ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65771 ครั้ง)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 12 วิญญาณอาฆาต



                โหรเหลือบมองเด็กหนุ่มร่างโปร่ง วูบหนึ่งในอกรู้สึกเหมือนมีไฟดวงเล็กๆ ปะทุขึ้น แต่เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

                “กูจะเอาพวกมึงไปให้หมด!”

                เสียงปริศนาดังก้องถ้ำ จู่ๆ อากาศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว โหรพยายามสูดลมหายใจเข้าออกให้ยาวกว่าปกติ หลับตาภาวนาเรียกเจ้านิลให้ทำหน้าที่ พลางร้องบอกคนอื่นๆ ให้ถอยห่างออกไป

                เจ้านิลเคลื่อนไหวรวดเร็วไม่ต่างจากสายลม เงาดำวูบวาบไปทางโน้นทีทางนี้ที แบบที่ตาเปล่าแทบไม่มองไม่เห็น ยิ่งในถ้ำที่มืดเช่นนี้

                พลั่ก!

                พันนารีบหันกระบอกไฟฉายไปทางต้นเสียง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ฝุ่นผงเล็กๆ กระจายคลุ้ง เสียงควบห้อคลายฝีเท้าของสัตว์สี่เท้าดังไปทั่วบริเวณ หาทิศทางที่แน่ชัดไม่ได้ พวกเขาสามคนถอยห่างออกมาตามที่โหรบอก คงเหลือแต่โหรเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางวงล้อมของฝุ่นผงที่ตอนนี้กำลังจับกลุ่มเป็นวงกลม จ้าวจอมพยายามจะเข้าไปช่วยโหร แต่เขาคว้าตัวไว้ สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างอันตรายโดยเฉพาะกับคนที่ไร้วิชาคาถาอาคมอย่างพวกเขา

                “ปล่อยสิวะ! พี่โหรอยู่คนเดียวไม่เห็นหรือไง” จ้าวจอมดิ้น แต่พันนาจับหัวไหล่เล็กเอาไว้แน่น สายไฟจากไฟฉายตวัดไปมา

                “เข้าไปก็ช่วยไม่ได้หรอก แล้วพี่โหรของนายก็ไม่ได้สู้อยู่คนเดียว” พันนาบอก เพ่งตามองฝ่าเศษผงไปยังร่างหนึ่งที่เห็นมาได้สักพักแล้ว

                ควายตัวนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ตัวมันใหญ่เขื่อง ใหญ่กว่าที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต กีบเท้าควบห้อตะบึง เขายาวมันวับเช่นเดียวกับขนของมัน เขายาวเกี่ยวเอาร่างของซากศพเดินได้พวกนั้นตวัดไปมาในอากาศ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบและดึงทึ้งจนอวัยวะฉีกขาด เป็นภาพที่น่ากลัวพอๆ กับสะอิดสะเอียน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันที่ทำให้เขาเห็นภาพพวกนั้น รวมไปถึงอดีตชาติของรชตและพิกุลด้วย

                เป็นจริงอย่างที่พระท่านบอก รชตกับผีสาวตนนั้นมีกรรมเวรร่วมกัน

                ร่างโปร่งแสงลอยในอากาศ ชายผ้าสกปรกฉวัดเฉวียนเหนือศีรษะของโหรอย่างท้าทาย เสียงแหลมสูงหวีดร้องก้องถ้ำ จนต้องยกมือขึ้นอุดหู เสียงโหยหวนเจือความเจ็บปวดจนรู้สึกได้ โหรไม่ได้ยี่หระต่อการรบกวนของหล่อน ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าอยู่กลางฝุ่นผงที่ก่อตัวกลายเป็นพายุหมุน ดวงตาคู่คมปิดสนิท ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อย มือทั้งสองประนมอยู่ที่อก สติตั้งมั่นอยู่กับบทสวด

                มิใช่การทำร้าย หากแต่เป็นคำสอน

            บทสวดกรณียเมตตสูตร พระคาถาแห่งการให้อภัยและอโหสิกรรม
                “กูไม่ให้อภัยมัน! มันฆ่ากูตาย” เสียงของผีพิกุลดังเข้ามาในความคิด

                ดวงวิญญาณของพิกุลผูกอาฆาตนัก จะต้องตายตกไปตามกันเท่านั้นเจ้าหล่อนถึงจะพึงพอใจ แต่นั่นคือการเพิ่มกรรมให้กับตัวหล่อนเอง แทนที่จะชดใช้กรรมเท่าที่เคยก่อสมัยเมื่อครั้งยังมีชีวิต เจ้าหล่อนต้องชดใช้กรรมที่ฆ่ามนุษย์เพิ่มขึ้นอีก

                “มึงไม่ต้องมาสวด! กูไม่ฟัง”

                โหรไม่ตอบโต้ ยังคงสวดมนต์บทกรณียเมตตสูตรต่อไป แม้จะไม่ได้ได้ขยับริมฝีปากมากนัก แต่น้ำเสียงที่ออกมากลับก้องกังวาน จนสามารถกลับเสียงหวีดร้องของผีพิกุลได้

                “เสียงสวดมนต์นี่นา”

                กุมภ์พูดขึ้น ยกมือขึ้นป้องเพ่งมองผ่านลำแสงจากกระบอกไฟฉายแปดท่อนของพันนา ร่างสูงใหญ่ของโหรยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางสงบนิ่งราวกับรูปปั้น การเคลื่อนไหววูบวาบจากเงาดำของสิ่งมีชีวิตคล้ายกับสัตว์สี่เท้ายังไม่หยุดนิ่งเช่นเดียวกับผีสาวพิกุลที่แผดเสียงกรีดร้องไม่หยุด

                “คุณโหรกำลังสวดบทกรณียเมตตสูตร”

                “หมายความว่ายังไงวะไอ้กุมภ์”

                จ้าวจอมหันมองหนุ่มเมืองกรุงผู้ไร้ซึ่งความรู้ ก่อนจะเป็นคนตอบคำถามแทน “บทสวดมนต์ที่สอนให้รู้ว่าการเมตตาน่ะสิ”

                กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ

            ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ

            สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ

            สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี

            กิจที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำก็คือ เป็นคนกล้า, เป็นคนซื่อ, เป็นคนตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่เย่อหยิ่ง

            สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ

            อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ

            สันตินท์ริโย จะ นิปะโก จะ

            อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ

            เป็นผู้สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีภาระกิจน้อย, คล่องตัว, ระมัดระวังการแสดงออก, รู้ตัว, ไม่คะนอง, ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย

            นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ

            เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง

            สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ

            สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา

            ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้, พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด

            เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ

            ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา

            ทีฆา วา เย มะหันตา วา

            มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา

            ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์มีลำตัวยาว หรือลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม

            ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา

            เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร

            ภูตา วา สัมภะเวสี วา

            สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา

            ที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้ว หรือกำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด

            นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ

            นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ

            พะยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา

            นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ

            บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ไม่ควรมุ่งร้ายต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคือง โกรธแค้นกัน

            มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง

            อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข

            เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ

            มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง

            คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิตฉันนั้น

            เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง

            มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง

            อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ

            อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง

            พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ

            ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา

            สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ

            เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ

            พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ

            ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร

            ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา

            ทัสสะเนนะ สัมปันโน

            กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง

            นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ

            ท่านผู้เจริญเมตตาจิต ที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้

                โหรยังคงพนมมือยืนสวดมนต์ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน เจ้านิลทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เจ้าควายตัวสีดำสนิทขนสั้นเหี้ยนเป็นเงาปลาบ กีบเท้าทั้งสี่วิ่งห้อตะบึงพร้อมกับตวัดเขาแหลมคมโค้งงอราวกับดาบไปมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผีพิกุลเข้ามาทำร้ายผู้เป็นนาย ความเร็วของมันผิดกับรูปร่างยิ่งนัก หลายครั้งที่พิกุลพลาดท่าถูกปลายเขาแหลมทิ่มแทงไปในร่าง ถึงแม้จะไม่มีกายเนื้อ ทว่าเจ้านิลคือควายธนูที่ปลูกเสกด้วยอาคมชั้นสูงซึ่งพระอาจารย์ท่านมอบให้ก่อนที่จะละสังขาร ฤทธิ์เดชของมันสามารถทำร้ายภูตผีปิศาจได้ เสียงหวีดร้องที่ได้ยินคือความเจ็บปวดที่ผีพิกุลได้รับ

                “มึงช่วยมันทำไม! มันเป็นเรื่องของมันกับกู” ผีพิกุลแผดเสียงลั่น ก่อนจะกรีดเสียงร้องโหยหวยเพราะถูกเจ้านิลวิ่งเข้าใส่ ร่างโปร่งแสงกระเด็นไปไกล ดวงตาไร้แววจ้องมาที่โหรอย่างเจ็บแค้น “มันฆ่ากู! มันทำให้กูต้องตาย!”

                โหรลืมตาขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ผีพิกุลลอยขึ้นในอากาศพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุนเพื่อหมายจะทำร้าย แต่ก็ยังช้าไปกว่าเจ้านิล เขาแหลมตวัดใส่ร่างของผีพิกุลลอยหวือไปไกล

                “นิลพอก่อน” เจ้านิลหยุดนิ่งตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่เท้าคู่หลังยังตะกุยดินเตรียมพร้อม ลมแรงสงบลงพร้อมกับพลังอำนาจของผีพิกุล “พิกุล พอเถอะ ฉันไม่อยากทำให้เธอเจ็บไปมากกว่านี้”

                กายเนื้อของพิกุลเริ่มชัดเจนไม่ได้โปร่งแสงเช่นเดิม ร่องรอยความบาดเจ็บปรากฏให้เห็น ผิวกายขาวซีดเต็มไปด้วยบาดแผล ถึงจะไม่มีเลือดแต่ก็มองออกว่าผีพิกุลกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส

                “กูเกลียดมัน! กูโกรธมัน! กูจะฆ่ามัน!” ผีพิกุลตะเบ็งเสียงลั่น แม้ว่าร่างจะหมอบติดกับพื้นผิวถ้ำ แสงจากระบอกไฟฉายของพันนาทำให้เห็นชัดว่าหล่อนไม่ต่างจากผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ใกล้จะจากโลกนี้ไปเต็มที ใบหน้าผงกยกขึ้น ขณะที่มือแนบอยู่กับพื้นถ้ำ

                “ตลอดเวลาสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เธอมีความสุขหรือเปล่า” โหรถาม ก้าวเท้าเข้าใกล้ร่างของผีสาว เจ้านิลตามผู้เป็นนายไม่ห่าง เสียงฟึดฟาดของลมหายใจดังเป็นระยะ “เพียงแค่เธอละสิ่งนั้น ดวงวิญญาณของเธอก็จะสงบ”

                “กูไม่ยอม!” ผีพิกุลส่ายหน้า ดวงตาที่กลับมาเป็นดวงตาของมนุษย์สั่นไหว “กูโกรธ กูเจ็บปวด กูทรมาน พวกมึงไม่รู้หรอกว่าตอนที่จมน้ำกูทรมานแค่ไหน”

                หยดน้ำไหลจากขอบตาของผีสาว ความทุกข์ทรมานถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าเจ็บปวดของหล่อน

                “ทำไมเธอถึงปล่อยให้ความอาฆาตแค้นลบเลือนความดีไปได้ล่ะ” โหรถาม ร่างสูงย่อลงจนอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ได้นึกกลัวดวงวิญญาณอาฆาตดวงนี้ แต่กลับรู้สึกสงสารเสียมากกว่า “เธอไม่ใช่คนเลวโดยสันดานนะพิกุล”

                โหรย้ำเตือน เรื่องราวในอดีตของผีสาวตนนี้หลั่งไหลเข้ามาห้วงมโนจิต

                “กูทรมาน! แต่มันกลับไม่เคยคิดถึงกูเลย มันทิ้งศพกูไว้เหมือนหมูเหมือนหมา!” ผีพิกุลตะคอก ดวงตาแดงก่ำด้วยอาฆาตยิ่ง “กูไม่ยอมไปเกิด เพื่อรอแก้แค้นมัน!”

                ความทุกข์ทรมานบวกกับความเคียดแค้นก่อให้เกิดเป็นความอาฆาต ยอมเป็นวิญญาณเร่ร่อนเที่ยวหลอกผู้คนในคุ้งน้ำ ตามหาชบาเพื่อแก้แค้น แต่ในภพชาติก่อน ดวงชะตาของชบาแข็งแกร่งยิ่งนัก ซ้ำยังมีของดีติดตัวเพื่อป้องกันกาย พิกุลเลยไม่อาจแก้แค้นให้สมใจได้ในชาติที่แล้ว ทว่าดวงจิตอาฆาตพยาบาทมันข้ามชาติได้

                พิกุลกลายเป็นวิญญาณร้ายที่ไม่ได้อาศัยอยู่แค่ในคุ้งน้ำแล้ว หล่อนเฝ้าดูชบาในลมหายใจสุดท้าย และเฝ้าติดตามจนกลายเป็นเจ้ากรรมนายเวร รู้ว่าชบาได้กลับชาติมาเกิดเป็นบุตรชายของผู้มั่งมีคนหนึ่งชื่อว่ารชต นิสัยติดตัวเมื่อครั้งยังเป็นชบาไม่มีแล้ว กลายเป็นเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยก่อกรรมกับใครในชาตินี้โดยไม่รู้เลยว่าเมื่อชาติที่แล้วเคยฆ่าคนตาย

                พิกุลเฝ้ามองการเติบโตของเด็กหนุ่มรชตอย่างใจเย็น พร้อมทั้งคอยหลบซ่อนพ่อมดหมอผีที่จ้องจะจับดวงวิญญาณของตนไปเป็นบริวาร จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่กำลังเฝ้ารอโอกาสอยู่ในคุ้งน้ำที่เคยเสียชีวิต ชายชราผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ยื่นข้อเสนอให้

                ‘มาอยู่กับกู กูจะช่วยมึงแก้แค้น’

                ชายชราผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากแต่เป็นผู้มากคาถาอาคม ดวงวิญญาณหลายดวงที่เร่ร่อนไร้ที่อยู่และยังไม่ถึงเวลาไปเกิดถูกเรียกมาเป็นผู้รับใช้ แม้แต่มนุษย์ที่ยังไม่ถึงฆาตก็ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดกลายเป็นทาสของชายชราผู้นั้นอย่างจำยอม เช่นเดียวกับพิกุล เพราะลังเลกับข้อเสมอเลยทำให้ถูกบ่วงอาคมรัดคอบีบบังคับให้กลายเป็นทาส หากปฏิเสธคำสั่ง บ่วงอาคมจะรัดคอ ไม่เจ็บปวดทรมานเสียยิ่งกว่าตอนจมน้ำตายเสียอีก

                ความแค้นที่มีต่อตัวชบาในอดีตชาติยิ่งทบทวี กล่าวโทษชบาว่าถ้าหากไม่ทำให้ตนกลายเป็นผีเร่ร่อนคงไม่ต้องมาเป็นทาสของพรานเวกผู้นี้!

                ดังนั้นทาสเดียวที่จะดับเพลิงแค้นในใจนี้ได้คือการฆ่า! ต้องฆ่าให้ตายตกไปตามกันเท่านั้นถึงจะสาสมใจ!

                ความคับแค้นยิ่งมากเท่าไร บาปก็หนักหนามากขึ้นเท่านั้น

                “ถ้าฆ่ารชตแล้วจะหายทรมานเหรอ” โหรถาม นึกเวทนาในความแค้นของผีสาวตนนี้นัก “เธอคิดเหรอว่าตาเวกจะปล่อยเธอไปหลังจากฆ่ารชตแล้ว”

                ผีพิกุลไม่ตอบ แววตาแห้งกระด้างกระตุกไหว เค้าโครงความงามของผีสาวชัดขึ้นเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ แต่ก็ซีดเซียวเหมือนไร้เลือดเนื้อ

                “เธออยากจะเป็นวิญญาณทาสไปตลอดหรืออยากจะกลับไปเกิดเฉกเช่นดวงวิญญาณอื่น เชื่อฉันเถอะแค่เธอรู้จักให้อภัย ทุกข์ของเธอก็เบาบางลง”

                “ไม่!” พิกุลตวาดลั่น ตัวสั่นระริก ปลายเล็บสกปรกจกลงกับพื้นถ้ำ เส้นเลือดสีเขียวปูนขึ้น ผิวขาวซีดยิ่งทำให้ดูน่ากลัว “กูจะเอาไปมันอยู่กับกู!”

                สิ้นคำผีพิกุลในร่างมนุษย์ก็กระโจนหมายจะคร่าชีวิตของโหร ทว่ายังช้าเกินไป เขาแหลมของเจ้านิลตวัดใส่ร่างนั้นเต็มแรงจนลอยหวือไปกระแทกกับผนังถ้ำ

                 พันนาหันทิศทางของกระบอกไฟฉายได้ทันท่วงทีตามสัญชาตญาณของช่างภาพสมัครเล่น เด็กหนุ่มทั้งสามมองภาพเหตุการณ์ด้วยใจเต้นระทึกแม้จะไม่มีใครเห็นควายธนูตัวใหญ่นอกจากพันนาก็ตาม

                ผีพิกุลกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดสีดำเหม็นคาวเหมือนปลาเน่าไหลออกจากปาก มือกุมท้องที่มีเลือดคล้ำไหลออกมา แผลจากเขาควายเหวอะหวะน่าเกลียด หากเป็นมนุษย์ปกติคงสิ้นใจตายไปแล้ว ฤทธิ์เดชที่เคยมีลดน้อยลงไปมาก แม้แต่แรงพยุงกายให้ลุกขึ้นหรือจำแลงกลับไปเป็นดวงวิญญาณที่เหาะเหินเดินอากาศยังทำไม่ได้


(มีต่อ)               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
 “เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง           พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ” โหรสวดพระคาถา “ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร”

                “กู...ทำ ไม่ได้” ผีพิกุลพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

                “เพราะเธอผูกใจกับความแค้น ความเกลียดชัง” โหรบอก เวทยาผีพิกุลยิ่งนัก หล่อนจมอยู่กับความแค้นไม่ต่างจากตกนรกทั้งที่ยังไม่ได้ชดใช้กรรม “แค่เธอรู้จักคำว่าอภัย ความทรมานที่มันทำร้ายเธอก็จะทุเลาลง แม้แต่บ่วงที่คอก็ทำอะไรเธอไม่ได้”

                “กูไม่เชื่อ!”

                “ถ้าหากเธอให้อภัย บุญกุศลก็เพิ่มขึ้น ลดทอนบาปที่เธอเคยกระทำไว้ แต่ถ้ามันยังไม่พอ เราจะให้รชตบำเพ็ญบุญแทนเธอเอง” ผีพิกุลนิ่งไป โหรเลยขยายความต่อ “บุญที่ได้จาการบวช บำเพ็ญตน สวดภาวนามันจะทำให้เธอพ้นทุกข์ แต่เธอไม่อาจทำได้ด้วยไม่ได้อยู่ในร่างของมนุษย์ เราจะให้รชตทำให้ จนกว่าบุญนั้นจะมากพอส่งไปเธอยังที่เธอควรไป”

                “ผมก็จะทำด้วย!” เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา โหรหันไปก็พบกับแสงไฟจากกระบอกไฟฉาย ผู้ที่ถือมันอยู่นั่นเองเป็นเจ้าของเสียง “ผมจะบวชกับไอ้ชต”

                โหรไมได้ติติงที่พันนากล่าวเช่นนั้น ใบหน้าคมสันเบือนกลับมาที่ผีพิกุลอีกครั้ง “ฉันจะช่วยให้เธอหลุดรอดจากพันธนาการของตาเวก เธอจะเป็นอิสระไม่ต้องเป็นทาสใคร แต่เธอต้องปล่อยตัวรชต”

                ผีพิกุลเพ่งพิศชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาคมคู่นี้ช่างเหมือนกับคนรักในอดีตชาติ หากแต่หล่อนรู้ว่าชายผู้นี้ไม่ใช่พี่แผนของตน ใบหน้านิ่งขรึมแฝงด้วยเมตตาจิต บทสวดมนต์ใช่ว่าจะไม่แทรกซึมเข้ามาให้สำนึก เพราะหลายครั้งที่อยากจะเลิกเกลียดเลิกแค้น ทว่าเมื่อหวนนึกถึงความทรมานที่ได้รับก่อนจะตาย บวกกับชบาคือเพื่อนรักเพื่อนสนิทเพลิงแค้นเลยโหรกระพือ

                ปลายนิ้วสกปรกยกขึ้นแตะรอบคอ หล่อนไม่เคยลืมรสชาติความเจ็บปวดในยามที่บ่วงคาถารัดรอบคอ มันปวดแสบปวดร้อนทรมานราวกับถูกสายไฟเปลือยที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าฟาดใส่ร่าง คล้ายว่าหัวจะหลุดจากร่างเสียให้ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าแม้จะเป็นแค่ดวงวิญญาณก็จะเจ็บปวดทรมานได้ขนาดนี้ ลำพังทุกข์จากการเคียดแค้นฝังใจก็ทำให้ไม่อาจหลุดจากหลุมกรรมแล้ว ยังต้องมาถูกขุมขังให้ต้องเป็นวิญญาณทาสอีก

                พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ

                ตั้งแต่เกิดเป็นมนุษย์จนกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน ไม่เคยหยั่งลึกถึงคำว่าเมตตาเลยสักครั้ง เคยเข้าวัดทำบุญอยู่ไม่กี่ครั้ง คำสอนของพระก็ไม่เคยซึมลึกลงในจิตใจ ด้วยทระนงว่าตนนั้นสวย งามพร้อม ใครๆ ก็ต่างชื่นชม เลยไม่เคยคิดจะทำบุญสะสมไว้ แต่อนิจจาอายุได้เพียงแค่ 22 ปีก็ต้องมีอันต้องจากโลกนี้ไป บุญมีเพียงน้อยนิด ซ้ำยังผูกใจเจ็บอาฆาต เมตตาก็ไม่รู้จัก

                แรงเกลียดชังที่มีต่อชบาในชาติที่แล้วยังไม่ลดน้อยลง แต่ก็อยากจะหลุดพ้นจากบ่วงทรมานนี้ไม่น้อย จริงอย่างที่ผู้ชายคนนี้พูด ถ้าหากชบาตายตกไปตามกันแล้ว ตาเฒ่านั่นก็ไม่มีทางปล่อยให้ตนเป็นอิสระเป็นแน่ เช่นเดียวกับวิญญาณดวงอื่นที่เป็นทาสนานชั่วกัปชั่วกัลป์

                “อยู่บ้านเก่าของตาเวก”

                โหรแทบจะถอนหายใจ ริมฝีปากหยักสีเข้มยกยิ้มพอใจ แต่ยังไม่ทันได้ยินดี ผีพิกุลก็กรีดร้องโหยโหน ร่างบอบช้ำดิ้นพล่าน กระเสือกระสนทุรนทุราย ดวงตาเหลือกโพลงแทบจะหลุดจากเบ้า

                ด้ายสีแดงเส้นเล็กปรากฏรอบลำคอและดึงรัดด้วยอาการคล้ายกับถูกมือที่มองไม่เห็นกระชาก ผีพิกุลพยายามใช้มือแกะเส้นด้ายออก แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่น จนเสียงร้องเริ่มขาดห้วง โหรยืนมองด้วยตะลึงงัน พบเห็นกับเรื่องอัศจรรย์มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นผีทรมานเหมือนคนกำลังจะตายเช่นนี้มาก่อน ชายหนุ่มรีบตั้งสติ เพียงเสี้ยววินาทีก็สำเหนียกได้ว่าด้ายเส้นนี้มาจากที่ใด ดวงตาเหลือกลานของพิกุลคล้ายกับจะขอความช่วยเหลือแทนน้ำเสียงที่แทบไม่เหลือแล้ว

                โหรหมุนกายกลับไปด้านหลัง และราวกับนัดกันไว้ กระบอกไฟฉายก็หันไปยังร่างของตาเฒ่าครึ่งผีครึ่งคนด้วย ตาเวกยิ้มเหี้ยมเกรียม

                “อีผีทรยศ! มึงต้องทรมานอยู่อย่างนี้ไม่ได้ผุดได้เกิด”

                “บ๊ะ! ไอ้แก่นี่! คนก็จะฆ่า ผีก็จะฆ่า มันจะมากไปแล้วนะโว๊ย!” จ้าวจอมตะโกนด่า ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ผีก็น่ากลัวอยู่หรอกแต่ตอนนี้น่าสงสารมากกว่า ลำพังตายเป็นผีไม่ได้ไปเกิดก็แย่พออยู่แล้วยังถูกทรมานอีก มันเกินไปแล้วจริงๆ

                เด็กหนุ่มทำท่าเหยงๆ จะเข้าไปเอาเรื่องอดีตพรานเฒ่ามากอาคม แต่กลับถูกมือแกร่งของผู้มากวัยกว้าคว้าแขนเอาไว้ “ซ่าให้น้อยหน่อยเถอะ”

                “ปล่อยนะโว๊ย! พ่อจะเข้าไปถอนหงอกมันให้หมดหัวเลย จะผีจะคนกูไม่สนแล้ว” จ้าวจอมไม่ยอมแพ้พยายามสะบัดแขนออก ร้อนถึงกุมภ์ที่ต้องเข้ามาช่วยจับไว้อีกแรง

                “พอได้จอม กูจัดการเอง”

                โหรพูดสั้นๆ แต่ได้ผลชะงักนัก จ้าวจอมเลิกซ่า หยุดนิ่งแต่ยังไม่วายฮึดฮัด เพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองคนถึงกับถอนหายใจด้วยโล่งอก ทว่าลึกลงในใจก็อดสงสารผีสาวตนนั้นไม่ได้ ทุกเหตุการณ์ตั้งแต่โหรเริ่มสวดมนต์และร่างของผีสาวที่ถูกเหวี่ยงไปมาในอากาศ จนกระทั่งหล่อนกลับกลายร่างเป็นมนุษย์ ได้ยินบทสนทนาต่อรองและคำสอนของโหร ลุ้นให้หล่อนยอมใจอ่อนผ่อนกรรมให้กับรชต กระทั่งหล่อนยอมอ่อนให้เพราะบอบช้ำเหลือทน แต่กลับต้องเจ็บซ้ำเพราะถูกหมอผีใจร้ายทรมาน ด้วยเหตุเพราะหล่อนทรยศ

                โหรมองตาเวกอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะหันตัวกลับไปหาผีพิกุลที่ยังดิ้นทุรนทุรายแต่ก็เรี่ยวแรงเหลือน้อยเต็มที เลือดสีดำคล้ำไหลเปื้อนชุดสีขาวสกปรก สภาพน่าสังเวชชวนหดหู่ หล่อนเงยหน้ามอง ดวงตาแดงจัดคลอด้วยหยาดน้ำตา อ้อนวอนขอความช่วยเหลือตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้

                ไม่มีคาถา ไม่มีอาคม ไม่มีเครื่องป้องกันใดๆ โหรยื่นมือที่ไปที่บ่วงด้ายสีแดง คว้ามันไว้ ทันทีที่สัมผัสแทบอยากจะปล่อยมือทิ้ง มันทั้งร้อน ทั้งแสบ คล้ายกับเหล็กที่ถูกไฟเผา โหรกลั้นใจกำมันไว้ให้แน่นกว่าเดิม กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด กระชากเต็มแรงกระทั่งด้ายสีแดงขาดจากกัน

                มือที่จับเส้นด้ายอาคมเกิดแผลพลุพอง กลิ่นเหม็นไหม้ของเนื้อสดคลุ้งไปทั่ว ไม่มีเลือดสักหยด แต่ผิวเนื้อไหม้ดำเป็นรอยด้าย

                กุมภ์ยืนนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าโหรจะกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ควันสีขาวลอยในอากาศ กลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้มาจากฝ่ามือของโหรที่ถูกด้ายเส้นนั้นเผา เขาเห็นเส้นเลือดที่ขมับของโหรปูนโปน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายเต็มหน้า เสื้อชุ่มโชก แผ่นหลังกว้างสะท้อนขึ้นลงหนักๆ แต่ไม่กี่ครั้งก็กลับมาเป็นปกติ

                บ้าเกินไปแล้ว!

                “มึงจะไปไหน” พันนาคว้าหัวไหล่ของเพื่อนสนิทที่ทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาโหร กุมภ์หันหน้ามามองคล้ายจะถามว่าห้ามตนทำไม พันนาส่ายหน้าปราม “เข้าไปก็มีแต่จะเกะกะเปล่าๆ ยืนห่างๆ ดีกว่า”

                จริงอย่างที่พันนาว่า หากผลีผลามเข้าไปนอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังกลายเป็นภาระ กุมภ์จำใจต้องถอยกลับ ได้แต่ใช้สายตาเข้าไปช่วยเท่านั้น

                เมื่อไร้บ่วงพันธนาการ ร่างของพิกุลก็หายวับ โหรถอนหายใจโล่งอก ซ่อนมือที่เจ็บปวดไว้ด้านหลัง กำมันแน่นระงับความเจ็บปวดด้วยความอดทน ไม่มีเวทมนต์คาถาใดหรอกที่จะช่วยดับความเจ็บปวดได้ นอกเสียจากการข่มจิตของตัวเอง โหรสูดหายใจเข้าปอดหนักๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง ความเจ็บที่ฝ่ามือก็ทุเลาลง แต่ต้องยอมรับว่าบ่วงด้ายแดงของตาเวกทำให้เจ็บหนักไม่น้อย

                “จอม! เอ็งพาพวกนี้ไปบ้านตาเวก ตามหารชต แล้วรีบพาออกไปจากป่านี่ซะ!”

                “แล้วพี่ล่ะ” จ้าวจอมถาม “ฉันไม่ปล่อยพี่ไว้คนเดียวหรอก”

                “รีบไป! เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ไปที่แถวลำธารนะ!” โหรบอก เขาจับสัญญาณชีวิตของรชตได้หลังจากที่ผีพิกุลหายไป แต่มันอ่อนเต็มที หากไปช้ากว่านี้รชตอาจจะตายจริงๆ ก็ได้

                “แล้วพี่ล่ะ” จ้าวจอมถามซ้ำ ละล้าละลัง อยากจะไปช่วยผู้ชายคนนั้นตามคำสั่งแต่ก็เป็นห่วงลูกพี่จับใจ

                “กูจัดการได้ รีบไปสิ!”

                โหรตะโกนไล่ จ้าวจอมรู้จักบ้านตาเวกดี เช่นเดียวกับคนแถวนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักบ้านพรานเฒ่ามือฉมัง เพียงแต่ไม่มีใครย่างกรายเข้าไปนานแล้วนับตั้งแต่มีคนลือว่าตาเวกตายเพราะถูกเสือฆ่า

                “แต่ฉัน...”

                “พันนา! รีบไป คุณต้องบวชให้พิกุล เพื่อนคุณด้วย รีบออกไปทำตามสัญญาซะ”

                พันนาลังเลใจอยู่ชั่วประเดี๋ยว แต่เมื่อเห็นดวงตามุ่งมั่นของโหร เลยตัดสินใจฉวยข้อมือของจ้าวจอมเอาไว้ “ผมจะทำตามสัญญา ระวังตัวด้วย”





 *ขออภัยในความล่าช้า งานเยอะมากค่ะ เหนื่อยหมดสภาพน็อคทุกวันเลย*

**ได้เห็นร่างหน้าปกแบบคร่าวๆ แล้ว แต่ยังเอาอวดไม่ได้ เพราะพี่โหรยังหล่อไม่พอ 55555**

***โปรดติดตามตอนต่อไป***

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
โหรอย่าเป็นอะไรไปะ

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้กำลังสนุกเลย :katai2-1:

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
ตาเฒ่าเวกนี่มัน เหี้ย-ม จริง ๆ    o12


ทำไมมีความรู้สึกว่านุ้งกุมภ์ต้องไม่ยอมทิ้งพี่โหรไปแน่ ๆ   :impress:


รอตอนต่อไป    o9

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
แอบสงสารพิกุลเลย สงสัยจังว่าทำไมพันนาถึงเห็นนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โหร สู้ๆ นะ / สงสารพิกุลเหมือนกัน จมในความแค้น
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีด้วยนะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เข้มข้น :ling1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
มันจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ akashita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยย สนุกมากค่ะ อ่านไปลุ้นไป

นี่แอบคิดว่าน้องกุมภ์น่าจะไม่ยอมตามพันนาไปแน่เลย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :z3:
โอยยยยยยย อยากอ่านต่อ
ลุ้นพี่โหรอย่างแรง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 :katai1: โหรสู้ๆๆ

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขอให้พี่โหรปลอดภัยนะคะ น้องกุมภ์หึงขนาดนั้นแล้ว คิดอะไรกับพี่เค้าแล้วล่ะสิ แต่ทางฝั่งพี่โหรเราดูไม่ออกเลยค่ะว่ามีใจให้น้องหรือเปล่า

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ต้องลุ้นอีกกี่ยก ถึงจะหมดเวร กับผีเวกตายโหง

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตาเวกนี่ก็นะ แก่ขนาดนี้ยังไม่ปลงอีก คิดว่าตัวเองจะอยู่ค้ำฟ้าหรือไง พี่โหรสู้ๆ  :hao5:

ออฟไลน์ sawangpong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จบแบบค้างอีกแล้วววววว :katai1:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พักเหนื่อย แล้ามาอัฟ ต่อ นาจร้า รอ ยุ และ ขอบคุณ ^^

ออฟไลน์ nizxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ก่อนนี้พรานกล้าก็พูดแบบนี้อะ ให้หนีไปก่องเดี๋ยวที่เหลือจัดการเองผลคือเกือบไม่รอด ชอบห่วงหลัวอะ ถีบผีกระเด็นม่างเลย 555555555555 เอาดีๆพารากราฟสุดท้ายนึกถึงเพลงปายุดอะ แง เกี๊ยดลุง หลอนหู

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 13 เสือตาบอด

                เด็กหนุ่มทั้งสามวิ่งออกจากถ้ำพร้อมกับไฟฉายแปดท่อน แสงไฟหายห่างไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงจุดเล็กๆ ที่กำลังเคลื่อนหายไปกับความมืด แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เสียงห้อตะลึงของสัตว์สี่เท้าดังอึกทึกจากด้านหลัง พร้อมกับเงาร่างใหญ่ที่เบียดบังพื้นที่ในถ้ำไปเกือบครึ่ง กลิ่นเหม็นสาบของขนสัตว์คลุ้งจนแสบจมูก เจ้านิลตะกุยดินส่งเสียงฟืดฟาด ไม่ถึงเสี้ยววินาที เงาร่างสัตว์ใหญ่ก็พุ่งผ่านร่างไป มันกระโจนไปตามดวงไฟที่กำลังจะผ่านปากถ้ำ

                “วิ่ง!” โหรตะโกนร้อง ไฟดวงนั้นหยุดกึก ก่อนจะเร่งความเร็ว ทว่าก็ยังช้าเมื่อเทียบกับฝีเท้าของเสือตัวใหญ่เขื่อง “นิล! จัดการที”

                เจ้านิลไม่รอให้สั่งซ้ำสอง ควายอาคมที่ได้รับมาจากผู้เป็นปู่ วิ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยกีบเท้า ถึงมันจะตัวใหญ่ ดูคล้ายจะอุ้ยอ้ายเฉกเช่นควายอ้วน แต่มันกลับต่างจากควายธรรมทั่วไป ขึ้นชื่อว่าควายธนูมันย่อมเต็มไปด้วยคาถาอาคม ดุร้าย และเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นนาย มันวิ่งเร็วปรื๋อ หายใจดัง ส่งเสียงขู่ผ่านซี่ฟัน เขาคู่ใหญ่พุ่งตรงรี่ ไม่ถึงอึดใจก็ทันเจ้าเสือใหญ่ เขาแหลมขนที่ต้นขามันอย่างจัง เจ้าลายพาดกลอนล้มครืดด้วยไม่ทันตั้งตัว ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีมันก็ตั้งหลักได้ รีบตะกุยลุกขึ้นเบนหน้ากลับมาหาศัตรูที่มีสี่เท้าเหมือนกัน

                “ไอ้บอด”

                โหรอุทาน เมื่อได้เห็นดวงตาของเสือตัวนั้น ตาข้างหนึ่งของมันแดงฉานผิดแผกสัตว์ป่าทั่วไป แต่ตาอีกข้างกลับเป็นสีขาวขุ่นมัว ไม่ผิดแน่ ไอ้เสือตัวนี้คือไอ้บอด เสือผีที่ใครๆ ก็หวาดกลัว และแน่นอนว่าเสือตัวใหญ่ยิ่งกว่าควายตัวนี้ไม่มีทางซุกซ่อนอยู่ในถ้ำแคบๆ ได้ นอกเสียจากว่ามันจะหายตัวได้

                เสือหายตัวได้ไม่มีหรอก!

                เมื่อไอ้บอดปรากฏตัว ตาเวกก็หายไป จริงดังคำสันนิษฐาน ตาเวกกับไอ้บอดรวมร่างกันแล้ว ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ผี แต่เป็นปิศาจ มันน่ากลัวยิ่งกว่าหลายเท่านัก

                ไอ้บอดจ้องมองเจ้านิลเขม็ง ดวงตาข้างเดียวของแดงเหมือนสีเลือด มันอ้าปากขู่กรรโชก ฟันแหลมคมเป็นเงาวับในความมืด เพราะอยู่ใกล้ปากถ้ำแสงสว่างจากด้านนอกเลยสาดส่องเข้ามาได้ เงาร่างของไอ้บอดเลยดำทะมึน ใหญ่จนเหมือนภูเขาลูกย่อมๆ

                เจ้านิลไม่หวาดเกรง แม้รูปร่างจะเล็กกว่า กีบเท้าหน้าข้างซ้ายตะกุยดินพร้อมสู้ หัวแกร่งไปมาราวกับกำลังท้าทายเสือใหญ่ อีกวินาทีต่อมา ไอ้บอดก็วิ่งเข้าใส่ อุ้งเท้าใหญ่ก็ตวัดใส่ร่างของควายอาคมด้วยความเร็ว เจ้านิลเอี้ยวตัวหลบทัน ใช้เขาขวิดสวนกลับไป แต่ไอ้บอดก็หลบได้เช่นกัน ทว่าอีกแค่ลมหายใจถัดมา อุ้งเท้าอีกข้างก็ตะปบใสร่างควายธนู แม้จะไม่ได้โดนเต็มที่ หากแต่เล็บแหลมคมก็ตวัดเฉี่ยวเกี่ยวเอาเนื้อสีดำหลุดติด เลือดสีแดงไหลอาบลำตัวอวบใหญ่

                เจ้านิลร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แม้แต่โหรเองก็ยังอดใจหายไม่ได้

                เมื่อเห็นว่าฝ่ายควายกำลังเสียท่า เสือผีก็กระโจนเข้าใส่ อุ้งเท้าพร้อมเล็บคมราวกับมีดแหลมวาดตะปบมาทางอีกข้างของลำตัว เจ้านิลใช้ประสบการณ์หลบหลีกได้อย่างฉิวเฉียด กลิ่นเลือดระคนสาปสัตว์คลุ้งไปทั่วบริเวณ ควายอาคมไม่ยอมแพ้ต่อบาดแผลฉิวหนัง มันหมุนตัวตั้งหลัก กีบเท้าฝังลงดิน หัวก้มต่ำ ดวงตาดำคู่ใหญ่เป็นประกายวับ มันรู้ดีว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร

                ศึกคราวนี้มีแค่ความตายเท่านั้นเป็นจุดสิ้นสุด

                เขาแหลมคมใหญ่โค้งราวกับวงดาบ ตวัดใส่ร่างของเสือใหญ่ เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา พลาดเป้าเสียหลายครั้งเพราะเจ้าเสือผีมันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหมือนหนู แต่แรงมหาศาลยิ่งกว่าช้าง เจ้านิลไม่ลดละความพยายาม มันถอยหลังไปตั้งหลักแล้ววิ่งเต็มฝีเท้า หมายจะพุ่งชนลำตัวเสือผีให้ล้มหงาย แต่ไอ้บอดไวยิ่งกว่าลมกรด มันเอี้ยวตัวอ้าปากกว้างใช้ฟันคมงับเข้าที่ลำคออวบใหญ่ของเจ้านิล

                ควายธนูร้องลั่นด้วยเจ็บปวด เลือดสีแดงสดไหลอาบขนสั้นเหี้ยนสีดำสนิท ร่างล้มตึงจนผืนใต้ฝ่าเท้าสะเทือน ไอ้บอดย้ำเขี้ยวบดขย้ำที่แผลเดิม เลือดยิ่งไหลโชก เจ้านิลพยายามดิ้นตะเกียกตะกาย ขาทั้งสี่ตะกุยในอากาศ หัวใหญ่เงยไปด้านหลัง ดวงตากลมใหญ่เบิกโพลง ชั่วอึดใจเดียวร่างของควายธนูก็หยุดนิ่ง แล้วหายวับไปกลายเป็นตุ๊กตารูปปั้นควายตัวเท่าฝ่ามือ

                ไอ้บอดเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีแดงข้างเดียวของมันคล้ายกับจะเย้ยหยัน มันอ้าปากส่งเสียงร้องก้องด้วยยินดี หางใหญ่ยาวสะบัดสูงกว่าลำตัว

                โหรหลับตานิ่ง ปัดสายสะพายไรเฟิลไปด้านหลัง ยกมือขึ้นพนม ปากพึมพำพระคาถาที่ร่ำเรียนมา ทั้งจากปู่และพระครูที่เลื่อมใส ขึ้นชื่อว่าคาถาอาคมมีทั้งดำและขาว โหรรู้จักมันดีแต่เลือกที่จะศึกษาแค่สายขาวเท่านั้น ไม่เคยทำร้ายใคร มีไว้แค่ช่วยเหลือ ไม่นานเลือดในกายก็พลันอุ่น บางอย่างวิ่งพล่านไปตามตัวอักขระบนร่างกาย

                ใต้เสื้อเชิ้ตราคาถูก บนผิวหนังสีเข้มคร้ามแดดคืออักขระอาคมที่พระครูลงเข็มไว้ให้เมื่อสิบปีก่อน มันเป็นภาษาที่น้อยคนนักจะอ่านออก เรื่องอยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า ไม่มีจริง เพราะแม้แต่ปู่เหมที่สักตัวลาย ห้อยหลวงพ่อดังทั่วประเทศยังพ่ายแพ้ให้กับเวรกรรม พระครูสอนโหรเอาไว้ว่าให้เชื่อเรื่องทำดี แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง

                โหรแทบไม่เคยใช้คาถาปลุกรอยสักยันต์ของตัวเอง แต่เวลานี้มันจำเป็น ยิ่งอีกฝ่ายคือครึ่งผีครึ่งคน เป็นคุณไสยสีดำ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีที่เท่าเทียมกัน

                อักขระที่หน้าอกร้อนวาบราวกับถูกไฟนาบ มือข้างที่บาดเจ็บกลับไม่รู้สึกถึงอาการอีกเลย กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนเครียดเขม็งจนเห็นเส้นเลือดเส้นเอ็นที่ปูดโปน ก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้น อักขระตัวเล็กๆ เรืองแสงออกมาแต่เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวมันก็หายไป

                คนโบราณเรียกว่าสักน้ำมัน ไม่มีร่องรอย จะปรากฏต่อเมื่อเจ้าของต้องการ

                ทุกเข็มที่ลงลายลักษณ์อักษรบนร่างมาจากมือของพระครูที่ขึ้นชื่อเรื่องคาถาอาคม และโหรคือศิษย์คนสุดท้ายก่อนที่ท่าจะละจากโลกนี้ไป ดังนั้นวิชาความรู้ที่มีเลยถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์คนนี้อย่างเต็มที่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
 เสือร้ายครึ่งสัตว์ครึ่งปิศาจแยกเขี้ยวขาว มันกระโจนเข้าใส่ร่างของโหรอย่างไม่ยำเกรง อุ้งเท้าใหญ่เท่ากับกะละมังเฉียดหน้าไปเพียงเสี้ยวอากาศ โหรเอี้ยวตัวหลบ แล้วแทรกตัวผ่านช่องเล็กระหว่างลำตัวใหญ่กับผนังถ้ำ หากสู้ในนี้มีแต่จะเสียเปรียบ ทั้งแคบและมืด แสงน้อยนิดจากด้านนอกไม่พอให้จับการเคลื่อนไหวของมัน โชคดีที่ฝนซาเม็ดลง พระจันทร์ดวงโตกำลังลอยขึ้นแทนพระอาทิตย์ คืนนี้ขึ้นสิบห้าค่ำพระจันทร์เต็มดวง เมฆสีเทาก้อนใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนห่างจากแผ่นฟ้า

                ที่นอกถ้ำคือพื้นดินชื้นแฉะอุ้มน้ำ แต่มันดีกว่าพื้นหิน อย่างน้อยถ้าล้มแผลก็น้อยกว่า โหรตั้งรับรอเสือผี อักขระบนตัวราวกับจะเต้นได้ พระคาถาที่พระครูสอนไว้เต็มหัวเช่นเดียวกับวิธีการต่อสู่กับเสือตามคำสอนของปู่เหม สู้ด้วยมือเปล่าไม่มีทางชนะแน่

                ต้องเป็นปืนเท่านั้น!

                และสำหรับไอ้บอดแค่ไรเฟิล 150GR ไม่พอ ต้องกระสุนลงอาคมด้วยถึงจะปลิดชีพมันได้

                แต่ปัญหาอยู่ที่เขาต้องเล็งให้แม่นไม่เพียงให้ตรงเป้า แต่ยังต้องได้จังหวะ ถ้าประชิดตัวมากเกินไปเขาเองก็อาจจะได้รับอันตรายด้วย หรือถ้าพลาดไม่ถูกจุดสำคัญมันต้องเล่นงานเขาซ้ำแน่ รู้กันว่าสัตว์ป่าถ้าหากไม่ตายมันจะทำร้ายศัตรูจนกว่ามันจะตาย

                ไอ้บอดวิ่งตามออกมาอย่างทันใจ เสือตัวใหญ่ยืนจังก้า สี่เท้าจมหายใจไปดินอุ้มน้ำ แยกเขี้ยวขู่คำรามก้องป่า นกกลางคืนบินแตกฮือออกจากพุ่มไม้ สัตว์น้อยใหญ่วิ่งหนีไม่รู้ทิศทาง

                โหรจ้องมองมันคลาดสายตา ถึงมันจะมีตาข้างเดียว แต่เสือเป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน สายตาของมันคมเฉียบ เขาจะประมาทไม่ได้ ถึงจะเป็นครึ่งเสือครึ่งปิศาจ แต่สัญชาตญาณนักล่าของมันยังมีเต็มเปี่ยม มันพร้อมจะกัดกินร่างของเขาและส่งมอบดวงวิญญาณให้กับเฒ่าเวก

                ชายหนุ่มเลื่อนมือไปด้านหลัง ตบกระเป๋ากางเกง กระสุนห้านัดบรรจุอยู่ในกล่องยังอยู่ครบ นั่นหมายความว่าเขามีโอกาสแค่ห้าครั้งเท่านั้น

                นานแล้วที่ไม่ได้จับปืน ล่าสุดที่เหนี่ยวไกก็เมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาใช้มันยิงหมูป่าถึงไม่ใช่เขี้ยวตันแต่ถ้าโดนมันขวิดเข้าก็เจ็บหนักไม่น้อย ก่อนมันตาย มันดิ้นทุรนทุราย จนต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นล้มเป็นแนวราบ เลือดไหลนองพื้น ดวงตาเหลือกโพลง ติดตาเขาไปนานหลายเดือนทีเดียว จากนั้นก็เลิกฆ่าสัตว์เด็ดขาด หันมาเอาดีทางหาสมุนไพร เลยไม่จำเป็นต้องใช้ปืนอีก

                ปืนไรเฟิลเหมาะสำหรับฆ่าสัตว์ ปืนกระบอกเก่าเป็นแบบ .375 H & H เป็นสมบัติตกทอดที่ได้จากปู่ แต่เพราะไม่มั่นใจประสิทธิภาพของมันเลยจำต้องยืมปืนจากพันนา ที่จริงเคยลองใช้ไรเฟิลของเพื่อนร่วมอาชีพมาบ้าง รุ่นนี้สะบัดไม่แรงเหมือนรุ่น 180 GR พวกนักท่องไพรนิยมมากทีเดียว

                โหรประสานสายตากับเสือผีนิ่ง แก้วตาสีแดงฉานเพียงข้างเดียวของมันราวกับจะสะท้อนอีกร่างที่แฝงอยู่ในนั้น เขาไม่เคยเห็นไอ้บอดมาก่อน แต่ท่าทางของมันองอาจ หยิ่งผยองสมกับเป็นเสือนักล่า ริ้วรอย บาดแผลที่ปรากฎทั่วร่างยืนยันได้ดีว่ามันเคยเป็นเสือใหญ่ประจำป่าแห่งนี้ เคยได้ยินมาว่านอกจากมันจะล่าเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมแล้ว มันยังฉลาดเกินสัตว์ป่าทั่วไปอีกด้วย น่าแปลกที่มันดันกลายเป็นทาสของตาเวกได้

                ในป่าเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงกลางคืน พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยขึ้นกลางท้องฟ้า เมฆสีเทาเลือนหายไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องดีสำหรับโหร เพราะมันทำให้มองเห็นอะไรๆ ชัดเจนขึ้น ไอ้บอดแยกเขี้ยวขู่ น้ำลายไหลยืดจากปากใหญ่ของมัน ท่าทางเหมือนหิวกระหาย และเขาคือเหยื่ออันโอชะของมัน

                โหรกระโดดลงจากหินก้อนใหญ่หลบการจู่โจมกะทันหันของมัน เล็บคมตวัดถูกก้อนหินจนเกิดประกายไฟวูบวาบ ไอ้บอดคำรามด้วยความหงุดหงิด โหรตั้งหลักได้ดึงมีดอาคมจากเข็มขัดหนัง โลหะคมปลาบเป็นเงาวับเช่นเดียวกับเขี้ยวแหลมคมของไอ้บอด เขารีบหมุนกายหันมกลับมาตั้งรับ ดวงตาคมจ้องเขม็งโดยมีแค่แสงจันทร์ในคืนขึ้นสิบห้าค่ำ ไอ้บอดอยู่ห่างไม่ถึงห้าเมตร มันใกล้มากเพียงแค่มันพุ่งใส่ก็ถึงตัวเขา หัวใหญ่โตเกือบจะเท่ากับกะละมังซักผ้า หนวดขาวยาวกระตุกหงึก แยกเขี้ยวขู่คำราม โหรแทบจะกลั้นหายใจ ตาไม่กระพริบเพราะกลัวจะพลาดจังหวะ ไอ้บอดไม่รอให้เขายืนนาน มันพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง โหรเบิกตากว้าง ถึงจะเตรียมพร้อมแค่ไหนแต่การที่ต้องสู้กับเสือเพียงลำพังก็น่าหวาดสะพรึงไม่น้อย ยิ่งไอ้เสือตัวนี้ไม่ใช่สัตว์ป่าทั่วไป แต่มันครึ่งผีครึ่งสัตว์ครึ่งคน วุ่นวายไปหมด

                โหรเอนตัวคล้ายจะนอนหงาย ไถลไปกับพื้นดินชื้นแฉะ เป็นจังหวะเดียวกับที่มันถึงตัวพอดี โหรลื่นเท้าลงไปใต้ลำตัวใหญ่หนาของมัน จ้วงมีดอาคมไปที่หน้าท้องจนมิดแล้วชัดออกทันที ไอ้บอดร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันพลิกล้มหงายไปกับพื้น โหรรีบพลิกตัวหลบได้ทันก่อนที่มันจะกลิ้งมาทับ

                เลือดสีแดงฉานไหลออกจากบาดแผล แผลจากมีดสั้นอาจไม่ลึกถึงอวัยวะสำคัญพอที่จะปลิดชีวิตมันได้ แต่ก็สามารถหยุดความเร็วของมันได้

                โหรหอบแฮ่ก นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องสู้สัตว์ป่า ก่อนหน้านี้เขาคือผู้ล่า ทว่าเวลานี้เขาคือศัตรูของมัน ร้ายกว่านั้นอาจจะกลายเป็นเหยื่อเลยก็ได้ มือที่กำมีดสั้นยังสั่นระริก เขากำมันแน่นหอบหายใจจนตัวโยน เสื้อตัวมอมแมมด้วยคราบโคลน อักขระบนตัววูบวาบไปหมด เลือดในกายว่าร้อนแล้ว อักขระพวกนั้นยิ่งกว่า

                เขาหาจังหวะที่จะใช้ไรเฟิลจัดการมัน แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบลูกกระสุน ไอ้บอดก็ลุกขึ้นมายืนได้สำเร็จ เลือดยังไหลไม่หยุด ด้วยเพราะเป็นมีดอาคม ฤทธิ์ของมันเลยมากกว่าจะทำให้เป็นแผล แต่เจ็บร้าวลึกไปถึงขั้วหัวใจ หากเป็นสัตว์ชนิดอื่น แค่โดนปลายบาดก็ตายแล้ว

                ขาทั้งสี่ของมันตั้งมั่น แผลจากมีดคงทำให้เจ็บไม่น้อย ขณะเดียวกันก็สร้างความโกรธแค้นให้มากกว่าเดิม โหรกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่ใช่พรานป่ามืออาชีพที่ล่าสัตว์ออกขาย เคยติดตามปู่ไปเมื่อครั้งยังเด็ก สัตว์ใหญ่ที่สุดที่เคยเจอคือช้างแต่อย่างที่รู้กัน ช้างไม่ใช่สัตว์ที่มนุษย์จะต่อกรด้วย โดยเฉพาะช้างป่า งาสีขาวขุ่นของมันยาวจนต้องตาค้าง พวกมหาเศรษฐีชอบนัก เอาไว้ประดับบารมี แต่ปู่ไม่นิยมฆ่าช้างเอางา เพราะถ้าจะเอางาก็ต้องฆ่าช้าง หนึ่งชีวิตแลกกับงาแค่คู่เดียวมันไม่คุ้มกัน ที่ปู่ถนัดคือจับส่งพวกฝรั่งที่จะเอาสัตว์หายากไปไว้ในสวนสัตว์ หรือไม่ก็เสือ เก้ง กว้าง ถลกหนังเอาไปขาย เนื้อตากแดดเก็บไว้กิน เรียกได้ว่าทุกชิ้นส่วนถูกนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ไม่ได้ไล่ฆ่าเพื่อความสนุก

                หากเทียบความชำนาญในการล่าสัตว์ ฝีมือของเขาต่างกับปู่ลิบลับ ไม่เคยประจันหน้ากับเสือเลยสักครั้ง เชื่อเหลือเกินว่าหากเป็นปู่เหม จะไอ้บอดหรือตาเวกก็ไม่คณามือปู่ ทว่าความเก่งกาจก็ไม่อาจชนะเวรกรรมได้ ปู่จากไปเพราะเวรกรรมที่สะสม วิชา หรือคาถามอาคมที่ไหนก็ช่วยไม่ได้

                ไอ้บอดเบิกตาข้างเดียวของมันกว้างใหญ่เกือบเท่าลูกเทนนิส แสงแดงแวววาวสะท้อนเด่นชัด ข้างที่บอดเป็นสีเทาและรอยแผลต่างๆ บนตัวของมันเพิ่มความน่ากลัวและประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่าเขา โหรกำมีดแน่นแม้จะรู้ดีว่าการตอบโต้ด้วยมีดอีกครั้งคงไม่ได้ผลอีกแล้ว โหรสบตากับไอ้บอด การประสานสายตากับคู่ต่อสู้นอกจากจะประกาศว่าไม่เกรงกลัวแล้ว ยังจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้อีกด้วย สติต้องตั้งมั่นเตรียมพร้อมที่จะรับการจู่โจม โหรภาวนาพระคาภาของพระครูที่เคยสอน ปลุกอักขระบนตัวให้ทำงาน หวังว่าคาถาของพระครูจะต้านทานกรงเล็บของไอ้บอดได้

                เสือผีตัวใหญ่เขื่องกระโดนโผนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง โหรเบี่ยงหลบ มันก็เอี้ยวตัวกลับมาจู่โจมต่อเนื่อง มันเคลื่อนไหวรวดเร็วแทบไม่ต่างจากเดิมด้วยซ้ำ มีดอาคมทำให้มันเจ็บก็จริง แต่ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่าทำให้โจมตีคู่ต่อสู้ดุเดือดและหนักหน่วง กรงเล็บคมปลาบไม่ต่างจากใบมีดโกน ตวัดเฉี่ยวต้นแขนในจังหวะหนึ่งที่โหรหมุนตัวไปด้านซ้าย ความเจ็บวิ่งปราดไปถึงหัวใจ เลือดไหลหยดเป็นทาง เสื้อขาดวิ่นเป็นรอยเล็บ

                สู้ด้วยกำลังอย่างเดียวไม่มีทางชนะแน่...มันต้องใช้สมองเข้าร่วมกัน

                มีดฆ่ามันไม่ได้ ต้องไรเฟิลกระบอกนี้และกระสุนลงอาคม แต่ถ้าหากยังหาโอกาสไม่ได้เขาอาจจะหมดแรงเสียก่อนจะได้เหนี่ยวไกปืน

                เหงื่อกาฬไหลโทรมกายจนเสื้อเปียกชุ่ม โหรหอบหายใจแรงข้างปากทางเข้าถ้ำ ต้นไม้น้อยใหญ่แถวนั้นล้มระเนระนาดด้วยแรงจู่โจมของไอ้บอด เสือไม่เพียงแต่สายตายอดเยี่ยม หากแต่จมูกของมันก็ดีไม่ต่างกัน ทิศทางตอนนี้ไอ้บอดยืนเอียงตัวมาทางขวา ซึ่งเป็นทิศทางที่เดียวกันกับดวงตาข้างปกติของมัน ดังนั้นเขาต้องอยู่ฝั่งซ้ายเพื่อจำกัดการมองเห็น และต้องอยู่เหนือลมเพื่อไม่ให้มันได้กลิ่น

                เรี่ยวแรงลดลงเกินครึ่งแล้ว โหรมองหาจุดยุทธศาสตร์ โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากพลาดเท่ากับตาย

                เขารีบจับทิศทางลม หลังฝนตกลมนิ่งสงบแทบจะไม่พัดไหว แต่ก็ไม่นิ่งสงบเสียทีเดียว เพียงเสี้ยวลมหายใจที่สายลมแผ่วเบาปะทะที่ผิวแก้มพร้อมกับลกิ่นบางอย่าง โหรรวบรวมกำลัง วิ่งไปทางขวาสุดฝีเท้าแล้วพุ่งเข้าไปซ่อนกายในพุ่มไม้ใหญ่ ข้างเท้าคือเห็ดปลาหมึกกำลังจะบานหลายดอก ที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นคล้ายกับปลาหมึกเน่า แม้จะไม่ใช่เห็ดพิษ แต่กลิ่นของมันรุนแรง กระทั่งสัตว์ก็ไม่อยากเฉียดเข้าใกล้

                โหรรีบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ทำตัวเงียบเชียบเหมือนเสือเฝ้าเหยื่อ ดวงตามองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ ทิศนี้อยู่เหนือลมและกลิ่นของต้น333ก็ช่วยกลบกลิ่นมนุษย์ของเขาได้ชะงักนัก เขาดึงสายไรเฟิลเลื่อนมาด้านหน้าเชื่องช้า บรรจุกระสุนด้วยมือสั่นเทา หลายครั้งที่เกือบทำมันหล่นลงพื้น หัวใจเต้นรัว ตาก็จ้องมองไอ้บอดที่เดินพล่านเป็นเสือติดจั่น มันวิ่งไปทั่วทุกทางเพื่อตามหาเขา หนวดยาวกระตุกเป็นระยะ จมูกใหญ่ของมันเพยิบขึ้นลง มันคอยดมกลิ่นของเขานั่นเอง

                กระสุนเม็ดที่ห้าบรรจุลงในรู โหรดันมันกลับเข้าปล้องด้วยเสียงเงียบกริบ ยกปืนประทับเข้าตำแหน่ง เล็งเป้าหมายผ่านศูนย์ลำกล้องยกตรงไปเบื้องหน้าในระยะ 20 เมตร นิ้วมือเหนี่ยวที่ไก แต่เป้าไม่หยุดนิ่ง มันเดินเพ่นพ่าน ร้องคำรามก้องป่าทำให้หาจุดสำคัญของมันไม่ได้ แล้วก็เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ กิ่งไม้เล็กๆ ที่รองรับน้ำหนักปลายกระบอกปืนดันเกิดหักกะทันหัน เสียงเป๊าะ      ไอ้บอดหันขวับมาทางเขาทันที มันไม่รอช้าพุ่งเข้าใส่เต็มกำลัง

                ปัง!

                โหรเหนี่ยวไกในโดยไม่รอเช้า กระสุนวิ่งพุ่งจากกระบอกปืน ควันและกลิ่นเหม็นไหม้ลอยคลุ้งในอากาศ โหรเซไปด้านหลังเล็กน้อยเพราะเสียการทรงตัวจาการโจมตีของไอ้บอด วิถีกระสุนวิ่งไปยังเบื้องหน้า โหรเบิกตากว้าง กลิ่นคาวของเลือดปนกับกลิ่นเหม็นเน่าของเห็ดปลาหมึก ภาวนาให้กระสุนเจาะโดนจุดสำคัญ

                ไอ้บอดคำรามลั่นป่า เลือดสีแดงหยดลงพื้น ทว่าร่างของมันยังยืนมั่นคง

                “สัตว์เอ๊ย!” โหรสบถหยาบคาย กระสุนเม็ดแรงของเขาทำได้แค่เพียงถากต้นขาข้างขวาของมันเท่านั้น สำหรับไอ้เสือครึ่งผีตัวนี้ก็ไม่ต่างจากรอยถลอก

                เหลือกระสุนอีกสี่ นั่นหมายความว่าโอกาสของเขามีอีกแค่สี่ครั้งเท่านั้น

                โหรรีบวิ่งถอยห่างออกมาซ่อนกายอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แนบแผ่นหลังกับลำต้นหนา หอบหายใจหนักๆ หลายครั้ง หัวใจเต้นเร็วจนปวดหน้าอก ใช้เวลาหลายวินาทีกว่าที่ระดับลมหายใจจะกลับมาเป็นปกติ ทว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่หันกลับมาก็ต้องพบกับเงาดำพร้อมและลมเย็นวูบใหญ่ผ่านใบหน้ารวดเร็ว โหรเสียววาบที่หัวไหล่ขวา

                “ระยำ!”

                ชายหนุ่มคำรามในคอ พลิกตัวหมุนห่างจากต้นไม้ ไอ้บอดไม่ได้โง่ เมื่อครั้งเป็นเสือสติปัญญาก็ดีกว่าสัตว์ทั่วไป เวลานี้มีอีกดวงจิตช่วยสนับสนุน ความเก่งกาจเลยยิ่งเพิ่มทวี โหรกระชับปืนแน่น คงใช้วิธีเดิมไม่ได้อีกแล้ว เห็ดปลาหมึกแบนราบตามรอยย้ำของไอ้บอด พุ่มไม้ที่ใช้ซ่อนกายแทบจะกลายเป็นผืนหญ้า เลือดไหลลงมาตามแขน โหรกัดฟันแน่นระงับความเจ็บปวดที่จู่โจมรวดเร็ว

                ไอ้บอดมันเอาคืน!

                โหรมองหาทางถอยไปตั้งหลัก ยังเหลือโอกาสอีกสี่ครั้ง กระสุนลงอาคมก็จริงแต่ถ้าหากไม่ถูกจุดสำคัญมันก็เปล่าประโยชน์

                นอกจากจะอยู่เหนือลมแล้ว ยังจะต้องอยู่ในจุดที่มองการเคลื่อนไหวของมันได้ชัดเจนอีกด้วย

                ไอ้บอดก้าวช้าๆ  ขณะที่โหรก็หมุนตัวเดินวนรอบต้นไม้ อาศัยลำต้นใหญ่หนาพอที่จะบดบังร่างกาย ตอนนี้พวกเขาเหมือนเล่นเกมแมวไล่หนู

                เสือครึ่งผีคล้ายกำลังต้อนเหยื่อ อาการสงบของมันน่ากลัวเกินกว่าจะประมาณการจู่โจมได้ หากว่าตาเวกควบคุมไอ้บอดได้จริง ความฉลาดของมันก็เทียบเท่ากับมนุษย์ โหรสูดหายใจเข้าปอด ความเจ็บปวดที่ต้นแขนทวีมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามเรียกสติให้ตั้งมั่น คาถาที่พระอาจารย์สอนไว้ไหวเวียนอยู่ในสมองเมื่อความตื่นตระหนกลดลง ชายหนุ่มหยุดเดิน ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ ดวงตาปิดลง ปล่อยให้อักขระบนร่างกายทำหน้าที่ของมัน

                เลือดจากแผลกรงเล็บเสือหยุดไหล ปากแผลเหวอะหวะกลับมาสมานกัน แม้จะไม่ได้ราบเรียบกลับมาเป็นผิวหนังดังเดิม แต่มันก็ช่วยทุเลาความเจ็บปวดได้ไม่น้อย

                กรร!

                ไอ้บอดขู่คำราม ลมหายใจของมันเป่ารดใส่แผ่นหลังแม้จะมีต้นไม้บังไว้ก็ตาม โหรกลืนน้ำลายลงคือ เคลื่อนไหวกายเงียบเชียบ ฝีเท้าเบากริบไม่ต่างจากแมวย่อง ก่อนจะวิ่งเร่งไปยังต้นไม้ใหญ่อีกต้น ไอ้บอดก็ไวทายาทวิ่งกวดมาติดๆ ห่างกันแค่ไม่กี่เมตร มันพยายามหาจังหวะใช้กรงเล็บหน้าไล่ตะปบ แต่โหรเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ลมวืดเย็นพัดผ่านแผ่นหลังหลายครั้ง

                ลิงลมทำงาน!

                โหรร้องสั่งในใจ ชั่วฉับพลันนั้น ร่างกายก็เคลื่อนไหวรวดเร็ว รอยสักรูปลิงที่ต้นแขนซ้ายร้อนผ่าว ปวดแสบเหมือนถูกไฟจี้ แต่ชั่วประเดี๋ยวเดียวมันก็กลับมาเป็นปกติ เลือดในกายคล้ายกับมีอะไรหมุนเวียนอยู่ในนั้น ขาทั้งสองควบตะบึง ดวงตากวาดหาพิกัดที่จะมองศัตรูได้ถนัดถนี่ โหรเบิกตากว้าง ห่างออกไปทางขวามือไม่เกินยี่สิบเมตรคือต้นมะค่าแต้ ลำตันแข็งแรง เป็นไม้เนื้อแข็งน่าจะทนต่อกรงเล็บของไอ้บอดได้ กิ่งก้านของมันก็เหนียวแน่นดี พอให้ยึดเกาะได้ โหรเพิ่มฝีเท้า กระโดดเกาะลำต้น แล้วปีนขึ้นด้วยมือและเท้าท่าทางคล้ายลิง ร่างสูงใหญ่โหนขึ้นไปบนกิ่งไม้ได้รวดเร็วผิดกับรูปร่าง จนแม้แต่เจ้าตัวเองยังแปลกใจ รองเท้ากลายเป็นสิ่งเกะกะ จนต้องถอดโยนทิ้ง

                โหรเลือกกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงพอหลบกรงเล็บอันตรายของไอ้บอดได้ ไรเฟิลกลับมาเตรียมพร้อม หัวใจเต้นรัว ความตื่นเต้นแกมหวาดหวั่นอาบรดร่าง ดวงตาคมเพ่งมองผ่านศูนย์ลำกล้องในระยะห่างยี่สิบเมตร ไอ้บอดอยู่ใต้ต้นไม้พอดี ท่ามันหงุดหงิดงุ่นง่านไม่น้อยเพราะไม่อาจปีนขึ้นมาบนต้นไม้ได้ มันใช้ตบกรงเล็บใส่ลำต้นหนาเพื่อหวังว่าเขาจะตกลงมา แน่นอนว่าลิงลมบนรอยสักยังทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ไม่เพียงแต่มือที่เหนียวเหมือนกาว แต่เท้าก็ยังยึดเกาะติดได้ดี ทว่าแรงสั่นสะเทือนมีผลต่อการยิงปืน เป้าที่เล็งไว้คลาดออกจากตำแหน่งจนอดหัวเสียไม่ได้

                กร๊อบ!

                ขณะที่กำลังใจจดจ่ออยู่กับเล็งปืน เสียงคล้ายกิ่งไม้หักก็ดังขึ้นในอีกฝาก ทั้งไอ้บอดและโหรหยุดลงชั่วขณะ ด้วยความที่อยู่บนที่สูงเลยสามารถมองเห็นผู้มาเยือนได้ชัดเจน

                กุมภ์!

                เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง อยู่ในชุดเดิม แต่ขะมุกขะมอมกว่าที่เคยเห็นอยู่มากโข ในมือมีกระบอกไฟฉายแบบแปดท่อน ลำแสงจ้าส่องเป็นเส้นไปทางไอ้บอด ดวงตาข้างหนึ่งของมันเป็นสีแดง ส่วนอีกข้างเป็นสีเทา ทว่าสะท้อนกับแสงไฟเรืองรอง ดูน่าขนลุกพิกล

                ไอ้บอดเปลี่ยนเป้าหมาย จากโหรที่กำลังเกาะเกี่ยวอยู่บนกิ่งไม้ เป็นร่างของเด็กหนุ่มผู้มาใหม่ทันที มันแยกเขี้ยวคำรามลั่นป่า กุมภ์ยืนหน้าซีดตัวสั่น ร่างแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง ปากขยับราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเปล่งเสียงออกมาไม่ได้

                โหรเห็นท่าไม่ดี เพราะกุมภ์คงไม่อาจหลบหนีการโจมตีของไอ้บอดได้ ชายหน่มกัดฟันกรอด ดวงตาเพ่งมองผ่านลำปล้องที่ต้องปรับให้เป็นห้าสิบเมตรเช่น สี่เท้าใหญ่โตของมันฮ้อตะบึงไปยังจุดที่กุมภ์ยืนอยู่ เหลืออีกไม่ถึงสิบเมตร กรงเล็บคู่หน้าก็จะถึงร่างของกุมภ์แล้ว!

                ปัง!

                กระสุนนัดที่สองพุ่งออกจากกระบอกไรเฟิล ในระยะห่างห้าสิบเมตร ความคลาดเคลื่อนมีอยู่ไม่น้อย แล้วก็เป็นดังคาด กระสุนลงอาคมทำได้เพียงแค่ถากลำตัวมันไปเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะหยุดการโจมตีได้ในชั่วเวลาหนึ่ง

                กรร!

                โหรรีบปรับตั้งลำปล้อง เมื่อเห็นว่าไอ้บอดเอี้ยวตัวกลับมาทางตน ดวงตาข้างสีเทาของมันน่ากลัวกว่าเดิม แม้จะมองไม่เห็นแต่หากจ้องให้ดีจะเห็นความอาฆาตมาดร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น และข้างที่เป็นสีแดงก็วาวเรืองชวนขนพองสยองเกล้าเช่นกัน

                “กุมภ์! หนีไป” โหรตะโกนลั่น ซึ่งก็ไม่ได้ผลสักเท่าไรนัก กุมภ์ยังยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ลำแสงจากไฟฉายขนาด แปดท่อน สั่นไหวตามมือของผู้ถือ

                โหรจิ๊ปากด้วยขัดใจ ไอ้บอดชะงักอยู่กับที่เพียงชั่วประเดี๋ยว ราวกำลังลังเลว่าควรจะไปทางไหนดี แล้วมันก็ตัดสินใจวิ่งไปทางเดิม ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่กุมภ์ได้สติพอดี

                “ฉิบหายแล้ว” กุมภ์ร้องลั่น ถอยหลังไปสองก้าวแล้วหันหลังวิ่งแบบไม่คิดชีวิตทันที

                “เวรเอ๊ย!” โหรสบถ ก่อนจะร้องตะโกนบอกไอ้เด็กเมืองจอมดื้อ “วิ่งเป็นทางตรง อย่างซิกแซ็ก”

ไม่รู้ว่ากุมภ์ได้ยินหรือไม่ แต่ร่างโปร่งติดผอมนั่นวิ่งเป็นทางตรงจริงๆ ปากก็ร้องด้วยความหวาดกลัว โหรใช้โอกาสนั้นเองตั้งลำปล้องปืนใหม่ แม้ระยะจะห่างออกไปเรื่อยๆ ทว่าเป้าหมายยังไม่ได้เคลื่อนจากจุดเล็ง ชั่วจังหวะหนึ่งที่ปรับโฟกัสได้ โหรเหนี่ยวไกปืนเป็นครั้งที่สามและสี่ตามไปติด

                ปัง ปัง!

*ตอนแต่ง แต่งยากมากกกก ตอนอัพทำไมไวจัง ฮาาาาา*

**แต่งยากมากจริงๆ ค่ะ ในหัวมีภาพมากมายยากต่อการบรรยายมาก ถ้าจะงงๆ หน่อยก็อย่าว่ากันเน้อ**

***ตอนนี้ร่างปกออกมาแล้วบางส่วนนะคะ แต่ยังไม่สมบูรณ์ ไว้จะเอามาอวดนะคะ***

****เจอกันตอนหน้าจ้า****

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ลุ้นมากกกก

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
 :z3: กุมภ์กลับมาทำม้าย

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ่านทีต้องหยุดหายใจ อ่านทีละตัวทีละคำ ลุ้นมากๆ เหมือนดูละคร ดูหนังเลยอ่า แต่กุมเอ้ยกุมลูก กลับมาทำไม!!! เพิ่มความยุ่งยากและห่วงให้คนเขาอีกลูก เฮ้ออออออ

อยากมาให้ต่อแล้ว ค้างมากๆๆ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
มันส์จริงๆค่ะ  และจบตอนได้ค้างสุดๆ อารมณ์แบบยังลุ้นอยู่เลยย :ling1:

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
โอ๊ย ซื้อไม่ถูกแต่หวย!

ว่าแล้วนุ้งกุมภ์ต้องไม่ทิ้งพี่โหร    :sad5:


แอ๊คชั่นมันหยดพะยะค่ะ

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ยลุ้นทุกตอนจริงๆ o13

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สนุกมากค่ะ ตื่นเต้นตามเลย
นี่อ่านทุกตัวอักษรเพราะลุ้นไปกับพี่โหร
จัดการตาเวกให้ได้เถอะ คนใจร้ายแบบนี้

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
กุมภ์เด็กดื้อ รอดจากงานนี้ ให้โหรลงโทษอย่างหนักหน่วงเลยนะ
 :m16: :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด