มีแต่คนเชียร์ภูวนัย ถ้าเราจะเปิดตัวด้วยการเป็นแฟนคลับของกฤษณะ จะโดนรุมยำไม๊เนี่ย เหอ ๆ ๆ
หนับหนุน หนับหนุน
บทที่ 28
เช้าวันจันทร์
แทนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ เท้าวางพาดอยู่อยู่บนโต๊ะ ครวญเพลงหงุงหงิงคลอไปตามเสียงนักร้อง ไอพอดสีขาววางอยู่บนตัก กำลังเล่นเพลงโปรดที่เพิ่งดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เน็ต
ชายหนุ่มมาถึงที่ทำงานแต่เช้า มีเวลาดื่มโอวัลติลกับขนมปังทาเนย เดินไปเขียนข้อความล้อบุริณทร์บนบอร์ดหน้าห้องทำงานของเจ้านาย แล้วจึงเอาดอกกุหลาบสีแดงไปวางบนโต๊ะทำงานของปิยะวดี แล้วลงชื่อย่อว่า "พ.ศ." ให้หญิงสาวเดาเล่นๆ
พ.ศ. คือ พศิณ เดายังไงก็เป็นพศิณ ชายหนุ่มหน้าจืดที่แอบชอบสาวสวยประจำบริษัท แต่ไม่ยอกจีบเสียที เดือดร้อนถึงเขาต้องเป็นพ่อสื่อ
...เขาจับคู่อินทิรากับปกรณ์สำเร็จไปแล้วหนึ่งคู่ นั่นก็หนุ่มจืดกับสาวเปรี้ยว คราวนี้หากคู่ของพศิณกับปิยะวดีไปได้สวย คู่ต่อไปจะเป็นใครดีน๊า...
แทนอมยิ้ม รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำอะไรน่ารักๆ ให้คนอื่น สถาปนิกหนุ่มผงกหัวเข้ากับจังหวะเพลง กระดิกเท้าตามไปด้วย ไม่รู้ว่ามีคนกำลังวางกระดาษเขียนด้วยลายมือโย้เย้ลงที่โต๊ะ แล้วยืนเท้าสะเอวมองอยู่ข้างๆ
บนกระดาษเขียนว่า
ใครเอ่ย ชอบพูด แต่ไม่ชอบทำ
อ้าว จะมีใคร ถ้าไม่ใช่คนซื่อบื๊อ ที่ชื่อบุริณทร์
เพลงหยุด ชายหนุ่มที่กำลังมีความสุขอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงสะดุ้ง ลืมตาขึ้น แล้วเบ้ปากอย่างไม่พอใจ เพราะมีคนปิดไอพอดของเขา
"ทำไมหรือพี่บุ ยังไม่ถึงเวลาทำงานซะหน่อย"แทนบ่นเสียงเง้างอด แล้วปรายตาไปมองกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ "เติมคำลงช่องว่างได้ไม่ครบตามเคย ลองไปถามสงครามสิ มันทำเก่ง"
"สบายใจจังเลยนะ เคยทุกข์ร้อนอะไรกับเขาบ้างไม๊" บุริณทร์ตีหน้าขรึม วางเอกสารหนาประมาณสามสิบแผ่นลงบนโต๊ะของลูกน้องอารมณ์ดี
"เคยสิ ทำไมจะไม่เคย" แทนถอดหูฟังออกแล้ววางไอพอดคู่ใจบนโต๊ะ "ครั้งล่าสุดก็ตอนรถไฟชนกันสามขบวนที่สนามกอล์ฟ"
พูดเสร็จ ตี๋หนุ่มตัวร้ายก็หัวเราะก๊าก ขำมุขของตัวเอง หากอีกคนไม่ขำด้วย
บุริณทร์รอจนแทนหยุดหัวเราะแล้วจึงดึงเก้าอี้ของสงครามที่อยู่ใน "คอก" ถัดไปมานั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม ทำสีหน้าจริงจัง กล่าวว่า "แทน ไม่ไปทำงานที่กระบี่ได้ไหม เปลี่ยนมาทำงนออกแบบอาคารใหม่ของบริษัท พี่จะเพิ่มเงินให้"
แทนส่ายหน้า "จาไปทะเล"
ลูกน้องคนเก่งหยิบเอกสารที่บุริณทร์วางบนโต๊ะขึ้นมาดูแล้วยื่นคืนให้บุริณทร์ "เอาช้างพลายทั้งโขลงมาหยุดก็ไม่ยอม ผมจะไปกระบี่ อาบแดดให้ตัวดำไปเลย"
"ขาวเนียนแบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว พี่ไม่อยากให้แทนตัวดำ"
"แทนอยากดำ เบื่อการเป็นตี๋หน้าขาวจะตายอยู่แล้ว รู้ไหมพี่บุ นี่ยังคิดอยู่เลยว่าจะไปทำตาสองชั้น" แทนทำเสียงจริงจัง แล้วยืดตาให้ใหญ่ขึ้น บุริณทร์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู รีบโวยวายลั่น
"อย่าเด็ดขาดนะ ถ้าทำแบบนั้น พี่จะไล่ออก"
"ไล่ออกก็ไปหางานใหม่ เผลอๆ จะไปขอทำงานกับคุณกณษณะ เขาต้องรับแทนเข้าทำงานด้วยแน่เลย" แทนจงใจยั่วเย้าบุริณทร์
ได้ผล บุริณทร์หน้าบึ้งทันตาเห็น แล้วพูดเสียงสะบัดว่า "ก็ลองดูสิ พี่ไม่ยอมหรอก"
"เก๊าะ อยากมาไล่เขาออกเองนี่นา" แทนยักไหล่ "พี่บุ รับไปซะทีสิ เมื่อแขน" แทนเสียงดัง เพราะบุริณทร์ยังไม่ยื่นมือมารับเอกสารที่เขาคืนให้
"อย่ามาทำแบบนี้นะพี่โจ สัญญาต้องเป็นสัญญา ผมทำโปรเจ็คคอนโดริมหาดของคุณชายภูวนัยเสร็จแล้ว ผมก็ต้องไปทำสปาที่กระบี่ตามสัญญา อย่างมามั่วนิ่มเด็ดขาด ไม่ยอมหรอก ถ้าไม่ได้ไป ผมจะไม่ยอมพูดกับพี่ซักหนึ่งเดือน จะโดดงานวันเว้นวัน พี่จะไล่ออกก็ไล่ไปเลย"
"พี่ไม่อยากให้แทนไป" บุริณทร์เสียงอ่อน "สปาที่กระบี่ก็ของคุณภูวนัย พี่หึง"
"ก็ตอนรับงานทำไมไม่ดูต้าม้าตาเรือ" แทนทับถมบุริณทร์ "แล้วจะหึงไปทำไม นี่ไปทำงานนะ ไม่ได้ไปฮันนีมูน คุณภูวนัยเขาก็อยู่กรุงเทพฯ"
"แล้วเขาก็จะตามไป ไว้ใจได้หรือ เห็นท่าทางนิ่งๆ แบบนั้น ไม่เบาเหมือนกันนะ" บุริณทร์หน้ามุย มองหน้าแทนเหมือนลูกน้องที่รักจะหลุดลอยหายไปในอวกาศ
"แทน ตอนนี้พี่ว้าวุ่นใจ ไม่อยากให้แทนไปไกลตัว พี่กลัว่าแทนจะไขว้เขว เห็นเขาดีกว่าพี่ แล้วแทนอาจจะ..."
"พี่ริณทร์ อย่าคิดมากสิ" แทนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ "ตกลงกันแล้วไง ลืมแล้วหรือ ลืมแล้วรื๊อสัญญา ว่าปีหน้า พี่จะมาหาใหม่ ไม่ลืมคนชื่อผักให่ บ้านวิลัย อยูธ...ธยา" ท้ายประโยคแทนร้องเป็นเพลง เปลี่ยนเนื้อร้องตามใจชอบ
บุริณทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เบือนหน้าไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของลูกน้อง ภาพที่ปรากฏเป็นฉากหลังของจอเป็นรูปภาพทะเลสีคราม หาดทรายขาวสะอาด มีเรือลำน้อยเกยหาดอยู่หนึ่งลำ เขารู้ว่าไม่ว่าจะทัดทานอย่างไร แทนก็คงไม่ยอมเปลี่ยนใจ
"แทนก็อย่าลืมที่ตกลงกับพี่ก็แล้วกัน" บุริณทร์ทวงคำสัญญา
"ไม่ลืม" แทนพยักหน้า ทำหน้าตาจริงจัง แต่ประโยคต่อมาทำให้คนฟังต้องทำปากยื่นด้วยความไม่ถูกใจ "ตราบที่สมองยังดีอยู่ ไม่ถูกกระทบกระเทือน"
แทนเอียงหน้า ทำตากรอกกลิ้งไปมา พลันยกมือขึ้นทักทายใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้
"เฮ้ สงคราม มานี่เร็วที่รัก มีอะไรจะบอก"
บุริณทร์กรอกตา ส่ายหน้าเช่นกัน รู้สึกขัดใจที่มีคนเข้ามาขัดคอ สงครามถลาเข้ามาใกล้ โอบไหล่บุริณทร์แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"คิดถึงพี่โจจังเลย ไม่ได้เจอตั้งหลายเพลา"
...แน่ล่ะ ไม่ได้เจอหลายวัน เพราะทำเรื่องแสบเอาวไว้แล้วเผ่นหนีไปเฉยๆ หลังจากนั้นก็พยายามหลบหน้าเขา...
บุริณทร์นึกในใจ แล้วจึงพูดออกมาอย่างที่คิด
"แสบจริงนะสงคราม หลอกให้พี่ไปชนช้างสองเชือก" บุริณทร์หมายถึงวีรกรรมของสงครามที่โทรศัพท์ไปบอกเขาให้ไปรับอนุภาพที่สนามกอล์ฟ แล้วไปเผชิญหน้ากับกฤษณะและภูวนัย
"ทำบุญกลับถูกด่า ดีนะที่ผมบอกให้พี่ไป ไม่งั้นพี่ก็คงโง่...เอ๊ย ไม่รู้อะไรดีๆ อีกนาน" สงครามยิ้มพราว
"ยูยังต้องถูกไอทำทันฑ์บนเรื่องนี้อยู่นะ" แทนชี้หน้าเพื่อน
"ขอบใจจ๊ะที่รัก คราวหลังไม่ต้องก็ได้ ขอให้พี่รู้เองเถอะ อย่างน้อยจะได้เตรียมตัวก่อน" บุริณทร์ทำเสียงเนือยๆ ยื่นเอกสารในมือให้สงคราม
"ไม่เอานะ ผมไม่อยากทำงานกับนฤชล" สงครามโวยวายขึ้นมาทันทีที่เห็นเอกสารในมือ
"ทำไม ทำงานกับชลแล้วมันเป็นยังไง" บุริณทร์เสียงเข้ม
"ก็ชลมันกวน..."
"ทีน" แทนแทรกคำตอบของสงคราม "เผลอๆ อาจถูกชลมันข่มขืนวันละสามเวลาหลังอาหาร"
"หุบปากนะแทน ไม่พูดอะไรดีที่สุด"
"ปากว่างอ่ะ ทำไม" อีกฝ่ายไม่ลดละ
บุริณทร์ลุกขึ้น ก้มลงพูดกับลูกน้องทั้งสอง "ไม่รู้ล่ะ ใครคนหนึ่งต้องทำงานนี้ ตกลงกันเอาเอง"
"แก" แทนหันหน้าไปยังสงคราม ยกนิ้วชี้จิ้มหน้าผากเพื่อน
สงครามถอนหายใจ รู้ว่าอย่างไรตัวเองก็ต้องทำงานชิ้นนี้อยู่ดี เพราะหัวเด็ดตีนขาด แทนก็ไม่ยอมทำเพราะเพื่อนต้องไปทำงานสปาที่กระบี่
"พี่โจที่รักครับ" สงครามเสียงนุ่ม "งั้นพี่เปลี่ยนตัววิศวกรได้ไหมล่ะอย่าให้เป็นไอ้คุณนฤชลเลยนะจ๊ะ"
"ชลเขาไม่เคยมีปัญหาอะไร" บุริณทร์กำลังจะให้เหตุผล แต่แทนพูดแทรกอีกครั้ง
"ตัวปัญหาคือแก"
"หุบปากนะแทน เดี๋ยวเอานี่ยัดปากเลย" สงครามหันไปเอ็ดเพื่อน ยกกล่องดินสอบกลมๆ สีดำขนาดเท่าข้อมือเด็กจะยัดใส่ปากเพื่อน
"เล็กไปว่ะสงคราม" แทนตอบ แล้วสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็หัวเราะสนุกสนาน ทิ้งให้บุริณทร์ยืนมองตาปริบ
...หากเขาจะจีบแทนจริงจัง สิ่งแรกที่ต้องทำคือแยกสงครามออกจากแทนเหมือนตอนเรียนมหาวิทยาลัย สองคนนี้ติดกันเหมือนปลาท่องโก๋ ขอให้ได้อยู่ด้วยกันเถอะ จะเขาหรือใครก็แทรกไม่ได้ โอกาสที่จะได้ "หวาน" กับแทนก็ไม่เหลือ...
...สงสัยต้องทำเหมือนเมื่อก่อน หาคนมาแยกสงครามออกไป แล้วเขาก็เข้าไปแทน แต่ตอนนี้ถึงจะแยกสงครามออกไปได้ก็ใช่ว่าจะง่าย มีด่านอรหันต์ขวางอยู่อีกสองด่าน ด่านแรกคือกฤษณะ แม้ท่าทางไม่ร้าย แต่ก็ดู "แข็ง" อยู่พอสมควร ด่านที่สองคือภูวนัย รายนั้นท่าทางไม่ใช่เล่น แค่สองด่านนี้เขากระอักแล้ว...
ขออย่างเดียว อย่าให้มีด่านที่สามก็แล้วกัน...
บุริณทร์ถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินกลับห้องทำงานเงียบๆ ทิ้งให้สองหนุ่มคู่หูคุยกันทะลึ่งตึงตัง เขาต้องกลับไปทำงานให้เสร็จมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะว่าอีกไม่นาน เขาก็จะตามไป "คุมงาน" ลูกน้องที่กระบี่
...ไม่มีทางเสียล่ะที่เขาจะยอมให้แทนตกไปอยู่ท่ามกลางกรงเล็บของพญาเหยี่ยวเช่นภูวนัย หรือไม่ก็เสื้อร้ายเช่นกฤษณะ...
เขาจะเป็นสิงห์โต ฝ่าเข้าไปคาบเอากวางน้อยออกมา...
บ่ายวันจันทร์
=====