ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)  (อ่าน 27412 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ปล.ฝากใส่วันที่ที่อัพตอนล่าสุดบนหัวเรื่องให้ด้วยทุกครั้งนะครับ จะได้เข้ามาอ่านได้ถูกครับ :hao5:

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ปล.ฝากใส่วันที่ที่อัพตอนล่าสุดบนหัวเรื่องให้ด้วยทุกครั้งนะครับ จะได้เข้ามาอ่านได้ถูกครับ :hao5:


*ได้เลยครับ แต่ภาคสองต้องรออีกสักหน่อยนะครับเพราะกำลังเขียนอีกเรื่องหนึ่งอยู่ ถ้าเริ่มเขียนเดี๋ยวมาแจ้งให้ครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
มีข่าวมาแจ้งให้ทุกคนทราบครับหลังจาก ที่หายไปเขียนเรื่องอื่นอยู่นานตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไปผมจะเริ่มกลับมาเขียนนิยายเรื่องนี้ต่อ ใครที่คิดถึงภาคกับม่อนรอได้เลยนะครับ 

แอบสปอยนิดหนึ่งว่ามีดราม่าอีกแน่นอน

*ฝากกดติดตามเพจของผมไว้ด้วยนะครับ 

https://www.facebook.com/นิยาย-By-TonyYuki-294866387783614/?modal=admin_todo_tour

และก็ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆของผมด้วยนะครับ

Knocked Out ช่วยที!!!...กูโดนยิงดาวน์ #ช้อปมิกซ์

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68077.0

ผมเนี่ยนะ!!!...เป็นองครักษ์ขององค์ชาย

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68338.0

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 37

#เหนื่อยใจกับมึงจริงๆ


กลับมาแล้วตามคำสัญญา อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจไรต์ด้วยนะครับ


หลังจากที่ผมกับมิกซ์ทำเซอร์ไพรซ์พ่อกับแม่ด้วยการเปิดตัวแฟนที่เป็นผู้ชายพร้อมๆ กัน ดูทั้งสองคนจะตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือกีดกัน กลับเอ็นดูภาคกับช้อปเหมือนกับได้ลูกชายเพิ่มมาอีกสองคน

คงเพราะสองคนนั้นรู้จักประประแจงพ่อกับแม่ผมละมั้งครับ ไอ้ภาคนี่เข้าทางแม่ผมทั้งช่วยทำกับข้าวถึงแม้จะเก้ๆ กังๆ ก็เถอะแต่ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจแม่ผมมาก ส่วนช้อปคนนั้นเข้าทางพ่อและดูเหมือนพ่อจะชอบแฟนลูกชายคนเล็กมาก ก็ทั้งเรียนเก่งทั้งรวยแถมยังหล่ออีกต่างหาก ต่างกับภาคที่กลัวพ่อผมเอามากๆ เห็นหน้าทีไรต้องหดคอทำหน้าหงอยตลอด เห็นแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้

วันนี้ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับมหาลัยกันแล้ว เราสี่คนช่วยกันหิ้วของฝากที่พ่อกับแม่เตรียมไว้ให้ใส่หลังรถ ผมกับมิกซ์เข้าไปกอดและรับพรจากพ่อกับแม่รวมถึงรับคำสั่งว่าให้ดูแลน้องชายตัวดีไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เรื่องนั้นคงต้องให้ช้อปเป็นคนจัดการแทนแล้วล่ะครับ จากเสือมิกซ์จะกลายเป็นแค่ลูกแมวเหมียวทันทีเมื่อมันอยู่ในมือช้อป

“แม่ฝากสองคนนี้ด้วยนะ” แม่หันไปพูดกับลูกชายคนใหม่ของบ้านที่ยืนรออยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนตกปากรับคำเป็นอย่างดี

หลังจากที่ร่ำลาพ่อกับแม่รถหรูของช้อปก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศในทันที

“ม่อน มึงว่ากูซื้ออันนี้ดีไหม” ภาคยื่นโทรศัพท์ที่เปิดแค็ตตาล็อกของเล่นกามของมันให้ผมดู มันนี่หื่นไม่เลือกที่จริงๆ เงินค่าแรงที่มันทำงานจะพอค่าเทอมรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ยังมีหน้าสั่งของแบบนี้มาอีก ผมว่ากลับไปถึงห้องคงต้องคุยเรื่องนี้กับมมันหน่อยแล้ว





ผมนั่งมองวิวสองข้างทางที่กำลังเปลี่ยนจากต้นไม้สีเขียวเป็นตึกสูง ผมนั่งหลับเกือบสามชั่วโมงโดยมีไหล่ของคนข้างคอยเป็นหมอนให้ตลอดทาง

“เมื่อยแล้วทำไมไม่ปลุกกู”

“แค่นี้เอง ไม่เมื่อยหรอก” ถึงมันจะตอบแบบนั้นแต่ผมแอบเห็นมันขยับไหล่ตัวเองอยู่หลายครั้ง

“มานี่ เดี๋ยวกูนวดให้” ผมช่วยบีบคลายความเมื่อยให้

“ขอบคุณนะครับ” มันยิ้มกว้างตอบกลับมา



การจราจรในกรุงเทพฯ ยังคงติดขัดอย่างต่อเนื่อง เราติดอยู่บนถนนหลักกว่าจะเข้ามาถึงตัวมหาลัยก็ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง

ช้อปขับรถมาส่งเราสองคนที่คอนโด หลังจากนี้ผมคงต้องหอบข้าวหอบของมาอยู่กับภาคอย่างเป็นทางการเพราะห้องที่เคยอยู่ได้ตกเป็นของมิกซ์ไปเรียบร้อย

ส่วนเรื่องไอ้นัทรูมเมทของผมนั้นคงไม่ต้องเป็นห่วง มันสนิทกับน้องชายมากกว่าตัวผมที่เป็นรูวิดีโอเมทมันซะอีก ก็ดีแล้วละครับนัทมันจะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาคอยดูไอ้น้องตัวแสบของผมอีกทาง

ผมหอบข้าวของที่พ่อกับแม่ให้ขึ้นมาบนห้อง อย่างที่ผมเคยบอกผมต้องคุยกับภาคเรื่องการใช้เงินของมัน หลังจาที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยผมก็เรียกมันมาคุยทันที

“ภาคมานี่หน่อย” ผมตบโซฟาเรียกอีกคน

“มีอะไรรึเปล่า” มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“กูคำนวณดูแล้ว เงินที่มึงทำงานคงไม่พอจ่ายค่าเทอม”

“อื้ม กูรู้แล้ว”

“มึงเอาของกูออกก่อนก็ได้นะ” ผมพอมีเงินเก็บเหลืออยู่บ้างคงพอช่วยมันจ่ายของเทอมนี้ได้

“เฮ้ย...ไม่เป็นไร”

“แล้วมึงจะเอาเงินที่ไหนจ่าย”

“ไม่ต้องห่วงกูคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว” สีหน้ามันดูมั่นใจมากแต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดห่วงไม่ได้

เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะเปิดเทอมแล้ว ค่าเทอมมันก็ยังขาดอีกตั้งหลายพันมันจะมาที่ไหนมาจ่ายได้ทัน

“ถ้าไม่พอมึงต้องรีบบอกกูนะ”

“ขอบคุณนะ” ผมปล่อยให้มันกอดให้มันอ้อนอย่างที่เคยทำ





ตลอดที่ผ่านมาผมมีความสุขมากที่รู้ว่ามีใครคอยอยู่ข้างๆ ถึงจะมีเรื่องให้ปวดหัวบ้างแต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี

แต่ครั้งนี้ผมเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เราสองคนทำอยู่มันถูกต้องรึเปล่า ผมดึงภาคมันลงมาลำบากกับผมรึเปล่า ยิ่งคิดผมยิ่งรู้สึกผิดแต่จะให้ผมปล่อยมือจากมันอีกผมคงทนรับความเจ็บปวดแบบนั้นไม่ไหว

ผมนั่งมองมันเดินไปเดินมาหยิบของฝากที่พ่อกับแม่ผมเตรียมไว้ให้เดินเข้าไปในครัว เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะดังออกมาหลังจากที่มันเดินเข้าห้องครัวได้ไม่นาน

ผมแอบตามเข้าไปโดยไม่ให้มันรู้ตัว ภาพที่เห็นคือแฟนผมกำลังยืนจับตะหลิวอยู่หน้าเตาในชุดกันเปื้อนสีขาว กลิ่นไหม้ลอยเตะจมูกจนผมต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

“มึงทำอะไร” ผมถามคนที่ยืนเหงื่อตกแต่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

“ทำข้าวเที่ยงให้มึงไง” ผมอดยิ้มกับท่าทีของมันไม่ได้

ผมมองไข่เจียวในกระทะที่ตอนนี้มีทั้งควันและกลิ่นไหม้ลอยคลุ้งไปทั่ว แต่เชฟมือใหม่ของผมเหมือนจะยังไม่รู้ว่าอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำนั้นไหม้ซะแล้ว

“กูได้สูตรเด็ดมาจากแม่มึงเลยนะ” ผมเพียงพยักหน้าปล่อยให้เชฟมือใหม่ทำงานต่อไป

กลิ่นไหม้ยังลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานตะหลิวในมือของมันก็เริ่มขยับ มันพลิกไข่เจียวที่อยู่ในกระทะอย่างเก้ๆ กังๆ แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ

มันยืนมองไข่เจียวที่ไหม้เกรียมอยู่สักพักก่อนรอยยิ้มบนใบหน้ามันจะจางหายไป

“เฮ้อ…” มันถอนหายใจเสียงดังก่อนจะเทไข่เจียวในกระทะลงถังขยะ

“ทำไมไม่เหมือนตอนที่ทำกับแม่มึง” มันหันมาทำหน้าหงอย คงจะผิดหวังที่ทำไข่เจียวให้ผมทานไม่ได้

“มา เดี๋ยวกูเป็นลูกมือให้” ผมไม่อยากให้มันเสียกำลังใจ มันอุตส่าห์ตั้งใจทำถึงขนาดนี้

มันเริ่มตอกไข่และใส่ส่วนผมใหม่ทั้งหมด กระทะใบเดิมถูกนำมาตั้งบนเตาอีกครั้ง มันเอื้อมมือไปเปิดเตาด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

“เมื่อกี้มึงเปิดไฟแรงไปไข่เลยไหม้ ทอดไข่เจียวใช้ไฟกลางก็พอ” ผมยื่นมือไปจับมือของมันหมุดเปิดเตาที่ไฟกลาง

“ต่อไปก็เทน้ำมันใส่” มันหยิบขวดน้ำมันเทลงกระทะ

“พอแล้ว! ทอดไข่ห้ามใส่น้ำมันเยอะเพราะมันจะอมน้ำมันเข้าใจไหม” มันหันกลับมาพยักหน้าตอบ

“รอให้น้ำมันร้อนแล้วก็ใส่ไข่ลงไป” มันจ้องกระทะสักพักก่อนจะหยิบไข่ที่เตรียมไว้เทลงไป ดูเหมือนมันจะทำขั้นตอนนี้ได้เป็นอย่างดี คงเพราะได้วิชาการทำครัวจากแม่ผมมาบ้าง

“กูพลิกเลยได้ไหม”

“ลองเขย่ากระทะดูก่อน ถ้าไข่ไม่ติดก็แสดงว่าสุกแล้ว” มันเขย่ากระทะอย่างตั้งใจตามที่ผมบอก

“ไม่ติดแล้ว งั้นกูพลิกเลยนะ” มันค่อยๆใช้ตะหลิวพลิกไข่เจียวอย่างพิถีพิถัน กว่าจะพลิกได้ผมก็ต้องลุ้นเอาใจช่วยมันอีกแรง

เมื่อเห็นว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ เชฟสุดหล่อของผมก็กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างกับเด็ก จนผมอดขำกับท่าทางของมันไม่ได้

“มึงไปรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวทำเสร็จกูจะยกไปให้”

อาหารสำหรับมื้อเที่ยงถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ กลิ่นหอมจากไข่เจียวลอยเตะจมูกผมอยู่เนืองๆ

“เดี๋ยว!” คนตรงหน้าร้องห้ามก่อนที่ช้อนจะถึงเนื้อไข่เจียวฟู ภาคลุกจากเก้าอี้วิ่งอ้อมหลังเข้าไปในห้องนั่งเล่น ไม่นานมันก็กลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ

แช้ะ!

เสียงลั่นชัตเตอร์ดังติดต่อกันหลายครั้ง มันนั่งเลือกรูปสักพักก่อนส่งโทรศัพท์มาให้

“อะไร” ผมรับมาอย่างงงๆ บนหน้าจอโทรศัพท์มีเพียงรูปถ่ายที่พร้อมจะอัพลงเฟชบุค

“คิดแคปชั่นให้กูหน่อย”

ผมว่าผมคิดแคปชั่นสำหรับอาหารมื้อนี้ได้แล้ว

ข้อความที่คิดไว้ถูกพิมพ์ลงไปอย่างตั้งใจ ผมกดปุ่มโพสต์ก่อนส่งโทรศัพท์กลับให้เจ้าของ

‘ไข่เจียวสูตรพิเศษกับคนพิเศษ’

คนตรงหน้าฉีกยิ้มเมื่ออ่านข้อความในโทรศัพท์ คงไม่มีแคปชั่นไหนที่เหมาะไปกว่านี้แล้ว จะมีอะไรพิเศษไปกว่าการได้ทานอาหารฝีมือของคนที่เรารักได้

“เป็นไงบ้าง” ไข่เจียวคำแรกถูกตักเข้าปาก สีหน้าของเจ้าของเมนูจับจ้องปากผมตาไม่กะพริบ แม้แต่ตอนกลืนมันยังทำท่าทางตาม สงสัยจะลุ้นว่าฝีมือตัวเองจะออกมาเป็นยังไง

ผมแกล้งทำสีหน้าเรียบให้คนตรงหน้าตกใจเล่น ขอแกล้งมันหน่อยละกัน

“ไม่อร่อยสินะ” แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด มันหน้าหงอยไปเลยเมื่อผมเงียบหลังจากกลืนไข่เจียวลงคอ

“กูคงไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆ” คราวนี้มันวางช้อนลง ลุกออกจากเก้าอี้หันหลังเดินคอตกกลับเข้าไปในครัว สีหน้ามันดูผิดหวังมาก

ผมแกล้งมันแรงไปไหมเนี่ย

ผมเองก็รู้สึกผิดที่แกล้งมันแบบนั้น มันคงเสียความมั่นใจมาก ผมรีบวิ่งตามหลังมันไป ก่อนจะเห็นว่ามันกำลังทำบางอย่างอยู่

กาน้ำร้อนถูกยกออกมาเสียบ ในมือของมันถือซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่

“มึงจะทำอะไร”

“ก็จะทำบะหมี่ให้มึงไง” ประโยคนี้ทำผมรู้สึกผิดกับมันมาก ทั้งที่มันตั้งใจทำอาหารให้แต่ผมกลับแกล้งมัน

“ภาคกูขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“เรื่องไข่เจียวไง กูแค่อยากแกล้งมึงเล่นๆ” มันเงียบไม่พูดอะไรกับผมอีกเพียงวางซองบะหมี่แล้วเดินสวนผมออกจากห้องครัวเท่านั้น มันงอนผมแล้วแน่ๆ

“ภาคกูขอโทษ” มันเดินหนีผมเข้าไปในห้องนอน ผมพยายามเคาะเรียกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้างใน งอนแล้วเงียบแบบนี้ไม่ดีแน่

“ภาคออกมาคุยกันก่อน” ทำยังไงมันก็ไม่ยอมตอบ

ผมเดินคอตกกลับมาที่โต๊ะอาหาร ทิ้งตัวลงนั่ง มองไข่เจียวที่เริ่มเหี่ยวลงเรื่อยๆ ไม่ต่างกับหัวใจผมตอนนี้

โทรศัพท์ของใครสักคนดังอยู่ไม่ห่าง ใช่สิ โทรศัพท์มันยังอยู่ตรงนี้แต่ผมจะทำยังไงเจ้าของของมันยังอยู่ข้างในไม่ยอมคุยกับผมเลยด้วยซ้ำ

‘ฮัลโหล ว่าไงมึง’ ผมคิดอะไรไม่ออกจึงตัดสินใจโทรหาไอ้นัทเผื่อว่ามันจะช่วยได้

“นัทมึงช่วยกูด้วย”

‘มึงเป็นอะไร’ เสียงมันดูตกใจมาก

“ช้อปมันงอนกู”

‘ไอ้สัส! ผัวงอนแล้วโทรมาหากูว่างั้น’

“เออ มึงช่วยกูหน่อยนะ”

‘พวกมึงช่วยมันหน่อย มันทะเลาะกับผัวมา’ เหมือนว่ามันไม่ได้อยู่แค่คนเดียวเพราะเริ่มมีเสียงจอแจดังขึ้นหลังจากที่มันพูดจบ

“พวกมึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”

ตั้งแต่แยกย้ายกันกลับบ้านช่วงปิดเทอมผมก็ไม่ได้เจอกับพวกมันเลย มีบ้างที่วีดีโอคอลคุยกันแต่ก็นานๆ ครั้ง ไม่รู้เลยว่าพวกมันจะกลับเข้ามหาลัยเร็วขนาดนี้ซ้ำยังนัดกันโดยไม่มีผมอีก งอนซะเลยดีไหม

เรื่องงอนพวกมันคงต้องเอาไว้ก่อนเพราะยังมีอีกคนนั่งงอนผมอยู่อีกห้อง นัทเปลี่ยนจากการโทรเป็นวิดีโอคอลมาหาผมแทน

‘ไปทำอีท่าไหนล่ะผัวถึงงอน’ หน้าเฟิร์นโผล่ขึ้นมาคนแรกพร้อมกับคำถามแทงใจดำ

ผมจะเล่าเรื่องไข่เจียวให้พวกมันฟังดีไหม ถ้าเล่าไปนอกจากพวกมันจะไม่ช่วยแล้วคงซ้ำเติมผมแน่ เอาเป็นว่าผมไม่เล่าเรื่องนี้ให้พวกมันฟังดีกว่า

“กูแค่แกล้งมันนิดหน่อย” ผมโกหกคำโตกลับไป

‘แล้วตอนนี้ภาคเป็นไงบ้าง’ ผมเล่าท่าทีของคนงอนไป ทั้งขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมพูดไม่ยอมจา

เพื่อนแต่ละคนต่างช่วยกันออกความคิดเห็นจนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปวิธีการง้อในครั้งนี้

“เอาจริงหรอวะ”

‘มึงไม่อยากให้ภาคมันหายงอน?’ สิ้นเสียงนัท ผมรีบพุ่งตัวไปจัดเตรียมอุปกรณ์ตามคำแนะนำ

กระดาษ A4 กับปากกาไฮไลต์สีเหลืองนีออนถูกเตรียมออกมา ผมทิ้งตัวลงหน้าห้องนอนแนบหูกับบานประตูฟังเสียงคนข้างใน

[ภาค] ผมเขียนตัวอักษรตัวโตลงในกระดาษก่อนสอดมันผ่านช่องว่างใต้ประตู

วิธีง้อแบบนี้ผมเคยเห็นในเอ็มวีเพลงยุค 90 มันดูตลกยังไงไม่รู้ ไม่คิดว่าวันหนึ่งต้องใช้วิธีนี้ง้อแฟน แต่มันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ หวังว่าคนข้างในจะยอมใจอ่อนนะ

ก๊อกๆ ผมเคาะประตูหลังจากสอดกระดาษเข้าไป

ผมแนบหูกับบานประตูอีกครั้งเพื่อเช็กว่าภาคมันอ่านข้อความที่ผมส่งไปให้ เสียงเท้าดังเข้ามาใกล้ ผมกำลังลุ้นให้เจ้าของเสียงเท้าหยิบกระดาษแผ่นนั้น

และก็เป็นอย่างที่หวัง ผมเริ่มเขียนข้อความถัดไปทันที

[ขอโทษนะ]

[ยกโทษให้เค้าได้ไหม]

[เค้าแค่แกล้งเฉยๆ] ผมวิ่งกลับไปที่ห้องครัวยกจานไข่เจียวกลับมานั่งหน้าห้องนอนตามเดิม

[ไข่เจียวที่ตัวเองทำอร่อยที่สุดเลย] ผมตักไข่เจียวเข้าปากโดยใช้ช้อนกระทบจานเสียงดังให้คนข้างในได้ยิน

[จะหมดแล้วนะ]

[หมดแล้ว] ผมทานไข่เจียวจนหมดแต่ท่าทีของมันยังไม่เปลี่ยน ยังคงเงียบไม่ตอบกลับผมเหมือนเดิม

[อยากกินไข่เจียวฝีมือแฟนอีกจัง] จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากมันเลยสักนิด

ผมเก็บกระดาษที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นห้อง บางส่วนเขียนข้อความไว้แต่ยังไม่ส่ง มันคงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

ผมเดินกลับมาเก็บจานข้าวที่เหลือบนโต๊ะอาหาร ในขณะที่กำลังเก็บจานอยู่เหมือนมีใครบางคนเดินผ่านหลังเข้าไปในห้องครัว ผมวางทุกอย่างที่อยู่ในมือลงสาวเท้าวิ่งตามคนๆ ไป

“มึงจะทำอะไร” ผมถามคนขี้งอนที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา

“ก็เห็นบอกว่าอยากกินอีก” ผมคลี่ยิ้มวิ่งตรงเข้าไปกอด ซุกหน้าเข้ากับหลังกว้าง

“ขอโทษนะ หายงอนได้แล้ว”

มันหันตัวกลับมาจับไหล่ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“น่ารักขนาดนี้กูจะงอนได้ไงละ”

“จริงนะ มึงหายงอนกูแล้วจริงๆ นะ” ผมมุดหน้าซุกอกแน่น

“แต่มึงต้องสัญญากับกูก่อน” มันว่าสีหน้าจริงจัง ผมรีบพยักหน้าตอบเพราะกลัวว่ามันจะเปลี่ยนใจ

“นอกจากกู มึงห้ามอ้อนใครแบบนี้เข้าใจไหม”

“กูจะอ้อนมึงแค่คนเดียว สัญญา” รอยยิ้มหล่อๆ กลับมาบนใบหน้ามันอีกครั้ง

“มึงก็เหมือนกัน ห้ามยิ้มหล่อให้ใคร ถ้ากูรู้มึงตายแน่” ผมก็ไม่ชอบให้มันยิ้มแบบนี้ให้ใครเหมือนกัน

“ครับๆ ผมจะยิ้มให้คุณแฟนแค่คนเดียวเลยครับ”

แล้วบทง้องอนครั้งนี้ก็จบลงด้วยไข่เจียวสูตรพิเศษจานใหม่ ต้องขอบคุณวิธีง้อยุค 90 ของพวกมันมากๆ ไม่คิดว่ามันจะเวิร์คแต่กลับใช้ได้ผลเป็นอย่างดี เดี๋ยวคงต้องรายงานผลให้พวกมันรู้ซะหน่อยแล้ว





วันทั้งวันผมกับภาคขลุกอยู่ในห้องกันสองคน เรียกได้ว่าตัวติดกันตลอดเวลา มีแค่ครั้งเดียวที่ภาคมันออกไปคุยโทรศัพท์แต่สักพักก็กลับมานั่งขลุกกับผมต่อ

“พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะกูจะพาไปข้างนอก”

“ไปไหน”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” จะบอกก็ไม่บอกมาทั้งหมด ไม่ชอบเลยพูดเป็นปริศนาแบบนี้

“ไม่บอกจริงๆ หรอ” ผมใช้ลูกอ้อนเข้าสู้ เกยคางกับหน้าท้องลีนๆ ของมัน ดูซิจะทนได้สักกี่น้ำ

“ไม่เอาอย่าเล่นแบบนี้” มันดิ้นพล่านเมื่อผมซุกหน้าเข้าไปในเสื้อ ผมใช้ไรหนวดที่เริ่มขึ้นเป็นตอไซร้วนทั่วหน้าท้อง

“พะ...พอแล้ว ยอมแล้ว”

“งั้นก็รีบบอกมา”

“กูจะพาไปหาคุณย่า”

“ห๊ะ! เมื่อกี้มึงบอกว่าไปหาใครนะ” หวังว่าที่ได้ยินเมื่อกี้แค่หูฝาด มันคงไม่คิดจะพาผมไปย่ามันจริงใช่ไหม

“กูจะพาไปหาคุณย่า”

“ไม่ไป!” ผมตอบเสียงแข็ง เรื่องของพ่อมันยังเคลียร์ไม่จบจะให้ผมไปเจอย่ามันอีกเนี่ยนะ พ่อมันยังโหดขนาดนั้นแล้วแม่ของพ่อมันจะโหดขนาดไหน ผมไม่อยากมีปัญหากับผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเราอีก

“กูถึงไม่อยากบอกมึงก่อนไง”

“แล้วทำไมต้องพากูไปเจอย่ามึงด้วย”

“กูจะไปขอร้องให้ท่านช่วยคุยกับพ่อเรื่องของเรา” ผมเองก็อยากให้พ่อของมันยอมรับเรื่องของเรา แต่ผมไม่มั่นใจว่าย่าของมันจะเห็นด้วยกับความรักของเรา

“แล้วถ้าท่านไม่เห็นด้วยล่ะ”

“กูพยายามทำทุกอย่างเพื่อเราสองคน แล้วมึงจะยังกลัวอะไรอีก ถึงท่านจะไม่เห็นด้วยกูก็ไม่มีทางปล่อยมือมึง” มือหนาเอื้อมมาจับ สายตาที่ส่งมาช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี

ถึงจะเกิดอะไรผมก็ไม่มีทางปล่อยมือมันเหมือนกัน

“เชื่อกูนะ” ผมถูกดึงเข้าไปกอดไว้แน่น ถึงจะไม่มั่นใจกับใครก็ตามแต่ผมมั่นใจในตัวมัน เรากระชับกอดกันแน่นขึ้น ผมปล่อยให้หัวใจทำงานด้วยตัวของมันเองส่วนร่างกายผมตอนนี้กำลังมีอีกคนควบคุมมันอยู่ บทจูบอันเร่าร้อนกับท่าต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ความสุขของเราสองคนพร้อมที่จะล้นเอ่อออกมาได้ทุกเมื่อ

“มึงไม่เบื่อกูบ้างหรอ” ผมซุกหน้ากับอกเปลือย

“ถามแบบนี้มึงเบื่อกูแล้วงั้นหรอ” มันทำหน้างอเหมือนพร้อมจะงอนผมอีกรอบ

“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น กูกลัวว่ามึงจะเบื่อกูมากกว่า” ผมทำเสียงงอนมันบ้าง

“มึงนี่จริงๆ กลัวนั้นกลัวนี่อยู่เรื่อย ถ้ากูเบื่อมึงกูจะนอนกอดมึงแบบนี้ทุกวันทำไม” มันกระชับกอดแน่น กดจมูกลงที่หน้าผาก

“นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย”





เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลีย ผมหลับๆ ตื่นๆ เกือบทั้งคืน ก็เพราะความตื่นเต้นนั่นแหละครับที่เป็นเหตุ ผมคิดมากเรื่องย่าของภาคมันจนเก็บไปฝัน ภาพหญิงแก่หน้าดุถือปืนไล่ยิ่งจนผมสะดุ้งตื่นหลายต่อหลายครั้ง

ย่าของมันคงดุไม่เหมือนในความฝันใช่ไหม ผมเริ่มรู้สึกกลัวๆ ขึ้นมาแล้ว

ผมมัวแต่คิดมากจนลืมสังเกตว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ หายไป ผมเดินตามหาจนทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ มันออกไปไหนตั้งแต่เช้า

กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่มันหายไปยังไม่นับรวมกับตอนที่ผมหลับอยู่ มันออกไปไหนโดยที่ไม่บอก ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์โทรหามัน

แกร๊ก!

ยังไม่ทันจะกดโทรออกคนที่ผมตามหาก็เปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกในมือ

“มึงหายไปไหนมา” ผมยืนกอดอกมองดุคนตรงหน้า

“กูไปเอารถที่คอนโดไอ้ช้อป” มันชูรีโมตรถหรูขึ้นมายืนยัน

“แล้วทำไมไม่บอกก่อน”

“ขอโทษ ช้อปมันมีธุระกูเลยต้องรีบออกไปเอารถ” ที่มันหลบออกไปคุยโทรศัพท์เมื่อวานคงเป็นเรื่องนี้ แต่ก็น่าจะบอกผมสักคำปล่อยให้ผมเป็นห่วงอยู่ได้

“แล้วทำไมต้องยืมรถช้อปด้วย”

“มึงจะได้นั่งสบายๆ ไง”

“ทีหลังออกไปไหนให้บอกกูก่อนเข้าใจไหม”

“ครับๆ” มันพยักหน้าหงึกๆ เดินเข้ามาจูงมือผมเข้าไปในครัว เราทานโจ๊กหมูที่ภาคซื้อติดมือมาด้วยเป็นมื้อเช้า





ผมยืนเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่วันนี้อยู่นาน ตัวนั้นก็ไม่ดีตัวนี้ก็ไม่เหมาะ ผมแทบจะรื้อตู้สู้ผ้าออกมาทั้งหมดแล้ว ทั้งกลัวทั้งประหม่าแม้แต่เลือกเสื้อผ้ายังไม่รู้จะใส่ตัวไหน สุดท้ายผมก็ได้เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนที่ดูสุภาพที่สุดมาใส่ หวังว่ามันจะดูดีในสายตาย่าของภาคมันนะครับ

เราออกเดินทางจากย่างกลางกรุงมุ่งหน้าตามถนนเส้นหลักออกสู่ย่านชานเมือง รถบนถนนเริ่มบางตาหลังจากเราติดอยู่บนถนนกลางเมืองอยู่นาน คงเพราะเวลาที่เราออกมาตรงกับช่วงเร่งด่วนของชาวกรุง

อาการประหม่าเริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อภาคหันมาบอกว่าใกล้จุดหมายแล้ว ผมตื่นเต้นจนเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือสองข้างชุ่มด้วยเหงื่อและเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้าผากทั้งที่แอร์ภายในรถยังทำงานอยู่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 16:40:03 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
อาการประหม่าแสดงออกมาชัดเจนจนคนข้างๆ รู้สึกได้

“ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรอ” ผมหันไปพยักหน้าตอบ

“ไม่ต้องกลัว คุณย่าท่านใจดี กูเชื่อว่าท่านต้องชอบมึง” ภาคจับมือให้ความมั่นใจ ผมหลุบตาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่

ถ้าท่านชอบผมอย่างที่ภาคว่าก็คงดี





ไม่นานรถหรูก็เคลื่อนตัวมาหยุดหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ ใหญ่พอๆ กับที่บ้านของภาค กำแพงสูงบดบังบรรยากาศภายในจนมิด ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาเปิดประตูบานใหญ่นั้น รถของเราเคลื่อนเข้าผ่านประตูเข้าสู่บริเวณบ้าน

ภาคขับช้าๆ ตรงตามถนนเส้นเล็กที่ทอดยาวลึกเข้าไป จากตรงนี้ผมยังมองไม่เห็นบ้านคนสักหลังเลย มีเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเรียงรายสองข้างทาง จากที่สังเกตจะเป็นผลไม้ซะเป็นส่วนใหญ่ จนรถของเราหยุดตรงปลายสุดถนน เผยให้เห็นบ้านไม้หลังงาม

บ้านไม้สองชั้นหลังโตตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า รอบตัวบ้านแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์

ผมเปิดประตูรถด้วยอาการประหม่า ก้าวเดินไปยืนข้างๆ หลานชายเจ้าของบ้าน หญิงวัยเกือบเกษียณวิ่งตรงเข้ามาหาเราสองคน

“สวัสดีครับป้าอิ่ม” ภาคเป็นฝ่ายยกมือไหว้ก่อน

“คุณหนูภาคมายังไงคะเนี่ย” ป้าอิ่มเข้ามาสวมกอดภาคอย่างเอ็นดู ผมยกมือไหวจังหวะที่เธอหันมาเจอพอดี เธอรับไหว้แต่ยังมองผมด้วยสายตาสงสัย

“แฟนผมเองครับป้า” ภาคแนะนำโดยไม่รอให้เธอถามก่อน

“ฟะ...แฟนคุณหนูเหรอคะ” เหมือนเธอกำลังไม่เชื่อหูตัวเอง ขยับตัวเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“แฟนคุณหนูเป็นผู้ชาย!” เธอตะโกนออกมาเสียงดังจนผมสะดุ้งโหยง ขยับตัวเข้าไปหาภาค

“เอะอะอะไรเสียงดังเข้าไปถึงข้างใน” เสียงผู้มาใหม่ดึงความสนใจทั้งหมดกลับไป

หญิงชราในชุดผ้าไหมราคาแพง ผมดำแซมขาวถูกมัดเกล้าไวด้านหลัง กำลังยืนโบกพัดกระดาษในมือไปมา คงเป็นคุณย่าที่ภาคพูดถึง

ผมยืนมองย่ากับหลานชายกอดหอมกันอยู่ห่างๆ ดูท่านจะเอ็นดูหลานชายคนนี้เอามากๆ ตอนนี้ภาคมันดูเป็นเด็กมากกว่าตอนที่อยู่กับผมซะอีก

“ย่าคิดไว้แล้วว่าแกต้องมาหา”

“ก็ผมคิดถึงคุณย่านี่ครับ”

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่คิดจะมาหาย่าใช่ไหม”

“คุณย่ารู้แล้วหรอครับ” ภาคหน้าเจื่อนเมื่อโดนย่าจับได้

“แล้วไหนล่ะแฟนแกที่ว่า” ท่านว่าพร้อมกับสอดส่ายสายตา ผมต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อถูกพูดถึง

ผมยกมือประนมไหว้ด้วยอาการประหม่าเมื่อสายตานั้นหยุดลงที่ผม ท่านคลายกอดจากหลานชายยกมือรับไหว้พร้อมคลี่ยิ้มให้ ท่านดูแตกต่างจากความฝันและที่ผมคิดมาก ไม่ดุ ไม่น่ากลัว ไม่ถือปืนไล่ยิงผมอย่างในฝัน ทั้งยังส่งยิ้มเช่นเดียวกับที่ทำกับภาคมาให้ผมด้วย

“ไป พาแฟนเข้าไปคุยกันในบ้าน” ท่านหันกลับไปสั่งหลานชาย ภาคทำตามคำสั่งเป็นอย่างดี มันเดินยิ้มแป้นเข้ามาจับมือผมเดินเข้าไปข้างใน

ภายในตัวบ้านตกแต่งด้วยของเก่าจำนวนมาก มีตั้งแต่ชุดถ้วยชามเครื่องสังคโลก ไม้แกะสลักรูปนักษัตร รวมถึงงาช้างขนาดใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้ตรงกลางห้องโถง ด้านบนมีรูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่งในชุดข้าราชการเต็มยศ ผมคุ้นหน้าจังเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่

“ใครหรอ” ผมสะกิดถามภาค

“ปู่กูเองแหละ” ใบหน้าโหดแววตาดุเหมือนกับพ่อของภาคมันไม่มีผิด

ผมต้องละความสนใจกับรูปถ่ายตรงหน้าและสิ่งของรอบๆ ตัวเมื่อคุณย่าเอ่ยเรียก

“มานั่งกันตรงนี้” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ภาค มองคุณย่าเอียงตัวพิงหมอนอิง

“คุณย่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” ภาคเปิดบทสนทนาก่อน

“จะไม่แนะนำแฟนให้ย่ารู้จักก่อนเหรอ”

“ขอโทษทีครับ นี่ม่อนแฟนผมครับ” ผมยกมือไหว้อีกครั้งหลังจากที่แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“แกคิดยังไงถึงหันมาชอบผู้ชายด้วยกัน” ประโยคนี้ทำหัวใจผมหล่นวูบ

“คุณย่าจะกีดกันเราสองคนเหมือนคุณพ่อหรอครับ”

“ย่าไม่ได้จะว่าอะไรแค่อยากรู้ความเป็นมาเท่านั้นเอง เห็นเมื่อก่อนแกควงสาวไม่ซ้ำหน้า”

“นั้นมันเมื่อก่อนครับ”

“จริงเร๊อะ เห็นพูดแบบนี้เหมือนกันทุกคน” เป็นผมที่ต้องหันไปค้อนไอ้คนข้างๆ จนมันต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“คุณย่าอย่าแกล้งแบบนี้สิครับ เดี๋ยวแฟนผมเข้าใจผิด” ไอ้ตัวดีหันหน้าไปงอนคุณย่าก่อนหันกลับมาแก้ตัวกับผมต่อ

“จ้ะๆ ย่าไม่แกล้งแล้ว” คุณย่านั่งขำกับท่าท่างของภาค

“แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อ แม่แกเข้ามาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ย่าฟังแล้ว” บรรยากาศกลับเข้าสู่ความตึงเครียด ผมขยับตัวเข้าไปเบียดคนข้างๆ มันคงเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไงเอื้อมมือมากุมมือผมไว้แน่น

“ผมก็ยังไม่รู้ถึงได้เข้ามาให้คุณย่าช่วยไงครับ” มันทำหน้าหงอย คุณย่าเพียงส่ายหน้ามองหลายชายตัวเอง

“แล้วหนูล่ะ คิดยังไงถึงมาคบกับเจ้าภาคได้” ท่านหันมาถามผมบ้าง

“ผมรักภาคครับ” เป็นคำตอบสั้นๆ แต่นั่นเป็นคำตอบของทุกอย่างที่อยู่ในใจแล้ว

“ว่ากันตามตรงนะ ย่าก็ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินว่าหลานชายคนเดียวของตระกูลชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ย่าเห็นเราสองคนรักกันแบบนี้จะให้ย่าใจดำแยกเราสองคนได้ยังไง”

“คุณย่าต้องช่วยคุยกับคุณพ่อนะครับ”

“แกกับพ่อแกก็หัวดื้อพอๆ กัน ถอดแบบกันมาแบบนี้ จะให้ย่าช่วยยังไง”

“คุณย่าทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมสองคนได้อยู่ด้วยกัน” ภาคเริ่มงอแงเหมือนเด็ก ลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปบีบนวดให้คุณย่า

“แกก็โตแล้วจะโยนปัญหาของตัวเองมาให้ย่าช่วยแก้เหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้แล้ว แกเป็นคนเลือกทางนี้เอง” มันเดินคอตกกลับมานั่งข้างๆ

ที่คุณย่าพูดนั้นถูกทั้งหมด เราสองคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมาก็ต้องช่วยกันแก้มันด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมองหาทางออกสำหรับเรื่องของเราไม่ได้เลย

“คุณย่า”

“ย่าว่าเราเอาเรื่องนี้ไว้คุยที่หลังกันดีกว่า ตอนนี้ไปทานข้าวกันก่อน ย่าอยากรู้จักแฟนเราให้มากกว่านี้”

บทสนทนาในบ้านจบลง เราสามคนเดินออกมานอกบ้านตรงไปยังศาลาทรงไทยริมน้ำ ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นี่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย คุณย่าท่านคงรักธรรมชาติมากถึงปลูกต้นไม้ไว้เต็มบริเวณบ้าน แถมยังสร้างบ้านติดกับแม่น้ำอีก



เมื่อมาถึงศาลาริมน้ำ อาหารหลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้บนอย่างเรียบร้อย

“อิ่มตักข้าว” คุณย่าสั่งป้าอิ่มตักข้าวจากโถใส่ในจาน

“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณหลังจากป้าอิ่มตักข้าวให้

“เดี๋ยวเราทานไปคุยไปนะ” เราลงมือทานอาหารบนโต๊ะ ภาคเลือกตักกับข้าวอย่างหนึ่งให้กับคุณย่าก่อนหันกลับมาตักให้ผมบ้าง

ผมเกร็งจนไม่กล้าทานอะไรสักเท่าไรนัก ตรงกันข้ามไอ้คนข้างๆ ก็ตักกับข้าวใส่ในจานผมจนเต็ม

“เราเรียนคณะอะไรเหรอ” คุณย่าถามขึ้น

“ผมเรียนวิศวะครับ”

“คณะเดียวกับเจ้าภาคเลยนี่ งั้นย่าฝากสอนเจ้าภาคมันด้วย รายนี้ขี้เกียจตัวเป็นขน”

“ครับ ได้เลยครับ”

“แล้วที่บ้านเราล่ะทำงานอะไร”

“พ่อกับแม่ผมทำสวนกับทำงานรับจ้างทั่วไปครับ ส่งน้องชายผมกำลังเรียนอยู่ที่เดียวกัน” ผมตอบตามความจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องอายกับอาชีพที่พ่อแม่ผมทำ

“ทำงานรับจ้างส่งลูกเรียนสองคนคงหนักน่าดู” คุณย่าเอ่ย ผมฟังดูแล้วท่านไม่มีเจตนาดูถูกพ่อกับแม่ผม

“หนักครับ หนักมาก”

“ม่อนทำงานหาเงินเรียนเองด้วยนะครับคุณย่า” ภาคพูดแทรกขึ้น

“จริงเหรอจ๊ะเก่งจังเลย แต่คงลำบากน่าดู เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ไม่เหมือนกับหลานตัวดีของย่านอกจากไม่ทำอะไรยังคอยสร้างปัญหาให้ปวดหัวอีก”

“ใครบอกคุณย่าว่าผมไม่ทำงาน ผมทำงานพาร์ทไทม์กับม่อนทุกวัน” มันว่าอย่างน้อยใจ

“แกเนี่ยนะทำงาน ย่าแกแต่ไม่ยอมให้เด็กอย่างแกมาหลอกง่ายๆ หรอกนะ” ท่านดูแปลกใจมากและดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ภาคพูดด้วย

ณย่า ภาคทำงานพาร์ทไทม์กับ” ผมช่วยยืนยันคำพูดของมัน

“นี่ย่าหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย”

“คุณย่าลืมไปแล้วหรอครับว่าผมโดนตัดขาดแล้ว ตอนนี้ผมเหลือแต่ตัวถ้าผมไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนใช้ แค่ที่ได้ก็ไม่พอจ่ายค่าเทอมเทอมนี้เลย” มันพูดไปตักข้าวใส่ปากด้วยสีหน้าน้อยใจ

“เอาเป็นว่าเรื่องค่าเทอมแกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวย่าจะช่วย แต่ส่วนเงินที่แกต้องใช้ทุกวันแกต้องทำงานหาเองเข้าใจไหม” เมื่อคุณย่าพูดจบภาคก็รีบลุกขึ้นดีใจรีบปรี่เข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ

นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่มันพาผมมาที่นี่ ผมไม่ว่ามันหรอกครับเพราะมันถูกเลี้ยงแบบคุณหนูมาตลอดแค่ผมเห็นมันตั้งใจทำงานผมก็ดีใจแล้ว ส่วนเรื่องเงินที่คุณย่าให้เป็นเรื่องในครอบครัวของมันผมคงไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่เงินจากการทำงานของมันผมคงต้องเข้มงวดกับมันให้มากขึ้น

“ผมทำกับข้าว กวาดห้อง ถูห้อง ล้างจานได้ด้วยนะครับคุณย่า” ผมนั่งยิ้มมองมันอวดคุณสมบัติตัวเองที่เพิ่งทำเป็นได้ไม่นานให้คุณย่าฟัง

“คุณย่าชอบปลูกต้นไม้หรอครับ” ความประหม่าของผมหายไป ตอนนี้ผมเริ่มที่จะกล้าคุยกับท่านมากขึ้นแล้ว

“ใช่จ้ะ เราก็ชอบเหมือนกันเหรอ”

“ครับ ผมติดมาจากพ่อนะครับ พ่อผมชอบปลูกต้นไม้และรักต้นไม้มาก ภาคมันเคยโยนเศษขยะลงในสวนจนเกือบโดนพ่อผมไล่ฟาดเอา” เรื่องนี้ทำให้คุณย่าหลุดขำออกมา รวมถึงป้าอิ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วย

“ก็พ่อมึงโคตรดุ” แต่ไอ้ต้นเรื่องก็ได้แต่นั่งหน้างองอนตุ๋มป่องอยู่ข้างๆ

หลังจากที่เราทานข้าวกันเสร็จคุณย่าก็อาสาพาเดินชมสวนพร้อมกับเล่าเรื่องตอนเด็กของภาคสลับกับให้ผมเล่าเรื่องของตัวเอง จนตอนนี้เวลาล่วงเลยเกือบๆ บ่ายสองโมง ตอนนี้ได้เวลาที่เราสองคนต้องกลับคอนโดแล้ว

“แกไปรอที่รถก่อน ย่ามีเรื่องจะคุยกับหนูม่อนสองคน” ภาคเดินไปยืนรอที่รถตามคำสั่ง ตอนนี้ผมอยู่สองต่อสองกับคุณย่าแล้ว

“คุณย่ามีอะไรจะคุยกับผมครับ”

“ย่าแค่อยากจะฝากเจ้าภาคนะ ย่าไม่คิดว่าคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างเจ้าภาคจะเปลี่ยนไปขนาดนี้” ท่านยื่นมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม

“ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ย่าจะช่วยคุยกับพ่อเจ้าภาคให้”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ ท่านดึงตัวผมเข้าไปกอดลูบที่หัวผมเบาๆ

คนในครอบครัวภาคนอกจากน้องพริมก็มีคุณย่านี่แหละครับที่เข้าใจความรักของเรา

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 37

#แยกกัน



เรากลับจากบ้านคุณย่าตรงมาที่คอนโด ก่อนจะเลี้ยวรถไปรับมิกซ์ที่หอพักแล้วมุ่งหน้าตรงไปร้านนมปั่น หลังจากเราขอลางานที่ร้านสามวันเพื่อกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด พี่แมนผู้จัดการร้านโทรตามทันทีเมื่อได้ยินว่าพวกเรากลับมา

ช่วงนี้ที่ร้านมีลูกค้าหนาแน่นกว่าปกติ คงเพราะเหล่านักศึกษาเริ่มทยอยกันกลับเข้ามหาลัยหลังจากช่วงปิดเทอม

“มากันแล้วหรอ” พี่แมนร้องทักเมื่อเราสามคนเดินเข้ามาในร้าน

ลูกค้าจำนวนมากสวนทางกับจำนวนพนักงานเสิร์ฟ ทำให้พี่แมนผู้จัดการร้านต้องออกมาช่วยเสิร์ฟอีกแรง

“หวัดดีครับพี่” เราทั้งสามยกมือไหว้ทักทาย

“เออๆ หวัดดี พวกเรารีบมาช่วยพี่ก่อน” เราเดินเข้าไปหลังร้านหยิบผ้ากันเปื้อนทยูนิฟอร์มของทางร้านขึ้นมาใส่แล้วรีบออกมาช่วยรับลูกค้าหน้าร้านทันที

ผมกับภาคแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง ภาคดูทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น ทั้งการรับออร์เดอร์ การเสิร์ฟอาหาร รวมถึงการบริการลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าสาวๆ ที่ดูจะถูกอกถูกใจการบริการของมันเป็นอย่างมาก

เห็นแล้วก็อดหึงไม่ได้

แต่ก็ดีแล้วล่ะครับอย่างน้อยไอ้คุณชายของผมก็ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี

“เฮ้อ...ขอบใจพวกเรามากนะ” พี่แมนถอยหายใจพรืดใหญ่เมื่อลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเดินออกจากร้าน

“แบบนี้ต้องมีโบนัสแล้วล่ะพี่” น้องชายตัวแสบที่กำลังเก็บโต๊ะหันไปเอ่ยกับผู้จัดการร้าน

“ไม่มีโว้ย”

“โห...ไรวะ” ไอ้ตัวดีทำหน้างอ ร้องโอดครวญจนเป็นที่ขบขันของพนักงานในร้าน

“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวพี่หาวันว่างๆ พวกเราไปเลี้ยงสักมื้อก็แล้วกัน”

“เย้!” ไอ้มิกซ์กระโดดร้องดีใจ พนักงานในร้านคนอื่นๆ ก็ร้องดีใจไม่ต่างกัน ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังยิ้มกว้างมองน้องชายผมกระโดดโลดเต้นไปมา





ไฟหลอดสุดท้ายภายในร้านถูกปิดลง เราเดินแยกตัวกับพนักงานคนอื่นๆ

“เหนื่อยไหม” ผมถามภาคหลังจากรถขับเคลื่อนตัวออกจากร้านได้ไม่นาน

“ห่วงจังเลยนะแฟนเนี่ย น้องชายแท้ๆ นั่งอยู่ทั้งคนเสือกไม่ถามสักคำ” เสียงไอ้ตัวแสบดังมาจากเบาะด้านหลัง

“แฟนมึงก็มี มึงก็อ้อนแฟนมึงสิ” ผมหันหลังไปพูด

“แล้วนี่ช้อปหายไปไหน”

“ไม่รู้” มันตอบห้วนๆ นั่งกอดอกทำหน้าหงอย

“หายไปไม่บอกแบบนี้ ระวังจะโดนทิ้งไม่รู้ตัว” ผมลองพูดแหย่ ไอ้ตัวแสบทำหน้าหงอยกว่าเดิม ผมแอบเห็นมันกัดฟันกรอด สงสัยกำลังคิดภาพตามที่ผมพูดอยู่

“มึงก็ไปแกล้งน้องมัน ช้อปมันไม่มีรถเลยฝากพี่ให้ไปส่งเราที่หอ เดี๋ยวส่งเราเสร็จพี่ก็จะเอารถไปคืนมันที่คอนโด” จะแกล้งมิกซ์มันสักหน่อย แต่ไอ้คุณชายกลับทำตัวเป็นคนดีช่วยอธิบายทุกอย่างเสร็จสรรพ คงกลัวเพื่อนรักอย่างช้อปจะโดนเข้าใจผิดถึงได้ออกโรงแก้ตัวแทน

เดี๋ยวนี้แม่งทำกันเป็นขบวนการ



เราขับรถไปส่งมิกซ์ที่หอเสร็จก็ตรงกลับมาที่คอนโด

“ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม” ผมหันไปถามคนข้างๆ ภาคต้องเอารถไปส่งที่คอนโดช้อป

“ไม่เป็นไร” ภาคยิ้มตอบ

“แล้วมึงจะกลับยังไง” ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว จะหารถกลับก็คงยาก

“ไม่ต้องห่วงหรอก ขึ้นไปรอบนห้องเดี๋ยวกูรีบกลับ” มือหนาลูบที่หัวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

“รีบกลับนะ”

ผมยืนมองรถหรูเคลื่อนตัวออกไป ทำไมช่วงนี้ผมไม่อยากอยู่ห่างจากภาคเลย ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ผมกลับรู้สึกเหมือนยังใช้เวลารวมกับมันไม่มากพอ



ผมกลับมาที่ห้องได้ไม่นาน เสียงแจ้งเตือนจากแอพ Messenger ก็ดังขึ้น

[พวกมึงจะลงทะเบียนกันตอนไหน] มีนเปิดประเด็น ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท ลืมไปว่าต้องลงทะเบียนวิชาเรียนของปีสอง ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนในอีกสองวันข้างหน้า

ตอนอยู่ปีหนึ่งเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้เพราะทางมหาลัยจะจัดตารางเรียนให้กับนักศึกษาใหม่ทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่อขึ้นปีสองช่วงเวลานี้จะเปลี่ยนเป็นสมรภูมิย่อมๆ

นักศึกษาทั้งในคณะเดียวกันและต่างคณะ ต้องแข่งขันด้านความเร็วเพื่อช่วงชิงที่นั่งในคลาสเรียนที่มีอยู่อย่างจำกัด นั่นเป็นเหตุผลให้มีนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา

[นั่นสิ เหลืออีกแค่สองวัน] เฟิร์นตอบ

[แล้วแต่พวกมึงเลย] อาร์มตอบ

[กูก็แล้วแต่พวกมึง] นัทตอบ

[โอเค งั้นเดี๋ยวกูกับมีนจะช่วยกันจัดตารางเรียนก่อน แล้วค่อยนัดเวลากันอีกที] มีนสรุป

[แล้วมึงล่ะม่อน] นัทถาม

[ม่อน]

[ม่อน]

[ไอ้ม่อน]

[ไอ้เชี่ยม่อน]

Rrrrr Rrrrr

“อะ...เออว่าไง” ผมกดรับสายจากนัท

‘มึงเป็นเชี่นไร เพื่อนถามไม่ยอมตอบ’

ตั้งแต่มีนแชทมาครั้งแรกผมก็นั่งเหม่อไม่ได้อ่านข้อความที่พวกมันส่งมาเลย ผมกำลังคิดเรื่องภาคอยู่

ปีแรกของนักศึกษาคณะเราต้องเรียนรวมกันทั้งหมด ไม่มีการแบ่งแยกตามสาขาวิชา แต่เมื่อขึ้นปีสองทุกคนต้องแยกย้ายกันลงทะเบียนเรียนตามสาขาที่ตัวเองสอบเข้ามา

ผมและเพื่อนสอบติดวไฟฟ้า แต่ภาคมันสอบติดวโยธา หมายความว่าตลอดสามปีหลังจากนี้ผมกับภาคต้องแยกกันเรียน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมนั่งเหม่ออยู่แบบนี้

ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย

“โทษที”

‘แล้วมึงเอาไง จะลงพร้อมพวกกูเลยไหม’

“เออๆ แล้วแต่พวกมึงเลยกูได้หมด”

‘เออ! งั้นแค่นี้’

ผมกดวางสายจากนัท กลับมานั่งคิดมากเรื่องของภาคต่อ จะเป็นยังไงถ้าเราไม่ได้เรียนด้วยกันเหมือนที่ผ่านมา

“เป็นไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ภาคทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าภาคกลับเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไร

ผมยังนั่งนิ่งไม่ตอบคำถามแม้ว่าคนข้างจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ ก็ตาม

“ม่อน เป็นอะไร” ภาคสอดมือเข้ามาล็อกหน้าบังคับให้ผมหันไปมอง

“ช้อป มึงย้ายสาขามาเรียนกับกูได้ไหม” เป็นวิธีเดียวที่เราจะได้เรียนด้วยกัน

“เรื่องนี้เองหรอ กูนึกว่ามึงโกรธกูซะอีก” มันเลื่อนมือมาลูบหัว

“มึงเคยบอกไม่ให้กูทำตัวเป็นเด็กไม่ใช่หรอ แล้วทำไมงอแงเป็นเด็กแบบนี้ล่ะ” ผมหน้างอเมื่อโดนสิ่งที่เคยพูดย้อนกลับเข้าตัวเอง

“ก็…ก็...” ผมอึกอักคิดคำพูดไม่ออก

“เฮ้อ…” มันถอนหายใจพรืด ดึงตัวผมเข้าไปกอด

“มึงรู้ไหมว่าทำไมกูเลือกเรียนสาขานี้” ผมส่ายหน้าตอบ

“พ่อกูเคยบังคับให้เรียนบริหาร แต่กูไม่ยอมเพราะกูอยากเป็นวิศวะ กูทะเลาะกับพ่อเกือบเดือนกว่าพ่อกูจะยอม แต่มีข้อแม้ว่ากูต้องเรียนสาขาที่เขาเลือกให้”

“แล้วสาขาไหนที่มึงอยากเรียน”

“กูอยากเรียนสาขาเดียวกับมึงนั่นแหละ”

“งั้นมึงก็ย้ายมาเรียนกับกูเลยสิ” ผมพูดอย่างมีความหวัง ตอนนี้มันออกจากบ้านมาเกือบองเดือน ไม่มีใครคอยบังคับอีกต่อไปแล้ว

“ม่อน ที่กูเลือกเรียนสาขานี่ต่อก็เพราะมึง” มันคลายกอด จับไหล่มองด้วยสายตาจริงจัง

“กูเคยคิดนะเรื่องย้ายสาขามาอยู่กับมึง แต่ที่เขาอยากให้กูเรียนสาขานี้เพราะต้องการให้กูรับช่วงงานของบริษัทต่อ กูอยากพิสูจน์ให้เขาเห็นว่ากูทำได้ กูอยากให้เขายอมรับในตัวกู และที่สำคัญที่สุดกูอยากให้เขายอมรับในความรักของเรา” ผมงอแงเอาแต่ใจตัวเองจนลืมมองอีกคนที่กำลังพยายามทำให้ความรักของเราเดินต่อไปได้

มึงนี่มันงี่เง่าจริงๆ เลยม่อน

“กูเข้าใจแล้ว กูจะคอยเอาใจช่วยมึงอีกแรง” สิ่งที่ผมทำได้คือการให้กำลังใจ

“ขอบคุณนะ” มันดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบ

“แต่เราได้อยู่ด้วยกันน้อยลงนะ” ผมถูหน้ากับไหล่กว้าง อดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่ต้องรู้ว่าเวลาของเราสองคนต้องลดน้อยลงไปด้วย

“เรียนเสร็จเราก็กลับมาเจอกันที่ห้องไง” มือหนาลูบเส้นผม จมูกโด่งกดจูบตรงกลางหัว

“แค่นั้นเองหรอ” ผมยังคงอ้อนต่อ

“เสาร์อาทิตย์เราก็ได้อยู่ด้วยกันไง” ก็จริงอย่างที่มันว่า ผมตัดตารางการทำงานพาร์ทไทม์เสาร์อาทิตย์ที่ร้านสะดวกซื้อออกไปแล้วเพราะเห็นว่ามันหนักเกินไปสำหรับภาค

“ที่อ้อนให้กูย้ายคณะเพราะกลัวกูแอบมีกิ๊กใช่ไหม”

“กูไม่กลัวหรอก แต่ขอเตือนไว้ก่อน...” ผมเคาน์เตอร์ตัวออก กางมือขึ้นต่อหน้ามันก่อนไล่กรีดนิ้วลงจนครบทุกนิ้ว

“ถ้ากูจับได้กูจะบี้หนอนน้อยมึงให้เละคามือเลยคอยดู” มันสะดุ้งเฮือกเมื่อผมวางมือลงตรงเป้ากางเกง

“ไม่หรอก เค้าไม่มีทางนอกใจตัวแน่นอน”

“ให้มันจริง”

เรื่องการย้ายสาขาและการลงทะเบียนเรียนจบไปด้วยดี ผมเลือกวิชาเรียนตามที่สองสาวจัดมาให้ ส่วนภาคก็เลือกวิชาเรียนตามที่สาขามันกำหนด ยังโชคดีที่บางวิชาเรียนของเราตรงกัน แต่ก็เพียงสองชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น





ผ่านช่วงลงทะเบียนมาหลายวัน ผมกับภาคเริ่มทำงานที่ร้านนมปั่นตั้งแต่วันที่กลับมาจากบ้านคุณย่า จนถึงตอนนี้เหลืออีกเพียงสองวันก็จะถึงวันเปิดภาคเรียนใหม่อย่างเป็นทางการ

ลูกค้าในร้านยังคงหนาแน่นเหมือนเช่นทุกวัน พนักงานในร้านเดินสวนกันไปมา วันนี้ภาครับหน้าที่ดูแลลูกค้า ส่วนผมง่วนกับการจัดอาหารตามออร์เดอร์ของลูกค้า

“เข้ามาทำไม ไปดูแลลูกค้าสิ” เสียงพี่แมนดังมาจากหน้าเคาน์เตอร์ ผมวางมือจากงานที่ทำอยู่เดินออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอก

“มีไรรึเปล่าพี่” ผมรีบเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นว่าคนที่พี่แมนพูดด้วยคือภาค

“ก็ภาคเนี่ยสิ พี่บอกให้ออกไปดูแลลูกค้าก็ไม่ยอมไป” ผมหันหน้าไปมองอีกคนที่ยืนหน้านิ่งไม่พูดไม่จากับใคร

“เดี๋ยวผมทำแทนเองพี่” ผมเอ่ยอาสาแทน ส่วนอีกคนก็รีบเดินออกไปหลังร้านทันที

“เป็นไรรึเปล่า” ผมคว้าแขนแฟนตัวเองไว้ มันยังคงหน้านิ่งไม่ยอมตอบคำถาม

“ม่อนรีบออกมาข้างนอกหน่อย ลูกค้ารออยู่” เสียงพี่แมนเร่งเร้าอยู่ด้านนอก

“ครับพี่” ผมจำใจปล่อยมือจากคนตรงหน้าทั้งที่ยังไม่ได้คำตอบ ผมไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของภาคมานานแล้ว ก็ตั้งแต่วันที่ภาคก้าวขาออกจากบ้านเพื่อมาอยู่กับผม

ผมต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วรีบเดินออกมาหน้าร้าน

“ไปดูลูกค้าโต๊ะนั้นให้พี่หน่อย” พี่แมนชี้นิ้วไปที่โต๊ะลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว

“พี่ไม่รู้ว่าภาคมันเป็นไร จู่ๆ ก็เดินหนี” แต่ผมรู้แล้วครับว่าทำไม่ภาคถึงมีอาการแบบนั้น

“เดี๋ยวผมดูแลให้เองพี่” ผมหยิบเมนูอาหารเดินตรงเข้าไปหาลูกค้าโต๊ะนั้น

“พี่ม่อน” เสียงใส่ๆ ร้องทักเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ เบื้องหน้าคือรอยยิ้มสดใสของเด็กผู้หญิงที่ผมไม่ได้เห็นมานาน

“หวัดดีค่ะน้องพริม” ผมเดินเข้าไปยืนใกล้ เอ่ยทักทายเธอกลับ

“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับคุณพ่อ” ผมยกมือไหว้ทักทาย

“สวัสดีจ้ะ” แม่ของภาคยกมือรับไหว้ ส่วนอีกคนนั่งกอดอกเชิดหน้าเหมือนไม่ได้ยินเสียงของผม

“แล้วภาคไปไหนจ๊ะ เมื่อกี้แม่ยังเห็นอยู่เลย”

“ภาคจัดออร์เดอร์อยู่หลังร้านครับ คุณแม่สั่งก่อนไหมครับ” ผมวางเมนูอาหารลงที่โต๊ะ

“ดีเลยค่ะ น้องพริมกำลังหิวอยู่พอดี” พริมยิ้มกว้างหยิบเมนูอาหารขึ้นไปดู

“หนูพอมีเวลาว่างไหม แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

“เอ่อ...ตอนนี้ลูกค้าเยอะมากเลยครับ แต่...เดี๋ยวผมขอลองคุยกับผู้จัดการร้านดูก่อนนะครับ” พวกเขาคงมีเรื่องสำคัญถึงได้มาหาเราถึงที่ร้าน

ผมเดินกลับมาขออนุญาตพี่แมนที่เคาน์เตอร์ ผมบอกเหตุผลให้พี่แมนฟัง แกเอ่ยอนุญาตเพราะเคยได้ยินเรื่องราวของผมกับภาคมาบ้าง

“คุณแม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรอครับ” ผมกลับมาที่โต๊ะ เอ่ยถามแม่ของภาค

“เรามานั่งคุยกันดีกว่า” ท่านผายมือไปที่ว่างข้างน้องพริมตรงข้ามกับผู้ชายหน้าบึ้ง น้องพริมตบเก้าอี้เรียก ผมเดินไปนั่งตรงที่ว่าง

“แม่ได้ยินว่าภาคทำงานพาร์ทไทม์กับหนูใช่ไหมจ๊ะ” ท่านยิ้มถาม ผมพยักหน้าตอบ

“ใช่ครับ ภาคเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงปิดเทอม”

“จริงเหรอจ๊ะ” คุณแม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนคลี่ยิ้มแสดงความภูมิใจในตัวลูกชาย

“งานเด็กเสิร์ฟมันจะได้สักกี่บาทกันเชียว” คนที่นั่งกอดอกเอ่ยแทรก เขาแค่มองเหยียดด้วยหางตาก่อนจะหันกลับไปเชิดหน้าเหมือนเดิม

“คุณคะ” คุณแม่หันไปเอ็ดสามี

“อย่าไปสนใจพ่อเขาเลยนะ”

“ครับ แล้วคุณแม่จะให้ผมไปเรียกภาคมาไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอก รายนั้นเขาคงยังไม่อยากคุยกับใคร แต่เราช่วยเล่าเรื่องของภาคให้แม่ฟังได้ไหม”

“ได้เลยครับ” ผมเล่าเรื่องราวระหว่างที่ภาคอยู่กับผมให้พวกเขาฟัง ดูคุณแม่กับน้องพริมจะชอบใจมาก จ้อถามนั้นถามนี่เกี่ยวกับภาคไม่หยุด ทั้งสองคนคงคิดถึงลูกชายและพี่ชายของตัวเองมาก นี่ก็เกือบๆ สองเดือนแล้วนับจากวันที่ภาคมันเดินออกมาจากบ้านของพวกเขา

แต่มีอีกคนที่ดูไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่ผมเล่าสักเท่าไร เพราะตลอดเวลาที่ผมพูดเขามักจะพูดแทรกและแย้งสิ่งที่ผมพูดอยู่เสมอ

“พี่ม่อนเก่งจังเลยนะคะที่ทำให้พี่ภาคเปลี่ยนไปมากขนาดนี้” น้องพริมขยับตัวเข้ามาเกาะแขนผทก่อนหันไปยิ้มกับคุณแม่

“ไม่เกี่ยวกับพี่หรอก พี่แค่คอยช่วยอยู่ห่างๆ” ผมถือโอกาสยกความดีความชอบครั้งนี้ให้ภาคไป ถือเป็นของขวัญที่มันตั้งใจทำงานและเป็นแฟนที่ดีของผมมาโดยตลอด

“เพราะพี่ภาคเป็นแฟนกับพี่ม่อนนั่นแหละ” พริมว่าพร้อมกับบ่ายหน้าไปทางพ่อของตัวเอง

“ดูเราจะชอบพี่เขามากเลยนะ” คุณแม่เอ่ยแซวน้องพริม

“ก็พี่ม่อนทั้งหล่อทั้งเก่ง เพื่อนน้องพริมยังชอบพี่ม่อนเลย” ผมฉีกยิ้มกับความน่ารักของเธอ แอบภูมิใจเล็กๆ กับคำชมนั้น

“คงมีแค่บางคนแถวนี้แหละที่ไม่ชอบ” ผู้ชายตรงหน้าเหลือบตามองเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกพูดถึง

“กลับกันได้แล้ว คุยอะไรไร้สาระ” เขาเพียงเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนหันกลับไปกอดอกวางมาดเหมือนเคย

“จริงสิ คุยเพลินจนลืมเวลาไปเลย”

“งั้นเดี๋ยวผมไปตามภาคมาก่อนนะครับ” ผมไม่รอคำตอบลุกจากที่นั่งเดินเข้าหลังร้าน

ถึงมันจะไม่ยอมออกมาคุยแต่อย่างน้อยมันก็ควรบอกลาพวกเขาสักหน่อยก็ยังดี

“ไม่ออกไปลาพ่อกับแม่มึงหน่อยหรอ” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แฟนตัวเองที่กำลังนั่งกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ที่พื้นห้อง ท่าทางไม่ต่างจากพ่อของมันที่นั่งอยู่ด้านนอก

ผมเชื่อที่คุณย่าบอกแล้วว่าสองคนนี้เหมือนกันไม่มีผิด

คนข้างผมยังเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ จนผมต้องขยับตัวเขาไปใกล้สอดมื้อเข้าที่แขนของมัน

“ออกไปเจอท่านสักหน่อยนะ”

“มึงจะไล่ให้กูกลับไปใช่ไหม” มันดึงแขนออก ขยับตัวหนีหันหลังให้ผม

“เปล่า กูไม่จะได้ไล่มึง”

“แล้วมึงจะให้กูออกไปทำไม”

“มึงดูไม่ออกหรอว่าที่พวกเขามาที่นี่เพราะอยากมาเจอมึงไม่ใช่กู” ผมรู้ว่าพวกเขาที่นี่เพราะอยากเจอภาคไม่ใช่ผม บทสนทนาและคำถามส่วนใหญ่เกี่ยวกับภาคเกือบทั้งหมด

พวกเขารู้นิสัยของภาคดีกว่าผม เขารู้ว่าคนหัวดื้ออย่างภาคไม่มีทางออกไปเจอพวกเขาแน่ แม่ของภาคจึงเลือกที่จะถามชีวิตความเป็นอยู่ของภาคจากผมและผมก็เต็มใจเล่าให้ท่านฟัง

“ออกไปพร้อมกับกูนะ” ผมสอดมือจับกับมือหนาเป็นการให้กำลังใจ ผมปล่อยให้มันใช้ความคิดสักพัก

“เฮ้อ...” มันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้า

ผมจับมือภาคเดินกลับมาที่โต๊ะ น้องพริมลุกพรวดจากเก้าอี้วิ่งปรี่เข้ามากอดพี่ชายตัวเองแน่น

“พริมคิดถึงพี่ภาคจัง”

“พี่ก็คิดถึงพริม” ภาคยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัวน้องสาว แม่ของภาคคลี่ยิ้มเมื่อเห็นลูกชาย พ่อของมันก็เช่นกัน เขาคลายมือที่กอดอกอยู่ออกก่อนหันมามองภาค

“ผมไปรอที่รถนะ” แต่เพียงเขาเหลือบเห็นผมกับภาคจับมือกัน เขาก็ลุกพรวดเดินออกไปนอกร้านทันที

“ให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะ” คุณแม่ลุกจากเก้าอี้ เดินเข้ามาใกล้ก่อนยกมือจับแก้มภาคอย่างอ่อนโยน ส่วนภาคยังยืนนิ่งแต่มือและตัวของมันสั่นจนผมรู้สึกได้

“แม่ฝากภาคด้วยนะ” คุณแม่หันมาพูดกับผมบ้าง ก่อนจะยกมือจับแก้มแบบเดียวกับที่ทำกับภาค

“ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มรับอย่างเต็มใจ

“พี่ภาคกับพี่ม่อนสู้ๆนะคะ พริมเป็นกำลังใจให้” น้องพริมฉีกยิ้มกว้างชูสองนิ้วมาให้ก่อนเดินตามคุณแม่ออกไปนอกร้าน

“มึงโอเคไหม” ผมถามเอ่ยถามหลังจากเดินกลับเข้ามาหลังร้าน

“อื้ม กูโอเค” ภาคยิ้มคลี่ยิ้มบางๆ ตอบกลับมา แววตามันดูดีกว่าตอนที่อยู่หน้าร้านมาก มันคงคิดมากเรื่องพ่อ

อดทนหน่อยนะ กูเชื่อว่าสักวันเขาต้องเข้าใจความรักของเรา

“พี่ภาค” เสียงไอ้ตัวแสบดังมาก่อนตัว มันวิ่งปรี่เข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับภาค ซ้ำยังยกแขนขึ้นคล้องคอภาคราวกับเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน

“มึงออกไปไกลๆ ดิ๊” มันยังกระแทกก้นดันตัวผมออก ทำเหมือนผมเป็นส่วนเกินของมันกับภาค

มึงเป็นน้องอนุญาตจริงๆ รึเปล่าวะ สงสัยกูต้องหาเวลาพามึงไปตรวจดีเอ็นเอสักหน่อย

มิกซ์ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูภาค ผมค่อยขยับตัวเข้าไปใกล้ พยายามเงี่ยหูแอบฟังโดยไม่ให้ไอ้ตัวแสบรู้ตัว

“น้องสาวพี่โคตรน่ารักเลย ผมขอจีบนะ” และผมก็ได้รู้เหตุผลของมัน

“มึงมานี่เลย” ผมดึงหูลากมันออกห่างจากภาค

“ไอ้เชี่ยม่อนปล่อยกู” มันโวยวายดิ้นไปดิ้นมา ปากก็พร่ำด่าผมไม่หยุด แต่มันก็ทำได้แค่ด่าเท่านั้นแหละครับเพราะยิ่งขยับมันก็ยิ่งเจ็บตัว

“แฟนก็มีแล้วทั้งคนยังเสือกเจ้าชู้อีก” ผมเขกหัวมันไปทีหนึ่ง จนไอ้ตัวแสบร้องโอดครวญ

“พี่ภาคช่วยผมด้วย”

“ภาคมันช่วยมึงไม่ได้หรอก แต่มีคนหนึ่งที่ช่วยมึงได้ มึงอยากรู้ไหม” ผมก้มลงไปมองหน้า มือหนึ่งตบไหล่มันเบาๆ มันรีบพยักหน้าหงึกๆ เมื่อได้ยินผมเสนอ

“ช้อปไง กูจะโทรบอกช้อปให้มาช่วยมึง” มันเบิงตาโพลงเมื่อได้ยินชื่อแฟนตัวเอง ผมเห็นมันคบกับสาวมาหลายคน ไม่เคยเห็นมันกลัวใครเท่าช้อปเลย

สมกับเป็นเจ้าแมวน้อยของช้อปจริงๆ

“ไอ้เชี่ยม่อนอย่า...โอ๊ย!”

“พอได้แล้วม่อน น้องมันเจ็บ” ภาคคงทนดูไม่ไหวเดินเข้ามาห้ามผมไว้

“จำไว้อย่าริอาจเจ้าชู้อีก” ผมปล่อยมือจากหูมิกซ์ก่อนเทศนามันไปอีกบท ไอ้ตัวดีลูบหูปอยๆ เมื่อหลุดเป็นอิสระ

“ฝากไว้ก่อนนะมึง อย่าให้ถึงคราวกูบ้างนะ” มันชี้หน้าคาดโทษผมก่อนสะบัดตูดเดินลูบหูตัวเองออกไป

“มึงนี่ชอบแกล้งน้องมันจริงๆ เลยนะ” ภาคเดินเข้ามาล็อกคอผมไว้

“มึงดูไว้ ถ้าเจ้าชู้มึงจะโดนแบบมัน” ผมเงยหน้าขึ้นไปขู่ ถ้ามันคิดนอกใจผมรับรองว่าผมไม่ทำเหมือนที่ทำกับมิกซ์หรอกครับ แต่ผมจะทำให้มันสูญพันธุ์ไปเลย

“อ่าว! ทำไมหวยมาตกที่กูได้เนี่ย”

“ไม่รู้แหละ กูเตือนมึงไว้ก่อน”

“เค้าไม่เจ้าชู้แน่นอน” มันคลายแขน พลิกตัวผมให้หันหน้าเขาหามัน

“แฟนน่ารักขนาดนี้เค้าจะเจ้าชู้ได้ไง” รอยยิ้มของมันกลับมาแล้ว รอยยิ้มที่มันมักจะยิ้มให้กับผมเสมอ

“ให้มันแน่นะ” ผมชี้หน้าขู่

“แต่ยิ้มได้แบบนี้ แสดงว่าหายเครียดแล้วใช่ไหม”

“อื้ม แค่ได้อยู่กับมึงกูก็หายเครียดแล้ว”

“จะจู๋จี๋กันอีกนานไหม รีบมาช่วยกันทำงาน เดี๋ยวกูฟ้องพี่แมนให้หักเงินมึง” ไอ้ตัวดีเดินกลับมาเรียกผมสองคนพร้อมกับคำขู่

แต่เพียงผมขยับปาก ‘กู จะ ฟ้อง ช้อป’ โดยไม่เปล่งเสียง ไอ้ตัวดีก็สะดุ้งวิ่งหางจุกตูดออกไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางตลกๆ ของมันทำให้ผมกับภาคพร้อมใจกันขำก๊ากออกมา

ลายพาดกลอนเยี่ยงเสือ จริงๆ มึงก็แค่ลูกแมวเท่านั้นแหละมิกซ์เอ๊ย





“ผมกลับก่อนนะครับพี่” ผมกับภาคยกมือไหว้พี่แมน

“แล้วน้องชายเราล่ะ”



“ไม่ต้องห่วงมันหรอกพี่” รายนั้นเขามีราชรถมาเกยรออยู่หน้าร้านทุกวันอยู่แล้ว แถมมีสารถีรูปหล่อว่าที่คุณหมอค่อยขับรถเที่ยวรับเที่ยวส่งอยู่เป็นประจำ



“เออ...แล้วพวกเรากลับกันยังไง” ผมชี้นิ้วไปที่มอเตอร์ไซต์คู่ใจที่จอดอยู่คันเดียวหน้าร้าน มันกลายเป็นยานพาหนะประจำคู่เราไปแล้ว

“งั้นก็กลับดีๆ ล่ะกัน”

เราสองคนบอกลาเดินแยกทางกับพี่แมนมาที่รถ ภาคแบมือขอกุญแจรถจากผม ผมลืมบอกไปว่าช่วงที่เราใช้รถมอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะหลัก ผมต้องรับหน้าที่เป็นคนขับรถเพราะไอ้คุณชายดันขับมอเตอร์ไซต์ไม่เป็น แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนหลังจากที่กลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด จู่ๆ ภาคมันก็มาขอให้ผมช่วยสอนมันขี่มอเตอร์ไซต์ และจากวันนั้นเป็นต้นมามันก็รับหน้าที่ขับรถแทนผมมาตลอด

“ใส่หมวกด้วย” ผมรับหมวกกันน็อกมาใส่ มันก็หยิบของมันขึ้นมาใส่เช่นกัน

“กอดแน่นๆ นะ” ภาคจับจับมือผมกอดรอบเอวของมัน

“ซบด้วยได้ไหม” ผมถูหน้าที่แผ่นหลังกว้าง

“แบบนั้นยิ่งดีเลย”



เราใช้เวลาเพียงสิบนาทีในการขับรถกลับมาที่คอนโด ภาคดับเครื่องยนต์ถอดหมอกกันน็อกออกก่อนส่งกุญแจรถมาให้

“ภาค นั่นรถมึงไม่ใช่หรอ” ผมเหลือเห็นรถยุโรปรุ่นเดียวกับที่ภาคเคยขับและผมจำทะเบียนรถของมันได้ ผมมั่นใจว่าเป็นรถของมันแน่ มันโดนยึดไปตั้งวันนั้นแล้ว แต่ทำไมมันถึงมาจอดอยู่ที่นี่ได้

ภาคหันไปมอง ประจวบเหมาะกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมาหาพวกเรา

“คุณผู้หญิงสั่งให้เอารถมาให้คุณหนูครับ” ผมชายคนนั้นโค้งตัว ส่งกุญแจให้กับภาค

ภาคหันมามองหน้าผมเหมือนจะถามความคิดเห็น ผมพยักหน้าเพราะเห็นว่ารถคันนี้มีความจำเป็นกับมัน ผมกับมันเรียนคนละสาขาตารางเรียนของเราก็ไม่ตรงกันด้วย ถ้าจะใช้รถของผมเพียงคันเดียวคงไม่ไหว ได้รถอีกคันมาเพิ่มภาคมันจะได้สะดวกและไม่ต้องเหนื่อยคอยไปรับไปส่งผมด้วย

“คุณผู้หญิงฝากให้ผมบอกคุณหนูว่าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะส่งให้คุณหนูเหมือนเดิมครับ”

“ฝากขอบคุณแม่เรื่องรถด้วยนะและฝากบอกท่านด้วยว่าเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวผมจัดการเอง”

“ครับ”

ได้ยินคำตอบกับสายตามุ่งมั่นของมันแล้วอดยิ้มไม่ได้ มึงโตขึ้นเยอะเลยนะภาค

“ยิ้มอะไร ขึ้นห้องได้แล้ว” ก็กูภูมิใจในตัวแฟน ไม่ให้กูยิ้มจะให้กูร้องไห้รึไงล่ะ



ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาทันทีเหม่อกลับมาถึงห้อง ภาคเดินตามมายืนค้ำอยู่ด้านบนก่อนจะยืนมือมาจับมือผม

“ไปอาบน้ำก่อน แล้วเข้าไปนอนในห้อง”

“แป๊บหนึ่งนะ” ผมยังอิดออด นอนแผ่หลาไม่ยอมลุกขึ้นแม้ภาคจะออกแรงดึงตัวผมขึ้นมาก็ตาม

“เฮ้อ...งอแงเป็นเด็กอีกแล้ว” คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจพรืด ส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

“ก็กูเหนื่อย หิวมากด้วย” ผมลูบท้องปอยๆ วันนี้ไม่รู้เป็นไรถึงอยากอ้อนภาคมันแบบนี้

“งั้นเดียวกูไปทำไข่เจียวให้” ภาคเดินหายเข้าไปในครัว ส่วนผมยังนอนกลิ้งอยู่บนโซฟา

ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ

“ดึกดื่นแบบนี้ ใครมาเคาะประตูวะเนี่ย” ผมที่กำลังเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังเรียกอยู่หน้าห้อง ผมเดินกึ่งหลับกึ่งตื่นไปที่ประตู

“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงดังลั่น จนภาคต้องวิ่งปรี่ออกมาจากห้องครัว

“เป็นไรรึเปล่า” ภาควิ่งเข้ามาสำรวจร่างกายผมด้วยความเป็นห่วง โดยไม่เอะใจว่ามีสายตาหลายคู่กำลังมองเราอยู่

“หวานจังเลยนะ” มีนร้องแซว

“เฮ้ย...มาได้ไง” ภาคที่เพิ่งรู้ตัวหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่นอกห้องอย่างแปลกใจ แต่มือสองข้างยังจับที่ข้างแก้มและมือผมไม่ปล่อย

ผมเองก็แปลกใจที่เห็นพวกมันยกโขยงกันมาครบแก๊ง รวมถึงช้อปกับน้องชายตัวแสบที่ยืนกอดอกเบะปากอยู่ด้านหลัง สงสัยคงยังไม่หายโกรธเรื่องที่ร้าน

“กูว่าเรากลับกันดีกว่า ปล่อยให้ผัวเมียเขาสวีทกันต่อเถอะ” เสียงนัทว่าอย่างน้อยใจ

“เฮ้ย...เดี๋ยวก่อนสิวะเข้ามาในห้องก่อน” ผมรีบเดินเข้าไปคล้องคอไอ้คนขี้น้อยใจเข้ามาในห้อง ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยเดินตามเข้ามา

“พวงมึงมาทำไมกันอะ” ผมไล่มองหน้าเพื่อนทุกคน

“ก็มาฉลองเปิดเทอมไง” อาร์มแทรกตัวมายืนข้างหน้าพร้อมกับโชว์ลังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มันถืออยู่

“ใช่ๆ” มีนกับเฟิร์นต่างชูถุงกับแกล้มที่ถืออยู่เต็มสองมือเช่นกัน

“แล้วนั่นอะไรหรอช้อป” ผมเหลือบไปถังสี่เหลี่ยมสีฟ้าขนาดใหญ่ในมือของช้อป

“น้ำแข็งน่ะ”

“โห…” ผมถึงกับอ้าปากค้างอึ้งเมื่อเห็นของทั้งหมดที่พวกมันเตรียมมา

เครื่องดื่มพร้อม น้ำแข็งพร้อม กับแกล้มพร้อม และดูท่าพวกมันก็พร้อมเมาด้วยเช่นกัน

“มึงจะอึ้งอีกนานไหม กูหนักจะตายแล้ว” อาร์มร้องโอดเพราะมันเป็นคนถือของที่หนักที่สุด

ผมหันไปขออนุญาตเจ้าของห้อง ภาคพยักหน้าอนุญาตซ้ำยังเดินไปจัดเตรียมสถานที่ให้อย่างเสร็จสรรพ

ของที่พวกมันเตรียมมาทุกอย่างถูกนำวางรวมกันที่ห้องนั่งเล่น ลำโพงเซอร์ราวครบชุดของภาคที่นานๆ จะได้ใช้ วันนี้มันถูกนำออกมาเปิด โดยอาร์มรับหน้าที่เป็นดีเจหลังจากที่มันต้องรับหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่หลายครั้ง สองสาวมีนกับเฟิร์นเดินแยกตัวออกไปที่ห้องครัวจัดแจงเทกับแกล้มที่เตรียมมาใส่จาน

“เกร๊ง!” เสียงน้ำแข็งหล่งลงในแก้วใส ช้อปรับหน้าที่เป็นคนเติมน้ำแข็ง

“ป็อก!” เบียร์ขวดแรกถูกเปิดโดยนัท มันไล่เทของเหลวสีเหลืองลงแก้วที่ช้อปใส่น้ำแข็งเตรียมไว้ให้

ผมกับภาคเป็นเจ้าของห้องจึงได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องทำอะไรรอเมาอย่างเดียว ส่วนไอ้น้องชายตัวดีของผมยังคงนั่งกอดอกทำหน้างออยู่ข้างๆ ช้อปและมันจะเชิดหน้าใส่ทุกครั้งที่ผมมอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2018 12:07:19 โดย TONYZZYUKI »

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
นัทแจกจ่ายแก้วเครื่องดื่มให้กับทุกคนรอบวง ผมรีบคว้ามาไว้กับตัวเองสองแก้ว

“มึงเอาไปทำไมตั้งสองแก้ววะ แล้วของมิกซ์มันล่ะ” นัทเอ่ยถาม

“กูไม่ให้มันแดก” ผมยักไหล่ตอบ

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู” ไอ้ตัวดีลุกขึ้นชี้หน้าผม เดียวนี้มันกล้าขึ้นเสียงกับผมด้วย

“มึงเป็นน้องกู ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์”

“พี่เหี้ยๆ แบบมึงกูไม่อยากมีหรอก” อ่าวด่ากูอีก เดี๋ยวมึงโดนดีแน่

“มึงกล้าด่ากูหรอ ขอโทษกูเดี๋ยวนี้”

“ไม่มีทาง”

“หรือว่ามึงจะให้กูพูดเรื่องที่ร้าน” ผมเหลือบมองช้อปและดูเหมือนช้อปจะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกพูดถึง

“เชี่ยม่อน อย่า”

“งั้นก็รีบขอโทษกู” ผมเขย่าแก้วเบียร์ก่อนกระดกเข้าปาก

“ขอโทษ” มันพูดห้วนก่อนทิ้งตัวลงนั่งกอดอกทำหน้างอเช่นเดิม ส่วนผมยกยิ้ม กระดกเบียร์เข้าปากอย่างผู้มีชัย

“มึงเลิกแกล้งน้องมันได้แล้ว” ภาคหันมาดุผม

“กูสงสัยจริงๆ มึงสองออกมาจากท้องเดียวกันไหมวะ กัดกันอย่างกับใครคนหนึ่งเป็นลูกเมียน้อย” เฟิร์นขมวดคิ้วถาม

อันที่จริงผมแค่อยากแกล้งมิกซ์มันเท่านั้นแหละครับ แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งมัน

“มึงก็สรรหาเรื่องให้พ่อกูโดนไล่ออกจากบ้านนะ” ประโยคนี่สร้างความขบขันให้ทุกคนเป็นอย่างดี

เสียงหัวเราะหยุดไปสักพักก่อนจะมีเสียงหัวเราะของใครหนึ่งดังขึ้นมาแทน

“หึหึ” มิกซ์กระตุกยิ้มหัวเราะในลำคอพร้อมกับแย่งแก้วในมือช้อปไป

“จริงอย่างที่พี่เฟิร์นว่า ม่อนมันเป็นลูกเมียน้อย” มันพูดพร้อมกับกระดกเบียร์เข้าปากอย่างไม่กลัวคำขู่ของผมเลย ประโยคของมันทำให้ทุกคนที่ได้ฟังหันมามองผมเป็นตาเดียว รวมถึงภาคก็หันมามองผมเช่นกัน

มันโกรธผมจนเพี้ยนไปแล้วรึเปล่า

“มึงกล้าขัดคำสั่งกูหรอ”

“ทำไมกูต้องกลัวมึงด้วย” มันกระตุกยิ้มอ้อนตีน

“มึงจะให้กูพูดเรื่องนั้นใช่ไหม” มันไม่สนใจคำขู่กลับลุกขึ้นเดินอ้อมมานั่งข้างๆ อาร์มแทน

ทำไมมันไม่กลัวผมแล้วล่ะครับ แถมยังทำหน้าเหมือนมั่นใจอะไรสักอย่างด้วย

“พี่อาร์ม ผมขอเปิดเพลงหน่อยนะ”

“ได้สิ แล้วเราจะเปิดเพลงอะไรล่ะ”

“เพลงพิเศษนะพี่ ม่อนมันแต่งเองร้องเองเลยนะ” ทุกคนเริ่มวางแก้วในมือลงหันมาสนใจสิ่งที่มิกซ์กำลังทำ

“มึงไปแต่งเพลงเป็นด้วยหรอวะ” นัทเอ่ยถาม

นั่นสิ ผมแต่งเพลงเป็นซะที่ไหนและผมก็ไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟังด้วย

มันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดอะไรสักอย่างในนั้นแล้วหันมามองที่ผม

“พร้อมนะครับทุกคน” ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน ดูพวกมันจะตั้งใจฟังกันเป็นพิเศษ จนผมเองแอบหวั่นใจ

ไอ้ตัวแสบมันจะมาไม้ไหนกันแน่

ไม่นานเสียงเพลงที่มันบอกก็ดังผ่านลำโพงออกมา

“อื้อ...ภาคเร็วอีกหน่อย กูไม่ไหวแล้ว...อ้า”

ทุกคนหันขวับมาที่ผมทันที

“ไม่ใช่กูนะ” ผมปฏิเสธทั้งๆ ที่รู้ว่านั่นคือเสียงของตัวเอง

“ไม่ทันแล้วมึง” ทุกคนต่างพร้อมใจกันส่ายหน้าให้กับผม

“ไอ้เชี่ยมิกซ์ มึงปิดเดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปโวยวายกับไอ้ตัวดีทั้งที่อายจนหน้าชาไปหมด ไอ้ตัวดีไม่ยอมทำตามซ้ำยังเอาโทรศัพท์ไปซ่อนเพื่อไม่ให้ผมหาเจอ

ผมหันกลับมาหาแฟนตัวเองที่กำลังนั่งกระดกเบียร์เข้าปากอย่างสบายใจ 

“ภาคช่วยกูด้วย” ผมหมดหนทางจนต้องขอร้องให้ภาคช่วย

“กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าแกล้งน้องมัน” กูจะรู้ไหมล่ะว่ามันยังเก็บคลิปนั้นไว้

“เป็นเพราะมึงเลย กูบอกมึงแล้วว่าไม่ให้ทำที่บ้าน”

“อ้าว! กูผิดงั้นหรอ มึงเสียงดังเองต่างหาก” นอกจากจะไม่ช่วยมึงยังโยนความผิดให้กูอีก

เสียงร้องครางยังคงดังวนอยู่อย่างนั้น ผมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ผมจะไม่หนีจนกว่าจะได้แก้แค้นไอ้น้องเลวนี่ซะก่อน

“ช้อปอยากรู้เรื่องที่เราขู่มิกซ์มันไหม” ช้อปวางแก้วในมือหันมามองผมอย่างตั้งใจ ไอ้ตัวดีเริ่มหวั่นใจขึ้นมาบ้าง

“มิกซ์มันจะจีบพริมน้องสาวภาค”

“ไอ้เชี่ยม่อน” และก็เป็นอย่างที่ผมคิด ช้อปหันไปจ้องหน้ามิกซ์อย่างเอาเรื่องก่อนคว้าแขนลากตัวมิกซ์ออกไปที่ระเบียงห้อง

กูไม่ยอมโดนคนเดียวหรอกมิกซ์ กูต้องลากน้องชั่วๆ อย่างมึงไปด้วย ฮาๆ ๆ สะใจโว้ย

ว่าแต่ผมจะปิดคลิปเสียงนี้ได้ยังไง มิกซ์มันเอาโทรศัพท์ไปซ้อนไว้ที่ไหนเนี่ย





Part มิกซ์

ผมโดนคนหน้าดุลากตัวออกมาที่ระเบียง เป็นเพราะไอ้พี่ชายขี้ฟ้องของผมคนเดียว

“พี่ช้อปใจเย็น ปล่อยก่อน ผมเจ็บ” ผมขอร้องคนตรงหน้า

“ตอบพี่มา ที่ม่อนพูดหมายความว่าไง” พี่ช้อปถามเสียงดุ มือยังกำรอบข้อมือผมแน่น

“เออ...คือว่า...”

“จริงสินะ” พี่แกหลุบตา คลายมือออก

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมแค่แซวเล่นๆเท่านั้น” ผมดึงมือพี่ช้อปมาจับ

“ผมไม่ได้คิดจริงจังนะ” ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากคนตรงหน้า

“พี่ต้องเชื่อผมนะ ผมมีแค่พี่คนเดียวจริงๆ” ตั้งแต่คบกับพี่ช้อปผมก็ไม่เคยคุยกับใครอีกเลยผมสาบานได้ แต่พี่ช้อปนี่สิทำเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูด

“งั้นก็พิสูจน์ให้พี่เห็นสิ” พี่ช้อปเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาจริงจัง

“ยังไงหรอครับ?”

“คืนนี้ไปนอนกับพี่ที่ห้อง”

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้น้องมิกซ์ตายแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด