ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)  (อ่าน 27288 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 9



#มึงเอาจริงหรอ





“ให้กูไปส่งที่ร้านไหม” วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่ลาออกจากงานที่ผับ งานที่ผมทำเป็นงานเสิร์ฟในร้านนมปั่น ทำทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ตอนหลังเลิกเรียนเท่านั้น ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ทำที่เซเว่นเหมือนเดิม

“น้องมาใหม่ใช่ไหม พี่ชื่อแมน แล้วเราหละ” ผมแนะนำตัวกับพี่ที่ทำงาน งานแรกที่ผมต้องทำคือการนำอาหารไปเสิร์ฟ ร้านที่ผมทำขายอาหารหลายอย่างส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกนมปั่นและเบเกอรี่ต่างๆ คนในร้านค่อนข้างเยอะครับเพราะเป็นร้านดังในหมู่นักศึกษา แบบว่าเลิกเรียนเมื่อไหร่ก็จะมีนักศึกษาทยอยกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

ผมเคยมาที่นี่ไม่กี่ครั้งบังเอิญเห็นป้ายรับสมัครพนักงาน ก็ลองมาสมัครดูครับเผื่อได้ ปรากฏว่าทางร้านติดต่อให้ผมเข้าทำงาน หลังจากวันที่สมัครทันที โดยผู้จัดการให้เหตุผมว่าผมหน้าตาค่อนข้างดี ถ้ามาเป็นพนักงานเสิร์ฟจะได้เป็นการเรียกลูกค้าด้วย

อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่รู้สึกน้อยใจครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยแบบคนอื่นเขา ยังดีที่พ่อกับแม่ยังให้หน้าตาที่พอดูได้มาให้ มันเป็นช่องทางในการหากินของผมเลยหละครับ



“ม่อน โต๊ะสอง แล้วนี่โต๊ะสิบ” ผมรับจานเค้กช็อกโกแลตกับชาเขียวปั่นเดินไปเสิร์ฟตามคำสั่งของพี่แมน

“ขนมที่สั่งได้แล้วครับ”

“พนักงานใหม่หรอคะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”

“ครับ อยากได้อะไรเพิ่มสั่งได้เลยนะครับ” ผมส่งยิ้มให้กลุ่มนักศึกษาสาวสวยที่ผมนำอาหารมาเสิร์ฟแล้วเดินกลับไปที่เค้าเตอร์



“นี่โต๊ะสิบห้า เขาบอกว่าให้ม่อนเป็นคนเอาไปเสิร์ฟ” ผมรับจานเค้กที่วางอยู่ตรงหน้ามาแบบงง ทำไมต้องให้ผมมาเสิร์ฟด้วยทั้งๆ ที่พนักงานคนอื่นก็ว่าง

“เสิร์ฟให้สาวๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ” เสียงนั้นทำให้ผมหายสงสัยทันที ก็จะใครละครับไอ้ภาคอีกแล้ว

มันวางโทรศัพท์มือถือลง เงยหน้ามาคุยกับผม ผมไม่ตอบอะไรมัน วางจานเค้กลงเดินกลับเค้าเตอร์ทันที

“ม่อนโต๊ะสิบห้า” โต๊ะสิบห้าหรอ? อะไรของมันสั่งไปไม่ถึงห้านาทีนี่มึงกินหมดแล้วหรอ

ผมเดินถือจานเค้กจานที่สองวางลงที่โต๊ะมัน

“ทีสาวๆ นี่ยิ้มให้จัง...นี้มึงกล้าทำแบบนี้กับลูกค้าหรอ” ผมยกถาดทำเหมือนว่าจะตีมัน แต่มันสนใจที่ไหนละครับยักคิ้วส่งยิ้มอ้อนตีนมาให้ผม

‘งานๆ’ ผมพยายามท่องคำนี้ไว้ในใจกลัวว่าจะพลั้งมือฟาดหน้ามันไปก่อน

“ม่อนโต๊ะสิบห้า” หลังจากเสิร์ฟอาหารจานที่สองเสร็จ จานที่สามสี่ และก็มาถึงจานที่สิบ จานเค้กมากมายวางอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีรอยแหว่งบนตัวเค้กเลยสักจาน

“บ้านมึงรวยนักรึไง” มันไม่ตอบโต้เพียงยักไหล่ให้ผมเท่านั้น

เออใช่ผมคงลืมไปว่ามันรวยทั้งรถทั้งคอนโด ไหนจะปากกาวิเศษนั้นอีก ช่างมันเถอะครับจะสั่งไปทำอะไรก็ช่างมันอย่างน้อยร้านที่ผมทำก็ได้เงินอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มจะทนไม่ไหวกับมันแล้ว จานเค้กจานที่ยี่สิบถูกวางลงที่โต๊ะของมัน วันทั้งวันผมคงต้องไม่ต้องทำอะไรแล้ว

มึงว่างขนาดนั้นเลยเหรอ



“ม่อนรู้จักกับลูกค้าคนนั้นหรอ”

“ไม่รู้จักครับ ผมไม่รู้จักคนแบบนั้นหรอก” ผมปฏิเสธแบบประชดประชันกับพี่แมน พี่แกคงสงสัยว่ามันจะสั่งอะไรนักหนา สั่งแล้วเสือกไม่แดก แถมยังเจาะจงว่าต้องให้ผมไปเสิร์ฟอีก

“ม่อน” ผมหันหน้าไปหาพี่แมนที่สงสายตามาแบบว่าอีกแล้ว มันอีกแล้ว มึงยังไม่กลับไปอีกหรอ

เป็นอีกครั้งที่ผมเดินถือจานเค้กมาวางที่โต๊ะของมัน

“มึงยังไม่กลับอีกหรอ”

“มึงเลิกงานกี่โมง”

“มึงจะรู้ไปทำไม”

“กูจะรอกลับพร้อมมึง” แล้วเป็นอะไรของมึงอีกเนี่ยกูโตแล้วกูกลับเองได้ ผมอยากจะบอกให้มันกลับไปเหลือเกินเพราะขืนมันอยู่ต่อผมได้เดินไปเดินมาจนขาลากพื้นแน่ แต่ดูจากท่าทางแล้วมันคงไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่

“สี่ทุ่ม...กูเลิกสี่ทุ่ม” มันยิ้มหน้าบาน

เฮ้ย...ผมรู้ว่าจะพูดยังไงคนอย่างมันถ้าไม่ได้ดั่งใจคงไม่ยอมกลับแน่ๆ และอีกอย่างผมไม่อยากเดินขาลากแบบนี้อีก

“แต่มึงเลิกสั่งสักทีเถอะ” ไม่มีออเดอร์ใดๆ จากมันอีก

ลูกค้าทยอยออกจากร้านเรื่อยๆ ตอนนี้ก็สามทุ่มครึ่งแล้ว เหล่าพนักงานรวมถึงผมก็ขะมักเขม้นช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู จัดโต๊ะเก้าอี้เตรียมปิดร้าน

“ม่อนกลับก่อนก็ได้นะ” พี่แมนหันมองลูกค้าที่เหลือเพียงคนเดียวในร้านกับเค้กที่ยังกองอยู่ที่โต๊ะ ผมเข้าใจว่าพี่แมนว่าหมายความว่ายังไง แกก็คงจะเบื่อมันเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นลูกค้าที่อุดหนุนร้านมากที่สุดในวันนี้ก็ตาม

“ซื้อมาแล้วไม่กิน ซื้อมาทำไม” ผมเดินมานั่งข้างๆมัน หยิบส้อมที่วางอยู่ขึ้นมาตักเค้กเข้าปาก เสียดายครับไม่รู้จะทำยังไงถ้าจะให้กินหมดนี่คงไม่ไหว

“กูแค่อยากเห็นหน้ามึง” ผมหันไปค้อนมันทันที 

ผมลุกขึ้นยืนเดินไปที่เค้าเตอร์

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะจัดการยังไงกับเค้กที่วางอยู่ตรงหน้า ผมถือกล่องที่ขอจากพี่แมนตรงเค้าเตอร์เมื่อกี้ หยิบเค้กลงกล่องทีละชิ้น ส่วนไอ้เจ้าของเค้กก็ยังทำหน้างงว่าผมจะทำอะไร

“กูจะเอาไปฝากคนที่หอ” นี่แหละครับวิธีการจัดการของผม ก็เค้กแต่ละชิ้นยังอยู่ในสภาพใหม่พร้อมทาน เอากลับไปให้เพื่อนที่หอมันคงไม่ว่าอะไร พวกมันคงจะดีใจซะอีกได้กินของฟรี

มันนั่งมองผมที่หยิบเค้กขึ้นมาใส่กล่องทีละชิ้น มันคงเห็นว่ากว่าผมจะเอาเค้กใส่กล่องเสร็จร้านคงปิดพอดี

มือทั้งสองข้างของผมเต็มไปด้วยถุงพลาสติกที่มีกล่องเค้กอยู่ข้างใน ด้านหลังผมก็มีไอ้เจ้าของเค้กทั้งหมดนี่ เดินถือถุงเค้กมาเต็มมือทั้งสองข้างเช่นกัน

“ไปกินข้าวก่อนกูหิวข้าว” หลังจากที่ยัดถุงเค้กทั้งหมดใส่ที่นั่งด้านหลังจนหมด เค้กที่สั่งมาแม่งก็เสือกไม่กิน ทีนี้มาร้องว่าหิวข้าว ผมได้แต่ส่ายหน้าให้มันไป จริงๆ แล้วผมก็หิวเหมือนกันครับ กะว่าเก็บร้านเสร็จจะออกไปหาไรกินก่อนกลับเข้าหอ

พนักงานเสิร์ฟยกอาหารมาวางตรงหน้าไม่มีเสียงคุยใดๆ ระหว่างผมกับมัน ต่างคนต่างหิวครับ ตักอาหารของตัวเองเข้าปากกันอย่างรวดเร็ว

วันนี้โชคดีของผมอีกแล้ว มีเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นด้วยประหยัดไปอีกมื้อครับ



ผมหอบหิ้วถุงเค้กเดินเคาะประตูเรียกเพื่อนในหอให้ออกมาเอาเค้กไปแบ่งกันกิน เดินแจกเกือบทั้งชั้นครับ  

ผมหันกลับไปรับถุงเค้กที่เหลืออยู่สองถุงที่เหลืออยู่ในมือภาคมัน กะว่าจะเอาไปฝากไอ้นัทมันครับ

ไม่กลับไปสักทีละวะ เค้กก็หมดแล้ว 

ผมกับมันเดินแจกเค้กกันจนหมด แล้วทำไมมันยังไม่กลับไปอีก มันยืนนิ่งอยู่หน้าห้องผม มองหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับตัว

“ไม่ชวนกูเข้าห้องหรอ” มันรอผมชวนเข้าห้องนี้เอง ห๊ะ!! แล้วมึงจะอยากเข้าห้องกูทำไม ไหนบอกว่าแค่มาส่งกูแค่นั้นส่งแล้วก็กลับไปสิวะ ห้องกูไม่ได้มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเหมือนคอนโดหรูของมึงหรอก

เฮ้อ...สงสัยมันจะไม่ยอมกลับไปจริงๆครับ ยืนทำตาละห้อยเหมือนหมากำลังถูกเจ้านายทิ้ง นี่มึงจะเข้าไปให้ได้เลยใช่ไหม

ผมกับไอ้นัทไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาในห้องหรอกครับ นอกเสียจากไอ้อาร์ม กับเพื่อนสาวแสนสวยที่คอยปลอมตัวหลบหลีกน้ายามข้างล่างหอขึ้นมา

“มาแล้วหรอวะม่อ...” มันเงยหน้าออกมาจากหน้าจอคอมที่กำลังเพล์เกมส์สุดรักของมันอยู่

มันนิ่งหันหน้ามองผมสลับกับภาค ผมได้แค่พยักหน้าให้มันเท่านั้น

ผมพาภาคเดินไปนั่งที่เตียงของผม สายตามันสอดส่องมาของรอบโต๊ะกับเตียงของผม มองเหมือนจะเก็บข้อมูลอะไรสักอย่าง



“มึงมีน้องด้วยหรอ” นั้นไงมันยื่นรูปที่อยู่ในมือให้ผมดู

พูดยังไม่ทันขาดคำ มึงไม่คิดจะมีความเกรงใจเจ้าของห้องบ้างหรอ

ผมทำได้แค่พยักหน้ารับมันไปเท่านั้น

ไอ้นัทที่เลิกสนใจกับหน้าจอคอมหันมานั่งจ้องภาคมันแทน

ยากครับยากมากที่จะทำให้ไอ้นัทมันเลิกสนใจกับเกมสุดรักของมัน ขนาดแม่มันโทรมามันยังบอกให้แม่รอมันเล่นจนเสร็จเลย ไม่แปลกที่ผมจะต้องมานั่งฟังมันเปิดลำโพงโทรศัพท์ตอนที่แม่มันบ่น ตอนนี้มันกลับมานั่งจ้องภาคที่หยิบนั้นถามนี่ผมตลอดเวลา

“แล้วช้อปละวะไอ้ม่อน” ผมหันไปมองหน้ามันแบบงงๆ

ช้อปอะไรของมึง

“ช้อปมันบอกให้กูช่วยมันจีบมึง แล้วนี่...มึงพามันมาห้องหมายความว่าไง” มันพูดแล้วหันหน้าไปจ้องไอ้ช้อปที่ทำหน้าโหดขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินว่าช้อปจีบผมอยู่ และมันยังบอกว่ามันกำลังช่วยช้อปจีบผมด้วย

“เฮ้ย...มึง กูไม่ได้คิดอะไรกับมัน” ผมหันไปแก้ตัวกับนัทที่กำลังยกยิ้มให้ภาค

“แล้วกับช้อปละ” อะไรของมึงวะนัทมึงจะมาถามอะไรกับกูตอนนี้ ทั้งที่มันเป็นคนรู้คนแรกด้วยซ้ำว่าที่ช้อปเข้ามาเพราะจีบผม

“ช้อปหรอ...”

“ปัง!!” สัสเอ้ยตกใจหมด

ก็ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไอ้นัท ภาคมันก็ลุกขึ้นยืนเดินออกไปแถมปิดประตูเสียงดังจนผมสะดุ้ง

อะไรของมันตอนอยากเข้ามาก้ทำหน้าอ้อนเหมือนหมา แต่อยู่ดีเสือกลุกออกไปแถมปิดประตูเสียงดังอีก ถ้ากูโดนปรับเพราะประตูพังกูจะตามไปเอาเงินกับมึง

“หึงแรงด้วยวะ”

“เป็นเชี่ยอะไรของมึงไอ้นัท” ผมหันไปค้อนมันอย่างเอาเรื่อง

แล้วที่นัทมันบอกเนี่ย ใครหึงใครเหรอครับ

“ภาคมันเอาจริงว่ะ กูว่ามันเอาจริง” รู้ดีจริงๆ นะมึงเรื่องเรียนทำไมไม่รู้ดีแบบนี้บ้างวะ สอบทีไรมาอ้อนให้กูติวให้ตลอด ต่อไปกูจะให้มึงอ่านเองเห็นว่ารู้ไปหมดขนาดนี้



ผมไม่ได้อยากจะคิดหรอกครับว่าใครจะคิดกับผมยังไง จะเอาจริงไม่จริงยังไง ผมเชื่อว่าอย่างมันคงไม่ได้มาจริงจังอะไรขนาดนั้นหรอก ทั้งหล่อทั้งรวยใครก็อยากจะเข้าใกล้ วันนั้นก็ยังเห็นนั่งนัวเนี่ยกับผู้หญิงหน้าผับ จะให้คิดยังไงว่ามันจะมาจริงจังแบบผม และถึงแม้จะมาแบบเล่นๆ ผมก็คงไม่ยอมให้มันมาเล่นผมอีกแน่



ผมเดินมานั่งที่โต๊ะประจำพร้อมกับเสียงซุบซิบและสายตาที่หันมามองผม ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนในกลุ่มหรือช้อปเองก็ตาม 

มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ ผมพลาดเรื่องอะไรไป แล้วทุกคนมองผมแบบนั้นทำไม ผมกำลังจะหันไปถามเพื่อนในกลุ่มว่าเกิดอะไรขึ้น

“มึงหัดดูเฟชบ้างนะม่อน” ผมก้มลงไปหยิบมือถือเปิดแอพเฟชบุ้ค ที่สมัครไว้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นเท่าไรขึ้นมาดู



‘เค้าเป็นอะไรกันหรอ’

ภาพที่ภาคกำลังก้มนวดขาให้ผมเด้งขึ้นมาบนฟิดข่าวผม ภาพที่ถูกอัพขึ้นโดยเพจ cute boy ของมหาลัย พร้อมแท็กชื่อผมและอีกคนที่น่าจะเป็นคนที่อยู่ในภาพกับผม

ผมเงยหน้ามองเหล่าเพื่อนๆ ที่กำลังจ้องหน้าผมเหมือนต้องการคำตอบ

ตอนนั้นที่ภาคมันก้มลงนวดขาให้ผม ผมก็ห้ามมันแล้วแต่มันไม่ยอมผมเลยคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แบบนั้นเพราะสายตารอบข้างที่มองมา มันไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับผมที่จะถูกมองหรือเป็นเป้าสายตาจากใคร มันทำให้ผมอึดอัดเหมือนว่ากำลังทำอะไรผิดอยู่

ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกมาจากโต๊ะทันที ขืนผมอยู่ตรงนี้ต่อผมได้อึดอัดตายแน่ๆ

ผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครเดินตามมา หันหลังกลับไปก็เจอช้อปที่กำลังเดินตามผมมาเงียบๆ ผมคิดว่าช้อปเดินตามผมตั้งแต่ออกมาจากโรงอาหารแล้ว แล้วทำไมถึงไม่เรียกผมละ

ผมหยุดแล้วหันหลังเดินกลับไปหาช้อป ช้อปเพียงส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้เท่านั้น ซึ่งถือว่าผิดปกติมากเพราะทุกครั้งช้อปจะยิ้มให้ผมแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่และยิ้มที่ไร้ตานี่หยีแทบจะมองไม่เห็นลูกตาด้วยซ้ำ

“ม่อนกับไอ้ภาคเป็น...”

“เฮ้ย...ไม่ใช่” ผมปฏิเสธก่อนที่ช้อปจะพูดจบด้วยซ้ำ เพราะผมรู้ว่าช้อปคงหมายถึงเรื่องรูปที่ว่อนอยู่เต็มเฟช

“แค่เข้าใจผิดเอง ไม่ใช่แบบนั้นนะ” ช้อปหันมายิ้ม

ยิ้มที่กลับมาเป็นยิ้มแบบปกติที่ช้อปมักยิ้มให้กับผม เรื่องนี้เหรอครับที่ทำให้ช้อปเป็นแบบนั้น

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าเป็นแบบที่ม่อนบอกก็ดีแล้วแหละ” ช้อปเดินมาส่งที่ตึกคณะ ก่อนยิ้มให้แล้วเดินกลับไป

เฮ้อ...ผมจะทำยังไงดีเนี่ย คนทั้งมหาลัยคงเข้าใจผิดไปหมดแล้ว ผมจะทำยังไงดี

นั้นไงผมเจอมันแล้วไอ้คนที่เป็นต้นเรื่อง มันยืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้นตึกกับเหล่าเพื่อนๆของมัน

ผมเดินตรงเข้าไปหามันทันที ยังไงผมก็ต้องเคลียเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน ไม่อยากต้องมาทนอยู่ท่ามกลางสายตาแบบนี้

“ออกมาคุยกับกูหน่อย” ผมเดินนำมันออกมาจากกลุ่มเพื่อนของมัน

“มึงไปบอกให้เค้าลบรูปมึงกับกูหน่อย คนเข้าใจผิดหมดแล้ว”

“เข้าใจผิดอะไร”

“ก็เข้าใจว่ากูกับมึง...เป็นอะไรกัน”

“มึงอายมากหรอที่รูปนั้นเป็นกู มึงรู้ไหมว่ากูดีใจแค่ไหนที่เห็นรูปนั้น ไม่ใช่เพราะว่ารูปนั้นได้ลงในเพจ ไม่ใช่ลงรูปนั้นแล้วคนกรี๊ดกูเพิ่มขึ้น ที่กูดีใจเพราะอย่างน้อยกูก็ได้เห็นว่ากูพยายามที่จะดูแลคนที่กูชอบ ได้เห็นว่ากูก็กล้า กล้าที่จะทำให้คนที่กูชอบแม้ว่าคนอื่นจะมองว่ากูเป็น...เป็น ‘เกย์’ ก็ตาม”

“มึง…”

“กูขอโทษที่ทำให้มึงต้องอาย กูขอโทษ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกับมัน มันก็หันหน้าเดินหนีผมไปทันที



ผมมัวแต่คิดว่าตัวเองอาย อายที่ถูกคนอื่นๆ มองแบบนั้น ลืมคิดไปเลยว่าคนจะมองมันยังไง มันจะเป็นยังไง มันจะรู้สึกยังไงที่ถูกคนมองว่าเป็น ‘เกย์’ ทั้งที่ผ่านมามันก็คบผู้หญิงมาตลอด



‘มึงจริงจังกับกูจริงๆ หรอ’ คำถามที่วนอยู่ในหัวผมตลอด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2018 07:52:42 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชอบตรงสั่งเค้กไม่หยุด เหลือเอามาเผื่อเราเลยนะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ภาค งอนตุ๊บป่องละจ้า~

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 10



#กูก็ไม่ได้ว่าอะไร







“กูคิดไว้แล้วว่าคนอย่างมันไม่มาจริงจังกับมึงหรอก” นัทมันไม่ได้หมายถึงใครที่ไหนหรอกครับ ก็ไอ้ตัวที่มันคอยตามผมไปทุกที่ แต่หลังจากวันที่ผมไปคุยกับมันเรื่องรูป วันต่อมารูปบนเพจนั้นก็หายไป หายไปพร้อมๆ กับมันนั่นแหละครับ

นี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วครับที่ไม่เห็นมันคอยมากวนผมอีก ไม่ใช่ว่าไม่เจอมันนะครับแต่เหมือนว่ามันจะคอยหลบหน้าผมทุกครั้ง แต่ช่างมันเถอะครับถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผม

งานที่ร้านนมปั่นก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ติดก็ตรงที่ลูกค้าร้านนี้จะเยอะไปไหน เสิร์ฟแบบไม่หวาดไม่หวั่นกันเลยครับ เหนื่อยแต่ก็สนุกดีครับ ลูกค้ามากหน้าหลายตาเดินเข้าออกร้านไม่ขาดสาย

“ใช่น้องม่อนรึเปล่าคะ” ลูกค้าในชุดนักศึกษาเรียกทักผม แต่ว่าเรารู้จักกันด้วยเหรอ

“คะ...ครับ”

“พอดีพี่เป็นแอดมินเพจ cute boy ของมหาลัยเรา พี่ต้องขอโทษเราเรื่องวันนั้นด้วยนะ ที่อัพรูปเราโดยไม่เราบอกก่อน"

“ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“วันนั้นภาคมาตามหาพี่ พี่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรง แต่กลับขอให้ลบรูป พี่ก็แปลกใจว่าทำถึงมาขอให้ลบ เพราะพี่ก็ลงรูปภาคอยู่บ่อยๆ...” พี่แกนิ่งมองหน้าผมอยู่สักเหมือนจะคิดอะไรอยู่

“ภาคเขาบอกพี่ว่าม่อนอายที่ต้องถ่ายรูปคู่กับเค้า”

“ผมแค่ไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใครครับ” ผมยังจำสายตาวันนั้นที่คนรอบๆ มองมาที่ผม มันอึดอัดจริงๆ นะครับ

“พี่เข้าใจจ๊ะ พี่แค่จะบอกว่าภาคคงแคร์ม่อนมาก ถึงขนาดตามหาพี่ให้ลบรูปให้”

“ครับ”



ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองผิดยังไงไม่รู้ แต่ผมจะผิดได้ยังไงผมก็แค่อยากให้ลบรูปผมออกเท่านั้น ผมไม่ได้บอกให้มันวิ่งไปตามหาพี่แอดมินหนิครับ มันแค่ทักเฟชไปบอกพี่แกก็ได้ มันเองที่ทำเหมือนว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ ‘เฮ้อ’ ทำไมมึงต้องทำให้กูรู้สึกผิดแบบนี้ด้วยวะเนี่ย

“เป็นไร ทะเลาะกับแฟนมาหรอ” พี่แมนเดินเข้ามาถาม พี่แกคงจะเห็นตอนผมยืนยีหัวหงุดหงิดตัวเองอยู่

“แฟนเฟินไรพี่ ไม่มี”

“งั้นเป็นไรบอกพี่ซิ” พี่แมนเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆ

ผมเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้พี่แกฟังแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร พอเล่าเสร็จพี่กลับยิ้มให้ผมซะงั้น คนกำลังเครียด อุตส่าห์มาปรึกษาเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าไหงมายิ้มแถมยังหัวเราะผมอีก

นี่ผมจะพึ่งใครไม่ได้จริงหรอ

“ม่อนไม่ได้รู้สึกผิดหรอก ม่อนกำลังแคร์เขาอยู่ต่างหาก” พี่แมนก้มลงมากระซิบประโยคหลัง ข้างหูผม

‘แคร์’ ผมแคร์ใคร มันหรอ? แล้วผมจะแคร์มันทำไมไม่มีทาง นี่ผมให้พี่แกมาช่วยให้หายเครียดหรือมาช่วยทำให้เครียดกว่าเดิมเนี่ย

“ฮาๆ ๆ” แกลุกขึ้นเดินขำ ตอนผมทำตาโตที่ได้ยินคำตอบจากพี่แกออกไปหลังร้าน

“ขำอะไรวะพี่”

“ขำคนไม่รู้ใจตัวเอง” พี่แกยังไม่วายหันมาตอบผม และคำตอบของพี่แกยิ่งทำให้ผมงงและสับสนมากกว่าเดิมเสียอีก

กูแคร์มึงหรอ ไม่หรอกมั้ง กูแค่รู้สึกผิดกับมึงเท่านั้น แล้วนี่ทำไมผมต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ด้วย ช่างแม่งเถอะ ยังไงช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ามันด้วย เดี๋ยวก็ลืมๆ มันไปเองนั่นแหละ



“ภาค” แล้วมึงจะเดินหนีกูทำไม กูอุตสาห์นอนคิดทั้งคืน ไหนๆ มึงจะหลบหน้ากูแล้ว อย่างน้อยก็เคลียกันไปจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน

ผมนอนคิดทั้งคืนครับยิ่งโดนไซโครจากพี่แมนแล้วด้วย ถ้าผมไม่ทำให้มันจบเดี๋ยวมันก็ค้างๆ กันอยู่แบบนี้ผมไม่ชอบ เอาแบบให้มันเคลียๆ กันไปเลย แล้วที่พี่แมนแกบอกว่าผมแคร์มันจะได้รู้กันไปเลย

“มึงจะหลบหน้ากูทำไม” มันหยุดเดินหันหน้ามามองผม

อื้อฮือนี่มึงไปโดนใครหักอกมาสภาพถึงเป็นแบบนี้

“มึงอายไม่ใช่หรอที่อยู่ใกล้กู”

“เออ...วันนั้นกูขอโทษ กูเห็นแก่ตัวเองมากไป” มันเป็นไบโพล่าเหรอครับเดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวยิ้ม แล้วที่ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไง มึงอย่าคิดว่ากูจะละลายกับรอยยิ้มของมึงเหมือนผู้หญิงในสต๊อกมึงหรอกนะ

“มึงยิ้มทำไม” ผมคงเผลอไปยิ้มตามมันนะครับ โอ๊ยไอ้ปากไม่รักดีมึงจะมาอยากแจกความสุขความสดใสอะไรตอนนี้

ผมจะมาปล่อยไก่ต่อหน้ามันไม่ได้ วันนี้ผมตั้งใจแล้วว่าจะมาทำให้มันจบแบบไม่มีอะไรค้างคาต่อกัน ถึงอดีตกับมันจะไม่ค่อยหน้าจดจำสักเท่าไร อีกอย่างต้องเจอกับมันที่คณะบ่อยๆ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างหรือบาดหมางกัน

“กูแค่จะมาทำให้มันจบ ไหนมึงก็หลบหน้ากูอยู่แล้ว”

“มึงมาทำแบบนี้จะให้กูจบได้ยังไง”

อ่าวไหงเป็นแบบนี้ละครับ ก็มันเองที่หลบหน้าผม ผมแค่จะมาทำให้มันจบ แล้วมันกลับบอกว่าไม่จบ มันจะเอายังไงกันแน่ครับ

สมองผมมีไว้เพื่อการเรียนเท่านั้น ผมไม่เอามาใช้กับเรื่องแบบนี้หรอกครับ

ไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็ที่เตรียมมามันดันผิด ผิดตรงที่มันบอกว่าไม่ยอมจบแล้วจะให้ผมทำยังไง

“มึงรู้ตัวไหมว่ามึงแม่งโคตรขี้ ‘อ่อย’ เลย”

ขี้อ่อยอะไรของมัน ผมไปอ่อยอะไรใครตอนไหน

เฮ้อปวดหัว ทำไมมันไม่เข้าใจง่ายเหมือนตอนเรียนเลยครับ 

ช่างแม่ง แล้วแต่มันเลยครับ จะทำอะไรก็เรื่องของมัน ผมละหงุดหงิดจริงเลย



ผมผิดเองละครับที่อยากจะเคลียให้มันจบๆ ไป คิดว่าคุยแล้วจะจบที่ไหนได้มันมาเดินติดผมแจ นั่งกินข้าวนั่งเรียนทำเหมือนกับสนิทกับกลุ่มผมมานาน แล้วนี่กลุ่มปากหมาของมึงละหายไปไหนหรือว่าโดนไล่ออกจากกลุ่ม ไม่น่าจะใช่หรอกมั้งเห็นปากหมาเหมือนกันคงเข้ากันได้

นั้นไงครับตายยากฉิบหายพูดถึงก็เดินเข้ามานั่งเบียดผมทันที

“มึงไม่อยู่กับเพื่อนมึงบ้างวะ”

“ก็อยากอยู่กับมึง”

“…”

“รับแอดกูด้วย”

มันยกโทรศัพท์ที่เปิดแอพเฟชบุ๊คค้างไว้ให้ผมดู ผมทำเหมือนไม่สนใจมัน แต่ทนไม่ได้กับท่าทางเหมือนลูกชายมันไม่ยอมบวชให้ รำคาญลูกตามากครับ เลยกดรับแอดมันไป

ดูแล้วมันคงไม่เลิกวุ่นวายแน่ๆ ถ้าไม่กดรับ



รับแอดแล้ว เย้ๆ กับ Mon Kung

เย้ๆ ห่าอะไรของมึงปัญญาอ่อนจริงๆ



เฮ้อ...เหนื่อยใจจริงๆครับไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไล่ก็แล้วด่าก็แล้ว เหลือแต่เอาน้ำร้อนมาสาดไม่รู้คนอย่างมันจะกลัวไหม



“กูมาทำงานมึงจะตามกูมาทำไม” อย่างที่บอกว่ามันแทบจะตามผมไปทุกที่ แม้แต่ตอนผมทำงานมันยังคอยมานั่งเฝ้า

“อะนี่” ผมหยิบผ้ากันเปื้อนของพนักงานเสิร์ฟส่งให้มัน อยากตามกูมาเองงั้นมึงก็ช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย มันรับไปแบบงงๆ

“ใส่ไม่เป็น ใส่ให้หน่อย” ผมว่านอกไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันแล้ว มันยังจะมาเป็นภาระผมอีก



‘แกนั้นภาคเดือนวิศวะ’

‘หล่อเนอะแก’

‘น่ากินจังเลย’

อื้อฮือความฮอทของมันนี่ทำให้สาวๆต่างวี้ดว้ายกันยกใหญ่ ตอนผมเสิร์ฟไม่เห็นวี้ดว้ายแบบนี้มั้ง น้อยใจชะมัด แต่ก็ช่างเถอะครับยังไงวันนี้ผมก็ไม่ต้องทำอะไรมาก มีหน้าที่แค่จัดออเดอร์ส่งให้มันเดินไปเสิร์ฟเท่านั้น



เฮ้ยเป็นไรอีกวะนั้น

ภาคมันยืนกวักมือเรียกผมให้เดินไปหา มันยืนอยู่ที่โต๊ะของลูกค้านักศึกษากลุ่มหนึ่งอยู่นาน

สุดท้ายมันก็เรียกให้ผทไปหามัน อย่าบอกนะว่ามันไปทำอาหารหกใส่ลูกค้า ไม่น่าเลยผมไม่น่าไว้ใจให้มันไปเสิร์ฟแทนงานนี้โดนหักเงินแน่ๆเลยครับ พี่แมนแกยิ่งเคร่งเรื่องการบริการลูกค้าด้วย

“เค้าขอเบอร์กู” ห๊ะ! อะไรนะเข้าขอเบอร์มึงแล้วมึงจะเรียกกูมาทำไม ทำกูใจหายหมดคิดว่าค่าแรงกูจะหายไปละ

“แล้ว?”

“กูบอกว่าต้องถามมึงก่อน”

“แล้วทำไมต้องถามกูด้วย”

“เดี๋ยวมึงหึงไง โอ๊ย!” ผมกระทืบเท้ามันไปเต็มแรง เรื่องกวนตีนนี้ที่สุดเลย

ผมหันหน้าไปมองลูกค้าที่หันมองหน้าเพื่อนตัวเองแบบงงๆ



จะทำอะไรก็เรื่องของเลยครับมาทำไมมันต้องมาบอกผมด้วย ก็เห็นปกติก็นัวสาวอยู่บ่อยๆ ที่งี้ทำมาเป็นบอกผม ยิ่งเห็นหน้าสาวๆตอนที่หันมามองหน้าผมกับมันเนี่ย เหมือนพวกเธอกำลังจะบอกว่า ‘โอเคฉันไม่ยุ่งกับคนของเธอแล้ว’ 

ผมล่ะไม่เข้าใจที่มันทำจริงเลยครับ



ตอนเลิกงานมันยังไม่วายลากผมมากินข้าวแถมให้ผมเลี้ยงอีก เหตุผลที่ว่าวันนี้ผมใช้มันทำงานเพราะฉะนั้นผมต้องจ่ายค่าจ้างมัน ผมอุตส่าห์โล่งใจแล้วว่ามันไม่ได้ทำอะไรหกใส่ลูกค้าให้ผมโดนหักเงิน กลับต้องมาเสียเงินเลี้ยงข้าวมันอีก 

“เอากะเพราหมูพิเศษไข่ดาว” แต่ยังดีครับที่มันไม่ลากผมไปกินร้านแพงๆ แต่กลับพามาร้านอาหารตามสั่งร้านประจำของผม มันยังจัดแจงสั่งของโปรดของผมมาให้ด้วย



“ตืด...ตืด...” เสียงแจ้งเตือนจากแอพในมือถือผมดังขึ้น

“มึงลบเลยนะ เดี๋ยวก็มีคนเข้าใจผิดอีกหรอก” ก็เสียงเตือนเมื่อกี้มาจากมันนั่นแหละครับ



‘มีคนใจดีเลี้ยงข้าวเย็น กับ Mon Kung’

ก็มันไม่ได้แท็กผมอย่างเดียวสิครับ มันเล่นลงรูปที่ผมกำลังดูดน้ำจากแก้วอยู่

เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก กว่าผมจะอธิบายเรื่องรูปตอนนั้นให้เพื่อน ที่ปกติเรียนด้วยกันตลอดแต่ก็ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ กลับเดินเข้ามาถามว่าผมกับภาคเป็นอะไรกัน และไม่ใช่แค่คนเดียวที่ถาม มีอีกหลายๆ คนที่ทั้งคุ้นและไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาถามผม

กว่าจะอธิบายให้พวกเธอๆ เข้าใจก็เล่นเอาเหนื่อย และผมก็ไม่อยากคอยมานั่งตอบพวกเธออีก

“เข้าใจผิดว่า?”

“ก็…”

“กูจะโพสต์รูปคนที่กูชอบผิดด้วยหรอ”

เออเอากับมันครับ เปิดโหมดอ้อนตีนเป็นที่เรียบร้อย ผมเพียงทำหน้าค้อนมันไปเท่านั้น

“กูลบให้ก็ได้”

มันเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวมากครับ จากอ้อนตีนก่อนหน้าเป็นดราม่าน้ำเน่าช่องเจ็ดทันที

ผมเริ่มคิดจริงๆ แล้วนะว่ามันเป็นไบโพล่า

“ไม่ต้องละ อยากทำอะไรก็เรื่องของมึง” มันเปลี่ยนมายิ้มอีกแล้วครับ แม่งเปลี่ยนอารมณ์อีกแล้ว ผมว่ามันต้องหาหมอบ้างแล้วแหละครับ เหมือนอาการมันจะหนักจริงๆ เปลี่ยนทุกๆ สิบวิ ผมเริ่มจะตามอารมณ์มันไม่ทันแล้ว

“ขี้อ่อยอีกแล้วนะมึง”

ผมไม่เข้าใจว่าที่ผมทำมันอ่อยตรงไหนเหรอครับ แค่ปล่อยมันอยากทำอะไรก็ทำ ขืนไปขัดใจมันเดี๋ยวไบโพล่ากำเริบอีก 

มันหันไปสนใจมือถือในมือมันต่อพิมพ์อะไรสักอยากยุกยิกๆ พิมพ์ไปยิ้มไป

อาการมันหนักจริงๆครับ

“ตืด...ตืด...”



‘เค้าบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ งั้นอีกรูปแล้วกัน กับ Mon Kung’

อีกแล้วครับมันแอบถ่ายรูปผมที่กำลังมองค้อนมันอยู่ ก็สงสัยอยู่ว่ามันยุกยิกอะไรกับมือถือนักหนา พอได้ทีมันแม่งเอาใหญ่เลยครับ





กว่าจะกินข้าวเสร็จก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มครึ่งก็มันเล่นโทรศัพท์ โพสต์แหย่ผมตลอดไม่ยอมกินข้าวมันสักที

ที่สำคัญมันชอบนั่งมองหน้าผมแล้วยิ้มอยู่คนเดียว



ผมได้เห็นมันในอีกมุม มันไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนที่จ้องจะจับผิดผม ไม่ว่าผมจะไปกับใครมันก็หาว่าผมไปขายให้คนนั้นคนนี้ ใช้ความรุนแรง พูดจาดูถูกผมเสมอ แต่ผมว่ามันก็แค่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้นแหละครับ ก็มันรวยขนาดนั้นคงถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ก็ไม่แปลกที่มันจะเอาแต่ใจ แต่กับอาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อันนั้นผมว่ามันกวนตีนล้วนๆ ครับ



“ม่อน มึงรู้แล้วใช่ไหมว่ากูกำลังจีบมึง”

“อื้อ” ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไร แต่มันทำขนาดนี้ถ้าไม่รู้ผมคงโง่มากๆ

“และกูก็รู้ว่าช้อปมันก็จีบมึงเหมือนกัน”

“…”

“ถึงกูจะเริ่มต้นกับมึงไม่ดีเท่าไร” มันยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือผม อีกข้างก็จับพวงมาลัยรถ

“…”

“แต่ต่อจากนี้กูจะทำให้มึงเชื่อในตัวกู ให้มึงรู้ว่ากูดูแลมึงได้ กูจะไม่มีวันทำร้ายมึงอีก”



“และกูจะทำให้มึงเห็นว่าคนอย่างกูก็ ‘รัก’ มึงไม่น้อยกว่าใคร”

ผมไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับสิ่งที่มันพูด แค่ระยะเวลาไม่นานที่ได้รู้จักมัน พร้อมกับเหตุการณ์ต่างที่โถมเข้ามาทั้งดีและร้าย ผมคงบอกไม่ได้ว่าจะเชื่อใจมันได้แค่ไหน แต่ถ้ามันบอกว่าจะทำให้ผมเห็น และที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมเห็นว่าจริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร

ผมเองก็จะคอยดูว่ามันจะทำได้อย่างที่มันพูดไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2018 08:06:10 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ภาค โหมดโหด ตอนนี้กลายเป็นภาคติ้งต้อง เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง ทนหน่อยนะม่อน ถ้าภาคหายไปแล้วจะเหงานะ ขอบอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ภาคน่ารักขึ้นจมเลย
จีบแล้วนะๆๆๆ
 :mew1:
ไลค์ด้วยบวกรัวๆ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เริ่มมุ้งมิ้งงงงกันเเล้ววว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 11




#พิสูจน์ใจ




Part

ภาค




“ม่อนวันนี้ไปร้านเหล้าหลังมอกัน”

“กูไปด้วย” ผมบอกนัททันทีที่เห็นม่อนพยักหน้ารับคำชวนนัท

ผมไม่ได้ห่วงเรื่องที่มันจะกินเหล้า เพราะดูแล้วมันน่าจะคอแข็งอยู่พอสมควร แต่กลัวว่ามันจะเป็นเหมือนวันนั้นอีก ผมเป็นห่วงมันทุกครั้งที่มันไปไหนมาไหน ยิ่งรู้ว่ามันต้องไปทำงานต้องกลับหอคนเดียว ผมเลยเลือกที่จะไปนั่งเฝ้ามันทำงานตอนเย็นทุกวัน

“ใครชวนมึง” ผมไม่สนใจคำพูดของนัทหันไปทำหน้าอ้อนไอ้ม่อน ที่นั่งทำหน้าเหมือนเอือมผมเต็มทน นี่คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง เดี๋ยวแม่ง...จุ๊บ สักทีดีไหมเนี่ย

“ช้อปไปด้วยใช่ไหม”

“ไปสิ ไปแน่ๆ” นัทมันหันไปถามช้อปแบบยิ้มๆ เหมือนจะสื่ออะไรกับไอ้ช้อปที่หันหน้ามามองเขม็นผม และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมจะตามม่อนไปเพราะรู้ว่าถ้าม่อนไป ไม่มีทางที่ไอ้ช้อปจะปฏิเสธแน่ๆ คะแนนมันยิ่งนำโด่งผมอยู่ ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยมันทำคะแนนนำผมไปมากกว่านี้แน่ ถึงเวลาของไอ้ภาคคนนี้จะทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาบ้าง

“ม่อนมึงขึ้นรถช้อปกับกูนะ” นัทมันคงไม่ชอบผมมากๆเลยครับ ดูจากการที่มันเชียร์ไอ้ช้อปแบบออกนอกหน้าซะขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกครับ เป็นใครๆ ก็ทำ มีเพื่อนคนไหนที่จะเชียร์ให้เพื่อนตัวเองไปคบกับคนที่คอยทำร้ายเพื่อนตัวเอง แต่ผมว่าดีซะอีกที่มีคนคอยเป็นห่วงม่อนมัน ถึงจะน้อยใจไปบ้างก็เถอะครับ สักวันผมจะทำให้ทั้งม่อนทั้งมันเห็นเองครับ

หน้าที่ผมตอนนี้คือการเป็นสารถีให้กับเพื่อนที่เหลือของม่อนครับ อาร์ม มีน เฟิร์นนั่งรถคันเดียวกับผม ส่วนม่อนกับนัทนั่งรถไอ้ช้อปมัน

ก่อนขึ้นรถมันยังหันหน้ามายิ้มเยาะเย้ยผมด้วย ฝากไว้ก่อนนะไอ้ช้อป

“ภาคชอบม่อนจริงๆ หรอ” มีนตั้งคำถามจากเบาะที่นั่งด้านหลัง

“อืม” ผมตอบไปสั้นๆ

“ชอบแล้วทำไมถึงต้องทำร้ายม่อนมันด้วย แค่ปกติมันก็ดูน่าสงสารมากแล้ว มันต้องแบกรับหลายอย่างไว้ มันเลือกที่จะทำอาชีพแบบนั้นทั้งที่พวกเราห้ามมันไว้ เพียงเพราะมันบอกว่าถ้าไม่ทำมันก็คงไม่ได้เรียน ไม่มีเงินส่งให้ครอบครัวมัน มันยอมทิ้งความสุขความสนุกของเด็กปีหนึ่งแบบเราไป เพียงต้องเดินหางานที่เขารับนักศึกษาอย่างมันทำงาน”

ผมกำพวงมาลัยรถแน่น ผมไม่รู้เลยว่าม่อนตั้งแบบรับอะไรไว้ขนาดนั้น ผมที่เห็นแก่ตัวอยากทำอะไรอยากได้อะไรก็ต้องได้ ผมเห็นแก่ตัวมาก ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ผมจะทำร้ายคนอื่นแบบนี้

“ภาครู้ไหมตอนที่ม่อนมันกลับมาวันนั้น มันเหมือนคนไม่มีสติ มันเหม่อเอาแต่มองออกนอกหน้าต่าง แล้วจู่ๆมันก็บอกว่าภาคทำร้ายมัน ตอนเราได้ยินตอนนั้นเราโกรธภาคมาก ไอ้นัทมันแทบจะวิ่งออกไปฆ่าภาคเลยด้วยซ้ำ”

มันคงเป็นเหตุผลที่ทำให้นัทไม่ชอบหน้าผม

“แต่ม่อนมันห้ามไว้ก่อน มันร้องไห้หนักมาก มันไม่โทษภาคเลยแต่มันโทษตัวเองที่เก็บปัญหาไว้คนเดียวจนเป็นแบบนั้น มันคอยห่วงแต่ความรู้สึกคนอื่นไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับปัญหาด้วย จนตอนนี้ที่ภาคเข้ามา คอยตามมันตลอด”

ผมนั่งนิ่งรอฟังว่ามีนจะพูดอะไรต่อ มือก็กำพวงมาลัยแน่นจนมือทั้งสองข้างชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ถ้าภาคไม่คิดจริงจังกับมันช่วยหยุดได้ไหม เราไม่อยากเห็นม่อนเสีย....”



‘เอี้ยด!’

ผมหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง เหยียบเบรกจนตัวกระแทกข้ากับพวงมาลัยเล็กน้อย ทำเอาคนในรถพุ่งกระแทกกับชิ้นส่วนรถเช่นกัน

“เรายอมรับว่าตอนนั้นเราโง่...โง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองจนเผลอทำร้ายคนที่เรารักไป เพียงแค่ไม่ชอบที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น พูดจาดูถูกทุกครั้ง เพียงแค่อยากคุยด้วยแต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร ในฐานะอะไร เราขอโทษที่ทำร้ายม่อน แต่วันนี้เรารู้ใจตัวเองแล้ว เราอยากจะไถ่โทษในสิ่งที่เราทำลงไป เราอย่างจะเป็นคนที่ดูแลม่อน ฉะนั้นไม่มีทางที่เราปล่อยม่อนไปอีก”

“เราดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ถ้าชอบม่อนจริงเราก็เอาใจช่วยแล้วกันนะ สู้ๆ”

มีนและเฟิร์นส่งยิ้มมาให้ผมทางกระจกหลัง ส่วนอาร์มยื่นมือมาแตะไหล่เบาๆ แบบให้กำลังใจ ผมรู้สึกขอบคุณเพื่อนๆ ของม่อนจริงๆ ที่เห็นว่าผมจริงจังและจริงใจกับม่อน ต่อจากนี้ไปคงเป็นหน้าที่ของผมที่จะพิสูจน์ให้เจ้าตัวได้รู้



“เอ้า!! …ชน”

จะเสียงใครละครับก็เสียงไอ้ม่อนที่ตอนนี้สภาพเมาเละมาก

“พอได้แล้วม่อนมึงเมามากแล้ว”

“ใช่ ม่อนเมามากแล้วพอเถอะนะ” ช้อปที่นั่งขนาบอีกฝั่งสงเสียงเห็นด้วย นี่เป็นครั้งแรกมั้งที่มันเห็นด้วยกับผม เพราะตั้งแต่มาถึงมันก็นั่งจ้องเขม็นผม พูดขัดผมแทบทุกประโยค

“ตุ๊บ!!” นั่นไงผมพูดยังไม่ทันขาดคำไอ้ตัวดีก็ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ผมวิ่งถลาไปรับมันพร้อมๆ กับไอ้ช้อป

“กูว่าไม่ไหวแล้ววะ พามันกลับเถอะ” ผมถามความคิดเห็น นัทเหมือนจะเห็นด้วยกับที่ผมพูด เดินเข้ามาประคองม่อนไว้

“ไม่ต้องม่อนเดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมยกแขนม่อนคล้องคอม่อนไว้แทนนัท

“ไม่ต้อง ม่อนมากับกูเดี๋ยวกูจัดการเอง” ช้อปเดินมาดึงตัวม่อนออกจากผม ไอ้ช้อปยกมือเตรียมคล้องคอม่อนแทนผม นัทยืนมองเหมือนเห็นด้วยกับช้อป

“มึงสองคนดูแลมีนกับเฟิร์นเถอะ ส่วนม่อนกูดูแลเอง” ผมพยักหน้าไปทางสองสาวที่เมาไม่ได้สติไม่ต่างจากม่อน

“พวกมึงสนิทกันกับมีนกกับเฟิร์น พวงมึงจะได้ดูแลง่ายๆ ไง ถ้าให้กูไปด้วยกูคงช่วยอะไรได้ไม่มาก แล้วถ้าให้ม่อนไปกับพวกมึงจะนั่งไปกันยังไงหมด” ผมยกเหตผลให้นัทฟัง แต่ดูเหมือนไอ้ช้อปมันจะไม่เห็นด้วย แต่มันก็ต้องยอมเพราะนัทมันเหมือนจะเห็นด้วยและขอให้ไอ้ช้อปช่วยดูแลสาวๆ

“มึงห้ามทำไรม่อนและรีบขับตามกูไปที่หอด้วย” ช้อปหันมาชี้หน้าคาดโทษผมอย่างเอาเรื่อง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับม่อน เพราะถ้ามันรู้คงไม่ปล่อยให้ม่อนมากับผมแน่

แล้วนี่มึงยืนเฉยๆ ไม่ได้หรือไงวะม่อน



“อ้วก!!!” ความฉิบหายมาเยือนเรียบร้อยครับ ไอ้ตัวดีมันอ้วกใส่รถผมแถมยังเลอะเต็มตัวมันอีก เอาไงดีละครับทีนี้

“กูจะพาม่อนไปคอนโดกูนะ ดูท่ามันไม่ไหวแล้ว แม่งอ้วกใส่รถกูแถมเลอะเต็มตัวอีก” ผมโทรหานัท เสียงมันหอบเหมือนกำลังลากอะไรสักอย่าง ซึ่งน่าจะเป็นสองสาวที่สภาพคงไม่ต่างกับคนข้างๆ ผมตอนนี้แน่ๆ

“ไม่ได้!!” ไม่ใช่เสียงนัทแต่เป็นเสียงของไอ้ช้อปดังมาไม่ไกล เสียงหอบไม่ต่างกับนัท

“มึงดูเฟิร์นไปเดี๋ยวกูจัดการเอง อาร์มรับไอ้มีนที” เสียงมันขอความช่วยเหลือจากอาร์ม

“มึงสัญญา ไม่สิสาบานกับกูก่อนว่าจะไม่ทำไรมัน” นัทบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงมึงไม่บอกให้กูสาบานกูก็ไม่ทำอยู่แล้ว กูไม่มีทางทำแบบนั้นกับมันอีกแน่

“กูสาบาน” ผมตอบด้วยเสียงหนักแน่น



“มึงอยู่เฉยๆ ดิวะม่อน กูจะเช็ดตัวให้” ผมจับมันถอดเสื้อผ้าที่เลอะอ้วกออก กว่าจะถอดเสร็จเล่นเอาเหนื่อยเลยครับ ก็มันยอมอยู่เฉยๆ ซะที่ไหนละ ดิ้นซะขนาดนั้น

ผมนั่งเช็ดตัวให้มันสักพัก หาเสื้อกับบ๊อกเซอร์ของผมให้มันใส่ ตอนนี้มันสิ้นฤทธิ์แล้วครับ น้อยหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผม

“หน้าตาก็งั้นๆ ตอนเมาก็เมาเหมือนหมา แล้วกูมาหลงเสน่ห์มึงได้ไงเนี่ย” ผมก้มหน้าลงไปใกล้มันกะว่าจะแอบหอมแก้มันสักครั้ง แต่ก็ต้องดึงกลับเพราะถ้าผมทำแบบนั้นก็ถือว่าผมฉวยโอกาสกับมัน

“กูจะรอวันที่มึงเชื่อใจกูนะ” ผมเปลี่ยนเป็นยกมือไปลูบที่หัวมันเบาๆ ก่อนดึงผ้าห่มกับหมอนที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าลงไปนอนที่พื้นข้างๆ เตียง ถ้ามันเห็นว่าผมนอนบนเตียงเดียวกันมีหวังเป็นเรื่องแน่ๆ





Part

ม่อน



“โอ๊ย!!! ปวดหัวชะมัด” ผมลืมตาขึ้นมานั่งกุมหัวเพราะอาการปวด

ทำไมห้องกว้างจังเลยวะ

ผมหันหน้ามองซ้ายมองขวา ขยี้ตาพยายามสะบัดความง่วงออกไป

‘ห้องไอ้ภาค’ ใช่ครับห้องไอ้ภาค ผมจำบรรยากาศในห้องได้ถึงแม้จะเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก็ครั้งที่ตอนผมเอาตัวไปขายให้มันนั่นแหละครับ

ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นแต่หวังว่ามันคงไม่ทำอะไรผมเหมือนที่มันพูดไว้

“เฮือก” ความเจ็บบริเวณบั้นท้ายของผม ผมรู้ว่าอาการเจ็บแบบนี้มันเกิดจากอะไร ถึงแม้จะไม่เจ็บมากเหมือนครั้งก่อนๆก็ตาม

สิ่งที่ผมคิดก่อนหน้านี้ ผมอุตส่าห์เชื่อใจว่ามันจะไม่ทำกับผมอีก แต่ตอนนี้มันกลับทำลายความเชื่อใจที่ผมเริ่มมีให้กับมันลงไป

น้ำตาผมเริ่มเอ่อและไหลลงเต็มสองข้างแก้ม

ผมพยายามคลานลากตัวเองลงจากเตียง ผมอยากหนีไปจากตรงนี้ ผมเดินออกมาจากห้องนอนมันด้วยอาการปวดหัวและเจ็บที่ก้น หันมองรอบตัวเพราะกลัวว่ามันจะออกมาเห็น เดินมุ่งหน้าตรงไปที่ประตู

“ตื่นแล้วหรอมึง” มันเดินยิ้มมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวคาดอยู่ที่เอว มึงยังมีหน้ามายิ้มอีกไอ้สารเลว

“มึงร้องไห้ทำไม” ผมพุ่งตัวไปเตรียมจะหมุนลูกบิดเปิดประตู แต่ไม่ทันกับความเร็วของมัน มันโถมตัวเข้ามาโอบผมจากด้านหลัง

“มึงทำแบบนี้ทำไม ไหนว่ามึงบอกกับกูว่าจะไม่ทำร้ายกูอีก” ผมพูดไปก็สะอื้นไป พยายามดิ้นสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของมัน

“มึงมันเลว มึงจะทำร้ายกูไปถึงไหน กูเปิดใจที่จะลองเชื่อมึงดู มึงทำแบบนี้ทำไม ฮึก..ฮึกๆ ๆ ๆ” มันไม่พูดอะไรเพียงยืนกอดผมไว้อยู่อย่างนั้น

“มึงพูดจบยัง” มันพูดอะไรของมันทำกับผมขนาดนี้แล้วมาพูดกับผมแค่นี้หรอ

มันคลายมือที่กอดผมอยู่เลื่อนมือมาจับที่ไหล่หันตัวผมให้หันหน้าเข้าหามัน

“มึงคิดอะไรอยู่ ไหนบอกกูมาซิ” มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นเช็ดน้ำตาให้ แต่ผมปัดมือและเบี่ยงหน้าหลบมัน

“มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่ามึงทำอะไร”

“กูทำอะไร?” มันขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย

“อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่ากู...งั้นมึงยืนรออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน” มันปล่อยมือจากผม ชี้นิ้วสั่งห้ามไม่ให้ผมหนีไปไหน

ใจหนึ่งผมก็อยากจะหนีออกไป แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร เพราะถ้ามันทำผมก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

มันเดินกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ

“อะ...มึงอยากรู้อะไรก็โทรถามไอ้นัทมัน” มันยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ผม ผมกดเบอร์โทรหาไอ้นัททันที

นัทดูเหมือนจะตกใจกับน้ำเสียงของผมที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ



‘มึงเมาแล้วล้ม’

มันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พร้อมกับสาเหตุของอาการเจ็บบริเวณบั้นท้ายของผม

นี้กูเมาจนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรเลยหรอเนี่ย แล้วที่กูดราม่าไปเมื่อกี้นี้ล่ะ

ผมก้มหน้ามุดคอทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี่รู้สึกว่าอายสัสๆ ครับ ยื่นมือถึงส่งกลับให้ภาคมันแบบไม่มองหน้า ใครจะกล้ามองละครับ โอ๊ย!! อายโว้ย

มันไม่รับมือถือคืน แต่กลับดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ผมไม่รู้จะทำยังไงทำได้เพียงซุกหน้าไปกับไหล่มันแก้เขินไปเท่านั้น

“รู้รึยังละว่ากูไม่ได้ทำอะไรมึง กูอุตส่าห์ยอมลงมานอนกับพื้น เพราะกูรู้ว่าถ้ามึงตื่นมาเจอว่าได้เป็นเรื่องแน่ มึงนี่นอกจากจะขี้อ่อยแล้วยังขี้มโนอีกนะ” มันดันตัวผมออกพยายามสบสายตากับผมที่กำลังพยายามหลบสายตามันเหมือนกัน

มันยกมือช้อนคางผมให้สบตากับมัน

“ถึงมึงจะยังไม่เชื่อใจ”



"แต่ขอบคุณนะที่ยอมเปิดใจให้กู”



ฝากติดตาม เม้นติชมให้กำลังใจกันได้นะครับ

 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2018 08:10:24 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ภาคโหมดขี้อ่อย :-[

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ช่วงนี่ของดอัพนี่ยายซักสองสามวันนะครับ เพราะตอนที่ผ่านมาคำผิดเยอะมาก ขอเวลาไปแก้ก่อนเสร็จแล้วจะมาอัพต่อแน่นอนครับ


 :monkeysad: :sad11: :hao5:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า อ่านเจอผิดเยอะเหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วนึกถึงเรื่องเป็นหลักเลยไม่ค่อยหงุดหงิดในการอ่าน ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่าน
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :กอด1:รอภาคกับม่อนได้ค่ะหลังจากนักเขียนตรวจแก้คำผิดแล้วนานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า อ่านเจอผิดเยอะเหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วนึกถึงเรื่องเป็นหลักเลยไม่ค่อยหงุดหงิดในการอ่าน ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่าน
 :L2: :L2:


มาก่อนกำหนดครับ ตอนแรกคิดว่าจะปรับแก้เนื้อหาด้วยบางส่วน แต่คิดดูอีกที่แก้คำผิดไปก่อน เนื้อหาเดี๋ยวรอเขียนเสร็จอีกที่

และก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ ตอนต่อๆคำผิดน่าจะน้อยลงแล้วครับ




ตอนที่ 12



#ไม่รู้





“เป็นไง มันทำไรมึงไหม”

นัทถามทันทีที่เห็นผมเข้ามาในห้อง

“มึงไม่ต้องมาพูดเลยนะ ปล่อยกูไปกับมันแบบนั้นได้ยังไง” ผมยกนิ้วชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง

“แล้วมึงช่วยพวกกูลากไอ้มีนกับเฟิร์นกลับห้องได้ไหม สภาพเหมือนหมาขนาดนั้น ได้ยินว่าอ้วกใส่รถภาคมันอีก” แต่มึงก็ไม่ควรปล่อยกูไปแบบนั้นไหม

“แล้วมึงมั่นใจยังไงถึงปล่อยกูไปกับมันได้”

“มันไม่ทำไรมึงหรอก กูมั่นใจ” มันหันหน้ามายิ้มให้อีกครั้ง ก่อนหันไปจมอยู่กับเกมสุดรักของมันต่อ



หลังจากที่ผมโว้ยวายร้องไห้เพราะอาการเจ็บก้น ตลอดทางที่ภาคมันขับรถมาส่งผมที่หอ ผมไม่กล้าจะมองหน้ามันเลยครับ หลบสายตามันทุกครั้ง อายครับ อายมากๆ ทุกครั้งที่มากินเหล้าก็ไม่เคยเมาแบบนี้สักที แต่วันนั้นเห็นเพื่อนไปเยอะเลยคิดว่าอยากปลดปล่อยสักหน่อย ถ้าเมานัทมันคงลากผมกลับหอได้ แต่ใครจะคิดละว่าแม่สองสาวจะเมาเละเหมือนผมขนาดนั้น

ยังดีที่ภาคมันยังรักษาคำพูดของมัน

ให้เกียรติคนอื่นก็เป็นหรอมึง เห็นดูถูกกูจังเลย แล้วนี่กูจะยิ้มทำไมวะแม่ง

“มึงจะหลบกูทำไม” มันเดินมาจับแขนผมไว้ ขมวดคิ้วมองหน้า ผมได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตามัน

“ไอ้สัส!!! กูก็อายเป็นเหมือนกันนะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปด่ามัน

“ฮาๆ ๆ อายเรื่องอะไร เรื่องเมื่อคืนหรอ?” มันยกมือทั้งสองข้างประกบหน้าผมไว้ จับให้หันไปสบตากับมัน มันยิ้มและมองผมอยู่อย่างนั้น

‘ดิ้นสิ ดิ้นสิวะไอ้ม่อน มึงจะมายืนจ้องตากับมันทำไม’ ผมพูดกับตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ตัวเองถึงยืนจ้องหน้ากับมัน แต่ไม่ยอมสะบัดหนีเหมือนอย่างที่เคย

ไม่รู้เพราะด้วยสายตาที่มันมองผม สายตาที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก มันอ่อนโยน จนทำให้อยากมองอยู่อย่างนั้น

“หลงเสน่ห์กูแล้วละสิ จ้องตาไม่กะพริบแบบนั้น” ผมได้สติสะบัดหน้าออกจากมือของมัน เดินก้มหน้าหนีมันออกมา

หลงเสน่ห์กับผีนะสิ มึงมันน่าหลงตรงไหนวะ แค่หล่อ สูง ขาว บ้านรวย ยิ้มละลายใจแบบนั้นอีก เออ...ก็คงน่าหลงแบบที่มันบอกแหละครับ แต่มันก็ใช้ได้แค่กับคนอื่นเท่านั้น ไม่ใช่กับผม

‘หรอกมั้ง?’



“มึงยังไม่สร่างเมาอีกหรอวะม่อน หูถึงแดงขนาดนั้น” มีนทักผมที่กำลังนั่งลงที่ว่างของโต๊ะ

มึงอย่าทำมาเป็นพูดดีมีน ได้ข่าวว่าเมื่อคืนสภาพมึงก็ไม่ต่างจากกูสักเท่าไร

แล้วหูแดงอะไร ผมว่าผมสร่างเมาแล้วนะ แล้วเมื่อเช้าหูผมมันก็ยังปกติดี เฮ้อ...เพราะอากาศร้อนแน่ๆ



“เมื่อคืนภาคมันทำอะไรม่อนไหม” ช้อปที่นั่งอยู่ข้าง สีหน้าที่ดูจริงจังถามขึ้น

“เออ...ไม่มี มันไม่ได้ทำไรเราหรอก อย่าคิดมาก” ผมพูดไป หันไปสบตากับนัทที่กลั้นหัวเราะแทบจะไม่ได้อยู่

ไม่อยากให้มันพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นไป เดี๋ยวโดนพวกแม่งล้ออีก ตอนเช้าก็โดนนัทมันล้อมาตลอดทาง

“หนีมาไม่คอยกูเลยนะ” มันตามมาแล้วครับ พร้อมกับสายตาช้อปที่หันไปมองเขม็นมัน

“กูรู้แล้วว่ามันไม่ได้เมาเหล้าหรอก มันเมา....” นัทหันมองหน้าผมสลับกับภาคแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เมาอะไรของมึงพูดให้จบสิวะ” ผมถามมันออกไปเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าผมเมาอะไร เมาแดดหรอ? สงสัยจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ

“อ๋อ….” ทั้งไอ้อาร์ม มีน เฟิร์น ร้องอ๋อออกมาพร้อมกันเหมือนเข้าใจที่นัทพูด มีแต่ผมเท่านั้นที่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันหมายความว่ายังไง

แล้วทำไมช้อปถึงมองไอ้ภาคมันแบบนั้นล่ะ ผมหันไปคุยกับช้อปหวังว่าจะดึงความสนใจออกออกจากไอ้ภาค เพราะดูเหมือนช้อปพร้อมที่จะพุ่งไปซัดมันได้ทุกเมื่อ แต่ไอ้เจ้าตัวมันเหมือนจะไม่สนใจช้อปสักเท่าไร แถมยิ้มหน้าบานแบบนั้นอีก

เออเอาเข้าไปครับ นี้เป็นอะไรกันหมด ทำไมเหมือนผมไม่เข้าใจอยู่คนเดียว



“น้องชื่อไรครับ” เสียงลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งในโต๊ะที่ผมเดินมาเสิร์ฟน้ำปั่นและเค้กทักขึ้น

“คะ...ครับ”

“พี่ถามว่าน้องชื่อไร” เขาย้ำคำถามอีกครั้งหนึ่ง

“ชื่อม่อนครับ ต้องการอะไรเพิ่มเรียกได้เลยนะครับ” ผมพูดตัดบทก่อนที่อีกคนจะพูดอะไรต่อ เดินตรงมาที่เค้าเตอร์ ที่มีขาประจำของร้านนั่งอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ภาคไงจะใครละ

เป็นอีกวันหรือจะเรียกว่าทุกวันที่มันมานั่งเฝ้าผมทำงานแบบนี้ จนมันกลายเป็นลูกค้าประจำ แถมยังสนิทกับพี่แมนผู้จัดการร้านเป็นอย่างดี ก็วันดีคืนดีพี่แมนแกก็จะขอให้ไอ้ภาคมาช่วยเรียกลูกค้าให้ มันก็ไม่ปฏิเสธนะครับ มันบอกว่าดีกว่าอยู่เฉยๆ แถมได้ช่วยผมทำงานด้วย และที่สำคัญผมได้เงินค่าแรงเพิ่ม เพราะมันไม่ยอมรับค่าแรงจากพี่แมน พี่แมนแกเลยรวบยอดเพิ่มค่าแรงให้กับผมแทน

“มีอะไรรึเปล่า” มันขมวดคิ้วถามผม

“เปล่าไม่มีอะไร” ก็จะให้ผมบอกว่ามีอะไรได้ยังไง ก็แค่ลูกค้าถามชื่อเท่านั้น เพราะปกติลูกค้าหลายคนก็มักจะถามอยู่เสมอ

“ม่อนโต๊ะสิบ” ผมเดินถือเค้กอีกจานเดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะเดิน ด้วยพี่แมนบอกเหตุผลว่าโต๊ะนั้นรีเควสพนักงานเสิร์ฟว่าต้องเป็นผม

“เมื่อกี้พี่ยังพูดไม่จบรีบกลับไปไหน” ลูกค้านักศึกษาคนเดิม ถามขณะที่ผมกำลังก้มลงไปวางจานเค้กลงที่โต๊ะ

“เออ...พอดีลูกค้าเยอะ ผมต้องไปดูแลลูกค้าครับ” ผมตอบแบบปัดๆ ไป เตรียมหันหลังเดินกลับไปที่เค้าเตอร์

‘หมับ’ เขาคว้าเขาที่แขนผม พยายามรั้งผมไม่ให้เดินกลับ

“พี่มีอีกคำถามเดียว น้องมีแฟน...โอ๊ย!!!” ยังไม่ที่เข้าจะพูดจบ ข้อมือของเขาก็ถูกมือของไอ้ภาคจับไว้ ผมว่ามันไม่ใช่การจับแบบธรรมดาแน่ เพราะดูสีหน้าที่แสดงออกว่าเจ็บ กับมือของไอ้ภาคที่ตอนนี้ปูดเต็มไปด้วยเส้นเลือด

ผมลากภาคออกมาทันที ลากมันให้มานั่งที่นั่งข้างๆเค้าเตอร์ของมัน

“มึงทำอะไรของมึง” ผมถามมันที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังโกรธจัด

“มึงไม่เห็นหรอว่ามันกำลังทำอะไร” มันขึ้นเสียงตะคอกใส่หน้าผม

“เขาทำอะไร เขาแค่คุยกับกูเฉยๆ” ผมตอบไปตามตรงก็แค่ลูกค้าชวนคุยเท่านั้น

ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบท่าทีของเขาสักเท่าไร แต่มันก็ดูไม่เสียหายอะไรนี่ครับ เพราะหน้าที่ของผมคือดูแลลูกค้า

“มึงไม่คิดว่ากูเป็นห่วงมึงบ้างหรอ” เสียงมันเบาลงจ้องหน้าผม

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบมันว่าอะไร รู้เพียงว่าต้องรีบกลับไปขอโทษลูกค้าคนนั้นก่อน เพราะถ้าปล่อยให้ลูกค้าไม่พอใจแบบนี้ผมโดนไล่ออกแน่ๆ

ผมหันหน้าเตรียมเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อขอโทษลูกค้า

“เมื่อกี้พี่ขอโทษนะ” ผมยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกจากเค้าเตอร์ ลูกค้าคนเมื่อกี้ก็เดินเข้ามามาบอกขอโทษผม

“เออ...ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทน....”

“พี่เข้าใจ พี่ก็เคยเป็น ถ้าใครมาจับมือแฟนพี่ พี่ก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน” แทนที่เขาจะหันหน้ามาคุยกับ เขากลับหันหน้าไปหาไอ้ภาค พร้อมยกมือตบที่ไหล่มันเบาๆ ด้วย

เดี๋ยวเมื่อกี้เขาหมายความว่าไง ใครเป็นแฟนกับใคร แล้วเข้าหมายความว่ายังไงที่บอกว่าเป็นใครๆก็ทำ

ผมปล่อยประเด็นหลังไปก่อน ขอแก้ตัวเรื่องเป็นแฟนกับภาคมันก่อน

“ผมไม่ได้เป็น....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยคำแก้ตัวเขาก็เดินหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม

เฮ้อ...เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ผมจะทำไงละที่นี่

ผมหันหน้ากลับมาเพื่อจะเคลียกับอีกคน แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ภาคมันก็เปิดประตูเดินออกจากร้านไป

ผมได้แต่มองตามหลังของมันไป ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ครับ เพราะไม่รู้ว่ามันเดินหนีผมเพราะอะไร ถ้าเพราะเรื่องเมื่อกี้ผมก็ไม่ได้ผิดอะไรนิครับ แล้วทำไมมันถึงต้องโกรธผมด้วย

ผมมองตามมันจนสายตาสบกับลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง เขาพยักหน้าเหมือนว่าให้ผมเดินตามมันออกไป ผมหันไปขออนุญาตพี่แมนที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังร้าน พี่แกดูงงๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงพยักหน้าให้เท่านั้น

ผมเดินตามมันออกมา ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าตามมันออกมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ของเคลียให้มันเข้าสักหน่อยครับว่ามันเป็นอะไร

ผมวิ่งไปดึงแขนมันไว้เพราะดูเหมือนว่ามันกำลังขึ้นรถเตรียมขับออกไป ผมจับแขนมันไว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆครับ ก็อย่างที่บอกว่าผมก็ไม่ได้ผิดทำอะไรสักหน่อย

มันยืนนิ่งไม่หันมามองผมเช่นกัน

“มึงไม่มีอะไรจะพูดแล้วตามกูมาทำไม” มันถามหลังจากที่เรายืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้นสักพัก

“จะให้กูพูดอะไร ก็กูไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ตลอดที่ผ่านมามึงคงไม่รู้สึกอะไรกับกู ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่กูทำให้มึง” ผมรู้ว่าที่มันทำกับผม ทั้งคอยมานั่งเฝ้า คอยไปรับไปส่งผมทุกวันว่ามันต้องการอะไรจากผม แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยว อะไรกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

“มึงคงเกลียดกูจริงๆสินะ ต่อไปมึงก็ไม่ต้องทนเห็นหน้ากูอีกแล้วนะ” มันดึงมือผมออก เปิดประตูรถขับออกไปทันที

ผมยังยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทำไม ทำไมถึงรู้สึกว่าตอนนี้ใจมันหวิวๆ เหมือนว่าหัวใจมันลีบเล็กลงจนเหมือนว่ามันไม่สามารถสูบฉีดเลือดให้ไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอได้ เหมือนว่ามีก้อนหินหนักๆ กำลังทับอยู่ตรงหน้าอก ผมเป็นอะไรกันแน่

ผมเดินกลับเข้ามาในร้าน นั่งซบลงที่เค้าเตอร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเป็นอะไร รู้สึกแค่ว่าไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่าอยากนั่งอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เท่านั้น

‘หมับ’

เหมือนมีมือใครสักคนแตะลงที่ไหล่ผม คิดว่าน่าจะเป็นพี่แมนเรียกให้เอาอาหารไปเสิร์ฟลูกค้าแน่ๆ ใช่สิตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานั่งอยู่ตรงนี้ หน้าที่ของผมตอนนี้คือดูแลลูกค้า

ผมลูกขึ้นหันหลังเตรียมจะเดินไปรับออเดอร์ไปเสิร์ฟลูกค้า

‘ไม่ใช่พี่แมนหนิ’

ไม่ใช่พี่แมนครับ คนที่แตะไหล่ผมเมื่อกี้ไม่ใช่พี่แมน แต่เป็นลูกค้าคนเมื่อกี้ที่ยืนยิ้มให้กับผม

“พี่ขอโทษนะ เมื่อกี้ทะเลาะกันเพราะพี่รึเปล่า”

“ปะ...เปล่าครับ”

“เปล่าแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น”

“คือผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร เออ...เพื่อนผมคนเมื่อกี้นะครับ” ผมถามออกไปเพราะดูว่าเขาเข้ามาไม่เหมือนกับก่อนหน้า

“อ่าวไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ พี่ก็นึกว่าเป็นแฟนกัน เห็นหวงซะขนาดนั้น”

“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ เป็นเพื่อนกัน”

“เป็นเพื่อนกันแล้วทำไมถึงทำหน้าเป็นคนอกหักแบบนี้หละ”

“ไม่ใช่สักหน่อยครับ เพียงแต่ว่า....” ผมมองหน้าเขาสักพัก ก่อนเขาจะพยักหน้าบอกให้ผมพูด

“คือผมไม่เข้าใจว่ามันโกรธอะไรผม อยู่ดีๆ ก็เดินหนีออกไป แถมบอกว่าจะไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีก”

“แล้วเราคิดยังไงกับเขา”

“ก็ไม่ได้คิดอะไรหนิครับ”

“จริงหรอ? ถ้าไม่คิดอะไรคงไม่มานั่งทำเหมือนคนอกหักแบบนี้หรอก รู้ไหมว่าที่เขาทำเพราะเขาเป็นห่วงเรา เวลาเราชอบใครเป็นอะไรสักหน่อยเราก็เป็นห่วง ยิ่งเวลาเห็นคนอื่นมายุ่งกับคนของเราอีก ถ้าน้องไม่ดึงเขาออกไปเขาคงต่อยพี่น่วมไปแล้ว”

ผมนั่งคิดตามคำพูดของเขาไป

ที่มันทำเพราะห่วงผม แต่ทำไมมันต้องห่วงผมขนาดนั้น ผมก็ผู้ชายเหมือนกันนะ แต่วันนั้นวันที่ผมโดนไอ้พวกสารเลวนั้นลากไป ผมก็ผู้ชายนิ แต่ก็ยังเกือบโดนทำแบบนั้น

“มันเป็นห่วงผมขนาดนั้นเลยหรอ”

“พี่ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรกับเรา ถึงทำให้เขาต้องเป็นห่วงขนาดนี้ แต่ตอนนี้พี่เป็นห่วงเขามากกว่า เขาแสดงออกให้เห็นขนาดนั้น แต่ก็ยังมีคนซื่อบื้อไม่รับรู้อะไร มานั่งเหมือนคนไม่มีวิญญาณแบบนี้”

“ผมหรอ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“เฮ้อ...เป็นพี่ๆ ก็ท้อ ท้อกับคนไม่รู้ใจตัวเองสักที” เขาไม่พูดอะไรต่อยกมือขึ้นยีหัวผม ยิ้มให้ก่อนเดินออกไป ก่อนออกจากร้านยังไม่วายหันมาตะโกนบอกผมอีกว่าให้รู้ใจตัวเองสักที



‘รู้ใจตัวเอง’

ผมล้มลงนอนมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาก่ายหน้าผาก นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ พลางนึกถึงเรื่องที่พี่คนนั้นพูด



‘ต่อไปมึงก็ไม่ต้องทนเห็นหน้ากูอีกแล้วนะ’

ทำไมผมถึงรู้สึกใจหายกับประโยคนี้ของมันด้วย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2018 08:23:56 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งอนของแท้แน่นอน งอนจริงจัง งอนง้อยากด้วย :hao5:

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
น้องงงง ถ้าจะช้าขนาดนี้ ตามใจตัวเองทันมั้ยน่ะ5555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ภาค เป็นพระเอกนะ อย่าสะบัดสะบิ้งอย่างนั้นดิ ดูไม่งาม
ม่อนรีบไปง้อ เลยนะ อย่าปล่อยให้น้อยใจมากๆ ดูไม่ดี อิอิ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด