21…ความกังวลที่ได้รับรู้ วันนี้วันเสาร์สุดหรรษาผมควรอยู่บ้านหรือที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ที่หะหรูหะหราแบบนี้ อาจจะกำลังช่วยไอ้ตี๋กรขนลังเบียร์ส่งตามร้านลูกค้ามัน อาจจะนั่งไสไม้แผ่นประกอบโลงอยู่บ้าน หรืออาจจะไปแรดๆกับพี่สายรหัสแถวร้านยาดองเจ้าประจำ แต่ทว่า...ผมกับมานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่คอนโดหรูของรุ่นพี่ที่เหมือนจะสนิทกัน? นั่งมองอาหารตรงหน้าที่มีทั้งไทยและอิตาเลียนหน้าตาน่าทาน ส่งกลิ่นหอมจนน้ำลายสอ แต่ความรู้สึกอึดอัดใจในตอนนี้ทำให้อาหารตรงหน้ากลายเป็นอากาศสำหรับผม ใช่!! ผมอึดอัดใจ บนโต๊ะอาหารมี พี่ราล์ฟ พี่ลลิน พี่อันเดรียและพี่ชิโน นั่งร่วมทานอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าพี่ชิโนและพี่อันเดรียมีความสนิทกับพี่ราล์ฟมากแค่ไหนเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่การ์ดคนอื่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชิโนและพี่อันเดรียก็ยังทำตัวเคารพพี่ราล์ฟอย่างไม่มีบกพร่อง ผมหันไปมองหน้าพี่ราล์ฟ เมื่อพี่ลลินตักอาหารให้และต้องชำเลืองมองพี่อันเดรียอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกผมที่มองพี่ราล์ฟกับพี่ลลินในตอนนี้ต่างจากเมื่อคืน ต่างกันจนผมอยากจะก้มหัวแล้วตะโกนลงไปในโอ่งแดงว่ามันเรื่องเชี่ยอะไรกันเนี่ย!!! WTF!!
เมื่อคืนห้องที่ผมนอนคือห้องนอนพี่ราล์ฟ ฟังแบบนี้เหมือนผมกับเขาจะนอนด้วยกัน ใช่ที่ไหนเล่า!! เมื่อคืนผมขึ้นมานอนได้สักพักแต่หลับไม่ลงหลับเพราะอาการปวดหน้าท้องที่เริ่มแผลงฤทธิ์ ทำให้ผมนอนกระสับกระส่ายจนพี่ราล์ฟที่เข้าห้องตามหลังผมมาห่างกันไม่กี่สิบนาทีต้องฉีดยาแก้ปวดให้ หลับไปได้สักพักก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความหิวหันไปมองข้างๆใจผมก็วูบโหวงขึ้นมาซะเฉยๆ เมื่อมันว่างเปล่า พี่ลลินอาจจะยังไม่กลับ พี่ราล์ฟกับพี่ลลินคงกำลัง… แค่คิดความรู้สึกตรงอกขณะนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าอาการปวดที่หน้าท้องผมซะอีก ลุกขึ้นจากเตียงเมื่ออาการแสบท้องจากความหิวเริ่มประท้วง เห็นแสงไฟจากห้องข้างๆลอดผ่านช่องประตูออกมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่ค่อยมีอยู่ในตัวผมแต่ ณ ตอนนี้มีอยู่ท่วมท้น ผลักประตูเข้าไปด้วยมืออันสั่นเทา ทรุดเข่าอยู่หน้าประตูกับภาพเบื้องหน้า พี่ราล์ฟ...นั่งถอดเสื้ออยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองหนังสือและเอกสารมากมาย ใบหน้าหล่อเคร่งขรึมจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าด้วยใบหน้าอิดโรย เคาะหน้าผากตัวเองหนึ่งทีกับความคิดสัปดนของตัวเอง เขาเป็นแฟนกันถ้าคืนนี้จะอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลก แต่...เมื่อเห็นพี่ราล์ฟนั่งทำงานอยู่คนเดียวความรู้สึกมัวๆ แย่ๆของผมก็หายไป ยอมรับว่าผมดีใจ… ผมมันบ้า
ลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ กับตัวเองว่าหิวขนาดที่แข้งขาอ่อนลงไปกองหน้าประตูอย่างนั้นได้อย่างไร หันหลังกลับเดินลงไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน อยู่ๆก็มีความรู้สึกอยากอาหารมากกว่าเดิมขึ้นมาหลายเท่า ก่อนหน้าพี่ชิโนบอกมีอาหารแช่แข็งในตู้เย็นนี่ บอกที่ซ่อนผมขนาดนี้แสดงว่ากินได้ เสร็จผมล่ะ! ขาชะงักหยุดเดินเมื่อผมคิดถึงใครบางคนที่นั่งทำงานอยู่ข้างบน ตีสามแล้วพี่เขายังไม่นอนเลย ผมไม่ค่อยเห็นพี่ราล์ฟพักผ่อนหรือนอนหลับเลยทำงานและเรียนตลอดเวลา เหนื่อยแย่เลย ทำตัวอย่างกับเป็นหุ่นยนต์ เอาอะไรไปให้พี่เขากินดี? กาแฟดีไหม เฮ้ย แดกตอนนี้จะนอนตอนไหน พี่เขากินข้าวหรือยังนะ ก่อนหน้าก็เห็นกินแค่เหล้า เป็นหมอที่ไม่ดูแลสุขภาพเอาซะเลย
โครม!!
เสียงของหล่นระเนระนาดดังออกมาจากห้องที่พี่ราล์ฟเรียกว่า'ห้องประชุม'ขณะผมกำลังเดินผ่าน ด้านนอกที่ผมยืนอยู่ปิดไฟเกือบหมดมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่เปิดไว้ตามทางเดินและห้องประชุมขนาดย่อส่วนที่เปิดสว่างโล่ ผมหันกลับไปมองตามเสียงแทบจะทันที ประตูห้องประชุมไม่ได้ปิด !!!? ตาสองข้างผมแทบถลนออกนอกเบ้าเมื่อเห็นใบหน้าสวยของพี่ลลินเต็มไปด้วยคราบน้ำตา กำลังจูบพี่อันเดรียที่ยืนนิ่งเป็นหินไม่ไหวติง ไม่ผลักออกแต่ก็ไม่ตอบสนอง...
"คนใจร้าย คนไม่มีหัวใจ!!!"
"...."
"ลินไม่ดีตรงไหน ฮือๆ ไอ้คนบ้า!!" พี่ลลินผละจูบออกตะโกนใส่หน้าพี่อันเดรียด้วยเสียงสะอื้นก่อนมือเล็กจะผลักพี่อันเดรียจนเซแล้ววิ่งออกมาทั้งน้ำตา ผมรีบวิ่งหลบเข้าไปในครัวอย่างคนไม่มีสติ ที่วิ่งมาได้คือสัญชาตญาณล้วนๆ และนี่เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่ผมไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้าน เผือกแล้วเอาตัวไม่ค่อยรอดอ่ะครับ
หมับ!
"โอ๊ยๆๆ พี่! ดึงแก้มผมทำไม" ผมหันไปเหวใส่ไอ้พี่หมอสายแดกเหล้าสูบบุหรี่แต่ดันมุ้งมิ้งไว้ผมยาว มือใหญ่ดึงแก้มผมให้หันกลับไปหาเจ้าของมือ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเกือบหยิกก็ได้ ไม่รู้ว่าแอบแค้นอะไรผมนักหนา เมื่อคืนผมก็ทำหน้าที่เป็นผู้อาศัยที่น่าร้าก ชงโกโก้ร้อนไปให้กินถึงจะใส่น้ำเยอะจนมันจืดก็เถอะ ผมชงใส่แก้วทรงเบียร์อ่ะครับมันใหญ่ดี กลัวพี่เขาไม่อิ่ม และก็พึ่งได้สติจากแรงดึงแก้มว่าตัวผมเองนั่งถือช้อนค้างจ้องพี่สุดหล่อหัวทองตาไม่กระพริบ
"เอ่อ อะแฮ่มๆ ขอโทษครับ พอดีผมกำลังฝึกนั่งนิ่งๆให้เป็นคนเรียบร้อย ฮ่าๆ" หันไปขอโทษพี่อันเดรียซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นหุ่นยนต์เหมือนเดิม
"น้องฤกษ์มองขนาดนี้คงไม่ได้ปิ๊งพี่อันเดรียใช่ไหม?"
เคร้ง
" ไม่!!! เอ่อๆขอโทษครับ ไม่ใช่ครับ" มือไม้อ่อนจนทำช้อนร่วงเสียงดังพร้อมกับร้องด้วยสีหน้าแตกตื่นเหมือนตดในลิฟท์แล้วมีคนจับได้ เมื่อพี่ลลินเท้าคางถามด้วยท่าทางหยอกล้ออย่างน่ารัก!! อย่า อย่ามาล้อเล่นอย่างนี้นะเว้ยข้าวจะติดคอผมตาย
"ไม่มีพิรุธเลยนะเราน่ะ ทานเยอะๆนะน้องฤกษ์ของอร่อยทั้งนั้นเห็นเรากินแล้วพี่เจริญอาหารมาก" พี่ลลินแซวผมก่อนจะเหล่มองพี่อันเดรียแว๊บหนึ่งแล้วทานข้าวต่อ เฮ้ยๆ พี่มึงเห็นไหมๆเมื่อกี้พี่ลลินเหล่พี่อันเดรียด้วย พี่มึงนอกจากมีเขางอกแล้วหลังก็จะหักแล้วนะ!!! หันไปทำสีหน้าแตกตื่นทางพี่ราล์ฟที่กำลังกินกาแฟดำและอ่านอะไรในแท็บเล็ตอยู่ ผมยื่นหน้ายักคิ้ว จึ๊กๆ ถามทางสายตาว่าพี่มึงเห็นไหมๆเมื่อกี้ แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบและสายตาอำมหิตมาแทน คล้ายบอกว่า เห็นกูไหมว่าไม่ว่างแดกไปเงียบๆ โถ่ววว ไม่หน้าโง่เลยพี่กู แล้วแต่เลยนะผมไม่ยุ่งละ กูเหนื่อยมากบอกเลย
"น้องฤกษ์รู้จักกับราล์ฟนานแล้วเหรอแลดูสนิทกันจัง" พี่ลลินถามขึ้น
"ไม่นานครับรู้จักกันตอนเตะบอลอ่ะครับ" หลังจากแดกอะไรต่อมิอะไรเต็มลำไส้ผมก็ต้องมาจบที่...อื้อหือ ไอ้ขนมปังจุ่มชีสร้อนๆในหม้อเล็กๆนี่อร่อยฉิบหาย เกิดมาไม่เคยกินเทราดลงไปบนขนมปังเลยได้ไหมทำไมต้องจุ่มให้เสียเวลาแดก
"พี่ ตักราดได้ไหมอ่ะ" หันไปถามพี่ชิโนที่นั่งกินเงียบๆอยู่ข้างๆผมอย่างเกรงใจเพราะไม่มีใครตักราดเหมือนผม
"ได้ครับ" พี่ชิโนเอื้อมขยับหม้อชีสร้อนๆมาให้ผมและตักชีสราดบนขนมปังชิ้นลูกเต๋าลงในถ้วยให้ เมื่อเห็นว่าผมยังงงๆกับช้อนข้างตัวที่มีหลายขนาดซะจนลังเลว่าจะหยิบอันไหนตักดี น่าร้ากกก
"อย่างนี้เราต้องพิเศษกับราล์ฟยังไงเอ่ย ถึงได้เข้ามาในเขตพื้นที่ส่วนตัวอย่างนี้" แหนะ ถามซะชีสกูลวกปากเลย ใครบอกให้ถามแบบนี้ตอนกินฮะพี่ลลิน
"ไม่หรอกพี่ พี่น้องกันครับ" ผมตอบอย่างจริงใจ แต่รักแร้กูเปียกแล้วเนี่ย ผมจะไม่สวมเขาให้พี่แน่นอนครับ!!!
"จริงเหรอคะราล์ฟ" พี่ลลินหันไปเอานิ้วชี้เคาะไหล่พี่ราล์ฟที่กำลังนั่งอ่านข่าวเงียบๆในแท็บเล็ตอยู่ เอิ่ม แล้วทำไมผมต้องมองพี่อันเดรียอีกแล้ววะกู
"อิ่มแล้วก็กลับได้แล้ว ไม่มีเวรขึ้นวอร์ดหรือไง" พี่ราล์ฟปัดมือพี่ลลินที่จิ้มไหล่อยู่ออก อ่า หยาบคายฉิบเป๋งเลยไอ้พี่คนนี้
"วันนี้วันหยุดลิน แต่วันนี้ราล์ฟน่าจะมีนะคะเมื่อวานก็เห็นออกเวรกระทันหันเส้นไม่ใหญ่จริงคงทำไม่ได้"
"ฮะ!!? วันนี้มีเรียน!! พี่ราล์ฟแปดโมงแล้วผมต้องไปเรียน" ผมร้องอย่างตกอกตกใจที่นึกได้ พี่หมอเขายังไปเรียนกันเลย ตายๆผมจะไปทันไหมชุดอะไรก็ไม่มี
"วันนี้วันเสาร์เราไม่มีเรียน ส่วนพวกพี่เรียนไม่เหมือนเรา"
พี่ราล์ฟบอกผมพร้อมกับวางแท็บเล็บลง เอาส้อมตัวเองมาจิ้มขนมปังราดชีสในถ้วยผมที่แทบล้นไปกินหน้าตาเฉย อ่า วันนี้วันเสาร์วันหยุดผม เฮ้อ ฟังพวกพี่หมอคุยจนหลอน โล่งอก ว่าแต่ว่าวันหยุดผมอยู่กับพี่ราล์ฟอีกแล้วเหรอวะ
"งั้นลินกลับก่อนนะ พอดีมีธุระกับคุณพ่อ" พี่ลินลุกขึ้นเมื่อก้มมองนาฬิกาหรูที่ข้อมือตัวเอง ร่างสวยเดินมาหาผมที่กำลังนั่งกินขนมปังคลุกชีส มือสวยบีบแก้มข้างหนึ่งผมเบาๆอย่างหมันเขี้ยว เอ่อ ผมมหาลัยแล้วครับไม่ใช่อนุบาลหอยน้อย
"พี่กลับก่อนนะน้องฤกษ์ คงได้เจอกันบ่อยขึ้น" พี่ลลินพูดพร้อมกับโปรยยิ้มหวาน และก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบาๆให้ได้ยินกันสองคน
"เมื่อคืนนี้พี่เห็นเรานะ แอบดูผู้ใหญ่คุยกันไม่ดีเลย"
แว้กกกกกกกกกกกกก กูเอาตัวไม่รอด
"เมื่อไหร่จะเลิกซน"
พี่ราล์ฟที่กำลังนั่งพิมพ์งานในโน็ตบุ๊คบนโต๊ะข้างสระว่ายน้ำบ่นผมที่เดินไปเดินมารอบสระว่ายน้ำ เมื่อยก็กลับมานั่งเก้าอี้นอนใกล้ๆพี่ราล์ฟแล้วก็กลับไปเดินต่ออีกหลายรอบ
จึ๊กๆ
เอาวะ ตัดสินสินจิ้มนิ้วไปบนไหล่แกร่ง พี่ราล์ฟหยุดมือที่กำลังทำงานบนโต๊ะ หันมาหาผมพร้อมกับนั่งไขว่ห้างกอดอกมองผมนิ่งๆบนเก้าอี้
"ไหนว่ามาซิ ถ้ากวนพี่เฉยๆระวังตัวให้ดี"
"ผมมีอะไรจะถามอ่ะ" เงยหน้ามองพี่ราล์ฟที่นั่งเก้าอี้สูงกว่าอย่างกล้าๆกลัวๆ ถามได้ไหมนะ
"พี่กับพี่ลลินเอ่อ...คือ คบกันนานแล้วเหรอ"
"รู้จักกันตั้งแต่เด็กแม่พี่กับแม่เขาเป็นเพื่อนกัน" อ่า อย่างงั้นเหรอ อย่างงั้นเหรอ เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสดใสอยู่เลยทำตอนนี้มันหม่นๆจังวะ ไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะยอมตอบ
"พี่คงรักพี่ลลินมาก" ถ้าพี่โดนหักหลังคงเจ็บแย่
"....."
"ไม่เป็นไรนะพี่" ยกมือไปตบไหล่พี่เขาเบาๆอย่างลืมตัว
"คิดอะไรอยู่ หืม" พี่ราล์ฟลูบผมผมเบาๆถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"กลัวพี่เสียใจถ้า ถ้า ต้อง…."
"เราเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เกิด"
"...." ทำไมตัวชาขนาดนี้
"พี่ถอนหมั้นตอนอายุสิบห้า"
"...." เหมือนน้ำตาจะไหล
"สำหรับลลินกับพี่เราไม่เคยเป็นอะไรกันแต่สำหรับคนนอกที่มองมาเราคือแฟนเก่า"
"...." อยากอาหารอีกแล้ว เอื้อมมือหยิบขนมบนโต๊ะมากินและนั่งฟังด้วยหัวใจที่พองโตอย่างห้ามไม่อยู่
"สำหรับพี่ ลลินก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญแต่ตัดไม่ได้เพราะรู้จักกันมานาน สำหรับลลินพี่เป็นแค่เครื่องมือเอาไว้เข้าหาใครอีกคน เลิกคิดมากได้แล้ว เวลาคิดมากเรามันน่ารักจนอยากทำให้ช้ำคามือ"
"ไอ้พี่!!! พูดบ้าอะไร ใครคิดมาก บ้าบอว่ะ ผมก็แค่ห่วงกลัวพี่โดนสวมเขา" ผมยกมือดันพี่ราล์ฟออกเมื่อพี่เขาคว้าเอวผมเข้ามาใกล้ๆ
"งั้นเหรอ นึกว่าเมื่อคืนไปเห็นอะไรมาเห็นหน้าซีดๆ"
"เปล๊าาาา ไม่มี๊" พูดได้ไม่ได้ไม่รู้แต่เงียบไว้ก่อนเดี๋ยวเจ๊มาตบทำไงอะ
"เรื่องเป็นงี้เหรอ ผมเห็นพวกพี่ชอบกอดชอบจุ๊บกันบ่อยๆนึกว่าแฟนกัน"
"เราโตที่เมืองนอกถึงจะคนละประเทศกันก็เถอะ เลยติดวัฒนธรรมมา ไม่ชอบเหรอ" พี่ราล์ฟเลิกคิ้วถาม
"ทำไมผมต้องไม่ชอบ แค่อยากรู้ อยากรู้เฉยๆ" ก็อยากรู้จริงๆอ่ะ แต่ไม่อยากรู้เฉยๆ อยากรู้มากๆจนจะบ้า
"มีเราแค่คนเดียวพี่ก็แทบบ้าแล้ว" ผมชะงักกับคำพูดพี่ราล์ฟหน้าร้อนวูบจนแทบไหม้ ตาคมสบผมนิ่งก่อนจะค่อยๆก้มลงมา….
"กลางแจ้งเลยเหรอ อายฟ้า อายดิน อายบอดี้การ์ด และแขกด้วย!!" เสียงพี่หมอแข่งตะโกนเข้ามา ผมสะดุ้งผลักพี่ราล์ฟออกอย่างตกใจ พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆลุกไปนั่งทำงานต่อ ผมตีมึนนั่งแดกขนมต่อหน้าตาเฉย เมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย
"มาทำไม" พี่ราล์ฟถามเสียงเรียบ
"ขึ้นวอร์ดบ่ายพร้อมกันเลยแวะรับ แต่ดูท่าคงอยากไปเองมากกว่า" พี่แข่งตอบพี่ราล์ฟแต่หันมายักคิ้วให้ผมและหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้นอนข้างๆผม ตัวอื่นมีเยอะแยะไมไม่นั่งวะ
"เป็นไงบ้างครับน้องฤกษ์ เมื่อวานพี่ได้ข่าวว่าเราไปซน ไม่เจ็บตัวใช่ไหมครับ" ไอ้เชี่ย!!! กูแทบตาเหลือกกับแฟชั่นของพี่รอน กางเกงขายาวลายดอกสีชมพู รองเท้าแตะคิตตี้ เสื้อยืดสีขาว กับหมวกปีกกว้างที่แทบจะกางเป็นร่มได้อยู่แล้ว พี่มึงควรไปอยู่กับพี่รหัสกู
"ไม่ครับ ไม่มีอะไรเลย" ผมตอบพลางยัดขนมเข้าปากแก้เครียด กูอยากกลับบ้านแล้วน้องผมเป็นห่วงแย่ (หวังให้มันห่วงจริงๆ)
"แล้วทำไมมาอยู่กับราล์ฟมันได้ นี่คบกันเหรอ" พี่แข่งถามได้เชี้ยมาก
"คบไรวะพี่ บ้าบอ พี่น้องกัน" ตอบปากคอสั่น
"อ้อเหรอ พี่น้องกันแต่จูบกันได้ด้วย" เกลียดสีหน้าพี่แข่งว่ะ
"ไม่มีเหอะตาฝาดแล้ว" พูดมากยัดขนมใส่ปากแม่งเลย พี่มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแดกหน้าตาเฉย หน้ามึนกว่าผมก็ไอ้พี่แข่งเนี่ยล่ะ
"ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว จะไปเอง" ไล่เลยพี่ราล์ฟ ไล่ไปเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสนับสนุนนิสัยหยาบคาย ไล่ไอ้พี่รอนไปด้วยตอนนี้แม่งนั่งส่องกล้องส่องทางไกลมาที่หน้ากูเนี่ย
ตุ้บ
"เฮ้ย!! ห้ามกิน"
"ทำไม ไม่ได้ตกพื้นสักหน่อยแค่ตกถึงเก้าอี้เอง"
"ไม่ได้!!" ผมห้ามเสียงหลง จับข้อมือพี่หมอแข่งที่กำลังเอาขนมที่ตกลงบนเบาะเก้าอี้ใส่ปาก
"ก็จะกิน" เริ่มฉุดกระชาก
"พี่ก็เอาชิ้นใหม่ดิ ในจานมีอีกเยอะแยะ" ยังไม่ยอมปล่อยให้กิน
"แล้วทำไมชิ้นนี้ไม่ได้" พี่หมอแข่งเริ่มจะแดกหัวผม
"ของกินที่ตกจากมือเราแสดงว่าเขาอยากกินด้วย"
"ใคร?"
"วิญญาณไง เอาให้เขากินเถอะ"
"ห๊ะ!!!"
●ช่วงนี้นักเขียนจะยุ่งๆหน่อยนะคะเพราะที่ทำงานเพิ่งเปิดหลังจากปิดมาสองเดือน เนื่องจากผลกระทบโควิด19 จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ขออภัยในความล่าช้านะคะ
●ขอให้นักอ่านมีสุขภาพที่แข็งแรงกันทุกคนนะคะ