สั้น ขยันโพส ไม่ชอบเหรอครับ
จบบทที่ 27 ครับ ขอบคุณนะครับที่รักและกรุณาผู้เขียน
...โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ทำไมภูวนัยจงใจรีดเค้นความจริงจากเขานัก...
แทนกระทืบเท้า เริ่มทำหน้างอ มือที่ดึงประตูรถดึงแรงๆ เริ่มจะหมดความอดทน
...ไอ้รถบ้านี่ กวนอารมณ์จริงๆ เดี๋ยวก็ขายทิ้งเซียงกงซะนี่...
"เป็นอะไรไปหรือครับคุณแทน หรือขึ้นรถไม่ได้" ภูวนัยถามเสียงเรียบเช่นเคย
...อ้าว มีตาทิพย์อีก หรือไม่ก็ทำเหมือนในหนังที่กำลังส่องกล้องมองทางไกลแอบสังเกตการณ์อยู่...
แทนแปลกใจ นึกถึงใบหน้าเรียบนิ่งที่มองเขาด้วยแววตารู้ทัน คนที่เขาเคยค่อขอดในใจว่าอ่านใจคนออก รู้ดีไปเสียทุกอย่าง
"ผมว่าคุณทิ้งรถไว้ที่หน้าร้านอาหาร แล้วเรียกแท็กซี่เถอะครับ" ภูวนัยแนะนำ
"คุณรู้ได้ยังไงว่าผมขึ้นรถไม่ได้" แทนถามเสียงเข้ม "หรือในโทรศัพท์ได้ยินเสียงผมทุบประตูรถ ปนกับเสียงสายลมริมคลอง" ชายหนุ่มกระแทกเสียง ประชดคนหน้าดุที่ทำเป็นรู้ดี ราวกับเอากล้องส่องทางไกลแอบดูเขาอยู่เหมือนในหนัง
"คงงั้นมั๊ง" ภูวนัยตอบสั้นๆ
แทนคิดว่าเขาได้ยินเสียงภูวนัยหัวเราะ เสียงหัวเราะที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน เสียงหัวเราะที่ช่างขัดกับบุคลิกนิ่งๆ ใบหน้าดุๆ
"ผมว่าถ้ารถเสียก็เรียกช่างเถอะ ผมรู้จักเบอร์โทรอู่ มีปากกาไหมครับ จะบอกเบอร์ให้" ภูวนัยพูดเป็นการเป็นงาน "อ้อ ไม่ได้สิ สังสัยคงกำลังถือของพะรุงพะรัง"
"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณในความมีน้ำใจอยากช่วยเหลือ ผมจะทิ้งรถไว้ที่นี่ล่ะ" แทนเสียงเข้ม ในใจถึงว่าภูวนัยมีญาณวิเศษหรืออย่างไร
"ไม่กลัวรถหายหรือครับ"
...หายก็ช่างหัวมัน รถคนนั้นชักจะพยศมาหลายครั้งแล้ว ใครอยากจะเอาไปก็เอาไปเถอะ จะแถมสายลากรถให้ด้วยเลย คันนี้ ขอร้องให้ขโมยมาลักรถไปยังยากด้วยซ้ำ...
แทนเคยจอดรถทิ้งไว้หน้าบ้านหลายครั้ง แถวบ้านเขาไม่เคยมีประวัติรถหาย ป้าตุ๊ข้างบ้านก็ดูให้อยู่แล้ว ดูให้ดียิ่งกว่าเขาอยู่บ้านเองด้วยซ้ำ บ้านลุงพร้อมก็จอดทิ้งไว้หน้าบ้านประจำ เดี๋ยวเขาจะไปบอกป้าตุ๊ให้ตามช่างให้
...ภูวนัยนี่ก็นะ ถามอยู่ได้ ทำยังกับห่วงใยอะไรมากมาย ว่างมากหรือไงนะ...
"คุณภูวนัยครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว จะได้จัดการเรื่องรถให้เสร็จ"
"ครับ" ภูวนัยรับคำสั้นๆ ง่ายๆ จนแทนแปลกใจ
"แต่ว่าวันพฤหัสบดีเจอกันเวลาเดิมที่สนามกอล์ฟ หวังว่าถึงตอนนั้นคุณคงหายเสียขวัญแล้ว"
แทนพับโทรศัพท์เก็บ เม้มปากอย่างขุ่นเคืองอารมณ์ ภูวนัยวางสายไปเฉยๆ ไม่รอให้เขาปฏิเสธ หน้ำซ้ำยังหัวเราะหึๆ ในลำคอราวกับเป็นเรื่องขบขันเสียนี่กระไร
...เสียขวัญ พูดออกมาได้ วันที่รถไฟสามขบวนชนกัน วันนั้นทำให้เราเสียขวัญหรือ...
...เสียศูนย์ต่างหาก ไม่ก็ประสาทเสีย เข้าหน้าสามหนุ่มไม่ค่อยติด...
...บุริณทร์ก็ทำท่าทางงอนๆ พูดกับเขาน้อยลง แล้วก็เอาแต่นัดพบลูกค้า จะพูดจะคุยก็เป็นงานเป็นงาน ส่วนภูวนัยก็ทำท่าราวกับตำรวจจะจับผู้ร้าย...
...มีแต่กฤษณะที่ดีกว่าคนอื่น ดูเข้าใจเขาเป็นที่สุด อยู่กับกฤษระแล้วทำให้เขารู้สึกเป็ฯคนพิเศษ เหมือนเจ้าหญิง..
เอ๊ะไม่ใช่สิ...เหมือนเป็นเจ้าชาย
อยู่กับภูวนัย รู้สึกเหมือนตวเองต้องคอยบีบเค้นสมองหาวิธีเอาชนะให้ได้ บ่อยครั้งเข้า เขาก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน
...บุริณทร์ล่ะ อยู่กับบุริณทร์แล้วปวดหัวไม่ได้ใช่น้อย ต้องคอยนั่งวิเคราะห์ว่าตอนไหนจริงตอนไหนเล่น
...เอ หรือว่าใจเราจะเอนเอียงไปทางกฤษณะมากกว่าคนอื่น?...
ความคิดของสถาปนิกหนุ่มต้องหยุดชะงักเมื่อหลานชายป้าตุ๊เพื่อนบ้านโผล่ออกมา
เดี่ยว เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีบอกว่าป้าตุ๊ไม่อยู่ แทนจึงฝากเรื่องเอาไว้ ชายหนุ่มขอบใจเดี่ยวแล้วหันหลังกลับ แต่เด็กหนุ่มเรียกเอาไว้พร้อมถามว่า
"ผมขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งไหมครับพี่แทน"
แทนยิ้ม "ไม่ต้องหรอกเดี่ยว ขอบใจนะ"
"เดินตากแดดออกไป ร้อนตายเลยพี่ เดี๋ยวดำ" เดี่ยวยักคิ้ว ยิ้มกว้างตาหยี
"ทะลึ่ง"
"อ้าวมาว่าผมทำไม คนรึอุตส่าห์เป็นห่วง" เดี่ยวทำหน้าเหรอหรา
"ถ้ากลัวพี่ดำก็ไปหาร่มมาให้ยืมเลยสิ" แทนประชด ในใจก็คิดว่า อยากดำจะตาย ไม่เห็นผิวคล้ำลงเสียที ขาววอกเป็นตี๋อยู่แล้ว ทั้งๆ ที่เป็นไทยเต็มตัว
"ครับได้ครับ" เดี่ยวพาซื้อ รีบผลุนผลันกลับเข้าบ้าน
"เดี่ยว ไม่ต้อง" แทนตะโกน
เด็กหนุ่มชะงัก หันมามองงงๆ สถาปนิกหนุ่มรุ่นพี่บอกว่าพูดเล่น และย้ำอีกฝ่ายไม่ให้ลืมเรื่องรถของเขา
"เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะเอาขนมมาฝาก แล้วถ้าเปิดล๊อคได้ก็ถอยรถเข้าบ้านให้ด้วย อย่าให้ชนอะไรล่ะ"
"ครับผม" เดี่ยวรับคำ "แต่ถ้าชน รับรองผมจะไม่ให้สีถลอก"
แทนเบ้ปาก ส่ายหน้า ไม่พูดอะไรต่อ หันหลังกลับพร้อมพึมพำเบาๆ กับตัวเองว่า "อะไรของมันวะ ชนแบบไม่ให้สีถลอก ทำได้ที่ไหน"
...จะว่าไป เขาไม่ได้เจอเดี่ยวมาเกือบจะสามปีแล้วตั้งแต่เรียนจบชั้นประถมศึกษา เห็นอีกที โตเป็นหนุ่มน้อย หน้าตาใช้ได้ ตัวใหญ่เกินอายุ เสียอย่างเดียว ซื่อบื้อไปหน่อย...
แทนเดินไปตามทางเดินโรยกรวดช้าๆ พลางนึกในใจว่าไม่อยากให้ถนนเข้าบ้านเทคอนกรีตอย่างที่ลุงพร้อมเล่าให้ฟัง เขาอยากให้บ้านสวนคงสภาพเป็นบ้านสวนให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อยู่ลึกหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากในการเข้าออกจนเกินไปนัก
...แต่แดดตอนบ่ายๆ นี่ร้อนจริงเชียว แสบผิวไปหมด แทนที่จะผิวคล้ำเป็นสีแทนสวน จะกลายเป็นสีดำไหม้เหมือนตอกะโก แดดกรุงเทพฯ นี่มันร้ายกาจจริงๆ...
...รถคันนี้บางทีอาจถึงกาลจะต้องเปลี่ยนเสียแล้ว...
แทนเริ่มจะเหนื่อย กระเป๋าทีถืออยู่หนักพอสมควรเพราะเขาขนหนังสือและของจุกจิกหลายอย่างมาด้วย
...นี่ถ้ามีแท็กซ่ผ่านมาซักคนก็คงดี เสียดาย น่าจะให้เดี่ยวขับรถมอเตอร์ไซด์ไปส่งถนนใหญ่...
...เฮ้อ ภูวนัยนะภูวนัย ทุกครั้งที่คุยกับภูวนัยนี่ต้องมีเรื่องทุกที...
เอาไปเอามาเขาก็โทษภูวนัยจนได้
...โทษภูวนัยแล้วสบายใจดี คนอะไรดุได้ดุดี ทำราวกับว่าเขาเป็นเด็กดื้อที่ต้องคอยควบคุมความประพฤติ คอยดูนะ เจออีกทีจะปั่นหัวให้ให้หมุนเป็นลูกข่างเลย เอาให้เลิกกับนางแบบสาวสวยนั่น แล้วก็กลายมาเป็นแฟนเรา...
แฟน! ตายล่ะ เป็นแฟนเลยหรือ จะบ้าหรือไงแทน คิดออกมาได้ เป็นแฟนภูวนัยนี่นะ คงสนุกพิลึก จะไปไหนมาไหน จะทำอะไร สงสัยต้องเซ็นชื่อเข้าเซ็นชื่อออก แล้วเขียนรายงานส่งให้คุณท่านประธานอ่านและอนุมัติ...
แทนสะดุ้ง หยุดความคิดฟุ้งซ่าน แท็กซี่สีเหลืองอ๋อยโผล่ออกมาจากซอยข้างหน้าเหมือนจอดเข้าคิวรอรับผู้โดยสาร
...โชคดีของเขาจริงๆ พอนึกถึงแท็กซี่...แท็กซี่ก็มา...
แทนยกมือเรียกให้แท็กซี่หยุดรับเขา แล้วบอกคนขับวัยกลางคนตัวอ้วนกลมว่า "ไปสาธร 29 ขึ้นทางด่วนไปเลยนะพี่ เอาแบบเร็วๆ แต่ไม่ต้องท้านรก"
คนขับแท็กซี่พยักหน้าทันทีโดยไม่มีท่าทีอิดออด ผิดกับทุกๆ ครั้งที่เขาเรียกแท็กซี่จากปากซอยให้ไปส่งที่ถนนสาธร แทบทุกคันมักจะบ่ายเบี่ยงเพราะระยะทางไกลพอสมควร และแท็กซี่ที่วิ่งรถแถบนี้มักอยากจะไปขับวนเวียนรับผู้โดยสารอยู่ในเขตเมืองนนท์
...แทนนั่งยิ้มอย่างสบายใจบนรถแท็กซี่ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ นึกถึงความโชคดีของตัวเองที่เพิ่งจะมาชดเชยความโชคร้ายที่รถคู่ชีพทำพิษ...
แต่โชคดีของแทนกำลังใกล้จะสิ้นสุดลง เมื่อแท็กซี่เลี้ยวเข้าถนนที่กำลังจะขึ้นทางด่วน แล้วเสียงเครื่องยนต์ก็ดับไปขณะที่กำลังวิ่งอยู่ แบบที่ช่างเคยบอกเขาว่า "ดับกลางอากาศ"
"รถเสียครับ" คนขับแท็กซี่พูดเสียงค่อย
"เสียได้ไงพี่" แทนอุทาน ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ แท็กซี่คันใหม่แบบนี้จะเสียได้ วิ่งมาอยู่ดีๆ สะดุดกึกกักสองสามครั้งแล้วก็เครื่องดับไปเฉยๆ "แล้วซ่อมได้หรือเปล่านี่"
"คงอีกนานพี่ ต่อคันอื่นดีกว่า" คนขับแท็กซี่พูดหน้าตาเฉย "ผมไม่คิดเงินพี่หรอก"
"จะบ้าหรือ ต่อได้ไง นี่กำลังเชิดหน้าขึ้นทางด่วนอยู่แล้ว จะหารถที่ไหนได้" แทนโวยวาย ตาเหลือบมองมิเตอร์
"โธ่พี่ ก็รถมันเสีย"
"งั้นก็รีบซ่อม ผมจะนั่งคอย"
"ร้อนนะ"
"ร้อนก็คอย รีบซ่อมเร็วเข้า อย่าบอกนะว่าซ่อมไม่เป็น เห็นแท็กซี่ซ่อมรถกันเป็นทุกคน" แทนเสียงห้วน
"ถ้าพี่จะรอก็คงอีกนานกวาจะซ่อมเสร็จ เอางี้ ผมแถมให้ห้าสิบบาท" คนขับยื่นเงินให้ "พี่ไปหาคันใหม่เถอะ"
...อะไรวะ มีแบบนี้ด้วย แท็กซี่แถมเงินให้ผู้โดยสาร นี่จะเรียกว่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายกันนี่...
แทนเม้มปากหงุดหงิด แต่สรุปแล้ว...เขาโชคร้าย
แทนหันไปมองข้างหลัง แท็กซี่เลี้ยวเข้าถนนที่ตรงขึ้นทางด่วน หากเขาลงตรงนี้ก็ต้องเดินย้อนกลับไปอีกไกลพอสมควรกว่าจะถึงถนนธรรมดาที่มีรถสัญจรไปมา
...เอาวะ ดีที่ยังไม่ได้ขึ้นไปบนทางด่วน ไม่งั้นต้องนั่งอบซาวน่าในรถอีกนาน ไม่ก็ออกมายืนตากแดดอยู่บนทางด่วน ได้ดำสมใจ แต่จากตรงนี้ เดินย้อนกลับไปอีกซักหน่อยก็อาจเรียกแท็กซี่คันใหม่ได้...
สถาปนิกหนุ่มคว้าเงินห้าสิบบาทจากคนขับแท็กซี่ เปิดประตูลงจากรถแล้วกระแทกปิดแรงๆ ด้วยความฉุนเฉียง พ่นลมหายใจออกมาดังๆ แล้วหันไปมองข้างหน้า รถเล็กซัสสีดำคันหนึ่งชะลอความเร็ว จอดไม่ห่างจากแท็กซี่เท่าใดนัก พร้อมกับกระพริบไฟหน้ารถสามครั้ง
...ราชรถ...ใครกันนี่ อะไรจะโชคดีขนาดนี้ เพิ่งโชคร้ายไปหยกๆ ก็มีคนใจดีจอดรถรับเขาขึ้นรถไปด้วย...
แทนยิ้มกว้างแล้วรีบเดินไปที่รถหรูคันนั้น แต่ชายหนุ่มพลันชะงักเมื่อสังเกตป้ายทะเบียน
คำเดียวที่นึกออกตอนนี้คือ...โลกกลมจริงๆ...
ความตอนต่อไป
แทนรีบโผไปเกาะประตูรถ กระจกรถเล็กซัสรุ่น ES 300 ลดลง ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มยิ้มพราว แล้วถามสถาปนิกหนุ่มน้ำเสียงขันๆ ว่า
"เปลี่ยนที่อาบแดดหรือแทน มาทำอะไรบนทางด่วน หรือมารอทำอะไรเอาท์ดอร์กับผม" คฑาวุธเย้า
"บ้า ร้อนหลังตายเลย ทำอะไรกันในรถดีกวา วุธมาก็ดีแล้ว แทนจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะเนี่ย เปิดประตูเร็วสิ"...
อิ อิ
![:z2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/05.gif)