23…ความมั่นใจที่ไม่กล้ามั่นใจ"โยมสองคนเป็นแฟนกันรึ"
"ไม่ใช่ๆ รุ่นพี่ผมครับ!!"
"กำลังจะเป็น"
ผมสะดุ้งโหยงกับเสียงคุ้นเคยที่อยู่ด้านหลังหันไปโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่า...ก็ต้องหยุดชะงักกับคำตอบของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
"พี่!!!" ว้ากใส่อย่างลืมตัว
"อาตมาถามเฉยๆทำไมต้องโวยวาย"
"ผมเปล่า!!!" ไอ้สัส คุมโทนเสียงในระดับเดิมไม่ได้
"เอ้อ แล้วแต่เถอะ โวยวายเสร็จแล้วก็ไปทำงานแทนโยมช้างด้วยล่ะ เขาลาพักร้อน แล้วโยมชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไรนะ" หลวงพ่อสั่งผมเสร็จ ก็หันไปถามพี่ราล์ฟที่นั่งหน้านิ่งอยู่ด้านข้างผม
"ราล์ฟครับ" พี่ราล์ฟตอบเสียงนิ่ง
"งั้นรึ เหนื่อยหน่อยนะ" หลวงพ่อพูดพร้อมกับระบายยิ้มอย่างเมตตา
"ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน" พี่ราล์ฟยกมือไหว้หลวงพ่อและลุกขึ้นเดินออกไป ไม่หันมาบอกลาผมเลยสักคำ เขาโกรธอะไรผมหรือเปล่า?
"พี่ราล์ฟ!!" ผมลุกขึ้นยืนตะโกนเรียกออกไปอย่างไม่ได้คิดหน้า คิดหลัง แค่รู้สึกอยากรู้ สงสัยว่าพี่หมอเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้เขาพูดจริงหรือที่ขอคบ? หรือเขาแค่พูดเล่นๆ พี่ราล์ฟหยุดเดินหันกลับมามองผมหน้านิ่ง ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัดแม้แต่เสียงเคี้ยวข้าวเสียงดังของพวกไอ้สร้อยก็เงียบลง ผมยืนเคว้งหัวสมองโล่งเหมือนไม่มีรอยหยัก(ปกติก็ไม่มี)หันไปมองรอบๆตัว หลวงพ่อหายไปไหนแล้ว? วาร์ปได้หรือเปล่า หลวงพ่อวาร์ปได้หรือเปล่า งั้นผมจะพูด….
"พี่…"
"...."
"พี่...บ๊ายบายนะ"
"..."
"ไอ้ฤกษ์!!!!"
พูดออกไปแล้ว...พูดเชี้ยอะไรออกป๊ายยย พี่ราล์ฟหันหลังเดินลงบันไดไปอย่างไม่พูดอะไรสักคำ ไอ้สัสเอ๊ยยย เขาโกรธกูหรือเปล่าวะ? เขาจะโกรธกูทำไมล่ะปกติก็กวนตีนเขาอยู่แล้ว แล้วทำไมผมต้องมาคิดเล็กคิดน้อยบ้าบอตาแตกอะไรอย่างนี้ด้วยวะ ผมนั่งลงทึ้งผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเอง โดยมีถาดพลาสติกฟาดลงมาบนหัวผมอย่างนับไม่ถ้วนจากไอ้ลำไย ไอ้สัส!!
"มึงควรเดินไปส่งเขา" ไอ้เดือนคณะหน้าเชี้ย
"ไอ้ไม่มีสมอง!!" ไอ้ลำไยหัวทองคำ
"ไม่ตกลงพี่เขาไปวะ มึงก็ชอบพี่เขา" ไอ้ตาตีบเสือกหล่อ
"หน้าเชี้ยแล้วยังเล่นตัว" ไอ้นกแอนด์เดอะเบิร์ด
"ก็กูคิดว่าพี่เขาพูดเล่น" ตอบเสียงอ่อย
"พูดเล่น!! คนจริงอย่างพี่ราล์ฟเขาจะพูดเล่นทำเชี้ยไร มึงจะคิดเองเออเองอะไรดูหน้าพี่เขาด้วย"
"อยู่ดีๆพี่ราล์ฟเขาก็บอกว่าขอคบ? กูก็ตกใจดิวะ พี่ราล์ฟเขาดูไม่มีวี่แววจะชอบกูสักหน่อย" ผมตอบไอ้นกด้วยใบหน้าคิดหนัก แต่ผมกับพี่เขาเคยจูบกันแล้วอ่ะ เฮ้ยๆ แค่จูบกันเฉยๆไม่ได้แปลว่าจะชอบนี่หว่า
"มึงมันโง่ไง คนระดับอย่างเขาไม่มีทางเห็นได้ง่ายๆบ่อยๆอย่างทุกวันนี้หรอก ถ้าเขาไม่มาให้เห็นน่ะ กูกับพวกแอดมินเพจคิ้วท์บอยไปตามเฝ้าเช้าเย็นเกือบอาทิตย์เพื่อจะถ่ายรูปพี่หมอไม่เคยเจอแม้แต่เงา รู้ไว้ซะด้วย" ไอ้ลำไยจิ้มนิ้วมาที่กลางหน้าผากผมจนหงายหลัง
"หรือพี่มันชอบกูวะ? ไม่มั้ง พี่ราล์ฟเนี่ยนะ พี่มันคงไม่จริงจังหรอก...มั้ง" พูดเองนอยด์เองนักเลงพอ
"มีตา มีสมอง มีหัวใจก็ดูก็สัมผัสเองดิวะ แต่กูจะบอกให้เอาบุญคนอย่างพี่ราล์ฟกูไม่เคยเห็นต้องตามใคร" ไอ้นกจิ้มหัวกูซ้ำทำเชี้ยไร
"หรือกูจะเป็นทายาทคนรวยระดับหมื่นล้านวะ พี่ราล์ฟเขารู้เขาเลยมาจีบกูเพื่อจะเอาผลประโยชน์จากกูแล้วหักอกกูวะไอ้นก"
"อิฤกษ์ มึงควรเขย่าหัวสักสิบทีเผื่อสมองจะเข้าที่เข้าทาง"
"หาคนอื่นเถอะ ไอ้หมอนั่นไม่เหมาะกับมึงหรอก เลิกชอบมันเถอะ" ไม่เหมาะกันเหรอ? อืม...ก็จริง
"ไอ้ปัดอย่าใส่ไซโค มันยิ่งโง่อยู่ เป็นห่วงได้แต่ให้มันคิดเองชีวิตมัน ถึงมันจะไม่เหมาะกันจริงๆก็เถอะ" ไอ้เชี้ยตี๋!! เหมือนจะดีเสือกกระทืบซ้ำ
"ไอ้ตี๋!! เพื่อนกูออกจะน่ารักแบบโง่ๆขนาดนี้ไม่เหมาะตรงไหนคนอย่างมันเลยนะเว้ย คนอย่างไอ้ฤกษ์ชอบเขาออกจะขนาดนี้บุญของพี่หมอราล์ฟแล้ว อย่างน้อยก็มั่นใจว่าชีวิตเหนื่อยยากแน่นอน " ได้โปรดหยุดเข้าข้างกูเถอะไอ้ลำไย ไอ้ตับห่าน แต่เอ๋…
"เฮ้ย!! พวกมึงรู้ได้ไง กะ...กะ...กูไม่ได้ชอบพี่ราล์ฟนะเว้ย"
ปริ๊นๆๆ
เสียงแตรรถดังลั่นลานวัด ผมรีบหุบปากที่กำลังเตรียมจะแถ ข้างๆ คูๆ กับไอ้พวกเพื่อนๆที่ฉลาดเป็นกรดมันรู้ได้อย่างไรว่าผมชอบพี่ราล์ฟ บรื๋อ~~ ไอ้พวกนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ผมหันกลับไปมองเห็นรถหกล้อสี่ห้าคันกำลังวิ่งเข้ามาจอดเต็มลานวัด หันไปมองสบตาเพื่อนอย่างงงวยและรีบลุกขึ้นเดินไปหารถหกล้อ มีพวกพี่ๆชายฉกรรจ์ในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินสิบกว่าคนกำลังเปิดท้ายขนของอะไรสักอย่างลง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นเป็นตู้กดน้ำเย็นและน้ำร้อนสามสี่ตู้ที่ได้ถูกยกลงมาวางไว้ข้างๆรถ
"มาส่งของครับ" พี่หนึ่งในชุดยูนิฟอร์มบอก
"ครับ?" กูงง ใครสั่งตู้กดน้ำเยอะขนาดนี้ไม่มีเงินจ่ายนะเว้ย
"มีคนโทรมาสั่งให้มาส่งที่นี่ครับ" พี่เขาตอบอย่างสุภาพ
"ไม่ได้สั่งนะพี่ส่งผิดหรือเปล่า" ไอ้ตี๋ถาม
"ไม่ผิดครับนี่ครับวัดxxx มีคนบริจาค" พี่เขายื่นแผ่นกระดาษเอกสารการขนส่งที่มีชื่อวัดเป็นจุดหมายปลายทางให้พวกผมดู
"อ๋อ ขนไปไว้ข้างบนเลยครับ ไอ้นกไปตามหลวงพ่อมาดิ๊บอกว่ามีคนมาบริจาคของ" ผมหันไปบอกพวกพี่ที่มาส่งของให้ยกขึ้นไปไว้ตรงศาลาก่อนและหันไปบอกไอ้นกที่ยืนส่งยิ้มหวานชวนขนลุกให้พวกพี่ๆพนักงานส่งของ อยู่ในวัดก็ยังไม่เว้นนะมึง
"อันนี้ล่ะครับ"
"โอ้โหหหหห"
พี่เขาชี้ไปที่ท้ายรถที่เหลืออีกหลายคันที่มีพัดลมตั้งพื้นขนาดใหญ่สี่ห้าตัว มีแอร์อีกสี่ตัว มีแผ่นฝ้าเพดานลายไทยอีกเต็มคันรถ มีกระจก หน้าต่าง โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ เก้าอี้ โซฟา เครื่องดูดฝุ่นอีกหลายเครื่อง พัดลมเพดาน และอุปกรณ์มากมายสำหรับติดตั้งแอร์ เปลี่ยนกระจก ประตูและเปลี่ยนฝ้าเพดาน เอ่อ...
"ใครบริจาคครับ" ไอ้ปัดถามเพราะตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรแล้ว ตื่นตา ตื่นใจ และตื่นเต้นกับแอร์มาก วัดจะมีแอร์แล้ว แอร์จ๋าาา
"ในนามบริษัท 'สิงห์เวคิน' ครับ"
"โอ้โหหหหหห" ไอ้ลำไยตะโกนแหกปากลั่นจนผใสะดุ้งโหยง
"อะไรมึง บริษัทค้ายาเหรอ" ผมถามหน้าตาตื่น กูตกใจจริงๆนะเออ
"ค้ายาพ่องงง ชื่อบริษัทของบ้านพี่ราล์ฟ!!"
"อ้าว ไม่เห็นน่าตกใจอะไรเลย"
เอิ่ม….ไม่แปลกใจเท่าไหร่จริงๆนะครับ หลังจากที่เห็นแผ่นหลังพี่ราล์ฟชุ่มไปด้วยเหงื่อเมื่อเช้านี้ ถ้าเทียบจากระดับความรวยที่ผมไปสัมผัสมาของพี่เขา ของพวกนี้เป็นการจ่ายที่เทียบเท่าขี้ผงในกระเป๋าพี่เขาอ่ะ เป็นคนไม่พูด ไม่บ่น แต่ทำเลยสินะพ่อหล่อเทวดา ดีครับ!! คิ้กค้ากกกก
"มึงหนีไปไหนไม่พ้นแล้วฤกษ์"
"อะไรนะปัด"
"เลิกกระโดดสักทีเถอะรำคาญ!"
"แอ่ะ"
"พี่ฤกษ์สี่โมงเย็นแล้วนะ ยังไม่ไหม้เลยทำไงดี" ไอ้สร้อยเริ่มเบะปากน้ำตาคลอ
"ถ้าห้าโมงแล้วยังไม่ไหม้ผมขออนุญาตทิ้งพี่ไว้ตรงนี้นะเว้ย" ไอ้เมฆหน้าซีดเผือดยกมือไหว้ผมคล้ายบอกผมว่า 'ขอโทษนะเว้ย แต่ห้าโมงกูจะทิ้งมึงจริงๆนะ'
"เออๆ ใจเย็นกันหน่อยสิวะเดี๋ยวก็ไหม้แล้ว ไอ้โจ้มันหายหัวไปไหนวะ"
"ไอ้โจ้มันวิ่งแจ้นไปตั้งแต่สี่โมงครึ่งกับพวกพี่มังกรตั้งนานแล้วเหอะ"
"เอ้า ไอ้พวกนี้" ผมหันไปมองด้านหลังที่เคยมีพวกไอ้ตี๋ ไอ้นกยืนอยู่ ขณะนี้กลับว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่เงาหัว เออออออ ลากูบ้างก็ได้ ไอ้พวกเชี้ย ส่วนไอ้พวกเดือนดาวมันกลับกันตั้งแต่เที่ยงแล้วเห็นว่ามีธุระ ที่มหาลัย
"หลวงพ่อก็ไม่อยู่ โทรหาลุงช้างก็ไม่ติดอะพี่ ทำไงดี"
"มึงรู้อยู่แก่ใจว่าควรทำไง"
"ฮือออออ ไม่เอาๆ"
ไอ้สร้อยครวญครางด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก!!? ไอ้สัส กูนี่ที่ต้องร้อง!! ผมยืนนิ่งมองเปลวไฟที่กำลังแผดเผาร่างร่างหนึ่งมาหลายชั่วโมงแต่ไม่มีที่ท่าว่าเปลวเพลิงจะทำให้มอดไหม้ลงได้เลย สัปเหร่อประจำวัดอย่างลุงช้างดันลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ไปเที่ยวทะเลทรายดูพีระมิดกลางแดดกับครอบครัวที่อียิปต์ ได้เหรอวะ? มันได้เหรอ? ที่ให้ผมมาทำหน้าที่แทนเนี่ย!! ถึงผมจะอยู่กับวัดมานานแต่ก็ไม่มีเลยสักครั้งที่ต้องมา ตอกมะพร้าวล้างหน้าศพ ต้องสวดมนต์คาถากำกับ(ลุงช้างทิ้งสมุดบันทึกคาถาไว้ให้)และจัดการเผาด้วยตัวเอง ผมเป็นแค่ลูกมือลุงช้างเองนะเว้ย และนี่เป็นงานแรกที่ผมต้องทำเองแต่ดันไม่มีที่ปรึกษาให้คอยถาม ศพคุณลุงท่านนี้ก็ดันเป็นศพไม่มีญาติอีก ฮือออออ กูร้องแล้วนะ
"ลุง...ลุงไหม้เถอะนะเดี๋ยวพวกผมทำบุญไปให้" ไอ้เมฆเริ่มขอร้อง
"หลอกพวกผมมันบาปนา" ไอ้สร้อยเริ่มขู่
"ถ้าไม่ไหม้พวกผมเฉือนเนื้อลุงมากินจริงๆนา" ผมดับเบิ้ลขู่ ไม่ได้พูดเล่นนะครับถึงจะอยากให้เป็นก็เถอะ ในหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกคู่ใจของลุงช้างเขียนบอกไว้ว่าให้เฉือนเนื้อมาย่างกินแล้วสวดมนต์บทที่เขียนบอกไว้ในสมุดบันทึก
ตุ้บ!!
(เสียงใจผมหล่นครับ)
"พี่!! ผมปวดขี้ไปขี้ก่อนนะ!!"
"ผม...ผมจะเป็นลมแล้วหน้ามืดอ่ะไปพักแป๊บ"
"เฮ้ยๆ จะไปไหนกันกลับมานี่นะโว้ยยยย"
ไอ้สร้อยพอบอกปวดขี้เสร็จมันก็วิ่งจู๊ดหายวับไปชั่วพริบตา ตามมาด้วยไอ้เมฆหน้าซีดเสียยิ่งกว่ากระดาษวิ่งตามไปติดๆ ทิ้งให้ผมที่นั่งขัดสมาธิเท้าคางนั่งมองเปลวไฟอยู่นิ่งค้างเมื่อรู้ตัวว่าโดนทิ้ง ไอ้พวกเชี่ย กลับมาก๊อนนนน กูลุกไม่ด๊ายยย กูเป็นเหน็บ!! ไอ้พวกน้องเชี้ย ฮือออออ
นะโมตัสสะ~~~
"ครับ!!!" เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมแผดดังลั่นเป็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ ใครวะ? แต่ช่างเถอะ ใครที่โทรมามันต้องรู้จักกูแน่ๆไม่งั้นจะโทรมาทำข้าวต้มมัดทำไมล่ะ ผมรีบกดรับอย่างไวว่องก่อนจะตะโกนแหกปากออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว เห็นผมหล่อๆกล้าหาญอย่างนี้ก็กลัวเป็นนะเว้ย เมื่อต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว โปรดเห็นใจคนหล่อด้วย
"อยู่ไหน"
"ฮะ!!?"
"อยู่ไหน"
"มะ...มะ...เมรุเผาศพครับ"
"......"
"ฮืออออ พี่ราล์ฟช่วยผมด้วย ตู๊ดๆๆ"
เมื่อรู้ว่าใครโทรมาผมก็แหกปากเสียงดังแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้สายก็โดนตัดไป อะไรของเขาวะ? โทรมาเพื่อ? จะทิ้งคุณลุงไว้แบบนี้ก็ไม่ได้มันเป็นหน้าที่ผมที่ต้องรับผิดชอบ(หล่อเลยอ่ะดิ) ลุงค้าบบบ ไหม้สักทีสิวะ
หมับ
"ไอ้เหี้ยยยยยย" ผมร้องลั่นเมื่อมีมือปริศนาวางแปะลงบนหัว หันไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นใครผมยกมือไหว้ขอขมาแทบไม่ทัน ไอ้พี่ราล์ฟยืนหน้าถมึงทึงจ้องตาแข็งเป๊กมองมาอย่างเอาเรื่อง
"ขอโทษค้าบคุณพี่" บอกขอโทษเสียงอ่อยยื่นมือไปจับขากางเกงหรู(ผ้าโคตรนิ่ม)ยึดไว้เกรงว่าจะทิ้งผมซ้ำซ้อนอีกคน อย่าริมีเรื่องกับผู้มีอำนาจที่พึ่งบริจาคของราคาเกือบล้านเมื่อเช้านี้
"มานั่งทำอะไรตรงนี้"
"พี่มาทำไมอ่ะ"
"ใกล้มืดแล้วทำไมไม่กลับบ้าน"
"พี่มีธุระอะไรหรือเปล่า พี่มาหาผมเหรอ"
"ร้องโวยวายทำไมใครทำอะไร"
"พี่เห็นหลวงพ่อกลับมายังอ่ะ"
"ฤกษ์!"
"ครับ?"
"คุยเรื่องเดียวกับพี่ก่อน" พี่หมอว่าเสียงดุจับมือผมที่ยังคงดึงขากางเกงของเขาออกและดึงผมลุกขึ้นยืน
"กลับบ้าน"
"เดี๋ยวๆพี่ งานยังไม่เสร็จเลย" ผมยื้อแขนที่ถูกดึงให้ออกเดินไว้ จะไปได้ไงล่ะเว้ย พี่ราล์ฟเหลือบมองเปลวเพลิงที่ผมชี้ให้ดู พี่เขาขมวดคิ้วเข้มอย่างไม่สบอารมณ์และยกโทรศัพท์ออกมากดโทรออกและพูดภาษาอังกฤษอยู่สองสามคำ ไอ ยู โอเคร (แฮร่ ฟังรู้เรื่องแค่นี้อ่ะครับ) เอ้อ!! มี อีส ด้วย
"เดี๋ยวให้คนของพี่มาแทน" พี่ราล์ฟกดวางโทรศัพท์และหันมาบอกผม
"ไม่ได้พี่ ผมเผาตั้งแต่บ่ายแล้วจนตอนนี้ยังไม่ไหม้เลย" ชี้นิ้วยิกๆไปที่ร่างลุงให้ดูเป็นหลักฐาน เดี๋ยวหาว่าผมเพ้อเจ้อ
"ทำไม"
"ผมว่าลุงแกต้องเป็นคนมีของมีวิชาแน่ๆ ถึงเผาไม่ไหม้"
"...."
"เนี่ย ตามตำราเขาว่าเอาไว้ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่ไหม้ให้สัปเหร่อเฉือนเนื้อมากินเพื่อเป็นการแก้ของ ถอนของ" ผมบอกพี่ราล์ฟที่ยืนหน้าหล่อฟังเงียบๆพร้อมกับหยิบบุหรี่ราคาแพงออกมาจุดสูบ สนใจกูไหมเนี่ยที่พูดไป
"เป็นสัปเหร่อหรือไงเราน่ะ"
"ก็...เปล่า"
"งั้นกลับ"
"เฮ้ยๆพี่ไม่ได้ ลุงเขาไม่มีญาติที่ไหนจะทิ้งลุงได้ไง" ผมยื้อแขนตัวเองอีกครั้งเมื่อไอ้พี่หมอจะดึงให้กลับบ้านอย่างเดียว ผมไม่รีบโว้ยบ้านอยู่ข้างวัด พี่หมอราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆยอมปล่อยมือผม ขายาวก้าวเข้าไปใกล้ร่างของลุงที่อยู่ในเปลวเพลิง พี่ราล์ฟโยนบุหรี่เข้าไปในเปลวเพลิง มือแกร่งคว้าวัตถุสีดำเลื่อมออกมาจากด้านหลังหันปากกระบอกเล็งไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งในเปลวเพลิง
กริ๊ก
"พี่!! พี่จะทำอะไรเนี่ย ไม่ได้นะเว้ย!!!" ผมแหกปากลั่นกับภาพตรงหน้า ยิ่งพี่ราล์ฟปลดเซฟผมยิ่งสั่นยิกๆเป็นเจ้าเข้า ไม่ได้นะเว้ยไอ้หมอเถื่อน
"จะไหม้ไปดีๆ หรืออยากจะตายอีกรอบ ตายครั้งนี้แกไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ๆเพราะฉันจะแช่งแก"
"พี่ราล์ฟนี่ในวัดนะเว้ย พี่พกปืนมาเดินในที่สาธารณะแบบนี้ไม่... เฮ้ยๆ พี่ลุงไหม้แล้ว" ผมกระโดดไปคว้าแขนพี่ราล์ฟที่ถือปืนเล็งลุงอยู่กดลง แต่ก็ต้องตาเหลือกโพลงเมื่อเหลือบไปเห็นร่างลุงค่อยๆเริ่มไหม้ขึ้นทีละนิด หันไปมองพี่ราล์ฟที่ยืนนิ่งด้วยความพิศวง
"เอ็ง เอ็งเป็นใคร?"
"...."
"ออกจากร่างพี่ผมนะ!!" ผมถอดสร้อยพระตัวเองออกยื่นไปตรงหน้าพี่ราล์ฟ
"ออกไปเลยนะ ชิ้วๆๆ"
"เฮ้อ…"
"ถอนหายใจทำไม คาถาใหม่รึ!! ออกไปนะเว้ย"
"กลับบ้านเถอะพี่เหนื่อย" ผีในร่างพี่ราล์ฟคว้าข้อมือผมข้างที่ถือพระอยู่
"ชิ้วๆๆ โอ๊ย!!!"
"แล้วก็เลิกทำตัวประหลาดได้แล้ว" ว่าผมประหลาดพร้อมกับบีบจมูกผมได้ขนาดนี้คงเป็นพี่ราล์ฟแหละ หรือเปล่าวะ?
"ผมหล่อขนาดนี้จะประหลาดได้ไงเล่า" ผมเถียงกลับขณะที่พี่ราล์ฟจูงมือผมให้ออกเดินเมื่อมีพี่การ์ดสามสี่คนเดินเข้ามา
" จริงดิ พี่มึงจะให้พี่ๆการ์ดเฝ้าลุงจริงดิ"
"...." ชะอุ้ย!! เผลอพูดคำหยาบ ตาคมมองมาอย่างดุๆ ผมทำได้เพียงยกมือไหว้ขอโทษตาใส เออๆคงเป็นพี่ราล์ฟตัวจริงแหละมองแรงขนาดนี้
"พี่ พี่เอานี่ไว้อ่านนะ" ผมรีบโยนสมุดบันทึกของลุงช้างไปให้พี่ๆการ์ดและรีบสาวเท้าตามแรงจูงของพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟพาผมมาหยุดอยู่ตรงรถหรูคันไม่คุ้นตา(ไม่เคยคุ้นสักคันเปลี่ยนแม่งทุกวัน)ที่จอดอยู่หน้าร้านของผม มีพวกพี่เพชรกับพี่บุญกำลังเก็บของจะปิดร้านส่วนน้องผมเห็นขับรถไปส่งของตั้งแต่บ่ายจนป่านนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาแขน
"พี่มีไรหรือเปล่า" ผมเอ่ยถามเมื่อเราหยุดเดิน
"จะมาหาต้องมีอะไรด้วยหรือไง" พูดจบก็เดินเข้าบ้าน(ร้าน)ผม ทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนโซฟาขาดๆในบ้าน สรุปกูเป็นแขกหรือเปล่า พี่ราล์ฟเป็นเจ้าของบ้านหรือเปล่า
"พี่ไม่ได้โกรธผมเหรอ" ผมเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆพี่หมอ
"โกรธ? เรื่องอะไร" พี่หมอราล์ฟเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ อ่า หล่อจัง ไม่อยากจะบอกเลยว่าวันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดถึงพี่ พอเห็นพี่มาหาแล้วมันรู้สึกดีชะมัด
"ก็...เมื่อเช้าเหมือนพี่โกรธผมที่ผม...ผมไม่...ไม่..."
"ที่ไม่ได้สนใจคำพูดพี่เรื่องที่พี่ขอเราคบ"
"พี่โกรธผมเหรอ ผมขอโทษนะผมตกใจ"
"ถ้าพี่โกรธเราพี่ก็คงไม่มีวันหายโกรธเพราะเรามีเรื่องให้พี่โกรธได้ทั้งวัน"
"งั้นเรื่องเมื่อเช้าพี่ก็พูดเล่นอะดิ ฮ่าๆ"
"อืม"
เสียงหัวเราะผมเริ่มเบาลงเรื่อยๆและกลับกลายเป็นว่าแม้แต่จะยิ้มก็แทบยิ้มไม่ออก หัวใจวูบโหวงฉับพลัน ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เขาอาจจะพูดเล่นแต่พอมาได้ยินจากปากทำไมถึงรู้สึกผิดหวัง…. ตาคมมองมาที่ผมนิ่งจนเหมือนจ้อง ผมเสหลบทำทีเป็นลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อเอาน้ำมาให้พี่ มีเสียงพี่บุญพี่เพชรตะโกนมาจากหน้าร้านว่า'กลับแล้วนะ' ผมทำเพียงโบกมือหยอยๆ ตามหลังอย่างไม่มีอารมณ์ เล่นเองเจ็บเองไม่เท่เลยว่ะ
"อ่ะพี่น้ำ เฮ้ย!!" ก้มลงเอาแก้วน้ำวางไว้โต๊ะเล็กตรงหน้าพี่ราล์ฟ ไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นดีๆร่างผมก็ถูกดึงให้ไปนั่งแหมะอยู่อยู่บนตักแกร่ง วงแขนแกร่งโอบกอดรอบเอวผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"เป็นอะไร" พี่ราล์ฟเอ่ยถามพร้อมกับวางคางตัวเองลงบนไหล่ผม ใกล้จนคอผมรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆและกลิ่นหอมคุ้นเคย
"เปล่า" ผมพยายามจะดิ้นลงจากตักแกร่งแต่ก็สูญเปล่า จะไปสู้แรงคนที่เคยอุ้มผมจนตัวลอยได้ยังไง
"เสียใจหรือไง"
"ปะ…."
" 'อืม' เมื่อกี้พี่พูดเล่นแค่อยากให้รู้ว่าเมื่อเช้าพี่รู้สึกแบบนี้ แบบที่ฤกษ์กำลังรู้สึก"
"พี่…" พี่ผิดหวังเหรอ พี่เจ็บเหรอ
"แต่ขอคบเมื่อเช้านี้พี่พูดจริง"
"พี่...พี่ขอคบผมแบบไหนอ่ะ แบบแฟนอะเหรอ"
ผมถามอย่างไม่มั่นใจอะไรเลย พี่ราล์ฟไม่ตอบแต่ปากร้อนจูบลงที่หลังคอผมจนขนลุกซู่ "แบบที่ทำแบบนี้ได้" พี่ราล์ฟพูดเบาๆข้างหูผม และจูบลงบนหัวไหล่ ร่างผมถูกผลักให้นอนลงบนโซฟาแบบเบลอๆ ปากร้อนก้มลงจูบตรงหน้าอกข้างซ้ายผม "แบบที่ตรงนี้มีแค่พี่" หน้าหล่อเงยขึ้นสบตาผม เราสบตากัน เหมือนพี่เขาจะบอกให้ผมชอบแค่เขา เหมือนพี่เขาจะชอบผม และเหมือนว่าพี่เขาจะจูบผม….เฮ้ย!! ไม่ได้โว้ย
พลั่ก!
"หยุดเลยนะ ไม่งั้นพี่เจอดีแน่"
เมื่อได้สติผมก็ทุบลงไปตรงหัวไหล่พี่ราล์ฟเต็มแรง อย่ามาเล่นทีเผลอนะเว้ยผมไม่หลงกลหรอก พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆแต่ก็ยอมผละออกไปแต่โดยดี ผมลุกขึ้นนั่งดีๆหน้าเห่อร้อนไปหมด กำลังจะลุกวิ่งไปหาอะไรกินในตู้ยินแก้หน้าร้อน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยคราบเปื้อนบนเสื้อเชิ้ตสีขาวตรงหัวไหล่พี่ราล์ฟ ข้างที่ผมพึ่งตีไปเมื่อสักครู่ มันเริ่มขึ้นรอยเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ มือผมเย็นเฉียบ ตัวชาวาบ หัวใจเหมือนกำลังถูกบีบ
"เลือด!! พี่!! พี่บาดเจ็บเหรอ"