Underneath the tree มหาสมุทรใต้ต้นไม้ (บท ภาพวาดของพ่อ 5) 5 ม.ค. 23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Underneath the tree มหาสมุทรใต้ต้นไม้ (บท ภาพวาดของพ่อ 5) 5 ม.ค. 23  (อ่าน 13515 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท

          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้าล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2023 16:06:10 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Shonennihon

หายไปนานหลายเดือนเลยครับ ช่วงนี้งานยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเขียนให้เรียบร้อยเสีย บวกกับการคิดพลอตเรื่องไว้มากมาย กว่าจะมาสรุปเป็นนิยายเรื่องนี้ใช้เวลาเป็นเดือนเหมือนกัน ตอนนี้ผมเริมลงมือเขียนแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่า  แต่ก็ขอให้ชอบกันนะครับ เป็นเรื่องในความคิดที่จะเขียนมาเป็นปีแล้ว ขอให้ทุกคนชอบนะครับ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ลำนำสมุทรใต้มหาพฤกษา

ต้นน้ำ

“ต้นน้ำ!”

นั่นชื่อผมเอง และนั่นก็เสียงแม่ผมเอง แม้จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมา 2 ปีแล้ว แม่ก็ยังจิกหัวใช้ผมยังกับเด็กๆ ทั้งๆ ที่คนงานในบ้านเยอะแยะ บ้านผมเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง ถือว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเลย คนงานในบ้านเยอะแยะไปหมด แต่แม่ก็เลือกที่จะใช้ผมทำงานอย่างติดปาก

โดยเฉพาะหน้าที่นี้ หน้าที่การไปเก็บกวาดสวนหลังบ้าน เพื่อนผมหลายคนอาจจะบอกว่า แค่นี้เอง! ทำๆไปเถอะ!! ทุกครั้งที่ผมบ่นให้ฟัง

แต่ก็นั่นแหละ! พวกมันไม่เคยเห็นสวนหลังบ้านผมนี่นา หลังบ้านผมเป็นที่ดินของบรรพบุรุษครับ พวกท่านปลูกสวนผลไม้ทำมาหากินจนส่งลูกไปเรียนจนจบวิศวะ และกลับเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างและร้านขายวัสดุก่อสร้างใหญ่โต นั่นก็คือพ่อผมเอง แต่ตอนนี้คงเหลือแต่ร้านขายวัสดุก่อสร้างเท่านั้นตั้งแต่พ่อเสียไปได้สองปีด้วยโรคมะเร็ง (แม่คนเดียวทำไม่ไหว เลยขายกิจการให้หุ้นส่วนไปทั้งหมด)

กลับมาที่สวนที่เล่าค้างไว้  บ้านผมมีต้นไม้ใหญ่อยู่ท้ายสวนซึ่งติดกับที่ดินอีกแปลงที่เป็นสวนเหมือนกัน ด้วยมีตำนานที่เล่าต่อๆ กันถึง เทพยดาที่สถิตย์อยู่ที่ต้นไม้ต้นนั้น จะดลบรรดาลให้สำเร็จ เรื่องความรักจึงมักจะมีคนแอบลอบเข้ามาบนบานสานกล่าว ที่ใต้ต้นไม้จึงเต็มไปด้วยธูปและเทียน ของเซ่นไหว้มากมาย นั่นเป็นเหตุให้แม่ต้องใช้ผมไปจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อยเป็นประจำ วันนี้ก็เช่นเดิม

“ต้นน้ำ!!” เสียงของแม่ที่เข้มขึ้นหลังจากที่ผมทำหูทวนลมไม่สนใจและนั่งกดจอยสติ้กเครื่องเล่น PS4 อย่างเมามันส์

“ครับบบบ” ผมรับตะโกนตอบกลับ เพราะไม่อยากให้แม่อารมณ์เสียก่อนมื้อเย็น เพราะจะส่งผลกับรายการอาหารมื้อเย็นทันที ผมเคยเจอมื้อเย็นที่มีเพียงข้าวต้มกับเกลือมาแล้ว

‘ไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน!!’ เสียงของแม่ในตอนนั้นยังดังอยู่ในโสตประสาท

“ได้ยินแล้วก็ลงมา!!” เสียงของแม่ที่ดังผ่านพื้นชั้นสองทำให้ผมต้องรีบหยุดเครื่องเล่นเกมและเดินออกจากห้องทันที

“ครับแม่ ผมอ่านหนังสืออยู่” ผมที่เดินไปเจอหน้าแม่ที่ตรงบันไดทางขึ้นชั้นสองรีบตอบออกไปเสียงเรียบ

“แม่ไม่ได้โง่นะ! เสียงเกมส์แกดังลั่นมาถึงข้างล่าง คิดอยู่ว่าถ้าไม่ลงมาจะไปสับสวิตช์ปิดไฟฟ้าชั้นสองเสียเลย!!” แม่สวนกลับมา

“แม่จะให้ผมทำอะไร?” ผมรีบถามเปลี่ยนเรื่องหลังจากโดนแม่จับโกหกได้

“ไปจัดการใต้ต้นไม้นั่นที แม่เห็นคนไปป้วนเปี้ยนแถวนั้น เจอธูปเจอเทียนก็จัดการเก็บให้หมดด้วย!!  ชั้นไม่อยากให้ไฟไหม้บ้าน!!” แม่โวยวายพลางชี้ไปทางทิศหลังบ้าน

“แม่ สวนเราออกจะกว้าง ไหม้ยังไงก็ไม่ถึงบ้าน” ผมบ่นอุบอิบ

“ต้นน้ำ!” แม่ผมเอ่ยเสียงขุ่น

“โอเคๆ เดี๋ยวผมจัดการให้ ทำไมแม่ไม่เปิดให้เขาเข้ามาสักการะบูชาไปเลย เก็บเงินคนละร้อยสองร้อยบาท รวยไม่รู้เรื่อง!!” ผมพูดพลางเดินออกห่างจากแม่

”ฉันไม่ตัดทิ้งก็บุญแล้ว หากพ่อแกไม่สั่งเสียไว้ว่า รักต้นไม้ในสวนมาก อย่าตัดเพราะบรรพบุรุษปลูกไว้ ฉันตัดให้มันจบๆไป”  แม้ว่าตอนที่แม่กล่าวจะมีน้ำเสียงหงุดหงิดมากก็ตาม แต่ก็มีสีหน้าที่เศร้าสร้อยลงจนเห็นได้ชัด

ผมเห็นก็เศร้าตามไปด้วยเพราะความคิดถึงพ่อ พ่อรักสวนผลไม้หลังบ้านมาก แม้ไม่ได้ปลูกขายแล้ว ท่านก็ดูแลของท่านอย่างดี ออกดอกออกผลก็แจกญาติพี่น้องกับคนงานหมด

“รีบไปเถอะ หากแกยังอยากให้พวกต้นไม้ที่พ่อแกรักยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ไหม้เป็นตอตะโกเสียก่อน”  แม่เหมือนมีน้ำตาคลออยู่ก่อนที่จะปลีกตัวไปดูแลหน้าร้านที่ตอนนี้ลูกค้ากำลังเข้ามามากขึ้นในช่วงสุดท้ายของวัน

ผมจึงจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อม ถังน้ำ ถุงขยะ ไม้กวาดถุงมือ ที่ผมมีเตรียมไว้เป็นประจำในการไปรบรากับบรรดาข้าวของที่กองอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น

เหมือนเช่นทุกวันที่ผมมักจะเดินชมนกชมไม้ไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอฐสีแดงเรียงกันเป็นแนวยาวทอดจากตัวบ้านไปจนถึงท้ายสวน ที่สุดทางเดินนี่ก็คือต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในสวน ผมก็ไม่แน่ใจว่าต้นอะไร ไม่เคยมีผลให้เห็นอะไรนอกจากดอกสีส้มสดในทุกหน้าร้อน

ผมมักจะเดินร้องเพลงเสียงดังไปด้วยเพราะจะได้บอกใบ้ให้คนนอกที่เข้ามาบูชาต้นไม้ต้นนี่หลบหนีไปก่อน ผมไม่อยากมีอาการอึดอัดเวลาต้องเอ่ยปากไล่คนพวกนั้น บางคนถึงขั้นตกใจวิ่งหกล้มหัวแตกมาแล้วก็มี เสียงผมก็ไม่ได้ดีอะไรมาก ร้องได้ก็ไม่กี่เพลง เพียงแค่นึกอยากร้องอะไรก็ร้องออกมาดัง บางครั้งผมก็ยังร้อง ‘เพลงช้าง’ ก็มีมาแล้ว

วันนี้ผมจะรีบไปเล่นเกมต่อเลยเร่งฝีเท้าและใช้ไม้กวาดเคาะถังน้ำไปพลางเดินไปพลาง เผื่อว่าจะมีคนได้ยินแล้วจะได้หนีไปก่อน

แต่วันนี้ทุกอย่างดูเงียบสงบกว่าที่คิด และวันนี้กลับเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายตกใจเสียเอง หรือจะเรียกว่าตกตะลึงดี

ที่เนินเตี้ยๆ ใต้ต้นไม้ต้นนั้น มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ผิวขาว ผมสีดำยาวและมัดไว้หลวมๆที่ท้ายทอย ลมแดดร่มรื่นยามเย็นพัดโชยให้ไรผมโปกปลิวเบาๆ  ใบหน้าเรียวยาว ขาวเนียนจนเกือบโปร่งใสนั้น หลับตาพริ้ม ท่วงท่าการยืนที่มั่นคง บวกกับส่วนสูงที่สูงจนเกือบถึงกิ่งที่เตี้ยที่สุดของต้นไม้นั่น มันสวยงามจนแทบละสายตาไม่ได้กับทรวดทรงที่ได้สัดส่วนเหมือนเขามองภาพวาดของศิลปินชิ้นเอง

การแต่งกายที่ธรรมดานั่นไม่ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูธรรมดาลงไปเลย เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวสะอาดตากับการเกงยีนส์ทรงกระบอกเล็กดูเป็นของมีราคาขึ้นมาทันที

สองมือของชายคนนั้นเหมือนถือบางสิ่งอยู่ในมือ บางอย่างมองจากระยะของผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้ หรือจะเป็นอาวุธ อย่าบอกนะว่าผู้ชายหน้าสวยคนนี้จะเป็นโจร!

ก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อแจ้งแม่ของผมถึงเหตุด่วนเหตุร้ายที่ผมเจอ ชายหน้าสวยคนนั้นก็ยกอุปกรณ์ในมือข้างหนึ่งลักษณะเหมือนเนื้อไม้สีเข้ม เขาวางสิ่งนั้นไว้บนบ่าและใช้คางหนีบที่ปลายสิ่งของชิ้นนั้น พร้อมอีกมือหนึ่งที่วาดขึ้นมาพร้อมกับไม้เรียวยาวขนาดยาวประมาณข้อศอกขึ้นมาประกบไว้ด้านบนของสิ่งนั้นที่วางบนบ่า

เพียงชั่วพริบตากลังจากนั้น เสียงที่เกิดจากการเสียดสีของสิ่งของทั้งสองสิ่งก็บรรเลงออกมากลายเป็นเสียงที่ไพเราะจับใจ

ผมไม่เคยรู้เลยว่าของสิ่งนั้น (ที่มารู้ทีหลังว่าไวโอลิน) มันจะสามารถสรรสร้างทำนองที่เหมือนเสียงสวรรค์ขนาดนี้ได้

มือที่ถือโทรศัพท์สมาร์ทของผม จากที่ตั้งใจจะกดโทรศัพท์หาแม่ กลับเปลี่ยนโหมดมาเป็นการบันทึกภาพ ภาพของชายคนหนึ่งที่กำลังบรรเลงเสียงสวรรค์ให้เขาและเหล่าธรรมชาติทั้งมวลที่อยู่ ณ ที่นี้

ท่วงท่าในการใช้มือสอดประสานกับจังหวะดนตรี การเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆ ล้วนสอดประสานกับเสียงที่บรรเลง ดวงตาที่หลับพริ้มไปกับสมาธิของดนตรีที่บรรเลง ทำให้ภาพตรงหน้า มันสวยงามจนผมหยุดเท้าตัวเองที่ก้าวเข้าใกล้ภาพเหล่านั้นไม่ได้ ผมยืนดูการแสดงนั้นไปเรื่อยๆ จนเสียงดนตรีหายไป มือที่เคยถือกล้องเพื่อบันทึกที่น่าประทับใจนี้ก็ถูกลดลงไปตอนไหนก็ไม่ทราบ ผมหลงไปกับภาพตรงหน้า หัวใจกระตุกสั่นไหวเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภาพตรงหน้าทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง จนกระทั้ง

“นายเป็นใคร?” ชายที่แสดงการเล่นดนตรีที่แสนมหัสจรรย์นั่นเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขาหลุดออกจากภวังค์บรรเลงดนตรี

ดวงตาคมกริบที่มองมาทางผมทำให้ใจไหววูบจนต้องเกือบลืมหายใจ ผมทำได้แต่กลืนน้ำลาย และยิ้มเฝือนตอบกลับไป

..........



จินไห่ อรรณพ


ผมนั่งมองภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์รุ่นล่าสุดที่เพิ่งซื้อมา แต่ความคมชัดของภาพมันเบลอไปหมดไม่ชัดเจน ไม่ใช่เพราะคุณภาพของภาพและไม่ใช่คุณภาพของโทรศัพท์ แต่เป็นเพราะน้ำที่หล่อเลี้ยงในตามันเอ่ออยู่ และพร้อมที่จะไหลนองหน้าเป็นสาย

ผมปาดน้ำตาที่ไหลลงไปที่แก้มที่ตอนนี้คงเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดฝาดเพราะผมปาดน้ำตาติดต่อกันหลายครั้ง

ในบางช่วงของชีวิต ก็ต้องยอมอ่อนแอบ้าง ผมคิด

ผมใช้นิ้วโป้งมือข้างที่เพิ่งปาดน้ำตาสัมผัสไปที่รูปถ่ายครอบครัวบนหน้าจอ รูปที่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้อยู่ร่วมกัน ใจที่ไหวหวั่นสั่งให้นิ้วมือปัดรูปนั้นไปทางซ้ายเพื่อเปลี่ยนภาพ มาเป็นรูปผู้หญิงผมยาว ยิ้มสวยผิวสองสี  วงหน้าที่แสนสดใสจนทำให้ผมยิ้มตามได้ทุกครั้งที่เห็น...แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว มันทำให้ผมเศร้าไปมากกว่าเดิม

ผมตัดสินใจปิดหน้าจอโทรศัพท์และลดมือลงไปเพื่อเอาเครื่องโทรศัพท์แผ่นบางนั้นโยนลงกระเป๋ากางเกง

“เลิกเศร้าได้แล้ว ชีวิตมันต้องเดินต่อ!” ผมบอกตัวเองแบบนั้น

สายตาของผมทอดยาวไปจนสุดผืนดินที่เป็นมรดกของพ่อที่ให้ไว้ พื้นดินหลายไร่ของบรรพบุรุษที่เหลือไว้ให้ เขาเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล และผ่านเรื่องราวมากมาย ในที่สุดเขาก็มาถึงที่นี่

เขายังจำภาพสมัยเด็กที่เขามักจะมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ เรือกสวนที่มีไม้ผลต้นใหญ่ยืนตระหง่านเป็นทิวแถวอย่างมีระเบียบ แต่ภาพที่เห็นตอนนี้กลับเหลือเพียงที่รกร้างกับต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นรกสูงเทียมเข่า

ผมมองความเปล่าเปลี่ยวเหล่านั้นด้วยสายตาที่เปียกชุ่ม จนกระทั่งไปสะดุดที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่สุดปลายที่ดินผืนนี้ ผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

ภาพในหัวของผมผุดภาพๆหนึ่งขึ้นมาอย่างตั้งใจ ผมจึงรีบเปิดค้นกระเป๋าสะพายตนเองอย่างร้อนรน จนกระทั้งผมเจอสิ่งที่ค้นหา สิ่งที่ผมพกติดตัวไปไหนมาไหนอย่างตั้งใจ

มันคือสมุดบันทึกของคุณพ่อ พ่อที่ผมเคารพรักสุดหัวใจ พ่อที่จากไปก่อนวัยอันควร พ่อผมทิ้งสมบัติไว้ให้ผมมากมาย แต่กลับมีเพียงชิ้นนี้ที่ผมบังเอิญไปเจอมันในกล่องของส่วนตัวของคุณพ่อ แล้วมันทำให้ผมหลงเสน่ห์มันอย่างประหลาด

มันเป็นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของพ่อ กระดาษสีเหลืองเก่าซีด เริ่มจะกรอบเปื่อย บวกกับภาพวาดประกอบระดับศิลปินชื่อดังของพ่อ ทำให้หนังสือเล่นนี้เหมือนวรรณกรรมชิ้นเอกที่มีเล่มเดียวในโลก บันทึกเล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงพ่อ มันเหมือนพ่อยังคงอยู่กับผม บันทึกเป็นภาษาไทยทั้งหมด ทำให้ผมซึ่งไม่ได้แตกฉานภาษาไทยมีปัญหากับการแปลความพอควร ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องของพ่อ และเป็นเรื่องราวช่วงวัยรุ่นของพ่อที่ประเทศไทย มันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก เรื่องรักแรกของพ่อ แต่เสียดายพ่อไม่ได้เอ่ยชื่อหรือลักษณะของคนรักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าต้องสวยระดับแม่ของผมแน่ๆ เป็นคิดเข้าข้างตนเองของผม คนที่ทำให้พ่อหลงรักจนลืมไม่ลงนี้คือใครกัน ผมเองก็อยากจะทราบ

ผมนั่งพลิกเปิดบันทึกของพ่อไปเรื่อยๆ อย่างระมัดระวังจนกระทั้งไปเจอภาพวาดที่ใกล้เคียงกับภาพที่ปรากฏในคลองสายตาของเขาตอนนี้ถึงขนาดที่ว่าผมยกสมุดเล่นนั้นมาเปรียบเทียบกัน แม้ขนาดและรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ผมมั่นใจว่ามันเป็นต้นเดียวกันแน่ๆ

ร่างกายไวกว่าความคิด ผมรู้ตัวอีกทีก็หยิบไวโอลินประจำกายพร้อมสมุดบันทึกบุกฝ่าพงหญ้า ข้ามรั่วไปยืนใต้ต้นไม้ต้นนั่นเสียแล้ว

รูปวาดในสมุด จะมีรูปวาดของต้นไม้ต้นนี้ทุกบททุกตอน แต่ภาพที่วาดนั้นไม่ซ้ำกันเลย เป็นภาพต้นไม้ต้นนี้ในมุมต่างๆ ภายใต้แสงและเงาที่แตกต่าง

ผมอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบผิวขรุขระของลำต้น ลูบไปบนอักขระที่ถูกสลักไว้กลางลำต้นที่เลือนลางไปตามกาลเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างในบันทึกเล่มนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ลักษณะภูมิประเทศบริเวณนี้ก็เหมือนกับที่บรรยายไว้ในสมุดบันทึกทุกอย่าง มันทำให้ผมนึกถึงข้อความบางช่วงในบันทึกที่เขาประทับใจที่สุด แล้วผมก็เปิดหีบไวโอลินขึ้นมาสีเป็นเสียงที่ผุดขึ้นมาในสมอง ท่วงทำนองมันค่อยๆ ไหลบ่าออกมาจนแทบจดจำได้ไม่หมด ผมหลับตาเพ่งสมาธิไปกับท้วงทำนองในใจ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเล่นมันออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ผมเผลอหลงเข้าไปอยู่ในเมโลดี้เหล่านั้น จนกระทั้งรู้สึกถึงใครบางคนบริเวณนั้น ผมหยุดเล่นและลืมตาทันที เด็กหนุ่มวัยรุ่นในชุดลำลอง ทรงผมทันสมัย รูปหน้าหมดจด ยืนหลับตาเหมือนหลงเข้าไปความไพเราะของบทเพลงที่ผมเพิ่งบรรเลง

“นายเป็นใคร?” ผมถามออกไปด้วยความตกใจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะความแปลกของสำเนียงภาษาไทยของผมหรือเปล่า ทำให้ชายวัยรุ่นตรงหน้าถึงมีอาการแปลกใจและไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ของผม จนกระทั้งผมกำลังจะเอ่ยปากถามอีกที

“นายนั่นแหละ! เป็นใคร!” เสียงของหนุ่มวัยรุ่นตอบสวนมา
“นี่มันพื้นที่สวนบ้านผม คุณไม่ควรเข้ามา!!” ชายวัยรุ่นพูดออกมาด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก

......................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2021 10:09:25 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อ้าว! ยังไงละเนี้ย ต่างคนต่างเด๋อใส่กัน คู่นี้ดูท่าจะชลมุน 55555 ต้นไม้ต้นนี้มีความสำคัญฉไหนหนอ รอตอนต่อไปเลยค่ะ สนุกดีนะ น่าติดตามๆ

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
จิณไห่​ ชอบชื่อนี้จังค่ะ​ ❤️  :katai4: :katai5:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 1

เรื่องของเรื่อง



“เธอไม่เคยแคร์ฉันเลยใช่ไหม?” เสียงหญิงสาวเกรี้ยวกราดดังขึ้น

“อะไรของเธอเนี่ย? อยากมาดูหนังก็พามาแล้วไง!” ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีคิ้วคมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาหยิบตั๋วหนังแถวฮันนี่สวีทที่แพงสุดในโรงภาพยนตร์ขึ้นมาแสดงตรงหน้า

“แล้วพีชนัดกี่โมง?!?” พีชสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่ตอนนี้คิ้วของเธอเริ่มผูกกันเกือบจะเป็นโบว์แล้ว

“เอ่อ...... 11 โมง....” ชายหนุ่มตอบไม่เต็มเสียง

“แล้ว ‘ต้นน้ำ’ มากี่โมง!?!” หญิงสาวยังคงเพิ่มเสียงขึ้น

“ก็ผม... ต้องไปซ้อมกีฬากับเพื่อนก่อนนี่นา!!” ต้นน้ำทำหน้าครุ่นคิดก่อนตอบ เขามักจะใช้ข้ออ้างนี้กับสาวๆของเขาเสมอ ในฐานะนักกีฬาของมหาวิทยาลัย เขาใช้ชื่อเสียงตรงนี้อ้างจนเป็นนิสัย

“แล้วเพื่อนของหมาตัวไหนมันอัพไอจีสตอรี่ ว่าไปนั่งจีบลีดฯ มอน้องใหม่อยู่!!” พีชยกหน้าจอโทรศัพท์ที่มีภาพเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าชัดเจน

‘ไอ้เชี้ยไอซ์! ไอ้เพื่อนเลว!!’ ต้นน้ำยกยิ้มแบบฝืนๆ ไปให้หญิงสาวที่กำลังคบหาตรงหน้า พร้อมสบถด่าเพื่อนในใจ

เพี๊ยะ!!

เสียงฝ่ามือเล็กปะทะกับใบหน้าขาวใสของหนุ่มร่างสูงสไตล์นักกีฬาอย่างจัง

“เธอมันก็มีดีแค่หน้าตา เธอมันไร้หัวใจ ถามจริงเธอเคยรักใครบ้างไหม?” พูดจบสาวร่างเล็กโยกย้ายร่างเล็กๆ ของเธอหนีจากชายตรงหน้าทันที

“เดี๋ยวครับพี่พีช!” ต้นน้ำที่ชำนาญเกมจีบสาว เดินเกมรุกเพื่อขอคืนดีทันที เขารู้ว่าสาวรุ่นพี่ปีสี่คนนี้ชอบให้เรียกสรรพนามแบบไหน เสียงอ้อนๆแบบไหน

“ปล่อย!!” สาวเจ้าเสียงแข็ง

“ต้นน้ำผิดไปแล้ว ยกโทษให้ต้นน้ำเถอะนะ” เสียงออดอ้อนแบบไม่แคร์สื่อดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่พีชกลับทำท่าข่มตาและสะบัดมือทิ้งทันที

“นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว มันจะไม่มีครั้งต่อไปแล้ว!!” แพรวสะบัดหน้าใส่ต้นน้ำอย่างไม่ใยดี

ต้นน้ำทำได้แค่เกาหัวมองภาพสาวน้อยเดินจากไปจนสุดตา

“เสียเงินฟรีๆ อีกแล้วสิ” ต้นน้ำเกาหัวมองตั๋วหนังราคาแพงในมือ

เขามองชื่อของภาพยนต์รักหวานซึ้งที่ปรากฎอยู่บนตั๋วราคาเกือบพันบาท

“ไม่ใช่แนวว่ะ” ต้นน้ำเบ้ปาก ส่ายหน้าแล้วจึงเดินไปที่บริเวณเครื่องบริการขายตั๋วอัตโนมัติ เขาพิจารณาผู้คนที่เข้าไปซื้อตั๋วอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเดินทักสาวสวยกลุ่มหนึ่งพร้อมยื่นตั๋วชุดนั้นให้สาวกลุ่มนั้นอย่างไม่ลังเล ด้วยความที่เป็นคนที่พอมีคนรู้จักบ้าง ทำให้สาวน้อยกลุ่มนั่นรับไว้ด้วยความปลาบปลื้ม ต้นน้ำเดินจากมาทันทีที่เสร็จสิ้นภาระกิจ

‘ทำไมผู้หญิงถึงได้วุ่นวายเรื่องความรักกันจัง แค่มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันมันก็น่าจะพอหรือเปล่าวะ?’ คนร่างสูงโปร่งบ่นพึมพำขณะเดินออกจากพื้นที่โรงภาพยนตร์

ต้นน้ำนักศึกษาปีสาม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัด ผู้เคยเป็นถึงอดีตเดือนมหาวิทยาลัยที่มีสถิติโหวตสูงสุดในประวัติศาสตร์ของการประกวด มีแฟนมานับไม่ถ้วนทุกคณะ ทุกชั้นปี แต่ไม่มีใครทนคบอยู่เกินสามเดือนเลย สาวๆ หลายคนพยายามมาทำลายสถิติ มีทั้งที่ต้นน้ำเป็นคนไปจีบเอง และคนที่เสนอตัวให้ แต่ก็ไม่มีใครอยู่กับเขาเกินสามเดือนเลย มันเป็นเลขอาถรรพ์สำหรับเขาไปแล้ว

“ไอ้เชี้ยต้นน้ำ มึงนี่เอาอีกแล้วหรือวะ?!” เสียงของไอซ์เพื่อนสนิทของเขาดังขึ้นทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาในระยะสิบเมตร

“เพราะใครล่ะไอ้สัด แม่ง!!” ต้นน้ำทำสายตาดุใส่เพื่อนสนิท

“ก็มึงไม่จริงจังกับพี่พีชเอง ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ไอ้คนที่ดีแต่เรื่องหน้ากับเรื่องบนเตียงน่ะ!!” ไอซ์พูดพลางหลบฝ่ามือที่วาดผ่านอากาศเล็งมาที่ศรีษะตนเอง

“สัด!! กูยังซิง กูรักษาพรหมจรรย์” ต้นน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างเพื่อนสนิท พื้นที่ๆ เขากับเพื่อนมักจะมาสิงอยู่เป็นประจำคือ ม้านั่งข้างสนามบาสเกตบอลกลางแจ้งในมหาวิทยาลัย

“นักพรากพรหมจรรย์เสียล่ะมากกว่า กูว่ามึงเลิกนิสัยเหี้ยๆ นี้เหอะ ก่อนที่สักวันมึงจะเป็นพ่อคนไม่รู้ตัว!!” ไอซ์เตือนสติเพื่อน

“กูป้องกันดีน่า พวกนั้นก็ต้องการ กูก็แค่สนองไหมวะ! อีกอย่างมันผิดที่พวกนั้นมาเติมเต็มช่องว่างในใจกูไม่ได้เอง อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เลิก!!” ต้นน้ำมองไปที่ท้องฟ้าอย่างสบายใจ เขาพูดเหมือนมันเป็นเรื่องที่แสนปกติธรรมดา

“มึงมีด้วยหรือวะ? ไอ้รูโหว่ในจิตใจเนี่ย! กูว่ามึงไม่มีหัวใจเลยมากกว่า!” ไอซ์ผู้ซึ่งรู้ไส้ทุกขดของเขาอย่างดีพูดสวนมา

“เกลียดแม่ง! รู้ทัน เอาจริงๆ กูก็เคยนะ...”  ต้นน้ำค่อยๆลดเสียงลงเมื่อสายตาของเขาไปปะทะกับสาวทรงเนื้อนมไข่อย่าง ‘นิ่ม’ แฟนสาวรุ่นพี่ของหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขา

“เฟรมล่ะ?” น้ำเสียงแบบถือตัวสอบถามไปยังน้องชายฝาแฝดของแฟนตัวเอง

“พวกผมไม่ใช่แฝดสยามนะ ที่จะได้ตัวติดกัน แล้วพวกผมก็ไม่มีญาณทิพย์ที่สื่อถึงกันได้นะ ปกติเห็นตัวติดกันตลอดมาถามแบบนี้ผมถึงกับตอบไม่ถูกเลยนะเนี่ย” คำตอบของไอซ์ที่ทำให้สาวสวยอดีตดาวมหาวิทยาลัยผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

“นายนี่มันตอบสั้นๆ ไม่เป็นเลยใช่ไหม? เมื่อไหร่จะเลิกยียวนกวนประสาทฉันเสียที” ไอซ์ที่ได้ยินเสียงบ่นของอนาคตพี่สะใภ้ถึงกลับกรอกตาไม่สนใจฟัง

“นายก็ด้วย ฉันไม่น่าแนะนำให้นายรู้จักยัยพีชเลย ไอ้คนไม่มีหัวใจ!!” ในที่สุดจุดประสงค์ของสาวสวยทรงโตก็ปรากฏ ทั้งสองคนรู้ว่านิ่มไม่น่าจะมาถามหาคนของตัวเองกับพวกเขาเพราะไอ้เฟรมน่ะทั้งรักแฟน กลัวแฟนอย่างกับอะไรดี คิดหรือว่ามันไปไหนแล้วจะไม่รายงานแฟนขี้หึงของตนเอง

“ผมก็เคยบอกแล้วว่า ผมน่ะ believe in fuck, not believe in love ดังนั้นหากจะด้วยกันยาวๆ ก็ต้องเข้าใจข้อนี้นะ!!” ต้นน้ำพูดขึ้นมาต่อหน้านิ่มกลับไปด้วยยิ้มที่แสนเจ้าเลห์

“ชิ! ใครจะคิดว่านายหมายความแบบนั้นจริงๆ!! ฉันไปดีกว่า ฉันเอาเวลาไปปลอบยัยพีชดีกว่า คอยดูนะฉันหาให้นางใหม่แล้วดีกว่า เดือนมหาวิทยาลัยง่อยๆ อย่างแกเลย!!” นิ่มโกรธกระฟัดกระเฟียดเดินห่างออกไป

“เจ๋งว่ะ!! สยบยัยพี่นิ่มด้วยไม่กี่ประโยค ปกติกูเจอยัยนั่นเมื่อไหร่ ต้องแพ้ปากนางทุกทีเลยว่ะ”  ไอซ์หันไปหาต้นน้ำด้วยสีหน้าทึ่ง

“กูรู้ว่ามึงน่ะเกรงใจ ไอ้เฟรม หากเอาจริงยัยนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ฝีปากอย่างมึงหรอก!!” ต้นน้ำสวนกลับ

“ยกย่องกูเกินไปแล้ว ว่าแต่ที่มึงพูดเมื่อกี้จริงอ่ะ มึงเพิ่งไปเดทกันไม่กี่ครั้งเอง นี่มึงได้กับพี่พีชแล้วหรือวะ??” ไอซ์สงสัย

“บ้าเรอะ! กูก็มีกฏของกูนะ กูไม่ได้มั่วขนาดนั้น!! ถึงพี่พีชจะพยายามยั่วกูหลายครั้งก็เถอะ ไม่ไหวว่ะ กูคุยด้วยก็รู้แล้วว่าจะมีแต่ปัญหา” ต้นน้ำเล่าพลางส่ายหน้าไปพลาง

“ผู้หญิงก็อย่างนี้” ไอซ์เสริม

“จ้า พ่อยอดชาย มึงเป็นประเภทสนแต่ผู้ชายนี่หว่า” ต้นน้ำเหล่มองคนข้างๆ

“พูดว่า กูไม่ได้จำกัดเรื่องเพศดีกว่า แต่ผู้ชายมันคบกันง่ายกว่านี่หว่า มึงน่าจะลองนะ”

“ไม่ๆ กูว่าไม่ดีกว่า ไม่ใช่ว่ากูอคตินะ แต่มันไม่ใช่แนวว่ะ กูนึกภาพตัวเองไม่ออกจริงว่ะ!!” ต้นน้ำปฎิเสธเสียงแข็ง

“สนามก็ว่างทำไมพวกมึงไม่ลงไปเล่นวะ?” เสียงจากด้านข้างสนามไม่ไกลดังแทรกบทสนทนาของเพื่อนสนิททั้งสอง คนที่มาด้วยท่าทางสุดคูลแบบนักกีฬามหาวิทยาลัยคือ ‘ไอ้เฟรม’ พี่ชายฝาแฝดของไอซ์นั่นเอง 

หากเป็นทั่วไปคงจะแยกพี่น้องสองคนนี้ไม่ออก เพราะหน้าเหมือนกันอย่างกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ส่วนสูงก็ไล่เลี่ยกัน บวกกับความที่หน้าตาเป็นลูกครึ่งชาติตะวันตก จึงทำให้สองคนนี้โดดเด่นมาก ที่สำคัญพวกมันดันเรียนคณะเดียวกัน

“พี่นิ่มล่ะ เจอกันหรือยัง?” ต้นน้ำถามทันทีที่เห็นหน้าบอยเฟรนด์คนคูลของนิ่มอดีตดาวมหาวิทยาลัยทรงโต
“ถามทำไมว่ะ กูเพิ่งแยกกันเมื่อเย็นนี้เอง เห็นบอกว่าจะไปปลอบใจเพื่อนอะไรสักอย่าง” เฟรมตอบไปพลางเปลี่ยนไปสวมรองเท้าหุ้มข้อเพื่อลงสนามซ้อมกับเพื่อนๆ

ต้นน้ำกับไอซ์ มองหน้ากันเป็นเชิงรู้กัน เพราะรู้อยู่แล้วว่านิ่มเป็นคนอย่างไร

“ไม่มีอะไร แค่ถาม ก็ปกติเห็นพี่นิ่มตามติดมึงแจเลย ขนาดมึงมาเล่นบาสฯ ยังตามมานั่งเล่นโทรศัพท์รอที่ข้างสนาม” ต้นน้ำตอบกลับไปเป็นเชิงล้ออีกฝ่าย

“ตามติด.... ไม่ถึงขนาดนั้นเสียหน่อย!” เฟรมเถียงกลับแบบติดตลก

ไอซ์ที่ได้ยินพี่ชายตัวเองตอบแบบนั้นได้แต่หลบหน้ากรอกตา

“ว่าแต่พวกมึงจะอู้อะไรให้อายเด็กวะ ลงสนามได้แล้ว ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วนะ กูยังอยากได้แชมป์ปิดท้าย” เหตุเพราะปีสี่มักจะโดนห้ามไม่ให้ลงแข่งเพราะเวลาซ้อมน้อยลงแล้ว งานของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นั้นใครๆก็รู้ว่าโปรเจ็คจบมันโหดร้ายขนาดไหน เฟรมจึงอยากทิ้งชื่อไว้ว่าช่วงที่เขาอยู่ในทีมช่วยให้ทีมชนะเลิศสามปีซ้อน

“เฮ้ยๆ กูบอกแล้วไงว่าวันนี้กูงด กูมีนัด” ในขณะที่ไอซ์พยักหน้าและเตรียมตัวลงสนาม แต่ต้นน้ำกลับปฏิเสธเสียงดัง

“อ้าว! ก็กูเห็นมึงเสนอหน้ามาที่สนามก็นึกว่ามึงเปลี่ยนใจแล้ว!!” เฟรมสวน

“อย่าให้กูพูดเลยครับคุณเพื่อน อยู่ๆ เงินก็ลอยหายวั่บไป หนังก็ไม่ได้ดู สาวก็ทิ้ง.... กูไม่มีที่ไปเลยเดินมานั่งแง่กอยู่กับผู้ชายเหม็นเหงื่ออย่างพวกมึงไง” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจแรงๆหลายรอบจนลมพัดผมหน้าม้าของเฟรมไหวไปมา

“เออๆ ช่างแม่ม! หากมึงไม่ใช่ฝีมือดีอยู่แล้วกูให้ยืมรองเท้าสำรอง ชุดสำรอง และลากลงมาซ้อมด้วยแล้ว!! อยากนั่งก็แล้วแต่มึงเลย พวกกูไปแล้ว!!” เฟรมพูดจบก็ลากน้องชายฝาแฝดตัวเองลงสนาม

“อ้าว! เชี้ยแล้ว” ต้นน้ำทำท่าทางลังเลเล็กน้อยหลังเฟรมพูดจบประโยค การที่คนไฮเปอร์อย่างเขาจะมานั่งคนเดียวแบบนี้มันก็ใช่ที่ ก่อนที่เพื่อนฝาแฝดทั้งจะลงถึงสนาม เขารีบกระโดดลงไปคว้าคอไอ้เฟรมและขอยืมชุดสำรองทันที

............


เป็นธรรมเนียมของทุกครั้งหลังซ้อมบาสเกตบอลจบลง ทุกคนในทีมจะไปจบลงที่ร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง วันนี้ทุกคนจึงตกลงไปที่ร้านคาเฟ่กึ่งร้านอาหารสไตล์บ้านสวน บรรยากาศดีแถวบ้านของต้นน้ำ ต้นน้ำพยายามคัดค้านเพราะเวลาไปกับพวกคนในทีมมีแต่ความวุ่นวาย เอะอะเสียงดัง จะไปทำลายบรรยากาศดีๆของร้านเสียเปล่าๆ แต่ไอ้พวกคนในทีมไม่ฟังการทัดทานของต้นน้ำใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นที่รู้กันว่าช่วงนี้ของทุกวัน ร้านนั้นจะมีแต่สาวๆ สวยๆ ไปนั่งชิลอยู่

“อย่ามากั๊กไอ้ต้นน้ำ กูรู้ว่ามึงไปบ่อย จะเก็บไว้กินคนเดียวใช่ไหม? สาวๆพวกนั้น” ไอ้กล้า หนึ่งในสมาชิกของทีมที่มีความเจ้าชู้ คารมดีที่สุดคนหนึ่งของทีม หรือชื่อเต็มๆ ของมันต้นกล้า ที่ไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อยเหมือนชื่อของมัน มันคือไม่ได้สูงที่สุดในทีมแต่มันเป็นคนที่กล้ามหนาที่สุดในทีมต่างหาก (ไม่รู้ว่ามันจะเล่นกล้ามให้ตัวใหญ่ขนาดนั้นไปเพื่ออะไร โค้ชด่ามันประจำแต่มันก็ไม่สนใจ)

“ก็กูรู้จักพี่เจ้าของร้านโว้ย กูกลัวพวกมึงไปทำลายบรรยากาศร้านพี่เขา สัด!!” ต้นน้ำสวนและพยายามหนีจากมือของไอ้ต้นกล้าที่พยายามจะมาขยี้หัวของเขา

“กูล่ะเบื่อผัวเมียคู่นี้จริงๆ จู๋จี๋กันอีกแล้ว ไอ้สองต้น” ไอซ์ที่มักจะคอยแซวเขาเรื่องนี้ประจำเดินมาเห็นพอดี

“ผัวเมีย พ่อง!!” ต้นน้ำด่ากลับทันที เขายอมรับว่าสนิทกับต้นกล้ามากจนใครๆมักเข้าใจผิด ด้วยความที่เข้าทีมมาพร้อมกัน ชื่อเล่นคล้ายกัน นิสัยใกล้เคียงกันจึงสนิทกันได้เร็ว

“กูขอเป็นผัวได้ป่ะ?” ต้นกล้าเดินเข้ามากอดคอใกล้ชิด

“ไอ้สัด!! กูไม่ขำ!!” ต้นน้ำแหว่งแขนล่ำๆของต้นกล้าทิ้งไปข้างลำตัวเจ้าของเช่นเดิม

“อย่าอายสิวะ ฮ่าฮ่าๆ” ไอซ์แซวเสียงดัง ซึ่งทำให้คนทั้งทีมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงส่งเสียงหัวเราะครืน

“ให้กูเอาเท้าลูบปากมึงหน่อยเหอะ! มุกแบบนี้กูไม่ขำ!! อยู่ในร้านนั้นห้ามเล่มมุกนี้ด้วย ไม่งั้นกูตัดเพื่อน!!” ต้นน้ำสบถพลางชี้หน้าไอซ์จริงจัง

“เชี้ย! แม่งเอาจริงว่ะ วันนี้ไม่ตบมุกกับพวกกูด้วย นี่มีงกลัวเสียภาพลักษณ์กับสาวๆ ขนาดนั่นหรือวะ?” ต้นกล้ายิ้มอย่างมีเลศนัย

“หรือมึงจะลอง!!” ต้นน้ำขู่

“เออๆ กูยอม เป็นผัวก็ต่องเคารพเมียสินะ” ต้นน้ำส่ายหย้าผายมือเป็นเชิงยอมแพ้

“ไอ้สัด!!” ต้นน้ำกำหมัดอย่าเหลืออด พร้อมที่จะเดินไปปะทะกับเพื่อน ปากเสียตรงหน้า

“พวกมึงช่วยสำรวมได้ไหมวะ!! จะถึงร้านแล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้แดกเหมือนคราวที่แล้วอีก!!” เฟรมที่เป็นกัปตันทีมเปล่งเสียงเข้มเพื่อห้ามทัพ แม้เขารู้ว่าพวกนี้มันก็แค่ทะเลาะกันตามประสาเด็กผู้ชาย ที่พักเดียวมันก็หายโกรธ เพราะแค่ระหว่างเดินจากลานจอดรถมาร้านอาหารแค่นี้ก็ทะเลาะกันได้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว เดี๋ยวต่อยตีเดี๋ยวดีกันของคู่นี้กลายเป็นกิจวัตรจนชินตา และที่เฟรมบอกให้พวกมันหยุดเพราะครั้งล่าสุดก็ต่อยตีกันร้านอาหารร้านหนึ่งพังไปแถบหนึ่งจนโดนแบนไม่ให้เข้าร้านอีกต่อไป เฟรมกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเลยรีบห้าม

ทั้งสองทำปากสบถใส่กันแต่ก็ยอมแยกย้ายแต่โดยดี ไอ้ต้นกล้าแม้ว่ามันจะห้าวเป้งแค่ไหน แต่คนเดียวที่มันยอมสยบและไม่มีปากเสียงด้วยเด็ดขาดคือ ‘ไอ้เฟรม’ โดยที่ทุกคนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร?

ในที่สุดทั้งกลุ่มนักกีฬาก็เดินมาถึงร้านที่บรรยากาศดีที่สุดร้านหนึ่งในตัวจังหวัด ร้านคาเฟ่กึ่งอาหารร้านนี้ปลูกสร้างด้วยสไตล์มินิมอลลิตส์ เรียบง่าย ประดับตกแต่งไฟสไตล์เรทโทรสีส้มนวลทั้งร้าน มีอีกทั้งมีโซนเอ้าท์ดอร์ ที่ได้ชื่นชมบรรยากาศสวนธรรมชาติรอบร้านอย่างลงตัว ที่นี่มีตั้งแต่ อาหารกินจริงจังจนอาหารกินเล่น ชากาแฟครอบจักรวาล

ทั้งทีมที่เคยมาแล้วสองสามครั้งก็ยังอดทึ่งในความสวยลงตัวของร้านไม่ได้ แต่ละเดือนร้านจะปรับเปลี่ยนแนวโทนการแต่งร้านเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็อดชื่นชมความเอาใจใส่เจ้าของร้านไม่ได้

“สวัสดีครับพี่จินไห่” ต้นน้ำไหว้คนที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าร้านอย่างสุภาพนอบน้อม จนคนทั้งทีมอดที่กรอกตากับกิริยาที่หาได้ยากแบบนี้ไม่ได้

“อ้าว! ต้นน้ำสวัสดี มากินข้าวกับเพื่อนเหรอ? โอเคๆ มาเลยๆ เดี๋ยวพี่ให้ลูกน้องจัดเตรียมให้ วันนี้ค่อนข้างแน่นแต่พี่หาให้ได้!!”  เจ้าของร้านคนหล่อยิ้มสวยต้อนรับขับสู้อย่างสนิทสนม

ทุกคนในทีมเดินเข้ามาในร้านท่าทีเริงรื่นกับอาหารตาภายในร้าน ที่เต็มไปด้วยสาวน้อยสาวใหญ่หน้าตาดี ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าสามในสี่ส่วน

ส่วนเหตุผลที่ร้านนี้จำนวนลูกค้าแน่นขนัดขนาดนี้ ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด มันมาจากเจ้าของร้านลูกครึ่งใต้หวั่นหน้าตาดี หุ่นแน่นน่าขย้ำอย่างคุณจินไห่นั่นเอง

เขาไม่ใช่มีดีแต่หน้าตานะ แถมยังเป็นนักดนตรีที่มีฝีมือโดดเด่นอีกด้วย

ยิ่งช่วงสามทุ่มก่อนร้านจะปิด เจ้าของร้านหน้าหยกจะมาบรรเลงดนตรีสดให้กับลูกค้าทุกคนเป็นการขอบคุณด้วย อันนี้ถือเป็นไฮไลต์สำหรับสาวๆ ทุกคนเลย เพราะคุณจินไห่สามารถเล่นดนตรีได้เกือบทุกชนิด แต่ละวันก็จะเล่นไม่ซ้ำกันเลย เขาจะเล่นประมาณเกือบชั่วโมงให้คนฟังฟินกันยาวๆ แบบไม่มีหยุดพัก

ลีลาการเล่นดนตรีที่ถึงอารมณ์ และความรู้สึกของเพลงทำให้สาวหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเหงื่อผุดพลายเวลาที่เขาเล่นด้วย สะท้อนกับแสงไฟสีส้มภายในร้านมันช่างเป็นภาพที่เหมือนจิตกรชื่อดังลงพู่กันอย่างตั้งใจ หลายคนมาเพื่อสิ่งนี้มากกว่าอาหารที่เสริฟเสียอีก (แม้ว่าอาหารจะอร่อยมากก็ตาม)

อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายมองการแสดงของจินไห่เองก็มีเสียอาการด้วยเช่นกัน เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ไว้ผมยาวได้น่ามองมาก เรียกว่าสวยก็ไม่ผิด

ต้นน้ำเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชายเหล่านั้นที่เสียอาการทุกครั้งที่ดูการแสดงของพี่จินไห่ พี่ชายที่มีพื้นที่บ้านติดกับหลังบ้านของเขา ผู้ชายที่ทำให้เขาสงสัยในรสนิยมตัวเองเสมอ

เสร็จสิ้นอาหารมื้อค่ำที่แสนสนุก ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้นน้ำคาดการณ์ไว้ บรรดาผองเพื่อนในทีมของเขาไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง จากมื้ออาหารค่ำที่กินร่วมกันหลังซ้อม กลายเป็นปาร์ตี้ย่อมๆ จนในที่สุดกลายเป็นงานบันเทิงเต็มรูปแบบ หลังจากที่ของเหลวสีอำพันรสฉุนถูกฉีดเข้ากระแสเลือด ทุกอย่างก็เละเทะอย่างเคย จนทุกคนที่อยู่โต๊ะข้างเคียงต้องย้ายหนี

ต้นน้ำเป็นเพียงคนเดียวที่ยังรักษาสติอยู่ได้ เพราะด้วยความที่เกรงใจพี่จินไห่จึงได้แต่ทำหน้าที่ห้ามปรามเพื่อนๆ ไม่ให้เลยเถิดจนเหนื่อยยิ่งกว่าซ้อมกีฬา

หลังจากทยอยเตะไอ้พวกคออ่อน เมาแล้วเลื้อยไปเรื่อยให้กลับบ้านไปทีละคนจนหมด เขาถึงได้แต่สบถกับตัวเองเสียงดังถึงไอ้พวกเพื่อนเฮงซวยทั้งหลายที่สร้างภาระให้กับเขา แต่ในทางกลับกันหากไม่ใช่ว่าเป็นที่นี่แล้วล่ะก็ เขาเองก็คงไม่ต่างจากพวกมัน ที่รุ่งเช้าอาจจะไปอยู่บ้านเพื่อนในทีมคนใดคนหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว

เหตุผลที่เขาเกรงใจพี่จินไห่มากๆ น่ะหรือ? เพราะพี่จินไห่เป็นคนโปรดของแม่น่ะสิ ตั้งแต่พี่จินไห่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านที่นี่ซึ่งมีพื้นที่ติดกับบ้านของเขา หลังจากที่พี่จินไห่เข้าทักทายและขอโทษเรื่องที่เขาเข้ามาบุกรุกที่ดินในสวนหลังบ้านผม แม่ผมก็ปลื้มเขาจนแทบอยากจะพาเข้าบ้านมาดูแลเสียเอง เอ็นดูพี่เขามากกว่าต้นน้ำมี่เป็นลูกเสียอีก จนบางทีถึงกับออกปากเตือนแม่ว่า ไม่ได้อยากได้พ่อเลี้ยงหนุ่มขนาดนั้น

‘ฉันแค่เอ็นดูยะ!’ แม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมีโทสะทุกครั้งที่ต้นน้ำพูดกับแม่ของเขาลักษณะแบบนี้

(พี่จินไห่บอกเขาชอบต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน ไม่รู้ว่าชอบเพราะอะไร เพราะผมมองต้นไม้ต้นนี้มันน่ากลัวจะตาย ต้นไม้ต้นใหญ่ดูเก่าแก่หลังบ้านต้นนี้ มันดูมืดสลัวและบรรยากาศอืมครึมตลอดเวลา ไหนจะบรรดาของเซ่นไหว้เหล่านั้นอีก)

“มายืนบ่นอะไรตรงนี้!!” พี่จินไห่เจ้าของเสียงเสน่ห์พูดถึงที่ด้านหลังจนต้นน้ำต้องหันไปทางต้นเสียงทันที

“ครับๆ ป่าวครับ แต่เหนื่อย” ต้นน้ำบ่นอุบ

“ทีหลังก็สนุกกับเพื่อนๆไปก็ได้ พี่โอเค พี่ชอบนะ ร้านครึกครื้นดี” พี่จินไห่ยิ้มให้เห็นฟันเรียงตัวสวย

“ผมเกรงใจน่ะครับ เดี๋ยวแม่ผมรู้เข้าว่าผมมารบกวนพี่จินไห่ผมมีหวังโดนต่อว่าไปหลายวันจนหูชา” ต้นน้ำส่ายหน้า

“เรียกชื่อจีนพี่ให้ลำบากทำไม เรียกชื่อไทยก็ได้ พี่ไม่อยากให้ฟังดูเป็นคนต่างชาติน่ะ” จินไห่ยิ้มอย่างเขินๆ

“อรรณพน่ะนะครับ เรียกยากกว่าอีก” หลังจบคำของต้นน้ำ ที้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“อ้าว! งั้นเหรอ?” จินไห่หัวเราะไปด้วยพูดไปด้วย

“ก็ใช่น่ะสิครับ” ต้นน้ำยิ้มแบบขัดเขิน เวลาพี่จินไห่หัวเราะนี่ยิ่งทำให้เขาใจสั่นแบบแปลกๆ  เขาต้องพยายามทำตัวให้ห่างจากพี่จินไห่มากกว่านี้แล้ว

“ผมไปก่อนนะ” ต้นน้ำรีบขอตัว

“เอ่อ..... ต้นน้ำ.... พี่มีเรื่องจะขอร้อง... คุยกับพี่ก่อนได้ไหม?” จินไห่มีสีหน้ากังวลขึ้นเล็กน้อย

“อ่า.... ได้ครับ” ด้วยความเกรงใจมารดาตนเองเลยปฏิเสธคนๆนี้ไม่ลง

จินไห่พาต้นน้ำเดินเข้าในสวนใกล้กับร้านอาหาร ที่จัดตกแต่งประดับประดาไปด้วยต้นไม้สวยงามและแสงไฟสีส้มอ่อนหลากหลายขนาด

“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” ต้นน้ำเปิดบทสนทนาก่อนขณะที่จินไห่มีอาการเดินวนกระสับกระส่าย

“เอ่อ.... พี่มีเรื่องจะขอร้อง คือ... ยังไงดี พี่จะเล่ายังไงดีนะ....” จินไห่มีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ทำท่าเหมือนจะมาขอผมเป็นแฟนอย่างนั้นแหละ” ต้นน้ำพูดติดตลกเพราะอาการของพี่บ้านข้างเคียงคนนี้ไม่ต่างจากสาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังจะสารภาพรักกับเขา คนมีประสบการณ์อย่างเขาถึงกับล้อเลียนท่าทางของอีกฝ่าย

”ก็เออนะสิ!!” จินไห่หลุดปากออกมาด้วยสีหน้ากังวล

“อะไรนะ?!?!” ต้นร้องเสียงหลง


………………………………
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2021 16:29:38 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 2

เรื่องที่อยากจะขอ


“อะไรนะ?!?!”

ต้นน้ำไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คนที่เนื้อหอมในหมู่หญิงสาวอย่างจินไห่ไม่น่าจะสนใจคบหาผู้ชาย

“เฮ้ยๆ ไม่ใช่ๆ อย่าเพิ่งเข้าใจ คือ แบบ... อยากให้มาเป็นแฟนหลอกๆ น่ะ ช่วยมาเป็นไม้กันหมาให้พี่หน่อย!” จินไห่เลิ่กลั่กถึงขนาดโบกไม้โบกมือในอากาศไปมา

“อืม..... ไม่เข้าใจ...... แต่ภาษาไทยพี่ดีขึ้นเยอะเลยนะ” ต้นน้ำมีสีหน้างุนงงปนตกใจ แต่ก็ชื่นชมสำนวนการพูดเปรียบเปรยของอีกฝ่ายไม่ได้ หากเป็นเมื่อเกือบสองปีก่อน ขนาดพูดให้ชัดยังยาก

“ขอบใจ เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวพี่อธิบายเพิ่มนะ คือ.... แฟนเก่า ที่เลิกกันมาหลายปีแล้ว จะมาเที่ยวที่นี่น่ะ คือ.... จะมาขอค้างที่บ้านด้วย พี่ไม่อยากให้ตัวเองกลับไป.....” จินไห่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักเวลาเล่าถึงเรื่องนี้

“กลัวถ่านไฟเก่ามันคุ!?” ต้นน้ำต่อคำอมยิ้ม

“เออๆ นั่นแหละ มันจบไม่ดีเท่าไหร่ คือ....ซับซ้อนน่ะ พี่ไม่อยากใกล้ชิดเธอมากเกินไป กลัวจะเสียใจทีหลัง.....” จินไห่เล่าต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา

“ทำไมพี่ไม่ไปขอร้องบรรดาแฟนคลับพี่ล่ะ ผมว่าพวกหล่อนคงจะยินดีเลยล่ะ” ต้นน้ำเสนอความคิดอย่างหน้าชื่น

“อืม.... พี่มีเหตุผลของพี่ อีกอย่าง.... พี่ไม่อยากให้มันดูเป็นศึกชิงนายน่ะ ผู้หญิงตีกันมันไม่ดีใช่ไหม? เอาคนที่มีความรู้สึกดีกับเรามาร่วมแผนด้วยมัน แผนมันจะแตกง่ายน่ะสิ!” ประโยคนี้ทำให้ต้นน้ำต้องมองคนๆนี้ใหม่เสียแล้ว เป็นคนช่างวางแผนเสียจริง ละเอียดรอบคอบกว่าที่คิด

“แล้วมาคบกับผู้ชายนี่มันดีกว่ายังไง?!?” ต้นน้ำถามออกไปด้วยสีหน้ากวนบาทา

“มันแยบยลเด็ดขาดกว่านะ การที่พี่ประกาศกับเขาไปเลยว่าคบกับผู้ชายก็แปลว่าพี่เปลี่ยนรสนิยมแล้ว เธอจะได้เลิกหวังลมๆ แล้งๆ ไง” จินไห่เสริมให้ประโยคแรกดูมีเหตุผลขึ้นไปอีก

“อืม....... ผม.....แบบ..... มองภาพตัวเองแบบนั้นไม่ออกว่ะ” ต้นน้ำพยายามปฏิเสธ

“เฮ้ย! ไม่ต้องคิดมาก แบบธรรมชาตินี่ล่ะ แบบว่าเราก็สนิทกันอยู่แล้ว ก็แค่มาหาพี่บ่อยๆมาค้างบ้านพี่บ้าง ก็โอเคแล้ว ที่เหลือก็ improvise เอา” จินไห่เสริมเติม

“อิม... อิมอะไรนะ?!?” ต้นน้ำตามไม่ทัน

“Impr....... เออ! ช่างเหอะ ค่อยไปดูที่หน้างานเอา ผู้ชายคบกันมันไม่สวีทอะไรเยอะไม่ใช่เหรอ?” จินไห่ถอนหายใจกับอนาคตสถาปนิกหนุ่มที่อ่อนภาษาต่างประเทศอย่างมาก

“ผมจะรู้ได้ไง ผมไม่เคยคบกับผู้ชาย” ต้นน้ำคว่ำปาก
“ก็เหมือนในซีรี่ย์ไง! พี่ศึกษามาบ้าง” จินไห่โอ่

“ผมไม่เคยดู!!” ต้นน้ำสวนครับ

“แล้วจะช่วยพี่ไหมเนี่ย? ช่วยหน่อยสิ พี่หาใครไม่ได้แล้ว ต้นน้ำเคยมีแฟนมาตั้งหลายคน ไม่ยากหรอก!” จินไห่โน้มน้าวเต็มที่

“อืม.......” ต้นน้ำพยายามหาคำปฏิเสธ แต่พอเห็นหน้าที่ดูเดือดร้อนตรงหน้าก็พูดไม่ออก

“น่านะ!! ช่วยพี่หน่อย!!” จินไห่ใช้สองมือเขย่าแขนทั้งสองข้างของต้นน้ำเบา ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น หัวใจเจ้ากรรมของต้นน้ำก็ดันเต้นระรัวไม่รู้จักเวลา เขายอมรับว่าภาพตรงหน้ามันน่ารักไม่น้อย ผู้ชายที่ตัวสูงพอๆกับเขากลับทำตัวเหมือนสูง 160 เซ็นติเมตร

“แล้วผมจะได้อะไร?” ต้นน้ำพยามหลบหน้าที่เริ่มขึ้นของตนเอง

“จ้างเลยก็ได้ วันละ1,000 บาท” จินไห่ยิ้มอย่างมีความหวัง

“ข้าวอีกวันละมื้อ!!” ต้นน้ำยิ้มอย่างลิงโลดเพราะช่วงนี้ยอมรับว่าเงินขาดมือเพราะเปย์สาวไปเยอะ ช้อตทุกเดือน ไม่รู้ติดหนี้ไอ้ไอซ์ไปกี่บาทแล้ว( น่าจะเกือบหมื่น) เรียนสถาปัตย์ก็ใช้เงินเยอะนะ แต่งานเปย์สาวมันก็จำเป็น

“กินร้านพี่ฟรีเลยทุกมื้อ!!” จินไห่เอาของอร่อยเข้าล่อ

“ต้องห้ามให้แม่ผมรู้!!”

“ได้!!”

“กี่วัน?”

“หนึ่งเดือน”

“ห้าาาาา!!!!”


..................


“แม่งเอ้ยยยย!!”
ต้นน้ำสบถออกมาหลังจากทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนักมาพักใหญ่

“เป็นเชี้ยอะไร!!” ไอซ์แฝดผู้น้องหนึ่งในเพื่อนสนิทของต้นน้ำเดินมาลูบที่ท้ายทอยต้นน้ำอย่างรุนแรง

“ก็เรื่องที่กูเล่าให้ฟังเมื่อวานนั่นแหละ!!” ต้นน้ำเล่าทุกเรื่องให้ไอซ์ฟังเกือบจะทุกเรื่องเพราะเป็นที่สนิทที่สุดในกลุ่ม และเป็นคนที่รับฟังเขามากที่สุดในกลุ่มเช่นกัน

“คิดมาก!! แค่เดือนเดียว เป็นกูนะ จะสามเดือนกูก็โอเค พี่ไห่นี่แบบที่กูชอบเลยนะ ถ้าเขามาขอกูนะ กูจะไปนอนด้วยทุกคืนเลย แค่กอดกูก็เอา!” ไอซ์ทำท่าเคลิ้มภายใต้เหงื่อที่ไหลเป็นน้ำฝน

“มึงก็พูดได้สิ!!” ต้นน้ำค้อนใส่ไอซ์

“แล้วเรื่องแค่นี้ก็ไม่ควรมาแอบอู้นะ! เห็นไหมเนี่ยเพื่อนๆ เขาซ้อมกันจะเป็นจะตาย!!” ไอซ์ใช้ฝ่ามือลูบศรีษะต้นน้ำอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น

“โอ้ย!! ไอ้สัด เจ็บนะ กูขอทำใจก่อนได้ไหม? เชี้ย! จริงสิ มึงมาเปลี่ยนตัวกับกู!!” ต้นน้ำดึงชายเสื้ออีกฝ่าย

“มึงนี่!! คิดหน่อยเพื่อน คิด!!”

“คิดเชี้ยอะไร!! กูเป็นผู้ชายนะ จะให้แสดงเป็นแฟนกับผู้ชายเนี่ยนะ!!”

“นั่นแหละ! กูถึงบอกให้มึงคิดไง!! เพราะมึงเป็นผู้ชายนี่แหละ พี่เขาถึงจะให้มึงไปแสดงเป็นแฟนเขาไง พี่เขาก็บอกเองว่า ไม่อย่างให้ความหวังกับใคร ยังไงมึงก็ไม่สนใจพี่เขาอยู่แล้วไง!!”

“..........” ต้นน้ำกลับไปทำสีหน้าครุ่นคิดอีกรอบ

“เป็นตัวของตัวเองไปเหอะ ยังไงมึงก็รู้จักพี่เขาดี ก็แค่ทำตามปกติ แค่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็น่าจะพอนะ อยากไปพยายามมันจะดูเฟค!!” ไอซ์ให้กำลังใจเพื่อนพร้อมตบบ่า

“แล้ววันนี้กูต้องไปเจอแฟนพี่เขาด้วยแล้วไง ตื่นเต้นฉิบหาย กูจะทำแผนพี่เขาแตกไหมวะ?” ต้นน้ำมีสีหน้ากังวลแทนที่

“วันนี้!! ไหนมึงบอกสัปดาห์หน้า!!” ไอซ์มีสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก

“นางบอกว่ามาเซอร์ไพรส์....” นางคือสัพนามที่รู้กันดีแทนแฟนเก่าพี่จินไห่

“เชี้ย!! กูติวให้มึงไม่ทันแล้วแน่ๆ!!” ไอซ์กุมขมับ

“นั่นแหละที่กูกังวล” สีหน้าต้นน้ำตอนนี้เหมือนจะร้องไห้

“งั้นกูขอไปลาโค้ชแปปนะ เดี๋ยวกูมาคุยด้วย!!” พูดจบไอซ์ก็เดินหายไป

................

การฝึกมีแฟนผู้ชายแบบครึ่งๆ กลางๆ จากเพื่อนสนิท ไม่ได้ทำให้ต้นน้ำสบายใจขึ้นมาเท่าไหร่ แค่ให้นึกภาพตัวเองหอมแก้ม จับมือผู้ชายตัวเขื่องอย่างพี่จินไห่ก็นึกถาพไม่ออกแล้ว

เขามักกังวลกับเรื่องวิธีปฏิบัติกับฝ่ายตรงข้ามในฐานะแฟน เขาต้องปฏิบัติแนวไหน เขาไม่ทีทางทำท่าทางเป็นเมียพี่จินไห่แน่นอน เพราะที่ผ่านมาเขาทำหน้าที่เสมือนสามีที่ดีเสมอกับคนที่เขาคบด้วยทุกคน

‘ไอ้โง่!! มึงอย่าเอาบรรทัดฐานโบราณแบบนั้นมาเทียบกับความสัมพันธ์สมัยใหม่สิวะ!! อย่าเอาเรื่องบนเตียงมาวัดเรื่องของการที่คนสองคนดูแลและแสดงออกต่อกัน!!’ เสียงของไอ้ไอซ์ยังดังก้องในหัว เพราะมันเล่นพูดเสียหลายรอบที่ผมทำหน้าตาแปลกๆใส่มัน

“เชี้ยเอ้ย! เอาไง เอากัน!!” ต้นน้ำพูดกับตัวเองที่หน้าร้านอาหารกึ่งคาเฟ่

ต้นน้ำเดินก้าวเท้าเข้าร้านแบบสั่นๆ เขารู้ว่าเท้ามันเบาหวิว พื้นมันโคลงเคลง หัวใจสั่นระรัว เขาเกลียดการเล่นละคร เขารู้เพราะด้วยหน้าตาของเขาเป็นธรรมดาที่จะมีรุ่นพี่ชวนไปเล่นละครเวทีของมหาวิทยาลัย เขากล้าแสดงออกนะ เรื่องการพูดหน้าชั้นเรียนนี่ถือเป็นง่ายสำหรับเขา แต่การแสดงละครมันต่างกัน เขาแสดงออกในสิ่งที่เขาไม่เชื่อ หรือไม่จริงมันยากมาก สุดท้ายก็ต้องลาออกเพราะทนเห็นตัวเองเป็นพระเอกหุ่นกระบอกไม่ไหว

“อ้าว!! น้องต้นน้ำ คุณไห่รออยู่ในบ้าน เห็นว่ามีแขกด้วยนะ โคตรสวย!!” พี่โอบผู้จัดการร้านพูดกับต้นน้ำทันทีที่เจอหน้าเขา

ต้นน้ำทำได้แค่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกกระตือรือร้นในการเจอคนสวย

............

“ขอโทษนะครับพี่ คือผมติดซ้อมบาสฯ น่ะโค้ชไม่ปล่อยพวกผมเสียที” ต้นน้ำมาช้ากว่าเวลานัดมากเลยพยายามหาข้อแก้ตัวที่คิดว่าดีที่สุดขณะที่เปิดประตูบ้านเพื่อไปที่ห้องรับแขก เขาพยายามตะโกนแบบไม่ต้องเกรงใจ เหมือนเขาทำเป็นปกติ ทำตัวเหมือนเป็นแฟนของพี่จินไห่ ตี๋หล่ออินเตอร์ที่ถือว่าเป็นสามีของจังหวัด

“อ้าว! พี่ก็นึกว่าเราจะทิ้งพี่เสียแล้ว” จินไห่เดินมาจากห้องรับแขกไม่ไกลและจ้องอีกฝ่ายอย่างอาฆาตวาบหนึ่งก่อนเดินเข้ามากอดคอและยิ้มอย่างชื่นมื่น

‘โห..... สุดยอด แสดงละครเก่งไม่เบา’ ต้นน้ำคิดพลางเดินตามการลากจูงของอีกฝ่าย

“นี่ไง! คนที่พี่เล่าให้ฟัง!” จินไห่กล่าวแนะนำพลางกระชับวงแขนให้อีกฝ่ายเข้าใกล้เขามากขึ้น จนต้นน้ำอดที่จะชักสีหน้าไม่ได้ ตั้งแต่รู้จักกันมา ครั้งนี้ถือว่าเขาได้ใกล้ชิดพี่จินไห่มากที่สุด

ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของสาวสวยผมยาวมัดทรงหางม้าจนส่งกระแสแห่งความสงสัยมาถึงผู้ชายทั้งสองคน

“พี่เนี่ย! พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้พี่แสดงความรักต่อหน้าคนอื่น!” ต้นน้ำพูดจบก็เลื่อนศอกไปปะทะกับซี่โครงอีกฝ่ายอย่างจังจนจินไห่อดที่จะร้องโอยด้วยความเจ็บปวดไม่ได้

สีหน้าของสาวเจ้าคลายความสงสัยลงไปเล็กน้อย
“เออๆ พี่ขอโทษ จริงสิ! พี่ลืมไปเลย พี่คนสวยคนนี้คือ เสี่ยวหยู๋ ...”

“เป็นแฟนเก่า!!” เสี่ยวหยู๋คนสวยโพล่งออกมาเสียงดังตัดกับเสียงแนะนำตัวของจินไห่ซึ่งก็ทำให้จินไห่มีสีหน้าตกใจไม่น้อย

“แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” จินไห่รีบเสริมทันที

“ก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนแล้วนี่ อยากเป็นเหมือนเดิมมากกว่า” เสี่ยวหยู๋บ่นพึมพำ

“อะไรนะครับ” ต้นน้ำแม้จะพอจับใจความได้บ้างแต่ก็ถามกลับไปตามการตอบสนองปกติ

“ไม่มีอะไรคะ พี่ก็พึมพำไปเรื่อย.... ว่าแต่... ไม่เหมือนที่จินไห่เล่าให้ฟังเลยเนอะ ไหนว่า น้องเขาเข้ามาจีบก่อนไง รุกหนักเลยต้องยอมแพ้....” สายตาสงสัยจ้องมองมาอีกรอบ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า... พี่เขาบอกแบบนั้นเหรอครับ....” ต้นน้ำหัวเรากลบเกลื่อน

“พี่จินไห่เนี่ย ผมก็บอกพี่อยู่ว่าผมไม่ชอบเล่าเรื่องนี้ให้คนที่ผมไม่สนิทฟัง ผมอาย...” ต้นน้ำหันไปยิ้มเย็นๆใส่จินไห่ ที่ยิ้มตอบกลับมาไม่ต่างกัน

“แหมๆ พี่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล พี่ต้องอยู่อีกตั้งสองเดือน เดี๋ยวเราก็สนิทกันแล้ว ไม่ต้องเขินพี่หรอก!” เสี่ยวหยู๋ยิ้มหวานตอบกลับมา

“สองเดือน!!” ต้นน้ำหันไปทางสวยสายผมหางม้าและรีบหันไปหาจินไห่อย่างตัองการคำอธิบาย

“เอ่อ... พี่ก็เพิ่งรู้...” จินไห่ตอบเสียงสั่น

“เอาน่าๆ พี่สาวคนนี้ใจกว้างพอ ไม่มาแย่งคืนหรอกน่า ไม่ต่องรีบหึง” สาวเจ้ายิ้มเจ้าเล่ห์มาทางต้นน้ำ และพูดต่อเบาๆว่า “แต่อย่าเผลอนะ”

‘เชี้ยแล้วไง พี่จินไห่เจอของจริงแล้วไงล่ะ!!’ ต้นน้ำคิดในใจ เขาจะไปต่อกรอะไรกับผู้หญิงที่ฉลาดและสวยคนนี้ได้

“เหนื่อยแล้ว ห้องนอนพี่ไห่ไปทางไหนน่ะ จะได้ไปเก็บข้าวของ” เสี่ยวหยู๋ยืดตัวบิดขี้เกียจ

“ หมายความว่าไง?” ต้นน้ำถามอย่างสงสัย

“ก็พี่น่ะกลัวผีจะตาย พี่ไห่ก็รู้จะให้พี่นอนคนเดียวในบ้านที่ไม่คุ้นเคยได้ยังไง?” เสียวหยู๋ทำเสียงออดอ้อน ทรวดทรงของเธอตอนยึดตัวตรง ทำให้ต้นน้ำยอมรับว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศไม่น้อย

“ต้นน้ำหึงพี่เหรอ?” เสี่ยวหยูหันมามองเขาด้วยหางตา

“ใครจะไป......!!!” ในใจของต้นน้ำตะโกนลั่น ‘ใครจะไปหึงไอ้ยักษ์ปักลั่นนั่น!!’ แต่เหมือนเขารู้ว่าไม่ควรจึงหยุดและยิ้มอย่างใจเย็น

“ไม่หึงหรอกครับ ผมเชื่อใจ” ต้นน้ำรีบตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็น

“ไม่ได้หรอก!!” จินไห่รีบพูดสวนขึ้นมา

“ทำไมล่ะ?!?” สาวเจ้าทำท่างอแง

“เตียงพี่เต็มแล้ว!!” จินไห่กล่าวเสียงเข้ม

“ไม่เข้าใจ!!” เสี่ยวหยู๋มีน้ำเสียงไม่พอใจ

“ก็เพราะเตียงพี่มีต้นน้ำนอนด้วยทุกคืน!! แล้วพี่ก็จัดห้องรับรองให้แล้วด้วย!!” จินไห่ตอบกลับทันควัน ส่วนต้นน้ำได้แต่แอบทำหน้าเหวออยู่ในใจ

‘เชี้ยแล้ว!! ไอ้พี่จินไห่ มึงช่วยปรึกษากูด้วยนะ!!’ ต้นน้ำสบถในใจอีกยาว

เสี่ยวหยู๋แม้จะทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินตามจินไห่ที่หิ้วกระเป๋าเดินทางเดินนำหน้าไป ตัดตัวเองไปจากบทสนทนาที่ดูท่าทางจะยืดเยื้อและอึดอัดเพื่อพาสาวเจ้าไปพักที่ห้องรับรองที่จัดเตรียมไว้ให้

........

“พี่บอกแม่เราให้แล้วนะ” จินไห่พูดขึ้นขณะถอนหายใจแบบโล่งอก เหมือนเพิ่งผ่านพ้นมรสุมลูกแรกไปได้

“ไอ้พี่จินไห่ มึงไม่เคยบอกน้องเลยนะว่าต้องมานอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน!!” ต้นน้ำโวยลั่น เพราะตอนนี้เขาถูกลากเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับหนุ่มตี๋อินเตอร์หุ่นลีน

“จะโวยวายทำไมวะก็ผู้ชายด้วยกัน พี่ขอร้องเถอะนะ นะ!” จินไห่ที่เพิ่งเคยได้ยินน้องบ้านติดกันอย่างต้นน้ำขึ้นกูมึงก็เข้าใจถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายทันที

ต้นน้ำพอฟังอีกฝ่ายผ่อนเสียงลงนุ่มก็ใจเย็นลงและมองสำรวจห้องจนทั่ว เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาบ้านนี้ และยิ่งห้องนอนไม่ต้องพูดถึง ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้เข้ามา เขาเคยแต่ได้ยินบรรดาเพื่อนผู้หญิงของเขาต่างใฝ่ฝันมโนไปว่าตนเองได้เข้ามาในห้องนี้ด้วยจินตนการต่างๆ นานา จนต้นน้ำเองก็อดเขนลุกไม่ได้ว่าจินตนาการของสาวน้อยเหล่านั้นก็น่ากลัวไม่แพ้ชายฉกรรณ์เลยทีเดียว

ภายในห้องประดับตกแต่งสไตล์มินิมอลลิตส์ เรียบง่าย แต่ก็ดูแพง ทุกอย่างเป็นโทนน้ำตาลอ่อน เตียงที่ออกแบบให้สูงกว่าพื้นไม้แบบโบราณไม่มาก ผ้าปูเตียงสีเอิร์ธโทน มีโต๊ะทำงาน ชั้นหนังสือ โคมไฟที่ถูกวางอย่างพอดีเหมาะเจาะไปหมดทุกมุม เป็นคนรสนิยมดีกว่าที่คิด

“ว่าไง? น่านอนใช่ไหม?” จินไห่พูดถึงทำลายบรรยากาศ

“น่านอ..... เอ้ย!! ไม่นะ ผมไม่นอนเตียงเดียวกับพี่นะ!!” ต้นน้ำรีบปฏิเสธ เขาค่อนข้างหวั่นไหวกับรูปลักษณ์ของจินไห่อยู่แล้ว เขายังไม่อยากทดสอบความรู้สึกตัวเองด้วยการเพิ่มการสัมผัสเข้าไปด้วย เขายังชอบผู้หญิงอยู่ เนื้อนุ่ม เนินหน้าอกขาวๆ ยังคงเร้าอารมณ์เขาอยู่ เขาพอใจกับความรู้สึกตรงนั้นดีอยู่แล้ว

“ขี้โวยวายจริง!! เบาๆ หน่อย บ้านพี่ผนังมันบางเดี๋ยวเสี่ยวหยู๋ก็ได้ยิน เสียแผนพอดี!!” จินไห่เดินเข้ามาใกล้และหรี่เสียงตัวเองลง แต่ดวงตาจ้องมาที่ต้นน้ำเขม็ง

“ งั้นผมกลับบ้าน ไหนๆ วันนี้แฟนเก่าพี่ก็น่าจะหลับแล้ว!” ต้นน้ำคว้ากระเป๋าที่วางไว้ก่อนหน้านี้เตรียมตัวใช้ทักษะวิ่งเร็วของเขา

“เดี๋ยวสิ!! ตอนเช้ามันก็ไม่เนียนน่ะสิ เอาอย่างนี้ พี่มีที่นอนสำรองในตู้ ต้นน้ำก็นอนข้างเตียงนี่ก็แล้วกัน!!” จินไห่ต่อรอง พร้อมคว้าจับอีกฝ่ายความเร็วที่เหนื่อว่า

“พี่เป็นเดอะแฟลชเรอะ เร็วโคตร!!” พูดจบเขาต้องรีบใช้มือที่ชุ่มเหงื่อแกะนิ้วมืออีกฝ่ายออกจากท่อนแขนตัวเอง เป็นมือที่ใหญ่และทรงพลังมาก

“เอาน่า พี่ขอ....” จินไห่ทำเสียงออดอ้อน

“...... แต่ผมไม่มีชุดเปลี่ยน พรุ่งผมมีเรียนแต่เช้า!!” ต้นน้ำมีท่าทางโอนอ่อนมากขึ้น

“พี่เตรียมไว้แล้ว นี่ไง!!” จิตไห่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีชุดนอนสีขาวพับไว้เรียบร้อยกองหนึ่ง

“ผมไม่ใช้ตัวเดียวกับพี่นะ!!” ต้นน้ำทำตัวเรื่องมาก เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ

“เออน่า นี่ของมึงคนเดียวเลย พี่ซื้อมานานแล้วไม่ได้ใส่ จะทำตัวเป็นแฟนกันมันก็ต้องเนียนหน่อยสิ!” จินไห่ยักคิ้วให้ ส่วนต้นน้ำก็เผลอใจสั่นกับผู้ชายตรงหน้าแบบไม่รู้ตัว

“ผม.... เอ่อ... แล้วผ้าเช็ดตัวล่ะ ผมจะอาบน้ำยังไง?” ต้นน้ำทำตัวเรื่องมากไปอีก

“เอ้านี่ และก็ได้เวลาไปอาบน้ำแล้ว ห้องน้ำอยู่ทางนั้น!” จินไห่โยนผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดให้ต้นน้ำพร้อมชี้ทางไปห้องน้ำให้ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

“เอ่อ....” ต้นน้ำยืนมองผ้าผืนน้อยที่ถูกโยนมาให้ด้วยท่าทีอึ้งๆ  ไม่ว่าเขาจะอิดออดยังไง อึกฝ่ายก็ไม่ย่อท้อจะให้เขาค้างให้ได้

“ยังไม่ไปอีก หรือต้องให้พี่อุ้มไป?” จินไห่ยิ้มกว้าง

“เฮ้ยๆ ไม่ต้อง ผมไปเองได้!!” ต้นน้ำรีบดีดตัวเองออกจากจุดเดิมไปที่ห้องน้ำทันที

พอหลังจากผลัดเสื้อผ้าเก่าออก และอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ต้นน้ำถึงเพิ่งได้สังเกตว่า ผ้าผืนน้อยที่เขาได้มานั้น มันผืนเล็กกว่าที่เขาคาดมาก พันรอบเอวได้หมิ่นเหม่ รัดจนติดผิวถึงจะรั้งไว้อยู่ ความยาวก็พอดีหัวเข่า ‘นี่มันอะไรกันวะ? แกล้งกันไหมเนี่ย?’ เขาคิดเมื่อมองสภาพตัวเองในกระจก

“พี่จินไห่.... หยิบเสื้อผ้าให้ผมหน่อย ผ้าผืนน้อยของพี่มันห่อผมแทบไม่มิด!!” ต้นน้ำแง้มประตูและพูดขอความช่วยเหลือ

“อายอะไรวะ ผู้ชายด้วยกัน” จินไห่ส่ายหน้า มองไปทางประตูห้องน้ำด้วยท่าทางขบขัน

“มันหนาว!!” ความจริงการแก้ผ้าอาบน้ำระหว่างเพื่อนนักกีฬาด้วยกันมันแสนจะเป็นเรื่องธรรมดาของต้นน้ำ แต่ไม่รู้ทำไมกับพี่จินไห่เขาถึงได้รู้สึกเขินขนาดนี้

“โอเคๆ พี่คงเปิดแอร์เลยเย็นเกินไปสินะ พี่ก็อยู่ตัวคนเดียวในห้องก็เลยติดนิสัย ไม่ค่อยใส่อะไรตอนทำธุระส่วนตัวน่ะ ผ้าเช็ดตัวก็เลยมีแบบประหยัดพื้นที่การเก็บ” จินไห่อธิบายยาวพร้อมกับหยิบชุดนอนยื่นให้อีกฝ่าย ต้นน้ำก็เปิดประตูอ้าออกมาเพื่อให้หยิบชุดนอนที่จินไห่ยื่นให้

“หุ่นก็ดี อายอะไรวะ?” จินไห่แซวอีกฝ่ายขณะมองเห็นเรือนร่างเปลือกอกและผ้าผืนน้อยที่รัดอยู่ช่วงร่างที่เน้นทรวดทรงชัดเจน

“โรคจิตป่าวเนี่ย!! แล้วอย่าบอกนะว่าแก้ผ้านอน!!” ต้นน้ำตะโกนออกจากห้องน้ำหลังจากรับเสื้อผ้าและปิดประตูปัง!!

จินไห่หัวเราะลั่นกับอาการไร้เดียงสาของคนที่ดูจะไม่ไร้เดียงสา

หลังจากที่ต้นน้ำออกมาจากห้องน้ำโดยแต่งตัวชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวที่เกือบจะโปร่งแสงออกมาเรียบร้อย จินไห่ก็ยกยิ้มมุมปากกับสิ่งที่เห็น และเดินสวนเข้าห้องน้ำไป

และแล้วก็เป็นไปตามเป็นไปตามคาด จินไห่ที่เข้าห้องน้ำตัวปลิวเดินออกมาด้วยการใช้ผ้าผืนน้อยที่แทบจะปิดบังส่วนสำคัญไม่ได้เดินออกมาทั้งใช้มือพยุงผ้ารั้งไว้ที่จุดใต้สะดือแค่นั้น

“เฮ้ย!!” ต้นน้ำที่นั่งเล่นโทรศัพท์เรื่อยเปื่อยตรงบริเวณที่นอนสำรองซึ่งจัดไว้ข้างเตียงใกล้ห้องน้ำ เขาเหลือบตาไปมองถึงกับร้องลั่น

“เออ โทษทีว่ะ พี่เคยชิน งั้นช่วยโยนชุดนอนบนเตียงให้พี่หน่อยสิ!!” จินไห่กล่าวด้วยท่าทีธรรมดามากๆ

“เอาไปเลย!!” ต้นน้ำรีบลุกไปคว้าชุดนอนที่พับเตรียมไว้บนเตียงและเหวี่ยงชุดนอนไปทางคนร้องขอที จินไห่ได้แต่หัวเราะท่าทีของอีกฝ่ายอย่างขบขันปนเอ็นดู ต้นน้ำไม่เข้าใจตนเองอีกเช่นเดิมว่า ปกติเขากับเพื่อนๆ ก็แทบจะเปลือยเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำในชมรม เขาก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย

‘เราไม่สนิทกันขนาดนั้นป่าววะ!! มันก็เลยแปลกๆ!’ เขาคิดขณะที่ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“เออ! แล้วพี่บอกแม่ผมยังไงเนี่ย ผมถึงมาค้างบ้านพี่ได้!!” ต้นน้ำรีบถามเรื่องที่ค้างคาใจ

“ก็แค่บอกว่ามีเรื่องให้ช่วย” จินไห่เดินออกมาด้วยเสื้อผ้าแบบเดียวกับเขา แต่ออร่ามันต่างกันมาก จินไห่เป็นคนที่ใส่อะไรก็ดูดีดูแพงไปหมด

“แค่เนี้ย!!” ต้นน้ำทำหน้าแปลกใจสุดๆ เพราะเขาเองการจะขอไปค้างบ้านเพื่อนมันยากยิ่งกว่าสร้างเขื่อน

“อืม” จินไห่ตอบสั้นๆ

“อะไรวะ?!?” ต้นน้ำบ่นพึมพำกับตนเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2021 13:23:55 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เนื้อเรื่องน่าสนใจ

แต่...

อ่านไปอ่านมา  งงกับตัวละคร

พีชกับแพรวนี่คนเดียวกันป่ะ?
นิ่มนี่สรุปเป็นดาวหรือเดือน?
ต้นน้ำต้นกล้าตอนคุยกัน  สับสนว่าประโยคนั้นใครพูดกันแน่?

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ขออภัยกับชื่อตัวละครนะครับ เพราะ มาเปลี่ยนเอาตอนโค้งสุดท้ายก่อนลง เลยเบลอๆ 55555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2020 10:33:05 โดย Shonennihon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 3

คืนแรก




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่ชายทั้งสองคน หมดเรื่องที่คุยกันและตั้งท่าจะนอน เสียงเคาะประตูที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ เพราะภายในบ้านนอกจากพวกเขาทั้งสองคนก็มีแต่อดีตแฟนสาวหุ่นอึ๋มของจินไห่เท่านั้น ดังนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากตัวต้นเหตุที่ให้ทั้งสองมาอยู่ห้องเดียวกันในคืนนี้

“รู้นะว่ายังไม่ได้นอน เมื่อสักครู่ยังได้ยินเสียงคุยกันอยู่เลย!!” เสียงจากภายนอกห้องดังขึ้นแทรกประตูเข้ามา จินไห่มีอาการหน้าซีดขึ้นทันทีเพราะไม่รู้ว่าคนนอกห้องจะได้ยินการสนทนาของเขาแค่ไหน

“น้องนอนไม่หลับน่ะ อยู่ต่างที่ต่างถิ่นจะให้ผู้หญิงตัวเล็กนอนอยู่ในที่ๆ ไม่คุ้นเคยได้อย่างไรล่ะ คืนนี้ขอไปนอนด้วยได้ไหมพี่ไห่?” เสียงหวานๆ ของสาวน้อยหน้าห้องดังแทรกเข้ามา ทำให้ชายทั้งสองเริ่มมีอาหารลนลาน

‘มานี่ มานอนบนเตียง!!’ จินไห่โบกไม้โบกมือเรียกอีกฝ่ายที่อยู่บนที่นอนสำรองพร้อมด้วยเสียงกระซิบอย่างร้อนรน

ต้นน้ำสบถด้วยรูปปาก ‘วอท เดอะ ฟัด!!’ ใส่คนบนเตียงแต่สุดท้ายก็ยอมพาตัวเองขึ้นไปบนเตียงแต่โดยดี ส่วนจินไห่รีบไปจัดการพับที่นอนสำรองอย่างลวกๆ และรีบโยนเข้าไปในตู้เสื้อผ้าด้วยความรวดเร็วเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่

“พี่ไห่! พี่ไห่! สงสารน้องหน่อย มาเปิดประตูให้เข้าไปหน่อยนะ คืนเดียวเอง!!” สาวเจ้าไม่ยอมแพ้พร้อมเคาะประตูห้องรัว

ต้นน้ำพาลคิดไปว่าผู้หญิงคนนี้โรคจิตไม่น้อย

“เดี๋ยวก่อน พี่ขอแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน!!” จินไห่ตะโกนไปพร้อมกับปลดกระดุมตัวเองออกหนึ่งเม็ดเผยให้เห็นแผงอกขาวแน่นได้รูป และใช้มือข้างหนึ่งปลดกระดุมต้นน้ำออกเช่นกันอย่างรวดเร็ว

‘เฮ้ย!!’ ต้นน้ำร้องอุทานระดับเสียงกระซิบด้วยความแปลกใจว่าไอ้คนที่ดูเรียบร้อยแบบนี้ทำไมมีสกิลการปลดกระดุมเสื้อคนอื่นเร็วปานนี้

‘เอาน่าจะได้เนียน’ จินไห่กระซิบกระซาบพร้อมขยิบตา

“จะอายอะไรคะพี่ เราก็เคยเห็นอะไรๆ กันหมดแล้ว” เสี่ยวหยู่พูดกรอกใส่ประตูด้วยน้ำเสียงที่ดูยั่วยวน

ต้นน้ำถึงกับกลืนน้ำลาย นี่สินะโลกของผู้ใหญ่ คนสวยที่โตแล้วพูดอะไรน่าอายแบบนี้ได้หน้าตาเฉย

“แต่พี่ไม่ได้อยู่คนเดียว!! เสี่ยวหยู๋คงเข้าใจนะ!!” จินไห่โต้กลับทันที

ต้นน้ำได้แต่ขมวดคิ้วใส่คนบนเตียงข้าง แต่นอกจากจินไห่จะไม่สะทกสะท้านแล้ว เขายังใช้มือยีหัวต้นน้ำให้ยุ่งเหยิง หลังจากนั้นก็ยีหัวตัวเองต่อ และเดินไปเปิดประตู

สิ่งที่เห็นหลังประตูที่เปิดแง้มออกคือ หญิงสาวหน้าใสที่แต่งชุดนอนที่ดูยั่วยวน บางเบาจนเกือบเห็นเรือนร่างที่อยู่ข้างใน

ต้นน้ำที่หันไปเห็นถึงกับดวงตาเบิกกว้าง น้องชายของเขารู้สึกคึกคักขึ้นมานิดหน่อย (ต้องโทษความสมบูรณ์แข็งแรงของตัวเอง)

“เธอใส่ชุดอะไรของเธอเนี่ย!!”  จินไห่ตกใจ

“ก็ชุดนอน” เสี่ยวหยู๋ใช้นิ้วมือหยิบจับเนื้อผ้า ลูบไล้ไปมาเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น ลายลูกไม้ภายในชุดนอนแบบเดรสยาวนั่นลอยเด่นขึ้นมา จนทำให้หัวใจเด็กหนุ่มอย่างต้นน้ำถึงกับสั่นระทึก สิ่งแรกที่เขานึกออกคือการดึงผ้าห่มผืนบางมาห่มปกปิดช่วงล่างที่คึกคักไม่รู้เวลา

จินไห่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“น้องไม่ได้มากวน.... ใช่ไหม?” การเน้นและเว้นวรรคของสาวเจ้าที่มีสายตาสำรวจหนุ่มทั้งสองด้วยแววตากึ่งเสียใจนั้นชวนให้น่าคิดมาก

“กวนสิ!!” จินไห่ตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นที่พาลให้เข้าใจผิด

“พี่จินไห่!!” ปฏิกิริยาอัตโนมัติของต้นน้ำเพื่อแก้ตัว

“จะอายทำไม! เป็นแฟนกันก็ต้องมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันมันปกติ!!” จินไห่หันไปหาต้นน้ำบนเตียงที่ทำท่าฉุนเฉียวกับคำพูดอีกฝ่าย แต่ก็ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร เพราะโดนเพื่อนสอนหลักสูตรเร่งรัดว่า

‘ไม่รู้อะไรอย่าเถียงให้มีพิรุธ เออๆ ออๆ ไม่อย่างนั้นแผนแตก!!’

ตอนนี้หน้าฝืนยืมยอมรับคำพูดอีกฝ่าย ทำให้จินไห่ได้แต่หัวเราะต้นน้ำในใจ

“ว้าย ใครเป็นบทบาทไหนบอกได้ไหม? ตื่นเต้นจัง แต่ให้เดานะ....” เสี่ยวหยู๋ถือโอกาสทีเผลอเดินฝ่าเข้ามาในห้องเพื่อมานั่งบนเตียงข้างต้นน้ำ

ต้นน้ำทำได้แค่สะดุ้ง ตัวเกร็งขยับถอยไปอีกทาง เพราะเนื้อนมไข่ ขาวนวลเข้าใกล้ให้เห็นมากกว่าเดิม ต้นน้ำตกใจจนไม่สามารถตอบอะไรได้

“ไม่ใช่เรื่องของเธอนะ มันเสียมารยาทนะ ต้นน้ำเขาไม่รู้จักเธอเสียหน่อย คงไม่สนิทใจพอที่จะพูดขนาดนั้น!!” จินไห่ดุอีกฝ่าย

“เดี๋ยวก็สนิทเนอะ?” เสี่ยวหยู๋หันมาทางต้นน้ำเพื่อขอความเห็น

“ไม่ต้องนอกเรื่อง ออกไป!! ยังไม่ได้อนุญาติเลยนะ!!” จินไห่เสียงเข้ม

“แหม..... เนี่ยน่า ให้เดา......พี่ว่า... พี่จินไห่ต้องรุกอยู่แล้ว เพราะสมัยเป็นแฟนกันเนี่ย พี่เขาสุดยอดเลย บางคืนนะแทบไม่ได้นอนเลย อึดอะไรขนาดนั้น พี่นี่แสบไปถึงมดลูกเลย!!” เสี่ยวหยู๋ไม่ได้สนใจคำดุของอดีตแฟนเลย หันไปเม้าส์มอยต่ออย่างจงใจ

“เสี่ยวหยู่!!” จินไห่ตวาด เพราะเขาเห็นหน้าต้นน้ำเหรอหรา ทำตัวไม่ถูกอยู่ ไม่ใช่เพราะคำพูดของสาวสวยข้างๆ แต่เป็นอาการที่สาวเจ้าขยับเข้ามาเกาะแขนและใช่สองเต้าทรงโตถูไปมากับต้นแขนต้นน้ำ

‘โวยยยยยย อดทนไว้ โว้ยยยยย’ ต้นน้ำสบถในใจ

“พี่ไห่น่ะ... หยู๋ขอนะแค่คืนเดียวเอง จะนอนอย่างเดียวไม่พูดแล้ว” เสี่ยวหยู่ทำท่าออดอ้อนและเค้นน้ำในตาให้คลอเกือบล้นออกมา

“เฮ้อ....... คืนเดียวนะ!!” จินไห่ผ่อนลมหายใจยาว เขาใจอ่อนกับภาพตรงหน้า เสี่ยวหยู๋รู้จุดอ่อนของเขา ‘น้ำตาผู้หญิง’ จินไห่ทำได้แค่เดินเข้ามาจัดเตรียมที่นอนให้เสี่ยวหยู่ และกำชับหนักแน่นว่าให้นอนเท่านั้น ห้าพูดห้ามคุย ห้ามรบกวนพวกเขาบนเตียงเด็ดขาด

เสี่ยวหยู๋รับปากหนักแน่น และพูดทิ้งท้ายออกมาว่า

“รักแฟนหวงแฟนเหลือเกินนะพี่ หยู๋ไม่คิดจะแอบเอายาฆ่าแมลงกรอกปากแฟนเด็กพี่เสียหน่อย”

น้ำเสียงเหมือนทีเล่นแต่สายตาที่มองมากลับตรงกันข้าม ทำให้ต้นน้ำแทบนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะกลัวตัวเองเป็นศพบนที่นอน

...................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ผู้หญิงอะไร  หน้าด้านจริง ๆ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 4

โอ้ย.....หัวใจ ทำงานหนักไปแล้ว



ต้นน้ำเดินกลับจากบ้านพี่จินไห่ไปบ้านตนเองด้วยท่าทางเร่งรีบ เพราะต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเรียนรอบเช้าที่มหาวิทยาลัย

ใจหนึ่งอยากหยุดนอนอยู่บ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่นึกถึงหน้าอาจารย์สุดโหดในคาบแรกแล้ว ต้นน้ำจึงต้องกล้ำกลืนกัดฟันไปเรียนทั้งที่ตาโบ๋ลึกเป็นนกฮูกแบบนี้

“อ้าว!! ไอ้ต้นน้ำ ทำไมมึงโทรมขนาดนี้วะ?” ไอ้เฟรม ไอ้เพื่อนแฝดผู้พี่ผู้ติดแฟนเหมือนติดยา ร้อยวันพันปีไม่เคยทักกัน วันนี้ดันทักกันเสียเสียงดัง
“ไอ้เชี้ยไอซ์!!” ผมเหล่มองแฝดผู้น้องที่หลบอยู่หลังพี่ชายมันอย่างอาฆาต

“โทษเพื่อน มันหลุดปาก ฮ่าฮ่าฮ่า....” ไอ้ไอซ์ยิ้มเจื่อนๆโผล่หน้ามาจากด้านหลัง นิสัยปากพล่อยของมันแก้ไม่หายจริง แต่ต้นน้ำก็คิดว่าผิดเองที่ไม่เคยจำ มีอะไรก็ปรึกษามันตลอด

ต้นน้ำแค่เห็นหน้ามันก็อยากจะใช้เท้าลูบหน้ามันทันที แต่ด้วยความที่มันเป็นกีฬาที่เก่งพอตัว การถีบมันให้โดนจึงเป็นเรื่องยากกับร่างกายที่อ่อนเพลียของเขา

ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะจับมันมาถามว่าพี่ชายมันรู้แค่ไหน?
"เออ กูรู้น่ากูบอกแค่ว่า พี่เขาเอามึงไปเป็นไม้กันหมาเฉยๆ แต่ไม่ได้บอกเรื่องที่มึงหลอกไปเป็นแฟนพี่เขาน่ะ และกูกำชับแล้วว่าอย่าไปบอกใคร!!" ไอ้ไอซ์พูดขึ้นขณะโดนคว้าคอเสื้อได้ ส่วนต้นน้ำก็โล่งใจมาเล็กน้อย เพราะถึงจะเป็นพี่น้องกัน ไอ้เฟรมเป็นคนที่เก็บความลับเก่งคนหนึ่ง

“นี่พี่มันถึงกับทำมึงไม่ได้นอนเลยเหรอ? ร้ายไม่เบาเลย” ไอ้เฟรมพูดขึ้นมาขณะที่ต้นน้ำหอบจากการวิ่งไล่ไอซ์ไปรอบๆ พื้นที่ใต้อาคารเรียน

เชี้ยแล้วไง ไอ้คนพูดไม่เก่งนี่ถึงเวลาพูดทีก็อยากเอาบาทาลูบปากมันไม้น่อยเหมือนกันสำหรับไอ้แฝดผู้พี่

“ที่เมื่อคืนกูแทบไม่ได้นอนเลย เพราะยัยแฟนเก่าของพี่เขาต่างหาก!” ต้นน้ำพักหายใจพักใหญ่ก่อนจะอธิบาย

“โห... นี่มึง.... อย่าบอกนะว่า..... แซนวิช!!” ไอ้ไอซ์ ไอ้คนปากหมาของคณะฯ หากมันไม่ได้หน้าตาดีและคารมเป็นเอก ป่านนี้คงกลายเป็นศพเพราะปากมันไปนานแล้ว

“อวัยวะเพศพ่อมึงสิ!! คิดแต่เรื่องต่ำๆ นะมึงเนี่ย!!” ต้นน้ำอาศัยทีเผลอ สบัดมือโบกกระโหลกมันไปเสียงดัง พั่บ!

“โอ้ย!! ก็มึงเล่าสองแง่สองง่ามเอง!!” ไอซ์ลูบศรีษะตัวเองเพราะความเจ็บ

“ก็เพราะสมองลามกของมึงไง ถึงได้คิดแบบนั้น!!” ต้นน้ำสวน

“ไอ้ต้นน้ำ แต่กูก็คิดนะมึง!!” ไอ้เฟรมยกมือสนับสนุน

“เออๆ กูผิดเองครับ งั้นกูขอเปิดการ์ดอธิบาย!” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจยาว โชคดีที่ไอ้ปากสุนัขอีกคนอย่างไอ้ต้นกล้าไม่มา ไม่อย่างนั้นได้ประสมโรงเห่าหอนเป็นหมู่คณะ หลังจากผ่อนลมหายใจใส่คณะตลกเพื่อนโป๊ะป๊ะตรงหน้า ต้นน้ำก็เริ่มเล่าทันที

เมื่อคืนหลังจากทุกอย่างสงบเนื่องจากพี่จินไห่ใช้เสียงเข้มข่มทุกคนให้นอนเพราะเขาง่วงมากแล้ว ต้นน้ำถูกพาตัวมานอนอีกฟากหนึ่งของเตียงคนละฟากกับหญิงสาวแฟนเก่าที่นอนอยู่บนที่นอนสำรองบนพื้น

แต่เนื่องจากคำพูดที่แสนน่ากลัวจากแฟนเก่าของคนที่มันนอนสบายใจหลับสนิทไปแล้ว ทำให้ต้นน้ำแทบจะนอนไม่หลับเพราะกลัวตื่นมาไม่สมประกอบหรือตัวเองกลายเป็นศพ ซ้ำร้าย ไอ้คนที่คนอยู่บนเตียงด้วยกันมันยังนอนดิ้นได้อย่างหน้ากลัว ทั้งพลิกตัวเข้ามาใกล้ เอามือเอื้อมมาทั้งก่ายทั้งกอด ลมหายใจที่ราดรดลงมาโดนใบหน้าของเขามันอุ่นชื้นไปหมด ไหนจะกลิ่นตัวหอมอ่อนๆ ของสบู่เหลวซึ่งก็น่าจะเป็นยี่ห้อเดียวกับที่เขาอาบ ทำไมมันหอมติดจมูกขนาดนี้

ต้นน้ำเคยได้ยินว่า คนที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนอื่นจะมีกลิ่นพิเศษที่เรียกว่าฟิโรโมนอยู่ มันกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศให้เพศตรงข้าม บางกรณีก็เพศเดียวกันด้วย พี่จินไห่มีเสน่ห์ดึงดูดคนทุกเพศ ดังนั้นพี่จินไห่จะมีไอ้ฟิโรโมนเยอะเนี่ยก็ไม่น่าจะแปลก ความรู้สึกของเขาในตอนนี้พิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะไม่รังเกียจแล้ว เขายังสบายใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของจินไห่ด้วย (ซึ่งในส่วนนี้เขาขอเก็บไว้ในใจไม่พูด พูดแต่เพียงว่ายิ่งใกล้ชิดแบบนี้เขายิ่งระแวงไอ้พี่จินไห่ ยิ่งนอนไม่หลับ ทั้งที่ความจริง เขากลัวตัวเองเผลอใจไปมากกว่านี้)

ด้วยความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน ทั้งเรียนและเล่นกีฬา ต้นน้ำที่เริ่มจะเคลิ้มหลับหลังจากที่พยายามผลักจินไห่พลิกตัวออกห่างได้สำเร็จ

ต้นน้ำคิดว่ามันคงจบแล้วแต่ก็เจอบางสิ่งคุกคามเวลานอนของเขาอีก เพราะในกลางดึกต้นน้ำก็ถูกสัมผัสลึกลับเข้ามาคุกคามมาจากอีกฟากของเตียง

ครั้งแรกที่ต้นน้ำรู้สึกตัว เขาคิดว่าตัวเองฝันไป สัมผัสเหมือนมือที่อ่อนนุ่มสอดแทรกเข้ามาใต้ผ้าห่ม ลูบไล้ไปตามต้นขาไล่ย้อนขึ้นมาจนถึงโคนขา สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเอว

มืออุ่นนุ่มนั้นได้หยุดนิ่งอยู่บริเวณขอบกางเกงผ้าฝ้าย ด้วยความที่ติดว่าตัวเองกำลังฝันจึงได้ปล่อยให้สัมผัสต่อมาเข้ามาคุกคามมากขึ้น เขารู้สึกถึงตัวตนของใครสักคนที่สัมผัสนุ่มเนียนแทรกตัวเข้ามานอนอยู่ขนานกับเขาอีกข้าง

ตอนนี้ต้นน้ำเริ่มรู้สึกแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะความอบอุ่นเนียนนุ่มจากผู้มาใหม่นั้นเริ่มบดเบียดร่างกายของตัวเองเข้ามามากขึ้น สัมผัสจากเงามืดปริศนานั้นค่อยๆ ลูบไล้ลงต่ำไปที่เป้ากางเกง

ต้นน้ำสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่กล้าตื่น เพราะเขารู้ว่าใครที่กำลังเคลื่อนไหวในความมืดอยู่ ‘หน้าอกโตขนาดนี้ คงจะเป็นแฟนเก่าสุดเซ็กซี่ของคนที่นอนอีกฟากหนึ่งแน่นอน’

ความคึกคักของวัยหนุ่มของต้นน้ำทำให้อะไรที่ถูกสาวสวยลูบไล้อยู่เริ่มขยายใหญ่ เขาสองจิตสองใจอยู่ว่าจะปลุกคนข้างให้มาช่วยหยุดพฤติกรรมแปลกนี้ หรือปล่อยเลยตามเลยดี เขาเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายวันแล้ว

พรึ่บ!!

เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก แสงไฟถูกเปิดจากโคมไฟข้างเตียง จินไห่ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง นิ่วหน้าด้วยอารมณ์ที่ทำให้อากาศในห้องร้อนขึ้นมาไม่รู้ตัว

“อธิบายมา!!” จินไห่เสียงเข้มและมองคนที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราด

“เอ่อ.......คือ...” ต้นน้ำสะดุ้งผุดตัวเองขึ้นยืนอย่างรวดเร็วประหนึ่งมีสปริงขนาดใหญ่ดีดขึ้นมา แต่ด้วยความที่น้องชายของเขามันโตเต็มที่ก็เลยต้องล้มตัวลงนั่งและเอาผ้าห่มปิดไว้

“ไม่ใช่ต้นน้ำ พี่หมายถึงเสี่ยวหยู๋!!” สายตาของจินไห่โฟกัสไปที่สาวสวยที่ลุกขึ้นนั่งเสยผมหน้านิ่ง

“ก็แค่อยากพิสูจน์!” เสี่ยวหยู๋มองไปที่สิ่งที่ถูกปกคลุมใต้ร่มผ้าห่ม และมองขึ้นไปสบตาจินไห่

“พิสูจน์อะไร?!?” จินไห่ขึ้นเสียง

“พิสูจน์แฟนเก๊ๆของพี่ไง เด็กคนนี้ไม่ใช่เกย์เสียหน่อย พี่ก็ไม่เคยชอบผู้ชายเสียหน่อย จะมามีแฟนเป็นผู้ชายได้ไง!” เสี่ยวหยู๋ พูดสวน

“เชี้ย!!!!!” เล่ามาถึงตรงนี้ ไอ้ไอซ์ถึงกับอุทานออกมาเสียงดังลั่นกลางวงสนทนา

“ผู้หญิงคนนี้แม่งแรงว่ะ ลงทุนขนาดนี้เลยหรือวะ!!?” ไอ้เฟรมร่วมประสมโรงด้วย

“รู้หรือยังว่ากูต้องเจอกับอะไร?” ต้นน้ำขยี้หัวตัวเองครั้งใหญ่

“แล้วมึงทำไงต่อ?” ไอซ์ถามเพื่อนต่อทันที สีหน้าเหมือนลุ้นละครหลังข่าว ดูมันจะสนุกมากกว่าเห็นใจ (ไอ้เพื่อนเลว)

“กูก็พยายามแก้ตัวช่วย ว่ากูนึกว่าเป็นพี่จินไห่ทำ แต่ยัยนมโตนั่นพูดยังไงก็ไม่เชื่อ พี่จินไห่ก็ช่วยพูดแก้ต่างให้ว่า เป็นเรื่องปกติที่เขาจะนอนละเมอทำแบบนั้น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งจนด้วยหลักฐานเพราะยัยนั่นดันเอาหน้าอกอวบอิ่มนั่นถูไปมากับต้นแขนกู เป็นเกย์ไม่น่าจะมีอารมณ์กับนมผู้หญิง! เท่านั้นแหละ..........” เสียงต้นน้ำขาดห้วงไป

“ยังไงต่อไอ้บ้ากาม?!?” ไอ้เฟรมเซ้าซี้ถามด้วยแววตาอิจฉานิดหน่อย

“บ้ากามพ่อง!! ไม่มีอะไร!! ก็แค่กว่าจบการเถียงกันจบกูแทบไม่ได้นอน!” ต้นน้ำมีอาการ้อนหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด

“เดี๋ยวๆ มึงยังไม่เล่าเลยว่าทำไมยัยแฟนเก่าโรคจิตนั่นถึงยอมรามือ ทำขนาดนี้ไม่น่ายอมล้มเลิกง่ายๆ” ไอซ์ผู้มีสมองฉับไวรีบถามถึงประโยคที่หายไป

“เชี้ย!! ไม่มีอะไร พี่จินไห่ก็แค่โวยวายไล่ยัยนั่นออกไปหากไม่เชื่อคำพูดของเขา ยัยนั่นก็สงบไปเอง!! สายแล้วรีบไปเรียนเหอะ เดี๋ยวมึงเจออาจารย์ทำโทษอีก!!” ต้นน้ำโวยวายแล้วเดินนำไปที่ห้องเรียน ปล่อยให้เพื่อนทั้งโต๊ะสงสัยการทำตัวแปลกๆของอีกฝ่าย

“แปลก....” ไอซ์พูดลอยขึ้นมาหลังจากมองด้านหลังเพื่อนตัวเองที่มีพฤติกรรมแปลก

“ไม่แปลกหรอก ไอ้ต้นนำ้มันก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบคิดอะไรแปลกๆ” พี่ชายฝาแฝดเสริม

ต้นน้ำพยายามก้าวเท้าให้เร็วและพยายามไม่ให้นึกถึงภาพและสัมผัสสุดท้ายของบทสรุปของเรื่องเมื่อคืนวาน

ภาพที่เขาถูกดึงเข้าไปจูบที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วงและลึกล้ำ สัมผัสที่เขารู้สึกแหยงๆในครั้งแรก และกลับรู้สึกคล้อยตามในเวลาต่อมา

‘คนอะไรจูบเก่งชะมัด’ ต้นน้ำเผลอคิดอย่างนั้นหลังจากจินไห่ถอนปากออก และต้องตกใจอย่างหนักที่ตัวเองเผลอคิดไปแบบนั้น

แต่นั่นก็ทำให้เรื่องในคืนนั้นจบลง เสี่ยวหยู๋ยอมเลิกราและกลับไปนอนห้องของตัวเอง ส่วนเขาก็ถูกจินไห่สั่งให้เงียบก่อนตลอดทั้งคืน

สรุปว่ามันเป็นคืนที่อึดอัดที่สุดในชีวิตของเขา

...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2021 08:56:41 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 5

หัวใจคงได้วายสักวัน



ต้นน้ำกำลังคิดว่าเขาตัดสินใจผิดอย่างมาก ที่เผลอหลุดปากไปเล่าให้ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของเขาฟัง

ไอ้เฟรม ไม่เท่าไหร่..... หลังจากเรียนจบมันก็ตรงรี่ไปหาแฟนสาวอดีตดาวมหาวิทยาลัยทันทีเหมือนติดปีก เพราะหายไปเร็วมาก

ไอ้ต้นกล้า ไอ้ปากสุนัขประจำกลุ่ม มันยังไม่รู้เรื่องอะไรซึ่งเป็นเรื่องดี หลังจากที่มันเห็นไอ้เฟรมหายไปจากสายตา มันก็วางแผนเตรียมโดดซ้อมกีฬาของนักกีฬามหาวิทยาลัยทันที

เหลือไอ้ขาเผือกประจำกลุ่ม ไอ้ไอซ์ ผู้ซึ่งยิ้มอย่างมีนัยยะ ตลอดเวลานับตั้งแต่คลาสสุดท้ายจบลง

“เฮ้ย....” ไอ้ไอซ์เอ่ยทักจากทางด้านหลังซึ่งผมกำลังหนีมันอยู่ มันล้วงความลับเก่ง มันเป็นคนหัวดีที่มีนิสัยที่นักสืบยังต้องอาย

“กูไม่มีอะไรปิดบังนะสัด!!” ต้นน้ำรีบพูดขึ้น

“เชี้ยอะไรของมึง!! สนามบาสฯน่ะ มันทางนี้โว้ยมึงจะเดินไปไหนของมึง!!” ไอซ์สวนกลับมาพร้อมใช้มือชี้ไปที่แยกทางซ้าย

“เออ... กูแค่จะแวะไปห้องน้ำที่ตึกคณะวิทย์ฯ ก่อน” ตึกวิทย์ฯ เป็นอาคารหลังใหม่ที่สุด เหมาะแก่การไปนั่งชิลๆปลดทุกข์ที่ใครๆ ก็รู้แต่ต้นน้ำก็แค่พูดแก้เขิน

“งั้นมึงยิ่งไปผิดทาง ตึกวิทย์ฯ อยู่ทางขวา!” ไอซ์ชี้ไปอีกทาง

เชี้ย!! วันนี้กูเป็นอะไรวะ?!? ต้นน้ำคิดในใจ

“มึง....มีอะไรปิดบังกูใช่ไหม? เมื่อวานมีเรื่องมากกว่านี้ใช่ไหม?” ไอซ์มีสายตาคาดคั้น

“ไม่นี่” พยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นและขึ้นสูง ไม่งั้นไอ้โคนันที่กลับชาติมาเกิดนี่มันคงจับได้

“ใช่แน่เหรอ..... หรือว่าพี่จินไห่... เขาจับมึงทำเมียแล้ว!!” ไอซ์เดินเข้ามาใกล้และสำรวจบั้นท้ายเพื่อนสนิท

“ทำเมียพ่อง!! มันแค่จูบกูโว้ย!!  เชี้ย!! เสร็จมัน!!” ต้นน้ำทำสีหน้าเจ็บใจ

“มึงก็รู้ว่ามึงไม่เคยเก็บความลับกับกูได้!” ไอซ์ยิ้มเยาะ

จริง!! ต้นน้ำคิดในใจ

“ว่าแต่แค่ประกบปาก หรือ แลกลิ้นล่ะ” ไอซ์ถามต่อแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ

“เชี้ย!! เบาๆ เดี๋ยวกูเสียความนิยมหมด! แล้ว...... มันต่างกันยังไงวะ จูบก็ตือจูบ เพื่อให้ยัยนั่นมันยอมหุบปากแล้วแยกย้ายไปนอนกันเสียที!!” ต้นน้ำลากเพื่อนไปทางสนามบาสเกตบอล เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางหลักที่ผู้คนเริ่มพลุ่กพล่าน

“ต่างสิวะ!! กูถามหน่อย มึงไม่ใช่เกย์ มึงไม่เคยสนใจผู้ชาย มึงจะชอนไชลิ้นมึงเข้าไปในปากผู้ชายอีกคนไหมวะ ถึงมันจะหล่อเทพขนาดไหนก็เถอะ!!” ไอซ์อธิบายหน้าเครียด

“เออว่ะ” ต้นน้ำต้องรีบเห็นด้วยเพราะขณะนี้ใบหน้าและริมฝีปากของไอ้เพื่อนลูกครึ่งหน้าตาดีอย่างไอ้ไอซ์อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายขนาด ต้นน้ำยังอยากจะรีบดันมันออกไปไกลๆเลย

นึกขึ้นได้อย่างนี้ต้นน้ำรีบขยับศรีษะออกห่างจากเพื่อนตัวเองทันที

“นี่ๆ กูก็เลือกนะ ถึงกูจะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแต่กูก็ทำแบบนั้นกับผู้ชายทุกคนนะมึง เอ้างี้มึงก็หล่อนะ แต่แค่กูคิดว่าจะต้องจูบกับมึงนี่กูก็ขนลุกแล้ว มันไม่ใช่ว่ะ”  ไอซ์ทำหน้าเหยียดเพื่อแสดงจุดยืน

“.........” ต้นน้ำยกมือสัมผัสริมฝีปากตนเอง เขายังคงรู้สึกถึงไออุ่นจากรสลิ้นของจินไห่อยู่เลย แต่แปลกเขากลับไม่ได้รังเกียจอย่างที่ไอซ์อธิบาย

“ทำท่าทางเหมือนโดนมากกว่านั้น?” หน้าไอ้นักสืบอย่างไอ้ไอซ์กลายเป็นไอ้หน้าลามกกวนบาทาเหมือนเคย

“แค่จูบหลอกๆโว้ย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แค่นี้กูก็รู้สึกแย่ฉิบหายแล้ว อย่าให้กูต้องนึกถึงมันอีกได้ไหมวะ!” ต้นน้ำทำเสียงเกรี้ยวกราดกลบเกลื่อน และเดินนำหน้าไป

“หนีอะไรก็หนีได้นะ แต่หนีใจตัวเองไม่ได้นะโว้ย!!” ไอซ์ตะโกนไล่หลังไป

“สัด!!” ต้นน้ำหันหลังไปด่าไอ้เพื่อนเลวคำใหญ่

ต้นน้ำเดินจ้ำอ้าวไปทางสนามกีฬาเพื่อฝึกซ้อมประจำวัน แต่ในใจกลับรู้สึกเหนื่อยหน่ายอย่างประหลาด ตอนเช้าเขาก็ต้องรีบตื่นเพื่อหลบหน้าจินไห่ ตามสัญญาเขาต้องไปนอนที่นั่นทุกวันตลอดช่วงที่แฟนเก่าของจินไห่อยู่ เขาไปแค่คืนแรกก็อยากจะฉีกสัญญาทิ้งแล้ว

ไอ้ความรู้สึกน่ารำคาญนี่มันคืออะไรวะ?!? ต้นน้ำคิดตลอดทางจนถึงสนามซ้อม

£&£&£&£&£¥$€

เสียงริงโทนดีงขึ้นพร้อมกับชื่อของคนที่เขากำลังนึกถึงตลอดการเดินมาถึงสนามซ้อม

“เชี้ย!!” เขาอุทานออกมาแต่ก็ไม่รับสาย

จินไห่โทรศัพท์มาหาอีกหลายครั้ง จนสุดท้ายส่ง sms มาหาด้วยข้อความที่ว่า

‘รีบมานะที่รัก จะรอกินข้าวด้วย น้องต้องมาตามนัดนะอย่าลืม’

‘ใครที่รักมึง!! กูไปสัญญาอะไรกับมึง!!?!’ ต้นน้ำคิดในใจและแสดงความโกรธทางสีหน้าชัดเจน  กระทั้งไอ้ไอซ์สังเกตเห็น

แต่เขาก็ลูกผู้ชายพอที่จะต้องทำตามคำพูดให้ได้ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจที่จะไปสานต่อแผนให้จบ

“เอาว่ะ อีกแค่สองเดือน!! มันจะสักเท่าไหร่กัน” ต้นน้ำบ่นพึมพำในใจ

..........................

ต้นน้ำเดินเนิบนาบเข้าไปในร้านอาหารขนาดกลางบรรกาศดีที่ห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้เล็กใหญ่นานาพันธุ์ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ทุกต้นที่อยู่ใกล้บริเวณร้านอาหารล้วนถูกตัดแต่งอย่างพองาม ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมาก

ชายหนุ่มที่สูงเกือบสองเมตรเดินมองซ้ายขวาอย่างคนไม่มั่นใจ วันนี้เขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร ใครจะรู้ว่าการแสดงละครตบตาต่อหน้าแฟนเก่าของคนรู้จักที่มีบ้านติดกันจะทำความลำบากใจให้เขาขนาดนี้

ครั้งแรกที่คิดว่ามันง่าย แต่เปลี่ยนที่นอน มาอยู่กับพี่ชายคนหนึ่งแบบสบายๆ กลับกลายเป็นถูกเกณฑ์เข้ามาอยู่ในสงครามประสาทระหว่างแฟนเก่า แค่เขาคิดถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเสียแล้ว เมื่อวานวันแรกยังโดนต้อนรับเสียขนาดนั้น วันนี้เขาจะโดนอะไรบ้างเนี่ย!

“ต้นน้ำ! ต้นน้ำ! ทางนี้!” ยังไม่ทันได้เตรียมใจดี เสียงของนายจ้างก็ดังขึ้น จินไห่โบกมือเรียกเขาจากทางอีกด้านหนึ่งของร้านที่เป็นพื้นที่โต๊ะภายนอกอาคาร

ต้นน้ำฝืนยิ้มและโบกมือทักทายกลับ ในระหว่างที่เขาเดินไปทางที่จินไห่เรียก พนักงานทุกคนที่น่าจะคุ้นเคยกับเขาดีเพราะเป็นลูกค้าประจำ และบ้านก็อยู่ใกล้กับร้าน กลับส่งสายตาแปลกๆ มาที่เขา บ้างก็กระซิบ บ้างก็เดินมายิ้มทักทายแบบสนิมสนมกว่าเคย บางคนถึงขั้นเดินมาเหมือนฝากเนื้อฝากตัวด้วย

“อะไรของลูกน้องพี่วะ? วันนี้แปลกๆ ทุกคน”  ต้นน้ำที่เพิ่งเดินไปถึงจุดหมายรีบเอ่ยปากถามเจ้าของร้านทันที

“ก็เรื่องที่อยากจะมาบอกกับเราวันนี้ก็เรื่องนี้แหละ นั่งลงก่อนสิ หิวหรือยัง กินก่อนค่อยคุย” จินไห่ยิ้มกว้างและเชื้อเชิญต้นน้ำให้นั่งเก้าอี้ข้างๆ เขา

“ผมนั่งตรงนั้นดีกว่า” ต้นน้ำชี้ไปที่เก้าอี้อีกฝั่งหนึ่ง

“ไม่ได้ นั่นที่นั่งของเสี่ยวหยู๋” จินไห่บอกสั้นๆ หน้านิ่วเล็กน้อย

“ผมจะกินลงไหมเนี่ย? เมื่อคืน ผมก็นอนแทบไม่หลับ!” ต้นน้ำบ่นพึมพำ

“ก็เพราะอย่างนั้นพี่เลยเลี้ยงอาหารเราวันนี้ไง!” พี่จินไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเคย

“อืม.... ก็ได้.... แต่ทำไมต้องมากินกับแฟนเก่าพี่วะ มันไถ่โทษตรงไหน เหมือนโดนทำโทษมากกว่า!!” ต้นน้ำบ่นเพิ่มขณะล้มตัวลงนั่ง

“ถึงนัดให้มากินก่อนไง ยัยนั่นไปเที่ยวแถวนี้เดี๋ยวก็คงกลับ รีบกินเหอะ!” จินไห่ผายมือไปที่โต๊ะอาหารที่ต่างเป็นของชอบของต้นน้ำทั้งสิ้น

ต้นน้ำชอบรสมือของร้านนี้ เวลาแม่เขาขี้เกียจทำกับข้าวก็มักจะให้มาสั่งให้ร้านนี้ไปส่งที่บ้าน ไม่แปลกใจที่จินไห่จะรู้ว่าเขาโปรดปรานเมนูไหนบ้าง

“งั้นไม่เกรงใจละนะ” พูดจบเขาก็ตักกับข้าวตรงหน้าลงจานตัวเองอย่างกับคนหิวโหยไม่เคยเจออาหารมานาน ต้นน้ำแอบเห็นจินไห่ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

“ขอโทษนะครับ รับน้ำอะไรดีครับ” ต้นน้ำเงยหน้าจากจานข้าวมาทางต้นเสียง เขาพบบริกรหนุ่มยิ้มหวานใส่เขาอย่างนอบน้อมที่สุด เขารู้สึกว่ามันผิดปกติ

“น้ำ.... เปล่าก็พอครับ” ต้นน้ำตอบไปด้วยสีหน้าสงสัย

“ครับ แล้วจะรีบนำมาเสริฟให้นะครับ” พูดจบบริกรหนุ่มก็โค้งรับและรีบวิ่งเข้าไปที่บาร์น้ำทันที

“เนี่ยๆ มันแปลกนะพี่!! ลูกน้องพี่มันแปลกๆ ป่าววะ?” ต้นน้ำรีบหันไปถามเจ้าของร้านที่นั่งยิ้มมุมปากอยู่ข้างๆทันที

“ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะเคารพแฟนเจ้าของร้าน” จินไห่พูดเรียบๆ ตอบกลับมา

“อ้อ....” ต้นน้ำรับฟังและกลับไปจัดการ าหารตรงหน้าต่อ

“เฮ้ย!! เดี๋ยวนะ!! อย่าบอกนะว่า!!”

“ใช่! พี่บอกทุกคน อยากจะให้สมจริงก็ต้องให้ทุกคนรู้สิจริงไหม?”

“เชี้ยๆๆๆๆๆ” ต้นน้ำทำได้แต่สบถเบาๆ

ภาพพจน์ของเขา พังพินาศหมดสิ้นแล้ว!!!

..................

มื้อเย็นของต้นน้ำผ่านไปอย่างลำบากใจ หลังจากได้รู้ว่าคนทั้งร้านรู้ถึงความสัมพันธ์(ปลอมๆ)ของเขาและเจ้าของร้านหน้าหล่อ ลูกจ้างในร้านทุกคนมีท่าทีเกรงอกเกรงใจเขามากกว่าปกติ มากกว่าลูกค้าทั่วไป โดยเฉพาะลูกจ้างผู้หญิงในร้านที่บ้างก็กล่าว ‘เสียดาย’ ไม่ขาดปาก บางคนถึงขั้นแอบมองแรงใส่เขาด้วยความอิจฉา

มันเป็นสถานะที่เขาไม่เคยอยากได้......

ต้นน้ำถูกพาเดินเข้ามาในบ้านของจินไห่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านมากนัก  เพราะอยู่ในรั่วเดียวกันกับร้านอาหาร หลังจากที่ถูกอดีตแฟนสาวของเจ้าร้านเท ไม่ยอมมาร่วมวงกินมื้อค่ำด้วย โดยให้เหตุผลง่ายๆ ว่า

‘ยังเที่ยวไม่เสร็จ ขอหาอะไรกินเองก็แล้วกัน’

ต้นน้ำรู้สึกเสียเที่ยวแต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องปั้นหน้าเป็นคนหวงแฟน(ปลอมๆ) ต่อหน้าผู้หญิงที่สวยแต่สุดแสนจะมีนิสัยร้ายกาจ

‘พี่เสี่ยวหยู๋’ มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ทรวดทรงองค์เอวช่างสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยนิสัยที่โผงผางเอาแต่ใจ จึงทำให้เสน่ห์เหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจของต้นน้ำ เขาชอบผู้หญิงเรียบร้อยเอาใจเก่งมากกว่า แต่ที่ผ่านเขาไม่เคยเจอเลย

“ถามจริงพี่!?! พี่บอกแบบนั้นได้หน้าตาเฉยเลยหรือวะ? แล้วลูกน้องพี่เขาไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอ?” ต้นรู้สึกหวุดหงิดในใจจนต้องระเบิดถามออกมา

“ระวังภาษาหน่อยพูดกับผู้ใหญ่!” จินไห่มีนิสัยเหมือนคนแก่ทั้งที่อายุแค่ 30

“เอ่อ....ครับ” ต้นน้ำรู้สึกกลัวกลัวสีหน้าที่ดูจริงจังนั่นนิดหน่อย

“เฮ้อ.... ก็นิดหน่อย แต่สมัยนี้ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ? คนเรามันก็เปลี่ยนรสนิยมกันได้” อยู่ๆ ก็มีความคิดทันสมัยขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่นะหว่างที่พูดจินไห่ก็ไม่ได้มองมาที่ต้นน้ำตรงๆ เขากลับส่องกระจกจัดแต่งทรงผมอยู่

“สำหรับผมมันก็แปลกอยู่ดี...” ต้นน้ำบ่นงึมงำและล้มตัวลงนั่งที่โซฟาที่วางอยู่ใกล้ประตูทางเข้า

“งั้นพี่ไปดูแลร้านก่อนนะ” หลังจากปล่อยให้เดดแอร์อยู่พักใหญ่ จินไห่ก็ขอตัว

“เดี๋ยวดิพี่ งั้นวันนี้ผมก็กลับบ้านได้แล้วสิ” ต้นน้ำลึกขึ้นบิดขี้เกียจ

“ไม่ได้!! พี่ไม่อยากอยู่กับเสี่ยวหยู๋ สองต่อสอง!!” จินไห่หน้าเข้มหันมา

“โธ่... ที่แท้พี่ก็กลัวใจอ่อน แล้วก็อยากมีผมเป็นไม้กันหมาใช่ไหม?” ต้นน้ำล้อเลียน

“ไม่ใช่! พี่แค่ไม่อยากต่อเรื่องราวที่มันจบไปแล้ว ไม่อยากให้ความหวังใคร!!” จินไห่เสียงเข้ม

“เออๆ ก็ได้ แค่นี้ต้องดุด้วย!!” ต้นน้ำทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

“........” จินไห่นิ่ง เขามีคำพูดเป็นร้อยในหัวแต่อธิบายออกมาไม่ได้ ทำแค่นิ่วหน้าเท่านั้น

“ผมอยู่ก็ได้ วันนี้เตรียมเสื้อผ้ามาแล้วด้วย วันนี้ผมเกือบไปเรียนสายเลยนะเนี่ย ว่าแต่ถามจริงนะ พี่ไปพูดยังไงกับแม่ผมวะ ถึงได้ให้ผมมานอนบ้านพี่ได้ตั้งหลายรืนแบบนี้!!” ต้นน้ำล้มตัวลงนอนกับโซฟาพลางปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ดขณะบ่นไปด้วย

“ก็เหมือนกับที่บอกกับที่ร้านนั่นแหละ” พูดจบจินไห่ก็เดินออกไปจากบ้านทันที

“อะไรนะ!!” ต้นน้ำร้องเสียงสูง

..................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2021 08:57:15 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 6

ตัวหนังสือที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึก



ทันที่ต้นน้ำอาบน้ำเสร็จ เขารีบติดต่อไปหาแม่เขาทันที

“แม่! ผมถามหน่อย ไอ้พี่จินไห่เขาบอกแม่ว่าไงเหรอแม่ถึงอนุญาติให้ผมมานอนค้างบ้านเขาอย่างเนี่ย?” ต้นน้ำบรรจงกรอกคำพูดใส่โทรศัพท์เคลื่อนที่ของเขาด้วยคำพูดที่คิดเอาไว้อย่างดี เพราะต้องการตรวจสอบว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของจินไห่นั้น จริงแท้แค่ไหน

“อรรณพบอกว่าต้องการแก” แม่ของเขาประหยัดคำพูดกว่าที่คิด ไอ้คำตอบนี้มันทำให้เขาคิดไปได้ไกลมาก แม่มักจะเรียกจินไห่ด้วยชื่อไทยเพราะแม่บอกว่าชื่อจีนมันออกเสียงยาก

“มันแปลว่าอะไรเนี่ยแม่? อย่าบอกนะว่าเขาพูดแค่นี้แม่ถึงกับจัดกระเป๋าส่งลูกชายตัวเองมานอนกับเขา!!” ต้นน้ำกำลังมองกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองใบใหญ่ที่แม่เขาส่งมาให้จากคำบอกเล่าของเจ้าของบ้าน

“แกก็พูดอะไรเสียน่าเกลียด ไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย เด็กบ้า!! แล้ววันนี้คุยงานกับพี่เขาเสร็จแล้วเหรอ?” แม่หัวเราะเชิงล้อเลียนกับคำพูดที่ลูกชายตนเองใส่โทรศัพท์

“งาน? งาน..... อะไร?” ต้นน้ำเริ่มสับสน สรุปว่าไอ้พี่จินไห่มันคุยอะไรกับแม่เขาวะ?

“เด็กคนนี้! ก็งานที่พี่วานเราไปช่วยปรับปรุงร้านกับปรับปรุงบ้านไง ก็เรียนสถาปัตย์ไม่ใช่หรือไง? พี่เขาเห็นงานที่เราออกแบบหน้าร้านให้แม่ใหม่แล้วชอบก็เลยขอตัวเราไป แต่ช่วงกลางวันลูกก็เรียน ช่วงเย็นพี่เขาก็ยุ่งกับงานเปิดร้านอาหาร ก็เลยว่างคุยกับเราดึกๆ พี่เขาก็เลยขอตัวเราไปคุยเรื่องงาน เขากลัวจะดึกไปก็เลยขอตัวเราไปค้างเลย พี่เขาจ้างด้วยนี่ แม่เลยอนุมัติเลย!” แม่เริ่มไม่ประหยัดคำพูดเหมือนปกติ แสดงว่าละครที่ดูอยู่คงกำลังฉายโฆษณาอยู่แน่นอน
 
เฮ้ออออออ ความรู้สึกโล่งอกแผ่เข้ามาในใจ

“ได้เงินเท่าไหร่แบ่งแม่ด้วยนะ ถือว่าเป็นค่าแนะนำ!” แม่พูดต่อพร้อมหัวเราะ

“อ้าวแม่!! ไม่ใช่แล้ว” ต้นน้ำอุตส่าห์จะเก็บเงินเที่ยวช่วงปิดเทอมถึงกับอารมณ์เสีย

“ละครมาแล้ว ทำงานไปอย่าอู้!!” แล้วแม่ก็วางสายไป ทิ้งให้ต้นน้ำอยู่ในห้องที่เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงวี่....เข้าหู

เขากวาดตาดูในห้องที่เรียบง่ายนี้ ห้องที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบจำกัด ไม่มีแม้โทรทัศน์ มีเพียงลำโพงบลูทูธเครื่องเล็กอยู่เท่านั้น

“คนแบบไหนวะถึงได้อยู่ในห้องแบบนี้ได้?” ต้นน้ำบ่นงึมงำกับตัวเอง

ต้นน้ำวางโทรศัพท์มือถือที่แสดงเวลา 21:00  ลงที่เตียง หลังจากที่เขาสำรวจโซเชี่ยลมีเดียไปหมดทุกซอกทุกมุมจนเบื่อแล้ว ห้องที่ไม่มีสื่อบันเทิงอะไรเลยแม้แต่คอมพิวเตอร์ทำให้เขาเริ่มสำรวจห้องของจินไห่แก้เบื่อ

“เดาว่าสาวน้อยสาวใหญ่ที่กรี๊ดพี่จินไห่อยู่เนี่ย น่าจะไม่เคยเข้ามาถึงห้องนอนแน่เลย จะรู้ไหมวะว่า เป็นคนที่โคตรน่าเบื่อแม้แต่ในห้องนอน” ต้นน้ำกวาดตามองไปรอบห้องอย่างละเอียด ยิ่งได้นับเฟอร์นิเจอร์ในห้องด้วยแล้ว มันมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ทั้งที่ห้องกว้างขวางขนาดนี้

ในห้องมีแค่เตียงขนาด 5 ฟุตยกสูงจากพื้นไม่เกินหนึ่งฟุตสีไม้โอ๊คไปทางน้ำตาลอ่อน ชุดโต๊ะเก้าอี้ทำงานเก่าๆ โคมไฟ ตามจุดต่างๆ ชั้นหนังสืออีกสามตู้ที่หันสันหนังสือออกมาอย่างเป็นระเบียบ ทำให้เห็นว่าหนังสือที่วางอยู่ส่วนใหญ่เป็นภาษาจีน

ต้นน้ำเดินไปหยิบหนังสือเหล่านั้นมาพลิกดูบางส่วนด้วยความสงสัย เขาเห็นแต่หนังสือเรียงยาวเป็นพรืด แทบจะไม่มีรูปภาพเลย ทำให้ความสนใจของเขาหมดลง

เขาเดินลัดเลาะเรื่อยเปื่อยไปจนถึงโต๊ะทำงาน ที่มีเครื่องเขียนและสมุดบันทึกวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ และสายตาของเขาก็ไปสะดุดที่สันสมุดเล่มหนึ่งที่ทำจากหนังเก่าๆ มันโดดเด่นออกมาจากกองหนังสือที่วางทับซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ ด้วยความสงสัยต้นน้ำจึงเอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มเก่าเล่มนั้นออกมาจากกอง

ก่อนจะเปิดอ่าน เขาต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเขาจะไม่โดนต่อว่าจากเจ้าของสมุด เขารู้ว่ามันไม่ดีที่ไปแอบอ่านสมุดบันทึกของคนอื่น แต่เขาเบื่อนี่นา ช่วยไม่ได้ เขาจึงหันซ้ายหันขวา เงี่ยหูฟังเสียงต่างๆ รอบตัว หลังจากแน่ใจแล้วเขาก็เตรียมพลิกเปิดดูเนื้อหาด้านในทันที

ก่อนเปิดต้นน้ำสัมผัสที่ปกด้านนอกที่เก่าจนซีด และมีรอยยับตามลักษณะของสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์จนเรียกว่าโบราณวัตถุก็น่าจะได้แล้ว เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่าบอกไม่ถูก เขาไม่แน่ใจว่าเคยเห็นสมุดเล่นนี้ที่ไหนมาก่อน

ต้นน้ำพลิกเปิดหน้าแรก กระดาษด้านในล้วนเปลี่ยนสีเป็นสีขาวอมเหลือง สัมผัสที่สันกระดาษมันเป็นลอนคลื่นไม่เรียบ กระดาษมีลักษณะยับยู่บอบบางจนเขาต้องเปลี่ยนมาวางมันไว้บนโต๊ะเพื่อที่จะได้เปิดอย่างระมัดระวังมากขึ้น

หน้าแรกเป็นเพียงกระดาษเปล่า เว้นว่างไว้ มีเพียงลายเซ็นซึ่งต้นน้ำเดาว่าน่าจะเป็นของเจ้าสมุดเล่มนี้ แม้ว่าหมึกที่เขียนจะซีดจาง แต่ลายเส้นที่บรรจงลากน้ำหมึกให้ประกอบเป็นลายเซ็นอันนี้ช่างมีเสน่ห์ ลายเซ็นแนวตั้งที่ร้อยเรียงเป็นเหมือนลวดลายที่สวยงาม ทำให้ต้นน้ำอดที่จะชื่นชมไม่ได้ แม้ว่าจะเขียนด้วยภาษาที่เขาไม่รู้จักแต่เขาก็รู้สึกว่ามันสวยมาก

พลิกไปอีกหน้า เขาก็พบกับรูปวาดที่ร่างด้วยดินสอและตัดเส้นด้วยหมึกสีดำบางๆ เป็นภาพทิวทัศน์ที่ประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่บนเนินเตี้ยๆ และ ทิวแถวต้นไม้ขนาดกลางอยู่ทางด้านหลัง เขาสังเกตเห็นบ้านหลังเล็กๆ อยู่ในภาพเบื้องหลังทิวแถวต้นไม้เหล่านั้น แม้ภาพจะเหมือนยังร่างไม่เสร็จแต่องค์ประกอบต่างๆ ในภาพกลับสมบูรณ์แบบเหมือนถูกรังสรรค์ด้วยจิตรกรชื่อดัง

ในขณะที่เขามัวแต่ประทับใจและอิจฉาการลงรายละเอียดลายเส้นเหล่านั้น เขาก็รู้สึกคุ้นกับภาพตรงหน้าอย่างประหลาด ต้นน้ำถึงกับใช้นิ้วลูบไปตามรายละเอียดต่างๆ อย่างไม่ตั้งใจ

“นี่มันเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่หลังบ้านเราเลย!!” เขาอุทานออกมา หลังจากนั้นก็หยิบสมุดปกหนังเล่มเก่าไปที่หน้าต่าง และพยายามเปรียบเทียบกับทิวทัศน์ที่คุ้นเคยในยามราตรี

“อืม.... ดูคล้าย แต่ต้นไม้ต้นนั้นมันใหญ่กว่าและใบน้อยกว่า.... หรือว่าใช่วะ.....?...” ด้วยความเป็นคนขี้เบื่อ เขาส่ายหน้า ‘ช่างมัน’ ในใจ และเดินไปนั่งที่เดิมเพื่อพร้อมที่จะเปิดดูหน้าถัดไป

ต้นน้ำอ่านลายมือที่เขียนด้วยภาษาไทย เป็นลายมือที่สวยกว่าเขาสักล้านเท่า ครั้งแรกที่มองนึกว่าเป็นการพิมพ์เพราะทุกตัวอักษรมีความบรรจงและเขียนได้มีรูปแบบที่แน่นอน น้ำหนักสม่ำ เพียงแค่นั่งมองลายมือเขารู้สึกเพลินตาเสียแล้ว

“ดูจากความเก่าของสมุดเล่มนี้ คงไม่ใช่ลายมือของพี่จินไห่ชัวร์!” ต้นน้ำพูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ แม้เขาจะไม่เคยเห็นลายมือของจินไห่เลยก็ตาม เขาไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าคนๆนั้นเขียนภาษาไทยได้ ลำพังพูดไทยยังจะพูดไม่ค่อยชัดเลย

หลังจากคิดเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพเพราะไม่อยากรู้สึกผิดที่ไปอ่านสมุดบันทึกของจินไห่ หากเป็นของคนที่ไม่รู้จักมันก็อีกเรื่อง!!

ต้นน้ำเริ่มอ่านจากย่อหน้าแรก และติดพันจนอ่านไปถึงย่อหน้าสุดท้ายของบทแรกในสมุดเล่มนั่น เขายอมรับว่าเป็นครั้งที่เขาตั้งใจอ่านหนังสืออื่นที่ไม่ใช่หนังสือเรียนนานขนาดนี้  มันเป็นภาษาที่อ่านง่ายสละสลวย และคำบรรยายต่างๆ ของคนเขียน ทำให้เขาดำดิ่งไปสู่ความทรงจำของคนเขียน เขาไม่สามารถหยุดอ่านได้

เขาไล่สายตาไปตามประโยคต่างๆ ที่เขียนลงในไป จนจบบทแรก

“นี่มัน... นิยาย หรือ.. ไดอารี่.... น่าจะเป็นอย่างหลัง แม้ไม่ปรากฎชื่อคนเขียนและข้อมูลอ้างอิงต่างๆ ในสมุดเล่มนี้ แต่เขาก็แน่ใจว่าใช่

การเขียนแทนตัวเองที่ล้ำลึกจนเขาอยากจะรู้จักคนเขียน เพราะนอกจากจะเขียนหนังสือดีแล้ว ยังมีภาพประกอบที่มีฝีมือที่ขนาดว่าเขาเรียนสถาปัตย์ยังรู้สึกอาย บทแรกบรรยายถึงความเปลี่ยนแปลง คนเขียนที่แทนตัวเองว่า ‘ผม’ ตลอดทั้งเรื่องเล่าถึงการหย่าร้าง และการโยกย้ายภูมิลำเนา การพยายามปรับตัวต่างๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องภาษา เขาจึงตั้งใจเขียนบันทึกเพื่อเป็นการฝึกการเขียนภาษาไทย

ต้นน้ำอ่านถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ สมุดเล่มนี้คือคนที่ต้องการฝึกการเขียนจริงๆเหรอ? มันจะน่าเศร้าไปหน่อยหรือเปล่า? เพราะเขาเขียนภาษาไทยมาทั้งชีวิตยังเขียนให้ลายมือสวยเท่านี้ไม่ได้เลย

ในขณะที่ต้นน้ำกำลังจะพลิกไปบทถัดไป หูสุนัขของเขาก็ได้ยินเสียงกุกกักจากภายนอกห้องไม่ไกล เขาจึงรีบเก็บทุกอย่างลงที่เดิม ทำให้เหมือนก่อนที่เขาจะรื้อค้น และรีบรี่กลับไปนอนเปิดโทรศัพท์ยี่ห้อดังเพื่อแกล้งทำเป็นสนใจโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่เพิ่งเปิดขึ้นมา

แกร็ก! 

เสียงกลอนประตูถูกปลดออกดังกังวาล แต่ผู้ที่เข้ามากลับไม่ใช่เจ้าของห้องแต่เป็นอดีตแฟนสาวที่มีอาการหน้าแดงเล็กน้อย

“เฮอะ! นึกว่าไม่มีใครอยู่!” เสียงยียวนของฝ่ายหญิงที่ปนความรู้สึกผิดหวังรวมอยู่ด้วย

“สวัสดีครับ” ต้นน้ำทักทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ

“.........” อดีตแฟนสาวของเจ้าของห้องไม่ได้ตอบกลับทำแค่จ้องมองมาที่ต้นน้ำอย่างขุ่นเคือง ต้นน้ำเห็นอีกฝ่ายไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วยเลยจึงกลับไปสนใจหน้าจอสมาร์ทโฟนของตนเองทันที

“ไอ้พวกแย่งแฟนคนอื่น!!” เสี่ยวหยู๋พูดออกมาเสียงดังและจ้องมาที่ต้นน้ำอย่างโกรธเคือง

“เดี๋ยวนะพี่! ผมไปแย่งแฟนพี่ตอนไหน? ตอนพวกเราคบกัน พี่จินไห่ก็โสด!!” วันนี้ต้นน้ำถูกไอซ์เคี่ยวเข็ญเรื่องนี้มาพอควร ทำให้การโต้ตอบออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ในใจนั่นสุดแสนจะเขินอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ดีนะที่ตรงนี้ไม่มีคนอื่น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าพูด

“ไอ้พวกผิดเพศ ไอ้พวกหนักแผ่นดิน กูจะทวงของกูคืนให้ได้คอยดู!” มาถึงประโยคนี่ทำให้ต้นน้ำรู้ว่าผู้หญิงคนตรงหน้าเขามีน้ำเมาในกระแสเลือดระดับหนึ่งเลยทีเดียว เมาตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

แต่คำพูดนี้ทำให้ต้นน้ำโกรธจนแทบห้ามตัวเองไม่ไหว เขามีเพื่อนประเภทนี้เยอะ และเป็นคนดีทุกคน โดยเฉพาะไอ้ไอซ์ที่เขาพึ่งพาได้เสมอ เขารักเพื่อนของเขามากจนห้ามร่างกายตนเองไม่อยู่

“ถ้าทำได้ก็ลองดิ!! จะได้รู้ว่าใครเด็ดกว่า!!” ต้นน้ำถลาไปที่ประตู เขาจับบานประตูง้างออก ใช้มือดันร่างของสาวทรงโตถอยห่างไปและพูดใส่หน้าเสียงดัง ก่อนที่จะเหวี่ยงประตูปิดใส่หน้าเสี่ยวหยู๋เสียงดัง

ต้นน้ำไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั่นจะทำหน้ายังไง แต่ตัวเขาเองนี่แหละจะทำหน้ายังไงต่อจากนี้ หากต้องเจอกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง สงสัยเขาคงจะอินกับบทบาทมากไปหน่อย

แกร็ก!!

เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นอีกครั้ง ต้นน้ำรีบหันไปทางต้นเสียงทันที ใจก็ตุ่มๆ ต่อมๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาหาเรื่องเขาอีก (ว่าแต่ยัยนั่นมีกุญแจห้องนี้ได้ยังไงหว่า?)

“ร้ายเหมือนกันนิเรา!!” เสียงเจ้าห้องดังขึ้นพร้อมเสียงปิดประตู ต้นน้ำหันไปเจอกับรอยยิ้มกรุ้มกริ้มที่ชวนให้หงุดหงิดอยู่บนใบหน้าเจ้าของห้อง


‘โว้ยยยยยย มันได้ยินอะไรบ้างวะ?!?!’ ต้นน้ำคิดในใจจนเผลอขยี้หัวตัวเองอย่างแรง

“แสดงได้สมบทบาทแบบนี้สมควรให้รางวัล” จินไห่เดินเข้ามาใกล้ต้นน้ำจนเขาตั้งตัวไม่ติด แต่พอได้ยินก็เผลอดีใจ คิดไปไกลถึงโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่

“อย่างนี้ค่อยคุ้ม.... ค่า....หน่อย....” เสียงของต้นน้ำค่อยๆ ขาดห้วงเพราะหลังจากที่หันไปหาเจ้าของห้อง เขากลับเจอใบหน้าที่ยกยิ้มร้ายในระยะประชิด

“งั้นจัดเลยป่ะ?” จินไห่พูดพร้อมขยับหน้าลดช่องไฟระหว่างกัน

“เฮ้ย!!!” ต้นน้ำหน้าซีดเผือด ร้องเสียงหลงและขยับถอยห่างอย่างทุลักทุเล

“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กน้อยเอ้ย ล้อเล่นแค่นี้จริงจังไปได้” จินไห่นั่งลงที่เตียงหัวเราะตัวงอ

“โหย....พี่ มันใช่เวลาไหมเนี่ย?” คนที่ถอยหลังจนเกือบตกเตียงโวยลั่น

“ขอโทษๆ พี่ก็เห็นทุกอย่างไปได้สวยก็เลยอารมณ์ดีไปหน่อย” จินไห่เหยียดตัวตรงและบิดขี้เกียจเล็กน้อย

“แล้ว... ทำแบบนี้ไปทำไมว่ะ ไม่ใช่ว่าอยากจะพิสูจน์อะไรนะครับ แบบแกล้งยั่วให้หึงและดึงกลับมาคืนดีอะไรแบบเนี่ย” ต้นน้ำพูดจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง การจีบสาวมีกลายรูปแบบ การง้อแฟนก็มีหลายรูปแบบเช่นกัน คนประสบการณ์สูงอย่างต้นน้ำย่อมรู้ดี

“พี่...กับเขา.... สำหรับพี่มันไม่มีทางเหมือนเดิมแล้วล่ะ.... อยากให้มันจบๆ ไปมากกว่า....” จินไห่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที อารมณ์ดิ่งลงสุดจนทำให้บรรยากาศในห้องเย็นมืดลงทันที

“.........” ต้นน้ำปรับตัวตามบรรยากาศไม่ทันจึงได้แต่นิ่งเงียบ

“ว่าแต่... พี่ไม่อยู่เล่นซนอะไรหรือเปล่า?” จินไห่ปรบมือเสียงดัง และหันไปสำรวจห้องแทน พร้อมขยับนั่นโน่นนี่รอบตัวจนต้นน้ำไม่สบายใจ เพราะตัวเขาก็แอบรื้อของส่วนตัวของเจ้าของห้องมาอ่านอยู่นานสองนาน

“เปล่าครับ ผมก็เล่นโทรศัพท์อยู่บนที่นอนเฉยๆ” ต้นน้ำกล่าวตอบไปด้วยด้วยความกระล่อนเช่นปกติ เขาหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือทันทีโดยไม่มองจินไห่แม้แต่น้อย

จินไห่ที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีผิดแปลกอะไร รวมกับที่ห้องก็อยู่ในสภาพดีเช่นเดิมจึงไม่มีแก่ใจจะต่อความยาวสาวความยืด เดินไปจัดสิ่งของรอบๆ ให้เข้าทีเข้าทางตามกิจวัตรของเขา

จินไห่เป็นคนเจ้าระเบียบมาก แม้ว่าเขาจะหยิบอะไรในห้องช่วงกลางวันและวางกลับที่เดิมดีแค่ไหน แต่เวลาก่อนนอนเขาจะจัดการจัดระเบียบห้องเขาอีกรอบเป็นกิจวัตร

ต้นน้ำที่แอบมองก็เผลอที่จะผ่อนลมหายใจกับอาการทางจิตเล็กน้อยของจินไห่ไม่ได้ และยิ่งอีกฝ่ายที่ไปจัดกองหนังสือตรงนั้นเขาก็เกิดอาการเหงื่อตกอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั้งจินไห่หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เขาจึงค่อยโล่งใจ

คืนนี้ไม่มีเสี่ยวหยู๋มาวุ่นวายด้วย อาจเป็นเพราะเมา หรืออาจเป็นเพราะที่ต้นน้ำพูดกับเธอ หรือเพราะเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ก็ทำให้ค่ำคืนนี้สงบสุขขึ้นมาก ระหว่างที่รอเจ้าของห้องอาบน้ำ ต้นน้ำก็กุลีกุจอหาที่นอนสำรองซึ่งมันควรจะอยู่ในตู้เสื้อผ้าแบบบิ้วท์อินที่มุมห้อง แต่มันกลับอันตรธานหายไปเสียอย่างนั้น

“พี่จินไห่ที่นอนสำรองไปไหน?” ต้นน้ำรีบถามทันทีที่เจ้าของห้องออกมาจากห้องน้ำในสภาพกึ่งเปลื่อย

“เอาไปซัก” คำตอบที่ออกจากปากที่เหมือนไม่ตั้งใจของจินไห่ขณะที่เขายกผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาขยี้ศรีษะที่เปียกชุ่มเบาๆ

“หา!! ทำไม? แล้วมีอีกไหมครับ?” ต้นน้ำทำสีหน้าตกใจซึ่งทำให้จินไห่ที่อยู่ถายใต้ผ้าขนหนูผืนเล็กยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพอที่จะไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตุ

“มี! อยู่ห้องนอนแขก แต่เสี่ยวหยู๋พักอยู่” จินไห่พูดไปพลางเดินแขวนผ้าเช็ดตัวผืนน้อยไปพาดที่ราวไม่ไกลจากห้องน้ำ

“อ้าว..... อย่างนี้ก็ไปเอาไม่ได้ดิ!!” ต้นน้ำทำหน้าเหวอกว่าเดิม

“อืม! วันนี้ก็นอนกับพี่จะเป็นไรไปวะ! ก็เสี่ยวหยู๋เขาทำน้ำส้มหกใส่ตอนเช้านี่ พี่ก็ต้องเอาไปซักสิวะ!” จินไห่ยืนนิ่งมองหน้าเด็กเจ้าปัญหาตรงหน้า

“น้ำส้ม?”

“เสี่ยวหยู๋เขามาเสิร์ฟอาหารเช้าน่ะ”

“เสริฟ์พร้อมตัวด้วยหรือเปล่า?”

“เห็นท่าทางเสี่ยวหยู๋ก็น่าจะรู้นะ ว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง?” จินไห่พูดจบก็ดึงกางเกงที่เขาเตรียมไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจกขึ้นมาใส่แบบไม่ระวังตัวเท่าไหร่

ต้นน้ำพยักหน้าและคิดตาม

“อย่างนี้ผมก็ต้องนอนบนเตียงอีกล่ะสิ!!” ต้นน้ำทำสีหน้าไม่พอใจ

“ทำไม? กลัวอะไร กลัวพี่จะปล้ำเราหรือไง?” จินไห่ขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะได้กลิ่นสบู่อาบน้ำที่หอมสดชื่นแบบกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ จินไห่ที่ใส่เพียงกางเกงนอนขายาวผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อนบางเบา ท่อนร่างช่วงบนที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นพองาม รูปร่างที่ปราดเปรียว มีกล้ามเนื้อกำลังดี ตุ่มเนื้อเด่นที่กลางอกเป็นสีชมพูระเรื่อสวยงาม ทุกอย่างของร่างกายคนตรงหน้ามันดูพอดีไปเสียทุกอย่าง ผิวที่เนียนเรียบขาวสว่าง ทำให้ต้นน้ำอดที่วางตาไปกับสิ่งเหล่านั้นไม่ได้

เป็นครั้งแรกที่เขามองผู้ชายเปลือยอกแล้วรู้สึกแบบนี้ รู้สึกอยากยื่นมือไปสัมผัส ลมหายใจตัวเองกระชั้นถี่ เลือดถูกสูบฉีดไปที่ใบหน้ามากขึ้นจนอุ่นร่อนขึ้นมา

“ทำอะไร? ถอยไปเลย! ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น!” ต้นน้ำพูดไล่แต่อีกฝ่ายกลับยืนยิ้มนิ่งเฉย ต้นน้ำเลยตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้างผลักหน้าอกอีกฝ่ายให้ถอนห่างไปพร้อมเร่งฝีเท้ากระโดดขึ้นเตียง

จินไห่ส่ายหน้าและเดินไปหยิบเสื้อมาใส่ เขามองไปทางคนที่เพิ่งโดดขึ้นเตียงซึ่งตอนนี้เตรียมตัวนอนเรียบร้อยแล้ว เขาจึงตัดสินใจเดินไปปิดไฟ

หลังจากไฟในห้องดับลง ห้องทั้งห้องมืดลงและดูสงบเงียบขึ้นมาก แต่ต้นน้ำมีคำถามคาใจจึงรีบถามคนที่เพิ่งทิ้งตัวลงนอนข้างเขาทันที

“ไปบอกแม่ผมแบบนั้นจะดีหรือครับ? ผมไม่ได้ช่วยพี่ออกแบบบ้านกับร้านพี่เสียหน่อย?” ต้นน้ำพูดขึ้นเป็นเชิงถามอีกฝ่ายเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงยังไม่หลับ

“อ้าว! รู้แล้วเหรอ?” เสียงที่พูดขึ้นรู้เลยว่าอีกฝ่ายยิ้มเยาะอยู่ในความมืด ทำไมพี่จินไห่ถึงชอบแกล้งเขาขนาดนี้

“ผมก็ต้องคุยกับแม่นะ บ้านอยู่แต่ตรงนี้เอง” ต้นน้ำตอบอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ

“งั้นมาช่วยพี่ออกแบบจริงๆ สิ งานนี้พี่ให้ต่างหาก” จินไห่หัวเราะในลำคอ

“โห......” แค่ต้นน้ำคิดก็ขี้เกียจแล้ว งานที่อาจารย์สั่งก็เยอะจนแทบจะทำไม่เสร็จอยู่แล้ว หางานมาให้เพิ่มอีก เขาน่าจะไม่ไหว

“หรือจะให้บอกพี่มนตรงๆล่ะ ว่ารับจ้างมาเป็นแฟนพี่น่ะ” จินไห่รู้สึกสนุกที่หยอกไอ้เด็กขี้โวยคนนี้

“โอย! พอๆ เลย เอาอย่างนั้นก็ได้ แค่นี้ก็แปลกพอแล้ว นอนเหอะ!” ต้นน้ำพลิกตัวตะแคงอีกข้างอย่างไม่พอใจ

“แล้วก็..... ห้ามไปบอกใครนะ เรื่องนี้ให้รู้กันแค่สองคนล่ะ” จินไห่กำชับก่อนจะเงียบลง

“อ่า....ครับ”  ซวยแล้วครับเพราะต้นน้ำเล่นบอกเพื่อนในกลุ่มไปแล้ว หวังว่าไอ้ไอซ์มันคงไม่ปากมากกับพี่ชายมันนะ

.........................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2020 12:10:28 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 7

บททดสอบความแฟน



ต้นน้ำกำลังเก็บกวาดพื้นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้านเหมือนเช่นทุกสัปดาห์ที่ถูกไหว้วานจากแม่ให้มาทำ (กึ่งบังคับ)

เครื่องเซ่นมากมายที่ถูกนำมาถวายแด่เจ้าพ่อต้นไม้แห่งรักต้นนี้มันเยอะขึ้นทุกที ต้นน้ำไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงต้องลงทุนกันขนาดนี้ แล้วทำไมพ่อของเขาถึงผูกพันธ์กับต้นไม้ต้นนี้ขนาดนี้ (ทั้งที่ตัดไปก็น่าจะจบ)

ขนาดที่ว่าพ่อของเขาสั่งเสียก่อนเสียว่าห้ามตัดเด็ดขาด ต้นน้ำเดาว่าพ่อคงบนบานอะไรเกี่ยวกับคุณแม่สุดสวยของเขาหรือเปล่านะ ถึงไม่กล้าให้ตัด

ระหว่างที่กำลังเก็บกวาดอย่างขมักเขม่น ต้นน้ำไม่อยากเสียเวลากับที่นี่มากนักเพราะมีนัดกับดาวคณะมนุษย์ศาสตร์ตอนหนึ่งทุ่ม ระหว่างที่เก็บเศษก้านธูปสีแดงที่โปรยปรายปักอยู่ตามโคนต้นไม้ใหญ่นั่น ปลายตาของเขาก็ไปสะดุดที่เงาร่างหนึ่งที่ปรากฏอยู่ที่รั่วฝั่งที่ติดกับสวนรกร้างไร้คนดูแลที่มีพื้นที่ติดกัน

ต้นน้ำถึงกับผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยความตกใจ เพราะเขาเห็นชายหนุ่มผมยาวที่มัดผมที่ยาวเลยบ่าไปทางด้านหลังรวบตึงบริเวณด้านหน้าเผยให้เห็นวงโค้งเว้าของไรผมที่สวยได้รูป วงหน้าที่ขาวสว่างตัดกับเงาไม้รำไรทางด้านหลังช่วงเย็นแบบนี้ใครไม่ตกใจก็แปลกแล้ว และที่สำคัญคนๆนั้นถือเสียมด้ามยาวและหอบย่ามสัมภาระใบใหญ่มาด้วย ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวขึ้นไปอีก

“โหยพี่!! มายืนทำอะไรตรงนี้เนี้ย!!” ต้นน้ำรีบโยนคำทักทายไปทันทีที่เขาเห็นว่าเป็นใคร คนๆนี้ยืนอยู่อีกฝั่งของรั่วลวดหนามโทรมๆ อยู่ทางฝากที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่ปล่อยให้รกร้างมานาน แม่เขาบอกว่าเป็นเจ้าของคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ ที่แม่รู้เพราะเขาคนนั้นเดินมาทักทายแม่ของเขาแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน และมาขอโทษล่วงหน้า หากการปรับปรุงพื้นที่ของเขาที่อาจจะรบกวนเพื่อนบ้านอย่างเรา

หลังจากทักทายด้วยความตกใจไป แต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่งเงียบ เขาเหม่อมองต้นไม้ต้นนี้เหมือนเมื่อครั้งที่ต้นน้ำเจอเขาคนนี้เป็นครั้งแรก

“เฮ้! พี่ครับ” ต้นน้ำทักทายอีกครั้ง

“เอ่อ... อ้อ สวัสดีครับ” อีกฝ่ายหนึ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

“พี่มาทำอะไรเนี่ย? เย็นป่านนี้แล้ว?” ต้นน้ำมองไปที่เสียมที่อีกฝ่ายถือมาด้วย ต้นน้ำแอบเสียใจนิดหน่อยเพราะเขาอยากให้อีกฝ่ายถือไวโอลินมามากกว่า เขายังติดใจเสียงดนตรี เสียงและทำนองเหล่านั้นติดอยู่ในใจเขาไม่เลือน

“เอ่อ.......คือ......” อีกฝ่ายพูดอ้ำอึ้งเหมือนคิดคำพูดไม่ออก เขายกมือที่กำเสียมแน่นขึ้นมาแบบเก้ๆกังๆ

ต้นน้ำนึกได้ในทันทีถึงคำพูดของแม่ของเขาที่ฟังผ่านๆช่วงมื้อเย็นไม่กี่วันก่อน ชายคนนี้พูดภาษาไทยไม่เก่ง เหมือนเป็นลูกครึ่งใต้หวัน
“มาขุดดิน หรือมาถางหญ้าใช่ไหมครับ?” เขาทายจากท่าทางของคู่สนทนาไปเรื่อย แม้มันจะดูแปลกและผิดจุดประสงค์ของเสียมไปบ้าง มันไม่น่าใช้ถางหญ้าได้ แต่ก็ช่างเถอะ ที่ใต้หวันคงไม่เคยทำอะไรแบบนี้

อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นคำตอบหลังจากคิดอยู่สักพักใหญ่
(สรุปเข้าใจกูไหมเนี่ย ต้นน้ำคิด)

“ขอเข้าไปได้ไหม?” คราวนี้อีกฝ่ายพูดค่อนข้างชัด ต้นน้ำพยักหน้าเป็นการตอบแทนเพราะไหนๆก็เป็นเพื่อนบ้านกัน ก็คงจะเป็นไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร อีกอย่างแม่เขาก็แสดงออกว่าเอ็นดูเจ้าของที่ดินหลังบ้านนี้มาก

หลังจากชายคนนั้นเข้ามาถึงใต้ต้นไม้ เขาก็เอาแต่สอดส่องดูต้นไม้ต้นนั้นอย่างละเอียด สงสัยว่าคงเป็นคนรักต้นไม้มาก

“ต้น....อะไร?” ชายคนนั่นถามด้วยถ้อยคำที่ช้าเนิบนาบเหมือนพยายามสะกดคำไม่ให้เสียงเพี้ยน (แต่ก็เพี้ยน)

“ผมก็ไม่รู้ครับ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรน่ะ จะให้ผมเรียก ‘พี่ๆ’ อย่างเดียวมันอึดอัดเหมือนกันนะ” ต้นน้ำตอบและพยายามจะผูกมิตร

“หลงจินไห่” เขาหันมาพูดชื่อที่ไม่ใช่ภาษาไทย
“แต่คุณย่าชอบเรียก อานนอบ” การพยายามสะกดคำของอีกฝ่ายทำให้ดูน่าเอ็นดูไม่น้อยเหมือนเด็กที่เพิ่งหัดพูด

“อะไรนะ ชื่อไทยพี่เหรอ?”

“ใช่ อานนอบ” ไม่เพียงแค่พูดแต่กลับเดินเข้ามาใกล้จนชิดไม่มีช่องไฟ สายตาที่จ้องเข้ามาในดวงตาของต้นน้ำเหมือนมีประกายไฟเล็กๆระยิบอยู่ภายใน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อโน้มใกล้เข้ามา เส้นเลือดในตัวของเขาสูบฉีดจนแทบจะระเบิดออก

“เฮ้ยยยยย” ต้นน้ำร้องเสียงดัง เขารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย เขาผ่อนลมหายใจออกมา มันคือความฝัน สงสัยเขาคงจะอ่านสมุดเล่มนั้นมากไป ลายเส้นรูปตันไม้สวยๆเหล่านั้น มันคงหลอนเข้าไปถึงในฝัน

แต่ก็แปลกที่เหตุการณ์ในฝันมันตรงกับเรื่องจริงที่เขาได้เจอกับพี่จินไห่ช่วงแรกๆ สมัยยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ เมื่อครั้งที่พี่จินไห่ยังพูดภาษาไทยไม่แข็งแรงเสียด้วยซ้ำ ผิดตรงที่ฉากสุดท้ายมันไม่เหมือนในฝัน ต้นน้ำจำได้ว่าวันนั้นจบลงด้วยที่เขาพยายามจะสะกดชื่อภาษาไทยของพี่จินไห่ จนสุดท้ายก็ได้ความว่า ‘อรรณพ’ อย่างทุลักทุเล

ต้นน้ำนึกถึงก็ขบขำกับอดีตของเจ้าห้องที่เขานอนอยู่ ช่วงนั้นพี่จินไห่เด๋อด๋าไปหมด ไม่ได้ดูคูลเหมือนปัจจุบัน ต้นน้ำเห็นว่ายังเช้าอยู่ก็เลยขอนอนกลิ้งเกลือกต่ออีกหน่อยบนเตียง ไม่ได้อยู่บ้านตัวเองทั้งที่ เพราะปกติแม้ว่าต้นน้ำจะไม่มีเรียนในช่วงเช้าก็ตาม แม่ของเขาก็จะมาปลุกไปช่วยทำงานอยู่ดี (แม่บอกว่าค่าเล่าเรียนเขามันแพง ต้องช่วยทำงานให้คุ้ม แม่คนอื่นจะคิดแบบแม่เขาไหมนะ?)

ต้นน้ำกลิ้งไปได้แค่เพียงครึ่งตัวเขาก็พบอุปสรรคขวางอยู่ สิ่งกีดขวางที่ปกติ ไม่ควรจะมีอยู่ในช่วงเวลานี้ เพราะเมื่อวานมันก็ไม่มี ต้นน้ำแทบจะพลิกตัวกลับไม่ทันเมื่อใบหน้าของเขาเกือบจะไปชนกับใบหน้าของเจ้าของเตียง เขากลิ้งถอยห่างออกไปเกินหนึ่งรอบ ทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เขานอนหนุนศรีษะอยู่เมื่อครู่ก็คือแขนเรียวๆของเจ้าของเตียง เขาไม่คิดว่าตื่นมาจะเจอภาพที่เหมือนในฝันแบบนี้ ทำให้เขาถึงกับวางตัวไม่ถูกรีบลุกขึ้นนั่ง

เสียงขลุกขลักของต้นน้ำทำให้เจ้าของเตียงตื่น เขาขยี้ตาและมองเด็กวัยรุ่นทำท่าทางตื่นตกใจอยู่บนเตียงของเขา จินไห่ยกยิ้มที่มุมปากเพราะมองว่าเป็นภาพที่น่าขำดี เด็กผู้ชายท่าทางแมนๆ แบบนี้ทำท่าเหมือนโดนขืนใจแบบนี้ดูน่ารักไปอีกแบบ

“เป็นอะไร ทำหน้าตาแปลกๆนะ” จินไห่ถามไปอมยิ้มไป

“เอ่อ.... พี่... วันนี้นอนตื่นสายจัง แม่เคยบอกว่าพี่เป็นคนตื่นเช้ามากนี่นา” ต้นน้ำนึกอะไรไม่ออกนอกจากคำที่แม่ของเขามักชื่นชมจินไห่ให้ฟังบ่อยๆถึงความขยันขันแข็ง

“ก็ใครให้เด็กบางคนมันนอนทับแขนพี่ แถมเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเสียทีล่ะ” จินไห่พูดจบอีกฝ่ายก็หน้าแดงขึ้นมาทันที และสงสัยในตัวเองว่าเขาจะทำตัวเป็นสาวแรกแย้มแบบนี้ไปเพื่ออะไร

“แล้วผมไปนอนทับแขนพี่ทำไม แล้วทำไมพี่ไม่ดึงออก” ต้นน้ำเริ่มลนลานจนตัวเองรู้สึกแปลกใจ หากว่าเป็นเพื่อนของเขาแกล้งกันแบบนี้เขาคงถีบมันตกเตียงไปแล้ว

“เห็นเหมือนนอนฝันดี พี่เกรงใจเลยไม่กล้าปลุก สุดท้ายพี่ก็เผลอหลับต่อจนสายเลย” จินไห่หัวเราะที่ท้ายประโยค

“เจ็ดโมงเช้านี่ยังไม่เรียกสายนะสำหรับผม”  ต้นน้ำตอบแก้เขินหลังจากมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

“สายสำหรับพี่นะ ปกติพี่ต้องไปจ่ายตลาดเตรียมวัตถุดิบเองตั้งแต่ตีห้า” จินไห่พูดพลางมองนาฬิกาที่หัวเตียง พูดจบเขาก็ดีดตัวเองและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นนุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของต้นน้ำที่ทึ่งกับความคล่องแคล้วกระฉับกระเฉงแบบนี้

“เออ.. ต้นน้ำเรียนกี่โมง ถ้าเรียนเช้าก็ไปอาบน้ำก่อนได้นะ!” จินไห่หยุดฝีเท้าที่จะเดินเข้าห้องน้ำแล้วหันมาทักนักศึกษาบนเตียง

“อืม.. ไม่เป็นไรครับ พี่อาบก่อนเหอะ ผมยังมีเวลา”  ต้นน้ำเหมือนถูกขัดจังหวะในการชมลีลาการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงหน้าที่เหมือนมายากล พอได้สติก็ตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไร เพราะเขาไปสายเป็นประจำอยู่แล้ว

“งั้นรึ... แต่หากรีบมากมาอาบน้ำพร้อมพี่ได้นะ พี่หาคนถูหลังอยู่นะ” จินไห่ทำท่าเชิญชวน

“จะบ้าเรอะพี่!!” ต้นน้ำตอบกลับไปเสียงหลง

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่น แล้วจะอายอะไรวะผู้ชายด้วยกัน!!” จินไห่หัวเราะอย่างเปิดเผย ต้นน้ำเองก็เพิ่งเคยเห็นจินไห่หัวเราะขนาดนี้

“เราสนิทกันขนาดนั้นเหรอวะพี่” ต้นน้ำขมวดคิ้ว แต่ในใจมีอาการสับสนบางอย่าง เขาก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเขินอายกับผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ ตอนอยู่มหาวิทยาลัย หลังซ้อมกีฬาเสร็จก็ต้องอาบน้ำในห้องอาบน้ำรวม การเห็นผู้ชายโป๊เปลือย มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาเลย

‘ใช่ๆ ผู้ชายด้วยกันจะอายอะไรวะ? แต่กูจำเป็นต้องอาบกับเขาไหมวะ?’ ต้นน้ำคิดในใจระหว่างล้มตัวลงนอนไม่สนใจเจ้าของห้องที่พูดจาเย้าแหย่มากเกินปกติ

...................

ตั้งแต่คาบแรกจนถึงคาบสุดท้ายของการเรียน ต้นน้ำมีท่าทางขาดสมาธิจนกระทั้งไอซ์เพื่อนซี้ยูนิเซ็กส์ของเขาสังเกตได้ชัด แต่ไอซ์ก็ไม่อยากทักเพราะเขาเองก็มีงานต้องส่งอาจารย์อยู่หลายอย่าง จึงตั้งเป้าว่าจะถามเพื่อนของเขาในช่วงที่ทำงานเสร็จสิ้นเรียบร้อย

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในจำนวนไม่กี่วันนับตั้งแต่เปิดเทอมมาที่ต้นน้ำอยู่ทำงานกับเพื่อนจนดึก ปกติต้นน้ำมักจะมีนัดออกเดทกับสาวๆ ทุกช่วงหัวค่ำ เพราะคาดหวังว่าหลังจากเดทจบก็น่าจะได้ไปส่งสาวกลับห้อง หากเดทไปได้สวย เขาอาจจะมีโบนัสแถมท้ายก่อนกลับบ้าน หลังที่เห็นต้นน้ำเอื่อยอ่อยกับงานตรงหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จเสียที ยิ่งทำให้ไอซ์รู้สึกแปลกใจหนักขึ้นไปอีก เขาห้ามความเผือกของตนเองจนกระทั่งเขาประกอบโมเดลที่เขาออกแบบชิ้นสุดท้ายเสร็จสิ้น

“มึงเป็นเชี้ยอะไร?” ไอซ์เดินมาตบบ่าเพื่อนของเขา

“เปล่านี่!” ต้นน้ำแสดงสีหน้าตรงกันข้ามพร้อมถอนหายใจแบบไม่รู้ตัว

“มึงน่าจะรู้ว่ามึงไม่เคยปิดกูอยู่!” ไอซ์ไม่ยอมหยุดอยู่นั่นเพราะเขารู้ว่ามันต้องมีอะไรคาใจเพื่อนเขาอยู่ ปกติต้นน้ำเป็นคนไม่คิดมาก ยิ่งเรื่องความรักนี่ยิ่งไม่เคยคิดเลย เพราะเป็นประเภทขอมีความสุขเป็นวันๆ ไม่ชอบวางแผนอนาคตอะไรพวกนี้ (ไม่แปลกที่คบใครได้ไม่นาน)

“ไม่มีอะไรหรอกมึง มันแค่ไม่มีเดทก็เลยหงอย!”  ต้นกล้าที่กำลังถึงทางตันในงานของตนเองจึงเริ่มอยากผ่อนคลายโดนการแหว่งปากหาเท้าเล่น เพื่อนปากหมาอันดับสองของเขาเริ่มเปิดศึก (ไอ้อันดับหนึ่งก็ไอ้ไอซ์นี่แหละ)

“มึงรีบทำงานให้เสร็จดีไหม กูเห็นมึงตั้งโครงอยู่นานแล้ว!!” ต้นน้ำซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับต้นกล้าสวนกลับทันที

“พวกมึงก็พอกันนั่นแหละ!! ไอ้กล้า มึงควรจะแก้ตรงมุมซ้ายก่อนไหม มันไม่เหมือนในแบบร่างของมึงเลย!!” ไอซ์ผู้มีมันสมองดีกว่าทุกคนในกลุ่มมองปราดเดียวก็แก้ไขโครงงานของอีกฝ่ายได้รีบพูดให้เพื่อนปากหมาหยุดไปมีสมาธิกับงานตนเองก่อน

“เออ! จริงว่ะ” แล้วต้นกล้าก็กลับไปที่งานตนเองต่อ ทำให้ไอซ์สามารถคุยกับต้นน้ำต่อได้


“เดี๋ยว!! มึงเป็นเชี้ยอะไร?” ไอซ์คว้าแขนคนที่กำลังจะเดินหนีตนเองไปกลับมานั่งที่เดิม ด้วยถ้อยคำที่เบากว่าเดิม

“กูไม่พูดตรงนี้!”  ต้นน้ำกระซิบกลับและมองไปทางเพื่อนสนิทคนอื่นๆ ที่กำลังชุลมุนกับงานตรงหน้า

“งั้นไปหาน้ำแดกกัน!” ไอ้คนหน้าฝรั่งแต่กลับพูดแต่ศัพท์พ่อขุนรามฯ ลากเพื่อนสนิทหน้าเครียดของเขาออกจากห้องด้วยความเร็วที่เดินกว่าคนอื่นจะทักทัน

“เล่ามา มึงไม่กล้าสู้หน้าแฟนพี่เขาอีกแล้วเหรอวะ? คราวนี้ทำอะไรอีก!!” ไอซ์เริ่มก่อนอย่างคนรู้ทัน เขารีบเปิดประเด็นทันทีที่ออกห่างจากห้องมาได้นะดับหนึ่ง เขารู้ว่าเพื่อนต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างในใจ เรื่องที่ปัจจุบันเขารู้คนเดียว

“..........” ต้นน้ำลังเลที่จะพูด เพราะเขาเองก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“เอาไงเนี่ยมึง กูอุตส่าห์รีบทำงานเพื่อมาเป็นที่ปรึกษาให้มึงเลยนะ!!” ไอซ์โอบไหล่เพื่อน

“มึงชอบเผือกเรื่องชาวบ้านมากกว่า” ต้นน้ำตอบกลับหน้านิ่ง

“อ้าว! ไอ้สัด งั้นกูไปแล้ว!” ไอซ์ถอนมือออกจากไหล่ และพร้อมจะก้าวท้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่ทันที

“อ้าว!! สักเดี๋ยวสิ ช่วยทำตัวอยากเผือกเหมือนเดิมก่อนสิมึง” ต้นน้ำรั้งเพื่อนสนิทเขาไว้

“ปากแบบนี้กูจะอยากช่วยมึงดีไหมเนี่ย?!” ไอซ์คิ้วขมวดเพียงพักใหญ่ก็กลับมายิ้มเช่นเดิม

“ว่ามา จะปรึกษาอะไรพ่อก็ว่ามาลูก!” ไอซ์กลับมากอดคออีกฝ่ายอีกครั้ง ต้นน้ำครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยปากถาม

“กูไม่สบายใจที่พี่หยู๋แกเงียบแบบแปลกๆว่ะ กูว่าเป็นลมสงบก่อนพายุเข้าชัวร์ กูกลัวรับมือไม่ไหว” ต้นน้ำพูดไม่ตรงกับที่คิดเท่าไหร่ ใครจะไปกล้าถามว่าเวลาอยู่กับผู้ชายแล้วรู้สึกขนลุกตื่นเต้น หน้าอกหวิวๆ แล้วมันคืออะไร ต้นน้ำกลัวคำตอบพอควรจึงขอเก็บไว้ก่อน แล้วไหนจะท่าทางแปลกๆของพี่จินไห่อีก

“กูก็นึกว่าเรื่องอะไร กูว่าไม่มีอะไรหรอก แค่จำให้ได้ว่าบรรดาแฟนเก่าของมึงมีทีท่าอย่างไรเวลามึงคบซ้อนน่ะ แล้วมึงก็ทำตามแค่นั้นกูว่าตรงนี้มึงประสบการณ์เยอะกว่ากูนะ!!” ไอซ์อธิบายด้วยท่าทีจริงจังเหมือนกำลังติวหนังสือให้เพื่อน

“สัด!! เดี๋ยวนะ!! กูบอกไปหลายรอบแล้วว่ากูคบทีละคน!!” ต้นน้ำเถียง

“แต่มึงคุยได้หลายคน!!” ไอซ์สวนกลับ

“แค่คุยป่าววะ!”

“สำหรับกู! คือเรื่องเดียวกันคือมึงกำลังนอกใจ!!!”

“..........” ต้นน้ำจนด้วยเกล้า ไม่เคยเถียงไอ้ฝรั่งนี่ออกเลยสักครั้ง แทงใจดำเสียจนพูดไม่ออก

“ถ้าเรื่องแค่นี้กูว่ามึงไม่น่าจะกลุ้มนะ กูก็นึกว่าจริงๆ แล้วพี่จินไห่ก็จะจีบมึงจริงๆ นี่แหละแต่เอาสถานการณ์แบบนี้มาอ้าง เอาตัวใกล้ชิดมึง แล้วมึงก็เสือกหวั่นไหวเสียอีก!!” ไอซ์ประเมินสถานการณ์ออกมาได้ตรงกับใจต้นน้ำมาก แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา นี่มันเป็นพวกมีญาณทิพย์หรืออ่านใจคนได้วะเนี่ย

“สัด!! มันจะเป็นไปได้ไงวะ อย่างเมื่อวานแฟนเก่าพี่เขาก็กลับดึกแถมเทไม่มากินข้าวด้วย ปล่อยกูนอนอยู่คนเดียวตั้งนานกว่าจะขึ้นมานอนด้วย ให้กูกลับก็ไม่ยอม” ต้นน้ำเผลอบ่น

“มึงพูดเหมือนอยากอยู่กับพี่เขานานๆ อย่างนั้นแหละ!!” ไอซ์แซว

“ไม่ใช่โว้ย ในห้องพี่เขาแม่งไม่มีอะไรทำ กูเบื่อ จะนอนเลยก็ไม่กล้า เดี๋ยวเจอยัยผู้หญิงโรคจิตนั่นฆ่าเอา!!” ต้นน้ำโวยวาย

“เออๆ กูแซวเล่นเฉยๆ หากเป็นอย่างนั่นจริงกูละเสียดาย ทำไมพี่เขาไม่มาทาบทามกูวะ กูจะเล่นให้สมบทบามเลย” ไอซ์หัวเราะ

“เอาคนอย่างมึงไปเป็นแฟน กูว่ามึงไม่เหมาะกับพี่เขาเลยวะ มึงมีดีอะไรวะถึงได้ขอคนอย่างมึงไปเป็นแฟน ถึงจะหลอกๆ ก็เหอะ” ไอซ์มองต้นน้ำด้วยหางตา

..............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออนไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 8

ปัจจัยที่เพิ่มขึ้น


ต้นน้ำนึกถึงคำพูดของไอ้ไอซ์เมื่อช่วงหัวค่ำ ทำให้ความมั่นใจในตัวเองเริ่มสั่นคลอน เขาถามตัวเองวนซ้ำไปมาว่าทำไมพี่จินไห่ถึงได้เลือกเขาให้มาเป็นแฟนกำมะลอให้กับตนเอง ทั้งๆที่เขาเองก็คิดว่ามีคนอื่นที่น่าจะมีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเขามากมาย เขาเองก็ไม่ได้เรียกว่าสนิทอะไรกับพี่จินไห่มากมายนัก

หากไม่เพราะว่าเขาต้องไปทำความสะอาดใต้ต้นไม้ต้นนั่นบ่อยครั้ง เขาก็คงไม่น่าจะได้เจอพี่จินไห่ที่ไหนเลย ทุกครั้งที่พูดคุยกันเขาก็มักจะสนทนากันใต้ต้นไม้ต้นนั้น

หลังจากนึกมาถึงจุดนี้ เขาถึงเพิ่งรู้สึกได้ว่าการที่เขาได้เจอพี่จินไห่ที่บริเวณต้นไม้ต้นนั่นบ่อยๆ น่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกคาใจสงสัยก็มาจากสมุดบันทึกเล่มนั้น

ต้นน้ำก็ไม่รู้ว่ามันเชื่อมโยงยังไง แต่ความสงสัยของเขามันพอกพูนขึ้นมาจนเขาลืมความคิดแรกไปจนหมดสิ้น เขาอยากรู้เรื่องสมุดบันทึกภาพสวยเล่มนั้นมากกว่า เพราะเหตุนี้จึงทำให้อยากอ่านสมุดเล่มนั้นอีกครั้ง

ต้นน้ำคิดได้ก็เร่งฝีเท้าไปที่บ้านของแฟนกำมะลอตัวเองทันที

“เปลี่ยนเสื้อผ้า เราจะต้องไปที่อื่นกัน” จินไห่ที่แต่งตัวดูดีกว่าปกติเอ่ยชวนต้นน้ำทันทีที่เดินเข้าประตูบ้าน

“หา?!? ไปไหน แล้วพี่ไม่ต้องเฝ้าร้าน?” ต้นน้ำถามด้วยจับต้นชนปลายไม่ถูก

“พี่จะจ้างผู้จัดการร้านทำไม หากต้องดูแลร้านทุกวันเอง ที่ลงไปดูแลร้านเองก็เพราะชอบ”  จินไห่คิ้วขมวด

“ถามนิดเดียว ตอบเสียยาว แล้วไปไหนล่ะพี่?” ต้นน้ำทำท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย

“ไป Way to heaven” จินไห่พูดเสียงเรียบ

“หา!!” ที่ต้นน้ำรู้สึกตกใจเพราะที่พี่จินไห่พูดชื่อออกมามันคือผับชื่อดังที่สุดของจังหวัด

................

หลังจากต้นน้ำวิ่งไปเอาเสื้อผ้าดีๆ จากที่บ้าน เพื่อมาผลัดเปลี่ยนที่บ้านจินไห่ ทำให้การไปถึงที่หมายล่าช้าไปมาก แต่จินไห่ก็เข้าใจต้นน้ำเพราะแม่ของต้นน้ำเตรียมแต่ชุดนอนและชุดนักศึกษาใส่กระเป๋ามาให้เท่านั้น (สงสัยกลัวต้นน้ำหนีเที่ยว)

ดังนั้นกว่าจะมาถึงสถานที่แห่งนี้ก็แน่นขนัดไปหมดแล้ว หลายคนรู้ว่าหากไม่จองโต๊ะก่อน หรือรีบมาแต่หัวค่ำอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาเที่ยวที่นี่เลย

“ลืมถามไปเลย พี่มาที่นี่ทำไมอ่ะ? ผมไม่เคยรู้ว่าพี่เป็นคนชอบเที่ยวอะไรแบบนี้” ต้นน้ำถามทันทีที่จินไห่จอดรถเรียบร้อย ที่เขาถามเพราะเขาเองก็มาบ่อย แต่ไม่เคยเจอพี่จินไห่เลย (เคยคิดว่าหากหยุดมาเที่ยวสักเดือนเขาน่าจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้)

“จำไม่ได้เหรอว่าพี่เคยทำงานที่นี่” จินไห่ตอบแบบผ่านๆ

“มาทำงานกับมาเที่ยวันไม่เหมือนกันหรือเปล่าครับ?” ต้นน้ำเริ่มเหลืออดกับการตอบไม่ตรงคำถามของอีกฝ่าย ยิ่งอยู่ด้วยเขายิ่งไม่เข้าใจ

ไอ้เรื่องที่จินไห่เคยทำงานที่นี่ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ในเมื่อต้นน้ำเองเป็นคนแนะนำให้เขามาสมัครงานเป็นนักดนตรีที่นี่ในช่วงเขากำลังว่างงานก่อนมาเป็นเจ้าของร้านอาหารเหมือนเช่นทุกวันนี้

“ไม่รู้ เสี่ยวหยู๋เขาอยากให้มาเที่ยวด้วย” จินไห่เดินนำไปสักสองสามก้าวเขาก็เหมือนนึกอะไรได้หยุดฝีเท้าลง

“ไม่ใช่แฟนกันแล้ว ทำไมพี่ยังตามใจพี่เขาอีกว่ะ เป็นผมไม่อยากมาก็ไม่มา...... อะไรครับ?” ระหว่างต้นน้ำกำลังบ่นพี่ชายข้างหลังบ้าน เขาก็ต้องแปลกใจที่อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าและหันมาหาเขา

“ก็.... เราเป็นแฟนกัน.... ทำตัวให้สมกับเป็นแฟนกันหน่อย” จินไห่เกินมาใกล้โก่งแขนงอศอกเล็กน้อยเป็นการเชิญชวนอีกฝ่ายให้มาคล้องแขนกัน

“.....ทำอะไรของพี่ ผมไม่ใช่สาวน้อยที่จะมาทำอะไรแบบนี้!!” ต้นน้ำถอยไปครึ่งก้าวโวยวาย

“ก็ทำให้มันสมบทบาทหน่อย พี่กลัวว่ามันจะไม่เนียน แค่มาด้วยกันมันไม่น่าจะเนียนพอ มันต้องมี สกินชิพกันบ้าง แฟนกันไม่ทำกันบ้างมันน่าสงสัย” จินไห่กระชากมืออีกฝ่ายมาคล้องแขนตัวเอง

“เฮ้ยพี่ พี่จูบปากผมวันนั้นมันไม่พอเหรอครับ!” ต้นน้ำสะบัดแขนออกและถอยห่างไปนิด เขารู้สึกแก้มร้อนฉ่าขึ้นมาดื้อๆ

จินไห่เห็นก็ยิ้มมุมปากส่ายหน้ากับพฤติกรรมแบบสาวน้อยตรงหน้า
‘ไหนว่าไม่ใช่แต่ทำไมตัวใสๆจังวะ’ จินไห่คิดในใจ

“โดนจับได้มันไม่คุ้มนะ ช่วยพี่หน่อย เดี๋ยวพี่พามาเลี้ยงอีกคืนเลยเอ้า!!” จินไห่ทำเสียงขอร้อง

“ผมเอาเพื่อนมาด้วย พี่ก็ต้องเลี้ยงนะ!” ต้นน้ำสวนทันที

“เออ! จะเอากี่คนก็เอามา!!” จินไห่ตอบกลับแบบไม่คิดมาก

“แค่เดินข้างๆ และโอบไหล่พอป่าว....? ให้คล้องแขนมัน...อืออออ.” ต้นน้ำอ้ำอึ้ง

“............” จินไห่มีท่าทีคิดทบทวน

“โห....พี่.... เพื่อนผมมันก็มีแฟนเป็นผู้ชายมันยังไม่ทำอะไรหนุงหนิงขนาดนี้เลยพี่” ต้นน้ำเสริม ให้เหตุผลที่คิดว่าอีกฝ่ายจะต้องยอม โชคดีที่มีเพื่อนอย่างไอ้ไอซ์ แต่เขาก็ไม่เคยรู้ว่าคู่อื่นเขาทำกันยังไงนะ

“ก็ได้” ในที่สุดจินไห่ก็ยอมตกลง ต้นน้ำจึงเดินไปข้างๆ ให้จินไห่โอบไหล่อย่างเก้ๆกังๆ

...............

การก้าวเข้ามาในร้านไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะจินไห่รู้จักทุกคนในร้านเป็นอย่างดี พวกเขาทั้งสองคนสามารถเดินเคียงคู่โอบไหล่ผ่านคิวแถวตรวจบัตรประชาชนและตรวจสอบความปลอดภัยที่จุดรักษาความปลอดภัยที่ด้านหน้าร้านได้อย่างง่ายดาย

หากเป็นเวลาอื่นต้นน้ำที่สามารถทำเหมือนมีสิทธิ์วิไอพีแบบนี้คงยืดอกเดินเข้าร้านอย่างภูมิใจ แต่เมื่อต้องมาเป็นคู่ควงกับผู้ชายแบบนี้เขาเลยทำได้แต่รีบๆ เดินผ่านๆ ไปโดยหลีกเหลี่งการสบตาคนในแถวที่กำลังยืนรอต่อคิวตรวจสอบความปลอดภัยและที่นั่งอย่างเร็วที่สุด

หลังจากผ่านประตูที่มีม่านลมเย็นพัดลงมาให้หนาวไปทั่วถึงแผ่นหลัง ทำให้ต้นน้ำเผลอกอดอกตัวลูบแขนตัวเองไปมา (ไม่น่าใส่เสื้อเชิ้ตตัวบางตัวนี้มาเลย เวลามันน้อยทำให้มีเวลาคิดไม่เยอะ หยิบเสื้อตัวใหม่มาโดยไม่ได้คิดว่าอากาศภายในร้านจะหนาวเย็นขนาดนี้)

จินไห่ที่เห็นจึงพยายามถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลเข้มให้ แต่ต้นน้ำรีบปฏิเสธเสียก่อน ปากก็บอกว่า
‘ผมไม่ใช่สาวน้อย จะได้มาทำอะไรแบบนี้’ แต่จินไห่ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากเห็นอีกฝ่ายปฏิเสธ เขาก็ใส่มันกลับเข้าที่เดิม ความจริงต้นน้ำก็เห็นว่าเสื้อยืดแขนสั้นของจินไห่ที่สวมอยู่ภายในเสื้อแจ็คเก็ตก็ไม่ได้หนากว่าที่เขาใส่อยู่เท่าไหร่ ควรจะห่วงตัวเองก่อนนะ เพราะหลังจากที่ต้นน้ำไปนอนร่วมห้องกับจินไห่มาแล้วสองคืนทำให้รู้ว่าจินไห่เป็นคนขี้หนาวพอสมควรเลย (คนอะไรเปิดเครื่องปรับอากาศแค่ 26 องศา แต่ห่มผ้าเสียมิดชิด แถมยังตั้งกฏไม่ให้ปรับอุณหภูมิอีกต่างหาก)

จินไห่ไม่รอให้บริกรเข้ามาทักทายเพื่อหาพื้นที่ให้ เขาเดินตรงรี่ไปที่ทางซ้ายของร้านทันที ทำให้เห็นอดีตแฟนสาวของจินไห่นั่งอยู่ที่โซฟาบุนวมหรูหราด้วยพื้นผิวเป็นหนังประดับคริสตัลฝังอยู่ตามพนักสวยงาม เธอสวมชุดเดรสสั้นสีแดงเสมอเข่า โดยรวมแล้วเธอเป็นคนที่มีรสนิยมดีมากๆ เลย ต้นน้ำมองไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชุดเดรสสีแดงรัดตึงอยู่อย่างห้ามสายตาไม่ได้ โดยเฉพาะการนั่งไขว้ห้างที่หากไปนั่งกลางที่สว่างไสวกว่านี่คงเห็นไปถึงไหนถึงไหน ต้นน้ำแอบเสียดายที่พื้นที่ตรงนี้มันอยู่ห่างแสงไฟไปหน่อย

“สวัสดีจ๊ะพี่ไห่” เธอยิ้มกว้างทักทายชายหนุ่มที่เดินนำหน้าต้นน้ำอย่างสดใส

“สวัสดีน้อง...... อืม... นั่งก่อนสิ” รอยยิ้มแสแสร้งปรากฏชัดบนใบหน้าสวยๆนั่น และการผายมือไปที่เก้าอี้เสริมรูปร่างนั่งไม่สบายที่อยู่นอกสุด ทำให้คะแนนความสวยของเสี่ยวหยู่ในใจต้นน้ำหายไปหมดเกลี้ยง เขารู้สึกเสียลูกตาที่ไปมองเธออย่างพิศวาสก่อนหน้านี้

“เห็นพี่ไห่ดูเหนื่อยๆ เลยอยากให้มาเที่ยวคลายเครียดบ้างน่ะคะ”  เสี่ยวหยู๋คว้าแขนจินไห่ไปกอดทันที่จินไห่นั่งบนโซฟาสุดหรูข้างๆ เธอ

“พื้นที่ตรงนี้ เขาไว้ให้สำหรับวีไอพีของร้าน ทำไมเสี่ยวหยู๋ถึงมานั่งได้ล่ะ?” จินไห่แปลกใจเพราะลำพังตัวเขาเองเคยมานั่งตรงนี้นับครั้งได้ เฉพาะเวลาที่คนวีไอพีชวนมานั่งด้วยเท่านั้น

“ก็บังเอิญไปรู้จักกับเจ้าของร้านน่ะ” เสี่ยวหยู๋ผู้ยกแก้วขึ้นมาชูใส่จินไห่และพูดอย่างภูมิใจ

“หา! อะไรนะ!” จินไห่และต้นน้ำอุทานขึ้นพร้อมกัน

“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะ จินไห่ แล้วก็..ไอ้แก่แดด!!” เสียงปริศนาที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ต้นน้ำเย็นหลังวาบ เพราะเป็นของคนที่เขามีความหลังที่ไม่ค่อยดีต่อกันเท่าไหร่

“พี่โน่... สวัสดีครับ” จินไห่ยกมือพนมไหว้คนที่เพิ่งเดินเข้ามา ไม่ต่างอะไรกับต้นน้ำที่ยกมือไหว้หน้าเจื่อนๆ

“อ้าว! พี่สองคนรู้จักกันเหรอ?” เสี่ยวหยู๋มีสีหน้าประหลาดใจแบบเกินเบอร์ในแบบของเธอ หากไม่ใช่เพราะหน้าหมวยๆสวยๆ คงมีแต่คนหมั่นไส้

“พี่ก็นึกว่าเสี่ยวกยู๋รู้อยู่แล้ว?” เจ้าของร้านยกยิ้มมุมปากอย่างรู้เชิงอีกฝ่าย

“ไม่รู้หรอก จะไปรู้ได้ยังไง หยู๋เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้แค่สองสามวัน”  หญิงสาวคนสวยเล่นหูเล่นตาจนผู้ชายบริเวณนั้นยิ้มออกมาไม่รู้ตัว แต่กลับคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในบทสนทนา เขายิ้มออกมาอีกแบบ

ต้นน้ำพยายามทำตัวเรียบร้อยที่สุด เงียบที่สุดเพราะไม่อยากไปแซะแผลเก่าระหว่างเขากับนีโน่ เจ้าของผับที่ดังที่สุด ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขายังเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลของจังหวัด นีโน่เป็นผู้ชายตัวเล็กที่มีส่วนสูงไม่เกินคางของต้นน้ำ (เขาสูง180 ซ.ม.) แต่ถึงจะตัวเล็ก ต้นน้ำเคยได้ยินข่าวว่าตอนสมัยหนุ่มๆ คนๆนี้ก็เป็นนักเลงที่ไม่มีใครกล้าท้าตีท้าต่อยด้วย เขาก็เกิดไม่ทันช่วงนั้น แต่ได้ยินมาว่า ‘หมัดเดียวจอด’ แสดงว่าคงจะหมัดหนักมากๆ หรือชั้นเชิงมวยดีก็ไม่รู้ (ต้นน้ำเองก็ไม่กล้าลอง)

“ต้นน้ำ” นีโน่ผู้แต่งตัวเหมือนวัยรุ่น หน้าตาที่เหลี้ยงเกลานั้น ทำให้หลายคนเดาอายุไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้น น้ำเสียงที่ดุดันที่เรียกชื่อต้นน้ำอยู่ มันให้ความรู้สึกคนละแบบกับหน้าตาเลย

“ครับ!พี่โน่” ต้นน้ำขานรับแทบจะทันที เพราะตอนนี้ดันเอาตัวเองเข้ามาอยูในพื้นที่ของนี่โน่ (ปกติคนมันเยอะ เลยไม่เคยเจอกันเลย)

“พอเห็นมึงอยู่ตรงนี้กูเลยรู้เลยว่า เรื่องมันเป็นมายังไง!! ไอ้พวกที่ชอบแย่งของคนอื่น ยังไงก็ไม่ทิ้งสันดานหรอกใช่ไหม?” นี่โน่จ้องเขม็งมาทางต้นน้ำจนเขาเสียวสันหลังขนลุกไปหมด อยากจะหายตัวไปจากจุดนี้

“เรื่องมันก็นานมาแล้วพี่ แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย ผมไม่รู้ด้วยว่าพี่ก้อยเขาควงพี่อยู่น่ะ!!” ต้นน้ำแก้ตัวพัลวัน

“มึงมาเอากันในห้องกู นี่มึงไม่รู้หรือว่ามึงโง่เหอะไอ้เด็กเปรต!!” นีโน่ขึ้นเสียงจนคนรอบข้างเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

“ผมขอแก้ข่าวได้ไหมครับว่า วันนั้นผมกับพี่ก้อยยังไม่ถึงขั้นนั้น แล้วผมไม่รู้จริงๆว่านั้นห้องใคร! แล้วไหนว่าพี่จะไม่เอาเรื่องไง” ต้นน้ำยกแขนขึ้นป้องหน้าตัวเองเพื่อป้องกันตัว

“แต่มึงมาทำกับน้องเขาอีกนี่ไง กูเลยว่าจะสั่งสอนมึงให้เข็ดจำ!!” นีโน่พูดจบก็ก้าวปราดเข้ามาอย่างกับลูกกระสุนที่ยิงออกจากปลายปืน

แต่จินไห่เข้ามาขวางไว้ได้ทัน

“จินไห่ หลบ! พี่จะสั่งสอนมัน” นีโน่กำหมัดขวาสยบยักษ์ที่เล่าขานกันว่าหมัดเดียวได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่นอน

ต้นน้ำเห็นก็ได้แต่หน้าซีด และเตรียมตัวจะหนีหากคนตัวเล็กนักเลงโตคนนี้มาถึงตัวจริงๆ แต่โชคดีที่พี่จินไห่เข้ามาขวางไว้

เสี่ยวหยู๋ที่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้ถึงกับตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทีแรกเสี่ยวหยู๋แค่อยากจะให้จินไห่หึงหวงที่เธอมีคนมาสนใจ เป็นถึงเจ้าของผับที่ทรงอิทธิพล และแค่จะอาศัยนีโน่สั่งสอนคนที่แย่งแฟนตัวเองไปอย่างต้นน้ำ อย่างน้อยจะได้พิสูจน์ว่าจินไห่กับต้นน้ำเป็นแฟนกันจริงหรือเปล่า? เพราะตนเองก็สงสัยมาตลอดว่าสองคนนี้ไม่น่าจะสามารถหลอกตัวเองได้

“พี่นีโน่ฟังก่อน! ผมว่าเรื่องที่เสี่ยวหยู๋เล่าอาจจะทำให้พี่สับสนกับ time line นะครับ” จินไห่พอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง เลยพยายามไกล่เกลี่ยเพราะอคติของนีโน่กับต้นน้ำมันเป็นเหมือนแก้วที่น่าจะประสานกันยาก

“คนมันเหี้ย ยังไงมันก็เหี้ย พี่ขอร้องล่ะ ช่วยมองเห็นมันเป็นกงจักรเถอะ มันไม่ใช่ดอกบัวเหมือนอย่างรูปร่างภายนอกของมันหรอกนะ!!” นีโน่พูดจบก็คิดจะเดินฝ่ามือของจินไห่เข้าไปแต่จินไห่คว้าตัวรั้งไว้ได้ทัน

“กงจักร?” จินไห่ถามอย่างไม่เข้าใจ

“...ก็....คือ.....คนที่.. โอย.,,, น้องไห่ ถามซะพี่หมดอารมณ์จะโกรธเลย! เอาเป็นว่ามันไม่ดีอย่างที่รูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อเหลาของมันหรอก!!” นีโน่โวยพลางถอยหลังไปครึ่งก้าว

“อ้อ! แต่ว่าพี่ฟังผมอธิบายก่อน ผมกับเสี่ยวหยู๋น่ะเลิกกันมาเป็นปีแล้ว ส่วนเรื่องที่ผมคบกับน้องต้นน้ำเป็นเรื่องหลังจากนั้น ต้นน้ำไม่ได้แย่งผมมาจากใคร!!” จินไห่อธิบายต่ออย่างใจเย็น

“เออ! งั้นก็แล้วไป..... นั่นมันก็เรื่องหนึ่ง!” นีโน่ชี้ไปทางต้นน้ำอีกครั้ง คราวนี้ต้นน้ำถึงกับสะดุ้ง

“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อก่อน ก็ไหนพี่บอกว่าพี่ไม่ได้จริงจังก้อยไง แล้วก็ถือว่าจบกันไป” จินไห่อธิบายเพิ่ม

“ไม่เคยมีใครมายุ่งกับคนของกู ช่วงที่กูยังคบอยู่!!” นีโน่มองเด็กตัวโย่งที่อยากจะแทรกแผ่นดินหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย

“พี่นีโน่ครับ ผมขอเถอะนะ เขาเป็นแฟนผมแล้วนะ” จินไห่โอบไหล่อีกฝ่ายให้ใจเย็น

“นั่นมันก็เรื่องหนึ่ง ยังเหลืออีกเรื่องที่กูอย่างคิดบัญชีกับมัน!!” นีโน่แม้จะมีท่าทางใจเย็นลงแล้วแต่ก็ยังแผ่รังสีอำมหิตใส่ต้นน้ำไม่ขาดสาย

“เรื่องอะไรครับ?” จินไห่ถามอย่างงงๆ ท่ามกลางวงสนทนาอย่างต้นน้ำและเสี่ยวหยู๋

“มันบังอาจแย่งน้องไห่ไปจากพี่!!” นีโน่พูดจบก็ยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของจินไห่อย่างเอ็นดู

‘เชี้ย!!!! อันนี้โคตรพีค อะไรมันจะซวยเท่านี้วะ!!’ ต้นน้ำคิดในใจเสียวสันหลังวาบ

ในขณะที่เสี่ยวหยู๋ได้แต่ตาค้างกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน ผู้ชายแถวนี้นี่มันอะไรวะเนี่ย!!

............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ.....เดาโพยากจริงหว่ะ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 9

เริ่มต้นชีวิตที่วุ่นวาย


คืนนี้เป็นการเที่ยวผับครั้งแรกที่ไม่สนุกที่สุดของต้นน้ำ นอกจากจะมีโอกาสวูบโดยไม่เจตนาหลายต่อหลายครั้ง เขาต้องตัวติดกับพี่จินไห่แจจนคนทั้งผับได้บทสรุปความสัมพันธ์ของเขากับจินไห่ไปแบบเบ็ดเสร็จเรียบร้อย (เวลาอยู่ใกล้พี่จินไห่ทำให้เขาปลอดภัยจากเจ้าของผับอารมณ์ร้อนไง)

แม้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่เสี่ยวหยู๋วางแผนไว้ เพราะนีโน่แม้จะอยู่ข้างๆ เสี่ยวหยู๋ตลอดเหมือนมาเดทกัน แต่นีโน่ก็จ้องมองไปที่คู่ของจินไห่และต้นน้ำตลอดเวลา นีโน่ทำเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่างทุกครั้งที่ต้นน้ำหันไปสบตา

ถึงอย่างนั้น เสี่ยวหยู๋ก็ได้เพิ่มศัตรูความรักปลอมๆนี้ มาอีกหนึ่งคนเพราะในระหว่างที่บรรยากาศรอบข้างที่กินดื่มและร้องเต้นกันอย่างสนุกสนาน แต่บรรยากาศโต๊ะนี้เหมือนปกคลุมด้วยรังสีบางอย่างที่ทำได้แค่ดื่มกันเงียบๆ และแสร้งทำเป็นคุยกันอย่างสนิทสนม แต่เสี่ยวหยู๋รับรู้ได้ เพราะบางครั้งนีโน่ก็พูดติดตลกด้วยมุกประมาณว่า จะทำให้ทั้งสองเลิกกันให้ได้ และจะทวงจินไห่คืน ประสาคนเริ่มมีน้ำเมาเข้าสู่ร่างกาย

แต่ต้นน้ำรู้ว่าพี่นีโน่ไม่ได้เมาจริง คนที่คอแข็งยิ่งกว่าเหล็กไหลในตำนานอย่างพี่นีโน่ไม่มีทางเมาเพียงแค่วิสกี้ออนเดอะร็อคไม่กี่แก้ว

ต้นน้ำขอตัวก่อนโดยอ้างว่าตนเองมีเรียนแต่เช้า ส่วนจินไห่ได้โอกาสจึงขอตัวกลับบ้างโดยอ้างว่าจะมาส่งแฟน (ไม่ต้องเลยไอ้ตัวดี หาเหามาใส่หัวเขาเพิ่มอีก คราวที่แล้วก็รอดตายมาได้ คราวนี้น่าจะไม่รอดแล้ว)

“อะไรกันวะพี่!! ทำไมเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ มีอะไรที่ผมต้องรู้เรื่องของพี่อีกไหม!!??” ต้นน้ำโวยวายทันทีที่เข้าไปนั่งรถของจินไห่

“พี่นีโน่แกเคยจีบพี่สมัยพี่ยังทำงานให้แกน่ะ พี่โดนรุกหนักเลยบอกไปว่า พี่ไม่ชอบผู้ชาย และยังไงก็จะไม่มีทางชอบด้วย! และพี่คิดว่าเรื่องนี้มันก็นานมาแล้ว มันไม่น่าจะมีอะไรเลยไม่ได้บอก” จินไห่อธิบายหลังพวงมาลัยเสียงเรียบ

“มีดิพี่ มีมากเลย! ยิ่งกับผมด้วยนะ ยิ่งตอนนี้พี่บอกเป็นแฟนกับผมที่เป็นผู้ชาย คราวนี้พี่โน่ก็ยิ่งมีหวังไปอีก!!” ต้นน้ำเสียงดังส่วนมือไม้ก็โปกเคลื่อนไหวไปมาอย่างควบคุมไม่ได้

ไม่ได้มาเป็นเขาคงไม่เข้าใจ กิตติศัพท์ความโหดของพี่นีโน่มันไม่ธรรมดาเลย

“อืม.... พี่ลืมคิดไปเลย...” จินไห่ทำท่าคิดแบบใจเย็น

“ยกเลิกตอนนี้ทันไหมเนี่ย...” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจและหน่ายกับอาการทองไม่รู้ร้อนของคนข้างๆ

“พี่ว่าไม่ทันแล้วแหละ” จินไห่หันกลับมาตอบ

“ผมก็ว่างั้น” ต้นน้ำคิดพักใหญ่ก่อนจะหันมาตอบแบบหน้าเสีย ขี่หลังเสือแล้วคงลงยาก ใจหนึ่งของเขาอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบเสียวันนี้เลย แต่พอมาเห็นใบหน้าที่วิตกกังวลของอีกฝ่ายตอนนี้ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ทั้งที่ใจก็พยายามทำตัวเป็นไร้หัวใจมานานเพราะความผิดพลาดในครั้งนั้น กับผู้หญิงคนเก่าของนีโน่ ที่เคยหลอกเขาจนเกือบตาย

................

กว่าจะกลับถึงห้องนอนของพี่จินไห่ เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบห้าทุ่ม พี่จินไห่ขอตัวไปดูลูกน้องตนเองปิดยอดประจำเดือนซึ่งเขากลัวว่าปล่อยให้ลูกน้องทำกันเองน่าจะดึกเกินไป จึงขอตัวไปช่วยและบอกให้ต้นน้ำนอนก่อนได้เลย

ต้นน้ำได้โอกาสจึงได้แอบย่องไปที่โต๊ะเพื่อไปแอบอ่านบันทึกเล่มนั้นอีกครั้ง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะลายเส้นภาพวาดที่สวยงามในนั้นหรือว่าตัวหนังสือสวยๆที่เล่าเรื่องต่างๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ที่ทำให้เขารู้สึกอยากอ่านต่ออย่างมาก

ต้นน้ำค่อยๆเลื่อนบันทึกปกหนังเก่าๆนั้นออกจากกองหนังสือบนโต๊ะ มันแทรกตัวอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางสมุดบันทึกหลายเล่ม เขาพลิกเปิดทันทีอย่างไม่รีรอ เพราะเขารู้ว่าวันนี้เขาคงมีเวลาอ่านไม่มาก

บทที่สองของสมุดบันทึก ยังคงเริ่มต้นด้วยภาพวาดที่ใช้ดินสอร่างอย่างละเอียดทั้งแสงและเงา เป็นรูปบ้านที่คล้ายกับบ้านจินไห่มากเพียงแต่รูปทรงดูธรรมดากว่ามาก  ลายเส้นเหล่าถูกลากทับซ้อนกันไปมาอย่างจงใจ มีน้ำหนักที่เน้นหนักและบางเบากันแต่ละจุดอย่างมีเสน่ห์ ต้นน้ำไม่รู้จักศิลปะอะไรมากมายนัก แต่ในฐานะของสถาปนิกในอนาคต เป็นการลงรายละเอียดได้สมจริงและปราณีตดีจริงๆ

เขาพลิกไปหน้าถัดไปที่เป็นตัวหนังสือเรียงรายยาวเหยียด แต่ที่ต้นน้ำแปลกใจมากๆก็คือ เขาไม่ใช่คนรักการอ่าน แต่ลายมือตรงหน้ามันกลับน่าอ่านอย่างกับต้องมนต์ เขาเคยพยายามลองเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า  เขาคิดไม่ออกเลยว่าคนที่เขียนสมุดเล่มนี้น่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นแน่ ไม่ก็ศิลปินที่โด่งดังก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในวงการศิลปะ

หลังจากรู้สึกชื่นชมเสร็จเขาก็ตั้งใจอ่านทันที บทนี้กล่าวถึงความเหงาของเจ้าของบันทึก ความทุกข์ระทมต่างๆจากการไกลถิ่นฐานเดิมของตนเอง ความเหงาที่ขาดเพื่อน ความยากลำบากในการปรับตัวอีกสารพัด แต่แล้วเขาได้เจอใครคนหนึ่งที่มอบมิตรภาพให้กับเขา

เจ้าของบันทึกเล่าว่าการที่เขาพูดไทยไม่ชัดมันเป็นอุปสรรคในการหาเพื่อนมากแค่ไหน การโดนกลั่นแกล้งจากคนรุ่นเดียวแถวบ้านหลังที่เขาอยู่

และในระหว่างที่เขาเดินเรื่อยเปื่อยไปจนเลยอาณาเขตบ้านตนเอง เขาก็ได้เจอกับหัวโจกประจำกลุ่มเด็กวัยรุ่นแถวหมู่บ้านนี้ แม้คนๆจะไม่เคยแกล้งเขาตรงๆ แต่ก็นิ่งเฉยกับการกระทำของเพื่อนๆตนเองจึงเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

ในขณะที่เจ้าของบันทึกจะเลี่ยงเส้นทางที่ตัดผ่านหัวโจกคนนั้น ก็โดนอีกฝ่ายเรียกรั้งให้หยุดไว้ เขาโดนเรียกให้เข้าหา และถามว่าเข้ามาอยู่ในพื้นที่บ้านของหัวโจกคนนี้ได้ยังไง

เจ้าของบันทึกบรรยายว่าแทบจะไม่สามารถตอบคำถามได้เพราะกลัวจนลนลาน ในทางกลับกันอีกฝ่ายกลับเดินมาหาเขาและพยายามเล่นตลกให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย นอกจากจะไม่โดนว่าแล้ว เจ้าของบันทึกยังพบว่าหัวโจกคนนี้คุยสนุกมากเลยทีเดียว และทำให้ได้รู้อีกว่าการที่เขามาเป็นหัวโจกพวกนักเลงหัวไม้ที่ชอบรังแกคนอื่นเพราะตกบันไดพลอยโจน เขาก็แต่เตะต่อยเก่งแค่ไม่คิดจะหาเรื่องใคร เขาแค่ทำตัวตามน้ำแล้วก็เฉยๆไป

หลังจากที่ได้คุยกันทำให้หัวโจกคนนั้นรู้สึกถูกใจเจ้าของบันทึก จึงบอกว่าจะช่วยปกป้องให้เองเพราะถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน และนั่นทำให้ชีวิตของเจ้าของบันทึกในประเทศไทยง่ายขึ้นมามาก ทำให้เขารักการที่จะอยู่ที่นี่


ต้นน้ำอ่านจนถึงหน้าสุดท้ายของบทที่สอง และพบว่าเจ้าของบันทึกวาดรูปต้นไม้ในมุมมองจากมุมล่างเหมือนภาพที่เจ้าของบันทึกมองขึ้นฟ้าภายใต้ต้นไม้ต้นนั้น มันเป็นภาพที่ให้รู้สึกสดใสและสดชื่นมากกว่าภาพในบทแรกมาก บ่งบอกถึงอารมณ์คนวาดเป็นอย่างดี ต้นน้ำใช้นิ้วสัมผัสลายเส้นดินสอที่บรรจงวาดลงบนกระดาษแผ่นหน้าที่ตอนนี้เริ่มเก่าเหลือง มันดีมากจนเขาเกือบจะสัมผัสถึงอารมณ์ของผู้วาดที่ตกค้างอยู่ในภาพวาด เขาเหม่อมองมันอย่างไม่ตั้งใจ จนกระทั้งได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา

ต้นน้ำรีบปิดบันทึกและเก็บไว้ที่เดิมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เสียงฝีเท้ามาหยุดที่หน้าห้องแล้ว ต้นน้ำไม่สามารถขยับตัวไปที่เตียงได้ทันแน่นอน เขารีบเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดเกมส์ที่เขาเล่นเป็นประจำขึ้นมาทันที ในขณะที่เกมกำลังโหลดข้อมูลเพื่อเข้าเกม คนที่อยู่หน้าประตูก็ผลักประตูเข้าห้องมา

“อ้าว! ทำไมยังไม่นอน?” จินไห่ที่หัวกระเซิงจากการไปตรวจสอบบัญชีมาเอ่ยทักด้วยหน้าตามึนตึง ทำให้ต้นน้ำรู้ว่าจินไห่น่าจะไม่ถนัดงานบัญชีเอาเสียเลย

“เพิ่งไปเจอเหตุการณ์เฉียดตายมา ผมขอเรื่อยเปื่อยก่อนได้ไหมครับ?”  ต้นน้ำตอบไปด้วยอาการสั่นไหวในใจ กลัวอึกฝ่ายจะจับได้ว่าเขาแอบมาอ้านบันทึกบนโต๊ะของจินไห่ ถึงต้นน้ำจะรู้ว่ามันไม่ใช่ของเจ้าของห้องก็เถอะ แต่มันก็ดูไม่ดีอยู่ดี

“ดึกแล้ว! ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?” จินไห่เดินเข้ามาทิ้งตัวลงที่เตียง

“โห พี่ ผมก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละ อึดอัดจะแย่ใครจะไปทนอยู่ได้นาน!!” ต้นน้ำลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ

“แต่พี่จะนอนแล้วนะ วันนี้ไม่ไหวแล้ว ขออาบน้ำก่อนนะ” จินไห่พูดจบเขาก็ค่อยๆทรงตัวลุกขึ้นคล้ายอาการคนหมดแรง กว่าจะเหยียดตัวตรงได้ก็ใช้เวลามากกว่าปกติ

ต้นน้ำเพิ่งสังเกตว่าหน้าของจินไห่แดงเรื่อ ดวงตาปรือคล้ายจะปิดลงมาเหมือนเปลือกตามันหนักมากจนไม่สามารถจะยกขึ้นลืมตาได้เต็มที่

“อ้าว! เฮ้ย! พี่จินไห่ พี่เมานี่หว่า!!” และแล้วความก็แตก ใครจะคิดว่าอดีตนักดนตรียามราตรีในผับชื่อดังอย่างเขาจะคออ่อน!

จินไห่พยายามไม่แสดงอาการมึนเมามาได้ตั้งนาน สุดท้ายความก็แตก ที่เขามาถึงและขอตัวออกห่างเพราะพยายามทำตัวเข้มแข็งไม่ให้ใครรู้เรื่องแบบนี้ ตอนแยกตัวไปดื่มน้ำและกาแฟร้อนมาระดับหนึ่งแล้ว และไปเดินตรวจร้านเล่นหลายรอบถึงดีขึ้น ที่ผ่านมาเขาเอาตัวรอดมาได้ตลอดสมัยทำงาน แต่เมื่ออยู่ในวงเหล้าที่ต้องการเอาใจเจ้าของผับอย่างนีโน่ที่พร้อมจะบวกกับแฟนอุปโลกของตนเอง มันก็เลยเกินลิมิตไปหน่อย

“มันดึกแล้วกูก็แค่ง่วงไหม?!?” จินไห่สวนด้วยพยายามปกปิด

ต้นน้ำได้แต่ยิ้มแบบรู้ทัน เขามีเพื่อนปากดีแบบนี้เยอะ พูดเก่ง ทำตัวเก่งแต่แม่งคออ่อนทุกคน ตัวอย่างเช่น ไอ้ต้นกล้า

“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนเลยครับจะได้สดชื่น สดใสขึ้น” ต้นน้ำผายมือเชิญให้เจ้าของห้องไปทำธุระก่อน

ไม่กี่นาที เจ้าของห้องก็เดินออกจากห้องน้ำเสร็จกิจด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น ต้นน้ำไม่ได้ทักอะไรเพราะรู้ว่าจินไห่น่าจะกำลังเขินทำตัวไม่ถูกที่ต้นน้ำจับไต๋ได้ เขาเลยเดินสวนเข้าห้องน้ำไป


ต้นน้ำอาบน้ำไม่นานเท่าไหร่ พออกมาจากห้องน้ำเขาก็พบว่าจินไห่นอนหลับสนิทไปแล้วด้วยสีหน้าและท่าทางเหมือนเด็กห้าขวบ ทำให้ต้นน้ำแอบขบขันกับภาพตรงหน้าไม่ได้ เพราะปกติจินไห่จะเป็นคนประเภทเรียบร้อยและดึงหน้าตลอดแม้แต่เวลานอน

ต้นน้ำเองก็เพลียมากจึงขอเดินไปนอนบนเตียงที่นุ่มสบายกว่าที่นอนสำรองที่วันนี้จินไห่ไม่ได้เตรียมมากองไว้ให้ที่ข้างเตียง

หลังจากปิดไฟและขยับลงเตียงอย่างแผ่วจนนอนเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย แม้เขาจะติดว่าตนเองเริ่มชินแล้วแต่ต้นน้ำก็ยังรักษาระยะห่างกับจินไห่พอสมควร อาจด้วยความเกรงใจเจ้าของเตียงบวกกับไม่อยากใจสั่นแบบไม่จำเป็น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นอะไรมากมายกับพี่ชายคนนี้หนักหนา

ควับ!! หมับ!!

ต้นน้ำถูกมือหนาหยาบคว้าเข้าที่ไหล่ แขนของคนที่นอนข้างๆ พาดลงบนหน้าอกของเขาอย่างแรง

สิ่งแรกที่ต้นน้ำทำคือสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาคิดว่าหากไอ้ไอซ์เพื่อนเขามาเห็นคงหัวเราะขำจนกลิ้งไปกลิ้งมา ขนาดที่ว่าตัวเองไม่เห็นแต่คิดเป็นภาพในใจก็คิดว่าเป็นภาพที่ตลกมากแน่ๆ

“พี่จินไห่! เฮ้! พี่ๆ!!” ต้นน้ำเขย่าตัวคนที่กอดเขาด้วยการออกแรงดันที่ไหล่ข้างที่สัมผัสกับอกของอีกฝ่าย

แต่ผลตอบรับคือ เงียบ......... อีกฝ่ายแทบไม่รู้สึกตัว ไม่แม้แต่ขยับ และเปลี่ยนลมหายใจ.....

“คนเรามันจะหลับได้ลึกขนาดนี้หรือวะ!!” ต้นน้ำทำได้แค่บ่นงึมงำ

ในขณะที่เขากำลังคิดจะเพิ่มเสียงและออกแรงปลุกอย่างจริงจังนั้น (ใครจะไปนอนหลับลงวะสภาพนี้!! ต้นน้ำคิดในใจ)  จินไห่ก็กระชับแขนข้างที่โอบไหล่ ใช้คางเชยไปที่ไหล่ต้นน้ำ จมูกของจินไห่ชนและแช่อยู่ที่แก้มของอีกฝ่ายจนต้นน้ำรู้สึกถึงน้ำหนักรูปร่างของจมูกที่แทงลงไปที่แก้ม ลมหายใจอุ่นๆ ที่ประสมกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ปะทะใบหน้า

ต้นน้ำก็ตัวแข็งทื่อ เขาไม่ขยับด้วยความตกใจ ไม่เคยคิดว่าจินไห่จะกล้าทำกับเขาแบบนี้ เลือดอุ่นๆ สูบฉีดไปทั่วร่างโดยเฉพาะที่ใบหน้า และเหมือนมีไฟฟ้าประจุอ่อนๆ ไหวเวียนไปทั่วท้องและหน้าอก

‘เราจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายไม่ได้!!’ ต้นน้ำกู่ร้องในใจ ก่อนที่จะกลั้นใจใช้แรงที่มีอยู่ตอนนี้ผลักอีกฝ่ายให้ถอยหงายกลับไปที่เดิม!

ต้นน้ำลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งเตรียมจะโวยวายใส่จินไห่ เพราะด้วยแรงขนาดนี้อีกฝ่ายต้องตื่นแน่นอน ทันทีที่ต้นน้ำหันไปก็พบว่าจินไห่นั้นยังคงนอนหลับไม่ได้สติ ต้นน้ำรู้สึกทึ่งกับการนอนของจินไห่ (หรือเมามาก)

“ลากไปฆ่าจะรู้ตัวไหมเนี่ย?” ต้นน้ำบ่นอุบอิบ

หลังจากมองจินไห่นอนแน่นิ่งอยู่นาน ต้นน้ำจึงตัดสินใจนอนต่อ แต่เพียงครู่เดียวก็มาเจอเหตุการณ์เดิมอีก ครั้งนี้ต้นน้ำค่อยๆ ยกแขนและพลิกตัวของอีกฝ่ายไปเพราะต้นน้ำคิดว่า จินไห่คงเมามากคิดว่าเขาเป็นหมอนข้าง แต่ไม่ช้าจินไห่ก็พลิกกลับมาที่เดิมอีก เหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำๆอีกสามรอบ จนกระทั้งต้นน้ำตัดใจยอมแพ้กับการดิ้นของอีกฝ่ายและยอมแพ้ต่อหนังตาที่หนักจนแทบยกไม่ขึ้น และเขาก็ต้องนอนหลับไปทั้งๆที่กำลังทำตัวเป็นหมอนข้างของจินไห่

.....................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2020 11:37:37 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่จินไห่นี่หลับจริงหรือแกล้งเนียน?

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
แสงแดดที่เริ่มสาดส่องเข้ามาตามองศาของดวงอาทิตย์ในยามสายของวันไหม่ ต้นน้ำรู้สึกตัวจากความเข้มของแสงภายในห้อง และอุณหภูมิของห้องที่สูงขึ้น เม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดพลายออกมาตามผิวหนังทำให้เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเพื่อหาสาเหตุ เพราะนอนในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศไม่น่าจะรู้สึกร้อนขนาด

หลังจากดวงตาเริ่มปรับแสงได้เขาก็พบกับสาเหตุของเม็ดเหงื่อที่ผุดในเวลานี้ ท่อนแขนที่ยาวขาวเนียนได้พาดทับลำตัวเขาพร้อมผ้าห่มหุ้มแขนท่อนนั่นอยู่เป็นช่วงๆ หลังจากที่พยายามขยับตัวถึงได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เพียงแขนเท่านั้นที่พาดมากอดรัดเขาแน่น แต่เป็นท่อนขาอีกข้างที่ทำหน้าที่เดียวกันอยู่

ต้นน้ำนึกถึงเรื่องเมื่อคืนได้ทันทีที่ไอ้คนคออ่อนเจ้าห้องมันบังคับเขาเป็นเสมือนหมอนข้างบนเตียง ต้นน้ำกระแอมในคอให้โล่งเพราะเขาคิดว่าได้เวลาใช้เสียงปลุกให้คนข้างตื่นอย่างไม่ต้องเกรงใจแล้ว แม้จะแปลกใจว่าปกติจินไห่จะเป็นคนตื่นเช้ามาก เวลาแบบนี้จินไห่จะไปดูแลงานที่ร้านอาหารแล้วก็เถอะ

“เฮ้ยยย” ต้นน้ำร้องขึ้นทันทีที่หันไปข้างที่เจ้าของห้องนอนหลับไม่ได้สติ เพราะใบหน้าอีกฝ่ายมันใกล้เขามากจนเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายเป่ามากระทบหน้าได้ ริมฝีปากของเขาก็อยู่ในองศาเดียวกับคนที่หลับไม่ได้สติ

ดูท่าทางเสียงอุทานของเขาจะไม่สามารถไปกระตุ้นปลุกอีกฝ่ายได้เพราะนอกจากจะไม่ขยับตัวแล้ว จินไห่ยังหายด้วยความถี่ปกติ

“คนอะไรมันจะขี้เซาได้ขนาดนี้วะ!!” ต้นน้ำบ่นพร้อมผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด

เพียงครู่เดียวจากที่ลมหายใจที่ผ่อนออกมาด้วยความอึดอัดของต้นน้ำไปสัมผัสอีกฝ่ายแรง ทำให้คนขี้เซาเริ่มขยับใบหน้าและค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“ทำไมมานอนใกล้พี่จัง?” ประโยคแรกที่แสนงัวเงียของจินไห่ ที่ทำให้ต้นน้ำรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาจนเกินจะอดกลั้นได้

“พูดแบบนี้นี่จงใจกวนตีนผมใช่ไหมเนี่ย” ต้นน้ำรู้สึกได้เลยว่าเลือดขึ้นหน้ามันเป็นแบบนี้นี่เอง

“อ้อๆ เออๆ พี่ขอโทษ” จินไห่ดูสภาพการนอนของตนเองจึงรีบถอนทุกอย่างออกจากลำตัวของอีกฝ่าย

ต้นน้ำที่ได้เป็นอิสระจากอีกฝ่ายถึงกับร้องออกมาอย่างโล่งใจ และบิดขี้เกียจโดยการถีบผ้าห่อมออกจากตัวเองให้หมดเพื่อรับอากาศเย็นที่เป่ามาจากเครื่องปรับอากาศที่หัวเตียง

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือเรื่องปกติยามเช้าของเพศชาย ที่จะมีอาการ ‘เคารพธงชาติ’ ทำให้ต้นน้ำรีบลุกขึ้นนั่งทันที

“นี่ต้นน้ำ ไม่ได้คิดอะไรกับพี่ใช่ไหม?” จินไห่เห็นทันจึงได้รีบแซวทันที

“จะบ้าเรอะพี่ มันเรื่องปกติของผู้ชายหรือเปล่าวะพี่?” ต้นน้ำตอบอย่างรนราน เพราะเอาเข้าจริง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเรื่องปกติยามเช้าหรือเพราะที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่นอนกอดเขาทั้งคืน ต้นน้ำพยายามข่มใจนึกถึงเรื่องอื่นเพื่อให้น้องชายตัวเองสงบ

จินไห่หัวเราะร่า ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง ต้นน้ำเห็นดังนั้นก็เลยรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพราะไม่ต้องการรู้ว่า อวัยวะของพี่จินไห่จะทำกิริยาเดียวกับเขาหรือเปล่า และพฤติกรรมแบบนี้เป็นอีกหลายพฤติกรรมที่เขาไม่เข้าใจตัวเองตั้งแต่มาอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเขาก็ไม่รอช้าที่จะรีบแผ่นออกจากสถานการณ์ที่น่าอายนี้ โดยการรีบออกจากที่นี่และบึ่งไปมหาวิทยาลัยทันที

“พี่ให้ลูกน้องเตรียมมื้อเช้าให้แล้ว กินด้วยกันก่อนไปสิ” จินไห่ตะโกนจากห้องน้ำขณะอาบน้ำ

“ครับ เอ่อ... วันนี้ผมรีบเตรียมพรีเซ็นต์งานผมขอลงไปกินก่อนนะครับ” ต้นน้ำรับตอบไปด้วยท่าทีอึกอัก

“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่รีบตามไป” จินไห่ตะโกนทิ้งท้ายตอบกลับมา แต่ต้นน้ำไม่ตอบกลับ รับเผ่นออกจากห้องไปที่ร้านอาหารทันที

เนื่องจากร้านคาเฟ่ของจินไห่มีบริการอาหารเช้าด้วยตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 10 โมงเช้า จินไห่ซึ่งเป็นเจ้าของร้านจึงสั่งให้แม่ครัวเตรียมให้เขาด้วยทุกเช้าจนเป็นกิจวัตร หลังจากที่ต้นน้ำได้มาอยู่กับจินไห่แล้วจึงโดนบังคับทำกิจวัตรนี้ร่วมกับเขาด้วย แม้ปกติต้นน้ำแทบจะไม่เคยกินมื้อเช้าเป็นกิจลักษณะแบบนี้เลย

“ปกติเฮียจินไห่เป็นคนตื่นเช้ามากๆ ปกติจะไปจ่ายตลาดเองทุกครั้งแต่วันนี้มันแปลกนะที่เขาไม่ไปตลาดเพื่อเลือกซื้อของสดเองแบบนี้ เมื่อเช้ามืดอุตส่าห์โทรศัพท์ไปปลุกแต่กลับยอมปล่อยให้พวกเราไปซื้อกันเอง และบอกว่าจะขอมาตรวจทีหลัง สงสัยจะติดแฟนคนนี้มาเลยเนอะ”

“ก็แหม... ทั้งเด็กทั้งน่ารัก เป็นใครก็อยากกอดอยากฟัดนานๆ แหละ”

“ว้ายๆๆๆๆ”

นี่คือเสียงของเหล่าพนักงานในคาเฟ่ของร้านที่กำลังจับกลุ่มนิทาเจ้านายอย่างสนุกปากโดยที่ไม่รู้ตัวอย่าง ต้นน้ำเดินเข้ามาในระยะได้ยินแล้ว

ต้นน้ำยังไม่ชินสักทีเวลาที่คนอื่นพูดถึงตัวเอง เหมือนเขาเป็นอีหนูเมียเด็กอะไรประมาณนี้

“อย่างกูมันต้องผัวสิวะ ไม่ใช่เมียเด็ก” ต้นน้ำเผลอคิดดังหงึมงำอยู่ในคอ และก็ต้องแปลกใจกับความคิดชั่ววูปของตนเอง  เขาสะบัดหน้าให้ทิ้งความคิดแปลกๆนี้ออกไปและเดินตรงไปที่โต๊ะมื้อเช้าที่ทางพนักงานของร้านเตรียมไว้ให้

ต้นน้ำกินไปได้ครึ่งทางจินไห่ที่แต่งกายเรียบง่ายแต่ดูดีทุกมุมก็มาถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งระหว่างที่ต้นน้ำกำลังขบเคี้ยวอาหารเช้าแสนอร่อยตรงหน้าเขาก็คิดถึงคำพูดของพนักงานที่กำลังพูดถึงพวกเขาอย่างสนุกปาก ว่ามันมีอะไรที่มันไม่ถูกต้องอยู่ มันแปลกๆ จนกระทั้งมาเห็นใบหน้าขาวตี๋ข้างหน้าที่ยิ้มจนตาเล็กตี่เมื่อเห็นเขากำลังเอร็ดอร่อยกับมื้อเช้า

“พี่จินไห่ ปกติพี่ไปซื้อวัตถุดิบเองทุกเช้าเหรอครับ?” ต้นน้ำเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย

“อืม…ใช่ เพราะแม่พี่เคยบอกว่าอาหารที่อร่อยจะต้องมาจากวัตถุดิบที่ดี ดังนั้นพี่จึงไปเลือกซื้อด้วยตัวเองทุกครั้ง” จินไห่ยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี

“เหรอครับ…” ต้นน้ำมีสีหน้าอึดอัดขึ้นมา

“ทำไม อยู่ๆก็มาถามพี่แบบนี้ทำไม?” จินไห่มองมาที่ต้นน้ำด้วยท่าทีสงสัย

“แล้วทำไมวันนี้พี่ไม่ได้ไปล่ะครับ” ต้นน้ำตัดสินใจถามต่อทันที

“ก็… พี่ตื่นสายนี่นา เมื่อวานพี่เหมือนจะเมานะ ต้นน้ำน่าจะรู้”  จินไห่หัวเราะทิ้งท้าย

“แต่ลูกน้องพี่ฝึกมากับมือ ลองชิมดูสิ อาหารสดใหม่น่ากินทั้งนั้นใช่ไหม?” จินไห่พูดพลางผายมือไปบนโต๊ะที่มีอาหารสีสันน่ากินสดใหม่สมกับที่จินไห่คุยไว้

ต้นน้ำจึงลงมือกินต่อเหมือนไม่เคยมีบทสนทนาก่อนหน้านี้

…………

“เชี้ย!! กูว่ามีกลิ่นแล้วว่ะ!!” ไอ้ไอซ์โพล่งขึ้นมาที่โต๊ะอาหารมื้อเที่ยง

“ไอ้สัด!! เบาๆ!!” ต้นน้ำที่แทบจะลอยตัวไปคว้าปากที่ส่งเสียงเหมือนลำโพงโรงอาหารของเพื่อนสนิท พร้อมมองไปรอบๆ เขาเห็นเพื่อนที่มากินมื้อเที่ยงด้วยกันยังคงเดินเลือกซื้ออาหารอยู่ก็โล่งใจ ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมใช้มือข้างถนัดโบกใส่ท้ายทอยเพื่อนสนิทอย่างแรง

“พอเลย กูหายใจไม่ออก ไอ้สัด!” ไอซ์ปัดมือที่อุดริมฝีปากเขาออกอย่างรวดเร็ว

“ก็ใครใช้ให้มึงแหกปากเสียลั่นเดี๋ยวคนก็หันมาสนใจกูหมด โดยเฉพาะไอ้สัดต้นกล้า เดี๋ยวแม่งถามมาก!” ต้นน้ำซุบซิบหน้าเข้มใส่ไอซ์ผู้ทำหน้ายิ้มกริ่มแบบไม่รู้ร้อนหนาว

“กูว่าไม่ทันแล้ว พี่จินไห่ของมึงนี่ก็ไม่ธรรมดานะ” ไอซ์ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มเหมือนเดิม ทะเล้นจนอยากเอาบาทาลูบหน้าเสียที

“มึงหมายความว่าไง?” ต้นน้ำรู้สึกเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง

“มึงถามคนที่อยากจะถามมึงใจจะขาด อยู่ด้านหลังมึงนั่นไง!!” ไอซ์ยิ้มชั่วร้ายและชี้ไปทางด้านหลังต้นน้ำ

“เชี้ย!!!” ต้นน้ำอุทานตกใจ เพราะเห็นหน้าไอ้ต้นกล้าอยู่ใกล้แค่คืบ คนอะไรจะเร็วขนาดนี้เมื่อสักครู่มันยังอยู่ตั้งร้านข้าวแกงริมสุด

“ไอ้ต้นน้ำ มึงมีอะไรจะสารภาพไหม?” ต้นกล้าถามหน้าเครียด

“สารภาพเชี้ยอะไร!! ไม่มี!!” ต้นน้ำหัวขาวโพลน ไอ้ต้นน้ำมันไปรู้อะไรมา แต่ตัวเขาต้องเนียนไว้ก่อน

“กูได้ข่าวว่า..... มึงมีผัวแล้ว!!” ต้นกล้าทำหน้าทะเล้นใส่คนที่เริ่มหน้าซีด ที่ได้แต่คิดว่า ‘กูพลาดตรงไหน?’

“ผัวพ่อง!! ข่าวเชี้ยอะไรโคตรมั่ว! มึงไปเอามาจากไหน!” ต้นน้ำที่พยายามยื้อปฏิเสธหน้ามึนต่อไป

“เพจ’ผัวทิพย์’ ของคนในมหาวิทยาลัยไง!!” ต้นน้ำแต่ได้ฟังคำตอบจากปากเพื่อน ใจก็หล่นไปที่พื้น เพราะเพจดังเพจนี้ ตั้งขึ้นจากการรวมตัวของสาวฮอตของมหาวิทยาลัย และหนึ่งในนั้นก็คือรุ่นพี่สาวสุดสวยอย่างนิ่มอดีตดาวมหาวิทยาลัยและ แฟนสาวสุดสวยของไอ้เฟรมและพีชอดีตแฟนสาวของเขานั่นเอง (ถึงจะคบกันไม่นานแต่ก็รู้กันทั้งมหาวิทยาลัย)

“เชี้ย!! มึงไปเชื่อไอ้เพจไร้สาระ มโนไปวันๆ แบบนั้นหรือวะ!!” ต้นน้ำรีบสวนกลับ

“แต่กูมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้!!” ต้นกล้าตอบอย่างมั่นใจ

“ใครวะ!!?? อย่าบอกว่าเป็นพี่นิ่มกับพี่พีช กูว่าไม่น่าเชื่อถือสุดๆ และมึงก็รู้ว่าเพราะอะไร” ต้นน้ำถามตาขวาง

“ไม่ใช่!!” ต้นกล้าตอบกลับทันควัน

“แล้วใครวะ?!?” ต้นน้ำมีอาการวูบวาบที่ท้อง

“ไอ้เฟรม เพื่อนรักมึง!!” ต้นน้ำยอมรับว่าเขาสนิทกับไอ้ฝาแฝดคู่นี้มาก แต่คนเงียบๆ อย่างไอ้เฟรม ไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น!

“มึงเหรอ!!” ต้นน้ำหันไปหาคนที่ตามมาสมทบทันเวลาพร้อมถือจานก๋วยเตี๋ยวที่ร้อนจนควันพวยพุ่ง

“สัด!! ไอ้กล้า มึงนี่ชอบหาเหาให้กูจริงเชียว!!” คนมาหลังสุดอย่างเฟรม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฟังใจความทั้งหมด แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะคนที่ชอบแกว่งปากหาเท้าอย่างไอ้ต้นกล้า มันหุบปากไม่เป็นอยู่แล้ว

“เป็นมึงจริงๆ มึงเป็นคนให้ข่าวเมียมึง? มึงเอาอะไรมาพูดวะสัด!!” ต้นน้ำพยายามใจเย็นเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ ระหว่างพูดรีบทำท่าทางให้เพื่อนทั้งกลุ่มนั่งลง

“ไอ่ห่า! ฟังกูก่อนไหม?” เวลาเจอไอ้หน้าฝรั่งด่าด้วยถ้อยคำสมัยพ่อขุนรามฯ ก็ยังไม่ชินเสียที ไม่รู้ใครสอนมันถึงเก่งขนาดนี้

“ว่ามา!” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจ ข่มตาข่มใจให้ใจเย็น แต่เท้าของเขาก็เหยียบเท้าของไอซ์ไว้ เพราะมันเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทุกอย่าง หวังว่ามันจะไม่หลุดปากบอกพี่ชายฝาแฝดมัน และหากหลุดปากจริงไอ้เฟรมก็ไปหลุดปากไปบอกแฟนมันอีกที อันนี้คือเท่าที่ต้นน้ำคิด

“เฟรม มึงก็รีบพูดสิวะกูเจ็บ!!” ไอซ์โอด

“เจ็บ?” เฟรมสะดุดและงงกับฝาแฝดตัวเอง

“เอาเหอะ! รีบเล่า กูอยากฟังจะแย่แล้ว!” คนที่มีความสุขที่สุดคงไม่พ้นไอ้ต้นกล้า หน้าตาก็ดีนะ แต่นิสัยนี่สุดๆ มันถึงไม่มีแฟนเสียที

“มึงน่ะ หุบปากไปเลย! สัด!! เงียบๆ ไป เดี๋ยวมันก็ไปรู้จากคนอื่นแล้ว!!” เฟรมวาดสายตาดุใส่ไอ้กล้าที่ร่าเริงจนอย่างทุบหลังสักที

“อ้าว! รู้จากเพื่อนนี่แหละ อายน้อยสุดแล้ว!” ต้นกล้ายังไม่หยุดพล่ามไปเรื่อย

“ยังอีก!!” เฟรมเหลืออดทำเสียงเข้ม



“เออๆ ก็ได้วะ” พูดจบต้นกล้าก็จ้วงข้าวมื้อเที่ยงเข้าปาก

“แล้วกูจะเริ่มจากตรงไหนดีวะ?” เฟรมนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะเริ่มเปิดปาก ประโยคแรกออกจากปากเขาคือ “เมื่อคืนที่ผับ....”

เฟรมไปเที่ยวกับบรรดาแก็งสาวสวยของนิ่ม และนิ่มเองที่บังเอิญไปเจอเหตุการณ์ของต้นน้ำในผับเข้า จึงเดินมาถามเฟรมเพื่อชี้ตัวว่า คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งวีไอพีนั่นใช่เพื่อนสนิทของเฟรมหรือไม่ เฟรมซึ่งไม่เคยโกหกแฟนตัวเองจึงตอบไปตรงๆ ว่าใช่ และมหกรรมนักสืบสาวมหาวิทยาลัยก็เริ่มต้นขึ้น สาวสวยแอดมินเพจ ‘ผัวทิพย์’ ทำหน้าที่ได้เหลือเชื่อมากๆ เพียงคืนเดียวก็สามารถสืบทั้งเรื่องที่ผับดังและเรื่องที่ร้านอาหารของจินไห่ได้ทีละเล็กละน้อยจนประกอบกันเป็นข่าวพาดหัวเพจประจำเช้าวันนี้พร้อม ภาพมื้อเช้าระหว่างเขากับจินไห่ที่ร้านอาหาร

“กูรู้ว่าพี่เขาอาจจะทำเกินกว่าเหตุ เดี๋ยวคนก็ลืมแล้วมึง เรื่องมันแค่เม้าส์สนุกๆ ใช่ไหมล่ะ” เฟรมต่อท้ายหลังจากเล่าจบ แต่ต้นน้ำกลับนิ่งผิดปกติ

ที่เขานิ่งเพราะอึ้งและรู้สึกทุกอย่างที่เขาสร้างมันพังลงมาต่อหน้า ภาพพจน์เพลย์บอยรูปหล่อ จบกัน!!

.....................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 10

ขึ้นหลังเสือ


เพจ “ผัวทิพย์” ของพี่นิ่มและผองเพื่อนอดีตดาวคณะฯต่างๆ ของมหาวิทยาลัยนั้น เป็นเพจที่ฮิตขึ้นเทรนระดับประเทศเลยก็ว่าได้เพราะเพจนี้มีหน้าที่เสาะแสวงหาผู้ชายทุกวัยที่หน้าตาดี มีเสน่ห์มาให้บรรดาลูกเพจได้ชื่นชม โดยไม่สนว่าจะมีเจ้าของ หรือเพศสภาพแบบใด เกย์ ทอมได้หมด หากสามารถให้ลูกเพจมโนเป็น ‘ผัวทิพย์’ ได้ ก็จะได้มีโปรไฟล์และรูปเท่ๆในเพจนี้

ต้นน้ำเองก็เคยฮอตมากในเพจนี้ ฉายาเพลย์บอยไร้หัวใจก็มาเพจนี้ จนกระทั้งเมื่อวาน เพจได้ทำการสื่อสารแนวใหม่ ตั้งคอนเทนต์แหวกแนวเพจว่า ‘คู่วาย คู่จริง’

คอนเทนต์นี้สร้างกระแสความฮือฮาได้ดีพอควร แม้จะใช้ชื่อย่อและเบลอรูปไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่พ้นพวกโคนันปากหอยปากปู ที่เม้าส์เดากันจนกลายเป็นข่าวติดกระแสครั้งใหญ่ภายในไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเช้า

และนั่นเป็นสาเหตุให้ต้นน้ำใช้ชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยได้อย่างยากลำบาก เพราะยิ่งคนที่เขาเป็นข่าวด้วยเป็นหนึ่งใน ‘ผัวทิพย์’ ที่ฮิตฮอตร้อนแรงยิ่งไปกว่าเขาเสีย ดูท่าทางการตัดสินใจช่วยเหลือพี่ชายใกล้บ้าน จะสร้างความเสียหายมากกว่าที่เขาคิด

“เชี้ย!!!” ต้นน้ำที่แชมพูหลุดจากมือกลิ้งหล่นออกจากพื้นที่อาบน้ำฝักบัวภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬา ซึ่งสร้างเป็นฉากปูนเปลือยโดยไม่มีประตูใดๆกั้น

“ก้นสวยนี่หว่า ว่าแต่มึงหรือพี่เขาวะที่โดน?” ไอ้ต้นกล้าปากหมาแซวต้นน้ำที่เปลือยกายออกมาจากพื้นที่ฝักบัวออกมาเก็บขวดแชมพู

“ไอ้สัด!! เดี๋ยวกูปาด้วยขวดแชมพู” ปากพูดว่า ‘เดี๋ยว’ แต่ต้นน้ำยกขวดแชมพูเหวี่ยงขึ้นเหนือศรีษะเรียบร้อยแล้ว และใจก็คิดจะเหวี่ยงไปโดนปากไอ้เพื่อนปากหมาที่แอบส่องเขาทางด้านหลังจริงๆ

หมั่บ!!

ข้อมือของต้นน้ำถูกคว้าจับไว้แน่น

“ไอ้ต้นน้ำ!! เดี๋ยวไอ้เชี่ยนี่ก็ตายหรอก ขวดแชมพูมึงไม่ใช่อันเล็กๆ ไม่ตายก็เจ็บ กูยังอยากให้มันแข่งในช่วงกีฬามหาวิทยาลัยนะโว้ย!!” เฟรมที่เดินมาจากที่ใดไม่ทราบโผล่มาได้จังหวะ

ส่วนต้นกล้านั้นได้เดินออกห่างจากระยะขว้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณห้องอาบน้ำรวมเพราะมันก็ยังอาบไม่เสร็จฟองยังเหลือเต็มตัว

“กูไม่รู้ว่าจะโกรธมันหรือโกรธมึงก่อนเลย!!” ต้นน้ำสะบัดมือให้หลุดจากการจับของเฟรมและเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ

“ไอ้กล้า มึงมาอาบน้ำให้เสร็จ และเอาปากหมามึงกลับบ้านไปเลย หากไม่อยากให้ไอ้น้ำมันเอาเท้าลูบปากมึง และกูขอสั่งห้ามให้มึงล้อมันเรื่องนี่อีกด้วย!!” เฟรมซึ่งเป็นถึงกัปตันทีม ผู้ที่มีพลังเสียงดุดันแม้จะไม่เหมาะกับตาสีสวยคู่งามของเขาก็ตาม ขนาดว่าอยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ แบบนี้อยู่ยังรู้สึกถึงออร่าผู้นำเลย

“ครับ! ท่านกัปตัน!! ผมจะปฏิบัติตามครับ!!” ต้นกล้าที่เปิดฝักบัวให้น้ำราดลวกๆ ออกมาทำท่าเคารพแบบทหารด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า และโผเข้ากอดกัปตันทีมทันที

“อย่าโกรธเราน๊า” ต้นหล้าทำเสียงอ้อนเลียนแบบแฟนของเฟรม ซึ่งก็ทำให้ต้นน้ำรู้สึกขบขันและอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง

“ไอ้สัด ปล่อย!! มึงจะโดนกูซัดสักเปรี้ยงก่อนนะ ไอ้กล้า!!” เฟรมสะบัดตัวขณะที่ต้นกล้ารีบปล่อยและวิ่งเข้าห้องน้ำไปเพราะกลัวเจอขาฟาดเข้าที่ลำตัวเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาล้อเลียนเฟรม

“อารมณ์ดีแล้วสิมึง?” เฟรมถามต้นกล้าขณะที่เขาเห็นต้นกล้ายิ้มออกมาได้บ้างแล้วในวันนี้

“ยัง!!” ต้นน้ำตอบห้วนๆกลับไปพร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ไม่ไกลมาเช็ดตัว

“เชี้ย!! มึงก็รู้ว่า ข่าวในเพจนั่น มันจะดังอยู่สักกี่วัน?ไม่ใช่เรื่องจริงมึงก็อย่างไปกลุ้มใจสิวะ ส่วนไอ้กล้าปากหมานี่มึงยังไม่ชินอีก เดี๋ยวมันมีเป้าหมายใหม่มันก็เลิกวอแวมึงเอง”

“.......” ต้นน้ำรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันไม่จริงแต่เขาปฏิเสธไม่ได้ไง!!

“ทำไมมึงเงียบไป.... หรือว่า” เฟรมมีท่าทีสงสัยกับปฏิกิริยาของเพื่อนสนิท

“ไม่มีอะไรหรอก! มันก็แค่กลัวสาวที่มันกำลังจีบเข้าใจผิดน่า!” ไอซ์ผู้ช่วยชีวิต ผู้ซึ่งแต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เข้ามาขัดจังหวะพอดี

“มึงเล็งใครใหม่วะ? คณะอะไร มอเราหรือเปล่า?” ไอ้ต้นกล้าที่เปลือยอกเดินมาร่วมวงในระยะที่อาวุธของเฟรมเอื้อมถึงเลยใช้มือโบกศรีษะไปหนึ่งทีเสียงดังสนั่น

“โอ้ย!! อะไรของมึงเนี่ย!!” ต้นกล้าโวยลั่น

“กูขอบอกมึงเลยว่า ห้ามเข้าใกล้ไอ้น้ำมันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ไม่งั้นมึงโดนซ่อมจากโค้ชแน่!! กูจะบอกโค้ชให้มึงคลานกลับบ้านเลย” เฟรมเอ่ยคำประกาศิตที่ทำให้ไอ้ต้นกล้าหงอยและถอยห่างอย่างไม่บอกกล่าวซ้ำสอง

“เอาล่ะ! ไอ้ตัวป่วนไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เราสามคน มึงมีอะไรจะบอกกูไหม?” เฟรมจ้องน้องชายฝาแฝดตนเองและเพื่อนสนิทอีกคนอย่างต้องการคำตอบ

“...... ไม่..... กูไม่มี....” ต้นน้ำตอบเสียงอ่อยแต่พยายามจ้องกลับด้วยความจริงจังว่าเขาไม่มีอะไรต้องปิดบังจริงๆ

ส่วนไอ้ไอซ์ได้สั่นหน้าตอบไป เหมือนสื่อจิตถึงกันได้

“เฮ้อ.... มีอะไรก็เล่าให้กูฟังได้นะเว้ย ยังไงมึงก็เพื่อนกู กูรับได้นะ”  เฟรมถอนหายใจ เดินเข้ามาโอบไหล่ต้นน้ำ

“มึงหมายความว่าไง?!?” ต้นน้ำใจสั่น

“ขนาดน้องชายกู กูยังรับได้เลย!” เฟรมพูดลอยๆ

“........” ต้นน้ำเงียบทำท่าคิด

“เฮ้อ.... มึงก็รู้ว่า ร้านพี่จินไห่น่ะ ฮิตจะตาย แล้วพวกพนักงานและบริกรที่นั่นก็ช่างพูดไม่น้อย มึงคิดว่าจะเก็บความลับพวกนี้ได้นานเหรอวะ?” เฟรมถอยห่างให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลายบ้าง

“หากมึงสารภาพกับกูมา มึงกับพี่จินไห่มีอะไรมากกว่าที่มึงบอกกูหรือเปล่า กูจะได้ไปบอกพี่พีชกับนิ่มให้ตัดใจจากมึงดีๆ ไม่จองเวรกันอีก กูเป็นคนกลางกูลำบากใจนะมึง!” เฟรมระบายต่อ

“คืองี้นะ....คือ.....” ต้นน้ำรู้สึกอึดอัดเมื่อเพื่อนทำตัวแบบนี้ จึงพร้อมที่จะสารภาพ

“มึง! คิดดูก่อนนะ ก่อนจะตอบอะไรออกไป” ไอซ์พุ่งเข้าไปจับไหล่ต้นน้ำและกำแน่น

“เฟรม!! กูว่ามึงพอแค่นี้เถอะ แค่นี้มันก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว!” ไอซ์หันไปต่อว่าพี่ชายฝาแฝด

“เออๆ กูขอโทษ เชี้ย ก็กูเครียดนี่หว่า กูได้ยินพี่นิ่มนั่งเม้าส์กับเพื่อนเขาสนุกปากเลย แถมกูอยู่ในเหตุการณ์ทุกอย่าง นี่กูก็พยายามช่วยแล้วนะ ไม่งั้นโดนพาดหัวว่า ‘แอ๊บแมนไปจีบสาว’ แล้วล่ะมึงน่ะ กูว่าอันนั้นแรงกว่าอีก!!” เฟรมระบายต่อยาว แสดงว่าเขาห่วงเพื่อนไม่น้อยเหมือนกัน

ต้นน้ำหลังจากที่เห็นเพื่อนห่วงตนเองขนาดนี้ก็ต้องการจะเล่าให้ฟังทุกอย่างแต่โดนไอซ์บีบไหล่ไว้เสียแน่นจนกระทั้ง เฟรมขอตัวจากไปเพราะใกล้ถึงเวลานัดหมายกับแฟนสาวแล้ว

“มึงห้ามกูทำไม? ไอ้เฟรมมันหวังดี มันอาจจะช่วยคุยกับพี่นิ่มพี่พีชได้!” ต้นน้ำโวยวายด้วยน้ำเสียงแบบซุบซิบ

“มึงรู้จักกิตติศักดิ์พี่นิ่มดี มึงก็รู้ว่าไอ้เฟรมมันซื่อ มันหลงแฟนมันจะตาย ขืนมึงเล่าให้มันฟัง กูว่าเรื่องมันจะแย่กว่า แทนที่มึงจะช่วยพี่จินไห่ได้ มึงจะโดนเขาเกลียดด้วย!!” ไอซ์สวนด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกัน

“เออว่ะ!!” โชคดีที่เขามีไอซ์ผู้ชาญฉลาดไม่อย่างนั้น ที่เขาลงทุนที่ผ่านมาทั้งหมดก็สูญเปล่า แต่.... ชื่อเสียงเขาล่ะ ต้นน้ำได้แต่เกาศรีษะอย่างแรง เพราะความโลภของตัวเองแท้ๆ

....................

ต้นน้ำรีบเร่งกลับไปที่บ้านของจินไห่ เพราะเขาได้รับข้อความ ‘code red’ จากแฟนกำมะลอของเขา คราวนี้มาเป็นข้อความสั้นๆ ซึ่งเป็นคำที่พวกเขาเคยตกลงกันไว้หากมีเหตุจำเป็นต้องเรียกตัวเพื่อขอความช่วยเหลือโดยด่วน

ต้นน้ำจ้องไปที่ข้อความนั่นซ้ำไปมา เหมือนมันจะมีข้อความอะไรงอกเพิ่มขึ้นมาให้เขาทราบว่าแฟนกำมะลอของเขากำลังเผชิญอะไรอยู่

ในที่สุดต้นน้ำก็เดินจนถึงชานของบ้านจินไห่ เขาพบว่าจินไห่เดินวนไปมามีสีหน้าเครียดจนเขารู้สึกไม่ดีจนอยากเดินหนีไป

แต่อนิจจา โชคไม่เข้าข้าง กิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่แถวบ้านดันตกลงมาตรงเบื้องหน้าเขา ต้นน้ำร้องอุทานอย่างตกใจและถอยหลังไปครึ่งก้าว นั่นเป็นเหตุให้จินไห่หันกลับมาพบเขาพอดี

สีหน้าที่กลัดกลุ้มของจินไห่ดูสว่างขึ้นมาทันทีหลังจากเจอหน้าตี๋ตาโตของต้นน้ำ ทั้งที่เมื่อครู่ดูหม่นหมองจนน่ากลัว

“ต้นน้ำ” จินไห่ตะโกนทักด้วยน้ำเสียงดีใจ

“อะไรกัน น้ำเสียง ท่าทางแบบนี้น่ะ?” ต้นน้ำรู้สึกตรงกันข้ามกับจินไห่ เพราะเขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องดีๆ แน่

“พี่มีเรื่องรบกวน และไม่อยากให้ต้นน้ำปฏิเสธด้วย” จินไห่พูดตรงไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย

“งั้นขอปฏิเสธเลยได้ไหม! เพราะเรามีเรื่องต้องคิดบัญชีกัน!!” ต้นน้ำทำสีหน้าเครียดใส่จินไห่

“อะไรกันวะ? พี่ยังไม่ได้พูดเลย!! จะมาโกรธกันแบบนี้ได้ยังไง?” จินไห่ได้แต่ทำหน้างงงวยกลับไป เพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า การที่เขากำลังจะขอร้องเรื่องคอขาดบาดตายตรงหน้า แต่ยังไม่ทันพูดก็โดนอีกฝ่ายเกรี้ยวกราดใส่

“ก็ไอ้คำพูดแบบไม่คิดกับลูกน้องของพี่ไง!! ตอนนี้เลยกลายเป็นเขารู้กันทั่วโรงเรียน ไม่ใช่สิ!! ทั้งจังหวัดไปแล้วมั้ง!!” ต้นน้ำโวย และเล่าให้ฟังเรื่องที่เขาเจอมาในวันนี้ทั้งหมด

“เออว่ะ! พี่ไม่ทันคิดเรื่องนี้!!” จินไห่ยอมรับและทำหน้าเหมือนลูกหมาโดนดุ เขาดูมีท่าทางคิดมาก และเงียบไป ผิดจากท่าทีกระตือรือร้นเมื่อครู่

“เออๆ ช่างมันเถอะ แต่ผมขอไม่ตกลงอะไรกับคำขอของพี่ได้ไหม?”  ต้นน้ำรีบกลับมาที่เรื่องคุยค้างไว้ต่อทันที เขาอยากพักกับเรื่องแบบนี้ก่อนที่จะทนไม่ไหว หวังว่าเรื่องนี้แม่เขาคงยังไม่รู้เรื่อง

“อืม..... ก็ได้” จินไห่หน้าหมองลงทันที

“วันนี้ผมไม่หิวนะ ผมขอนอนเลยก็แล้วกัน” พูดจบต้นน้ำก็เดินขึ้นห้องนอนทันที

ต้นน้ำเกลียดการเห็นน้ำตาหรือลูกอ้อนของหญิงสาวที่สุด เขามักจะเดินหนีแฟนคนก่อนๆ ทุกครั้งที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เพราะเขามองว่าตนเองต้องเป็นคุมสถานการณ์ในการคบกันตลอดเวลา มันเข้าใจง่ายกว่าสำหรับเขา เพราะครอบครัวของเขาพ่อและแม่เป็นคนที่มีเหตุผลในการคุยกันเสมอ ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้แม่เองจะเป็นฝ่ายใส่อารมณ์ในการสนทนาหลายครั้ง แต่เจอความสุขุมและนิ่งเฉยของพ่อเขาเข้า ทุกอย่างก็คลี่คลาย จนบางครั้งเขาก็เคยสงสัยว่าแม่เคยเป็นลูกจ้างพ่อหรือเปล่า ทำไมถึงยอมให้พ่อได้มากขนาดนี้? แต่แปลกที่พ่อรักผมมากจนถึงขั้นตามใจทุกอย่าง และเป็นเรื่องเดียวที่แม่ยอมไม่ได้ที่จะเลี้ยงอย่างตามใจ

ต้นน้ำคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่อาบน้ำจนกระทั่งโดดขึ้นมานอนเอกเขนกบนเตียง เขาแปลกใจตัวเองว่าทำไมเขาต้องรีบหลบหน้าจินไห่ด้วย ทั้งๆที่เขาควรจะทำเป็นไม่สนใจไอ้หน้าอมทุกข์นั่น

ต้นน้ำขยี้ศรีษะตนเองหลายครั้งจนผมที่หมาดอยู่เริ่มแห้ง ทำอย่างไรเขาก็ลบภาพใบหน้าแบบนั้นออกจากหัวไม่ได้ ใบหน้าที่เป็นกังวลแบบสุดๆของผู้ชายวัยที่ใกล้จะกลางคนตัวสูงบักลั่นแบบนั่น มันไม่ควรเป็นสิ่งที่เขาควรนึกถึง

เด็กหนุ่มหัวยุ่งที่นอนอยู่บนเตียงได้เพ่งมองนาฬิกาและรำพันกับตัวเองว่าคนที่เขานึกถึงน่าจะยังยุ่งกับธุรกิจร้านอาหารของตนเองอยู่เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน เขาจึงเดินไปที่โต๊ะหนังสือเหมือนวันที่ผ่านๆมา เขาค้าหาสมุดบันทึกเล่มเก่าที่ถูกทับอยู่ในกองหนังสือบนโต๊ะที่ดูเป็นระเบียบเหมือนของทุกชิ้นในห้องนอน หลังจากพบเขาก็ไม่รอช้าที่จะเปิดอ่านต่อเหมือนคนกำลังติดนิยายที่ตนเองชื่นชอบ

ต้นน้ำไม่เคยอ่านนิยาย แต่สิ่งที่เขียนอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนี้ เขาแน่ใจได้เลยว่าต้องเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกได้แน่นอน

บทต่อไปเจ้าของบันทึกได้เล่าเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในโรงเรียนมัธยมที่เปิดโดยสมาคมคนจีนโพ้นทะเล การปรับตัวไม่ยากเท่าที่คิดกับเรื่องการเรียน เพื่อนฝูง แต่วัฒนธรรมกับอาหารนี่เป็นอีกเรื่อง เขายังไม่รู้สึกเคยชินเสียที คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ เพื่อนเยอะขึ้นก็จริงแต่เขาเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่งเท่าไหร่ เลยหาเพื่อนสนิทจริงๆ ยาก แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะปรับตัวได้เยอะมากแต่สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดสองสิ่ง

หนึ่งคือ อาหาร
สองคือ การถูกจ้องรังแกจากกลุ่มนักเลงหัวโจก

อย่างที่สองทำให้ชีวิตเขาลำบากที่สุด เพราะยิ่งทำให้เพื่อนไม่ค่อยมียิ่งจะไม่เข้าเพราะไม่อยากโดนแกล้งไปด้วย เจ้าของบันทึกเคยคิดว่า ชีวิตเขาน่าจะง่ายขึ้นมากหลังจากเขาได้เริ่มสนิทกับหัวโจกนักเลงในโรงเรียน แต่มันไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเท่าไหร่ เพราะพวกนักเลงเหล่านั้นจะไม่แกล้งเขาเฉพาะเวลาที่หัวโจกคนนั้นอยู่เท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เขาก็ยังคงโดนแกล้งเหมือนเช่นเคย เพียงเพราะเขาแตกต่างแค่นั้นเหรอ? เป็นคำถามที่มักเกิดขึ้นซ้ำๆ ในบันทึก

มาถึงตรงนี้เจ้าของบันทึกได้วาดภาพตัวเองไว้บนหน้ากระดาษหน้าหนึ่ง เป็นภาพนักเรียนผอมบางเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ากระเซิงไม่เป็นทรง ดวงตาไร้แววมีความสุข เป็นการร่างด้วยดินสอหลากหลายความเข้มที่ให้อารมณ์หงุดหงิดปนเศร้า และดูน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าของบันทึกน่าจะไปเป็นศิลปินวาดภาพ ต้นน้ำคิดในใจขนาดจ้องภาพนั่นไม่วางตา

ต้นน้ำอ่านต่อทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา อย่างน้อยวันนี้เขาต้องอ่านให้จบบทก่อนจินไห่จะขึ้นห้อง เขาไม่อยากติดพันค้างคา

เจ้าของบันทึกที่รู้สึกผูกพันและชอบความสงบภายใต้ต้นไม้ท้ายสวนก็ได้มานั่งวาดรูปเล่นตามประสาคนเพื่อนน้อยในวันหยุด และก็ได้เจอกับหัวโจกคนเดิม และผู้หญิงวัยกลางคนที่มีแววตาสดสวยคู่หนึ่งซึ่งคล้ายกับหัวโจกคนนั้นมาก

หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยทักและแนะนำตัว เขาจึงรู้ว่าเป็นมารดาของหัวโจกคนนั้น เธอถามว่าลูกชายของเธอยังไปทำความลำบากให้เขาอยู่หรือเปล่า พร้อมโขกหัวลูกชายตนเองอย่างแรง ภาพได้อยู่ตรงหน้ามันขบขันจนเจ้าของบันทึกบรรยายไว้อย่างละเอียดจนต้นน้ำเผลอยิ้มออกมา

จากการสนทนาฉันท์เพื่อนบ้านจึงให้ทราบว่า ที่หัวโจกคนนั้นเข้ามาดีด้วยก็เพราะโดนแม่ของตนเองบังคับมา เพราะแม่ของพวกเขาทั้งสองรู้จักกัน แม้ว่าความเป็นจริงเจ้าของบันทึกจะยังคงโดนแกล้งจากกลุ่มของหัวโจกเพื่อนบ้าน เจ้าของบันทึกก็ยังคงโกหกต่อหน้าแม่ของหัวโจกไปว่า เขาไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งแล้ว และหัวโจกคนนั้นก็ยังเพื่อนที่ดีกับเขาด้วย

หลังจากคุยสัปเพเหระ จนได้เวลามื้อเย็น คนเป็นแม่ก็ขอตัวไปเตรียมสำรับสำหรับครอบครัวก่อน เหลือทิ้งไว้แต่ลูกชายนักเรียนหัวไม้ ซึ่งเวลาอยู่ต่อหน้าแม่ของเขาจะเรียบร้อยผิดปกติ แต่กลังจากลับหลังมารดาตนเอง ในบันทึกบรรยายว่าสามารถใช้มือกำคอเสื้อของเจ้าของบันทึกและยกเขาขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียวได้อย่างสบาย และพูดใส่เจ้าของบันทึกอย่างใจเย็นว่า

“เข้าใจพูดนะ กูยังคิดอยู่เลยว่ามึงเป็นคนขี้ฟ้อง กูจะต้องจัดการมึงหนักๆ สักรอบ!!” แววตาดุดันนั้นทำให้เจ้าของบันทึกรู้สึกกลัวจนวาดใบหน้าคนที่มีแววตาน่ากลัวแทรกลงมาด้วย

พูดจบนักเลงหัวไม้ก็ปล่อยเขาลงมาที่พื้นอย่างดี แต่เสื้อยืดของเจ้าของบันทึกมีแต่รอยย่นยู่ยี่จนเขาคิดหาคำไปแก้ตัวกับแม่เขาเองไม่ออก

นักเลงหัวไม้ที่กำลังเดินจากไปได้หันมามองหน้าเขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเคย

“ขอบใจมึง” คำที่เจ้าของบันทึกไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากอีกฝ่าย ใบหน้าที่เกรี้ยวกราดนั่น ปรับเปลี่ยนเป็นแววตาที่อ่อนโยนและเปื้อนยิ้มที่สดใส ใบหน้านี้ทำให้เจ้าของบันทึกบรรยายถึงอาการใจสั่นและตราตรึงอยู่ในความทรงจำ แต่แปลกที่เจ้าของบันทึกกลับไม่ยอมวาดภาพความประทับอันนั้นไว้

คำบรรยายที่เหลือของบันทึกก็เล่าว่า นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยโดนแกล้งอีกเลย แต่ที่แปลกคือเขาแทบไม่เคยเห็นนักเลงหัวโจกคนนั้นอีกเลย แม้แต่ที่ต้นไม้ที่สวนหลังบ้าน

............

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด