5… ในวันที่ป่วย
~~คิดว่าไม่เกินโควต้า ที่ขาดเรียนได้ ต้องการจะใช้โควต้า ให้มันคุ้มค่า
กลางภาคคะแนนสูงมาก(top sec)
B+นอนมา ปลายภาคเลยเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง
กลางภาคได้คะแนนท็อป ปลายภาคหมดสิทธิ์สอบ~~
สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเพลงโปรด ก้มดูนาฬิกาน็อคกลางอากาศไปประมาณสิบนาที ไอ้ลำไยกับไอ้นกสลบไปเป็นที่เรียบร้อย ลำไยนอนขดตัวหนุนตักไอ้นก เออดูแลกันดี ไอ้ปัดหายไปไหนไม่รู้ จะหยิบเอากล้องมาถ่ายไอ้นกกับไอ้ลำไยไว้ก็กลัวจะทำกล้องพังก่อนได้ภาพ ขนาดยืนยังเซจะยกกล้องไม่น่ารอด
เหลือไอ้ตี๋นั่งดูดเหล้าต้มอยู่ข้างๆ ประธานรุ่นห่าไรเนี่ย!! มันเห็นผมลุกนั่งก็ส่งมาให้ทั้งไห เออ มึงขนมาเท่าไหร่วะ แดกกันเหมือนเทลงส้วม
ผมรับมาอย่างไม่ขัดศรัทธา ดูดไปได้ไม่กี่อึก เสียงแหกปากร้องเพลงก็ดังลั่นขึ้นเรื่อยๆเพลงโปรดพวกมันล่ะครับ รวมถึงผมด้วย ไอ้คัตโตะเดินเซๆมาจากข้างหน้า กอดคอผมลากไปกลางรถให้ไปโยกกับมัน พึ่งจะสร่างจากเมื่อครู่ผมก็ซดอีกหลายยก เมาซ้ำซ้อนนะตัวกู
~~แต่งตัวเรียบร้อยมั่นใจ ในวันที่สอบ เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ไปถึงห้องสอบ
เลือกโต๊ะหลังเพื่อนคนเดิม รหัสติดมัน
คนคุมสอบมาไล่ คนคุมสอบมาไล่
กลางภาคได้คะแนนท็อป
ปลายภาคหมดสิทธิ์สอบ~~
ผมกอดคอให้คัตโตะตะโกนแหกปากร้องลั่น แขนซ้ายหนีบถุงพลาสติกพร้อมไหเหล้า แขนขวากอดคอเพื่อนโยก ผมดูดสองอึกแบ่งไอ้คัตโตะดูดอีกอึก เพลงเป็นจังหวะโยกครับ ฟังแล้วอยากโยกไหล่ โยกเอว โยกตูด โยกไข่ โยกขา โยกหัว เนื้อเพลงโคตรกินจายยยย!
~~Top sec Top sec Top sec top sec
Get A Get A But now I got da F
กลางภาคได้คะแนนท็อป ปลายภาคหมดสิทธิ์สอบ~~
~~เสียใจๆๆ เสียใจๆๆ เดินกลับไปขึ้นมอเตอร์ไซค์คู่ใจคันเดิม แอนๆๆๆ
ควันดำจากท่อไอเสีย เครื่องยนต์คงพังเหมือนฉันที่อ่อนเพลีย
วันนี้หมดสิทธิ์สอบ ขึ้นรถมอไซค์กลับไป นอนหอออออ~~~
Cr. หมดสิทธิ์สอบ :: ชาบลูส์
"นอนห๊ออออออออออ"
"โว้ยยย อีฤกษ์! ตะโกนไรนักหนาน้ำลายเต็มหัวกูหมดแล้ว แยกค่ะ! แยก! ไอ้คัตโตะมึงกลับที่เลย ส่วนมึงไปนอนหอมึงเลย ไอ้ฤกษ์เดินไปข้างหลังเลยค่ะ!!"
"ครายยยย เอ้า! ไอ้ฟลุ้ค!! ทามมายว้าๆๆ เปนหญิงต้องมีโนมนา เปนหญิงดีๆทามมายกลายเปนชาย เมิงสวยนาาาา"
"ไอ้ฤกษ์กูบอกให้เรียกฟรุ้งฟริ้ง!! กูเป็นกระเทยค่ะ!! ผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง!! ไม่ใช่ผู้หญิงแล้วเป็นชาย สติค่ะ!! เมาแล้วสมองกลวงมากค่ะเพื่อน!! ถือว่ามึงมีบุญนะที่ยังชมว่ากูสวยเดี๋ยวกูเดินไปส่ง!! เพราะมึงเลยนะอิดกทง ลำบากพี่ราล์ฟผัวในมโนของกูต้องยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำธุระพี่เขาก็ไม่ใช่ ผัวกูจิตใจดีก็งี้แหละเห็นสภาพมึงแล้วคงสงสาร กูถึงต้องรีบกุลีกุจอไปลากมึงมาขึ้นรถ กลัวมึงจะทำผัวกูมีมลทิน พอขึ้นรถมากูยังต้องหิ้วมึงไปนอนอีกเหรอวะ "
"คราย ครายหิ้วครายย ไม่หิ้ววว เดินตัวเปล่า" ได้ยินแว่วๆนะเว้ย แต่ลิ้นกูตอนนี้ใช้การม่ายด้ายยย เถียงไม่ทัน
"แล้วช้างดาวมึงน่ะจะเหน็บรักแร้อีกนานไหม หวงขนาดนี้ไม่แขวนคอไปเลยล่ะ หน้าตาผิวพรรณก็ดีทำไมทำตัวทุเรศจังว่ะ ลำไยมากค่ะเพื่อน!!"
ตื๊ดๆๆ
ทันใดนั้นเพลงโยกก็เปลี่ยนเป็นตื๊ดอีกครั้ง ไอ้คนที่พยุงแขนบอกจะไปส่งเมื่อกี้มันทิ้งผมไว้กลางทางเรียบร้อยเพราะรีบไปดิ้นกับเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า เออ กูไปเองก็ได้ ผมเดินเซๆกอดไหสุดที่รักกลับที่นั่ง เพื่อนที่กลับมาฟื้นคืนชีพก็ออกฤทธิ์ดิ้นอีกครั้ง โดนเบียดจนแทบหน้าทิ่ม ไม่ไหวแล้วมึนหัวอยากนอนตามันพร่าไปหมด
พรึ่บ!!
รู้สึกเหมือนร่างถูกกระชาก ร่างกายมีเบาะนุ่มรองรับ แผ่นหลังพิงกับของแข็งพยายามลืมตามองเห็นเป็นกระจกหน้าต่างรถ อุ่นใจที่ไม่ใช่พื้นทางเดิน หยิบไหขึ้นมาจะดูดต่อ แต่กลับถูกดึงหลุดออกจากมืออย่างง่ายดาย หงุดหงิดอยากกินต่อ
"จะกิน"
"พอ นอนได้แล้ว" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูแฝงไปด้วยอำนาจ ลืมตามองเห็นเพียงใบหน้าคนเบลอๆ มันพร่ามัว เห็นไม่ชัดแม้กระทั้งแววตา แต่กลิ่นที่ลอยมากระทบจมูกนั้นฝังใจ ชอบ...
"หอม..ดม...ดมหน่อย" เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นถ้าเป็นฝันก็อยากจะดม ชอบ... ยกแขนขึ้นรั้งบางสิ่งตรงหน้า เคลื่อนเข้ามาใกล้ตามแรงดึง ฝังจมูกลงตรงเนื้อแน่นตรงหน้า เหมือนกอดหมอนหอมๆที่พึ่งซักใหม่แล้วกดจมูกฝังสูดกลิ่นอยู่อย่างนั้น รู้สึกว่าแสงไฟรอบตัวดับลง เหลือเพียงเสียงเพลงที่ยังดังสนั่นพร้อมความมืด เลื่อนจมูกขึ้นไปสัมผัสผิวเนื้ออ่อนนุ่มที่โผล่พ้นเนื้อผ้า หอม...คลอเคลียตรงนั้นอยู่นาน เลื่อนขึ้นไปอีกเจอผิวสากเหมือนไรหนวด ไม่ชอบ จะผละออก แต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยวงแขน...ของเขาที่อยู่ในฝัน
เงยหน้าขึ้นไม่ทันได้เพ่งมองชัดๆ ปากก็ถูกบางสิ่งปิดทับ ตกใจ หันหน้าหนี แต่ท้ายทอยถูกมือใหญ่จับล็อค ร้องประท้วง ดันเป็นโอกาสให้ลิ้นชื้นแทรกเข้ามา จูบ!! แยกไม่ออกระหว่างฝันกับเรื่องจริง ถ้าฝันไปก็ดีจะได้ซ้อมไว้ เผื่อมีแฟนจะได้จูบเป็น
ลิ้นอุ่นๆสอดแทรกเข้ามาอย่างจาบจ้วง รู้สึกถึงแรงอารมณ์ที่ไม่ปกติ เหมือนไม่พอใจ รั้งให้ขาดอากาศเกือบตาย จึงยอมปล่อยให้กอบโกยอากาศอีกครั้ง ก่อนจะประกบลงมาอีก ทำได้เพียงร้องประท้วงอยู่ในลำคอ สองมือทุบอกคนตรงหน้าจนมือรู้สึกเจ็บ ร่างกายเริ่มอ่อนระทวยจากรสจูบที่เชี่ยวชาญจนยากต้านทาน จาบจ้วง รุนแรง แต่รู้สึกดี...รับรู้สัมผัสจากมือใหญ่ค่อยๆลูบเข้ามาบนผิวเนื้อภายใต้เนื้อผ้า ฝ่ามือร้อนลูบผ่านแผ่นหลังจนขนลุกเกลียว ลากผ่านมาที่หน้าท้องจนใจกระตุก เลื่อนขึ้นจนถึงตุ่มไตหน้าอก มือใหญ่ออกเเรงนวดเฟ้นอย่างย่ามใจ นิ้วร้อนผ่าวคีบคลึงตุ่มไตจนร่างสะท้าน ผมส่งเสียงครางอื้ออึงผ่านในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ยอมปล่อยปากให้เป็นอิสระเลย อ่อนระทวยปวกเปียกอย่างหมดแรงแม้แต่แขนก็ยกไม่ขึ้นร่างกายร้อนรุ่มเหมือนใกล้ระเบิด
สมองเริ่มเบลอสติเริ่มไร้การรับรู้ เขาผละออก ได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึกๆเหมือนสะกดอารมณ์ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยคราบน้ำใสให้ที่มุมปากอย่างแผ่วเบา ถูกจัดท่าท่างให้นั่งสบายมากขึ้น ศรีษะซบอยู่กับไหล่แกร่ง พยายามจะลืมตามองคนตรงหน้า ไม่เห็น มืดไปหมด แต่กลิ่นนี้...ฝังใจ
"ร้อน ถอดเสื้อ" เผลอพูดออกไปกำลังจะถอดเสื้อออก มือถูกมือใหญ่จับออก ผ้าห่มผืนบางถูกคลุมบนร่าง รู้สึกถึงความเย็นของแอร์มากขึ้นกว่าเก่า เสียงเพลงหายไปแล้วความมืดยังคงอยู่....
"พี่ไม่อนุญาต"
"ห้าววววววววว"
ผมนั่งหาววอดๆอยู่ในห้องเรียน ป.4/4 แข่งกับเสียงฝนที่ตกอยู่ข้างนอก พวกเรามาถึงตอนใกล้รุ่ง ขนของ เช็คชื่อ เลือกห้องเสร็จฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา อาจารย์คง เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ให้พวกเราพักผ่อนกันยาวจนถึงเที่ยง มีพี่แสงวิศวะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลและควบคุมพวกนักศึกษา
พวกผมได้ห้อง ป.4/4 เป็นที่นอนเป็นห้องเรียนเล็กๆ นอนได้ไม่เกินสิบห้าคน อยู่ใกล้ๆกับวัดที่เราจะสร้าง เดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึง หลังจากอาบน้ำทำธุระอะไรเสร็จ ผมก็นอนแอ้งแม้งด้วยอาการเมาค้างอย่างหนัก เพราะกินอะไรผสมมั่วไปหมด มีเพื่อนๆนอนครางกันระงมอยู่ด้วยข้างๆจากอาการปวดหัว ผมดูจะแย่กว่าใครเพื่อนนอกจากจะเมาค้างแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นไข้ เพราะอากาศที่แปรปรวน โดนฝนตั้งแต่เย็นเมื่อวานและเมื่อช่วงเช้าดันโดนฝนตอนขนของอีก
"ฤกษ์ลุก กูจะพาไปหาหมอสภาพแม่ง เเย่สัส!! " ไอ้ปัดยืนเอาตีนเขี่ยที่สีข้างผมไปมาเหมือนผมเป็นรองเท้าเปื้อนขี้ไก่
"ไม่เอาๆเดี๋ยวกินยาก็หาย"
"มึงแดกยาแล้ว ยังไม่ดีขึ้นเลย ลุก!!"
"ไม่เอา ไม่ไป" ผมไม่ได้กลัวหมอนะครับ แต่ผมไม่อยากเจอหมอบางคน!! เจอแล้วจะทำหน้ายังไง? อยู่ดีๆก็ฝัน...ฝันว่าได้จูบกับเขา หมอเทวดา... อย่างเร่าร้อน เอ๊ะ! หรือเปล่าวะ? ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่กลิ่นอ่ะ ใช่แน่ๆ เอ๊ะ! หรือไม่ใช่? โอ้ยยย ไม่รู้แล้ว จำไม่ได้ เออ จำได้นิดหน่อยก็ได้(ย้อนแย้งฉิบ!!)
โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้ฝันเปียก โดนปลุกให้ตื่นก็ตอนถึงที่หมายแล้ว พบตัวเองอยู่ในสภาพนอนยาวเหยียดบนเบาะคู่เพียงลำพังเท้าข้างหนึ่งพาดหน้าต่างรถ มีผ้าห่มผืนบางพาดอยู่กลางลำตัว ไม่เจอเขา ฝัน....
โล่งอก(!?) แต่เปล่าเลยแค่เกือบ เมื่อได้ยินเพื่อนๆมันพูดกันว่าเมื่อคืนกลุ่มหมอเทวดามานั่งด้วย เมื่อได้ยินถึงกับเข่าอ่อนหรือจะเป็นความจริงวะ? ทำไมพวกพี่เขาถึงมาอยู่บนรถ ถึงผมจะรู้ว่ารู้จักกับพวกพี่ตังค์ก็เถอะสภาพแวดล้อมบนรถไม่เหมาะกับพวกเขาสักนิด หรือผมเมาจนไปจูบเขา ไม่รู้แล้วโว้ย! จำไม่ได้
โอ๊ยยย!! ไม่เจอโว้ย ผมไม่รู้ว่าจริงหรือฝันแต่จะทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจริงหรือฝันผมก็ยังไม่อยากเจอหน้า
"เอ๊ะ!! มึงนี่! แค่ไปหาหมอที่เต็นท์แพทย์จะเป็นไร ดื้อมากเดี๋ยวกูถีบนะ!!" ไอ้นกที่นั่งทาครีมหน้ากลิ่นหอมฟุ้งขึ้นเสียงใส่
"ฤกษ์!! ไปดิพี่หมอเรียกแล้วกูไปบอกว่ามึงป่วย เขาให้ไปหา"
"เหี้ย!!" เสียงสบถดังลั่นทั้งห้อง เมื่ออยู่ๆก็มีผู้หญิงโผล่พรวดดข้ามาในห้องผู้ชาย และพวกที่อยู่ในห้องก็พึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังแต่งตัวจึงอยู่ในสภาพล่อแหลม
"ตามสบายเลยพวกมึงกูไม่ถือ" ไอ้ลำไยยิ้มหน้าระรื่นตาวาว ทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม จนพวกมันต่างรีบแต่งตัว
"นี่มันห้องผู้ชายนะเว้ยลำไย เข้ามาได้ไงเป็นสาวเป็นนาง แล้วดูสายตามองพวกกูอย่างนี้กูเสียหายหมด" ไอ้คัตโตะประท้วง
"เสียหายตรงไหนกูรับผิดชอบเอง เดี๋ยวกูสร้างเป็นฮาเร็มเลยดีกว่า มีพวกมึง แล้วกิ๊กกูอีกสิบ"
"ไม่เอาโว้ย!! เห็นธาตุแท้มึงแล้วกูสงสารตัวเอง"
"เรียบร้อยครับ นอนพักสักหน่อยพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น แล้วอย่าไปซนที่ไหนก่อนได้รับอนุญาตอีกนะครับ นี่โชคดีนะที่แขนขาไม่หักแค่หัวโนน่ะ ยังไงวันนี้พวกเราคงยังไม่เริ่มงานเพราะฝนน่าจะตกทั้งวัน นอนในเต็นท์นี้แหละตอนเที่ยงค่อยลุกไปกินข้าว"
ผมนอนฟังเสียงสั่งสอนนุ่มหูของอาจารย์หมอกรณ์หน้าเด็ก แต่อายุไม่เด็กอย่างสำนึกผิดไปเรื่อยๆ หลังจากโดนฉีดยาไปสองเข็ม พยักหน้า หงึกหงักๆ ด้วยท่าทางสำนึกผิดแต่ร่างกายกระสับกระส่ายลุกลี้ลุกลน เหมือนพวกกินน้ำท่อมแล้วจะโดนสุ่มตรวจฉี่
"ไงฝากพวกเราดูน้องด้วยล่ะ อาจารย์จะออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอก"
อ้ากกกกกก ผมได้แต่เลิ่กลั่กอยู่บนเตียงอย่างทำอะไรไม่ได้ เมื่ออาจารย์หมอเดินออกจากเต็นท์ไปแล้ว ร่างกายของผมตอนนี้นั้นเคล็ดขัดยอกไปหมด เหตุเนื่องมาจากเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นั้น…..
ผมไม่ยอมมาหาหมอ รู้สึกว่าตัวเองเวียนหัวแต่ก็ยังพอไหว ก็เลยไปช่วยขนอุปกรณ์ขึ้นนั่งร้านในโบสถ์เพื่อเตรียมงาน ถึงฝนจะตก งานนอกไม่เดินแต่งานในพวกผมสบายมาก แต่ก็นั่นแหละครับ
ไอ้ฉิบหาย...ผมตกนั่งร้านครับ!! ไม่ได้มาจากเพราะพิษไข้แต่อย่างใด กูลื่น!! ถึงจะไม่สูงมากเพราะปีนไปได้แค่ครึ่งทางแต่เมื่อร่วงแล้วก็ลุกไม่ขึ้นอ่ะครับ บวกทั้งพิษไข้ เมาค้าง และตกนั่งร้านกูเดี้ยงครับ ลำบากเพื่อนฝูงต้องหิ้วมาเต็นท์หมออยู่ดี พวกมันแสดงความห่วงใยด้วยการรุมด่าอยู่สิบนาที ข้อหาที่เป็นภาระปกติอยู่ดีๆ ดันหาเรื่องเป็นภาระแบบพิเศษ(!?) และก็ทิ้งผมไว้เมื่ออาจารย์หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ผมอยากจะร่ำไห้อย่างเท่ๆแบบ คีอานู รีฟส์ จริงๆนะครับ
ซ้ายก็พวกหมอทันตะ ขวาก็พวกหมอราล์ฟ พวกพี่ๆกำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง มีเตียงสนามอยู่ห้าเตียงและหนึ่งในนั้นผมจองไว้เรียบร้อย
"ไงเราเจอกันแต่ล่ะทีเจ็บตัวตลอด"
พี่หมอแข่งขันเดินยิ้มเจ้าเล่ห์มาหาผม (เป็นหมอต้องยิ้มอ่อนโยนดิว้า) ยื่นมือมาแตะหน้าผากแตะซอกคอเหมือนวัดไข้ ผมก็ได้แต่นอนมองตาปริบๆ กูเกร็ง หล่อว่ะอิจฉา
"เดี๋ยวถ้าไม่ดีขึ้นต้องเช็ดตัวนะ"
"ครับพี่" พยักหน้าตอบรับ พลางแอบเหล่ใครบางคนทางขวามือที่อาจเป็นคนเดียวกับในฝันเมื่อคืน หมอเทวดานั่งไขว่ห้างหลังพิงเก้าอี้ ตาคมกำลังจดจ้องอยู่กับเอกสารหนาๆตรงหน้า หล่อ ดูดี เท่ และมีรังศีน่าเกรงขามอยู่รอบตัว
พรึ่บ!
เหมือนหมอเทวดารู้ตัวว่าโดนมองเขาเงยหน้าขึ้น สบตากับผมพอดี ผมสะดุ้งเหมือนโดนของร้อน ระบบร่างกายรวน ใจเต้น ทำอะไรไม่ถูก เขาลุกขึ้น เหมือนจะก้าวมาหา ตกใจ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ไม่รู้ต้องทำยังไง สวดมนต์อะไรดีมีคาถาไล่เทวดาหรือเปล่าวะ?
"เดี๋ยวดูเอง"
เฮ้ย!!
"อืม ดูให้ดีๆล่ะ หึๆ"
เฮ้ยๆๆๆๆ ? เมื่อกี้เสียง…
พรึ่บ!!
ผ้าห่มผมถูกดึงออกเผยให้เห็นดวงตาคมเฉียบสีเทาหม่นบนใบหน้าหล่อเหลาเกินบรรยายที่กำลังจ้องมองมาที่ผม หมอราล์ฟทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร หมอแข่งและพวกพี่ๆหมอไปไหน?
"กินข้าวก่อน"
"เฮ้ยๆๆ พี่!!"
อ้ากกกก กูควรตกใจอันไหนก่อน ภาษาไทยชัดแจ๋วเลย ไอ้สัส!! ทำไมต้องมานั่งตรงนี้!! ทำไมต้องอยู่กันสองคน ทำม้ายยยยย
"พะ...พี่พูดไทยได้!!" ปากคอสั่นเป็นสันนิบาตเลยกู
"....."
" มะ... ไมไม่บอกแต่แรกล่ะวะ" ก่อนหน้านี้พูดอะไรไปมั้งวะ? จำได้ที่ไหนกันเล่า!! (ตอบเองนักเลงพอ)
"ไม่เคยบอกว่าพูดไม่ได้" แค่สบตาคมผมก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง มือไม้มันเกะกะไปหมด หัวใจมันกระตุกแปลกๆ
"ตอนนั้นพี่ไม่เห็นบอกผมอ่ะ ปล่อยให้เข้าใจผิดอยู่ได้"
"ก็เราไม่ได้ถาม"
"พี่แม่งเจ๋งอ่ะ พูดไทยชัดแจ๋วเลย อยู่ไทยนานแล้วเหรอ" ชมไว้ๆไอ้ฤกษ์ก่อนที่จะโดนฆ่าหมกเต็นท์
"ก็พอสมควร" สมควรนี่แค่ไหนว่ะ ถามซ้ำอีกทีดีป่ะ
"แล้ว…."
"กินข้าว" ยังไม่ทันจะได้เผือกต่อ….หมอราล์ฟก็ขัดขึ้น ชี้ไปที่ชามโจ๊กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หอมว่ะ
หมอเทวดากลับไปนั่งไขว่ห้างก้มลงอ่านชีทในมือต่อข้างๆเตียงผม คล้ายบอกกรายๆว่า หยุดพูดแล้วแดกซะ กูจะอ่านชีท แล้วทำไมไม่ไปนั่งที่อื่นละว้าาา ผมเกร็ง ผมไม่ชิน ผมไม่เคยอยู่ใกล้หมอหล่อเทวดา หล่อ ไฮโซ มาดขรึม และมีสาระ!!
"หมดแล้วก็วางจะเลียเลยไหม?"
ผมถือช้อนค้างเมื่อมีเสียงทักจากคนที่นั่งข้างๆ เห็นด้วยเหรอวะว่าทำอะไร เห็นเอาแต่ก้มหน้าอ่านชีทที่มีแต่ภาษาน่าปวดกบาล
ผมเงยหน้าจากชามโจ๊กขึ้นมายิ้มแห้งส่งไปให้ อร่อยอ่ะถึงจะเป็นโจ๊กซองก็เถอะแถมมีไข่ยางมะตูมใส่มาให้ตั้งสองฟอง ถ้าทฤษฎีที่ว่าใครไม่สบายแล้วจะไม่อยากอาหาร คงใช้กับผมไม่ได้อ่ะครับ
"อยากกินอีกอ่ะพี่" เอาจริงก็ไม่อิ่มอ่ะ
"ตื่นมาค่อยกินพึ่งฉีดยาไปเดี๋ยวก็ง่วง อันนี้รองท้องไปก่อน กินอาหารหนักแล้วนอนมันไม่ดี" อื้อหือ พึ่งได้ฟังประโยคยาวเป็นบุญหูครั้งแรก
"อย่าพึ่งนอน นั่งก่อนสักสิบห้านาที"
อื้อหือๆ สั่งเป็นน้องผมเลย!? ผมที่กำลังไถลตัวลงนอนถึงกับหยุดชะงัก จำใจลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง….
สภาวะเดดแอร์!! อย่างบ่ต้องสงสัย
เงียบขนาดที่ว่าได้ยินแต่เสียงพี่หมอมันพลิกหน้ากระดาษ ผมได้แต่ขยับยุกยิกๆ อยู่บนเตียงไม่มีไรทำอ่ะนั่งตั้งสิบห้านาที กูเครียด
"แล้ว….แล้วเมื่อคืนพวกพี่มาขึ้นรถคณะผมเหรอ" สุดท้ายผมก็ทำลายความเงียบนั้นลง เพราะความเผือกข้างในมันร่ำร้องงงง
"อืม" หมอเทวดาตอบพลางลุกขึ้นยืน เดินไปเอาหมอนอีกสองใบที่วางไว้มุมห้อง มาวางทับหมอนที่เตียงผมแล้วจับตัวผมเอนลง ตอนนี้ผมอยู่ในท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอน...
"เหรอ...แล้ว…แล้วเป็นไงมั่งอ่ะพี่" ผมถามตาปรือ ความง่วงจากฤทธิ์ยาและความท้องตึงเริ่มย่างกราย
"ก็ดี เพลงแปลกหูดี" หมอเทวดาตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ ยื่นปรอทวัดไข้ให้ผมคาบไว้ มือเรียวแกร่งเอื้อมมาสัมผัสลงที่หน้าผาก ซอกคอและเลื่อนมาที่แก้มผมคล้ายวัดไข้...สัมผัสแผ่วเบาแต่หัวใจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แปลก แปลกมากจริงๆ
"แค่นั้นเหรอพี่" ตาจะปิดแล้วอ่ะแต่ก็ฝืน เบลอไปหมดแล้ว
"แล้วต้องแค่ไหน" ทำไม่รู้สึกเหมือนแก้มโดนบีบ
"พี่... คือ...ผม...ขะ...ขอโทษนะ ที่พูดอะไรๆก่อนหน้าน่ะ" ขอโทษไว้ก่อน ผมก็จำไม่ได้ว่าตอนเจอพี่เขาพูดไรไปบ้าง แม่งเล่นไม่หือไม่อือสักคำ เป็นใครใครก็คิดป่ะวะ หน้าก็ไม่ได้ไทยอะไรขนาดนั้น และเหตุผลสำคัญ ขอโทษที่ฝันลวนลามพี่เมื่อคืน สรุปผมก็ฝันอ่ะแหละนะ เพราะดูจากท่าทางพี่หมอราล์ฟก็เห็นไม่มีท่าทีผิดปกติอะไร(?) สงสัยหน้าตาดีเกินจนเก็บไปฝัน? แต่ก็น่าจะฝันถึงผู้หญิงป่ะวะ? หืม….สมการนี้ยาก ช่างแม่ง!!
ผมไม่รู้ว่าหลังจากขอโทษแล้วพี่หมอว่ายังไง เพราะภาพสุดท้ายที่เห็นคือข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์หน้าจอแตกของผมที่วางอยู่ข้างเตียง ก่อนหน้านี้ผมได้ส่งไปหาน้องว่าถึงค่ายแล้ว เจ้าเทียนส่งข้อความตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่า 'อย่าสร้างปัญหา'
24…ห้องผม
"พี่!! นั่นเลือด เลือดใช่ไหม? ใครทำอะไรพี่!!" ผมถลาเข้าไปจับหัวไหล่ข้างที่เริ่มเต็มไปด้วยเลือด เอื้อมมือที่อยู่ๆก็สั่นอย่างห้ามไม่อยู่แตะลงไปเบาๆตรงรอยเลือด พี่ราล์ฟไม่หลบ เขายังนั่งนิ่ง ไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดอะไรสักนิดจนผมคิดว่าอาจจะเป็นแค่รอยคราบเปื้อน
"ไม่เป็นไรหรอกแค่รอยเปื้อน พี่กลับก่อนมีธุระ" พี่ราล์ฟลุกขึ้นยืนก้มลงมาจูบหน้าผากผมเบาๆและหันหลังกำลังจะจากไป ผมรีบคว้าแขนพี่ราล์ฟไว้ดึงให้นั่งลง ไม่ได้สนแล้วที่โดนฉวยโอกาสจูบหน้าผาก
"พี่ ให้ผมดูก่อน" ผมไม่รอให้พี่เขาอนุญาติถือวิสาสะปลดกระดุมเสื้อของพี่ราล์ฟออกด้วยมือที่สั่นเทา ผมกลัว กลัวว่าจะเป็นอย่างที่คิดในหัว กลัวว่าพี่เขาจะเจ็บ
"พี่….ใคร...ใครทำพี่" ร่างผมชาวาบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า...หัวไหล่แกร่งเป็นรอยช้ำมีผ้าก๊อซปิดไว้ถูกพันทบด้วยผ้ายืดพันแผลรอบหัวไหล่อีกทีอย่างเรียบร้อย ทว่า...ตอนนี้กลับมีเลือดไหลซึมออกมาเรื่อยๆจนผมใจหาย
"ผมขอโทษผมไม่รู้ พี่...พี่เจ็บมากไหม ผม..ผมจะพาพี่ไปโรงบาล"
"ฤกษ์ ใจเย็นๆพี่ไม่ได้เป็นไร" พี่ราล์ฟลูบหัวผมเบาๆ
"แต่เลือดไหลนะพี่ ต้องไปหาหมอให้หมอเขาดูนะ ต้องเย็บแผลไหม ต้องนอนโรงบาลไหม ต้องกินยาอะไรหรือเปล่า" ผมบอกอย่างไม่สบายใจ
"ลืมแล้วหรือไงว่าพี่เรียนหมอ พี่บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ"
"แต่เลือดพี่ไหลนะ เยอะด้วย ผม..ผม…"
ปัง!!
ภาพต่างๆของความทรงจำเก่าๆที่พยายามกดลึกลงไปภายใต้จิตใจ ขณะนี้มันย้อนกลับขึ้นมาเต็มหัวของผมไปหมด ภาพของเหลวสีแดงฉาน เสียงปืน กลิ่นคาวเลือด ความหวาดกลัว และหลังจากนั้นคือการลาจาก…..
"ฤกษ์ ค่อยๆหายใจ ฤกษ์ ใจเย็นๆ พี่ไม่เป็นไร ค่อยๆ"
"...." ผมกลัว กลัวพี่ราล์ฟจะหายไปพร้อมกับเสียงปืน และบาดแผล
"ฮึกๆๆ ฮือๆ"
"ฤกษ์…."
"ฮือๆๆ" ผมหยุดไม่ได้ผมหยุดน้ำตาไม่ได้ ทุกอย่างมันอัดแน่นอยู่ในอก เหตุการณ์ในวันนั้นผมสูญเสีย สูญเสียพี่ สูญเสียบ้านที่ถูกวางเพลิง สูญเสียยายที่หัวใจวายเพราะตกใจที่บ้านไฟไหม้ สูญเสียบ้านสวน เพราะเสียงปืน บาดแผล และการนองเลือด
ผมชอบพี่ราล์ฟมากขนาดนี้เชียวหรือ มากขนาดที่ว่ากลัวเขาจะหายไป มากขนาดที่ว่าทำให้ความทรงจำครั้งเก่าผุดขึ้นมา ผมหลับตาลงพยายามหยุดร้องไห้
"ขอร้อง...ขอร้องหยุดเถอะ หยุดร้อง"
อ้อมกอดแข็งแรงกอดกระชับผมแน่นขึ้นแน่นจนผมรู้สึกเจ็บทว่ากลับอบอุ่น ผมไม่รู้ว่าตัวผมถูกยกให้มานั่งบนตักพี่ราล์ฟในลักษณะคร่อมได้ย่างไร หน้าผมซบลงกับอกแกร่ง เสื้อเชิ้ตหรูเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา น้ำมูกผม แขนแกร่งกอดแน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมกับเสียงทุ้มกระซิบข้างหูบอกซ้ำๆ 'ว่าไม่เป็นไร'
"ผม...ผมไม่ ฮึกๆ ได้ร้อง ฮึกๆ" เงยหน้าขึ้นมาเถียง ผม...กลัว...กลัว...เสียฟอร์ม (อย่าด่าเยอะนะครับ)
"ชูว์~"
"ผมไม่ได้ร้อง ฮึกๆ"
"ครับๆ ไม่ร้อง" มือใหญ่เช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา มือของพี่ราล์ฟสากและหยาบกร้านเหมือนคนที่ทำงานหนักมาอย่างมาก และผมก็ชอบ เราสบตากันนิ่ง ริมฝีปากได้รูปกดจูบหางตา จมูก แก้ม ลำคอของผมแผ่วเบาจากนั้นริมฝีปากอุ่นก็กดจูบอีกครั้งที่ริมฝีปากผม ลิ้นร้อนค่อยไล่เลียตามแนวฟันเหมือนเป็นการบอกให้ผมเปิดปากออก และผมก็ได้สติรู้สึกตัวอีกครั้งว่ากำลังทำอะไรอยู่
"ทำแผลกันเถอะครับ" ผมหักห้ามใจหันหน้าหนีกับจูบลึกซึ้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลักพี่ราล์ฟออกเบาๆแล้วลุกลงจากตักแกร่ง ยอมรับว่าอยากสัมผัสคนที่เราชอบ ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ต้องการ ใครจะไม่ชอบล่ะ ได้แตะได้กอดได้สัมผัสคนที่เราชอบ ทว่าผมกลัวจะห้ามตัวเองไม่อยู่น่ะสิ แค่วันนั้นผมก็รู้ตัวแล้วว่าแพ้ราบคาบกับสัมผัสของพี่หมอ ประสบการณ์ผมก็ไม่มี เคยดูหนังโป๊แค่ผู้ชายกับผู้หญิง ชายกับชายไม่เคยอยากรู้อยากเห็นเลยสักครั้ง ขอยอมรับว่ากลัวโว้ยยย
"พี่อยากอาบน้ำก่อน" พี่ราล์ฟบอกเสียงนิ่งลุกขึ้นยืนตามผม ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธที่ผมลุกหนีกระทันหัน แต่จูบหน้าจูบคอผมไปขนาดนั้นถ้าจะโกรธอีกเดี๋ยวแม่งเตะตัดขา
"เออใช่อาบก่อนแล้วค่อยทำแผล เดี๋ยวผมหาชุดให้ใส่จะได้สบายตัว"
"พี่ใส่ได้หรือเปล่า"
ผมหันไปถามพี่ราล์ฟที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง บนตัวพี่หมอราล์ฟมีเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวของเทียนน้องชายผม ที่ตัวน่าจะพอๆกับพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟเอากล่องปฐมพยายามเข้าไปทำแผลเองในห้องน้ำโดยให้เหตุผลว่าพี่ทำเองเร็วกว่า เอออออ ผมมันไว้ใจไม่ได้
"อืม" พี่ราล์ฟพยักหน้าและเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ในครัวที่มีผมกำลังจัดอาหารเยอะแยะมากมายอยู่บนโต๊ะจากการสั่งของพี่ราล์ฟกินกันสองคนสั่งมาอย่างกับอยู่เป็นสิบ เฮ้อ ไอ้เทียนก็ไม่กลับส่งข้อความมาบอกว่าอยู่พัทยา พอเข้ามหาลัยก็ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเจ้าเทียน!! ไปทำห่าไรตั้งพัทยา ไม่ชวนกูเลย ฮือ…
"พี่ต้องกินยาอะไรก่อนหรือเปล่า" ผมถามพร้อมกับยื่นจานข้าวให้พี่ราล์ฟ
"พี่ทานแล้ว"
"งั้นรีบกินเถอะพี่ ขับรถตอนดึกๆมันอันตราย"
"พี่จะกลับเช้า"
"อืม...แล้วแต่พี่"
"..."
เอ๋…
"พี่จะค้างเหรอ!!?"
"อันนี้แฟลชไดร์ฟอะไร"
ท่านเทวดาหน้าตาหล่อไร้ที่ติขณะนี้ปล่อยผมยาวสลวยนั่งอยู่บนเตียงผม ชูแฟลชไดร์ฟสีชมพูหวานแหววขึ้นมาถามผมที่กำลังเดินเข้ามาในห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จ
"อ๋อ ของไอ้ลำไยอะพี่เอาไว้เปิดเพลงฟังสงสัยลืมไว้เมื่อคืน เสียบกับลำโพงตัวนี้มีแต่เพลงฝรั่งนะพี่น่าจะชอบผมไม่ชอบอ่ะฟังไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆ" ผมตอบหยิบแฟรชไดร์ฟในมือพี่หมอไปเสียบกับลำโพง กดปุ่มเล่นเพลง เสียงเพลงสากลช้าๆฟังสบายๆก็ดังขึ้น ให้บรรยากาศมันผ่อนคลาย กูเนี่ยแหละควรผ่อนคลาย ทุกการกระทำของผม ผมรู้ว่าพี่เขามองผมอยู่ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น อ้ากกกก กูจะทำยังไงดี กูเขิน ไอ้สัส
ผมเดินไปตากผ้าเช็ดตัวเหมือนคนทำตัวไม่ถูก ผมเคยนอนกับพี่เขาแล้วแต่นั่นที่บ้านพี่เขา แต่ในห้องของผมยังไม่เคยเลย ห้องนอนธรรมดาๆหรูสุดก็มีแค่แอร์เก่าๆหนึ่งตัวที่เร่งแอร์ก็ไม่ได้ลดแอร์ก็ไม่ได้เพราะไม่มีรีโมท ก็หวังว่าพี่เขาจะนอนสบาย
"ฤกษ์"
"ครับ?"
"กลัวเลือดเหรอเรา"
"ไม่เชิงหรอกพี่ ผมแค่ไม่ชอบอ่ะ" ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาผ้าห่มอีกผืนออกมา
"พี่ไม่เห็นรู้เลยว่าเรากลัว"
"ไม่ได้กลัวผมแค่ไม่ชอบเฉยๆเหอะ แล้วพี่จะไปรู้ได้ไงเราไม่ได้ซี้กันเหมือนพวกไอ้ปัดสักหน่อย"
"พี่ไม่อยากซี้แบบนั้น ซี้แบบนี้ดีแล้วชิมได้ทั้งตัว"
"ไอ้พี่หมอ!!!" ผมตะโกนว้ากลั่นห้อง อย่างทำอะไรไม่ได้จะเตะสักป๊าปก็ใจไม่ถึง จะด่าโคตรแม่กูก็มีส่วนสมยอม ฟินด้วยสิ เสร็จเลยกู ไอ้สาสสส
"เรียกพี่เบาๆก็ได้ยิน เขินพี่หรือไง" พี่หมอราล์ฟถามหน้านิ่งแต่แววตาเทาๆนั่นแม่งแกล้งกูชัดๆ แพรวพราวฉิบหาย
"ไม่ได้เขิน!!" กูจะเสียงสูงทำไม
"ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน" พี่ราล์ฟพูดหน้านิ่งเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าลมฝนเหมือนชวนแดกข้าว
"พี่ราล์ฟทะลึ่งว่ะ ทำไร ไม่มีทำไรทั้งนั้นแหละ" หน้ากูไหม้แล้ว ผมเขินปู้ชายยย
"งั้นเหรอ" พี่ราลฟ์กระตุกยิ้มหล่อก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอโน๊ตบุ๊ตต่อ ทิ้งให้ผมหัวใจเกือบวายกับรอยยิ้มนั่นอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า พี่มันร้ายแกล้งผมจนทำอะไรไม่ถูก ตัวผมก็ร้ายกว่าอยากกอดคนที่ชอบจะตายอยู่แล้ว แต่ต้องรักษาระยะห่างไว้ ให้ผมทำใจก๊อนนน ให้ผมไปเรียนรู้ในคลิปก่อน ฮือ คืนนี้กูจะใช้ชีวิตยังไง
"ทำอะไร"
"ปูที่นอนดิ พี่ก็เห็นอยู่ อะโด่ ถามมาได้" ไม่ได้กวนบาทานะเว้ย อย่าตาแข็ง เออ!! กูกวนอยู่หมันไส้แม่ง!! คนห่าไรแค่นั่งทำงานเฉยๆอยู่บนเตียงก็หล่อแม่งฉิบหาย ข้อความในโทรศัพท์ดังทุกห้านาที เอกสารก็วางกองเป็นตั้ง ทำไมไม่กลับบ้านวะถ้าชีวิตมันจะยุ่งเหยิงขนาดนี้ ที่นั่งทำงานอยู่ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะสบาย บ้านตัวเองมีห้องทำงานตั้งใหญ่โตดันไม่ไป มาสิงอยู่ที่นี่ทำไมห้องผมไม่มีโต๊ะทำงาน โต๊ะเขียนหนังสืออะไรทั้งนั้นแหละผมทำบนเตียง บนพื้นตลอด เฮ้อ จะไล่กลับบ้านก็ไม่ได้ยังไงผมก็เคยไปรบกวนบ้านเขาตั้งหลายวันเขามานอนด้วยแค่คืนเดียวเรื่องเล็กน้อย แต่...พอเห็นพี่ราล์ฟในวันนี้อยู่ดีๆผมก็อยากได้โต๊ะเขียนหนังสือไว้ในห้องสักชุด ไปซื้อวันไหนดีนะ เอ….ทำเองดีกว่า
"มานอนด้วยกัน" พี่ราล์ฟที่นั่งพิงหัวเตียงละมือจากโน๊ตบุ๊คหรูที่เอามาจากในรถเพื่อทำงานพูดเสียงจริงจัง
"ไม่เอาอ่ะ เตียงมันเล็กเดี๋ยวพี่นอนไม่สบายเจ็บแผล เอ...ผมว่าผมไปนอนห้องไอ้เทียนดีกว่านะ พี่นอนคนเดียวได้ใช่ไหม" เตียงผม 3.5 ฟุตนะครับ ผู้ชายสองคนจะนอนกันยังไงแถมอีกคนมีแผลอีก
ตุ้บ!!
พี่ราล์ฟลุกขึ้นยืนผลักร่างผมลงเตียงเบาๆพร้อมกับเดินไปปิดไฟในห้อง เดินกลับมาที่เตียงดันร่างผมเข้าไปชิดผนังและล้มตัวนอนลงข้างๆ โอเคร!!! นอนเถอะครับ!!!
"ฤกษ์"
"หืม" ผมขานรับเสียงงัวเงีย เสียงทุ้มเอ่ยเรียกแผ่วเบาท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆในความมืดอย่างที่ไม่มีใครคิดจะลุกไปปิด ผมไม่รู้ว่าพี่เขานอนตอนไหนภาพสุดท้ายที่เห็นคือนั่งพิงหัวเตียงพิมพ์งานกับเจ้าโน๊ตบุ๊คท่ามกลางแสงโคมไฟสลัวๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียง พี่ราล์ฟเขามักจะนอนทีหลังผมเสมอ ส่วนผมตอนนี้ไม่ไหวแล้วหนังตาหนักไปหมดเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน กูแดกเหล้าอ่า
"เพลงนี้เพลงอะไร" ที่ผมตื่นไม่ใช่เสียงเรียกแผ่วเบาข้างหูนั่นหรอกครับ แต่แขนแกร่งนี่ต่างหากที่ทำให้ตื่น...ผมรับรู้ได้ถึงวงแขนแกร่งสอดเข้ามาใต้ศีรษะผมแทนหมอน และเอวผมมีวงแขนแกร่งอีกข้างที่กอดแน่นขึ้นจนรู้สึกอบอุ่น ร่างผมถูกดึงให้เข้าใกล้แผ่นอกแกร่งจนแผ่นหลังผมแนบชิดรับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจของคนด้านหลัง ผมง่วงเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาบ่นแล้ว
"หืม..."
"เพราะดีนะ"
"ผมฟังเพลงฝรั่งไม่รู้เรื่อง" ง่วงงงง
"เพลงไทย"
"...."
"ฝันดีนะ"
"...."
ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงแผ่วเบาบนหลังคอขาวท่ามกลางความมืด แขนแกร่งกอดกระชับร่างตรงหน้าให้แน่นขึ้นราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้วสำหรับเขาสองคน เสียงเพลงไทยเพลงหนึ่งยังดังขึ้นเบาๆ ถ้าคนที่ถูกกอดได้ฟังก็คงจะดี…
~อาจจะดูว่าฉัน โง่งมที่ทำเพื่อเธอ ให้เธอได้เสมอ ทั้งตัวและหมดหัวใจ
ทั้งๆที่ความเป็นจริง แค่ฝันก็ยังเกินไป ไม่มีอะไรคู่ควรสักอย่าง
ผ่านไปถึงเพียงไหน หัวใจก็พอรู้ดี แต่บังเอิญตอนนี้ รักเธอเกินหยุดยั้งใจ
พื้นที่ในใจที่มี ไม่เหลือให้ใครคนใด ทุกห้องในใจมีเพียงแต่เธอ
เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอคนเดียวอยู่อย่างนี้
ต่อให้มันไม่มีหนทางใดๆ ก็ไม่เคยหวั่นไหว
เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอจริงๆและพร้อมจะตายแทนได้
ก็เพราะหัวใจ ฉันมันสร้างมาเพื่อเธอ
แต่ไม่เคยโทษฟ้า ที่พาให้เราพบกัน และกำหนดให้ฉัน รักเธอเหมือนดังนิยาย
ให้ฉันต้องเจียมตัวเอง ให้ฉันต้องทนทำใจ แม้ทุกข์เพียงใด ก็มีเแต่เธอ
เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอคนเดียวอยู่อย่างนี้
ต่อให้มันไม่มีหนทางใดๆ ก็ไม่เคยหวั่นไหว
เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอจริงๆและพร้อมจะตายแทนได้
ก็เพราะหัวใจ ฉันมันสร้างมาเพื่อเธอ
ก็เพราะว่าเธอนั้นคือที่สุดของหัวใจ~
เกิดมาเพื่อรักเธอ-มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์
:katai4: :katai4:
:pig4: :pig4:
:กอด1: