❀ โอสถดอกท้อ : Moon's Embrace ❀ (หมอจีนโบราณ) End 32 Up! (16/02/2019)(แจ้งข่าว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❀ โอสถดอกท้อ : Moon's Embrace ❀ (หมอจีนโบราณ) End 32 Up! (16/02/2019)(แจ้งข่าว)  (อ่าน 83442 ครั้ง)

ออฟไลน์ EtuDe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

คำเตือน
 
1.เรื่องนี้ แนว ชXช ค่ะ
2.เรื่องนี้ ย้อนยุคจีนโบราณ ไม่อิงประวัติศาสตร์
3.เรื่องราวและตัวละครทุกตัวล้วนแต่สมมุติขึ้นไม่มีอยู่จริง
4.นิยายเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับนิยายจีนเรื่องก่อนๆ เป็นแผ่นดินใหม่
5.ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวละครตัดสินจากใจตัวเองทั้งสิ้นไม่ใช่คนแต่ง ถถถถ
6.ใบเทียบยาในเรื่อง ห้าม!!! เอาไปใช้ในชีวิตจริง ใครเอาไปใช้จะตี!!

BY
EtuDe

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••


           เป็นหมอ สำคัญที่สุดคือ 'รักษาชีวิตคน' จะรังเกียจ ขี้นก ขี้กาเพียงเพราะเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงไม่ได้ อู๋ลี่จินจำคำสอนนี้ของท่านปู่ได้อย่างขึ้นใจ กระทั่งพลิกชีวิตสอบเข้าหมอหลวงราชสำนักได้สำเร็จ ทว่าคนเคยมีประวัติว่าเป็นลูกหลานของหมอยาผีบอกด้วยแล้ว ทางเดียวที่จะอยู่ให้รอดคือทำตัวให้เยือกเย็น
 
          "ในสนามรบเจ้าไม่ควรสนใจว่ายานี่มันจะทำมาจากอะไร สำคัญแค่ว่ารักษาเจ้าได้หรือไม่"

          "ถ้าเจ้าไม่ดื่ม ทางเลือกอีกทางคือตัดขาเจ้าทิ้ง"

 
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

          นายบ่าวล้วนไม่ต่างกัน องครักษ์  ซุนไป่หานชินชากับสายตาและคำครหาจนกลายเป็นเรื่องปกติ หากสิ่งเดียวที่ยอมมิได้คือท่านอ๋องของเขามิได้รับความเป็นธรรม  เลือดย่อมล้างด้วยเลือดเป็นสิ่งที่ควรโต้ตอบให้พวกคนชั่วช้าที่อยู่หลังประตูวัง เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านอ๋องของเขากลับสู่บัลลังก์ ทว่าต่อให้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายกลับต้องมายอมอ้าปากให้กับหมอ...
 
          "อยู่นิ่งๆ ห้ามขยับแม้แต่นิดเดียวข้าจะทำแผลให้ท่าน"

          "คราวหน้าหากใต้เท้าไม่ยอมฟังอีก ข้าจะให้ท่านนอนเลือดท่วมหน้าบันได"
 
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
 
แฟนเพจ : [[ จิ้ม !!]]

สารบัญ ขอบคุณ คุณ Rabbitongrass มากๆ ค่าา T^T


อารัมภาบท + บทที่ 1 ...ครึ่งแรก
อารัมภาบท + บทที่ 1 ...ครึ่งจบ
บทที่ 2 ... ครึ่งแรก
บทที่ 2 ... ครึ่งจบ
บทที่ 3 ...ครึ่งแรก
บทที่ 3 ... ครึ่งจบ
บทที่ 4 ... ครึ่งแรก
บทที่ 4 ... ครึ่งจบ
บทที่ 5 ... ครึ่งแรก
บทที่ 5 ... ครึ่งจบ
บทที่ 6 ...ครึ่งแรก
บทที่ 6 ... ครึ่งจบ
บทที่ 7 ...ครึ่งแรก
บทที่ 7 ... ครึ่งจบ
บทที่ 8 ...ครึ่งแรก
บทที่ 8 ... ครึ่งจบ
บทที่ 9 ... เต็มตอน
บทที่ 10 ... ครึ่งแรก
บทที่ 10 ... ครึ่งจบ
บทที่ 11 ... ครึ่งแรก
บทที่ 11 ... ครึ่งจบ
บทที่ 12 ... ครึ่งแรก
บทที่ 12 ... ครึ่งจบ
บทที่ 13 ... ครึ่งแรก
บทที่ 13 ... ครึ่งจบ
บทที่ 14 ... ครบเต็ม
บทที่ 15 ครบ
บทที่ 16 ... ครบ
บทที่ 17 ...
บทที่ 17 ... ครบ
บทที่ 18 ... ครบ
บทที่ 19 ...
บทที่ 19 ... ครบ
บทที่ 20 ...
บทที่ 20 ... ครบ
บทที่ 21 ...
บทที่ 21 ... ครบ
บทที่ 22 ...
บทที่ 22 ... ครบ
บทที่ 23 ... 1
บทที่ 23 ... 2
บทที่ 23 ... ครบ
ตอนที่ 24... ครบ
ตอนที่ 25...
ตอนที่ 25... ครบ

 
 
 
 
 
 



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2019 14:55:23 โดย EtuDe »

ออฟไลน์ EtuDe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
 ❀ Moon's Embrace : อารัมภาบท + บทที่ 1 ...ครึ่งแรก ❀

   ครืน

   ครืน

   เสียงพระพายกระโชกพัดกระหน่ำ ซ้ำพิรุณสาดซัดตกลงมาจากผืนนภาสีดำกระทบกับหลังคา เป็นเสียงประหนึ่งปีศาจขว้างปาก้อนหินลงมาไม่รู้จักจบ

   อู่ลี่จินวัยเพียงสิบปีหวาดกลัวเสียงสายฝนและลมพายุยามค่ำคืนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งมีเสียงท้องฟ้าคำรามเพิ่มเติมมาด้วย ยิ่งทำให้เด็กน้อยอยากมุดหายไปจากพื้นที่ตรงนั้น

   ทว่าเวลานี้เขากลับต้องสละทิ้งความหวาดกลัวที่กำลังตบตีภายในจิตใจ เพราะสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

   “ท่านปู่ ท่านได้ยินข้าหรือเปล่า”
   แรงบีบเพียงเล็กน้อยคือสิ่งที่ตอบสนองจากร่างของชายชราที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าที่ผ่านช่วงอายุมามากแม้ว่าวันนี้จะดูใสขึ้น ไม่หมองคล้ำเหมือนสองวันที่ผ่านมา ทว่ายามจับชีพจรที่ข้อมือกลับแผ่วเบาจนน่าใจหาย

   หัวใจของลี่จินเริ่มสั่นไหว เป็นความหวาดกลัวที่ปะปนขึ้นมาพร้อมกับความกังวล เขาทำอะไรผิดพลาดกัน ในเมื่อเขาทำตามทุกอย่างตามที่ท่านปู่บอกแล้ว

   “ลี่จินเจ้าอย่ากังวลไป เจ้าไม่ได้ทำผิดอะไรทั้งนั้น”
   แม้จะใกล้สิ้นเรี่ยวแรงเต็มที แต่มิวายก็ยังเอ่ยคำปลอบประโลมเด็กน้อยที่กำลังทำสีหน้าโทษตัวเองอยู่ข้างๆ

   “ไม่ได้ทำผิดอะไรกันเล่า ถ้าข้าไม่ได้พลาดสิ่งใด ไยท่านปู่ถึงยังไม่ดีขึ้นเลย” นัยน์ตาของเด็กชายวูบไหว ไม่ต่างจากแสงของเปลวไฟในตะเกียงที่โดนลมพายุด้านนอกที่หลงพัดเข้ามา

   ยิ่งเห็นสีหน้าของลี่จินแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด ทั้งหมดอาจเป็นเพราะเขาปลูกฝังแล้วเจ้ากี้เจ้าการเด็กชายให้มีความละเอียดรอบคอบมากเกินไป และสอนเสมอว่าหากต้องการเป็นหมอที่ช่วยชีวิตผู้คน ต้องเริ่มจากตัวเองที่ไร้ซึ่งข้อผิดพลาดให้ได้เสียก่อน

   ทว่าทั้งๆ ที่คิดว่าคำสอนนั่นจะเป็นแรงกระตุ้นให้เด็กชายที่ไม่เอาจริงเอาจังนี่เกิดความขยันและรอบคอบมากขึ้น แต่นั่นมันก็เป็นแค่ส่วนเดียว เพราะข้อเสียอันใหญ่หลวงนั่นคือการที่คำสอนกลายเป็นโซ่ตรวนตึงร่างเล็กนั่นเอาไว้

   ชายชราถอนหายใจแผ่วเบา หากจะลบสิ่งที่เขาพูดทั้งหมดในอดีตก็คงเป็นไปได้ยาก แต่ลี่จินจะต้องเติบโตขึ้น เขาจำเป็นจะต้องเรียนรู้เรื่องราวที่ทำให้จิตใจบอบช้ำมากขึ้น เพื่อวันหน้าจะได้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง แม้ตอนนี้มันจะเร็วเกินไป

   “ลี่จิน คนเราทุกคนมีเกิดมาก็ย่อมมีดับไป ต่อให้เจ้าเป็นหมอเทวดา มียาวิเศษรักษาได้ทุกโรคภัย แต่สิ่งนั้นก็ไม่สามารถรั้งความตายจากฟ้าดินได้”

   “ข้าไม่ต้องการให้ฟ้าดินมากำหนดความตายของใครทั้งนั้น! ท่านปู่เคยสั่งสอนข้าว่า หมอคือผู้ที่จะเยียวยาชีวิตผู้คน แล้วข้าจะไปมีปัญญากล้ารักษาใครได้อีก ในเมื่อข้าช่วยคนที่ข้ารักยังไม่ได้ด้วยซ้ำ”

   ลี่จินกล่าวเสียงเศร้า แม้เวลานี้พายุด้านนอกจะกระหน่ำไม่ยอมหยุด แต่เวลานี้กลับปลุกความหวาดกลัวเฉกเช่นทุกครั้งไม่ได้ นัยน์ตากลมโตดูดื้อรั้น และกักเก็บความผิดครั้งนี้ไว้ที่ตัวเอง

   หากเขามีความรู้มากกว่านี้

   หากเขาเก่งกว่านี้

   และหากเขาตั้งใจมากกว่านี้ ท่านปู่ของเขาก็คงไม่ป่วยหนักจนถึงขั้นรักษาไม่ได้

   หยาดน้ำตาแวววาวประดับคลออยู่บนดวงตากลมสวย มองอย่างไรก็เห็นแต่ความใสซื่อและซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองเสมอ แม้บางครั้งจะดูดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเอง แต่ก็เป็นหลานที่เขารักไม่เคยเปลี่ยนไป

   “ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ต่อให้เกิดขึ้นมาจากฟากฟ้า แต่สุดท้ายก็ต้องหวนคืนสู่ดิน ลี่จินสิ่งที่เจ้าทำมันไม่ได้ผิดพลาด และไม่ได้ไร้ความหมาย ยังมีคนอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือจากหมออย่างเจ้า”

   “แต่ข้ายังไม่ใช่หมอ”

   “เช่นนั้นเจ้าจงเป็นเสียสิ”
   เป็นคำเอ่ยซึ่งคล้ายคลึงกับคำสั่งที่แสนเรียบง่าย ทว่าคำตอบกลับยากเกินกว่าที่อู่ลี่จินจะพรั้งปากพูดในทันที กระนั้น...สายตาของชายชรากลับยังคงมองหลานชายเพียงหนึ่งเดียวด้วยท่าทีสงบ แม้เริ่มรู้สึกว่าในร่างกายนี้หนักอึ้งเหมือนจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ทุกวินาที

   “ข...ข้า” นัยน์ตาเด็กชายวูบไหวสั่นระริก มันเต็มไปด้วยความลังเล อู่ลี่จินไม่มั่นใจตัวเองสักนิดว่าจะทำได้ เขาทำผิดมากเกินไป แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาก็ทำพลาดบ่อย อย่างเขาน่ะหรือจะเป็นหมอ...เขารับภาระแบบนั้นไม่ไหวหรอก

   แค่ก!

   เสียงไอแรงๆ เรียกภาวะเหม่อลอยของเด็กชายให้กลับมาได้โดยฉับพลัน เขาเบิกตา กว้าง เมื่อเห็นผ้าปูที่นอนเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีดำจากคนบนเตียง

   “ท่านปู่!” เด็กชายทำท่าจะเข้ามาดูอาการอีกครั้ง แต่กลับถูกปู่ของตัวเองยกมือปรามไว้

   “ไม่เป็นไรๆ ก็แค่อาการขับเลือดเสียออกมา เจ้าไปต้มยามาเพิ่มเถอะ” ปู่ของเขากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ เวลานี้ใบหน้าที่เคยเกลี้ยงใสกลับดูหม่นหมองและดำคล้ำมากขึ้นกว่าสองส่วน เขาไม่เชื่อหรอกว่านี่เป็นการขับพิษจากยาที่ต้มไปจริงๆ

   “แต่...”

   “ไปเดี๋ยวนี้ลี่จิน แล้วปิดประตูด้วย” เมื่อเจอน้ำเสียงดุๆ ที่คุ้นเคย ลี่จินถึงกับผงะไม่กล้าขัดใจปู่ของตัวเอง
ทว่าทั้งๆ ที่สังหรณ์ใจไม่ดีเอามากๆ เขากลับทำตามคำบอกนั้นอย่างว่าง่าย ร่างเล็กเดินไปหยิบตะเกียงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างถือถ้วยยาบนนั้นมาด้วย

   คราวนี้ต่อให้ฟ้าผ่าลงมาต่อหน้า เขาจะไม่กลัวและจะไม่ทำอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ลี่จินเดินไปที่บานประตูด้วยสายตามุ่งมั่น

   “ลี่จิน...” เสียงเรียกจากคนบนเตียงทำให้เด็กชายที่กำลังเดินออกไปหันกลับมา ใบหน้าของท่านปู่ดูไม่ดีนัก ทว่าทั้งแววตากับมุมปากเจือจางที่ยกขึ้นกลับทำให้หัวใจของเขาทั้งเต้นแรง และโศกเศร้าในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาเห็นท่านปู่ที่เคยเขี้ยวเข็นมานานเผยยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

   “ปู่รักเจ้านะ”
   ประโยคสุดท้ายตรึงในใจจนสะเทือน เขาเม้มริมฝีปากลงแน่น มือที่ถือถ้วยยาบีบจนสั่น หัวใจหดเกร็งจนรู้สึกยากจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา แต่กลับโกหกตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร’ มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ทว่า...ทุกอย่างกลับเกิดขึ้นเพียงแค่เสียงประตูปิดลง และหากย้อนไปได้เขาจะละทิ้งความลังเลแล้วพูดในสิ่งที่ใจอยากพูด ก่อนที่มันจะไม่มีโอกาสอีก   

   คืนนั้น เด็กน้อยอู่ลี่จินนอนอย่างเดียวดายทั้งน้ำตานองหน้า ก่อนแสงตะเกียงในห้องปู่ของเขาจะดับไป
เขาพลาดอีกครั้ง...

♦♦♦♦♦♦

   การสูญเสียไปบ้างอาจเป็นเรื่องดีในระยะยาว

   อู่ลี่จินเคยอ่านสำนวนนี้ผ่านตามาบ้าง ทว่านี่ก็ผ่านมากว่าสิบสองปีแล้ว ไม่เห็นมีเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตเลยสักอย่าง

   หลังจากที่ท่านปู่ของเขาเสียชีวิตลง หมอตำแยหญิงอย่าง ‘ถานเซียง’ ก็มารับเขาไปเลี้ยงดูต่อ เดิมทีถานเซียงนั่นเคยเกลียดชังท่านปู่ของเขามาก แต่พอได้รู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะคนที่เสียใจที่สุดไม่แพ้เขาก็คือถานเซียง

   นางรับเขามาเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนประดุจบุตรแท้ๆ แม้ชาวบ้านในแถบนี้จะไม่ชื่นชอบนาง เพราะนางเป็นหมอตำแย วิชาแพทย์ของนางก็แปลกประหลาดไม่ค่อยน่าเลื่อมใสเหมือนพวกหมอในเมืองหลวง แต่ถานเซียงสั่งสอนเขาเสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเป็นยาได้หากเรารู้จักวิธีเลือกใช้ จะรังเกียจ ขี้นก ขี้กา เพียงเพราะเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงไม่ได้ สำคัญที่สุดคือ ‘รักษาชีวิตคน’

   ลี่จินใช้เวลาทั้งหมดเรียนวิชาแพทย์จากถานเซียง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ถอดทิ้งวิชาของท่านปู่ เขาเรียนรู้จากตำรา ท่องสรรพคุณและชื่อสมุนไพรกว่าสามร้อยชนิดจนแม่นยำ จดจำจุดฝั่งเข็มบนสรีระร่างกายได้ครบทุกจุด จะขาดก็เพียงอย่างเดียวคือประสบการณ์รักษาคนไข้

   ครั้งหนึ่งด้วยความร้อนวิชา เขาเคยแอบรักษาชาวบ้านและเขียนใบเทียบยาในตอนที่ถานเซียงไม่อยู่ ผลปรากฏว่าเขาวินิฉัยผิดโรค ทำให้ชาวบ้านคนนั้นอาการทรุดหนัก โชคดีที่ถานเซียงมาทัน เลยฝั่งเข็มบรรเทาอาการชาวบ้านคนนั้นจนเป็นปกติ แต่ด้วยความโกรธพวกเขาจึงถูกขับไล่ให้เข้าไปอยู่ในป่า และถูกเรียกว่าหมอยาผีบอก หมอปีศาจ

   ลี่จินถูกถานเซียงโบยหลังเป็นสิบไม้ พลางต่อว่าดูชังด้วยความโกรธ และไม่อนุญาตให้เขารักษาคนไข้อีกจนกว่านางจะอนุญาต

    ทว่าเขามันเด็กอกตัญญู ไม่สนใจคำปราม ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เขาแอบรักษาให้เด็กหญิงชาวบ้านไร้ที่อยู่คนหนึ่งจนหายดี แต่ถานเซียงกลับไม่ได้ชื่นชม นางตบหน้าเขาหนึ่งครั้ง ก่อนจะน้ำตาไหลพรากพลางกอดเขา กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า ‘เด็กโง่’

   เขารู้ดีว่าที่นางทำไปเพราะความเป็นห่วง และอยากปกป้องเขาทั้งสิ้น เพราะหากผิดพลาดขึ้นมาจากการรักษาจะกลับกลายเป็นการฆ่าคน ทว่าบนบ่าของอู่ลี่จินกลับแบกคำฝากฝั่งของท่านปู่เอาไว้ เขาจะก้าวเดินเป็นหมอได้อย่างไรหากยังไร้ซึ่งประสบการณ์ และนั่นก็นับเป็นก้าวแรกที่ถานเซียงตัดสินใจอย่างเปิดเผยและไม่ห้ามลี่จินที่อยากจะเป็นหมออีก
ลี่จินไม่เคยหยุดเรียนรู้ เขาศึกษาวิชาแพทย์อย่างตรากตำ   

   กระทั้งวันนี้...วันที่ 4 เดือน 6 วันที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วสันตฤดู อู่ลี่จินสามารถสอบเข้าสำนักหมอหลวงได้สำเร็จจนได้กลายเป็นหมอหลวงชั้นต้น ทว่าเส้นทางที่เขาวาดฝันไว้ว่าจะได้รักษาผู้คนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันเท่าไรนัก

   “ชะเอม กาน้า ขิงแก่ เทียนข้าวเปลือก ทำไมหมอหลวงชั้นต้นอย่างพวกเราต้องมาช่วยสำนักโอสถด้วย จริงๆ พวกเราควรช่วยงานอยู่สำนักหมอหลวง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขันทีนั่นเล่นลิ้นใส่ว่าสำนักโอสถคนน้อยนิด ลำพังจัดยาให้นายๆ ในวังจนหัวหมุน ไม่มีเวลามาดูแลพวกระดับล่าง พวกเราคงได้ทำหน้าที่หมอที่ดีกว่านี้”

   ฉินกวนเจ๋อพร่ำระบายออกมายาวเหยียดขณะที่มือโยนชะเอมอบแห้งบดลงบนครก ส่วนแขนก็ออกแรง ปากก็บ่น แม้เรื่องพวกนี้จะไม่ควรนินทาในที่แจ้ง แต่ในห้องเก็บสมนุไพรเก่าๆ ด้านหลังสำนักโอสถนี้จะมีใครไหนเลยผ่านมา นอกจากพวกหมอหลวงชั้นต้นอย่างพวกเขา ซึ่งหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับกวนเจ๋อ ยกเว้นร่างที่กำลังโบกพัดต้มยาอยู่ข้างๆ กลับส่ายหน้า

   “แล้วเตรียมยาไม่ใช่หน้าที่หมอหรอกหรือ”
   น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขัด นัยน์ตาที่แน่นิ่งเหมือนน้ำในทะเลสาบยังคงตั้งอกตั้งใจกับการควบคุมไฟถ่านในเตาไม่ให้ร้อนเกินไปจนทำลายสรรพคุณของสมุนไพรที่กำลังต้ม

   กวนเจ๋อถึงกับหันขวับ ก่อนจะพูดต่ออย่างออกรส

   “นั่นก็ใช่...ลี่จิน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนโง่แต่ดูสภาพเจ้ากับข้าตอนนี้สิ ท่องตำราแทบตายสุดท้าย มีหน้าที่โขกต้มสมุนไพรตามใบเทียบยาที่หมอหลวงคนอื่นขอมา แบบนี้พวกเราจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือได้ยังไง ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันได้ดิบได้ดีหรอก”
   ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ กวนเจ๋อนั่งลงแล้วตบเข่าตัวเองเสียงดัง ลี่จินปรายตามองเพื่อนของตัวเอง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกว่าพวกหมอหมอระดับสูงกว่าใช้พวกเขาอย่างกับขี้ข้าขันที ไม่สิ...ขันทีบางคนยังดูเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้ เขาเคยเห็นคนตายต่อหน้าต่อตามาแล้วที่นี่ ซึ่งมันง่ายดายมากถ้าจะฆ่าคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเขา และมันทำให้เขาคิดได้ว่าหากรักที่จะเอาชีวิตรอดในวังหลวง ก็ต้องอยู่ให้เป็น

   “ข้าเข้าใจ แต่จัดยาก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเกิดเจ้าจัดยาพลาดขึ้นมา อย่างมากก็แค่ศีรษะหลุดออกจากบ่า”

   “เจ้าอย่าพูดเรื่องความเป็นความตายเหมือนเป็นแค่เรื่องลูกพลับตกจากต้นได้ไหม เจ้ามันดูเย็นชาไร้หัวใจเกินไปแล้ว ระวังเถอะฝีปากแบบนี้หญิงใดจะชายตามอง”

   “ใครสนกันเล่า ชาติตระกูลของข้าต่ำต้อยนัก ไม่มีหญิงใดมาชายตาอยู่แล้ว”
   ลี่จินสวนอย่างไม่แยแส ก่อนลุกขึ้นใช้ผ้ายกหม้อต้มยา แล้วเทน้ำสมุนไพรลงผ้ากรอกบนถ้วย

   “แต่เจ้าเป็นหมออย่างน้อยก็ต้องมีเกียรติบ้างล่ะ!”
   กวนเจ๋อเห็นการกระทำที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเพื่อนตัวเองแล้วรู้สึกขัดใจเป็นที่สุด อะไรมันจะยอมรับง่ายปานนั้น ถึงชาติตระกูลจะไม่ได้สูงส่ง แต่สอบเป็นหมอหลวงได้เชียวนะ ใช่ว่าชาวบ้านธรรมดาที่ไหนจะทำได้ มันจะไม่มีใครมองเลยหรือ?

   คันปาก รู้สึกเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างมาขัดเพื่อนตัวเอง แต่อู่ลี่จินเล่นไม่สนใจแถมไม่มองเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ทว่าพอมองไปมองมาแล้ว ก็ถึงกับอ้าปากร้อง ‘อ้อ’ ที่อู่ลี่จิน ตอบอย่างตัดบท แล้วสงวนท่าทีเย็นชาเช่นนี้ อาจเป็นเพราะหมอหนุ่มที่นั่งบดยาอยู่มุมฝั่งตรงข้ามก็ได้

   กวนเจ๋อวางมือจากเครื่องบด แล้วรีบเดินปรี่มาขนาบข้าง ก่อนกระหยิ่มยิ้มพลางกระทุ้งศอกใส่เอวเพื่อนตนเบาๆ

   “แต่เต๋อหวนมองเจ้านะ ตาไม่กะพริบเลยด้วย สายตาเหมือนจะ...” กวนเจ๋อเว้นช่วงไป ก่อนเกร็งมือจนหงิกแล้วลูบลำคอตัวเองช้าๆ “...กลืนลงท้อง” ได้ผล ท่าทางประหลาดๆ ของสหายตัวดี เรียกดวงตาเรียบเฉยที่เอาแต่สนใจเรื่องยาของลี่จินหันกลับมาได้

   เขามองกวนเจ๋อ สลับกับหมอหนุ่มใบหน้าคมเข้มที่นั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะอีกฝั่ง เต๋อหวนพอรู้ว่าลี่จินกำลังมองหมอหนุ่มก็ฉีกยิ้มหวานให้

   น่าขยาดชะมัด!

   “กลืนเท้าข้าน่ะหรือ”

   “อา...แต่ข้าว่าเขาคงไม่ได้อยากจะกลืนแค่เท้าเจ้าหรอกนะ” กวนเจ๋อยิ้มกรุ่มกริ่ม

   “ไร้สาระ”
   พูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใย ก่อนหมอร่างบางจะยกถ้วยยาออกไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

   ฉินกวนเจ๋อส่ายหน้าหน่าย ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้ว บางทีเหตุผลที่อู่ลี่จินยังไม่มีหญิงมาชอบพอ อาจเป็นเพราะใบหน้าที่มีบางมุมนั้นงดงามเกินชายหนุ่ม แถมนิสัยหยิ่งผยองเอาแต่ใจยิ่งทำให้หลายคนอยากจะเอาชนะ ไม่แปลกที่จะไปถูกใจเพศเดียวกันเข้า

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอยาวๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หูยยยยยย
ท่านหมอออออ
ข้ารู้สึกป่วย แค่ก ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
รอๆๆตอนต่อไป

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 น่าติดตาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ EtuDe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
 ❀ Moon's Embrace : อารัมภาบท + บทที่ 1 ...ครึ่งจบ ❀

          วสันตฤดูเริ่มต้นขึ้นแล้ว...หยาดพิรุณจึงตกปรอยๆ เป็นละอองมาตั้งแต่เช้า แต่กระนั้นก็ยังไม่มีลมโบกพัด ในท้องพระโรงจึงแทบจะเปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อถ่ายเทอากาศไม่ให้ร้อนอบอ้าว ขณะที่ดอกเบญจมาศหลากสีสันถูกยกมาประดับไว้ทั่วทุกตำหนักเพื่อเติมความสดใส ไม่ให้ดูหม่นหมองตามรับสั่งของเจ้าแผ่นดิน

          เวลานี้ฮ่องเต้หยวนสือเจิ้งในชุดคลุมหลายมังกรประทับอยู่บนบัลลังก์สูงสุดในท้องพระโรง เพราะการมาเยือนของบุรุษซึ่งมาพร้อมสายฝนทำให้ ‘ซุนไป่หาน’ ถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าทันทีที่ถึงเมืองหลวงได้ไม่ถึงสองก้านธูป ทว่าที่น่ากดดันกลับไม่ใช่พระบารมีขององค์จักรพรรดิเพียงอย่างเดียวแต่ทั้งไทเฮา ฮองเฮา และองค์รัชทายาทกลับประทับอยู่ด้วย ทำให้บรรยากาศอึดอัดไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจผิดจังหวะ

          “ถวายบังคมฝ่าบาท จวิ้นอ๋องทรงมีพระบัญชาให้กระหม่อมองครักษ์ซุนไป่หานนำเครื่องบรรณาการ พร้อมม้าดีจำนวนร้อยตัวจากเมืองหู่มาถวาย เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรพ่ะย่ะค่ะ”

          หลังจากโค้งคำนับ พร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งที่ท้องพระโรง ซุนไป่หานก็กล่าวรายงานเสียงขันแข็ง ใบหน้าคมเข้มนั้นก้มลงไม่กล้าสบเบื้องสูงอย่างรู้ศักดิ์ตัวเอง

          ฮ่องเต้สือเจิ้งปรายพระเนตรมององครักษ์หนุ่ม บนพระพักตร์ของกษัตริย์ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของช่วงชีวิตที่ผ่านมามากกว่าครึ่ง แย้มรอยสรวลเจือจาง

          “คนเฒ่าคนแก่แค่หายป่วย ไม่เห็นจำเป็นต้องลำบากจวิ้นอ๋องหาของพวกนี้มาให้เลย”

          พระสุรเสียงกล่าวอย่างพระทัยดี ตั้งแต่เด็กจนโต จวิ้นอ๋อง หรือ ‘หยวนจิวหรง’ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนมักชอบหอบหิ้วของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ มาถวายเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทั้งๆ ที่เขาส่งตัวไปคุมเมืองหู่อยู่ที่ชายแดนแล้วแท้ๆ ก็ยังมิวายส่งของพวกนี้มาเอาใจอีก

          ทว่าเพลานี้สถานการณ์ในวังมิได้ร่มเย็น เกรงว่าสิ่งที่ลูกชายกระทำจะเป็นการกะเทาะไฟบนเชื้อเพลิงเสียมากกว่า

          “ได้ยินว่าเมืองหู่นั่นแร้นแค้น แม้ต้นหญ้าสักต้นยังหาได้ยากเย็น ท่านอ๋องของเจ้าคงลำบากมิน้อยกว่าจะหาของพวกนี้มาได้ คราวหลังหากฝ่าบาทไม่ประสงค์เรียก...อย่าได้ลำบาก”

          เป็นดังคาด..มเหสีหลิวจูเป็นคนเปิดพระโอษฐ์อันเฉียบคมเข้ามาต่อต้านนายเหนือหัวเขาเป็นคนแรก ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวนัก เดิมทีขึ้นมาจากนางสนมต่ำต้อย ก่อนไต่เต้าจนมาเป็นฮองเฮาโดยมีไทเฮาสมรู้ร่วมคิด ทั้งๆ ที่ตำแหน่งนั่นควรเป็นของเสด็จแม่ของอ๋องจิว แต่พระนางกลับถูกขัดขวาง เหตุเพราะมีต้นตระกูลมาจากสกุลเหยียนจึงไม่คู่ควร พระนางเลยโดนลอบวางยาพิษ

          แม้อ๋องจิวพยายามแก้แค้นให้เสด็จแม่ของตน โดยการสังหารองค์ชายสาม ทว่ากลับไม่เป็นตามแผน ถึงหลักฐานจะไม่เชื่อมโยงและสาวมาถึงได้ ท่านอ๋องจึงไม่ต้องโทษประหาร แต่ก็ถูกถอดยศจากองค์รัชทายาทเหลือแค่จวิ้นอ๋อง ก่อนฮ่องเต้สือเจิ้งจะมีรับสั่งย้ายไปเขาคุมหัวเมืองกันดารอยู่ที่เมืองหู่เป็นการลงโทษ แต่นั่นก็ไม่น่าเจ็บใจเท่าองค์ชายสามกลับได้ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน!

          น่าชิงชังนักที่เมืองหู่นั้น ทั้งกันดารแร้นแค้น แค่น้ำสักหยดก็ยังหาลำบาก ทว่านายเหนือหัวของเขากลับเป็นผู้ปรีชาสามารถ แม้จะมีบางครั้งที่โหดเหี้ยม แต่ก็ทรงกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ไม่เกรงกลัวสิ่งใด พระองค์รักประชาชนและพวกพ้องของตนที่สุด

          ซุนไป่หานได้ตั้งสัตย์สาบานเอาไว้ว่าจะรับใช้หยวนจิวหรง องค์ชายสองของเขาไปชั่วชีวิต

          “เดิมทีเมืองหู่นั่นแร้นแค้นลำบากอย่างที่พระมเหสีตรัสไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ ทว่าตอนนี้การเป็นอยู่ของประชาชนเฟื่องฟูขึ้น ประชาชนสามารถทำการเพาะปลูกพืชที่เขาซิ่วฮวาได้”

          ที่เมืองหู่เป็นแคว้นที่มีภูมิประเทศพิสดาร พื้นดินแห้งแล้ง แต่กลับติดกับผาทะเล ส่วนเนินเขาก็ประเดี๋ยวสูงประเดี๋ยวต่ำ มีทั้งป่ารกรังและป่าหัวโล้น โชคดีที่ดินบนภูเขาซิ่วฮวาอุดมสมบูรณ์ และมีตาน้ำซุกซ่อนไว้ เลยทำการย้ายชาวบ้านไปทำการเกษตรที่นั่นได้

          พระมเหสีหลิวจูถึงกับขมวดพระขนง แม้นางจะไม่เคยประพาสเขาซิ่วฮวาแต่เคยได้ยินว่าที่นั่นน่ากลัวนัก เพราะมีชนเผ่าชนป่าล่าคนอาศัยอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่อ๋องจิวจะเข้าไปได้

          “เขาซิ่วฮวา...ข้าได้ข่าวว่าแถวนั้นมีพวกชนเขาป่าเถื่อน อ๋องจิวเข้าไปได้อย่างไรกัน”

          ในน้ำพระสุรเสียงแฝงความไม่พอพระทัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าซุนไป่หานไม่ได้เกรงกลัว องครักษ์หนุ่มตอบไปตามความจริง

          “ทูลพระมเหสี ด้วยพระปรีชสามารถ ฝ่าบาททรงกำราบคนป่าเถื่อนพวกนั้นหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นประโยคเสียงกระซิบกระซาบก็ดังไปทั่วท้องพระโรง

          “กำราบหมดแล้ว ไยอ๋องจิวถึงได้ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนี้โดยไม่แจ้งข้า”

          ครานี้เป็นฮ่องเต้สือเจิ้งที่แสดงความไม่พอพระทัยบ้าง แต่ไป่หานก็ยังคงแสดงท่าทีแน่นิ่งไม่ไหวเกรง

          “กระหม่อมสมควรตายที่ไม่ทัดท้าน ทว่าตอนนั้นท่านอ๋องตรัสกับกระหม่อมว่าเรื่องชนเผ่าที่อยู่ในเขาซิ่วฮวานั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่อยากลำบากฝ่าบาทให้มอบกำลังทหาร จึงจัดการกันเองพ่ะย่ะค่ะ”

          “บังอาจที่สุด! แม้จะเรื่องจะเล็กน้อยแค่ไหน แต่จวิ้นอ๋องก็ควรเห็นแก่พระพักตร์ฝ่าบาทไม่ใช่กระทำการอำเภอใจ”

          มเหสีหลิวจูถึงกับลุกขึ้นชี้หน้าด้วยความกริ้ว ขณะที่ซุนไป่หานได้แต่กำหมัดแน่น ทั้งๆ ที่นำความดีความชอบมาถวายแท้ๆ ทว่าสงครามวังหลวงนั้นน่ากลัวยิ่งนัก เพียงพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถเปลี่ยนขาวเป็นดำได้

          “กระหม่อมสมควรตาย”

          ไป่หานก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบพระพักตร์เบื้องสูงของใครทั้งสิ้น แม้อยากจะต่อเถียงใจแทบขาด แต่ฐานะของเขาต้อยต่ำจะมีสิทธิ์เสียงได้อย่างไร

          บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น ฮ่องเต้สือเจิ้งเข้าใจดีว่ามเหสีหลิวจูต้องการสิ่งใด เพราะการที่อ๋องจิวส่งเครื่องบรรณาการมากมายมาให้เขาได้ ก็เหมือนเป็นการตบหน้าพระนางทางอ้อม เพราะคนที่เสนอให้เขาส่งจิวหรงไปที่เมืองหู่แสนกันดารนั่นก็คือนางเอง

          ทว่าหลิวจูหาได้รู้ความในพระทัย ว่าที่เขายินยอมส่งจิวหรงไปที่เมืองหู่นั้น ก็เพราะว่าที่นั่นปลอดภัย

          “ช่างเถิดพระมเหสี...ข้าเข้าใจที่เจ้าเป็นห่วงเกียรติของข้า แต่อ๋องจิวก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างพักนี้วังหลังก็มีเรื่องให้น่ากลุ้มใจเยอะพออยู่แล้ว เจ้าอย่าใส่เรื่องหยุมหยิมแค่นี้เลยนะ”

          พอถูกตัดบทมเหสีหลิวจูถึงกับแอบกำพระหัตถ์แน่น ก่อนจะยอบตัวลงคำนับที่ตัวเองเสียมารยาท แล้วนั่งลงตามเดิม ขณะนั้นเองไทเฮาที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีปากเสียง พอรู้ว่าฮ่องเต้กำลังปกป้องอ๋องจิวอย่างออกนอกหน้ากลับเอื้อนเอ่ยขึ้นมา

          “ตัดหนามอย่าไว้หน่อ ฆ่าแม่อย่าไว้ลูก ให้ท้ายกันเข้าไป”

          “เสด็จแม่...”

          ถึงกับหันพระพักตร์ไปมองหญิงชราที่โบกพัดเบาอยู่ด้านหลัง องค์ไทเฮาปรายพระเนตรมองกลับ ก่อนจะเชิดพระพักตร์ขึ้นแสดงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          บรรยากาศกดดันอึดอัดขึ้นทุกที สายฝนด้านนอกก็ยังไม่สงบ จังหวะหนึ่งมีลมเย็นวูบหนึ่งพัดเข้ามา ชายหนุ่มในชุดเสื้อแพรลายเมฆสีเขียวกลับเอ่ยขึ้น

          “พระเชษฐาช่างทรงพระปรีชาเสียจริงที่ขับไล่ชนเผ่าป่าเถื่อนพวกนั้นออกไปได้ เช่นนั้นข้าก็คลายกังวล เมืองหู่คงหายใจหายคอได้ดีขึ้น เสด็จพ่อลูกว่าควรตกรางวัลความดีความชอบให้จวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

          รอยยิ้มงดงามประดับบนเครื่องหน้าที่เพียบพร้อมทุกสิ่ง เนตรกลมโต คิ้วเรียวพาดเฉียงเหมือนใบหลิว จมูกโด่งตรงไม่คดเคี้ยว ริมฝีปากบางเฉียบรูปคันศร พวงแก้มสีขาวนวลขึ้นสีชมพูระเรื่อนิดๆ จากอากาศที่อบอ้าว

          หยวนอี้หมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มราบเรียบ เขาหันไปหาเสด็จพ่อตนเอง ค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม ท่าทางเช่นนั้นทำให้ฮ่องเต้สือเจิ้งพอพระทัยมาก

          “รัชทายาทเจ้าช่างมีพระทัยเมตตานัก”

          พอได้รับคำชื่นชมหยวนอี้หมิงก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น ใช่แล้วคนทำดีก็ควรจะได้ดี แต่คนเลวที่ทำดีเพื่อหวังเอาหน้าอย่างไรก็ไม่นับเป็นคนดี

          “พระเชษฐาอยู่ที่เมืองหู่คงต้องพบความลำบาก ถ้าข้าช่วยพูดอะไรได้ก็ควรกระทำเพื่อเขา แม้ว่าเขาจะเคย...”

          อี้หมิงทำสีหน้าลำบากใจที่จะเอื้อนถ้อยวลีถัดไป ท่าทางเช่นนั้นยิ่งทำให้ยิ่งทำให้ท้องพระโรงหวั่นไหวด้วยเสียงครหาอ๋องจิวต่างๆ นานาว่าต้องการสังหารพี่น้องตนเอง

          ซุนไป่หานมองออกตั้งแต่แรก หยวนอี้หมิงเป็นคนประเภทเสแสร้งทำดี มือถือสากปากถือศีล ทว่าแท้จริงต้องการให้ท่านอ๋องของเขาพินาศย่อยยับ แต่ไป่หานกลับทำได้เพียงเก็บความคิดตัวเองทั้งหมดไว้กับความเงียบ กระทั่งฮ่องเต้สือเจิ้งพยักพระพักตร์รับ ไม่ช้าก็ตัดสินใจพระทัยตรัสอีกครั้ง

          “องครักษ์ซุนไป่หานข้าจะประทานรางวัลให้ท่านอ๋องของเจ้า ฐานที่กำราบชนเผ่าเถื่อนที่เขาซิ่วฮวาได้ เจ้าเดินทางมาไกลทหารของเจ้าอาจมีเจ็บไข้ได้ป่วยบ้าง ประเดี๋ยวข้าจะให้สำนักหมอหลวงไปตรวจอาการพวกเจ้า พักผ่อนสักวันสองวันแล้วค่อยกลับ”

          “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

          ว่ากันว่าที่บ้านเมืองอยู่ร่มเย็นเป็นสุขได้เพราะมีเสาหลักค้ำจุนที่แข็งแรง ทว่าที่ฮ่องเต้แต่งตั้งหยวนอี้หมิงเป็นรัชทายาทนั่น นับได้ว่าเป็นการตอกเสาต้นใหม่ซึ่งน่ากลัวยิ่งนัก
♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

100%

(โง้ยย จบตอนที่หนึ่งแล้วนะตัว EtuDe มารายงานแล้วค่ะ ตอนนี้ พระเอกกับนายเอกยังไม่ได้เจอกันจังๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ เอาบทเปิดตัวคนล่ะฝั่งไปก่อนเบาๆ ขอบคุณทุกคนเม้นต์ในเล้ามากๆเลยค่ะมีกำลังใจแต่งขึ้นมากมาย ไม่รู้ว่าถูกใจมั้ย แต่จะพยายามแต่งให้ดีที่สุดนะคะ ><
จะม่าไหมน้าาา #เปรยตามลม)

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
รอติดตามต่อไปค่า ช่วงนี้ตากฝนบ่อยรู้สึกจะไม่ค่อยสบายเลย แค่กๆๆ

ออฟไลน์ EtuDe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
❀ Moon's Embrace :  บทที่ 2 ... ครึ่งแรก ❀

          “คราวก่อนบดยา คราวนี้ตรวจทหารเถื่อน คราวหน้าไม่มีรับสั่งให้ข้าไปตรวจหมูตรวจหมาเลยล่ะ”

          ขณะกำลังก้าวขาเดินไปที่จวนพักทหารบริเวณกำแพงวังชั้นนอกด้านหลัง ฉินกวนเจ๋อก็ยังไม่ปิดปากตัวเอง ราวกับว่าต้องการให้โลกทั้งใบรับรู้ว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนอู่ลี่จินที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเอาแต่ตีหน้านิ่ง

          หลังจากหัวหน้าสำนักหมอหลวงรับพระบัญชาจากฮ่องเต้ แน่นอนว่าหมอระดับสูงกว่าพวกนั้นไม่มีทางที่จะลดตัวลงมาดูแลให้กับพวกทหารปลายแถว จึงกลายเป็นหมอชั้นต้นอย่างพวกเขาต้องมาทำหน้าที่นี้แทนโดยไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ แต่นับได้ว่าเป็นเรื่องดีที่เขาจะได้มีโอกาสตรวจผู้คนมากกว่าต้มยาตามใบเทียบให้กับหมอคนอื่น

          “พวกเราเป็นหมอ ไม่ควรจะเกี่ยงคนป่วย ไม่ว่าเป็นใครเจ้าก็ควรจะรักษา”

          “อา...ศิษย์พี่อู่ลี่จินเลิศล้ำค้ำฟ้าหมอเทวดา ไฉนวันนี้เจ้าถึงได้สละทิ้งคราบปีศาจเย็นชาเป็นพ่อพระได้”

          ไม่ว่าเปล่า แถมด้วยการหยุดคำนับคนข้างๆ ด้วย ลี่จินถึงกับหันขวับ

          “เย็นชา ข้าน่ะหรือ...”

          กวนเจ๋อทำตาโต

          “ใช่ ปกติเจ้าชอบเจ้าปั้นปากบึ้ง หน้าเชิด ไม่พูดไม่จากับใคร ใครๆ เลยเรียกกันว่า น้ำแข็งพันปีอู่ลี่จิน”

          คนฟังกลอกตา เขาไม่น่าหยุดฟังคำพูดไร้สาระพวกนี้เลย นับวันกวนเจ๋อก็ยิ่งพูดมากไม่ยอมหยุด ถึงจะยอมรับว่าเจ้าตัวไม่มีพิษมีภัยและเป็นเพื่อนคนแรก แต่บางครั้งก็น่าจับโขกหัวให้แตก

          “ข้าว่าเจ้าแค่พูดมากไปมากกว่าเจ๋อเจ๋อ เลยดูว่าข้าไม่ปกติ”

          พูดจบคนร่างบางก็เดินนำหน้าไป เว้นก็แต่คนที่เพิ่งถูกตั้งชื่อเล่นใหม่ที่ถึงกับหยุดคิดไปชั่วครู่ กว่ารู้ตัวว่าหมายถึงอะไรก็ต้องตะโกนเรียกไล่หลัง

          “เจ๋อเจ๋อ? นี่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ เฮ้ย! ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าแบบนั้น กลับมาคุยให้รู้เรื่องเลยนะลี่จิน! ”

♦♦♦♦♦♦

          ด้วยรับสั่งจากโอรสสวรรค์ สำนักหมอหลวงจึงส่งหมอหลวงมาตรวจกองทหารที่เพิ่งเดินทางเข้ามาจากเมืองหู่ ทั้งหมดแปดคน ทุกคนล้วนแต่เป็นหมอหลวงชั้นต้นที่ไม่ค่อยผ่านงานตรวจอะไรมามาก

          ทีแรกอู่ลี่จินมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย แต่พอตรวจไปได้สักพัก เห็นสภาพความเหน็ดเหนื่อยและใบหน้าที่ทรุดโทรมของแต่ล่ะคน ก็ทำให้เขาต้องสละเรื่องนั้นทิ้งออกไป สิ่งที่เขาระลึกอยู่ในตอนนี้คือ คำสอนของถานเซียง ‘เป็นหมอสำคัญที่สุดคือรักษาชีวิตคน’ ถึงทหารที่มาจากเมืองหู่จะไม่เยอะมาก แต่หมอชั้นต้นเพียงแค่แปดคนจึงใช้เวลาพอสมควร

          คนเก่าจบไป...คนใหม่มาแทนที่

          อู่ลี่จินนั่งใช้นิ้วชี้กลางนางจับจุดชีพจรที่จุด ซุ่น กวน และเฉ่อทั้งแขนซ้ายและขวาซ้ำๆ กว่าหลายคน มีบ้างที่ให้แลบลิ้น หรือจับจุดที่ลำคอ ก่อนจะวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา

          “ร่างกายเจ้าแข็งแรงดี แต่ธาตุหยินพร่องไปหน่อย บำรุงด้วยน้ำหล่อฮั้งก้วย กับยารากหญ้าคาเล็กน้อยก็น่าจะดีขึ้น”

          ต้องเข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เขาไม่อยากสั่งยาที่ดีกว่านี้ แต่ทหารปลายแถวไม่สามารถบำรุงด้วยยาดีๆ เหมือนเชื้อพระวงศ์ได้ แค่ใบเทียบยาง่ายๆ ลำพังแค่ดอกเก๊กฮวยหรือชะเอมแห้ง บางครั้งกองโอสถยังจำกัดจำนวนให้ต้มยาต่อครั้งลดน้อยลงกว่าครึ่ง

          นายทหารหนุ่มกล่าวขอบคุณเขา ลี่จินเผยรอยยิ้มเจือจาง รู้สึกเหมือนได้น้ำมารดหัวใจชุ่มฉ่ำขึ้นมาบ้าง แต่พอมองไปรอบๆ ก็ยังมีทหารอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้รับการตรวจ

          อู่ลี่จินปาดเหงื่อที่เริ่มพรายผุดบนหน้าผาก ทว่ายังไม่ทันที่ทหารคนใหม่จะเดินเข้ามา กวนเจ๋อก็พุ่งตรงเข้ามาสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะรีบคว้ามือลากเขาไปหลบอยู่ที่ข้างๆ โรงม้า

          เพื่อนจอมพูดมากมองซ้ายมองขวาอยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นใครก็ถอนหายใจโล่ง

          “เจ้ามีอะไร มีคนป่วยหนักงั้นหรือ” ลี่จินขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ กวนเจ๋อรีบส่ายหน้ารัว

          “ไม่ใช่แต่ว่า...แย่แล้ว”

          “แย่แล้ว อะไรที่เจ้าว่าแย่” กวนเจ๋อทำท่ากระอักกระอ่วนที่จะบอก ดวงตาดูเป็นกังวล ก่อนจะพยักพเยิดใบหน้าไปด้านหลังตัวเอง

          “เจ้าเห็นชายที่นั่งอยู่ตรงนั้นไหม”

          ลี่จินมองตาม ที่มุมเสาต้นสุดท้ายของจวนพักทหาร มีทหารหนุ่ม รูปร่างแข็งแรงกำยำหน้าตาคมเข้ม ทว่ากลับดูถมึงทึงไม่เป็นมิตร แถมยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนไม่มีหมอคนไหนกล้าเข้าไปตรวจชีพจรให้ และด้วยชุดเกราะสีดำของเขาที่แตกต่างออกไป ทำให้ลี่จินคิดว่าชายคนนี้ไม่น่าจะใช่แค่ทหารธรรมดา

          “เขาเป็นใคร”

          “ชู่...ที่ข้าจะพูดก็เรื่องนี้นี่ล่ะ นั่นซุนไป่หาน องครักษ์ของอ๋องจิว” กวนเจ๋อกระชากเพื่อนมากระซิบแทบไม่ทัน เขาได้ยินเกียรติศัพท์ของคนตรงหน้ามามาก ทั้งหูดี ตาไว แต่กลับโหดเหี้ยม ไร้หัวใจ ถ้ายังอยากมีหัวไว้บนบ่า ไม่ควรนินทาในระยะเผาขนอย่างยิ่ง

          ทว่าลี่จินไม่ได้สนใจท่าทีของกวนเจ๋อเท่าไร แต่มีวลีหนึ่งที่ทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

          “อ๋องจิว...ที่ว่ากันว่าเป็นคนโหดเหี้ยมฆ่าได้แม้แต่พี่น้องของตัวเองน่ะหรือ”

          แม้จะเป็นคนบ้านนอก แต่ข่าวลือเรื่องอ๋องจิวกลับกระจายทั่วใต้หล้า มีใครบ้างที่จะไม่รู้เรื่องวีรกรรมอันโหดเหี้ยมของอ๋องจิวที่กล้าสังหารน้องตัวเองเพื่อตำแหน่งรัชทายาท ถึงจะไม่สำเร็จแต่ฮ่องเต้ก็ส่งตัวไปที่เมืองหู่เป็นการลงโทษ ส่วนผู้คนก็รุมกันประณามสาปแช่งเขา

          กวนเจ๋อหน้าซีดเผือด พอเห็นเพื่อนกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วลำคอก็เสียววูบวาบ ถึงไม่อยากจะพูด แต่อย่างไรเรื่องที่เขาทราบมาก็ต้องบอกกล่าวให้อีกฝ่ายรู้

          “ใช่ๆ นายบ่าวโหดเหี้ยมไม่ต่างกัน เขาว่ากันว่าองครักษ์ซุนไป่หาน...” พูดไม่ทันจบกวนเจ๋อก็ชำเลืองสายตามองไปที่องครักษ์หนุ่มว่ายังนั่งอยู่ตรงเสาหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยังไม่ลุกไปไหนจึงหันกลับมาพูดต่อ “แค่เจ้าเผลอสบตาเพียงนิดเดียวก็มีสิทธิ์หัวหลุดจากบ่า และถ้าเขาไม่พอใจมากๆ น่ากลัวว่าจะโดนควักลูกตาออกมาด้วย โธ่เอ้ยวันนี้อนาคตหมอหลวงชั้นต้นของพวกเราคงต้องจบเห่เป็นแน่”

          พูดจบกวนเจ๋อก็ทึ้งศรีษะตัวเองแรงๆ ลี่จินเห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วนึกขันนัก ยังไม่ทันได้ตรวจก็ทึกทักเอาเองว่าองครักษ์นั่นเป็นคนโหดเหี้ยมไปซะแล้ว ถึงจะมีความเป็นไปได้สูงว่านิสัยนายบ่าวมักไม่ต่างกัน แต่หากจะกล้าควักลูกตาเขาในวังหลวงก็ควักไปเลย

          “เพ้อเจ้อน่ะ บ้านเมืองนี้มีขื่อมีแปจะตัดหัวใครพร่ำเพรื่อได้ยังไง แล้วนั่นเขาเป็นถึงองครักษ์จวิ้นอ๋อง ถ้าพวกเราจะโดนตัดหัว ก็เพราะไม่มีใครไปตรวจเขาเนี่ยล่ะ”

          “แล้วใครจะกล้าไปเล่า คนน่ากลัวแบบนั้น หากทำพลาดขึ้นมามีหวังเขาได้ตัดแขนเจ้าทิ้งแน่”

          “เจ้าเป็นหมอไยต้องกลัวคนป่วย”

          “แล้วเขาดูป่วยที่ไหนกันเล่า แข็งแรงออกปานนั้น ดีดเจ้าทีเดียวก็ติดกำแพงแล้ว แล้วเจ้าจะไปไหน ลี่จิน ลี่จิน! ”

          ขี้เกียจต่อร้องต่อเถียงแล้ว ถ้าซุนไป่หานจะกล้าเป็นคนที่ไร้เหตุผลในวังหลวงจนทำร้ายหมอก็ให้รู้ไป ลี่จินรีบเดินหนีจากเพื่อนจอมยุ ก่อนตรงเข้าไปหาทหารหนุ่มในชุดเกราะสีดำที่เสาต้นสุดท้ายอย่างไม่กลัวเกรง

          ทางด้านองครักษ์หนุ่มที่กำลังครุ่นคิดเรื่องนายเหนือหัวตัวเองอยู่นั้น พอสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้า เขาจึงเหลือบสายตามอง

          คนคนนี้เป็นบุรุษ ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาเรียวยาวซ่อนความเย่อหยิ่ง ริมฝีปากบางเฉียบ รูปร่างบอบบางผิวขาวดูนุ่มนวลเหมือนกลีบดอกบัว เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวคราม ส่วนศีรษะสวมหมวกที่บ่งบอกว่าเป็นแพทย์หลวง

          นัยน์ตาสีเข้มช้อนมองคนตรงหน้าตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นหมอหนุ่มรูปงามก็ไม่ผิดเพราะยังดูเด็กนัก

          ไป่หานแอบยกยิ้มเยาะ เข้าใจอยู่หรอกที่ฮ่องเต้มีน้ำพระทัยเมตตาเหลือล้นเป็นห่วงพวกเขา แต่เพราะเจ้าพวกคนชั่วช้าที่อยู่หลังม่านนั้นกลับมีพรรคมีพวกไปทุกที่ ถ้าจะมีอำนาจสั่งสำนักหมอหลวงให้ส่งหมอใหม่ไร้ฝีมือมาตรวจโรค คงมิวายเป็นแผนของรัชทายาทที่ต้องการดูแคลนท่านอ๋องของเขาเป็นแน่

          “คารวะใต้เท้าซุน ข้าน้อยอู่ลี่จิน ขออนุญาตตรวจชีพจร”

          อีกฝ่ายโค้งศีรษะคำนับอย่างถ่อมตน แต่เสียงนั้นกลับไม่เข้าหูเลยสักนิด มือเรียวทำท่าจะยื่นมาหา แต่ไป่หานกลับเมินชักแขนตัวเองหนี

          “ข้ารับใช้ท่านอ๋องมาสิบหกปีไม่เคยป่วยไข้ ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าไปซะ”

          พอถูกปฏิเสธเช่นนี้ มือที่ยืนออกไปถึงกับชะงัก อู่ลี่จินรู้สึกเหมือนถูกฟาดหน้าด้วยไม้แข็งๆ เดิมทีเขาเกลียดนักกับคนที่บอกว่าตัวเองแข็งแรงไม่เคยป่วยไข้ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความอวดดีของคนตรงหน้า หากนี่ไม่ใช่รับสั่งจากฮ่องเต้ที่โยนมาให้สำนักหมอหลวงว่าให้ตรวจร่างกายทหารทุกคนจากเมืองหู่ เขาจะไม่แยแสเลยสักนิด เพลานี้ต่อให้อีกฝ่ายเป็นยักษ์มารเขาก็ต้องจับมาตรวจ!

          “ขออภัยใต้เท้าซุน แต่มิได้ ข้าน้อยได้รับคำสั่งมาจากหัวหน้าสำนักหมอหลวงให้ตรวจทหารทุกคนที่มาจากเมืองหู่ หากข้าน้อยไม่ปฏิบัติตามเกรงว่าจะผิดต่อรับสั่ง และผิดต่อกฎสำนักหมอหลวงที่ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ ขอใต้เท้าโปรดเข้าใจ”

          ว่าไปตามความจริง แต่น้ำเสียงห้วนๆ และเย่อหยิ่งนั่นฟังยังไงก็ไม่รื่นหูเลยสักนิด ซุนไป่หานขมวดคิ้วมุ่นพลางมองอู่ลี่จินที่ยังยืนค้ำศีรษะ ใจหนึ่งก็คิดว่าหมอผู้นี้ฉลาดนัก แต่อีกใจก็คาดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะกล้าพูดจาโอหังเช่นนี้ใส่ ทั้งๆ ที่เขาเป็นถึงองครักษ์ของอ๋องจิวที่ผู้คนกล่าวขานกันว่าโหดเหี้ยม

          หึ..โหดเหี้ยมงั้นหรือ เช่นนั้นเขาก็อยากจะลองวัดความใจกล้าของหมอหนุ่มคนนี้ดูสักตั้ง

          “เจ้าไม่กลัวข้าตัดแขนเจ้าทิ้งหรือ”

♦♦♦♦♦♦♦

50%

เขาเจอกันแล้วว ใต้เท้าซุนจะตัดแขนน้องทิ้งไม่ได้นะแง! ขอบคุณทุกคนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ

อยู่กันไปนานๆ เด้อ อย่าเพิ่งป่วยเพิ่งไข้ ถถถถ เดี๋ยวส่งท่านหมอไปช่วยดูอาการนะ #เอาหัวไถอ้อน เจอกันครึ่งหลังพรุ่งนี้ค่ะ ♥

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ข้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยามสบตาท่าน

นี่ป่วยพอยัง? อยากให้หมอหนุ่มรูปงามมาตรวจบ้างอ้ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จะยะโส โอหัง  เย่อหยิ่งถือตัวไปไหนซุนไป่หาน  :hao3:
หมอใหม่จะมีฝีมือหรือไม่ ก็ไม่ให้เขาตรวจจะรู้รึ    :m16: :angry2: :เฮ้อ:
ตัวเองไม่ใช่หมอจะรู้อาการของโรครึ  เถ้อออออ  :เฮ้อ:
   
เรื่องชิงความเป็นใหญ่ในวังช่างน่ากลัวสุดๆ  o22 o22 o22
ไทเฮาบอกลอยๆว่าตัดหนามอย่าไว้หน่อ ฆ่าแม่อย่าไว้ลูก ให้ท้ายกันเข้าไป
แล้วอ๋องไม่ใช่หลาน ไม่ใช่ลูกฮ่องเต้เรอะ   :z6:
ทีนางมเหสีหมาจูวางยาพิษแม่อ๋องจิว โคตรจะไม่มีความผิดเลย
ฆ่าแม่เขาทั้งคนนะ ใครฆ่าแม่ฮ่องเต้บ้าง จะปล่อยให้ลอยหน้าเชิดตาหรือ  :fire:
ฮ่องเต้ รู้ทั้งรู้ยังจะโปรดปรานนังมเหสีหมาจูอีก เป็นฮ่องเต้ที่ไม่ได่เรื่องจริงๆ    :angry2: :angry2: :angry2:
ให้ผู้หญิงมามีอำนาจบงการการปกครอง  ใครเป็นใหญ่กันเนี่ย  :really2: :really2: :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2018 09:44:25 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ Konzen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาเจิมค่ะ น่าจะเข้มข้นน่าดู :fire:

ออฟไลน์ EtuDe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
 
❀ Moon's Embrace :  บทที่ 2 ... ครึ่งจบ ❀

       
          “เจ้าไม่กลัวข้าตัดแขนเจ้าทิ้งหรือ”
         
          ครู่หนึ่งที่แกล้งขู่ออกไป เขาแอบเห็นนัยน์ตาคู่สวยนั่นวูบไหวด้วยความตกตะลึง แต่พักเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงบเยือกเย็นดังเดิม

          “ที่นี่วังหลวง และข้าน้อยเป็นหมอไม่ใช่คนที่ใต้เท้าควรจะหันดาบใส่”

          คนคนนี้กลับซุกซ่อนความหวาดกลัวได้อย่างมิดชิด แม้แต่น้ำเสียงที่ตอบก็ไม่สั่นไหว

          ซุนไป่หานอยากกลอกตา เขายกมือลูบใบหน้าตัวเอง รู้สึกหัวปวดหนึบขึ้นมาเมื่อได้ฟังประโยคของหมอหนุ่มตรงหน้า หวังว่านี่คงจะไม่ใช่แผนการของรัชทายาทที่ส่งคนน่ารำคาญเช่นนี้มาตรวจเขาหรอกนะ

          “แค่ตรวจก็พอใช่หรือเปล่า”

          องครักษ์หนุ่มเลือกที่จะตัดปัญหารำคาญใจ เขานั่งพิงเสา เหยียดตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยอมยื่นแขนไปให้หมอที่อยู่ตรงหน้า

          ลี่จินเผลอปรายตามองเขาวูบหนึ่ง จากสายตาดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ที่เขาทำท่าเหมือนจำใจตรวจ เห็นแล้วนึกขันนัก

          หึ...ใจร้อนขนาดนี้เป็นหมอได้ยังไง

          หมอร่างบางไม่โต้ตอบอะไรอีก เขานั่งลงข้างๆ ก่อนเอื้อมมือไปหาท่อนแขนแกร่งของอีกฝ่าย แล้วใช้นิ้วทั้งสามวางลงบนจุดชีพจรบนข้อมือ

          ช่วงจังหวะนั้นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบลง มีสายลมพัดพลิ้วอ่อนๆ ให้ละอองฝนเจือจางโปรยปรายลงมา จากมุมนี้เขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รู้สึกเหมือนหัวสมองตราตรึงภาพนั้นเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ

          ใบหน้าของอู่ลี่จินเรียวโค้งได้รูป ไม่ได้งดงามราวกับหญิงสาว แต่มิได้หล่อเหลาเยี่ยงชายชาตรี ดวงตาคู่สวยหลุบลง ขนตางอนปลายเรียงกันเป็นแพรสวยงาม จมูกเป็นสันตรง ริมฝีปากสีเนื้อเผยอขึ้นเล็กน้อย ไป่หานแอบกลืนน้ำลาย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนก้อนเนื้อใต้อกข้างซ้ายเต้นแปลกๆ อาจเป็นเพราะเขาเหนื่อยจากการเดินทางไกลมาหลายลี้ ภาพของอู่ลี่จินในยามตรวจชีพจรพร้อมฝนตกช่างเหมือนกับเทพโอสถ

          “นิ้วมือเจ้าเรียวยาว มือก็ขาวเหมือนกับหยก ไม่เหมือนผู้ชายเลยสักนิด”

          ไป่หานอดไม่ไหวที่จะกล่าวออกไปตรงๆ ลี่จินชะงักไปเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตัวว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องเขาตาไม่กะพริบ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่คนไข้จะต้องมองหมอด้วยความอยากรู้เรื่องราวของตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้จะรู้สึกว่าคิดผิดที่มาตรวจซุนไป่หาน แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจคำพูดยุยงให้เสียงาน

          “เอียงคอ”

          อยู่ๆ หมอคนงามก็เอ่ยขึ้นมา ซุนไป่หานที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอมองคนตรงหน้าจนใจลอย ก็ถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งเห็นใบหน้าเรียวได้รูปกำลังเลิกคิ้วใส่ก็ยิ่งงุนงง

          “ใต้เท้าเอียงคอ...”

          ไป่หานสะดุ้งนิดๆ ถึงเขาจะงุนงงอยู่บ้าง แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ทำตามคำพูดอีกฝ่ายไปแล้ว ทว่ายามอู่ลี่จินเอื้อมไปจับเส้นชีพจรที่ข้างลำคอเขา นิ้วมือของอีกฝ่ายกลับนิ่มนวล ตรงกันข้ามกับน้ำเสียงแข็งๆ นั่นโดยสิ้นเชิง

          องครักษ์หนุ่มตัวแข็งทื่อ สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่จะกลืนน้ำลายก็ไม่กล้า ครั้นจะปล่อยตัวตามสบายเกินไปก็คงไม่ดี สุดท้ายเลยได้แต่นั่งตัวเกร็ง

          ลี่จินตรวจได้สักพักก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง

          “อ้าปาก”

          “ห้ะ”

          “อ้า-ปาก”

          ครานี้เน้นย้ำชัดๆ ทีละคำ ถึงจะไม่ได้ฟังดูเกรี้ยวกราด หรือวางอำนาจใส่ แต่ทั้งสายตาและสีหน้าของอู่ลี่จิน กลับบ่งบอกว่าตนเป็นหมอและเขาต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

          เว้นแต่ซุนไป่หานกลับเกิดความลังเลจนตัวแข็ง การให้เขากระทำกิริยาเช่นนั้นต่อหน้าทหารผู้น้อยที่ติดตามเขามาด้วยอีกหลายชีวิตช่างเป็นเรื่องน่าอับอายนัก ขณะที่อู่ลี่จินกลับเอาแต่จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ แม้จะไม่มีคำพูดใดเอ่ยมาจากริมฝีปากบางเฉียบนั่น แต่ทั้งสีหน้าและดวงตากลับดูบีบบังคับเขาสุดๆ

          ดูเอาเถิดสวรรค์ ข้าซุนไป่หานทหารกล้าผู้ไม่เคยจำนนให้ผู้ใด กลับมาต้องอ้าปากแลบลิ้นให้คนคนนี้ง่ายๆ บอกตามตรงถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่หมอเขาไม่มีวันทำตามแน่!

          ในที่สุดไป่หานก็ยอมอ้าปากแอบลิ้นจนได้ ลี่จินอยากจะกลอกตาเสียจริง กว่าอีกฝ่ายจะยอมเขานึกเสียว่าต้องรอประมาณครึ่งชั่วยามเสียแล้ว เล่นตัวนัก! แต่ก็ดีเขาจะได้ไม่เสียเวลาแล้วไปหาคนอื่นต่อ

          ลี่จินใช้เวลาชำเลืองสายตามองด้านในโพรงปากไป่หานอยู่สักพัก ในที่สุดก็ตรวจครบทุกอย่าง

          หมอคนงามเงยใบหน้าขึ้น นัยน์ตาสีดำหมือนตากวางนั้นมององครักษ์หนุ่มตรงๆ

          “ร่างกายท่านเหมือนจะแข็งแรง”

          “เหมือนจะแข็งแรง? ”

          ซุนไป่หานเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ลี่จินประสานมือกันใต้แขนเสื้อแล้วกล่าวเรียบๆ

          “เส้นชีพจรหัวใจของใต้เท้ามีบางจังหวะที่เต้นซ้อนกัน ใบหน้าของท่านดูอมเหลือง ใต้ตาคล้ำ ลิ้นเป็นฝ่าจุดและมีกลิ่น ในตาขาวมีเส้นเลือดแตก นัยน์ตาดำก็ดูไม่นิ่ง ใต้เท้า...ท่านได้นอนครั้งสุดท้ายเมื่อไรกัน”

          คำพูดนั้นเหมือนกับเข็มเล่มเล็กที่ค่อยๆ ปักลงบนใบหน้าจนชา ประโยคเถรตรงไม่อ้อมค้อมเช่นนี้ทำเอาองครักษ์หนุ่มกระแอมไอกลบเกลือน ใบหน้าคมเข้มเบี่ยงหนีความจริงที่หมอหนุ่มพูด

          “ข้าไม่จำเป็นต้องตอบ”

          “ต่อให้คนเราแข็งแกร่งหรือเก่งกล้ามาจากสวรรค์ แต่หากไม่นอนพักผ่อนติดต่อกัน ต่อให้เป็นเด็กน้อยก็สามารถล้มวีรบุรุษได้ ข้าน้อยต้อยต่ำคงมิบังอาจสั่งสอน แต่ท่านไม่ใช่ก้อนหินก้อนดินควรจะพักผ่อนอย่างน้อยวันละสามชั่วยามอย่างต่ำ เพื่อตัวท่านเอง”

          น้ำเสียงของคนเป็นหมอเริ่มเปลี่ยนเป็นค่อนข้างดุอีกครั้ง ล่าสุดที่เขาได้ยินเสียงสั่งสอนแบบนี้ก็มีแค่อาจารย์กับท่านแม่เท่านั้น แล้วคนตรงหน้าเป็นใครกัน ถึงได้กล้ากล่าววาจาเช่นนี้ ในตอนที่อยู่ในสนามรบ ทหารที่ไหนบ้างจะได้นอนหลับวันละหกชั่วโมง แล้วนี่เขาก็รีบทำตามคำสั่งอ๋องจิวบึ่งม้าข้ามวันข้ามคืนมาจากเมืองหู่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนสักหน่อยจะเป็นไรไป

          ซุนไป่หานชำเลืองสายตามองอู่ลี่จิน เขาอยากจะเอ่ยคำพูดต่อว่าอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันที่ใช้น้ำเสียงดุๆ ใส่ แต่ลำคอกลับเปล่งได้แค่ “ข้าจะระวัง”

          ท่าทีของซุนไป่หานทำให้ลี่จินนึกขันนัก สุดท้ายองครักษ์ผู้โหดเหี้ยมก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กดื้อๆ คนหนึ่ง แต่ช่างเถิดจากนี้คงหมดหน้าที่ของเขาแล้ว แค่จัดยาบำรุงคนคนนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก

          “ข้าน้อยจะจัดโสมกับเห็ดหลินจือแดงบำรุงหัวใจให้ ส่วนเรื่องอื่นขึ้นอยู่กับใต้เท้าพิจารณาเอง”

          มั่นใจมากด้วยสายตาที่ดื้อดึงของซุนไป่หานแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะรับฟังใครสักคนแม้คนคนนั้นจะเป็นหมอ

          เมื่อไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว ลี่จินจึงคำนับคนตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายเป็นการร่ำลา ทว่าไม่ทันจะได้ไปไหนไกล แขนของเขาก็ถูกกวนเจ๋อเพื่อนรักคว้าไปหลบมุมอยู่ข้างโรงม้าอีกครั้ง

          พอไม่เห็นใครแล้วกวนเจ๋อจึงเริ่มพูด

          “เจ้ากล้าไปพูดจาแบบนั้นได้อย่างไร ดูตาเขาสิเหมือนจะฆ่าเจ้าเลย” พอนึกถึงสีหน้าขององครักษ์นั่นแล้ว ลี่จินก็ถอนหายใจ

          “เด็กแปดขวบยังพูดจารู้จักฟัง แต่ถ้าเขาไม่ฟังข้าก็ไม่จำเป็นต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมเขา”

          “นั่นซุนไป่หานเลยนะ! ”

          “แล้วไงเล่า! ”

          ดูเหมือนจะขึ้นเสียงดังไปหน่อย ทหารที่นอนพักอยู่แถวนั้นถึงได้หันกันมามองพวกเขากับเป็นแถบๆ

          กวนเจ๋อถลึงตามองคนเสียงดังแทบถล่น ลี่จินไม่สะทกสะท้าน หนักกว่านั้นคืออาการกอดอกแล้วเบือนใบหน้าหนี เขาต้องสนใจหรือไงเล่าว่าเจ้าองครักษ์นั่นจะได้ยินหรือไม่ได้ยิน เหอะ! ได้ยินน่ะสิดี จะได้รู้ว่าตัวเองทำตัวไม่ต่างจากเด็กดื้อ

          “แต่ลี่จิน”

          ”เจ้าเลิกพูดเรื่องนี้กับข้าเถอะ”

          หมอหนุ่มไม่อยากใส่ใจอะไรแล้ว ลี่จินกลอกตา ก่อนหันหลังจะเดินกลับไปที่กองโอสถโดยมีกวนเจ๋อเดินตามด้านหลังติดๆ ทว่าก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังมาจากที่ไกลๆ

          “ระวัง! ม้าหลุด! ”

          ลี่จินรีบหันไปทิศของเสียงนั่น เห็นอีกทีก็พบอาชาสีน้ำตาลตัวใหญ่กำลังวิ่งพุ่งทยานมาทางเขากับกวนเจ๋อ นัยน์ตาสีดำเบิกกว้าง ด้วยสติที่ยังพอเหลือ เขารีบผลักกวนเจ๋อที่แข็งค้างเป็นหินออกไปจากทิศทางของม้า

          ทว่าพอหันมาอีกครั้ง กลับไม่มีเวลาเหลือพอที่ตนเองจะหลีกให้พ้นทางม้า อาชาตัวใหญ่วิ่งกระโจนเข้ามาในฉับพลัน

          “ลี่จิน! ”

          พรึ่บ!

          เป็นดั่งช่วงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ความเร็วนั้นทำให้หมวกแพทย์หลวงหล่นจากศีรษะตกกลิ้งลงบนพื้น ร่างของอู่ลี่จินถูกอ้อมแขนของใครบางคนกระชากตัวออกมาท่ามกลางละอองสายฝน เส้นผมสีดำที่มัดรวบไว้หลุดออกจนพลิ้วสยาย เอวบางสอบที่ซ่อนไว้ใต้สาบเสื้อสีเขียวถูกคว้าไว้ด้วยอ้อมกอดอันแข็งแกร่ง

          ลี่จินเบิกตากว้าง หัวใจเต้นระรัวด้วยความตกใจ แต่กระนั้นก็ไม่เท่ากับภาพผู้ช่วยเหลือ

          “เจ้าเองก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอเช่นกัน จะได้มีสติไม่ยืนนิ่งให้ม้าชน”

          ใบหน้าคมเข้มที่ชุ่มไปด้วยละอองหยาดฝน งดงามดั่งภาพวาดวีรชน ดวงตาสีดำสนิทไร้ซึ่งความปรานี มุมปากยกขึ้นดุจคนที่จงใจเยาะเย้ยถากถาง ขณะที่เขากลับหูดับสนิทไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับรู้สึกหัวสมองเขากำลังตราตรึงจารึกภาพบุรุษผู้นี้ไว้ในหัวราวกับไม่มีวันหลงลืมได้



♦♦♦♦♦♦♦♦

100%

เขียนฉากนี้จบสัมผัสไดถึงฉากพระเอกหนังจีน อุ้นนางเอก แล้วหมุนรำวนไป 4 5 ตลบ อนาคตลี่จินจะต้องเป็นเมียที่ดุมากแน่ๆ ตอนนี้อ๋องจิวยังไม่มีบทนะคะ แต่รู้ๆ วังนี้น่ากลัวมากกกก ส่วนฮ่องเต้ก็....หึหึ   (ยิ้มจางๆ)   ถถถถถ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ♥ #ไว้อาลัยไป่หาน คอยเอาใจช่วยคนเมียดุ2018(ย่าง19) ด้วยเด้อออ
เยิ๊ฟฟฟมากกก #เอาหัวไถ ตอนที่ 3 เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ ♥

ออฟไลน์ ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰

  • นู๋ รัก BoYs' lOvE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 723
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ชอบเเนวนี้มากๆเลย...รอติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
นี่พระ-นายเลยใช่ป่ะ มันกร๊าวใจมาก

บรรยายดีมาก เห็นภาพเลยค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Konzen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ลี่จินใจสั่นแล้วใช่ไหม  o18

ออฟไลน์ EtuDe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
         
 ❀ Moon's Embrace : บทที่ 3 ...ครึ่งแรก ❀



          ยามระกาใกล้สิ้นสุด อีกครึ่งก้านธูประฆังจะตีดัง วังหลวงชั้นนอกต่างจุดโคมตะเกียงไว้ตามมุมเสา

          หลังจากที่หยาดฝนเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน ลี่จินก็เดินเตร็ดเตร่กลับมาที่สำนักโอสถ สภาพร่างกายดูล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ทำให้ความเยือกเย็นของเขาหลอมละลายลงไป เพิ่งเข้าใจก็วันนี้ ว่าวินาทีของคนใกล้ตายมันน่ากลัวเช่นไร แต่กลับไม่รู้ว่าตนโชคดีหรือร้ายที่องครักษ์ซุนไป่หานกลับเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้

          ทว่าเพราะคำพูดถากถางที่ย้อนกลับมานั้นทำให้หงุดหงิดจนแทบไม่เป็นตัวเอง

          “เจ้าควรจะเลิกปั้นหน้าบึ้งได้แล้ว” กวนเจ๋อที่เดินอยู่ข้างๆ แทบทนไม่ไหว หลังจากเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่าย อู่ลี่จินก็เอาแต่ทำหน้าบึ้งคล้ายกับมีความหงุดหงิดอยู่ในใจตลอดเวลา

          แล้วก็ใช่ ดูเหมือนคำพูดเขาจะไปสะกิดความขุ่นเคืองของคนข้างกายจริงๆ กวนเจ๋อถึงกับอยากตบปากตัวเองเมื่อเห็นลี่จินถลึงตาโตใส่

          “กวนเจ๋อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผิดเจ้า”

          “ห้ะ?”

          “ถ้าเจ้าไม่เรียกข้าไป ข้าก็คงไม่เสี่ยงโดนม้าชน”

          นี่สินะที่เรียกว่าคนพาล

          “ประเดี๋ยวก่อนลี่จินๆ” กวนเจ๋อโบกมือขึ้น ทำท่ายอมแพ้เพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็น ก่อนจะกล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าขุ่นเคืองใจที่เจ้ากับใต้เท้าซุนนั่น...แบบว่า” แล้วหมอหนุ่มก็เงียบไป เรื่องนี้จะพูดออกไปตรงๆ ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเขินอายไปหน่อย เพราะภาพที่ทุกคนเห็นเหมือนกันคือใบหน้าของลี่จินกับองครักษ์ซุนนั่นห่างกันแค่คืบ ตาประสานตาลึกซึ้งท่ามกลางสายฝน อีกทั้งยังเป็นชายทั้งคู่ มันก็เลย…

          “แบบอะไร” น้ำเสียงของลี่จินห้วนกระด้างไม่พอใจ กวนเจ๋อยิ้มแหยๆ ก่อนตอบเบี่ยงๆ

          “แบบว่าเจ้าก็ควรขอบคุณใต้เท้าซุน ไม่เช่นนั้นเจ้ายังมีแรงมาปั้นหน้าบึ้งเคืองใจอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้อีกหรือ”

          ฝ่ายเดียว? นี่กวนเจ๋อหาว่าเขาขุ่นเคืองอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือ!

          “ใครว่าข้าขุ่นเคือง ข้าแค่--”

          “เสียหน้า”

          คำพูดของกวนเจ๋อเบาหวิวคล้ายกับล่องลอยออกมาตามลม ทว่ากับเข้าสองหูของลี่จินไปเต็มๆ หมอร่างบางถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะปากมาก ปากปีจอขนาดนี้

          ดวงตาเรียวสวยถลึงมองฉินกวนเจ๋อแทบจะกลืนกิน ดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์เข้าขั้นร้ายแรง อ่า...แต่ถึงเขาจะรู้ตัวว่าปากปีจออย่างไร แต่ดูท่าทางของลี่จินแล้วคงจี้ใจดำเพราะว่าเป็นเรื่องจริงแน่

          กวนเจ๋อแสร้งตลกกลบเกลือน

          “โธ่ๆ ศิษย์พี่อู่ลี่จินเอ๋ย ฟังศิษย์น้องสักหน่อยเถิด ไหนเคยกล่าวว่าเป็นหมอต้องไม่โกรธเคืองคนไข้”

          “ข้าไม่เคยกล่าวคำนั้น ข้าแค่พูดว่าเป็นหมอไม่ควรเกี่ยงคนไข้”

          “นั้นล่ะๆ เหมือนกัน ตอนนี้เจ้ากำลังปฏิเสธเกี่ยงรับความช่วยเหลือจากใต้เท้าซุนเพียงเพราะเจ้าไม่เต็มใจ เรื่องนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคิดยาก เจ้ากล้าตรวจอาการเขา เขาก็แค่ตอบแทนเจ้าโดยการช่วยเจ้าจากม้าตื่นไม่เห็นมีอะไรติดค้างกันแล้ว”

          กวนเจ๋อพยายามอธิบายเรื่องทั้งหมด (ที่คิดฝ่ายเดียว) ด้วยรอยยิ้มแย้ม แต่มีหรือที่ลี่จินจะหายขุ่นเคืองง่ายๆ เขาเข้าใจสหายผู้นี้ดีว่าเป็นพวกฆ่าได้แต่หยามไม่ได้

          อู่ลี่จินถอนหายใจใส่

          “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังคิดเรื่องเขา”

          “โธ่เอ๊ยลี่จินข้าเป็นเพื่อนเจ้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีหรือที่เจ้าคิดอะไรข้าจะไม่รู้ เจ้ามันคนประหลาดไม่เอ่ยขอบคุณทำเพียงค้อมศีรษะใส่เขา แถมยังมาขุ่นเคืองใจอยู่ฝ่ายเดียว ผีสิงเจ้าหรือ? ปกติเจ้าไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเก็บเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคิดขนาดนี้”

          เป็นกวนเจ๋อบ้างที่เริ่มเดือดขึ้นมานิดๆ ดูเหมือนยิ่งพูดเรื่องลี่จินมากเท่าไร เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจพฤติกรรมของสหายเลยสักนิด เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เริ่มสอบเป็นหมอทั่วไปกว่าสามปี จนเข้ามาสอบติดหมอหลวงชั้นต้น แต่ลี่จินก็ยังเป็นคนนิสัยประหลาดอยู่ดีที่มักขุ่นเคืองกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตไว้แท้ๆ

          แต่...พอคิดดูในอีกแง่ เรื่องนี้อาจเป็นเพราะลี่จินเคยไปพูดดีใส่ใต้เท้าซุนไว้แน่ๆ เลยรู้สึกเสียหน้าที่เขามาช่วย

          โอ๊ย! เด็กน้อย!

          “เจ้าลองคิดดูดีๆ ถ้าเจ้าไม่พูดจาแบบนั้นใส่ใต้เท้าซุนตั้งแต่แรก เจ้าจะรู้สึกงี่เง่าแบบนี้ไหม”

          “งี่เง่า? ข้าเนี่ยนะ?” ลี่จินชี้อกตัวอย่างไม่เชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากเพื่อน ส่วนกวนเจ๋อทำเพียงพยักหน้าหงึกหงัก ลี่จินถอนหายใจแรงๆ เรื่องที่พูดช่างน่าขันนัก แต่เพื่อให้กวนเจ๋อหุบปากเรื่องซุนไป่หานสักที เขายอมรับก็ได้

          “พอๆ หยุด ข้ายอมรับก็ได้ว่าข้าหงุดหงิด และข้าสัญญาว่าข้าจะไม่คิดเรื่องนี้อีก ฉะนั้นเจ้าเลิกบ่นเรื่องนี้กับข้าสักที”

          “เช่นนั้นเจ้าควรรีบจัดยาให้ใต้เท้าซุนเองกับมือ จะได้หมดเรื่องหมดราวต่อกัน”

          จบประโยคของกวนเจ๋อ หมอหนุ่มตัวเล็กก็เดินนำหน้ายิ้มระรื่นไปอย่างอารมณ์ดี ตรงกันข้ามกับอู่ลี่จินที่ได้แต่อ้าปากค้าง มีคำพูดของกวนเจ๋อวนซ้ำไปซ้ำมาในหัว

          จัดยาให้ซุนไป่หานเองกับมือเนี่ยนะ?

          ดูเอาเถิดสวรรค์ ข้าเพิ่งรู้ว่ากองโอสถของวังหลวงมีไว้กั้นกำแพงเฉยๆ!



♦♦♦♦♦♦


          ย่างเข้าสู่ยามซวี่ ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่าเป็นเพลาที่เริ่มใช้สุนัขเป็นสัตว์เฝ้ายามราตรีเยือนย่ำ

          อู่ลี่จินเดินตามหลังฉินกวนเจ๋อกลับมาที่กองโอสถเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยว่าทางกองได้จัดยาจากใบเทียบตามที่ร้องขอหรือไม่ แต่พอไปถึงกลับพบเพียงแค่ขันทีเฝ้ากองไม่กี่คน หนักใจกว่านั้น เมื่อเข้าไปในห้องต้มยาด้านหลัง สิ่งที่เห็นยิ่งทำเอาพูดอะไรไม่ออก

          “นี่มันอะไร ทำไมในหมอต้มยาถึงมีแค่น้ำขิงร้อน”

          นี่เป็นประโยคแรกที่อู่ลี่จินพูดขึ้น ทั้งเขาและกวนเจ๋อต่างขมวดคิ้วเป็นปม ทั้งๆ ที่กองโอสถควรจะได้รับใบเทียบของหมอหลวงไปตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ตรงหน้ากลับมีแค่หม้อดินต้มยาขนาดใหญ่ใบเดียว ถึงในนั้นจะต้มขิงและน้ำตาลเข้าด้วยกันจนน้ำกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม เลยมีกลิ่นหอมและไอความเผ็ดร้อนแผ่ออกมา ทว่าที่น่าสงสัยคือทำไมถึงไม่มีหมอต้มยาสมุนไพรอย่างอื่น

          กระทั่งความสงสัยของลี่จินถูกเฉลยด้วยเสียงไอเบาๆ ด้านหลังลู่กงกงที่เป็นผู้ดูแลกองโอสถในชุดขันที รีบเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนแกล้งคำนับพวกเขาอย่างเสแสร้ง

          “หมออู่ หมอฉินข้าต้องขออภัยจริงๆ ที่ทางสำนักโอสถไม่สามารถจัดยาตามใบเทียบของพวกท่านได้”

          “อะไรนะ?” กวนเจ๋อถึงกับเผลอขึ้นเสียง ลู่กงกงอมยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางถูมือตัวเองไปมาแล้วกล่าว

          “ข้าเข้าใจว่าหมอหลวงทุกท่านตรากตรำตรวจวินิจฉัยทหารของท่านอ๋องจิวเป็นอย่างดี แต่เพลานี้งบประมาณที่สำนักโอสถมีจำกัด สมุนไพรที่เหลือก็มีไม่มากพอที่จะใช้ได้อย่างสิ้นเปลือง เมื่อรายงานไปองค์รัชทายาทจึงทูลขอฝ่าบาทว่าให้ใช้แค่ยาบำรุงร่างกายก็พอ”

          “สิ้นเปลืองงั้นหรือ นี่เจ้าหมายถึงจะให้คนปวดท้องดื่มยาแก้ไอ คนปวดไหล่ก็ดื่มยาแก้ไอ เป็นอะไรก็ดื่มยาแก้ไอเช่นนั้นสิ!”

          อู่ลี่จินแทบทนไม่ไหว แบบนี้มันเกินไปแล้ว จะมีสงครามวังหลังแย่งชิงอำนาจก็ทำไปสิ เหตุไฉนจะต้องลากคนป่วยไข้มาเกี่ยวข้องด้วย ถึงครั้งนี้ทหารเมืองหู่จะไม่ได้มีใครป่วยถึงขั้นต้องรักษาเร่งด่วน แต่ถ้าเกิดมีขึ้นมาเล่า นั่นไม่หมายถึงชีวิตคนหรอกหรือ เขาคาดไม่ถึงว่าวังหลวงจะเป็นสถานที่ที่ไร้ซึ่งคุณธรรมเช่นนี้!

          “พวกเจ้ามีปัญหาอะไร”

          เสียงเรียบนิ่งฟังดูเด็ดขาดดังขึ้นมาจากทางด้านหลังอีกครั้ง โทสะของลี่จินถูกระงับทันทีที่เห็น ‘เหลียงจื้อหม่า’ หรือหัวหน้าสำนักหมอหลวงก้าวเดินออกมาจากในเงามืด

          ลี่จินรีบก้มหน้าคำนับผู้อาวุโส ขณะที่กวนเจ๋อตัวสั่นงกๆ อย่างกับคนมีพิรุธ

          ลู่กงกงเห็นท่าทีเช่นนั้นของพวกลี่จินก็ลอบยิ้มร้าย ก่อนจะกล่าวรายงานกับท่านหมอใหญ่แห่งวังหลวง

          “เรียนหัวหน้าเหลียง หมออู่ กับหมอฉินมาทักท้วงเรื่องที่ทางกองโอสถต้มน้ำขิงให้กับทหารเมืองหู่”

          “ทำไมหรือ? น้ำขิงมันไม่ดีอย่างไร ไหนพูดสิหมออู่”

          ทั้งนั้นเสียงและคำถามฟังดูกดดันจนแม้แต่อ้าปากก็ยังสั่น แต่น่าแปลกที่อู่ลี่จินกลับรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ในใจ แล้วตอบคำถามนั้นอย่างฉะฉาน

          “น้ำขิงมีสรรพคุณบำรุงหลากหลาย ทั้งบรรเทาอาการวิงเวียน ปวดข้อ บำรุงสายตา แก้อาการไม่สบายท้อง บำงรุงหัวใจ ทั้งยังช่วยให้นอนหลับสบาย”

          หัวหน้าหมอเหลียงพยักใบหน้า ไม่ได้ตอบว่าถูกหรือว่าผิด เขายังมองลี่จินราวกับคาดหวังว่าจะได้ยินประโยคอื่นพ้วงมาด้วย แล้วก็เป็นดังคาดลี่จินขยับปากอีกครั้ง

          “ทว่าขิงเป็นสมุนไพรที่บำรุงธาตุหยิน ถ้าผู้ป่วยธาตุหยางอ่อนแอหากยิ่งบำรุงหยินเข้าไปร่างกายคงเสียความสมดุล ไม่ควรให้ดื่มยาชนิดเดียวกัน”

          “เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้ดื่ม”

          คำพูดของหัวหน้าหมอหลวงทำเอาลี่จินถึงกับเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เชื่อหู เขาพอรู้เรื่องที่วังหลังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งแน่นอนว่าเป็นขององค์รัชทายาท ส่วนที่เหลือก็ขยายไปตามฝั่งองค์ชายต่างๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอย่างหัวหน้าหมอเหลียงจะถูกซื้อตัวไปแล้ว

          ใบหน้าของเหลียงจื้อหม่าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ บ่งบอกว่าคำพูดที่เขาพ่นออกมาจะปฏิบัติจริงอย่างไม่มีข้อยกเว้น ว่าใครป่วยนอกเหนือกว่านั้นจะไม่มีการรักษา

          “ใบเทียบยาของพวกเจ้าข้าอ่านทั้งหมดแล้ว ล้วนแต่สิ้นเปลืองทั้งสิ้น คิดว่ากองโอสถจะมีสมุนไพรหายากตามที่พวกเจ้าเรียกร้องมาหรือ”

          ลี่จินถึงกับเถียงไม่ออก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกน้ำท่วมปาก เพราะในใบเทียบยามีบางส่วนที่เป็นสมุนไพรหายากสำหรับบางคน ทั้งๆ ที่เข้าใจดีอยู่แล้วว่าสมุนไพรบางตัวทางกองโอสถไม่ให้เบิกแน่แต่ก็ยังเขียนลงไป

          ทั้งกวนเจ๋อ และลี่จินต่างก็เงียบ ร่างบางบดกรามตัวเอง มือเรียวกำแน่นอย่างสกัดกั้นอารมณ์ มันเป็นความเผอเรอที่เขาพลาดไปจนลืมนึกถึงสภาพความเป็นจริง

          เหลียงจื้อหม่าปรายตามองพวกเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ ก่อนพูดอีกว่า

          “ทหารพวกนั้นผ่านศึกสงครามมามากล้น ล้วนแต่ร่างกายแข็งแรง อย่าอวดเก่งอวดรู้ให้มาก แค่น้ำขิงบำรุงร่างกาย กับให้พวกเขาพักฟื้นเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว”

          ลี่จินขบคิดไปมาจากประโยคของจื้อหม่าซ้ำๆ ทางกองโอสถถูกควบคุมการออกยาไว้ ฉะนั้นเวลานี้น้ำขิงกับการไม่ให้ยาคือทางออกที่ดีที่สุดงั้นหรือ? ลี่จินคัดค้านในใจพลางกัดกรามตัวเองจนปวด แต่เหลียงจื้อหม่าไม่สนใจ หมอชราทำท่าจะเดินผ่านพวกเขาเมื่อหมดธุระ แต่จังหวะหนึ่งก็หยุดอยู่ข้างๆ ลี่จิน หัวหน้าเอ่ยเรียบๆ

          “สำหรับคนที่ป่วยหนัก รัชทายาทมีรับสั่งให้ใช้สมุนไพรได้ตามที่กำหนดในกองพระโอสถสำหรับขันทีและนางกำนัลเท่านั้น หากได้ยาที่ดีกว่านั้น พวกเจ้าต้องไปหาเอาเอง”

          จื้อหม่าเดินจากไปแล้ว พร้อมกับลู่กงกง

          กวนเจ๋อเงยหน้าขึ้นมาพลางถอนหายใจราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจไปทางทิศทางที่หมอเหลียงเพิ่งเดินจากไป เข้าใจเลยว่าเวลานี้ลี่จินกำลังรู้สึกอย่างไร

          “วังหลวงนี่น่ากลัวยิ่งนัก กับคนป่วยคนไข้ก็ไม่ละเว้น เท่านั้นไม่พอความพยายามของพวกเราดูไร้ค่าไปเลยเมื่อเจอรับสั่งเช่นนี้”

          ไม่มีเสียงตอบรับจากลี่จิน พอหันกลับรายนั้นก็เอาแต่ตีหน้านิ่ง นัยน์ตาคู่สวยนั้นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และเมื่อได้คำตอบคนตัวบางก็ขยับเท้า

          “เจ้าจะไปไหนน่ะลี่จิน” กวนเจ๋อขมวดคิ้วรีบเดินตามเพื่อน ท่าทีรีบร้อนของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด

          “ตอนออกไปข้างนอกวังคราวก่อน ข้าซื้อสมุนไพรจำนวนหนึ่ง ข้าจำได้ว่าซื้อโสมป่าธรรมดากับเห็ดหลินจือแดงอบแห้งอยู่”

          กวนเจ๋อพยักหน้าตาม แต่...แล้วยังไงต่อ?

          “ข้าจำได้ เจ้าบอกเก็บไว้ให้ญาติที่อยู่นอกเมืองไม่ใช่หรือ” กวนเจ๋อพูดไปตามที่ตัวเองเคยได้ยิน ซึ่งก็ใช่ ทีแรกลี่จินกะเก็บเอาไว้เป็นของฝากให้ถานเซียงที่อยู่นอกเมือง ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ หากนางอยู่ข้างๆ คงตะโกนใส่หูเขาแน่ๆ ว่า ‘เจ้าเด็กโง่ มีคนที่สมควรได้รับมันมากกว่าข้าทำไมเจ้าถึงไม่ให้!’

          “คนเป็นหมอเคยเก็บยาไว้ใช้เพื่อตนเองเสียที่ไหน” ลี่จินยกยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มแบบที่นานๆ ครั้งจะมีโอกาสได้เห็น ทว่าที่ขัดใจกวนเจ๋อก็คือ...

          “แต่หัวหน้าเหลียงสั่งห้ามใช้ยาอื่นนอกจากน้ำขิงนะ”

          “ใช่ที่ไหนเล่า! ประโยคสุดท้ายเขาพูดอะไร”

          กวนเจ๋อทำหน้าระลึกถึงที่หมอเหลียงพูด

          “ถ้าอยากได้ยาที่ดีกว่านี้ก็หาเอาเอง”

          และแล้วฉินกวนเจ๋อก็ถึงกับรู้ความหมายที่แท้จริง ที่แท้หัวหน้าหมอเหลียงก็คงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถเลี่ยงรับสั่งองค์รัชทายาทได้เช่นกัน จึงต้องออกคำสั่งพวกเขาอย่างคนไร้เยื่อใย แบบนี้แสดงว่าถ้าพวกเขาหาสมุนไพรเองได้ก็สามารถใช้ตัวยาอื่นๆ ได้

          “ลี่จินเจ้าฉลาดมาก”

          “แน่นอน”

          “ข้ารู้แล้ว ที่แท้ที่เจ้ารีบร้อนจะต้มยาชนิดอื่น ก็ทำเพื่อองครักษ์ซุนนี่เอง แต่สำหรับข้าจริงๆ แล้วใต้เท้าซุนดื่มแค่น้ำขิงก็น่าจะช่วยได้นะ แค่ไม่พักผ่อนเอง ไยต้องทำเพื่อเขาขนาดนั้น”

          หมอตัวเล็กบ่นอุบอิบขณะเดินตามลี่จินไปด้วยอย่างสงสัย ซึ่งไม่นึกเลยว่าจะทำให้ขายาวลดความเร็ว อารมณ์กระตือรือร้นในใจหายไปจากหัว

          อู่ลี่จินกลอกตา เป็นไปได้เขาอยากจะต้มยานอนหลับให้คนข้างๆ ด้วย จะได้เลิกพูดจาไม่เข้าหูสักที “กวนเจ๋อ หุบปาก!”



♦♦♦♦♦♦
55%
อันความซึนของลี่จินนี้ ถถถถถ พรุ่งนี้มาต่อจ้า ♥






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
FC คุณหมอค่ะ ว่าแต่คุณหมอมาสายซึนรึเปล่าเนี่ย :hao7:

ออฟไลน์ Konzen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนเขียนขยันมากเลยค่ะ รักเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น่าสงสารทหาร ที่ปกป้องบ้านเมือง ราชวงศ์  :mew2:
ทหารที่ปวดท้องดื่มน้ำขิง คนปวดไหล่ก็ดื่มน้ำขิง เป็นอะไรก็ดื่มน้ำขิงเช่นกัน    :angry2: :serius2: :really2:

เหอะ..........ขนาดฮ่องเต้ให้มีการรวจสุขภาพทหารที่ปราบพวกป่าเถื่อนแข็งข้อตามชายแดน
รัชทายาทยังมาตามรังแกไม่ยอมจ่ายยา เพราะทหารของอ๋องจิวแข็งแรงอยู่แล้ว
ให้ดื่มพวกน้ำขิงบำรุงร่างกายก็พอ โอ้.........อนาถเสียจริงๆ
ถ้าเป็นกองกำลังส่วนตัว พวกนางสนม นางกำนัลละเต็มที่ เบิกยาได้เต็มที่
ขึ้นครองราชย์ เมื่อไรเหอะ.......บ้านเมืองเจริญลงจริงๆ   :m20: :laugh:

ที่จริงก็เป็นความผิดของกวนเจ๋อนะ ถ้าไม่ตามมาพูดนั่นพูดนี่
ลี่จินคงเดินพ้นทางช่วงนี้ไปแล้ว 
เจ๋อเจ๋อ ปากหมาพูดมากเสียจริง ทำให้เกือบถูกม้าชน   :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราญ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด