ต่อจ้า ------- Sunday In Bed -------
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จได้สองสามชั่วโมง ทุกคนก็ต้องมาทำกิจกรรม Team Building ที่บริเวณสวนน้ำที่เป็นของโรงแรม ถึงแม้จะไม่ใช่กิจกรรมบังคับ แต่พนักงานเกือบทั้งหมดก็มาอยู่รวมกันตรงจุดนัด ซึ่งนั่นรวมถึงกฤติที่หยิบเอาแว่นกันแดดติดมาจากบนห้อง
“พี่ไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ?”
ซุกซนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงสบายๆ ถามหัวหน้าแผนกตัวเอง เมื่อคนคุมกิจกรรมกำลังจะแบ่งทีมเล่นกัน วันนี้ซุกซนแอบเหงาเล็กน้อย เมื่อเพื่อนสนิทอย่างแทนใจดันแฮงก์จากเหล้าเมื่อวานเลยนอนเป็นก้อนอยู่ในห้องของพี่เมฆ เหลือเพียงซุกซนหัวเดียวกระเทียมลีบ
แล้วนี่หัวหน้าแผนกอย่างคุณกฤติยังทำท่าเหมือนแมวตอนที่เขาบอกว่าจะต้องเปียกน้ำ ตอนนี้คือหัวหน้าแผนกเซลล์ย้ายตัวเองไปอยู่ในร่ม พร้อมแว่นกันแดด และโทรศัพท์มือถือเป็นที่เรียบร้อย
“ไม่ล่ะ ซุกซนไปเล่นเถอะครับ ผมไม่ค่อยชอบกิจกรรมกลางแจ้งเท่าไหร่”
ซุกซนมองกฤติที่โบกมือปฏิเสธอย่างไม่เข้าใจนัก ถ้าไม่ชอบแล้วลงมาทำไมกัน? นอนอืดเป็นเพื่อนแทนใจบนห้องก็ได้นี่
“เคๆ พี่ งั้นผมไปละ ฝากกระเป๋าด้วยนะพี่”
“ครับ”
กฤติยิ้มให้เด็กหนุ่มในแผนกที่ยังอุตส่าห์นึกถึงเขาตอนที่เจ้าตัวกำลังจะกระโจนลงน้ำไปทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆ
กิจกรรม team building ของบริษัทยังคงไม่น่าสนใจสำหรับกฤติเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ตามปกติเขาไม่ใช่คนบ้าพลังหรือชอบทำกิจกรรมอะไรอยู่แล้ว การที่จะรู้สึกเฉยเมยกับงานกลางแจ้งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลยด้วยซ้ำ
จะหนีไปนอนบนห้องก็ได้ แต่กฤติรู้สึกว่ามันน่าเกลียด เขาเป็นถึงหัวหน้าแผนก จะปล่อยให้คนอื่นอยู่ตรงนี้กันแล้วตัวเองหลบแดดสบายอยู่บนห้องคนเดียวก็กระไรอยู่ ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะเอาตัวเองลงมานั่งเฝ้าคนอื่นเขาเล่นกัน พร้อมทั้งเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยเลย
“คุณ ไม่ไปเล่นเหรอ?”
เสียงเรียกไม่ไกลนักทำให้กฤติหันไปมอง เขาเห็นนรินทร์ ลูกน้องแผนกคนกากกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วน คล้ายๆ กันกับของซุกซนเมื่อครู่ อาจจะต่างไปตรงที่นรินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับลูกสาวตัวเล็กๆ ที่ยังจับมือคุณพ่อไม่ห่างด้วย
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” กฤติตอบไปตามความจริง แล้วหันไปทางเด็กหญิงแทน “น้องนิ้งจะไปเล่นกับคุณพ่อด้วยเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงรับคำอย่างหนักแน่น ตอนนี้เด็กน้อยเองก็อยู่ในชุดคล้ายกับคุณพ่อของเธอในสีสันที่สดใสกว่า “ถ้าปล่อยคุณพ่อไปคนเดียว เดี๋ยวคุณพ่อเหงาค่ะ”
หรือบางทีคุณพ่ออาจจะไม่ระวังจนเจ็บตัวด้วย เธอเลยต้องคอยดูแลคุณพ่อเอาไว้ … เด็กหญิงคิดในใจแต่ว่าไม่ได้พูดออกไป
คำตอบแสนฉลาดของเด็กน้อยทำให้กฤติยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่ได้สนใจพ่อของเด็กน้อยที่มองตัวเองอยู่ นรินทร์จะทำอะไรก็ทำไป ตอนนี้น้องนิ้งน่ารักกว่าตัวพ่อตั้งเยอะแยะ
“เล่นให้สนุกนะครับ เดี๋ยวอากฤตินั่งรอตรงนี้”
“โอเคค่า”
.
.
.
ทั้งที่พูดไปแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้ว กฤติก็เอาตัวเองมายืนอยู่บริเวณชายหาดเทียมของสวนน้ำอยู่ดี
คิดไปแล้วก็แปลก ตอนแรกเขาแค่ต้องการจะนั่งๆ นอนๆ รอเวลาไม่ให้น่าเกลียดมากเฉยๆ แต่สุดท้ายแล้วตัวเองก็อดเข้ามาดูแลน้องนิ้ง แทนคุณนรินทร์ที่ถูกให้เป็นหัวหน้าทีมกิจกรรมในน้ำ นั่นก็คือการวิ่งหยิบธง (ไม่รู้จ้างออแกไนซ์เซอร์บริษัทไหนมา) แล้วก็ยังต้องพาลูกเล่นน้ำ กฤติเลยคิดว่าเขาดูแลน้องนิ้งให้น่าจะง่ายกับนรินทร์มากกว่า
ทั้งที่กฤติแค่ทำอะไรตามปกติ ไม่ได้แสดงความพิเศษอะไรต่อนรินทร์ แต่รอยยิ้มกับคำพูดขอบคุณจากใจจริงของอีกคนนั้นทำเอาหัวหน้าแผนกคนเก่งนิ่งไปเพราะรู้สึกตาพร่า
นรินทร์ควรหล่อน้อยลงกว่านี้หน่อย
กฤติคิด แต่ไม่ได้พูดออกไปให้อีกคนยิ้มกว้างไปมากกว่านี้
“หิวหรือยังครับ?”
กฤติถามเด็กที่วิ่งเข้ามาหาอย่างร่าเริง เมื่อกี้เจ้าตัวเล็กวิ่งลงไปเล่นน้ำอยู่คนเดียวในสระเด็ก โดยมีกฤติยืนดูอยู่ใกล้ๆ จนเหนื่อยนั่นแหละถึงได้ขึ้นมาหาเขา
“ยังเลยค่ะ” นิ้งส่ายหัวไปมาประกอบคำพูดตัวเอง เด็กหญิงเดินมาหยิบผ้า แล้วเช็ดตัวเองให้แห้ง ก่อนที่จะเดินมาใกล้ๆ เขา
“แล้วทำไมขึ้นมาเร็วจังครับ? หนูเพิ่งจะลงไปไม่นานเองนะ”
“หนูไม่อยากให้อากฤติรอนานค่ะ เดี๋ยวอากฤติเหงา”
เป็นอีกครั้งที่กฤติรู้สึกว่าเด็กคนนี้เติบโตมาอย่างดี เขาไม่รู้ว่าครอบครัวนี้เลี้ยงลูกมาอย่างไร สำหรับเขาอายุเท่านี้แต่สนใจคนรอบข้าง สำหรับกฤตินั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยด้วยซ้ำ
“งั้นไปกินไอติมกันเถอะครับ เล่นมานานแล้ว ไปเติมพลังก่อนเนอะ”
กฤติพาเด็กหญิงไปยืนเลือกของทานเล่นที่บูธขายขนมใกล้ๆ เด็กหญิงใช้เวลาไม่นานก็ได้ไอศกรีมรสช็อกโกแลตของตัวเองมา ส่วนกฤตินั้นยังคงยืนมองไอศกรีมในนั้นอย่างชั่งใจ
“อากฤติยังเลือกไม่ได้เหรอคะ? ให้หนูช่วยเลือกมั้ยคะ?”
เด็กหญิงเงยหน้าถามผู้ใหญ่ที่ยังคงจูงมือเธออยู่ นิ้งเห็นว่าเพื่อนร่วมงานคุณพ่อคนนี้ยืนขมวดคิ้วทำหน้าตาจริงจังอยู่หน้าตู้นานแล้ว แต่ยังเลือกไม่ได้เสียที อาจจะเพราะไม่รู้ว่ารสอะไรอร่อย เดี๋ยวนิ้งที่ชอบกินไอศกรีมมากๆ จะช่วยแนะนำให้นะ นิ้งเลือกขนมให้เพื่อนเก่งมากๆ ฝนเพื่อนสนิทยังบอกว่านิ้งเก่งเลย!
“อ่า …” กฤติมีท่าทีลังเลเล็กน้อย “คุณพ่อน้องนิ้งชอบทานรสอะไรครับ?”
“คุณพ่อเหรอคะ?” เด็กหญิงคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกมาตามที่ตัวเองสังเกตมาตลอด “คุณพ่อชอบรสสตอเบอรี่ค่ะ”
กฤติกะพริบตาเล็กน้อยกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ ในหัวคิดไปถึงภาพนายนรินทร์ที่ทำตัวกามๆ กำลังกินไอศกรีมสีชมพูแล้วมัน….
เอาเถอะ
“น้ำเปล่าสองขวด กับไอศกรีมสตอเบอร์รีถ้วยหนึ่งครับ” ชายหนุ่มสั่งพนักงานขายที่รับคำอย่างขยันขันแข็ง ลูกสาวของนรินทร์มองตาม ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
“อากฤติชอบกินเหมือนคุณพ่อเหรอคะ?”
“ไม่หรอกครับ” กฤติตอบเด็กสาวสบายๆ “อาซื้อเผื่อพ่อของหนูน่ะ ไปเล่นน้ำน่าจะเหนื่อย”
“อ๋อ โอเคค่ะ” เด็กหญิงรับคำสั้นๆ ก่อนที่จะคิดอะไรนิดหน่อยกับตัวเอง แล้วถึงพูดออกมาอีกครั้ง “อากฤติสนิทกับคุณพ่อมากๆ เลยเหรอคะ?”
เป็นคู่นอนด้วยเหตุผลปัญญาอ่อน นี่เรียกสนิทมั้ยนะ?
กฤติคิด ทว่าก่อนที่จะตอบอะไรออกไปนั้น น้องนิ้งก็พูดต่อ
“ตอนที่คุณพ่ออยู่กับอากฤติ คุณพ่อดูมีความสุขมากๆ เลยค่ะ นิ้งไม่ได้เห็นพ่อที่ยิ้มเหมือนตอนที่อยู่กับอากฤติมานานแล้วค่ะ”
หลังจากสิ้นคำพูดของเด็กน้อย กฤติที่เพิ่งจะเอื้อมมือไปรับเงินทอนจากพนักงานก็นิ่งไป ซึ่งน้องนิ้งเองก็เงียบลงเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มประมวลคำพูดเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งยิ้มบางๆ ให้เด็กหญิง มันเป็นรอยยิ้มเอ็นดูเหมือนกับทุกครั้งที่เขามองเธอ
“คุณพ่อหนูเขาเครียดเรื่องงานน่ะครับ อยู่กับอาเขาไม่ต้องคิดอะไรเยอะล่ะมั้ง”
เพราะมันมัวแต่ทำตัวไร้สมอง … กฤติได้แต่คิดในใจ
“แต่หนูว่า คุณพ่อคิดเรื่องคุณแม่ค่ะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ?”
กฤติถามต่อ พวกเขาเดินจนมาถึงเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งกันอยู่ตั้งแต่ตอนแรก ข้าวของที่ระเกะระกะของซุกซนกับนรินทร์ถูกกฤติจัดวางให้เป็นระเบียบด้วยความรำคาญลูกตา เด็กน้อยจะได้มีที่นั่งได้และไม่เอาความซกมกแบบนั้นเป็นเยี่ยงอย่าง
“ก็คุณพ่อกับคุณแม่เขาไม่รักกันแล้วนี่คะ”
รอบนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเงียบ มองเด็กหญิงที่พูดเรื่องครอบครัวด้วยน้ำเสียงธรรมดาเหมือนกับตอนที่บอกเขาว่าตัวเองชอบทานไอศกรีมรสช็อกโกแลต
“อันนี้ที่บ้านหนูคุยกันเหรอครับ?”
“ค่ะ” น้องนิ้งตักไอศกรีมเข้าปากคำเล็กๆ เพื่อไม่ให้มันเลอะเทอะแบบเวลาคุณพ่อกิน “คุณพ่อกับคุณแม่เคยบอกนิ้งเอาไว้ว่าตอนนี้ไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว รักนิ้งแต่ไม่รักกันแล้ว แบบนี้น่ะค่ะ”
“...”
“แรกๆ หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าตอนนี้พวกเขารักหนู แต่ว่าไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ เพราะไม่รักกันแล้ว นิ้งเลยอยู่กับคุณพ่อบ้าง คุณแม่บ้าง ไม่ให้มีใครเหงาค่ะ”
กฤติพยักหน้ารับรู้เงียบๆ ปล่อยให้เด็กน้อยพูดต่อไป
“แต่คุณแม่มีอาเอิร์ธแล้ว คุณแม่คงไม่เหงามากเท่าไหร่ เหลือแต่คุณพ่อค่ะ นิ้งไม่อยากให้คุณพ่อเหงานิ้งเลยมาเล่นกับคุณพ่อบ่อยๆ… อ๊ะ ขอบคุณมากค่ะอากฤติ”
เด็กหญิงพูดแล้วยกมือขึ้นมาไหว้ขอบคุณคนที่หยิบทิชชู่มาให้ เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงพูดไปปมองซ้ายมองขวาไปมาเหมือนกำลังหากระดาษทิชชู่อยู่ ส่วนอาเอิร์ธที่น้องนิ้งพูดถึงนั้น กฤติคาดว่าน่าจะเป็นแฟนใหม่ของแม่เด็กสาว
“แต่มีช่วงหลังนี่แหละค่ะ ที่คุณพ่อพูดถึงเพื่อนที่ไปอยู่ด้วยบ่อยๆ ตอนพูดคุณพ่อจะยิ้มๆ แบบเมื่อกี้เลย ที่ยิ้มตอนที่อากฤติอยู่น่ะค่ะ”
มาถึงตอนนี้ กฤติไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบลูกสาวของนรินร์ว่าอะไรดี ชายหนุ่มพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ ถึงแม้ในหัวจะมีแต่คำว่า ‘นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรของนายนรินทร์อีก!’
“ไม่ใช่หรอกครับ” กฤติพูดออกมาในที่สุด หลังจากขจัดเรื่องไร้สาระออกจากสมองได้มากพอที่จะรวบรวมคำพูดออกมาเป็นประโยคได้
“อาว่าคุณพ่อของหนูเขาเข้มแข็งขึ้นต่างหาก”
เด็กหญิงที่กำลังจะตักไอศกรีมขึ้นมาทานต่อชะงักค้าง ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยอย่างไม่ปิดบัง เพื่อนคุณพ่อนั้นยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรมากกว่าเดิม ตอนที่พูดประโยคถัดมา
“ตอนแรกคุณพ่อของหนูเขาอาจจะยังตั้งตัวไม่ได้เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณพ่อเขาเลยเครียดๆ ไปบ้าง แต่พอเวลาผ่านไป คุณพ่อของหนูเขากลับมายิ้มกว้างแบบเดิมได้ เพราะว่าเขารักหนูไงครับน้องนิ้ง”
“...”
“อาเชื่อว่าสำหรับคุณพ่อของหนูน่ะ เขารักหนูมากจริงๆ นะครับ”
“...”
สิ้นเสียงนั้น เด็กหญิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เช่นเดียวกับหัวหน้าแผนกเซลล์ ที่เปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กอีเมลงานอย่างที่เคยทำเป็นประจำ เวลาผ่านไปร่วมสิบนาที ก่อนที่เด็กหญิงจะเป็นฝ่ายพูดออกมาอีกครั้ง
“อากฤติคะ”
“ครับ?”
กฤติรับคำทั้งที่มือยังคงพิมพ์ตอบเมลจาก subsidiaries ของแผนกเซลล์ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกทั้งทีม ถึงเรื่องการประชุม VDO conferences ประจำปีที่เขาจะต้องเข้าร่วม
“อากฤติรักคุณพ่อเหรอคะ?”
“ครับ????”
ชายหนุ่มแทบจะรูดแป้นพิมพ์ตอบอีเมลไปด้วยความตกใจ แต่โชคดีที่เขายังมีสติมากพอที่จะ save เป็น draft เก็บไว้ ก่อนที่จะหันไปทางเด็กหญิงที่ตอนนี้ไอศกรีมหมดไปครึ่งถ้วยแล้ว แต่ยังคงนั่งมองเขาตาแป๋ว
“ก็อากฤติพูดเหมือนกับว่าเข้าใจคุณพ่อมากๆ หนูไม่เคยเห็นเพื่อนของคุณพ่อคนไหนพูดแบบนี้เลยน่ะค่ะ มันทำให้หนูนึกถึงคุณแม่ตอนที่คุณแม่ยังรักกับคุณพ่อน่ะค่ะ”
“...”
“อากฤติรักคุณพ่อเหรอคะ?”
“มะ...”
RRrrrr
ยังไม่ทันที่กฤติจะได้ตอบอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน เขาเลยขอตัวออกมานั่งคุยโทรศัพท์แทน ซึ่งลูกสาวนรินทร์ก็เป็นเด็กดีพอที่จะเข้าใจว่าเขากำลังคุยงานอยู่ เลยนั่งทานไอศกรีมที่เหลือเงียบๆ ไปคนเดียวโดยที่ไม่ได้มาพูดกวนอะไรอีก
โชคดีที่มันเป็นแค่งานด่วนสายสั้นๆ (การเป็นเมเนเจอร์ทำให้กฤติชินชากับการต้องรับโทรศัพท์ทุกที ทุกเวลาไปแล้ว) เมื่อคุยเสร็จ ไอศกรีมสตอเบอรี่ที่เขาตั้งใจซื้อมาให้อีกคนก็ละลายพอดี ชายหนุ่มเลยบอกกับเด็กน้อยว่าเขาจะไปปซื้อขนมมาเพิ่ม เผื่อว่าคุณพ่อของเธอมาแล้วหิว จะได้มีอะไรไว้กิน ซึ่งน้องนิ้งเองก็ขอไปด้วยเผื่อมีอะไรจะทานเพิ่ม
ถึงแม้ว่ากฤติจะไม่ได้ตอบออกมาชัดเจนว่ารักพ่อของเธอเหมือนกับที่แม่ของเธอเคยรักหรือไม่ แต่นิ้งไม่เครียดอะไร สำหรับเด็กน้อยนั้น การที่เป็นแบบนี้เธอรู้สึกว่าเธอสนิทใจกับกฤติมากขึ้นไปอีกขั้น
มันเหมือนพวกเขาทั้งสองคนมีจุดร่วมเดียวกัน นั่นก็คือนรินทร์ นิ้งไม่แน่ใจว่าอันนี้เรียกว่าคุณพ่อกับอากฤติสนิทกันหรือรักกัน แต่นิ้งว่าอากฤติไม่ใช่คนไม่ดีหรอกมั้ง?
เพียงไม่ถึงสิบนาที ทั้งกฤติและน้องนิ้งก็กลับมานั่งที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากครั้งแรก กฤติมองเด็กหญิงที่กินขนมหวานอย่างเอร็ดอร่อย (รอบนี้เป็นน้ำแข็งไส) ในขณะที่ตัวเองไม่ได้แตะต้องไอศกรีม เฟรนช์ฟราย กับน้ำขวดที่ซื้อมา
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
“โอ้ย หิวมากเลย”
กฤติยื่นขนมใส่หน้าคนที่เดินมาจากไหนไม่รู้ มาทรุดตัวนั่งข้างๆ ด้วยใบหน้าที่เปียกน้ำจนกฤติต้องโยนผ้าขนหนูใส่หน้าให้เจ้าตัวเช็ด ก่อนที่มันจะมาเปียกใส่เขา
“คุณพ่อทำไมเลอะเทอะแบบนี้คะ?”
น้องนิ้งที่ตอนนี้เขยิบหนีพ่อตัวเองพูดขึ้นมา ตอนที่นิ้งขึ้นมาจากน้ำ เด็กหญิงรอให้ตัวเองแห้งเล็กน้อยก่อนที่จะไปหาอากฤติ แล้วคุณพ่อเป็นใคร ทำไมถึงได้ไร้ความละเอียดอ่อนขนาดนี้
“นิดเดียวน่าครับ อากฤติไม่ว่าพ่อหรอก เนอะ”
กฤติปรายตามองคุณพ่อลูกหนึ่งด้วยหางตา ซึ่งนรินทร์เลือกที่จะมองข้ามการแสดงความรักนั้นไป
“อากฤติกับน้องนิ้งไมไปเล่นด้วยกันเหรอคะ?” นรินทร์เปลี่ยนเรื่อง รอยยิ้มกว้างเหมือนสิงโตตัวใหญ่ที่เพิ่งขึ้นมาจากการเล่นน้ำฝนยังคงอยู่บนหน้า “ตรงนั้นมีสไลเดอร์สูงมากเลยนะ น้องนิ้งน่าจะชอบ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูเล่นพอแล้ว”
“เอางั้นเหรอคะ?”
“เอาแบบนั้นแหละค่ะ” น้องนิ้งพูดต่ออย่างฉะฉาน แบบที่กฤติถึงกับแอบยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ “ถ้าคุณพ่อยังเล่นน้ำไม่พอคุณพ่อไปเล่นต่อก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูจะนั่งเป็นเพื่อนอากฤติเอง”
“งั้นคุณพ่อขอตัวอากฤติไปกับคุณพ่อได้มั้ยคะ?”
เดี๋ยว?
กฤติถึงกับหันไปมองคนพูดอีกครั้ง อะไร? จะเอาเขาไปไหน?
“กิจกรรมต่อไปพ่ออยากได้กำลังใจจากอากฤติจังเลยค่ะ คุณพ่อขอยืมอากฤติก่อนนะคะ”
“ทำไมคุณพ่อทำอะไรคนเดียวไม่ได้คะ? เอาอากฤติไปทำไม หนูจะอยู่กับอากฤติ”
ตอนนี้ชายหนุ่มที่ใส่แว่นกำลังไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในสงครามพ่อลูกได้อย่างไร แต่ท่าทางเหมือนทั้งตัวพ่อและคนลูกจะไม่ยอมให้เขาไปที่อื่นเพราะอะไรบางอย่าง ที่กฤติเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม อะไร เอาตามจริง นี่มันอะไร
“คุณพ่อยืมอากฤติแป๊บเดียวเอง ไม่ได้เหรอคะ?”
“ไม่ได้ค่ะ หนูจะอยู่กับอากฤติ หนูชอบอากฤติ”
กฤติหันไปมองเด็กน้อยที่ตอนนี้ส่งยิ้มกว้างให้เขาอย่างเอ็นดู ถึงแม้รอยยิ้มนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนกับนายนรินทร์เวอร์ชันผู้หญิงที่น่ารักกว่ามากก็ตามที
เมื่อรู้สึกว่าอีกคนน่ารัก กฤติก็ลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ ทันที ทั้งที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เขารู้สึกชอบน้องนิ้งมาก เป็นเด็กฉลาดและพูดจาฉะฉาน แถมยังไม่ร้องไห้สักแอะ
“หนูเอาอากฤติไปคนเดียวไม่ได้นะคะ”
ยัง ตัวพ่อมันยังไม่จบ กฤติหันไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่คนที่ตอนนี้เริ่มตัวแห้ง เลยเอาตัวเองมานั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างน่ารำคาญ
มือของชายหนุ่มเอามาเกลี่ยปอยผมของเขามันน่ารำคาญจนอยากจะปัดออก แต่เมื่อหันไปมองหน้าคุณพ่อลูกหนึ่งแล้ว รอยยิ้มบางๆ กับสายตาอบอุ่นที่มองตรงมาทำให้เขาทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ กฤติรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองถูกตรึงไว้กับเก้าอี้ เหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ มีเพียงแค่รอยยิ้มกับสายตาของนรินทร์เท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเขา
“เพราะว่าคุณพ่อน่ะ”
ถึงแม้จะพูดกับลูก แต่นรินทร์นั้น มองตรงไปในตาของกฤติเท่านั้น คล้ายกับว่าเขาต้องการจะให้กฤติได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน
“โคตรชอบอากฤติเลยค่ะ”
“...”
“คุณพ่อชอบอากฤติมากๆ ชอบอากฤติยิ่งกว่าที่เคยชอบใครมาเลยค่ะ” ------- TBC ------
-
นั่นแหละค่ะทุกคน
คุณพ่อเขาก็ชอบอากฤติค่ะ นั่นเลยค่ะ 5555555
หลีกทางหน่อยค่ะ พระเอกจะเดิน XD
ตอนแรกคิดว่าจะค้างนานกว่านี้ แต่พอดีปั่นทันเลยเอามาลงก่อน
ถ้าเจอคำผิด หรือประโยคที่ดูอิหยังวะ(?) สามารถแจ้งเราทุกช่องทางเลยนะคะ
Enjoy Reading นะคะ <333
#คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์