ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65869 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โหรจะนอยด์ก็ไม่แปลก แต่ถ้ายังยอมรับใจตัวเองไม่ได้
ก็อย่าพึ่งติดต่อน้องเลย อย่าพึ่งทำให้สับสนจนต้องเจ็บกันไป
แต่ถ้ายังไม่รีบรู้ใจ ก็อาจมีคนมาแทรกแซงนะ บอกไว้เลย

กุมภ์ก็ปล่อยเบอร์ให้ขนาดนี้ ดูสิ พี่ไม่คืบหน้าเลย
รอแล้วรอเล่า จ้าวจอมโทรคุยบ่อยกว่าไปอีก
ดีที่กุมภ์รู้ตัวเอง ถึงจะคุ้นเคยกับปรางค์ ก็ให้ใจไม่ได้

เอ็นดูจ้าวจอม คืออะไรไปป่วนพระ แต่ดีนะที่พระเคร่งศีล

พิกุลยังรู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร โหรก็ซื่อบื้อไปเถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2020 21:02:36 โดย labelle »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ชอบคิดกันไปเองงงง :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
จะได้เจอกันอีกไหมคะเนี่ย คนนึงก็เป็นท้อ อีกคนก็ไม่รู้ใจตัวเอง  :hao5:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
เพิ่งได้มาอ่าน สนุกๆ ไม่ค่อยได้เจอใครแต่งแนวประมาณนี้เลย

แต่ขอทักท้วงอย่างนึงน้า ตอนโหรสู้กับไอ้บอดอ่ะ ตรงต้นลมต้องเปลี่ยนเป็นท้ายลมรึเปล่า  ถ้าซ่อนอยู่ต้นลมยังไงกลิ่นก็พัดลงไปท้ายลมอยู่ดี มันแอบไม่ได้หรอกเด้อ :z13:

ออฟไลน์ ZMOA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอนะครับเข้ามาเช็คทุกวันเลย  :m15:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รอพี่โหรร :3123:

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 18 ไม่รู้ใจตัวเอง

                “โอ้โห กาแฟที่กรุงเทพฯ โคตรน่ากิน ร้านในเมืองยังสู้ไม่ได้เลย”

                โหรเหลือบมองเจ้าของเสียงที่ฟังแล้วออกจะเกินจริงอยู่สักหน่อย ถึงจะไม่พวกชอบกินกาแฟแต่กินทีไรรสชาติมันก็ไม่ได้ต่างกัน ชายหนุ่มส่ายหัวพลางใช้พลั่วแทงดินแห้งๆ ข้างกอข่า ใกล้หมดฤดูฝนแล้ว เม็ดฝนห่างขึ้น ตอนเช้าสัมผัสได้ถึงลมหนาว แต่ก็ชั่วเดี๋ยวเดียวพอแดดออกก็ร้อนแสบผิวเหมือนเดิม

                “เค้กก็น่ากิน มันต้องอร่อยกว่าร้านนั้นแน่ๆ เลย เนี่ยๆ พี่โหรดูสิ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ไม่ได้สนใจอยากดูรูปกาแฟหรือเค้กอะไรนั่น หากจ้าวจอมไม่พูดถึงชื่อใครบางคนในประโยคถัดมา “พี่กุมภ์ไปกับใครวะ มือขาวๆ เล็กๆ ผู้หญิงแน่นอน แฟนหรือเปล่าวะ”

                โหรชะงักมือ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสายตามันเหลือบไปมองโทรศัพท์ทั้งแต่เมื่อไร ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอกว้าง คือแก้วกาแฟเย็นจัดมีกระดาษทิชชู่สีน้ำตาลพันรอบ ข้างๆ กันคือจานเค้กรูปร่างน่ากิน ถัดออกไปไม่มากเห็นอยู่ที่มุมหน้าจอคือนิ้วมือขาวเรียวเล็ก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง

                ...ไหนว่าเป็นเกย์ไงวะ...

                “มึงไปได้รูปนี้มาได้ยังไง” โหรถาม เพิ่งจะรู้ตัวว่าหลุดคำถามงี่เง่าออกมา

                “พี่กุมภ์ส่งมาให้ดู”

                “แล้วเขาส่งมาให้มึงได้ยังไง” โหรถามต่อ เขาไม่ได้โง่ถึงกับไม่รู้หรอกว่าแอพพลิชั่นที่จ้าวจอมกับกุมภ์ใช้สนทนากันมันเรียกว่าไลน์ แต่ที่ถามเพราะไม่อยากให้จ้าวจอมสงสัย

                “ไลน์ไงพี่ ผมก็บอกให้พี่เปลี่ยนโทรศัพท์สักที เงินทองก็มีเยอะแยะ โทรศัพท์เครื่องเดียวไม่ทำให้เสาเรือนสะเทือนหรอก” จ้าวจอมพูดกวน

                “ไม่เอา รำคาญ” โหรปฏิเสธ เขาเคยเล่นแอพพลิเคชั่นพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็รำคาญจนต้องเลิกเล่นแล้วหันมาใช้รุ่นปาหัวหมาแตกแทน

                “โอ๊ะๆ นี่ไง มีรูปผู้หญิงด้วย สวยชะมัด เหมือนดาราเลย แฟนกันแน่นอน หมอจอมฟันธง!”

                จ้าวจอมยื่นโทรศัพท์ให้ดู ในใจของโหรกระตุกวูบเหมือนถูกแย่งของเล่นไปจากมือเมื่อเห็นภาพหนุ่มสาวเอียงหน้าชิดกัน ผู้หญิงคนนั้นสวยจัดอย่างที่จ้าวจอมว่าจริงๆ ผมยาวดำสนิท คิ้วสวยเรียงตัว ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งกำลังดี ริมฝีปากสดสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มหวาน ส่วนอีกคนคือกุมภ์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกล้องหรือเปล่าทำให้กุมภ์ดูขาวขึ้น ใบหน้าขาวสะอาด กุมภ์ยิ้มและน่าจะเป็นคนถือกล้องเพราะองศาของรูปมันทางกุมภ์มากกว่า ทั้งคู่ดูเหมาะสมที่จะเป็นคู่รักกันจริงๆ

                “มึงเอาห่าอะไรให้กูดู”

                “ห่าที่ไหน รูปพี่กุมภ์กับแฟนเขาไง” จ้าวจอมยักคิ้วทะเล้น “ผมถามไปว่าไปเที่ยวกับใคร เขาก็เลยส่งรูปมาให้ดู อ๊ะๆ นี่ไงบอกชื่อแล้ว ชื่อปรางค์ซะด้วย”

                กุมภ์ปรางค์ หึ แม้แต่เชื่อยังฟังดูเหมาะกันเลย

                “มึงไม่ถามเขาไปเลยล่ะว่าเป็นแฟนกันหรือเปล่า” โหรประชด กระแทกพลั่วจนมันเกือบจมลงดินแข็งๆ ไปเกินครึ่ง ในอกร้อนเหมือนกินน้ำร้อนลงไปสักกา

                “ถามแล้ว” จ้าวจอมตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะหลิ่วตาเจ้าเล่ห์ “พี่เขาว่าเป็นแค่เพื่อนกัน”

                ถึงได้เป็นคำถามที่ประชด และได้รับคำตอบมาแล้วกลับไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคนฟังดีขึ้นเลยสักนิด โหรกระแทกพลั่วลงดินหนักๆ จนจ้าวจอมแซวว่าจะพรวนดินหรือขุดบ่อกันแน่

                ร่วมเดือนแล้วที่กุมภ์กลับกรุงเทพฯ ไปแล้วไม่ได้ติดต่อมาทางเขา เช่นเดียวกันที่เขาเองก็ไม่ได้ติดต่อไปเหมือนกัน ทั้งที่กุมภ์ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้แล้ว หลายครั้งที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พิจารณาอยู่หลายเที่ยว แต่ก็ได้กดโทรออก เพราะหาเหตุผลที่จะโทรไปไม่ได้ ถ้าจะยกเรื่องพระพันนากับพระรชตมาเป็นข้ออ้างมันก็ไม่ได้ผลนัก เพราะจ้าวจอมรายงานหมดทุกเม็ดอยู่แล้ว

                เมื่อหลายวันก่อนจ้าวจอมมันดีใจวิ่งมาหาพร้อมกับกล่องพัสดุในมือ บอกว่ากุมภ์ส่งอัลบั้มรูปที่พระพันนาถ่ายเอาไว้ตอนติดอยู่ในป่า ถึงเขาจะไม่มีความรู้เรื่องกล้องหรือภาพถ่าย แต่ยอมรับว่าฝีมือของพระพันนาดีมากจริงๆ แม้แต่รูปเห็ดที่ชูต้นเหนือใบไม้แห้งยังดูดี จ้าวจอมเปิดให้ดูไปเรื่อยๆ จนถึงรูปของไอ้บอด ที่ตอนนี้เหลือแค่ชื่อเท่านั้น เขาเลิกสนใจอัลบั้มรูปไปพักใหญ่แล้ว แต่จ้าวจอมยังคงชื่นชมฝีมือของพระพันนาไม่เลิก ได้ยินว่ามันจะขอบางรูปไว้ด้วย ไม่รู้ว่าประทับใจอะไรนักหนา ส่วนตัวเขากลับจดจ่ออยู่กับลายมือเรียบร้อยบนกล่องกระดาษแทน

                ‘นายกุมภา  เกียรติรักษ์วงศ์’

                เขาเพิ่งรู้ว่ากุมภ์ มีชื่อจริงว่ากุมภา อาจจะตั้งตามเดือนเกิดของเจ้าตัว ส่วนเขาชื่อโหร คำเดียวสั้นๆ ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น ไม่ได้มีความหมายหรือที่มาที่ไปซับซ้อน แค่ตั้งให้สอดคล้องกับของปู่เหม พ่อหาญ เท่านั้น

                โหรถอนหายใจ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก อาการร้อนรุ่มในอกมันไม่เคยลดลงเลย นานวันยิ่งรุนแรงขึ้น แม้จะยืนยันหนักแน่นสักแค่ไหนว่าไม่ได้คิดเกินเลยกับกุมภ์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกของตนมันไม่เคยลดน้อยลงเลย

                เป็นไปไม่ได้หรอกที่แค่การช่วยเหลือโดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเองจะทำให้เขาเปลี่ยนรสนิยมได้

                แล้วไอ้ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไร?

                หงุดหงิดโว๊ย!

                “โอ๊ย!”

                โหรสะดุ้ง ชายหนุ่มเบิกตากว้างมองหาต้นตอ แล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นของเหลวสีแดงข้นจากฝ่าเท้าของจ้าวจอม

                “เฮ้ย!” โหรอุทาน ทิ้งพลั่วในมือทันที

                “พี่มัวแต่เหม่ออะไรอ่ะ โอ๊ย โคตรเจ็บเลย จะเป็นบาดทะยักหรือเปล่าวะเนี่ย”

                แผลของจ้าวจอมไม่ได้ลึกมากเพราะพลั่วไม่คม โชคดีอีกอย่างที่จ้าวจอมฉีดยาบาดทะยักเอาไว้แล้ว โหรเอ่ยขอโทษไปแค่ครั้งเดียว แต่ก็รับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งพามาทำแผลที่อนามัย และพาไปส่งที่บ้าน โดยรถยนต์ตอนครึ่งคันเก่าสีน้ำเงินที่นาทีปีหนจะออกใช้งานสักที จ้าวจอมบ่นไม่หยุดปากเพราะเจ็บแผล

                “พี่กุมภ์เป็นห่วงใหญ่เลย ผมบอกด้วยแหล่ะว่าพี่โหรทำ” จ้าวจอมฟ้อง มือยังกดโทรศัพท์ไม่หยุด โหรเพิ่งรู้ว่าไอ้เด็กแสบนี่มันติดโทรศัพท์เหมือนกัน

                “ไปบอกเขาทำไม” โหรดุ สาบานว่าถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเองที่เผลอเอาพลั่วทิ่มลงไปบนหลังเท้า คงจะตบกะโหลกไปสักป้าบแล้วล่ะ

                “ทำไมจะบอกไม่ได้ล่ะ แผลใหญ่นะเนี่ย”

                “ใหญ่มะเหงกนี่! แค่ล้างแผล ไม่ได้เย็บสักเข็ม เดี๋ยวกูเอายามาให้กิน ไม่ถึงอาทิตย์ก็หายแล้ว” โหรส่ายหัว กับความเล่นใหญ่เกินจริงของจ้าวจอม “กูกลับล่ะ ฝากบอกพี่กุมภ์ของมึงด้วยว่ากูรับผิดชอบเต็มที่”

                “ทำไมต้องฝากบอก” จ้าวจอมขมวดคิ้ว “บอกเองก็ได้นี่ เบอร์โทรก็มี”

                “กูไม่โทร!”

                จ้าวจอมถอนหายใจ มองตามแผ่นหลังกว้างของลูกพี่ใหญ่ไป ไม่เข้าใจว่าทำไมโหรต้องหงุดหงิดแค่เขาบอกให้โทรศัพท์ไปหากุมภ์ ไหนจะท่าทางสนอกสนใจตอนที่ยื่นรูปในโทรศัพท์ให้ดู นี่ไม่นับรวมอาการเหม่อลอยจนทำให้เขาได้แผลอีก

                แต่มีอีกอย่างที่โหรยังไม่รู้ คือกุมภ์มักจะส่งข้อความมาถามว่าโหรเป็นอย่างไรบ้าง มันดูคล้ายกับเป็นการถามไถ่ทั่วไป ทว่าข้อความทำนองนี้ถูกส่งมาทุกวัน จนแม้แต่คนไม่ประสาอย่างจ้าวจอมยังอดแปลกใจไม่ได้

                “ทำเป็นปากแข็งไปเถอะ เดี๋ยวเขามีแฟนจริงๆ ตัวเองจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า” จ้าวจอมส่ายหน้าเบาๆ สายตายังจับอยู่ที่กลุ่มควันสีดำของรถยนต์รุ่นเก่าที่แล่นห่างออกไปเรื่อยๆ...

 

                ‘อีก 2 วัน หลวงพี่ก็จะศึกแล้ว พี่จะมาไหม’

                กุมภ์อ่านข้อความที่จ้าวจอมส่งมาอยู่หลายรอบ แต่ยังไม่อาจให้คำตอบได้ นิ้วมือยกค้างอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายก็เลื่อนไปกดปุ่มล็อคหน้าจอแทน

                วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดจรวด เผลอแป๊บเดียวพระพันนาและพระรชตก็ครบกำหนดบวชแล้ว จ้าวจอมเล่าเรื่องที่โน่นให้ฟังทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องของคนที่ถามถึง

                ท่าทางโหรจะสบายดี แม้จะทำให้จ้าวจอมได้รับบาดเจ็บที่เท้าก็ตาม ตอนที่จ้าวจอมส่งรูปแผลมาให้ดูเขาตกใจไม่น้อย รีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้รับคำตอบกลับมาว่าโหรทิ่มพลั่วใส่หลังเท้าจ้าวจอม โชคดีที่แผลไม่ลึกและหายไว ส่วนโหรรับผิดชอบด้วยการเอายาสมุนไพรมาให้ บางวันก็ไปรับที่โรงเรียนด้วยรถยนต์

                เขาเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงภาพใบหน้าบูดบึ้งของโหรตอนที่ขับรถยนต์ไปรับจ้าวจอมที่โรงเรียน

                กุมภ์ถอนหายใจ ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้สบายตัว แต่เขากลับคิดถึงลมเย็นๆ และกลิ่นแดดอ่อนๆ ในยามเช้ามากกว่าที่บ้านหลังเล็กมากกว่า เกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อกับโหรเลย ได้แค่ข้อความจากจ้าวจอม ไม่รู้ว่าจ้าวจอมจะเดาออกไหมว่าทำไมเขาจึงถามถึงโหรทุกวัน ดีไม่ดีโหรอาจจะเล่าให้จ้าวจอมฟังเรื่องที่เขาเป็นเกย์แล้วก็ได้

                นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจ คนในครอบครัวยังไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นเกย์ แถมดูเหมือนว่าแม่ของเขากับป้าเปรมกำลังจะจับคู่เขากับปรางค์อีกด้วย ถึงปรางค์จะเป็นผู้หญิงน่ารัก ทั้งรูปร่างหน้าตา แต่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง ถึงจะสนิทกันแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

                พรุ่งนี้ปรางค์ชวนให้เขาไปดูหนังเป็นเพื่อน เพราะเธอชวนคนอื่นแล้วแต่ไม่มีใครว่าง กุมภ์ถอนหายใจทิ้งอีกครั้ง นอกจากแม่กับป้าเปรมจะสร้างความกดดันให้แล้ว ปรางค์เองก็ทำให้เขาหนักใจไม่น้อย

                เขารู้ว่าปรางค์เองก็มีใจให้ ถึงเธอจะไม่พูดแต่การกระทำของเธอค่อนข้างชัดเจน ทั้งชวนไปกินข้าว ดูหนัง หรือแม้แต่เลือกซื้อหนังสือ แม่เลยยิ่งเข้าใจว่าเขากับปรางค์กำลังคบหาดูใจกันจริงๆ มีครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินท่านเปรยกับพ่อว่ากำลังจะได้ลูกสะใภ้ เขาอึดอัด กลุ้มใจ แต่ไม่อาจจะระบายเรื่องนี้ให้ใครฟังได้

กุมภ์พลิกตัวลงนอนตะแคง ปิดเปลือกตาที่แสนเมื่อยล้าลง บางทีการเป็นเกย์มันอาจจะผิดจริงๆ เพราะยิ่งนานวันก็ยิ่งทรมาน

                ‘เพิ่งรู้ว่าพวกผู้ชายงี่เง่าเป็นเหมือนกัน’

                กุมภ์ลืมตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อครู่นี้เขาได้ยินเสียงผู้หญิง ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบห้อง แล้วก็ต้องสะดุ้งจนเกือบตกเตียงเมื่อพบกับร่างหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ปลายเตียงที่เขานอน

                “พิกุล!”

                ‘นึกว่าจะจำกันไม่ได้เสียแล้ว ฉันน่ะจำตอนที่โดนเธอถีบได้ดีเชียวล่ะ’

                น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นไร้ความรู้สึก ขนในกายลุกชัน เพราะริมฝีปากของเธอไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย ทว่าเสียงของเธอกลับดังชัดเจนเหมือนแทรกเข้ามาในความคิด กุมภ์เบิกตากว้างอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะดึงเท้าหนีด้วยซ้ำ พิกุลค่อยๆ เอียงหน้าหันมอง ดวงตาของเธอดำใหญ่ไร้เงา ใบหน้าขาวซีดเช่นเดียวกับริมฝีปาก ทว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้ขาดวิ่นเหมือนที่เคยเห็น แต่ขาวสะอาดเหมือนชุดใหม่ ผิวกายก็ไม่ได้สกปรกมอมแมม เส้นผมสีดำสนิทเรียบตรงทิ้งตัวที่แผ่นหลังบางเล็ก ถ้าหากเธอยังมีชีวิตคงสวยจับใจเป็นแน่

                “คะ คุณคงไม่ได้จะมา...มา...แก้แค้น...” กุมภ์ถามเสียงสั่น กลัวแทบขาดใจแต่กลับขยับตัวไม่ได้

                ‘เปล่าหรอก’ พิกุลตอบกลับมาด้วยเสียงที่ดังในความคิด ‘ฉันจะมาตอบแทนต่างหาก’

                “ตอบแทน?” กุมภ์เลิกคิ้วสูง จากที่หวาดกลัวเป็นแปลกใจแทน

                ‘อืม’ ผีสาวพยักหน้า ดวงตาไร้เงาของเธอนิ่งไม่ไหวติง ‘ฉันกำลังจะไปในภพภูมิของฉันแล้ว ความแค้นของฉันหมดลงแล้ว แต่ยังมีเรื่องติดค้างอยู่อีก...นิดหน่อย’

                กุมภ์ตั้งใจฟัง นึกดีใจที่ความแค้นที่พิกุลมีต่อรชตไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว หากแต่สิ่งที่เธอบอกว่ายังติดค้างเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ชายหนุ่มค่อยๆ หดขาเข้ามาหาลำตัว เปลี่ยนท่าเป็นนั่งขัดสมาธิ ความกลัวลดลงไปมากทีเดียว อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะแปลงกายให้น่ากลัว

                ‘โหรเขาไม่ได้รังเกียจเธอหรอกนะ...แต่ตาทึ่มนั่นไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเธอกันแน่’

                กุมภ์เกือบหัวเราะคำว่าตาทึ่ม ถึงลักษณะของโหรไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าทึ่มเท่าไรนัก แต่ในประโยคสุดท้ายหัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะ

                “รู้สึก...กับผม?” กุมภ์ใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเอง ใบหน้าสวยงามแต่ไร้ซึ่งความรู้สึกพยักช้าๆ เพียงแค่ครั้งเดียว

                ‘เขาทึ่มอย่างที่ฉันบอกนั่นแหล่ะ วิชาความรู้ เวทมนต์ยากกว่านี้ตั้งเยอะกลับศึกษาได้ แค่ความรู้สึกของตัวเองกลับไม่รู้ เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ’ พิกุลพูดเหมือนตำหนิ

                “เขาไม่ได้รังเกียจผม...แต่เขาก็รับไม่ได้ที่ผมเป็นแบบนี้” กุมภ์บอกพร้อมฝืนยิ้ม

                ‘ในยุคสมัยฉัน คนแบบเธอก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่มาก’ พิกุลเล่าถึงอดีต ‘ฉันว่าพวกเขาน่าสงสารนะที่ไม่อาจฝืนความรู้สึกได้ อยากจะรัก จะชอบใครสักคนก็ยังทำลำบาก ยิ่งคู่รักยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะไม่อยากถูกสังคมประณามหยามเหยียด บางคนถึงกับต้องฆ่าตัวตายเพราะไม่อาจทนต่อกระแสต่อต้านได้ เธอโชคดีมากนะที่เกิดในยุคนี้...ดังนั้นเธอไม่ควรปล่อยให้ความโชคดีนี้หลุดมือไปนะ’

                “ผมทำไม่ได้หรอก” กุมภ์ส่ายหน้า “ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับผม แล้วถ้าผมรุกเข้าหาเขามากๆ เขาอาจจะรังเกียจผมจริงๆ ก็ได้”

                พิกุลทำเสียงคล้ายกับจะถอนหายใจ ซึ่งกุมภ์ไม่รู้ว่าดวงวิญญาณทำได้หรือเปล่า เขามองใบหน้าเรียบเฉยของเธออยู่เพียงวินาทีแล้วก็ก้มต่ำ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกดุอยู่

                ‘ทึ่มพอกัน...เธอชอบเขาไม่ใช่หรือไง ฉันรู้ดีว่าความรักที่ไม่สมหวังมันทรมานแค่ไหน และฉันก็อยากตอบแทนให้กับคนที่ช่วยเหลือฉันเพราะฉันไม่อยากติดค้างอะไรกับใครอีก’

                “แต่ผมไม่ได้ช่วยคุณ ผม...ถีบคุณด้วย”

                ‘ฉันไม่ได้หมายถึงเธอ...ตาทึ่มโหรต่างหาก’ พิกุลตอบ ‘เธอเป็นคนดี ฉันอยากให้โหรมีความสุขจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่ามันเป็นความสุข’

                “สิ่งที่เขาคิด?” กุมภ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ โหรเป็นผู้ชายปกติ ย่อมอยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ พ่อแม่และลูก “เขาอาจจะคิดถูกก็ได้ครับ”

                ‘ไม่หรอก...ถ้าเขามีเมียเป็นผู้หญิงจะไม่มีพบกับความสุขไปตลอดชีวิต เขาจะต้องพบกับความผิดหวังไปจนกว่าหมดลมหายใจ’

                “จริงเหรอครับ” กุมภ์ถาม ถึงไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด แต่อาการนิ่งเงียบของพิกุลน่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ “แต่ผมคงช่วยเขาไม่ได้หรอก เขาไม่ได้ชอบผม”

                ‘เขาเองยังไม่รู้ใจตัวเองเลย แล้วเธอจะไปรู้ดีกว่าใจเขาได้อย่างไร’ พิกุลย้อน ‘เอาเถอะ อย่ามัวแต่ถือทิฐิอยู่เลย ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี เธอจะทำให้เขาพบกับความสุขที่แท้จริง....ฉันไปล่ะ’ ร่างโปร่งบางลุกขึ้นจากเตียง หันหลังทำท่าคล้ายกับจะจากไปจริงๆ แต่เธอเอี้ยวตัวหันมาเสียก่อน ราวกับเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้ ‘อ้อ วันที่พระศึกน่ะ เอาเพื่อนที่ชื่อปรางค์ไปด้วยก็ดีนะ’

(มีต่อ)
             


ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
  กุมภ์เฝ้าบอกกับตัวเองว่าคำพูดของพิกุลเชื่อถือไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ชวนปรางค์มาเป็นเพื่อนในวันที่พระพันนากับพระรชตลาสิกขาบถ โชคดีที่ปรางค์ไม่ได้ถามอะไร เธอดูตื่นเต้นด้วยซ้ำเพราะนี่เป็นการมาต่างจังหวัดครั้งแรกโดยไม่มีแม่คอยควบคุม แต่พวกเขาไม่ได้เดินทางตามลำพัง มีชาร์ลและคะนิ้งที่กลับมาจากเยอรมันมาด้วย ครั้งแรกที่ชาร์ลและคะนิ้งเห็นปรางค์ ทั้งคู่แทบจะปักใจเชื่อทันทีว่าปรางค์คือคนรักของเขา ปรางค์แบ่งรับแบ่งสู้ แก้มของเธอแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ ขณะที่เขาได้แต่ส่ายหัวไปมา แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆ เพราะกลัวจะทำให้ปรางค์เสียใจ ถึงเธอจะไม่มีวันได้เป็นคนรัก แต่เขาก็รักเธอแบบเพื่อนสนิทกันคนหนึ่ง

                พวกเขามาถึงวัดป่าในช่วงสาย ที่วัดครอบครัวของรชตกับพันนามาพร้อมหน้าแล้ว ที่จริงพวกเขามาถึงตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น และเข้าพักในโรงแรมกลางจังหวัด ปรางค์ตื่นเต้นมากกว่าใคร วันนี้เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวสะอาดตา กับรองเท้าผ้าใบสบายๆ เส้นผมยาวสีดำรวบเป็นหางม้าง่ายๆ แต่งแต้มเครื่องสำอางเล็กน้อย เพียงแค่นี้เธอก็น่ารักเหมือนตุ๊กตาแล้ว ส่วนตัวเขาเองสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีอ่อนไม่ได้หรูหราหากแต่สุภาพเหมาะกับสถานที่ ชาร์ลกับคะนิ้งแซวใหญ่ว่าเขากับปรางค์แต่งตัวเหมือนคู่รักไม่มีผิด

                การลาสิกขาบถของพันนาและรชตเรียบง่าย ทั้งคู่อยู่ในชุดขาวที่ครอบครัวเตรียมให้ ตอนก้มกราบลาเจ้าอาวาสเขาเห็นดวงตาของท่านเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ท่านเทศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ฟัง แม้จะวัยเลยแปดสิบแล้วแต่เสียงของท่านยังชัดก้องกังวานศาลาไม้ การเทศไม่สะดุด ไหลลื่นและน่าฟัง จนปรางค์ต้องเอ่ยชมอยู่หลายครั้ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าอาวาสที่เปี่ยมไปด้วยบุญกุศลท่านนี้จะเป็นตาของจ้าวจอม เด็กแสบประจำตำบล

                ทั้งหมดเดินออกมาจากศาลา รวมทั้งพันนาและรชต ออกจะแปลกตาไปสักหน่อยเพราะผมยังไม่ขึ้น ขนคิ้วก็ไม่มี แต่ก็ดูอิ่มเอิบคงเป็นเพราะผลพลอยได้จากการฝึกสมาธิ รชตท่าทางสงบขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด พันนาเองก็ด้วย อาจจะไม่ชัดเท่าเพราะก่อนหน้าพันนาก็สุขุมอยู่แล้ว

                กุมภ์โผเข้ากอดเพื่อนสนิททั้งสอง พร้อมกับชาร์ล เพื่อนรักทั้งสี่กอดกันกลม เหตุการณ์ที่ร่วมผจญมาด้วยกันพิสูจน์ความเป็นเพื่อนได้ดี

                “มึงอ้วนขึ้นปะเนี่ย” ชาร์ลแซว ทั้งที่ตัวเองก็เจ้าเนื้อขึ้นเหมือนกัน อาหารที่เยอรมันคงจะถูกปากไม่น้อย

                “นิดหน่อย” พันนาตอบยิ้มๆ ก่อนจะมองไปทางปรางค์ “แฟนเหรอวะกุมภ์”

                กุมภ์ส่ายหน้า “เพื่อนกันน่ะ ชื่อปรางค์ เขาอยากมาเที่ยวเลยชวนมาด้วย”

                ปรางค์ยิ้มทักทายเพื่อนของเธอ แก้มเธอแดงเรื่ออีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายสดใส กระซิบบอกกับเขาว่าเพื่อนของเขาน่ารักทุกคน ซึ่งเขาก็เห็นด้วย ถึงนิสัยจะแตกต่างกัน แต่มันคือความลงตัว

                “ขา...ไปทำอะไรมา”

                กุมภ์หันไปมองพันนา แต่สายตาของคนพูดจับจ้องไปยังร่างโปร่งบางของเด็กชายตัวแสบที่กำลังเดินกระย่องกระแย่งเข้ามา ที่เท้ามีผ้าพันแผลสีขาวขุ่นที่คล้ายกับจะเปื้อนฝุ่นอยู่ด้วย คงมีเขาคนเดียวในทีนี้กระมังที่รู้ว่าแผลที่เท้าของจ้าวจอมเกิดจากอะไร

                “อุบัติเหตุนิดหน่อย” เด็กแสบยิ้มกว้าง เท้าข้างที่เจ็บมีรองเท้าแตะสวมอยู่แต่ก็จวนจะหลุดจากเท้าเต็มที

                “แผลยังไม่หายอีกเหรอ ตัวแสบ” กุมภ์เอ่ยทัก จ้าวจอมทำตาโตเดินกระโผลกกระเผลกเข้ามา “หวัดดีครับพี่กุมภ์ พี่คนนี้ชื่อปรางค์ใช่ไหม ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกอ่ะ”

                ปรางค์ยิ้มแหย รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังอาย อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าเขากับจ้าวจอมรู้จักกัน ซ้ำเขายังส่งรูปที่เคยถ่ายคู่กับเธอให้จ้าวจอมดูอีกด้วย

                “หวัดดีครับพี่ปรางค์” จ้าวจอมยิ้มเรี่ยราด ก่อนจะหันมายกมือสวัสดีทุกคน

                “โตขึ้นหรือเปล่าเรา” คะนิ้งเอ่ยทัก ดูเหมือนว่าจ้าวจอมจะสูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

                เจ้าเด็กแสบทำท่ายืดอก เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ๆ แต่จังหวะหนึ่งที่เจ้าตัวก้าวถอยหลังเพราะเท้าที่ยังรองรับน้ำหนักไม่ได้ทำให้เสียการทรงตัว ร่างเซไปด้านหลังและเกือบจะล้มก้นกระแทกพื้นแล้วหากไม่ได้ใครบางคนช่วยรับเอาไว้

                “ระวังหน่อยสิ”

                ข้อมือแข็งแรงยึดต้นแขนของจ้าวจอมเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนไปประคองแผ่นหลังให้กลับมายืนทรงตัวตามเดิม จ้าวจอมหัวเราะแหะๆ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ

                “ขอบคุณครับหลวงพี่ เอ๊ย พี่”

                พันนาส่ายหัว ปล่อยมือจากเด็กแสบ “อย่าซ่าส์ให้มากนัก แล้วได้ล้างแผลบ้างหรือเปล่า ทำไมผ้าพันแผลถึงสกปรกนัก”

                “ทำน่าพี่ ที่มันเลอะๆ เพราะยาของพี่โหรมันสีน้ำตาลอ่ะ”

                ชื่อของโหรทำเอาหัวใจของกุมภ์กระตุกวูบ อันที่จริงอาการนี้มันกำเริบตั้งแต่เข้ามาในเขตวัดแล้วไม่เห็นโหรแล้ว แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่ขณะเดียวกันก็อดผิดหวังไม่ได้ บางทีโหรอาจคิดว่าพวกเขาเป็นแค่ลูกค้า ไม่ได้มีความหมายไปมากกว่านั้น

                “เออ พูดถึงพี่โหร ทำไมกูไม่เห็นพี่เขาเลยวะ” ชาร์ลถาม
                “พี่โหรเขาอยู่กุฏิหลวงตาโน่น” จ้าวจอมชี้นิ้วไปทางกุฏิหลังเก่าที่สุด อยู่ติดชายป่ารก ที่ไม่บอกก็รู้ว่านั่นคือป่าช้า

                สายตาไวเท่าความคิด กุมภ์หันไปตามนิ้วของจ้าวจอม เห็นแผ่นหลังกว้างคุ้นตาแม้จะเล็กเท่าหัวไม้ขีดเขาก็จำได้ หัวใจพลันเต้นรัวจนต้องสูดหายใจเข้าปอดลึกอยู่หลายครั้ง

                “ไปหาพี่โหรกันเถอะ กูอยากขอบคุณเขาจริงๆ จังๆ สักที”

                ที่กุฏิหลวงตาอิ่มไม่ได้มีแค่โหร แต่พ่อแม่ของพันนาและรชตก็อยู่ด้วย หลวงตากำลังหลับตาสวดมนต์เบื้องหน้ามีบาตรใบเก่าบุบๆ และเทียนทำน้ำมนต์อยู่ด้วย โหรนั่งพับเพียบอยู่ด้านในมือยกขึ้นพนม แต่ไม่ได้หลับตาเช่นเดียวกับผู้ใหญ่อีกสี่คน ไม่ถึงนาทีหลวงตาก็ลืมตาขึ้น ใช้ตอกเก่าจุ่มลงไปในบาตร แล้วสะบัดมาทางฆราวาส กุมภ์กับคนอื่นๆ ย่อตัวลงนั่งหลังส้นเท้าตั้งแต่มาถึงกุฏิ เว้นแต่จ้าวจอมที่ยังนั่งไม่ถนัด เลยยืนติดกับเสากุฏิ แต่ก็ยกมือไหม้ก้มศีรษะรับน้ำมนต์ที่หลวงตาพรมให้

                “อาตมาบอกไม่ได้หรอกว่าหมดเคราะห์หมดโศกกันหรือยัง แต่ขอให้โยมอยู่ในศีลในธรรม บุญจะคุ้มครองพวกโยมให้อยู่รอดปลอดภัย”

                ทุกคนกล่าวสาธุพร้อมกันเบาๆ แล้วทยอยออกจากกุฏิของหลวงพ่อ โหรลุกขึ้นยืนแต่ไม่ได้เต็มความสูงเพราะหลังคากุฏิไม่ได้สูงพอสำหรับส่วนสูงเกินหกฟุตของตน ชั่วจังหวะหนึ่งที่กุมภ์ลุกขึ้นยืน เขาเผลอเหลือบมองไปยังร่างสูงใหญ่ ลมหายใจหยุดชะงักไปชั่ววินาทีเมื่อประสายกับดวงตาคมดุ

                “โอ๊ย”

                กุมภ์หันไปตามสัญชาตญาณ แล้วรีบใช้มือประกองร่างของปรางค์เอาไว้ก่อนที่เธอจะล้มไปนั่งบนพื้นดิน ปรางค์หันมายิ้มแหยพลางกล่าวขอบคุณ”

                “ขอบใจจะกุมภ์ เราเป็นเหน็บน่ะ สงสัยจะนั่งนานเกินไป”

                เขาไม่ได้ถือสาอะไร ช่วยพยุงให้เธอยืนขึ้น ปรางค์สะบัดเท้าเบาๆ ไม่น่าเกลียดเพื่อไล่อาการเหน็บชา

                “ดูแลดีจังว่ะ ไหนบอกแค่เพื่อนไงวะ” ชาร์ลยิ้มกรุ้มกริ่ม

                “ใช่ ดูแลดีกว่าชาร์ลดูแลเราอีก” คะนิ้งสัมทับ ก่อนจะหันไปค้อนใส่คนรัก

                ปรางค์ยิ้มเขินๆ แก้มแดงอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นเก็บปอยผมเล็กๆ เหน็บหลังใบหู “เราแค่เป็นเหน็บน่ะ แล้วกุมภ์ก็.!..”

                “ไอ้จอมกลับกันได้แล้ว”

                เสียงใหญ่แทรกขึ้นก่อนที่ปรางค์จะพูดจบประโยค ดึงเอาความสนใจจากทุกคนไปหมด กุมภ์รู้สึกถึงไออุ่นประหลาดแถวแผ่นหลัง เงาดำทาบทับลงมาเหมือนเมฆเคลื่อนบังพระอาทิตย์ แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่เงาของเมฆ

                “พี่โหร หวัดดีครับ”

                พันนา รชต ชาร์ล คะนิ้ง หรือแม้แต่ปรางค์ยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้ผู้มีอายุมากกว่า กุมภ์ค่อยๆ หมุนร่างไปด้านหลัง สายตาปะทะกับแผ่นอกกว้าง เขาไล่ตาขึ้นมองจนได้เห็นลูกคางได้รูป ริมฝีปากหยักลึก สันจมูกโด่งและดวงตาคู่ดุ ที่ไม่ได้มองมาทางเขาแม้แต่น้อย กุมภ์ก้าวถอยหลังเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นไหว้เหมือนคนอื่นๆ

                “สวัสดี” โหรรับไหว้พร้อมกล่าวตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “ผมอยากจะขอบคุณพี่”

                “ที่นี่คงไม่เหมาะ ไปบ้านผมน่าจะดีกว่า”

                                                                           *****************
*ลืมจ้า ที่ลงช้าเพราะลืมจ้า ขอโทษษษษษษษ*

**คำตกหล่นคำผิดมีเยอะจริงจ้า ตอนกอง บก ส่งมาถามนี่ยังงงตัวเอง แต่ในเล่มได้รับการแก้ไขแล้วนะคะ กราบขออภัยนักอ่านด้วยนะคะ**

***มีแพลนจะแต่งรุ่นลูกค่ะ แต่ต้องลุ้นเอาเนาะว่าลูกใคร***

****ช่วงนี้โดนคู่ ซซ (ซีเซ้นต์ จาก เพราะรักใช่เปล่า) ตกอยู่ ที่หายไป ที่ลืมลงนิยายเพราะเอาแต่หวีดคู่นี้อยู่จ้า****

*****ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าถ้าเราไม่ลืม ฮาาาาา*****

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออยู่เสมอนะคะ สนุกมากๆแต่เมื่อไหร่โหรจะรู้ใจตัวเองซักที อยากเห็นตอนรักกันแล้วอ่ะจะเป็นยังไง :mew3: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โหรเรียกจอมกลับเสียงดัง คงไม่รูตัวว่าแอบหึงคนเขาประคองกันละสิ หุหุหุ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
แหม พี่โหรร

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
แหนะ ชวนไปบ้านนน

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คู่นี้ ลุ้นจนหืดขึ้นคอละ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ถ้ารักผู้หญิงแล้วจะไม่มีความสุขก็รักกุมภ์ไปเลย
กุมภ์รักจริงขนาดไม่กลัวตายพี่โหรอย่าลังเลเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
 :เฮ้อ: เมื่อไหร่จะหายทึ่ม  :ling1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หึงแล้วยังไม่รู้เรืื่องอีกนะ โหร

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอน๊าาา

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ชอบผีพิกุลอ่าาาาา ฉลาด 555'

โหร ลูก โหร คิคิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงจังเลยค่า อยากอ่านต่อแล้ว :impress:

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
หนังสือลง e book ด้วยนะคะ please

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รอน้าาาาา

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เขารออยู่น้าาาาา

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ต้องให้ผีมาช่วยชงให้รักกันแล้วนะเบอร์นี้

ออฟไลน์ chompoo1997

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นมากกกเมื่อไรจะรู้ใจกันสักที

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 19 อาการของคนปากแข็ง

            บ้านหลังเล็กสองชั้นที่ด้านล่างเรียกว่าใต้ถุน มีตุ่มน้ำเล็กๆ วางอยู่ข้างบันไดไม้ที่เชื่อมไปยังชั้นสอง พืชผัก สมุนไพร และดอกไม้ที่เจ้าของบ้านปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบสร้างความตื่นเต้นให้กับปรางค์ไม่น้อย ดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กเห็นของเล่นถูกใจ แม้แต่แคร่ไม้ใต้ต้นขนุนที่กำลังนั่งอยู่เธอยังชื่นชม

                “บ้านของพี่โหรน่าอยู่ดีนะคะ ร่มรื่นดี แถมอยู่ใกล้ป่าด้วย ป่านี่ใช่ไหมคะที่กุมภ์เล่าให้เราฟัง” ประโยคหลังเธอหันมาถามกุมภ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

                กุมภ์พยักหน้าเบาๆ นึกโล่งใจที่ไม่มีใครตำหนิเขาทางสายตา...ไม่มีใครนอกจากเจ้าของบ้าน กุมภ์ถอนหายใจเบาๆ สงสัยงานนี้เขาจะโดนผีหลอกจริงๆ การเอาปรางค์มาด้วยอาจจะทำให้โหรเกลียดขี้หน้าเขามากขึ้นก็ได้

                “บวชเป็นยังไงบ้าง” โหรเอ่ยถามพันนาและรชต

                ทั้งคู่นั่งอยู่ริมแคร่ใกล้กัน ใบหน้าไร้คิ้วบางครั้งก็ดูตลกอยู่เหมือนกัน คงอีกพักใหญ่ทีเดียวกว่าคิ้วจะขึ้นเต็ม

                “ตอนแรกก็ลำบากอยู่นิดหน่อยครับ แต่สักสองสามวันก็เริ่มปรับตัวได้” รชตว่า “ผมเคยกลัวผี แต่พอเจอพิกุลกับตาเวก ป่าช้าหลังกุฏิแทบไม่น่ากลัวเลย”

                “พิกุล? ใครเหรอ” ปรางค์กระซิบถาม แต่ยังไม่ทันที่กุมภ์จะให้คำตอบ รชตก็พูดต่อ

                “ผมได้ไปสมาธิวิปัสสนาในป่าช้าด้วย น่ากลัวนิดหน่อยแต่พอจิตสงบก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร....พิกุลมาหาผมด้วย” ถึงตรงนี้ทุกคนหันมองคนเล่า ตั้งใจฟังมากกว่าเดิม แม้แต่ปรางค์ก็ยังสนใจ “เขาไม่ได้มาทำอะไรหรอก แค่มานั่งอยู่หน้ากลดทั้งคืน”

                “แต่ผมไม่เจออะไรนะ มีเสียงกอกแกกเหมือนคนเดินรอบกลดสักพักก็เงียบเสียงไป” พันนาเสริม หากเทียบกับสิ่งที่ได้เจอมา การฝึกจิตในป่าช้ามันแทบไม่น่ากลัวเลย

                “ขออนุญาตนะคะ” ปรางค์แทรกขึ้น “คือ...พิกุลนี่คือใครเหรอคะ”

                “...เพื่อน...ของไอ้ชตน่ะ” กุมภ์ตอบ ยิ้มบางๆ ให้กับเธอ “แต่เขาไม่อยู่แล้วล่ะ”

                ปรางค์ยังไม่คลายสงสัย เธอขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ

                “ปรางค์กับไอ้กุมภ์สนิทกันตั้งแต่เมื่อไรเหรอ เราเป็นเพื่อนมันมาตั้งหลายปีไม่เคยเห็นปรางค์เลย” พันนาเป็นฝ่ายถามบ้าง ทั้งอยากแหย่กุมภ์และอยากรู้ไปพร้อมกัน

                “ก็...” ปรางค์ใช้นิ้วชี้เกาแก้ม คล้ายกับจะเขินอาย “จริงๆ ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่ห่างกันไปพักใหญ่ กุมภ์ยังจำเราไม่ได้เลยตอนที่เจอกัน”

                “ก็มันนานแล้วนี่นา ใครจะไปจำได้” กุมภ์แย้ง รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ

                “แต่เราจำกุมภ์ได้นะ หน้ากุมภ์แทบไม่เปลี่ยนเลย” ปรางค์ว่า แก้มเธอแดงเรื่อ ชั่วจังหวะหนึ่งเธอช้อนตามองชายหนุ่มข้างกาย แววตาส่อความหมายที่เกินกว่าคำว่าเพื่อน ทุกคนเห็น รวมไปถึงผู้ชายที่ยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นขนุนด้วย

                “พี่โหรครับ” ชาร์ลเอ่ยขึ้น พลางหันไปทางร่างสูงใหญ่ใต้ต้นขนุน “ผมอยากจะขอบคุณพี่”

                “เรื่องอะไร” โหรตอบกลับมา น้ำเสียงนิ่งเรียบเสียจนจับความรู้สึกไม่ได้

                “ถ้าไม่ได้พี่กับจ้าวจอม พวกผมคงตายไปแล้ว” ชาร์ลพูดพร้อมยิ้มเศร้า “ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แถมยังทำที่พรานกล้าห้ามด้วย”

                “ถ้าอย่างนั้นคุณควรไปขอบคุณพี่กล้า” โหรว่า

                “ผมไปมาแล้ว ก่อนที่ผมจะกลับเยอรมัน ผมไปหาพรานกล้าที่บ้าน อาการของเขาหนักกว่าพวกผมมาก” ใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งสลดลง “ที่ผมทำได้คือขอบคุณ และจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้”

                “อืม...เท่านั้นก็ดีแล้วล่ะ”

                โหรพยักหน้า เรื่องพรานกล้าถือเป็นคราวเคราะห์ โดยมีกรรมเป็นตัวลิขิต โชคดีนักที่พรานกล้าไม่ได้เจ็บหนักจนถึงขั้นพิการ แต่คงจะขยาดไม่เข้าป่าไปอีกพักใหญ่ จ้าวจอมเองก็พลอยเหงาปากไปด้วยเพราะคู่ปรับเจ็บหนัก

                “เออ มีอีกเรื่องนะครับ” พันนาเอ่ยขึ้น “พ่อกับแม่เพิ่งบอกผมเมื่อตอนสายนี่เอง พวกท่านอยากจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขอบคุณทุกคน ไม่มีใครหรอกครับ มีแต่คนกันเอง”

                “เห็นทีจะต้องขอตัว ไม่ถนัดงานเลี้ยงสักเท่าไร” โหรปฏิเสธ แต่พันนาไม่ยอม

                “พี่โหรน่ะคือแขกคนสำคัญเลยล่ะครับ ไม่ไปไม่ได้ ถ้าไม่สะดวกเรื่องเดินทางเดี๋ยวผมอาสาเอง”

                “อย่าลำบากเลย” โหรบอกเสียงเรียบ ทว่าชั่วจังหวะหนึ่ง ดวงตาคู่คมดุมองมายังร่างของใครบางคนที่นั่งนิ่งอยู่บนแคร่ ข้างๆ นั้นคือสตรีรูปงามที่หาได้ยากนักในบ้านนี้ตำบลนี้ “...ผมไปเองดีกว่า”

                พันนายิ้มกว้างด้วยความยินดี บอกเส้นทางไปบ้านตัวเองให้กับโหรฟัง เพียงแค่รอบเดียวโหรก็จำได้ จนจ้าวจอมยังแปลกใจ

                “โห พี่โหร ทำไมจำได้อ่ะ ขนาดผมไปเรียนทุกวันยังไม่รู้เลยว่าบ้านพี่เขาอยู่ตรงไหน”

                “มึงคงลืมไป ว่ากูเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน” โหรบอกสั้นๆ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงใบปริญญาที่ยังอยู่ในซองสีน้ำตาล “เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมกับจ้าวจอมจะไปกันเอง”

                พันนาพยักหน้ารับ นี่เป็นงานเลี้ยงขอบคุณโหรกับจ้าวจอมจริงๆ หากไม่ได้สองคนนี้บางทีพวกเขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดมายืนอยู่ตรงนี้ก็ได้...

 

                บ้านของพันนาใหญ่โตสมกับเป็นคนใหญ่คนโตของจังหวัด อาณาบริเวณที่อยู่ภายในรั้วกำแพงมีร่วมห้าไร่ แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเชน ตัวบ้านหลังใหญ่สองชั้น สนามหน้าบ้าน แปลงดอกไม้ สระว่ายน้ำ ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ หรือแม้แต่เรือนเพาะกล้วยไม้ก็ยังมี จ้าวจอมดูตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่เคยไปเหยียบบ้านใครที่หลังใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

                โหรขับรถพาจ้าวจอมมาถึงตอนเกือบหกโมงเย็น เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีสวมกางเกงขาสั้นสีอ่อนกับเสื้อยืดพอดีตัว ขณะที่โหรสวมกางเกงยีนส์สีเข้มและเสื้อยืดสีขาว จะเรียกว่าดีที่สุดในตู้เสื้อผ้าแล้วก็ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินซื้อ แต่เพราะหาความจำเป็นที่ต้องใส่เสื้อผ้าหรูๆ ไม่ได้ ในเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องตัวไปอวดใคร

                แผลของจ้าวจอมดีขึ้นมากแล้ว แทบจะหายเป็นปกติเลยก็ว่าได้ แต่เพราะอยากจะออเซาะแม่และใครต่อใครเลยหน้าทนพันผ้าพันแผลอยู่อย่างนั้น แถมยังทำท่าเดินกระเผลกเพื่อความสมจริง ด้วยการแสดงที่สมควรแก่รางวัลเลยทำให้เกือบทุกคนคิดว่าแผลของจ้าวจอมยังไม่หาย ยกเว้นแค่โหรคนเดียวเพราะยาที่ให้ไปไม่เกินสามวันแผลก็ปิดสนิทแล้ว

                จ้าวจอมเดินลากรองเท้าแตะคู่ละร้อยเก้าสิบเก้าเดินไปบนทางเดินคอนกรีต แสงไฟสว่างไสวชัดเจนอยู่แถวสระว่ายน้ำ เสียงเพลงดังคลอเบาๆ พอสร้างบรรยากาศ

                พ่อแม่ของพันนาออกมาต้อนรับ พวกท่านยกมือไหว้จนโหรรับไหว้แทบไม่ทัน กล่าวขอบคุณเขายกใหญ่ โดยเฉพาะคุณมะลิผู้เป็นแม่ของพันนา หล่อนเท้าความไปถึงวันที่รู้ว่าลูกชายติดในป่าแล้วเจอกับจ้าวจอมที่โรงพัก หล่อนหันมาขอบใจจ้าวจอมด้วย เพราะถ้าหากจ้าวจอมไม่ยื่นข้อเสนอป่านนี้พันนากับเพื่อนคงกลายเป็นอาหารของเสือไปแล้ว

                “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ พวกเราทำเพราะเงิน” โหรตอบตามความจริง คุณมะลิหน้าเสียไปนิดหน่อย แต่ผู้ชายสูงวัยที่ยืนใกล้ๆ กันหัวเราะเสียงดัง

                “สมกับเป็นหลานของตาเหมจริงๆ ขวานผ่าซากของแท้”

                โหรหันไปมองผู้สูงวัยด้วยแววตาแปลกใจ “ท่านรู้จักปู่ของผมด้วยหรือครับ”

                “รู้จักสิ” ท่านพูดยิ้มๆ “ตอนเด็กๆ ฉันเคยตามพ่อไปนั่งห้างส่องสัตว์ ก็มีน้าเหมนี่แหล่ะที่นำทางให้ ฝีมือเก่งกาจ ปากหนัก แต่พูดทีสะดุ้งกันทั้งคณะ”

                โหรยิ้มบาง จริงอย่างที่ท่านว่า ปู่ของเขาพูดน้อยต่อยหนักจริงๆ

                “ไปตรงนั้นสิ เด็กๆ รออยู่”

                “แล้วลุงไม่เข้าไปเหรอ” จ้าวจอมถาม สรรพนามที่ใช้เรียกก็สนิทเหมือนรู้จักกันมานาน แต่ไม่มีใครถือสา

                “เรียกฉันว่าลุงพงษ์ก็ได้” ท่านเอ่ยปากอนุญาต จ้าวจอมพนักหน้าหงึกๆ ถึงจะเจอกันหลายครั้งแต่ไม่เคยได้คุยกันแบบจริงจังซักที ตอนแรกที่เห็นหน้านึกว่าผู้ชายสูงวัยคนนี้จะดุ น่ากลัว แต่พอได้สนทนาแม้จะแค่เล็กน้อยก็สัมผัสได้ถึงความเมตตา “ไม่ล่ะ งานวัยรุ่นลุงไม่ถนัด เต็มที่เลยนะ ลุงขอตัวก่อนดีกว่า นั่งประชุมทั้งวัน ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด”

                พูดจบลุงพงษ์ของจ้าวจอมหรือท่านรัตนพงษ์ก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน เหลือแค่คุณมะลิมารดาของพันนาที่ยังทำหน้าเจ้าภาพและเจ้าบ้านได้ดีเยี่ยม

                “ฉันต้องขอบคุณอีกครั้งนะ ถึงก่อนหน้านั้นฉันไม่เชื่อว่าเด็กอย่างเธอจะช่วยเหลือพันนาได้” คุณมะลิหันมองจ้าวจอม “ตอนนั้นน่ะ เธอเหมือนเด็กที่ชอบหลอกเอาเงินคนมากกว่า”

                โหรอมยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย ส่วนจ้าวจอมถึงไหล่ห่อในคำชมของคุณมะลิ

                “ผมไม่เคยหลอกเอาเงินใครนะป้า”

                “รู้แล้วล่ะจ้ะ” คุณมะลิยิ้มกว้าง “เงินที่เสียไปมันยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก”

                จ้าวจอมเหมือนมีปุ่มเปิดปิดอารมณ์ ใบหน้าตูมงอพลันเปลี่ยนเป็นร่าเริงขึ้นมาภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ก่อนจะหันมายักคิ้วให้โหร

                “พวกผมแค่ทำตามหน้าที่ คุณเองก็จ่ายเงิน ผมก็ทำงานของผม” โหรบอก

                “ถึงยังไงฉันก็อยากจะขอบคุณคุณอยู่ดี” ดวงตาของคุณมะลิแดงเรื่อขึ้น พลางใช้กระดาษทิชชู่ในมือซับน้ำตาที่รื้นขึ้น “นอกจากพันนาจะรอดชีวิตแล้ว เขายังได้บวชด้วย”

                “กรรมลิขิตไว้แล้วครับ ไม่ใช่เพราะผมหรอก”

                “นั่นสินะ แต่ฉันไม่เชื่อว่าเป็นกรรมหรอก ต้องเรียกว่าบุญหนุนนำมากกว่า” คุณมะลิเช็ดน้ำตา “เข้าไปสนุกกันเถอะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปดูในครัวก่อน วันนี้ต้องระวังเรื่องอาการ เห็นว่าชาร์ลกับคะนิ้งกินเนื้อสัตว์ไม่ได้”

                จากรอยน้ำตาแห่งความปีติกลายเป็นรอยยิ้มอบอุ่น คุณมะลิผละเดินกลับไปในตัวบ้านเช่นเดียวกับสามี โหรพยักหน้าส่งสัญญาณให้จ้าวจอม เด็กแสบประจำตำบลเดินกระโผลกกระเผลกนำหน้าไป บางจังหวะก็ลืมว่าตัวเองมีแผลที่เท้าก็เดินซะไวปรื๋อ

                กลุ่มหนุ่มสาววัยมหาวิทยาลัย กำลังพูดคุยกันเบาๆ มีเสียงหัวเราะแทรกมาเป็นระยะๆ มองจากระยะนี้ ดูเหมือนว่าชาร์ลจะโดดเด่นกว่าใคร เพราะรูปร่างที่สูงใหญ่ตามเชื้อชาติที่อยู่ในกายครึ่งหนึ่ง ขณะที่ความสวยของเด็กสาวทั้งสองคนก็สูสี ดูดีไม่แพ้กัน ทว่าสายตาของเขากลับจับจ้องไปที่เด็กสาวที่ชื่อว่าปรางค์

                ปรางค์สวยจริงๆ สวยกว่าแฟนเก่าของเขาด้วยซ้ำ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณบอกถึงวงศ์ตระกูล ไหนจะคำพูดคำจาที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี และเหมาะที่จะเป็นคนรักของผู้ชายดีๆ สักคน

                โหรตั้งใจจะเข้าไปร่วมงานเงียบๆ ทว่าสายตาของใครบางคนหันมาปะทะกับเขาเข้าเสียก่อน ดวงตาคู่นั้นกลมวาวเหมือนกวาง เสียงเรียกชื่อของเขาเบาๆ ทำให้คนอื่นหยุดสนทนาแล้วหันมาสนใจเขากับจ้าวจอมแทน พันนายกมือขึ้นโบกในอากาศ ศีรษะที่ยังโล้นเตียนกับใบหน้าที่ปราศจากคิ้วทำให้ดูตลกไปบ้างแต่ไม่ได้แย่นัก จ้าวจอมวิ่งเหยาะๆ เข้าไปสมทบ ได้การต้อนรับเป็นน้ำอัดลมในแก้วพลาสติก เจ้าเด็กตะกละไม่ปฏิเสธแถมยังขอขนมเพิ่มอีกด้วย

                “หิวหรือยังครับ กินขนมรองท้องก่อนครับ เดี๋ยวอาหารก็เสร็จแล้ว” พันนาบอก ก่อนจะหันมองจ้าวจอมที่กำลังเขมือบเค้กก้อนเล็กในถ้วยกระดาษแบบคำเดียวหมด

                “ผมขอน้ำซักแก้วก็แล้วกันครับ” โหรบอกเรียบๆ เขาแทบไม่รู้ตัวว่าสายตายังไม่ได้คลาดจากดวงตากลมของใครบางคน

                กุมภ์สวมชุดลำลองแบบที่เคยเห็น ถึงจะเป็นแค่ชุดธรรมดาแต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาของมันแพงกว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมหลายเท่านัก แค่เสื้อเชิ้ตลายใบไม้สีเขียวพื้นสีดำก็แพงกว่าทั้งชุดของเขาแล้ว ไม่ต้องรวมกับกางเกงยีนกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง นานร่วมครึ่งนาทีที่ประสานสายตา เขาไม่อยากแปลความหมายจากดวงตาคู่นั้น แล้วกุมภ์ก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบไป ไม่สิ ต้องบอกมีใครมาดึงความสนใจของกุมภ์ไปต่างหาก

                ปรางค์

                “น้ำครับพี่โหร” พันนาส่งแก้วน้ำอัดลมให้ เขายกมันขึ้นจิบแก้กระหาย ปลายนิ้วจับแก้วเย็นเฉียบเอาไว้

                “น้ากล้า! นึกว่าไส้ไหลจนเดินไม่ได้แล้วเนี่ย”

                เสียงของจ้าวจอมทำให้เขาต้องหันไปมอง ร่างของพรานกล้าที่ปรากฏอยู่ใกล้กับโต๊ะวางเครื่องดื่มทำให้อดแปลกใจไม่ได้ พรานกล้าสีหน้าสดใส แค่ผอมลงนิดหน่อยมีเด็กหญิงผมแกละสวมกระโปรงสีชมพูอยู่ด้วย เด็กคนนั้นชื่อชานม หลานของพรานกล้า ชานมไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นแต่กลับเกาะขาพร้านกล้าแน่น สีหน้าดูแวดระแวงแม้แต่กับคะนิ้งที่พยายามจะผูกมิตรด้วย

                “ปากดีไอ้จอม อีกเดือนกูก็ไปล่าหมูป่าได้แล้ว” พรานกล้าบอกยิ้มๆ ขณะที่ดันหลังหลานสาวให้เข้าไปเล่นกับคะนิ้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไรนัก

                จ้าวจอมหัวเราะร่า ย่อตัวลงจนระดับความสูงไล่เลี่ยกับชานม เด็กหญิงเอียงคอมอง ทำหน้าเหมือนอยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้า จ้าวจอมเอ่ยชมชุดชานมใส่ ชวนคุยถึงตัวการ์ตูนที่อยู่ในชุด ไม่ถึงนาทีชานมก็ยิ้มหวานยอมส่งมือน้อยๆ ให้จ้าวจอมได้จับ

                “อะไรอ่ะ พี่ชวนคุยตั้งนาน” คะนิ้งทำหน้างอใส่จ้าวจอม แต่ก็หันไปยิ้มให้เด็กหญิงชานมอย่างเอาใจ

                “ฝีมืออ่ะ” จ้าวจอมยักคิ้วไวๆ ให้คะนิ้ง จับมือเล็กๆ ของชานมเอาไว้

                “พามันไปหาอะไรกินที มายืนอยู่กับตาตั้งมาถึงละ อะไรก็ไม่ยอมกิน” น้ากล้าว่า

                จ้าวจอมไหวไหล่ จูงชานมไปที่โต๊ะวางขนม ทั้งน่าเอ็นดูและน่าขันไปพร้อมกัน เพราะพี่เลี้ยงของชานมมีผ้าพันแผลอันเบ้อเริ่ม เดินโขยกเขยกมองแล้วเหมือนชานมเป็นคนจูงจ้าวจอมมากกว่า

                “แผลยังไม่หายอีกหรือไง”

                โหรได้ยินพันนาถามจ้าวจอม ไอ้เด็กตัวแสบผงกหัวเร็ว แล้วพันนาก็เชื่อ คงมีแค่เขาคนเดียวกระมังที่รู้ว่าจ้าวจอมกำลัง ‘แสดง’ เหอะ แผลน่ะหายแทบจะสนิทแล้ว ปากแผลปิด โดยไม่ต้องไปล้างแผลที่อนามัยด้วยซ้ำ

                “ไม่คิดว่าเอ็งจะมางานแบบนี้ได้”

                เสียงทักดังมาจากพรานกล้า หนุ่มใหญ่วัยเลยสี่สิบ ใบหน้าคล้ำจากการตากแดดตากลมมาทั้งชีวิตซูบตอบคงเพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล พรานกล้าผอมลงไปมากจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน

                “ผมน่ะไม่เท่าไรหรอก น้ากล้าสิ ทำไมถึงได้หลงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังเอาหลานมาด้วย”

                พรานกล้าหันไปมองชานม หลานสาวตัวน้อยวัยแค่สามขวบ ที่กำลังอ้าปากรับขนมเค้กจากจ้าวจอมและคะนิ้งที่ผลัดกันป้อน ก่อนจะเบนสายตามาทางคู่สนทนา

                “นายพงษ์ไปรับถึงบ้าน จะให้ปฏิเสธยังไง บอกว่าอยากจะขอบคุณที่ช่วยเหลือลูกของเขา”

                โหรพยักหน้า เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน การขอบคุณที่ไม่ใช่เงินทองไม่ต่างจากไมตรีที่มีให้กัน

                “ไอ้บอดมันคือตาเวกจริงๆ เหรอวะ” พรานกล้าถาม สีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

                “ใช่” โหรผงกศีรษะครั้งหนึ่ง

                “ใครๆ ก็พากันคิดว่าตาเวกตายไปแล้ว...แต่แกก็ตายจริงๆ นั่นแหล่ะ ตายจากความเป็นคนสู่ปิศาจ” พรานกล้าก้มหน้าต่ำ ราวกับจะหลบซ่อนสายตา “กูเคยเคารพแกมาก ตอนเด็กๆ กูไปเล่นบ้านเขา ให้เขาสอนวิชาเดินป่าให้ตั้งมาก ตอนนั้นแกใจดีมีฝีมือ ใครๆ ก็ชื่นชม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกจะหลงผิดไปได้ขนาดนี้”

                โหรวางมือบนบ่าพรานกล้า “มนต์ดำมันน่าหลงใหล หากไม่รู้จักตน ก็จะไม่มีวันหลับตัวได้ แล้วตอนนี้ตาเวกก็ไปรับกรรมแล้วล่ะ” ‘เหมือนปู่เหม’ ประโยคหลังเขาพูดกับตัวเอง

                “อืม...แล้วผีผู้หญิงตัวนั้นล่ะ คนที่เอาเด็กที่ชื่อรชตไป มันเป็นใคร สมุนของตาเวกเหรอ”

                “ชื่อพิกุล เป็นเจ้ากรรมนายเวรของรชต แต่ก็ถูกตาเวกหลอกใช้อีกที” โหรสรุปสั้นๆ พูดถึงพิกุล ตั้งแต่คราวนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเธออีกด้วย ไม่ใช่ว่าคิดถึง แต่เขาหวังว่าเธอจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่เหมาะที่ควรเสียที

                “ประจวบเหมาะกันไปหมด” พรานกล้าพึมพำ ใบหน้าซูบผอมเงยขึ้น เสี้ยววินาทีหนึ่งที่หางตาเห็นใครบางคนที่ห่างออกไปไม่กี่เมตร “กูไปหานายพงษ์ดีกว่า ตรงนี้ไม่เหมาะกับคนวัยกูแล้ว ฝากชานมด้วย”

                โหรไม่ได้คัดค้านอะไร และคิดว่าจ้าวจอมกับคะนิ้งคงพอจะรับมือเด็กหญิงชานมได้

 (มีต่อ)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
“คุณโหรคะ”

                เสียงใสร้องเรียกจากด้านหลัง โหรหมุนกายอัตโนมัติ ก็พบกับร่างอรชรของเด็กสาวที่ชื่อปรางค์ ยิ่งมองระยะนี้เธอยิ่งสวยจับใจ เส้นผมสีดำขับใบหน้าให้ผ่องขาวขึ้น ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาว คิ้วเรียวเรียงตัวสวย ริมฝีปากอิ่มรูปกระจับสีชมพูอ่อน เธอคลี่ยิ้มหวาน ท่าทางคล้ายประหม่าเล็กน้อย

                “ครับ?”

                “ชื่อปรางค์นะคะ กุมภ์เล่าเรื่องที่คุณพาไปเที่ยวในป่าให้ฟังด้วยค่ะ” ปรางค์ยิ้มอย่างเป็นกันเอง น้ำเสียงของเธอน่าฟัง เหมือนคุณครูอนุบาล “ปรางค์อยากลองไปเดินป่าบ้างจังเลยค่ะ แต่คุณพ่อไม่ยอม”

                โหรฟังเธอคุย แต่สายตากลับเลื่อนเลยร่างของเด็กสาวไป กุมภ์ยืนอยู่ด้านหลังของปรางค์ ดวงตากลมมองมาที่เขาเช่นกัน ทว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ประสานสายตา กุมภ์ก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

                “พ่อของคุณคิดถูกแล้วล่ะครับ ในป่ามันอันตราย”

                “แต่ปรางค์อยากจะลองไปสักครั้ง ถ้าคุณพ่ออนุญาตเมื่อไร คุณโหรพาปรางค์เดินป่าได้ไหมคะ” เด็กสาวต่อรอง

                “ผมไม่ใช่พรานนำทางครับ เป็นแค่หมอยาบ้านๆ เท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณอยากลองเดินป่า ผมแนะนำให้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดูนะครับ”

                “ว้า” ปรางค์ทำเสียงเสียดาย “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ปรางค์ไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ เดี๋ยวจะให้กุมภ์มาช่วยอ้อนอีกแรง”

                พูดจบเธอก็หันไปด้านหลัง กุมภ์ทำหน้าเหลอหรา แล้วก็ส่งยิ้มแหยๆ ให้

                “ปรางค์ ไปช่วยคุณป้าในครัวกันไหม พาชานมไปหาอะไรกินด้วย บ่นหิวใหญ่เลย”

                ปรางค์หันไปทางต้นเสียง คะนิ้งที่ตอนนี้ผูกมิตรกับชานมได้สำเร็จกำลังจูงมือเด็กหญิงวัยสามขวบเอาไว้ ปรางค์พยักหน้ารับ ก่อนจะช่วยจูงชานมไปทางห้องครัว

                ส่วนพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างจ้าวจอมถูกบังคับให้นั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ กับพันนา คงจะโดนเอ็ดเรื่องที่เป็นแผลแต่ทำเป็นเก่ง โดยหารู้ไม่ว่าไอ้เด็กตัวแสบมันกำลังหลอกว่าตัวเองเจ็บอยู่

                โหรยังยืนอยู่ที่เดิม เบื้องหน้าห่างออกไปไม่กี่ก้าวคือร่างของคนที่เข้ามาก่อกวนความคิดอยู่นานร่วมเดือน แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังหยุดคิดเรื่องของกุมภ์ไม่ได้ แม้จะบอกตัวเองไปเป็นพันๆ รอบ ว่าเขาแค่กลัวเสียเพื่อนไป ทว่าเสียงหนึ่งในใจมันแทรกเข้ามาว่าไม่ใช่

                แล้วอะไรกันล่ะ อะไรที่ทำให้เขาทั้งหงุดหงิดและฟุ้งซ่านแบบนี้

                “คุณโหร...สบายดีนะครับ” กุมภ์เอ่ยถามเสียงเบา แต่ก็มากพอที่จะได้ยิน

                โหรพยักหน้า “คุณล่ะ...คงจะสบายดีกว่าผมสินะ”

                พูดจบก็แทบอยากจะตบปากตัวเอง ไม่รู้อะไรดลใจให้หลุดปากไปแบบนั้น

                “ครับ...สบายดี” กุมภ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดังไปกว่าเดิมนัก “ผมขอตัวก่อนนะครับ”

                ร่างโปร่งบางก้าวช้าๆ กำลังจะผ่านเขาไป และคงจะเป็นแบบนั้นถ้าหากเขาไม่ใช้มือรั้งต้นแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ นิ้วมือสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ “คุยกันหน่อยได้ไหม”

                “ครับ?”

                โหรถอนหายใจ ปล่อยมือจากต้นแขนของกุมภ์ พลางก้าวห่างออกมาพอประมาณ รู้สึกเหมือนสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจมันกำลังจะระเบิดออกมา “ผมไม่ได้รังเกียจคุณ...แล้วผมก็บอกไปแล้ว”

                “ผมทราบ” กุมภ์รับคำ “ขอบคุณมากที่คุณไม่ได้รังเกียจคนอย่างผม”

                โหรขมวดคิ้ว แทนที่จะโล่งใจกลับหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “ทำไมต้องประชด ผมพูดจริงๆ”

                “ผมไม่ได้ประชดคุณ” กุมภ์ตอบ เงยหน้าขึ้นมอง ด้วยระยะที่ห่างราวไม้บรรทัดทำให้เห็นแก้วตาสีน้ำตาลเข้ม และขนที่ล้อมรอบรูปดวงตา “ผมก็พูดจริงๆ เหมือนกัน”

                “แล้วทำไม....ว้าโว้ย” โหรยกมือขึ้นเกาหัวจนผมยุ่ง “...ทำไม...ถึงต้องทำตัวห่างเหินแบบนี้ด้วยวะ!”

                กุมภ์กระพริบตาปริบๆ คำพูดที่คล้ายกับจะตะคอกใส่ไม่ได้ทำตกใจเท่าแปลกใจ โหรขมวดคิ้ว สีหน้ากึ่งหงุดหงิดกึ่งไม่พอใจ นานร่วมครึ่งนาทีกว่าจะตั้งสติได้

                เขาน่ะหรือที่ทำตัวห่างเหิน

                ไม่ใช่ห่างเหินหรอก แต่เขากลัวถูกโหรเกลียดต่างหาก พวกรักร่วมเพศจะหาคนเข้าใจและยอมรับได้จริงๆ สักกี่คนกัน

                กุมภ์สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อยากจะเห็นดวงตาคมดุอีกสักครั้งแต่เจ้าตัวก็เบือนหันหนีไปทางอื่นเสียแล้ว

                “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น...แต่คิดว่าถ้ายังอยู่ที่นี่คุณอาจจะเกลียดผมจริงๆ ก็ได้”

                “แล้วทำไมผมต้องเกลียดคุณล่ะ” โหรตอบกลับทันที คิ้วยังไม่คลายออก “ก็บอกอยู่ไงว่าไม่ได้รังเกียจ เพื่อนผมก็เป็นเหมือนคุณ”

                “แต่คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดกับคุณแค่....เพื่อน” เสียงตอนปลายแผ่วลง ในอกวูบโหวงเหมือนใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

                ยิ่งโหรเงียบ ก็ยิ่งใจเสีย จนนึกเสียใจที่หลุดปากพูดไปแบบนั้น ก้อนความรู้สึกตีขึ้นมาในลำคอ ตีบตันไปหมดพูดอะไรไม่ออก มือเท้าเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ

                ทั้งที่ไม่ได้หวัง แต่กลับผิดหวัง

                ความเงียบเข้าปกคลุม แม้ว่าจะมีเสียงเพลงและพูดคุยดังรอบตัว กุมภ์ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง คราแรกมันกระหน่ำเต้นเร็วจนปวดหน้าอก แต่ผ่านไปแค่อึดใจเดียวมันก็เบาลง

                เสียงถอนหายใจดังแทรกขึ้นในความเงียบ กุมภ์เงยหน้ามองคนฝั่งตรงข้าม สีหน้าของโหรไม่ได้ดีกว่าเดิม ซ้ำยังดูเคร่งขรึมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

                “ผมชอบ...ผู้หญิง และยังอยากได้แม่ของลูก” โหรพูด โดยไม่รู้ว่าทุกคำพูดมันกัดกร่อนเนื้อหัวใจของคนฟังไม่ต่างจากถูกน้ำกรดรด กุมภ์ผงกหัวน้อยๆ เขาสูดอากาศเย็นเข้าปอดให้ลึกที่สุดเพื่อระงับอาการสะอื้นในอก

                “ครับ...ถ้าอย่างนั้นผม...”

                “แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงไม่ชอบที่คุณทำท่าทางแบบนั้น” ปลายเสียงคนพูดเหมือนจะหัวเสียงขึ้นมาอีก

                “ผม...ขอโทษ” กุมภ์ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เพราะกลัวจะทนเก็บความรู้สึกไม่ไหว “ขอตัวก่อน อ๊ะ!”

                ชั่วจังหวะที่หมุนตัว มือแข็งคว้าที่ต้นแขนอีกครั้ง แต่คราวนี้แรงกระชากมันมีมากกว่าจนเสียหลักหัวไหล่กระแทกกับแผ่นอกแข็ง กุมภ์รีบขืนตัวทันที แต่โหรไม่ปล่อยมือซ้ำยังกระชับแน่นจนเจ็บอีกด้วย

                “ฟังให้จบก่อนสิ! ทำไมชอบหนีนัก” โหรเอ็ด กุมภ์เงยหน้ามองอัตโนมัติ ไม่ได้เห็นใบหน้าคมดุ เห็นแค่ลูกคางแข็งแรงเท่านั้น “ผมสับสน ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกกับคุณยังไงกันแน่ คุณเป็นคนดี และคุณอาจจะชอบผม แต่คุณเป็นเกย์ ผม...ผม”

                “พอเถอะครับ” กุมภ์พยายามปลดมือแข็งออกจากต้นแขนตัวเอง หัวใจปวดหนึบมากขึ้นทุกที เขาไม่ควรกลับมาที่นี่อีกจริงๆ

                “ผมไม่ได้รังเกียจคุณ แต่ผม...ชอบคุณแบบนั้นไม่ได้ มันไม่ถูก...”

                “ปล่อยผมเถอะครับ” กุมภ์บอก น้ำเสียงสั่นเครือจนคิดว่าอีกไม่นานคงจะควบคุมมันไม่ได้ ทุกคำพูดของโหรไม่ต่างจากการตบหัวแล้วลูบหลัง ทั้งเจ็บและจุก

                “ไม่ๆ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมไม่รู้จะบอกกับคุณยังไงดี ผมไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบคุณไป”

                “พอสักทีสิโว้ย!” กุมภ์ตะโกนลั่น เป็นจังหวะเดียวกับเพลงหยุดพอดี “แล้วก็ปล่อยได้แล้ว! มันเจ็บไม่รู้หรือไง”

                โหรปล่อยมือจากต้นแขนแทบจะทันที กุมภ์หอบหายใจแรง หมุนร่างเดินห่างออกมาทันทีโดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะตกใจแค่ไหน…

 

                “มีอะไรกันเหรอวะ”

                พันนาเข้ามากระซิบถาม หลังจากกุมภ์เดินเลี่ยงมาอยู่ข้างริมสระน้ำ ได้สักพัก พันนาไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทมีท่าทางแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่รู้จักกันมา กุมภ์ไม่เคยตะคอกใส่ใคร มีบ่นบ้าง แต่ถึงขั้นขึ้นเสียงแทบจะนับครั้งได้ ยิ่งกับโหรยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ใหญ่ กุมภ์ให้ความเคารพและเกรงใจโหรอยู่ไม่น้อย เดาไม่ออกเลยว่าเพราะอะไรกุมภ์ถึงได้กล้าตะโกนใส่หน้าโหรแบบนั้น

                กุมภ์ถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมอง หัวคิ้วขมวดน้อยๆ “ไม่มีอะไร”

                “ทำหน้าแบบนี้ใครจะเชื่อวะ”

                “เออ ไม่มีอะไรหรอก กูก็แค่...หงุดหงิดนิดหน่อย” กุมภ์ตอบเสียงเบา พร้อมกับสายตาที่เสไปทางอื่นอย่างคนที่กำลังปกปิดบางอย่าง

                “มึงเนี่ยนะหงุดหงิด” ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ “เล่ามาเถอะน่า นั่นพี่โหรนะโว้ย คนที่ช่วยเราออกมาจากป่าไง”

                “กูรู้ ไม่ต้องย้ำ” กุมภ์สูดหายใจแรง “คือกูกับเขาทะเลาะกันนิดหน่อย”

                “ทะเลาะกัน?” พันนาเลิกคิ้วสูง “เรื่องอะไรวะ”

                “เอ่อ...คือ...”

                “กุมภ์”

                ขณะที่กุมภ์กำลังอึกอัก ปรางค์ก็ร้องเรียกชื่อ เธอถือถาดอาหารมาด้วย ท่าทางจะหนักไม่น้อย รชตกุลีกุจอไปช่วย เช่นเดียวกับชาร์ลที่เข้าไปช่วยคะนิ้งยกถาดผลไม้ ส่วนชานมเดินไปวิ่งไปโดยมีน่องไก่ทอดอยู่ในมือปากมันแผล็บ คงจะจัดการไก่ทอดก่อนเจ้าภาพไปแล้วเรียบร้อย

                “มีอะไรกันเหรอ หน้าเครียดเชียว” ปรางค์ถามเสียงใส

                “ไม่มีอะไรหรอก” กุมภ์ส่ายหน้าปฏิเสธ “แล้วนี่ไปทำอะไรมา เหงื่อซึมเลย”

                ปฏิกิริยาร่างกายมันเคลื่อนไหวไปก่อนความคิดเสียอีก กุมภ์ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเม็ดเหงื่อแถวไรผมให้ปรางค์ ลืมไปด้วยซ้ำว่าตรงนั้นไม่ได้อยู่กันแค่สองคน พันนากระพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นธาตุอากาศไปแล้ว

                ผิวแก้มของปรางค์ระเรื่อขึ้นตอนที่กุมภ์ดึงมือกลับ หญิงสาวก้มหน้าแก้เขิน เป็นท่าทางน่ารักเสียจนพันนายังนึกเอ็นดู ถ้าสองคนนี้จะคบหาดูใจกันจริงๆ คงจะน่ารักไม่น้อย ลืมไปเลยว่าเมื่อครู่นี้กุมภ์เพิ่งจะตะโกนใส่หน้าโหร

                “กูว่ากูไปดีกว่า” พันนาว่ายิ้มๆ

                คล้อยหลังพันนา ปรางค์ถึงได้กล้าเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า หัวใจยังเต้นแรงไม่หาย กุมภ์ไม่รู้หรอกว่าทุกการกระทำของกุมภ์มันทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวแค่ไหน หากจะบอกว่ากุมภ์คือรักแรกก็คงไม่ผิดนัก ดวงตากลมและรอยยิ้มอ่อนโยนมันเกาะกุมใจเธอตั้งแต่ประถม ตอนที่ต้องแยกกันเธอเสียใจ นอนร้องไห้อยู่หลายคืนกว่าจะทำใจได้ คอยเฝ้าติดตามข่าวคราวจากมารดาเสมอ และเฝ้ารอว่าสักวันจะได้กับกุมภ์อีกครั้ง กุมภ์ในวัย 20 ปี แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยนอกจากรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลากว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่ดวงตายังไม่คลายความอ่อนโยนสักนิด ความอบอุ่นที่เผื่อแพร่มายังคนรอบข้างทำให้กุมภ์เป็นผู้ชายที่เหมาะแก่การเป็นคนรักมากคนหนึ่ง

                “ขะ..ขอบใจนะ” ปรางค์เอ่ยขอบคุณ นึกตำหนิในเสียงที่ขาดหายของตัวเอง แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะความตื่นเต้นยินดีมันมีมากจนเกินควบคุม

                “ไปช่วยยกของกันเถอะ”

                “อืม” ปรางค์พยักหน้าหงึก เดินตามร่างสูงโปร่งของกุมภ์ไปด้วยหัวใจที่พองโต

                คำว่า ‘แฟน’ คงอีกไม่ไกลแล้วกระมัง...

* 15 วันอัพที นานไปไหมอ่า 55555*

**ปรางค์นางไม่ได้ร้ายนะ นางก็มีเหตุผลของนางแหล่ะ**

***สังเกตดีๆ คู่ของรชตมาแว้ววววว***

****โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า****

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
รอนานแต่ก็เต็มใจรอนะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งหายไป อิอิอิ
เราเข้าใจทุกคนนะ
โหร คงสับสนให้คำตอบตัวเองยังไม่ได้ และไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นคือความรักจริงๆ ใช่ไหม
กุมภ์ รู้ตัวเองว่าชอบโหร แต่ก็เก็บไว้ในใจไม่ให้เพื่อนรู้ แต่ละคำที่คุยกับโหร เหมือนเพิ่มความเจ็บช้ำให้ตัวเอง
ปรางค์ ชอบกุมภ์มาแต่่เล็กๆ และรอคอยมาตลอด เธอก็เหมือนหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้รักใครสักคน
รชต อาจเป็นเนื้อคู่ของปรางค์ในภพนี้ คิดว่างั้นนะ
พันนา ก็ดึงเจ้าจอมให้ไปอยู่ใกล้ๆ
เจ้าจอม ตัวแสบ คงไม่รู้ตัวว่าไปทำให้คนอื่นหวั่นไหว
คนเขียน อย่าทิ้งไว้นานนะ มาเร็วๆ ด้วยคิดถึง
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด