ตอนที่ 12 วิญญาณอาฆาต
โหรเหลือบมองเด็กหนุ่มร่างโปร่ง วูบหนึ่งในอกรู้สึกเหมือนมีไฟดวงเล็กๆ ปะทุขึ้น แต่เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
“กูจะเอาพวกมึงไปให้หมด!”
เสียงปริศนาดังก้องถ้ำ จู่ๆ อากาศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว โหรพยายามสูดลมหายใจเข้าออกให้ยาวกว่าปกติ หลับตาภาวนาเรียกเจ้านิลให้ทำหน้าที่ พลางร้องบอกคนอื่นๆ ให้ถอยห่างออกไป
เจ้านิลเคลื่อนไหวรวดเร็วไม่ต่างจากสายลม เงาดำวูบวาบไปทางโน้นทีทางนี้ที แบบที่ตาเปล่าแทบไม่มองไม่เห็น ยิ่งในถ้ำที่มืดเช่นนี้
พลั่ก!
พันนารีบหันกระบอกไฟฉายไปทางต้นเสียง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ฝุ่นผงเล็กๆ กระจายคลุ้ง เสียงควบห้อคลายฝีเท้าของสัตว์สี่เท้าดังไปทั่วบริเวณ หาทิศทางที่แน่ชัดไม่ได้ พวกเขาสามคนถอยห่างออกมาตามที่โหรบอก คงเหลือแต่โหรเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางวงล้อมของฝุ่นผงที่ตอนนี้กำลังจับกลุ่มเป็นวงกลม จ้าวจอมพยายามจะเข้าไปช่วยโหร แต่เขาคว้าตัวไว้ สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างอันตรายโดยเฉพาะกับคนที่ไร้วิชาคาถาอาคมอย่างพวกเขา
“ปล่อยสิวะ! พี่โหรอยู่คนเดียวไม่เห็นหรือไง” จ้าวจอมดิ้น แต่พันนาจับหัวไหล่เล็กเอาไว้แน่น สายไฟจากไฟฉายตวัดไปมา
“เข้าไปก็ช่วยไม่ได้หรอก แล้วพี่โหรของนายก็ไม่ได้สู้อยู่คนเดียว” พันนาบอก เพ่งตามองฝ่าเศษผงไปยังร่างหนึ่งที่เห็นมาได้สักพักแล้ว
ควายตัวนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ตัวมันใหญ่เขื่อง ใหญ่กว่าที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต กีบเท้าควบห้อตะบึง เขายาวมันวับเช่นเดียวกับขนของมัน เขายาวเกี่ยวเอาร่างของซากศพเดินได้พวกนั้นตวัดไปมาในอากาศ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบและดึงทึ้งจนอวัยวะฉีกขาด เป็นภาพที่น่ากลัวพอๆ กับสะอิดสะเอียน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันที่ทำให้เขาเห็นภาพพวกนั้น รวมไปถึงอดีตชาติของรชตและพิกุลด้วย
เป็นจริงอย่างที่พระท่านบอก รชตกับผีสาวตนนั้นมีกรรมเวรร่วมกัน
ร่างโปร่งแสงลอยในอากาศ ชายผ้าสกปรกฉวัดเฉวียนเหนือศีรษะของโหรอย่างท้าทาย เสียงแหลมสูงหวีดร้องก้องถ้ำ จนต้องยกมือขึ้นอุดหู เสียงโหยหวนเจือความเจ็บปวดจนรู้สึกได้ โหรไม่ได้ยี่หระต่อการรบกวนของหล่อน ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าอยู่กลางฝุ่นผงที่ก่อตัวกลายเป็นพายุหมุน ดวงตาคู่คมปิดสนิท ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อย มือทั้งสองประนมอยู่ที่อก สติตั้งมั่นอยู่กับบทสวด
มิใช่การทำร้าย หากแต่เป็นคำสอน
บทสวดกรณียเมตตสูตร พระคาถาแห่งการให้อภัยและอโหสิกรรม
“กูไม่ให้อภัยมัน! มันฆ่ากูตาย” เสียงของผีพิกุลดังเข้ามาในความคิด
ดวงวิญญาณของพิกุลผูกอาฆาตนัก จะต้องตายตกไปตามกันเท่านั้นเจ้าหล่อนถึงจะพึงพอใจ แต่นั่นคือการเพิ่มกรรมให้กับตัวหล่อนเอง แทนที่จะชดใช้กรรมเท่าที่เคยก่อสมัยเมื่อครั้งยังมีชีวิต เจ้าหล่อนต้องชดใช้กรรมที่ฆ่ามนุษย์เพิ่มขึ้นอีก
“มึงไม่ต้องมาสวด! กูไม่ฟัง”
โหรไม่ตอบโต้ ยังคงสวดมนต์บทกรณียเมตตสูตรต่อไป แม้จะไม่ได้ได้ขยับริมฝีปากมากนัก แต่น้ำเสียงที่ออกมากลับก้องกังวาน จนสามารถกลับเสียงหวีดร้องของผีพิกุลได้
“เสียงสวดมนต์นี่นา”
กุมภ์พูดขึ้น ยกมือขึ้นป้องเพ่งมองผ่านลำแสงจากกระบอกไฟฉายแปดท่อนของพันนา ร่างสูงใหญ่ของโหรยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางสงบนิ่งราวกับรูปปั้น การเคลื่อนไหววูบวาบจากเงาดำของสิ่งมีชีวิตคล้ายกับสัตว์สี่เท้ายังไม่หยุดนิ่งเช่นเดียวกับผีสาวพิกุลที่แผดเสียงกรีดร้องไม่หยุด
“คุณโหรกำลังสวดบทกรณียเมตตสูตร”
“หมายความว่ายังไงวะไอ้กุมภ์”
จ้าวจอมหันมองหนุ่มเมืองกรุงผู้ไร้ซึ่งความรู้ ก่อนจะเป็นคนตอบคำถามแทน “บทสวดมนต์ที่สอนให้รู้ว่าการเมตตาน่ะสิ”
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ
ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
กิจที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำก็คือ เป็นคนกล้า, เป็นคนซื่อ, เป็นคนตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่เย่อหยิ่ง
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
สันตินท์ริโย จะ นิปะโก จะ
อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
เป็นผู้สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีภาระกิจน้อย, คล่องตัว, ระมัดระวังการแสดงออก, รู้ตัว, ไม่คะนอง, ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ
เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้, พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา
มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์มีลำตัวยาว หรือลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้ว หรือกำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
พะยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา
นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ไม่ควรมุ่งร้ายต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคือง โกรธแค้นกัน
มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง
อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ
มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิตฉันนั้น
เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง
มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา
สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา
ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ
ท่านผู้เจริญเมตตาจิต ที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้
โหรยังคงพนมมือยืนสวดมนต์ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน เจ้านิลทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เจ้าควายตัวสีดำสนิทขนสั้นเหี้ยนเป็นเงาปลาบ กีบเท้าทั้งสี่วิ่งห้อตะบึงพร้อมกับตวัดเขาแหลมคมโค้งงอราวกับดาบไปมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผีพิกุลเข้ามาทำร้ายผู้เป็นนาย ความเร็วของมันผิดกับรูปร่างยิ่งนัก หลายครั้งที่พิกุลพลาดท่าถูกปลายเขาแหลมทิ่มแทงไปในร่าง ถึงแม้จะไม่มีกายเนื้อ ทว่าเจ้านิลคือควายธนูที่ปลูกเสกด้วยอาคมชั้นสูงซึ่งพระอาจารย์ท่านมอบให้ก่อนที่จะละสังขาร ฤทธิ์เดชของมันสามารถทำร้ายภูตผีปิศาจได้ เสียงหวีดร้องที่ได้ยินคือความเจ็บปวดที่ผีพิกุลได้รับ
“มึงช่วยมันทำไม! มันเป็นเรื่องของมันกับกู” ผีพิกุลแผดเสียงลั่น ก่อนจะกรีดเสียงร้องโหยหวยเพราะถูกเจ้านิลวิ่งเข้าใส่ ร่างโปร่งแสงกระเด็นไปไกล ดวงตาไร้แววจ้องมาที่โหรอย่างเจ็บแค้น “มันฆ่ากู! มันทำให้กูต้องตาย!”
โหรลืมตาขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ผีพิกุลลอยขึ้นในอากาศพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุนเพื่อหมายจะทำร้าย แต่ก็ยังช้าไปกว่าเจ้านิล เขาแหลมตวัดใส่ร่างของผีพิกุลลอยหวือไปไกล
“นิลพอก่อน” เจ้านิลหยุดนิ่งตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่เท้าคู่หลังยังตะกุยดินเตรียมพร้อม ลมแรงสงบลงพร้อมกับพลังอำนาจของผีพิกุล “พิกุล พอเถอะ ฉันไม่อยากทำให้เธอเจ็บไปมากกว่านี้”
กายเนื้อของพิกุลเริ่มชัดเจนไม่ได้โปร่งแสงเช่นเดิม ร่องรอยความบาดเจ็บปรากฏให้เห็น ผิวกายขาวซีดเต็มไปด้วยบาดแผล ถึงจะไม่มีเลือดแต่ก็มองออกว่าผีพิกุลกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส
“กูเกลียดมัน! กูโกรธมัน! กูจะฆ่ามัน!” ผีพิกุลตะเบ็งเสียงลั่น แม้ว่าร่างจะหมอบติดกับพื้นผิวถ้ำ แสงจากระบอกไฟฉายของพันนาทำให้เห็นชัดว่าหล่อนไม่ต่างจากผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ใกล้จะจากโลกนี้ไปเต็มที ใบหน้าผงกยกขึ้น ขณะที่มือแนบอยู่กับพื้นถ้ำ
“ตลอดเวลาสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เธอมีความสุขหรือเปล่า” โหรถาม ก้าวเท้าเข้าใกล้ร่างของผีสาว เจ้านิลตามผู้เป็นนายไม่ห่าง เสียงฟึดฟาดของลมหายใจดังเป็นระยะ “เพียงแค่เธอละสิ่งนั้น ดวงวิญญาณของเธอก็จะสงบ”
“กูไม่ยอม!” ผีพิกุลส่ายหน้า ดวงตาที่กลับมาเป็นดวงตาของมนุษย์สั่นไหว “กูโกรธ กูเจ็บปวด กูทรมาน พวกมึงไม่รู้หรอกว่าตอนที่จมน้ำกูทรมานแค่ไหน”
หยดน้ำไหลจากขอบตาของผีสาว ความทุกข์ทรมานถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าเจ็บปวดของหล่อน
“ทำไมเธอถึงปล่อยให้ความอาฆาตแค้นลบเลือนความดีไปได้ล่ะ” โหรถาม ร่างสูงย่อลงจนอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ได้นึกกลัวดวงวิญญาณอาฆาตดวงนี้ แต่กลับรู้สึกสงสารเสียมากกว่า “เธอไม่ใช่คนเลวโดยสันดานนะพิกุล”
โหรย้ำเตือน เรื่องราวในอดีตของผีสาวตนนี้หลั่งไหลเข้ามาห้วงมโนจิต
“กูทรมาน! แต่มันกลับไม่เคยคิดถึงกูเลย มันทิ้งศพกูไว้เหมือนหมูเหมือนหมา!” ผีพิกุลตะคอก ดวงตาแดงก่ำด้วยอาฆาตยิ่ง “กูไม่ยอมไปเกิด เพื่อรอแก้แค้นมัน!”
ความทุกข์ทรมานบวกกับความเคียดแค้นก่อให้เกิดเป็นความอาฆาต ยอมเป็นวิญญาณเร่ร่อนเที่ยวหลอกผู้คนในคุ้งน้ำ ตามหาชบาเพื่อแก้แค้น แต่ในภพชาติก่อน ดวงชะตาของชบาแข็งแกร่งยิ่งนัก ซ้ำยังมีของดีติดตัวเพื่อป้องกันกาย พิกุลเลยไม่อาจแก้แค้นให้สมใจได้ในชาติที่แล้ว ทว่าดวงจิตอาฆาตพยาบาทมันข้ามชาติได้
พิกุลกลายเป็นวิญญาณร้ายที่ไม่ได้อาศัยอยู่แค่ในคุ้งน้ำแล้ว หล่อนเฝ้าดูชบาในลมหายใจสุดท้าย และเฝ้าติดตามจนกลายเป็นเจ้ากรรมนายเวร รู้ว่าชบาได้กลับชาติมาเกิดเป็นบุตรชายของผู้มั่งมีคนหนึ่งชื่อว่ารชต นิสัยติดตัวเมื่อครั้งยังเป็นชบาไม่มีแล้ว กลายเป็นเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยก่อกรรมกับใครในชาตินี้โดยไม่รู้เลยว่าเมื่อชาติที่แล้วเคยฆ่าคนตาย
พิกุลเฝ้ามองการเติบโตของเด็กหนุ่มรชตอย่างใจเย็น พร้อมทั้งคอยหลบซ่อนพ่อมดหมอผีที่จ้องจะจับดวงวิญญาณของตนไปเป็นบริวาร จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่กำลังเฝ้ารอโอกาสอยู่ในคุ้งน้ำที่เคยเสียชีวิต ชายชราผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ยื่นข้อเสนอให้
‘มาอยู่กับกู กูจะช่วยมึงแก้แค้น’
ชายชราผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากแต่เป็นผู้มากคาถาอาคม ดวงวิญญาณหลายดวงที่เร่ร่อนไร้ที่อยู่และยังไม่ถึงเวลาไปเกิดถูกเรียกมาเป็นผู้รับใช้ แม้แต่มนุษย์ที่ยังไม่ถึงฆาตก็ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดกลายเป็นทาสของชายชราผู้นั้นอย่างจำยอม เช่นเดียวกับพิกุล เพราะลังเลกับข้อเสมอเลยทำให้ถูกบ่วงอาคมรัดคอบีบบังคับให้กลายเป็นทาส หากปฏิเสธคำสั่ง บ่วงอาคมจะรัดคอ ไม่เจ็บปวดทรมานเสียยิ่งกว่าตอนจมน้ำตายเสียอีก
ความแค้นที่มีต่อตัวชบาในอดีตชาติยิ่งทบทวี กล่าวโทษชบาว่าถ้าหากไม่ทำให้ตนกลายเป็นผีเร่ร่อนคงไม่ต้องมาเป็นทาสของพรานเวกผู้นี้!
ดังนั้นทาสเดียวที่จะดับเพลิงแค้นในใจนี้ได้คือการฆ่า! ต้องฆ่าให้ตายตกไปตามกันเท่านั้นถึงจะสาสมใจ!
ความคับแค้นยิ่งมากเท่าไร บาปก็หนักหนามากขึ้นเท่านั้น
“ถ้าฆ่ารชตแล้วจะหายทรมานเหรอ” โหรถาม นึกเวทนาในความแค้นของผีสาวตนนี้นัก “เธอคิดเหรอว่าตาเวกจะปล่อยเธอไปหลังจากฆ่ารชตแล้ว”
ผีพิกุลไม่ตอบ แววตาแห้งกระด้างกระตุกไหว เค้าโครงความงามของผีสาวชัดขึ้นเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ แต่ก็ซีดเซียวเหมือนไร้เลือดเนื้อ
“เธออยากจะเป็นวิญญาณทาสไปตลอดหรืออยากจะกลับไปเกิดเฉกเช่นดวงวิญญาณอื่น เชื่อฉันเถอะแค่เธอรู้จักให้อภัย ทุกข์ของเธอก็เบาบางลง”
“ไม่!” พิกุลตวาดลั่น ตัวสั่นระริก ปลายเล็บสกปรกจกลงกับพื้นถ้ำ เส้นเลือดสีเขียวปูนขึ้น ผิวขาวซีดยิ่งทำให้ดูน่ากลัว “กูจะเอาไปมันอยู่กับกู!”
สิ้นคำผีพิกุลในร่างมนุษย์ก็กระโจนหมายจะคร่าชีวิตของโหร ทว่ายังช้าเกินไป เขาแหลมของเจ้านิลตวัดใส่ร่างนั้นเต็มแรงจนลอยหวือไปกระแทกกับผนังถ้ำ
พันนาหันทิศทางของกระบอกไฟฉายได้ทันท่วงทีตามสัญชาตญาณของช่างภาพสมัครเล่น เด็กหนุ่มทั้งสามมองภาพเหตุการณ์ด้วยใจเต้นระทึกแม้จะไม่มีใครเห็นควายธนูตัวใหญ่นอกจากพันนาก็ตาม
ผีพิกุลกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดสีดำเหม็นคาวเหมือนปลาเน่าไหลออกจากปาก มือกุมท้องที่มีเลือดคล้ำไหลออกมา แผลจากเขาควายเหวอะหวะน่าเกลียด หากเป็นมนุษย์ปกติคงสิ้นใจตายไปแล้ว ฤทธิ์เดชที่เคยมีลดน้อยลงไปมาก แม้แต่แรงพยุงกายให้ลุกขึ้นหรือจำแลงกลับไปเป็นดวงวิญญาณที่เหาะเหินเดินอากาศยังทำไม่ได้
(มีต่อ)