ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)  (อ่าน 27370 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ภาคนี่ยังไง ชอบเขาใช่ไหม หึ
ตามไปถึงทุกที่เลย

ถ้าชอบก็ลองเข้ามาหาดีๆสิ เห้อออ

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 7  ครึ่งแรก



#ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง



“สอบเสร็จสักทีโว้ย” ไอ้นัทเดินออกมาจากห้องสอบพร้อมโปรยชีทที่อยู่ในมือ แต่ก็ได้ไม่นาน มันวิ่งไปเก็บชีทที่กองอยู่ที่พื้นขึ้น มา ก็มีสายตาอำมหิตจากอาจารย์ส่งมาคุมสอบ แถมยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาที่เราเพิ่งสอบเสร็จไปเมื่อกี้อีก



“ต้องขอบคุณอาจารย์ม่อนของเราที่ช่วยเกร็งข้อสอบให้” ไอ้อาร์มประนมมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์แทนคำขอบคุณ ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้มันไป

“กูว่าเย็นนี้ต้องมีฉลองแล้ววะ”

“ไปที่ไหนดี ผับหลังมอไหม” ไอ้นัทกับไอ้อาร์มหันมาถามความคิดเห็น ผมพยักหน้าตอบรับอยากคลายเครียดอยู่เหมือนกัน แถมตอนกลางคืนผมไม่ต้องไปทำงานที่ผับอีกต่อไป เพราะผมบอกกับพวกมันไปแล้วว่าผมจะไม่กลับไปทำงานที่นั่นอีก ถึงแม้ว่ารายได้จากส่วนนี้ของผมจะหายไปแต่ก็ยังดีกว่ากลับไปเจอเหตุการณ์เก่าๆ ที่ผมไม่อยากนึกถึงมัน

“เออไอ้ม่อน เรื่องเงินที่กูบอกว่าจะไปคืนให้กูจัดการให้แล้วนะ” จู่ๆ ไอ้นัทมันก็เปลี่ยนเรื่อง หันมามองหน้าผมเหมือนรอดูปฏิกิริยาของผมอยู่

“เออ ขอบคุณพวกมึงมาก” ผมพยายามข่มอารมณ์หันไปส่งยิ้มเพื่อให้มันสบายใจ

“ม่อน...เอ่อ ไม่มีไรหรอกไปกันเถอะ” นัทมันเหมือนมีอะไรอยากพูดกับผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ช่างเถอะยังไงซะผมก็คิดว่าผมคงหมดเรื่องกับ ‘ไอ้ภาค’ มันเสียที



Part

ภาค



“นี่เงินห้าหมื่น” เพื่อนในกลุ่มของม่อนยัดซองสีน้ำตาลใส่มือผม

“แล้วมึงเลิกยุ่งกับม่อนมันสักที” สีหน้ามันดูเหมือนจะเกลียดผมมาก พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ผมทุกเมื่อ

“กูขอบคุณสำหรับเงินนี้ แต่เรื่องที่ให้กูเลิกยุ่งกับ...กูคงไม่” คนที่ยื่นอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ พร้อมกับซัดเข้าที่หน้าผมเต็มๆ

“มึงมีเห็นผลอะไรถึงไม่เลิกยุ่งกับมัน เงินมึงก็ได้คืนแล้วนี่” มันดูจะโมโหกับคำตอบที่ได้จากผม

“…” ผมเงียบไม่มีคำตอบให้มัน

“มึงรู้ไหมที่มึงทำม่อนมันรู้สึกยังไง มึงรู้ไหมสภาพตอนที่กูเจอมันหลังจากที่มันหนีออกมาจากมึงมันเป็นยังไง มึงรู้ไหมว่ามันนอนละเมอร้องไห้เกือบทุกคืน มันต้องคอยระแวงว่ามีคนตามมันมาไหม มันตกใจแม้กระทั่งพวกกูสะกิดมัน ถ้ามึงยังมีความเป็นคนอยู่มึงก็ควรเลิกยุ่งกับมันซะ”

“กู...กูไม่รู้” ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำไปแค่อารมณ์ชั่ววูบตอนนั้นจะทำให้มันเป็นแบบนี้ หลังจากที่ผมลากมันออกมาแล้วพยายามขืนใจมัน ตอนนั้นผมไม่แม้แต่จะสนใจเสียงอ้อนวอนขอให้หยุดของมัน จนจู่ๆ เสียงมันก็เงียบลงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากมัน ผมหยุดร่างกายของตัวเองไว้ นึกถึงเรื่องที่ผมกำลังทำอยู่ว่าผมทำไปทำไม ผมไม่รู้จริงๆ ครับว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงต้องคอยตามดูมัน ไม่ชอบเวลามันอยู่กับใคร ยิ่งตอนที่เห็นมันยืนกอดกับไอ้ช้อปนั่น แต่ผมมีสิทธิ์อะไร

ตอนนั้นผมทำได้เพียงบอกให้มันหนีไปจากผม มันพุ่งตัวออกจากรถทันทีที่ผมปลดเข็มขัดที่รัดตรงแขนมันอยู่ มันไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองหรือถามอะไรผม มันคงกลัวคงเกลียดผมมากแน่ๆ

แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะตามมันออกมา ผมขับรถตามมันที่วิ่งเหมือนไม่มีจุดหมายจนล้มลงไปกองที่พื้น ก่อนพยายามดันตัวเองเกาะกำแพงมานั่งที่ป้ายรถเมล์อย่างลำบาก ผมนั่งมองมันที่นั่งเหม่อลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ นี้ผมทำให้คนหนึ่งต้องเจ็บขนาดนี้เลยหรอ ตั้งแต่วันนั้นผมโกรธตัวเองมาก คอยนั่งมองมัน คอยเดินตามมัน จนถึงวันที่เห็นมันนั่งคุยกับไอ้ช้อปนั้นอย่างสนิทสนมแถมยังถอดเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวให้กันด้วย ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย

“กูก็ไม่รู้ว่ากูทำแบบนั้นไปทำไม” ผมตอบไปตามความรู้สึกตอนนั้น

“มึงชอบม่อนหรอ”



‘มึงชอบม่อนหรอ’

ผมทวนคำนี้ในใจอีกรอบ จากสิ่งที่ผมทำก่อนหน้านี้ผมคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า

‘ผมชอบมัน’



Part

ม่อน



เสียงเพลงดังออกมาจากในร้าน ร้านที่เรามากันวันนี้เป็นร้านกึ่งผับกึ่งนั่งชิลล์ คนเยอะเป็นปกติครับเพราะเป็นร้านดังและร้านประจำของเหล่านักศึกษามหาลัยนี้ เราเดินมานั่งโต๊ะที่อยู่ตรงมุมเกือบๆ จะด้านในสุดของร้าน เหล่านักเที่ยวต่างลุกขึ้นมาออกลีลา ในมือถือแก้วเหล้าประจำตัว ผมนั่งมองเหล่าคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานผมไม่ได้มีโอกาสมานั่งดื่มนั่งสนุกกับเพื่อนๆ เท่าไร ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะทำงานอยู่กับผับแต่ก็ไม่ได้มีเวลามานั่งกับเพื่อนๆ เพราะงานของผมคือการบริการลูกค้าที่เข้ามาหาความสุขเท่านั้น หลังจากวันนี้ผมต้องคิดแล้วว่าจะหางานพิเศษทำเพิ่มให้ได้เงินที่พอต่อการใช้แต่ละเดือน กับเงินที่ต้องส่งกลับให้ที่บ้านด้วย

“เอ้าม่อนชนหน่อย” นัทยื่นแก้วจากที่นั่งตรงข้ามมาชนแก้วกับผม เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยรวมถึงช้อปที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยกแก้วขึ้นมาชนด้วยเช่นกัน หลังจากแก้วแรกก็ตามมาด้วยแก้วที่สอง สาม สี่ตามมา ผมเป็นคนคอแข็งครับแต่โดนเหล้าที่ไอ้นัทกับไอ้อาร์มชงให้ แทบจะเรียกว่าเพียวเข้าไปก็เล่นเอามึนอยู่เหมือนกัน มันคงเห็นว่าที่ผ่านมาผมเครียดมามากเลยอยากจัดให้ผมแบบฟลูออฟชั่นสักหน่อย

ผมขอตัวออกมาเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ช้อปบอกว่าจะออกมาเป็นเพื่อนแต่ผมปฏิเสธไปเพราะอยากให้เขาได้อยู่สนุกกับเพื่อนๆ



“อย่าเพิ่งสิคะภาค รอถึงห้องก่อน” เสียงผู้หญิงดังไม่ไกลจากที่ผมนั่ง ถือเป็นเรื่องปกติของนักเที่ยวกลางคืนครับ ที่มาเที่ยวแล้วจะถูกใจใครสักคนก่อนที่จะพากันไปจบที่โรงแรมหรือห้องของใครสักคน ผมจะไม่สนใจถ้าชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกดูคุ้นหูผมมาก และก็เป็นอย่างที่คิด คนที่กำลังนัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนนั้นคือภาคคนที่ผมเกลียดมากที่สุด

มันคงรู้แล้วว่ามีคนมองมันอยู่ มันเงยหน้าที่กำลังซุกไซ้อยู่ที่ต้นคอสาวสวยคนนั้นอยู่ขึ้นมาสบตากับผม ผมหลบสายตามันไม่อยากที่จะมองมันด้วยซ้ำ เพราะยิ่งมองภาพที่มันทำกับผมวันนั้นก็ลอยขึ้นมาทันที ผมเดินหลบออกมาจากตรงนั้น เดินตรงไปตามถนนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพวกไอ้นัทบอกพวกมันว่าขอตัวกลับก่อน โดยให้เหตุผลว่าปวดหัวมากอยากกลับห้องไปนอน ช้อปที่ได้ยินแบบนั้นก็อาสาไปส่งผมทันที แต่ผมปฏิเสธไปบอกว่าตอนนี้ขึ้นรถออกมาแล้วไม่ต้องเป็นห่วง

ผมเดินตรงไปตามถนนหลังจากวางสายจากไอ้นัท คิดว่าจะเดินกลับหอเองเพราะว่าหอผมกับผับไม่ได้ไกลกันมากนัก เสียงเพลงของร้านเหล้าสองข้างทางดังมาเป็นระยะส่วนใหญ่ก็เป็นร้านนั่งชิลล์สำหรับคนที่ชอบดื่มด่ำกับบรรยากาศและไม่ชอบคนแออัด

“จะไปไหนหรอน้อง” ผมไม่ได้ทันสังเกตว่ามีคนเดินตามผมมา รู้ตัวอีกที่ก็โดนล้อมไปด้วยผู้ชายร่างสันทัดสี่คน

“กะ...กลับหอครับ” ผมตอบด้วยเสียงสั่นๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาทั้งสี่คนมาด้วยเหตุผลอะไร

ผมรีบสาวเท้าเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ผมก้าวเดินอย่างรวดเร็วแทบจะเรียกว่าวิ่งก็ได้ ตอนนี้สองข้างทางเปลี่ยนจากร้านรวงเป็นพื้นที่ร้าง สองข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ผมหันกลับไปมองทางด้านหลังว่ายังมีคนตามมาอยู่ไหม

‘เหี้ย!’ ทำยังไงดีครับพวกนั้นยังตามผมมาอยู่เลย

“เฮ้ย!” แรงกระชากทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ผมถูกล้อมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก พวกมันแต่ละคนเดินเข้ามาช่วยกันจับล็อกตัวผมไว้

“ปล่อยกูนะไอ้พวกเหี้ย” ผมพยายามดิ้นอย่างถึงที่สุด ปากก็พ่นคำด่าใส่พวกมันอย่างต่อเนื่อง

‘อึก’

“ปากดีนักนะมึง” ผมทรุดลงกับพื้น เรี่ยวแรงที่ขัดขึ้นก่อนหน้านี้หายไปหมด มันคนหนึ่งในกลุ่มซัดหมัดเข้าที่หน้าท้องผมอย่างแรง ก่อนลากผมเข้าข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ผมพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีตะโกนขอความช่วยเหลือ ทันทีที่ผมส่งเสียงร้อง แรงจากฝ่ามือก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าผมอย่างแรง

“พวกมึงจะทำอะไรกู กูเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”

“ตอนนี้จะเป็นอะไรก็ช่างกูไม่สน ยิ่งหน้าหล่อๆ แบบมึงด้วยกูไม่เกี่ยง” กระดุมเสื้อเชิ้ตลายจุดของผมถูกปลดลงทีละเม็ด เข็มขัดที่ถูกปลดเรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะดึงกางเกงของผมลง

“ปล่อยผมไปเถอะนะ ฮึกๆ อยากได้อะไรก็ไอ้ไป แต่ปล่อยผมไปเถอะนะ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นประนมอ้อนวอนขอร้องให้พวกมันปล่อย น้ำตาที่ไหลอาบท่วมทั้งสองข้างแก้ม ผมกลัวๆ มากจริง ยิ่งผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมยิ่งกลัว

“นัทมึงช่วยกูด้วย ช่วยกูด้วย” ผมร้องเรียกเพื่อนทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะได้ยิน เพียงแค่หวังว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินสักคน

“กูขอคนแรกนะ ไม่ไหวแล้ว” ไอ้สัตว์นรกคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น พร้อมกับลุกยืนถอดกางเกงตัวเองออก

“อย่าๆ ทำผมเลย” ผมร้องขออีกครั้ง มันไม่แม้จะฟังผมดึงกางเกงของผมลงจนตอนนี้เหลือเพียงกางเกงในที่ปกปิดส่วนนั้นของผมไว้เท่านั้น

หน้าหล่อแล้วยังขาวไปหมดแบบนี้อีก” ผมหลับตาลงไม่อยากมองสิ่งที่มันกำลังจะทำกับผม ตอนในหัวผมคิดแค่ทำไมผมต้องเจอกับเรื่องพวกนี้ตลอดทำไมต้องเกิดขึ้นกับผม ทำยังไงผมถึงจะหนีจากเรื่องแบบนี้ได้ หรือว่าผมต้องตายเท่านั้นถึงจะหลุดพ้น





ครึ่งหลังเดี๋ยวดึกๆผมมาต่อให้นะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2018 21:34:31 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ กฤตย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 :fire: :fire: :fire: มาเจอพวกเดนมนุษย์ อีก ภาครีบๆมาช่วยนะครับ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเร้ว

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ทำไมน้องจะต้องซวยในเรื่องแบบนี้ติดๆกันด้วยน้าาาา :katai1:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ภาคไม่งี่เง่าดี พอเพื่อนม่อนกระทุ้งก็ เออใช่ กูชอบ
ถึงเวลาพระเอกขี่ม้าขาวแว้ววววว
รออีกครึ่งอย่างตื่นเต้ลๆๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
เข้ามาขอบคุณก่อนเลยครับ
เด่วกลับไปอ่าน

       :man1:

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อ่านเสร็จแล้วครับ

รออ่านต่อรอบดึกด้วยใจระทึก

         :amen:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ภาค ถึงเวลาของนายแล้ว รีบๆออกมาช่วยม่อนเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ภาคตามมาด่วน​ๆเลยได้เวลาทำคะแนนแล้ว​ ม่อนทำชีวิตเจอแต่แบบนี้เนี่ยสงสาร​

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
ใครจะมาช่วยละนี่ จะรอดไหมรออ่านต่อค้าบ

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ครึ่งหลัง



“โอ้ย! เหี้ยใครถีบกูวะ” ภาพไอ้คนตรงหน้าที่กระเด็นล้มลงไปพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างโมโห

“ผลั๊ก...ผลั๊ว...ตุ๊บ...ตับ” ผมมองไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นพยายามโฟกัสสายตาอีกครั้งก็เห็นมันที่สี่คนนอนอยู่กับพื้น พลางยันตัวคลานหนีออกไป

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ตัวอีกทีร่างกายของผมก็ถูกรวบไปกอดไว้แน่น ผมร้องไห้หนักกว่าเดิน โผเข้าก่อนคนตรงหน้า ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่รู้สึกขอบคุณ ขอบคุณมากที่ช่วยให้ผมรอดจากขุมนรกนี้

“มึงไม่เป็นไรใช่ไหม”

ผมหยุด ‘กึก’ เงยหน้าขึ้นมอง ‘ไอ้ภาค’ ผมคลายมือที่กอดอยู่ลง แต่มือมันยังกอดผมไม่ยอมปล่อยรู้สึกว่ามันแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“มึงมาช่วยกูทำไม” ผมหยุดร้องปล่อยคำถามที่อยู่ในใจว่ามันช่วยผมทำไม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันก็ทำกับผมแบบเดียวกัน มันไม่ตอบอะไรเพียงคลายแขนทั้งสองที่กอดผมอยู่ออก คว้าข้อมือขอผมเดินนำออกมาที่รถของมัน

“กูกลับเองได้” ผมหันหลังเตรียมเดินออกมา มือผมถูกคว้าไปจับอีกครั้งไม่มีเสียงใดจากปากของมัน แม้แต่มองหน้าผมมันยังไม่หันมามอง

มันเปิดประตูดันผมให้ขึ้นไปนั่งบนรถของมัน ก่อนเดินไปเปิดประตูฝั่ง ออกรถขับไปตามเส้นทางไปหอพักของผม



“ขอบใจ” ตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างผมกับมัน มีเพียงคำขอบคุณหลังจากที่รถของมันเคลื่อนมาจอดที่หน้าหอพักผม

“กูขอโทษ”

มันพูดเมื่อเห็นว่าผมกำลังเปิดประตูเตรียมลงจากรถ

“กูขอโทษ กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ กูขอโทษที่แบบนั้นกับมึง กูไม่รู้ว่ากูทำแบบนั้นไปทำไม กูขอโทษ มึงจะโกรธจะเกลียดกูกูไม่ว่า แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจ กูเสียใจ กูขอโทษ”

มันพร่ำออกมาโดยที่ไม่หันมามองหน้าผม



‘น้ำตา’

ผมไม่รู้ว่าน้ำใส่ที่ไหลลงบนหน้านั้นคือน้ำตาหรือเปล่า แต่ถ้ามันร้องไห้มันจะร้องไห้ทำไม ถามว่าผมยังโกรธมันอยู่ไหม แน่นอนว่าผมทั้งโกรธทั้งเกลียดมันมาก ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มันมาช่วยผมไว้ แต่ก็ไม่ทำให้ความรู้สึกเกลียดในใจผมลดลง เพียงรู้สึกสงสัยกับท่าทีและคำพูดของมัน 

ผมยื่นมือไปเปิดประตูเดินลงจากรถ โดยไม่หันไปพูดอะไรกับมัน

“มึงหายไปไหนมา” นัทที่เดินออกเปิดประตูด้วยความกระวนกระวายใจ ผมหันกลับลงไปมองที่ลานจอดรถของหอพัก รถหรูของมันยังคงจอดนิ่งสนิท ผมหันหน้ากลับเดินเข้าห้องตามไอ้นัทไป

“เออกูเจอมันแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่ห้อง” นัทวางสายจากโทรศัพท์ในมือ มันคงโทรบอกเพื่อนๆนั่นแหละครับ พวกมันคงเป็นห่วงที่ผมหนีกลับก่อน

“มึงหายไปไหนมาม่อนรู้ไหมพวกกูเป็นห่วง กลับมาไม่เจอมึงที่ห้องจนพวกกูต้องออกตามหากันให้วุ่น โทรไปก็ไม่ติด มึงไปไหนมา” มันร่ายยาวบ่นผมทันทีที่วางสาย



“กูเกือบโดนขมขื่นอีกแล้วว่ะ” ผมหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่ร้องไห้ไม่มีน้ำตาบนใบหน้าผม มีเพียงรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า จะมีสักกี่คนที่ต้องมาโดนข่มขืนติดต่อกันถึงสองครั้ง ผมนึกขำในใจ นี่ผมไปทำเวรทำกรรมกับใครไว้หรือว่าชาติที่แล้วผมไปฆ่าขมขื่นใครไว้ชาตินี้เลยต้องมารับกรรมแบบนี้

“คราวนี้กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ๆ ไอ้ภาค” นัทลุกขึ้นยื่นเตรียมเดินออกไปเปิดประตู

“มันไม่ได้ทำไรกูหรอก มันช่วยกูไว้ต่างหาก” ผมยังนั่งมองนอกหน้าต่างเหมือนเดินนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นัทมันบังคับให้ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มันฟังทั้งหมด



“กูมั่นใจแล้วว่ามันชอบมึง ไอ้ภาคมันชอบมึง” ชอบผมหรอ หึหึ ตลกสิ้นดีจะมีเรื่องอะไรที่ตลกกว่านี้อีกไหม มีใครที่ทำร้ายคนที่ตัวเองชอบบ้าง มีใครข่มขืนคนที่ตัวเองชอบบ้าง มีใครค่อยดูถูกคนที่ชอบทุกครั้งที่เจอหน้า มันตลกสิ้นดีว่าไหมครับ

“หึหึ” ผมหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า นัทหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ

“มึงโอเคไหมม่อน” นัทเดินมายื่นมือมาแตะไหล่ผมเบาๆ

“ชีวิตกูนี้ตลกดีนะ โดนคนที่มึงบอกว่ามันชอบกูทั้งดูถูกทั้งทำร้ายแถมขมขื่นกูอีก แม่งตลกว่ะมึงคิดมุกนี้ได้ยังไงวะนัท” ผมพูดไปหัวเราะไป

“มึงว่ากูตายๆ ไปเลยดีไหมวะ”





Part

ภาค



ผมเงยหน้าจากการซุกไซร้ที่ซอกคอของสาวสวยตรงหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับ ‘ม่อน’ มันเดินเลี่ยงออกไปจากที่ผมนั่งอยู่ออกไปทางด้านหน้าของผับ ดันตัวสาวที่อยู่ตรงหน้าออกไป ล้วงกุญแจที่อยู่ในกระเป๋าสตาร์ทรกขับตามมันออกไป

มันเดินตรงตามรีบฟุตบาทไปเรื่อย สายตาเหม่อลอยเหมือนตอนที่มันหนีผมในวันนั้น ผมรู้สึกผิด รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับมัน ผมปล่อยให้ความโกรธของตัวเองทำร้ายมันได้ขนาดนี้ ผมเกลียดตัวเองและรู้ว่ามันคงเกลียดผมมากด้วยเช่นกัน มันเดินไปอย่างนั้นจนไปหยุดที่หัวมุมของร้านเหล้าร้านหนึ่ง มันโดนผู้ชายที่อาการดูแล้วคงเมาได้ที่ล้อมมันอยู่

“ปึก” ผมเร่งเครื่องหวังจะลงไปหามันจนลืมดูรถคันข้างหน้า รถผมชนเข้ากับท้ายรถคันหนึ่ง หัวผมกระแทกกับพวงมาลัยอย่างจังจนรู้สึกว่ามีของเหลวกำลังไหลลงมาจากหางคิ้วของผม

“ขับรถยังไง ไม่มีตาหรือยังไงวะ” เจ้าของรถที่ผมขับชนเดินมาทุบกระจกพร้อมกับด่าผมไปด้วย ผมเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ โดยที่ยังอาการมึนหัวจากการกระแทกเมื่อกี้

“ขอโทษครับ” ผมยกโทรศัพท์โทรหาประกันให้มาเคลีย ก่อนขับรถพุ่งตัวออกมาโดยไม่รอให้ประกันมาถึงก่อน



‘มึงอยู่ไหนวะม่อน’ หลังจากที่รถชนจนหัวผมกระแทกเงยหน้ามาอีกทีมันก็หายไปแล้ว มันจะเป็นยังไงบ้าง แล้วไอ้คนพวกนั้นมันกำลังจะทำอะไร ผมกังวลไปหมดห่วงว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายมัน ผมจอดรถไว้ข้างทางวิ่งตามถนนที่คิดว่ามันจะผ่านมา ผมวิ่งตามหามันเหมือนคนบ้า ‘มึงอยู่ไหนวะม่อน’



“นัทช่วยกูด้วย” เสียงร้องดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ผมวิ่งตรงตามเสียงที่ได้ยินนั้นมา สองข้างทางตอนนี้มีเพียงพงหญ้า มีเพียงแสงไฟจากอาคารใกล้ๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น

“ม่อน” ภาพที่เห็นตรงหน้าคือม่อนนอนอยู่ท่ามกลางไอ้พวกคนเมาก่อนหน้านี้ เสื้อที่ถูกปลดกระดุมออกจนครบทุกเม็ด กางเกงที่ถูกถอดออกมากองอยู่ที่ข้อเท้า ไอ้สารเลวคนหนึ่งในกลุ่มกำลังถอดกางเกงในม่อนออก ผมรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร ผมไม่รอให้มันถอดกางเกงของมันออก กระโดดพุ่งตัวถีบเข้าที่กลางหลังมันอย่างจัง มันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ เพื่อนมันที่กำลังจับไอ้ม่อนขึงอยู่กับพื้น ลุกขึ้นมาเตรียมซัดผมเต็มที่ ผมเอี้ยวหลบหมัดที่ลอยผ่านหน้า สวนหมัดกลับเข้าที่หน้าของใครสักคน ยกขาขึ้นถีบอีกคนที่กำลังวิ่งเข้าใส่ผม

“ปัก” หมัดของอีกคนพุ่งใส่หน้าผมอย่างแรง ผมยกหมัดสวนเข้าที่หน้าและสีข้างจนมันล้มลงไปกองกับพื้น เดินตามเข้าไปซ้ำพวกมันจนสะบักสะบอม

“ฮึกๆ ๆ ๆ” ผมหันตามเสียงร้องเมื่อกี้ โผเข้ากอดมันแน่น มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดตอบผม มันซุกร้องไห้ตรงอกผม

“มึงไม่เป็นไรใช่ไหม” เสียงร้องไห้ก่อนหน้านี้หายไป มือทั้งสองข้างที่กอดผมอยู่ถูกปล่อยออก

“มึงมาช่วยกูทำไม” ผมไม่ตอบคลายมือที่กอดมันอยู่ลง คว้าข้อมือของมันให้เดินตามมาที่รถ

“กูกลับเองได้” มันหันตัวเตรียมเดินหนี แต่ตัวผมที่ไวกว่าหันไปเปิดประตูดันมันให้ขึ้นไปนั่งแล้วขับรถออกมาทันที



ตลอดทางที่ผมพามันมาส่งที่หอ ผมไม่พูดอะไรกับมันสักคำแม้แต่มองหน้าของมันยังไม่กล้า ผมรู้ว่าผมเป็นคนทำให้มันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นกับมันวันนี้มันคงไม่ต้องมาเดินเหม่อจนเกือบโดนไอ้สารเลวพวกนั้นทำร้าย

‘ไอ้สารเลว’ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเรียกไอ้พวกนั้นที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมต่างหากที่ทำสิ่งนั้นลงไปแล้ว งั้นผมควรเรียกตัวเองว่ายังไงเพราะผมเลวยิ่งกว่าไอ้สารเลวพวกนั้น



“ขอบใจ” คำเดียวที่มันพูดหลังจากที่รถจอดที่หน้าหอพักมัน

“กูขอโทษ” คำแรกที่หลุดออกมาจากปากผม ในตอนที่มันกำลังจะยืนมือไปเปิดประตูรถ

ผมพร่ำคำขอโทษจากความรู้สึกผิดที่มีต่อมันออกมาทั้งหมด ผมปล่อยให้น้ำตาที่ผมไม่ยอมให้ใครได้เห็นง่ายๆ ไหลออกมาอาบแก้ม มันไม่พูดอะไรกับผมอีกเปิดประตูและลงจากรถเดินขึ้นหอพักไป

ผมนั่งในรถอย่างนั้นอยู่นาน คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่ผมเคยทำเลวๆ กับมัน ผมไม่ขอให้มันยกโทษให้เพราะรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเกินกว่าคำว่าให้อภัย ผมเพียงอยากแก้ไขสิ่งที่ผมได้ทำกับมัน อยากทำให้ชีวิตของมันกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนที่มันจะเจอผม ผมยังจะได้โอกาสนั้นไหม โอกาสที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2018 21:35:37 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทำแบบนี้กว่าจะจีบติดก็นานหน่อยนะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ถ้าชอบม่อนจริงๆก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะๆหน่อยนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ชอบ แต่ไปนัวกับสาวได้นี่ยังไงน้า
ดีนะที่ตามม่อนมาไม่งั้นม่อนแย่แน่ๆ
ถ้าชอบจริงก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง
สู้ๆ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ขอมีฟามสุขนับจากนี้เลยได๋ป่าว
เจอแบบนี้อีกกี่ครั้งๆ ม่อนจิตตกสุดกู่แว้วววว
บวกขอบคุณ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 8



#อะไรของมึง   ครึ่งแรก





หลังจากช่วงเวลาแห่งการสอบกลางภาคและช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของชีวิตผมผ่านพ้นไป ผมหวังว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้เข้ามาในชีวิตผมอีก หวังว่าหลังจากนี้ผมจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ถึงร่างกายผมจะดูปกติดี แต่ข้างในผมตอนนี้ค่อนข้างไม่โอเคเท่าไร ผมมักสะดุ้งทุกครั้งที่โดนสัมผัสตัวแบบไม่ตั้งใจ ระแวงหลังทุกครั้งแม้เดินกับเพื่อนก็ตาม แต่หวังว่ามันคงหายไปโดยเร็วหากไม่มีอะไรมากระตุ้นมันอีก

หลังสอบกลางภาคเสร็จทางมหาลัยไม่มีการหยุดใดๆ ทั้งสิ้น สอบเสร็จก็มาเรียนตามปกติ วันนี้ผมตื่นเช้าถึงแม้ว่าเรื่องวันนั้นกับไอ้ภาคหรือเรื่องเมื่อสองวันก่อนยังคอยตามาหลอกหลอนแม้กระทั่งในฝัน แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากเพราะไอ้นัทมันลากผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลยครับ จนได้ยาคลายเครียดมาเป็นตัวช่วย ผมซ้อนมอเตอร์ไซต์ของไอ้นัทไปที่คณะเช่นเคย ก่อนเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะประจำ

“สัสม่อน แดกแต่กะเพรามึงไม่เบื่อบ้างรึไง” ผมหันหน้าไปค้อนนัท มันบ่นผมก็ไม่ยอมเปลี่ยนเมนูนะครับ แต่มันก็ยังถามผมแบบนี้ทุกวัน

“มึงไม่เบื่อบ้างรึไงวะ” ผมหันไปถามมันกลับด้วยประโยคของมัน

“เบื่ออะไร กูไม่ได้แดกกะเพราทุกวันแบบมึง”

“เบื่อที่มึงแม่งถามกูทุกวันนี่แหละไอ้สัส” ผมยกส้อมทำท่าขู่เหมือนว่าจะแทงมัน

“มึงจะทำแบบนี้กับเพื่อนรักหรอ” มันทำหน้าอ้อนๆ ไอ้สัสน่ารักตายห่า ผมหัวเราะกับท่าทางปัญญาอ่อนของมัน

“ปึก” เสียงถุงเซเว่นที่วางกระทบกับพื้นโต๊ะข้างในมีนมกับแซนด์วิซไส้ทูน่าอยู่ สงสัยวันนี้ช้อปคงติดธุระเลยฝากมาให้ผม ช้อปทำแบบนี้ทุกเช้าที่ไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วย

“ช้อปไม่ได้ฝากมากับมึงหรอมีน” ปกติแล้วช้อปจะฝากมากับมีนเสมอเพราะว่ามีนมาเรียนเช้าที่สุดในกลุ่ม

“ฝาก นี้ไง” มีนยกถุงเซเว่นอีกถุงขึ้นมา

ผมหันไปมองโต๊ะข้างๆ ที่กำลังก้มหน้ากินข้าวแบบไม่สนใจใคร

‘ภาค’

ผมรวมถึงทุกคนในกลุ่มหันหน้ามามองกันเองอย่างสงสัย มันมาทำไม แล้วไอ้ของเนี่ยมันเอามาให้ผมทำไม

นัทสบตาทำหน้าเหมือนว่าเข้าใจอะไรสักอย่าง

“หึหึ ทำกับเขาขนาดนั้นยังกล้ามาเสนอหน้าอีก” นัทพูดขึ้นด้วยสีหน้าผู้ชนะ

คนที่นั่งข้างๆ กำลังยกช้อนเข้าปากถึงกับสะดุดกึก ผมก็อยากรู้ว่าทำไมมันถึงมาทำแบบนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ผมยิ่งเกลียด ผมไม่สนใจกินข้าวเสร็จลุกขึ้นเดินออกมาทันที โดยมีเพื่อนในกลุ่มเดินตามออกมา

ผมแอบหันกลับไปมองมันที่ลุกขึ้นยื่นเดินมาที่โต๊ะที่ผมนั่งก่อนหน้าหยิบถุงเซเว่นของมันที่ผมทิ้งไว้ขึ้นมาแล้วก็เดินออกไปอีกทาง

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนช่วยผมออกมาจากเหตุการณ์เลวร้ายนั้น แต่กับสิ่งที่มันทำแล้วยังไงมันก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกที่มันทำกับผมไว้ ฉะนั้นผมคิดว่าการที่ต่างคนต่างอยู่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้



“ม่อนวันนี้ไปดูหนังกับเรานะ” ช้อปยกตั๋วหนังสองใบให้ดู

“…” ผมเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“เดี๋ยวนี้มีดงมีเดทกันด้วย สงสัยวันนี้กูต้องโดนเทแน่ๆ” นัทหันมาแซวพร้อมกับทำหน้างอนๆ

ผมไม่ปฏิเสธช้อปทั้งที่รู้ว่าช้อปเขามาด้วยเหตผลว่าชอบผม อยากดูแลผม ผมควรเปิดใจให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตผมบ้าง อีกอย่างช้อปก็เป็นคนดีและให้เกียรติผมเสมอมา



ผมเดินลงมาจากตึกคณะ ช้อปที่นั่งรออยู่ยกมือโบกให้กับผม เย็นนี้ผมมีนัดดูหนังกับช้อป เรานั่งรถมุ่งหน้าไปยังห้างดังใจกลางเมือง ช้อปเดินมาเปิดประตูรถด้านที่ผมนั่งให้ ผมเพียงยิ้มรับเดินลงจากรถอย่างอายๆ เท่านั้น

“ม่อน” มือข้างหนึ่งของช้อปยื่นมาหาผม ผมรู้ว่ามันหมายความว่าไง ผมยิ้มให้ ยื่นมือไปจับกับมือของช้อป



ท่ามกลางสายตาที่เวลาเราสองคนไม่ว่าจะเดินไปไหนคนรอบๆ ข้างก็จะหันมามอง บางคนยิ้ม บางคนหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่คนข้างผมนี่เหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นจูงมือผมไปเดินดูนั้นดูนี่ตลอด

“เรากินข้าวกันก่อนไหมม่อน อีกตั้งเกือบชั่วโมงหนังถึงจะฉาย” ผมพยักหน้ารับเพราะตอนนี้ก็เริ่มจะหิวขึ้นมาเหมือนกัน ตอนนี้ก็หกโมงเย็นนิดๆ ละ หนังรอบที่ช้อปจองไว้ก็ตั้งทุ่มหนึ่ง อย่างน้อยก็มีอะไรรองท้องสักหน่อย

ช้อปเดินนำผมมาตรงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังร้านหนึ่ง ช้อปเหมือนจะจูงมือผมเข้าไปในร้าน แต่ผมดึงมือช้อปไว้ไม่ขยับเดินตาม ช้อปหันหน้ามามองขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย

“คือ...เราว่ามันแพงไป” แพงจริงๆครับดูจากความหรูและเมนูแต่ละอย่างเรียกว่าแค่เมนูเดียวก็เท่ากับค่าข้าวผมอาทิตย์หนึ่งเลยทีเดียว ยิ่งตอนนี้ผมยังหางานมาชดเชยรายได้ที่หายไปไม่ได้ผมยิ่งต้องประหยัด

“ม่อนคนเดียวทำไมเราจะเลี้ยงไม่ได้” ช้อปก้มลงมากระซิบก่อนดึงหน้ากลับไปยกยิ้มให้ผม แล้วเดินนำเข้าไปในร้าน

อาหารที่สั่งมาวางตรงหน้า โอ้โหนี้ช้อปเล่นสั่งเหมือนเลี้ยงคนทั้งซอย ทั้งซูชิ ซาชิมิ เทมปุระ ข้าวหน้าปลาไหลต่างๆ มากมาย อาหารญี่ปุ่นที่ผมเคยกินก็มีแค่ซูชิราคาไม่แพงมากที่มากินพร้อมกันกับเหล่าเดอะแก๊ง ส่วนอาหารแพงแถมยังเยอะแยะแบบนี้เป็นครั้งแรกของผมจริงๆ

“สั่งมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้ช้อป”

“ก็เราไม่รู้ว่าม่อนชอบกินอะไรเลยสั่งมาหมดเลย”

“แล้วจะกินหมดไหมอะ เราเสียดาย งั้นเดียวเราโทรตามพวกไอ้นัทมาช่วยกินนะ”

“เฮ้ย...ไม่ๆ ต้อง” ผมกำลังจะล้วงมือเขากระเป๋ากางเกงเพื่อหาโทรศัพท์ ช้อปก็ยกมือขึ้นห้ามผมไว้ก่อน

“งั้นม่อนก็ลองชิมดูว่าอันไหนอร่อย มาวันหลังจะได้สั่งแค่อันที่ม่อนชอบโอเคนะ” ช้อปส่งยิ้มยื่นข้อเสนอมาให้ผม

เรานั่งกินกันสักพัก แต่ไม่มีวี่แววว่าอาหารตรงหน้าจะลงลด ผมยอมแพ้ละถึงจะเสียดาย แต่จะให้กินต่อ มีหวังผมท้องแตกตายแน่ ผมบอกช้อปที่นั่งตรงหน้า ขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง ช้อปเหมือนจะตามมาด้วยแต่ผมห้ามเอาไว้ก่อน 

ผมเดินเข้าไปทำธุระสักครู่ ก่อนเดินออกมายืนล้างมือที่อ่างล้างหน้า

“อาหารอร่อยไหม”

ผมเงยหน้ามองกระจก ตามองตามร่างโปร่งที่กำลังเดินผ่านด้านหลังผมไปหยุดที่อ่างล้างหน้าข้างๆ

“วันหลังให้กูพามาบ้างนะ” ภาค มันเงยหน้ามองกระจกมือก็ยังถูกันอยู่ที่อ่างล้างหน้า ผมหันข้างเตรียมเดินหนีมันออกมา

‘ขวับ’

มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือดึงตัวผมไว้ มันเป็นเหี้ยอะไรของมัน ทำไมต้องเจอมันทุกที่แบบนี้ด้วย

“กูขอโอกาสได้ไหม ขอโอกาสให้กูได้แก้ไขในสิ่งที่กูได้ทำผิด กูรู้ว่ามันเกินให้อภัย แต่มึงให้โอกาสกูได้ไหม”

“โอกาสอะไร ที่ผ่านมาสิ่งที่มึงทำกับกู มึงได้ให้โอกาสกูพูด ให้โอกาสกูได้รู้ว่ามึงทำแบบนั้นกับกูบ้างไหม กูทั้งข้อร้องแทบจะกราบมึง มึงเคยให้โอกาสกูไหม” ผมนึกย้อนไปวันที่ผมทั้งร้องทั้งอ้อนวอนให้มันหยุด แต่มันเลือกที่จะทำ ไม่ฟังแม้แต่เสียงของผมเลย แต่วันนี้มันกลับมาร้องขอโอกาส โอกาสอะไรที่มันต้องการจากผม

“กูรู้ว่าสิ่งที่กูทำกับมึงมันผิดมาก ตอนนั้นกูไม่รู้เหมือนกันว่ากูทำไปทำไม แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว...” ผมหันหน้ากลับไปมองหน้าของมัน ผมอยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ อยากเห็นสีหน้าของมันว่าเป็นยังไง

“กูรู้แล้วว่ากู ‘ชอบมึง’ กูชอบมึงมาก วันนั้นที่กูทำไปเพราะไม่ชอบที่มึงอยู่กับมัน แต่กูไม่รู้จะทำยังไง เพราะกูรู้ว่ากูไม่ได้เป็นอะไรกับมึง ที่กูทำไปแค่อยากให้มึงรู้ว่ามึงเป็นของกู อยากให้มึงรู้ว่ากูอยากให้มึงเป็นของกู”

“ผลั๊ว” ผมซัดหมัดเข้าที่หน้ามันเต็ม

“อยากให้กูเป็นของมึง เหตผมหมาๆ แบบนี้หรอที่ทำให้มึงเลือกจะทำร้ายกู ทำลายความสุขที่แทบจะไม่มีอยู่แล้ว มึงส่งกูลงนรกเพียงแค่เหตุผลเห็นแก่ตัวแบบนี้หรอ”

“กูรู้ว่ากูมันเหี้ย กูรู้ด้วยว่ากูมันโง่แค่ไหนที่ไม่รู้ใจตัวเอง มารู้ตัวก็ตอนที่มันสายเกินไปแล้ว” มันเปลี่ยนจากจับข้อมือผมเป็นการกอด การกอดที่ผมรู้สึกว่าตัวมันสั่น สั่นมากๆ เหมือนมันกลัวอะไรอยู่

ผมยืนนิ่งไม่ขยับตัว

“มึงรู้ไหมวันที่กูเจอมึงเดินเหม่อออกจากผับ กูแอบตามมึงออกมา มึงรู้ไหมกูตกใจแค่ไหนที่มึงหายไปหลังจากเจอไอ้สารเลวพวกนั้น กูวิ่งตามหามึงเหมือนคนบ้า กูกลัว กลัวไปหมด ยิ่งตอนที่กูเห็นว่าพวกมันกำลังจะทำอะไรมึงกูอยากจะฆ่ามันให้ตาย มันทำให้กูนึกถึงเรื่องที่กูทำกับมึงว่ามันแล้วร้ายมากแค่ไหม กูเกลียด เกลียดตัวเองมาก”

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงที่ได้ฟังความรู้สึกของมัน ผมควรดีใจไหมที่มีคนมาชอบผมมากขนาดนี้

‘ชอบผม’

หึหึ นึกถึงคำนี้แล้วตลกผมมีอะไรให้ใครต่อใครมาชอบหรอ บ้านรวย? เหตุผลเดียวที่ผมถูกบอกเลิกจากเหล่าแฟนทั้งหมดที่ผ่านมา น่ารัก? คงใช่ไม่ได้กับผู้ชายที่เรียกว่ามีความเป็นผู้ชายสูง ทั้งรูปร่าง ใบหน้า ไหนจะสันกรามนั้นอีก ไม่มีเหตุผลไหนที่จะทำให้ผู้ชายแบบมันจะมาชอบผมเลย ยิ่งเหตุผมว่าผมเป็นผู้ชายมีทุกอย่างเหมือนมันอีกยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้

“กูขอโอกาสมึงสักครั้ง ให้โอกาสกูได้แก้ไขในสิ่งที่กูทำลงไป”

“โอกาสมันไม่ได้อยู่ที่กูหรอก มันอยู่ที่มึงต่างหาก” ที่จริงผมมานึกดูแล้วว่าสิ่งที่มันทำกับผมถึงจะร้ายแรงแต่ก็ยังดีที่มันยังปล่อยผมออกมา และหากว่าวันนั้นไม่ได้มันเข้ามาช่วยผมไว้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าวันนี้จะยังมีชีวิตมายื่นอยู่ตรงนี้อีกหรือเปล่า

ผมดันตัวมันออก เดินกลับไปที่ร้านเดิม ที่มีช้อปนั่งรออยู่





ครึ่งหลังขอมาต่อวันพรุ่งนี้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2018 21:45:46 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เคร ไม่มีเรื่องร้าย
เชียร์ช้อปดีก่า ชอบมวยรอง อุอุ
 :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารทั้งภาค สงสารทั้งม่อน :hao5:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ทำกันขนาดนี้แล้วมาขอโอกาศมันก็ยังไงอยุู่นะ มันต้องใช้ความจริงใจ

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ครึ่งหลัง





“ไปไหนมาตั้งนาน เราเกือบเดินออกไปตามละ”

“พอดีเจอเพื่อนเลย เลยคุยกันยาวไปหน่อย โทษทีนะ”

“เพื่อน? ใครหรอเรารู้จักไหม” ทำไมอยู่ดีช้อปถึงถามขึ้นมาแบบนี้

“ช้อปไม่รู้จักหรอก แล้วนี่ช้อปกินเสร็จ นี่ยังจะทุ่มหนึ่งแล้วเดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันนะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้ช้อปถามไปมากกว่านี้ และอีกอย่างถ้าจะให้นั่งกินต่อคงไม่ไหว



“สนุกไหม” ผมพยักหน้ารับ ฉีกยิ้มให้ช้อป

“งั้นวันหลังเรามาด้วยกันอีกนะ” ช้อปเดินมาส่งผมที่หน้าหอ ตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มแล้วแต่ภายในหอก็ยังดูวุ่นวายอยู่ ทั้งเด็กหอที่นั่งจับกลุ่มคุยกันตรงมาหินอ่อน บางคนถือตะกร้าผ้า บ้างถือถุงขนมที่เพิ่งไปซื้อมาจากเซเว่น ถือเป็นเรื่องปกติของเด็กหออย่างเราๆ ครับ ซักผ้าเอง หิวก็เดินออกไปหาของกิน



“มึง...มึงตามกูมาหรอ” ผมยืนชะงักอยู่ตรงทางขึ้นบันได ก็จะใครละครับ ภาค ผมไม่รู้ว่ามันตามผมตั้งแต่เมื่อไร แถมยังมายื่นค่อยดักผมอยู่ตรงบันไดขึ้นหอพักอีก

“กูอยากมาส่งมึง”

“มาส่ง...มาส่งกูทำไม ช้อปก็มาส่งกูอยู่แล้ว” ผมรู้ว่ามันก็เห็นผมกลับมากับช้อป

“กูเป็นห่วงมึง”

“กูว่ากูอยู่กับมึงน่าเป็นห่วงกว่า” จริงอยากที่บอกครับ ผมว่าอยู่กับมันน่าเป็นห่วงที่สุด ไม่รู้ว่ามันจะมาแบบไหนอีก มันทำหน้าสลดเหมือนหมาที่เจ้าของไม่ยอมเล่นด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร เดินเบี่ยงตัวหลบมันเดินขึ้นบันไดต่อ



‘หมับ’ มันคว้ามือจับที่แขนผมไว้ ผมพยายามสะบัดเพื่อให้แขนหลุดออกจากมือมัน แม่งมือมึงจะเหนียวเป็นปลาหมึกเลยรึไง ปล่อยกูสิวะ

“อ่าว ไอ้ม่อน มึง...” เสียงไอ้นัทเรียกผม

มันเป็นเหมือนเสียงสวรรค์ที่ผมกำลังรออยู่ มันยังพูดไม่จบหันหน้ามามองผมสลับกับไอ้ภาค มันรู้ว่าต้องทำยังไงเดินตรงลงมาจากชั้นบน ยกแขนคล้องคอ ก่อนยักคิ้วให้ไอ้คนที่กำลังจับแขนผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าภาคมันปล่อยมือจากผมตอนไหน รู้อีกที่ก็เดินขึ้นบันไดโดยมีแขนของไอ้นัทคล้องอยู่



“มึงเป็นไรไหม” ผมส่ายหน้าเพราะเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำอะไรผมรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา

“มันมานั่งรอมึงเป็นชั่วโมงแล้ว”

“รอ รอกู” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมรู้ว่าก่อนหน้าที่เจอกันที่ห้องน้ำในห้าง ที่มันมาบอกความรู้สึกและขอโอกาสแก้ตัวกับผม แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมานั่งรอที่หอผมขนาดนี้

“กูว่ามันเอาจริงกับมึงแล้วว่ะ”



ผมตื่นเช้าซ้อนรถไอ้นัทไปเรียนตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือภาค ที่ทุกๆเช้ามันจะมานั่งกินข้าวอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ่งวันไหนที่ช้อปมานั่งกินด้วยแล้ว เหมือนจะมีการเปิดศึกกันขึ้นกลางโรงอาหาร

และยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่ผมมีเรียนพร้อมกับมัน แล้ววิชาส่วนใหญ่ที่ผมเรียนก็มักจะตรงกับมันพอดี ทำให้ที่นั่งข้างผมเป็นเหมือนที่นั่งประจำของมันไปแล้ว ถึงมันจะมานั่งข้างๆ ผมแต่แปลกที่มันไม่ค่อยได้มาวุ่นวายกับการนั่งเรียนของผม กลับเห็นว่ามันนั่งตั้งใจเรียนอยู่ข้างๆ ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ไล่มัน น่าจะเปลี่ยนคำถามว่าควรไล่มันยังไงดีกว่า แถมเวลาไล่มันยังทำเหมือนไม่สนใจอะไรยังหันหน้ากลับมายิ้มอ้อนตีนให้ผมอีก แต่ก็ดีแล้วที่มันไม่กวนผมเวลาเรียน

“โอ๊ย...เชี่ยปากกากู” ปากกาแสนรักที่ผมใช้มาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนใหม่ๆ ตอนนี้มันได้กลิ้งตกตามสโลปของห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อย ที่สำคัญผมมีปากกาแค่แท่งเดียวด้วยสิ

แล้วจะเอาอะไรจดละกูทีนี้ ผมหันไปสะกิดขอยืมปากกาจากไอ้นัท

“เอาของกูไปใช้ก่อน” เสียงจากที่นั่งอีกข้างพร้อมกับปากกาแท่งหนึ่งที่วางอยู่ที่โต๊ะ

“อะนี่” ผมหยิบแบงก์ยี่สิบจากในกระเป๋ายื่นให้มัน

“ไม่”

“ไม่เอา?”

“ไม่พอ” ไอ้สัสกูคิดว่าจะใจดีให้กู แล้วแม่งไอ้ปากกาเหี้ยนี่มันแพงขนาดไหนกันวะ ของกูยี่สิบนี้ก็ถือว่าแพงแล้ว



“กูคืน” ผมยื่นปากกาในมือคืนมันไปหลังจากหมดคาบเรียน

“มึงใช้แล้วกูไม่รับคืน”

“แล้วมึงจะเอายังไง จ่ายเงินก็บอกไม่พอ คืนให้แม่งก็ไม่เอา” เรื่องมากฉิบหายกับแค่ปากกาแท่งเดียว มันมองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด อะไรของมันครับ

“งั้นเดี๋ยวกูซื้อคืนให้ เอาสักสิบแท่งเลยไหม” รำคาญหน้ามันแล้วครับ เลยบอกปัดๆ กับมันไป

“พันห้า”

“ห๊ะ...อะไรพันห้า”

“แท่งละพันห้า” ปากกาเชี่ยไรของมึงเนี่ยพันห้า ใช้แล้วจะทำให้ตอบถูกทุกข้ออย่างนี้หรอหรือเขียนแล้วจะได้คะแนนเพิ่ม แต่ที่แน่ๆ ผมไม่น่าปากพล่อยเลย 1500x10 ไอ้เหี้ยเงินเกือบทั้งเดือนผมเลยนะนั้น

“เออ...เอาเป็นว่า...ว่าๆ ๆ” ว่าอะไรดีละครับทีนี้

ไม่น่าเลยไอ้ม่อน

“เลี้ยงไอติมกู”

“ห๊ะ! ไอติม เออได้ๆ” เฮ้อ...โล่งไปครับแค่เลี้ยงไอติม เซเว่นมีครับแท่งละยี่สิบ

“ไม่เอาเซเว่น” นี่มันอ่านความคิดผมออกได้ไงครับ

 เอาแล้วไงครับ ขนาดปากกามันยังใช้แท่งละเป็นพัน แล้วเลี้ยงไอติมมันผมจะไหวไหมครับงานนี้



ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถของมันเรียบร้อย ผมเพิ่งสังเกตว่ามันเปลี่ยนรถใหม่ไม่ใช่รถคันเดียวกันวันนั้น วันที่มัน...เอาละผมไม่อยากพูดถึงมัน ก็ยังดีอย่างน้อยก็ไม่ทำให้ภาพของวันนั้นหวนกลับมาอีก และที่ผมยอมออกมากับมันก็เพราะดูท่าทีที่ผ่านมาของมันดูเหมือนจะอ่อนลง ไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้า และยิ่งไปกว่านั้นมันไม่แม้จะเตะเนื้อต้องตัวผมด้วยซ้ำ เหมือนกับว่ามันจะทำตามที่มันเคยบอกไว้ว่าจะขอแก้ไขในสิ่งที่มันทำลงไป



‘ฮึบ’ ผมหดคอพยายามกลั้นหายใจ ตอนนี้หน้าของมันกับผมห่านกันเพียงไม่กี่เซนต์ ก็มันเล่นก้มลงมาคาดเบลล์ให้ผมแบบไม่บอกไม่กล่าวกันสักนิด

“กูขอโทษ” มันรีบถอยดึงตัวกลับไปเพราะมันเริ่มสังเกตอาการเกร็งจนตัวสั่นของผมตอนนี้ สั่นจริงๆ ครับไม่คิดว่าแค่นี้จะทำให้ภาพวันนั้นกลับเข้ามาอีก

มันทำหน้าสำนึกผิดหันกลับไปสนใจกับพวงมาลัยรถของมันแทน



ไอศกรีมหลากรสแบบคอมโบ้เซทที่พนักงานสาวนำมาเสิร์ฟถูกจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อย ผมกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ก็ที่มันเล่นสั่งแบบที่แพงที่สุดในร้านเนี้ยสิ แบบนี้มีหวังกระเป๋าผมฉีกแน่ๆ

มันไม่สนใจผมที่นั่งนิ่งมองไอศกรีมที่วางอยู่ตรงหน้า กินไม่ลงจริงๆ ครับ

“มึงไม่กินละ นั่งมองทำไม” มึงยังมีหน้ามายิ้มอีกไอ้สัสเสือกแดกของแพง

ผมหยิบช้อนขึ้นมาตักไอศกรีมเข้าปาก เอาวะอย่างน้อยก็เอาให้คุ้มกับเงินที่ต้องจ่าย ผมจ้วงไอศกรีมเขาปากช้อนแล้วช้อนเล่าไม่สนใจสายตาไอ้คนตรงหน้าที่กำลังมองผมขำๆ อยู่

มึงจะนั่งจ้องกูทำไมแดกเข้าไปสิมึงอยากกินนักไม่ใช่หรอ

“ทั้งหมด 1250 บาทค่ะ” ผมล้วงมือไปหยิบกระเป๋าเงินในกางเกงขึ้นมา มันมองหน้าผมที่ตอนนี้กำลังเปิดกระเป๋าเงินด้วยมือสั่น

สัสมึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะไม่จ่าย กูจ่ายแน่แต่กูขอเวลาทำใจก่อน

“นี่ครับ” ยังไม่ทันทีผมจะหยิบเงินในกระเป๋าขึ้นมา คนตรงหน้าก็ยื่นบัตรเครดิตส่งให้พนักงานก่อนสาวคนนั้นก่อน

“มึงทำอะไร”

“ก็จ่ายเงินไง ถ้ากูรอให้มือมึงหายสั่น คงโดนพนักงานด่าแน่” ก็จริงของมัน นึกถึงหน้าพนักงานที่ยื่นรอรับเงินจากผมก่อนหน้าแล้ว ถ้าขืนนานกว่านี้คงโดนแบบที่มันว่าแน่ แต่จะให้ผมทำใจจ่ายยังไงไหวแค่ไอศกรีมมื้อเดียวเท่ากับข้าวทั้งอาทิตย์ผมเลย

“แล้วก็ไม่ต้องคืนกูด้วย”

“ไม่ได้ กูไม่อยากเป็นหนี้ใคร”

“ให้กูได้ดูแลมึงบ้าง” มันพูดแล้วเดินนำหน้าออกไปหน้าร้าน



“ภาค” ผมตะโกนเรียกมันไว้

“มึงไม่ต้องพูด”

“เปล่ามึงลืมบัตรเครดิต” ผมยกบัตรเครดิตในมือให้มันดู แต่มันไม่หันกลับมามองหรือมาเอาบัตรมันคืน กลับเดินทำหน้าเหวอออกไป

“อะ นี่” ผมยื่นบัตรคืนให้มันหลังเดินตามหลังมัน ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน มันหันหน้ายื่นมือมารับบัตร

“ฮาๆ ๆ ๆ นี่มึงอายหรอ” หน้ามันแดงมากครับสงสัยมันคิดมันว่าผมจะเรียกเพื่อนคืนเงินมัน แต่เปล่าครับผมแค่จะคืนบัตรให้มัน มันอุตส่าห์จะเลี้ยงขนาดนี้ก็ต้องสนองหน่อย ฮาๆ ๆ ๆ ๆ

“มึงจะขำอะไรนักหนา” มันเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งใส่ผมแทน

“เออๆ กูไม่ขำแล้วก็ได้ ฮาๆ ๆ ๆ” แถมไปอีกนิดครับ ก็มันฮาจริงๆ นี่ครับ

“เอาวะ อย่างน้อยก็ทำให้มึงยิ้มได้” เงียบครับ ผมเงียบกริบเลยครับ ไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้



หลังจากกินเสร็จมันก็ไม่ยอมพาผมกลับสักที พาเข้านู้นออกนี่ ไม่รู้ว่าแม่งเป็นนักวิ่งมาราธอนมาก่อนหรือเปล่า

จะเดินอะไรนักหนา กูเหนื่อยแล้วนะโว้ย ผมนั่งแหมะลงกับเก้าอี้ยาว ปวดน่องไปหมดครับ

มันเดินมานั่งลงตรงพื้นข้างหน้า ยื่นมือมานวดตรงน่องทั้งสองข้าง

“เฮ้ย! มึงทำไร ไม่ต้อง”

“ให้กูดูแลมึงบ้างนะ” มันเงยหน้ามาสบตาผม ก้มลงไปบีบนวดขาทั้งสองข้างของผมต่อ ผมนั่งมองมันที่กำลังก้มนวดผมอย่างตั้งใจ

“มึงทำแบบนี้ต้องการอะไร”

“กูรู้ว่ามันยาก ยากที่จะทำให้มึงเชื่อและมึงไม่จำเป็นต้องเชื่อกูในตอนนี้ก็ได้ แต่กูจะทำให้มึงเห็นเอง”

ผมไม่รูว่าจะรู้สึกยังไงกับสายตาที่มันมองมา มันเอาจริงแบบที่มันพูดเหรอครับ มันทำเพราะรู้สึกผิดกับผมเหรอ แล้วที่บอกว่ามันจะทำให้ผมเห็น มันต้องการให้ผมเห็นอะไร?

“สักวันกูจะทำให้มึงเชื่อในตัวกู”



“มึงออกไปไหนกับมันมาหรอม่อน” นัทถามทันทีที่ถึงห้อง

“ไปกินไอติม”

“มึงไม่กลัว...มันทำอะไรมึงหรอ”

“กลัวสิ แต่กูแค่อยากรู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2018 21:46:55 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูยยย ทำข่มทับจะซื้อปากกาคืน
พอรู้ราคาเท่านั้นแหละใบ้แดก 555
ว่าแต่ภาคนี่ เอาจริงเหรอ ดูๆ ก็น่าสงสารนะ
 :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
สู้ๆ เพื่อความรัก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด