานกลับขึ้นเตียง และคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ถึงได้รู้ว่าศักดิ์ชายโทรมา แต่ผมไม่ได้โทรกลับไป ดูจากเวลาในมือถือ ก็รู้ว่า เลยเวลานัดไปมากแล้ว ผมพลาดนัดกับเขาจนได้ ศักดิ์ชายคงโทรมาต่อว่า แต่ช่างเถอะ เอาไว้โทรไปขอโทษเขาทีหลัง วันนี้ผมรู้สึกไม่ไหวแล้วจริงๆ อยากนอนพักมากกว่า



ตื่นมาอีกที เมื่อได้ยินทั้งเสียงโทรศัพท์และเสียงกดกริ่งขึ้นมาพร้อมกัน ผมเหลือบดูนาฬิกาตรงหัวเตียงมันบอกเวลา 6.45 น.แต่เมื่อดูจากแสงสว่างที่ลอดเข้ามาในห้อง มันบอกให้ผมรู้ว่า นี่เป็นเวลาเช้าของอีกวัน ไม่ใช่เย็นวันเสาร์แต่อย่างใด และเสียงกริ่งหน้าประตูบ้านนั่น คนที่จะกดคงไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าเดียร์ เด็กบ้าที่คอยมากวนประสาทผมทุกเช้าวันอาทิตย์นั่นเอง แต่วันนี้ เขามาสายไปหน่อยนะ ตามปกติ จะมาตั้งแต่ ยังไม่ทันจะหกโมงเลย เอ หรือว่า มายืนรอตั้งนานแต่ผมไม่ได้ยินเสียงกริ่งกันแน่



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #241 เมื่อ25-12-2008 17:10:09 »


ผมซวนเซลุกขึ้น รู้สึกดีใจที่เด็กหนุ่มมาหา เป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากทุกๆวันที่ได้เจอกัน บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงดีอกดีใจแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกนึกถึงเขา หรือ ว่า เป็นเพราะผมไม่สบาย เลยอยากให้มีใครบางคนมาอยู่เป็นเพื่อน ผมเองยังตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าผมกระตือรือร้นที่จะไปเปิดประตูรับเขาด้วยไม่อยากให้เด็กหนุ่มรอนาน


“เป็นไงบ้าง”

ผิดคาดแหะ คนที่ผมเปิดประตูรับกลับกลายเป็นศักดิ์ชายที่ยืนยิ้มอยู่ ในมือของเขามีกระเช้าผลไม้ ข้าวกล่อง และนมสด ดูเหมือนมาเยี่ยมเยียนคนไข้ที่ป่วยหนักยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกผิดหวังอย่างแรงที่คนที่ผมคิดถึงไม่มาตามเวลาที่ได้สัญญาไว้ นึกเดือดปุดๆในใจ สงสัยว่าเจ้าเด็กบ้านั่นไปอยู่เสียที่ไหนกัน


“นายเองเหรอ เข้ามาก่อนสิ”

ผมทักทายเขาด้วยเสียงแหบแห้ง พลางเชิญชวนให้เขาเข้าบ้าน แล้วเดินหน้ามุ่ยนำหน้า ความที่หงุดหงิดที่คนที่ยืนหน้าประตูไม่ใช่คนที่อยากเจอ บวกกับอาการไข้ของตนเอง ทำให้ผมสะดุดก้อนหินจนเซถลา ศักดิ์ชายรีบเอื้อมมือมาฉุดผมไว้


เขาทำท่าจะประคองตัวผม แต่ผมเกิดรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา จึงเบี่ยงตัวหนี แล้วบอกว่าเดินได้ไหว ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ ผมเองก็เคย กอดคอ โอบไหล่ เตะตูดศักดิ์ชายมานับไม่ถ้วน เพราะเราสนิทกันมาก แต่ครั้งนี้ทำไมผมถึงไม่อยากให้เขาจับก็ไม่รู้ ใจดันนึกไปถึงคำพูดของเดียร์ที่พูดไว้เมื่อวานเรื่องการหวงเนื้อหวงตัวของผมเสียอีก เลยทำให้ผมไม่อยากให้ใครแตะตัวขึ้นมา


“นายไม่สบายหรือเปล่า แล้วกินข้าว หรือกินยาหรือยัง”

ศักดิ์ชายถามผมด้วยความห่วงใย ผมส่ายหน้า แล้วบอกว่า ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวันศุกร์แล้ว หลับไป
ตลอดไม่ตื่นเลย นอกจากผมจะไม่ได้กินแล้ว เจ้าหญิงก็พลอยไม่ได้กินอะไรไปกับผมด้วย ตอนผมเดินออกไปเปิดประตู เห็นมันครางหงิงๆ อย่างน่าสงสารมาก อาหารเม็ดที่ผมใส่ให้ มันคงกินจนหมดไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้



เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ส่ายหน้า เขาเอามือมาจับหน้าผากผมเบาๆ แล้วก็ร้องลั่น เขาบอกว่าผมตัวร้อนมาก ต้องพักผ่อนให้เยอะๆ แล้วทานยาด้วย ตอนแรก เขาว่าจะขับรถพาผมไปหาหมอ แต่ผมไม่ยอมไป ในส่วนลึกผมกลัวว่า ถ้าเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นั้นมาที่นี่แล้วไม่เจอผม เขาจะเข้าใจผิดคิดว่าผมไม่รักษาสัญญา ผมไม่อยากให้เขาเข้าใจแบบนั้น



ศักดิ์ชายส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของผม เขาบอกให้ผมไปนอนบนห้อง แต่ผมขอนอนที่โซฟา เขาเลยยอมตามใจ ไม่โต้เถียง เพื่อนเก่าของผมเอาข้าวมันไก่ที่อุตส่าห์ซื้อมาไปใส่จานมาให้ แต่ผมทานไปได้นิดเดียว ก็ไม่นึกอยากจะทานต่อ ใจนึกถึงอาหารฝีมือเดียร์ขึ้นมา ข้าวมันไก่เจ้านี้ รสมือสู้โจ๊กธรรมดาๆ ของเดียร์ไม่ได้เลย
หลังจากบังคับให้ผมทานข้าวให้หมดไม่ได้ ศักดิ์ชายก็ละความพยายาม เขาขอให้ผมทานยาจะได้พักผ่อน ผมเห็นว่าเพื่อนหวังดี เลยยอมกินยา เพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วงมากกว่านี้ เพื่อนเก่าของผม อาสาอยู่เป็นเพื่อน ผมเห็นว่า ไม่เสียหายอะไร แล้วเราก็นั่งคุยกันข้างล่างด้วย ผมจึงอนุญาตให้ศักดิ์ชายอยู่ต่อ



เราคุยกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการรื้อฟื้นเรื่องราวสมัยที่เรายังเรียนอยู่ด้วยกันมาพูดคุย เรื่องครอบครัวของเขา ท่าทางศักดิ์ชายมีความสุขมากเมื่อพูดถึงลูก แต่เมื่อถามถึงเมียของเขา ศักดิ์ชายก็บ่ายเบี่ยงไม่ตอบอะไรมาก บอกแต่ว่าเมียเขาเป็นคนนิสัยดีน่ารัก เขาน่ะสิ ไม่คู่ควร พอผมถามว่ามันเรื่องอะไรกันถึงได้พูดอย่างนี้ เขาก็ไม่ยอมตอบ แต่เสไปพูดเรื่องอื่นๆ ท่าทางเขามีลับลมคมในเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ตาที่มองผมก็ดูเศร้าจนผมรู้สึกได้



“เมื่อวานฉันโทรหานายตลอด กลัวว่านายจะลืมวันเกิดฉัน แล้วนายก็ลืมจริงๆ ติดต่อนายไม่ได้เลย คิดอยู่แต่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า เมื่อวันศุกร์เห็นท่าทางไม่ค่อยดีอยู่ด้วย เลยสงสัยว่านายไม่สบายแน่ๆ ที่มานี่ กะจะมาดูว่านายเป็นยังไง ถ้าสบายดี ก็กะจะต่อว่า ว่าทำไมไม่ยอมไป แต่ถ้านายป่วยจริงๆ ตั้งใจว่า จะพานายไปหาหมอน่ะ”


สันต์บอกกับผม ท่าทางดูเป็นห่วงเป็นใยมาก ผมสบตาที่มองมาอย่างจริงใจ แล้วยิ้มให้เขา


“โทษทีนะ ฉันรู้สึกไม่ไหวจริงๆ มันเหนื่อยแล้วเพลียมากเลย เห็นมิสคอลของนายแล้ว อยากจะโทรกลับไปหา
เหมือนกันนะ แต่ว่าลุกไม่ไหว เอาไว้ฉันจะแก้ตัวไปบ้านนายวันหลังนะ”


ผมบอกกับเขา รู้สึกผิดจริงที่ไม่ได้ไปร่วมงานวันเกิดของศักดิ์ชายทั้งที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เจ้าเพื่อนเก่าร่วมโรงเรียน วางมือบนต้นขาของผมแล้วบีบเบา มองตาผมนิ่งนาน ผมเห็นประกายบางอย่างที่คุ้นเคยจากแววตาของเขา มันคล้ายกับแววตาของเดียร์ไม่มีผิด ทำไมเขาต้องมองผมแบบนี้ด้วยนะ หรือว่าผมคิดมากเกินไป ศักดิ์ชายไม่มีวันเหมือนกับเดียร์อย่างแน่นอน


“กินข้าวไปแค่นั้น จะอิ่มเหรอ”

ศักดิ์ชายถามผมด้วยความเป็นห่วง ผมเอามือลูบท้อง อันที่จริงผมก็รู้สึกหิวอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก ยังไม่อยากจะกินตอนนี้ เหมือนกับว่าผมรอใครบางคนมากินด้วยมากกว่า ใครคนนั้น ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนกัน นี่ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ยังไม่โผล่หน้ามาอีก ตามปกติ เขาไม่เคยเหลวไหลขนาดนี้ ยกเว้นแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ซึ่งเขาป่วย หวังว่า คงไม่กลับไปเป็นไข้อีกนะ


“ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แล้วนายล่ะ อยากกินอะไรหรือเปล่า จัดการได้เลยนะ ในครัวมี ของสดของแห้งอยู่ หรือจะสั่งแถวๆนี้ก็ได้”


“ฉันกินอิ่มมาจากบ้านแล้ว ตอนกลางวันก็ไม่ทานอะไรมาก กลัวอ้วนน่ะ เออก่อนมานี่ฉันซื้อพวกผลไม้ และนมมาให้นายด้วยนะ ถ้านายไม่อยากกินข้าว ก็ทานผลไม้ หรือทานนมก็ได้ ฉันไปทำมาให้เอาไหม”


ผมมองหน้าศักดิ์ชาย ใจอยากปฏิเสธ กลัวว่าตนเองจะอิ่มก่อน เดี๋ยวเดียร์มาจะงอแง หาว่าผมไม่ยอมรอ ผมขี้เกียจฟังคำโวยวายน้อยอกน้อยใจของเขา จึงไม่อยากกินอะไรเข้าไปเยอะๆ แต่เมื่อมองเห็นแววตาจริงใจของเพื่อน มันก็ทำให้ผมต้องยอมตามใจเขา กินแค่นมก็แล้วกัน คงไม่ทำให้ผมอิ่มไปมากมายจนทานอะไรอีกไม่ได้หรอก


“ฉันทานแค่นมแล้วกันนะ ยังไม่หิวมากซักเท่าไหร่”

ผมบอกเขาไปถึงความต้องการของตนเอง ศักดิ์ชายเดินไปที่ห้องครัว ที่เขาวางข้าวของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบนมมาให้ผมกล่องหนึ่ง โดยไม่ลืมที่จะหยิบแอปเปิลติดมือมาสองลูก


เขายื่นนมกับแอปเปิลให้ผม สีหน้าของเขาแสดงความพึงพอใจเมื่อเห็นผมทานนมจนหมด แล้วพยายามคะยั้นคะยอให้ผมทานแอปเปิลที่ถืออยู่ในมือ แต่ผมยังไม่ยอมทาน บอกเขาว่า ยังไม่หิว เขาก็เลยไม่เซ้าซี้ต่อ
ผมคุยกับศักดิ์ชายไปเรื่อยๆ แต่ตาสอดส่ายไปยังประตูหน้าบ้าน หูก็พยายามเงี่ยหูฟังสรรพเสียงต่างๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิง อยู่หน้าบ้าน ไม่เห่า เอาแต่นอนหลับ เสียงกริ่ง หรือ เสียงโทรศัพท์ก็ไม่ดังให้ได้ยิน ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ



ศักดิ์ชัยไม่ยอมกลับบ้านไปง่ายๆ เขาชวนผมคุยนั่นคุยนี่ไปเรื่อยๆ ผมก็ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง ไม่ค่อยจะมีอารมณ์พูดคุยกับเขา เพราะมัวแต่กังวลใจถึงใครบางคนอยู่ แต่เพื่อนของผมไม่รู้หรอก เขาคิดว่าเป็นเพราะผมไม่ค่อยสบายมากกว่า เขาเลยไม่ถือสาอะไร แถมซ้ำอาสาจะอยู่เป็นเพื่อนอีก แม้ผมจะบอกว่าผมอยู่ได้ ให้เขากลับบ้านไปซะ เดี๋ยวลูกเมียจะเป็นห่วง เขากลับบอกว่า เมียกับลูกไปเที่ยวบ้านแม่ยายกว่าจะกลับมาก็คงเย็น ตัวเขาเองไม่ถูกกับแม่ยาย เลยไม่ได้ไปด้วย อีกอย่างเขาก็ไม่รู้จะไปที่ไหน อยู่กับผมดีกว่า ได้มีโอกาสพูดคุยรื้อฟื้นความหลังกัน หลังจากที่ไม่ค่อยได้เจอ และ พูดคุยนานๆแบบนี้



ผมรู้ว่าเขามีความปรารถนาดีต่อผม แถมซ้ำยังเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ก็เลยไม่อยากจะขับไล่เขาไปให้พ้นบ้าน คิดในใจเอาเองว่า เขาคงจะกลับไปเองมั้ง หากเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรจะทำ แต่ในใจก็นึกหวั่นว่า หากเดียร์มาเจอ เจ้าเด็กบ้านั่นจะโกรธหรือเปล่า แล้วถ้า ศักดิ์ชัยเจอเดียร์ เขาจะคิดอะไรไกลเลยเถิดไปไหม โดยเฉพาะเขาเองก็เคยเจอหน้าเดียร์ที่ร้านอาหารบ้านคุณป้า ซึ่งเจ้าสันต์ ได้แสดงความกังขา เกี่ยวกับเรื่องของเดียร์ แล้วผมทำเป็นเฉยๆ ผมว่าเขาต้องโยงเรื่องราวต่างๆได้แน่ๆ แล้วทีนี้เรื่องของผมก็จะกลายเป็นหัวข้อนินทากันในที่ทำงานสนุกปากแน่นอน



ไม่รู้สิ ผมไม่อยากจะคิดมาก ถ้าอะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด แต่ผมเชื่อมั่นว่า ศักดิ์ชาย เพื่อนผม คงไม่ใช่คนปากสว่างแบบนั้น อีกอย่าง หากเจ้าเด็กเดียร์นั่น ไม่ทำตัวนัวเนีย เป็นเจ้าเข้าเจ้าของผม ศักดิ์ชาย ก็อาจจะคิดว่า เด็กเดียร์เป็นแค่คนรู้จักธรรมดา ที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้านก็ได้ ส่วนเรื่องที่ผมแสร้งทำเป็นไม่สนิทกับเดียร์ที่ร้านอาหาร ไว้ค่อยอธิบายให้ศักดิ์ชายฟังอีกที หากมันถามขึ้นมา



เวลาล่วงเลยจากเที่ยงเป็นบ่าย ยังไม่มีวี่แววของเจ้าเด็กปากเก่ง บางทีวันนี้ เจ้าบ้านั่น อาจจะมีธุระกระมัง จนไม่สามารถมาได้ แล้วผมก็เคยบอกกับเขาไปแล้วว่า ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องมา ผมให้เขาชดเชยในวันอื่นได้ แต่ถ้าจะไม่มา ก็น่าจะบอกกัน ผมจะได้ไม่ต้องรอ เบอร์โทรผมก็มี โทรมาก็ได้ ปกติก็โทรหามาแทบจะสามเวลาหลังอาหาร ทีวันนี้กลับไม่โทร ผมคิดอย่างหงุดหงิด และเริ่มที่จะไม่อยากคุยกับศักดิ์ชายขึ้นมาดื้อๆ

“นายจะกลับเมื่อไหร่เหรอ”


อยู่ๆผมก็ถามเขาขึ้นมา เพราะเห็นว่า เขาไม่มีทีท่าว่าจะลากลับซะที

“ทำไมเหรอ นายเบื่อที่จะคุยกับฉันเหรอ”

“เปล่า ฉันแค่ง่วง แล้วก็อยากพักผ่อนน่ะ”

“ก็เอาสิ นายนอนเลยก็ได้ ฉันอยู่เป็นเพื่อนนายได้ ไม่ได้รีบอะไร”

“เออ แต่ว่า วันนี้ มีคนจะมาหาที่บ้านน่ะ”


ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดออกไป ศักดิ์ชายทำหน้าเหรอหรา ถามผมว่า ผมนัดใครเหรอ ผมตอบแค่ว่า น้องที่รู้จักคนหนึ่ง เขาบอกไว้แล้วว่าจะมาเยี่ยมเยียนวันนี้ แต่ยังไม่มาเลย ศักดิ์ชายถามผมว่าผู้หญิงผู้ชาย ผมมองหน้าเขา แล้วตอบไปว่า น้องผู้ชาย เพื่อนเก่าของผมนิ่วหน้า เหมือนผมจะเห็นความไม่พอใจฉายแว่บในดวงตาของเขา พอผมจ้องมอง ศักดิ์ชายก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม


“เดี๋ยวฉันก็ไปแล้วล่ะ จะอยู่รอจนกว่านายจะหลับก่อนน่ะ”

“ฉันง่วงมากเลย จะนอนแล้วล่ะ นายจะกลับก็กลับเถอะ”

“ไม่เป็นไร นายนอนก่อน แล้วฉันค่อยกลับ”

“อื้อ งั้นฉันนอนก่อนล่ะ รบกวนนายช่วยล็อคประตูบ้านให้ด้วยนะ”


ผมตัดบทด้วยการปิดเปลือกตาลง ไม่อยากจะโต้เถียงกับศักดิ์ชายอีกต่อไป เพราะรู้ดีว่า เจ้าเพื่อนคนนี้ของผมก็เป็นคนที่ดื้อพอสมควรเหมือนกัน ลองว่ามันคิดจะทำอะไรแล้ว มันต้องทำให้ได้ นานมาแล้วมันคอยห่วงใยผมตลอดเวลา ไม่ว่าผมจะเพลียจากการอ่านหนังสือสอบอย่างหนัก ไม่สบาย หรือ ไปเมามาจนอ้วก เจ้าศักดิ์ชาย ก็จะคอยดูแลผมแทบทุกครั้ง สิ่งดีๆที่มันทำให้กับผม ยังคงซึ้งใจอยู่ไม่รู้ลืม มันเป็นเพื่อนแท้อีกคนของผม นอกเหนือจากเจ้าสันต์ แล้วผมก็รักมันด้วย ผมจึงไม่อยากให้ความหงุดหงิดจากเรื่องของเดียร์มาทำลายมิตรภาพระหว่างผมกับศักดิ์ชายลงไป



เป็นเพราะความเพลีย และ อาการไข้ที่รุมเร้า ทำให้ผมผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย มาสะดุ้งตื่นอีกที เมื่อมีอะไรเย็นๆมากระทบผิวหนังตรงแผ่นอก ผมลืมตามอง ก็เห็นศักดิ์ชาย นั่งยิ้มอยู่ ในมือถือผ้าชุบน้ำเย็นๆ เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผม เสื้อนอนที่ผมใส่อยู่ถูกปลดกระดุม และแบะออก ผมรีบยันกายลุกขึ้นนั่ง ร้องดังลั่น


“เฮ้ย นายไม่ต้องมาทำแบบนี้หรอก”

ศักดิ์ชายเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“ทำไมล่ะ ก็นายตัวร้อน ฉันเลยเช็ดตัวให้นาย ไข้จะได้ลดไง”

“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า”

ผมบอกเขาเสียงหงุดหงิด รู้สึกไม่ชอบที่ศักดิ์ชายมาเช็ดเนื้อตัวให้

“นี่นายไม่พอใจเหรอ เป็นอะไรไปน่ะ เกิดหวงตัวอะไรขึ้นมาวะ ทุกทีฉันก็ทำให้นายประจำ ตอนที่นายไม่สบายน่ะ แล้วตอนนี้ฉันก็ทำในสิ่งเดิมๆที่เคยทำมาก่อน ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยสักหน่อย หรือนายกลัวว่าฉันจะปล้ำนายวะ”


ท้ายประโยค ศักดิ์ชายทำเสียงหยอกล้อ


“ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องอะไรฉันจะไปกลัวว่านายจะปล้ำฉันวะ ผู้ชายด้วยกัน ทำอย่างนั้นก็ได้ฟ้าผ่าตายห่าสิ”
**********
เจอกันพรุ่งนี้น้า :bye2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #242 เมื่อ25-12-2008 17:24:56 »

ตาเดียร์มาเห็นเข้าละเอ้ย  งานเข้าแน่  :z2: :z2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #243 เมื่อ25-12-2008 17:57:53 »



ทิพพูดถูก!



ออฟไลน์ rayjikung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #244 เมื่อ25-12-2008 19:47:56 »

เย้ๆๆ  ตามอ่านจนทันแล้วว

จะรออ่านพรุ่งนี้น้าค้าฟ^^

สนุกมากๆๆๆๆๆๆ+ เลย

อ่านสองรอบแล้ว 55+

sun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #245 เมื่อ26-12-2008 01:07:02 »

เอานายศักดิ์ชายไปเก็บด่วน ฉวยโอกาสนะเนี่ย ฮึ่มๆๆ  :m16:

ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #246 เมื่อ26-12-2008 01:37:23 »

อันตรายแล้วเรียว
เป็นหวัดเป็นไข้จะเอาแรงที่ไหนไปต้านทานละคับ
น่าเป็นห่วงๆ

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #247 เมื่อ26-12-2008 08:47:41 »

ถ้าเดียร์มาเจอกำลังเช็ดตัวให้กันเนี่ย งานเข้าแน่ๆเรียว...

ขอบคุณ..คนโพสมากๆค่ะ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #248 เมื่อ26-12-2008 16:16:50 »

  o22 งานเข้าแล้วเรียว

บทที่ 21



ผมตอบเขาแบบไม่เต็มเสียง ใจก็นึกละอายที่ผมเองเคยทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำกับผู้ชายด้วยกัน แถมซ้ำผมยังรู้สึกพึงพอใจ และมีความสุขที่ถูกแตะต้องเนื้อตัวเสียด้วยสิ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่ศักดิ์ชายแตะผมถึงไม่ชอบ


“ถ้าไม่กลัว ก็มาให้ฉันเช็ดตัวเสียดีๆ นายจะได้หายไข้ไง มามะคนดี มาหาพี่มา”


ศักดิ์ชาย กระเถิบเข้ามา แล้วทำหน้าหื่นๆใส่ผม ผมหัวเราะ หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นเจ้านี่พยายามจะหยอกล้อผมเล่น ผมลุกขึ้นจากโซฟา จะเดินหนี แต่ศักดิ์ชายโถมเข้ามาหา เราทั้งคู่เลยล้มกลิ้งลงไปบนพื้นในสภาพที่เพื่อนเก่าเกยก่ายอยู่บนตัวผม เราต่างหัวเราะให้กัน ครู่หนึ่ง ศักดิ์ชายก็หยุดหัวเราะ เขามองตาผม ทำตาหวานซึ้ง แล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้รู้ว่าศักดิ์ชายกำลังจะเล่นอะไรกับผม เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างห้วนๆ


“ขอโทษนะ กำลังทำอะไรกันอยู่มิทราบครับ”


ผมหันหน้าไปทางประตูอย่างดีใจ กำลังจะยิ้มให้เดียร์ แต่เมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงที่จ้องมาที่ผมกับศักดิ์ชาย กับแววตาที่เป็นประกายโกรธขึ้งเลยต้องรีบหุบยิ้ม ผมผลักศักดิ์ชายออกจากตัว แล้วรีบลุกขึ้น เดินไปนั่งบนโซฟา แล้วถามเขาด้วยสีหน้าเฉยชา


“เพิ่งมาเหรอ ไปไหนมาล่ะ”


เดียร์ไม่ตอบ แต่รีบเดินมานั่งข้างๆผมที่โซฟาทันที ปล่อยให้ศักดิ์ชายเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม


“น้องชายคนนี้คือคนที่นายบอกว่าจะมาหา แต่ยังไม่มาใช่ไหม”


ศักดิ์ชายหันมายิ้มให้กับเดียร์ แต่มันเป็นยิ้มที่ดูฝืนๆยังไงไม่รู้ เดียร์หันมาจ้องหน้าผมตาขุ่น ผมแสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


“ผมมีธุระนิดหน่อยนะครับ เลยมาสาย ไม่ยักจะรู้ว่า คุณเรียวเขามีแขกมาหาอยู่ก่อนแล้ว ถ้ารู้ผมคงไม่มารบกวน”


เด็กหนุ่มพูดเสียงห้วน


“อ๋อ ก็เพื่อนไม่สบาย ฉันก็ต้องมาเยี่ยมเป็นธรรมดาสิ เราสนิทกันมากเลย เวลาเขาป่วยทีไร ฉันนี่แหละที่อยู่
ข้างๆเขา”


“เหรอครับ ผมไม่ยักรู้ เพราะคุณเรียวไม่เคยเล่าให้ฟัง”


เดียร์หน้าเข้มขึ้น ตายังจ้องผมเขม็ง สลับกับมองจ้องศักดิ์ชาย ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในตัวของเด็กหนุ่ม ท่าทางเจ้าเด็กบ้านี่ คงไม่ค่อยพอใจเพื่อนผมอยู่มาก และดูเหมือนว่าศักดิ์ชายจะรู้ตัว เพราะเขาก็ทำท่าเหมือนพร้อมจะต่อกรกับเด็กหนุ่ม


“ทำไมเขาจะต้องเล่าให้เธอฟังด้วยล่ะ เธอสนิทกับเขาเหรอ”


ศักดิ์ชายถามเดียร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าสำเนียงแฝงด้วยความเยาะหยัน ผมเห็นเดียร์เม้มปากแน่น ก่อนจะเหยียดออกแล้วยิ้มแย้มแบบเสแสร้งไม่แพ้กัน


“ก็สนิทพอสมควรอ่ะครับ ลองถามเรียวดูสิครับ ว่าเรารู้อกรู้ใจกันแค่ไหน”


ศักดิ์ชายขมวดคิ้ว มองมาที่ผมอย่างต้องการคำตอบ ผมยักไหล่ ไม่พูดว่าอะไร เจ้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผมเลยหันมาปะทะคารมกับเดียร์ต่อ


“จริงอ่ะ ไม่ยักกะรู้มาก่อนเลยนะ แต่เอ รู้สึกคุ้นหน้านายเหมือนกันนี่ ที่ไหนหว่า........”


เพื่อนผมทำท่านึก สักครู่มันก็ดีดนิ้วเปาะ ร้องขึ้นมา


“จำได้แล้ว นายคือผู้ช่วยกุ๊กที่มาเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเองที่ร้านอาหารบ้านคุณป้านี่เอง โถ น้องชาย นึกว่าคุ้นหน้านายที่ไหน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”


ศักดิ์ชายหงายหน้าหัวเราะ เด็กหนุ่มหน้าตึง ประกายตาวาวโรจน์


“มิน่าล่ะ เจ้าสันต์ถึงได้สงสัยนักสงสัยหนาว่าทำไมพ่อครัวร้านอาหารจึงเอาใจใส่ลูกค้าบางคนเป็นพิเศษ ที่แท้นายรู้จักกัน ก็เลยทำอาหารให้กินกันเยอะแยะกว่าคนอื่นนี่เอง อย่างนี้ฉันก็คิดอิจฉาไม่ได้แล้วสิ จริงไหม เรียว นายมีคนรู้จักเป็นพ่อครัวนี่นา นายไม่อดตายแน่ ดูสิ ดูแลกันที่ร้านอาหารไม่พอ ยังมาดูแลกันถึงบ้านอีก”



เจ้าเพื่อนผมมันปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ แล้วถามผมด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ผมไม่ชอบเลยที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากมัน ดูเหมือนว่าศักดิ์ชายกำลังจะทำตัวใกล้เคียงกับผู้ร้ายในทีวีไปทุกทีแล้ว ผมหันไปมองหน้าเดียร์เห็นเขาขยับปากจะโต้ตอบ ผมเลยส่งสายตาบอกเขาให้หยุดพูด ผมจะพูดเอง แต่เขาหลบตาไม่มองผม และแย่งพูดขึ้นมาเสียก่อน



“แล้วถ้าลูกค้ากับคนทำอาหารรู้จัก และสนิทสนมกันมันผิดมากหรือครับ หรือว่ามันจำกัดแค่เพื่อนเก่าเท่านั้นถึงจะสนิทสนมกันได้ ผมว่ามันเป็นความคิดที่หัวโบราณมากเลยนะครับ ”



ก่อนที่สองคนจะปะทะคารมไปมากกว่านั้น ผมเห็นว่าควรจะต้องยุติมันเสียก่อน ไม่อยากให้ใครมาทะเลาะกันในบ้านของผม



“หยุดเสียทีทั้งสองคนนั่นแหละ ใช่แล้วล่ะศักดิ์ที่นายเข้าใจมันถูกต้อง ฉันกับเดียร์รู้จักกัน แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ที่พ่อครัวกับลูกค้าจะรู้จักกันนอกจากในร้านอาหาร นายคิดอะไรมากไปหรือเปล่า เดียร์เห็นฉันไปทานร้านอาหารที่ร้านเขาบ่อยๆ ก็เลยทำให้พิเศษ ในฐานะลูกค้าประจำ แล้วนี่ได้ข่าวคงได้ข่าวว่าฉันป่วย ก็เลยมาเยี่ยมน่ะ ใช่ไหมเดียร์”



ผมหันไปหาเสียงสนับสนุนจากเดียร์ ส่งสายตาบอกเขาว่าผมไม่ต้องการให้เกิดเรื่อง เดียร์มองหน้าผม แล้วหันมายิ้มให้ศักดิ์ชาย ซึ่งเป็นยิ้มที่เสแสร้งแกล้งดีด้วยสุดๆ



“ใช่ครับ ผมได้ยินมาว่าคุณเรียวป่วย ก็เลยมาหา ซื้ออาหารมาทำให้ทานด้วย คุณจะอยู่ทานด้วยก็ได้นะครับ อยากลองทำให้ทานอ่ะ เห็นไปที่ร้าน แล้ววันนั้น พ่อครัวอีกคนทำอาหารให้คุณ ก็เลยอาจจะยังไม่เคยทานอาหารฝีมือผม จะได้รู้ว่าเป็นไง บางทีอาจจะติดใจมาทานบ่อยๆก็ได้”



ศักดิ์ชายยิ้มกริ่ม ทั้งที่รู้ว่าเดียร์ชวนไปงั้นๆ แต่เจ้าเพื่อนผมมันทำท่าไม่ยอมแพ้


“แหม จะพลาดโอกาสดีอย่างนี้ได้อย่างไงล่ะ น้องชาย ดีเหมือนกัน เมื่อกี้นายก็ทานข้าวไปนิดเดียวเองนี่เรียว กินข้าวเสร็จ จะได้กินยาแล้วก็พักผ่อนเสียที”



ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าศักดิ์ชายเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้ต่อล้อต่อเถียงกับเดียร์แบบนี้ ทั้งที่คนทั้งคู่ก็ไม่รู้จักกัน เห็นหน้ากันแค่เพียงครั้งเดียว แต่ทำไมตั้งท่าห้ำหั่นกันโดยใช้ผมเป็นเครื่องมือแบบนี้หนอ



“ฉันไปช่วยเธอทำอาหารในครัวแล้วกันนะเดียร์”


ด้วยความที่อยากจะพูดคุยกับเดียร์ให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ขอร้องให้เขาเลิกทำตัวหงุดหงิดต่อหน้าเพื่อนผมเสียที ทำให้ผมอาสาที่จะไปช่วยเขาทำงานในครัว แต่เจ้าศักดิ์ชายซึ่งไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับเดียร์ ดันมาทำเป็นกีดกันไม่ให้ผมกับเดียร์ได้อยู่ด้วยกัน




anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #249 เมื่อ26-12-2008 16:17:49 »

“นายจะไหวเหรอเรียว นายไม่สบายแล้วก็ตัวร้อนมากนะ ตอนที่ฉันเช็ดตัวให้นายเมื่อกี้ นายตัวร้อนอย่างกับไฟเลย เคลื่อนไหวมากๆเดี๋ยวจะวิงเวียนเป็นลมเป็นแล้งไปนะ”


เด็กหนุ่มหันขวับมาจ้องมองผม สายตากร้าวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขายื่นมือมาแตะแขนผม แล้วเลื่อนมากุมมือไว้


“จริงด้วย เรียวตัวร้อนมากเลย นอนพักก่อนดีกว่าไหมครับ เดี๋ยวผมทำคนเดียวได้ ทุกทีผมก็ทำให้เรียวทานมาตลอดนะครับ”


เดียร์จงใจพูดเน้นย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความสนิทสนมระหว่างผมกับเขา ศักดิ์ชายหูผึ่ง ตาเป็นประกาย เหมือนกันกำลังได้ยินได้ฟังเรื่องอะไรเด็ดๆที่ไม่ควรพลาด ส่วนผมกับหน้าชา และเริ่มหงุดหงิดที่เดียร์วางท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมมากเกินไป ผมชักมือออกจากการเกาะกุมของเขา ทำหน้ามุ่ย เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมามากกว่าเดิม


“อื้อ ท่าทางจะสนิทกันจริง แล้วนี่ก็คงไม่ใช่ครั้งแรกที่นายต้อนรับพ่อครัวมาบ้านใช่ไหม”


ศักดิ์ชายหันมาถามผมเสียงเยาะ อุปทานหรือเปล่าไม่รู้ ผมคิดว่าศักดิ์ชายทำท่าเหมือนหวงๆผมด้วยเช่นกัน แต่ผมนึกไม่ออก ว่าทำไมเพื่อนสมัยเรียนอนุบาลของผม จึงทำแบบนั้น


“แหมคุณนี่ก็เดาเก่งไม่ใช่เล่นนะครับ น่าจะซื้อหวยนะ คงจะถูกรางวัลใหญ่แน่”


เด็กหนุ่มตอบไม่ตรงคำถาม แต่สิ่งที่เขาพูดก็คงจะเพียงพอที่จะทำให้ศักดิ์ชายเดาไปได้ไกลโข ผมรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ รู้สึกทนฟังไม่ไหวแล้ว จึงโพล่งขึ้นมา


“ฉันจะขึ้นไปนอนแล้วล่ะ รู้สึกเพลียและปวดหัวมาก ไม่อยากคุยแล้วก็ไม่อยากทานอะไรอีกแล้ว นายสองคน
กลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”


ผมลุกขึ้นเพื่อเป็นการตัดบทสนทนา ศักดิ์ชายลุกตามมา แล้วส่งเสียงถามด้วยความห่วง


“เฮ้ย เรียว เป็นอะไรไปเหรอ รู้สึกปวดหัวไม่สบายใช่ไหม ถ้างั้นฉันพาไปส่งที่ห้องนะ”

เดียร์ลุกขึ้นบ้าง เขาทำตาขวางใส่ศักดิ์ชายก่อนจะพูดเสียงห้วนๆใส่


“ไม่ได้ยินหรือครับ เรียวบอกว่าอยากพักผ่อน อยากอยู่คนเดียว คุณน่ะ มานานแล้ว ควรกลับบ้านได้แล้วครับ”

“ฉันได้ยินน้องชาย ไม่ต้องขยายความหรอก นายเองก็ต้องกลับด้วยเหมือนกัน ”

“ผมเพิ่งมา แล้วเรียวก็ยังไม่ได้ทานอะไรด้วย ผมจะทำอาหารให้เรียวทานก่อน แล้วถึงค่อยไป ส่วนคุณน่ะ กลับบ้านไปเถอะครับ ทิ้งภาระเรื่องการดูแลเรียวให้ผมทำเองดีกว่า”



เดียร์วางท่าใส่ศักดิ์ชาย เจ้าเพื่อนเก่ากรอกตาไปมา จากนั้นก็หันมาทำหน้าล้อเลียนผม


“เอ สงสัยนายจะไม่ได้พักผ่อนอย่างที่นายตั้งใจแล้วละมั้งเรียว ท่าทางน้องชายคนนี้คงจะพยายามที่จะปรนนิบัติพัดวีให้นานหายป่วยไข้โดยเร็วน่ะ”


ผมกุมศีรษะ นึกเบื่อสองคนนี่ขึ้นมากะทันหัน จึงเอ่ยปากไล่ด้วยเสียงอันดัง


“น่ารำคาญจริงๆ พูดอะไรกันก็ไม่รู้ อย่าหาว่าโง้นงี้นะ กลับไปซะทั้งสองคนนั่นแหละ ฉันจะนอนแล้ว โทษที ที่ทำมารยาทไม่ดีใส่ แต่อยากพักผ่อนจริงๆ หวังว่าคงจะเข้าใจ”


พูดจบผมก็เดินจากไปเพื่อที่จะขึ้นไปที่ห้องชั้นบน ทิ้งให้สองคนนั่นยืนงงกันอยู่ ผมไม่ชอบที่พวกเขาเป็นแบบนี้ ผมไม่ชอบที่จะเป็นต้นเหตุให้ใครมาทะเลาะกัน การที่ผู้ชายสองคนมาทะเลาะกัน ชิงดีชิงเด่นต่อหน้าผม มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากจริงๆ


“งั้นฉันกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆแล้วกัน เดี๋ยวฉันค่อยโทรมาถามอาการนายอีกที”



ศักดิ์ชายพูดตามหลังมา แต่ผมไม่ได้หันหลังกลับฟัง รู้ตัวว่าทำกริยาไม่งาม แต่ผมหงุดหงิดจนทนไม่ไหวแล้ว อยากขึ้นไปนอนพัก แล้วหลับไปเลย ไม่ต้องมารับรู้เรื่องที่ทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้



พอเข้าห้อง ผมก็ล็อคกลอนประตู แล้วก็คลานขึ้นเตียง รู้สึกเหนื่อย และเพลียอย่างบอกไม่ถูก ลองจับตัวเองดูก็พบว่าเนื้อตัวร้อนผ่าว ปวดหัวตุ๊บๆ เอามือควานไปที่หัวเตียงเพื่อหายา ก็ไม่พบ นึกขึ้นได้ ว่ามันอยู่ข้างล่างตอนทานข้าวเช้ากับศักดิ์ชาย ถึงแม้จะรู้สึกไม่สบาย แต่ผมก็ยังไม่อยากลงไปเอายาตอนนี้ เพราะไม่รู้ว่าพวกนั้นไปกันแล้วหรือยัง ผมนอนรอสักพัก จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองปวดหัวจนทนไม่ไหว ก็เลยพยายามฝืนใจลุกขึ้นจากเตียง เพื่อจะลงไปข้างล่าง



พอเปิดประตูห้อง ผมก็เจอเดียร์ยืนหน้าบูดบึ้งรออยู่ก่อนแล้วที่ด้านหน้า พอเห็นหน้าผมเท่านั้นเด็กหนุ่มก็เปิดฉากต่อว่าต่อขาน


“ผมโทรมาตั้งหลายครั้งเรียวก็ไม่รับสาย ตั้งแต่วันเสาร์แล้วนึกเป็นห่วง เพราะเห็นคุณไม่ค่อยสบายตั้งแต่วันจันทร์ วันนี้ก็โทรมาแต่เช้ามืดเพื่อจะบอกว่า ผมมีซ้อมเต้นตอนเช้า อาจจะมาได้บ่ายๆเย็นๆ ผมไม่นึกเลยว่า พอผมไม่มา คุณก็มีคนอื่น”



“บ้าหรือไงนี่ ก็ฉันไม่ค่อยสบาย นอนไม่ตื่นตั้งแต่วันศุกร์แล้ว เพิ่งจะตื่นมานี่แหละ ฉันก็เลยไม่ได้รับสายนาย แล้วทำไมต้องมาโกรธมากมายแบบนี้ ก็บอกแล้วไงว่าถ้ามาไม่ได้ ก็มาวันอื่น”


ผมชักโมโห เลยโต้ตอบไปบ้าง


“จะได้อยู่กันสองคนกับไอ้บ้านั่นโดยไม่มีผมเป็นกว้างขวางคอใช่ไหม”


เขาถามผมอย่างโกรธๆ


“ฉันไม่อยากทะเลาะนะ ถ้าจะทำอย่างนี้ก็กลับบ้านไปซะดีกว่า อารมณ์ดีค่อยมาพูดกัน”


“ไม่ ผมไม่ยอมไปทั้งที่เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอก เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”


เด็กหนุ่มลูกครึ่งทำท่าดื้อดึง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกรำคาญที่ต้องมาพูดคุยด้วยเรื่องแบบนี้ เหมือนกับการต้องมานั่งแก้ตัวกับแฟนที่ขี้หึงอย่างร้ายกาจ จนไม่ยอมแยกแยะว่าคนที่เขาไม่พอใจคือเพื่อนของเราไม่ใช่ใครบางคนที่สำคัญอย่างที่เข้าใจ


“งั้นก็ว่ามา”


ผมรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ จนต้องเอนตัวเองพิงประตูไว้ แข็งใจคุยกับเขาต่อเพื่อให้เรื่องมันจบ


“ต่อไปนี้ ห้ามไม่ให้คนๆนั้นเข้ามาในบ้านของเรียวอีกนะครับ”


เดียร์ยื่นคำขาดกับผม แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งผมไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมกับเขาแค่มีสัญญาเป็นแฟนกันเท่านั้น แต่เขาไม่ใช่เจ้าของของผม



“เดี๋ยวก่อนนะ คนนั้นที่นายว่ามันเพื่อนร่วมงานของฉันนะ จะไปห้ามเขาได้ไง เขาเห็นว่าฉันไม่สบายเขาก็มาเยี่ยม แล้วเขาก็เคยทำแบบนี้มาหลายครั้ง สมัยที่เรายังเรียนด้วยกัน ศักดิ์ชายเป็นเพื่อนฉันนะ ทำไมนายต้องมาหึงหวงอะไรแบบนี้ด้วย ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”



“คนที่จะเป็นห่วงเป็นใยในตัวของเรียวได้น่ะ มีแค่ผมคนเดียวก็พอแล้ว เรียวครับ มีแค่ผมคอยดูแลเอาใจใส่ไม่
พอหรือครับ”



เด็กหนุ่มพูดอย่างเอาแต่ใจตัวเอง ทุกทีผมขำเขา แต่คราวนี้ผมไม่สนุกด้วยแล้ว


“นายพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะเดียร์ ฉันไม่อยากคุยด้วยแล้ว”

“ทำไมจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมแค่ขอให้เรียวให้ความสำคัญกับผมคนเดียวก็พอแล้ว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ห้าม
ให้คนอื่นเข้ามาในบ้านเด็ดขาดนอกจากผม ทำได้ไหมครับ”

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้โทสะของผมเริ่มมากขึ้น รู้สึกว่าครั้งนี้เขาขอเกินไปหน่อยแล้ว


“แล้วทำไมฉันถึงต้องทำตามใจนายแบบนั้นด้วย ถึงแม้ว่าเราจะทำการตกลงคบกันอยู่ก็ตาม แต่นั่นมันก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระยะเวลา 6 เดือน ในสัญญานั้นไม่ได้ห้ามฉันคบเพื่อนหรือปฏิเสธคนอื่นๆนี่ แล้วไอ้สัญญาบ้าบอนั่น นายก็ฉวยโอกาสเล่นเล่ห์กระเท่เอากับฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ยินยอมก็ได้ แต่ฉันเห็นว่าเมื่อนายไม่ทำแบบที่นายขู่ ฉันก็ควรจะรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับนาย ที่นายได้มีโอกาสมาบ้านฉัน มาวุ่นวายในชีวิตของฉันแบบนี้ ก็แค่เพียงเพราะฉันทำตามสิ่งที่สัญญาไว้กับไอ้กระดาษแผ่นเดียวนั่นไม่ใช่หรือไง”



ผมชักฉุน เลยโต้ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว เดียร์มีดวงตาที่กร้าวขึ้น พูดเกือบเป็นตะคอกใส่ผมเสียงดัง


“ถึงจะยังไงก็ตาม ผมก็ขอห้ามขาดไม่ให้คุณพาใครเข้ามาในบ้านนี้อีก”

“ฉันไม่เชื่อนาย ฉันจะทำอย่างที่ฉันคิดว่าถูกต้อง”

“บอกว่าไม่ได้ ก็ไม่ได้สิ หรือเรียวอยากจะลองดูว่า ถ้าเรียวทำอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เอาสิ ผมจะทำให้เรียวได้เห็น”


เด็กหนุ่มทำหน้าถมึงทึงใส่ผม ท่าทางโมโหมาก เขารวบผมไว้ในอ้อมแขน แล้วลากกลับเข้ามาในห้องนอน ผม
พยายามดิ้นหนี แต่ความที่อ่อนแรงจากการเป็นใคร กอปรกับร่างกายที่บอบบางกว่าเด็กหนุ่มจึงทำให้ผมขัดขืนเขาไม่ได้ ถูกลากตัวปลิวมาที่เตียง เด็กหนุ่มผลักผมลงไปบนที่นอน แล้วกระโดดขึ้นคร่อมผม หน้าตาแดงก่ำ อารมณ์พลุ่งพล่านไปด้วยโทสะ



ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธจัดอย่างนี้มาก่อน ก็เลยนอนนิ่งอึ้ง มัวแต่ตกตะลึงที่เห็นอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปเลยไม่ได้ห้ามปรามเมื่อเขากระชากเสื้อนอนของผมจนขาดติดมือ เขาฉีกทึ้งมันออกจากตัวจนหมด จนผมเปลือยเปล่าท่อนบน



เขารวบแขนผมไว้ แล้วคว้าเนคไทจากคอเสื้อเชิ้ตของผมที่วางพาดอยู่ข้างเตียงมามัดมือของผมไว้ทั้งสองข้าง แล้วล่ามไว้กับเสาเตียง จากนั้นก็ก้มลงมา จูบไซร้ไปทั่วซอกคอและใบหน้าของผมอย่างรุนแรง ผมทั้งตกใจ ทั้งไม่พอใจที่เดียร์ก้าวข้ามคำสัญญาระหว่างเรา ว่าจะไม่แตะต้องตัวผมหากผมไม่ยินยอม


“เอ๊ะ เดียร์ เป็นอะไรน่ะ อยู่ดีๆกับมาทำกับฉันแบบนี้ จะทำร้ายฉันหรือไง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเราสองคนมีเรื่องกันแน่”

ผมร้องบอกเขา แต่เดียร์ยังไม่ยอมหยุดการกระทำของตนเอง


“นายทำอะไรลงไปน่ะเดียร์ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

ผมพยายามยับยั้งเขาอีกครั้ง แต่เดียร์ทำเป็นหูทวนลม ก้มหน้าก้มตาจูบ และเคล้าคลึงผมอย่างบ้าคลั่ง ผมพยายามพูดดีๆกับเขา


“นายทำแบบนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม เราตกลงกันแล้ว หยุดทำเสียทีเถอะนะ ปล่อยฉันไปเถอะ”

“ไม่มีทาง”


เด็กหนุ่มตอบกลับมาเสียงอู้อี้ เนื่องจากปากและจมูกของเขากดอยู่ที่ลำคอของผม เขาจูบแล้วดูดเน้นอย่าง
แรง จนผมต้องห่อปากด้วยความเจ็บปนซ่านกระสันต์ แต่ถึงกระนั้นผมก็มีสติเพียงพอที่จะไม่ปล่อยให้ดำฤษณาเข้าครอบงำในภาวะที่เราไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผมจึงพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เพื่อให้เขาอ่อนลง


“คุยกันก่อนดีมั้ยเดียร์ นายกำลังจะทำให้เรื่องระหว่างเรามันยุ่งยากลงเพราะความโมโหของตัวเอง ฉันไม่ชอบเลยแบบนี้นะ”


“ผมก็ไม่ชอบในสิ่งที่คุณทำเหมือนกัน”

เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตามีประกายแค้นเคือง ก่อนจะก้มลงดูดเน้นที่ยอดอกของผม ผมแอ่นตัวขึ้นด้วยความรู้สึกซาบซ่าน แต่ปากก็ร้องประท้วงออกไป หวังจะหยุดการกระทำของเขา


“ปล่อยฉันนะ เดียร์ นายกำลังทำผิดสัญญารู้ตัวไหม”

“คุณเองก็ทำผิดสัญญา คุณพาคนอื่นเข้ามา ดังนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องหยุดเพื่อทำตาม”

“แค่เพื่อนฉันมาบ้านเนี่ยนะที่ทำให้นายโมโห”

ผมถามเขาอย่างงงงวย รู้ว่าเดียร์รักและหวงผมมากแค่ไหน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเกิดกับศักดิ์ชาย ไม่เกิดกับเจ้าสันต์ ทั้งที่เจ้าสันต์ไปกับผมบ่อยกว่าศักดิ์ชายเสียอีก แถมเป็นเกย์เห็นๆ



“ในวันที่เราตกลงกันว่าจะเป็นของผมคนเดียวเท่านั้นเนี่ยนะ แถมซ้ำยังละเมิดสัญญาที่บอกว่า คุณจะไม่พาคนอื่นมาบ้านด้วย เราสัญญากันไว้แล้ว ข้อตกลงมีให้เห็นชัดเจน”


เขาคำรามเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธๆ พร้อมกับลงโทษผมต่อด้วยการดูดเน้นไปทั่วแผ่นอกผมอย่างรุนแรง ผมร้องห้ามเขาเสียงสั่น

“นายกำลังจะทำให้ผิวหนังฉันเป็นรอยนะ หยุดทีเถอะ”

เดียร์หัวเราะหึหึ ไม่ยอมหยุด แถมซ้ำยังเลื่อนตัวขึ้นมาจูบซุกไซร้แถวซอกคอของผม และดูดแรงๆเหมือนจะแกล้งให้ผมเจ็บ ผมครางอืออยากจะผลักไสเขาออกจากตัวแต่ก็ไม่มีแรง


“ดีแล้ว ทุกคนจะได้รู้ว่า คุณมีแฟนแล้ว จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับยอดรักของผมอีก”

“เดียร์ คนที่นายกำลังหึงอยู่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนเก่าสมัยเรียนของฉันนะ แล้วเขาก็มาเยี่ยมฉันเพราะว่าฉันป่วยอยู่ นายก็รู้ดีนี่ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่หายไข้เลยนะ นายน่าจะเข้าใจแล้วก็เลิกทำแบบนี้กับฉันได้แล้ว”
ผมพูดจากับเขาดีๆ พยายามเตือนสติเขา เพื่อให้เขาหยุดความโมโห แล้วจะได้ปล่อยผมไป



“ผมรู้ครับเรียวว่าคุณไม่สบาย แต่ผมก็บอกกับคุณแล้วในวันศุกร์ว่าขอผมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ แต่คุณก็ไม่ยอมให้ผมอยู่ดูแล แต่ในขณะเดียวกันคุณกลับอนุญาตให้คนอื่นเข้ามาบ้านนี้ ทั้งๆที่ผมก็ขอร้องคุณแล้ว มีการทำสัญญากันชัดเจนด้วย”


“แต่เขาเป็นเพื่อนนะ พอรู้ว่าฉันไม่สบายเขาก็เลยมาหา ฉันคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมฉันถึงจะต้องไล่เขาไป”
ผมบอกเขาให้เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากการจูบไซร้ซอกคอของผม เขามองตาผมด้วยแววตาตัดพ้อ ทำปากยื่น หน้างอง้ำ ยังคงไม่พอใจอยู่


“ผมไม่ชอบเพื่อนคุณคนนี้นะ ทำไมต้องเป็นเพื่อนชายคนนี้ล่ะ”

“ทำไมล่ะเดียร์ อย่าบอกนะว่านายกำลังหึงฉันกับเพื่อนผู้ชายคนนี้”

ผมถามเขาอย่างขำๆ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

“ผู้ชายที่ไหนกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าหมอนี่เป็นเกย์ ผีมองผีด้วยกันก็รู้”

“ฮ้า พูดเป็นเล่นไปน่าเดียร์ เพื่อนฉันคนนี้น่ะเหรอเป็นเกย์ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล จนปัจจุบัน แล้วมันก็แต่งงานมีลูกแล้วด้วย ไม่เห็นว่ามันจะสนใจผู้ชายคนไหนเลย นายหึงจนหน้ามืดตามัวหรือเปล่า”


ผมถามเขาด้วยความคลางแคลงใจ เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้หึงผมจนไร้เหตุผลหรือเปล่านะ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ผมแย่แน่เลย เพราะหมอนี่คงหวงผมทั้งกับเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชาย ไม่ยอมให้ไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ขนาดแค่เราคบกันยังไม่ถึงเดือนเลย นายเดียร์ยังแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมขนาดนี้ แล้วนี่ยังเหลือเวลาที่เราจะคบกันอีกตั้ง 5 เดือน ผมจะทนกับอารมณ์หึงหวงของเขาได้ไหมหนอ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #249 เมื่อ: 26-12-2008 16:17:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #250 เมื่อ26-12-2008 16:18:48 »


“เชื่อผมสิ ผมเป็นเกย์ผมรู้ดี ว่าใครเป็นไม่เป็น ผมเห็นสายตาที่เขามองเรียว มันไม่ต่างจากสายตาที่ผมมองคุณ ผมคิดว่าเขารักคุณนะ เพียงแต่ว่า ด้วยความที่เป็นเพื่อน กับการที่เขาเก๊กแมนไม่เปิดเผยตัวเอง แล้วเขาก็แต่งงานแล้ว ทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นได้รู้ แต่ไม่มีทางรอดสายตาผมไปได้หรอก นี่ไง ถึงทำให้ผมหึงหวง ผมไม่ได้เป็นอย่างนี้กับทุกคนนะ เรียวอย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมจะเป็นเฉพาะกับคนที่คิดเชิงชู้สาวกับคุณเท่านั้นแหละ”



เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาของเขาอ่อนแสงลง ไม่มีความโกรธเกรี้ยวอยู่ในนั้น ขณะที่อธิบายให้ผมฟัง


“ผมแค่กำลังพยายามที่จะให้ช่วงเวลาที่เราเป็นแฟนกันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด และไม่อยากให้มีอุปสรรคขัดขวางใดๆมากั้นกลางระหว่างเราสองคน ดังนั้นผมจึงทนไม่ได้ที่จะเห็นใครบางคนมาจีบ หรือ พยายามจะจับคุณ ในฐานะแฟนกัน ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเอาไว้จากเรื่องเหล่านั้นครับ”


ผมมองหน้าเขา แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ


“เอาละ ถ้างั้นคราวต่อไปฉันก็จะระมัดระวังให้มากขึ้นนะ ว่าแต่ว่า ตอนนี้นายหายโกรธฉันแล้วใช่ไหม ถ้าหายแล้วก็ช่วยลงจากตัวฉันไปซะที ฉันอึดอัด”


เขาส่ายหน้า แววตาเปลี่ยนมาดุดันเหมือนเดิม


“ไม่ได้ คืนนี้ผมไม่ปล่อยคุณไปไหนทั้งนั้น คุณทำผิดสัญญา ผมจำเป็นต้องลงโทษคุณ มิฉะนั้นแล้ว คุณจะทำเรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจอย่างนี้อีก”


เขาก้มหน้าลงมาอีกครั้ง พยายามจะจูบปากผม แต่ผมเบี่ยงหน้าหนี

“เราสัญญากันแล้วนะเดียร์ ”

“ในกรณีอย่างวันนี้ ถือว่าสัญญาเป็นโมฆะครับ”

“แต่มันเป็นความเข้าใจผิดกันแค่นั้นนะเดียร์ แล้วฉันก็ไม่มีเจตนาจะทำอย่างนั้นนะ แล้วฉันก็สัญญาว่า ฉันจะไม่ทำอีก โอเคมั้ย”


ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่อารมณ์ดำฤษณาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง เดียร์ปิดปากที่กำลังอ้าค้างของผม ด้วยจูบของเขา เด็กหนุ่มลูกครึ่ง บดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างหนักหน่วง เขาเปิดปากผมด้วยปากของเขาอีกครั้ง และแทรกลิ้นเข้าไป ลิ้นของเขาควานเข้าไปในปากของผม ทำให้ผมขนลุกซู่อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน จูบของเขาให้รสชาติที่ดุดัน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความวาบหวามรัญจวนใจ แรกๆผมเองก็พยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ในที่สุดผมก็พ่ายแพ้แค่ความปรารถนาที่โหมพัดอย่างรุนแรงในกายของผม เผลอจูบโต้ตอบเขาไปอย่างลืมตัว



เดียร์ชะงักนิดหนึ่ง มองหน้าผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสในนั้น เขายิ้มให้กับผม แล้วก็ก้มลงมาดูดริมผีปากผมใหม่ มือข้างหนึ่งของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง มันทำให้ผมรู้สึกเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่ว เขาระดมจูบผมจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งในท่าที่คร่อมตัวผมไว้ เขาดึงกางเกงนอนพร้อมกับกางเกงในออกไปจากตัวผม นั่นแหละ สติสตังผมถึงได้คืนกลับมา ผมขยับลุกหนี แต่เขาก็โถมตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง แล้วกดตัวผมไว้บนที่นอน โดยที่เขาคร่อมทับตรงหน้าขา เขาโน้มตัวลงอีกครั้ง แล้วใช้สองมือยันไว้บนที่นอนข้างตัวผม


“นายจะมาแตะต้องฉันไม่ได้ ถ้าฉันไม่ยินยอมนะ”


ผมพยายามขู่เขา โดยยกเอาคำสัญญาขึ้นมาอ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล เดียร์ยังคงเดินหน้ารุกรานผมต่อไป


“แล้วอย่างนี้เรียกว่าสมยอมไหมครับ”


เขาคว้าหมับที่น้องชายที่กำลังตื่นตัวของผม แล้วคลึงเคล้าแรงๆ ก่อนจะก้มลงมาไซร้หน้าอกและใช้ลิ้นเลียที่ตุ่มเนื้อบนยอด ผมครางอือด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน รู้สึกพึงพอใจต่อการสัมผัสที่ปลุกเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนของผมที่อยู่ภายใน แต่สำนึกหนึ่งก็บอกให้ผมหยุดการกระทำของเขาเสีย ก่อนที่จะเหตุการณ์จะเลยเถิดไปมากกว่านี้


“เดียร์ ฟังฉันให้ดีนะ หากนายทำอะไรฉันมากกว่านี้ล่ะก็ ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้นายเด็ดขาดเลย ฉันจะเกลียดนายไปจนวันตายทีเดียว”
*************************
 :call: ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน

ออฟไลน์ MiTo™

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #251 เมื่อ26-12-2008 18:20:53 »

เอาเลยเดียร์ พี่เรียวไม่โกรธหรอก
 :z1:

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #252 เมื่อ26-12-2008 18:51:27 »

เรื่องนี้ดีจริงๆครับ สนุกมากเลย

จำได้ว่าอ่านแล้วติดเรื่องนี้มาก
   :L2:


va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #253 เมื่อ26-12-2008 21:04:36 »

ลุ้นๆๆ....เรียวจะรอดหรือไม่รอดงานนี้


sun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #254 เมื่อ26-12-2008 21:05:51 »

และแล้วน้องเดียร์ ก้อทนไม่ไหว ปล้ำพี่เดียร์เข้าให้แล้ว คึคึ :z1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #255 เมื่อ27-12-2008 01:01:26 »

รอด รึ ไม่รอด  o18 o18

ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #256 เมื่อ27-12-2008 04:28:33 »

ปล่อยเรียวเถอะนะเดียร์ ยังมีโอกาสอีกตั้ง5เดือน


[/me]ไขว้นิ้ว.

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #257 เมื่อ27-12-2008 17:40:36 »

 :haun4: มาหื่นแล้ว


บทที่ 21



ผมตอบเขาแบบไม่เต็มเสียง ใจก็นึกละอายที่ผมเองเคยทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำกับผู้ชายด้วยกัน แถมซ้ำผมยังรู้สึกพึงพอใจ และมีความสุขที่ถูกแตะต้องเนื้อตัวเสียด้วยสิ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่ศักดิ์ชายแตะผมถึงไม่ชอบ


“ถ้าไม่กลัว ก็มาให้ฉันเช็ดตัวเสียดีๆ นายจะได้หายไข้ไง มามะคนดี มาหาพี่มา”


ศักดิ์ชาย กระเถิบเข้ามา แล้วทำหน้าหื่นๆใส่ผม ผมหัวเราะ หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นเจ้านี่พยายามจะหยอกล้อผมเล่น ผมลุกขึ้นจากโซฟา จะเดินหนี แต่ศักดิ์ชายโถมเข้ามาหา เราทั้งคู่เลยล้มกลิ้งลงไปบนพื้นในสภาพที่เพื่อนเก่าเกยก่ายอยู่บนตัวผม เราต่างหัวเราะให้กัน ครู่หนึ่ง ศักดิ์ชายก็หยุดหัวเราะ เขามองตาผม ทำตาหวานซึ้ง แล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้รู้ว่าศักดิ์ชายกำลังจะเล่นอะไรกับผม เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างห้วนๆ


“ขอโทษนะ กำลังทำอะไรกันอยู่มิทราบครับ”


ผมหันหน้าไปทางประตูอย่างดีใจ กำลังจะยิ้มให้เดียร์ แต่เมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงที่จ้องมาที่ผมกับศักดิ์ชาย กับแววตาที่เป็นประกายโกรธขึ้งเลยต้องรีบหุบยิ้ม ผมผลักศักดิ์ชายออกจากตัว แล้วรีบลุกขึ้น เดินไปนั่งบนโซฟา แล้วถามเขาด้วยสีหน้าเฉยชา


“เพิ่งมาเหรอ ไปไหนมาล่ะ”


เดียร์ไม่ตอบ แต่รีบเดินมานั่งข้างๆผมที่โซฟาทันที ปล่อยให้ศักดิ์ชายเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม


“น้องชายคนนี้คือคนที่นายบอกว่าจะมาหา แต่ยังไม่มาใช่ไหม”


ศักดิ์ชายหันมายิ้มให้กับเดียร์ แต่มันเป็นยิ้มที่ดูฝืนๆยังไงไม่รู้ เดียร์หันมาจ้องหน้าผมตาขุ่น ผมแสร้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


“ผมมีธุระนิดหน่อยนะครับ เลยมาสาย ไม่ยักจะรู้ว่า คุณเรียวเขามีแขกมาหาอยู่ก่อนแล้ว ถ้ารู้ผมคงไม่มารบกวน”


เด็กหนุ่มพูดเสียงห้วน


“อ๋อ ก็เพื่อนไม่สบาย ฉันก็ต้องมาเยี่ยมเป็นธรรมดาสิ เราสนิทกันมากเลย เวลาเขาป่วยทีไร ฉันนี่แหละที่อยู่
ข้างๆเขา”


“เหรอครับ ผมไม่ยักรู้ เพราะคุณเรียวไม่เคยเล่าให้ฟัง”


เดียร์หน้าเข้มขึ้น ตายังจ้องผมเขม็ง สลับกับมองจ้องศักดิ์ชาย ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในตัวของเด็กหนุ่ม ท่าทางเจ้าเด็กบ้านี่ คงไม่ค่อยพอใจเพื่อนผมอยู่มาก และดูเหมือนว่าศักดิ์ชายจะรู้ตัว เพราะเขาก็ทำท่าเหมือนพร้อมจะต่อกรกับเด็กหนุ่ม


“ทำไมเขาจะต้องเล่าให้เธอฟังด้วยล่ะ เธอสนิทกับเขาเหรอ”


ศักดิ์ชายถามเดียร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าสำเนียงแฝงด้วยความเยาะหยัน ผมเห็นเดียร์เม้มปากแน่น ก่อนจะเหยียดออกแล้วยิ้มแย้มแบบเสแสร้งไม่แพ้กัน


“ก็สนิทพอสมควรอ่ะครับ ลองถามเรียวดูสิครับ ว่าเรารู้อกรู้ใจกันแค่ไหน”


ศักดิ์ชายขมวดคิ้ว มองมาที่ผมอย่างต้องการคำตอบ ผมยักไหล่ ไม่พูดว่าอะไร เจ้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผมเลยหันมาปะทะคารมกับเดียร์ต่อ


“จริงอ่ะ ไม่ยักกะรู้มาก่อนเลยนะ แต่เอ รู้สึกคุ้นหน้านายเหมือนกันนี่ ที่ไหนหว่า........”


เพื่อนผมทำท่านึก สักครู่มันก็ดีดนิ้วเปาะ ร้องขึ้นมา


“จำได้แล้ว นายคือผู้ช่วยกุ๊กที่มาเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเองที่ร้านอาหารบ้านคุณป้านี่เอง โถ น้องชาย นึกว่าคุ้นหน้านายที่ไหน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”


ศักดิ์ชายหงายหน้าหัวเราะ เด็กหนุ่มหน้าตึง ประกายตาวาวโรจน์


“มิน่าล่ะ เจ้าสันต์ถึงได้สงสัยนักสงสัยหนาว่าทำไมพ่อครัวร้านอาหารจึงเอาใจใส่ลูกค้าบางคนเป็นพิเศษ ที่แท้นายรู้จักกัน ก็เลยทำอาหารให้กินกันเยอะแยะกว่าคนอื่นนี่เอง อย่างนี้ฉันก็คิดอิจฉาไม่ได้แล้วสิ จริงไหม เรียว นายมีคนรู้จักเป็นพ่อครัวนี่นา นายไม่อดตายแน่ ดูสิ ดูแลกันที่ร้านอาหารไม่พอ ยังมาดูแลกันถึงบ้านอีก”



เจ้าเพื่อนผมมันปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ แล้วถามผมด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ผมไม่ชอบเลยที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากมัน ดูเหมือนว่าศักดิ์ชายกำลังจะทำตัวใกล้เคียงกับผู้ร้ายในทีวีไปทุกทีแล้ว ผมหันไปมองหน้าเดียร์เห็นเขาขยับปากจะโต้ตอบ ผมเลยส่งสายตาบอกเขาให้หยุดพูด ผมจะพูดเอง แต่เขาหลบตาไม่มองผม และแย่งพูดขึ้นมาเสียก่อน



“แล้วถ้าลูกค้ากับคนทำอาหารรู้จัก และสนิทสนมกันมันผิดมากหรือครับ หรือว่ามันจำกัดแค่เพื่อนเก่าเท่านั้นถึงจะสนิทสนมกันได้ ผมว่ามันเป็นความคิดที่หัวโบราณมากเลยนะครับ ”



ก่อนที่สองคนจะปะทะคารมไปมากกว่านั้น ผมเห็นว่าควรจะต้องยุติมันเสียก่อน ไม่อยากให้ใครมาทะเลาะกันในบ้านของผม



“หยุดเสียทีทั้งสองคนนั่นแหละ ใช่แล้วล่ะศักดิ์ที่นายเข้าใจมันถูกต้อง ฉันกับเดียร์รู้จักกัน แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ที่พ่อครัวกับลูกค้าจะรู้จักกันนอกจากในร้านอาหาร นายคิดอะไรมากไปหรือเปล่า เดียร์เห็นฉันไปทานร้านอาหารที่ร้านเขาบ่อยๆ ก็เลยทำให้พิเศษ ในฐานะลูกค้าประจำ แล้วนี่ได้ข่าวคงได้ข่าวว่าฉันป่วย ก็เลยมาเยี่ยมน่ะ ใช่ไหมเดียร์”



ผมหันไปหาเสียงสนับสนุนจากเดียร์ ส่งสายตาบอกเขาว่าผมไม่ต้องการให้เกิดเรื่อง เดียร์มองหน้าผม แล้วหันมายิ้มให้ศักดิ์ชาย ซึ่งเป็นยิ้มที่เสแสร้งแกล้งดีด้วยสุดๆ



“ใช่ครับ ผมได้ยินมาว่าคุณเรียวป่วย ก็เลยมาหา ซื้ออาหารมาทำให้ทานด้วย คุณจะอยู่ทานด้วยก็ได้นะครับ อยากลองทำให้ทานอ่ะ เห็นไปที่ร้าน แล้ววันนั้น พ่อครัวอีกคนทำอาหารให้คุณ ก็เลยอาจจะยังไม่เคยทานอาหารฝีมือผม จะได้รู้ว่าเป็นไง บางทีอาจจะติดใจมาทานบ่อยๆก็ได้”



ศักดิ์ชายยิ้มกริ่ม ทั้งที่รู้ว่าเดียร์ชวนไปงั้นๆ แต่เจ้าเพื่อนผมมันทำท่าไม่ยอมแพ้


“แหม จะพลาดโอกาสดีอย่างนี้ได้อย่างไงล่ะ น้องชาย ดีเหมือนกัน เมื่อกี้นายก็ทานข้าวไปนิดเดียวเองนี่เรียว กินข้าวเสร็จ จะได้กินยาแล้วก็พักผ่อนเสียที”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #258 เมื่อ27-12-2008 17:41:16 »


ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าศักดิ์ชายเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้ต่อล้อต่อเถียงกับเดียร์แบบนี้ ทั้งที่คนทั้งคู่ก็ไม่รู้จักกัน เห็นหน้ากันแค่เพียงครั้งเดียว แต่ทำไมตั้งท่าห้ำหั่นกันโดยใช้ผมเป็นเครื่องมือแบบนี้หนอ



“ฉันไปช่วยเธอทำอาหารในครัวแล้วกันนะเดียร์”


ด้วยความที่อยากจะพูดคุยกับเดียร์ให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ขอร้องให้เขาเลิกทำตัวหงุดหงิดต่อหน้าเพื่อนผมเสียที ทำให้ผมอาสาที่จะไปช่วยเขาทำงานในครัว แต่เจ้าศักดิ์ชายซึ่งไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับเดียร์ ดันมาทำเป็นกีดกันไม่ให้ผมกับเดียร์ได้อยู่ด้วยกัน



“นายจะไหวเหรอเรียว นายไม่สบายแล้วก็ตัวร้อนมากนะ ตอนที่ฉันเช็ดตัวให้นายเมื่อกี้ นายตัวร้อนอย่างกับไฟเลย เคลื่อนไหวมากๆเดี๋ยวจะวิงเวียนเป็นลมเป็นแล้งไปนะ”


เด็กหนุ่มหันขวับมาจ้องมองผม สายตากร้าวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขายื่นมือมาแตะแขนผม แล้วเลื่อนมากุมมือไว้


“จริงด้วย เรียวตัวร้อนมากเลย นอนพักก่อนดีกว่าไหมครับ เดี๋ยวผมทำคนเดียวได้ ทุกทีผมก็ทำให้เรียวทานมาตลอดนะครับ”


เดียร์จงใจพูดเน้นย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความสนิทสนมระหว่างผมกับเขา ศักดิ์ชายหูผึ่ง ตาเป็นประกาย เหมือนกันกำลังได้ยินได้ฟังเรื่องอะไรเด็ดๆที่ไม่ควรพลาด ส่วนผมกับหน้าชา และเริ่มหงุดหงิดที่เดียร์วางท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมมากเกินไป ผมชักมือออกจากการเกาะกุมของเขา ทำหน้ามุ่ย เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมามากกว่าเดิม


“อื้อ ท่าทางจะสนิทกันจริง แล้วนี่ก็คงไม่ใช่ครั้งแรกที่นายต้อนรับพ่อครัวมาบ้านใช่ไหม”


ศักดิ์ชายหันมาถามผมเสียงเยาะ อุปทานหรือเปล่าไม่รู้ ผมคิดว่าศักดิ์ชายทำท่าเหมือนหวงๆผมด้วยเช่นกัน แต่ผมนึกไม่ออก ว่าทำไมเพื่อนสมัยเรียนอนุบาลของผม จึงทำแบบนั้น


“แหมคุณนี่ก็เดาเก่งไม่ใช่เล่นนะครับ น่าจะซื้อหวยนะ คงจะถูกรางวัลใหญ่แน่”


เด็กหนุ่มตอบไม่ตรงคำถาม แต่สิ่งที่เขาพูดก็คงจะเพียงพอที่จะทำให้ศักดิ์ชายเดาไปได้ไกลโข ผมรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ รู้สึกทนฟังไม่ไหวแล้ว จึงโพล่งขึ้นมา


“ฉันจะขึ้นไปนอนแล้วล่ะ รู้สึกเพลียและปวดหัวมาก ไม่อยากคุยแล้วก็ไม่อยากทานอะไรอีกแล้ว นายสองคน
กลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”


ผมลุกขึ้นเพื่อเป็นการตัดบทสนทนา ศักดิ์ชายลุกตามมา แล้วส่งเสียงถามด้วยความห่วง


“เฮ้ย เรียว เป็นอะไรไปเหรอ รู้สึกปวดหัวไม่สบายใช่ไหม ถ้างั้นฉันพาไปส่งที่ห้องนะ”

เดียร์ลุกขึ้นบ้าง เขาทำตาขวางใส่ศักดิ์ชายก่อนจะพูดเสียงห้วนๆใส่


“ไม่ได้ยินหรือครับ เรียวบอกว่าอยากพักผ่อน อยากอยู่คนเดียว คุณน่ะ มานานแล้ว ควรกลับบ้านได้แล้วครับ”

“ฉันได้ยินน้องชาย ไม่ต้องขยายความหรอก นายเองก็ต้องกลับด้วยเหมือนกัน ”

“ผมเพิ่งมา แล้วเรียวก็ยังไม่ได้ทานอะไรด้วย ผมจะทำอาหารให้เรียวทานก่อน แล้วถึงค่อยไป ส่วนคุณน่ะ กลับบ้านไปเถอะครับ ทิ้งภาระเรื่องการดูแลเรียวให้ผมทำเองดีกว่า”



เดียร์วางท่าใส่ศักดิ์ชาย เจ้าเพื่อนเก่ากรอกตาไปมา จากนั้นก็หันมาทำหน้าล้อเลียนผม


“เอ สงสัยนายจะไม่ได้พักผ่อนอย่างที่นายตั้งใจแล้วละมั้งเรียว ท่าทางน้องชายคนนี้คงจะพยายามที่จะปรนนิบัติพัดวีให้นานหายป่วยไข้โดยเร็วน่ะ”


ผมกุมศีรษะ นึกเบื่อสองคนนี่ขึ้นมากะทันหัน จึงเอ่ยปากไล่ด้วยเสียงอันดัง


“น่ารำคาญจริงๆ พูดอะไรกันก็ไม่รู้ อย่าหาว่าโง้นงี้นะ กลับไปซะทั้งสองคนนั่นแหละ ฉันจะนอนแล้ว โทษที ที่ทำมารยาทไม่ดีใส่ แต่อยากพักผ่อนจริงๆ หวังว่าคงจะเข้าใจ”


พูดจบผมก็เดินจากไปเพื่อที่จะขึ้นไปที่ห้องชั้นบน ทิ้งให้สองคนนั่นยืนงงกันอยู่ ผมไม่ชอบที่พวกเขาเป็นแบบนี้ ผมไม่ชอบที่จะเป็นต้นเหตุให้ใครมาทะเลาะกัน การที่ผู้ชายสองคนมาทะเลาะกัน ชิงดีชิงเด่นต่อหน้าผม มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากจริงๆ


“งั้นฉันกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆแล้วกัน เดี๋ยวฉันค่อยโทรมาถามอาการนายอีกที”



ศักดิ์ชายพูดตามหลังมา แต่ผมไม่ได้หันหลังกลับฟัง รู้ตัวว่าทำกริยาไม่งาม แต่ผมหงุดหงิดจนทนไม่ไหวแล้ว อยากขึ้นไปนอนพัก แล้วหลับไปเลย ไม่ต้องมารับรู้เรื่องที่ทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้



พอเข้าห้อง ผมก็ล็อคกลอนประตู แล้วก็คลานขึ้นเตียง รู้สึกเหนื่อย และเพลียอย่างบอกไม่ถูก ลองจับตัวเองดูก็พบว่าเนื้อตัวร้อนผ่าว ปวดหัวตุ๊บๆ เอามือควานไปที่หัวเตียงเพื่อหายา ก็ไม่พบ นึกขึ้นได้ ว่ามันอยู่ข้างล่างตอนทานข้าวเช้ากับศักดิ์ชาย ถึงแม้จะรู้สึกไม่สบาย แต่ผมก็ยังไม่อยากลงไปเอายาตอนนี้ เพราะไม่รู้ว่าพวกนั้นไปกันแล้วหรือยัง ผมนอนรอสักพัก จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองปวดหัวจนทนไม่ไหว ก็เลยพยายามฝืนใจลุกขึ้นจากเตียง เพื่อจะลงไปข้างล่าง



พอเปิดประตูห้อง ผมก็เจอเดียร์ยืนหน้าบูดบึ้งรออยู่ก่อนแล้วที่ด้านหน้า พอเห็นหน้าผมเท่านั้นเด็กหนุ่มก็เปิดฉากต่อว่าต่อขาน


“ผมโทรมาตั้งหลายครั้งเรียวก็ไม่รับสาย ตั้งแต่วันเสาร์แล้วนึกเป็นห่วง เพราะเห็นคุณไม่ค่อยสบายตั้งแต่วันจันทร์ วันนี้ก็โทรมาแต่เช้ามืดเพื่อจะบอกว่า ผมมีซ้อมเต้นตอนเช้า อาจจะมาได้บ่ายๆเย็นๆ ผมไม่นึกเลยว่า พอผมไม่มา คุณก็มีคนอื่น”



“บ้าหรือไงนี่ ก็ฉันไม่ค่อยสบาย นอนไม่ตื่นตั้งแต่วันศุกร์แล้ว เพิ่งจะตื่นมานี่แหละ ฉันก็เลยไม่ได้รับสายนาย แล้วทำไมต้องมาโกรธมากมายแบบนี้ ก็บอกแล้วไงว่าถ้ามาไม่ได้ ก็มาวันอื่น”


ผมชักโมโห เลยโต้ตอบไปบ้าง


“จะได้อยู่กันสองคนกับไอ้บ้านั่นโดยไม่มีผมเป็นกว้างขวางคอใช่ไหม”


เขาถามผมอย่างโกรธๆ


“ฉันไม่อยากทะเลาะนะ ถ้าจะทำอย่างนี้ก็กลับบ้านไปซะดีกว่า อารมณ์ดีค่อยมาพูดกัน”


“ไม่ ผมไม่ยอมไปทั้งที่เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอก เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”


เด็กหนุ่มลูกครึ่งทำท่าดื้อดึง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกรำคาญที่ต้องมาพูดคุยด้วยเรื่องแบบนี้ เหมือนกับการต้องมานั่งแก้ตัวกับแฟนที่ขี้หึงอย่างร้ายกาจ จนไม่ยอมแยกแยะว่าคนที่เขาไม่พอใจคือเพื่อนของเราไม่ใช่ใครบางคนที่สำคัญอย่างที่เข้าใจ


“งั้นก็ว่ามา”


ผมรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ จนต้องเอนตัวเองพิงประตูไว้ แข็งใจคุยกับเขาต่อเพื่อให้เรื่องมันจบ


“ต่อไปนี้ ห้ามไม่ให้คนๆนั้นเข้ามาในบ้านของเรียวอีกนะครับ”


เดียร์ยื่นคำขาดกับผม แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งผมไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมกับเขาแค่มีสัญญาเป็นแฟนกันเท่านั้น แต่เขาไม่ใช่เจ้าของของผม



“เดี๋ยวก่อนนะ คนนั้นที่นายว่ามันเพื่อนร่วมงานของฉันนะ จะไปห้ามเขาได้ไง เขาเห็นว่าฉันไม่สบายเขาก็มาเยี่ยม แล้วเขาก็เคยทำแบบนี้มาหลายครั้ง สมัยที่เรายังเรียนด้วยกัน ศักดิ์ชายเป็นเพื่อนฉันนะ ทำไมนายต้องมาหึงหวงอะไรแบบนี้ด้วย ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”



“คนที่จะเป็นห่วงเป็นใยในตัวของเรียวได้น่ะ มีแค่ผมคนเดียวก็พอแล้ว เรียวครับ มีแค่ผมคอยดูแลเอาใจใส่ไม่
พอหรือครับ”



เด็กหนุ่มพูดอย่างเอาแต่ใจตัวเอง ทุกทีผมขำเขา แต่คราวนี้ผมไม่สนุกด้วยแล้ว


“นายพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะเดียร์ ฉันไม่อยากคุยด้วยแล้ว”

“ทำไมจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมแค่ขอให้เรียวให้ความสำคัญกับผมคนเดียวก็พอแล้ว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ห้าม
ให้คนอื่นเข้ามาในบ้านเด็ดขาดนอกจากผม ทำได้ไหมครับ”

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้โทสะของผมเริ่มมากขึ้น รู้สึกว่าครั้งนี้เขาขอเกินไปหน่อยแล้ว


“แล้วทำไมฉันถึงต้องทำตามใจนายแบบนั้นด้วย ถึงแม้ว่าเราจะทำการตกลงคบกันอยู่ก็ตาม แต่นั่นมันก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระยะเวลา 6 เดือน ในสัญญานั้นไม่ได้ห้ามฉันคบเพื่อนหรือปฏิเสธคนอื่นๆนี่ แล้วไอ้สัญญาบ้าบอนั่น นายก็ฉวยโอกาสเล่นเล่ห์กระเท่เอากับฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ยินยอมก็ได้ แต่ฉันเห็นว่าเมื่อนายไม่ทำแบบที่นายขู่ ฉันก็ควรจะรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับนาย ที่นายได้มีโอกาสมาบ้านฉัน มาวุ่นวายในชีวิตของฉันแบบนี้ ก็แค่เพียงเพราะฉันทำตามสิ่งที่สัญญาไว้กับไอ้กระดาษแผ่นเดียวนั่นไม่ใช่หรือไง”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #259 เมื่อ27-12-2008 17:42:42 »


ผมชักฉุน เลยโต้ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว เดียร์มีดวงตาที่กร้าวขึ้น พูดเกือบเป็นตะคอกใส่ผมเสียงดัง


“ถึงจะยังไงก็ตาม ผมก็ขอห้ามขาดไม่ให้คุณพาใครเข้ามาในบ้านนี้อีก”

“ฉันไม่เชื่อนาย ฉันจะทำอย่างที่ฉันคิดว่าถูกต้อง”

“บอกว่าไม่ได้ ก็ไม่ได้สิ หรือเรียวอยากจะลองดูว่า ถ้าเรียวทำอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เอาสิ ผมจะทำให้เรียวได้เห็น”


เด็กหนุ่มทำหน้าถมึงทึงใส่ผม ท่าทางโมโหมาก เขารวบผมไว้ในอ้อมแขน แล้วลากกลับเข้ามาในห้องนอน ผม
พยายามดิ้นหนี แต่ความที่อ่อนแรงจากการเป็นใคร กอปรกับร่างกายที่บอบบางกว่าเด็กหนุ่มจึงทำให้ผมขัดขืนเขาไม่ได้ ถูกลากตัวปลิวมาที่เตียง เด็กหนุ่มผลักผมลงไปบนที่นอน แล้วกระโดดขึ้นคร่อมผม หน้าตาแดงก่ำ อารมณ์พลุ่งพล่านไปด้วยโทสะ



ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธจัดอย่างนี้มาก่อน ก็เลยนอนนิ่งอึ้ง มัวแต่ตกตะลึงที่เห็นอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปเลยไม่ได้ห้ามปรามเมื่อเขากระชากเสื้อนอนของผมจนขาดติดมือ เขาฉีกทึ้งมันออกจากตัวจนหมด จนผมเปลือยเปล่าท่อนบน



เขารวบแขนผมไว้ แล้วคว้าเนคไทจากคอเสื้อเชิ้ตของผมที่วางพาดอยู่ข้างเตียงมามัดมือของผมไว้ทั้งสองข้าง แล้วล่ามไว้กับเสาเตียง จากนั้นก็ก้มลงมา จูบไซร้ไปทั่วซอกคอและใบหน้าของผมอย่างรุนแรง ผมทั้งตกใจ ทั้งไม่พอใจที่เดียร์ก้าวข้ามคำสัญญาระหว่างเรา ว่าจะไม่แตะต้องตัวผมหากผมไม่ยินยอม


“เอ๊ะ เดียร์ เป็นอะไรน่ะ อยู่ดีๆกับมาทำกับฉันแบบนี้ จะทำร้ายฉันหรือไง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเราสองคนมีเรื่องกันแน่”

ผมร้องบอกเขา แต่เดียร์ยังไม่ยอมหยุดการกระทำของตนเอง


“นายทำอะไรลงไปน่ะเดียร์ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

ผมพยายามยับยั้งเขาอีกครั้ง แต่เดียร์ทำเป็นหูทวนลม ก้มหน้าก้มตาจูบ และเคล้าคลึงผมอย่างบ้าคลั่ง ผมพยายามพูดดีๆกับเขา


“นายทำแบบนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม เราตกลงกันแล้ว หยุดทำเสียทีเถอะนะ ปล่อยฉันไปเถอะ”

“ไม่มีทาง”


เด็กหนุ่มตอบกลับมาเสียงอู้อี้ เนื่องจากปากและจมูกของเขากดอยู่ที่ลำคอของผม เขาจูบแล้วดูดเน้นอย่าง
แรง จนผมต้องห่อปากด้วยความเจ็บปนซ่านกระสันต์ แต่ถึงกระนั้นผมก็มีสติเพียงพอที่จะไม่ปล่อยให้ดำฤษณาเข้าครอบงำในภาวะที่เราไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผมจึงพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เพื่อให้เขาอ่อนลง


“คุยกันก่อนดีมั้ยเดียร์ นายกำลังจะทำให้เรื่องระหว่างเรามันยุ่งยากลงเพราะความโมโหของตัวเอง ฉันไม่ชอบเลยแบบนี้นะ”


“ผมก็ไม่ชอบในสิ่งที่คุณทำเหมือนกัน”

เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตามีประกายแค้นเคือง ก่อนจะก้มลงดูดเน้นที่ยอดอกของผม ผมแอ่นตัวขึ้นด้วยความรู้สึกซาบซ่าน แต่ปากก็ร้องประท้วงออกไป หวังจะหยุดการกระทำของเขา


“ปล่อยฉันนะ เดียร์ นายกำลังทำผิดสัญญารู้ตัวไหม”

“คุณเองก็ทำผิดสัญญา คุณพาคนอื่นเข้ามา ดังนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องหยุดเพื่อทำตาม”

“แค่เพื่อนฉันมาบ้านเนี่ยนะที่ทำให้นายโมโห”

ผมถามเขาอย่างงงงวย รู้ว่าเดียร์รักและหวงผมมากแค่ไหน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเกิดกับศักดิ์ชาย ไม่เกิดกับเจ้าสันต์ ทั้งที่เจ้าสันต์ไปกับผมบ่อยกว่าศักดิ์ชายเสียอีก แถมเป็นเกย์เห็นๆ



“ในวันที่เราตกลงกันว่าจะเป็นของผมคนเดียวเท่านั้นเนี่ยนะ แถมซ้ำยังละเมิดสัญญาที่บอกว่า คุณจะไม่พาคนอื่นมาบ้านด้วย เราสัญญากันไว้แล้ว ข้อตกลงมีให้เห็นชัดเจน”


เขาคำรามเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธๆ พร้อมกับลงโทษผมต่อด้วยการดูดเน้นไปทั่วแผ่นอกผมอย่างรุนแรง ผมร้องห้ามเขาเสียงสั่น

“นายกำลังจะทำให้ผิวหนังฉันเป็นรอยนะ หยุดทีเถอะ”

เดียร์หัวเราะหึหึ ไม่ยอมหยุด แถมซ้ำยังเลื่อนตัวขึ้นมาจูบซุกไซร้แถวซอกคอของผม และดูดแรงๆเหมือนจะแกล้งให้ผมเจ็บ ผมครางอืออยากจะผลักไสเขาออกจากตัวแต่ก็ไม่มีแรง


“ดีแล้ว ทุกคนจะได้รู้ว่า คุณมีแฟนแล้ว จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับยอดรักของผมอีก”

“เดียร์ คนที่นายกำลังหึงอยู่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนเก่าสมัยเรียนของฉันนะ แล้วเขาก็มาเยี่ยมฉันเพราะว่าฉันป่วยอยู่ นายก็รู้ดีนี่ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่หายไข้เลยนะ นายน่าจะเข้าใจแล้วก็เลิกทำแบบนี้กับฉันได้แล้ว”
ผมพูดจากับเขาดีๆ พยายามเตือนสติเขา เพื่อให้เขาหยุดความโมโห แล้วจะได้ปล่อยผมไป



“ผมรู้ครับเรียวว่าคุณไม่สบาย แต่ผมก็บอกกับคุณแล้วในวันศุกร์ว่าขอผมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ แต่คุณก็ไม่ยอมให้ผมอยู่ดูแล แต่ในขณะเดียวกันคุณกลับอนุญาตให้คนอื่นเข้ามาบ้านนี้ ทั้งๆที่ผมก็ขอร้องคุณแล้ว มีการทำสัญญากันชัดเจนด้วย”


“แต่เขาเป็นเพื่อนนะ พอรู้ว่าฉันไม่สบายเขาก็เลยมาหา ฉันคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมฉันถึงจะต้องไล่เขาไป”
ผมบอกเขาให้เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากการจูบไซร้ซอกคอของผม เขามองตาผมด้วยแววตาตัดพ้อ ทำปากยื่น หน้างอง้ำ ยังคงไม่พอใจอยู่


“ผมไม่ชอบเพื่อนคุณคนนี้นะ ทำไมต้องเป็นเพื่อนชายคนนี้ล่ะ”

“ทำไมล่ะเดียร์ อย่าบอกนะว่านายกำลังหึงฉันกับเพื่อนผู้ชายคนนี้”

ผมถามเขาอย่างขำๆ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

“ผู้ชายที่ไหนกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าหมอนี่เป็นเกย์ ผีมองผีด้วยกันก็รู้”

“ฮ้า พูดเป็นเล่นไปน่าเดียร์ เพื่อนฉันคนนี้น่ะเหรอเป็นเกย์ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล จนปัจจุบัน แล้วมันก็แต่งงานมีลูกแล้วด้วย ไม่เห็นว่ามันจะสนใจผู้ชายคนไหนเลย นายหึงจนหน้ามืดตามัวหรือเปล่า”


ผมถามเขาด้วยความคลางแคลงใจ เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้หึงผมจนไร้เหตุผลหรือเปล่านะ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ผมแย่แน่เลย เพราะหมอนี่คงหวงผมทั้งกับเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชาย ไม่ยอมให้ไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ขนาดแค่เราคบกันยังไม่ถึงเดือนเลย นายเดียร์ยังแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมขนาดนี้ แล้วนี่ยังเหลือเวลาที่เราจะคบกันอีกตั้ง 5 เดือน ผมจะทนกับอารมณ์หึงหวงของเขาได้ไหมหนอ



“เชื่อผมสิ ผมเป็นเกย์ผมรู้ดี ว่าใครเป็นไม่เป็น ผมเห็นสายตาที่เขามองเรียว มันไม่ต่างจากสายตาที่ผมมองคุณ ผมคิดว่าเขารักคุณนะ เพียงแต่ว่า ด้วยความที่เป็นเพื่อน กับการที่เขาเก๊กแมนไม่เปิดเผยตัวเอง แล้วเขาก็แต่งงานแล้ว ทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นได้รู้ แต่ไม่มีทางรอดสายตาผมไปได้หรอก นี่ไง ถึงทำให้ผมหึงหวง ผมไม่ได้เป็นอย่างนี้กับทุกคนนะ เรียวอย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมจะเป็นเฉพาะกับคนที่คิดเชิงชู้สาวกับคุณเท่านั้นแหละ”



เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาของเขาอ่อนแสงลง ไม่มีความโกรธเกรี้ยวอยู่ในนั้น ขณะที่อธิบายให้ผมฟัง


“ผมแค่กำลังพยายามที่จะให้ช่วงเวลาที่เราเป็นแฟนกันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด และไม่อยากให้มีอุปสรรคขัดขวางใดๆมากั้นกลางระหว่างเราสองคน ดังนั้นผมจึงทนไม่ได้ที่จะเห็นใครบางคนมาจีบ หรือ พยายามจะจับคุณ ในฐานะแฟนกัน ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเอาไว้จากเรื่องเหล่านั้นครับ”


ผมมองหน้าเขา แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ


“เอาละ ถ้างั้นคราวต่อไปฉันก็จะระมัดระวังให้มากขึ้นนะ ว่าแต่ว่า ตอนนี้นายหายโกรธฉันแล้วใช่ไหม ถ้าหายแล้วก็ช่วยลงจากตัวฉันไปซะที ฉันอึดอัด”


เขาส่ายหน้า แววตาเปลี่ยนมาดุดันเหมือนเดิม


“ไม่ได้ คืนนี้ผมไม่ปล่อยคุณไปไหนทั้งนั้น คุณทำผิดสัญญา ผมจำเป็นต้องลงโทษคุณ มิฉะนั้นแล้ว คุณจะทำเรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจอย่างนี้อีก”


เขาก้มหน้าลงมาอีกครั้ง พยายามจะจูบปากผม แต่ผมเบี่ยงหน้าหนี

“เราสัญญากันแล้วนะเดียร์ ”

“ในกรณีอย่างวันนี้ ถือว่าสัญญาเป็นโมฆะครับ”

“แต่มันเป็นความเข้าใจผิดกันแค่นั้นนะเดียร์ แล้วฉันก็ไม่มีเจตนาจะทำอย่างนั้นนะ แล้วฉันก็สัญญาว่า ฉันจะไม่ทำอีก โอเคมั้ย”


ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่อารมณ์ดำฤษณาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง เดียร์ปิดปากที่กำลังอ้าค้างของผม ด้วยจูบของเขา เด็กหนุ่มลูกครึ่ง บดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างหนักหน่วง เขาเปิดปากผมด้วยปากของเขาอีกครั้ง และแทรกลิ้นเข้าไป ลิ้นของเขาควานเข้าไปในปากของผม ทำให้ผมขนลุกซู่อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน จูบของเขาให้รสชาติที่ดุดัน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความวาบหวามรัญจวนใจ แรกๆผมเองก็พยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ในที่สุดผมก็พ่ายแพ้แค่ความปรารถนาที่โหมพัดอย่างรุนแรงในกายของผม เผลอจูบโต้ตอบเขาไปอย่างลืมตัว



เดียร์ชะงักนิดหนึ่ง มองหน้าผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสในนั้น เขายิ้มให้กับผม แล้วก็ก้มลงมาดูดริมผีปากผมใหม่ มือข้างหนึ่งของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง มันทำให้ผมรู้สึกเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่ว เขาระดมจูบผมจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งในท่าที่คร่อมตัวผมไว้ เขาดึงกางเกงนอนพร้อมกับกางเกงในออกไปจากตัวผม นั่นแหละ สติสตังผมถึงได้คืนกลับมา ผมขยับลุกหนี แต่เขาก็โถมตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง แล้วกดตัวผมไว้บนที่นอน โดยที่เขาคร่อมทับตรงหน้าขา เขาโน้มตัวลงอีกครั้ง แล้วใช้สองมือยันไว้บนที่นอนข้างตัวผม


“นายจะมาแตะต้องฉันไม่ได้ ถ้าฉันไม่ยินยอมนะ”


ผมพยายามขู่เขา โดยยกเอาคำสัญญาขึ้นมาอ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล เดียร์ยังคงเดินหน้ารุกรานผมต่อไป


“แล้วอย่างนี้เรียกว่าสมยอมไหมครับ”


เขาคว้าหมับที่น้องชายที่กำลังตื่นตัวของผม แล้วคลึงเคล้าแรงๆ ก่อนจะก้มลงมาไซร้หน้าอกและใช้ลิ้นเลียที่ตุ่มเนื้อบนยอด ผมครางอือด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน รู้สึกพึงพอใจต่อการสัมผัสที่ปลุกเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนของผมที่อยู่ภายใน แต่สำนึกหนึ่งก็บอกให้ผมหยุดการกระทำของเขาเสีย ก่อนที่จะเหตุการณ์จะเลยเถิดไปมากกว่านี้


“เดียร์ ฟังฉันให้ดีนะ หากนายทำอะไรฉันมากกว่านี้ล่ะก็ ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้นายเด็ดขาดเลย ฉันจะเกลียดนายไปจนวันตายทีเดียว”
***************************
 :impress2: เรียวบอกเค้าจะไม่ยอมแล้วนะ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
« ตอบ #259 เมื่อ: 27-12-2008 17:42:42 »





anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #260 เมื่อ27-12-2008 17:44:45 »

โปรดติดตามตอนต่อไปหื่นได้เลือด :a2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #261 เมื่อ27-12-2008 18:03:50 »

ซ้อมรอตอนหื่น  :haun4: :haun4:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #262 เมื่อ27-12-2008 21:29:30 »

ตอนที่ 21 ลงซ้ำหรือเปล่าค่ะ....

รอตอนต่อไป..และขอบคุณค่ะ :L2:

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #263 เมื่อ28-12-2008 01:04:08 »

นั่นสิคะลงซ้ำหรือเปล่า

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ รอดูน้องเดียร์หื่นค่ะ

ดูสิพี่เรียวต้านได้ไหม

ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #264 เมื่อ28-12-2008 02:14:30 »

 :sad4: แก้ไขด่วนคับ เด๋วใจขาดก่อน

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #265 เมื่อ28-12-2008 06:47:34 »

 :o12: ขอโทษเค้าผิดไปแล้ว

บทที่ 22



เดียร์ชะงัก เขาเงยหน้าจากยอดอกที่กำลังเคล้าคลึงอยู่ แล้วมองตาผม แววตาของเด็กหนุ่มมีความอวดดื้อถือดี เหมือนเด็กที่ต้องการเอาชนะผู้ใหญ่ที่ห้ามไม่ให้ตนเองทำโน่นทำนี่ โดยเอาเงื่อนไขของสัมพันธภาพมาขู่


“พูดอะไรน่ะครับ เรียวเองก็เริ่มพอใจแล้วไม่ใช่เหรอ ดูสิ ร่างกายของคุณตื่นตัวเปิดรับผมออกขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อความรู้สึกของตัวเองบ้าง ของแบบนี้ ถ้าถูกสัมผัสลูบไล้บ่อยๆ แล้วก็มีใจด้วย มันก็ต้องรู้สึกบ้างอยู่แล้วล่ะ ถ้าปล่อยให้ผมทำต่อไป เรียวก็จะมีโอกาสถึงจุดสุดยอดได้เหมือนกันนั่นแหละ”


เด็กหนุ่มกอบกุมของหวงของผมไว้ในมือข้างหนึ่ง และปลุกเร้าจนมันพองตัวยิ่งขึ้น เขาเลื่อนตัวลงต่ำ แล้วจัดการน้องชายที่เริงร่าของผมด้วยมือและปาก ผมแอ่นตัวด้วยความสุขแบบเสียวซ่าน สักพักเดียร์ก็ถอนริมฝีปากออก แล้วก็มองหน้าผมด้วยดวงตาที่หยาดเยิ้ม พลางลุกขึ้นนั่ง โดยที่ยังคร่อมตัวผมอยู่



“เรื่องนี้น่ะ ไม่ใช่การสมยอม รู้แล้วใช่ไหม นายกำลังใช้กำลังบังคับฉันอยู่นะ”



ผมพยายามขู่เขา รู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองกำลังสั่น ความรู้สึกปรารถนาที่จะได้รับการโลมไล้จากเดียร์ทวีความรุนแรงขึ้น แทบจะบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายที่มีอยู่ จิตใจของผมกำลังต่อสู้กัน ทั้งต้องการเดียร์ให้ช่วยปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ให้ผม ทั้งอยากผลักไสเขาให้ไปไกลจากตัว ด้วยอายเหลือเกินที่จะยอมรับว่า ผมเองก็ต้องการเขาเหมือนกัน



เดียร์ทำเป็นเฉย ไม่ฟังสิ่งที่ผมพูด เขาค่อยๆปลดกางเกงชั้นในที่ใส่ไว้ออกจากตัว ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็น บางส่วนร่างกายของเขาที่ผงาดง้ำ เขามีเรือนร่างที่ใหญ่โตสมกับที่มีเลือดต่างชาติอยู่ครึ่งหนึ่ง



“นี่นายไม่ยอมฟังที่ฉันพูดใช่ไหม ไม่สนใจการตัดสินใจของฉัน เท่ากับนายทำผิดเงื่อนไขนะ ฉันมีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญาได้นะ แล้วเราก็จะไม่ต้องมาเจอกันอีกต่อไป



ผมขู่เขาอีกด้วยเสียงที่ดังลั่นกว่าเดิม ไม่อาจจะทำใจเย็นปล่อยให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น เดียร์ชะงัก เขาทาบร่างของเขาลงมาบนตัวผม แล้วก็สวมกอดผมไว้ ร่างกายของเขาสั่นเทา ผมรู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังพยายามระงับทั้งอารมณ์โกรธที่มีต่อผม และความปรารถนาที่ก่อตัวอยู่ภายใน



“ไม่นะครับเรียว.......อย่าเลิกกับผมนะครับ ผมขอโทษ ผมหึงมากไปหน่อย”

“ปล่อยมือฉันสิ”


เดียร์ลุกขึ้น แล้วแก้มัดออกจากมือผมอย่างว่าง่าย เขาจูบที่ข้อมือที่เป็นรอยแดงของผมเบาๆ อย่างทะนุถนอม เอาหน้าของตัวเองแนบกับฝ่ามือของผมไปมา


“ขอโทษครับ ที่ทำให้เรียวเจ็บตัวอีก ทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าจะไม่ทำร้ายคุณ”

“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่านายไม่ได้อยากทำแบบนั้น นายแค่เข้าใจผิดไปเอง ช่างมันเถอะใครๆก็พลาดได้ทั้งนั้น


ตอนนี้ทั้งผมและเรียวอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า อยู่บนเตียงด้วยกันทั้งคู่ อยู่ดีๆสายตาของผมก็ไปจับจ้องเข้าที่ร่างกายท่อนล่างของเขาโดยบังเอิญ มันยังไม่ได้สงบลงทั้งหมด ผมสะดุ้งเมื่อรู้ว่ามองน้องชายของเขานานมาก
รีบเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเดียร์กำลังมองที่ซอกคอของผมอยู่ เขาเอื้อมมือมาสัมผัสเบาๆ


“แดงหมดเลย ขอโทษทีนะครับ”

“ก็นายนั่นแหละ กัดเข้ามาซะเต็มแรง”


อยู่ๆเดียร์ก็ก้มหน้าลงไปที่ซอกคอผม แล้วก็จูบเบาๆ จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียบริเวณนั้นจนผมขนลุก ความรู้สึกวูบวาบซู่ซ่ากลับมาอีกครั้ง เดียร์พูดเสียงกระเซ่าขึ้นมาว่า


“ผมอยากทำครับเรียว ขอผมเถอะนะ อย่าห้ามผมเลย ใจจะขาดแล้ว ช่วยผมหน่อยนะครับ แล้วผมก็จะช่วยเรียวด้วย เราจะมีความสุขด้วยกันนะ”


ผมนอนนิ่ง ได้แต่มองสบตาของเด็กหนุ่มที่มองมาอย่างเว้าวอน จนถ้อยคำที่จะพูด อยากจะปฏิเสธก็พูดไม่ออก ไอ้เจ้าความรู้สึกวูบวาบที่ทำให้ผมปวดหนึบแถวท้องน้อยมันบอกให้รู้เป็นนัยๆว่าผมเองก็กระหายในรสสัมผัสของเดียร์ไม่น้อยไปกว่ากัน


“ถ้าไม่พูดอะไรเลย ผมจะถือว่าคุณอนุญาตให้ผมทำนะครับ”

เขายิ้มให้กับผม ก่อนที่จะโน้มตัวลงมากอด แล้วจูบซุกไซร้ผมใหม่

“เป็นของผมนะครับ ยอดรัก”

เขากระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหู

“ทำอย่างนี้ไม่ได้นะเดียร์”

ผมพยายามปฏิเสธ แต่เสียงนั้นเบาเหลือเกิน เริ่มรู้สึกได้ว่าพลังในการต่อต้านดูจะอ่อนด้อยให้กับความ
ปรารถนาในรสสัมผัสที่ดูจะทวีขึ้นทุกขณะที่นิ้วมือของเดียร์แตะต้องร่างกายของผม


“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ อย่ากังวลใจนะครับ ปลดปล่อยตัวเองออกไปนะ”

เขากระซิบอยู่ข้างแก้ม มือไม้ของเขาเปะปะไปทั่วตัว จากนั้นก็เลื่อนมาที่น้องชายของผมใหม่ เขาลูบไล้ขึ้นลงด้วยความอ่อนโยน พอเริ่มจะตื่นตัวอีกครั้ง เขาก็เคลื่อนไหวมืออย่างรวดเร็ว จนอารมณ์ของผมพลุ่งพล่านอย่างที่สุด ความรู้สึกวาบหวามกับความรู้สึกอยากรู้อยากลองทำให้ผมไม่ได้เอ่ยถ้อยคำประท้วงใดๆออกไป เมื่อเดียร์แยกขาผมออกจากกัน เขายิ้มหวานให้ผม ดวงตาของเขาที่มองมาเหมือนเป็นคำมั่นสัญญาของเขาที่บอกว่าเขาจะปฏิบัติต่อผมอย่างอ่อนโยน เขาพูดเหมือนเสียงกระซิบว่า


“ไว้ใจผมนะครับยอดรัก”



เดียร์ลูบไล้น้องชายผมไปมาจนพองตัวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเลื่อนนิ้วต่ำลงแล้วแทรกนิ้วของเขาลงไปในซอกหลืบที่เร้นลับ ผมสะดุ้งสุดตัว ครางอือ ตัวแอ่นขึ้นตามจังหวะการเคลื่อนไหวนิ้วของเดียร์ เด็กหนุ่มจูบซุกไซร้ผมอย่างรักใคร่ เขาพยายามประคับประคองอารมณ์ของผมให้ดำดิ่งสู่ห้วงหฤหรรษ์พร้อมกันกับเขา ท่วงทีของเดียร์ทั้งอ่อนโยนและเรียกร้องจนผมสั่นไปทั้งตัว



และแล้วช่วงวินาทีที่ผมจะไม่ลืมเลือนเลยก็มาถึง ในอึดใจหลังจากที่เดียร์ถอนนิ้วออก เด็กหนุ่มก็ช้อนก้นผมขึ้น แล้วค่อยๆแทรกเรือนกายอันใหญ่โตของเขาเข้ามาในฝังแน่นในบั้นท้ายของผม ผมผวาเฮือกด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายจะฉีกออกจากกัน หลับตาแน่น นิ่วหน้า อยากให้ช่วงเวลานี้มันสิ้นสุดลงโดยเร็ว เดียร์ดันน้องชายของเขาเข้ามาจนหมด ผมรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก ความปวดร้าวแล่นผ่านจากตรงจุดที่ผมกับเดียร์เป็นหนึ่งเดียวกันมาสู่ช่องท้องและหน้าอก จนทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก ผมกัดฟันแน่นเพื่อให้ช่วยระงับความเจ็บปวดนั้น มือทั้งสองข้างขยำผ้าปูที่นอนแน่น บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ผู้หญิงที่ผมเปิดบริสุทธิ์ทุกคน จะรู้สึกแบบเดียวกับผมไหมนะ



เด็กหนุ่มหยุดนิ่ง แล้วโน้มตัวลงมากอดผมไว้ แล้วจูบซุกไซร้ผมอีกครั้ง สัมผัสของเขาสร้างความรัญจวนใจให้กับผมอย่างมาก ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนเลย เขาช่างรู้จุด รู้ใจผมไปทุกอย่าง ว่าทำตรงไหน ผมถึงจะประทับใจ สัมผัสตรงไหนที่ทำให้ผมรู้สึกสุขสุดๆ



เดียร์ใช้ท่อนแขนของเขายกขาผมขึ้น แล้วเคลื่อนไหวสะโพกจากช้าๆ และเร่งให้เร็วขึ้น ผมแอ่นสะโพกสูงขึ้นรองรับแรงกระแทกของเดียร์ที่ส่งลงมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ความซาบซ่านที่บังเกิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมผวากอดเขาไว้แน่น อยู่ๆเด็กหนุ่มก็ถอนตัวเองออกมาจนร่างกายของเขาเกือบจะหลุดออกจากตัวผม แต่แล้วเขาก็ลงน้ำหนักร่างกายกลับเข้าไปใหม่เต็มๆแรง จนผมรู้สึกจุกมาก เดียร์ยิ้มหวานให้ผม แล้วก้มลงดูดเน้นที่ติ่งเนื้อบนยอดอกผมอีกครั้ง ลิ้นของเด็กหนุ่มแลบเลียไปทั่ว มือทั้งสองก็เคล้าคลึงอยู่บนเรือนกายของผม สร้างความป่วนปั่นรัญจวนไม่หยุดยั้ง



“ไม่ไหวแล้ว เดียร์ ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”


ผมร้องบอกเขาเสียงกระเส่า รู้สึกเจ็บปวดที่บั้นท้ายปนกับความหฤหรรษ์ อารมณ์ของผมถูกเดียร์ปลุกเร้าจนเตลิดถึงขีดสุด รู้สึกตาพร่าพราย เนื้อตัวร้อนผ่าวด้วยเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างด้วยความตื่นเต้น เด็กหนุ่มไม่ตอบ ยังคงเร่งเครื่องต่อไป ได้ยินแต่เสียงลมหายใจ ของเขาที่พ่นออกมา กับร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อ หลังจากนั้นเขาก็ถอนสะโพกตนเองออกไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกคิดว่า ทุกอย่างมันได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่เขากลับพลิกตัวผมให้คว่ำหน้าลงอยู่ในท่าคลาน แล้วใช้สองมือรั้งสะโพกผมให้โด่งขึ้น ก่อนที่จะแทรกเรือนกายอันใหญ่โตเข้ามาอีกครั้ง เขาเริ่มจากจังหวะเนิบช้า พร้อมกับเร่งความเร็วและแรงขึ้น



เด็กหนุ่มจับเอวผมไว้ด้วยมือทั้งสอง แล้วเคลื่อนไหวด้วยการกระแทกร่างกายของเขาเข้ามาในบั้นท้ายของผมแรงมาก และถี่ยิบ ผมจุกมากจนทนแทบไม่ไหวแล้ว พยายามที่จะถอยหนี แต่เดียร์ก็รั้งเอวผมไว้แน่น แล้วก็เคลื่อนไหวสะโพกของเขาเเรงกว่าเดิม ร่างกายของเขาใหญ่โตเหลือเกิน เวลาที่เขาเคลื่อนไหวเข้าออกในตัวของผมแต่ละครั้งผมเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่กระนั้นมันก็ยังมีความรู้สึกดีอย่างอื่นๆแฝงอยู่ด้วย เป็นความดื่มด่ำกำซาบซ่าน ร่างกายของผมเกร็งเขม็งร่อนผ่าวด้วยความปรารถนา เหงื่อกาฬไหลชุ่มเนื้อตัว



ผมอ้าปาก หายใจหอบถี่ มือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นจนแทบจะแหลกเละคามือผม พยายามให้สิ่งเหล่านั้นช่วยแบ่งเบาความรู้สึกเจ็บปวดปนความหฤหรรษ์ที่ผมมีอยู่ ณ ตอนนี้ ผมรู้สึกสับสน ใจหนึ่งก็อยากหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง อีกใจหนึ่งก็อยากจะให้เขาดำเนินต่อไปจนกระทั่งสิ้นสุด แล้วในที่สุดอำนาจแห่งความพิศวาสก็เข้าครอบงำ ทำให้ผมยินยอมให้เดียร์ทำทุกอย่างตามใจปรารถนา



เดียร์เองก็มีสภาพไม่ต่างจากผม เขาเต็มไปด้วยอารมณ์พิศวาสที่ท่วมท้น ขณะที่เคลื่อนไหวร่างกายส่วนล่างของตนเอง เขาก็กอดจูบเล้าโลมผมปลุกเร้าให้เคลิบเคลิ้มอยู่ตลอดเวลา ปากก็ครวญครางพร่ำเรียกชื่อผมนับร้อยครั้ง ดวงตาที่จ้องมองผมมีความปรารถนามากมายอยู่ในนั้น เขาโหมจังหวะมากยิ่งขึ้น ดันจนผมหัวสั่นหัวคลอน



ผมรู้สึกอึดอัดคับแน่นบริเวณบั้นท้ายของตัวเองจึงเอื้อมมือไปข้างหลังพยายามที่จะผลักเขาออกไปให้พ้นตัว เพราะผมไม่อาจจะทนรับความเจ็บปวดได้อีกต่อไป แต่เดียร์จับมือผมไขว้ไว้ แล้วกระแทกตัวเขาเข้ามาในกายผมถี่มาก จนผมต้องสะบัดหัว ร้องครางเสียงดังลั่น


“ โอยย เดียร์ ฉันเจ็บ หะหะ”


เด็กหนุ่มผ่อนการเคลื่อนไหวร่างกายให้เนิบช้าลง และนุ่มนวลขึ้น ดวงตาที่จับจ้องผมดูเย้ายวนหวานฉ่ำ ผมบอกเขาเสียงสั่น


“เบาๆหน่อยได้ไหมเดียร์ ฉันเป็นไข้อยู่นะ จะทนไม่ไหวแล้ว”


เดียร์แนบตัวมาที่หลังผม เอาลิ้นเลียหู กระซิบเสียงพร่า

“นุ่มนวลแบบนี้ชอบมั้ยครับ รู้สึกเป็นสุขไหม”


ผมพยักหน้า ไม่อยากโกหกเด็กหนุ่มให้เขาเสียกำลังใจ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ เจ็บปวดเพราะเป็นครั้งแรก แถมซ้ำยังมีอะไรกับเขาตอนที่ตัวเองเป็นไข้หนักด้วย แต่เดียร์ก็สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผม เขาทำให้ผมมีความสุขอย่างมากจนไม่กล้าที่จะปฏิเสธความจริงที่ว่า ผมเองก็ปรารถนาในตัวเขามากเช่นกัน


“ผมรักคุณมากเหลือเกิน ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณมีความสุขมากๆเลยครับ”


เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้ผมเมื่อเห็นว่าผมพึงพอใจในสิ่งที่เขาทำให้ เขาเลยกระแทกตัวเข้ามาเต็มเหนี่ยว เล่นเอาผมสะดุ้ง เหงื่อบนใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มหยดต้องลงบนหลังของผม เขาจูบผมเบาๆที่ข้างแก้มแล้วกระซิบบอกว่าเขาจะขอเปลี่ยนท่าทางอีกครั้ง ผมพยักหน้ายอมให้เขาทำ



หนุ่มหน้าหล่อยกขาผมขึ้นข้างหนึ่ง ผมเสียววาบก้มหน้าหลับตาปี๋ตลอด มือขยำผ้าปูที่นอนไว้แน่น เดียร์เปลี่ยนมาเป็นท่าเดิมคือจับผมนอนหงายขึ้น จากนั้นเขาสอดมือไว้ใต้ขา เคลี่อนไหวร่างกายถี่ยิบ เด็กหนุ่มก้มลงมาจูบผมที่ปาก เราแลกลิ้นกันนัวเนีย โดยที่ผมโอบกอดเขาไว้แน่น มือข้างหนึ่งซุกไซร้ที่เรือนผมหยิกสลวยของเขา แล้วเดียร์ก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาดุจกระซิบว่า



“เป็นเมียของผมนะ ยอดรัก”


ผมมองเขาตาปรือ หูได้ยินคำนั้นเต็มๆ รู้สึกทะแม่งๆแล้วก็คิดว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดแน่นอน แต่ไม่ได้คัดค้านอะไร ในตอนนี้อารมณ์ผมเตลิดจนถึงขีดสุดแล้ว ความต้องการเพียงสิ่งเดียวคืออยากให้เดียร์ปลดเปลื้องผมจากอารมณ์ปรารถนาให้หมด



เด็กหนุ่มรูปหล่อยืดตัวขึ้น แล้วเคลื่อนไหวเร็วมากขึ้นอีก ผมได้แต่หลับตา ร้อง อัก อัก ตามแรงกระแทกของเขา ไม่กล้ามองหน้า รู้สึกร้อนผ่าววูบวาบไปทั่วทั้งตัว รู้สึกเดียร์จูบไซร้ที่ข้างคอผมแล้วก็พึมพำขออนุญาตผมเสียงกระเส่า


“ผมจะออกแล้วนะครับ ขอออกในตัวของเรียวนะ”


ผมปรือตามองเขาแล้วก็พยักหน้า ในใจก็รอคอยวินาทีที่สำคัญที่เขาและผมจะเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ เดียร์ยิ้มหวานให้ผม แล้วดูดปากผมอีกครั้งเนิ่นนานทีเดียวกว่าจะถอนริมฝีปากออก จากนั้นเขาก็โหย่งตัวขึ้น ถอยออกไปจากตัวผมเกือบสุดแล้วก็กดตัวลงมาแบบเน้นๆจนเจ้ามังกรตัวเขื่องของเขาหายลับเข้าไปในถ้ำของผมจนหมด ผมรู้สึกจุกมาก อ้าปากร้องคราง หน้าเงยหงายขึ้น สะโพกลอยจากพื้น หลังแอ่น ผมมองหน้าเด็กหนุ่ม ก็เห็นเขามองมาอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มยวนยั่วให้ผมส่ายสะโพกเบียดบดไปมากับสะโพกของผม ใบหน้าหล่อเหลาของเขากับผมหยิกสลวยชื้นไปด้วยเหงื่อ มันหยดลงมาโดนหน้าผม เขายิ้ม แล้วก็ใช้นิ้วปาดมันออกจากใบหน้าให้



เดียร์หายใจหอบถี่ ท่าทางเหมือนคนที่ทำงานใช้แรงมาอย่างหนัก ตรงกันข้ามกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มอย่างสุขสมหวังฉาบฉายอยู่เต็ม เขายิ้มหวานให้ผม ก่อนจะก้มลงมาจูบผมที่ปากอีกครั้ง เรานัวเนียจูบกันอีกโดยที่ไม่มีใครยอมใคร เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่สงครามจูบจะสงบลง เดียร์ไล้นิ้วมือไปตามปากผมที่เขาเพิ่งบดขยี้มาเมื่อครู่ หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ฟุบลงบนตัวผม



ผมพยายามผลักไสให้เด็กหนุ่มเอาน้องหนูของเขาออกไป แต่เดียร์กลับยึดมือผมเอาไว้ แล้วจับมาโอบรอบเอวเขา เด็กหนุ่ม แช่นิ่งอยู่ในตัวผมอย่างนั้น จนกระทั่งน้องชายของเขาอ่อนแรงลง แต่เขายังตระกองกอดผมอยู่ โดยที่จ้องมองผมไม่วางตาด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม และหน้าที่มีเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เลื่อนตัวลงมานอนข้างๆ



“เจ็บไหมครับ คนดีของผม”


เดียร์กระซิบถามหลังจากทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปแล้ว ผมยังคงมึนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่เลยได้แต่นอนนิ่งเฉย ไม่ตอบอะไรไป


“ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้วนะ”


เขาจูบที่ซอกคอผม จนผมขนลุกกรูเกรียว และแล้วเดียร์ก็หลั่งน้ำตาออกมา เขากอดผมไว้แนบอกของตนเองแล้วร้องไห้ ในขณะที่ผมกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ นึกงงว่า เจ้าเด็กนี่จะมาร้องไห้หาพระแสงอะไร เขาเป็นคนล่วงเกินผม มาปล้นเอาความเป็นชายของผมไป เขาน่าจะดีใจที่ได้ผมอย่างที่เขาต้องการ คนที่สมควรจะต้องร้องไห้ น่าจะเป็นผมมากกว่า



ตลอดชีวิตของผมในระยะเวลา 27 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยแม้แต่สักครั้งที่เลยที่จะคิดว่าจะต้องมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน หนำซ้ำเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีด้วย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ใจนึงก็อยากจะร้องไห้คร่ำครวญที่ตนเองถูกบังคับขืนใจ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็บอกให้รู้ว่า ผมเองก็ยินดีที่จะให้มันเกิดแบบนั้น ทำไมผมจึงไม่ขัดขืน ทั้งๆที่ผมน่าจะสามารถทำได้ ผมแค่เป็นไข้ ตัวร้อนอ่อนเพลีย แต่ผมก็คิดว่าตัวเองมีแรงพอที่จะขัดขืนเขา ปากของผมก็ร้องตะโกนหยุดยั้งเขาได้ ถ้าจะทำ แต่ผมกลับปล่อยให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น ที่น่าแปลกและน่าอับอายคือ ผมกลับพึงพอใจเสียอีกที่ถูกกระทำ รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน



“อื้อ อย่าพูดเลยดีกว่า รู้สึกอย่างไรไม่รู้ งง และสับสนตัวเองอยู่นี่ว่าฉันยอมนายไปได้ไง”


ผมบอกเขาไปตามตรงว่ารู้สึกอย่างไร เด็กหนุ่มน้ำตายังไม่ยอมหยุดไหล


“ร้องไห้ทำไม เป็นสาวพรหมจรรย์งั้นเหรอ ประสาทหรือเปล่า ฉันน่าจะเป็นฝ่ายร้องไห้มากกว่า ฉันไม่ได้เป็นคน
ทำนายซะหน่อย มีแต่นายน่ะมาทำฉัน”


พอเห็นเดียร์ทำตัวเป็นดาราเจ้าน้ำตา ผมเลยอดพูดแขวะไม่ได้


“มันเป็นความรู้สึกปลาบปลื้มนะครับ ดึใจมากๆเลยที่ผมกับเรียวเป็นของกันและกันแล้วคิดมาตลอดว่ามันต้องดี ซึ่งมันก็ดีอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆด้วย”


เขาพึมพำเสียงสะอื้น เวลาที่มีเด็กตัวใหญ่ๆมาร้องไห้ แนบอกแบบนี้ก็ดูตลกดีเหมือนกัน


“พูดอะไรของนาย แล้วสิ่งไหนเหรอที่เรียกว่าดี”

ผมถามอย่างงงๆ

“การมีอะไรกับคุณไงครับ มันดีจริงๆนะ ผมเคยฝันไว้ว่ามันจะต้องเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษทีเดียว ถ้าหากได้มีอะไรกับคนที่ผมหลงรักมาโดยตลอด แต่เมื่อได้มีโอกาสจริงๆ มันกลับเป็นความรู้สึกที่แสนมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่ามีการอะไรกันกับคนรักมันจะให้ความรู้สึกที่ดีอย่างนี้ คิดแล้วก็อยากทำอีกครั้งจังเลยอ่ะครับ เรียวเห็นด้วยกับผมไหม ”


เด็กหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกมา ฟังแล้วเหมือนคำพร่ำเพ้อของสาวบริสุทธิ์มาก


“ตลกน่า ตีความข้างตัวเองอีกแล้ว ชอบคิดหรือทำอะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์ทุกทีเลยนะ”

“จริงๆนะครับ ผมรู้สึกดีจริงๆนะ ที่ได้มีอะไรกับเรียวนะ อยากทำอีกบ่อยๆจัง เรียวเองก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอครับ แล้วไม่คิดว่าเราสองคนจะมีอะไรกันอีกในครั้งต่อๆไปหรือไง”


“บ้าเหรอ”

ผมว่าเขาด้วยความหมั่นไส้ ใครจะอยากมีอะไรด้วย ตัวใหญ่ยังกับยักษ์ มีอะไรด้วยแค่ครั้งเดียวก็เจ็บมากแล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเดินไปทำงานได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ


“ไม่บ้าหรอก ผมน่ะได้ทำกับเรียวครั้งแรกแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่พอ อยากทำครั้งต่อๆไป รู้สึกดีจริงๆที่ได้เป็นเจ้าของคุณ ดีจริงๆ ที่ตัดสินใจว่าจะมีอะไรกับคุณคนเดียว”


เขาจูบผมที่ข้างแก้ม มือก็ลูบไล้แผ่วเบาตรงสะโพกของผม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ จนผมชักงง และเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง


“อย่าบอกฉันนะ ว่านายไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้มาก่อน”


เดียร์นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ เอาแต่กอดผมไว้ จนผมต้องถามซ้ำอีกครั้ง เขาจึงยอมรับกับผมอายๆว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนเลย นอกจากกับผมคนแรก หน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำมากเมื่อตอบคำถามผม


“จริงๆอ่ะ ทั้งกับผู้หญิง ผู้ชายก็ไม่เคยมีอะไรด้วยมาก่อนเหรอ”

ผมทวนคำตอบของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาพยักหน้า แล้วยิ้มอายๆ

“ฉันเป็นคนแรกที่นายมีอะไรด้วยเนี่ยนะ”

อยากที่จะทำใจยอมรับจริงๆว่าผมเสียตัวให้กับเกย์ที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน

“ใช่แล้วครับ”


เวร นอกจากว่าเดียร์จะกลายเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของผม เขากลับเลือกที่จะมีอะไรครั้งแรกกับผมด้วยเช่นกัน ผมอยากจะหัวเราะให้กับเรื่องตลกอย่างนี้นัก แต่ก็หัวเราะไม่ออก


“มิน่าล่ะ ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย”


ในที่สุดผมก็พยายามแค่นหัวเราะออกมาจนได้ แถมด้วยการพูดจาดูถูกเขา เหมือนกับเป็นอุปาทาน ผมรู้สึกระบมก้นขึ้นมาทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ หนอยไอ้เด็กบ้า ไม่มีประสบการณ์นี่เอง มิน่าเล่นเอาบั้นท้ายผมเกือบพัง เด็กหนุ่มหน้าจืดจ๋อย ถามผมเกือบจะในทันทีที่พูดจบ


“จริงเหรอ ผมทำได้ห่วยขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่ประทับใจบ้างเลยหรือไง”

“ช่าย”


ความจริงสิ่งที่เดียร์ทำไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดหรอก เขาทำให้ผมมีความสุข เสียอย่างเดียวที่การไม่มีประสบการณ์ของเขา ทำให้ครั้งแรกผมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้


“อ๊า แต่จากที่ผมทำกับเรียวอ่ะ เหมือนเรียวเคยมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกเลยนี่ครับ ของๆเรียวยังคงฟิตปั๋งอยู่เลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรียวจะมีประสบการณ์มาก่อน กับใครหรือครับ ศักดิ์ชายเหรอ แล้วเขาทำดีมากกว่าผมอีกหรือไง”


เขารัวคำถามใส่ผม ท่าทางหึงหวง


“เอ้า เอาเข้าไปจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว จะบ้าหรือไง เพื่อนกันฉันจะไปมีอะไรกับมันได้ไงเล่า ฉันไม่เคยมีอะไรกับใครทั้งนั้น นายเองก็น่าจะรู้ดีนี่ ฉันชอบที่ไหนเวลาที่นายมาแตะต้อง มีแต่นายเองแหละที่ลวนลามฉันตลอด ที่ฉันบอกว่านายห่วยอ่ะ มันเป็นการเปรียบเทียบกับตัวฉันเองเวลาที่ฉันมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันอ่ะ ขอบอกว่านายน่ะ ไร้ฝีมือมาก”



ไม่อยากจะบอกเขาไปแบบนั้นเลย มันให้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสาวบริสุทธิ์ที่หวงเนื้อหวงตัว ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน นอกจากเด็กหนุ่มเป็นคนแรก แต่ไอ้ครั้นจะไม่พูดอะไรเลย ก็กลัวว่าเจ้าเด็กหนุ่มนี่จะหาว่าผมเจนจัด เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน



“มันเป็นยังไงอ่ะครับ ต่างกันหรือเปล่า ระหว่างตอนที่ผมใช้ปาก กับตอนที่ผมใส่เข้าไปในตัวเรียวอ่ะครับ บอกผมหน่อยได้ไหม ผมอยากรู้อ่ะ”



เดียร์เซ้าซี้ให้ผมพูด ทำท่าอยากรู้อยากเห็น ผมส่ายหัวไม่อยากพูด พลิกตัวตะแคงข้าง ไม่อยากหันไปเผชิญหน้าเขา แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้ผมหลบเลี่ยงการสนทนา เขาเอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ แล้วเหนี่ยวให้เข้ามาหา ลุกขึ้นมาคร่อมผมไว้ แล้วใช้ขาก่าย ล็อคไว้ไม่ให้หนี พยายามให้ผมพูด



“ตอบผมหน่อยสิครับ กังวลใจนะเนี่ย”


เขาทำหน้าวิงวอนให้ผมช่วยไขข้อข้องใจ ผมอดขำไม่ได้ ที่เด็กนี่จริงจังกับเรื่องที่ผมพูดอย่างมาก เขาคงไม่อยากดูเป็นคนไร้น้ำยาต่อหน้าผม มันเป็นความรู้สึกของผู้ชายทุกคน ที่อยากให้คนรักของตัวพึงพอใจในเซ็กส์ที่มอบให้ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่คนที่เรามีอะไรด้วย ไม่พอใจในฝีไม้ลายมือของเรา มันทำให้รู้สึกย่ำแย่มากๆ ผมเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนจึงเข้าใจเขาดี


“ก็มันเจ็บมากน่ะสิ นายไม่มีศิลปะเลย ใส่ไม่ยั้งอย่างเดียว ฉันน่ะ ไม่เคยมาก่อนเลยนะ นายทำไมไม่ทำเบาๆหน่อยล่ะ เผื่อที่คู่ของนายจะได้มีความสุขมากยิ่งขึ้น ถามจริงๆเถอะ ที่นายทำกับฉันนี่ เอาฉันเป็นตัวลองผิดลองถูกหรือไง”


ผมบอกด็กหนุ่มไปตรงๆ ตบท้ายด้วยการตั้งคำถามเอากับเขา เดียร์ทำตาโตรีบปฏิเสธพัลวัน


“เปล่าน๊า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมแค่อยากจะมีอะไรกับเรียวเพื่อผูกพันเราสองคนไว้ด้วยกันแต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำสักที เพิ่งจะมีคราวนี้แหละที่เหตุการณ์มันเป็นใจ แล้วเรียวก็ยินยอมผม ไม่ขัดขืนอ่ะครับ”


เด็กหนุ่มพลิกตัวผมมากอดไว้ในวงแขน จับศีรษะของผมซุกซบไว้ที่ไหล่ของเขา


“ผมยอมรับครับว่าผมเองก็มีเรียวเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตผม เท่าๆที่เรียวก็คงจะมีผมเป็นผู้ชายคนแรกเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยมีประสบการณ์มาซะทีเดียวนะครับ ผมเคยลองทำมาแล้วบ้างกับเรียวจังอ่ะครับ”


“เรียวจัง .......... ใครเหรอ”


รู้สึกสงสัยครามครัน ไหนบอกว่ามีผมคนแรกไง แล้วเรียวจังนี่เป็นใครกัน หนอยแน่ะ ชื่อเหมือนผมด้วย ท่าทางจะเป็นคนญี่ปุ่น เจ้าหมอนี่ร้ายไม่เบา แถมริอ่านโกหกอีกด้วย เดียร์มองหน้าผม ท่าทางเขินจัด หน้าแดงก่ำ ทำเป็นพูดอุบอิบอธิบายให้ผมฟัง เสียงเบา แทบไม่ได้ยิน



“ตุ๊กตายางครับ เจ้าน้อยเพื่อนผมมันฝากแฟนซื้อมาให้ ตอนแฟนมันกลับมาจากเมืองนอก พอมันล่วงรู้แผนการของผม ว่าผมคิดจะทำอะไรกับเรียว มันเลยร่วมมือกับผมครับ แต่มันกลัวว่าผมจะทำอะไรกับเรียวไม่เป็น เพราะผมไม่ยอมมีอะไรกับใครเลยสักคน มันเลยเอาไว้ให้ผมเอาไว้ใช้เป็นคู่ซ้อม ผมเห็นว่าหน้าตาเขาเหมือนเรียวมาก เลยตั้งชื่อว่าเรียวจังอ่ะครับ”



ผมหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ขำเจ้าเด็กนี่ที่สุดเลย ดูทีรึไม่มีประสบการณ์แต่ก็ยังพยายามที่จะทำตัวเป็นผู้ช่ำชองในเรื่องเซ็กส์เพื่อให้ผมประทับใจ เขา รู้สึกเอ็นดูเจ้าเดียร์มาก แต่ไม่กล้าภาคภูมิใจตัวเองที่เด็กนี่ไม่ยอมมีอะไรกับคนอื่นนอกจากผม


“ใจร้ายจังอ่ะ เรียวหัวเราะเยาะผมหรือครับ”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #266 เมื่อ28-12-2008 06:52:43 »

อาการที่เป็นหลังจากโพสเสร็จ
 :haun4: :jul1: :m25:

 :m2:ดีใจกะเดียร์ด้วยหลังจากที่พยายามอยู่นาน

 

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #267 เมื่อ28-12-2008 07:26:18 »

 :pighaun: :pighaun:

ออฟไลน์ rayjikung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #268 เมื่อ28-12-2008 11:54:11 »

ได้กันแล้ว!!!      :oo1:

5555555

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: My First Boyfriend:Part 2 up!ทุกวันจ้า By Katesnk
«ตอบ #269 เมื่อ28-12-2008 13:00:04 »

 :man1:

เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองจริงๆ

นับถือ

 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด