ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65809 ครั้ง)

ออฟไลน์ akashita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ลุ้นมากอะค่ะ
น้องกุมภ์หนูกลับมาหาพี่เขาทำไมลูกกกกก ไดแต่หวังว่ากระสุนที่ยิงไปจะโดนจุดสำคัญมั่ง

รอเลยค่า รอทั้งตอนต่อไป และรอทั้งรูปเล่ม พร้อมเปย์ บอกเลย อิอิ

ออฟไลน์ yaoigirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยย มาห่วงอะไรตอนนี้กุมภ์ หนีปายหนีปายย ออกจากป่าก่อนค่อยห่วงงง

ออฟไลน์ Philosophy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
กุมภ์หนีป๊ายยยย

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หัวใจจะวายกะตอนนี้​ ลุ้นจนเกร็งไปหมดแล้ว
พี่โหรเราสุดยอดมาก​ เก่งสุดๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
กุมภ์มาทำไมเนี่ย กรี๊ดด ลุ้นมากค่ะ ฉากบู๊อย่างกับในหนัง

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตัดจบได้ร้องโอย อยากอ่านต่ออีกแล้ว
ลุ้นพี่โหรอย่างแรง

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ยอมกุมภ์เลย กลับมาช่วยโหรอีก
ตอนนี้สนุกมากค่ะ พะบู๊สุด
เอาใจช่วยโหรให้รอดเท้อออ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โอ้ย ใจเต้น ตุ่บตั่บ ลุ้น มาก รอ จ้า ^^

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คนดี ถึงจะเคยทำพลาดแต่ก็ไม่ทำอีก
หวังว่า สองนัดหลังจะช่วยโหรกับกุมภ์ได้นะคะ

เราลุ้นมาก ใจเต้นตลอดเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ลุ้นมาก ใจตุ้มๆต่อมๆตลอดเลย

ออฟไลน์ sawangpong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนอ่านถึงตอนกุมภ์โผล่มานี่แทบอยากจะกระชากนางออกมาตบสั่งสอนว่ากลับมาทำไม​ แต่พออ่านถึงตอนจบที่โหรบอกให้กุมภ์วิ่งตรงๆก็ค่อยหายอยากตบนางหน่อยเพราะอย่างน้อยก็มีประโยชน์มาเป็นเหยื่อล่อเสือให้ยิงปืนง่ายขึ้น


ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ลุ้นทุกตัวอักษร อ่านแล้ว กลัวจบตอน จบจริงด้วย รู้สึกอยากอ่านต่อแว้ววว

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อ่านแล้วลุ้นตัวโก่งเลย มาต่อเร็วๆนะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กุมภ์มาทำอะไรเนี่ย :m16: :m31: สนุกมากๆเลยค่ะ ลุ้นมากๆ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ถึงจะยังไม่นานแต่ก็มารอพี่โหรช่วยน้องกุมภ์นะคะ

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อยากอ่านใจจะขาดแล้วจ้าาา

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
*มาแล้วจ้า ยังไม่ตายแค่บาดเจ็บที่หัวเข่านิดหน่อย 5555*


ตอนที่ 14 กระสุนนัดสุดท้าย

            โฮก!

                กระสุนทั้งสองนัดพุ่งเจาะที่กลางลำตัวเข้าอย่างจัง ไอ้บอดเสียหลักล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ส่วนกุมภ์วิ่งไปก็ปิดหูไป ปากก็ร้องด้วยความหวาดกลัว ถึงจะเป็นเวลากลางคืนและอยู่ในระยะไกลร่วมห้าสิบเมตร แต่ก็ยังเห็นว่ากุมภ์ทั้งเหนื่อยและหวาดกลัวมากแค่ไหน

                บ้าเอ๊ย! กลัวขนาดนั้นจะแล้วกลับมาทำไม!

                โหรลดระดับปืนลง เท้าเกาะเกี่ยวกิ่งไม้เหนียวแน่น หวังใจว่ากระสุนอาคมสองนัดนั้นจะหยุดไอ้บอดได้ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ร่างของครึ่งเสือครึ่งผีกระเสือกกระสนดิ้นรนบ้าคลั่งจนต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นราบไปหมด เสียงร้องของมันที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานดังก้องป่า ฟังแล้วน่าขนลุกพิลึก โหรสาบานว่าชั่ววูบหนึ่งมีเสียงร้องคล้ายมนุษย์ปะปนมาด้วย เลือดสีแดงเข้มไหลนอง กลิ่นคาวจัดโชยมาถึงบนยอดไม้ ไม่นานร่างของไอ้บอดก็ค่อยๆ สงบ จนกลายเป็นแน่นิ่งในที่สุด

                โหรแทบจะถอนหายใจ แล้วรีบปีนลงจากต้นไม้ทันที สองเท้าเปลือยก้าวไปเบื้องหน้า ไม่กี่ก้าวก็หยุดอยู่ข้างไอ้บอด เขายกกระบอกปืนในระดับเตรียมยิงอีกครั้ง มองหาจุดผิดสังเกต หากมันกระดิกตัวเพียงสักนิดเขาจะซ้ำทันที แต่ที่ยังไม่เหนี่ยวไกในตอนนี้เพราะกระสุนนัดสุดท้ายนี้มีค่านัด เขาไม่อยากเสียมันไปโดยไม่จำเป็น

                “ตะ...ตายแล้วเหรอ”

                กุมภ์ถามเสียงสั่น โหรเหลือบตามอง โดยที่ปืนยังไม่ได้ลดระดับลง แต่เพียงแค่นั้นก็เห็นใบหน้าขาวซีดไม่ต่างจากระดาษ เหงื่อผุดพรายเต็มหน้า ร่างติดผอมหอบโยน เขาไม่ได้ให้คำตอบเพราะยังไม่แน่ใจว่ามันตายหรือยัง

                ทั้งคู่เงียบสนิท เฝ้ามองอากัปกิริยาของไอ้บอดอยู่นานหลายนาที แต่ร่างของมันสงบนิ่งไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนไหว แม้แต่จังหวะการหายใจก็นิ่งสนิท โหรใช้เท้าเตะไปที่ลำตัวของมัน ก็ไม่เคลื่อนไหว กล้ามเนื้อดูเหมือนจะหดเกร็ง แต่ยังอุ่นซ่านเพราะเพิ่งจะผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

                “ผมว่ามันตายแล้วล่ะ” กุมภ์ออกความเห็นพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก อาการเหนื่อยหอบลดลงไปมาก ใบหน้าขาวสะอาดกลับมามีสีเลือดอีกครั้ง “คุณยิงแม่นจัง”

                โหรไม่ได้กระหยิ่มกับคำชม แต่ก็เบาใจลงไปมาก ไอ้บอดสิ้นฤทธิ์เสียที เขาลดปืนลงรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกรถสิบล้อทับมาไม่มีผิด แขนขาดูเหมือนจะอ่อนเปลี้ยลงในพริบตา คาถาลิงลมที่เรียกใช้จางลง เลือดร้อนผ่าวเมื่อครู่ลดระดับจนกลายเป็นปกติ เช่นเดียวกับจังหวะหัวใจ โหรหันหน้ากลับไปมองอีกคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัว ทั้งที่ควรจะอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ

                “กลับมาทำไม” โหรถามเสียงเครียด สีหน้าของกุมภ์ดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตอบกลับมาเสียงอ่อย

                “ผม...เป็นห่วงคุณ”

                ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘เป็นห่วง’ มันก็เหมือนพองฟูขึ้นเหมือนลูกโป่ง แสงจันทร์น้อยนิดแต่ก็มากพอที่จะเห็นริ้วแดงบนแก้มขาวของหนุ่มเมืองกรุง โหรตีหน้าขรึม บ่นให้ได้ยินว่าไม่เข้าเรื่อง

                นานจนพอจะวางใจได้ โหรเลยลงความเห็นว่าไอ้บอดน่าจะตายแล้วจริงๆ กุมภ์เดินวนไปรอบๆ ร่างนิ่งสงบของเสือกึ่งผี มันยังคงรักษารูปร่างของเสือเอาไว้ ขนหยาบลายพาดกลอน หนวดสีขาวยาว ใบหูของมันใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ กุมภ์อุทานอยู่หลายคำ พึมพำว่าจะถลกหนังมันไปขายให้กับพวกนักการเมืองน่าจะได้เงินไม่น้อย โหรแอบขำกับความคิดนั้น และก็เชื่อเหลือเกินว่าถ้าปู่ยังอยู่คงติดไม่ต่างจากกุมภ์ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เขาฆ่าไอ้บอดเพราะมันอันตราย อีกอย่างค่าจ้างที่ได้รับในครั้งนี้ก็มากพอที่จะดำรงชีพได้นานอีกหลายเดือน

                โหรชวนกุมภ์ออกจากบริเวณนี้ ถามไถ่ถึงที่ซ่อนตัวรชต จ้าวจอมทำหน้าที่ได้สมกับความไว้วางใจ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็หาตัวรชตเจอ น่าแปลกตรงที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ก็มาสำรวจแถวนั้นแต่ไม่พบอะไรเลย คงเป็นเพราะคราวนี้ผีพิกุลเปิดทาง เปิดตาให้ด้วยกระมัง

                “ไอ้ชตหิวโซเลยล่ะ ผอม ตาลึกโบ๋ มันบอกว่ากลัวมาก ทุกอย่างรอบตัวมืดไปหมด แล้วมันก็ได้เห็นภาพในอดีตด้วยล่ะ แต่ผมไม่ทันฟัง พอได้ยินเสียงปืน ผมก็วิ่งมาเลย” กุมภ์คุยจ้อ ท่าทางผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา “ผมคิดว่าตรงนั้นปลอดภัยแล้ว แต่คุณยัง” เสียงของกุมภ์หายไปในลำคอ “ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เป็นห่วงคุณขึ้นมา เฮ้ย!”

                กุมภ์อุทานเสียงดัง เป็นจังหวะเดียวกับที่โหรหันไปด้านหลังพอดี ร่างดำมึนของสัตว์ป่าตัวใหญ่พุ่งเข้าใส่ โหรล้มหงายหลัง ขาทั้งสี่ย่ำอยู่บนตัว น้ำลายเหนียวยืดเหม็นคลุ้งหยดใส่ใบหน้า ปืนในมือกระเด็นหล่นไม่รู้ทิศรู้ทาง

                กรร!

                ไอ้บอดคล้ายกับแสยะยิ้ม โหรเห็นใบหน้าของตาเวกซ้อนทับแม้จะเพียงเศษเสี้ยววินาทีก็ตาม โหรพยายามควบคุมจังหวะหัวใจ เรียกสติที่กระเจิงหายให้กลับคืน เจ็บแปลบที่มือทั้งสองข้างเพราะกรงเล็บของมันจิกทับเอาไว้ เชื่อเหลือเกินว่าถ้าไอ้บอดโจมตีเขาคงต้องตายใต้ร่างของมันเป็นแน่

                “ไอ้บอด!”

                “ไอ้บอด! ไอ้เสือผี มึงอย่าทำอะไรคุณโหรนะโว๊ย!”

                เสียงเรียกของกุมภ์ที่ตะโกนลั่นไม่ได้ดึงความสนใจของไอ้บอดสักนิด จนคำสุดท้ายหัวอันใหญ่โตของมันถึงได้ผินหันไป

                “ตาเวก! ไอ้แก่หนังเหี่ยวเอ๊ย”

                โฮก!

                ไอ้บอดขู่คำถามราวกับกำลังหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ หินก้อนไม่เล็กถูกปามาจากอีกฝั่ง บางก้อนกระทบกับลำตัวใหญ่หนาของเสือครึ่งผี บางก้อนก็ตกลงพื้น ขนาดของก้อนหินใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนโหรยังต้องหดคอหลบ ไอ้บอดดูหงุดหงิดขึ้นทุกที มันส่ายหัวเบาๆ จมูกพ่นลมหายใจเหม็นสาบแรงๆ อยู่หลายครั้ง จนหินก้อนสุดท้ายตกใส่กลางศีรษะของมันพอดี

                โฮก โฮก!

                เสียงคำรามดังขึ้นถึงสองครั้ง ก่อนที่มันจะเอี้ยวตัวกลับไปหากุมภ์ มันแยกเขี้ยวคำรามใส่ กุมภ์กลัวจนตัวสั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วิ่งหนีไปไหน ทั้งที่ทำได้

                โหรกัดฟันแน่น ปลายเล็บแหลมไม่ต่างจากใบมีดกรีดลงบนผิวเนื้อ เขาพยายามดึงข้อมือออกเพราะการเอี้ยวตัวของไอ้บอดทำให้กรงเล็บของมันเคลื่อนไปเล็กน้อย โหรรู้สึกถึงเนื้อที่ฉีกขาดของตัวเองพร้อมกับอิสระที่ได้รับ ชายหนุ่มอาศัยจังหวะเพียงน้อยนิดหันศีรษะมองหาปืนคู่ใจ มันตกอยู่ไม่ไกลปลายนิ้วนัก แต่เขาไม่อาจขยับตัวได้เพราะนั่นจะทำให้ไอ้บอดฆ่าเขาเร็วขึ้น

                โหรแทบจะกลั้นใจขยับยืดมือให้ได้ไกลที่สุด ปลายนิ้วค่อยๆ แตะไปบนพื้นชื้นแฉะ กระทั่งสัมผัสได้ถึงวัตถุเย็นเยียบ

                โฮก!

                ไอ้บอดส่งเสียงคำราม มันเลิกสนใจการก่อกวนของกุมภ์ ริมฝีปากใหญ่อ้ากว้าง เขี้ยวขาววาวับอยู่ห่างไม่ถึงฟุต โหรหลับตาแน่น หัวใจเต้นโครมคราม

                ไม่เหลือโอกาสให้อีกแล้ว

                ปัง!

                กระสุนอาคมนัดสุดท้ายพุ่งใส่ไปอย่างไร้ทิศทาง ควันสีขาวลอยโขมง กลิ่นเหม็นไหม้อยู่ใต้จมูก โหรหลับตาแน่น เสียงดินปืนระเบิดแตกในแก้วหู เขาได้ยินแค่เสียงวิ้ง แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก กลายเป็นคนหูหนวกทันที ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน ขณะที่หัวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้ มือทั้งสองเปียกชุ่มแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ปล่อยให้ไรเฟิลให้หลุดไป

                นานชั่วอึดใจ โหรถึงได้เปิดตาขึ้น ร่างของไอ้บอดล้มหงายไปด้านหลัง ร่างมันกระตุกอยู่สองสามครั้งและแน่นิ่งไป โหรยันกายขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล การได้ยินยังไม่ทำงาน ร่างสูงใหญ่เดินโซเซไปยังศัตรู ลูกกระสุนนัดสุดท้ายพุ่งเข้าไปในปากของมัน ทะลุไปลำคอด้านหลัง เลือดสีแดงข้นไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก ดวงตาของไอ้บอดเหลือกค้าง อ้าปาก ลิ้นห้อยตกลงมา อีกอึดใจต่อมา ร่างของเสือก็กลับกลายเป็นชายชรา ร่างผอมเกร็ง เส้นผมขาวโพลน เนื้อตัวเปลือยเปล่า สภาพไม่น่าชมสักเท่าไร

                “ตะ..ตาเวก” เสียงที่หลุดออกมาไม่ใช่ของโหร หากแต่เป็นของกุมภ์ เด็กหนุ่มเมืองกรุงตัวสั่นเทา ก้าวมาหยุดข้างๆ โหร มือยกเกาะท่อนแขนของโหรคล้ายไม่รู้ตัว “มะ มันตายแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

                “ใช่...สำหรับไอ้บอด” โหรบอก การได้ยินกลับคืนมาทีละน้อย จากประสบการณ์ทำให้ไม่อาจเชื่อได้ว่าตาเวกตายแล้วจริงๆ เพราะร่างกายยังคงสมบูรณ์ไม่แห้งเหี่ยวหรือเน่าสลาย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าตาเวกไม่ใช่ผู้อยู่ยงคงกระพัน หากแต่ผีร้ายในร่างมนุษย์แล้วต่างหาก แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ไม่กี่วินาทีหลังตั้งข้อสงสัย ดวงตาน่าเกลียดก็เปิดขึ้น

                ร่างผอมเกร็งของชายชราทำท่าจะยันกายลุก แต่โหรใช้เท้าเหยียบหัวไหล่เอาไว้ ปลายกระบอกปืนจ่อชี้ไปที่ใบหน้าเหี่ยวย่น ริมฝีปากดำคล้ำแสยะยิ้ม

                “กู ไม่มีวันตาย”

                “จริงเหรอ” โหรถามกลับ กดน้ำหนักเท้าให้มากกว่าเดิม

                “กระสุนมึงหมดแล้วไอ้เด็กเมื่อวานซืน” ตาเวกหัวเราะหึๆ ในคอ ฟังแล้วขนลุกพิกล

                กุมภ์รู้สึกขนในกายที่ลุกชัน ถึงจะฆ่าไอ้บอดตายไปแล้ว แต่ตาเวกกลับยังอยู่ คิดไม่ออกเลยว่าจะจัดการกับตาแก่น่าเกลียดนี้ได้อย่างไร

                โหรโยนปืนทิ้ง ก่อนจะดึงมีดคู่ใจออกมาจากกระเป๋ากางเกง ตาเวกยิ่งหัวเราะดังกว่าเดิม “ฮ่า ฮ่า มึงคิดว่ามีดกระจอกของไอ้เหมจะทำอะไรกูได้อย่างนั้นเหรอ”

                เท้าใหญ่เปลือยเปื้อนคราบโคลนกดย้ำแน่นที่หัวไหล่ของชายชรามากอาคม รู้ดีว่าลำพังมีดพกติดตัวอันเป็นอีกหนึ่งสมบัติที่ปู่เหมให้ไว้อาจจะทำอะไรตาเวกได้ไม่มากนัก

                แต่ของต่ำ ต้องแก้ด้วยของต่ำ!

                โหรโน้มตัวลง ปักมีดลงแขนข้างซ้ายที่แห้งแบนไม่ต่างจากไม้กระดาน ตาเวกส่งเสียงร้อยโหยหวน น่าแปลกที่มีดจมลงไปจนถึงดิน แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด แล้วอีกไม่กี่วินาทีต่อมาตาเวกก็หยุดร้องเปลี่ยนมาหัวเราะเย้ยหยันแทน

                “ฮ่า ฮ่า มีดกระจอกของไอ้พรานกระจอก ถึงจะแทงกูอีกสักกี่พันครั้ง กูก็ไม่ตายหรอก!”

                “พิกุล! ช่วยที”

                กุมภ์ทำหน้าเหลอหลาเมื่อจู่ๆ โหรก็ตะโกนเรียกผีสาว เช่นเดียวกับตาเวกที่ดวงตาลึกโบ๋มีแววแปลกใจ โหรไม่ให้คำตอบแก่ใครทั้งนั้น ซ้ำยังเคลื่อนฝ่าเท้าห่างออกไป คราวนี้กุมภ์หน้าเสียด้วยเกรงว่าตาเวกจะลุกขึ้นมาทำร้ายใครได้อีก กำลังจะอ้าปากท้วงอยู่รอมร่อ ลมเย็นวูบก็พัดผ่านร่างไป ขนในกายลุกเกรียว มันไม่สายลมหลังฝนตก แต่มันสะท้านยะเยือกมากกว่านั้น

                “อีพิกุล!”

                ตาเวกอุทาน ร่างผอมแห้งยังนอนบนพื้นดินชื้นแฉะ ร่องรอยกระสุนทั้งห้านัดที่โหรฝากไว้ปรากฏตามร่างกาย หากแต่มันเป็นแค่หลุมเล็ก ไม่มีเลือดหรือแผลเหวอะหวะ ไม่ต่างจากมีดที่โหรฝากไว้

                พิกุลมาตามเสียงเรียกของโหร ร่างโปร่งแสงในชุดสีขาวสกปรก เคลื่อนลงหยุดข้างกายของโหร ทั้งสองมองหน้ากันเพียงชั่วประเดี๋ยว โหรขอความช่วยเหลืออีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายวิธีการ ใบหน้าที่บัดนี้กลับคืนสู่สภาพของมนุษย์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวขาคร่อมร่างของตาเวก ตำแหน่งของชายกระโปรงอยู่ตรงหน้าตาเวกพอดี

                “อีพิกุล! อีผีจัญไร! ออกไปให้พันกูเดี๋ยวนี้!”

                “หึหึ” ผีสาวหัวเราะในคอ กุมภ์ถึงกับขนลุกรอบที่สอง เสียงของเธอบาดลึกเข้าไปถึงโสตประสาทชวนให้ขวัญเสีย

                ตาเวกพยายามดิ้นรนจะยันกายลุกขึ้น แต่เพราะถูกมีดของโหรปักที่แขนเอาไว้เลยไม่อาจขยับได้ดังใจ ผีพิกุลแสยะยิ้มจนริมฝีปากฉีกกว้างยาวจนเกือบถึงหู ดวงตากลมโตกลายเป็นสีดำสนิท แล้วหล่อนก็หย่อนตัวลง กระโปรงสกปรกครอบใบหน้าของตาเวกไว้จนมิด

                ผีพิกุลเงยหน้าหัวเราะเสียงแหลมสูงจนสาแก่ใจ ถึงได้ถอยร่างออกห่างจากใบหน้าของตาเวก หล่อนหันมายิ้มให้โหรอีกครั้ง ก่อนจะหายไปในความมืด

                กุมภ์เห็นตาเวกนอนตาเหลือก เลือดสีดำคล้ำไหลออกจากปากและตามบาดแผลที่ได้มาจากกระสุนอาคม กลิ่นคาวของเลือดเคล้ากับกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากศพชวนให้สะอิดสะเอียน กุมภ์รีบยกมือขึ้นปิดจมูก ก้าวถอยหลังห่างออกมาหลายเมตร ไม่นานร่างของตาเวกก็ค่อยๆ ย่อยสลายเหมือนถูกแบททีเรียรุมกินภายในเวลาไม่กี่นาที จนสุดท้ายก็เหลือแค่กองกระดูกเท่านั้น

                “ตายจริงๆ แล้วล่ะ”

                โหรบอก รู้สึกถึงอาการหนักอึ้งในอกที่เบาบางลง แสงแรกของวันเริ่มจับที่ขอบฟ้า เป็นจังหวะเดียวกันกับอะไรบางอย่างคล้ายกับเศษผ้าสีขาวลอยหายลับตาไป...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2019 18:47:57 โดย libra82 »

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5


                รชตถูกพบตัวอยู่ริมลำธารจริงๆ ดังคำของโหร แต่ถูกรายล้อมด้วยกองเศษไม้จนแทบมองไม่เห็น สภาพอิดโรย ใกล้ตายเต็มที เนื้อตัวมอมแมมและเต็มไปด้วยบาดแผล รชตนอนรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้ออยู่หลายวัน โดยมีครอบครัวเฝ้าอยู่ไม่ห่าง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ฟังเรื่องราวอันน่าพิลึกพิลั่นจากปากรชต ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกส่งตัวมารักษาในโรงพยาบาล

                โหรทำหน้าที่ได้เกินค่าจ้างด้วยซ้ำ เงินรางวัลได้ครบหลังจากทั้งห้าชีวิตกลับมาออกมาจากป่าได้สำเร็จ และคนที่บาดแผลมากที่สุดก็คือโหรนั่นเอง ถึงจะมีวิชาอาคมแต่ศึกครั้งนี้หนักหนาเอาการด้วยอีกฝ่ายคืออมุษย์ผู้มากด้วยอวิชา ทั้งรอยกรงเล็บจากไอ้บอด ทั้งรอยไหม้จากการช่วยเหลือพิกุล แผลพวกนี้ไม่ทำร้ายให้สาหัสได้ก็จริง แต่ก็ต้องรักษาอยู่พักใหญ่เลยเดียวกว่าจะหาย

                เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เกิดเรื่องราวเลวร้าย กลุ่มเด็กเมืองกรุงยังไม่กลับบ้าน เพราะยังไม่หมดภาระหน้าที่ พันนาจะต้องทำตามที่รับปากไว้กับพิกุล นั่นคือการบวชอุทิศบุญกุศลให้กับหล่อน พ่อและแม่ของพันนาไม่คัดค้านเรื่องนี้ แถมยังช่วยหาฤกษ์ยามให้ด้วย พันนาต้องบวชเป็นเวลาหนึ่งเดือน และแน่นอนว่ารชตเองก็ต้องบวชด้วยเช่นกัน

                “กูจำอะไรไม่ได้เลย หลังจากที่กูเดินออกมานอกเต็นท์” รชตเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนสนิทฟังอีกครั้ง ใบหน้าขาวสะอาดเริ่มจะมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง “กูทำผิดกับเขามากจริงๆ”

                “เรื่องของชาติที่แล้วก็ช่างมันเถอะ ชาตินี้มึงก็ทำบุญให้เขา เขาจะได้ไปผุดไปเกิดสักที” พันนาตบหัวไหล่รชตเบาๆ อย่างให้กำลังใจ “แม่กูได้ฤกษ์แล้วนะ วันที่ 2 เดือนหน้า”

                รชตพยักหน้ารับรู้ เรื่องที่เพื่อนของตนไปผจญมามันยิ่งกว่าเหลือเชื่อ แต่ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่เชื่อ เพราะหาไม่ได้คนพวกนี้ตนคงไม่รอดกลับออกมาจากป่าแน่

                “อยากถือหมอนให้จัง” คะนิ้งพูดพลางยิ้มหวาน “แต่พ่อแม่ชาร์ลจะมารับไปเยอรมัน”

                “ไม่เป็นไรหรอก แค่ส่งเงินมาช่วยก็พอ สักแสนน่าไหว” รชตพูดติดตลก ก่อนจะผินหน้าไปทางพันนาและกุมภ์ “ขอบใจพวกมึงมากนะ”

                “ขอบใจทำไม มึงเพื่อนกู อีกอย่างกูเป็นคนชวนพวกมึงเข้าไปเจอเรื่องบัดสบนั่นเอง” พันนากล่าวด้วยความรู้สึกผิด หากแต่ไม่มีใครคิดเช่นนั้น

                “พวกกูอยากไปเอง ถ้าไม่อยากไป ต่อให้มึงเอาปืนมาขู่กูก็ไม่ไปหรอก” กุมภ์ว่า ซึ่งคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของพันนา

                “เออ แล้วพี่โหรเป็นยังไงบ้าง ได้ไปเยี่ยมพี่เขาบ้างไหม” รชตถาม นึกเสียดายที่ยังไม่ได้ไปขอบคุณโหรด้วยตัวเอง

                “ถามไอ้กุมภ์เอาเองเถอะ มันไปแทบจะทุกวัน”

                จู่ๆ คนที่ถูกพาดพิงก็หน้าร้อนผ่าว ใบหน้าขาวมีริ้วแดงพาดยาวไปถึงใบหู “อะ อะไรเล่า! กูก็แค่ไปเยี่ยมเขา”

                “ก็ไม่ผิดไง แล้วมึงจะหน้าแดงทำไมวะ” พันนาหัวเราะ “แล้วนี่มึงจะไปอีกเมื่อไร”

                “เย็นนี้”

 

                ยังไม่ทันจะห้าโมงเย็นดีร่างของกุมภ์ก็มาอยู่ในบ้านของโหรเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างในบ้านยังคงจัดเรียงเหมือนเดิม หิ้งพระ และข้าวของเครื่องใช้อีกไม่กี่ชิ้นถูกวางอย่างเป็นระเบียบ หน้าต่างเปิดกว้างรับอากาศเย็นธรรมชาติ สายลมอ่อนๆ พัดผ่านพอชื่นใจ นอกหน้าต่างคือภูเขาที่เรียงซ้อนกันยาวสุดลูกหูลูกตา ก้อนเมฆลอยละทิวเขา นกน้อยส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว นานๆ ครั้งหากตั้งใจฟังจะได้ยินเสียงลิง ค่าง ชะนี หลุดมาให้ได้ยินด้วย แต่ที่กุมภ์ชอบมากที่สุดคือเสียงของไก่ป่า เสียงของมันเพราะกว่าไก่โต้งที่โก่งคอขันกว่าหลายเท่า กุมภ์เคยเห็นมันวิ่งหลุดมาแถวนี้เมื่อสามวันก่อน แต่เจ้าของบ้านไม่คิดจะเก็บมันไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ได้แต่ปล่อยให้มันคุ้ยหาอาหาร สักครึ่งชั่วโมงมันก็วิ่งกลับเข้าป่าไป กุมภ์เลยได้ภาพของมันหนำใจเลยทีเดียว

                อาการของโหรดีขึ้นมาก แผลจากกรงเล็บของไอ้บอดตกสะเก็ดจางๆ ตอนที่ช่วยเช็ดแผลกุมภ์ถึงได้เห็นว่าโหรมีรอยสักเยอะแค่ไหน ตอนแรกคิดว่ามีแค่แถวหัวไหล่เท่านั้น เพราะตอนที่เกิดเรื่องเสื้อของโหรขาดทำให้เห็นรอยสักเพียงเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าโหรจะสักรูปลิง และอักขระแปลกๆ อีกหลายคำ ที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็อ่านไม่ออก ทว่ากุมภ์ก็ไม่กล้าถามถึงที่มาที่ไป โหรไม่ใช่คนที่จะตอบคำถามใครง่ายๆ แค่พูดยังกลัวดอกพิกุลจะหลุดจากปาก

                เจ้าของบ้านนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่ แผ่นหลังกว้างเหยียดตรง มือยกพนมอยู่หน้าอก ริมฝีปากขยับเล็กน้อยแต่ต่อเนื่อง กุมภ์ไม่รู้ว่าโหรท่องบทสวดมนต์หรือคาถาอะไร และไม่คิดจะถาม หน้าที่ของเขาคือดูแลไม่ใช่ถามซอกแซก ไม่อย่างนั้นจะถูกเชิญกลับบ้าน

                หลังจากพารชตส่งโรงพยาบาล กุมภ์ก็กลับมาที่บ้านโหรในวันรุ่งขึ้นทันที ไม่เพียงแค่นำเงินส่วนที่เหลือมาให้ แต่ยังขอทำหน้าที่พยาบาลชั่วคราวให้ ถึงโหรจะไม่ได้เอ่ยปากบอกให้ช่วยก็ตาม แผลที่ข้อมือรุนแรงกว่าที่ต้นแขน มีเศษเนื้อหลุดไปด้วย โหรดื้อไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และใช้ยาสมุนไพรของตัวเองในการรักษา คราแรกกุมภ์เป็นห่วงกลัวว่าจะติดเชื้อ เพราะแผลเหวอหวะไม่น้อย แต่ไม่น่าเชื้อว่าไม่ถึงสองวัน แผลน่ากลับค่อยๆ สมานเข้าหากัน สมุนไพรของโหรได้ผลดีกว่ายาปฏิชีวนะเสียอีก

                ในสามวันแรกกุมภ์ต้องทนกลิ่นสมุนไพรไม่รู้จักชื่อ แถมบ้านยังร้อนกว่าปกติเพราะโหรปิดหน้าต่างไว้หมด ควันสีขาวลอยคลุ้งในบ้าน หลายครั้งกุมภ์เห็นโหรไอออกมาเป็นเลือด ใบหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลโทรมกาย แต่กุมภ์ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าการเอากระโถนเลือดไปทิ้งและเติมน้ำใส่ถังต้มสมุนไพร จนช่วงเย็นของวันที่สี่ อาการของโหรดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หน้าตาผ่องใส ดวงตาเป็นประกาย เหลือแค่รอยแผลจางๆ จ้าวจอมมาเยี่ยมแทบจะทุกวันเหมือนกัน รายนั้นมักจะมีเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่าให้โหรฟัง แถมยังเคยบอกกับเขาว่า ความจริงแล้วรอยอักขระบนตัวโหรนั้นคือคาถาชั้นดี ทั้งป้องกันภัย หนังเหนียว หรือแม้แต่เคลื่อนไหวรวดเร็วได้เหมือนลิง อีกอย่างถ้าหากไม่ใช่โหร ป่านนี้คงตายคาอุ้งตีนไอ้บอดไปแล้ว

                “วันที่ 2 พันนากับชตจะบวชแล้วนะ” กุมภ์บอก ขณะที่กำลังใช้สำลีทำความสะอาดแผลตกสะเก็ดให้เจ้าของบ้าน

                “ดีแล้ว” โหรพยักหน้ารับเล็กน้อย “ไม่ต้องติดพลาสเตอร์ แผลมันแห้งแล้ว”

                แผลที่มือแห้งแล้วจริงๆ แต่ก็ยังมองเห็นรอยหลุดแหว่งของชิ้นเนื้อ ส่วนอีกข้างมีรอยไหม้จางๆ ที่ได้มาจากการกระชากด้ายแดงช่วยพิกุล ไหนจะที่ต้นแขนอีก เห็นจ้าวจอมคุยโวว่าแผลนี้หากไม่ใช่เพราะรอยสักแผลติดเชื้อจนต้องตัดทิ้งไปแล้วก็ได้

                เงินค่าจ้างมันคุ้มกับที่ต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้หรือ?

                ‘ไม่คุ้มหรอก’ จ้าวจอมโบกมือในอากาศ ‘พี่โหรน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี ช่วยเหลือคนตลอดแหล่ะ บางคนไม่มีเงินมาสักบาท พี่โหรก็ไม่คิดเงิน คุณลองคิดดูสิว่าเงินก้อนนี้หากเอาไปจ้างคนอื่นสู้กับทั้งเสือทั้งผี ใครจะรับ’

                กุมภ์ไม่คิดเถียง จากที่เห็น ที่ได้ประสบ มันเหลือเชื่อทั้งสิ้น ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าครองครอบสังคม แต่ยังมีเรื่องลึกลับซุกซ่อนอยู่

                “พี่พิกุลเป็นยังไงบ้าง” กุมภ์ชวนคุย เพราะโหรขึ้นชื่อเรื่องปากหนัก หากไม่ชวนคุยก็จะเงียบจนน่าอึดอัด

                “สบายดี ทำไม? อยากไปหาเหรอ” โหรยกยิ้มยียวน กุมภ์พึมพำแผ่วๆ ว่าใครจะบ้าคิดอย่างนั้น

                พิกุลไม่ได้ออกมาทำร้ายใครอีก เช่นเดียวกับดวงวิญญาณอื่นที่ถูกตาเวกจองจำ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าแท้ที่จริงแล้วตาเวกเป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่ทั้งคน ผี หรือเสือ จ้าวจอมบอกว่าตาที่บวชอยู่เรียกอมนุษย์ และเชื่อว่าตาโหรยังคงอยู่ในร่างของมนุษย์ หากดวงจิตถูกผีร้ายครอบงำ วิชาคาถาด้านมืดเข้าครอบงำจนสูญสิ้นความเป็นคน ส่วนเรื่องว่าทำไมตาเวกถึงไปอยู่ในร่างของบอดได้ ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดแจ้ง รู้เพียงแค่ว่าทั้งตาเวกและไอ้บอดได้หายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆ

                “เขายังไม่ได้ไปไหนหรอก แค่จิตอาฆาตมันทุเลาลง ดวงวิญญาณก็เลยสงบ แต่ถ้าหากเพื่อนของคุณไม่ทำตามที่บอก ก็คงจะออกฤทธิ์ออกเดชอีกรอบ” โหรว่ายิ้มๆ ด้วยนึกขำใบหน้าเหลอหลาของคนฟัง

                “ล้อเล่นใช่ไหม” กุมภ์ถามย้ำ ลูกกระเดือกเล็กๆ ขยับ คล้ายกำลังกลืนน้ำลาย

                “ไม่ได้ล้อเล่น ได้แต่หวังว่าเพื่อนคุณจะรักษาสัญญาลูกผู้ชาย”

                กุมภ์พึมพำว่ารักษาอยู่แล้ว พสาสเตอร์อันสุดท้ายก็แปะลงบนแผลเสร็จพอดี

                “แล้วพวกคุณจะกลับกรุงเทพฯ กันเมื่อไร”

                “ทำไมล่ะ?”

                แต่ดูเหมือนว่าโหรจะหูไม่ได้นัก ใบหน้าหล่อคมสันเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย “ว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัด”

                “ปะ เปล่า ผะ..ผมว่า รอให้พันกับชตบวชก่อน” กุมภ์ตอบอ้อมแอ้ม ใบหน้าเห่อร้อนกับความลืมตัวเมื่อครู่

                โหรพยักหน้ารับรู้ “แล้วคุณล่ะ ไม่คิดจะบวชบ้างเหรอ”

                กุมภ์ส่ายหน้าดิก บอกว่ารอให้เรียนจบก่อนจะดีกว่า “เอ่อ...ผมขอถามคำถามคุณจะได้ไหม”

                โหรเอียงคอมองหน้าอีกฝ่าย ใช้สายตาประเมินอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงอนุญาต ก

                “คุณได้รอยสักพวกนี้มาได้ยังไง จอมบอกว่ามันไม่ใช่รอยสักธรรมดา”

                คิ้วหนาของโหรเลิกสูง ริมฝีปากหยักลึกคล้ายจะยกยิ้ม “ทำไมถึงอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา”

                “จริงๆ ผมมีเรื่องสงสัยมากมาย แต่เอาที่เห็นด้วยตาตัวเองก่อน” กุมภ์พูดยิ้มๆ รู้สึกถึงไอร้อนที่กลับมาเยือนผิวแก้มอีกครั้ง

                โหรถอนหายใจครั้งหนึ่ง แล้วค่อยให้คำตอบ “ผมสักตั้งแต่อายุ 15 – 16 มีพระองค์หนึ่งท่านสักให้ มันเป็นรอยสักที่ค่อนข้างพิเศษ ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม แต่เพื่อให้คุณต่อผู้สัก รอยที่ต้นแขนคือลิงลม ช่วยเรื่องว่องไว ที่หน้าอกช่วยเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า แต่อย่างที่คุณเห็น ผมเองก็เกือบตายเพราะกรงเล็บไอ้บอดเหมือนกัน นั่นหมายความว่าคาถาอาคมช่วยไม่ได้ทุกเรื่อง ช่วยทางด้านจิตใจเสียมากกว่า”

                กุมภ์ตั้งใจฟังจนตาแป๋วจนดูคล้ายกับลูกหมาตัวน้อย “แล้วอะไรที่ทำร้ายพิกุล พันนาบอกว่าเห็นเป็นควายตัวใหญ่ แต่ผมไม่เห็นอะไรเลย”

                “ผมค่อนข้างแปลกใจที่เพื่อนคุณเห็นเจ้านิล” โหรเหลือบไปทางโต๊ะหมู่ที่มีรูปปั้นควายสีดำตัวเท่ากำมือ “เจ้านิลเป็นควายธนูที่ปู่ของผมท่านยกให้ เป็นควายอาคม เก่งกาจ ว่องไว แถมยังฉลาดเป็นกรด”

                กุมภ์หันมองไปตามสายตาของโหร ก็พบกับรูปปั้นควายสีดำสนิท รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “ละ แล้วทำไมกระสุนอาคมของคุณถึงฆ่าไอ้บอดไม่ได้ล่ะ ผมเคยดูหนัง นัดเดียวก็จอดแล้ว”

                “นั่นมันในหนัง” โหรส่ายหัวเบาๆ “หากไม่ได้จังหวะ หรือจุดที่เหมาะสม มันก็ทำอะไรไม่ได้ อย่าลืมสิว่าไอ้บอดไม่ใช่เสือทั่วไป มันครึ่งผีครึ่งเสือ แกร่งและเก่งเกินกว่าสัตว์ป่าทั่วไป ผมเองก็ไม่ใช่นักแม่นปืน ไม่ถนัดเรื่องใช้กำลังสักเท่าไร”

                กุมภ์หลุดขำพรืด ข้อสงสัยต่างๆ กระจ่างขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังติดค้างอยู่อีก “แล้วทำไมตาเวกถึงไม่จัดการพวกผมตั้งแต่ตอนอยู่ในป่าครั้งแรก ปล่อยให้ผมหลุดออกมาได้ยังไง”         

                “ดวงพวกคุณยังไม่ถึงฆาต และพรานกล้าก็ช่วยเอาไว้ เท่าที่รู้พรานกล้ามีวิชาติดตัวไม่น้อย แต่ก็ถูกตาเวกเล่นงานเสียจนสะบักสะบอม ดีแค่ไหนที่คุณมีพรานกล้าไปด้วย ถ้าหากไปกันเองป่านนี้คงได้อยู่รับใช้ตาเวกแล้วล่ะ” โหรพูดติดตลกร้าย กุมภ์ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากไม่มีพรานกล้าพวกเขาจะมีสภาพน่าอดสูเพียงใด   

                “ละ แล้วตอนนี้พรานกล้าเป็นยังไงบ้างครับ”

                “ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ ไอ้จอมมันแอบไปเยี่ยมบ่อยๆ แถมยังขโมยยาผมไปอีกด้วย”

                กุมภ์พอจะรู้อยู่บ้างว่าจ้าวจอมไม่ค่อยจะถูกกับพรานกล้านัก เหตุเพราะชอบแย่งพื้นที่ในการทำมาหากินกัน แต่ใช่ว่าจะโกรธจริงจังถึงขั้นฆ่าแกง ดูอย่างตอนนี้พอพรานกล้าป่วยจ้าวจอมก็ไปเยี่ยมซ้ำยังขโมยสมุนไพรของโหรที่ขึ้นชื่อด้านสรรพคุณไปให้อีก

                “ผมยังสงสัยอีกอย่าง” รอให้โหรส่งสัญญาณอนุญาตถึงได้ถามต่อ “ทำไมตาเวกถึงเป็นอย่างนั้นไปได้”

                คราวนี้โหรถอนหายใจยาว ดวงตาคมทอดนิ่งมองเล่นเอาคนถูกมองหน้าร้อนอย่างไม่มีสาเหตุ “ตาเวกกับปู่ของผมเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน” โหรระลึกความหลังย้อนไปนานหลายสิบปี “ทั้งคู่เป็นพรานเหมือนกัน แต่ตาเวกเก่งกว่าปู่ของผม ว่ากันว่าแกมีคาถาดีจัดการเสือได้อยู่หมัด นานวันก็ยิ่งได้ใจ แกศึกษาวิชาจากทุกสาย ทั้งดำทั้งขาว แต่ความโลภในจิตใจคนมันชนะทุกอย่างนั่นแหล่ะ หากไม่รู้จิตตน ก็ไม่มีอะไรควบคุมได้ ผมเองก็แน่ใจนักหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก จู่ๆ วันหนึ่งแกก็หายตัวไป แต่บางคนก็เคยเห็นแกอยู่ในป่า เป็นเวลาเดียวกับที่ข่าวเรื่องไอ้บอดหายไปเหมือนกัน”

                “ไอ้บอด...คุณหมายถึงไอ้บอดที่จะฆ่าพวกเราเหรอ”

                โหรพยักหน้า “มันเป็นเสือที่ดุร้ายมาก ขนาดปู่ผมที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการล่าสัตว์ยังเกือบถูกมันจัดการ ได้ยินมาว่าไอ้บอดกับตาเวกเคยปะทะกัน ไม่รู้ใครแพ้ใครชนะ เพราะไม่นานจากนั้นตาเวกก็หายตัวไป ไอ้บอดก็เหมือนกัน ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ แต่จะให้เดา ตาเวกคงใช้คุณไสยเล่นงานไอ้บอด ส่วนตัวเองก็ถวายวิญญาณให้กับผีห่าซาตานจนกลายเป็นแบบนั้น”

                กุมภ์ถอนหายใจบ้าง ถึงตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ได้พบได้เจอมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์

                โหรเอียงคอมองใบหน้าขาวจัดของเด็กหนุ่มเมืองกรุง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงไม่เคยนึกรำคาญกุมภ์เลย คงเป็นเพราะกุมภ์ไม่เหมือนกับจ้าวจอม รายนั้นดื้อ ซน กวนอย่าบอกใคร แต่กุมภ์ไม่ใช่คนพูดมาก คงมีแค่วันนี้นี่แหล่ะที่ช่างซักมากเป็นพิเศษ

                โหรรู้ตัวว่าความรู้สึกผิดแปลกที่เกิดกับกุมภ์มันเริ่มชัดเจนตั้งแต่ตอนที่เห็นกุมภ์วิ่งเข้าหาอันตรายเพื่อมาช่วยเขา ทั้งที่จะเอาตัวรอดไปเสียก็ได้ โหรแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความแค่ความซาบซึ้งในน้ำใจ

                ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ได้รู้จักกับคำว่ารักครั้งแรก ด้วยความที่เป็นหนุ่มรุ่นวัยกระทง บวกกับรูปร่างหน้าตาสะดุดตาทำให้โหรเป็นที่นิยมชมชอบในกลุ่มสาวๆ ไม่น้อย ทั้งในมหาวิทยาลัยและละแวกบ้าน แต่โหรถูกใจอยู่แค่คนเดียว โหรจำวันที่ได้พบกับเธอได้ ‘น้ำค้าง’ สวยหวาน รูปร่างผอมโปร่งอรชร ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ดวงตากลมเป็นประกาย เรือนผมสีดำสนิทถูกรวบเป็นหางม้าง่ายๆ ที่กลางหลัง ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะ ใบหน้าอ่อนใสไร้เครื่องสำอาง เขาได้รู้จักกับเธอในวันปฐมนิเทศ แอบไปด้อมๆ มองๆ แถวคณะที่เธอเรียน ก่อนจะตามจีบเธอด้วยมุกง่ายๆ อย่างพวกส่งขนมและดอกไม้ ไม่นานหลังจากนั้น เขากับเธอก็ตกลงคบหากัน

                ความรักในช่วงแรกราบรื่นดี น้ำค้างเป็นผู้หญิงน่ารัก ไม่งี่เง่าเอาแต่ใจ ไม่เคยโทรตามหรือถามซอกแซก ผ่านไปสามปี เขามั่นใจแล้วว่าเธอคือคู่ชีวิต ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่วาดฝันไว้ เมื่อน้ำค้างไม่อยากเป็นแค่เกษตรเหมือนกับเขา ความฝันของเธอไปไกลมากกว่านั้น เธอเรียนบริหารและอยากจะไปทำงานในบริษัทใหญ่ในกรุงเทพฯ แล้วฝันของเธอก็เป็นจริง พอขึ้นปีสี่เทอมแรก เธอได้ไปฝึกงานในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนเขา เป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ในกรมปศุสัตว์ของจังหวัด

                ระยะทาง ความห่างไกลทำให้ใจคนเปลี่ยนมันเป็นเรื่องจริง เขาได้ยินข่าวลือว่ามีพนักงานในบริษัทจีบน้ำค้าง คราแรกคิดว่าเป็นแค่ตลกร้าย แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่ามันคือเรื่องจริง เมื่อน้ำค้างมาสารภาพกับเขาว่าเธอแอบคบหากับรุ่นพี่ในบริษัทจริงๆ แถมยังมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้จัดการ เขายอมปล่อยมือจากเธอ เพราะรู้ดีว่าคนหมดใจรั้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เขากับน้ำค้างจากกันด้วยดี แต่กว่าจะทำใจได้ก็เล่นเอาเสียผู้เสียคนไปเป็นอาทิตย์เหมือนกัน สุดท้ายก็มีไอ้เจ้าเด็กจอมจุ้นอย่างจ้าวจอมนี่แหล่ะที่ช่วยฉุดให้เขาหลุดจากภวังค์ของคนอกหัก วิธีก็แสนง่ายคือเดินเข้าป่า แค่สามวันเขาก็แทบจะลืมเรื่องของน้ำค้างได้

                จบจากน้ำค้างเขาก็ไม่อยากจะรักใครอีกเลย

                โหรเพ่งพิศกุมภ์อีกครั้ง ผิวที่ออกจะขาวเกินไปหน่อยสำหรับเพศชาย ซ้ำยังเรียบเนียน ไฝฝ้าสักเม็ดก็มองไม่เห็น ถึงจะบอกว่าเป็นหนุ่มเมืองกรุงฯ ไม่ค่อยได้ต้องลมต้องแดดสักเท่าไรก็ตาม มันก็ไม่น่าจะหมดจดขนาดนี้ เทียบกับเด็กที่ชื่อชาร์ลอะไรนั่น ที่เป็นคนในเมืองเหมือนกัน รายนั้นคล้ำกว่า รอยกะ กระจายเต็มหน้า ผิวก็ไม่ได้เนียนเท่าด้วยซ้ำ         

                ลักษณะของกุมภ์คล้ายกับเพื่อนร่วมคณะของเขาคนหนึ่ง หมอนั่นเป็นเกย์ แต่ท่าทางไม่ได้กระตุ้งกระติ้ง ไม่ได้มีจริตจกร้านแบบผู้หญิงหรือสาวประเภทสอง ทว่าผิวพรรณผุดผาด เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ที่สำคัญมีแฟนเป็นผู้ชายอยู่ต่างคณะ ซ้ำร้ายหยังหล่อจัดชนิดที่สาวๆ ต้อง้พากันร้องไห้ด้วยความเสียดาย

                “คุณ...ไม่ได้ชอบผู้หญิงใช่ไหม”

                มันเป็นคำถามที่แสนจะทำร้ายจิตใจของคนถูกถาม ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ กุมภ์มองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกค้างเหมือนถูกทุบด้วยของแข็ง นานราวครึ่งนาทีเขาก็เป็นริ้วแดงเปื้อนบนแก้มทั้งสองข้างของกุมภ์ ดวงตาหรี่ลงกลับมาเป็นปกติ เจ้าตัวก้มหน้าลงพร้อมกับเสียงพรูลมหายใจ

                “คุณรู้ได้ยังไง” กุมภ์ถามกลับ น้ำเสียงสั่นเครือจนรู้สึกได้

                “ผมเคยมีเพื่อนเป็นแบบคุณ”

                “...คุณรังเกียจคนแบบผมสินะ” กุมภ์บอก เสียงดังอยู่ในแค่ในลำคอ ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างเดิม “ใช่แล้วล่ะ ผมเป็นเกย์ คุณเก่งนะ แม้แต่เพื่อนสนิทของผมยังไม่รู้เลย”

                กุมภ์เงยหน้ามองคู่สนทนา ใจหายวูบเหมือนถูกดึงออกจากอกลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม มั่นใจเหลือเกินว่าไม่เคยแสดงท่าทางหรืออาการชอบใครออกนอกหน้า ความรู้สึกผิดปกติผิดเพศนี้มันมาชัดเจนตอนขึ้นมัธยมปลาย เขาแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นผู้ชาย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะอีกฝ่ายชอบผู้หญิง ร้ายไปกว่านั้นยังทำแฟนสาวท้องซะอีก รักครั้งแรกอกหักยับเยินไม่เป็นท่า และเพราะไม่อยากถูกรังเกียจเลยพยายามเก็บซ่อนตัวตนเอาไว้ และไม่เคยอยากจะชอบใครอีกเลย

                เขาเดาไม่ออกว่าโหรรู้ได้อย่างไรเรื่องที่เขาเป็นเกย์ แม้แต่พันนา รชต ชาร์ล ยังไม่มีใครเอะใจเลย แน่นอนว่าเขาไม่เคยแสดงอาการหรือพูดอะไรให้พวกนั้นจับได้ กับโหรก็เช่นกัน แม้จะเก็บซ่อนความเป็นห่วงเอาไว้ไม่ได้ก็ตาม

                หัวใจพลันปวดหน่วงเหมือนถูกสัตว์มีพิษต่อย

                หากคิดไม่ผิด โหรคงจะรังเกียจคนประเภทเขาเป็นแน่ วิปริต ผิดเพศ มีใจให้กับเพศเดียวกัน ถึงจะไม่เคยมีคนรักเป็นตัวเป็นตน รสนิยมแบบนี้แม้แต่คนในครอบครัวก็ยังรับไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่เคยรู้ ไม่มีใครรู้ ยกเว้นโหร

                “อย่าเพิ่งคิดไปเองสิ ผมแค่หาคำตอบให้ตัวเองเท่านั้นเอง” โหรพูดเรียบๆ “อย่างที่บอก ผมเคยมีเพื่อนแบบคุณ เขาเป็นคนดี ผมไม่เคยมองว่าเขาแปลก หรือผิดปกติอะไร”

                กุมภ์กระพริบตาปริบๆ อาการปวดหน่วงในอกลดน้อยลง แต่ก็ใช่ว่าจะรู้สึกดีขึ้น พยายามฝืนยิ้มยันตัวลุกขึ้นจากพื้นไม้ขัด “ขอบคุณที่ไม่รังเกียจคนอย่างผม...หวังว่าวันที่สองจะได้เจอกันนะ”

                                                                           ******
*จบบทผจญภัยแล้วจ้า จากนี้จะเป็นบทรักแบบแปลกๆ 55555 ตอนแต่งคืองงตัวเองมาก มันจะเข้ากันเหรอวะ แต่ก็พยายามจะดึงมาให้ได้แหล่ะ อย่าติมากนะ เดี๋ยวเราร้องไห้ 555*

**ร่างปกเสร็จแล้วจ้า เอามาอวดกันเล็กน้อย พอกรุบกริบ**

***ถ้าพรุ่งนี้ถูกหวยจะเอาลงให้อ่านอีกตอนนึง สาธุ***

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ก่อนอื่นพรุ่งนี้ขอให้ไรท์ถูกหวยก่อนเลย อิอิอิ
สนุกมากเลยนะ ลุ้นสู้ไอ้บอดไปพร้อมๆ กับกุมภ์ ที่ไม่รู้ตัวเองว่าทำอะไรลงไป
เรื่องรักแปลกๆ เราคนอ่านก็แปลกอยู่แล้วคงไม่เป็นไร เขียนตามแบบที่ตั้งใจนะ
 :L2: :กอด1: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หมดเคราะห์หมดโศกกันสักที  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Brithday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมาก!!! อ่านไปก็กลัวไป แล้วก็ชอบอ่านตอนกลางคืนด้วยนะ :bye2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
รออ่านบทรักแบบแปลก ๆ ของพี่โหรกับนุ้งกุมภ์    :m13:


ภาพปกคือดจีย์!!    :m1:

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
จบสิ้นกันทีกับตาเวกและไอ้บอด หลังจากที่ทำเราลุ้นมาหลายตอน
แบบนี้เดาไม่ถูกเลยว่าใครจะรุกจีบก่อน
รออ่านบทหวานมุ้งมิ้ง?ของเขาสองคนนะคะ ><

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โหรหล่อมากค่าาา เอาใจหนูไปเลยค่า :mew1: ยังนึกภาพไม่ออกว่ากุมภ์กับโหรจะอยู่ด้วยกันยังไง เจ้าจอมคือไปหาพรานกล้าจนเราจิ้นแล้วนะ5555  :pig4: :L1:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ว่าเรืองหวยละเหนิ้อย ฮืออๆๆ มีไครถูก บ้าง

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ใช่แย้วววว รอรักแปลกๆ จากนักเขียน เพราะคนอ่านก็แปลกๆ คลุกเคล้ากันดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด