7th Sunday #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง นรินทร์มองคนที่ยังไม่ละออกจากกฤติด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างอย่างหมดหล่อ เจ้าของห้องเป็นคนแรกที่ได้สติในเหตุการณ์นี้ กฤติดันคนที่ทำท่าจะคร่อมเขาออกไป ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมล่าถอยแต่โดยดี คนที่เพิ่งจะกลับมายืนตรงอีกครั้งจัดเสื้อของตัวเองเล็กน้อย
นรินทร์มองสำรวจใบหน้าของอีกฝ่าย ภูภูมิจัดว่าเป็นผู้ชายมีอายุที่ดูดีคนหนึ่ง ใบหน้าที่ชวนให้นึกถึงดาราฮ่องกง กับคิ้วเข้ม และรอยยิ้มมุมปากที่ดูกวนประสาทของอีกคนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของแผนกการตลาดชั้น 29 สำหรับเขา ครั้งแรกที่นรินทร์เจอภูภูมินั้นค่อนข้างเลือนราง เขารู้เพียงว่าหากพูดถึงแผนกการตลาดละก็ เขาจะนึกถึงผู้ชายคนนี้เป็นคนแรก
ไม่ว่าจะยังไง หัวหน้าแผนกการตลาดก็ไม่ควรมาอยู่ในห้องส่วนตัวของหัวหน้าแผนกเซลล์ไม่ใช่หรือไง!
นี่มันน่าหงุดหงิดเสียจริง
“ยังไงถ้าคุณว่างแล้วก็โทรมาละกัน”
“...”
“โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวก็ได้นะ เดี๋ยวผมใช้เบอร์มือถือบริษัทโทรกลับ ยังไงเดี๋ยวผมก็ต้องให้ปกป้องเขาไปทำเรื่องเบิกค่าโทรศัพท์คืนอยู่ดี”
ภูภูมิทิ้งท้ายกับเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่ปลายเตียง หัวหน้าแผนกการตลาดละสายตาจากกฤติมาเป็นนรินทร์ที่ยังคงยืนขาแข็งอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม ใบหน้าหล่อร้ายเหยียดยิ้มทิ้งท้ายเหมือนกับว่าตนเองรู้อะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเดินผิวปากออกจากห้องไปโดยปราศจากคำพูดเพิ่มเติม
ตอนนี้เหลือเพียงกฤติและนรินทร์เท่านั้น
ความเงียบที่น่ารำคาญปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ นรินทร์มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะวางสายตาเอาไว้ตรงไหน หากไม่ใช่เวลาที่ต้องใช้สมาธิิทำงาน นรินทร์ไม่ใช่คนที่ชอบความเงียบเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะความเงียบที่โอบล้อมรอบตัวเขาพร้อมกับความคลุมเครือและเคลือบแคลงใจแบบนี้
ในขณะที่นรินทร์กลายเป็นคนงุ่นง่าน กฤติทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในที่นี้
ชายหนุ่มเจ้าของห้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่จะปลดเนกไทของตัวเองที่ถูกชิดคอเพราะต้องขึ้นไปพูดบนเวทีออกมา ใบหน้าใต้แว่นสายตานั้นยังคงเรียบนิ่งเหมือนเคย ในหัวชายหนุ่มมีเพียงเรื่องงานที่จะต้องทำต่อหลังจากกลับไปที่ทำงานเท่านั้น
“คุณทำแบบนี้ได้ไง?”
เจ้าของห้องหันไปมองคนที่ย้ายตัวเองจากหน้าประตูเข้ามาใกล้เขามากกว่าเดิม ใบหน้าหล่อในตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์อะไรสักอย่างที่กฤติไม่รู้จัก และเขาก็ปวดหัวเกินกว่าที่จะมานั่งแยกแยะความมากสิ่งของอีกคนในตอนนี้
“ผมทำอะไร?”
“ในสัญญานั่น มันห้ามนอนกับคนอื่นถ้าเรานอนด้วยกัน...”
“...”
“แล้วทำไมคุณถึงได้ไปนอนกับเขา?” นรินทร์กลั่นกรองสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาอย่างช้าๆ ทั้งที่ในหัวตอนนี้มีแต่เสียงอื้ออึงและความคิดตีวนกันมั่วไปหมด
เขาอยากจะตวาดใส่อีกคนแต่ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่ง ซึ่งกฤตินั้น ก็ไม่ตอบอะไรให้นรินทร์สบายใจมากขึ้น ชายหนุ่มเพียงแค่ทำหน้านิ่งแบบเดิม ซึ่งมันโคตรน่าหงุดหงิดในสายตาลูกน้อง
“คุณนอนกับมันบ่อยเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“เป็นเรื่องของผมสิ เราสองคนทำสัญญากันไปแล้วนะว่าจะไม่นอนกับคนอื่นน่ะ แล้วคุณแม่ง... ทำไมขัดใจงี้วะ โว้ย!”
นรินทร์ระบายความหงุดหงิดของตัวเองด้วยการขยี้ผม เขาหงุดหงิดทุกอย่าง อยากจับตัวหัวหน้ามาเขย่าให้อะไรสักอย่างหลุดออกมาจากปากบางๆ นั่น
“ตอนนี้ผมไม่ได้ทำแล้ว”
“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ? นอนกับมันมาขนาดไหนแล้วอ่ะ?”
“ก็นอนกับเขามามากกว่าที่นอนกับคุณละกัน”
สิ้นเสียงกฤติ ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ใบหน้านรินทร์เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่กฤติที่หันหน้าออกไปทางระเบียงไม่ทันได้เห็นมัน
“คุณแม่ง...”
“...”
“พูดอะไรมั้งสิวะคุณ!”
นรินทร์เสียงดังขึ้นมาอย่างเหลืออด เหมือนกับตัวเองเป็นสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังโดนแย่งเจ้าของ เขาตวัดเสียงด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
หากแต่ ไม่ใช่นรินทร์คนเดียวที่โมโหเป็น
“คุณจะให้ผมพูดอะไร” กฤติพูดออกมานิ่งๆ น้ำเสียงยังคงราบเรียบดั่งทะเลยามเย็นที่ไร้ลม “ตัวคุณเองก็มีภรรยามาด้วยนี่ครับ”
“แต่ผมไม่ได้นอนกับเนตร—“
“งั้นผมก็ไม่ได้นอนกับคุณภูภูมิเหมือนกัน”
ความเงียบที่น่ารำคาญใจ กลับมาเยี่ยมพวกเขาทั้งคู่อีกครั้ง
ชายหนุ่มทั้งสองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายนรินทร์ก็เป็นฝ่ายละสายตาออกมาเพราะโทรศัพท์เข้า ชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้ากฤติอีกครั้ง ก่อนจะรับสายที่โทรเข้ามา
“ว่าไงลูก”
กฤติผินใบหน้าออกไปนอกระเบียงอีกครั้งทั้งที่ต้นไม้ใบหน้าตรงนั้นไม่มีอะไรน่าดูมากนัก เสียงชายหนุ่มแปลกหน้าที่คุยกับลูกสาวค่อยๆ เบาลง เบาลง
จนหายไปในที่สุด
นัยน์ตาดำหลังแว่นกรอบดำสนิทหันกลับมาที่เดิม ห้องนอนของเขาเงียบสงบ นอกจากเก้าอี้ที่วางไม่เป็นที่เพราะอีกคนจับย้ายเมื่อกี้ ห้องของชายหนุ่มก็กลับมาไร้คนรบกวนอีกครั้ง
นรินทร์ออกไปแล้ว
ออกไปทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์กับลูกสาวค้างอยู่
หัวหน้าแผนกเซลล์ถอนหายใจ ทั้งที่ไม่มีตัวกวนแล้ว แต่ความคุกรุ่นข้างในยังคงไม่จางหาย โน้ตเข้ามาเหมือนพายุฤดูร้อน ที่ทิ้งซากตะกอนความรู้สึกงี่เง่าทิ้งเอาไว้ก่อนจะจากไปอย่างสบายตัว โดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะต้องอยู่กับเรื่องไร้สาระที่อีกคนเอามาปล่อยไว้แต่อย่างไร
ชายหนุ่มปลดเปลื้องความหนักอึ้งของก้อนอะไรบางอย่างออกไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่ใส่ขึ้นประชุม เมื่ออยู่ในชุดสบายตัวแล้วนั้น หัวหน้าแผนกคนเก่งก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังใหญ่ในทันที
ให้ตาย กฤติไม่ชอบเวลาที่ในหัวตัวเองมีแต่เรื่องไร้สาระแบบนี้ชะมัด
.
.
.
กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณพ่อลูกหนึ่งก็อยู่บนรถทัวร์พร้อมกับนิ้งและเนตรเรียบร้อย
เขาเดินคุยโทรศัพท์กับลูกออกมาจากห้องของกฤติ ตรงกลับไปที่ห้องของตัวเองทันทีเพราะว่าลูกสาวบ่นหิวข้าว แล้วอยากให้พ่อกับแม่ทานข้าวพร้อมกันมากๆ ชายหนุ่มที่ตั้งใจว่าจะสั่ง Room Service มาให้เนตรและนิ้งทานต้องพับโครงการและพาทั้งครอบครัวออกไปกินข้าวกับบริษัทอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเทคแคร์ลูกและแฟนเก่าที่พามาด้วย เพียงแค่เขาเองก็เบื่อการสวมบทบาทพ่อบ้านที่ดีอย่างที่คนในบริษัทเข้าใจเหมือนกัน
ยิ่งงานที่มีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีใครเผลอเมาแล้วมาพูดจาแซวแรงๆ กับเนตรหรือว่านิ้งหรือไม่ กับลูกน่ะเขาไม่ยอมแน่ แต่กับเนตรนั้น ถึงแม้จะไม่ได้รักกันแล้วแต่เนตรก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ควรที่จะถูกแทะโลมจากใคร
บทรถทัวร์นั้นบรรยากาศคึกคัก พนักงานในบริษัทต่างจับคู่กับกลุ่มสนทนากันราวกับว่าไม่ได้ติดต่อกันเนิ่นนาน ทั้งที่ความจริงเพิ่งจะประชุมกันเมื่อครู่ แต่บรรยากาศผ่อนคลายบนรถทัวร์ที่มีแต่คนกันเองนั้นทำให้หลายคนเป็นตัวของตัวเองอย่างสนุกสนาน
เสียงคนรอบข้างไม่ได้ดึงความสนใจนรินทร์มากนัก เขาปฏิเสธขาไพ่จากไอทีที่มาชวนเขาไปร่วมตั้งวงด้วยด้านหลังพร้อมตะโกนแซวเขาและครอบครัวเป็นพิธี
“หนูอยากเลี้ยงหมาใช่มั้ยคะ?”
“อยากค่ะ!”
“โอเค อาเอิร์ธเขาถามมา ไว้เราย้ายไปบ้านใหม่กันแล้วเราซื้อหมาตัวโตๆ เอาไว้เลยดีมั้ยคะ?...”
เสียงของแฟนเก่าและลูกลอยผ่านหูชายหนุ่มไปอย่างไม่ได้รับความสนใจมากนัก เขาปล่อยให้ผู้หญิงสองคนนั่งหน้าด้วยกัน ในขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ด้านหลัง
เมื่อถามว่าทำไมตัวเขาถึงไม่ขับรถออกมา คำตอบก็คงจะเป็นเพราะว่าเขากำลังไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากขับรถเท่าไหร่ หัวสมองของนรินทร์มีเพียงเหตุการณ์เมื่อครู่กับไม่พอใจ
เขารู้ว่าตัวเองกำลังไม่พอใจอะไร
แต่เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
กฤติเป็นเพียงหัวหน้า เป็นคู่นอน เป็นเพื่อนเล่น เป็นแค่คนเด็กกว่าที่ทำวางท่าเคร่งขรึม ใส่ชุดสูทผูกเนกไทที่เซ็กซี่สัด แค่เด็ดทุกท่วงท่า แค่น่ารักตอนร้องไห้ แค่ใจดีฉิบหาย
เออ แม่งแค่นั้นเองไง
“คุณพ่อคิดอะไรอยู่คะ ทำไมไม่ลงมาสักที?”
นรินทร์มองไปรอบๆ รถทัวร์ที่ขนกันมาร้านอาหารบรรยากาศดีใกล้รีสอร์ตจอดนิ่ง คาดว่าคงเพิ่งถึงเพราะคนในบริษัทหลายคนเดินกันอยู่ตรงพื้นด้านล่างที่มองเห็นจากหน้าต่างรถ ชายหนุ่มหันกลับมาที่เสียงด้านข้าง น้องนิ้งลูกสาวยืนเกาะแขนเขาอยู่ ใบหน้าน่ารักดูเหมือนจะงอนเล็กน้อย
“คุณแม่ล่ะคะ?”
“คุณแม่รออยู่ข้างล่างค่ะ บอกให้นิ้งมาตามคุณพ่อลงไปด้วยกัน”
นรินทร์พยักหน้ารับลูกสาวพร้อมส่งยิ้มให้แล้วเดินลงไปด้วยกัน ข้อเสียอย่างหนึ่งของเขาคือเวลาที่หมกมุ่นอยู่กับอะไรแล้วเขามักจะหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกเลย เหมือนตอนนี้ที่เพิ่งจะรู้ว่ารถมาถึงที่หมาย ตามปกติถ้าขับรถอยู่เวลาเป็นแบบนี้มันจะไปถึงที่หมายแบบไม่รู้ตัว หรือไม่ก็หลงไปเลยเพราะไม่มีสติ
“เดี๋ยวผมเดินนำไปก่อนละกัน”
“ค่ะ”
บทสนทนาอันน่าอึดอัดของนรินทร์กับแฟนเก่ามีเพียงเท่านั้น พวกเขาทั้งสามคนเดินเข้าไปที่ร้านอาหาร โต๊ะขนาดกลางที่นั่งอยู่กับครอบครัวของพนักงานอีกคนที่พาลูกมาด้วยเหมือนกัน นรินทร์ตักข้าวคุยกับลูกสาวและคุยกับคนนั้นคนนี้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ในใจเขายังคงคิดไม่ตกเรื่องเมื่อเย็นอยู่
พูดถึงกฤติ นรินทร์ไม่รู้ว่าตอนนี้กฤตินั่งอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ
ในร้านอาหารบรรยากาศบ้านสวนเวลากลางคืนนี้ ถึงแม้ว่าเหมาร้านอาหารไว้แต่พนักงานมีเยอะมากจนนรินทร์ไม่สามารถหาหัวหน้าของตัวเองท่ามกลางคนนับร้อยได้เจอ
ไม่ใช่ว่าไปนั่งกับไอ้ภคุณภูภูมินั่นอีกนะ
เพียงแค่คิดใบหน้าใจดีของชายหนุ่มก็แทบจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยอัตโนมัติ เขาไม่สามารถทนภาพในหัวถ้ากฤติกับภูภูมิจะนัวเนียกัน มันน่าโมโหในระดับที่แม้แต่น้องนิ้งที่นั่งข้างๆ ก็รู้สึกได้ ชายหนุ่มเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ให้ลูกสาวตอนที่เธอถามว่าเขาเป็นอะไร ก่อนจะขอตัวออกไปห้องน้ำอย่างสุภาพ
“แม่ง… เฮ้อ”
ชายหนุ่มเริ่มลงมือทำธุระของตัวเอง ร้านอาหารขนาดกลางแบบนี้มีสุขภัณฑ์สำหรับปล่อยเบาเพียงสองล็อกเท่านั้น โชคดีที่ห้องน้ำตอนนี้ไม่มีใคร เขาจึงไม่ต้องหงุดหงิดเพิ่มจากการรอคิวใช้ห้องน้ำ
โน้ตต้องการอากาศหายใจ ก่อนที่เขาจะเป็นบ้าไปจริงๆ
แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้างเขามากนัก
“คุณโน้ต”
เสียงทักตอนที่เขากำลังทำธุระเรียกให้ชายหนุ่มหันไปมอง ใบหน้าหล่อแต่ดูเจ้าเล่ห์ของตัวทำอารมณ์หงุดหงิดของเขามาอยู่ข้างๆ นรินทร์พยายามขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้ส่งยิ้มมารยาทให้กับคนที่มายืนทำธุระอยู่ด้านข้าง
“คุณภูภูมิ”
ไร้คำทักทายที่มากกว่านั้น นรินทร์เพียงแค่ตอบรับอีกคนด้วยเสียงราบเรียบสวนทางกับความหัวร้อนข้างใน ชายหนุ่มรีบรูดซิป ในหัวมีแต่คำสบถมากมาย ขนาดหนีมาปล่อยเบายังไม่สามารถทำอย่างสบายใจได้เลยให้ตายสิ
“พาครอบครัวมาด้วยเหรอครับ?”
“ครับ” นรินทร์ตอบรับอย่างเสียไม่ได้ “ลูกสาวอยากมาน่ะครับ”
“ลูกสาวคุณน่ารักมาก ผมชอบเวลาลูกยังเป็นเด็กๆ แบบนี้อยู่นะครับ ตอนนี้มันโตจนไม่มายุ่งกับผมแล้วเนี่ย โลกส่วนตัวสูงตามสไตล์วัยรุ่น”
“วัยรุ่นก็แบบนี้แหละครับ ฮ่าๆ”
นรินทร์หัวเราะแกนๆ เขาไม่เคยเห็นหน้าลูกชายของภูภูมิ แต่ก็คงเป็นธรรมดาทั่วไปตามประสาวัยรุ่นที่อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวในชีวิตบ้าง เพราะตัวเขาสมัยมัธยมไม่ยอมแม้แต่จะให้แม่เข้ามาทำความสะอาดห้องด้วยซ้ำ
“ผมเข้าใจคุณนะ คุณโน้ต”
“ครับ?”
นรินทร์ที่กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่ล้างและสะบัดมือเสร็จ หันกลับไปมองคนที่เพิ่งจะรูดซิบกางเกงด้วยความไม่แน่ใจการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันนี้ ซึ่งอีกคนก็เหมือนจะรับรู้ ภูภูมิพูดต่อ
“ที่คุณจะนอกใจเมียมานอนกับกฤติน่ะ ผมเข้าใจ”“...”
ในใจนรินทร์อยากถามว่า ‘คุณพูดเหี้ยอะไรวะ?’ แต่อีกฝ่ายไวกว่า เลยพูดต่อก่อน
“กฤติเขาโคตรยั่วขนาดนั้น ใครจะอดใจไหววะ เนอะคุณ”
“คุณพูดเหี้ยอะไรนะ?”
ตอนนี้นรินทร์มีสติและปากไวมากพอที่จะถามกลับไป น้ำเสียงเขาดูหาเรื่อง พอๆ กับหน้าตาทะมึงทึง หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
“พูดเรื่องเหี้ยๆ ที่คุณทำไง สบายใจได้ เพราะผมก็ทำ”
“ผมทำเหี้ยไว้หลายอย่าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่คุณกำลังพูดแน่”
“ที่นอนกับหัวหน้าแผนกตัวเองน่ะเหรอ? โหยคุณ ไม่ต้องอาย ผมก็เคยเอากฤติ” ไอ้เหี้ยภูภูมิ
นรินทร์รู้สึกได้ว่าคลื่นความร้อนแล่นริ้วไปทั่วทั้งหน้าและลำคอ ที่ใบหูของเขาร้อนผ่าว ตอนนี้นรินทร์เหมือนภูเขาไฟร้อนระอุที่เตรียมจะปะทุในไม่ช้า ถ้าหากไอ้สวะมนุษย์ตรงหน้าพูดออกมาอีกคำเท่านั้น
“ผมไม่ได้นอกใจแม่ของลูก”
“แหมคุณ ผู้ชายป่าววะ ใครๆ เขาก็ทำกัน ไม่ต้องเขิน”
“ไม่ได้เขิน แต่ผมไม่ได้นอกใจเขา”
“แต่ไปนอนกับกฤติเนี่ยนะ?”
อีกฝ่ายทวนคำเสียงสูงด้วยใบหน้ากวนประสาท คิ้วคมยกขึ้นพร้อมกับมุมปากที่เบะลง คล้ายกับว่ากำลังฟังนิทานลวงโลก
“เรื่องบนเตียงของผมคุณไม่ต้องรู้ก็ได้มั้งครับ ไม่ได้ลงหน้าหนึ่งไทยรัฐ”
“มองแว้บเดียวก็รู้แล้ว มีการ์ดเข้าห้องขนาดนั้น ยอมรับมาเถอะหน่า เผื่อวันไหนจะได้ทรีซัมกันไงคุณ ขำๆ”
“กูไม่ขำ”
เพราะความโมโหหรือไวน์ที่เปิดระหว่างทานอาหารก็ไม่รู้ที่ทำให้นรินทร์ขึ้นกูมึงกับคนในบริษัทที่ตำแหน่งสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว
“แต่กูขำ”
ภูภูมิหันมายักคิ้วกวนประสาทให้นรินทร์อีกครั้ง อีกฝ่ายเองก็อาจจะเมาหรือไม่ก็ไม่มีมารยาทเช่นกัน นรินทร์ไม่ได้สนใจเหตุผลของอีกคนขนาดนั้น เพราะคำพูด ที่ออกมาจากปากนรกนั่นน่าหงุดหงิดกว่าเยอะ
“ยิ่งตอนที่เขาอมให้นะ โอโห โคตรสวรรค์ กูอดที่จะจับหัวเขากระแทกไม่ได้เลย กับเมียก็ทำให้ปลดปล่อยออกมาเยอะขนาดนั้นไม่ได้ โคตรเด็ด”
“พูดอะไรให้เกียรติคนอื่นมั่งมั้ย? ถ้าใครมาได้ยินจะเป็นยังไง?”
นรินทร์พูดเสียงต่ำ หากเป็นสมัยเรียนเขาคงพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายอย่างไม่รีรอแล้ว แต่เมื่ออายุเข้าเลขสาม ความยับยั้งชั่งใจมันก็มีมากขึ้นตามลำดับ…
“ให้เกียรติคนที่อ้าขาให้ผู้ชายหล่อๆ ไปทั่วอย่างกฤติน่ะเหรอ? ไร้ประโยชน์ว่ะคุณ ทำตัวอย่างกับเบอร์ตองในอาบอบนวด แค่ดีกว่าแล้วก็เอาฟรี เสียแค่ค่าถุงยางเอง”
“ไอ้เหี้ยภูภูมิ!!!”
ชั่งใจเหี้ยอะไร! ชั่งแม่งแล้วเว้ยตอนนี้ ถ้าไม่ได้เอาเลือดในปากมันออกอย่ามาเรียกเขาว่า นรินทร์ นิ้วกลาง!!
‘ผลัก!!!!’
“โอ๊ย!!”
นรินทร์พุ่งเข้ากระชากคอเสื้ออีกคนแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าหน้าคู่กรณีทันที ภูภูมิที่ไม่ทันได้ระวังตัวเซไปชนกระจก ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตั้งตัว นรินทร์ก็จับคอเสื้อไอ้ชาติชั่วขึ้นมาใหม่แล้วฝากหมัดลงไปอีกครั้ง
‘ปัก!’
“ไอ้เดนนรก!”
เขาอาจจะโดนวอร์นนิ่ง โดนไล่ออก หรืออะไรก็ช่างแม่งเถอะ ตอนนี้สิ่งเดียวที่โน้ตต้องการคือกระทืบไอ้ภูภูมิให้มันตายคาเท้าเขาเท่านั้น
ถึงแม้ว่านรินทร์จะเป็นต่อในตอนแรก แต่เพียงครู่เดียวภูภูมิก็เริ่มตั้งสติแล้วสวนหมัดลุนๆ ไปที่ช่วงลำตัวของนรินทร์เช่นเดียวกัน
‘ปึก!’
“คิดว่ามีมือคนเดียวหรือไงไอ้เหี้ย!”
เสียงต่อยและก่นด่าของทั้งสองคนถูกดนตรีสดภายนอกกลบหมด อีกทั้งร้านนี้มีห้องน้ำให้บริการหลายจุด และห้องน้ำแห่งนี้เป็นมุมอับ จึงไม่ได้เป็นที่สนใจของใครมากนัก เว้นแต่บุคคลหนึ่งที่เพิ่งจะวิ่งหนีเพื่อนรุ่นน้องมาทางนี้พอดี
“เฮ้ย!”
ปกป้อง เลขาตัวผอมแห้งของภูภูมิตกใจกับภาพที่เห็น เขาหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร หากเทียบกันแล้วตัวเขาเล็กกว่าทั้งภูภูมิและนรินทร์มาก เหมือนตัวเองเป็นลูกเจี๊ยบที่จะเข้าไปห้ามสิงโตกับจระเข้ที่กำลังตีกันอยู่ ยังไงก็ไม่รอดแน่นอน เลขาหนุ่มนิ่งเล็กน้อย ก่อนจะส่งข้อความหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะพึ่งได้มากที่สุดในขณะนี้
ปกป้อง: คุณกฤติครับ
ปกป้อง: คุณภูภูมิกับคุณนรินทร์ต่อยกันในห้องน้ำ ฝั่งสวนด้านในครับ
ปกป้อง: รีบมาที
ปกป้อง: *share location* นับเป็นโชคดีของชายหนุ่มตัวผอมที่ข้อความขึ้นอ่านแล้วทันทีราวกับว่าเจ้าตัวกำลังจับมือถืออยู่ ในระหว่างนั้นตัวปกป้องพยายามเข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เนื่องจากภูภูมิคว้าคอเสื้อเขาแล้วเหวี่ยงออกจากรัศมีการต่อสู้ทันทีที่อีกฝ่ายสามารถเข้าถึงตัวเขาได้
นี่มันวันอะไรกัน? เมื่อกี้เขาเพิ่งจะวิ่งหนีแทนใจรุ่นน้องที่รู้จัก กับเมโปรเจคเมเนเจอร์ที่เหมือนนกับจะไม่พอใจเขาที่ไปคุยกับแทนใจเยอะเกิน เลยส่งสายตาอาฆาตมาให้ พอจะมาล้างหน้าก็ดันเจอหัวหน้าตัวเองกำลังต่อยกับลูกน้องคุณกฤติอยู่อีก
“หยุด! เป็นบ้าอะไรกัน!!”
รอไม่นาน เสียงสวรรค์ในความคิดของปกป้องก็ดังขึ้น กฤติมาในสภาพที่เหงื่อซกคล้ายกับว่ารีบวิ่งมา ใบหน้าเรียบนิ่งที่แทบไม่แสดงอารมณ์อะไร บัดนี้นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง น้ำเสียงฉุนเฉียวของคนคุ้นเคยอย่างกฤติ มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้นรินทร์หยุดชะงัก ซึ่งวินาทีนั้นเองที่เขาโดนหมัดของอีกฝ่ายสวนเข้ามาอย่างจัง
‘ปั่ก!’
“บอกให้หยุดไง ภูภูมิ หยุด!!”
คนที่โดนเรียกชื่อไม่สนใจ ภูภูมิขึ้นคร่อมนรินทร์ที่เสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหล่อร้ายแสยะยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนที่จะปล่อยหมัดใส่คนช่องท้องข้างใต้ไม่ยั้ง
“เป็นบ้าหรือไงวะ บอกให้หยุด!”
เมื่อใช้ภาษาคนไม่ได้ผล กฤติหยิบสายยางที่อยู่ตรงเท้าของเขาขึ้นมา หัวหน้าแผนกเซลล์เปิดก๊อกจนสุด แล้วปล่อยให้น้ำสาดเข้าไปที่ภูภูมิทันที
‘ซ่า!!!!’
“คุณทำอะไรเนี่ย? เปียกหมดแล้ว แม่ง”
“ผมสิต้องถาม”
กฤติไม่สนใจคนที่มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มหน้าของภูภูมิ รอยช้ำบางส่วนบนหน้าของลูกน้อง หรือแม้กระทั่งปกป้องที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังอย่างไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่ เขาโมโหจนตัวสั่น และยิ่งโกรธเมื่อเห็นว่าคู่กรณีที่ทำให้ปกป้องเรียกเขามานั้นนอนอยู่ที่พื้นด้วยสภาพที่เหมือนกับอันธพาลที่เพิ่งแพ้ยับมาจากการยกพวกตีกับโรงเรียนข้างๆ
“เป็นบ้าอะไรกัน? มาต่อยกันแบบนี้ถ้านายมาเห็นไม่โดนไล่ออกทั้งคู่เลยเหรอ? ทำอะไรมีสติมั่งมั้ย? โตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงแล้วยังมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก”
“ถามลูกน้องคุณเถอะ มันเริ่มก่อนทั้งนั้น”
ภูภูมิโบ้ยความผิดให้นรินทร์ที่ยังนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น หากแต่กฤติไม่สนใจ เขาไม่โกรธจนรู้สึกเหมือนควันจะออกหู โตกันจะตายอยู่แล้วยังมาทำตัวเหมือนคนไม่มีสมองแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน
“คุณกลับโต๊ะไปก่อน เดี๋ยวผมคุยกับนรินทร์เอง”
“เหอะ พวกสมภารกินไก่วัด”
“...”
กฤติหลับตากลั้นอารมณ์คุกรุ่นที่ปะทุขึ้นมาอย่างน่ากลัว แต่เพราะพื้นเพไม่ใช่คนใจร้อน ชายหนุ่มปล่อยคำพูดไร้ค่านั้นทิ้งเหมือนกับกดชักโครก กฤติฝากให้ปกป้องดูแลเจ้านายตัวเองไป ในขณะที่เขาลากนรินทร์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นออกมาจากตรงนั้น
“ไปยุ่งกับเขาทำไม”
กฤติถามคนที่อยู่ข้างๆ ขณะที่พาอีกฝ่ายออกมานั่งตรงม้านั่งใกล้ๆ กัน โชคดีที่เขาขับรถตามมาที่ร้านอาหารเพราะไม่อยากเบียดกับคนอื่นบนรถ แถมคนส่วนใหญ่ยังทยอยกลับไปก่อนแล้ว กฤติจึงไม่ต้องหาข้ออ้างมากมายในการหายตัวจากโต๊ะนานเกินไป
หัวหน้าแผนกฝากให้คุณอัญมณีเลขาไปบอกครอบครัวของนรินทร์ว่าเจ้าตัวมีคุยงานกับเขาต่อเลยจะตามกลับไปทีหลัง ในขณะที่ช่วยไอ้ตัวปัญหาที่นั่งกุมท้องอยู่ข้างๆ นั้น ในหัวก็คิดบ่นอีกคนไปพร้อมกันด้วย
เอาลูกเอาแฟนเก่ามาแล้วตัวเองดันต่อยกับคนอื่นจนมีสภาพแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน
“ก็แม่งเหี้ย”
“คุณก็รู้ว่าเขานิสัยไม่ดี แล้วไปยุ่งด้วยทำไม?”
“ก็มันว่าคุณง่าย ผมไม่ชอบ”“...”
หัวหน้าแผนกคนเก่งนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบซื่อตรงแบบนั้น ทั้งที่กฤติควรจะรู้สึกไม่พอใจที่รู้ว่าภูภูมิพูดถึงตัวเองอย่างน่ารังเกียจ แต่เขาดันรู้สึกแปลกประหลาดกับคำพูดของนรินทร์แทน
มันไม่ใช่ความโกรธ มันเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้สาระ
ไร้สาระมากๆ ไร้สาระที่สุด!
“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งพูดว่าคุณแบบหยาบคายฉิบหาย แค่ได้ยินว่ามันนอนกับคุณผมก็โคตรจะขึ้นแล้ว มันยังมาว่าคุณแบบเสียๆ หายๆ อีก ชีวิตไม่เคยคิดเรื่องดีเลยหรือไงวะ ไอ้สวะเอ๊ย!”
“...”
ทำไมกฤติถึงได้ยินแต่คำว่า ‘แค่ได้ยินว่ามันนอนกับคุณผมก็โคตรจะขึ้นแล้ว’ จากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินอะไรที่นรินทร์พูดต่ออีก
นี่มันเรื่องไร้สาระ!
ไม่ได้เรื่องเลย!
ในขณะที่กฤติกำลังทะเลาะกับตัวเองอย่างหนักหน่วง นรินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอามือเขาไปจับไว้ ใบหน้าดูไม่ได้ของอีกคนมองตรงมา กฤติยังคงทำหน้านิ่งแม้ในใจจะมีแต่คำว่า ‘ไร้สาระ!’ กับ ‘นี่มันไม่ได้เรื่อง!’ ตะโกนแข่งกันอยู่ก็ตาม
“คุณไม่ไปยุ่งกับมันไม่ได้เหรอ?”
“...”
“ผมซกมกก็จริง กวนส้นตีนด้วยก็ได้ แต่ผมไม่เคยคิดกับคุณต่ำๆ แบบนั้น และไม่มีวันเอาคุณไปว่าเสียหายแบบที่มันทำแน่นอน”
“...”
“อย่าไปยุ่งกับเขาอีกเลยนะ ยุ่งแค่กับผมคนเดียวนะครับ…”
นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระจากปากนรินทร์ ที่ทำให้กฤติหยุดคิดไม่ได้เลยจริงๆ
------- TBC -------
เนี่ย ไม่ได้เรื่องเลย!
แฮปปี้นิวเยียร์นะคะ
ตอนหน้าจะมาประมาณอาทิตย์หน้าค่ะ
ปีใหม่นี้เราจะพยยามอัพเยอะๆ ถี่ๆ มากขึน ตามเท่าที่ไหว
ขอบคุณี่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สามารถพูดคุยกันในนี้ หรือที่ #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์ นะคะ