☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63  (อ่าน 22413 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m16:



ไม่โดนสักที ไม่ดีขึ้นเลย !!

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :pig4:

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
19….แนบชิด







ตุ้บ




          ร่างผมถูกโยนบนลงเตียงนุ่มภายในห้องที่แปลกตา ทำได้แค่นอนแน่นิ่งอย่างหมดแรงอยู่อย่างนั้นเพราะขยับตัวก็มีแต่เจ็บแผล พี่ราล์ฟในตอนนี้น่ากลัวจนผมเริ่มหวั่นใจเขาก้มลงมาคร่อมร่างผมที่นอนอยู่บน เป็นท่าทางที่น่าหวาดเสียวจนต้องหันหน้าหนี หลังมือร้อนค่อยๆไล้บนผิวของผม ขมับ จมูก ปาก แก้ม ลำคอ ตาคมจ้องมองตามมือที่ลูบไล้ผิวอย่างจับผิดจนผมขนลุกและร้อนทั่วร่าง


"เคยบอกแล้วใช่ไหม อย่าไปกับใครที่ไม่สนิท" พี่ราล์ฟพูเสียงดุแต่ใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจ


"ผม...ผม...เห็นเขารู้จักพี่ เคยไปค่ายด้วยกัน ดู...ดูเขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีปกติผมก็ไปดูหนังกับพวกรุ่นพี่...ขอ...ขอโทษนะครับ" ผมหยุดพูดเมื่อเห็นพี่ราล์ฟกัดกรามกรอดอย่างข่มอารมณ์ เอื้อมมือไปจับเสื้อเชิ้ตราคาแพงตรงหน้าอกกำไว้แน่นอย่างกลัวพี่เขาจะโมโห และจะจากไป


"....."


"ขอโทษ...และขอบคุณจริงๆนะครับ" ผมพูดแผ่วเบาอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ ใบหน้าหล่อแสนเย็นชาค่อยๆก้มลงมาหาผมเรื่อยๆ ริมฝีปากได้รูปกดจูบตรงหางตาผมเบาๆ แค่นั้น...สัมผัสแค่นั้นจริงๆเหมือนหัวใจผมได้รับการปลอบประโลม ทว่า...มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น! ริมฝีปากพี่ราล์ฟค่อยๆลากเลีย ใช่ครับ!! พี่เขาเลียผม ลิ้นร้อนลากผ่านผิวแก้ม มุมปาก ลำคอ ฮึ่ย นี่ผมคงไม่ได้หนีหมอเหี้ยมาปะหมอหื่นนะ


"พี่ราล์ฟ!! พี่จะทำอะไร" คำถามไม่เป็นผลเมื่อลิ้นร้อนพี่หมอตวัดเลียอยู่ตรงใบหู อ้ากกก ผมรีบพลิกตัวหันหลังให้ก้มหน้าแนบเตียงนุ่มหนีจากเหตุการณ์ชวนสยิว ใช่ ผมชอบพี่เขา รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ทุกสัมผัสของพี่หมอที่ผมได้รับไม่ได้รังเกียจเหมือนของไอ้พี่แม็ค ตรงกันข้ามรู้สึกดีจนผมรู้สึก….แต่มันไม่ได้เว้ย ไม่ใช่ตอนนี้ พี่เขามีแฟนแล้วนะเว้ย


แคว้ก


"พี่!!"


          ผมร้อนลั่นเมื่อด้านหลังของเสื้อนักศึกษาถูกฉีกขาดจนรับรู้ถึงความเย็นของแอร์ ฮือ เสื้อกู ตัวกระตุกเมื่อลิ้นร้อนลากผ่านไปทั่วแผ่นหลัง ยกมือไปทุบแขนแกร่งเมื่อรู้สึกว่าโดนกัด ใช่!! พี่เขากัดผม แต่ทุบไปได้ไม่กี่ครั้งแขนแกร่งก็รัดผมไว้แน่นจากทางด้านหลังแทบดิ้นไม่ได้ แผ่นหลังผมรับรู้สัมผัสถึงผิวเนื้อเย็นที่แนบสนิทกับแผ่นหลังของตัวเอง ไอ้เชี่ย ถอดเสื้อตอนไหนไอ้พี่หมอ! นี่กูหันหลังให้ศัตรูได้ยังไง


"พี่ราล์ฟปล่อยนะเว้ย ไม่ปล่อยผมโกรธแล...อื้อ!!"  ไอ้สัสหยุดเลียตรงใบหูกูเสียว


"ทำโทษเด็กดื้อ" พี่ราล์ฟลากลิ้นอยู่แถวหลังคอผมก่อนจะกัดจนเจ็บจี๊ด เป็นรอยแน่ๆเลย


"ทำโทษก็ไปเอาไม้เรียวมาดิพี่!! ไม้แขวนเสื้อก็ได้ อย่าทำ…ใช้ล้างจา อื้อ!!" ร่างผมโดนจับพลิกให้หันมาเผชิญหน้ากับใบหน้าหล่อเทวดา ขณะนี้มันเซ็กซี่จนชวนผมใจสั่น ได้สังเกตเพียงไม่กี่วิ ริมฝีปากก็ถูกจู่โจมจากริมฝีปากร้อนแรงรับรู้ได้ถึงกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ


"อื้อออ" ได้แต่ร้องประท้วงผ่านเสียงในลำคอ พยายามหันหน้าหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่ล็อคปลายคางไว้แน่นพร้อมกับบีบให้เปิดปากลิ้นร้อนรุกรานเข้ามาอย่างเอาแต่ใจกวาดต้อนชักนำอย่างเร่าร้อนจนผมเริ่มคล้อยตาม มือผมทุบร่างแกร่งตรงหน้าจนเจ็บและเริ่มอ่อนแรง สมองเริ่มว่างเปล่า ความคิดผิดชอบชั่วดีเริ่มเลือนลาง ความต้องการของร่างกายกำลังอยู่เหนือเหตุผล ไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้ ไม่เคยได้จูบแบบนี้ ไม่เคยทำกับใครแบบนี้ รู้สึกดี ต้องการ อยากรู้อยากเห็นว่าจะเป็นอย่างไรต่อตามแรงอารมณ์


"อื้อ...พี่...อย่า...พะ..พอ...อ่า" ผมพยายามจะร้องห้ามเมื่อสติเริ่มกับมาหลังจากพี่ราล์ฟผละจูบออก ทว่า...ตัวผมก็กระตุกอีกครั้งเมื่อลิ้นร้อนครอบลงไปที่หัวนม ทั้งดูดแรงจนเกิดเสียงหน้าอาย ขบกัดจนเจ็บปนสยิวต้องเผลอครางส่งเสียงน่าอายอย่างไม่รู้ตัว รีบเอามือตะครุบปาก แต่ทว่าก็โดนดึงออกทุกครั้ง ฝ่ามือแกร่งลูบไล้สีข้างผมจนตัวเกร็งวนเวียนอยู่แถวอกก่อนจะลากลงต่ำและดึงกางเกงบ็อกเซอร์ผมออกไปอย่างง่ายดาย สติผมเริ่มกลับมาเมื่อรู้สึกตัวว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว


"ผม...ผมจะกลับบ้าน!! ถ้า...ถ้าพี่ทำอะไรผมอีกผมต่อยพี่แน่" ตะโกนออกไปอย่างตื่นตระหนก และไม่พอใจ พี่ราล์ฟชะงักผละออกไปยืนข้างเตียงเต็มความสูง ผมเริ่มใจชื้นคิดว่าพี่เขาหยุดแล้ว รีบเอาผ้าห่มมาคลุมร่างขยับไปนั่งชิดหัวเตียง เตียง เตียงอีกแล้วโว้ย วันนี้ทำไมกูเจอแต่เตียง ตอนนี้รู้สึกเกลียดเตียงฉิบหาย กลับบ้านไปคืนนี้กูจะนอนในโลง!!


"รังเกียจพี่?" พี่ราล์ฟถามเสียงเรียบ สีหน้าเขาตอนนี้เต็มไปด้วยแรงอารมณ์และความต้องการ หายใจหอบถี่ ลำคอและหน้าอกแดงเถือก หน้าท้องแกร่งเกร็งตัวจนเห็นรอนหกลูกอย่างชัดเจน ต้นแขนแกร่ง หน้าท้อง และหน้าอกมีรอยเล็บข่วนเต็มไปหมด ใครข่วน กูเหรอ? ผมเริ่มใจไม่ดีเมื่อมือแกร่งค่อยๆปลดเข็มขัดตัวเองออก ค่อยๆรูดซิปลงและแหวกออกจนเห็นชั้นในสีดำที่มีอะไรโป่งนูนอยู่ด้านใน ไอ้เชี่ย


"ผม...ผมไม่ได้รังเกียจพี่" ผมเริ่มขยับหนีเมื่อพี่ราล์ฟเริ่มคลานขึ้นมาบนเตียง "แต่พี่มีแฟนแล้ว แล้ว แล้วเราไม่ได้เป็น เฮ้ยๆๆ พี่!!"


          ผมร้องเสียงหลงเมื่อมือแกร่งจับข้อเท้าผมลากมาที่กลางเตียง สองมือแกร่งจับขาผมแยกออกจากกันอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่น่าอายจนต้องเอาผ้าห่มปิดหน้า ขาผมถูกแหวกออกและกดจนหัวเข่าติดกับเตียงนอน ผมหมดแรงแล้ว


"อื้อ อ่า อย่า อย่า ทำ อื้อออ" ลิ้นร้อนลากเลียตรงส่วนโป่งนูนของผมที่อยู่ภายในกางเกงในสีขาว มันเปียกชื้นจนน่าอาย ลากเลียซ้ำๆไปมาตามความยาว จนผมดิ้นพล่านขยับหนีไปไหนไม่ได้เมื่อขาถูกกดไว้ด้วยมือแกร่ง ทำได้เพียงดันหัวพี่ราล์ฟไว้จนผมที่ถูกมัดไว้หลุดปล่อยสยาย ลิ้นร้อนลากเลียไปตามผิวเนื้อขาอ่อนด้านในวนขึ้นมาตรงท่อนเอ็นผม ชั่วอึดใจมือแกร่งก็ถอดผ้าชิ้นสุดท้ายของผมที่อยู่ตรงหน้าพี่เขาออก


"อื้อ อื้อ อ่า หยุด!! อ่า...พี่ราล์ฟ" ปากร้อนก้มลงครอบครองท่อนเอ็นผมอย่างเอาแต่ใจ ขาผมถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วแต่มันแยกออกจากกันอย่างห้ามไม่อยู่ ผม..ผมต้องการปลดปล่อย สมองว่างเปล่า กิเลสครอบงำ ผู้ชายคนนี้อันตรายหน้าตาเขาคือกับดัก สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาคือมนต์สะกด


"พี่...พี่...ราล์ฟ...อ่า" ปากร้อนดูดอย่างรุนแรง ทุกสัมผัสไม่มีอ่อนโยนเหมือนเป็นการลงโทษอย่างที่พี่ราล์ฟพูดมันเจ็บแต่ร่างกายผมตอบสนองทุกสัมผัสอย่างเผลอตัว เหมือนพี่เขารู้ว่าผมเริ่มไม่ไหว เขาผละออกขึ้นมาจูบผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมไม่ขัดขืนแต่ก็จูบไม่เป็น เหมือนเขารู้และชักนำให้ผมทำตาม รู้สึกดี... มือร้อนลูบไล้ขยำก้นผมอย่างหนักหน่วง ร่างกายทุกส่วนของผมแทบไม่มีส่วนไหนเลยที่เขาไม่ได้สัมผัส สะโพกแกร่งขยับถูไถกับท่อนเอ็นผมจนผมรู้สึกได้ถึงส่วนนูนใหญ่ใต้ร่มผ้าของคนตรงหน้า "อ่า...พี่" ริมฝีปากร้อนขบกัดตรงลำคอพร้อมกับมือร้อนขยำตรงหน้าอกแบนราบของผมอย่างรุนแรง เร่าร้อน เส้นผมนุ่มลากผ่านตัวผมจนขนลุกเกรียวทุกครั้งที่พี่ราล์ฟขยับ เอื้อมมือไปจับผมนุ่มมาสูดกลิ่นอย่างคนละเมอ


"อื้อ พี่...พี่ราล์ฟ" สติผมขาดๆหายๆ ท่อนเอ็นผมถูกครอบด้วยริมฝีปากอุ่นอีกครั้ง ลิ้นร้อนตวัดรัวเร็วจนผมครางไม่เป็นภาษา


"พี่..แฮ่กๆ..อ่า...ไม่ไหวแล้ว...พี่...อื้ออออออ" เอามือดันพี่ออกเพราะเริ่มไม่ไหวแต่พี่เขาไม่ยอมจนผมกลั้นไม่ไหวตัวกระตุกเกร็ง ปล่อยออกมาในโพลงปากอุ่น ทำได้แค่เอ่ยเบาๆว่า...ผมขอโทษ


"ฤกษ...ฤกษ์ครับ" เสียงทุ้มหวานแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนกระซิบเบาๆข้างหูอย่างออดอ้อนเหมือนจะขออะไรสักอย่าง ผมอาจหูฝาด


           ร่างกายเบาหวิว หนังตาหนักอึ้ง ริมฝีปากผมถูกกดจูบด้วยริมฝีปากร้อนชื้นที่มีกลิ่นคาว ดวงตาค่อยๆปิดลงอย่างคนหมดซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ รับรู้สัมผัสอุ่นอ่อนโยนที่หน้าผาก เปลือกตา แก้ม  ผม...ผมทำอะไรลงไป เป็นชู้กับแฟนคนอื่น...ผมทำให้คนที่ตัวเองชอบเป็นเกย์ ฮือ ผมเหนื่อยจะคิดแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นขอเป็นแค่ฝันลามกๆของผมได้ไหม  ผมขออนุญาตนอนเพิ่มพลังก่อนวันนี้เหนื่อยจนแทบขยับร่างไม่ได้ และสัมผัสสุดท้ายอุ่นวาบแผ่วเบาตรงหน้าท้องที่เริ่มมีรอยเขียวช้ำเหมือนเป็นการบอกฝันดี


"หายไวๆนะ"

         







"นายน้อย! เป็นอย่างไรบ้างครับ"  ชายร่างใหญ่ผมสีบลอนด์ห้าหกคนที่ซุ่มอยู่อีกฝั่งวิ่งเข้ามาสมทบ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ถอดเสื้อตัวเองไปใส่ให้น้อง…. จับใบหน้าเล็กให้เงยขึ้นยกมือปาดน้ำตาบนแก้มขาวให้อย่างแผ่วเบา



"เราปลอดภัยแล้ว กลับ…"



"พี่!!" พลันในสายตาของเจ้าร่างเล็กก็เห็นชายชุดดำที่นอนจมกองเลือดอยู่ยกปืนขึ้นด้วยมืออันสั่นเทามาที่พวกเขา





ปัง!!





"ฤกษ์!!!!!!"



          ร่างเล็กตาโบกโพลงในอ้อมกอดของพี่ ร่างทั้งสองค่อยๆทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานค่อยๆไหลออกจากแผ่นหลังด้านซ้าย มือเรียวสั่นระริกเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นของเลือดคนตรงหน้า…


"พี่….ปลอดภัยแล้ว"  มือเล็กค่อยๆเอื้อมไปจับแก้มเย็นเฉียบของคนตรงหน้าด้วยมืออันสั่นเทาและร่วงหล่นลงกระทบพื้นในเวลาต่อมาจนคนตรงหน้าใจแทบขาด


"ฤกษ์ ฤกษ์!!!" พี่เขย่าร่างเล็กเพื่อหวังให้ฟื้นแต่สูญเปล่าร่างน้องแน่นิ่งไม่ไหวติง สองแขนช้อนร่างน้องอุ้มขึ้นลืมทุกความเจ็บปวดของบาดแผลตรงขาที่ถูกยิง


"ตามหมอเคริกมาเดี๋ยวนี้!!"

 

           ร่างเล็กถูกอุ้มลงจากเฮลิคอปเตอร์วางไว้บนเตียงโดยมีคนพี่อยู่ใกล้ไม่ยอมห่างจนส่งน้องเข้าห้องผ่าตัด พี่ก็ยังยืนนิ่งรออยู่หน้าห้อง เสื้อผ้าและสองมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของร่างเล็กและแผลจากการถูกยิงที่ขาของเขา คนพี่ทำการรักษาแผลที่ขาของตัวเองอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ยอมขยับไปไหน และมีบอดี้การ์ดเกือบยี่สิบคนยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าห้องผ่าตัด สักพักประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก หมอเดินมาหาด้วยสีหน้าลำบากใจก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้พี่แทบคลั่ง


"คนไข้อาการสาหัส กระสุนอยู่ใกล้หัวใจมากเกินไปครับ ทางเราไม่มีเครื่องมือทันสมัยที่จะผ่าตัด และไม่มีเลือดพอ….กริ๊ก!"


"ยื้อชีวิตให้ได้นานที่สุดอีกสิบห้านาทีหมอที่มีฝีมือที่ดีที่สุดกับเครื่องมือที่ดีที่สุดจะมา ถ้าเขาตาย คุณและครอบครัวคุณก็ต้องตาย!!" เจ้าของดวงตาคมเทาหม่นยกปืนจ่อขมับหมอด้วยสีหน้าน่ากลัว น่ากลัวขนาดที่หมออายุห่างกว่าเขาสามสิบปีหน้าซีดและเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น แววตาคมคู่นี้ไร้ซึ่งความปราณีและเมตตา…


          ยี่สิบนาทีผ่านไปเฮลิคอปเตอร์อีกลำก็บินมาจอดตรงดาดฟ้า บอดี้การ์ดสิบกว่าคนรีบวิ่งขึ้นไปช่วยขนอุปกรณ์การแพทย์ลงมาที่ห้องผ่าตัด หมอเคริกหมอหนุ่มคนเก่งฝีมือระดับโลกและประจำตระกูลเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบด้วยสภาพรองเท้าแตะกางเกงขาสั้นลายดอกที่ดูก็รู้ว่ากำลังเที่ยวทะเลอยู่ ถึงจะบอกว่าเป็นหมอประจำตระกูลฝั่งพ่อแต่ทว่า..ก็เหมือนหมอส่วนตัวเขามากกว่า เจ้าของตาคมอยู่ประเทศไหนหมอเคริกก็จะอยู่ประเทศนั้น เหมือนคอยเตรียมตัวพร้อมอยู่ตลอดเวลา


"นายไม่ได้เป็นอะไรนี่" หมอเคริกถามออกมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นนายยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัด หมอเคริกตัดภาพขาที่เห็นว่าเลือดอาบโชกออกไป เพราะยังยืนได้คือไม่เป็นไร


"ถ้าเขาตายผมรับรอง คุณไม่เหลือแม้แต่ซากกลับถึงบ้าน" เจ้าของดวงตาคมพูดเสียงเรียบแต่เย็นเยียบ


"เชื่อฝีมือผมเถอะหน่า แม้แต่ยมทูตยังต้องมาขอร้องเอาความตายคนไข้จากผม" หมอเคริกพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไม่สนใบหน้าน่ากลัวตรงหน้า เจ้าเด็กคนนี้น่ากลัวก็จริงแต่เขาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยและสนิทกันถึงจะแบบอึมครึมๆก็เถอะ


"อย่าให้มีแม้แต่รอยแผลเป็น" เจ้าของนัยน์ตาเทาหม่นพูดเสียงเหี้ยมกับหมอผมทองมาใหม่

           หมอเคริกพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูห้องผ่าตัดให้ขนเครื่องมือต่างๆมากมายที่มีคนเข็นมาห้าถึงหกคนเข้าไปข้างใน หมอเคริกเดินเข้าห้องผ่าตัดเป็นคนสุดท้ายและทิ้งท้ายประโยคไว้เบาๆเมื่อเห็นเอกสารข้อมูลคนไข้ที่พยาบาลส่งมาให้


"สำคัญขนาดนั้นก็น่าจะดูแลดีๆสิ ถ้าฉันไม่ตามมาใครจะรักษาได้"



ตึก


ตึก


ตึก

 


         ในห้องพักฟื้นที่หรูหราที่สุดในโรงพยาบาลต่างจังหวัดที่ได้ถูกจองไว้ตลอดทั้งปี มีร่างเล็กใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงมาร่วมอาทิตย์แล้วทว่า...ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย ภายในห้องเงียบกริบ บนโซฟายาวมีร่างของผู้เป็นยายนอนหลับอยู่ใกล้ๆ ใครบางคนค่อยๆเดินเข้าไปหาหยิบผ้าห่มที่ร่วงลงพื้นข้างโซฟาขึ้นมาห่มให้อีกครั้ง


           เจ้าของตาคมยืนอยู่ข้างเตียงของร่างเล็กอย่างเงียบๆ ยกมือเรียวขึ้นลูบผมนุ่มไปมาเหมือนทุกครั้งที่เขาทำ ดวงตากลมโตภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มขยับยุกยิกเมื่อรับรู้ถึงฝ่ามืออุ่นและค่อยๆลืมขึ้น ภาพแรกที่ปรากฎในสายตาของร่างเล็กคือเด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่เกินวัยใบหน้าหล่อเหลาสะกดสายตาและดวงตาคู่สวยคมเทาหม่น ฝืนเอื้อมมือไปคว้ามืออุ่นที่ลูบผมอยู่บนหัวตัวเองมาแนบแก้มนุ่มอย่างกลัวพี่จะหายไป ก่อนจะหลับลงไปอีกครั้งอย่างฝืนตัวเองไม่ไหว ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคู่คมตลอดไม่มีพลาดทุกการกระทำแม้กระทั่งจังหวะการหายใจ เจ้าของตาคมก้มลงจูบที่หน้าผากน้องเบาๆก่อนจะผละออก


"เราต้องไปแล้วครับ"


"อืม" ใช่ เขาต้องไปแล้วเขาทำได้แค่รอให้น้องฟื้นเมื่อน้องฟื้นเขาต้องไป เขาไม่สามารถผลัดวันได้อีกแล้ว มีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาต้องไปสะสางให้เสร็จ

           ควรปล่อยให้น้องได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น เป็นคนธรรมดาที่แสนมีความสุข ดีกว่าอยู่ใกล้เขาที่มีอันตรายรอบด้าน น้องเกือบต้องตายแค่เพราะอยู่ใกล้เขา...แค่เพราะเขาเห็นแก่ตัวดึงดันที่จะอยู่พักที่นี่ต่อก็เป็นจุดอ่อนให้ศัตรูตามรอยเจอ เขาลืมคิดถึงผลกระทบที่คนข้างกายจะได้รับแค่เพราะตัวเองมีความสุข


          เอื้อมมือสัมผัสผมนุ่มครั้งสุดท้าย ชะงักมือเมื่อน้ำตาของน้องค่อยๆไหลออกจากหางตาภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท ปาดเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบาก่อนจะหันหลังเดินจากมา ตาคมค่อยๆหลับตาลงอย่างกลั้นความรู้สึก ไม่ว่าความรู้สึกแปลกๆอะไรก็ตามแต่ที่เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไรกดให้มันลึกลงไปที่ก้นบึ้งของหัวใจ กดลงไว้... อย่างน้อยน้องน่าจะได้รู้ว่าเขาชื่ออะไร เพียงแค่เพราะเขาอยากแกล้งน้องเลยไม่ยอมบอกไปแต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะเป็นการที่น้องไม่รู้ตลอดกาล ดีแล้ว...อาจลืมง่ายกว่า ชีวิตนี้ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากอำนาจ  ศัตรู ธุรกิจของตระกูลฝั่งพ่อเพราะเขาโดนปลูกฝังมาแบบนั้น ไม่เคยลำบากใจและเกินกำลังที่จะทำ แต่มาวันนี้มีบางอย่างกวนใจเขา...






 :pig4: :pig4:









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2020 03:45:51 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
น้องฤกษ์เคยช่วยชีวิตเสี่ยงตายแทนพี่ราลฟ์นี้เอง

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
บทลงโทษเบาๆ น้องหายแล้วอย่าลืมเคลียเรื่องแฟนแฟนนะคุณพี่หมอ

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เกือบไปแล้วน้องฤกษ์ เกือบจะได้เป็นเมียหมอล่ะ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ toonsora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดงอมแงมเลยยยย โอ๊ยยยยยยย อิพี่เบาได้เบาเด้ออออ :z13: :z13:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
พาร์ทอดีตถือว่าเคลียร์จบแล้วเน้อะ อิอิ
น้องเคยช่วยชีวิตพี่ไว้เลยอ่าา  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
20…ความกังวล





           ณ  ขณะนี้ผมกำลังช็อคและอะดรีนาลีนกำลังพุ่งพล่านแข้งขาสั่นยิกๆ เมื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมา (เอ๊ะ! ใครว่าผมเว่อร์) นาฬิกาที่ข้อมือผมก็บอกเวลาสี่ทุ่ม!! ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นหลั่งไหลเข้ามาในหัวเหมือนเฉกเช่นโดนน้ำผสมน้ำแข็งก้อนสาดแถมถังน้ำครอบหัวไว้เป็นที่ระทึกช่วงสงกรานต์  ก้มลงสำรวจตัวเองใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ ค่อยๆลุกขึ้นย่อง ย่อง ไปที่ตู้เสื้อผ้าสีดำขอบทองเอ่ยขอยืมเสื้อกับกางขาสั้นที่คิดว่าถูกที่สุดอยู่ในใจมาใส่ ร้องซี้ดออกมาเบาๆเมื่อพิษจากอาการฟกช้ำตรงหน้าท้องเริ่มออกฤทธิ์เปิดหน้าท้องดูเป็นรอยช้ำจนน่ากลัว...มีกลิ่นยาด้วยแฮะ ใครทายาให้ผมกัน? หันไปมองสำรวจรอบๆห้อง เงียบกริบ ไม่มีใคร ผมอยู่ในห้องหรูแปลกตาเพียงลำพัง... หนีสิครับ!! รอพ่อมาทักเหรอ



ตึง ตึง ตือ ดื๊อ ตึง ตึง ~


ตือ ดือ ตึง ตึง ตือ ดือออ~



          โปรดจงจินตนาการมโนในหัวว่าคือทำนองเพลง mission impossible นะครับเพื่ออรรถรสในการอ่าน คิ้กค้าก  ขณะนี้ผมกำลังค่อยๆย่องออกมาหน้าห้องนอน กระดึ๊บๆ หลังติดผนังเดินไปที่ผ้าม่านสีดำตรงหน้า เอื้อมมือเปิดออก yedเข้! ตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า โอ๊ย ท้องผม เปิดม่านออกภาพที่ผมเห็นคือผนังกระจกเกือบรอบทิศทาง!! แต่ผมไม่สนใจเท่าวิวที่เห็นเมื่อสักครู่ มันสูงจนลูกกระเดือกผมสั่นคลอน ถ้าบอกว่าห้าสิบชั้นมันจะได้ไหมวะ ตายๆสามเมตรผมก็สั่นแล้ว ค่อยๆเขยิบตูดออกมาให้ห่างๆ แล้วนั่งสงบใจแป๊บ ฮะ? ว่าผมกลัวความสูงอ่อ เอ้า! รู้เฉย ถ้าให้เดาผมว่าที่นี่มันต้องเป็นคอนโดแน่ๆ แต่เป็นคอนโดที่หมือนบ้านหลังโคตรใหญ่หลังหนึ่งอ่ะ แม่งมีสองชั้นว่ะ คอนโดมีสองชั้นได้ด้วยเหรอครับ? เกิดมาไม่เคยเห็น เอ๊ะๆ นั่น เพดานตรงนั้นเป็นกระจกด้วย เห็นดาวโคตรชัด เฮ้ย ไอ้ฤกษ์สติๆ ไม่ใช่เวลามานอกเรื่อง


          ผมกลับมาเป็นคนมีสาระอีกครั้ง!? ค่อยๆย่องเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง โอ้โหหหห มีสระน้ำด้วย ดีจังวะ ข้าวของเครื่องใช้นี่เกินไปไหม ยังกับอยู่วังพระราชา ใช้เงินเยอะจังวะ ผมมองข้าวของหรูหรารอบห้องอยู่ห่างๆไม่กล้าเดินไปใกล้กลัวทำเสียหาย ขายเครื่องในหมดร่างก็คงยังไม่พอใช้ถ้าเกิดทำพังขึ้นมา มองรอบฟห้องชั้นล่างไม่มีใครอยู่สักคน มีห้องสองสามห้องที่บานประตูปิด


 แกร้ก


          หันไปมองบานประตูหรูอย่างสงสัยเสียงบานประตูก็แทบจะเปิดทันที ด้วยความที่เป็น รด. เก่า(แต่...โดนครูฝึกด่าทุกครั้งที่วิดพื้น เพราะวิดไม่ค่อยขึ้นครับ!!)ทำให้ผมกระโดดไปหลบหลังโซฟาหรูอย่างรวดเร็ว อื้อหือ ขนโซฟานุ่มจังวะ เฮ้ย ไม่ใช่ ผมแอบมองผ่านช่องเล็กๆตรงโซฟาเห็นพี่อันเดรียคนหล่อหัวทองเดินออกมาจากห้องตรงมาที่โต๊ะตรงมุมห้องที่มีเอกสารเยอะแยะวางไว้เต็มไปหมด เสื้อไอ้พี่ราล์ฟนี่ก็น่ารำคาญชะมัดตัวใหญ่จนคอเสื้อไหลลงมาตกที่ต้นแขนขวา อีกนิดเดียวหัวนมกูจะโผล่ละ ดีนะที่กางเกงมีเชือกให้ผูกไม่งั้นผมจะไปหายางวงในห้องหรูนี่ได้จากที่ไหน พี่อันเดรียหยิบเอกสารพวกนั้นและกลับเข้าไปในห้องเดิม ทำไมผมรู้สึกว่าพี่เขาเหล่มองมาทางที่ผมซ่อนตัวอยู่วะ หรือจะรู้ ไม่หรอกหน่า ผมซ่อนออกจะเนียน พี่เขาอาจจะเจ็บตามั้ง คิดได้ดังนั้นเมื่อพี่อันเดรียเดินเข้าห้องไป ผมก็คลาน กระดึ๊บๆ ไปที่ประตู เจ็บเข่าสัส!!


ติ๊ด ติ๊ด


          เอ๋….? ประตูเชี่ยไรเนี่ยปุ่มเยอะจังวะ ต้องสแกนม่านตาเลยไหมวะ เว่อร์ไปหรือเปล่าไอ้ประตูเอ๊ยยย ผมไม่ยอมแพ้กดมันทุกปุ่มที่มี เอาซี้ ใครมันจะแน่กว่ากัน


ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด แกร้ก


          เยสสส ไอ้ฤกษ์อัจฉริยะประตูกล ฮิๆ "เชี่ยยย" ผมสบถเบาๆเมื่อเปิดประตูไปเห็นพี่ๆบอดี้การ์ด ยืนเป็นยักษ์ปักหลักอยู่หน้าประตูสองคนซ้ายขวา และตลอดทางเดินที่จะเดินไปลิฟท์มีพี่การ์ดยืนเรียงรายอีกห้าหกคน เอ่อ ผมควรทำไงดีวะ? ยกมือทักทายหยอยๆพร้อมกับส่งยิ้มหล่อๆไปให้ พี่การ์ดทำแค่ก้มหัวรับอย่างสุภาพแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมค่อยๆเดินผ่านอย่างกลั้นใจเมื่อไม่มีการทักท้วงอะไรจากพวกพี่ๆ ผมนี่ซอยเท้าเปล่าถี่ยิบไปที่ลิฟท์อย่างรวดเร็ว อย่าทักเรื่องรองเท้านะเว้ย


"ฮ้าววว หิวจังเลยไปซื้อหนมให้พี่ราล์ฟดีกว่า" ยกมือขึ้นทำท่ายืดเส้นยืดสายระหว่างรอลิฟท์ให้เนียนๆเหมือนเรียนมา อย่าให้เขารู้ว่าแอบหนีเจ้าของห้องมา หยึย~ แค่คิดหน้าพี่ราล์ฟก็ลอยมาแล้ว ไอ้เชี่ย หน้าร้อน อับอายผมทำอะไรลงป๊ายย


ติ้ง


          กดลิฟท์ลงชั้นหนึ่งจากชั้น75 ไอเชี่ย สูงฉิบหาย แต่ช่างเหอะ ผมเหนื่อยจะตกใจแล้ว เก็บแรงไว้ตกใจตอนได้เอวิชาภาษาอังกฤษดีกว่า เยสสส รอดแล้วโว้ยอย่างน้อยก็หนีไปตั้งหลักก่อน ฮิฮ้า ผมกระโดดโลดเต้นกระพือปีกอยู่คนเดียวในลิฟท์เหมือนคนบ้า โบกมือบ๊ายบายให้กล้องในลิฟท์ โอ๊ยๆ ลืมสังขารว่าเจ็บท้องอยู่ และความเจ็บเมื่อสักครู่ก็ทำให้ผมคิดอะไรบางอย่างได้ว่า?!!!! กระเป๋าตังค์ผมล่ะ โทรศัพท์ผมล่ะ ฮือออออ


ตึ้ง


          ยืนคอตกอยู่ชั่วครู่ประตูลิฟท์ก็เปิดออก เงยหน้าขึ้นกำลังจะก้าวเท้าออกจากลิฟท์อย่างคนหมดแรง ทว่า...ก็ถอยหลังอย่างรวดเร็วกับภาพตรงหน้า


"พี่...พี่...ชิโน"


"สวัสดีครับคุณฤกษ์ ออกมาเดินเล่นนานแล้วนะครับขึ้นไปพักบนห้องเถอะครับ'นาย'กำลังรออยู่"


"ผมจะ...กลับบ้าน" หมดเรี่ยวแรงจะพูดต่อ


"เรื่องนั้นเดี๋ยว'นาย'พาไปส่งครับ แต่ตอนนี้กลับขึ้นข้างบนกับผมก่อนนะครับ ดึกขนาดนี้แล้วอันตรายครับ นี่ครับ"


            พี่ชิโน่เดินเข้ามาในลิฟท์ก้มลงวางรองเท้าแตะที่มีลายลวดลายเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ 'BALENCIAGA' รอบรองเท้าเต็มไปหมด ให้กับผมและหันไปกดลิฟท์ชั้น75!! ผมทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิทับรองแตะอย่างหมดแรง รองตูดกูด้วยเจ้ารองเท้า ฮือ แล้วที่กูคลานหนีเป็นสายลับจนเจ็บเข่าฉิบหายนี่คืออาร๊ายยยยยย



 


          ผมนั่งฟุบหงอยเหงาเอาแก้มขวาแนบหินอ่อนเย็นเยียบตรงเคาน์เตอร์บาร์ใกล้สระว่ายน้ำสีฟ้าใสแจ๋วที่มีกระจกใสกั้นแทนผนังปูน มีพี่การ์ดเดินเป็นวิวให้มองอยู่สองสามชีวิตตรงสระน้ำ พี่ชิโนบอกให้ผมขึ้นไปนอนแต่ผมไม่ง่วงเลยนั่งโด่เด่อยู่ในห้องเพียงลำพัง พี่ชิโนเดินเข้าไปในห้องเดียวกับพี่อันเดรียได้สักพักแล้ว ดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานเพราะแอบเห็นตอนที่พี่ชิโนเปิดประตูมีคอมพิวเตอร์และโต๊ะประชุมยาวอยู่กลางห้อง ละจากวิวตรงสระว่ายน้ำเปลี่ยนเป็นแก้มซ้ายแนบเคาน์เตอร์บาร์จ้องมองขวดไวน์และเหล้านอกยี่ห้อต่างๆที่วางอยู่ในตู้กระจกหลังบาร์และเริ่มนับขวดฆ่าเวลา


แกร้ก


         นับยังไม่ทันจะถึงสามขวดเสียงเปิดประตูจากห้องข้างๆพี่อันเดรียกับพี่ชิโนก็ดังขึ้น พี่ราล์ฟ...พี่เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อมองมาทางผม หล่อฉิบ!! ผมทำเป็นมึนมองไม่เห็นพี่เขาและเปลี่ยนท่าเป็นหันไปมองวิวสระน้ำเหมือนเดิม เพื่อหลบสายตาและลดอาการหน้าร้อน ทำไงดีๆ  ไอ้เชี่ย เสียงฝีเท้า มาแล้ว มาแล้ว พี่เขาเดินเข้าแล้ว แกล้งหลับแม่งเลย


          มีเสียงก๊อกแก๊กๆดังเบาๆอยู่หลังบาร์ เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง มีเงาทาบทับบนใบหน้าผม เสียงก้นแก้ววางกระทบหินอ่อน เสียงน้ำแข็ง เสียงเทของเหลวลงแก้ว เสียงเลื่อนเก้าอี้และเหมือนมีคนนั่งข้างๆผม ฮือ ผมควรทำไงกับบรรยากาศแบบนี้


"พี่สั่งอาหารไว้ให้ จะกินเลยไหม" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นผมตีมึนทำเป็นหลับ จะว่าไปผมไม่ค่อยหิวเลย อาจจะแดกหมัดจนอิ่มแล้ว ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ฝ่ามืออุ่นก็วางลงบนผมผม ลูบไปมาอย่างอ่อนโยนรู้สึกดี...จนเริ่มง่วงแล้วจริงๆ


"พี่!!!"


          ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งดีๆเมื่อสัมผัสนุ่มอุ่นแตะเบาๆลงที่ลำคอ...พี่ราล์ฟจูบคอผม หันหน้ากลับไปแทบจะทันทีอย่างเอาเรื่อง พี่ราล์ฟนั่งเอามือเท้าศีรษะด้านข้างมองผมอีกมือถือแก้วเหล้ายกขึ้นดื่มด้วยท่าทางผ่อนคลายเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่เคยเห็นพี่เขาดูผ่อนคลายเท่าครั้งนี้เลย


"พี่ทำอะไรวะ ไอ้คนฉวยโอกาส!!" ผมไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนพี่นะเว้ย กูประสาทจะแดกอยู่แล้ว


"มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว" พี่ราล์ฟว่าเสียงเรียบเหมือนบอกให้แดกข้าว และนั่งจ้องผมด้วยสายตาเหมือนเจ้าป่าเจอเหยื่อ มึงผิดแล้วไอ้พี่ราล์ฟ ผมไม่ใช่ตัวตุ่นนะผมเป็นนายพราณ เอือก กลืนน้ำลายไม่ค่อยลงแฮะ


"พี่ชอบผู้ชายเหรอวะ" ผมถามอย่างคลางแคลงใจไม่ใช่พึ่งจะมาเป็นเหมือนผมนะเว้ย


"ก็มีบ้าง แล้วถ้าพูดกับพี่เหมือนเพื่อนเล่นอีกระวังตัวไว้ดีๆ" เฮ้อออ ถอนหายใจอย่างโล่งอก พี่เขาเป็นก่อนผมเว้ย


"หิวข้าวไหม พี่สั่งอาหารมาให้" พี่ราล์ฟถามและยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เท่ว่ะขนาดแดกเหล้าเฉยๆยังเท่ ผมเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราเมื่อเย็น ด้วยพี่ราล์ฟก็ไม่ได้พูดถึงและเอ่ยอะไรออกมา ผมเองก็ผิดที่ไม่ขัดขืนให้มากกว่านี้ อาจเพราะเป็นพี่… อาจเพราะรู้สึกดีกับสัมผัส… อาจเพราะเผลอปล่อยไปตามอารมณ์…. อาจเพราะเผลอปล่อยใจ... ผมจะปล่อยเบลอและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก คนอย่างพี่ราล์ฟกับผมไม่มีทาง… อ่า เตือนตัวเองได้ดังนั้นอยู่ดีๆ ก็รู้สึกยิ้มไม่ค่อยออกเลยแฮะ


"ไม่ครับ มันตื้อๆท้อง"


"งั้นกินนมรองท้องจะได้กินยา พี่จะทายาให้อีกรอบปวดมากไหมจะได้ฉีดยาให้แทน" พี่ราล์ฟลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นเทนมใส่แก้วและวางไว้ตรงหน้าผม


"ไม่มากเท่าไหร่ครับ พี่ราล์ฟกินนี่ได้ปะ?" ผมชี้ไปที่ขวดเหล้านอกที่อ่านยี่ห้อไม่ออกแต่น่ากินชะมัด แดกคนเดียวไม่มีชวน


"กินนม" ตาคมจ้องมาอย่างดุๆ เชิงบังคับให้ยกนมขึ้นดื่มเดี๋ยวนี้ ไม่ได้กลัวนะครับแต่แดกเหอะ ยกนมขึ้นดื่มอยู่ดีๆภาพที่พี่ราล์ฟ ดูด เลีย ขบกัด ขยำนมผม และใบหน้าเซ็กซี่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์เมื่อช่วงเย็นก็ฉายเข้ามาในหัว เกิดอาการร้อนลูบวาบไปทั่วท้องน้อย เชี่ยไรเนี่ย ฮึ่ย~ ไอ้ฤกษ์ ไอ้จัญไร


ติ๊ด ติ๊ด แกร้ก


           เสียงเปิดประตูจากทางเข้าหน้าห้องดังขึ้น ปรากฎร่างงามคุ้นตาในชุดเดรสรัดรูปสีดำ พี่ลลิน…สองมือเล็กถือถุงหิ้วพะรุงพะรัง ขาเรียวสวยบนรองเท้าส้นสูงก้าวเข้ามาในห้องอย่างคุ้นชินก่อนจะมาหยุดอยู่ที่บาร์น้ำข้างพี่ราล์ฟ ผมยกมือไหว้พี่ลลินเมื่อพี่เขาหันมาเห็นผมและทำสีหน้าแปลก 


"น้องฤกษ์นี่!! มาทำอะไรที่นี่จ๊ะ" พี่ลลินพยักหน้ารับไหว้ และเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ


"เอ่อ...คือผม…" รู้สึกผิด…


"มาทำไม" พี่ราล์ฟถามแทรกขึ้น


"ไปเที่ยวฝรั่งเศสมาค่ะแวะเอาของฝากมาให้ อยู่กันแค่นี้เหรอ" พี่ลลินมองไปรอบๆห้อง


"อืม กลับไปได้แล้ว" อ่า เย็นชาจัง ผมนั่งดื่มนมและฟังบทสนทนาอย่างเงียบๆ


"คิดว่าลินจะไปให้จริงๆเหรอ" พี่ลลินยกมือกอดแขนอ้อนอย่างน่ารักเหมือนจะขออะไรสักอย่าง เหมาะสมกันมาก…


"เอาของไปไว้ในห้องประชุม" พี่ราล์ฟพูดเสียงเรียบ


"ก็แค่นี้" พี่ลลินเขย่งตัวจุ๊บแก้มพี่ราล์ฟอย่างคนอารมณ์ดีหันมาโบกมือให้ผมและรีบวิ่งตรงไปที่ห้องที่มีพี่อันเดรียกับพี่ชิโนอยู่ พี่ราล์ฟกลับมานั่งที่เดิมและดื่มต่อ ผมพยายามฝืนดื่มนมให้หมดแก้วอย่างรวดเร็ว ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ต้องกินนมยากเย็นขนาดนี้แทบกลืนไม่ลงคอ เมื่อหมดแก้วแล้วผมลุกเอาแก้วไปล้างที่หลังบาร์น้ำ เช็ดคืนให้เสร็จเรียบร้อย ผมรู้ว่าพี่ราล์ฟมองอยู่แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ


"ให้ผมนอนตรงไหนครับ" ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อยู่ดีๆก็แผ่วเบา


"ห้องเดิม กินยาก่อนสิ" พี่ราล์ฟยื่นยามาให้ ผมรับมาทานให้เรียบร้อย เอ่ย ขอบคุณเบาๆ หันหลังจะกลับห้องไปนอนแต่ร่างผมก็ถูกกระชากให้หันหลังกลับและถูกอุ้มลอยขึ้นไปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์น้ำมีพี่ราล์ฟยืนแทรกกลางอยู่ระหว่างขาผม


"พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!!"


"เป็นอะไร ทำไมดูเงียบๆ เจ็บตรงไหนอีก" พี่ราล์ฟก้มหน้าลงมาจนจมูกชิด ผมหันหนีและผลักพี่ราล์ฟให้ออกห่างเพราะกลัวพี่ลลินจะมาเห็น ผมน่ะเหรอ...อยู่ดีๆหัวใจก็เจ็บ


"เปล่า ผมแค่ง่วง พี่อยู่ห่างๆผมหน่อยได้ไหม ผม..ผมไม่ชอบว่ะ" พูดออกไปด้วยอารมณ์โมโห ที่ควบคุมไม่ได้ ผลักร่างตรงหน้าให้ออกห่างอีกครั้งแต่ก็ไม่แม้แต่ขยับ


"ไม่ชอบพี่?" พี่ราล์ฟเลิกคิ้วกระตุกยิ้มร้ายทวนคำ ตาคมมองผมนิ่งอย่างคาดเดาอะไรไม่ได้สักอย่างว่ามีอะไรแฝงอยู่ ร้าย? ดี? "แต่บนเตียงเราเกือบเข้ากันได้ดีนะ" ริมฝีปากได้รูปก้มลงกระซิบข้างหูผมเบาๆ


"พี่!! หมับ!!" ยกมือจะต่อยคนตรงหน้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่แต่ก็ช้ากว่าคนตรงหน้า มือใหญ่กำข้อมือผมไว้แน่นอย่างรู้ทัน

 

"หยุดพูดเรื่องนั้นนะ!! ผมแม่งโคตรกะ…" หยุดคำพูดว่า'เกลียด'ไว้ได้ทัน ผมไม่ได้เกลียดเลย ขอบคุณอยู่ทุกขณะด้วยซ้ำสำหรับวันนี้ที่ช่วยผมเอาไว้ พี่ราล์ฟเลิกคิ้วเข้มสวยได้รูปเหมือนเชิงถามว่าเมื่อกี้จะพูดอะไร ผมได้แต่ปิดปากเงียบอย่างสับสนว่าเป็นบ้าอะไรถึงโมโหใส่เขา


"ไม่ชอบ? เกลียด? หึ!! แล้วยังไงพี่ต้องสนใจ? " พี่ราล์ฟเริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆด้วยท่าทีคุกคาม สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่โมโหขึ้นเรื่อยๆ


"พี่ไม่สนแต่ผมสน พี่มีแฟนแล้วอย่ามาทำรุ่มร่ามกับผม"  ผมกลัวตัวเองจะเสียใจถ้าสักวันผมรักคนเจ้าชู้อย่างพี่ "เราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกัน ผมเกลียดการนอกใจ ความเจ้าชู้ ความหัวงู"  ผมว่าผมชักจะหลุดและเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้ว


"นี่เราหึง?" พี่ราล์ฟเริ่มผ่อนลง


"ไม่ได้หึง!! ทำไมผมต้องหึง!!"  ปฏิเสธเสียงดังกับคำถามที่อยู่ๆก็แทงลงมาที่กลางใจ  "เรื่องเมื่อเย็นผมลืมแล้วถ้าพี่พูดอีกผมแม่งเตะตัดขาพี่แน่ๆ" เก่งฉิบหายกูเนี่ย พูดอะไรไม่นึกถึงขนาดตัวพี่เขาเลย


"พี่กับลินเราเป็นแค่แฟ…"


"ผมจะไปนอนแล้ว" ผมตัดบทผลักพี่เขาออกแต่ก็ไม่ยอมขยับเหมือนเดิม โว้ยยย รู้แล้วๆว่าเป็นแฟน


หมับ


"อื้ออออออ" มือใหญ่จับล็อคท้ายทอยไว้ผมอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเย็นกดจูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว พยายามจะไม่เปิดปากแต่ก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อฟันคมกัดปากผม เป็นผลให้ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามา เหมือนรู้ทันว่าผมจะกัดลิ้นมือใหญ่อีกข้างบีบแก้มผมไว้ กลิ่นเหล้านอกหอมคละคลุ้งอยู่ในปาก'เรา' ผมได้แต่ส่งเสียงประท้วงกับจูบรุนแรงนี้ มันทั้งรู้สึกดีปนรู้สึกแย่... สองมือของผมจากที่ทุบไหล่แกร่งเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเกาะไว้เพื่อทรงตัว เมื่อจูบอันเร่าร้อนรุนแรง แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน...อ่อนโยนจนแทบหลอมละลายครั้งแรก….กับจูบอ่อนโยน พี่ราล์ฟผละออกเมื่อผมเริ่มหายใจหอบถี่เหมือนหายใจไม่ทัน ใบหน้าหล่อคมละจากริมฝีผมและค่อยๆแลบลิ้นเลียคราบน้ำลายตรงมุมปากให้ กดจูบหนักๆตรงมุมปาก ทิ้งท้ายด้วยการจูบตรงหน้าอกเปล่าเปลือยข้างซ้ายของผมเมื่อคอเสื้อตกลงมาถึงต้นแขนและผละออกไป


"เคยบอกไว้แล้วว่าอย่าพูดสบถและไม่เพราะกับพี่ ไม่งั้นจะถูกลงโทษ" นิ้วยาวเกลี่ยตรงมุมปากผมที่ถูกร่างตรงหน้ากัด "แต่ทำตัวน่ารักพี่เพิ่มรางวัลให้" นิ้วยาวเปลี่ยนมาเช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากให้อีกครั้ง


พลั่ก!!


          ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนตรงหน้าดี เดี๋ยวตบหัวแล้วลูบหลัง เดี๋ยวลูบหลังแล้วตบหัว ได้แต่ทุบลงไปบนอกแกร่งเต็มแรงจนเจ็บมือและเดินออกมา พี่ลลินอยู่ใกล้ขนาดนี้แท้ๆ


"ฤกษ์ เรื่องนอกใจพี่ไม่เคยมีประวัตินะ" ผมหันกลับไปมองตามเสียงเรียก พี่ราล์ฟยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์บาร์มองผมอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีประวัติอะไร? ที่ทำอยู่เมื่อกี้ชวนกูต้มมาม่ามั้ง ผมยกมือกำลังจะชูนิ้วกลางกลับไปแต่ก็ต้องชะงักกับคำพูดรู้ทันของไอ้พี่ราล์ฟหัวงู จนแทบเก็บนิ้วและวิ่งขึ้นห้องแทบไม่ทัน


"ลองชูสิ ครั้งนี้ไม่มีทางจบแค่จูบแน่"



 รู้ทันกูไปหมดไอ้ฉิบหาย!!












 :pig4:❤❤❤❤❤❤ :pig4:


         






     



















             

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 14:14:12 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
ความชัดเจน = ความไม่ชัดเจน

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถ้าพระเอกจะคั่วหญิงไปเรื่อยๆแบบนี้  ก็ไม่อยากให้น้องฤกษ์ ได้ผู้ชายแบบนี้เป็นแฟนเด้อ สำส่อนแบบนี้มิสมควรเป็นพระเอกอ่ะ ขยะแขยงเบาๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ก่อนอื่นคนแต่งเคลียร์ที่มาของลลินก่อนได้มะ ขนาดเข้าห้องมาได้ก็คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
ทำไมพี่ราล์ฟไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจเลย หงุดหงิดแทน

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
พี่ราล์ฟ ท่ามากไปมั้ย น่ารำคาญ มันไม่เคลียร์ สงสารน้อง

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บังคับเก่งงง สั่งเก่งงง ไม่เชียร์แล้วดีมั้ยพระเอกเนี่ย ทำตัวไม่น่ารักเลยอ่า

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kirana9165

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงๆ น้องฤกษ์ มากกกกกกกกกดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
21…ความกังวลที่ได้รับรู้






               วันนี้วันเสาร์สุดหรรษาผมควรอยู่บ้านหรือที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ที่หะหรูหะหราแบบนี้ อาจจะกำลังช่วยไอ้ตี๋กรขนลังเบียร์ส่งตามร้านลูกค้ามัน อาจจะนั่งไสไม้แผ่นประกอบโลงอยู่บ้าน หรืออาจจะไปแรดๆกับพี่สายรหัสแถวร้านยาดองเจ้าประจำ แต่ทว่า...ผมกับมานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่คอนโดหรูของรุ่นพี่ที่เหมือนจะสนิทกัน? นั่งมองอาหารตรงหน้าที่มีทั้งไทยและอิตาเลียนหน้าตาน่าทาน ส่งกลิ่นหอมจนน้ำลายสอ แต่ความรู้สึกอึดอัดใจในตอนนี้ทำให้อาหารตรงหน้ากลายเป็นอากาศสำหรับผม ใช่!! ผมอึดอัดใจ บนโต๊ะอาหารมี พี่ราล์ฟ พี่ลลิน พี่อันเดรียและพี่ชิโน นั่งร่วมทานอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าพี่ชิโนและพี่อันเดรียมีความสนิทกับพี่ราล์ฟมากแค่ไหนเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่การ์ดคนอื่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชิโนและพี่อันเดรียก็ยังทำตัวเคารพพี่ราล์ฟอย่างไม่มีบกพร่อง ผมหันไปมองหน้าพี่ราล์ฟ เมื่อพี่ลลินตักอาหารให้และต้องชำเลืองมองพี่อันเดรียอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกผมที่มองพี่ราล์ฟกับพี่ลลินในตอนนี้ต่างจากเมื่อคืน ต่างกันจนผมอยากจะก้มหัวแล้วตะโกนลงไปในโอ่งแดงว่ามันเรื่องเชี่ยอะไรกันเนี่ย!!! WTF!!


          เมื่อคืนห้องที่ผมนอนคือห้องนอนพี่ราล์ฟ ฟังแบบนี้เหมือนผมกับเขาจะนอนด้วยกัน ใช่ที่ไหนเล่า!! เมื่อคืนผมขึ้นมานอนได้สักพักแต่หลับไม่ลงหลับเพราะอาการปวดหน้าท้องที่เริ่มแผลงฤทธิ์ ทำให้ผมนอนกระสับกระส่ายจนพี่ราล์ฟที่เข้าห้องตามหลังผมมาห่างกันไม่กี่สิบนาทีต้องฉีดยาแก้ปวดให้ หลับไปได้สักพักก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความหิวหันไปมองข้างๆใจผมก็วูบโหวงขึ้นมาซะเฉยๆ เมื่อมันว่างเปล่า พี่ลลินอาจจะยังไม่กลับ พี่ราล์ฟกับพี่ลลินคงกำลัง… แค่คิดความรู้สึกตรงอกขณะนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าอาการปวดที่หน้าท้องผมซะอีก ลุกขึ้นจากเตียงเมื่ออาการแสบท้องจากความหิวเริ่มประท้วง เห็นแสงไฟจากห้องข้างๆลอดผ่านช่องประตูออกมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่ค่อยมีอยู่ในตัวผมแต่ ณ ตอนนี้มีอยู่ท่วมท้น ผลักประตูเข้าไปด้วยมืออันสั่นเทา ทรุดเข่าอยู่หน้าประตูกับภาพเบื้องหน้า พี่ราล์ฟ...นั่งถอดเสื้ออยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองหนังสือและเอกสารมากมาย ใบหน้าหล่อเคร่งขรึมจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าด้วยใบหน้าอิดโรย เคาะหน้าผากตัวเองหนึ่งทีกับความคิดสัปดนของตัวเอง เขาเป็นแฟนกันถ้าคืนนี้จะอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลก แต่...เมื่อเห็นพี่ราล์ฟนั่งทำงานอยู่คนเดียวความรู้สึกมัวๆ แย่ๆของผมก็หายไป ยอมรับว่าผมดีใจ… ผมมันบ้า


          ลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ กับตัวเองว่าหิวขนาดที่แข้งขาอ่อนลงไปกองหน้าประตูอย่างนั้นได้อย่างไร หันหลังกลับเดินลงไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน อยู่ๆก็มีความรู้สึกอยากอาหารมากกว่าเดิมขึ้นมาหลายเท่า ก่อนหน้าพี่ชิโนบอกมีอาหารแช่แข็งในตู้เย็นนี่ บอกที่ซ่อนผมขนาดนี้แสดงว่ากินได้ เสร็จผมล่ะ! ขาชะงักหยุดเดินเมื่อผมคิดถึงใครบางคนที่นั่งทำงานอยู่ข้างบน ตีสามแล้วพี่เขายังไม่นอนเลย ผมไม่ค่อยเห็นพี่ราล์ฟพักผ่อนหรือนอนหลับเลยทำงานและเรียนตลอดเวลา เหนื่อยแย่เลย ทำตัวอย่างกับเป็นหุ่นยนต์ เอาอะไรไปให้พี่เขากินดี? กาแฟดีไหม เฮ้ย แดกตอนนี้จะนอนตอนไหน พี่เขากินข้าวหรือยังนะ ก่อนหน้าก็เห็นกินแค่เหล้า เป็นหมอที่ไม่ดูแลสุขภาพเอาซะเลย


โครม!!


          เสียงของหล่นระเนระนาดดังออกมาจากห้องที่พี่ราล์ฟเรียกว่า'ห้องประชุม'ขณะผมกำลังเดินผ่าน ด้านนอกที่ผมยืนอยู่ปิดไฟเกือบหมดมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่เปิดไว้ตามทางเดินและห้องประชุมขนาดย่อส่วนที่เปิดสว่างโล่ ผมหันกลับไปมองตามเสียงแทบจะทันที ประตูห้องประชุมไม่ได้ปิด !!!? ตาสองข้างผมแทบถลนออกนอกเบ้าเมื่อเห็นใบหน้าสวยของพี่ลลินเต็มไปด้วยคราบน้ำตา กำลังจูบพี่อันเดรียที่ยืนนิ่งเป็นหินไม่ไหวติง ไม่ผลักออกแต่ก็ไม่ตอบสนอง...


"คนใจร้าย คนไม่มีหัวใจ!!!"


"...."


"ลินไม่ดีตรงไหน ฮือๆ ไอ้คนบ้า!!" พี่ลลินผละจูบออกตะโกนใส่หน้าพี่อันเดรียด้วยเสียงสะอื้นก่อนมือเล็กจะผลักพี่อันเดรียจนเซแล้ววิ่งออกมาทั้งน้ำตา ผมรีบวิ่งหลบเข้าไปในครัวอย่างคนไม่มีสติ ที่วิ่งมาได้คือสัญชาตญาณล้วนๆ และนี่เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่ผมไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้าน เผือกแล้วเอาตัวไม่ค่อยรอดอ่ะครับ





หมับ!


"โอ๊ยๆๆ พี่! ดึงแก้มผมทำไม" ผมหันไปเหวใส่ไอ้พี่หมอสายแดกเหล้าสูบบุหรี่แต่ดันมุ้งมิ้งไว้ผมยาว มือใหญ่ดึงแก้มผมให้หันกลับไปหาเจ้าของมือ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเกือบหยิกก็ได้ ไม่รู้ว่าแอบแค้นอะไรผมนักหนา เมื่อคืนผมก็ทำหน้าที่เป็นผู้อาศัยที่น่าร้าก ชงโกโก้ร้อนไปให้กินถึงจะใส่น้ำเยอะจนมันจืดก็เถอะ ผมชงใส่แก้วทรงเบียร์อ่ะครับมันใหญ่ดี กลัวพี่เขาไม่อิ่ม และก็พึ่งได้สติจากแรงดึงแก้มว่าตัวผมเองนั่งถือช้อนค้างจ้องพี่สุดหล่อหัวทองตาไม่กระพริบ


"เอ่อ อะแฮ่มๆ ขอโทษครับ พอดีผมกำลังฝึกนั่งนิ่งๆให้เป็นคนเรียบร้อย ฮ่าๆ" หันไปขอโทษพี่อันเดรียซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นหุ่นยนต์เหมือนเดิม


"น้องฤกษ์มองขนาดนี้คงไม่ได้ปิ๊งพี่อันเดรียใช่ไหม?"


เคร้ง


" ไม่!!! เอ่อๆขอโทษครับ ไม่ใช่ครับ" มือไม้อ่อนจนทำช้อนร่วงเสียงดังพร้อมกับร้องด้วยสีหน้าแตกตื่นเหมือนตดในลิฟท์แล้วมีคนจับได้ เมื่อพี่ลลินเท้าคางถามด้วยท่าทางหยอกล้ออย่างน่ารัก!! อย่า อย่ามาล้อเล่นอย่างนี้นะเว้ยข้าวจะติดคอผมตาย


"ไม่มีพิรุธเลยนะเราน่ะ ทานเยอะๆนะน้องฤกษ์ของอร่อยทั้งนั้นเห็นเรากินแล้วพี่เจริญอาหารมาก" พี่ลลินแซวผมก่อนจะเหล่มองพี่อันเดรียแว๊บหนึ่งแล้วทานข้าวต่อ เฮ้ยๆ พี่มึงเห็นไหมๆเมื่อกี้พี่ลลินเหล่พี่อันเดรียด้วย พี่มึงนอกจากมีเขางอกแล้วหลังก็จะหักแล้วนะ!!! หันไปทำสีหน้าแตกตื่นทางพี่ราล์ฟที่กำลังกินกาแฟดำและอ่านอะไรในแท็บเล็ตอยู่ ผมยื่นหน้ายักคิ้ว จึ๊กๆ ถามทางสายตาว่าพี่มึงเห็นไหมๆเมื่อกี้ แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบและสายตาอำมหิตมาแทน คล้ายบอกว่า เห็นกูไหมว่าไม่ว่างแดกไปเงียบๆ โถ่ววว ไม่หน้าโง่เลยพี่กู แล้วแต่เลยนะผมไม่ยุ่งละ กูเหนื่อยมากบอกเลย



"น้องฤกษ์รู้จักกับราล์ฟนานแล้วเหรอแลดูสนิทกันจัง" พี่ลลินถามขึ้น


"ไม่นานครับรู้จักกันตอนเตะบอลอ่ะครับ" หลังจากแดกอะไรต่อมิอะไรเต็มลำไส้ผมก็ต้องมาจบที่...อื้อหือ ไอ้ขนมปังจุ่มชีสร้อนๆในหม้อเล็กๆนี่อร่อยฉิบหาย เกิดมาไม่เคยกินเทราดลงไปบนขนมปังเลยได้ไหมทำไมต้องจุ่มให้เสียเวลาแดก


"พี่ ตักราดได้ไหมอ่ะ" หันไปถามพี่ชิโนที่นั่งกินเงียบๆอยู่ข้างๆผมอย่างเกรงใจเพราะไม่มีใครตักราดเหมือนผม


"ได้ครับ" พี่ชิโนเอื้อมขยับหม้อชีสร้อนๆมาให้ผมและตักชีสราดบนขนมปังชิ้นลูกเต๋าลงในถ้วยให้ เมื่อเห็นว่าผมยังงงๆกับช้อนข้างตัวที่มีหลายขนาดซะจนลังเลว่าจะหยิบอันไหนตักดี น่าร้ากกก


"อย่างนี้เราต้องพิเศษกับราล์ฟยังไงเอ่ย ถึงได้เข้ามาในเขตพื้นที่ส่วนตัวอย่างนี้" แหนะ ถามซะชีสกูลวกปากเลย ใครบอกให้ถามแบบนี้ตอนกินฮะพี่ลลิน


"ไม่หรอกพี่ พี่น้องกันครับ" ผมตอบอย่างจริงใจ แต่รักแร้กูเปียกแล้วเนี่ย ผมจะไม่สวมเขาให้พี่แน่นอนครับ!!!


"จริงเหรอคะราล์ฟ" พี่ลลินหันไปเอานิ้วชี้เคาะไหล่พี่ราล์ฟที่กำลังนั่งอ่านข่าวเงียบๆในแท็บเล็ตอยู่ เอิ่ม แล้วทำไมผมต้องมองพี่อันเดรียอีกแล้ววะกู


"อิ่มแล้วก็กลับได้แล้ว ไม่มีเวรขึ้นวอร์ดหรือไง" พี่ราล์ฟปัดมือพี่ลลินที่จิ้มไหล่อยู่ออก อ่า หยาบคายฉิบเป๋งเลยไอ้พี่คนนี้


"วันนี้วันหยุดลิน แต่วันนี้ราล์ฟน่าจะมีนะคะเมื่อวานก็เห็นออกเวรกระทันหันเส้นไม่ใหญ่จริงคงทำไม่ได้"


"ฮะ!!? วันนี้มีเรียน!! พี่ราล์ฟแปดโมงแล้วผมต้องไปเรียน" ผมร้องอย่างตกอกตกใจที่นึกได้ พี่หมอเขายังไปเรียนกันเลย ตายๆผมจะไปทันไหมชุดอะไรก็ไม่มี


"วันนี้วันเสาร์เราไม่มีเรียน ส่วนพวกพี่เรียนไม่เหมือนเรา"


          พี่ราล์ฟบอกผมพร้อมกับวางแท็บเล็บลง เอาส้อมตัวเองมาจิ้มขนมปังราดชีสในถ้วยผมที่แทบล้นไปกินหน้าตาเฉย อ่า วันนี้วันเสาร์วันหยุดผม เฮ้อ ฟังพวกพี่หมอคุยจนหลอน โล่งอก ว่าแต่ว่าวันหยุดผมอยู่กับพี่ราล์ฟอีกแล้วเหรอวะ


 "งั้นลินกลับก่อนนะ พอดีมีธุระกับคุณพ่อ" พี่ลินลุกขึ้นเมื่อก้มมองนาฬิกาหรูที่ข้อมือตัวเอง ร่างสวยเดินมาหาผมที่กำลังนั่งกินขนมปังคลุกชีส มือสวยบีบแก้มข้างหนึ่งผมเบาๆอย่างหมันเขี้ยว เอ่อ ผมมหาลัยแล้วครับไม่ใช่อนุบาลหอยน้อย


"พี่กลับก่อนนะน้องฤกษ์ คงได้เจอกันบ่อยขึ้น" พี่ลลินพูดพร้อมกับโปรยยิ้มหวาน และก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบาๆให้ได้ยินกันสองคน


"เมื่อคืนนี้พี่เห็นเรานะ แอบดูผู้ใหญ่คุยกันไม่ดีเลย"


แว้กกกกกกกกกกกกก กูเอาตัวไม่รอด








"เมื่อไหร่จะเลิกซน"


          พี่ราล์ฟที่กำลังนั่งพิมพ์งานในโน็ตบุ๊คบนโต๊ะข้างสระว่ายน้ำบ่นผมที่เดินไปเดินมารอบสระว่ายน้ำ เมื่อยก็กลับมานั่งเก้าอี้นอนใกล้ๆพี่ราล์ฟแล้วก็กลับไปเดินต่ออีกหลายรอบ


จึ๊กๆ


           เอาวะ ตัดสินสินจิ้มนิ้วไปบนไหล่แกร่ง พี่ราล์ฟหยุดมือที่กำลังทำงานบนโต๊ะ หันมาหาผมพร้อมกับนั่งไขว่ห้างกอดอกมองผมนิ่งๆบนเก้าอี้


"ไหนว่ามาซิ ถ้ากวนพี่เฉยๆระวังตัวให้ดี"


"ผมมีอะไรจะถามอ่ะ" เงยหน้ามองพี่ราล์ฟที่นั่งเก้าอี้สูงกว่าอย่างกล้าๆกลัวๆ ถามได้ไหมนะ


"พี่กับพี่ลลินเอ่อ...คือ คบกันนานแล้วเหรอ"


"รู้จักกันตั้งแต่เด็กแม่พี่กับแม่เขาเป็นเพื่อนกัน" อ่า อย่างงั้นเหรอ อย่างงั้นเหรอ เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสดใสอยู่เลยทำตอนนี้มันหม่นๆจังวะ ไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะยอมตอบ


"พี่คงรักพี่ลลินมาก" ถ้าพี่โดนหักหลังคงเจ็บแย่


"....."


"ไม่เป็นไรนะพี่" ยกมือไปตบไหล่พี่เขาเบาๆอย่างลืมตัว


"คิดอะไรอยู่ หืม" พี่ราล์ฟลูบผมผมเบาๆถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


"กลัวพี่เสียใจถ้า ถ้า ต้อง…."


"เราเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เกิด"


"...." ทำไมตัวชาขนาดนี้


"พี่ถอนหมั้นตอนอายุสิบห้า"


"...." เหมือนน้ำตาจะไหล


"สำหรับลลินกับพี่เราไม่เคยเป็นอะไรกันแต่สำหรับคนนอกที่มองมาเราคือแฟนเก่า"


"...." อยากอาหารอีกแล้ว เอื้อมมือหยิบขนมบนโต๊ะมากินและนั่งฟังด้วยหัวใจที่พองโตอย่างห้ามไม่อยู่


"สำหรับพี่ ลลินก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญแต่ตัดไม่ได้เพราะรู้จักกันมานาน สำหรับลลินพี่เป็นแค่เครื่องมือเอาไว้เข้าหาใครอีกคน เลิกคิดมากได้แล้ว เวลาคิดมากเรามันน่ารักจนอยากทำให้ช้ำคามือ"


"ไอ้พี่!!! พูดบ้าอะไร ใครคิดมาก บ้าบอว่ะ ผมก็แค่ห่วงกลัวพี่โดนสวมเขา" ผมยกมือดันพี่ราล์ฟออกเมื่อพี่เขาคว้าเอวผมเข้ามาใกล้ๆ


"งั้นเหรอ นึกว่าเมื่อคืนไปเห็นอะไรมาเห็นหน้าซีดๆ"


"เปล๊าาาา ไม่มี๊" พูดได้ไม่ได้ไม่รู้แต่เงียบไว้ก่อนเดี๋ยวเจ๊มาตบทำไงอะ


"เรื่องเป็นงี้เหรอ ผมเห็นพวกพี่ชอบกอดชอบจุ๊บกันบ่อยๆนึกว่าแฟนกัน"


"เราโตที่เมืองนอกถึงจะคนละประเทศกันก็เถอะ เลยติดวัฒนธรรมมา ไม่ชอบเหรอ" พี่ราล์ฟเลิกคิ้วถาม


"ทำไมผมต้องไม่ชอบ แค่อยากรู้ อยากรู้เฉยๆ" ก็อยากรู้จริงๆอ่ะ แต่ไม่อยากรู้เฉยๆ อยากรู้มากๆจนจะบ้า


"มีเราแค่คนเดียวพี่ก็แทบบ้าแล้ว" ผมชะงักกับคำพูดพี่ราล์ฟหน้าร้อนวูบจนแทบไหม้ ตาคมสบผมนิ่งก่อนจะค่อยๆก้มลงมา….


"กลางแจ้งเลยเหรอ อายฟ้า อายดิน อายบอดี้การ์ด และแขกด้วย!!" เสียงพี่หมอแข่งตะโกนเข้ามา ผมสะดุ้งผลักพี่ราล์ฟออกอย่างตกใจ พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆลุกไปนั่งทำงานต่อ ผมตีมึนนั่งแดกขนมต่อหน้าตาเฉย เมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย


"มาทำไม" พี่ราล์ฟถามเสียงเรียบ


"ขึ้นวอร์ดบ่ายพร้อมกันเลยแวะรับ แต่ดูท่าคงอยากไปเองมากกว่า" พี่แข่งตอบพี่ราล์ฟแต่หันมายักคิ้วให้ผมและหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้นอนข้างๆผม ตัวอื่นมีเยอะแยะไมไม่นั่งวะ


"เป็นไงบ้างครับน้องฤกษ์ เมื่อวานพี่ได้ข่าวว่าเราไปซน ไม่เจ็บตัวใช่ไหมครับ" ไอ้เชี่ย!!! กูแทบตาเหลือกกับแฟชั่นของพี่รอน กางเกงขายาวลายดอกสีชมพู รองเท้าแตะคิตตี้ เสื้อยืดสีขาว กับหมวกปีกกว้างที่แทบจะกางเป็นร่มได้อยู่แล้ว พี่มึงควรไปอยู่กับพี่รหัสกู


"ไม่ครับ ไม่มีอะไรเลย" ผมตอบพลางยัดขนมเข้าปากแก้เครียด กูอยากกลับบ้านแล้วน้องผมเป็นห่วงแย่ (หวังให้มันห่วงจริงๆ)


"แล้วทำไมมาอยู่กับราล์ฟมันได้ นี่คบกันเหรอ" พี่แข่งถามได้เชี้ยมาก


"คบไรวะพี่ บ้าบอ พี่น้องกัน" ตอบปากคอสั่น


"อ้อเหรอ พี่น้องกันแต่จูบกันได้ด้วย" เกลียดสีหน้าพี่แข่งว่ะ


"ไม่มีเหอะตาฝาดแล้ว" พูดมากยัดขนมใส่ปากแม่งเลย พี่มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแดกหน้าตาเฉย หน้ามึนกว่าผมก็ไอ้พี่แข่งเนี่ยล่ะ


"ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว จะไปเอง" ไล่เลยพี่ราล์ฟ ไล่ไปเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสนับสนุนนิสัยหยาบคาย ไล่ไอ้พี่รอนไปด้วยตอนนี้แม่งนั่งส่องกล้องส่องทางไกลมาที่หน้ากูเนี่ย


ตุ้บ


"เฮ้ย!! ห้ามกิน"


"ทำไม ไม่ได้ตกพื้นสักหน่อยแค่ตกถึงเก้าอี้เอง"


"ไม่ได้!!" ผมห้ามเสียงหลง จับข้อมือพี่หมอแข่งที่กำลังเอาขนมที่ตกลงบนเบาะเก้าอี้ใส่ปาก


"ก็จะกิน" เริ่มฉุดกระชาก


"พี่ก็เอาชิ้นใหม่ดิ ในจานมีอีกเยอะแยะ" ยังไม่ยอมปล่อยให้กิน


"แล้วทำไมชิ้นนี้ไม่ได้" พี่หมอแข่งเริ่มจะแดกหัวผม


"ของกินที่ตกจากมือเราแสดงว่าเขาอยากกินด้วย"


"ใคร?"


"วิญญาณไง เอาให้เขากินเถอะ"


"ห๊ะ!!!"








●ช่วงนี้นักเขียนจะยุ่งๆหน่อยนะคะเพราะที่ทำงานเพิ่งเปิดหลังจากปิดมาสองเดือน เนื่องจากผลกระทบโควิด19 จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ขออภัยในความล่าช้านะคะ
●ขอให้นักอ่านมีสุขภาพที่แข็งแรงกันทุกคนนะคะ






 :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 14:17:32 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ Heroyj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บางทีการที่หมอจะเอาน้องมาอยู่ด้วยนานๆแบบนี้ทั้งที่ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย แล้วการทีฤกษ์ยอมอยู่บางทีมันก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่  มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอมอยู่และกลัวอะไรขนาดนั้น กลับบ้านเสียทีน้องฤกษ์

ออฟไลน์ Kirana9165

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณผู้แต่งที่สละเวลามาอัพให้ทั้งที่มีงานประจำ ขอบคุณมากจริงๆ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยค่ะ ชอบน้กงฤกษ์มากๆ อ่านสนุก แต่ก้อมีความคลุมเครือหลายอย่าง ในวัยเด็ก หลังจากน้องบาดเจ็บ แล้วเป็นอย่างไร พี่หายไปเลยหรอ หรือแอบดูแล ติดตามดูน้องอยู่ห่างๆ เพราะทำไมน้องไม่มีความจำอะไรในตัวพี่เลย แล้วอยู่มหาลัยเดียวกันมาหลายปี ถึงเพิ่งเจอกันใกล้ชิดกัน..

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ตามอ่านจนทัน ไม่ได้เข้าเว็ปนี้ไปพักนึง เมื่อก่อนเข้าทุกวัน
เหมือนเห็นคุณสิบเอ็ดอยู่ตลอดเลยนะคะ

ชอบความมึนของฤกษ์อ่ะ แบบ คิดว่าหนักแล้วนะ แต่ฤกษ์ยังมีขั้นกว่า
หวังว่าจะรู้ใจตัวเองเร็วๆนะะะ :o8:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ 11:11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
22…ชีวิตประจำวันที่แปลกไป







"โอ๊ย!!! ใครเหยียบวะ!" ไอ้มังกรเอามือปัดป่ายอากาศร้องโวยวายเมื่อถูกเหยียบเข้าที่หน้าท้อง ลุกเด้งดึ๋งขึ้นมานั่งงัวเงียอย่างหมางง เมื่อวานตอนเที่ยงหลังจากพี่ราล์ฟแวะมาส่งผมและไปขึ้นวอร์ดเพราะเป็นทางผ่านไปโรงพยาบาลมหาลัย ไอ้พวกเพื่อนๆตัวดีทั้งหลายก็แท่ดๆมาหาผม เมื่อมีสายลับของพวกมันโทรไปบอกว่าผมกลับมาแล้ว(ไอ้พี่เพชรทายาทอสูร เอ๊ย ร้านเบเกอรี่นั่นเอง) พวกมันเป็นห่วงผมมั๊กมากกก ใช่ที่ไหนเล่า!! ดีใจอยู่ได้ไม่เกินนาทีเมื่อเห็นรถพวกมันจอดหน้าร้าน(บังร้านกูมิดกะไม่ให้กูทำมาหาแดก) และพากันยกเบียร์ยกเหล้ามาเป็นลังๆ เดินข้ามหัวผมไปทักทายไอ้เทียน ผมอุตสาห์ดีใจอย่างแสนสุดซึ้งที่มันมาหาเพราะอาจเป็นห่วงผมที่หายหัวไป น้ำตาแทบเกือบไหลทะลัก ไอ้สัส มาชวนน้องกูแดกเหล้า



'ดีใจฉิบหาย กูแม่งโคตรไม่ชอบขี้หน้าไอ้แม็คเลยว่ะมีแต่ข่าวเชี่ยๆ' >>>>>>ไอ้ลำไยดาวไม่ดับ(ผมสีทองโฉมใหม่สว่างยันชาติหน้า)


'ใครรับโทรศัพท์มึงวะ พูดไทยไม่ค่อยชัดกูอยากเห็นหน้าวิดีคอลหาแม่งเลย อิห่านเอ๊ย หล่อจนลำไส้กูสั่น เป็นไรกับผัวเทวดาของกูอ่ะ'  >>>>>>ไอ้นกแอนด์เดอะเบิร์ด(เหมือนจะถามกูแต่เดินยกลังเบียร์ข้ามหัวกูไปหาน้องกูเฉย)


'ได้ข่าวว่าไอ้แม็คมันไปกับมึง  แล้วทำไมลงเอยนอนเดี้ยงอยู่โรงบาลวะ? ได้ยินว่าติดคุกด้วยว่ะ ข้อหาขับรถชนคนตาย' >>>>>>ไอ้มังกรโฉมใหม่หัวแดงกว่าเดิม(มึงมาจากร้านเดียวกับไอ้ลำแน่ๆ)


'หลบดิ๊ เอาหน้าควายงงไปไกลๆเกะกะ รอดกลับมาได้ไงนะคนอย่างมึงเนี่ย' >>>>>ไอ้เดือนขี้เหล่!!!


          และนี่ก็เป็นบทสนทนาตอนเจอหน้าไอ้พวกนี้ ไม่มีใครรู้ว่าไอ้พี่แม็คพาผมเข้าโรงแรม ไม่มีใครรู้ว่าไอ้พี่แม็คพยายามจะทำอะไรผม พวกเพื่อนๆผมมันแค่รู้จากพี่ชิโนที่รับโทรศัพท์ผมว่า ผมมีเรื่องกับพี่แม็คที่ห้างแล้วพี่ราล์ฟเข้าไปช่วยก็เลยนอนค้างกับพี่เขาหนึ่งคืน เรื่องมันเหนือความคาดหมายผมเกินกว่าจะขุดคุ้ยให้หนักหัวสมอง ผมไม่เป็นอะไร เพื่อนผม น้องผมไม่มีใครต้องกังวัลก็เกินพอแล้ว ส่วนไอ้พี่แม็คที่ขับรถชนคนตายอันนี้ผมไม่รู้ว่ามันใช่เรื่องจริงไหม แค่ผมกับพี่เขาเลิกแล้วต่อกันก็พอ เรื่องบางเรื่องก็เป็นอจินไตย…



"คนนะเว้ย ไม่ใช่มะขามป้อมที่จะไม่เห็นน่ะ" ยังโวยวายอย่างต่อเนื่อง


"อาตมาเองโยม"


"ว้ากกก หลวงพ่อ!!" ไอ้มังกรร้องลั่นลุกขึ้นจะคลานเข้าไปหาหลวงพ่อ เสือกหน้าทิ่มหัวโขกพื้นดังลั่นอยู่ตรงปลายเท้าหลวงพ่อ ไม่เอ๋อนี่บุญของมึงมากนะกูบอกเลย


"ทำไมมานอนตรงนี้" หลวงพ่อถามเสียงดุ ไม่ดุได้ไงกลิ่นละมุดโชยเลยมึง


"มาช่วยงานหลวงพ่อออ" เสียงยานทำเชี่ยไร


"ดีแล้ว ถ้าโยมมาได้ก็มา อาตมาจะไปเตรียมตัวก่อน"

 

"สาธู๊~~~" หลวงพ่อเคาะหัวไอ้ตี๋และเดินจากไป ไอ้ตี๋ยกมือไหว้ท่วมหัวสงสัยสูงไป หงายหลังตึง~ นอนแอ้งแม้งและแน่นิ่งไปชั่วพริบตา ไอ้สัส ไม่ต้องไปแล้วมั้งดูสภาพ ฝ่ามือพิฆาตหลวงพ่อเคาะทีเดียวไหลตายเลย เวร


"เดี๋ยวพวกกูลากมันไปนอนกับไอ้ปัดมึงไปเหอะ"


         ไอ้นกบอกและเดินไปประคองไอ้ตี๋ให้ลุกขึ้นโดยมีไอ้ลำไยคอยช่วย ขณะนี้เป็นเวลาตีสี่ครึ่ง เมื่อคืนพวกผมนัดกันว่าจะมาช่วยหลวงพ่อ(ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสและลุงของผม)ถือของบิณฑบาตตอนเช้า ลำไยกับไอ้นกจะกวาดลานวัดและเตรียมของรอ แต่…ก็อย่างที่เห็นอ่ะครับไอ้มังกับไอ้ปัดซัดแหลกเหมือนแดกกล้วย!! ผมกินไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเข็ดตั้งแต่เมาบนรถบัสไปค่ายครั้งนั้น ตอนนั้นแค่โดนจูบ ครั้งต่อไปถ้าเมาไข่ผมอาจจะหายก็ได้เมื่อตื่นขึ้นมา เจ็บแล้วจำคือคนครับแต่ถ้าเจ็บแล้วยังทำอยู่มึงเป็นเชี่ยอาร๊ายยย ไอ้ปัดด้วยความที่ว่าอยากทำบุญกลัวตื่นไม่ทันเพราะนานๆทีพวกมันจะมานอนบ้านผม มันก็เลยเดินเซๆเป๋ๆ หนีบเสื่อผืนมุ้งครอบอีกอันมานอนรอที่ศาลาท่าน้ำในวัดตอนตีสามพร้อมกับไอ้ตี๋ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกมันเดินกันมาอีท่าไหนไอ้ปัดถึงกางมุ้งนอนสบายใจเฉิบอยู่ตรงศาลาท่าน้ำ ส่วนไอ้ตี๋นอนอืดอยู่ตรงหน้าประตูโบสถ์ เออ ปกติก็ตกนรกกันแบบตายตัวอยู่แล้วยังมาทำตัวตกนรกซ้ำซ้อนกันอีก เฮ้อ…



"ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง" หลวงพ่อเอ่ยถามขณะที่เรากำลังเดินกลับวัด(แต่ก่อนผมเรียกหลวงลุงตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าอาวาสผมก็เลยเรียกหลวงพ่อตามพี่ ป้า น้า อา ญาติ โยมทั้งหลาย)


"ดีครับไม่มีอะไรไม่ดีเลย นอกจากไม่ถูกหวย"


"ให้มันเพลาๆลงบ้างนะ พวกการพนันและของมึนเมาทั้งหลาย" หลวงพ่อบอกพร้อมกับเอาไม้เท้าเคาะหัวผมเบาๆ


"ค้าบๆ ผมไม่ได้กินบ่อยสักหน่อย แต่หวยงดไม่ได้นะครับ ยังไม่ได้ทุนคืนเลย หลวงพ่อมีโชคให้ผมบ้างไหมอะ อ้ากกก หลวงพ่อรังแกเด็ก" ผมยกมือไหว้ปลกๆกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อไม้เท้าพิฆาตเตรียมง้างขึ้นอีกครั้ง


"จะเอาโชคไม่ใช่รึ มาใกล้ๆนี่" หลวงพ่อยกไม้เท้าขึ้นแกว่งไปมาเรียกผมยิกๆให้เข้าไปหา โถ่ววว ใครจะกล้าเดินเข้าไปไปล่ะค้าบบบ


"พี่ฤกษ์ไปเร็ว หลวงพ่อจะให้หวยแล้ว" ไอ้สร้อยสหายผู้น้องศิษย์วัดผลักหลังผมให้เข้าไปหาหลวงพ่ออย่างตื่นเต้น  ไอ้สันเขื่อน!!


"ไอ้เชี่ยสร้อย อยากได้ก็ไปดิวะ โอ๊ย!!หลวงพ่อ" ผมหันไปว้ากใส่ไอ้สร้อยรุ่นน้องผมสองปี ก่อนจะโดนไม้เท้าพิฆาตฟาดก้นเข้าให้ แอ่ะ


"มันเป็นยังไงกันฮึ จะพูดจะจาอะไรก็พูดกันดีๆ ตะโกนโวยวายหยาบคายกันจนติดปากไปแล้วหรืออย่างไร"


"...." ส่งยิ้มหวานยืนกุมไข่อยู่เงียบๆ


"วันนี้คัดลายมือศีลห้ามา100จบ จะได้ซึมลึกลงไปให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง"


"ผมท่องได้ครบแล้วนะหลวงพ่อออออออ"


"ยังจะเสียงดังอีก" ผมนั่งยองๆจับมือหลวงพ่อเขย่าไปมาอย่างคนสิ้นหวัง(?)โดยมีไอ้สร้อยยืนหัวเราะคิกคักกับเพื่อนมันอีกสองคน ผมหันไปถลึงตาใส่พวกมันทำท่าทางยกมือเชือดคอตัวเองเป็นการข่มขู่จนพวกมันวิ่งแจ้นหนีเข้าวัดไปอย่างรวดเร็ว หางตาแอบเห็นไม้เท้ากำลังลอยขึ้นเหมือนเตรียมจะเคาะกบาลผม ผมหดคอลงอย่างรวดเร็วเตรียมรับชะตากรรม เจ็บนะครับบอกเลย ฮือออ ไม่อยากคัดร้อยจบอ่ะ


หมับ


"จะทำอะไร"


          เอ๋? เสียงคุ้นจังวะ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหัวใจแทบหยุดเต้นกับภาพตรงหน้า พี่ราล์ฟจับข้อมือหลวงพ่อไว้ หน้าตาพร้อมเอาเรื่อง เฮ้ยๆ นี่หลวงพ่อนะเว้ย


"พี่!!! ทำอะไรเนี่ย" รีบกระโดดหยองเหยง(?)เข้าไปขวางเอาไว้และตั้งหน้าตั้งตาแกะมือใหญ่ที่จับข้อมือหลวงพ่อไว้จนหลุด


"พี่ขอโทษหลวงตาด้วย" ผมพูดสั่งแต่เสียงสั่นระดับเก้าริกเตอร์ คนที่ผมสั่งนี่ท่านเทวดาราล์ฟนะครับ


"...." หยาบคายไปอีกว่ะพี่มึง


"โยมมีอะไรหรือเปล่า" หลวงพ่อถามด้วยน้ำเสียงเมตตาไม่ถือเป็นอารมณ์


"หลวงพ่อครับ นี่รุ่นพี่ผมครับพี่เขาเคยช่วยอะไรผมไว้เยอะเลย" ผมหันไปบอกหลวงตา


"ผมมาใส่บาตร รบกวนคุณเดินไปทางนั้นหน่อย" พี่ราล์ฟบอกหลวงพ่อเสียงเรียบแล้วชี้ไปข้างวัดซึ่งเป็นร้านโลงศพผมมีเพียงถนนสายเล็กๆกั้นกลางไว้ หน้าร้านผมตอนนี้มีพี่ชิโนและพี่อันเดรียยืนรออยู่พร้อมโต๊ะยาวตั้งอยู่หน้าร้าน มีถุงอาหารติดแบรนด์ร้านชื่อดังวางเรียงรายจนเกือบล้นโต๊ะ เอ่อ…


"พี่ราล์ฟ พี่ต้องพูดว่านิมนต์แล้วต้องเรียกท่านว่าหลวงพ่อ" ผมพูดเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจว่าพี่เขาจะทำตาม


"นิมนต์ครับ" พี่ราล์ฟพยักหน้ารับก่อนจะพูดว่า'นิมนต์'แล้วเดินนำไปที่ร้าน มีไอ้เทียนยืนกอดอกพิงประตูร้านมองนิ่งอยู่เงียบๆและเดินเข้าบ้านไป ผมเดินปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีกนี่ถ้าปาดอีกห้ารอบกูว่าหนังหน้ากูมีหลุดติดตามแขนแน่ๆ ไอ้พี่ราล์ฟ!อย่างน้อยก็ควรจะส่งสารล่วงหน้ามาสักนิดว่าจะโผล่มา ผมเดินตามหลังหลวงพ่อไปเงียบๆ เพราะพระท่านอื่นกับศิษย์วัดเดินล่วงหน้าเข้าวัดกันไปหมดแล้วเหลือแค่ผมกับหลวงพ่อ




"โอ้โหหหหห เป็ดย่างเกิดมาผมยังไม่เคยกินเลยพี่" ไอ้เมฆคู่แสบไอ้สร้อยร้องลั่นเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า


"เฮ้ยๆ นี่กุ้งตัวเท่าแขนกูเลยว่ะ" ไอ้สร้อยตาเหลือก


"เกิดมาไม่เคยเห็นสตรอเบอรี่ลูกใหญ่ขนาดนี้เลยว่ะ" ไอ้โจ้เด็กสุดในวัด


"ปูตัวนี้กูว่าไม่ต่ำกว่าสามพัน" อินกวิเคราะห์พร้อมเนื้อปูเต็มปาก


"มึงดูสเต็กกล่องนี้กับซุปเห็ดนี่ นี่มันร้านเซฟชื่อดังเลยนะเว้ย!!" ไอ้ตี๋ผู้ชื่นชอบสเต็กแต่แดกได้แต่สเต็กลุงเคราเพราะมันถูก


"แดกให้มันเงียบๆหน่อย" ไอ้ปัดพูดอย่างรำคาญมันกำลังนั่งแดกกาแฟดำกับโจ๊กอยู่เงียบๆ


"อะไรน่ะ"


"หมกถั่วเน่าครับ พี่กินไหม" ผมตอบพี่ราล์ฟที่นั่งหน้าเคร่งขัดสมาธิหลังตรงเด๊ะอยู่ข้างๆ หลังจากพี่ราล์ฟใส่บาตรเสร็จโดยมีผมใส่เป็นเพื่อน และมีพี่ชิโนกับพี่อันเดรียเป็นเด็กวัดช่วยถือของช่วยหลวงพ่อชั่วคราวขณะผมใส่บาตร ท่านราล์ฟก็เดินตามผมเข้ามาในวัดเงียบๆไม่พูดไม่จา ไล่ให้กลับไปนอนก็ไม่ไปเพราะพึ่งออกเวรมา ทำไมต้องมานั่งร้อนเหงื่อออกจนเสื้อชุ่มเหงื่อไปหมดก็ไม่รู้

          จิ้มข้าวเหนียวกับหมกถั่วเน่า อื้มมมม แซ่บ!! ตอนนี้พวกผมกำลังนั่งทานข้าวหลังจากที่รอพระท่านฉันจนเป็นที่เรียบร้อย เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของผม


"เสียแล้วจะกินทำไม ของดีๆมีเยอะแยะทำไมไม่กิน เอาไปทิ้ง!" พี่ราล์ฟพูดเสียงดุเกือบจะคว้าจานผมปาทิ้งแล้วถ้ายกหนีไม่ทัน


"พี่!! มันไม่ได้เสียแค่ชื่อเรียก มันกินได้ลองชิมดู" ผมเอาช้อนตักยื่นไปจ่อตรงปากพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟชะงักไปชั่วขณะแต่ก็กิน


"เหม็น" พี่ราล์ฟบ่นแต่ก็ไม่ได้คายทิ้งแต่อย่างใด มือใหญ่ยกแก้วน้ำผมขึ้นดื่มตามจนเกือบหมดแก้ว ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจใดๆ




"กินดิอร่อยนะ" ตักส้มตำปลาร้ายื่นไปให้คนตรงหน้า


"....." คนถูกป้อนชะงักนิ่งชั่วครู่แต่ก็อ้าปากให้ป้อน


"เป็นไงพี่"ถามอย่างตื่นเต้น


"เหม็น" ไม่รู้ว่าคนถูกป้อนพูดว่าอะไรแต่ท่าทางไม่ชอบใจกับรสชาติเท่าไหร่




          ฤกษ์ชะงักค้างเมื่อจู่ๆภาพในอดีตย้อนกลับมาในความคิดอีกครั้ง เขาคิดว่าลืมแล้วแท้ๆ ลืมคนที่ทิ้งเขาไป ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันแท้ๆแต่ทว่า...เมื่อเขาตื่นขึ้นมากลับไม่มีแม้กระทั่งจดหมายบอกลา


"พี่...พี่เหมือนคนที่ผมเคยรู้จักเลย"


"...." คนที่คิดถึง...อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างสบายดีไหมนะและในเวลาเดียวกันก็เป็น….


"คนที่อยากลืม..." ฤกษ์พูดเหมือนคนละเมอ  แต่...จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า พี่หล่อคนนั้นไม่มีทางจะมาอยู่ตรงนี้ คนที่ไม่ยอมบอกชื่อตัวเอง คนที่ไม่ชอบภาษาไทยแม้กระทั่งเรียกชื่อเขาก็ไม่เคย คิดได้อย่างนั้นฤกษ์ก็นั่งซึม


"....."


"เอ้อ พี่เมื่อกี้ผมเพ้อเจ้อน่ะอย่าถือสาเลย พี่กินข้าวหน่อยสิ พึ่งออกเวรมายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ" ฤกษ์ได้สติปัดอดีตทิ้งไป เขาไม่ชอบคิดมากยิ่งคิดเยอะเขายิ่งไม่ชอบ จัดการแย่งถุงโจ๊กจากเพื่อนสุดหล่อข้างๆมาเทใส่ถ้วยให้ราล์ฟ โดยมีสายตานับหลายคู่คอยสังเกตการณ์อยู่เงียบๆแต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเพราะเกรงกลัวบารมีและรังสีน่าเกรงขามของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อนจอมบื้อของพวกตน


"เกลียดเขามากเลยเหรอ" เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อเงียบไปชั่วครู่


"หืม?"


"คนที่อยากลืมน่ะ"


"เปล่าครับ แค่ไม่อยากคิดถึงเลยอยากลืม"


"...."


"...."


"ฤกษ์"


"ครับ?"


"คบกับพี่ได้ไหม"


เคร้ง


เคร้ง


เคร้ง


          เสียงช้อนตกกระทบจานดังติดต่อกันโดยไม่ได้นัดหมายจากกลุ่มเพื่อนที่คอยจับตามองอยู่ก่อนแล้ว ยกเว้นเจ้าพวกศิษย์วัดที่ไม่ได้สนอะไรนอกจากอาหารตรงหน้า


"คนอย่างพี่ราล์ฟหล่อเทวดา... มาขอคบไอ้เชี่ยฤกษ์ในรูปประโยคขอคบ แบบเชิงไม่มั่นใจ" หนุ่มตี๋พูดด้วยเสียงกระซิบ


"กูขอยาดม" สาวสวยคนเดียวของกลุ่มมโอดครวญ


           เจ้าของตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจกับประโยคที่เขาได้ยิน ปากเล็กอ้าพะงาบๆเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ความรู้สึกชาวาบแล่นไปทั่วร่างพร้อมกับหัวใจในอกข้างซ้ายที่เต้นตอบรับกับประโยคเมื่อสักครู่อย่างบ้าคลั่ง


"โยมสองคนเป็นแฟนกันรึ"






●นิยายเรื่องนี้จะเป็นนิยายคลายเครียดจริงๆเหรอ ^○^



 :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 17:12:58 โดย 11:11 »

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด