17…ปรึกษากึกๆ
เกือบอาทิตย์
กึกๆ
กึกๆ
กึกๆ
ทำไงดี
กึกๆ
สลัดไม่ออกเลย
กึกๆ
"โว้ยยยย กูขอล่ะเลิกเคาะโลงสักที กูหลอนไปหมดแล้วเนี่ย" เพชรหนุ่มหล่อหนวดเครายาวเฟิ้มดีกรีลูกเจ้าของร้านเบเกอรี่ฝั่งตรงข้าม แต่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ร้านโลงศพ เขากำลังนั่งติดผ้าระบายลูกไม้ในโลง เริ่มประสาทเสียกับเจ้านายที่ไม่เคยคิดว่าเป็นเจ้านายเลยสักครั้ง เขาเห็นมันเป็นน้องชายคนหนึ่งมากกว่าคิดว่าเป็นเจ้านาย ทุกวันนี้พวกเขาต้องคิดเงินเดือนกันเองแล้วให้เทียนพรรษาตรวจอีกที เพราะเจ้านายตัวดีอีกคนเคยจ่ายเงินให้พวกเขาเกินมาหมื่นกว่าบาท ถ้าพวกเขาไม่ท้วงก็ไม่มีเอะใจอะไรเลย เป็นที่น่าเป็นห่วงจริงๆว่าถ้าเกิดพวกเขาลาออกไป แล้วคนอื่นมาเป็นลูกน้องจะโดนโกงหมดตัวไหม
"งานท่วมหัวยังทำตัวว่างนะมึง ไม่ทำอะไรก็อย่ามารบกวนคนอื่นเขา" ใบบุญหนุ่มหล่อหน้าใสกำลังเรียนวิศวะปีสี่อยู่ที่มหาลัยเปิดแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังลงสีเคลือบเงาโลงศพอีกโลงอย่างกัดฟันทนเมื่อต้องทนฟังเสียงหลอนประสาทนี้มาร่วมชั่วโมง
ตากลมโบกโพลงส่ายไปมาเลิ่กลั่ก ไม่ได้สนใจเสียงรอบตัวเลยสักนิด นิ้วเรียวเคาะผนังอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อกำลังใช้ความคิด กึกๆ เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เห็นพี่หมอ หลังจากวันนั้นที่พี่หมอมาส่งบ้านก็ไม่ได้เจอหน้าอีกเลย กึกๆ ในมหาลัยก็ไม่เจอ สำหรับเขาการไม่ได้เจอไม่ใช่เรื่องแปลก แต่...ที่มันแปลกก็คือ การที่เอาแต่คิดถึงใบหน้าหล่อนั่น จะทำอะไรก็เอาแต่คิดถึง ยามเรียน ยามตื่น ยามนอน เขาสลัดออกจากหัวไม่ได้เลย อยากเจอ อ้ากกก
"พี่!!! ถ้าเกิดเราคิดถึงใครสักคนมากๆแบบสลัดไม่หลุดมันหมายความว่าไงอ่ะ" ตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อมๆแอ้มๆ
"มันก็อยู่ที่ว่าคนนั้นเป็นใครว่ะ ถ้าเป็นคนในครอบครัวเอ็งก็คงแค่คิดถึงอาจเพราะไม่ได้เจอกันนาน แต่ถ้าเป็นนอกเหนือคนในครอบครัวเอ็งน่าจะชอบเขาหรืออาจจะรัก" เพชรตอบด้วยสีหน้าแปลกใจที่อยู่ดีๆก็ถามอะไรน่าสงสัย
"ชอบเหรอพี่!!!" โวยวายอย่างตื่นตระหนก
"ถามอย่างนี้ ไปชอบ ไปรักใครเข้าล่ะ" ใบบุญถามอย่างรู้ทัน
"เปล๊า!!" ฤกษ์ตัวแข็งทื่อพร้อมกับมือที่หยุดเคาะไปแล้วด้วยความช็อค ชอบเหรอ? ชอบพี่หมอเหรอ? เขาชอบผู้ชายเหรอ? ทว่า อยู่ในที่เย็นฉ่ำแท้ๆแต่เหงื่อเริ่มแตกพลั่กเต็มใบหน้าขาวเมื่อกำลังคิดทบทวนกับตัวเอง เราไม่ได้แค่รู้สึกดีเหรอ?
"เออๆ กูจะพยายามเชื่อ"
ร่างสูงเดินมาหยุดที่โลงเย็นโลงหนึ่ง ตาคมมองโลงตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจกับสิ่งมีชีวิตข้างใน เอื้อมมือไปเคาะเบาๆ
ก๊อกๆ
"ไปกินข้าว อย่าให้ถึงขั้นที่ต้องยกใส่ถาดมาวางไว้หน้าโลง" เทียนพรรษาเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ชาย
"เทียน" ร่างสูงกำลังเดินกลับไปที่ครัวแต่ก็ต้องหยุดหันกลับมามองเมื่อฤกษ์ตะโกนเรียก
"ชอบกับรู้สึกดีนี่ต่างกันยังไง"
"รู้สึกดี มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ เป็นห่วงเป็นใย ไม่ได้หวังครอบครองหรือเลื่อนสถานะ ส่วนรู้สึกชอบ อยากครอบครองเป็นเจ้าของเมื่อเสียไปอาจแค่เสียดาย" น้องชายเงียบไปชั่วอึดใจกับคำถามไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ก็ตอบเสียงเรียบ
"...."
"แต่ถ้ารัก เมื่อเสียไปย่อมเสียใจหรืออาจทนอยู่ไม่ได้เมื่อเขาจากไป คนส่วนมากไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบ รัก หรือรู้สึกดี เพราะรู้ตัวอีกทีก็รักจนหลั่งน้ำตา"
"....."
"ออกมาได้แล้วข้างนอกก็มีแอร์จะเข้าไปแช่ในโลงเย็นทำไม เปลืองไฟ" ร่างสูงพูดจบก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่า ภายใต้สีหน้านิ่งๆนั้นไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กับคำถามของผู้เป็นพี่ชายที่เอ่ยถามออกมมา
"ยินดีต้อนรับครับ สอบถามได้ครับ" ใบบุญลุกขึ้นต้อนรับลูกค้าสาวสวยสองคนกำลังเดินเข้ามาในร้าน
"อยากได้พวงหรีดสักสามพวงค่ะ" ลูกค้าสาวพูดเสียงหวานเมื่อเห็นหน้าพ่อค้า
ชอบเหรอ? ผมชอบพี่เขา? อยากได้มาครอบครองไหม อันนี้ไม่รู้ แต่ไม่ค่อยชอบที่พี่เขามีผู้หญิงเยอะๆมันหงุดหงิดแปลกๆ ชอบใครไม่ชอบมาชอบพี่หมอราล์ฟเนี่ยนะ ผู้ชายที่ต่างกับเขาราวหิมะกับเปลวไฟ….
"ซวยแล้ว!!!"
"กรี๊ดดดดดด" เสียงตะโกนดังลั่นจากโลงเย็นส่งผลให้ลูกค้าสาวสวยที่กำลังยืนเลือกพวงหรีดใกล้ๆโลงเย็น ต่างพากันตกใจกรี๊ดเสียงหลงและวิ่งหนีออกจากร้านไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
"ไอ้ฤกษ์!!!!"
"มึงกูเหมือนเกย์ปะวะ?" ผมถามทะลุความเงียบหลังจากคิดมาสักพัก ขณะนี้พวกผมกำลังนั่งอยู่ที่ประจำหลังตึกคณะช่วงพักเที่ยง พวกเพื่อนๆและป้าตู่ละจากขนมตรงหน้ามามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ
"ไม่เหมือนหรอกแมนๆเตะบอล เขินสาวสวยนมตูมขนาดนี้" ไอ้ตี๋ว่า
"แต่ทรงมึงแบบนี้ใครๆก็ชอบ" ไอ้ลำไยว่า
"เมี้ยว~" ป้าตู่เสริม
"ทรงนี้เหมือนเหรองั้นกูไปสกินเฮดเลยดีมะ"
"เฮ้ยๆไม่ใช่ กูหมายถึงรูปร่างหน้าตามึงต่างหาก"
"อะไรทำให้มึงมาถามแบบนี้กับพวกกูวะ มีผู้ชายมาชอบเหรอ แต่ปกติก็มีมาชอบออกบ่อยกูไม่เคยเห็นมึงจะซีหรือสนใจอะไร" ไอ้นกถาม
"ถ้าสมมติว่ากูชอบผู้ชายล่ะ" ผมโพล่งออกไปอย่างวิตกกังวล "แล้วๆพวกมึงรู้ คนอื่นรู้ แล้วๆถ้า…."
"ฤกษ์ตั้งสติ" ไอ้ปัดเอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วโยกเบาๆ
"มึงชอบใคร บอกพวกกูได้ไหม" ลำไยถามเสียงนุ่ม
"กูแค่สมมติเฉยๆเว้ย" ผมคิดว่ามันอาจเป็นไปไม่ได้ สักวันคงเลิกชอบไปเอง
"โอเครไม่เป็นไร แค่สมมติ มึงตั้งสตินะ มึงรังเกียจกูไหมที่กูเป็น LGBT" ไอ้นกจับไหล่ผมให้หันไปสบตา
"มึงเพื่อนกู กูไม่เคยรังเกียจมึง แต่ว่า...LGๆ คืออะไรเหรอ"
"LGBT เป็นชื่อที่ใช้เรียกแทนกลุ่มเพศที่สาม เกย์ ดี้ ทอม กระเทย อะไรอีกมากมายที่ไม่ใช่หญิงชายแท้ เรียกLGBT สุภาพกว่าเรียกเพศที่สาม"
"งั้นเหรอ กูไม่เคยรังเกียจ TBGนะ"
"เอาล่ะกูหวังว่าสักวันมึงจะพูดถูก แล้วถ้ามึงไม่รังเกียจ สิ่งที่ทำให้สติแตกแบบนี้คือ?"
"กูชอบผู้ชาย เอ้ย!! สมมติกูชอบผู้ชาย" ผมตอบเสียงเลิ่กลั่ก ผมชอบผู้หญิงมาตลอดดูเอวีนมตูมๆก็ดู ไม่เคยคิดเลยที่ต้องมามีวันนี้
"ฤกษ์ เราไม่ควรกำหนดกฎเกณฑ์ในเรื่องความรู้สึกเรานะเว้ย คนคนหนึ่งจะสามารถรักใครก็ได้ อย่าไปกำหนดแค่ว่ามึงเป็นผู้ชายจะต้องชอบผู้หญิงเท่านั้น กฏเกณฑ์เหล่านี้มันก็แค่กฎที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งสร้างขึ้นเองว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง มันเป็นแค่กฎของคนกลุ่มหนึ่งที่โลกแคบและเห็นแก่ตัวเว้ย โลกเรามาไกลมากแล้ว เราไม่ได้ทำเรื่องผิดร้ายแรง เราแค่รักคนคนหนึ่ง ความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครมันเป็นเรื่องดีทั้งนั้นล่ะ รักใครชอบใครก็ลุยเลยเสียเขาไปเมื่อไหร่มึงจะมานั่งเสียใจเอานะเว้ย"
"งั้นเหรอ" ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ อย่างเห็นด้วยกับคำพูดไอ้นก เราจะรักใครก็ได้ไม่ผิดสักหน่อยมันก็แค่ความรัก
"นอกจากเขาแล้ว มึงชอบผู้ชายที่ไหนอีกไหม"
"กูไม่ชอบใครเลยนอกจากพี่เขา เฮ้ย!! กูสมมติเฉยๆนะเว้ยลำไย"
"อ๋อ เป็นรุ่นพี่ มึงแค่อาจจะชอบแค่คนนี้คนเดียวไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนสักหน่อย มึงว่าไงไอ้ปัด" ไอ้ลำไยทำสีหน้าเจ้าเล่ห์หันไปถามไอ้ปัดที่นั่งลูบหัวป้าตู่ฟังอยู่เงียบๆ
"ไม่ว่าไง ความรักความชอบเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าเพื่อนเจ็บตัวเป็นเรื่องส่วนรวม"
"เอ่อ มันแค่เรื่องสมมติเฉยๆเว้ย งั้น งั้นกูไปห้องน้ำนะ" ผมรีบลุกขึ้นหนีสถานการณ์ชวนโป๊ะแตก
"เดี๋ยวๆ เอาเอกสารนี้ไปเบิกเงินด้วยจะเอามาสมทบทุนงานกีฬา ที่ตึกxxใกล้ตึกแพทย์นะ" มังกรยื่นเอกสารมาให้ เป็นเอกสารขอเบิกเงินห้าพันบาท
"เงินไรอะ?"
"ก็เงินที่เราชนะแข่งรอบกองไฟตอนไปค่ายไง ที่คัดเข้ารอบสองคนแล้วต้องมาแข่งงัดข้อกัน ไอ้ปัดมันงัดข้อแข่งกับพี่ถาปัตย์ชนะไง นี่มึงไม่รู้ว่าชนะ" มังกรถามสีหน้าตกใจ
"อ้าว มีแข่งต่อด้วยเหรอ" ตอนไหนผมไม่รู้เลย
"เฮ้อๆ ไปๆ จะไปเข้าห้องน้ำก็ไป แล้วไปเบิกตังค์มาด้วย"
ไอ้ลำไยโบกมือไล่ผมอย่างเหนื่อยใจ ผมผิดอะไรก็ผมไม่รู้จริงๆนี่หว่า อาจเพราะตอนนั้นกำลังแย่งขวดน้ำอัดลมกับไอ้พวกขี้เมาข้างหลังอยู่ก็เป็นได้ ก้มมองเอสารที่อยู่ในมือ เบิกเงินที่ตึกxx ใกล้ตึกแพทย์นี่ อยากเห็นหน้าว่ะไปหาได้ไหม
"มึงว่าไอ้ฤกษ์มันชอบใคร" มังกรหนุ่มหน้าตี๋ผมน้ำตาลกระซิบกระซาบกับพวกที่นั่งอยู่ด้วยกัน
"กูยังไม่แน่ใจว่ะแต่มีอยู่ในหัวแล้ว ถ้ามั่นใจแล้วจะบอก" นกหนุ่มหน้ามนปากแดงเอ่ยอย่างหมายมั่น ใครเชื่อว่าเรื่องที่ฤกษ์เอามาปรึกษาเป็นเรื่องสมมติเขาจะตบคนที่เชื่อให้คว่ำเลย มองมาจากดาวพลูโตก็รู้ว่าเรื่องจริงล้วนๆร้อยวันพันปีเพื่อนเขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องมาพูดเรื่องรักๆชอบๆ เพื่อนเขาไม่ใช่เกย์มันแค่ชอบผู้ชายคนหนึ่ง แต่ถ้าการชอบผู้ชายแค่คนเดียวแล้วเรียกเกย์ เขาก็ไม่ซีเรียสอะไร คนนั้นเขาก็สงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมถึงรู้สึกว่าคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆเพื่อนเขาตลอด ทั้งที่คนแบบพี่เขาไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องมาทำแบบนี้
"ทำไมมันไม่บอกเราล่ะ หรือมันไม่ไว้ใจเรา" ลำไยสาวสวยของคณะถามด้วยความไม่เข้าใจมากกว่าจะน้อยใจ
"ไม่ใช่หรอก มันแค่สับสน พวกเราก็รู้จักมันดีนี่ อย่างไอ้ฤกษ์น่ะ ถ้าบอกให้ไปดูกล่องลังที่วางอยู่ข้างหน้าว่ามีลูกหมาอยู่ในนั้นไหม มันก็จะเดินไปดูแล้วเดินกลับมาบอกว่ามี แต่ถ้าถามว่ามีกี่ตัวไอ้ฤกษ์มันก็จะเดินย้อนกลับไปดูใหม่ แล้วเดินกลับมาบอกว่ามีกี่ตัว และถ้าเราถามมันว่ามีสีอะไรบ้าง มันก็จะเดินกลับไปดูใหม่แล้วกลับมาตอบ ตอนนี้ก็คงเหมือนกันมันแค่สับสนและวิตกว่าคนที่มันชอบไม่ใช่ผู้หญิง อาจจะไม่จีบ ไม่ได้คิดถึงขั้นแฟน มันเลยยังไม่พูด เมื่อมันแน่ใจอะไรๆมากกว่านี้มันคงบอกพวกเราเองล่ะมั้ง" ลูกปัดพูดเสียงเรียบ มือเรียวแกร่งลูบขนนุ่มไปมาด้วยแววตาครุ่นคิด จนได้สินะเพื่อนเขาถูกล่อลวงเข้าไปในเปลวไฟ ก็หวังว่าเปลวไฟนั้นจะเป็นไฟพิเศษ ควรรู้ว่าอะไรเผา อะไรควรละเว้น
ไป
ไม่ไป
ไป
ไม่ไป
ขณะนี้ผมยืนกล้าๆกลัวๆ อยู่ตรงมุมเสาหนึ่งหน้าตึกคณะแพทย์ ในมือมีกาแฟเย็นกับแซนวิชอีกหนึ่งกล่องไม่รู้ว่าพี่เขาจะกินไหม มันก็แค่กาแฟกับแซนวิชธรรมดาที่ซื้อในร้านกาแฟมหาลัยแต่มันแพงมากสำหรับผม เกิดมาไม่เคยซื้อกาแฟแก้วละ65฿เลยแพงสุดก็35฿ แต่ถึงจะแพงสำหรับผมมันก็ดูธรรมดาสำหรับพี่เขาอยู่ดี เฮ้อ แต่ไม่เป็นไรเราให้ด้วยใจเว้ย น้ำใจอ่ะ เป็นการขอบคุณที่ไปกินข้าวบ้านพี่เขาตั้งหลายมื้อเขาจะกินไหมก็อีกเรื่องหนึ่งน่า
"น้องฤกษ์มาทำอะไรตรงนี้" ผมหันไปตามเสียงทักก็เจอกับพี่คนที่อาสาพาผมไปอาบน้ำวันนั้นตอนอยู่ค่าย เอ...ชื่อไรหว่า ยกมือไหว้ไปก่อนสวยๆ
"หวัดดีพี่ ผมมาหาพี่หมอราล์ฟน่ะครับ"
"อ๋อ ขึ้นวอร์ดน่ะ ปีสี่ส่วนมากอยู่โรงพยาบาล งั้นเดี๋ยวพี่พาไป" พี่เขาจูงมือผมและยิ้มอย่างใจดี
"ไอ้แม็ค!! ไม่ไปเหรอวะ" เพื่อนพี่เขาตะโกนเรียก อ่อ ชื่อแม็ค ต่อไปนี้จะจำให้ขึ้นใจเลยครับเผื่อเจอกันอีก
"ไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป" พี่แม็คตะโกนบอกเพื่อนพร้อมกับจูงมือผมออกเดิน
"พี่ไปทำธุระกับเพื่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอง" ผมบอกอย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอกน่าไม่ได้สำคัญอะไร ว่าแต่เราเปลี่ยนไลน์เหรอพี่ไลน์ไปไม่อ่านเลย"
"อ๋อ ผมเปลี่ยนเบอร์น่ะเลยเปลี่ยนไลน์ใหม่ด้วยน่ะครับ"
"งั้นพี่ขอใหม่ได้ไหม" พี่แม็คถามอย่างไม่แน่ใจ แค่ขอไลน์ไม่เห็นต้องประหม่าเลย ผมให้อยู่แล้วน่า
"ได้ดิพี่"
ผมเดินเข้ามาในโรงพยาบาลกับพี่หมอแม็คไม่นานก็เจอร่างสูงคุ้นตายืนคุยอยู่กับพี่หมอแข่งและเพื่อนๆพี่เขาอีกสองสามคนที่ผมไม่รู้จัก พี่เขาอยู่ในชุดกาวน์ กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาก็ต้องชะงักเมื่อพี่ลลินสาวสวยเดินเข้ามาหาพี่หมอราล์ฟพร้อมกับยื่นแก้วกาแฟสีเขียวแบรนด์หรูที่ผมพอจะรู้ว่าแก้วหนึ่งแพงแค่ไหน พี่ราล์ฟยื่นมือไปรับมาดื่มและพี่ลลินก็ส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับคล้องแขนพี่หมอ สวยขนาดนั้นใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว ผม...ผมกำลังจัดการความรู้สึกที่ประทุอยู่ในอกตอนนี้อย่างยากลำบาก มันไม่อยากจะยอมรับว่าไม่พอใจ
"น้องฤกษ์ มาทำอะไรที่โรงบาลไม่สบายตรงไหนครับ" พี่หมอรอนโผล่มาจากไหนไม่รู้ ทักผมซะเสียงดังลั่น จนกลุ่มพี่หมอราล์ฟที่ยืนคุยกันอยู่หันมามอง ผมรีบหลบสายตาทันทีเมื่อรู้ว่าพี่ราล์ฟเขาหันมามอง ไอ้เชี่ยพี่รอน พี่มึงจะโผล่มาตอนที่ผมขี้อยู่ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ รีบดึงพี่หมอรอนเดินมาหลบอยู่หลังเสามีพี่หมอแม็คยืนมองมาอย่างสงสัย
"เอ่อ ผมมาทำธุระน่ะ พอดีเสร็จแล้วกำลังจะกลับน่ะพี่" รีบพูดละล่ำละลักเหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้
"ไม่ไปทักเพื่อนพี่ก่อนล่ะ สนิทกันถึงขนาดไปนอนด้วยกันแล้วนี่" พูดเสียงดังทำข้อศอกอะไรล่ะเว้ย
"ไม่ล่ะผมรีบ นี่กาแฟกับขนมพอดีซื้อมาเกินน่ะพี่เอาไปกินเลย"
ผมรีบยัดของกินใส่มือพี่หมอรอนก่อนจะเดินไปจูงมือพี่หมอแม็คแล้วพาวิ่งออกจากโรงพยาบาล ผมไม่ควรมา ไม่ควรมา ไม่ควรทำอะไรทั้งนั้น มันเกินตัวไป
"ฤกษ์ เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดเชียว" ผมหยุดยืนหอบแฮกจากการวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตหันไปมองคนข้างๆไม่มีแม้แต่เหงื่อ กระดูกมันคนละเบอร์สินะ
"เปล่าๆพี่ ผมคงต้องออกกำลังกายบ้างซะแล้ว"
"แล้วช่วงบ่ายว่างหรือเปล่า"
"ก็ไม่เชิงนะพี่" มีวิชาของอาจารย์ป๊อก แต่แกชอบพาเดินชมนกชมไม้รอบมหาลัยไม่เคร่งตอนสอนเท่าไหร่ แต่ตอนตรวจงานแทบจะเป็นลมล้มพับ แก้แล้วแก้อีก กูเนี่ยล่ะ
"พี่พึ่งออกเวร ไปดูหนังกับพี่ไหมคลายเครียด" พี่แม็คยิ้มอย่างใจดี อบอุ่นชะมัดถ้าเปลี่ยนจากผมที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นผู้หญิงมีหวังละลาย
"เอาดิพี่ เอาแบบบู๊เลือดสาดเลยนะ"