8th Sunday #คนที่นอนข้างกันในวันอาทิตย์
กฤติถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องจำเป็นในชีวิต แต่มันเป็นเรื่องของคนที่น่ารำคาญที่สุดในโลกต่างหาก!
“ถ้าถึงห้องแล้วปลอบผมหน่อยนะ” “ไม่ครับ”
ชายหนุ่มเจ้าของรถพูดซ้ำคำเดิมรอบที่สาม แล้วก็ได้ยินเสียงลูกน้องน่ารำคาญพูดจาตัดพ้อว่าทำไมถึงไม่ยอมปลอบเหมือนตอนที่เขาปลอบอีกฝ่ายครั้งแรก ทำไมไม่ยอมให้ทำ โน้ตอยากทำกับเขามากอะไรก็ไม่รู้
กฤติไม่ได้สนใจมากนัก เขาไม่อยากปล่อยให้เรื่องไร้สาระมารบกวนการขับรถของตัวเอง แม้ว่าคนข้างๆ จะกุมท้องเรียกร้องความสนใจ แล้วทำเหมือนว่าตัวเองเจ็บปวดเสียเต็มประดาก็ตาม
“นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ?”
“...”
“แค่รอบเดียวก็ได้”
“...”
“ผมต้องการการปลอบใจจริงๆ นะ ไอ้เหี้ยนั่นต่อยผมแรงมากเลยนะคุณ ตอนนี้ยังจุกอยู่เลยเนี่ย ต้องช้ำแน่นอน ท้องผมก็จะเขียวเป็นปื้นๆ แล้วน้องนิ้งก็จะร้องไห้เพราะคุณพ่อ--”
“เงียบได้หรือยังครับ ผมรำคาญ”
“...”
กฤติพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งธรรมดา แต่นรินทร์กลับรีบปิดปากสนิทราวกับกลัวว่าถ้าเขาพูดต่อไป อีกคนจะเปิดกระจกแล้วโยนลูกน้องที่ไร้ทางสู้ออกไปข้างนอกอย่างโหดร้าย ถึงแม้ว่านรินทร์จะตัวใหญ่แล้วก็แรงเยอะกว่ากฤติมาก แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะคุณกฤติได้เลยสักทาง
ชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งเงียบๆ มาจนกระทั่งถึงที่พัก นรินทร์เหลือบมองคนหน้านิงด้านข้างที่กำลังจะจอดรถ เขาพบว่าตัวเองชอบชุดที่กฤติใส่วันนี้มากกว่าที่คิด เชิ้ตพอดีตัวที่ปลดกระดุมเม็ดบน กับกางเกงสแล็คสีเข้ม ดูไม่เป็นทางการมากเกินไป แต่ก็โคตรเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน
ใบหน้านิ่งจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่สว่างวาบขึ้นมา ปากบางที่คอยพูดจาเชือดเฉือนเขาเม้มลงเหมือนใช้ความคิด นรินทร์เผลอจ้องมองอย่างไม่รู้ตัว กฤติคงไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวมัวแต่หน้าทำนิ่วคิ้วขมวดใส่โทรศัพท์แล้วพิมพ์อะไรสักอย่างลงไป น่าจะเป็นแชท หรืออะไรก็ช่าง สำหรับโน้ตในวินาทีนี้ ไม่มีสิ่งไหนน่าสนใจเลยสักนิดหากเทียบกับคนข้างๆ
ทั้งที่กฤตินั้นเป็นเหมือนกับทุกวัน แต่นรินทร์กลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ น่ามอง กว่าเดิม
“คุณ…”
โน้ตไม่รู้ว่าตัวเรียกอีกคนทำไม เขาแค่อยากให้กฤติเงยหน้าจากจอขึ้นมาสนใจตัวเองบ้าง ซึ่งเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะอีกคนยังคงจ้องมองโทรศัพท์อยู่แบบนั้น
“คุณกฤติ…”
ยังคงไม่ได้ผล นรินทร์อาจจะไม่ได้มีความน่าสนใจมากเกินกว่าฝุ่นหน้ากระจกเท่าไหร่ หัวหน้าเขาถึงไม่ชายตามาทางนี้เลยสักนิด
ไม่มองใช่มั้ย ได้!
“มีอะ… อื้อ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว นรินทร์ปล่อยให้ความต้องการเข้าครอบงำการกระทำ เขาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอียงตัวไปจับหน้าอีกคนมาจูบอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่กฤติจะได้ทันคิดคำด่าด้วยซ้ำ
หัวหน้าคนเก่งต่อต้านในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ยอมปล่อยให้โน้ตทำตามอำเภอใจ ถึงแม้จะไม่ได้ตอบรับเต็มที่เหมือนตอนที่อีกฝ่ายมีอารมณ์ แต่นรินทร์ก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขึ้นสวรรค์
เขาเหมือนคนบ้า นรินทร์คิดว่าเขาน่าจะเสพติดหัวหน้าของตัวเองไปแล้ว
ยิ่งได้จูบก็ยิ่งได้ใจ มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกคนอย่างจาบจ้วง ความร้อนใต้ผิวหนังกับความตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มลองอาหารชั้นเลิศทำให้นรินทร์รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เขาอยากจะพลิกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอีกคน แล้วจูบกับกฤติยันเช้า เขาอยากจะ…
“โอ๊ย!!!!”
คุณพ่อลูกหนึ่งร้องออกมาเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณช่องท้องของตัวเอง เมื่อกี้หัวหน้าคนเก่งเอื้อมมือมาลูบกล้ามหน้าท้องเขานี่ไม่ได้จะเร้าอารมณ์อย่างที่ชายหนุ่มคิด แต่ว่าดันหยิกเอาเนื้อบริเวณที่ช้ำ ซ้ำรอยที่โดนชกอย่างไม่ปราณีเลยสักนิด
“คุณ! ทำอะไรเนี่ย”
“ทำโทษ”
กฤติพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามสไตล์ เจ้าของรถดับเครื่องเตรียมลุก เชื่อเถอะว่าหากยังนั่งเปิดแอร์กันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาอาจจะไม่ได้ขึ้นห้องแน่ๆ นรินทร์ในตอนนี้เหมือนหมาตัวใหญ่ที่ไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
“ทำโทษ?”
นรินทร์ทวนคำอย่างงงๆ ในหัวคือคำถามประเภทว่า ทำโทษอะไรวะ หรืออยากเล่นโรลเพลย์ครูนักเรียน? ทั้งที่มือยังคงกอบกุมท้องตัวเองเอาไว้ คนอะไรวะ มือหนักฉิบหาย
“ผมไม่ให้คุณทำ”
“ทำไมอ่ะ?”
กฤติถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายถามสวนขึ้นมาทันที แถมยังทำหางลู่หูตกอีกต่างหาก นี่นรินทร์ไม่ได้รับการฉีดยาระงับความบ้าหรือไงกันนะ
“ก็แฟนคุณกับลูกคุณอยู่ด้วย แล้วคุณจะยังมานอนกับคนอื่นอีกงั้นเหรอครับ?”
กฤติพูดอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นทำให้นรินทร์นิ่งไปชั่วครู่ เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่จะยักไหล่แล้วพูดตอบกลับแบบง่ายๆ
“เนตรเป็นแฟนเก่า เขาไม่มีสิทธิว่าอยู่แล้วถ้าผมจะมีเซ็กส์กับใคร ส่วนลูกผมน่าจะดีใจถ้าคุณพ่อมีความสุข แบบยิ่งคุณใส่ชุดนักศึกษาผมยิ่งมีความสุข”
“...”
คนอะไร ทำไมหน้าไม่อายขนาดนี้นะ!
“น่านะคุณ ผมเจ็บอยู่นะ เนี่ยมาดูแลนรินทร์น้อยหน่อยเร็ว”
กฤติทำหน้านิ่งมองคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับพูดจาอ้อนด้วยหน้าตากวนประสาท พร้อมทั้งพยักเพยิดไปทางเป้ากางเกงตัวเองอย่างไร้ยางอาย
“ไม่!” กฤติพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย “คุณห้ามแตะต้องผมที่นี่ ห้ามเด็ดขาดเลยนะ!”
“งั้นกลับไปคุณใส่กระโปรงนักศึกษาออนท็อปผมนะ?”
“...”
คนเราจะสัปดนได้ถึงไหนกัน!?
“ไม่”
“ถ้าผมยอมไม่แตะต้องคุณที่นี่ได้ ผมชนะ คุณจะต้องใส่กระโปรงนักศึกษาขึ้นให้ผม แล้วถ้าผมแพ้แค่อยคิดละกัน เลี้ยงส้มตำเอามั้ย? เอา โอเค ตกลงนะ?”
“ไม่!”
“โอเค ดีล”
ฟังภาษาคนบ้างสิ!
เมื่อรู้ว่ายังไงก็เถียงไม่ได้เพระอีกคนหัวทึบเกินจะเสวนาด้วย กฤติจึงไม่เสียเวลาอยู่ตรงนี้ต่อ เขาไล่โน้ตลงจากรถของตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปที่ห้องพัก โดยระหว่างนั้นคนที่ควรจะสำนึกบ้าง ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างๆ เขาไม่ห่าง คล้ายกับว่าที่โอดครวญว่าเจ็บปวดนักหนามาตลอดทางนั้นไม่ใช่เรื่องจริงง
พอกฤติตวัดตาไปมอง อีกคนก็เหมือนรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำเก่ง นรินทร์รีบยกมือขึ้นกุมท้องทันทีราวกับสั่งได้
“โอ๊ยๆ เจ็บจังเลย”
มันน่าทิ้งใส่ถังขยะเปียกแถวนี้จริงๆ!
ทั้งที่เมื่อกี้เขาก็ขอยาแก้ปวดกับยาแก้สักเสบจากในร้านอาหารให้กินตั้งแต่ก่อนจะขึ้นรถแล้วแท้ๆ ไม่รู้จะทำท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวไปจนถึงเมื่อไหร่กัน
พอยิ่งมองอีกคนเดินช้าๆ แล้วทำหน้าทรมานกฤติก็ยิ่งเกิดความลังเลในใจ
หรือว่าจะปวดจริงๆ?
เพียงเสี้ยววินาทีที่กฤติหันไปมองอีกคนพร้อมกับยื่นมือออกไปหมายจะช่วยพยุง แต่อีกคนกลับจับมือของชายหนุ่มขึ้นมาแล้วจูบตรงหลังมือเบาๆ
‘จุ๊บ’
“จูบปากไม่ได้ เอาแค่นี้ก็พอ”
นรินทร์พูดพร้อมกับขยิบตาให้อีกคน ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่ากฤตินั้นถึงกับนิ่งงันในการกระทำเมื่อครู่ของตัวเอง
หัวหน้าหนุ่มนิ่ง แล้วก็นิ่ง ฉับพลันใบหน้านั้นเปลี่ยนเป็นตะลึงเหมือนกับว่าเจ้าตัวเจอผี แต่คงเป็นผีที่ทำให้ใจเต้นน่าดู เพราะใบหูกลับแดงแปร๊ดเหมือนตอนที่ต้องใส่ถุงน่องไม่มีผิด
การที่เห็นกฤติทำหน้าตาหลากหลายเหมือนขนมหวานรสใหม่ๆ ที่นรินทร์อยากลิ้มลองอีกเรื่อยๆ เมื่อชิมรสหนึ่งก็อยากทานเพิ่ม อยากลองให้หมด เขาอยากรู้จักอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด มากกว่าที่ไอ้เลวภูภูมิเคยได้เห็น มากกว่าใครที่เคยได้เจอ อยากจะกินเข้าไปทั้งตัว
วันนี้ต่อให้โดนต่อยท้องก็คุ้มแล้วแหละวะ
โน้ตแทบจะรอคอยวันที่กฤติใส่ชุดนักศึกษาขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของเขาไม่ไหวแล้ว
------- Sunday In Bed -------
ตอนนี้กฤตินั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาในห้องซุกซน
หลังจากที่นรินทร์ทำแบบนั้น เขาก็หยิกท้องอีกฝ่ายแล้วปล่อยให้ตายเป็นซากอยู่บริเวณลิฟต์โดยไม่ได้สนใจอีกคน ในหัวมีแต่คำด่ากับความเสียดายที่ดันไปเป็นห่วงคนบ้าแบบนั้น
ซุกซน: พี่กฤติ
ซุกซน: ตกลงมาห้องผมนะพี่
ซุกซน: ตี้กันๆๆๆๆ
กฤติมองไลน์อย่างครุ่นคิด ตอนที่เขากำลังจะปฏิเสธลูกน้อง แต่อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ทัน เลยพิมพ์ดักเอาไว้ก่อน
ซุกซน: แทนใจอยู่ในห้องด้วยนะพี่
กฤติ: กำลังไปครับ
โน้ตจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ตอนนี้เขาขอไปดูหน้ากระต่ายน้อยในแผนกให้ชุ่มชื่นหัวใจ หลังจากเจอเรื่องวุ่นวายหน่อยละกัน
กฤติถอนหายใจเมื่อนึกถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามานั่งกองกับพนักงานอีกนับสิบชีวิตในห้องของซุกซน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีโน้ต แต่ดูทรงแล้วคนที่มานั้นมีคนในแผนกเขาหลายคน และยังมีคนจากแผนกบัญชี และปกป้องลูกน้องของภูภูมิ ที่ไม่รู้ตอนนี้เป็นอะไร ถึงได้ส่งไลน์มาวุ่นวายอยู่ได้
คิดอะไรได้ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา
ก๊อกๆ!
หัวหน้าหนุ่มผละออกจากโทรศัพท์มือถือที่มีแชทของภูภูมิที่ส่งมาวอแวเรื่องที่ร้านอาหาร ใบหน้าใต้แว่นขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ใส่คนที่ทักมาไม่หยุด แต่ก็ยอมลุกไปเปิดประตูให้เพราะตัวเองอยู่ใกล้ที่สุด
คนที่เดินเข้ามาใหม่ทำให้กฤติกลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม ไอ้คุณเมฆที่เดินตัวใหญ่เข้ามาพร้อมถุงเซเว่นมากมาย เรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องได้หลายคน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คนที่เดินตามหลังเมฆเข้ามาต่างหากที่ทำให้กฤติรู้สึกเบื่อหน่าย
นรินทร์
นรินทร์อีกแล้ว!
“พวกผมไม่ได้มาช้าใช่มั้ย? ยังไม่มีใครเริ่มนะ?”
โน้ตพูดขึ้นมาตอนที่เดินตามหลังเมฆเข้าห้องมาเป็นคนสุดท้ายแล้วปิดประตู กฤติไม่รู้ว่าทำไมอีกคนถึงได้เดินมาพร้อมกับโปรเจคเมเนเจอร์ได้ แถมคนที่เพิ่งเข้ามานั้นถึงแม้จะพูดกับทุกคน แต่ตามองที่กฤติในระดับที่เขาไม่ต้องพยายามก็รู้สึกตัวได้ ถึงแม้หน้ากฤติจะนิ่ง แต่เขาเริ่มมีคำด่ามากมายในหัว จนที่สุดแล้ว เมื่อการพูดคนเดียวไม่ได้ผล กฤติหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์ลงไปในแชทส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
กฤติ: จะมองผมอีกนานมั้ย?
โน้ต: จนกว่าคุณจะใส่กระโปรงนักศึกษาขึ้นให้ผม
โน้ต: *สติกเกอร์ส่งจูบ*
กฤติปล่อยแชททิ้งไว้แบบนั้น เพราะคิดว่าคงจะสื่อสารด้วยภาษาคนไม่ได้ผลกับนรินทร์แล้ว ตอนนี้ในห้องเริ่มนั่งกันเป็นวงกลมตรงกลางห้องเพื่อจะเล่นเกมอะไรสักอย่างที่หัวหน้าคนเก่งไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาแค่มาดูแทนใจใส่ชุดนอนลายทาง ที่นั่งทำหน้าตามึนๆ อยู่ในวงเท่านั้น
ซึ่งแทนใจกำลังชื่นชมคุณกฤติกับปกป้องในใจว่าเป็นรุ่นพี่ที่หล่อจริงๆ เลยนะ ไม่ได้ดูเลยว่ากฤติกำลังหงุดหงิดนรินทร์ในแชทขนาดไหน และปกป้องเองก็เหมือนเหนื่อยใจกับอะไรบางอย่างมากเช่นเดียวกัน
วงที่กำลังจะเริ่มเล่นกันนั้นดูครึกครื้นสนุกสนาน ทุกคนดูตื่นเต้นกับเหล้า และเกมที่จะเล่นกัน ทั้งที่มันก็การเพิ่มความสนุกสนานในการเมาเท่านั้น กฤติที่ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ไม่ได้สนใจมากนัก อาจจะเพราะแชทล่าสุดจากคนที่นั่งดื่มเบียร์อยู่บนพื้นก็ได้
โน้ต: คุณ
โน้ต: คุณนั่งไขว่ห้างแบบนี้ไม่เมื่อยเหรอ?
โน้ต: มานั่งตักผมมั้ย?
กฤติขมวดคิ้ว เขาพยายามไม่มองหน้านรนิทร์ที่คงกำลังทำหน้าตาน่าเกลียดอยู่แน่นอน ในขณะที่กำลังจะพิมพ์ถ้อยคำเผ็ดร้อนกลับไปนั้น เสียงของซุกซนกับแทนใจที่คุยกันก็ดังมาให้ได้ยินเสียก่อน
“มึงเอาไร ผสมโค้กหรือโซดา? หรือว่าจะเอาเบียร์”
“ของเราขอเพียว”
กระต่ายกินเหล้าเพียว!
หัวหน้าคนเก่งตัดเรื่องของนรินทร์ออกจากความสนใจอย่างไม่ใยดี เขาหันมือถือเปลี่ยนเป็นโหมดอัดวีดีโอ เพื่อจะบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้เก็บเอาไว้ดูเวลาที่ตัวเองเครียดๆ คนเดียวโดยไม่แบ่งใคร
ให้ตายเถอะ แทนใจที่ดูแก้มยุ้ยๆ น่ารักๆ กลับกระดกเหล้าหมดแก้ว ดูน่ารักขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยนะเนี่ย
ในขณะที่ทุกคนโดยเฉพาะกฤติให้ความสนใจกับการดื่มเหล้าเพียวของแทนใจ มีเพียงนรินทร์เท่านั้นที่กระดกเบียร์ขวดของตัวเองเพียงลำพัง ทั้งที่เขาโดยต่อยจนเจ็บไปหมด แถมยังแชทหยอดอีกคนจนไม่รู้จะหยอดยังไง เพียงแค่แทนใจกินเหล้าเท่านั้น กฤติก็เทเขาทิ้งเหมือนกับว่านรินทร์ไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ
คนไม่น่ารักมักถูกทิ้ง ท้อแท้ฉิบหาย
คอยดูเถอะถ้าเขาชนะเมื่อไหร่ล่ะก็ นอกจากกระโปรงนักศึกษาแล้ว นรินทร์จะให้กฤติใส่หูกระต่ายแล้วคลานขึ้นมาบนตักเขาด้วยเลย! จะทำจนกว่าจะร้องให้หยุดเลย! เหอะ!
.
.
.
เหมือนมาดูเด็กเล่นกัน
นรินรท์สรุปกับตัวเองในขณะที่มองคนในวงคุยกันเรื่องเกม King’s Cup ที่กำลังจะเริ่ม ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดที่นั่งกันอยู่ในห้องของซุกซนกำลังจะเล่นเกมที่จั่วไพ่แล้วกินเหล้าตามที่จั่ว โดยทั้งวงกำลังนั่งคุยเรื่องกฎของเกมเพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อนเล่น
“ซุกซน ว่าแต่เกมนี้มันเหมือนพระราชาป้ะ?”
ฝน หนึ่งในคนที่มานั่งกินเหล้าด้วยกันพูดถามขึ้นมา ตามที่นรินทร์สังเกต หลายคนดูสนใจกฏของเกมนี้เหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าแผนกที่นั่งมองแทนใจอยู่ข้างบนโซฟา ซึ่งโน้ตรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ จะสนใจอะไรเด็กนั่นนักหนากัน
“ม่ายยยย มันเป็นเกมที่ซับซ้อนกว่านั้นเย๊อะเยอะนะพี่ อัพเดทฐานข้อมูลบ้าง” ซุกซนเด็กในแผนกตอบคุณฝนอย่างตั้งใจกวนประสาท เพราะว่าตอบไปส่ายหัวไปด้วย ซึ่งน่าถีบมาก และบางทีคุณฝนเองก็อาจจะคิดแบบนั้นเช่นกัน
“เดี๋ยวกูได้ถีบมันจริงๆ” ฝนพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ซึ่งนั่นทำให้ซุกซนหัวเราะเอิ้กอ้าก ก่อนที่จะยอมพูดกฎออกมาเมื่อกวนประสาทรุ่นพี่จนพอใจแล้ว
“เกมนี้ในตอนเริ่มเกมจะวางแก้วไว้ตรงกลาง แล้ววางไพ่คว่ำไว้ วนกันจั่วไพ่คนละใบ ได้ไพ่ใบไหนก็ทำตามคำสั่งวนไปอะ เดี๋ยวผมลากเข้ากรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย นะพี่ แล้วไปอ่านเอาในนั้นนะ ผมขี้เกียจพูด ง่ายกว่าทำใบเสนอราคาอีก เชื่อผม”
เขาพยักหน้ารับตอนที่ซุกซนบอกว่าแปะกฏการเล่นเกมเอาไว้ในไลน์กรุ๊ป วันนี้ที่รอคอย ซึ่งเป็นกรุ๊ปที่ซุกซนทำเอาไว้นัดกินเหล้า ในนั้นมีกฤติ นรินทร์ แทนใจ ซุกซน เมฆ และหลายๆ คนที่สนิทๆ กันอยู่ในนั้น นรินทร์กดเข้าไปทำเหมือนอ่าน แล้วก็กดออกเพราะรู้สึกว่าการมองกฤตินั้นน่าสนใจกว่ากฏยืดยาวเยอะมาก
เมื่อคุยกันเรื่องกฎเรียบร้อย ซุกซนก็สับไพ่แล้วยื่นให้กับหัวหน้าแผนกที่ยังคงนั่งไขว้ห้างบนโซฟา
“ให้เกียรติพี่กฤติเริ่มก่อนเลยละกันครับ โบนัสรอบนี้ขอสัก 4 เดือนนะพี่”
ในขณะที่ทั้งวงหัวเราะกับคำพูดกวนประสาทอันเป็นเอกลักษณ์ของซุกซน มีเพียงกฤติที่ยิ้มๆ แล้วเอานิ้วชี้หน้าอีกคนเป็นเชิงว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ แค่นั้น ก่อนที่จะจั่วไพ่ขึ้นมาไว้ในมือ
“เบอร์ 6”
คุณกฤติชูไผ่เลขหกดอกจิกขึ้นมาชูให้ทั้งวงดู แล้วโยนทิ้งไปอีกฝั่งอย่างไม่ใยดี ซึ่งนั่นหมายถึงทุกคนในวงต้องกิน นรินทร์ยกขวดเบียร์ขึ้นมากระดกทั้งที่ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองเลยสักนิด เขาแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้น
“เอาแล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงกระดกเลยครับบบบ น้องซุกซนขอหมดแก้ววว”
“เฮ้!!!!!”
“ต่อไปตาพี่ฝนแล้ว หยิบๆๆๆ”
วงยังคงเล่นกันอย่างครึกครื้น หลังจากนั้น คนที่จับไพ่คนต่อไปคือฝน พนักงานสาวคนหนึ่งในแผนกเซลล์เช่นเดียวกับพวกเขา
“ฉันได้ A โพดำ”
“ถ้าได้ A ทุกคนกินคร้าบบบบบบ”
นรินทร์กระดกเบียร์ในมือของตัวเองเข้าไปอีกหน่อย ตอนนี้สายตาเขามองตามแต่เพียงหัวหน้าที่ยกแก้วขึ้นจิบแล้ววางลงเบาๆ เท่านั้น คุณพ่อลูกหนึ่งขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ คุณกฤติดื่มแอลกอฮอลล์ด้วยงั้นหรือ?
เกมดำเนินไปเรื่อยๆ บรรยากาศในนี้ยังคงดีเหมือนตอนเริ่มแรก อาจจะยกเว้นแทนใจที่หน้าแดงตัวแดงเหมือนกับว่าเจ้าตัวเมาเรียบร้อยแล้ว กับนรินทร์ที่ยังคงอยู่ในความคิดของตัวเองเหมือนเคย ส่วนกฤตินั้น เท่าที่โน้ตเห็น ตัวหัวหน้าเหมือนจะสนุกสนานที่เห็นกระต่ายของตัวเองเมาแล้วทำอะไรตลกๆ
แม่งเอ๊ย อย่าให้ชนะนะ นรินทร์สาบานว่าเขาจะให้อีกฝ่ายใส่ชุดบันนี่บอยจนกว่าจะยอมคลานเข่ามาหาเขาเลย
โน้ตยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเองที่ยิ่งคิดก็ยิ่งลามก จนกระทั่งโทรศัพท์ของเขาที่ใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนว่าสายเข้า พอหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเนตร แฟนเก่าโทรเข้ามา
“ว่าไง”
นรินทร์รับโทรศัพท์พร้อมกับลุกออกจากวงไปด้วย ถ้าเนตรถึงขนาดต้องโทรมาหาเขาคงมีแค่เรื่องเดียว
“มาหาที่ห้องหน่อยค่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย”
เสียงแข็งๆ ของหญิงสาวพูดตอบกลับมานั้นเรียกให้นรินทร์ถอนหายใจ เขาไม่ได้เหนื่อยกับลูก เขาเพียงแค่รู้สึกเหนื่อยใจที่จะต้องคุยกับเนตร
“ครับ”
คุณพ่อลูกหนึ่งพูดรับคำแค่นั้นแล้ววางสายไป โชคดีที่ห้องของพวกเขาอยู่ชั้นเดียวกันหมด นรินทร์เดินไม่นานก็ถึงห้อง ซึ่งเมื่อเปิดเข้าไปเจอเนตรกำลังนั่งอยู่กับน้องนิ้งพอดี ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้อง น้องนิ้งก็ย่นจมูกคล้ายกับว่าเหม็นทันที เนตรเองก็เช่นกัน เดาได้เลยว่ามันต้องเป็นกลิ่นเบียร์ที่ติดตามตัวของเขาแน่นอน
ชั่วขณะ เขาคิดว่านิ้งกับเนตรสมกับเป็นแม่ลูกกันเหลือเกิน จมูกไวทั้งคู่
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับกับเอิร์ธนะคะ มาบอกคุณไว้ก่อน เพราะคงไปตอนเช้าเลย อาจจะไม่ได้กินข้าวเช้าด้วย”
“อ่า...ครับ”
นรินทร์รับคำแค่นั้น เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดหรือรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แล้วเนตรก็ไม่ได้ต้องการให้เขารู้สึกอะไร เมื่อหมดธุระกับสามีเก่าแล้ว หญิงสาวหันไปพูดกับลูกของตัวเองต่อ
“น้องนิ้งไปกับคุณแม่นะคะ อาเอิร์ธจะพาไปเที่ยวเยอะแยะเลยนะคะ น้องนิ้งเคยบอกคุณแม่นี่คะว่าหนูอยากเที่ยวเยอะๆ
“ใช่ค่ะ หนูอยากเที่ยว” เด็กหญิงตอบทันที ใบหน้าน่ารักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “คุณแม่มีอาเอิร์ธ แต่คุณพ่อไม่มีใครเลย ถ้าหนูไปกับคุณแม่คุณพ่อก็จะต้องอยู่คนเดียว เพราะงั้นหนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อเองค่ะ หนูไม่อยากให้คุณพ่อเหงา”
“เอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ?”
เนตรยังมีสีหน้าไม่มั่นใจ เธอมองมาทางนรินทร์ที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องเล็กน้อย ด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอไม่มั่นใจว่าชายหนุ่มจะสามารถเลี้ยงลูกได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสองคนเถียงกันเรื่องนี้
เนตรไม่อยากให้เขาเป็นคนเลี้ยงลูก เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หยาบกระด้าง ไม่น่าจะเลี้ยงน้องนิ้งให้โตมาอย่างนุ่มนวลได้ ซึ่งเรื่องนั้นเขาก็ไม่รู้จะเถียงอะไร นรินทร์พยายามที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถเลี้ยงเด็กผู้หญิงด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว แต่เหมือนมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเนตร
อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรของนรินทร์ก็ตาม เนตรไม่เคยมองว่ามัน ดีพอ เลยแม้แต่น้อย
“เอาแบบนี้ค่ะ นิ้งจะอยู่กับคุณพ่อ”
เด็กหญิงพูดพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้คุณแม่ของเธอ และเผื่อแผ่มาถึงคุณพ่อที่ยังคงยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ตรงประตูห้อง ถึงแม้ว่าตัวเด็กหญิงจะเพิ่งอยู่เพียงชั้นประถม แต่เธอโตพอที่จะจัดการตัวเองและเข้าใจว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้ต้องการสิ่งเดียวกันอีกต่อไป มันคงเหมือนตอนที่เธอกับฟ้าเพื่อนสนิทชอบการ์ตูนคนละเรื่องกันแล้ว แต่เรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่
“ถ้าหนูว่าอย่างนั้น คุณแม่ก็ไม่ว่าอะไรค่ะ” เนตรยอมในที่สุด หญิงสาวยิ้มให้กับลูกน้อย ก่อนที่จะแตะบ่าน้องนิ้งเบาๆ
“หนูขึ้นไปนอนบนเตียงรอคุณแม่ก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณแม่ขอคุยกับคุณพ่อแป๊บนึง แล้วจะตามไปนะคะ”
“โอเคค่ะ”
เด็กน้อยรับคำก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปที่ด้านในของห้อง ซึ่งเแป็นส่วนที่วางเตียงนอน เหลือเพียงแค่ผู้ใหญ่สองคนในบริเวณนี้เท่านั้น
“ถ้าคุณอยากมานอนกับลูกอาบน้ำใหม่ก่อนนะคะ กลิ่นเบียร์หึ่งเลย”
นั่นไง กูว่าแล้ว
นรินทร์เผลอดมตัวเองทันทีที่เนตรพูดแบบนั้นออกมา ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดื่มเยอะขนาดนั้น มันเหม็นขนาดนั้นเลยเหรอวะ?
“อ๋อ ไม่ล่ะ คุณนอนกับนุ้งนิ้งเถอะ เดี๋ยวผมไปอาศัยห้องเพื่อนเอา”
ชายหนุ่มบอกปัด ในหัวมีภาพเพื่อนที่อยากจะไปขออาศัยลอยขึ้นมาแทบจะทันที
“ค่ะ แล้วแต่คุณ”
บทสนทนาของพวกเขาจบลงแบบนั้น นรินทร์ถอยออกมาจากห้องในขณะที่หญิงสาวเดินกลับไปหาลูกในห้อง มันอาจจะดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจนิ้งเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วนรินทร์เพียงแค่อยากให้เนตรได้ใช้เวลากับลูกบ้าง
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับเนตร
ถึงแม้จะไม่ได้จบกันแบบไม่ดี แต่มันก็ยังคงลำบากใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หากไม่ใช่เพราะลูกสาวขอ เขากับเนตรก็คงไม่ได้มาทริปด้วยกันสามคนแบบนี้แน่นอน
นรินทร์ถอนหายใจพลางเดินล้วงกระเป๋ากลับไปที่แหล่งกบดานเดิมเมื่อครู่
หากได้เบียร์สักกระป๋องก็คงพอขจัดความหมุ่นมัวในใจให้หายไปได้ล่ะนะ
------- Sunday In Bed -------
[/b]
ต่อข้างล่างนะคะ