โห ทำให้เสียความมั่นใจเรื่องลายมือไปเยอะเลย
พิพม์ก็ช้าอีกตะหาก
อยากได้แฟนเป็นเสมียนพิมพ์ดีดหน้าศาลจังเลยให้ตายสิ
แต่ผมว่าลายมือผมก็ไม่เลวนะ (ยังคิด positive กับตัวเองอยู่ ผมเป็นคนมองโลกแง่ดีครับ)
26
เช้าวันอาทิตย์
เช้าวันอาทิตย์อากาศสดชื่น สายลมพัดเอื่อยนำความสดชื่นมาให้บ้านสวนริมคลอง ทำให้แทนมีความคิดอยากจะนอนเล่นที่ศาลาริมน้ำ
แม้คืนวันเสร์จะกลับบ้านดึก แต่เขาก็ตื่นเช้า...บรรยากาศบ้านสวนเมืองนนท์ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
ชายหนุ่มหอมเสื่อจันทบูรกับหมอนนุ่มใบใหญ่ พร้อมถุงขนม เดินไปที่ศาลาทรงไทยริมคลอง ระหว่างทางแวะเด็ดดอกมะลิได้หนึ่งกำมือ...ใจอดนึกถึงกฤษณะไม่ได้
...กฤษณะชอบดอกมะลิ...บอกว่าหอม...หอมเหมือนแก้มเขา...
เมื่อเย็นวันพุธที่ผ่านมา กฤษณะพาเขาไปทานอาหารที่ครัวระเบียงเล ไกลถึงสมุทรปราการ ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าต้องไปไกลๆ เพราะกลัวจะเจอกับคนที่รู้จัก เขาไม่อยากให้ “ใคร” เสียบรรยากาศ
กฤษณะบอกว่าอยากมีเวลาส่วนตัวกับแทนบ้าง ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกนาน
“นานที่ไหนกัน กระบี่ก็แค่นี้เอง คุณกฤษณ์ว่างก็บินลงไปเจอผม จะพาไปดำน้ำ” แทนบอกกฤษณะขณะที่เดินทอดน่องไปตามริมทะเลช้าๆ เพื่อย่อยอาหาร ก่อนทั้งสองจะหยุดยืนใต้ต้นมะพร้าว และแทนโดนหอมแก้ม
“ฮื่อ คุณกฤษณ์ ประเจิดประเจ้อจริงน๊อ เดี๋ยวลูกมะพร้าวก็หล่นใส่หัว” แทนพูดแก้เขิน
“เกี่ยวอะไรกับมะพร้าว”กฤษณะทำหน้าสงสัย
“ก็ผู้ชายสองคนยืนหอมกันแบบนี้ โบราณเขาวาเดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอา แต่ตอนนี้มันไม่มีเมฆฝน ฟ้าเลยไม่น่าจะผ่าได้ แต่เรายืนใต้ต้นมะพร้าว ผมจึงคิดว่า ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเขม่นเราที่ผิดธรรมชาติ ท่านก็น่าจะให้มะพร้าวหล่นใส่หัวแทนฟ้าผ่า”
กฤษณะหัวเราะลั่นจนน้ำตาไหล ส่ายหน้า ไม่กลัวคำขู่ของตี๋หนุ่มผู้น่ารัก กลับหมอแก้มแทนอีกข้างหนึ่ง แล้วยืนมองตาเชื่อม
“หลายครั้งแล้วนะคุณกฤษณ์” แทนบ่นอุบอิบ “ขาดทุนไปเยอะแล้วนะนี่”
“ผมขอมัดจำไว้ก่อน” กฤษณะทำเสียงนุ่ม ตาเป็นประกายเจิดจ้า “คุณก็รู้ อะไรตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ”
กฤษณะยิ้มพราว มองตาสถาปนิกหนุ่มนิ่ง ยื่มมือมากุมมือของชายหนุ่มหน้าตี๋เอาไว้ บีบเบาๆ ราวกับจะถ่ายทอดความรักให้
แทนเข้าใจว่ากฤษณะหมายความว่าอย่างไร ตั้งแต่รถไฟชนสามขบวนชนกันที่สนามกอล์ฟวันนั้น ชายหนุ่มทั้งสามคนต่างก็รุกหนัก จนเขาแทบจะสับหลีกไม่ทัน เพราะกลัวว่าจะมาชนกันอีก
...กฤษณะมัดจำด้วยการหอมแก้มเขา แต่บุริณทร์หนักข้อกว่า ขอหมั้นดื้อๆ ด้วยแหวนเพชรหนึ่งวง
“กี่กะรัตพี่บุ” เขาหยิบเพชรเม็ดงามขึ้นมาส่องกับแสงอาทิตย์ที่ส่งลอดผ่านร่มจามจุรี ข้างสนามกีฬาที่เขากับบุริณทร์นั่งอยู่
บุริณทร์เข้าใจเลือกสถานที่บอกรักและมอบแหวน แม้ไม่ใช่ม้าหินอ่อนตัวเดิมที่เคยมานั่งกันประจำสมัยเรียน แต่ก็ใกล้เคียง บรรยากาศเก่าๆ เป็นสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คสร้างอารมณ์ร่วม
บุริณทร์บอกรักเขา และขอหมั้นด้วยแหวนเพชร ขอตีตราจอง...
“พี่บุ ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องมาหมั้น”
“พี่ไม่ไว้ใจสองคนนั้น แทนเองก็ทำท่าแปลก” บุริณทร์ให้เหตุผล
“แปลกยังไง พูดให้ดีๆ นะ” แทนเม้นปาก แกล้งทำหน้าไม่พอใจ
“ก็...” บุริณทร์ถอนหายใจเล็กน้อย “แทนก็เห็นพูดคุยกับเขาดีอยู่ ไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจ พี่ก็ใจไม่ดีน่ะสิ”
“โถ พี่รินทร์ คิดมาก ตอนนี้แทนยังไม่คิดอะไร พี่ก็ยังไม่ควรคิดด้วย คนกำลงสนุกกับการทำงาน ไม่อยากคิดเรื่องรักให้หนักหฤทัย” แทนเล่นคำ พลิกแหวนในมือไปมา ราวกับสนใจเต็มที่ ทั้งที่ในใจกำลังนึกหาวิธีเอาตัวรอด
...บุริณทร์บอกรักเขาอีกแล้ว...แต่คราวนี้ทำท่าจริงจังกว่าทุกครั้ง...มีแหวนมาประกอบการบอกรักด้วย...ท่าทางจะเอาจริง...
...แต่จะให้เขาตัดสินใจอย่างไรได้...เขาไม่ได้มีบุริณทร์คนเดียวนี่นา...ไหนจะกฤษณะ ไหนจะภูวนัย...เขายังตัดสินใจไม่ได้!
เรื่องของเรื่องก็คือ...เขาชอบทั้งสามคน!...
...ตายละหว่า...ทำยังไงดีละทีนี้...สามคนเลยหรือ?...
อีกอย่าง ตอนนี้ภูวนัยก็ชักจะแสดงออกโจ่งแจ้งว่าชอบเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เล่นบทเทพบุตรหน้าดุอยู่ได้เป็นนานสองนาน จู่ๆ ก็มาออกอาการชอบเขาเสียดื้อๆ...ท่าทางไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน...
เย็นวันพฤหัสบดี เขาควรจะไปฝึกไดร์ฟกอล์ฟเช่นเคย แต่เย็นวันนั้นเขาเบี้ยวไม่ไปเสียเฉยๆ หกโมงสิบห้านาที โทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับเสียงเข้มๆ ของภูวนัย
“ผมรอคุณอยู่”
“อ้าว รอทำไม” แทนเฉไฉ
“ทำไมคุณไม่มา จงใจหลบหน้าผมหรือ” ภูวนัยเสียงเข้ม แทนนึกภาพใบหน้าขรึมๆ กำลังขมวดคิ้วได้ชัดเจน
“เปล่า พอดีผม...เอ่อ...ปวดหัว” เขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เพราะตอนนั้นนึกอะไรไม่ออกจริงๆ
“เลยไปนั่งฟังเพลง” ภูวนัยเติมประโยค
...รู้ดีนัก...อะไรก็รู้ไปหมด...อ่านใจได้แล้วยังเดาพฤติกรรมถูกอีกต่างหาก...แทนนึกค่อนขอดอยู่ในใจ
เย็นวันนั้น เขาไปนั่งรอสงครามเพื่อนรักที่ Q Bar สงครามบอกว่า อยากจับฝรั่งตาคม...เบื่อตำรวจปืนใหญ่...
“แล้ววันอาทิตย์นี้เจอกันนะครับ” คนหน้าดุคาดคั้น
“เอ่อ...” แทนนึกหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุด แต่ภูวนัยแทรกขึ้นว่า “อย่ามาบอกผมนะว่าเช้าวันอาทิตย์คุณจะปวดหัว”
“ก็ไม่แน่” แทนตอบกวนๆ ...อยากประชดเขาดีนัก...
“ถ้าไม่สบาย ผมจะพาไปหาหมอ แต่ถ้าสบายดีก็มาฝึกกอล์ฟกัน เผื่อได้ไปออกรอบที่กระบี่” น้ำเสียงภูวนัยนุ่ม ขัดกับบุคลิก แทนนึกภาพตาม ตอนนี้ใบหน้าภูวนัยอาจกำลังยิ้มๆ อยู่ก็เป็นได้ เวลาภูวนัยยิ้ม เขายิ่งรู้สึกประหม่ากว่าตอนอื่น...เวลาภูวนัยเข้ามาใกล้ๆ จนได้ยินเสียงหายใจ เขารู้สึกแข้งขาอ่อนแรงไปหมด พอๆ กับที่รู้สึกเวลากฤษณะจูบเขา
“นะแทน อย่าเบี้ยว ผมจะรอ ผมคิดถึง”
จำได้ว่าเขาอ้าปากค้าง มือยังจับโทรศัพท์แนบหูอยู่ แม้ภูวนัยจะวางสายไปแล้ว
บทภูวนัยจะจีบ เขาก็พูดตรงๆ บอกว่าคิดถึง บอกว่าชอบ...ทั้งๆ ที่ทำหน้าเรียบๆ ขรึมๆ ต่างจากใบหน้ายิ้มๆ ของกฤษณะ ต่างจากใบหน้ากรุ้มกริ่มของบุริณทร์
...เลือกใครดีวะ...ทำไมมันเลือกยากแบบนี้...แทนถอนหายใจ นอนกลิ้งไปมาบนเสื่อ มือหยิบขนมเข้าปาก
...เดี๋ยะมีต่อ (หลังจากแกะลายมือตัวเองแล้ว เห็นมะ ว่ามันลำบากแค่ไหน แค่พอนึกถึงคนอ่านที่น่ารัก ผมก็ก้มหน้าอ่านต้นฉบับตัวเองแล้วพิมพ์ต่อ)
แต่ว่า...
สแกนแล้วโพสให้อ่านเลยก็ดีนะ จะได้อ่านจนถึงบทที่ 30 ภายในคืนนี้เลย