#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ : Epilogue: อาทิตย์สุดท้าย (08/05/19)  (อ่าน 71235 ครั้ง)

ออฟไลน์ fida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้องนิ้งงงง น่ารัก
อยากให้อยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้
แต่ก็ติดปัญหาอยู่ที่แม่ของเด็ก
โน๊ตจะจัดการปัญหานี้ยังไง
ชอบคุณกฤติมากๆ ค่ะ ส่วนนังโน๊ต เฮอะ  :m20:

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดดดดดดด คุณโน๊ตทำเขินมากกก น้องนิ้งน่ารักมากกก น่าเอ็นดูจังลูกเอ้ย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทันแล้วๆ...ชอบๆความมั่นของพี่โน้ต ความนิ่งของคุณกฤติ และความแบ๊วของน้องนิ้ง...รอติดตามอยู่นะคะ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
10th Sunday
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์

 





หากถามถึงเอ้าท์ติ้งที่ผ่านมา กฤติจะตอบว่ามีแต่เรื่องไร้สาระ



 

เรื่องแรกคือมีคนต่อยกัน คู่กรณีคือลูกน้องในแผนกเขา กับหัวหน้าของอีกแผนก โดยที่กฤติต้องเป็นกรรมการแยกมวย นอกจากนั้น กฤติยังค้นพบว่าลูกสาวของไอ้คนที่ไปต่อยชาวบ้านนั้นน่ารักกว่าตัวพ่อ และได้สนิทกันอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ค่อนข้างมีสาระหากตัดนายนรินทร์ที่พยายามจะคุยกับเขาและน้องนิ้งออกไป





ส่วนเรื่องที่ไร้สาระที่สุดน่ะหรือ?



คนที่มาวอแวเขาอยู่ตรงนี้ไงล่ะ!





ตั้งแต่กลับจากการไปเอ้าท์ติ้งมานั้น นรินทร์ก็ทำตัวติดกับเขาจนบางครั้งกฤติรู้สึกว่าตัวเองมีเงาเป็นคนคอยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนลายเห่ยๆ ให้ แถมยังวุ่นวายวอแวเรื่องจะแพ้ชนะอะไรนั่นจนบางครั้งกฤติก็อยากจะยอมๆ มันไปจะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที แต่เคยลองแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาค้นพบว่าเปลืองตัวมากจนรู้สึกว่าไม่คุ้มเสีย





อีกประเด็นนั้น หนีไม่พ้นแผนก HR





การประลองฝีมือของหมาบ้าทั้งสองคนนั้น HR รู้เรื่องและเรียกไปตักเตือนกันทั้งคู่ โดยมีกฤติไปนั่งเป็นพยานในฐานะหัวหน้าในช่วงของการตักเตือนนรินทร์ โชคดีที่เป็นเพียงความผิดครั้งแรก ทั้งคู่เลยได้รับเพียงแค่ การตักเตือนทางวาจา (Verbal Warning) เท่านั้น





แน่นอนว่าคนที่ชงเรื่องไปทาง HR ก็คือกฤติ ชายหนุ่มผู้เถรตรงดั่งไม้บรรทัด ไม่สนใจว่าคนที่ผิดจะเป็นลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงานตำแหน่งใหญ่ สำหรับกฤตินั้น ทุกเรื่องว่าไปตามเนื้อผ้าทั้งสิ้น





อีกอย่าง กับนรินทร์เขาก็ทำแผลให้แล้ว จะให้ช่วยปกปิดความผิดอีกงั้นหรือ? เขาไม่ด่าซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว





ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงแล้วหัวหน้าแผนกก็ไม่ได้เด็ดเดี่ยวมากอย่างที่ตัวเองเข้าใจ แค่เพียงนรินทร์ทำหน้าหงอยตอนที่โดนตักเตือน ซึ่งคล้ายกับสิงโตที่โดนขังอยู่ในถ้ำเป็นเดือนๆแล้วนั้น ชายหนุ่มก็ใจอ่อนอีกเช่นเคย





แต่ เรื่องดีก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น หลังจากที่โดน HR ตักเตือนไปนั้น ตัวภูภูมิเองก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับกฤติและนรินทร์อีก มีเพียงแค่ชื่อที่คนในแผนกคุยกันเท่านั้น





บางทีเหตุผลหลักอาจจะไม่ใช่เรื่อง HR แต่เพราะแผนกการตลาดเข้าสู่ช่วงที่งานหล่นทับ เพียงแค่งานของแผนกตัวเองนั้นชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไรกันแน่





แต่แบบนี้ก็ดี กฤติจะได้ไม่ต้องตอบคำถามนรินทร์เรื่องของผู้ชายคนนั้นอีก





ช่วงชีวิตที่นายนรินทร์คอยวุ่นวายนั้น เขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น ชายผู้เหมือนสิงโตคนนั้นคอยแต่จะลากเขาไปไหนมาไหนอยู่เสมอ ซึ่งวันนี้เองก็เช่นเดียวกัน วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้ก้นติดเก้าอี้ออฟฟิศ หลังจากต้องคอยวิ่งวุ่นตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งจะมีวันนี้ที่กฤติได้หายใจอยู่ในออฟฟิศบ้าง





ช่วงเวลาพลบค่ำในออฟฟิศที่แทบจะร้างคนยังคงเป็นสถานที่โปรดของกฤติเหมือนดั่งเคย ความเงียบทำให้มีสมาธิในการทำงานมากกว่าปกติ เพราะคนส่วนใหญ่แทบจะเด้งตัวไปสแกนนิ้วออกทันทีที่หมดเวลางาน





แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้รวมนายนรินทร์เข้าไปด้วย





คุณพ่อลูกหนึ่งที่วันนี้ไร้ภาระเนื่องจากลูกสาวอยู่บ้านคุณยาย จึงว่างมากพอที่จะมานั่งเสนอหน้ากวนประสาทเจ้านายของตัวเองอยู่แบบนี้





“เล่นเกมกัน”

“ไม่ครับ”

“ทำงานมากๆ หน้าแก่นะคุณ”

“ไม่ครับ”

“ไปกับผมนะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”

“ผมรวยครับ”





กฤติพูดหน้านิ่งๆ เมินนรินทร์ที่พยายามจะทำลายสมาธิของเขาด้วยความไร้สาระอย่างที่คอยทำเป็นประจำ





เมื่อหัวหน้าหนุ่มเหลือบตาไปเห็น นรินทร์เดินเข้ามาด้วยใบหน้ากวนประสาทของเจ้าตัว  กฤติรู้วินาทีนั้นเลยว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องงานแน่ หากแต่จิตสำนึกข้างในของความเป็นหัวหน้า ยังคงหักห้ามไม่ให้เขาปิดประตูใส่พนักงานในปกครองอยู่ ถึงแม้จะรู้ว่านรินทร์ไร้ประโยชน์กับชีวิตก็ตาม





“ผมก็รวยนะคุณ เล่นหุ้นตั้งแต่อนุบาลสาม ฝากประจำตั้งแต่ปอหก”

“เรื่องของคุณครับ”

“ตอนนี้ไปฝากท้องด้วยกันเถอะนะ”

“ปัญญาอ่อนครับ”





 ทั้งที่กฤติว่าไปแบบนั้น แต่นรินทร์ก็ยังคงเป็นนรินทร์อยู่วันยังค่ำ คุณพ่อลูกหนึ่งยิ้มรับ อีกทั้งยังคงนั่งเท้าคางมองหัวหน้าของตัวเองเหมือนเดิม ท่าทางที่พยายามจะทำงานหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่หูแดงไปหมดของกฤตินั้นไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่เบื่อเสียจริง   





“ปัญญาอ่อนแต่น่ารักนะครับ”

“ใครเอาความคิดนี้มาใส่ในหัวคุณครับ?”

กฤติถามอีกคนกลับไปทันที ชายหนุ่มละสายตาจากจอตรงหน้า แล้วเบิกตามองนรินทร์ที่ยังนั่งเท้าคางยิ้มเหมือนเมากาวอยู่แทน

“คุณโดนหลอกแล้วล่ะ”

“มาเล่นเกมกันดีกว่า ถ้าผมชนะ คุณไปเดตกับผมนะ”





นรินทร์เมินคำพูดสุดท้ายของหัวหน้า ชายหนุ่ม เปลี่ยนเป็นประเด็นเด็กน้อยจนไม่รู้ว่าระหว่างน้องนิ้งกับนรินทร์ ใครอายุมากกว่ากันแน่





“ไม่เล่นครับ”

“อันนี้นะครับ ผมเพิ่งโหลดมาเล่นกับลูก เรามาลองดูกัน”





ฟังคนอื่นเขาบ้างไหม?





กฤติได้แต่คิดในใจเมื่อถลึงตาใส่คนที่เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเล่นเกมไม่ได้ผล อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ นรินทร์ไม่เคยเกรงกลัวเขาเลยสักนิด จนบางทีกฤติเองก็อยากจะสะกิดบอกคุณพ่อที่โตแต่ตัวว่าเขาเป็นหัวหน้านะ ถึงแม้ว่าการทำแบบนั้นจะมีแนวโน้มสูงที่จะโดนโน้ตกวนประสาทกลับก็ตาม





“คุณนี่ชอบเล่นนะ ทุกวันนี้ยังเล่นไม่พออีกเหรอครับ?”





ชายหนุ่มที่ไม่ได้มีความอยากเล่นอะไรทั้งนั้นพูดหน้าตาย แน่นอนว่านรินทร์ทำหูทวนลม คุณพ่อลูกหนึ่งเปิดเกมสีสันสดใสในโทรศัพท์ขึ้นมา





กฤติละสายตาจากงานตรงหน้า มาเป็นนรินทร์ที่นั่งมองโทรศัพท์ยิ้มๆ ความคิดประหลาดอย่าง ‘ผู้ชายคนนี้โตแต่ตัวหรือไง?’ ลอยเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้นรินทร์กับเกมเด็กน้อยจะดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ประหลาดเท่าไหร่นัก





เกมที่เจ้าตัวเล่นอยู่คือเกมวิ่งของเด็กที่มีตัวการ์ตูนขาสั้นสีเหลืองวิ่งผ่านด่านต่างๆ โดยมีผู้เล่นเป็นคนบังคับ กฤติคิดว่ามันคงจะเป็นที่ชื่นชอบพอตัว แม้แต่คนที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้อย่างเขายังเคยเห็นผ่านตามาบ้าง





“ผมจะจีบคุณนะ”

“ฮะ?”





คำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยกระชากกฤติให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจนัก อยากจะลองหยิกตัวเองเหมือนพวกนางเอกละครสมัยก่อน แต่นรินทร์ที่ก้มหน้าอยู่กับเกมในโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เสียก่อน





“ผมบอกจะจีบไงคุณ”





มันเป็นรอยยิ้มที่กวนประสาท ไร้สาระ แล้วก็ไม่น่าคุยด้วยมากที่สุด



กฤติเม้มปาก พยายามบังคับไม่ให้สมองกรอเทปประโยคเมื่อครู่วนไปวนมา เป็นเวลาหลายวินาทีกว่าเขาจะพูดตอบอีกคนกลับไปได้





“ถ้าป่วยก็ไปกด sick leave ในระบบนะครับ อย่าลืมแนบใบรับรองแพทย์มาด้วย”



ไม่ใช่มาทำให้คนอื่นหัวใจเต้นผิดจังหวะไปด้วยแบบนี้



“คุณไม่เคยป่วยอยู่บ้านเหรอ?”





โน้ตพูดตอบกลับมา คนตัวโตสบถเมื่อตายทั้งที่แทบจะไม่ได้ทำอะไร กฤติพยายามไม่กลอกตาเมื่อคนที่จะมาท้าแข่งเกมนี้กับเขาวิ่งไปได้ไม่กี่วินาทีก็ชนโน่นชนนี่จนแพ้ไปเกือบสิบครั้งในเวลาไม่กี่นาที





“เคยครับ”

กฤติพูดต่อ ไม่สนใจคนที่สบถด่าที่มีใจความว่า ‘ยากแบบนี้ทำมาให้พ่อมึงเล่นเหรอ เกินไปป้ะวะ ใครจะเล่นได้’ กับเกมที่เด็กประถมเล่น

“แต่ผมจะดูใบรับรองแพทย์คุณ ไม่มีให้ผมเหรอครับ?”

“ไม่มีใบรับรองแพทย์ มีแต่ทะเบียนสมรส”

“...”

“ต้องไปจดทะเบียนที่เขตกับผมแล้วแหละ”





คุณพ่อลูกหนึ่งเงยหน้าไปยักคิ้วให้อีกคน เขาปล่อยให้ตัวละครในเกมวิ่งไปตายอย่างไม่สนใจ วินาทีนี้สิ่งเดียวที่เขาอยากจะใส่ใจคือคนตรงหน้า อันที่จริง ต้องพูดว่าอยากจะกวนประสาทถึงจะถูก





 ความตั้งใจทำให้อีกคนหงุดหงิดนั้นได้ผล กฤติพยายามเก็บคำหยาบคายที่จะใช้ด่าอีกคนเอาไว้ในใจ เหลือเพียงแค่เสียงนิ่งๆ ที่พูดตอบกลับไปธรรมดาเหมือนเคย





“เอาใบมรณะบัตรด้วยเลยมั้ยครับ?”

“ไม่ใจร้ายสิคุณ… ฉิบหาย! ตายอีกแล้ว”





นรินทร์ที่เล่นเกมได้ได้ไม่เกินนาทีสะดุดอุปสรรคตายเหมือนกับที่เป็นมาแล้วสิบกว่ารอบ  คุณพ่อลูกหนึ่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ตอนที่น้องนิ้งเล่นเกมนี้มันดูง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่พอเป็นเขาทำไมมันยากเหมือนตัดต้นกล้วยด้วยมือเปล่าขนาดนี้กันเล่า





พูดถึงน้องนิ้ง  เดี๋ยวสัปดาห์หน้าลูกสาวของเขาต้องไปนอนบ้านของแฟนใหม่เนตร ซึ่งนี่อาจจะเป็นเวลาที่ชายหนุ่มจะหาข้ออ้างไปฝากตัวเองไว้ที่ห้องของหัวหน้าเหมือนปกติเวลาที่บ้านไม่น่าอยู่อาศัยมากนัก





“นี่คุณเอาเกมที่ตัวเองแพ้มาท้าแข่งผมเหรอ?”

 



กฤติถามด้วยน้ำเสียงนิ่งที่แฝงความขบขันเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรนั้นกลับไม่เหมือนเดิม คนหน้านิ่งนั้นไม่ทันได้รู้ตัวว่าตอนนี้เขามีรอยยิ้มเล็กๆ อยู่ที่มุมปาก





“ไม่อ่ะ อันที่จริงผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย”





ตอนที่กฤติกำลังจะอ้าปากจิกกัดอีกคนทางวาจาอย่างที่ทำเป็นประจำ นรินทร์ดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน





“ผมแค่หาเกมโง่ๆ เพราะว่าอยากพาคุณไปที่ๆ ผมชอบด้วยกันเฉยๆ”





คล้ายกับเวลาหยุดนิ่งไปเสี้ยววินาที กฤติกะพริบตาอย่างไม่แน่ใจ เขาอยากจะคิดว่านรินทร์แค่พูดไปอย่างนั้นเหมือนที่เคยเป็น แต่น้ำเสียงเศร้าสร้อยคล้ายผิดหวังทำให้เขาไม่สามารถพูดตอบออกไปได้อย่างที่ใจคิด





กฤติมองดูอีกคนที่ทำหน้าหงอยผสมหงุดหงิดแล้วถอนหายใจ หัวหน้าแผนกเซลล์ดูนาฬิกา เมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ดึกมากเท่าไหร่ก็เดินไปเก็บกระเป๋า พลางพูดลอยๆ แต่อีกคน





“ผมเล่นเกมไม่เก่ง ยังไงก็ไม่ชนะหรอก จะพาไปไหนก็รีบไปเลยครับ ผมจะกลับไปทำงานต่อ”





ยอมนิดนึงก็ได้ เขาแค่ไม่อยากให้มีคนร้องไห้หรอกนะ






------- Sunday In Bed -------




ต่อข้างล่างนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2019 00:09:55 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
ต่อจ้า

------- Sunday In Bed -------


ไม่น่ายอมมันเลยจริงๆ





กฤติคิดกับตัวเองเมื่อนรินทร์พาเขานั่งรถขับมาในถนนเส้นที่รถติดขนาดที่พูดชื่อไปใครๆ ก็เบ้หน้า มันทำให้กฤติหงุดหงิดกับการเสียเวลาโดยใช่เหตุ เขาควรที่จะนั่งทำงานหรือไม่ก็นอนอยู่บนเตียง ไม่ใช่มานั่งติดแห่งกอยู่บนถนนไม่ใช่หรือไงกัน?





คิดไปแบบนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์ ท้ายที่สุดแล้ว กฤติก็ต้องเป็นตุ๊กตาหน้ารถอีกคนมาจนถึงที่หมาย คนที่ใช้เวลาเกือบทั้งหมดบนรถก้มลงตอบอีเมลในโทรศัพท์มือถือเลิกคิ้วสงสัยทันทีเมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย พวกเขามาจอดรถกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง





สงสัยคงแค่พามาเดินเล่น แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจะขับรถมาตั้งไกลทำไม ในบริเวณถนนเส้นออฟฟิศพวกเขา มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ตั้งสองแห่ง





หัวหน้าหนุ่มเก็บความสงสัยไว้กับตัวเอง เขายอมลงรถแล้วเดินตามอีกคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินออกมานอกอาคาร แต่คุณพ่อลูกหนึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินแต่อย่างใด จนกฤติกำลังจะเอ่ยปากถาม ป้ายใหญ่โตข้างหน้าทางเข้าซอยขนาดใหญ่ที่เริ่มมีคนพลุกพล่านให้เห็นก็เตะตาเข้าเสียก่อน





‘ตลาดนัดรถไฟ’





ตอนนี้หัวหน้าแผนกเซลล์เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้พลุกพล่านและจอแจ สถานที่แห่งนี้คือตลาดนัดกลางคืนชื่อดังที่เขาเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยได้มีโอกาสมาเลยสักครั้ง





ซึ่งกฤติก็ไม่แปลกใจว่าทำไม





สีสันของแสงไฟและเสียงเพลงจากร้านรวงต่างๆ ทำให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา นักท่องเที่ยวเดินกันวุ่นวายไปหมดทั้งที่เป็นคืนวันธรรมดาที่ร้านรวงต่างๆ ไม่ได้เปิดครบถ้วน กฤติไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเป็นวันสุดสัปดาห์ที่ทุกร้านพร้อมรับแขกนั้น คนจะมหาศาลขนาดไหน





ตลาดแห่งนี้เหมือนกับตลาดทั่วๆ ไป มีการแบ่งโซนเป็นซอยที่มีร้านขายของตั้งกันอยู่มากมายหลายสิบร้าน ช่วงซอยแรกๆ จะเป็นร้านที่ขายอาหาร ซอยหลังๆ จะเป็นเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ซึ่งตอนที่พวกเขามาถึงนั้น เขาจอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าข้างๆ แล้วเดินมากัน โดยที่คุณพ่อลูกหนึ่งโดนฟาดหลังไปทีเมื่อกฤติเห็นว่าที่ตลาดก็มีลานจอดรถ





ข้ออ้าง ‘ผมอยากเดินกับคุณนานๆ’ มันใช้ได้ที่ไหนกัน





และเมื่อถามว่าทำไมถถึงได้พามาที่นี่ อีกคนส่งยิ้มแห้งๆ แล้วพูดกับเขา





“ผมไม่รู้ว่าจะพาไปไหน เลยพาคนที่ชอบ มาที่ๆ ผมชอบ”





สิ้นคิด!





กฤติพูดกับตัวเองโดยพยายามสุดความสามารถไม่ให้เปลี่ยนสีหน้าเพราะท่าทางที่ดูไม่มั่นใจนั่น มองไปมองมานรินทร์เหมือนสิงโตตัวผู้ ที่ดูเหมือนกับว่าจะเป็นเจ้าป่าที่น่าเกรงขาม แต่แท้จริงแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งไล่งับหางตัวเอง





“คุณเคยมาตลาดรถไฟหรือเปล่า?”





นรินทร์ถามอีกคนขึ้นมา ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังเดินดูของอย่างไม่รีบร้อน นรินทร์มีความสุขกับการมองคนข้างๆ ทำหน้าเหมือนเบื่อโลก แต่เมื่อเห็นของน่าสนใจ ก็จะเหลือบสายตาไปมองอย่างมีมาด





ทั้งที่อยากจะเดินเข้าไปดูแท้ๆ แต่กลับทำตัวนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น





“ไม่ครับ”

“งั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกของคุณใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ”

“ผมเป็นรักแรกของคุณด้วยใช่มั้ย?”





กฤติมองอีกคนด้วยสีหน้าเหมือนกับที่มองขยะมูลฝอย ซึ่งนรินทร์ที่ไม่เคยสะทกสะท้านอะไรก็ยิ้มรับหน้าบาน พลางเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องเอง





“คุณหิวหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ”

กฤติตอบ ตามปกติแล้วเขาไม่ใช่คนทานเยอะ ยิ่งมื้อเย็นด้วยแล้ว แทบจะนับวันที่กินได้เลย บางทีก็ทำงานเสียจนไม่ได้สนใจอาหารด้วยซ้ำ

“แต่ผมหิว เราไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวนั่งกันเถอะ”





กฤติกลอกตาอย่างไม่รักษาอาการ ถ้าตัวเองหิวแล้วจะมาถามเขาเพื่อ!





เดินไม่เท่าไหร่ นรินทร์ก็พาหัวหน้าแผนกเข้ามานั่งในร้านอาหารธรรมดาแต่คนเยอะเหมือนกับว่าแจกฟรี จนกฤติแอบนึกในใจว่ามันคงจะอร่อยมาก หรือไม่ทุกคนที่เดินอยู่ตรงนี้ก็คงจะหิวมากจนต้องแย่งกันเข้าร้านอาหารอะไรก็ได้สักร้านหนึ่ง





มันออกจะเป็นภาพที่ประหลาดเล็กน้อย ร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยภาพสไตล์วินเทจ กับอากาศอบอ้าว และคนที่เดินพลุกพล่านอยู่ด้านนอกร้านนั้น ช่างขัดกับกฤติที่ใส่ชุดสูท ผูกเนกไท และนรินทร์ที่ยังอยู่ในชุดทำงานอย่างเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลค และรองเท้าหนังอย่างดี 





ในขณะที่กฤติรู้สึกไม่เข้าพวก นรินทร์กลับมองหน้าเขาอย่างสนใจคล้ายกับว่าตัวเองเป็นเด็กสองขวบที่เพิ่งจะได้ขนมที่โปรดปรานอย่างไรอย่างนั้น





“สั่งอาหารเลยมั้ยคะ?”





คุณพ่อลูกหนึ่งส่งยิ้มมารยาทให้กับบริกรสาวที่มายืนรับออเดอร์ ก่อนจะพยักพเยิดหน้ามาทางเขาคล้ายกับว่าให้สั่งก่อน เพราะตัวเองกำลังเลือกเมนูอยู่ ทั้งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่พวกเขามานั่งนั้น ไม่ได้มีรายชื่อออาหารพิสดารไปมากกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่กฤติเคยทานมาทั้งชีวิตเลย





“เกาเหลาหมูตุ๋นไม่ใส่ถั่วงอกที่นึงครับ”

“ส่วนของผม…” นรินทร์ทำท่าคิด เมื่อบริกรหันมารับออเดอร์จากตัวเองแล้ว “ขอเป็นเส้นเล็กเล็กน้ำตกหมูตุ๋นถั่วงอกเยอะๆ สาม ขอเกี๊ยวเพิ่มด้วย แล้วก็แคบหมูสองถุงที่โต๊ะนี่ไม่พอหรอก ขออีกถุงนะครับ น้ำเปล่าหนึ่งน้ำแข็งสอง อ่อ ขอผักแยกต่างหากด้วยนะครับ” 





กฤติมองตามคนที่สั่งอย่างกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้ได้กินข้าวอีกแล้ว ทั้งที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามากินข้าวกับนรินทร์ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่ชินกับการกินล้างผลาญของอีกคนเลยจริงๆ





“ปกติคุณกินข้าวกับใคร?”

“ถามทำไมครับ”





หัวหน้าหนุ่มถามกลับ พลางก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ทุกอย่างในตอนนี้น่าสนใจกว่านายนริทร์ทั้งนั้น





“ก็คุณอาจจะกินกับไอ้หน้าเหี้ยนั่น”





ไม่ต้องขอให้อีกคนขยายหัวหน้าหนุ่มก็เข้าใจว่านรินทร์หมายถึงใคร ‘ไอ้หน้าเหี้ยนั่น’ คือภูภูมิอย่างแน่นอน





“ทำไมผมต้องกินกับเขา?”

“ก็ดูสนิทกัน”

“ตรงไหน?”

“ก็คุณเคยนอนกับเขา”

“นอนด้วยกันครั้งเดียวนี่ต้องสนิทกันด้วยเหรอครับ?”  กฤติถามอีกคนด้วยใบหน้านิ่งๆ

“อ้าว แค่ครั้งเดียวเองเหรอ?” นรินทร์ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่แน่ใจ “ก็คุณพูดเหมือนว่านอนกับเขาเยอะมาก…”

“ผมพูดไปงั้นแหละ”

“อ้าว”

“ก็ผมรำคาญคุณ”

“เอ้า!!”





กฤติพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งตามสไตล์



 

อันที่จริงแล้ว ระหว่างกฤติกับผู้ชายคนนั้นมันไม่มีอะไรมากกว่าเซ็กส์เพียงครั้งเดียว ความเผลอไผลด้วยบรรยากาศและหน้าตาอีกฝ่ายที่ตรงสเปค ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกพลั้งพลาด ถ้าถามหาเหตุผลสวยงามสักข้อ กฤติคงจะตอบว่ารสนิยมไม่ตรงกัน  หากว่าจะเอาความเป็นจริงละก็ เซ็กส์ของภูภูมิห่วยเกินกว่าจะเสียเวลาซ้ำ ทั้งเซ็กส์ที่ไร้น้ำยา ตัวภูภูมินั้นก็ไม่ได้น่าคบหาอะไร ดังนั้นนอกเหนือจากเรื่องงานแล้วกฤติขอไม่ยุ่งด้วยจะดีกว่า





“ผมแม่งโคตรหวงคุณเลย” นรินทร์พูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มๆ ถึงแม้มุมปากจะไม่ได้ดูยิ้มไปด้วย  “ แค่คิดว่าคุณเคยใช้ปากให้มัน ผมก็…”

“ใช้ปาก?” กฤติทวนคำ พลางเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ “ผมไม่เคยใช้ปากให้ใคร”

“เอ้า วันนั้นคุณยังเล่นกับลิตเติ้ลโน้ตอยู่เลย”

“นั่นครั้งแรกที่ผมทำให้คนอื่น”





นรินทร์ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถยิ้มกว้างกว่านี้ได้อีกหรือไม่ ถึงแม้อีกคนจะพูดพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะกำลังสนใจเรื่องภูภูมิอยู่ แต่เขาโอเคแล้ว





ให้ตาย ลิตเติ้ลโน้ตเป็นอาหารจานแรกที่หัวหน้าของเขาเคยทาน ความรู้สึกแบบนี้มันดีจนแน่นอก อยากจะจับอีกคนมาจูบซ้ำๆ แต่หากทำแบบนั้น เขาคงเป็นศพอยู่แถวนี้แน่นอน





ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง นรินทร์จึงเลือกที่จะย้ายหัวข้อบทสนทนาไปเรื่องอื่นแทน





“คุณชอบกินก๋วยเตี๋ยวมั้ย?”

“เฉยๆ ครับ ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด”

“ส่วนผมชอบมากเลย”





ยังไม่ได้ถาม





กฤติคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะว่ารู้สึกเหมือนกับตัวเองเปิดปากไม่ออก อาจจะเพราะอากาศร้อนมากเกินไป เขาเลยรู้สึกเหมือนกับจะนั่งไม่ติดเก้าอี้





มันต้องเป็นเพราะอากาศร้อน ไม่ใช่เพราะสายตาของนรินทร์แน่นอน





ผ่านไปหลายวินาที ความเงียบยังคงโอบล้อมรอบตัวพวกเขาทั้งคู่ ถ้ามันเป็นเรื่องแค่นั้นอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่สายตาเหมือนของนรินทร์ที่มองเขาเหมือนเป็นอาหารที่รอลงมือรับประทานนั่นต่างหาก ที่ทำให้กฤติรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ





จนในที่สุด ชายหนุ่มที่ทนไม่ไหวก็เอ่ยปากถามออกไป





“มองอะไรครับ?”

“มองคนที่ชอบครับ”





ไร้สาระ!





กฤติคิดว่าตัวเองคงทำสีหน้าประหลาดเพราะคำพูดไร้สาระเมื่อกี้ เพราะอีกฝ่ายนั่นยิ่งจ้องมองเขาจนเหมือนตาจะหลุด แถมยังส่งยิ้มกว้างที่น่าเอาผ้าปูที่นอนของเจ้าตัวไปคลุมเอาไว้





ให้ตายเถอะ เขายอมประชุมทั้งวันดีกว่าต้องรับมือกับคนอย่างนรินทร์





ในขณะที่กฤติกำลังเกรี้ยวกราดกลบเกลื่อนความไม่ปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น ทางด้านโน้ตที่กินน้ำเปล่าไป มองหน้าคนตรงข้ามเป็นกับแกล้มแคบหมูที่เอามากินรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น กลับมีความคิดตรงกันข้ามกับอีกคนราวฟ้ากับเหว





คุ้มชะมัด





นรินทร์คิดกับตัวเองเมื่อกฤติทำหน้าเหมือนเห็นผี ใบหน้าของหัวหน้าแผนกซีดลง แล้วก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าคล้ายกับจะไม่แน่ใจ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่ใบหูกฤติจะแดงแปร๊ดขึ้นมา พร้อมๆ กับการที่เจ้าตัวถลึงตาใส่เขาพร้อมกับหักตะเกียบไปด้วยนี่มันน่าแกล้งโคตรๆ





“คุณ”

“อะไรอีก?”





กฤติถลึงตาใส่อีกคน แต่นรินทร์ปัดตกเพราะไม่น่ากลัว





“ผมจริงจังนะ”

“...”

“เรื่องที่ผม…”






“เล็กตุ๋นตกสามกับเกาเหลาได้แล้วค่ะ”






กฤติแทบจะให้โบนัสสามเดือนกับพนักงานเสิร์ฟที่เดินหน้าบูดเข้ามาวางอาหารที่พวกเขาสั่งไปไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ





“ผมกินก่อนนะ”

“คุณ เมื่อกี้…”

“เวลากินไม่พูดนะครับ มารยาทนิดนึง”





หัวหน้าหนุ่มพูดดักคออีกคนเอาไว้ แล้วรีบคว้าตะเกียบคีบผักเข้าปากทั้งที่ไม่ได้มีความหิวเลยสักนิด ตอนนี้เขาขออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นรินทร์ มันไร้สาระ ไม่อยากฟัง





เขาไม่อยากร้อนหูตอนนี้ มันทำตัวไม่ถูก



เป็นแค่เพื่อนเล่นบนเตียงอะไรนั่นก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ





.

.

.





หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จด้วยความทุลักทุเลของกฤติที่ไม่หิว และนรินทร์ที่กินทุกอย่างหมดก่อนคนไม่หิว พวกเขาสองคนก็มาเดินเล่นตามซอกซอยต่างๆ






มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ เพียงแค่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางคนรอบตัวเท่านั้น



นรินทร์มองคนที่ขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังอยู่ในที่ประชุมข้างๆ เขาแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นว่าอีกคนมองอะไร



 

มันเป็นร้านขายกางเกงชั้นในร้านหนึ่ง หน้าร้านเป็นหุ่นโชว์บ็อกเซอร์ลายหมูสีชมพู ที่มีถุงข้างหน้ายื่นออกมาเป็นรูปจมูกหมู เอาไว้เก็บลูกชายน้อย ส่วนข้างหลังเป็นเชือกสีขาวเส้นเล็กๆ ม้วนขดเป็นรูปทรงหางหมู





“อยากได้เหรอคุณ?”





สายตากฤติที่มองมานั้น ทำให้นรินทร์รู้สึกคล้ายขยะเปียก แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพราะชินแล้ว





“ผมซื้อให้ได้นะ”

“ผมแค่มองเพราะมันตลกครับ ไม่ได้จะเอา”





กฤติพูดออกมาในที่สุด ซึ่งมันไม่เกินจริงนัก ดูก็รู้ว่าบ็อกเซอร์แบบนี้ทำไว้เพื่อเอาฮาเฉยๆ ไม่ได้เอาการใช้งานจริงใดๆ





“โถ่ ผมก็นึกว่าคุณอยากได้ ผมซื้อให้ได้นะ นี่โน้ตสายเปย์”

“...”

“เฮ้ย รอเดี๋ยว คุณ!”





นรินทร์ที่กำลังพูดนั่นพูดนี่ต้องหยุดแล้ววิ่งตามอีกคนที่เดินหนีหายไปอีกซอยโดยไม่บอกอะไร กฤติไม่ใช่คนตัวเล็กขาสั้น ดังนั้นแต่ละก้าวมันจึงยาวมากจนเขาเองก็ต้องรีบก้าวเร็วๆ เพื่อให้ตามอีกคนทัน ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นนรินทร์ก็มาถึงตัวอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะกฤติชะลอความเร็วหรืออะไร แต่เพราะหัวหน้าเขาหยุดอยู่หน้าร้านหนึ่งต่างหาก





ร้านน้ำมะพร้าว





“อยากกินเหรอคุณ?”





นรินทร์ถามเมื่อเห็นอีกคนหนึ่งไม่พูดอะไร เพียงแค่หยุดดูป้ายเท่านั้น ชายหนุ่มนิ่งคิดสักครู่ ก่อนที่จะหันไปสั่งกับชายหนึ่งในสองที่มองหน้าเขาพร้อมยิ้มคล้ายกับกำลังรอรับออเดอร์อยู่





“น้ำมะพร้าวปั่นใส่นมสองแก้วครับ”

“...”





กฤติเลิกคิ้วมองหน้าอีกคน เขากำลังจะสั่ง แต่กำลังพยายามอ่านป้ายสีสดกับตัวหนังสือขนาดเล็กอยู่ กฤติมีปัญหาสายตามาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้เหมือนกับว่าสายตาเขาน่าจะสั้นลงไปอีก





สั่งให้อย่างนั้นเหรอ?





“ผมสั่งกินเอง ไม่ได้เผื่อคุณนะ”

“...” 





นิสัย





สีหน้าของเขามันคงน่าขบขันเสียจนอีกคนหัวเราะออกมา ตอนนั้นเองกฤติถึงได้เพิ่งรู้ว่าตัวเองโดนแกล้ง เพราะเมื่อตอนที่เขากำลังจะสั่ง อีกฝ่ายดันเอามือมาปิดปากเขาไว้เสียก่อน แถมไม่ได้สะทกสะท้านเมื่อเขาตวัดตาไปมองอย่างมีน้ำโห ยังคงส่งยิ้มระรื่นมาให้อีก





“โหยคุณ ผมล้อเล่น สองแก้วเมื่อกี้ผมให้คุณหมดเลยกะ-- โอ๊ย!”





กฤติยังคงทำหน้าเฉยเมื่อตัวเองจิกเอวอีกคนจมเล็บ ขนาดที่เสื้อเชิ้ตเนื้อดียังป้องกันไว้ไม่ได้ เขายังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าเมื่อพนักงานสองคนที่ขายน้ำมะพร้าวมองมาเหมือนเห็นผี





“เท่าไหร่ครับ?”

“สะ… สองแก้วเจ็ดสิบครับ”





หัวหน้แผนกพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยื่นเงินจ่ายไปเพื่อรับน้ำมะพร้าวกลับมา แล้วก้มลงดูดโดยไม่สนใจคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ





“คุณ…”





นรินทร์เอ่ยเรียกคนที่ออกเดินไปไม่รอเขาแล้วเดือดร้อนให้ ต้องรีบก้าวตามอีกคนให้ทัน แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน กฤติก็หันกลับมาหา พร้อมกับยื่นแก้วให้

“นี่ของคุณครับ”

“ขอบคุณครับ… เฮ้ย ไม่ใช่สิ ผมกะจะเป็นป๋าพาคุณมาเลี้ยงสักหน่อย โหย ไม่เท่เลยแบบนี้”





กฤติไม่ได้สนใจร้านรวงมากนัก ถึงแม้ว่ามันจะประดับไปด้วยไฟหลากหลายสีและมีของมากมายที่เขาไม่ค่อยได้พบเจอในชีวิตประจำวัน สิ่งที่อยู่ในหัวของชายหนุ่มตอนนี้คือเคสของลูกค้าที่จะต้องตาม Follow-up ต่อเพราะเป็น key customer





ดังนั้น ชายหนุ่มจึงตอบอีกคนไปอย่างที่คิด





“ไร้สาระครับ”

“ไม่นะคุณ” นรินทร์ที่ตอนนี้เอาตัวเองมาเดินข้างๆ กับหัวหน้าได้แล้วพูดขึ้น ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มกว้าง หากแต่นัยน์ตานั้นเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความจริงจัง

“ใครๆ ก็อยากดูดีในสายตาคนที่ชอบทั้งนั้นนั่นแหละ”





ความเงียบอันน่าประหลาดโรยตัวเข้าปกคลุมพวกเขาเอาไว้





กฤติขมวดคิ้วอีกครั้ง เขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับความคิดฟุ้งซ่านไร้สาระที่เขาไม่เห็นประโยชน์ในหัว ซึ่งมันเป็นมานานมากเกินไปแล้ว ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่เขาควรที่จะคุยให้กับอีกฝ่ายเพื่อเอามันออกไปจากหัวเสียที





“คุณชอบผมหรือเซ็กส์ผม?”





หากเป็นตัวเขาตอนสมัยมัธยมต้นนั้น  โน้ตคงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอีกคนพูดเพื่อตัดพ้อ แต่เพราะนี่คือเขาวัยสามสิบเอ็ด ผู้ที่ทำงานกับชายตรงหน้ามาร่วมปี เขารู้จักกฤติมากพอๆ กับที่เขารู้จักทุกซอกทุกมุมในออฟฟิศ





ผู้ชายคนนี้หมายความตามที่พูด





นรินทร์กลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย เขามั่นใจในความรู้สึกตัวเองมากพอที่จะก้าวข้ามเศษซากความสัมพันธ์เก่ามาเพื่อเดินหน้ากับอีกคน แต่เหมือนมันอาจจะยังไม่ชัดเจนพอ





“ผมชอบคุณ”





เขาย้ำอีกครั้งพร้อมมองตาคนตรงหน้าไปด้วย ทั้งที่รอบข้างพวกเขาเป็นร้านขายขนมหวานกลิ่นยั่วยวน และมีชาวต่างชาติและเด็กวัยรุ่นเดินสวนกันไปมาขวักไขว่ หากแต่พวกเขาสองคนกลับถูกตรึงไว้ตรงนี้





ตรงที่มีเพียงความไม่มั่นใจเป็นกาวเชื่อมความสัมพันธ์




“ผมยังชัดเจนไม่พอเหรอ?”





นรินทร์ถามในสิ่งแรกที่แว๊บเข้ามาในสมอง ใบหน้าหล่อยังคงมีรอยยิ้มประดับ หากแต่มันเป็นรอยยิ้มที่เจื่อนเสียจนกฤติถึงกับหัวหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่อยากมอง





“ผมไม่รู้ว่าชัดเจนของคุณหมายความว่าอะไร”





หัวหน้าหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงธรรมดา แก้วน้ำมะพร้าวที่เหลือมากกว่าครึ่งถูกกำแน่นขึ้นเล็กน้อย “นี่อาจจะเป็นการเล่นซื่อบื้อของคุณอีกหรือเปล่า หรือมันเป็นความอยากทำกับผมทุกวันในหลายๆ ท่างั้นเหรอ?”



“มากกว่านั้น”





โน้ตตอบด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมมองหน้าอีกคน เขาพยายามจะสื่อความรู้สึกของตัวเองผ่านสายตา ทว่ากฤติไม่เปิดโอกาสให้เป็นแบบนั้น ชายหนุ่มยังคงมองขนมหวานบูธใกล้ๆ อยู่แบบนั้น คล้ายกับว่ามันน่าสนใจมากกว่าคู่สนทนาเป็นไหนๆ





“ผมอาจจะเคยแต่งงานมาก็จริง แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ผมแม่งลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่านอกจากน้องนิ้งผมจะต้องทำอะไรเพื่อใคร…”





กฤติอยากจะหยิกตัวเองที่เผลอกลั้นหายใจรอให้อีกฝ่ายพูดจบประโยค





“ตอนนี้ทุกอย่างแม่งเปลี่ยนไปหมดเลย นอกจากลูกแล้ว ผมมีแต่คุณ อยากอยู่แต่กับคุณ อยากกอดคุณ อยากจูบคุณ อยากพาคุณไปกินของที่ชอบ อยากเจอหน้าคุณทุกวัน… ความคิดของผมตอนนี้มีแต่คุณ”

“...”

“ผมยังชัดเจนกับความรู้สึกรักของตัวเองไม่พออีกเหรอครับ?”





ความเงียบที่น่าอึดอัดครอบงำพวกเขาอยู่หลายวินาที สำหรับนรินทร์นั้นมันคล้ายกับมีคนมัดมือมัดเท้าแล้วโยนลงไปในสระน้ำ เรื่องที่น่าตลกคือ หากคนทำแบบนั้นเป็นกฤติละก็ เขาคงยอมจมอยู่ในนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข





“ถ้า…”





กฤติเปิดปากอันแห้งผากของตัวเองออกมา ทั้งที่ยังไม่มองหน้าอีกคน และทำเป็นเหมือนกับว่าหูของตัวเองไม่ได้ร้อนจนรู้สึกเหมือนจะไหม้





“ถ้าคุณเข้าบริษัท คุณก็เจอผมทุกวันแหละครับ”





หากเป็นคนอื่นนรินทร์คงด่าว่า ‘เป็นเหี้ยอะไร?’ แต่เมื่อเป็นกฤติ เขาอยากถามว่า ‘เป็นแฟนกันมั้ย?’ มากกว่า



ถึงแม้จะรู้ว่าอีกคนเบี่ยงประเด็นด้วยความขลาดเขิน ถึงแบบนั้นเขาก็อดพูดกับอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตัดพ้อเล็กน้อยไม่ได้อยู่ดี



 

“... เราไม่พูดเรื่องงานในเวลาแบบนี้ได้มั้ย?”

“...”





นอกจากคำสั่งจากบริษัทแม่แล้วนั้น กฤติเพิ่งจะค้นพบวันนี้เองว่า เสียงออดอ้อนของนรินทร์นั้น เป็นอีกสิ่งในโลกที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ และนรินทร์เหมือนจะรู้ทัน ชายหนุ่มคว้าเอามือของเขาไปจับไว้ ใบหน้าหล่อลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางการสะดุ้งเล็กน้อยของเขา





“ผมอยากอยู่ในชีวิตคุณนะ”

“...”

“มาเป็นครอบครัวของผมนะครับ”





นี่มันเกินไป





เสียงจ้อกแจ้กจอแจข้างนอกเข้าไม่ถึงหัวหน้าแผนกเซลล์เลยแม้แต่น้อย ร่างกายของกฤติสั่นน้อยๆ อย่างห้ามไม่ได้ หูของเขาได้ยินเพียงแค่เสียงอะไรบางอย่างที่น่ารำคาญ มันดังไปหมด ดังจนเขาไม่สามารถคิดอะไรได้





ความน่ารำคาญที่ควรจะจางหาย กลับกลายเป็นบ่วงล้อมรอบตัวของกฤติเอาไว้อย่างหนาแน่น เขาไม่สามารถหันหนีอีกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของนรินทร์ที่อยู่ตรงหน้า หรือแม้กระทั่งเสียงบอกความรู้สึกที่ยังดังก้องอยู่ในหัวใจ





เมื่อทนสีหน้าเว้าวอนของอีกคนไม่ไหว กฤติจึงตอบอีกคนออกไป







“จะทำอะไรก็ทำเถอะ”







นี่มันไม่ถูกต้อง



นี่มันไม่ถูกต้องเลยจริงๆ





------- TBC -------













สารภาพเลยว่าเป็นตอนที่เขียนยากมากกกก
แก้แล้วแก้อีก ต้องการความสมจริงเลเวลไลน์หาเพื่อนให้พาไปตลาดรถไฟที จะเขียนนิยาย 5555555
(ขอบคุณเพื่อนมา ณ ที่นี้นะคะ เป็นหนี้บุญคถญมาก เจอกันครั้งหน้าจะเลี้ยงน้ำมะพร้าวนะ อิ--อิ)



เจอกันตอนหน้านะคะ สวัสดีปีหมูจ้า XD



ถ้าอยากพูดคุย ติชม หรือแก้คำผิดอะไร สามารถคอมเม้นต์ตรงนี้ หรือไม่ก็คุยกันใน #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ ได้นะคะ ขอบคุณมากค่า <333
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2019 01:37:19 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
คุณกฤตินี่คือคนที่ปากร้ายแต่ใจดีที่แท้จริง ดูเหมือนคนขี้รำคาญนะแต่เอาจริงช่วยเหลือคนอื่นตลอด
และถ้าไม่ได้คิดอะไรกับโน้ตเลย ไม่มีทางที่จะให้โน้ตเข้ามาวุ่นวายกับตัวเองได้ขนาดนั้นหรอก

ตอนนี้เอาใจช่วยคุณโน้ตมากกกก และมันก็สำเร็จใช่มั้ยยยย

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อิพิโน้ต พระเอกมาก นี่เค้าเรียกว่าขยับความสัมพันธ์แล้วรึเปล่า  :katai2-1:

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ถ้าคุณกฤติพูดว่าไร้สาระเมื่อไหร่ คือคุณเขากำลังเขินหนักมากกกกกก และหาทางลงไม่ได้ เสียอาการ เขินเขา แต่ก็ยังวางฟอร์ม แน้ แพ้ทางผู้ชายอย่างนายโน้ตซะได้ คิๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอ้า!! เฮ!!!  :katai2-1:

แต่งเลย!! แต่งเลย!! แต่งเลย!! :hao3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tixjubz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอคอมเมนท์ยาวๆสักนิดให้สมกับที่สมัครยูสมาเพราะเรื่องนี้ 555555555
ได้วกไปอ่านน้องแทนใจกับคุณพี่เมฆแล้ว(แต่ยังไม่จบ ก็แหม เซลล์ก็จะมีหน.แบบคุณกฤติอ่ะนะ อ่านได้วันละตอนก็แทบบินแน้วㅠㅠ) พอสลับมาอ่านคู่นี้ รู้สึกถึงฟิลลิ่งที่ต่างกัน แต่เชื่อมโยงกัน 'ทับใจนักเขียนมากเลยฮะ(ให้คุกกี้กาแฟ1ชิ้น) ตอนนี้คือชอบมากกกกกก ชอบในความคิดของโน้ตที่มันเรียลมสก สำหรับคนที่ผ่านความสัมพันธ์อันล้มเหลว แล้วอยากไปต่อ มันจะมีความมั่นใจ ในความเคลือบแคลง กล้าๆกลัวๆ แต่เพราะคุณกฤติ ก็ต้องใจดีสู้เสือ!!! ส่วนคุณกฤติคนที่มีแต่งานๆๆๆๆๆๆในหัว ก็คือแบบนี้จริงๆ ในสมองมันจะรันด้วยงาน พอโดนสิ่งอื่นที่ไม่คุ้นเคยแอทแทค ก็จะมึนๆงงๆrespond ไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ยอมเขาหรอก ใช่ม้าาาาาาา หูร้อน มุมปากกระตุก ปวดแก้มไปด้วยเลยเนี่ยยยยยยยยยย รอตอนต่อไปนะคะ ขอให้วันจันทร์ไม่โหดร้าย และวันอาทิตย์มีคนนอนข้างๆค่ะ^_^ (แม้จะเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวหรือหมาแมวเราก็ฟินนน)

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่โน๊ตชั้นมีสาระวันนี้

ออฟไลน์ pan19891990

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันละมุนมากกกก ละมุนเพราะความไม่กากและลูกอ้อนของนายนรินทร์ บวกกับความหน้าร้อนหูร้อนของคุณกฤติ อ่านไปก็เขินไป อ่านจบตอนแล้วก็ย้อนขึ้นไปอ่านใหม่
นายนรินทร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคุณเขาไม่ได้มีดีแค่ความหื่น 5555  แต่อยากยื่นไมค์สัมภาษณ์คุณกฤติจริมๆว่าที่ตอบตกลง(?)เนี่ยแค่รำคาญจริมๆหรอ อิอิ ความซึนของนางทำให้เราเอ็นดูค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า  :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เพิ่งรู้สึกว่าคุณโน้ตมีความเป็นพระเอกก็ตอนนี้  :hao7:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
คนวัยผู้ใหญ่เค้าจีบกันน่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ heymild

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สำหรับคุณกฤตคำว่าไร้สาระหรือน่ารำคาญก็คือแปลว่าเขินมากกก ไอ้คุณนริทร์

ฮื่ออ นรินทร์ นายมีสาระมากที่สุดแล้วทุกๆตอนที่ผ่านมา

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เป็นหัวหน้าที่โคตรใจดีกับลูกน้องเลย  :mew1:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
โน๊ตทำให้คุณกฤติเขินแล้ว เขินอีก

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อ่านไปยิ้มไป อีตานรินทร์นี่รุกแรงจริงๆ ส่วนคุณกฤติก็แพ้ทาง  o18

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ย......ละมุนละไมผิดกับบรรยากาศตลาดนัดเลย

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
คุณพฤติหลงเสน่ห์แล้วใช่มั้ยคะ :hao6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นรินทร์ เปิดอก จีบกฤติแบบชัดเจนสุดๆ  :o8:
"นอกจากลูกแล้ว ผมมีแต่คุณ อยากอยู่แต่กับคุณ
อยากกอดคุณ อยากจูบคุณ อยากพาคุณไปกินของที่ชอบ
อยากเจอหน้าคุณทุกวัน… ความคิดของผมตอนนี้มีแต่คุณ


ผมอยากอยู่ในชีวิตคุณนะ

“...”
มาเป็นครอบครัวของผมนะครับ
จะทำอะไรก็ทำเถอะ
แล้วกฤติ ก็ใจอ่อน กลัวสิงโตหงอย
นรินทร์ กลายเป็นสิงโตร่าเริงแน่เลย  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อู้วหูวววว เพิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องของคุณกฤติ ไม่คิดเลยนะคะว่าพี่เค้าจะร้อนแรงขนาดนี้ อิอิ ชอบมากค่ะหนุ่มออฟฟิศแนวนี้  :o8: :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด