ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65854 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
จับพี่โหรไปโบยสัก10ทีค่ะ น่าหงุดหงิดจริงๆ สงสารน้องกุมภ์ยิ่งฟังยิ่งเจ็บ ฟิวขาดเลย อุตส่าห์เหมือนจะได้เคลียร์กันแล้ว คราวนี้หนักกว่าเดิมอีก  :hao5:
ฮาเด็กแสบกับความแอ๊บเจ็บของนาง  :laugh:

มาต่อไวๆน้า สนุกทุกตอน อ่านแล้วค้างมากๆค่ะอยากอ่านต่อยาวๆเลย

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ไปทำความเข้าใจตัวเองและก็ยอมรับความจริงให้ได้ก่อนค่อยมาคุยกันดีกว่าไหมพี่โหร​ คราวนี้ทำกุมภ์เจ็บกว่าเดิมอีก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
บางคนไม่เคย ก็ไม่กล้านะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
นี่อ่านแล้วก็ยังอึดอัดแทนเลย จะเอายังไงกันแน่
ไม่ชอบผู้ชาย แต่ชอบน้อง แต่ก็ยังยอมรับไม่ได้
แบบนี้ก็ไม่ไหวอ่ะ น้องมันก็มีความรู้สึกนะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ๊ะ หวงเค้าแล้วยังไง ถ้าโหรยังไม่ชัดเจน ต่อให้ความรู้สึกบอกว่าใช่
ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าโหรยังยึดติดอยู่ แล้วยังรั้งกุมภ์ คนที่เสียใจสุด
จะไม่ใช่แค่ตัวเองนะ กุมภ์ด้วย และคนรอบข้างด้วย

กุมภ์เอ้ย น่าเอ็นดูจังเลย ชอบนะ อยากให้พี่เข้าใจมากกว่านี้
แต่ตอนนี้ ไม่รู้พี่จะรีบง้อไหม ยังไง

ปรางคะ ใจเย็นนะ เพื่อนก็คือเพื่อนค่ะ อย่าพยายาม

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อยากอ่านแล้ว

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อดใจรออ่านต่อไม่ไหวแล้วว. พลีสส มาต่อเถอะน้า ช่วงนี้หานิยายที่ถูกใจอ่านไม่ค่อยได้เลย

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ปากแข็งดีจริงๆ เมื่อไรจะสมหวังกันล่ะเนี่ยยย ลุ้นๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 20 : สารภาพ] 18/03/2563
«ตอบ #340 เมื่อ18-03-2020 19:19:03 »

ตอนที่ 20 สารภาพ

            เด็กหญิงตัวเล็กในชุดกระโปรงชมพูฟูฟ่องใช้มือทั้งสองหยิบอาหารในจานใส่ปากไม่หยุด ไม่มีคำพูดติชมใดๆ มีแต่เสียงเคี้ยวอาหารที่ดังติดกันมาเกินห้านาทีแล้ว ริมฝีปากเล็กสีอ่อนเป็นมันวาว รอยเปื้อนยาวไปถึงข้างแก้ม สำหรับบางคนอาจจะมองว่าสกปรกหรือน่ารังเกียจ แต่ไม่ใช่สำหรับจ้าวจอม

                จ้าวจอมมีน้องสาว ปีนี้อายุ 13 ปีแล้ว ด้วยวัยที่ห่างกันแค่ 5 ปี ทำให้จ้าวจอมจำไม่ได้ว่าตอนเด็กๆ จ๋อมน่าเอ็นดูเหมือนชานมหรือเปล่า แต่ความเป็นไปได้น่ามีมากโขทีเดียว เพราะจ๋อมตัวอ้วนกลมมาตั้งแต่เด็กยันโต

                “กินยังไงถึงได้เปรอะไปทั้งหน้าแบบนี้อ่ะ” จ้าวจอมบ่น แต่ปากยิ้ม ใช้กระดาษทิชชู่ในมือเช็ดคราบมันๆ บนแก้มนุ่มนิ่มให้ ชานมไม่ได้สนใจอะไรนอกจากไก่ทอด ข้าวผัดไข่ กุ้งเผา และอีกสารพัดที่เจ้าภาพทำไว้ให้ โดยไม่ลืมแยกสำหรับคนที่ต้องกินมังสะวิรัดด้วย

                “หลานพรานกล้าเหรอ”

                เสียงทักดังขึ้นไม่ห่างนัก จ้าวจอมเงยหน้าขึ้นก็พบกับพันนา ใบหน้าที่ยังไร้คิ้วไม่ได้แปลกตาสำหรับเขานัก เพราะตลอดเวลาหนึ่งเดือนก็เห็นมาโดยตลอด ถึงจะไม่ได้อยู่ในผ้าเหลืองก็ตาม

                “เออ” จ้าวจอมตอบรับง่ายๆ แล้วก็ต้องเบ้หน้าเมื่อมีบางอย่างมาเคาะที่ศีรษะ “อ้าวพี่! มาตบหัวผมทำไมล่ะ”

                “พูดไม่เพราะ” พันนาว่า ก่อนจะหันไปคุยกับเด็กหญิงตัวน้อย “หนูอย่าพูดไม่เพราะนะคะ ไม่อย่างนั้นจะถูกเคาะหัวแบบนี้”

                ชานมมองพันนาตาแป๋ว ชั่วอึดใจก็พยักหน้ารับแบบขอไปที แล้วหันไปสนใจอาหารที่จ้าวจอมตักมาให้ตามเดิม

                “ไม่ยักรู้ว่าพรานกล้ามีหลานด้วย”

                “มีลูกก็ต้องมีหลานสิ” จ้าวจอมบอก พลางตักข้าวผัดไข่เข้าปากคำใหญ่

                พันนาลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ชานม นึกเอ็นดูเด็กหญิงในชุดสีชมพูอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะตนเป็นลูกคนเดียวเลยอยากจะมีน้องสาวขึ้นมาบ้าง แก้มกลมขยับตามจังหวะการเคี้ยว ผมเส้นเล็กๆ ติดตามดวงหน้าเล็ก เห็นแล้วรำคาญแทนจนต้องช่วยเกลี่ยออกให้ เพ่งมองเด็กหญิงตัวน้อยอยู่นานสองนานก็ยังนึกไม่ออกว่ามีส่วนไหนคล้ายพรานกล้า

                “ชานมมันเหมือนแม่มัน แม่เป็นคนเหนือ เลยขาวเหมือนแม่” จ้าวจอมบอกราวกับอ่านความคิดได้

                “น่ารักดี” พันนาชมเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “พี่โหรกับกุมภ์ทะเลาะอะไรกัน พอจะรู้ไหม”

                “ทะเลาะ?” จ้าวจอมเลิกคิ้วสูง “ตอนไหนไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

                “เมื่อกี้” พันนาชำเลืองไปทางโหร ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “ไอ้กุมภ์ตะโกนใส่พี่โหรซะเสียงดัง ทุกคนตกใจกันหมด”

                “พี่กุมภ์อะนะตะโกนใส่คนเป็นด้วย” จ้าวจอมถามย้ำ ท่าทางไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์

                “ฉันเพิ่งจะสึกมานะ จะโกหกทำไม”

                “อืม....” จ้าวจอมหรี่ตามองไปทางโหรบ้าง สมองเริ่มทำงานรีดเค้นความคิดและความสงสัยมาปะติดปะต่อกัน “จริงๆ มันก็ประเด็นอยู่เหมือนกัน”

                “ยังไง” พันนาถามกลับทันที ท้าวศอกยื่นหน้าข้ามชานมไป ชักอยากรู้ว่าระหว่างที่บวชอยู่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของโหรกับกุมภ์

                “พี่โหรเหมือนจะเคืองๆ เรื่องที่พี่กุมภ์กลับกรุงเทพฯ ไปโดยไม่ยอมบอก แถมไอ้แผลนี่” จ้าวจอมยกเท้าขึ้น “พี่โหรก็เป็นคนทำ”

                “ทำอะไร”

                “วันนั้นผมเอารูปพี่ปรางค์ให้พี่โหรดู เท่านั้นแหล่ะพี่โหรก็แทงพลั่วมั่วไปหมดแล้วก็ทิ่มมาบนหลังตีนพอดี”

                พันนาขมวดคิ้วมุ่น ยังคงเรียบเรียงเรื่องราวที่จ้าวจอมพูดไม่ถูก แค่กุมภ์กลับกรุงเทพฯ ทำไมต้องเคือง แล้วไหนจะเรื่องปรางค์อีก มันน่ายินดีไม่ใช่หรือหากว่ากุมภ์จะได้ผู้หญิงน่ารักอย่างปรางค์เป็นแฟน

                เว้นเสียแต่ว่า

                “พี่โหรชอบไอ้กุมภ์....เหรอ?”

                “พูดอะไรออกมา!” จ้าวจอมเผลอเสียงดัง พอเห็นชานมชะงักถึงเพิ่งรู้ตัว “พี่โหรไม่ได้เป็นเกย์ เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วย”

                “ก็แค่สันนิษฐานน่ะ” พันนาว่า “ฉันก็เดาไปตามที่นายเล่ามา แล้วนี่แผลยังไม่หายอีกเหรอ มันตั้งหลายวันแล้วนี่นา”

                จ้าวจอมยักไหล่ หลุบตาดูแผลอุปโลกน์ของตัวเอง “ยัง ที่จริงแผลมันก็แห้งแล้วล่ะ แต่ยังน้ำหนักเต็มที่ไม่ได้ มันจะเสียวแปลบๆ”

                “อย่างนี้ก็เข้าไปขโมยของป่าเอาออกมาขายไม่ได้น่ะสิ” พันนาแหย่ กิตติศัพท์ของจ้าวจอมดังใช่ยอก แม่เคยเล่าว่าตอนที่เจอจ้าวจอมครั้งแรก็แถวโรงพักนั่นแหล่ะ พอมาสืบสาวราวเรื่องจากพรานกล้าอีกทีถึงได้รู้ว่าจ้าวจอมเข้า-ออกโรงพักเป็นว่าเล่นเพราะชอบแอบขโมยของป่ามาขาย แถมลูกค้ายังรายใหญ่อีกด้วย

                “ใครขโมย” จ้าวจอมทำหน้ายุ่ง “ไม่มีใครเป็นเจ้าของสักหน่อย ของแบบนี้เขาเรียกใครดีใครได้ต่างหาก”

                “ระวังเถอะ ตำรวจจะจับจริงๆ ไม่มีใครไปประกันจะยุ่งเอา” พันนาเตือน ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่การกระทำของจ้าวจอมก็ผิดกฎหมายอยู่ดี

                “พี่เรียนนิติไม่ใช่เหรอ” จ้าวจอมถามกลับ พลางยกแก้วน้ำป้อนชานม “ถ้าผมติดคุกพี่ก็ไปช่วยผมสิ”

                “หึหึ” พันนาหัวเราะในความฉลาดเกินคาดของจ้าวจอม แปลกใจอยู่เหมือนกันที่เด็กแสบรู้ว่าเขาเรียนอะไร “ใครบอกว่าพี่เรียนนิติ”

                “ไม่บอก” จ้าวจอมส่ายหัว ใช้ช้อนที่ตัวเองกินข้าวผัดตักป้อนชานมที่ยังกินไม่หยุด

                “หึ แอบสืบเหรอ” พันนาแหย่ จ้าวจอมย่นจมูกพึมพำเบาๆ ว่าหลงตัวเอง

                เด็กแสบที่เคยคิดว่าคงดีแต่ดื้อไปวันๆ กำลังช่วยเช็ดมือเช็ดปากให้กับเด็กหญิงตัวเล็ก ท่าทางอ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาแทบจะลืมคำพูดคำจาแสบสันที่เคยได้ยิน ไหนจะรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากนั่นเอง คงเพราะมีน้องสาวจ้าวจอมถึงได้ดูแลเด็กได้ดี ถึงแม้ว่าน้องสาวแท้ๆ ของจ้าวจอมจะโตแล้วก็ตาม

                ตั้งแต่ได้ศึกษาพระธรรมทำให้เข้าใจโลกและตัวเองมากขึ้น รัก โลภ โกรธ หลง ล้วนเป็นสิ่งที่จิตปรุงแต่ง หากวางใจให้เป็นกลางไม่ค่อนไปทางใดก็จะพบความสุขที่แท้จริง เช่นเดียวกับตอนนี้ เขาตัดปัจจัยเรื่องเพศ ครอบเขตสังคม หรือเส้นอะไรก็ตามที่ขีดกำจัดเอาไว้ ถึงได้รู้ว่าความสุขกับความสบายใจมันไม่ต่างกันเลย…

 

                เสียงไก่ร้องปลุกให้คนที่เพิ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงต้องลืมตาตื่น ร่างหนายันกายขึ้นนั่ง มองไปทางหน้าต่างก็พบกับแสงรำไรของวันใหม่ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เลยตีสามแล้ว เท่ากับว่าเขานอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่ค่อยครั้งนักหรอกที่เขาจะนอนไม่หลับ นอกจากสมัยเรียน ช่วงใกล้สอบทีไรต้องอ่านหนังสือเกือบย่ำรุ่งเสียทุกเทอม พอเรียนจบก็แทบจะนับครั้งได้ที่นอนตาค้าง รวมถึงครั้งนี้ด้วย

                มันก็เรื่องเดิมๆ ที่รบกวนความคิดจนข่มตาให้หลับไม่ได้ หัวค่ำเมื่อวานเขาได้ไปงานเลี้ยงขอบคุณที่ครอบครัวของพันนาจัดให้ งานเรียบง่าย อาหารการกินสมบูรณ์ ร้องเพลงและเด็กพวกนั้นก็ผลัดกันกล่าวขอบคุณเขา รวมถึงคนที่เข้ามาปั่นป่วนความคิดด้วย

                ‘ผมขอบคุณทุกการช่วยเหลือ แม้ว่าจะเป็นการจ้าง แต่ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่คุณต้องไปเจอมันอันตรายแค่ไหน คุณก็ยังตอบตกลง ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของเงินทอง แต่มันเป็นน้ำใจต่างหาก เงินจำนวนนั้นที่เสียไปมันเทียบไม่ได้เลยกับชีวิตของพวกเรา’

            คำพูดของกุมภ์เหมือนเป็นตัวแทนของทุกคน สำหรับเขาแล้วเงินสองแสนมันคุ้มค่าทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับทุกชีวิตที่เขาได้ช่วยเหลือไว้ มันประเมินค่าไม่ได้ ทว่าเขาไม่เคยตีค่าชีวิตเป็นจำนวนเงินอยู่แล้ว คนไม่มีเงินสักบาทเขาก็ยินดีช่วยเหลือ

                เมื่อไม่อาจฝืนให้นอนต่อได้ เลยจำใจตั้งแต่ไก่โห่ ลุกขึ้นเปิดไฟพอสว่างแล้วมานั่งขัดสมาธิหน้าหิ้งพระ ยกมือขึ้นพนม สวดมนต์บทประจำ หวังว่าความฟุ้งซ่านจะลดลงไปได้บ้าง แต่เมื่อสวดจบ ภาพของกุมภ์ที่ตะโกนใส่หน้าก็ยังไม่หายไปไหน

                เขายอมรับว่าการโต้เถียงกันเล็กๆ น้อยๆ เมื่อวานมันทำให้เขานอนไม่หลับ นี่ไม่นับรวมการปฏิบัติของกุมภ์ที่มีต่อปรางค์อีก ถึงแม้ว่ากุมภ์จะบอกว่าตนเป็นเกย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากุมภ์กับปรางค์เหมาะสมกันจริงๆ แบบนี้กระมังที่เรียกว่ากิ่งทองใบหยก

                โหรลุกขึ้นจากหน้าหิ้งพระ จัดการงานบ้านตามประสาชายโสด การอยู่คนเดียวมันก็ดีอยู่หรอก แต่เรื่องงานบ้านมันสมควรจะมีใครสักคนมาช่วยดูแล

                หรือว่าเขาควรจะเลิกสนใจเรื่องกุมภ์แล้วหันมาหาเมียจริงจังสักที

                โหรส่ายหน้าให้กับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง ยังจำรสชาติจากรักครั้งแรกได้ดี รักแค่ไหนแต่ถ้าอีกฝ่ายหมดใจ รักก็ไม่ช่วยอะไร

                กว่าจะเสร็จงานบ้านก็ล่วงเข้าสู่ช่วงสาย โหรเดินไปปิดก๊อกน้ำ พอใจที่ได้เห็นดอกไม้ ต้นไม้ยังเขียวชอุ่มถึงแม้ว่าฝนจะลาเม็ดไปพักใหญ่แล้วก็ตาม ท้องเริ่มร้องขออาหาร กับข้าวง่ายๆ ปรุงเสร็จพักใหญ่แล้วแต่อยากจะทำงานให้เสร็จก่อน สองเท้าย่ำขึ้นบันไดไม้ไปยังชั้นสองของตัวบ้าน เปิดตู้กับข้าว กำลังจะเปิดฝาหม้อหุงข้าว โทรศัพท์รุ่นเก่าโบราณก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน

                คิ้วหนาขมวดน้อยๆ เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ แต่ก็ยอมกดรับสาย

                “เออ ว่าไง แล้วมึงโทรมาได้ยังไง ไปโรงเรียนไม่ใช่หรือไง”

                ‘พี่โหร พี่กุมภ์ป่วยอ่ะ อยู่โรงพยาบาล’ ปลายสายละล่ำละลักบอก

                คราวนี้โหรขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ความหิวดูเหมือนจะหายไปดื้อๆ “เป็นอะไรวะ?”

                ‘อ้าวก็เพิ่งบอกไปว่าป่วย อยู่โรงพยาบาลในจังหวัดอ่ะ แค่นี้แหล่ะ จะเรียนแล้ว’

                จ้าวจอมตัดสายทิ้งไปเสียเฉยๆ แผ่นอกสะท้อนแรงตามการหายใจ มือกำโทรศัพท์แน่นราวกลัวว่ามันจะตกหาย ร่างสูงใหญ่หมุนตัวรวดเร็ว แทบจะกระโดดลงบันไดตอนที่วิ่งไปที่รถยนต์คนเก่าของตัวเอง...

 

                กว่าจะรู้ว่ากุมภ์พักอยู่ห้องอะไรก็เสียเวลาเดินหาเสียหลายนาที พอไปถึงก็พบกับปรางค์ พันนาและรชต ส่วนคนป่วยนอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีเข็มน้ำเกลือปักอยู่ที่หลังมือ ใบหน้าขาวซีดเซียวเหมือนแผ่นกระดาษ หน้าอกขยับน้อยๆ แต่สม่ำเสมอ ถึงจะรู้ว่าปลอดภัยเพราะอยู่ในมือหมอสมัยใหม่แล้ว ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยสักนิด

                “พี่โหร สวัสดีครับ” สองหนุ่มยกมือไหว้พร้อมกัน

                โหรรับไหว้ พลางถามกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เป็นอะไร ถึงขนาดต้องนอนโรงพยาบาลเลยเหรอ”

                “เป็นไข้วัดใหญ่ครับ” พันนาตอบ

                “ไข้หวัดใหญ่?” โหรเลิกคิ้วสูง “เมื่อคืนก็ปกติดีนี่”

                “กุมภ์บ่นว่ามึนหัวตั้งแต่เข้าไปช่วยปรางค์ยกของแล้วล่ะค่ะ” ปรางค์แทรกขึ้น ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความห่วงใยทอดมองไปยังร่างของคนป่วยบนเตียง “ปรางค์ผิดเองที่ไม่เอะใจ ถ้าเมื่อคืนพันนาไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ล่ะก็ กุมภ์คงอาการหนักกว่านี้แน่เลย” ปลายเสียงของเธอสั่นเครือ

                “ร้องไห้...นี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนผมกลับ เขาก็ปกติดีทุกอย่าง”

                “ใช่ค่ะ เขาปกติทุกอย่างเลย คุย หัวเราะ แถมยังช่วยเก็บของด้วย ทำไมปรางค์ถึงไม่สังเกตเห็นนะ” ปรางค์ยังคงโทษตัวเอง ซึ่งมันทำให้โหรรู้สึกอย่างนั้นไปด้วย

                “จ้าวจอมโทรบอกพี่เหรอครับ” รชตถาม หลังจากเงียบอยู่นาน โหรพยักหน้ารับ “เพิ่งโทรเมื่อตอนเกือบแปดโมงนี่เอง แล้วเขาเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไรเหรอ”

                “ตีสี่ครับ” พันนาเป็นคนตอบ “ผมนอนกับกุมภ์ ได้ยินเสียงไอตอนเที่ยงคืนแต่ไม่ได้คิดอะไร พอสักตีสามผมก็ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ผมเลยลุกขึ้นดู กุมภ์เหมือนคนละเมอ ดิ้นไปดิ้นมา ผมเขย่าตัวเขาถึงได้รู้ว่าเขาตัวร้อนมาก หมอบอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ นอนพักสักสามสี่วันก็น่าจะดีขึ้น ฉิวเฉียดกับเปิดเทอมพอดี”

                “พี่มาก็ดีเหมือนกัน ผมเฝ้ามาตั้งแต่ตีสี่ ยังไม่ได้นอนเลย โคตรง่วง ผมฝากดูมันสัก 2-3 ชั่วโมงได้ไหม” รชตว่า พร้อมเปิดปากหาว สีหน้าอิดโรย ไม่ต่างจากพันนาและปรางค์

                “ชตกลับไปกับพันนาเลย เดี๋ยวเราอยู่เฝ้าเอง ไม่ต้องรบกวนพี่โหรหรอก” ปรางค์ออกตัว แต่รชตไม่เห็นด้วย

                “กลับไปพร้อมกันเถอะ ปรางค์เองก็ยังไม่ได้นอนเหมือนกัน อีกอย่าง...” รชตเว้นวรรค พลางเหลือบไปมองทางคนป่วย “กุมภ์มันเป็นผู้ชาย มันจะดูไม่ดี”

                “แต่...” ปรางค์ลังเล ถ้าหากเลือกได้เธอก็อยากจะอยู่เผ้ากุมภ์เอง แต่อย่างที่รชตว่า เธอเป็นผู้หญิงการอยู่เฝ้าผู้ชายแต่เพียงลำพังมันคงดูไม่ดีนัก ยิ่งตอนนี้สถานะของเธอกับกุมภ์ยังเป็นแค่เพื่อนสนิทอีกด้วย

                หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวยอมพยักหน้าตอบตกลง แม้จะเป็นห่วงคนป่วยสุดใจแค่ไหนก็ตาม ทั้งสามฝากฝังให้โหรอยู่เป็นเพื่อนกุมภ์ก่อน แล้วจะให้ชาร์ลกับคะนิ้งมาผลัดเปลี่ยน

                “มึงพาปรางค์ไปรอที่รถก่อน กูขอคุยกับพี่โหรแป๊บหนึ่ง” พันนาบอกรชต แล้วหันมาพยักพเยิดให้โหรเดินตามกันออกไปที่ระเบียงนอกห้องพัก

                “มีอะไรต้องคุยกันแค่สองคน?” ปรางค์สงสัย มองตาแผ่นหลังกว้างของคนทั้งคู่ออกไป

                “ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ เราอยากกินกาแฟสักแก้วก่อนกลับบ้าน” รชตเอ่ยชวน การที่ได้นอนเกือบเที่ยงคืนแล้วต้องตีสี่มันทรมานไม่น้อยเลย ตอนนี้เขาล่วงเสียจนแทบจะยกเปลือกตาไม่ขึ้น ถ้าคาเฟอีนเข้มๆ สักแก้วน่าจะช่วยได้เยอะทีเดียว

                “แต่ปรางค์...”

                “ไม่ต้องห่วงไอ้กุมภ์หรอก หมอให้ยาไปคงหลับไปอีกยาวแหล่ะ”

                ปรางค์ผงกศีรษะรับ ถึงจะห่วงกุมภ์แค่ไหน ก็ต้องเว้นระยะห่าง ถึงอย่างไรเสียตอนนี้เธอกับกุมภ์ยังไม่เป็นคนรักกัน แต่หลังจากนี้เธอจะไม่ยอมเสียกุมภ์ไปอีกครั้งแน่...

 

                ถึงในห้องพักจะเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่คนที่คุ้นชินกับธรรมชาติกลับชอบลมเอื่อยๆ ที่ระเบียงมากกว่า ญาติผู้ป่วยกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ กลิ่นบุหรี่แทรกมาในอากาศ เพราะไม่อนุญาตให้สูบในอาหาร โหรทอดสายตามองไปเบื้องหน้า ที่มีเพียงแค่สนามหญ้า ต้นไม้ และคนเจ็บป่วยที่ยังคงทยอยมารักษาตัว มันไม่ได้เจริญหูเจริญตานักหรอก

                พันนายืนอีกฝากของระเบียงแคบๆ สีหน้าดูเคร่งเครียดกว่าตอนที่อยู่ในห้อง โหนกคิ้วมีรอยนูน ขณะที่ใต้ตาดำคล้ำจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ

                “ผมขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ” พันนาพูดขึ้น รอจนเขาพยักหน้าอนุญาตถึงได้พูดต่อ “เมื่อคืนพี่โหรกับกุมภ์ทะเลาะกันเรื่องอะไร ผมไม่เคยเห็นกุมภ์ตะโกนใส่หน้าใครมาก่อน ถามเจ้าตัวแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไร”

                โหรนิ่ง เมื่อคืนหลังจากมีปากเสียงกับกุมภ์ เขาก็แทบจะไม่สนใจสิ่งใดอีก นอกจากคำกล่าวขอบคุณที่กุมภ์มอบให้ และก็ไม่มีใครเข้ามาสืบสาวราวเรื่องกับเขาเหมือนกัน

                “เรามี...ปากเสียงกันนิดหน่อย” โหรบอก

                “ปากเสียง? กับพี่เนี่ยนะ” สีหน้าของพันนาเต็มไปด้วยความแปลกใจ “ไอ้กุมภ์มันเคารพพี่จะตาย”

                “..เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ ผมเองที่งี่เง่า”

                “งี่เง่า?” พันนาทำตาโต เหมือนเห็นผีพิกุลโผล่มาข้างๆ “พี่เนี่ยนะงี่เง่า”

                โหรถอนหายใจ “เอาเถอะๆ ไว้เขาตื่นผมจะขอโทษเขาเอง ไปได้แล้ว”

                สีหน้าของพันนายังไม่คลายสงสัย แต่เพราะรู้ว่าขืนตื๊อถามต่อก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจำต้องยอมล่าถอย ทว่าลึกๆ เชื่อว่าระหว่างโหรกับกุมภ์มีความลับบางอย่างที่บอกกับเขาไม่ได้ พันนาถอนหายใจตามบ้างพลางยกมือขึ้นบีบหัวไหล่คนโตกว่า

                “ผมจะไม่ถามเซ้าซี้หรอกนะ แต่ผมไม่เคยเห็นกุมภ์เป็นแบบนี้มาก่อน...ฝากเพื่อนผมด้วย เดี๋ยวผมกลับมา”

                โหรพยักหน้ารับ ถึงไม่ฝากฝังเขาก็ต้องดูแลกุมภ์อยู่แล้ว พันนามองหน้านิ่งอยู่ราวครึ่งนาทีก่อนจะขอตัวกลับไปพักผ่อนบ้าง และอีกพักใหญ่ชาร์ลกับคะนิ้งมาผลัดเปลี่ยนให้

(มีต่อ)
               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 20 : สารภาพ] 18/03/2563
«ตอบ #341 เมื่อ18-03-2020 19:19:27 »

(ต่อ)
 ร่างสูงใหญ่ผลักบานประตูกลับเข้ามาในห้องพักพิเศษอีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดเซียวหลับนิ่งสงบ แผ่นอกขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผ้าห่มสีฟ้าจางคลี่มาถึงหน้าอก มือข้างหนึ่งวางทาบบนอก อีกข้างอยู่ข้างลำตัวเข็มน้ำเกลือปักบนหลังมือ รอยช้ำจางๆ รอบเข็มอันเล็ก ริมฝีปากที่เคยระเรื่อซีดจางจนน่าใจหาย

                โหรทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง ภายในห้องเงียบสนิท มีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศและเข็มนาฬิกาที่หมุนไปเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าแต่ละวินาทีมันยาวนานเป็นเท่าตัว ถึงจะรักษาคนมามาก อาการหนักแบบปางตาย แต่ยังไม่เคยเห็นใครป่วยได้น่าสงสารเท่านี้มาก่อน

                “ขี้โรคจังวะ” โหรพึมพำกับคนป่วย อยู่ดีๆ ก็ป่วยเสียได้ แถมดันเป็นไข้หวัดใหญ่เสียอีก ตัวก็ผอมอยู่แล้ว กว่าจะหายน้ำหนักลงไปอีกหลายกิโล

                โหรนั่งมองกุมภ์นิ่ง ความคิดมากมายหมุนวนอยู่ในสมอง น่าแปลกโรคฟุ้งซ่านที่รบกวนอยู่นานมันหายไปง่ายๆ เหมือนถูกลมพัด สมาธิกลับคืน อย่างที่เขาว่า สมาธิมาปัญญาเกิด แล้วมันก็เช่นนั้นจริงๆ

                กุมภ์เป็นเกย์...นั่นคือความจริง

                กุมภ์ชอบเขา...นั่นก็น่าจะเป็นความจริงอีกเช่นกัน

                กุมภ์ชัดเจน...แล้วเขาล่ะ

                มีอะไรที่ชัดเจนบ้าง แม้แต่ความรู้สึกก็ยังครึ่งๆ กลางๆ บอกกับตัวเองว่าอยากได้ครอบครัวที่อบอุ่น อยากมีเมีย มีลูก แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกพิเศษกับผู้หญิงมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยห่วงใย หรือแคร์ความรู้สึกของใครตั้งแต่เสียรักครั้งไป แรกๆ เขาคิดว่าเป็นเพราะว่ากลัวความรัก ทว่าตอนนี้เขาคิดว่าไม่ใช่ทั้งหมด

                ที่ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับใคร เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก

                แต่เมื่อมันเกิดขึ้น เขากลับตั้งแง่อะไรมากมาย เพียงแค่ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่อาจมีลูก ไม่อาจเป็นครอบครัวอบอุ่นพ่อแม่ลูก เท่านั้นเองหรือ?

                แท้จริงแล้วความรักคืออะไร?

                สมัยที่มีรักครั้งแรก ตอนนั้นมันหวือหวาวาบหวามไปหมด หัวใจฟองพู กระตือรือร้นอยากจะเจอ หรือแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข แต่ผลที่ได้รับคือความเจ็บปวดและผิดหวัง

                ความเสียใจเล่นงานจนเสียผู้เสียคนไปพักใหญ่ เหล้ายาหรือแม้แต่นอนกับผู้หญิงก็ทำมาหมด แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไปสงบจิตใจในป่า กลับออกมาเขาก็กลายเป็นคนเฉยชากับความรักไปแล้ว

                มีอยู่หลายครั้งที่เคยตั้งปณิธานว่าจะไม่เลือกคู่ชีวิตแค่เปลือกนอกอีก หล่อนต้องเป็นคนทีสมบูรณ์มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนและแม่ของลูก ทว่าเขาก็ยังหาไม่เจอสักคน พลุไฟเล็กๆ ที่เคยทำงานมันดับไปนานแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะถูกจุดอีกครั้ง

                กระทั่งวันนั้น...วันที่เขาร่างโปร่งบางวิ่งฝ่าความมืดเข้ามาพร้อมกับความกลัวจับใจ แต่เหนือความกลัวคือความบ้าบิ่น...บ้าที่จะมาช่วยเขา ทั้งที่ตัวเองไม่มีอะไรเลย

                ประกายไฟเล็กๆ เหมือนจะส่องแสงวูบวาบในหัวใจที่มืดมน

                ที่จริงแล้วเขาสะดุดตากุมภ์ตั้งแต่แรกเห็น เพราะไม่คิดว่าผู้ชายที่เหมือนลูกคุณหนูจะโลดโผนมาผจญภัยในป่า หากเทียบกันระหว่างเพื่อนทั้งสี่คน กุมภ์ตัวเล็กที่สุด ไม่ได้เตี้ยแคระ หากแต่ผอมโปร่งมากกว่าใคร ผิวพรรณขาวสะอาดราวกับไม่เคยต้องแดด

                เรื่องที่บอกว่าไม่เคยคิดรังเกียจเพศที่สามมันคือความจริง ยุคนี้สมัยนี้ เพศสภาพไม่ได้เป็นตัวบงชี้ความดี หรือแม้แต่ความรัก

                โหรถอนหายใจยาว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดหนักเท่านี้มาก่อน สู้กับอะไรก็สู้ได้ แต่สู้กับความรู้สึกของตัวเองมันเกินจะต่อการจริงๆ ตอนนี้สมองของเขากำลังแบ่งออกเป็นสองฝั่ง หนึ่งคือศีลธรรมและสังคม อีกฝั่งคือความรู้สึกที่แท้จริง มันพยายามหาเหตุผลมาหักล้างกันจนเขาสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอยู่ฝั่งไหนดี

                “อือ...”

                เสียงครางเบาๆ ดึงให้หลุดจากภวังค์ คิ้วได้รูปของคนป่วยขมวดน้อยๆ ลมหายใจผ่อนหนักและยาว ท่าทางเหมือนกำลังฝันร้าย...บางทีอาจจะฝันถึงเขาก็ได้

                ไม่กี่วินาทีกุมภ์ก็กลับไปหลับตามเดิม สีหน้าผ่อนคลายลงแต่ยังคงซูบซีด ดูน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก โหรขยับปลายนิ้วมือ ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าเขาเลื่อนมือไปวางทับอีกมือที่เล็กกว่าเสียแล้ว

                ผิวเนื้อเย็นเยียบที่ผ้าห่มคลุมไม่ถึงมันทำให้อดใจหายไม่ได้ เมื่อวานเขาก็เผลอทำแบบนี้ไป แต่ตอนนั้นผิวของกุมภ์อุ่นผ่าว และถ้าหากเขามีสติเอะใจสักนิดถึงรู้สึกถึงความผิดปกติ นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไล้ไปบนหลังมือขาว อยากจะส่งผ่านไออุ่นไปให้อีกคน อยากให้ตื่นมาคุยกัน หรืออย่างน้อยก็แค่ลืมตาสักนิดก็ยังดี

                ความผิดอบรดร่าง ถึงจะไม่มีใครกล่าวโทษก็ตาม

                “....ผม ขอโทษนะ”

                โหรพูดกับคนป่วย น้ำเสียงแหบพร่าจนน่าสมเพช ปลายนิ้วสอดลอดผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างนิ้ว ก่อนจะบีบกระชับเบาๆ หวังว่าคำขอโทษมันจะดังไปถึงหัวใจอีกคนได้

                พยาบาลเข้ามาวัดความดันทุกชั่วโมง จนถึงตอนนี้ก็สามรอบแล้ว อาการของกุมภ์ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ หมอเวรเข้ามาตรวจในชั่วโมงที่สองของการเฝ้าไข้ หมอบอกคร่าวๆ ว่ากุมภ์มีอาการของไข้หวัดใหญ่ ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว แต่ยังต้องดูอาการไปอีก 2-3 วัน โหรรับฟังเงียบๆ ทั้งที่ในใจห่วงแทบจะบ้า

                จนเกือบเที่ยง คะนิ้งกับชาร์ลก็มาถึง ทั้งคู่ขอโทษขอโพยยกใหญ่เพราะหิวเลยแวะหาอะไรกินกันมาก่อนเลยทำให้มาช้า โหรไม่ได้ถือสา ดีเสียอีกมันมีเวลาให้เขาได้ทบทวนตัวเอง

                ชาร์ลซื้อข้าวกล่อง ของว่างและน้ำมาฝาก พอได้กลิ่นอาหารถึงได้รู้ว่าเขาหิวแค่ไหน โหรถือกล่องข้าวที่ชาร์ลยัดใส่มือให้ หมายจะออกไปนั่งกินข้างนอก แต่ชาร์ลรั้งไว้ก่อน

                “กินในนี้ก็ได้พี่ เราไม่ถือ” ชาร์ลว่ายิ้มๆ ทว่าโหรส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

                “ไม่รบกวนพวกคุณ แต่มันจะรบกวนคนป่วย” พอได้ยินประโยคนั้น คะนิ้งที่ถือแก้วกาแฟเย็นอยู่ก็ชะงักไปชั่วประเดี๋ยว แล้วเดินเอาแก้วกาแฟไปแช่ในตู้เย็น เช่นเดียวกับของกินที่หิ้วติดมือมา

                โหรเดินเลี่ยงออกมาที่นอกระเบียง ด้วยความที่รูปร่างสูงใหญ่ทำให้ต้องนั่งขัดสมาธิติดกับกำแพงหลบแดดที่ส่งตรงหัวพอดี หันหลังให้กับประตูห้อง โหรลงมือกินข้าวผัดง่ายๆ เงียบๆ หัวโล่งปลอดโปร่ง เพราะก่อนหน้าที่สองคนนั้นจะมาถึงเขาตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว

                ประตูถูกเคาะเบาๆ สองสามครั้ง โหรเอียงคอเงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าชาร์ลแสดงจำนงว่าอยากจะออกมา เขาเลยขยับตัวให้พอเปิดประตูได้ หนุ่มลูกครึ่งมีแก้วกาแฟเย็นร้านดังมาด้วย

                “แคบไปสำหรับเราสองคนนะ พี่ว่าไหม”

                ข้อนี้โหรเห็นด้วยเพราะรูปร่างของตนกับชาร์ลเดินมาตรฐานชายไทย ส่วนสูงเกิน 180 ทั้งคู่ ไหนจะความกว้างของช่วงไหล่ ซ้ำที่ระเบียงยังมีคอมเพรสเซอร์อีก ทำให้สถานที่เล็กๆ ตรงนี้ยิ่งคับแคบไปกันใหญ่

                “เมื่อคืนผมก็เห็นนะว่าพี่กับกุมภ์ทะเลาะกัน” ชาร์ลเปิดบทสนทนา ก่อนจะดูดกาแฟเย็นเฉียบไปอึกใหญ่

                “เราไม่ได้ทะเลาะกัน แค่มีปากเสียงกัน...นิดหน่อย” โหรตอบเรียบๆ นึกหน่ายใจเหมือนกันที่ต้องพูดประโยคเดิมซ้ำๆ

                “ไอ้พันว่า มันร้องไห้เมื่อคืน เหมือนจะเพ้อด้วยมั้ง แต่ไอ้พันฟังไม่ถนัด” ชาร์ลเล่าต่อ “ผมไม่รู้ว่าพี่กับมันขัดใจกันเรื่องอะไร แต่พี่อย่าโกรธเพื่อนผมได้ไหม ไอ้กุมภ์มันเป็นคนดี”

                โหรเก็บช้อนพลาสติกลงในกล่องข้าว หลังจากข้าวคำสุดท้ายอยู่ในปาก รอเคี้ยวหมดคำแล้วค่อยพูด “ผมไม่ได้โกรธเพื่อนคุณ...เพื่อนคุณต่างหากที่โกรธผม”

                “โกรธ? ไอ้กุมภ์โกรธคนเป็นด้วยเหรอ ตั้งแต่รู้จักกันมาผมไม่เคยเห็นมันโกรธใครสักที ขนาดผมเอารองเท้ามันไปซ่อน ต้องเดินตีนเปล่าหาอยู่ตั้งนานมันยังไม่โกรธผมเลย”

                โหรอมยิ้มเมื่อลองจินตนาการภาพกุมภ์ที่เดินตามหารองเท้าตัวเอง เท้าขาวคงจะเปื้อนน่าดูชม

                “แล้วเพื่อนผมโกรธพี่เรื่องอะไร เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”

                ชาร์ลนิสัยไม่เหมือนพันนา กุมภ์ หรือรชต รายนี้มุทะลุ และตรงไปตรงมากว่า คงเพราะถูกเลี้ยงดูมาตามวัฒนธรรมของบิดา ซึ่งเขาคิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาปั้นแต่ง

                “เพื่อนคุณเข้าใจผมผิด...พักใหญ่แล้วล่ะ”

                “เข้าใจผิด? หึหึ ดูเหมือนว่าพี่กับไอ้กุมภ์จะมีความลับกับพวกผมนะ” คิ้วหนาเข้มเลิกสูง ริมฝีปากเหยียดออกเล็กน้อย

                “ก็อาจจะใช่” โหรตอบ “แต่ผมพูดไม่ได้ รอให้เขาเล่าเองจะดีกว่า เอาเป็นว่า ถ้าเพื่อนคุณหายเมื่อไรผมจะขอโทษเขาอีกที”

                “เอาอย่างนั้นก็ได้” ชาร์ลยักไหล่ “แต่ผมว่ารีบหน่อยก็ดีเหมือนกัน ท่าทางปรางค์จริงจังเสียด้วย”

                พูดจบร่างใหญ่ของชาร์ลก็หมุนกลับเข้าไปในห้องพัก โหรแทบลืมหายใจกับประโยคทิ้งท้าย น้ำเสียงของชาร์ลเหมือนจะรู้อะไร บางทีอาจจะรู้มากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ...

 

                โหรยังไม่ได้กลับบ้าน เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองควรจะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เสียที มันก็จริงอยู่ว่าการไม่ได้ใช้โซเชี่ยวเนตเวิร์กมันทำให้ชีวิตไม่วุ่นวาย แต่มันทำให้เขาพลาดอะไรหลายๆ อย่างไป เช่นการสื่อสารกับกุมภ์ ถึงจะมีเบอร์โทรศัพท์แล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้ อยากเห็นอะไรมากกว่านั้น ยอมรับว่าการที่ได้เห็นกุมภ์พูดคุยกับจ้าวจอม มันทำให้เขา ‘อิจฉา’ ไม่น้อย

                ดังนั้นเงินในบัญชีเกินสามหมื่นเลยต้องกลายมาเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เครื่องใหญ่พอดีฝ่ามือ ก่อนจะออกมาจากร้าน เจ้าของแนะนำวิธีการใช้มาเยอะจนจำไม่ไหว สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าคงต้องพึ่งจ้าวจอมถึงจะใช้งานเป็น แต่ก่อนออกมาเจ้าของร้านจัดการเอาซิมใส่ให้ ตั้งค่าเครื่องอะไรอีกเยอะแยะ รวมทั้งโหลดแอพพลิเคชั่นรูปสีเขียวที่ชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘LINE’ ให้ด้วย

                ‘รายชื่อที่พี่เซฟไว้ มันจะขึ้นในรายชื่อผู้ติดต่อนะคะ ทีนี้พี่อยากคุยกับใครก็คุยได้เลย อ้อ หนูสมัครแพ็คเก็ตอินเตอร์เน็ตให้ด้วยนะคะ เดือนละ 499 เล่นเน็ตฟรี ไม่ลดสปีด แต่ถ้าโทรก็นาทีละสองบาท ทุกวันที่ 3 พี่ต้องเติมเงินเข้าโทรศัพท์สัก 550 นะคะ ไม่อย่างนั้นมันตัดเน็ตพี่’

                แม่คุณเล่นสมัครใช้งานอินเตอร์เน็ตให้เขาเสร็จสรรพ เพราะตรวจดูแล้วว่าเงินมีเหลือเฟือ เขาได้แต่พยักหน้ารับ เพราะถ้าใช้สมาร์ทโฟนก็จำเป็นต้องมีอินเตอร์เน็ตด้วยเหมือนกัน

                โหรดูนาฬิกา อีกไม่กี่นาทีก็จะสามโมงครึ่ง ใกล้เวลาเลิกเรียนของไอ้ตัวแสบ เขาตั้งใจจะพามันไปเยี่ยมกุมภ์พร้อมกับให้มันสอนใช้โทรศัพท์  แต่ยังไม่ทันที่จะถึงหน้าโรงเรียนดี สายตาก็สะดุดกับรถเก๋งคุ้นตา เพ่งมองจนเห็นหมายเลขทะเบียนก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นรถยนต์ของพันนา

                มาทำอะไรที่โรงเรียนเด็กมัธยม แถมยังใกล้เวลาเลิกเรียนแล้วด้วย

                โหรดับเครื่องยนต์ มือทั้งสองข้างเกาะพวงมาลัย ชะโงกหน้ามอง รู้สึกว่าตัวเองกำลัง ‘เสือก’ เรื่องของชาวบ้านอยู่ไม่มีผิด

                แล้วข้อสงสัยก็ถูกเฉลย เมื่อร่างคุ้นตาในชุดนักเรียนเดินปะปนมาเด็กจำนวนมหาศาล

                จ้าวจอมเดินแกมวิ่ง พูดคุยหัวเราะกับเพื่อน ไม่ถึงนาทีไอ้ตัวแสบก็เห็นรถยนต์ของพันนา กระจกรถยนต์ไขลงและคงมีบทสนทนาเล็กน้อย ก่อนที่จ้าวจอมจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหน้าคู่กับพันนา

                “มารับไอ้แสบเหรอวะ” โหรถามตัวเอง ขณะที่มือขยับเกียร์กระปุกรถกระบะแสนเก่าของตัวเองตามออกไป …

 

                พันนาพาจ้าวจอมมาโรงพยาบาล แต่มาถึงทีหลังโหร พอเห็นแก้วกาแฟกับขนมในมือของจ้าวจอมก็พอจะเดาได้ว่าพันนาคงจะพาจ้าวจอมแวะเติมพลังก่อน กุมภ์เพิ่งจะหลับไปครู่ใหญ่ก่อนหน้าโหรจะมาถึงไม่กี่นาที ตอนที่ตื่นขึ้นมาเหมือนยังมีสติไม่เต็มร้อยเท่าไร ร้องขอน้ำกิน พูดคุยแบบไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แล้วก็หลับไปต่อ ดูเหมือนว่าสีหน้าของกุมภ์จะดีขึ้นนิดหน่อย ไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อเช้า เย็นนี้ค่อนข้างคึกคัก เพราะนอกจากชาร์ลกับคะนิ้งที่รับช่วงต่อตั้งแต่หลังเที่ยง ยังมีรชต ปรางค์ พันนา จ้าวจอมและโหร ทำให้ห้องพักฟื้นแบบพิเศษดูคับแคบไปถนัดตา

                “พี่กุมภ์เป็นยังไงบ้างอ่ะ” จ้าวจอมถาม พลางกัดพายสับปะรดคำโตเข้าปาก

                “ดีชึ้นแล้วล่ะ ถ้าไม่มีไข้ อีกสักสองสามวันก็ได้กลับบ้านแล้วล่ะ” ชาร์ลตอบ “หายไวๆ ก็ดีเหมือนกัน อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้ว กูยังไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่าง”

                “แล้วมีคนโทรบอกพ่อกับแม่ของกุมภ์หรือยัง” คะนิ้งถาม ซึ่งน่าจะเป็นคำถามที่ดีที่สุด

                “โทรแล้ว โทรตั้งแต่เมื่อเช้า” พันนาตอบ หย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาหนังสีดำโดยดึงแขนเด็กมอหกลงไปนั่งข้างๆ กัน “แต่แค่บอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่อยากให้พวกท่านตกใจ ขับรถมาไกลๆ มันอันตราย”

                ทุกคนเห็นด้วย แม้แต่ปรางค์เองก็ไม่ได้บอกกับมารดาของตัวเองเหมือนกันเพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต อีกอย่างตอนนี้อาการของกุมภ์ก็ดีขึ้นตามลำดับแล้วด้วย

                ปรางค์ขยับเก้าอี้ให้ชิดเตียงมากขึ้น เพราะปริมาณคนในห้องที่มีเยอะกว่าเดิม สายตาของเธอไม่ได้คลาดเคลื่อนจากใบหน้าของคนป่วยมานานหลายสิบนาทีแล้ว จะมีขยับบ้างตอนที่เห็นว่าผ้าห่มเคลื่อนเลื่อนลง ตอนที่กุมภ์ตื่นเธอก็อยู่ด้วย เธอยิ้มกว้างดีใจอย่างบอกไม่ถูก รีบถลาเข้าไปหาถามไถ่อาการทันที แล้วก็เป็นคนกระวีกระวาดหาน้ำให้กุมภ์ดื่ม เสียดายเล็กน้อยที่กุมภ์หลับต่ออย่างรวดเร็ว โดยที่คุยกับเธอแค่ไม่กี่คำเท่านั้นเอง

                “พี่โหรกินอะไรหรือยัง พวกผมว่าจะออกไปหาอะไรกินกัน...พี่ไปกับพวกเราไหม” รชตชวน แต่โหรส่ายหน้าปฏิเสธ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าโหรคงจะกลับบ้านเพราะเย็นมากแล้ว

                “แล้วคืนนี้ใครเฝ้าพี่กุมภ์อ่ะ” จ้าวจอมถาม กาแฟหมดไปครึ่งแก้วแล้ว ขณะที่ขนมราคาครึ่งร้อยหมดภายในไม่กี่คำ

                “พี่เอง” พันนาว่า “คืนนี้กูอยู่เฝ้ามันเอง พวกมึงกลับไปนอนเถอะ”

                ไม่มีใครคัดค้าน เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ปรางค์หันมามองทางพันนา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถอนหายใจแล้วผินหน้ากลับ

                ท่าทางแบบนั้นใครก็รู้ว่าปรางค์อยากเป็นคนเฝ้ากุมภ์เสียเอง

                “ผมฝากจ้าวจอมกลับบ้านด้วยนะพี่” โหรยังไม่ได้รับคำ ชำเลืองไปยังไอ้เด็กแสบที่หมู่นี้ความแสบจะลดน้อยลงไปไม่น้อย

                “ไอ้จอม มึงมานี่ซิ”

                จ้าวจอมเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ โหรกวักมือพลางส่งสายตาให้ออกไปนอกห้องพร้อมกัน จ้าวจอมไม่ขัดแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง ทั้งสองเดินตามกันออกไปเงียบๆ...

***********

 *มาแล้วจ้า ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนาน ติดอบรมจ้า ยาวเลย*

**ทุกคนรักษาตัวให้ปลอดภัยจากทั้งโรคภัยและโรคเมืองด้วยนะคะ เป็นห่วงมากเลย**

***ล้างมือให้สะอาด ใช้ผ้าปิดปากในที่ชุมชน รักทุกมากๆ นะคะ***

****สัญญาว่าวันอาทิตย์นี้จะมาอัพให้อีกตอนจ้า****

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
สาวๆเดี๋ยวนี้เขาชัดเจน รุกเร็ว ไม่มีรีรอกันแล้ว
พี่โหรระวังตามไม่ทันนะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่โหรลงทุนซื้อมือถือใหม่เลยนะเนี่ยย เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วสินะ น้องปรางค์พักก่อนน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย พี่โหรมีความลงทุนซื้อโทรศัพท์ใหม่ อิอิอิ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนนี้คือหมั่นไส้ปรางค์มากๆ ไม่ไหวแล้วววว
เอาเค้าออกไปที พิกุลช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยย :m31: :m31: :m31:
แต่ก็แอบดีใจที่พี่โหรยอมรับตัวเองสักที
กุมภ์รีบตื่นมาเร็วๆ รอบนี้พี่โหรน่าจะใช้จ้าวจอมเอาพันนากลับบ้านแหงๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หุหุหุ พี่โหรโดนฝรั่งแหย่ให้แล้วไหมละ ช้า เสร็จปรางค์แน่ๆ
เอาใจช่วยนะพี่โหร
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
make a move พี่โหร :katai2-1:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เอาแล้วพี่โหร จังหวะนี้พี่ต้องเผยความในใจได้แล้วนะ หาจังหวะอยู่กันสองต่อสองตอนน้องตื่นไม่ได้เลยดิ แง้
อยากให้เคลียร์กันเร็วๆ ฝั่งปรางค์ก็ถือว่ายังมีลิมิตอยู่นะว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิท แต่น้องจ๋าทำใจเถอะลูก
ตอนนี้ขอมอบแต้มให้พี่โหร 10 แต้ม เนื่องจากแอบจับมือน้องได้มุ้งมิ้ง และยอมเสียเงินซื้อโทรศัพท์เอาไว้คุยกับน้องในอนาคต

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 20 : สารภาพ] 18/03/2563
« ตอบ #349 เมื่อ: 19-03-2020 19:37:36 »





ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้ะ สู้เค้านะ

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่โหรรู้ใจตัวเองแล้ว ดีใจจัง :pig4: :L1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อ๊ะ วันนี้วันอาทิตย์ ปู่เสื่อรอพี่โหรเคลียร์ปัญหาหัวใจจ

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 21 คนเฝ้าไข้

            “มีอะไรอะพี่”

                จ้าวจอมถาม ทั้งคู่นั่งอยู่บนม้านั่งหินอ่อนตัวเก่า ที่มุมแตกจนเห็นเหล็กเส้นด้านใน โรงพยาบาลในตอนเย็นเต็มไปด้วยญาติของผู้ป่วยที่เดินกันว่อนเหมือนมีตลาดนัด วุ่นวาย แต่ไม่มีความสุข

                “สอนกูเล่นโทรศัพท์หน่อย” โหรเอ่ยปาก หน้าร้อนวูบวาบเพราะจำต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ที่เคยประกาศว่าจะไม่มีวันแตะต้องโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนเด็ดขาด แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพึ่งพามันจนได้ ถูกแล้วล่ะ มันคือการพึ่งพา ไม่ใช่เสพติด

                “ห๊ะ! พี่ซื้อไอโฟนเลยเหรอวะ” จ้าวจอมตาโต ตอนที่เห็นเขาดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง “สีทองด้วย แพงสัตว์รัสเซีย”

                “ภาษาอะไรของมึงวะ” โหรส่ายหัว “แต่ก็แพงอยู่สามหมื่นกว่าบาท...กูยังใช้มันไม่ค่อยเป็น สอนกูที เออ ที่ร้านเขาสมัครอินเตอร์เน็ตให้แล้ว”

                จ้าวจอมยิ้มกริ่ม รับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดมา กดโน่นกดนี่อย่างชำนาญ ถึงตัวเองจะใช้แค่แอนดรอยผลิตจากเกาหลีราคาครึ่งหมื่น แต่ก็พอจะคุ้นชินกับมือถือรุ่นนี้อยู่บ้าง เพราะเพื่อนในห้องหลายคนก็ใช้กัน

                ทั้งสองนั่งตัวแทบจะติดกัน จ้าวจอมสอนวิธีการใช้งานอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะห่างเหินจากเทคโนโลยีมานานทำให้คนฉลาดอย่างโหรตามไม่ทัน จ้าวจอมใช้นิ้วเกาหัวเตียนๆ ของตัวเองแรงๆ กว่าที่โหรจะใช้งานเป็นก็เล่นเอาหนังหัวแทบถลอก

                “ตอนนี้พี่มีไลน์ของผม แล้วก็ของพวกพี่พัน อยากจะคุยกับใครก็กดเข้าไปได้เลย มันส่งสติ๊กเกอร์ได้ด้วยนะพี่ แบบที่ผมสอนตะกี้จำได้ใช่ไหม”

                โหรพยักหน้าเหมือนเด็ก รายชื่อที่ปรากฏขึ้นในลิสต์ในผู้ติดต่อ แต่ละคนตั้งชื่อแปลกๆ และส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ แต่คนที่เขาสนใจมากที่สุดคือ ‘กุมภ์’ ภาษาไทยง่ายๆ แน่นอนว่ามันเป็นชื่อที่เด้งมาจากโทรศัพท์ที่เขาบันทึกไว้

                กุมภ์เลือกใช้รูปที่ถ่ายในชุดนิสิตแบบครึ่งตัว เสื้อขาวกับกางเกงแสล็คสีดำ ดูเหมาะกับเจ้าตัวดี ใบหน้าขาวเปื้อนรอยยิ้มกว้าง มือสองข้างยกขึ้นกอดอก เขาเผลอจ้องรูปอยู่นานจนไอ้เด็กข้างๆ สะกิด

                “พี่ เปลี่ยนรูปโปรไฟล์หน่อยสิ”

                “ยังไงวะ”

                “เอาโทรศัพท์มา”

                โหรส่งโทรศัพท์ให้ง่ายดาย ไม่รู้ว่าไอ้เด็กแสบมันจะทำอะไร กระทั่งมันยกโทรศัพท์มาทางเขาพร้อมสั่งให้ทำหน้าหล่อ พอเขาขมวดคิ้วมันก็รีบบอก

                “มันก็ต้องเอารูปหล่อสิวะพี่ จะเอารูปหน้าเหมือนตูดลงหรือไง หน้านิ่งแม่งอย่างโหด ลองยิ้มมุมปากหน่อยซิ” จ้าวจอมสั่งเสร็จสรรพ

                คนโตกว่าได้แต่ถอนหายใจ ตั้งแต่เกิดมาถ่ายรูปไม่ถึงสิบครั้งกระมัง แต่ละรูปหน้าโหดอย่างที่จ้าวจอมว่าจริงๆ พยายามจะกระตุกยิ้ม ทว่ามันเหมือนกำลังแสยะยิ้มมากกว่า เสียเวลาอยู่ร่วมสิบนาทีกว่าจะได้รูปสมใจจ้าวจอม

                “เอารูปนี้ละกัน โหดน้อยสุดละ...อะเสร็จแล้ว”

                โทรศัพท์ถูกส่งคืน รูปที่ปรากฏในวงกลมเล็กๆ คือใบหน้าของผู้ชายผิวเข้ม ตาไม่ได้มองกล้องเพราะจังหวะนั้นเขาก้มหน้าลงพอดี มุมปากไม่ได้ยกขึ้นตามที่จ้าวจอมสั่งไว้แต่แรก ถึงจะไม่หล่อเท่าพันนาหรือชาร์ล แต่ก็น่าจะดูดีที่สุดแล้วสำหรับเขา 

                “พี่กุมภ์หน้าตาดีเนาะ” จ้าวจอมว่า พอหันไปมองก็เห็นสายตาพราวระยับ โหรหน้าร้อนวูบวาบรู้สึกเหมือนเด็กถูกจับไต๋ได้ไม่มีผิด

                “ก็หน้าตาดีกันทั้งกลุ่ม” โหรไม่ได้พูดเกินจริง กลุ่มเพื่อนห้าคนรวมทั้งคะนิ้ง จัดว่าเป็นเด็กหน้าตาดีทั้งนั้น ผิวพรรณดีอย่างคนที่ไม่เคยทำงานกรำแดด ผิดกับเขาที่ผิวกร้าน หน้าตาดุดันอย่างที่เจ้าวจอมว่า

                “พี่ปรางค์ก็สวย หวานเหมือนน้ำผึ้งเดือนห้า”

                “มึงเคยเลียเขาหรือไง ถึงได้รู้ดีนัก” โหรประชด เขาไม่ได้เกลียดหรือรังเกียจปรางค์ เพราะเธอสวย กิริยามารยาทก็น่ารัก ไม่ได้เรียบร้อยจนดูประดิษฐ์ หรือกระด้างกระเดื่องแบบเด็กสมัยใหม่ หากวัดกันตามความเหมาะสม ปรางค์กับกุมภ์ก็เหมาะสมกันจริงๆ ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะและการศึกษา เขาแค่รู้สึกว่าเธอคือ...เส้นขนาน

                เส้นขนานคู่กับเขา โดยมีกุมภ์อยู่ตรงกลาง

                “พูดอะไรวะพี่ โคตรทะลึ่ง” จ้าวจอมทำหน้ารังเกียจ “อันนี้ไลน์พี่พันนะ รูปโคตรหลอกตา ตัวจริงไม่เห็นจะหล่อขนาดนี้เลย”

                จ้าวจอมจิ้มนิ้วไปที่ไลน์ที่ใช้ชื่อ ‘P’N_Pan’ ถ้าไม่เห็นรูปเขาคงไม่รู้ว่าเป็นพันนา แน่นอนว่ารายชื่อพวกนี้จ้าวจอมเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด แล้วไอ้ตัวแสบก็แย่งโทรศัพท์ไป กดโน่นกดนี่อย่างชำนาญ ไม่กี่วินาที ข้อความก็ปรากฏในหน้าจอโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็เร็วเหลือใจส่งสติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลทำหน้างงกลับมา

                ‘พี่โหรใช้ไลน์นี้นะ’ จ้าวจอมพิมพ์ตอบกลับไป

                “ไอ้เสือก!” โหรด่าไอ้เด็กจอมสอด แย่งโทรศัพท์กลับไป เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้มีข้อความจากพันนาบอกว่าโอเค

                “เสือกอะไรล่ะ คนอุตส่าห์ช่วย” จ้าวจอมบอก ทำจากยื่นเกือบถึงจมูก           

                “ช่วยอะไร เรื่องนี้กูไม่ได้ขอ”

                “อยากจะคุยอะไรกับพี่พันา ก็คุยซะ นี่ก็จะมืดแล้วด้วย”

                “คุยอะไร...” เขาเกือบหลุดปากด่ามันไป แต่บางอย่างในดวงตาของจ้าวจอมราวกับรู้ถึงความต้องการลึกๆ ของเขา โหรถอนหายใจ กดนิ้วไปที่รูปโทรศัพท์ จำได้ว่าไอ้แอพพลิเคชั่นนี้มันโทรได้ รอไม่อึดใจพันนาก็รับสาย

                ‘ครับพี่โหร มีไลน์ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมเพิ่งเห็น’

                ‘ไอ้เด็กขี้เสือกแถวนี้มันทำให้’ โหรเหลือบไปมองจ้าวจอมที่กำลังเล่นโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ ‘ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ คืนนี้ผมขออาสาเฝ้ากุมภ์เอง’

                ‘ครับ?...เดี๋ยวกูมานะ’ เดาว่าประโยคหลังพันนาคงพูดกับเพื่อนตัวเองมากกว่า หลังจากนั้นถึงครึ่งนาทีเสียงของพันนาก็ดึงขึ้นอีกรอบ ‘ทำไมพี่ถึงอยากจะเฝ้าไอ้กุมภ์เองล่ะ’

                ‘…ผมอยากขอโทษเขา’

                พันนาเงียบไปพักใหญ่ โหรรู้ว่าอีกฝ่ายคงเต็มไปด้วยคำถาม แต่เลือกที่จะเงียบและเฝ้ารอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม สุดท้ายก็มีเสียงตอบรับกลับมาเบาๆ ว่าโอเค

                โหรเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า มือถือเครื่องละสามหมื่นกว่าบาทมีประโยชน์ก็ตอนนี้เอง

                “ขอบคุณผมเลย” จ้าวจอมทวง ยักคิ้วกวนเบื้องล่าง

                “เรื่องอะไรวะ” โหรแสร้งไม่เข้าใจ ทั้งที่ผิวแก้มร้อนแผ่ว ไม่รู้ว่าเผลออะไรไปไอ้เด็กแสบนี้ถึงจับได้

                “ช่างเถอะ” จ้าวจอมโบกมือในอากาศ “เอาไว้ให้กำจัดเสี้ยน เอ๊ย เคลียร์ทุกอย่างได้ แล้วค่อยมาขอบคุณก็ไม่สายไปหรอก เอาเป็นยารักษาไตสัก 4-5 ชุด ก็พอแล้ว...น่าจะได้สักสองสามหมื่นปะวะ” ประโยคหลังพึมพำกับตัวเอง

                “ไอ้โลภ”

                โหรบ่นใส่ แต่ไม่จริงจังนัก แล้วการเรียนรู้วิธีการใช้งานสมาร์ทโฟนก็จบลงภายในเวลาร่วมยี่สิบนาที...

 

                ด้วยการทำข้อตกลงกับพันนาทำให้โหรได้กลายเป็นคนเฝ้าไข้ชั่วคราวให้กับกุมภ์ เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นความลำบากเรื่องที่อยู่ที่กินหรือแม้แต่เสื้อผ้าที่ไม่ได้เตรียมมาผลัดเปลี่ยน พันนาให้ยืมชุดที่เตรียมมา ดีหน่อยตรงที่รูปร่างของพันนากับเขาใกล้เคียงกันเลยใช้ร่วมกันได้ ดังนั้นหลังอาบน้ำก็จัดการซักเสื้อผ้าที่มีติดตัวมาชุดเดียวรวมทั้งชั้นใน แล้วเอาไปตากหน้าคอมเพลสเซอร์แอร์ ความสะดวกสบายของห้องพักแบบพิเศษมันดีตรงที่ มีทั้งผงซักฟอก ไม้แขวนเสื้อ รวมไปถึงที่หนีบผ้า

                โหรกลับมายืนในห้องพักอีกครั้ง ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศบวกกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จทำให้รู้สึกหนาวเย็นกว่าปกติ กุมภ์ยังหลับสนิท มีพลิกตัวบ้างแต่ก็นานๆ ครั้ง ก่อนเขาจะเข้าไปอาบน้ำ นางพยาบาลเพิ่งเข้ามาตรวจเช็ค ทุกอย่างอยู่ในระดับปกติ รวมถึงอาการไข้ที่ทุเลาลงมากทีเดียว แต่ที่ยังนอนหลับอยู่เพราะฤทธิ์ยาที่ได้รับเข้าไป โหรใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชื้น ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว เบื้อหน้าคือจอทีวีขนาด 32 นิ้ว ซีรี่ย์ฝรั่งเนื้อหาเข้มข้นน่าสนใจ แต่น้อยกว่าคนบนเตียง

                ปรางค์บอกว่ากุมภ์ฟื้นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ยังไม่ได้สติดีนัก แล้วก็หลับต่อ จากที่เล่าจนถึงตอนนี้ก็เกือบห้าชั่วโมงแล้ว โหรเบือนหน้าไปทางคนป่วย แผ่นอกผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ กระปุกน้ำเกลือลดไปเกินครึ่งแล้ว รอยช้ำบนหลังมือเห็นชัดกว่าเมื่อเช้า แต่ใบหน้าไม่ได้ขาวซีดจนน่าเป็นห่วงอีกแล้ว

                อาหารเย็นที่พวกพันนาซื้อมาให้ถูกตุนอยู่ในตู้เย็น ห้องนี้มีไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน เอาไว้ให้บริการด้วย โหรเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง อีกยี่สิบนาทีจะสองทุ่ม เขายังไม่ได้กินข้าวเย็น ท้องร้องทันทีเมื่อคิดขึ้นได้ว่าเลยมื้อเย็นมาหลายชั่วโมงแล้ว ปกติอยู่บ้านสวนเขากินข้าวเย็นก่อนหกโมงเย็นด้วยซ้ำ

                โหรลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น เลือกเอายำวุ้นเส้นกับผัดไทกับน้ำเปล่าอีกขวดออกมากิน ไม่ได้เอาเข้าไมโครเวฟให้ยุ่งยาก สำหรับเขาแค่กินพออิ่มไม่สนใจเรื่องความเย็นความร้อนหรือแม้แต่รสชาติอยู่แล้ว ซีรี่ย์ในจอฉายไปเรื่อย ถึงไม่เคยดูก็รู้สึกว่ามันสนุกดีเหมือนกัน บรรยากาศในตอนนี้ทำให้คิดถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะบ้านอยู่ไกลเลยต้องไปอยู่หอแน่น ทั้งเล็ก ทั้งแคบแถมโคตรวุ่นวาย ยิ่งช่วงใกล้สอบยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบไม่มีใครได้นอน ติวหนังสือกันค่อนรุ่ง แต่คะแนนสอบก็ออกมาไม่ได้สมใจนึกสักเท่าไร

                กี่ปีแล้วนะที่พ้นรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมรุ่นแทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย คงเพราะเขาตัดขาดจากโลกโซเชี่ยวเลยไม่ได้เห็นความเห็นไปของแต่ละคน จำได้ว่าจ้าวจอมสอนให้เล่น เฟสบุ๊คด้วย ไม่ใช่แค่ไลน์อย่างเดียว ซ้ำไอ้แอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินที่มีตัว f อยู่ตรงกลาง มันยังมีอะไรให้น่าสนใจกว่าไลน์อีกด้วย มือไวเท่าความคิด โหรคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กไปขึ้นมาดู ปลดรหัสล็อคกแล้วกดนิ้วไปที่ตัว f ทันที

                แน่นอนว่าไอ้เจ้าตัวแสบมันจัดการสมัครให้เขาเสร็จสรรพ ภายในเวลาไม่กี่นาที ซ้ำยังใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษเสียด้วย ‘Hor hansa’

                “โหร หรรษา ไอ้ห่าเอ๊ย!” พอเห็นชื่อเฟสบุ๊คของตัวเองก็แทบจะลุกไปเตะไอ้ตัวแสบถึงที่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าป่วยการที่จะไปเอาเรื่องกับเด็กทะลึ่งตึงตังกวนบาทาอย่างนั้น นอกจากจ้าวจอมจะตั้งชื่อให้แล้ว ยังเพิ่มเพื่อนให้อีกด้วย เขามีเพื่อนใน เฟสบุ๊คอยู่สามสิบคน แต่ละคนพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง ดีที่จ้าวจอมไม่ได้ใช้รูปของเขาเป็นโปรไฟล์ แต่เลือกที่ใช้รูปดอกไม้สวยๆ แทน

                นิ้วมือเลื่อนไปดูฟีดข่าว กระทั่งเห็นข้อความของพันนาที่ใช้ชื่อ Pan_Panna แท็กไปถึง KumPa แค่ชื่อเขาก็รู้แล้วว่าเป็นใคร และรูปที่ใช้จะมองแค่ชุดนักศึกษาเขาก็จำได้

                “กุมภ์” โหรพึมพำ ขณะที่นิ้วกดไปที่รูปของกุมภ์

                กุมภ์ยังไมได้รับเขาเป็นเพื่อน เพราะเจ้าตัวยังนอนป่วยอยู่ แต่เขาสามารถเข้าไปดูการเคลื่อนไหวของกุมภ์ได้

                เฟสบุ๊คของกุมภ์ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเลย แต่กลับมีผู้ติดตามเป็นหมื่นคน ไม่ใช่แค่กุมภ์ แต่ทั้งพันนา รชต และชาร์ล ต่างก็ฮอตฮิตไม่แพ้กัน เขาสไลน์หน้าจอ เลื่อนดูรูปที่กุมภ์ลง ทั้งเดี่ยวและกับพวกพ้อง เขาชอบรอยยิ้มของกุมภ์มันสดใสและจริงใจ แล้วสายตาก็สะดุดกับรูปถ่ายคู่กับสาวสวยที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ‘ปรางค์’ พื้นหลังคล้ายกับร้านกาแฟ แต่ใหญ่และหรูหรากว่าร้านที่เขาเคยไปนั่งมาก ทั้งคู่นั่งแนบชิด ใบหน้ายื่นมาจนเกือบจะติดกัน ไม่มีคำบรรยายใต้ภาพ แต่ความคิดเห็นมีร่วมสองร้อย พอเลื่อนอ่านทุกความคิดเห็นไปในทางเดียวกันคือกุมภ์และปรางค์เหมาะที่จะเป็นคนรักกัน

                และอีกรูปที่ดึงความสนใจของเขา คือรูปของกุมภ์กับครอบครัว กุมภ์เป็นลูกคนเดียว เลยมีแค่พ่อกับแม่ เขาจำทั้งคู่ได้ ถึงจะเคยเห็นแค่ครั้งเดียวในวันที่พันนาและรชตบวช กุมภ์มีส่วนคล้ายมารดาอยู่มากโดยเฉพาะดวงตาและจมูก หากว่ากุมภ์เป็นผู้หญิงคงจะสวยสูสีกับมารดาทีเดียว

                โหรถอนหายใจทิ้ง จู่ๆ ก็รู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่เพิ่งกินผัดไทไปได้แค่ครึ่งเดียวและยำอีกไม่กี่คำ นอกจากเรื่องความรู้สึกของตัวเองแล้ว เขายังต้องจัดการอีก สารพัดปัญหาอีก หนักที่สุดคือฐานะทางสังคม ไม่บอกก็รู้ว่าครอบครัวของกุมภ์มั่งคั่งขนาดไหน แล้วเขาล่ะเป็นอะไร หมอก็ไม่ใช่ พรานป่าก็ไม่เชิง ไม่มีอาชีพที่แน่นอน นี่เป็นอีกข้อจำกัดยิ่งเสียกว่าความรู้สึกตัวเองเสียอีก

                เมื่อลิ้นไม่รู้รสความอร่อยเสียแล้ว จึงจำเป็นต้องของที่เหลือกลับไปแช่ตามเดิม ร่างสูงใหญ่กลับมาทิ้งตัวบนโซฟา เพิ่งสำเหนียกได้ว่ายังไม่ได้สวดมนต์ ในห้องมีพระเครื่ององค์เล็กตั้งอยู่ด้วย คงเป็นพันนาหรือไม่ก็รชตนำมาไว้ โหรเลือกนั่งบนพื้น ไม่ห่างจากเตียงคนป่วยนัก มือทั้งสองยกประนมแนบอก ตาปิดลงแล้วตั้งจิตให้นิ่ง ก่อนจะเริ่มสวดมนต์โดยไร้เสียง มีเพียงแต่ริมฝีปากเท่านั้นที่ขยับเล็กน้อย…

               

                เปลือกตาหนักอึ้งราวกับถูกทับด้วยหินก้อนใหญ่ ลำคอแห้งผาก แขนและขาปวดร้าวไปหมด แต่ถึงจะทรมานแค่ไหน หูกลับได้ยินเสียงแผ่วเบา มันเหมือนบทสวดสักอย่างที่ไม่เคยได้ยิน จิตใต้สำนึกบอกให้ลืมตา แต่สมองกลับสั่งให้นอนต่อ ทว่าสุดท้ายแล้วอย่างหลังก็พ่ายแพ้ เขาฝืนความเจ็บปวดทั้งหมดยกเปลือกตาให้เปิดขึ้น

                เสียงสวดมนต์ยังไม่หายไปไหน คราแรกเขาคิดว่ามันเป็นแค่ความฝัน อาการปวดร้าวตามร่างกายไม่ได้หายไปไหน ตอกย้ำให้รู้ว่าบทสวดมนต์ที่ได้ยินมันคือความจริง

                “อือ…” เขาพยายามจะส่งเสียง แต่ลำคอมันแห้งเป็นผง อยากจะลุกขึ้นนั่งแต่ทั้งร่างก็หนักอึ้งไปหมด ดวงตาก็แสบร้อนซ้ำยังพร่าเลือนไปหมด ลมหายใจที่ออกมาร้อนผ่าว อาการแบบนี้ต่อให้เป็นเด็กประถมก็รู้ว่าเขากำลังเป็นไข้ แค่ไม่มีอาการปวดหัวหรือวิงเวียนจนอยากจะอาเจียนเท่านั้น

                กุมภ์หลุบตามองที่หลังมือซ้าย เพราะรู้สึกปวดหนึบมากกว่าส่วนอื่น เขาเห็นเข็มขนาดเท่าหลอดนมปักอยู่และสายยางใสกลมโยงขึ้นไปด้านบน มันคือสายของน้ำเกลือจริงๆ ถึงขนาดต้องให้น้ำเกลือแสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านของพันนา กุมภ์หลับตา ทบทวนความทรงจำสุดท้าย เขาเข้านอนหลังเที่ยงคืนก่อนพันนาด้วยซ้ำ แล้วก็หลับไปทันที แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้ แล้วจะเสียงสดมนต์ปริศนาอีก หรือว่าผีพิกุลแกล้งเขาอีกแล้ว ทว่าเวลานี้เขาไม่ได้กลัวผีสางนางไม้ที่ไหน แต่เขากลับรู้สึกหิวน้ำอย่างรุนแรง กุมภ์รวบรวมกำลังที่เหลือเอื้อมมือไปใกล้หัวเตียง เอียงหน้ามองวัตถุทรงรีสีอ่อน อีกเพียงนิดเดียวปลายนิ้วก็จะคว้าได้อยู่แล้ว แต่เขาเสียการทรงตัวด้วยเรี่ยวแรงที่มีน้อยเกินไป มือเลยพลาดตกลงฟาดขอบเตียงเต็มแรง

                “โอ๊ย”

                เสียงสวดมนต์หายไปพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้น

                โหร

                นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ…โหรไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลย ทว่าอาการเจ็บที่สันมือและความปวดร้าวทั่วร่างมันก็ไม่อาจเกิดขึ้นในความฝันได้เช่นกัน แล้วถ้าอย่างนั้นภาพของโหรที่เขาเห็นในตอนนี้เรียกว่าอะไร

                ภาพลวงตา หรือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเองจากจิตใต้สำนึก

                “คุณ…ฟื้นแล้วเหรอ”

                โหรถาม สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เพียงเท่านั้นภาพลวงตาของโหรยังขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมได้อีกด้วย ที่ร้ายยิ่งกว่าถูกผีพิกุลหลอก คือตอนนี้ฝ่ามือกร้านกำลังกำมือข้างที่เจ็บของเขาเอาไว้

                “ตื่นมาก็หาเรื่องเจ็บตัวเลยนะ คุณยังไม่หายไข้ดี จะเอาอะไรก็เรียกผมสิ”

                นาทีนี้เขาแทบจะลือความเจ็บที่มือและอาการป่วยไปเสียสนิท หัวใจเต้นโครมคราม ไออุ่นจากฝ่ามือของโหรส่งมาถึงหัวใจ ถึงจะเคยอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่โหรจะจับมือเขาด้วยความอ่อนโยนขนาดนี้

                “แล้วคุณจะเอาอะไร น้ำเหรอ หิวน้ำใช่ไหม”

                กุมภ์พยักหน้าเบาๆ โหรละมือออกไป หมุนตัวไปที่โต๊ะตัวเล็กข้างเตียงที่มีเหยือกใส่น้ำของทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ โหรรินน้ำใส่แก้วอย่างชำนาญ ระวังไม่ให้มากเกินไปนัก แล้วค่อยหันมากดปุ่มระดับเตียงนอนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องยกตัวขึ้นนั่ง

                “ค่อยๆ กินนะ เดี๋ยวสำลัก”

                ฝ่ามือทั้งหนาและกร้านกว่าเขาสอดเข้ามาใต้แผ่นหลังยกประคองขึ้น มืออีกข้างยกแก้วน้ำมาจ่อที่ริมฝีปาก ความกระหายน้ำทำให้เขาเกือบลืมคำเตือนของโหร จนอีกฝ่ายต้องบอกซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่กินไปได้ไม่ถึงครึ่งแก้ว โหรก็ดึงแก้วน้ำออก เขาเงยหน้ามองด้วยความสงสัยแกมขัดใจ

(มีต่อ)               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)

               “คุณเพิ่งฟื้น อย่าเพิ่งกินเยอะจะดีกว่า”

                ถึงจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่กล้าขัด โหรปล่อยมือจากแผ่นหลัง ประคองให้เขานอนลงตามเดิม ทำท่าจะกดปุ่มข้างเตียงเพื่อปรับเตียงให้เท่าเดิม แต่เขาเอื้อมมือไปห้ามไว้ก่อน

                “ผมอยาก…นั่งอย่างนี้สักพัก” กุมภ์บอก พอได้น้ำ ลำคอก็ชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง แต่อาการปวดล้าตามร่างกายยังไม่ทุเลาลงสักเท่าไร

                โหรไม่ว่าอะไร เขาลากเก้าอี้ไร้พนักมาใกล้เตียงแล้วนั่งลง ใบหน้าของเขาคงเต็มไปด้วยคำถามกระมัง โหรเลยเริ่มเล่าในสิ่งที่เขาอยากรู้

                “คุณสงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่” โหรยิ้มบางที่มุมปาก ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะเห็นจากผู้ชายหน้าดุคนนี้ “คุณป่วย จ้าวจอมโทรไปบอกผม ผมก็มาทันที แล้วผมก็เป็นคนอาสาเฝ้าคุณเอง อันที่จริงต้องบอกว่าผมขอพันนาเป็นคนเฝ้าคุณต่างหาก…ตอนแรกต้องเป็นพันนา แต่ผมขอ เขาก็เลยยอม แต่ต้องรอให้คนอื่นๆ กลับไปก่อน เราถึงเปลี่ยนกัน”

                “คน…อื่นๆ?”

                “ครับ ก็รชต ชาร์ล คะนิ้งแล้วก็ปรางค์ ส่วนพ่อแม่ของคุณ พวกท่านไม่ได้มาหรอก พันนาบอกแค่คุณเป็นไข้ธรรมดา ผมเห็นด้วยนะ ทางมันค่อนข้างไกล ถ้าต้องขับรถมาอันตราย”

                กุมภ์พยักหน้าเห็นด้วย เขาเองก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วงเหมือนกัน “แล้วทำไม…คุณถึงอาสาล่ะ”

                โหรมองตรงมา ฉวยมือข้างที่เจ็บเอาไว้ วินาทีนั้นหัวใจเขากระตุกวูบเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต แต่ครั้นจะดึงมือออกเรี่ยวแรงมันก็พลันหายลงไปเสียดื้อๆ

                “ผมอยากจะขอโทษคุณ” โหรว่าน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ยังคงความหนักแน่นเช่นเดิม “แต่ผมต้องบอกกับคุณอีกรอบว่าผมไม่ได้รังเกียจเพศที่สาม เพียงแต่ว่ามันยากที่จะยอมรับ…ใจตัวเอง”

                “ใจตัวเอง?” กุมภ์แทรกขึ้น เพราะแปลกใจจนห้ามไม่ไหว

                “ครับ ใจตัวเอง” โหรย้ำคำตอบ “ที่ผ่านมาผมไม่เคยยอมรับว่าตัวเองรู้สึกพิเศษกับคุณ ผมทึกทักไปเองว่ามันคือมิตรภาพระหว่างเพื่อน ทั้งที่พิกุลก็คอยเตือนผมมาตลอด คงเพราะเฝ้าฝันครอบครัวที่อบอุ่นแม้ว่าจะเคยถูกผู้หญิงทิ้งมาแล้วก็ตาม”

                “คุณ...หมะ หมายความว่ายังไง” เสียงกลับมาแหบอีกครั้ง บางทีเขาคงป่วยจนหูฝาดไป โหรไม่มีทางพูดแบบนี้กับเขาเป็นแน่ อาการป่วยของเขาคงจะหนักหนาเอาการถึงได้ยินโหรพูดแบบนี้

                “คุณไม่ได้ฝันหรอก” โหรใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยรอยแดงจางๆ ที่เกิดจากการฟาดขอบเตียง “ผมขอโทษที่ทำให้คุณคิดมากนะ”

                น้ำเสียงของโหรทุ้มต่ำเหมือนดังอยู่แค่ในลำคอ แต่กลับอบอุ่นน่าฟัง กุมภ์รู้สึกถึงแรงกระตุ้นในหน้าอกซ้าย ผิวแก้มร้อนผ่าว ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าชอบสัมผัสจากนิ้วมือกร้านของโหร

                “หน้าคุณแดงๆ นะ ผมว่าคุณนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า เดี๋ยวตอนสี่ทุ่มพยาบาลจะเข้ามาวัดไข้อีกรอบ” โหรบอก พลางกดปุ่มเตียงให้เป็นแนวราบ ปรับหมอนให้พองฟูพอดีสำหรับการนอน “ไม่ต้องห่วงนะ คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”

                “คะ...ครับ” กุมภ์พยักหน้างงๆ ถึงจะยังสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่อาการหัวใจเต้นแรงแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกดีเหลือเกิน...

 

                เกือบหกโมงเช้า พระอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้า โหรนอนแทบไม่หลับเพราะพยาบาลเดินเข้าออกตลอดทั้งคืน เขาไม่ได้นึกโกรธเคือง เพราะมันเป็นหน้าที่ หากคนไข้รายใดรายหนึ่งเกิดผิดปกติขึ้นมาจะได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที แต่ไม่ใช่กับกุมภ์

                อาการของกุมภ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ไม่มีไข้ อุณหภูมิในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ ใบหน้าสดใส และหลับสนิท ไม่มีเพ้อหรือละเมอ เขาเฝ้ามองกุมภ์ด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะสะดุ้งตื่นกลางดึก แต่กุมภ์หลับลึกตั้งแต่บทสนทนาสุดท้าย

                ย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน กุมภ์ตื่นกะทันหัน ต้องเรียกว่ากะทันหันจริงๆ เพราะคนป่วยตื่นระหว่างที่เขากำลังสวดมนต์ ยังไม่ทันจะจบบทดีด้วยซ้ำ แต่ที่เขารู้ว่ากุมภ์ตื่นเพราะเสียงฟาดบางอย่างต่างหาก พอหลุดจากภวังค์ถึงได้เห็นว่าคนป่วยทำท่าจะเงื้อมือไปหัวเตียง ท่าทางมึนงงสับสนของกุมภ์น่าเอ็นดูพิกล แล้วก็ทำหน้าอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหลับไป เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากุมภ์จะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า

                ใช่...เขาขอโทษกับกุมภ์ไป แถมยังสารภาพอีกหลายเรื่องทั้งที่เจ้าตัวยังไม่หายเมายาดี เขาเชื่อเหลือเกินว่ากุมภ์จำไม่ได้ว่าเขาพูดอะไรไปบ้าง หากตื่นขึ้นมารอบนี้ต้องคิดว่าตัวเองฝันไปแน่ๆ

                แต่มันทำให้เขาโล่งอก ก้อนหินหนักอึ้งที่กดทับหน้าอกอยู่นานเป็นเดือนหายไปแล้ว พอเลิกสนใจข้อจำกัดไป อะไรๆ มันก็ง่ายขึ้น แม้แต่การเอ่ยถ้อยคำที่ไม่เคยพูดมาก่อน คิดแล้วก็ขำ ถ้าหากไอ้จ้าวจอมมาไอ้ยินคงล้อยันลูกมันบวชแน่นอน กับแฟนคนแรกเขายังไม่เคยพูดแบบนั้นกับเธอเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าใครหรืออะไรดลใจให้เขากล้าทำอย่างนั้น บางทีผีพิกุลคงเสี้ยมเขามาเกินไป

                เสื้อผ้าของเขาปลิวไปตามแรงพัดของคอมเพลสเซอร์แอร์ คิดว่าสายหน่อยแดดคงช่วยให้มันแห้งสนิท ผู้คนที่เจ็บป่วยหรือญาติของคนเจ็บเริ่มทยอยเข้ามาโรงพยาบาล โหรเบือนหน้าจากทิวทัศน์นอกประตูหลังกลับมาที่คนป่วย แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนป่วยนอนลืมตาแป๋วอยู่บนเตียงแล้ว

                “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”

                โหรเอ่ยทักกุมภ์ที่มองตรงมาที่เขา ท่าทางไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นสักเท่าไร ดวงตาใสแจ๋ว สีหน้าสดใสด้วยเลือดที่เริ่มจะฝาดขึ้นมาบ้าง ติดตรงที่ริมฝีปากแห้งไปเสียหน่อย กุมภ์พยักหน้าหงึกหงักบนหมอนใบโต เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ประสานสายตากัน กุมภ์ก็หลุบตาหลบ ริ้วแดงปรากฏชัดบนใบหน้าขาวจัด เขาเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่า ผู้ชายก็น่ารักน่าเอ็นดูได้เหมือนกัน

                “หิวไหม อีกเดี๋ยวแม่บ้านก็เอามื้อเช้ามาให้แล้วล่ะ”

                กุมภ์พยักหน้าอีกครั้ง จะหิวก็ไม่แปลกหรอก กุมภ์ไม่ได้กินอะไรเลยมาเป็นวันแล้ว โหรเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม มองมือข้างที่ฟาดขอบเตียง มันเขียวช้ำแต่ไม่ได้บวมจนน่าเป็นห่วง ยอมรับอย่างน่าไม่อายเลยว่าแค่กุมภ์เป็นไข้หวัดใหญ่เขาเป็นห่วงมากกว่าพรานกล้าที่ถูกไอ้บอดทำร้ายสาหัสเสียอีก

                ความลำเอียงมันอยู่จริง

                “กินน้ำก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวค่อยเช็ดตัว คุณยังอาบน้ำไม่ได้ไปอีกหลายวัน...ดูทีวีไหม”

                ยังไม่ทันที่คนป่วยจะตอบอะไร เขาก็ยื่นมือไปหยิบรีโมทกดเปิดทีวีช่องหลายสี แน่นอนว่าเช้าขนาดนี้มีแค่รายการข่าวเท่านั้น เสียงนักข่าวสาวช่วยทำให้บรรยากาศแปลกๆ ระหว่างคนทั้งคู่ลดน้อยลง โหดปรับเตียงนอนให้หนุนร่างของกุมภ์ขึ้นมานั่งโดยไม่ต้องขยับตัวมากนัก ใบหน้าของคนป่วยบวมเล็กน้อยคงเพราะนอนมากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความดูดีบั่นทอนลงแต่อย่างใด ผมของกุมภ์ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง สังเกตเห็นอีกอย่าง นอกจากหน้าที่บวมๆ กลมๆ แล้ว ใต้ตาก็บวมด้วยเหมือนกัน

                “มองอะไร?” กุมภ์ถาม หน้างอหน่อยๆ คงเพราะเขาเผลอหลุดยิ้มไป “คนเพิ่งตื่น หน้ามันก็บวมอย่างนี้แหล่ะ”

                “กินน้ำหน่อยไหม” โหรถาม คนงอนผงกหัวรับ เขาเลยเทน้ำในเหยือกใส่แก้ว กุมภ์ยื่นมือข้างที่เจ็บมารับแก้วเพราะอีกข้างติดสายน้ำเกลือ เอื้อมไม่ถึง แต่เขาไม่ส่งให้ และยกแก้วน้ำจ่อที่ริมฝีปากสีอ่อนให้แทน

                กุมภ์ช้อนตามองด้วยความแปลกใจ แต่ก็อ้าปากยอมให้เขาป้อนน้ำให้ ค่อยๆ จิบน้ำตามที่เขาบอกเบาๆ ไม่นานน้ำก็หมดแก้ว กุมภ์ถอนหายใจยาวสีหน้าผ่อนคลายลงมาก 

                “หิวข้าวแล้ว”

                “รอก่อน แม่บ้านยังไม่เอาข้าวมาให้ เกือบเจ็ดโมงนั่นแหล่ะ คุณอย่างอื่นรองท้องก่อนไหม หรือจะล้างหน้าล้างตาเช็ดตัวก่อนดี”

                “ล้างหน้าก่อนก็ได้...แต่ไม่เช็ดตัวนะ”

                “ทำไมล่ะ” โหรถาม ทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

                “...ผมหนาว” ตอบเสร็จก็ก้มหน้า เล่นเกมหลบตากับเขาเสียอย่างนั้น

                “เดินไหวไหม หรือจะให้ผมแปรงสีฟันมาที่เตียง”

                “ไหวครับ...”

คนป่วยค่อยๆ เหวี่ยงขาลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง เพราะมือข้างซ้ายผูกติดกับเสาน้ำเกลือ โหรช่วยเลื่อนเสาน้ำเกลือให้ แต่พอเท้าเหยียบพื้น ร่างโปร่งบางก็เซเจียนจะล้มดีที่โหรสอดมือรัดเอวเอาไว้เสียก่อน

                กุมภ์เงยหน้ามองกระพริบตาปริบๆ ริ้วแดงปรากฏชัดกว่าเมื่อครู่ แล้วเจ้าตัวก็เบือนหน้าหนี พึมพำขอบคุณเบาๆ

                โหรไม่ยอมปล่อยให้กุมภ์เดินเอง แม้ระยะทางจากเตียงไปห้องน้ำจะแค่ไม่กี่เมตร มือใหญ่โอบรอบเอว อีกมือก็ช่วยลากเสาน้ำเกลือ โดยไม่รู้สักนิดว่าอีกคนใจเต้นแรงจนหัวใจจะทะลุออกนอกอยู่แล้ว

                ห้องน้ำขนาดเล็กยิ่งคับแคบกว่าเดิมเมื่อมีผู้ชายมายืนเบียดกัน โหรไม่ยอมขยับไปไหนขณะที่กุมภ์ไม่กล้าทำอะไร ที่จริงแล้ว กุมภ์ไม่ได้อยากแค่ล้างหน้าแปรงฟัน แต่อยากจะปลดเบาด้วย ทว่าโหรก็ยังยืนนิ่งแม้ว่าเขาจะยืนยันแล้วว่าเขาสามารถล้างหน้าได้เอง

                กุมภ์ประสานสายตากับคนตัวโตที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยความหนักใจแกมตื่นเต้น ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกในการใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ชาย แต่ทุกคนคือเพื่อน และเขาก็ไม่เคยคิดเกินกับใคร ยกเว้นแต่ผู้ชายหน้ามึนที่ยืนอยู่ข้างหลัง คิ้วหนาเข้มเข้ากับเครื่องหน้าอย่างคนไทยแท้เลิกสูงคล้ายสงสัยว่าทำไมเขายังยืนบื้ออยู่กับที่

                “เอ่อ...คุณออกไปก่อนก็ได้ครับ ผมทำเองได้”

                “ผมเป็นห่วงคุณ แค่เดินเองยังเดินไม่ไหว”

                ท้องน้อยปวดหน่วงมากขึ้นทุกทีสวนทางกับความอดทน เขานอนมาทั้งวันไม่ได้ลุกเข้าห้องน้ำเลย ถึงได้ปวดหนักขนาดนี้ กุมภ์เลิกลั่ก ทางเลือกเขามีแค่สองใหญ่คือไล่โหรออกจากห้องน้ำให้ได้ กับทนหน้าด้านฉี่ต่อหน้าโหร ซึ่งดูเหมือนว่าอย่างหลังจะง่ายกว่า

                “ปวดฉี่เหรอ...หันมาทางหนี้สิ”

                โหรคงจะอ่านท่าทางของเขาออก ร่างสูงใหญ่ขยับเปิดทางเล็กน้อยเพื่อให้เขาเบี่ยงตัว กุมภ์ถอนหายใจยาว หน้าร้อนวูบวาบจนคิดว่าไข้จะกลับ แต่อาการปวดท้องน้อยมันก็มากจนทนไม่ไหว สุดท้ายก็จำต้องเบี่ยงปลายเท้าไปทางที่โหรเปิดให้ มือกำเสาน้ำเกลือออกแรงลากให้มันเคลื่อนตามกัน แค่สองก้าวก็ถึงชักโครกแล้ว

                “ปลดกางเกงถนัดไหม เดี๋ยวผมช่วย”

                “ไม่ต้อง!” กุมภ์ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่อีกฝ่ายยอมฟังเสียที่ไหน มือหน้ายื่นมาแถวเอวกางเกงที่แสนจะหลวม กุมภ์ตกใจตาโตพยายามดันมือที่ใหญ่และหนากว่าตัวเองออก ปากก็พร่ำบอกว่าตัวเองทำเองได้ ทว่าสุดท้ายเรี่ยวแรงของคนที่เพิ่งฟื้นไข้ต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายตัวใหญ่เท่าตึก

                กางเกงผู้ป่วยสีเขียวอ่อนซีด ถูกปลดลงมาถึงสะโพกด้วยมือใหญ่ โหรก้มตัวจนศีรษะอยู่แถวต้นแขน ท่าทางตั้งใจจนน่าโมโห กุมภ์หน้าแดงจัดไปถึงใบหู ส่วนนั้นกำลังขยายตัวเพราะปวดหนัก มือที่ไม่มีเข็มน้ำเกลือเจาะจับของตัวเองไว้ กุมภ์หลับตาแน่นตอนที่น้ำที่อัดอั้นปล่อยออกมา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกสบายตัวหรือเจ็บใจมากกว่า

                “หมดแล้วเหรอ” เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นใกล้ๆ กุมภ์ลืมตาขึ้นด้วยความจำใจ แล้วก็ต้องอยากจะเอาหน้ามุดชักโครกหนีเมื่อดวงตาคมอยู่ห่างไปแค่คืบเดียวเท่านั้น

                “หมดแล้ว!”

                กุมภ์กระชากเสียงตอบ ยื้อขอบกางเกงขึ้น แต่โหรไม่ยอม “ไม่เช็ดก่อนเหรอ เดี๋ยวอับชื้น มันจะไม่ดีนะ”

                “โว๊ย! หยุดยุ่งกับผมสักที ไม่รู้หรือไงว่าอายจะตายอยู่แล้ว” กุมภ์โผล่งเสียงดัง ทั้งอายทั้งโกรธ หน้าดำหน้าแดงไปหมด

                “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แทนที่จะโกรธโหรกลับระเบิดหัวเราะออกมา ร่างสูงดึงกระดาษทิชชู่มาแล้วส่งให้ ก่อนจะยกมือยอมแพ้ กางเกงเกือบจะหลุดลงไปกองพื้นดีที่คว้าไว้ทัน แล้วโหรก็ถอยห่างออกไป...แค่ก้าวเดียว

                กุมภ์รับกระดาษทิชชู่รีบเช็ดแล้วรีบดึงกางเกงขึ้น เข็มน้ำเกลือทำให้การผูกกางเกงยากกว่าที่คิด เพราะไม่ใช่ขอบยางยืด จำต้องเอาขอบมาผูกกัน ครั้นจะขอความช่วยเหลือจากคนหน้ามึนก็ทำไม่ได้เพราะแค่นี้ก็อายที่สุดในชีวิตแล้ว ใช้เวลากับความหงุดหงิดไปพักหนึ่งถึงจะถูกเอวกางกางได้

                โหรใช้เวลาที่เขาจัดการกับกางเกงบีบยาสีฟันไว้คอยท่า ส่งให้เขาอย่างรู้หน้าที่แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยปากขอ มืออีกครั้งก็จับเสาน้ำเกลือแทน โหรขยับตัวจนแผ่นหลังชิดผนัง ยืนมองเขาล้างหน้าแปรงฟัน ด้วยสภาพที่ค่อนข้างทุลักทุเล เพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวก และยังไม่ชินกับเสาน้ำเกลือ

                “ล้างหน้ายังไงผมเปียกไปหมด เดี๋ยวก็ไข้กลับหรอก”

                กุมภ์มองหน้าตัวเองในกระจก ผมด้านหน้าเปียกอย่างที่โหรว่าจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร มือใหญ่ก็วาดโอบรอบตัว หัวไหล่เกยกับอกกว้าง กว่าจะรู้ตัวเขาก็ถูกพาออกจากห้องน้ำเสียแล้ว

                “นั่งก่อน เดี๋ยวเช็ดผมให้”

                “มะ ไม่ต้อง ผมเช็ดเองได้” เป็นอีกครั้งที่ปฏิเสธ และก็เป็นอีกครั้งที่โหรไม่ฟังกัน

                ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับเก็บในลิ้นชัก ถูกนำออกมาเช็ดผมที่เปียกชื้นให้ กุมภ์รู้สึกหวิวไหวในอก ตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่แม่คนเดียวที่เคยช่วยเช็ดผมให้ แต่ก็นานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายกระมัง ที่เขาแทบไม่ให้พ่อแม่เข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัว แรงขยี้เบาๆ อ่อนโยนได้อย่างคาดไม่ถึง คนที่มือทั้งใหญ่ทั้งกร้านแต่กลับนุ่มนวลได้ขนาดนี้ กุมภ์หมดคำโต้แย้งปล่อยให้คนตัวโตกว่าช่วยเช็ดผมให้จนมันหายเปียก หยาดน้ำที่เกาะตามใบหน้าก็พลอยแห้งไปด้วย

                “จะไม่เช็ดตัวจริงๆ เหรอ คุณใส่ชุดนี้มาเป็นวันแล้วนะ”

                “ไม่! เหงื่อไม่ได้ออก ผมทนได้”

                โหรไหวไหล่ไม่ได้ดื้อดึง ซึ่งกุมภ์ว่ามันเป็นเรื่องดี แค่ต้องฉี่ต่อหน้าคนอื่นก็แย่พอแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย...



*อัพเร็วแล้วจ้า*

**อย่าเพิ่งเบื่อเด้อ หมดเรื่องตื่นเต้นแล้ววววว จากนี้ไปคือเรื่องราวของหัวใจจ้า**

***เจอกันวันศุกร์จ้า***

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่โหรรร ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ  :z1:ขำจ้าวจอมนี่มันตัวแสบจริงๆ ถ้าจ้าวจอมคู่กับพี่โหร พี่โหรคงต้องอัดพาราทั้งกระปุกทุกวันแน่ๆ55555

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อเค้าขนาดนี้สารภาพว่ารักไปเลยพี่โหร
โหรโหมดอ่อนโยนมันกระชากใจมากบอกเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยย กุมภ์จะเอาไปไว้ไหนอะ เขินแทน 5555

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
โห รุกเร็วมากพ่อ เริ่ด

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โหยยย มาเร็วโดยไม่รู้ตัว มาพร้อมกับความหวานแหววเลยนะพี่โหร
เราเป็นกุมภ์ ก็คงอายอะนะ ไม่ใช่เพื่อน และเป็นคนแอบชอบด้วย
ว๊ายๆๆๆ พูดไม่ออก อิอิอิ โหรก็ไม่รู้บางเลยว่าคนเขาอายแล้วใจเต้นแรงด้วย
น่ารักมากจ๊ะตอนนี้
มีความสุขที่ได้อ่านจ๊ะ
 :z2: :z2: :z2: :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด