ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65408 ครั้ง)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
กุมภ์แอบเสียความมั่นใจเลยแหะ  :กอด1:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลุ้นมากค่ะ ใช้จนหยดสุดท้ายจริงๆ เลย
สาปสูญสักทีทั้งเสือทั้งคนไม่เต็มคน
ไม่ต้องมีใครเดือดร้อนอีกแล้ว

โหรเป็นคนฉลาดและจิตแข็งพอตัวเลยค่ะ โชคดีมาก
เคยทำไม่ดีไว้ และคิดได้ ก็ไม่คิดทำบาปอีก

กุมภ์เอ้ยย ห่วงออกอาการขนาดนี้ คนไม่คิดยังไงไหว
แต่อย่านอยด์ไปเลยนะ พันนาแซ็วแบบนั้น คิดว่าไม่รู้หรอ

เจ้าจอมคือจอมซน จอมดื้อตัวจริงค่ะ

พันนากับรชต เตรียมบวชแล้ว ดีที่รชตปลอดภัย
ได้มาปลดปล่อยและอโหสิกรรมต่อกัน

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หูยยยย  รูปปกพี่โหรหล่อมากอ่าาาา

ออฟไลน์ spy_2003

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออยุ่น้าาาาาาาาาาาาาาา :hao4:

ออฟไลน์ yaoigirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไรต์ค่ะ หวยไม่ถูกก็มาต่อเถอะนะ เรารออยู่จ้า คิดถึงพี่โหร

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #246 เมื่อ27-12-2019 21:18:53 »

ตอนที่ 15 ขอบใจ



            จ้าวจอมบอกกับตัวเองเป็นร้อยรอบพันรอบว่าไม่ชอบความวุ่นวายของตัวเมืองเอาเสียเลย ถึงแม้จะเป็นแหล่งเงินชั้นดีก็ตาม พวกในเมือง โดยเฉพาะอาเสี่ย อาเฮีย ทั้งแหล่ะนี่แหล่ะคือลูกค้าวีไอพี ให้เงินสูงยิ่งกว่าพ่อค้าแม่ค้าเสียอีก โสมป่าราคาแพงหากส่งถึงมืออาเสี่ย อาเฮีย เขาจะได้เงินจนตุงกระเป๋า เพราะมันคือยาบำรุงชั้นดีที่หายากมากขึ้นเรื่อยๆ  นั่นเอง

                เหงื่อออกจนหน้าผากเริ่มจะชื้นเหงื่อ แดดเมืองไทยแรงไม่แพ้ชาติใดในโลก อาการหงุดหงิดยิ่งทบทวีเมื่อมีคนมาเบียดเบียนสถานที่บังแดด แต่จะก่นด่าใครก็ไม่ได้เพราะตรงนี้คือป้ายรถโดยสารประจำทาง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะโดยสารเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง

                จ้าวจอมกระชับกระเป๋าเป้ใบที่อยู่ด้านหลัง จมูกคันยุบยิบเพราะมีกลิ่นบุหรี่โชยมารบกวนเป็นระยะ สองเท้าเขย่งมองฝ่าเปลวแดดไปเบื้องหน้าเผื่อว่าจะเป็นเที่ยวรถของตน แต่ก็ต้องดึงคอกลับเพราะนอกจากรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งปาดรถกระบะ อีกไม่กี่นาทีก็จะสี่โมงเย็นแล้ว แถมยังต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ซ้ำร้ายท้องยังร้องจ๊อกเพราะใกล้เวลามื้อเย็น บวกกับกิจกรรมในวันเปิดเทอมวันแรก มันพรากเอามื้อกลางวันไปตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้ว อันที่จริงจะซื้อน้ำอัดลมใส่ถุงกับลูกชิ้นกินสักสองไม้ก็ได้ เพราะร้านค้าแผงลอยมีเกลื่อนเต็มหน้ารั้วโรงเรียน แต่มันอร่อยถูกใจ สู้รสมือของแม่ไม่ได้ เลยจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน

                ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่ต้นคอเลยไปถึงท้ายทอย นึกเสียดายเส้นผมที่ถูกไถไปเศษสามส่วนสี่ของศีรษะ ถึงจะไม่ใช่ทรงสามด้านเกรียน แต่มันก็สั้นไม่เท่ห์เอาเสียเลย

                ถึงแม้จะมีอาชีพหาของป่ามาขาย แต่จ้าวจอมเป็นยังเป็นเยาวชน ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลาย ครอบครัวไม่เคยให้จ้าวจอมยกเลิกการเรียน ด้วยหวังอยากให้ลูกชายมีอนาคตที่ดีกว่าการเป็นพรานป่า จ้าวจอมไม่เคยขัดใจพวกท่าน เพราะลึกๆ แล้วก็รู้ดีว่าอาชีพพรานป่าไม่อาจอยู่รอดได้ในยุคนี้สมัยนี้

                จ้าวจอมกับจ๋อมไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน จ๋อมยังเรียนชั้น ม.ต้น อยู่ใกล้บ้าน แต่ถ้าเรียนจบเมื่อไรก็ต้องมาเรียนในตัวเมืองเหมือนกัน จ้าวจอมบ่นอิจฉาน้องสาวบ่อยๆ ที่ไม่ต้องทนนั่งรถสองแถวดมกลิ่นควันรถเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ตำบลที่เขาอยู่ก็กันดาลเหลือใจ แค่รถเมล์ยังไม่วิ่งผ่าน ต้องอาศัยรถสองแถวเก่าๆ ที่วันหนึ่งวิ่งไม่กี่เที่ยวเท่านั้น

                ขณะที่ความหงุดหงิดเพิ่มสูงขึ้นทุกที จู่ๆ รถยนต์สีดำเงาปลาบก็มาจอดเทียบฟุตบาท จ้าวจอมไม่นึกสงสัยอะไร เพราะอาจจะมีผู้ปกครองของเด็กสักคน แต่เมื่อกระจกเลื่อนลงก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่ยื่นหน้าออกมาไม่ใช่ผู้ปกครอง แต่เป็นใครบางคนที่หายไปจากความคิดได้สักระยะแล้ว

                “ไอ้...พัน” จ้าวจอมอุทาน สับสนงงงวยไปหมด แต่ยังไม่ได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็กวักมือพร้อมร้องเรียก

                “ขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวพี่โดนด่า”

                จ้าวจอมยืนงงอยู่ราวสิบห้าวิ ก็ตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วแทรกตัวลงนั่งบนเบาะหนังแสนนุ่ม

                รถญี่ปุ่นคันละร่วมล้านทะยานออกสู่ท้องถนน ทิ้งไว้แค่ไอเสียที่ลอยห่างออกไปทุกที...

               

                ทางไปบ้านของจ้าวจอมยังคงทุรกันดารเช่นเดิม ลูกลังสีแดงเปื้อนตัวรถสีดำ ฝุ่นลอยคลุ้งในอากาศ พระอาทิตย์ทอแสงอ่อนลงทุกที อีกไม่ถึงชั่วโมงมันก็จะลาลับขอบฟ้าไป พันนาเหลือบมองเด็กหนุ่มหัวเกือบเกรียนข้างๆ เสื้อสีขาวกับกางเกงสีน้ำเงินไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ถึงจะเจ้าตัวจะเคยเล่าว่าตนยังเป็นนักเรียนมัธยม แต่เขาชอบชุดผ้าพื้นเมืองแบบเดิมมากกว่า พอใส่ชุดนักเรียนยิ่งทำให้จ้าวจอมเด็กยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

                “ตัดผมตั้งแต่เมื่อไร” พันนาเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าจะตัดออกไปไม่น้อยเพราะมองเห็นหนังหัวขาวๆ และท้ายทอยที่เปิดโล่ง

                “เมื่อวาน” จ้าวจอมตอบ พลางยกมือขึ้นลูกส่วนท้ายของศีรษะที่สั้นเตียน “คุณมาทำอะไรหน้าโรงเรียนผม”

                พันนานิ่งไปชั่วอึดใจ จะกล้าบอกได้อย่างไรว่าอยากจะมารับกลับบ้าน ขืนหลุดปากบอกไปมีหวังโดนไอ้เจ้าเด็กปากปีจอล้อตาย “เอ่อ พอดีผ่านมาน่ะ”

                “ผ่านมา?” จ้าวจอมเอียงคอมอง ด้วยยังไม่หายสงสัย พันนากลืนน้ำลายลงคอพลางหาคำตอบที่พอจะเอาตัวรอดไปได้

                “ไปดูหนังกับเพื่อน แล้วผ่านทางนี้พอดี”

                จ้าวจอมพยักหน้าหงึกหงัก “ผู้หญิงคนนั้นสินะ”

                พันนาขมวดคิ้ว “คนไหน?”

                “ก็คนที่เคยเจอเมื่อคราวก่อนที่เจอหน้าเซเว่น คนขาวๆ นมใหญ่ๆ อ่ะ” จ้าวจอมตอบตรงเป็นกำปั้นทุบดิน

                พันนาหัวเราะในคอ ผู้หญิงที่จ้าวจอมพูดถึงคือ หนูนา อดีตคนรักที่เคยคบหากันก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าหนูนารูปร่างหน้าตาเป็นไปตามที่จ้าวจอมพูดจริงๆ สัดส่วนยวนใจ โดยเฉพาะหน้าอกมันใหญ่ล้นเกินฝ่ามือผู้ชายตัวใหญ่ๆ อย่างเขาเลยล่ะวันที่ได้เจอกับเธอเขายังชื่นชนในความน่ารักน่ามองของเธออยู่ คำพูดช่างออดอ้อน แต่ปัญหาที่ได้เจอในตอนนั้นมันหนักหนาเกินกว่าจะสนใจเรื่องใต้สะดือ ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง เขาเลิกสนใจหนูนาไปแล้ว จะเรียกว่าหายไปจากความคิดก็ไม่ผิดนัก

                “เพื่อนจริงๆ ไอ้ชาร์ลกับคะนิ้ง มันจะกลับกรุงเทพฯ ก่อน”

                จ้าวจอมร้องอ๋อ “แล้วไม่อยู่รอจนถึงงานบวชคุณเหรอ”

                “เลิกเรียกคุณ แล้วเรียกพี่แทนได้ไหมล่ะ เหมือนที่เรียกโหรน่ะ”

                จ้าวจอมทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอ แต่ก็ยอมเปลี่ยนสรรพนามตามที่ขอ “เออ ก็ได้วะ แล้วเพื่อน...พี่ไม่อยู่จนถึงงานบวชหรือไง”

                “พ่อกับแม่ไอ้ชาร์ลมารับ พ่อไอ้ชาร์ลเป็นคนเยอรมัน เขาไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้หรอก เห็นว่าจะพากลับไปเยอรมันเลย คะนิ้งเลยตามกลับไปด้วย”

                เจ้าเด็กช่างซักเลิกสงสัย เรื่องเหนือธรรมชาติหากไม่เจอกับตัวก็ยากที่จะยอมรับว่ามันมีอยู่จริง แม้ว่าชาร์ลกับคะนิ้งจะเกือบตายมาแล้วก็ตาม แต่ก็ป่วยการหากจะอธิบายให้คนที่ไม่เชื่อฟัง

                ภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง พันนาเลยเอื้อมมือไปเปิดเพลงสากลที่ชอบฟัง ปรับเสียงให้ดังพอดี ดวงตาเพ่งมองไปยังถนนลูกรัง สองข้างทางคือนาข้าว ข้าวออกรวงสุกเหลืองเรืองรอง ด้านหลังไกลๆ คือภูเขาลูกใหญ่เรียงตัวกันทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นทิวทัศน์ที่สวยเหมือนภาพถ่าย

                คนข้างๆ เองก็เงียบเสียงไปเช่นกัน พันนาหันไปมองก็เห็นว่าศีรษะของจ้าวจอมเอียงพับไปด้นข้าง

                 พันนาเผลอยิ้มไม่รู้ตัว จ้าวจอมในยามนี้คือหนุ่มน้อยวัยมัธยมปลายจริงๆ ถึงจะดื้อ ซน และเก่งแค่ไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังเป็นแค่เด็กวัยุร่นคนหนึ่งเท่านั้น เขายังจำช่วงเวลาในวัยนี้ได้ดี รู้ด้วยว่าหลังเลิกเรียนเหนื่อยและหิวแค่ไหน แต่เขาดีกว่าจ้าวจอมมาก เพราะบ้านอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก แถมมีเงินซื้อของกินเหลือเฝือ มีมากพอซื้อเผื่อเพื่อนฝูงด้วยซ้ำไป

                รถยนต์สีดำที่ตอนนี้ขมุกขมัวด้วยฝุ่นลูกรังมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นตอนที่พระอาทิตย์เจียนตกดินเต็มที หมาพันธุ์ไทยแท้สองสามตัวเห่าต้อนรับ เด็กสาวหุ่นเจ้าเนื้อผิดกับพี่ชายเดินออกมาต้อนรับ ในมือมีลูกชิ้นปิ้งไม้ละห้าบาทอยู่ด้วย พันนาหันไปสะกิดจ้าวจอมที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ท่าทางจะหลับลึกจริงๆ เพราะรถจอดดับเครื่องแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว

                “ไอ้เด็กดื้อ ถึงบ้านแล้ว” พันนาบอกเสียงทุ้ม นึกเอ็นดูท่าทางในตอนนี้ของจ้าวจอมนัก คอเอียงจนน่ากลัวจะเคล็ดค่อยๆ ยกขึ้น ดวงตาปรือปรอยแดงเรื่อ ริมฝีปากเล็กอ้าปากหาวหวอด แขนกยกเหยียดคลายความเมื่อยเพราะขณะที่หลับก็กอดกระเป๋าเป้คู่ใจไม่ปล่อย นานราวครึ่งนาทีเจ้าตัวถึงได้รู้ว่าเผลอหลับไป ดวงตากลมโตกระพริบรัวสองสามครั้งเพื่อตั้งสติ

                “ถึง บ้านแล้วเหรอ”

                “อืม จ๋อมออกมารับแล้ว” พันนาพยักเพยิดไปทางเด็กสาวที่จัดการลูกไม้หมดไม้พอดี

                “ขะ ขอบคุณนะพี่” จ้าวจอมยกมือไหว้ปะลก เปิดประตูก้าวออกไปโดยไม่ลืมเหวี่ยงปิดเสียงดังปัง พันนาไม่ได้ถือสากับความมารยาทของเด็กดื้อสักเท่าไรนัก เขาดึงกุญแจออก ก้าวลงตามไปอีกคน

                “อ้าวพี่ หนูนึกว่าพี่จะกลับเลย”

                จ้าวจอมหันกลับมาด้านหลัง ดวงตามีแววแปลกใจ กำลังจะอ้าปากถาม พันนาก็ชิงตอบซะก่อน

                “พี่ว่าจะขอฝากท้องสักมื้อ จ๋อมไม่ว่าใช่ไหม” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก เด็กสาวส่ายหน้าน้อยๆ

                “ไม่อยู่แล้ว วันนี้แม่ทำแกงเลียงเห็ดของโปรดพี่จอมด้วย พี่กินเป็นไหมอ่ะ”

                “กินเป็นสิ” พันนาตอบ ก้าวยาวๆ ไปยืนข้างเด็กชายชุดนักเรียน

                จ้าวจอมเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

 

                สาเหตุที่หาเรื่องมารอรับเด็กดื้อชื่อจ้าวจอมก็เพราะอยากจะมาบอกเรื่องบวชกับน้าเอื้อและน้านุชด้วยตัวเอง  อันที่จริงงานบวชของเขากับรชตไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร เชิญก็แต่ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนน้าเอื้อและน้านุชรวมถึงพรานกล้าคือกรณีพิเศษ เขาไม่เคยลืมบุญคุณของพรานกล้า ผู้เสียสละปกป้องพวกเขาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เคยไปเยี่ยมอยู่แค่ครั้งเดียวหลังจากหมดเรื่อง พรานกล้าแข็งดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ บาดแผลต่างๆ กลายเป็นแผลเป็นที่สร้างรอยจารึกว่าครั้งหนึ่งเคยได้ปะทะกับครึ่งผีครึ่งเสือ เชื่อเหลือเกินว่าวีรกรรมของพรานกล้าจะต้องไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานและรุ่นต่อๆ ไปอย่างแน่นอน

                เช่นเดียวกับโหร รายนั้นทำเอาเขาอึ้งได้หลายอย่าง ทั้งควายธนู (ที่เขามั่นใจว่าเห็นคนเดียว) ไหนจะความสามารถในการสื่อสารกับดวงวิญญาณ ภาพที่โหรกระชากเส้นด้ายสีแดงที่พันธนาการรอบลำคอของผีพิกุลยังติดตาเขาอยู่เลย นี่ไม่นับรวมการรับมือกับไอ้บอด เสือผีแสนร้ายกาจ และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้ นั่นคือฝีมือการยิงปืน จากที่ฟังกุมภ์เล่า โหรมีฝีมือไม่น้อยสมกับเป็นหลานพรานป่าอันเลื่องลือ

                พูดถึงกุมภ์ จนป่านนี้เขายังเค้นเอาเหตุผลตอนที่เจ้าเพื่อนสนิทวิ่งฝ่าความมืดกลับไปหาโหรไม่ได้เลย ทั้งเขาและจ้าวจอมห้ามไม่ฟัง ครั้นจะตามไปก็เป็นห่วงรชต จ้าวจอมเชื่อมั่นว่ากุมภ์จะปลอดภัยตราบใดที่โหรยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงทั้งคู่จะมีสภาพอ่อนระโหยโรยแรงมากก็ตาม

                พันนาพาตัวเองขึ้นมาอยู่บนชั้นสองของบ้านไม้ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน น้าเอื้อและน้านุชยังคงให้การต้อนรับเขาอย่างดี พอรู้ว่าเขาเป็นคนรักจ้าวจอมมากจากโรงเรียนก็ขอบคุณเป็นการใหญ่ นอกจาจะชวนเขากินมื้อเย็นด้วยกันแล้วยังชวนให้นอนค้างสักคืนด้วย และแน่นอนว่าเขาตอบรับในทันที

                เสียงแมลงกลางคืนดังระงม สลับกับเสียงเคาะกระทะเป็นระยะของน้านุช เพราะมีสมาชิกมาเพิ่มน้านุชเลยใจดีเจียวไข่เพิ่มให้ พ่วงด้วยข้าวโพดหวานต้มที่เพิ่งหักมาใหม่ๆ จากไร่หลังบ้าน พันนารู้สึกว่าชีวิตในชนบทมันเรียบง่ายแต่สบายใจยิ่งนัก ชักจะไม่อยากกลับไปเมืองกรุงเสียแล้วซี

                “ทำไมพี่ชอบมาบ้านเราจัง”

                คนถามนั่งตัวกลมอยู่ข้างๆ ถ้าหากว่าจ๋อมผอมลงกว่านี้สักสิบกิโลคงจะเป็นเด็กสาวที่หน้าตาน่ารักไม่น้อย ผิวขาวเหมือนหยวกกล้วย ผมสีดำสนิทตัดสั้นจนมองเห็นติ่งหู ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งพอดี ริมฝีปากบางเล็ก องค์ประกอบโดยรวมคล้ายจ้าวจอมอยู่เหมือน แต่น่าเอ็นดูมากกว่า

                “ทำไมล่ะ ไม่ชอบพี่เหรอ” เขาถามกลับ จ๋อมส่ายหน้าปฏิเสธ

                “เปล่า แค่สงสัยน่ะ เพราะไม่เห็นว่าพี่กับพี่จอมจะสนิทกันสักเท่าไร”

                จริงอย่างที่จ๋อมว่า เขากับจ้าวจอมยังไม่สนิทกัน ถึงจะได้ผจญภัยเฉียดตายร่วมกัน แต่ความสนิทสนมมีแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ระยะเวลาในการรู้จักไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ แต่อะไรบางอย่างในตัวจ้าวจอมมันดึงดูดให้เขาเข้าหา อยากเป็นมิตร หรือไม่ก็ชวนทะเลาะ พันนาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่การที่ได้ปะทะฝีปากกับจ้าวจอมมันสนุกพอๆ กับการถ่ายรูปเลยทีเดียว

                “พี่ก็อยากจะสนิทอยู่นะ แต่พี่ชายเราเล่นตัวเหลือเกิน” เขาพูดยิ้มๆ

                “พี่พูดเหมือนจะจีบพี่จอมเลยอ่ะ” จ๋อมถูกตรง และมันก็พุ่งตรงมาที่หัวใจของเขาด้วยเช่นกัน

                จีบ อย่างนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร เขาเป็นผู้ชาย และจ้าวจอมเป็นผู้ชายถึงอีกฝ่ายจะน่ารักมากกว่าก็เถอะ

                แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

                “บ้าแล้ว พี่จะไปคิดอย่างนั้นได้ยังไง ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ” พันนาส่ายหน้าดิก รู้สึกขนลุกขึ้นมาจริงๆ หากแต่คนฟังกลับทำหน้าเหม็นเบื่อ

                “ทำเป็นพูดดี ถ้าพี่จอมมีแฟนขึ้นเมื่อไรจะมาบ่นเสียดายไม่ได้นะ”

                พูดจบเด็กอ้วนก็สะบัดหน้าเดินลงไปชั้นล่าง ทิ้งให้เขามึนอยู่กับประโยคนั้นนานสองนาน

 

                “คุณจะบวชวันที่ 2 เหรอ ก็อีกไม่กี่วันแล้วสิ วัดไหนล่ะ”

                น้านุชถามถึงวัดที่จะบวช ซึ่งพอบอกชื่อวัดทุกคนก็รู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดที่ตาของจ้าวจอมบวชอยู่ กำหนดบวชคือหนึ่งเดือน และจำเป็นจะต้องอยู่สถานที่สงบจริงๆ ไม่เช่นนั้นการปฏิบัติธรรมจะไม่ได้ผล มารดาของเขาเล่าว่าเจ้าอาวาสเคร่งมาก ท่านฉันแค่มื้อเดียวแถมยังเป็นมังสะวิรัติเสียด้วย

                “ทำไมเลือกวัดนี้ล่ะ” น้าเอื้อถาม

                “พี่โหรแนะนำครับ บอกว่าวัดนี้ปฏิบัติเคร่ง”

                “จะทำได้เร้อ”

                บนโต๊ะอาหารดูเหมือนจะเงียบไปชั่วประเดี๋ยว และก็ถูกทำลายด้วยเสียงช้อนครูดก้นจานไข่เจียวของจ๋อม น้านุชส่งสายตาตำหนิยังไปบุตรชายคนโต ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน กินแกงเลียงเห็ดต่อซ้ำยังซูดน้ำเสียดังอีกด้วย

                สรุปก็คือเขาอยากจะมาเชิญทั้งท่านสองไปงานบวชด้วยตัวเอง เขารู้สึกว่าน้าเอื้อและน้านุชเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

                มื้อเย็นจบลงอย่างเรียบง่าย น้านุขแจกจ่ายข้าวโพดคนละฝักสองฝัก จ้าวจอมคว้าข้าวโพดแล้วหยุดที่หน้าจอทีวีเช่นเดียวกับจ๋อม แต่รายหลังมีสมุดการบ้านกางอยู่คนโต๊ะไม้ขัดมันด้วย

                “พี่พัน สอนการบ้านหน่อยสิ หนูก่อนอังกฤษ” จ๋อมเอ่ยปาก โดยไม่ต้องมีอรัมภบทให้เสียเวลา

                “ทำไมไมให้พี่ชายสอนล่ะ”

                พี่ชาย ของจ๋อมเงยหน้ามอง แล้วเบือนสายตากลับไปยังละครตอนเย็นตามเดิม พันนาเลือกนั่งบนโซฟาไม้เนื้อหนาสีน้ำตาลเข้ม ตัวเดียวกับที่จ้าวจอมนั่ง โดยมีเด็กสาวตัวอ้วนนั่งบนพื้นคั่นกลาง มืออวบกลมวางทับหน้าแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษสำหรับเด็กมอต้น พันนาก้มมองด้วยความสนใจ เพิ่งจะอยู่มอหนึ่งแท้ๆ แต่แบบฝึกหัดยากอยู่เหมือนกัน น่าจะยากกว่าสมัยที่เขาเรียนด้วยซ้ำ

                “พี่จอมโง่อิงค์ยิ่งกว่าหนูอีก” จ๋อมค่อนขอดพี่ชาย ผลก็คือได้มะเหงกไปกลางศีรษะเต็มๆ

                พันนาหัวเราะหึในคอ เลยพลอยโดนสายตาอาฆาตไปด้วย เขารับแบบฝึกหัดของจ๋อมมา ทำความเข้าใจกับโจทย์อยู่สักพักก็เริ่มสอนในแบบฉบับของตัวเอง ไม่แน่ใจนักหรอกว่าจ๋อมจะเข้าใจหรือเปล่า แต่จากการที่เธอถามเป็นระยะ ผงกหัวรับ และท่าทางตั้งใจในการตอบคำถามมันทำให้เขารู้สึกเอ็นดูไม่ได้

                เพราะเป็นลูกโทนคนเดียว เลยเพิ่งรู้สึกว่าการมีพี่น้องมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง น้องสาวก็ดี แต่น้องชายน่าจะดีกว่า ได้เล่นอะไรแผลงๆ ด้วยกัน แอบคุยเรื่องลามกลับหลังพ่อแม่ คงน่าตื่นเต้นไม่น้อย

                ราวครึ่งชั่วโมงการบ้านของจ๋อมก็เสร็จ เจ้าตัวยิ้มกว้างพร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง ข้าวโพดต้มที่หยิบมาสองฟักกลายเป็นหมันเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการบ้านของตัวเอง ส่วนจ้าวจอมยังไม่มีการบ้าน แต่มีรายงานเยอะยิ่งกว่าหนังสือเรียนแทน

                เกือบสามทุ่มพ่อกับแม่ของจ้าวจอมเข้านอนแล้ว มันเป็นเรื่องปกติของชนบท ตื่นตั้งแต่ก่อนไก่โห่ แล้วเข้านอนตั้งแต่หัววัน ไม่มีโลกโซเชี่ยวให้ท่องเที่ยว ถึงตอนนี้เขาเพิ่งสำเหนียกได้ว่าห่างจากโลกแห่งโทรศัพท์มานานแค่ไหน

                จ๋อมหันมาขอบคุณเขาที่ช่วยสอนการบ้านให้ เด็กสาวตัวอ้วนเดินหอบเอาการบ้านภาษาอังกฤษและข้าวโพดที่เย็นชืดแล้วกลับขึ้นไปยังห้องพักส่วนตัว เหลือแค่เขากับจ้าวจอมที่ยังนั่งดูละครหลังข่าวด้วยกันบนโซฟาไม้เนื้อแข็ง ข้าวโพดของจ้าวจอมหมดไปนานแล้ว ส่วนซังก็ไปอยู่ในถังขยะเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ไม่มีบทสนทนาอะไร มีแค่เสียงจากโทรทัศน์เท่านั้น น่าแปลกที่มันไม่ได้อึดอัด แต่กลับรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า

                กระทั่งละครตอนนั้นจบ จ้าวจอมก็ลุกขึ้น บิดขี้เกียจน้อยๆ ชายเสื้อนักเรียนออกจากขอบกางเกงมาพักใหญ่แล้ว เสื้อสีขาวค่อนข้างไปทางเหลืองหน่อยๆ บอกถึงอายุการใช้งาน แต่ก็สะอาดดี บางครั้งเขาก็ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มราคาไม่กี่บาทด้วย นึกสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมมันถึงยังติดทนอยู่ทั้งที่ผ่านการใช้งานมานานหลายชั่วโมงแล้ว

                “จะนอนแล้วเหรอ” เขาเป็นฝ่ายถามก่อน

                “อาบน้ำ เหนียวตัวแล้ว” จ้าวจอมตอบ แล้วถามกลับ “ถ้าจะนอนที่นี่จริงๆ ก็เอาเสื้อผ้าผมไปเปลี่ยนก่อน พอจะมีตัวใหญ่ๆ  อยู่บ้าง”

                เรื่องนอนค้างเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ใครจะบ้าขับรถฝ่าความมืดกลับออกไป ถนนลูกรังนี่ยาวหลายสิบกิโลเมตร ไฟข้างทางก็ห่างเหลือทน ถ้าไม่ชินเส้นทางจริงมีหวังได้ลงไปชื่นชมต้นข้าวในนากันบ้าง ส่วนเรื่องที่หลับที่นอนคงต้องอาศัยห้องของจ้าวจอมอีกตามเคย ผู้ชายเหมือนกันไม่มีอะไรเสียหาย

(มีต่อ)
               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #247 เมื่อ27-12-2019 21:19:28 »

(ต่อ)

เขาเดินเอื่อยๆ ขึ้นไปยังชั้นสองของ ตามเจ้าของบ้านไปไม่ห่างนัก ไม่รู้ว่าสายตาไปหยุดที่น่องของจ้าวจอมตั้งแต่เมื่อไร ซ้ำร้ายยังพิจารณาอีกด้วยว่า จ้าวจอมไม่มีจนหน้าแข้งเส้นใหญ่ เหมือนผู้ชายทั่วไป พอถึงบันไดขั้นบนสุด ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเผลอคิดแบบนั้นไปได้อย่างไร จ้าวจอมหยุดกลางห้อง ไปรื้อๆ ค้นๆ ในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหันมาโยนเสื้อทีมฟุตบอลกับกางเกงเก่าๆ ให้ เขาคลี่ดู เสื้อตัวใหญ่กว่าจ้าวจอมจริงๆ แต่มันพอดีสำหรับเขา ส่วนกางเกงยางที่เอวยืดจนแทบจะย้วย รูโหว่มีกระจายไปทั่ว ส่วนชั้นในไมต้องพูดถึง คืนนี้เขาโนอันเดอร์แวร์อยู่แล้ว

                จ้าวจอมหอบชุดนอนหายออกจากห้องไป คาดว่าคงจะไปอาบน้ำ เขาเองก็ต้องอาบด้วยเหมือนกัน ถึงวันนี้จะไม่ได้เหงื่อเท่าไรเพราะอยู่กับแอร์แทบจะทั้งวัน แต่จะให้ซักแห้งก็เกินไป

                ไม่ถึงสิบนาทีจ้าวจอมก็กลับมาพร้อมกับกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ เส้นผมสั้นเกือบเกรียนเปียกชื้นเล็กน้อย เจ้าตัวพยักพเยิดให้เขาไปลงอาบน้ำบ้าง นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่ชอบในบ้านหลังนี้ คือห้องน้ำแยกจากตัวบ้าน แถมอยู่ห่างไปหลายสิบเมตรอีกด้วย ดีที่คราวก่อนเขาไม่เกิดปวดฉี่กลางดึก ไม่อย่างนั้นคงได้มีหลอนกันบ้าง แต่ก็ใช่ว่าวันนี้จะไม่รู้สึกเสียวสันหลัง

                ถึงบ้านของจ้าวจอมจะหลังใหญ่ มีไฟให้แสงสว่าง แต่ก็ใช่ว่ามันจะมากพอสำหรับพื้นที่อันเหลือเฟือ รอบด้านโอบล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้สูง หลังห้องน้ำคือดงต้นกล้วย มันคือดงจริงๆ เพราะไม่อาจนับเป็นต้นได้ มันขึ้นแน่นเบียดเสียดกัน บางต้นก็ออกลูก บางต้นเริ่มมีหัวหลีโผล่ออกมา ใบตองสีเขียวเข้มสลับอ่อนซ้อนกันหนาชั้น พันนาสั่งตัวเองไม่ให้มองเข้าไปในดงต้นกล้วย ถึงจะผ่านเรื่องลึกลับมาแล้ว แต่จินตนาการของมนุษย์มันน่ากลัวนัก

                พันนาเอื้อมมือไปที่ประตูห้องน้ำ กำลังจะดึงมันเปิดออก แต่แล้วหางตาก็เห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ทางซ้ายมือของตัวเอง ไม่ใช่แค่ลมพัดใบตอง แต่มันเหมือนรูปร่างของคน!

                หัวใจเขาเต้นแรง รู้สึกหนาวเย็นที่ไม่ได้เกิดจากลม เขาตั้งสติอยู่นานชั่วอึดใจก่อนจะหันหน้าไปมองให้เต็มทั้งสองตา แต่ก็โล่งใจเมื่อสิ่งที่เห็นเป็นแค่เงาของต้นกล้วยเท่านั้น

                “สงสัยจะบ้ามั้งกู” พันนาหัวเราะในความขี้กลัวของตัวเอง เขาเอื้อมมือไปที่ประตูอีกครั้งพร้อมกับไอเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งที่ทาบมาบนหลังมือ

                ชายหนุ่มเบิกตากว้าง รู้สึกวูบโหวงเหมือนหัวใจมันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มือขาวซีดทาบบนหลังมือ มันเคลื่อนไหวตามเขาราวกับอวัยวะอีกชิ้น แต่มันไม่ใช่มือของเขา               

                นิ้วเรียวผอมยาว จนเห็นเป็นกระดูกโปนออกมา เล็บสีเหลืองขุ่นมัว พันนากลั้นใจมองไปตามข้อแขนผอมขาวโปร่งบาง เส้นเลือดที่แทนจะเป็นสีแดงกลับเป็นสีเขียวคล้ำแทน ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้ทบทวี พอสายตาสะดุดกับแขนเสื้อสีขาวตุ่นขมุกขมัว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของมือนั่นคือใคร

                พิกุล!

                ‘ดีใจที่คุณยังไม่ลืมฉัน’

                พันนากลืนน้ำลายลงคอ คล้ายกับว่าลมหายใจจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผีพิกุลอยู่ห่างออกไปถึงไม่ฟุต เธอหันหน้าทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือกชนิดที่หนาวลึกไปถึงกระดูก เขาค่อยๆ ดึงมือกลับ ตั้งสติให้ตั้งมั่น อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่ใช่ผีอื่นที่น่าขวัญหนียิ่งนี้

                ‘ฉันชอบคุณ’ พิกุลบอก เสียงของเธอเหมือนดังอยู่ในหู ริมฝีปากของเธอยังอมยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่ได้ขยับตามรูปคำ ‘คุณหน้าเหมือนพี่แผน’

                รอยยิ้มของเธอน่ากลัวกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว แก้วตาสีดำใหญ่เกินมนุษย์ทั่วไปมืดสนิทไร้แวว ริมฝีปากสีคล้ำคล้ายกับจะฉีกขึ้นที่แถวมุมปาก พันนารู้สึกถึงน้ำลายที่เหนียวหนืดขึ้น ขนอ่อนที่ต้นคอลุกชัน เขาก้าวถอยหลัง แต่ได้แค่สองก้าวเธอก็กล่าวขึ้นอีก

                ‘บางทีบรรพบุรุษของคุณอาจจะเกี่ยวข้องกับพี่แผนก็ได้ เขาหล่อ หุ่นดี ผิวสีแทนอ่อน ดวงตาเป็นประกาย’ น้ำเสียงของเธอไม่ได้ยานคางเหมือนที่เคยได้ยินในหนัง แต่ก็ไม่ได้เร็วกระชับเหมือนคนทั่วไป พันนาอยากจะวิ่งหนีให้สุดฝีเท้า แต่ก็ไม่อาจทำได้เหมือนมีตะปูมาตอกทับเท้าเอาไว้ ‘ฉันรู้ว่าคุณเห็นอดีตชาติของฉันกับชบ...รชต’

                พันนาพยักหน้าเพียงครั้งเดียว ชั่วจังหวะหนึ่งที่เขาเผลอมองประสานสายตากับเธอ ท้องไส้ก็ปั่นป่วน โลกใต้ฝ่าเท้ามันโคลงเคลงเหมือนเรือกลางมหาสมุทร ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือวิญญาณ หรือเรียกสั้นๆ ว่าผี ซ้ำตอนนี้เธอยังสนทนากับเขาผ่านทางจิตอีกด้วย แม้จะเคยพบปะกันหลายครั้ง แต่ใครกันล่ะจะชินกับการพูดกับผี

                ‘กลัวฉันรึ?...’ ร่างของเธอเคลื่อนแผ่วช้า อยู่ห่างจากเขาแค่ฝ่ามือ เขาขยับถอยหนีอัตโนมัติ จนแผ่นหลังชนกับประตูห้องน้ำ พิกุลเอียงคอน้อยๆ ขยับตัวเข้าหาอีกครั้ง คราวนี้เขาหนีเธอไปไหนไม่ได้อีกแล้ว พันนาหลับตาเพราะไม่อาจประจันหน้ากับเธอในระยะนี้ได้จริงๆ

                ‘หึหึ’ พิกุลหัวเราะเสียงเย็น ‘ไม่ต้องกลัวฉันหรอก ฉันแค่จะมาขอบคุณเท่านั้น’

                “มะ ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผะ..ผมเต็มใจ” พันนาบอก เสียงตะกุกตะกักจนน่าขำและตาที่ยังปิดสนิท

                ‘ขอบใจมาก’         

                เสียงของเธอเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งก็จริง หากแต่สัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งที่ส่งมาให้จริงๆ พันนายังไม่กล้าลืมตา แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อไอเย็นเหมือนน้ำแข็งแตะมาที่กรอบหน้า เขาเดาว่านั่นคือปลายนิ้วของเธอ มันเกลี่ยไล้ไปตามสันกรามเรื่อยลงมาที่คอและหยุดที่กระดุมเสื้อเม็ดแรก

                ไม่มีเสียงลมหายใจ แต่มีกลิ่นหอมเหมือนดอกพิกุลลอยอยู่ใต้จมูกแทน

                พันนากลัวจับใจ ถึงจะรู้ว่าเธอไม่ได้ทำร้ายเขา แต่เธอคือผี มันน่ากลัวเกินกว่าจะทำใจรับได้!

                “ทำไมยังไม่อาบน้ำอีกอ่ะ”

                ชายหนุ่มลืมตาขึ้นทันที เขาจำได้ว่านั่นเป็นเสียงของจ้าวจอม ดูเหมือนว่าช่วงอกของเขาจะพองโตเหมือนถูกอัดแก็ส ไม่เพียงแค่นั้นผีพิกุลยังหายไปแล้วด้วย

                พันนาแทบจะทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้นหญ้าชื้นๆ แข้งขาอ่อนแรงไปหมด ถึงจะได้พบเจอกับเรื่องลี้ลับมามากแค่ไหนก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้อยู่ดี

                จ้าวจอมเดินเช้ามาหา ใบหน้าขาวคล้ายกับจะนวลกว่าเดิม คงเพราะแป้งเด็กกระป๋องสีฟ้าที่ตั้งอยู่แถวตู้เสื้อผ้า สาบานได้ว่ากลิ่นมันหอมกว่าดอกพิกุลเป็นร้อยเท่า

                “เพิ่งเคยเห็นผีขี้อ่อย” จ้าวจอมพูดลอย แต่คนฟังตาโตเท่าไข่ห่าน

                “เห็นด้วยเหรอ”

                เด็กหนุ่มพยักหน้า “มาทันตอนที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อพี่พอดี ผีอะไรวะโคตรขี้อ่อย คราวก่อนก็จะทำท่าจะปล้ำพี่โหร สมควรแล้วล่ะที่โดนฝ่าตีนพี่กุมภ์ไปน่ะ”

                พันนาอมยิ้ม ภาพที่กุมภ์ยกเท้าถีบร่างของพิกุลปรากฏขึ้นในความทรงจำทันที ใครจะไปคิดว่าคนขี้กลัวอย่างกุมภ์จะกล้าถีบผี

                “รีบๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว จะเฝ้าให้ เผื่อว่าเจ๊พิกุลจะโผล่มาปล้ำพี่”

               

                ผีพิกุลไม่มาอีก เธอคงมาแค่ขอบคุณจริงๆ พันนาล้มตัวลงนอนบนเตียงเล็กของจ้าวจอม หมอนมีกลิ่นอับเล็กน้อยเพราะน้านุชเพิ่งดึงออกมาจากตู้ ผ้าห่มวางอยู่ใต้ส้นเท้า คืนนี้อากาศไม่ได้หนาวมากเลยไม่จำเป็นต้องพึ่งผ้าห่ม พัดลมขนาดใบพัดสิบหกนิ้วหมุนซ้ายขวาสลับกันช้าๆ ไฟกลางห้องปิดลงเมื่อครู่นี้เอง เจ้าของห้องเดินกลับมายังตำแหน่งนอนของตัวเอง เตียงนอนยวบลงเล็กน้อยพร้อมกับกลิ่นแป้งเด็ก

                นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องนอนร่วมเตียงกับผู้ชาย เขากับกุมภ์ ชาร์ล หรือรขต เคยนอนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะความสนิทสนมเลยไม่รู้สึกแปลกประหลาด เขาสามารถฟังเสียงกรนของชาร์ลได้ หรือแม้แต่คราบน้ำลายที่มุมปากของรชต เท่าที่สังเกตคงมีแค่กุมภ์กระมังที่ตื่นมาแล้วสภาพไม่แย่นัก แค่ผมยุ่งเหมือนรังนกเท่านั้น

                พันนานอนเอามือวางบนเอก ดวงตาเสมองไปด้านข้าง เห็นเงาตะคุ่มของจ้าวจอม พอสายตาปรับกับความมืดได้ถึงได้รู้ว่าจ้าวจอมนอนหันหลังให้เขา

                “ทำไมไม่กลัวผีล่ะ” พันนาชวนคุย เพิ่งจะสามทุ่มกว่า สำหรับหนุ่มเมืองเวลานี้มันไม่ใช่เวลาหลับใหล จึงไม่แปลกที่เขายังตาสว่างอยู่อย่างนี้

                “ทำไมต้องกลัวล่ะ” จ้าวจอมตอบกลับอย่างเหนือความคาดหมาย“ผีอย่างเจ๊พิกุลไม่น่ากลัวหรอก ถ้าครึ่งผีครึ่งคนอย่างตาเวกสิน่ากลัว”

                “เคยเจอผีมาก่อนหรือเปล่า” พันนาชวนคุยต่อ

                จ้าวจอมเงียบไป จนพันนาคิดว่าคู่สนทนาคงหลับไปแล้ว แต่จ้าวจอมก็ตอบกลับ “ยายผม...ตอนป.ห้า”

                “เล่าให้ฟังหน่อยสิ” จู่ๆ พันนาก็สนใจเรื่องผีขึ้นมา ทั้งที่ควรจะกลัว เขาเห็นแผ่นหลังเล็กยกสูงและผ่อนลง จ้าวจอมพลิกตัวหันมาทางเขา ดวงตาคู่กลมเป็นประกายในยามมืด ถึงไม่เห็นสีหน้า แต่ก็พอรู้ว่าจ้าวจอมเบื่อหน่ายแค่ไหนที่ต้องมาเล่าเรื่องผีตอนเกือบสี่ทุ่มแบบนี้

                เรื่องผีที่จ้าวจอมเล่าไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร ซ้ำยังเป็นผียายตัวเอง เพราะหลังจากเสียไปได้แค่สามวันยายก็กลับมาหาทุกคน ตอนนั้นจ้าวจอมเพิ่มอยู่ประถมห้า ยายมาบอกลาทุกคนไม่ได้น่ากลัวเหมือนในหนัง จ้าวตอมรู้ตัวว่าไม่ไดฝันไปเพราะตอนนั้นยังไม่หลับ วันรุ่งขึ้นจ้าวจอมบวชหน้าไฟให้ยาย ศึกษาพระธรรมกับตาอยู่เจ็ดวัน คำสอนในพระพุทธศาสนาช่วยให้จ้าวจอมกลัวผีน้อยลง หลวงตาสอนว่าวิญญาณก็เหมือนมนุษย์ หากดวงจิตสุดท้ายผูกพันอยู่ที่ใด วิญญาณก็ยังวนเวียนอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะถึงเวลา

                พันนาอดทึ่งในความกล้าหาญของจ้าวจอมไม่ได้ เด็กกว่าเขาตั้งหลายปีแต่กลับไม่นึกกลัวเรื่องเร้นลับแถมยังมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาด้วยซ้ำ

                “ถ้าเขาไม่ได้มาทำร้ายเรา ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร” คนเล่าเปิดปากหาว “นอนได้แล้ว อ้อ ไม่ต้องกลัวเจ๊พิกุลหรอกนะ ยายผมไม่ให้เข้ามาบ้านหรอก”

                                                                                          ......................


*หายไปนานเลย ต้องขอโทษทีค่ะ งานเยอะ + ลืม 5555*

**การผจญภัยหมดแล้วนะคะ จะเข้าสู่โหมดความรัก? แบบงงๆ กันแล้ว**

***สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้านะคะ ใครไปเที่ยวก็ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ***

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #248 เมื่อ27-12-2019 22:38:19 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #249 เมื่อ28-12-2019 00:01:21 »

 :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
« ตอบ #249 เมื่อ: 28-12-2019 00:01:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #250 เมื่อ28-12-2019 00:17:39 »

พูดถึงดงกล้วย เราดันนึกถึงบทกลอนสมัยประถม สองเกลอเจอผี อะไรนั่น 55555 คู่นี้มันจะรักกันยังไงเนี่ย พันนามีแววว่าจะหลงน้องอยู่นะ แต่จอมตัวป่วนนี่นึกภาพหวานๆไม่ออกเลย 55555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #251 เมื่อ28-12-2019 00:23:18 »

เจ๊พิกุล!!!!

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #252 เมื่อ28-12-2019 01:26:01 »

แอบหวั่นใจตอนพิกุลมาหา
แต่พอน้องจอมเรียกเท่านั้นแหละ ก็ใจชื้นเป็นเพื่อนจอมทันที
แต่น้องทิ้งท้ายว่ายาย/ม่ให้เข้านี่ก็ยังแอบหลอนนะ
หรือว่ายายยังอยู่

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #253 เมื่อ28-12-2019 07:40:02 »

คู่หลักคือพันนา+จอมเหรอ​ คิดถึงพี่โหรอ่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #254 เมื่อ28-12-2019 10:59:31 »

พันนา ตอนหลับอย่าเผลอไปกอดเจ้าจอมเข้าละ เดี๋ยวโดยยายเจ้าจอมเขม่นแน่ ๆ
คิดถึงทุกคน ยกเว้นตาเวก อิอิอิอิ
สุขสันต์วันหยุดใกล้ปีใหม่นะ ไรท์
 :3123: :3123:

ออฟไลน์ Gimlongdeep

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #255 เมื่อ29-12-2019 13:41:00 »

เราจะรอหมวดความรักแบบงงๆค่ะ55555. เรื่องสนุกมากเลยยยเราเป็นกำลังใจในการแต่งให้ค่ะ สนุกมากกกเราชอบ โดยเฉพาะตอนปะทะกัน โหวววชอบมากกกกกก รอนุ้งกุมภ์นะฮะะ

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #256 เมื่อ29-12-2019 16:06:56 »

พี่โหรหล่อมากเลยค่ะ แต่คนหล่อจะมีใจให้น้องกุมภ์ของเราบ้างมั้ยน้าาา

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #257 เมื่อ29-12-2019 23:30:51 »

เลิ้บเอเนอร์จี้ขี้เต๊าะของพิกุล ถ้าอยู่ต่อมีหวังฮาแน่นอน
พันนาเริ่มแปลกๆ กับเจ้าจอมแล้วล่ะสิ
บอกตรง ๆ ว่าเราไม่เห็นทางให้เจ้าจอมหวั่นไหวกับพันนาเลย 55555555
แต่ยังไงชอบคู่นี้มากค่า เอาใจช่วย  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #258 เมื่อ31-12-2019 09:36:45 »

 :mew1: :mew1:  สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #259 เมื่อ01-01-2020 16:39:30 »

เอิ่มไม่ต้องกลัวพิกุล


แต่จะต้องกลัวยายแทน


ใหมเจ้าจอมงือ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
« ตอบ #259 เมื่อ: 01-01-2020 16:39:30 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #260 เมื่อ01-01-2020 21:45:38 »

ตลกตรงพันนาหน้าคล้ายพี่แผนนี่แหล่ะค่ะ ดูท่าจะชอบน้องเขาแบบไม่รู้ตัวด้วยแหล่ะ อิอิ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #261 เมื่อ06-01-2020 22:56:47 »

ผีขี้อ่อย อยากอ่าน ความรัก แบบ งงๆ แล้ว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #262 เมื่อ07-01-2020 19:46:51 »

นั่นแน่ พันนาชอบจ้าวจอมแต่ไม่รู้ตัวและไม่ยอมรับ
ขนาดจ๋อม เจ้าเด็กตัวกลมยังรู้เลย 5555

จ๋อมคือเด็กเกรียนเบาๆ น่ะ เอ็นดู

จ้าวจอมก็มีเซนส์ไปอีกจ้า แต่จะไม่กลัวเหมือนกัน
ทำไม่ได้นะ ก็ต้องมีคิดบ้างไรบ้าง
 
เป็นพันนาก็ควรหลอนค่ะ มาประชิดขนาดนี้

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #263 เมื่อ07-01-2020 22:46:46 »

แวะมารออ คิดถึงน้อนกุมภ์  :กอด1:

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 15: ขอบใจ] 27/12/2562
«ตอบ #264 เมื่อ08-01-2020 10:11:58 »

อยากอ่านต่อแล้วววววววว เมื่อไรจะมาน้าาาา

 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 16 การล่ำลาของพิกุล       

            ไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่หนาวกว่าปกติ หรือเพราะยายของจ้าวจอมกันแน่ พอลืมตาตื่นขึ้นมา พันนาก็เบียดชิดกับเจ้าของห้องเสียแนบแน่น ไม่เพียงเท่านั้น มือยังพาดไปบนเอวเล็กเสียอีกด้วย ชายหนุ่มหดมือกลับแทบไม่ทันตอนที่จ้าวจอมพลิกตัวหันกลับมา พันนารีบหลับตาแสร้งทำเป็นหลับต่อ แต่ก็เกือบสะดุ้งตอนที่ท่อนขายกพาดมาบนตัว หัวเข่าแหลมอยู่ห่างจากหน้าขาไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ เสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอบอกว่าจ้าวจอมยังไม่ตื่น

                พันนาลอบถอนหายใจ เปิดตาขึ้นอีกครั้ง ด้านนอกเริ่มมีแสงรำไรพอให้มองเห็นบ้างแล้ว เสียงไก่ขันดังเป็นระยะสลับกับเสียงตะหลิวของน้านุช เขาหลุบตามองหน้าอก ไม่แปลกใจนักที่เห็นกลุ่มผมสีดำที่เกือบจะสั้นเตียน พันนายกยิ้มมุมปาก เขาเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง เลยรู้สึกเอ็นดูไอ้เจ้าเด็กพูดมาก ชอบทำหน้ากวนประสาทคนนี้นัก

                แค่เอ็นดู...ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

                ชายหนุ่มนึกย้ำในใจ

                อย่างที่เคยบอกไปกับจ๋อมว่า ผู้ชายกับผู้ชาย...มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อีกอย่างเขาเองก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงถึงจะเลิกรากันไปได้หลายเดือนแล้วก็ตาม

                พันนานอนนิ่งไม่ขยับเพราะยังไม่อยากกวนเจ้าเด็กขี้เซา แต่พอเหลือบไปเป็นนาฬิกาแขวนผนังก็เปลี่ยนใจ มันหกโมงกว่าแล้ว จ้าวจอมต้องตื่นไปโรงเรียน

                “ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”

                เขามั่นใจว่าเสียงที่ใช้ปลุกไม่ได้ดังเท่ากับเสียงไก่ขัน แต่ศีรษะที่ฟุบบนอกเคลื่อนไหวรวดเร็ว มันยกขึ้นแทบจะทันที สีหน้างงงวยของเด็กหนุ่มชวนขำ

                จ้าวจอมกวาดตามองไปรอบๆ อย่างงงๆ แต่ไม่กี่วินาทีก็รู้ตัวว่ากำลังนอนกอดเขาอยู่

                “เฮ้ย!”

                พันนาเกือบหลุดหัวเราะตอนที่ไอ้เจ้าเด็กดื้อไถลตัวไปอีกฝากของเตียงจนต้องตกใจอีกรอบเพราะก้นเฉียดหล่นขอบเตียงไปนิดเดียว ผิวหน้าขาวมีริ้วแดงปรากฏขึ้นแล้วมันก็ลามไปที่ใบหูรวดเร็ว จ้าวจอมลุกขึ้นกระโดดพรวดเดียวไปถึงตู้เสื้อผ้า คว้าผ้าขนหนูที่พาดบนขอบพนักพิงเก้าอี้ใกล้ตู้แล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที

                “หึ หึ ไอ้เด็กบ๊อง”

               

                รถญี่ปุ่นสีดำจอดเทียบฟุตบาทหน้าโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัดตอนเจ็ดโมงครึ่ง เด็กหนุ่มเร่งร้อนปลดสายเซฟตี้เบลล์แต่ดูเหมือนอะไรๆ จะไม่เป็นใจสักเท่าไร เพราะกดจนนิ้วแดงมันก็ยังไม่ยอมปลดล็อก ร้อนถึงเจ้าของรถที่ต้องเอื้อมตัวมาช่วย

                “ไม่ต้องๆ ผมปลอดเอง” จ้าวจอมปฏิเสธ พยายามเบี่ยงตัวหนี

                “อยู่เฉยๆ เถอะน่า ดิ้นเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้าแบบนี้เมื่อไรจะปลดได้” พันนาเอ็ด ใบหน้าก้มต่ำลงอยู่แถวหน้าอก อดไม่ได้ที่เหลือบดูแทบชื่อที่ปักด้วยด้ายสีน้ำเงิน นายจ้าวจอม อุดมสุข ม.6/2 “เอ้า เสร็จแล้ว”

                “ขะ...ขอบใจ”

                หลังขอบคุณเสร็จ นายจ้าวจอมก็เปิดประตูออกมายืนบนฟุตบาท ทำท่าพนมมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะเดินห่างออกไป แต่แค่ไม่กี่ก้าวคนในรถก็เห็นว่ามีเด็กผู้ชายสามสี่คนเข้ามากอดคอพูดคุยหยอกล้อกับจ้าวจอม มันเป็นเรื่องปกติของเด็กในวัยนี้ แม้แต่นักศึกษามหาวิทยาลัยแบบเขายังเดินกอดคอกับเพื่อนฝูงเลย แต่ไม่รู้ทำไมถึงมองไม่ยอมละสายตาแบบนี้ กระทั่งแผ่นหลังเล็กหายเข้าไปในรั้วโรงเรียนถึงได้รู้สึกปวดเปลือกตา

                เพราะคิดว่าจ้าวจอมเป็นน้องชาย?

                ก็เลยเป็นห่วง?

                เป็นห่วง?

                ทำไมต้องเป็นห่วง

                หลากหลายคำถามผุดขึ้น ซึ่งแต่ละคำถามพันนาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

                แต่ที่งงไปมากกว่านั้นคือทำไมเขาต้องมาจอดที่หน้าโรงเรียนเดิมตอนบ่ายสามสี่สิบห้าด้วย...พันนาสับสนกับตัวเองนัก

                พอส่งจ้าวจอมเสร็จ เขาก็กลับบ้าน คุยเล่นอยู่กับพ่อแม่ได้สักพักก็ขับรถไปหารชตที่ยังพักอยู่โรงแรมกับครอบครัว พวกเขาปรึกษากันเรื่องงานบวช โดยที่พันนาไม่วายเล่าเรื่องที่พิกุลมาหาด้วย รชตทำหน้าตกใจนิดหน่อย แล้วบอกว่าพิกุลก็มาหาตนเหมือนกัน

                ‘เขาไม่ได้น่ากลัว แต่กูก็ยังกลัวเขาอยู่ดี เขาบอกว่าถ้ากูปฏิบัติตนดี เขาจะยอมยกโทษให้ และหวังว่าชาติหน้าจะได้เกิดเป็นเพื่อนกันจริงๆ’

                รชตน้ำตาคลอ เพราะรชตเองก็รู้อดีตชาติของตนเหมือนกัน บาปกรรมที่ก่อไว้กับพิกุลหนักหนาไม่น้อย

                จากนั้นเขาก็นั่งกินกาแฟในร้านดัง ตาก็คอยมองนาฬิกาจนเข็มสั้นมาถึงที่เลขสาม เข็มยาวอยู่ที่เลขเก้า เขาก็ขับรถมาที่โรงเรียนนี้ รออยู่ไม่กี่นาทีก็เห็นร่างของเด็กหนุ่มคุ้นตาเดินปะปนมากับเหล่าเด็กนักเรียนที่สวมเครื่องแบบเหมือนกันอีกหลายร้อยคน

                คิ้วหนาขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เมื่อเช้าเขาไม่เห็นเด็กผู้หญิงเข้ามาใกล้ชิดกับจ้าวจอม แต่เย็นนี้เขาเห็นเด็กผู้หญิงผมบ๊อบสั้น หน้าตาน่ารักเดินเคียงข้างมากับจ้าวจอม เธอหัวเราะเบาๆ ขณะที่จ้าวจอมยิ้มบางๆ เด็กสาวสะพายกระเป๋าเป้สีดำใบใหญ่ สวมเครื่องแบบนักเรียนผู้หญิง ไม่ห่างกันคือกลุ่มเด็กผู้ชายที่หัวเราะหยอกล้อกับจ้าวจอม

                จู่ๆ ลมหายใจก็เปลี่ยนไป มันสั้นและถี่ขึ้น อารมณ์ไม่คงที่ ความมึนงงกลายเป็น...หงุดหงิด

                เขาเห็นจ้าวจอมโบกมือลาเด็กสาวคนนั้น เธอยิ้มกว้างโบกมือกลับเร็ว แล้วก้าวขึ้นรถยนต์สีขาวไป จ้าวจอมหันมาคุยกับเพื่อนๆ โดยไม่สังเกตเห็นรถยนต์สีดำที่จอดอยู่ห่างจากแผงขายลูกชิ้นไปแค่เมตรเดียวสักนิด ความหงุดหงิดอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้ดูเหมือนว่าจะมีมากขึ้นกว่าเดิม รู้สึกร้อนในอกแปลกๆ

                พันนาถอนหายใจหนักๆ สั้นๆ กดฝ่ามือไปที่ปุ่มแปร ได้ผล เพราะนอกจากจ้าวจอมแล้ว เด็กที่อยู่บนฟุตบาทก็หันมามองรถตนเป็นตาเดียว

                ใบหน้าขาวมีแววแปลกใจ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปอำลาเพื่อนผู้ชายแล้วก้าวยาวๆ มาที่รถ

                กระจกรถยนต์ไขลงช้า พันนาส่งสายตาให้จ้าวจอมเข้ามานั่ง แม้จะยังไม่หายแปลกใจแต่จ้าวจอมก็ยอมเปิดประตูเข้ามานั่ง ทันทีที่ก้นสัมผัสกับเบาะนุ่ม ใบหน้าปะทะกับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศคำถามก็เกิดขึ้น

                “พี่มาทำอะไรอีกอ่ะ”

                พันนาไม่มีคำตอบให้ เพราะเขาก็งงกับตัวเองเหมือนกัน แทนที่จะนอนตากแอร์อยู่ในบ้านหลังใหญ่ กลับทำตัวเอื่อยเฉื่อยเหมือนคุณพ่อรอรับลูกเสียนี่

                “เอ่อ...ไปหาอะไรกินกัน” แทนคำตอบกลับเป็นการชวนแทน แม้จะสับสนงงงวยแต่จ้าวจอมย่อมเห็นแก่ของฟรีมากกว่าคำตอบอยู่แล้ว

(มีต่อ)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
               จังหวัดนี้ไม่ได้มีห้างใหญ่กลางเมือง แต่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ มีเกลื่อนไปหมด บรรดาหนุ่มสาวทั้งวัยทำงานและนักเรียนเลือกจับจองร้านที่ได้รับการรีวิวว่าดีระดับห้าดาว แถมด้วยแอร์เย็นฉ่ำจนเกือบเต็ม โชคดีที่บารมีข้าราชการของบิดาทำให้พันนาได้โต๊ะตัวที่ดีที่สุดเบื้องหน้า หลังกระจกแผ่นใหญ่คือแม่น้ำสายประวัติศาสตร์

                จ้าวจอมไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เข้าร้านแบบนี้นัก ทั้งเวลาและเงินในกระเป๋าไม่อำนวยสักเท่าไร เด็กหนุ่มทำตัวลีบ ค่อยๆ ลากเก้าอี้ออกมานั่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากกินอะไร ตอนที่พันนาเลื่อนเมนูมาให้

                “อยากกินอะไรก็สั่งเอา พี่เลี้ยง”

                คำว่า ‘พี่เลี้ยง’ กระตุ้นมือขยับไปหยิบเมนูขึ้นมาเปิด ขณะที่พันนาเริ่มสั่งอาหารที่ตัวเองอยากกินกับพนักงานสาวใส่เสื้อลายสีดำขาวกระโปรงสั้นสีขาวสั้นแค่คืบ

                “ตกลงอยากกินอะไร”

                จ้าวจอมเหลือบมองคนถามนิดหน่อย แล้วก้มลงอ่านชื่อเมนูพร้อมรูปประกอบ หน้าตามันก็สวยดีอยู่หรอกแต่ชื่ออ่านอยากแถมยังไม่เคยลิ้มรสเลยไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่ เสียเวลาเปิดพลิกอยู่หลายหน้า สุดท้ายเลยถอดใจบอกไปว่าเอาเมนูเดียวกับที่พันนาสั่ง พนักงานสาวที่มีเข็มกลัดติดหน้าอกบอกชื่อตัวเองว่า ‘ติ๊ก’ คลายรอยยิ้มที่มีให้พันนาเล็กน้อย ชั่ววูบหนึ่งคล้ายกับจะแสดงความไม่พอใจทางสายตา จากนั้นก็ขยับมือไปบนสมุดเล่มเล็กและบอกให้รอสักครู่

                จ้าวจอมมองออกไปนอกกระจก แดดในยามบ่ายแก่ๆ ยังส่งแสงกล้า ส่องกระทบกับผืนน้ำจนเป็นประกายระยิบระยับ อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำคือผู้คนที่ใช้ชีวิตประจำวัน ดูแล้วเพลินตา จ้าวจอมดึงโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดเล่น เปิดอ่านข้อความกลุ่มไลน์ของห้อง ม.6/2 แล้วก็หลุดขำเมื่อเพื่อนตัวแสบประจำห้องส่งคลิปโป๊มาในกลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกร่วมสี่สิบคน คาดว่าน่าจะเป็นการส่งผิดกลุ่ม หลังจากอ่านข้อความประณามเจ้าของคลิป เขาก็เปิดอ่านไลน์จากเพื่อนคนอื่นที่ส่งมาให้แบบส่วนตัว หนึ่งในนั้นคือ ‘น้ำหวาน’

                ‘ถึงบ้านหรือยัง’

                ข้อความสั้นๆ พร้อมกับสติ๊กเกอร์รูปหมีถือหัวใจ ทำให้เขาต้องอมยิ้มอีกรอบ น้ำหวานเป็นเพื่อนร่วมห้อง แถมยังเป็นมือคทาของโรงเรียนอีกด้วย เธอหน้าตาน่ารัก ดวงตากลมใสเหมือนลูกกวาง ผมสั้นแค่คอ ตัวเล็กแต่มีสัดส่วนน่ามอง ผิวพรรณผุดผาด ไม่แปลกเลยที่เธอจะได้รับคัดเลือกให้เป็นคนถือคทาของโรงเรียน

                แต่แน่นอนว่าเธอกับเขายังคงเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น

                “ยิ้มอะไรอยู่ อาหารมาแล้ว”

                เสียงจากคนเบื้องหน้าดังขึ้น ดึงความสนใจให้หลุดจากโทรศัพท์มือถือได้ จ้าวจอมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง เอียงคอมองเมนูอาหารที่ตนสั่งไป

                “อะไรอ่ะ”

                พันนาถอนหายใจ “คาปูปั่น กับทีรามิสุ”

                จ้าวจอมพยักหน้า ไอ้เจ้าคาปูปั่น มันชื่อเดียวกับน้ำปั่นรถเข็นที่หน้าโรงเรียน แต่หน้าตาต่างกันลิบลับ คาปูชิโนปั่นแก้วนี้ ดูสวยหรู ด้านหน้ามีฟองนมและโรยด้วยผงกาแฟ ไอเย็นเกาะรอบแก้ว ส่วนทีรามิสุที่ว่าคือเค้กสีน้ำตาล มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเมนูขนมสำหรับคนโต และที่สำคัญเขายังไม่เคยกิน

                จ้าวจอมลองชิมคาปูชิโนปั่นก่อน รสชาติของมันดีเยี่ยมสมกับที่อยู่ในร้านบรรยากาศดี หวานไม่มากแต่เข้มข้นดี ทว่าถ้าเทียบความอร่อยชื่นใจก็ไม่ต่างจากน้ำปั่นแก้วละสิบบาทหน้าโรงเรียนนัก พอได้น้ำหวานๆ ขมๆ ลงไปลองกระเพาะก็ชักอยากจะกินขนมเค้กขึ้นมา จ้าวจอมลอบสังเกตพันนาก่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายค่อยๆ ละเมียดกินแล้วไม่มีปฏิกิริยาน่ากลัวก็ใช้ช้อนคันเล็กลงไปในเค้กสีน้ำตาลของตัวเองดูบ้าง

                รสหวานกำลังดี หอมไปด้วยกลิ่นกาแฟมันละมุนลิ้นได้อย่างอัศจรรย์ จ้าวจอมสาบานว่ามันเป็นขนมอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา เด็กหนุ่มตาโต ความหวานเจือด้วยรสขมนิดๆ มันกระตุ้นให้มือตักคำต่อไปเข้าปาก เขาไม่ได้ค่อยๆ ละเมียดตักกินเหมือนพันนาแต่กลับจ้วงเอาๆ รู้ตัวอีกทีจานก็ว่างเปล่าเสียแล้ว

                ลิ้นสีชมพูกวาดตวัดไปรอบริมฝีปาก ด้วยนึกเสียดายครีมหวานๆ หอมๆ ที่อาจจะติดอยู่รอบปาก

                “อร่อยเหรอ” พันนาถาม นึกขำท่าทางอร่อยเกินจริงของเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่กลับรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นลิ้นเล็กตวัดเลียครีมตามมุมปาก ช่วงท้องวูบวาบจนต้องแอบสูดหายใจยาวอยู่หลายครั้ง

                “ครับ” ศีรษะกลมผงกรับ ตาวาวเป็นประกาย หากแต่ไม่ได้จ้องมาที่เขา มันไปหยุดที่ทีรามิสุของเขาต่างหาก

                พันนาถอนหายใจ พลางชื่นจานเค้กให้ “เอาไปสิ”

                จ้าวจอมไม่ได้กล่าวขอบคุณอย่างที่ควรจะทำ หากแต่เขาก็ไม่ถือสา แค่เห็นเจ้าเด็กดื้อตรงหน้ากินอย่างมีความสุขเขาก็พอใจแล้ว

                คงเป็นเพราะการไม่มีน้องชายทำให้เขาเอ็นดูจ้าวจอมกระมัง อยากแกล้ง อยากแหย่ และอยากจะเอาใจ

                “พี่ไอ้ขนมนี่มีขายแค่ร้านนี้เหรอ” จ้าวจอมเงยหน้าถาม หลังจากตักเค้กคำใหญ่เข้าปาก

                “มีหลายร้าน แต่ร้านนี้อร่อยที่สุด อ่านรีวิวมาน่ะ” พันนาบอกตามความจริง ถึงจะเกิดในจังหวัดนี้แต่ไปเรียนที่กรุงเทพฯ เสียหลายปี เลยต้องศึกษาหาข้อมูลมาก่อน

                “อืม อืม” เด็กหนุ่มพยักหน้า “เอาไว้ให้แม่นุชทำให้กินบ้างดีกว่า”

                พันนาส่ายหัว เจ้าเด็กคนนี้คงไม่รู้ว่าส่วนประกอบและวิธีการทำทีรามิสุมันยุ่งยากแค่ไหน

                ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าสายตาจับจ้องเด็กตรงหน้านานแค่ไหน หัวสมองว่างเปล่าไร้ความคิดไปชั่วขณะ ริมฝีปากสีสดขยับน้อยๆ ตามจังหวะการเคี้ยว มันเปื้อนคราบครีมสีอ่อน

                “กินยังไงให้เลอะขนาดนี้”

                ปลายนิ้วยื่นไปเช็ดคราบครีมที่ติดกลีบปาก หัวแม่มือสัมผัสกับเนื้ออ่อนหากแต่นุ่มหยุ่นเหมือนเยลลี่ พันนาดังมือกลับ เขาไม่รู้ตัวสักนิดว่าเผลอเอาครีมบนนิ้วเข้าปากไปแล้ว

                ตากลมกระพริบปริบๆ ริ้วแดงกระจายจากจุดเล็กกลางแก้มทั้งสองข้างลามไปถึงใบหู “พะ พี่ทำอะไรอ่ะ”

                พันนาเองก็มีอาการไม่ต่างกัน เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำท่าทางประหลาดแบบนั้นไปได้อย่างไร ใช้เวลาร่วมครึ่งนาทีกว่าจะหาคำตอบได้

                “เห็นมันเลอะน่ะ”

                “ก็บอกกันดีๆ สิ ไม่เห็นต้องเช็ดให้เลย” จ้าวจอมบ่นอุบอิบ ริ้วแดงจางลงจากผิวแก้ม แต่ใบหูยังแดงโร่ นี่แหล่ะข้อเสียของคนที่มีผิวขาวเกินไป เขินนิดเขินหน่อยหูก็แดงแล้ว

                ก่อนที่เค้กทีรามิสุคำสุดท้ายจะเข้าปากก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรจะอวดกับเพื่อนๆ ว่าตนได้มาเยือนร้านนี้แล้ว จ้าวจอมดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ถ่ายรูปวิว รูปร้าน และรูปขนมเค้กที่เหลืออีกแค่คำเดียว ไม่กี่วินาทีที่รูปลงไปในไลน์กลุ่ม ข้อความแสดงความอิจฉาก็ตามมา จ้าวจอมเผลออมยิ้มให้กับความโชคดีของตัวเอง

                ‘เค้กน่ากินจังเลย วันหลังพาเราไปบ้างนะ’

                น้ำหวาน

                ‘ได้สิ’

                จ้าวจอมกดพิมพ์ข้อความโต้ตอบกลับไป สัญญาว่าจะหาโอกาสพาเพื่อนๆ มากินบ้าง รวมทั้งน้ำหวานด้วย แล้วก็หัวเราะคิกคักกับความทะลึ่งตึงตังของเพื่อนในกลุ่มไลน์

                “เหลืออีกคำเดียว ทำไมไม่กินสักทีล่ะ เย็นแล้ว”

                จ้าวจอมเงยหน้ามองคนพูด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แค่หัวคิ้วเข้มคล้ายกับจะขมวดนิดๆ มุมปากที่มักจะยกขึ้นน้อยๆ เรียบเป็นเส้นตรง จ้าวจอมรีบตักขนมเค้กคำสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวเร็วๆ แล้วยกแก้วกาแฟปั่นขึ้นดูด

                “เสร็จแล้ว”

                พันนาไม่ได้พูดอะไรต่อ กวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน หลังจากได้รับเงินทอนแล้วก็ลุกขึ้นออกจากเก้าอี้ทันทีโดยไม่คิดจะบอกอีกคน

                จ้าวจอมยกมือขึ้นเกาหัวเกือบเกรียนของตัวเอง ถึงจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แต่ก็พอมองออกว่าพันนากำลังไม่พอใจ ทว่าจะเรื่องอะไรก็ยากที่จะหาคำตอบ...

 

                ร่างใหญ่นอนพลิกตัวเป็นครั้งที่สาม เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แถมพรุ่งนี้ต้องตื่นไปงานบวชแต่เช้า ทว่าเปลือกตายังแข็งทื่อ สมองเต็มไปด้วยความคิดวนเวียนถึงใครบางคน

                หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้เห็นใบหน้าขาวราวกับไม่เคยถูกแดด กับดวงตากลมใสเหมือนลูกกวาง ครั้งสุดท้ายที่ได้สนทนากัน แม้จะไม่มีความขัดแย้งใดๆ แต่รอยยิ้มที่เหมือนจะฝืนออกมา มันทำให้หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

                เขาไม่ได้รังเกียจเกย์ นั่นคือความสัตย์จริง

                เขาไม่ได้รังเกียจกุมภ์ ภาพที่เจ้าตัววิ่งฝ่าความมืดมากับไฟฉายหนึ่งกระบอก ไม่มีเวทมนต์ หรือความสามารถในด้านใดที่จะช่วยเหลือเขาได้ นอกจากฝีเท้าที่และความกล้าหาญ มันยังคงติดอยู่ในความทรงจำ มีไม่กี่คนหรอกที่จะบ้าบิ่นได้เท่ากับกุมภ์ แม้แต่ไอ้จอมตัวแสบมันยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเสือเลย

                ที่สุดก็ทนหงุดหงิดกับอาการจี๊ดๆ ในอกข้างซ้ายไม่ไหว จำต้องลุกขึ้นมายืนเกาะขอบหน้าต่าง ทอดสายตามองความมืด เงาดำตะคุ่มของต้นไม้สร้างจินตนาการหลอกมนุษย์ขวัญอ่อนได้ดีนัก ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เพราะอะไรกันที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนทำอะไรผิดจนนอนไม่หลับมาหลายคืนติดแบบนี้

                ดาวบนท้องฟ้ากระจายเกลื่อน กลุ่มดาวลูกไก่ที่ปู่เคยสอนเด่นที่สุด มันสดใสเป็นประกายเหมือนแก้วตาของใครบางคน

                กุมภ์

                ลมหายใจสะดุดลงเมื่อเผลอคิดถึงกุมภ์อีกจนได้ ร่างหนาใหญ่หมุนกลับเข้าไปในบ้าน มวนยาสูบที่ทำจากกลีบดอกบัว กรรมวิธียุ่งยากแทบจะหาซื้อไม่ได้ โชคดีที่ยายช้อยทำเอามาฝาก รสชาติของมันดีเยี่ยมกว่ายาสูบในตลาดเป็นไหนๆ ไม่ฝาดเฝื่อนหากแต่หอมละมุนชวนผ่อนคลาย ไฟแช็กราคาถูกสว่างวาบในความมืด ปลายไฟลามเลียมวนยา ควันสีขาวลอยขึ้นช้าๆ โหรสูดเอากลิ่นหอมของยาสูบกลีบบัวไว้ในปอด แล้วผ่อนออกมาเป็นควันขาวผ่อนริมฝีปาก วางข้อศอกไว้บนขอบหน้าต่าง นิ้วมือคีบมวนยาสูบ ปล่อยขี้เถ้าตกลงพื้นดินเบื้องล่าง

                ขณะปลดปล่อยอารมณ์ไปกับกลิ่นหอมของยาสูบ หางตาก็เห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติของบางอย่าง

                ชายผ้าสีขาวตุ่น ลอยเรี่ยเหนือผืนดิน

                พิกุล

                ‘สมัยนี้ยังมีคนสูบยาสูบจากกลีบบัวอยู่อีกหรือ?’

                น้ำเสียงเย็นเยียบชวนขนหัวลุกดังขึ้น ไม่ได้มาจากทิศทางไหน หากแต่มันดังอยู่ในหัวของเขาเอง พิกุลสื่อสารผ่านทางจิต

                “ก็ยากแล้วล่ะ แล้วเธอมีธุระอะไร” โหรเอ่ยถาม ร่างของพิกุลมาอยู่ตรงหน้าพอดี ใบหน้าของเธอยังคงขาวซีดไร้สีเลือด เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ยังสกปรกไม่ต่างจากเดิม ทว่าโหรสัมผัสได้ถึงแรงแค้นในจิตของเธอที่อ่อนกำลังลงมาก ดวงตาสีดำใหญ่มองมาที่เขา ก่อนที่ริมฝีปากจะแย้มน้อยๆ

                ‘คิดถึง คุณเหมือนพี่แผนมากจริงๆ ฉันอดคิดถึงอดีตไม่ได้’

                โหรถอนหายใจ ตอนที่ได้เห็นภาพในอดีตของเธอ เขาไม่ได้สังเกตว่าคนที่ชื่อแผนรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถ้านิสัยคงต่างจากเขาลิบลับ

                “ผมไม่ได้สืบทอดเชื้อสายมาจากพี่แผนอะไรนั่น”

                ‘ฉันรู้ เขาไปอยู่บางกอก ฉันเคยไปตามเขาด้วยนะ แต่เขาไม่เห็นฉัน แล้วเขาก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงบางกอก’

                “คุณไม่โกรธเขาเหรอ”

                ‘โกรธสิ แต่เขามีของดีคุ้มครอง พระเก่าแก่น่ะ ฉันเลยเข้าถึงตัวเขาไม่ได้ ฉันได้แต่ทนมองภาพเขาแต่งงานไปกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ทั้งฉันหรือชบา’ ดวงตาสีดำคู่ใหญ่คล้ายมีแววโศกเศร้า ‘ความเจ็บปวดจากความรักที่ไม่สมหวังมันทรมานมาก ขนาดฉันตายไปแล้ว น่าจะไร้ความรู้สึกแต่ฉันกลับเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกฉีกทึ้ง ฉันกรีดร้องอยู่นานแต่ไม่มีใครได้ยิน’

                “นี่มาเพื่อจะมาเล่าอดีตให้ฟังหรือไง” โหรถาม เขาไม่อยากได้ยินอดีตของใคร พลางส่งยาสูบเข้าปาก หากใครมาเห็นการสนทนาของเขากับผีพิกุลคงได้หัวใจวายกันบ้าง มนุษย์คืนคุยกับผีสาวบนชั้นสองของบ้าน แถมยังสูบยาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกด้วย

                ‘เปล่า ฉันจะมาลา’

                “อะไรกัน ยังไม่ได้บุญเลย จะลาแล้วหรือ?” คิ้วหนาเลิกสูง

                ‘ฉันคงไม่ได้หาคุณอีกแล้ว เลยอยากจะขอบคุณที่คุณช่วยเหลือฉันจากไอ้เวก’ พิกุลยิ้มเศร้า ‘ถ้าไม่ได้คุณฉันคงจะวนเวียนอยู่กับความแค้นไปอีกนาน คำสอนของคุณช่วยฉันได้มาก น่าเสียดายที่ตอนเป็นคนฉันไม่เคยศึกษามันเลย’

                “พรุ่งนี้ก็ไปที่วัดสิ พระท่านจะเทศน์ให้ฟัง”

                ‘ฉันเป็นผีนะ เข้าวัดไม่ได้’ พิกุลยิ้มบาง เส้นผมยาวดูเหมือนจะสลวยขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่ได้เจอปลิวไปตามแรงลมอ่อนในยามค่ำคืน พิกุลเป็นคนสวย โดยแทบไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนสาวๆ สมัยนี้ น่าเสียดายที่เธออายุสั้นนัก แต่ก็อย่างว่า อดีตกลับไปแก้ไขไม่ได้

                “ทำไมจะเข้าไม่ได้ล่ะ เขาบวชให้คุณ”

                ‘...นั่นสินะ’ ผีสาวเอียงคอ ดวงตาสีดำของเธอราวกับจะเจาะลึกเข้ามาในความคิด ‘ไปขอโทษเขาสิ’

                โหรเลิกคิ้ว “ขอโทษใคร?”

                ‘ก็คนที่ทำให้คุณต้องมายืนสูบยาอยู่นี่ไง’ พิกุลยิ้มอีกแล้วแต่คราวนี้เขารู้สึกว่าเธอเจ้าเล่ห์และ...รู้ทัน ‘เด็กคนนั้นเป็นคนดีนะ ฉันเห็นตอนที่เขาวิ่งไปหาคุณ’

                “อย่ามาเจาะความคิดผมจะได้ไหม” โหรปรามสุภาพ “ผมไม่ได้ทำผิดอะไร”

                ‘…สุดแต่ใจของคุณเถอะ อย่าเอากฎบ้าๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมากีดกันตัวเองเลย แค่ทำไปตามความรู้สึกก็พอ’ พิกุลยิ้มเรี่ยราด จนคนมองชักจะหงุดหงิดแม่ผียิ้มเก่ง ‘ฉันไปล่ะ พรุ่งนี้จะไปฟังพระเทศน์’

                โหรถอนหายใจ เป็นผีนี่ดีจริงไม่ต้องเดินให้เมื่อย ไม่ต้องใช้รถให้เปลืองน้ำมัน อยากจะไปไหนก็ไปได้ ยาสูบหมดไปเกือบครึ่งทั้งที่เพิ่งสูบไปแค่สามที โหรปล่อยมันตกลงพื้น น้ำค้างดับเปลวไฟให้ดับลงเหลือแค่ควันสีขาวลอยบางเบาแล้วจางหายไปในอากาศ

                แค่ทำไปตามความรู้สึกอย่างนั้นหรือ....เป็นผีที่รู้มากเสียจริง

                โหรส่ายหัวให้กับคำพูดเชิงปรัชญาของผีสาว...แต่ก็น่าแปลกที่ก้อนเล็กๆ ที่ถ่วงในอกมันเหมือนจะหายไป...

               

                งานบวชของพันนาและรชตไม่ได้ใหญ่โต มีแค่ญาติบางคนกับเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ถูกเชิญให้มาร่วมงาน เมื่อวันก่อน พันนากับรชตต้องสวมชุดขาว ศึกษาบทสวดต่างๆ ไม่มีทำขวัญนาคเหมือนงานบวชทั่วไป หากแต่ใช้การปลงผมในวันที่ทั้งสองจะบวชโดยมีหลวงตาอิ่ม ตาของจ้าวจอมเป็นผู้ขลิบปลายผม จากนั้นก็พ่อแม่พี่น้อง และญาติๆ

                พิธีเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่มีเพลงเสียงดัง ไม่มีเหล้ายาปาร์ตี้ หากแต่ผู้มาร่วมงานต่างก็อิ่มใจที่ได้เห็นทั้งสองอยู่ในผ้าเหลือง กำหนดการบวชมีระยะเวลานานถึงหนึ่งเดือน หลังจากใส่บาตรพระสงฆ์ใหม่แล้ว หลวงตาอิ่มก็เทศน์สอนพระธรรมบนศาลา โดยมีพระทั้งสองรูป และผู้ร่วมงานอีกไม่กี่คนที่อยู่ร่วมฟัง หนึ่งในนั้นคือโหร

                โหรมาร่วมงานตั้งแต่เช้า ได้ปลงผมนาคด้วย เขาเคยผ่านพิธีนี้มาแล้ว แต่ญาติพี่น้องมีแค่ไม่กี่คนนับนิ้วมือยังเหลือด้วยซ้ำ เขาเลือกที่นั่งอยู่บริเวณหลังศาลา ถึงจะอยู่ห่างจากหลวงตาอิ่ม แต่เสียงแหบของท่านก็ดังชัดเจนดี ศาลาหลังขนาดกลาง พื้นไม้สักโบราณขัดเงาจนเป็นสีน้ำตาลเข้ม หลังคาเพิ่งจะถูกเปลี่ยนจากสังกะสีเป็นกระเบื้องแข็งแรงได้ไม่กี่ปี เสาก็เป็นไม้ต้นใหญ่เงาวับ หลวงพ่อนั่งบนโต๊ะไม้ที่สูงอย่าพื้นศาลาเล็กน้อย ดวงตานิ่งสงบมองมายังพระใหม่ทั้งสอง เพียงชั่วประเดี๋ยวก็มองเลยมาทางเขา

                แต่ท่านไม่ได้มองเขา

                และเขารู้ดีว่าท่านมองใคร

                เสียงคำสอนของหลวงอิ่มดังสม่ำเสมอ ถึงไม่มีเครื่องเสียงเพราะวัดนี้ไร้ไฟฟ้า แต่ทุกคนก็ตั้งใจฟังดี โดยเฉพาะพระใหม่ทั้งสองรูป โหรกวาดไล่สายตาไปเรื่อยๆ กระทั่งมาอยู่ที่แผ่นหลังไม่กว้างไม่เล็กของใครบางคน

                ใครบางคนที่ทำให้เขานอนหลับไม่สนิทอยู่หลายคืน

                กุมภ์สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางผ้าสีอ่อน นั่งอยู่เบื้องหน้าของเขาพอดี แต่ห่างกันหลายช่วงตัว เขาเห็นกุมภ์ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส แม้แต่กับเขาเอง กุมภ์ก็ยังกล่าวสวัสดีด้วยท่าทางที่ปกติ แล้วหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไปอยู่กับครอบครัว ไม่ได้หันมามองเขาสักนิด

                น่าหงุดหงิดชะมัด เขาทำอะไรผิด ทำไมต้องเมินกันด้วย

                หัวคิ้วข้างขวากระตุก เมื่อจู่ๆ คำว่า ‘เมิน’ ก็ผุดขึ้นมา

                หลายครั้งแล้วที่เขาพยายามกำจัดความรู้สึกบ้าๆ นี่ออกไป มันรบกวนจนเขาเกือบจะสวดมนต์ไม่ได้ ถึงคำแนะนำของพิกุลจะคลายอาการหน่วงในอกลงได้ แต่กลับขจัดเรื่องของกุมภ์ไม่ได้

                กระทั่งหลวงตาอิ่มเทศน์จบ ทุกคนทยอยเดินออกจากศาลา ส่วนพระใหม่ต้องอยู่ปฏิบัติธรรม โดยที่ญาติห้ามมาเยี่ยม ทำได้แค่เพียงรอตักบาตรในตอนเช้าเท่านั้น พันนาและรชตดูผ่องใสในผ้าเหลือง ซึ่งนั่นคือเรื่องดี

                โหรเดินออกมาเงียบๆ และหยุดนั่งที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ เก่ามากเสียจนทางการลืมสำรวจ ต้องใช้เงินจากชาวบ้านมาช่วยกันทำนุบำรุง ต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ยังคงให้ร่มเงาภายใต้อาณาเขตอภัยทานแห่งนี้ พระสงฆ์มีไม่ถึงสิบรูป กุฏิก็อยู่ห่างกัน ป่าช้าอยู่หลังวัด หลุมศพแบบที่คนสมัยก่อนใช้ฝังคนตายยังมีให้เห็น รวมถึงเชิงตะกอน และวัดนี้ไม่มีเมรุ

                คนอื่นๆ ออกไปจากวัดบ้างแล้ว เสียงล้อรถยนต์บดกับดินกรวด ส่วนเขาคงจะต้องพึ่งสองเท้า เพราะวัดกับบ้านห่างกันแค่สามกิโล ยังไม่ทันได้เหงื่อก็ถึงบ้านแล้ว

                “ยังไม่กลับเหรอครับ”

                เสียงทุ้มดังเบาๆ เหนือศีรษะ โหรเงยหน้าขึ้นมอง แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นกุมภ์ เขาคิดว่าเจ้าตัวกลับไปพร้อมกับครอบครัวแล้ว

                “กำลัง แล้วคุณล่ะทำไมยังไม่กลับ” โหรถามกลับบ้าง

                “กลับด้วยกันไหม”

                ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ ม่านความรู้สึกเลื่อนออกช้าๆ โหรเดินตามร่างกึ่งโปร่งไปยังรถยนต์สีขาวสะอาด ซึ่งก็ดูเหมาะกับเจ้าของดี

                ในชีวิตไม่ค่อยได้สัมผัสกับยานพาหนะประเภทนี้นัก อย่างดีก็รถกระบะแบบแค็บ กินฝุ่นกินควันกันไป กุมภ์เข้าไปในรถเปิดเครื่องยนต์และแอร์ให้ความเย็น กลิ่นหอมจากน้ำยาปรับอากาศเย็นสดชื่น แต่โหรไม่ถูกกับไอเย็นแบบนี้นัก มันมักจะทำให้หลับก่อนจะถึงจุดหมายทุกที

                กุมภ์ขับรถไปตามทางลูกรังขรุขระ รถยนต์เอียงซ้ายทีขวาทีเพราะต้องคอยหลบหลุมที่ถูกน้ำขังจนเป็นแอ่งเล็กๆ สองข้างทางคือนาข้าวที่กำลังจะเป็นสีเหลือง แดดในยามสายจัดเจิดจ้าจนแสบตา แต่ชาวบ้านหลายคนยังคงตากแดดตากลมอยู่กลางไร่กลางนาทำมาหากิน

                “ให้ผมไปส่งที่บ้านเลยไหม หรือคุณจะแวะทำธุระที่อื่น?”

                “ผมไม่เคยมีธุระที่อื่นหรอก” โหรบอก “กลับบ้านเลย”

                ระยะทางแค่สามกิโล แต่กลับใช้การเดินทางร่วมครึ่งชั่วโมงเพราะถนนไม่อำนวยกับรถยนต์ราคาแพงเสียเท่าไร ความเร็วเลยถูกจำกัดไว้แค่ 20-30 กิโลเมตรเท่านั้น

                บ้านสองชั้นค่อนข้างเก่าตั้งอยู่บนพื้นที่ไร่กว่าๆ รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ที่ถูกไม่ค่อยจะเป็นระเบียบนัก ว่านหรือสมุนไพรต่างๆ ถูกปลูกไว้หน้าบ้าน ส่วนไม้ใหญ่อยู่หลังบ้าน ที่แปลกตาไม่เข้าพวกคงจะเป็นกอดาวกระจายที่ขึ้นเหลืองอร่ามอยู่ใกล้ๆ กับเสาบ้าน

                “ขอบคุณนะครับ” โหรกล่าวขอบคุณผู้มากน้ำใจ กุมภ์ไม่พูดอะไรได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น มือหนายังจับอยู่ที่บานประตูแม้จะเท้าจะลงมาสัมผัสกับพื้นแล้วก็ตาม ในคออึกอักคล้ายกับจะอยากพูดอะไรบางอย่าง

                แค่ทำตามไปตามความรู้สึก

                “อยู่คุยกันหน่อยได้หรือเปล่า”


 :ling3:
*อย่าตีเลา เลาแก่แล้ว*
 
**ขออภัยที่หายไปนานจ้า มันเหนื่อยๆ ล้าๆ ทั้งที่ปีใหม่ก็ไม่ได้ไปไหน แต่เหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก 55555**

***ดีใจที่เห็นมีคนเอาไปรีวิวในทวิตเตอร์ กราบงามๆ เลยค่า***

****ถ้าหากบทพระ-นาย ไม่ดี หรือการโยงเรื่องความรักไม่ดี อย่าโกรธกันเด้อ****

*****โปรดติดตามตอนต่อไป*****

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ทั้งตอนนี้ยกให้พิกุลเลย
ทุกคนที่หล่อล้วนหน้าตาเหมือนพี่แผน5555555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เรื่องร้ายๆ จะได้จบลงสักที ยกเว้นเรื่องของหัวใจ
ยายพิกุลผีบ้า แอบไปอ่านความคิดคนอื่นอยู่ได้
พูดแล้วก็เขิน อิอิอิ แต่ก็ดีที่ทำให้โหรเปิดใจ

ขอคุณที่มาต่อ ถึงจะรอนานไปหน่อยก็ไม่ว่า
ถ้ามาลงบ่อยๆ ตรุษจีนนี้ขอให้ไรท์ได้แต๊ะเอียซองใหญ่ๆ
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อ๊ายยย ค้างเลยย. พิกุลน่ารัก 555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด