พิมพ์หน้านี้ - ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: TONYZZYUKI ที่ 04-07-2018 20:32:29

หัวข้อ: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 04-07-2018 20:32:29
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 1 #ขาย *แกไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 04-07-2018 21:03:39
ตอนที่ 1


#ขาย



“กูไม่รับงานผู้ชาย”



ก็จะอะไรอีกละครับก็ไอ้ผู้ชายตรงหน้าที่มันกำลังเมาแบบได้ที่มาเสนอเงินให้ผมไปนอนกับมัน ถึงอาชีพเสริมของผมจะเป็นโฮสต์ มีหน้าที่คอยรับงานดูแลแขกทั้งสาวน้อยสาวใหญ่อารมณ์เปลี่ยวตามผับ ถึงผมจะทำงานเป็นโอสต์ แต่ผมก็ไม่รับงานถึงขั้นขึ้นเตียงกับใคร อีกอย่างตอนนี้ผมก็ยังเรียนอยู่ด้วย ถ้าผมทำแบบนั้นคงหมดอนาคตกันพอดี และที่สำคัญผมไม่เคยคิดจะขายศักดิ์ศรีตัวเองหรอกครับ

“อย่างมึงมีสิทธิ์เลือกด้วยหรอวะ” ผู้ชายตรงหน้ามันยกยิ้มมุมปากส่งสายตาเหยียดมา

ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละครับว่าผมมีสิทธิ์เลือกด้วยหรอ เพราะที่ผมเลือกทำอาชีพนี้ไม่ใช่ว่าผมจะไม่มีงานอื่นให้ทำ มีงานอีกหลายอย่างที่ผมสามารถทำได้ แต่ดูจากเงินค่าตอบแทนที่ได้มาคงไม่พอใช้จ่ายของผม ทั้งค่าเทอม ค่าหอ ค่ากินค่าอยู่ ไหนจะต้องส่งเงินให้ทางบ้านอีกอีก ถ้าไม่ทำอาชีพแบบนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรแล้วครับ

“มึง…” ผมเดินตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของมันทันที ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนของมันที่กำลังลุกขึ้นยื่น พร้อมที่โถมเข้ามาใส่ผมได้ทุกเมื่อ

มันยกมือขึ้นปรามเพื่อนมันไว้ บอกว่าไม่ต้องยุ่งเดี๋ยวมันจัดการเอง

“ไอ้ภาคกูรู้ว่ามึงกำลังเฮิร์ท แต่ทำมึงไม่หาผู้หญิงสวยๆสักคนละ หรือไม่ถ้ามึงอยากลองกับผู้ชายจริงๆ มึงไม่ลองหาคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้เหี้ยนี่” อ่าวไอ้นี่มึงเป็นใครถึงมาด่ากู คนที่มึงควรด่าคือเพื่อนมึงกูอยู่เฉยๆ เสือกมายุ่งกับกูเอง โมโหครับ ผมทำงานของผมอยู่ดีๆ เพื่อนมันที่เป็นคนมาหาเรื่องผมเอง

ผมกำหมัดแน่นพร้อมถลาเข้าไปชกหน้าไอ้คนพูด แต่ดูไปแล้วคงไม่น่าจะไหวเพราะจากจำนวนพวกมันแล้ว ผมคงได้นอนจมกองตีนเป็นแน่

“อ่าวสัสพูดแบบนี้ก็สวยดิ เพื่อนมึงเป็นคนเริ่ม เองกูอยู่ส่วนกู มึงพูดหมาๆแบบนี้เดี๋ยวได้กินตีนกูหรอก” มันพร้อมโถมตัวเข้ามาปล่อยหมัดมาที่หน้าผม ผมหลับตาเตรียมรับหมัดที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว

อ่าว ทำไมกูไม่เจ็บวะหรือว่ากูโดนหนักจนชา คงไม่ใช่หรอกมั้ง

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาขึ้นมา กำปั้นของไอ้เหี้ยนั้นหยุดตรงหน้าผมพอดี แต่มันกลับไม่พุ่งเข้ามาโดนหน้าผม จนผมเริ่มสังเกตเห็นว่าไม่ได้มีแค่หมัดของไอ้เหี้ยนั้นคนเดียว แต่มันมีมือของอีกคนจับอยู่ที่หมัด เป็นมือของไอ้คนต้นเรื่องนั่นแหละครับ มันหันไปมองเพื่อนมันแบบคาดโทษก่อนที่ไอ้คนนั้นจะลดมือแล้วถอยกลับไปนั่งที่เดิม แต่ยังไม่วายหันมามองผมด้วยสายตาสมเพชอีก

“มึงไปได้แล้ว” มันพูดแล้วทิ้งตัวลงนั่งโดยไม่มองหน้าผม สายตามันจับจ้องไปที่แก้วเหล้าตรงหน้า ก่อนที่มันจะหยิบขึ้นมายกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

ผมหวังว่าคงหมดเรื่องกับพวกมันแล้วนะครับ

ผมหันหลังเตรียมเดินออกมาจากโต๊ะของมัน

“ขอเสนอกูยังอยู่นะ” ผมหันหลังกลับไปมองที่มัน 

มันพูดทั้งที่ยังก้มน่าสนใจอยู่กับแก้วเหล้าในมือของมัน 

ผมว่ามันคงไม่อยากจบแล้วล่ะครับ

“ไม่มีทาง” ผมยกนิ้วกลางให้มันตอนที่มันเงยหน้าขึ้นมามองผม และก้าวขาเดินออกมาอย่างหงุดหงิด

ผมเดินออกมาหลังร้านหยิบบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงมาสูบ หวังลดอารมณ์ร้อนก่อนหน้านี้

“ตี๊ดๆ ๆ ๆ” ผมยกโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงสั่นอยู่ในกระเป๋ายกขึ้นดูข้อความที่อยู่บนหน้าจอ ‘มิกซ์’ เบอร์น้องชายผมโทรเข้ามา ไม่แปลกหรอกครับที่จะมีสายจากทางบ้านโทรเข้ามา แต่ที่แปลกคือโทรมาตอนตีหนึ่ง มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว

“ม่อน” ผมกดรับสายยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

เสียงน้องชายดังขึ้นไม่รอแม้กระทั่งให้พูดคำว่าฮัลโหลก่อนเลยด้วยซ้ำ ผมเริ่มกังวลมากกว่าเดิมเสียอีกเพราะน้ำเสียงของมิกซ์ตอนนี้ดูสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ด้วยซ้ำไป

“ม่อน...มะ แม่เข้าโรงพยาบาล ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู”

“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นมิกซ์”

“แม่...ฮึกๆ ๆ ๆ ๆ” ตอนนี้เสียงมันเปลี่ยนไปเป็นเสียงสะอื้นเรียบร้อยแล้วครับ ยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงมากขึ้น ตอนนี้ผมยืนไม่ติดแล้วครับเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

“มึงใจเย็นค่อยๆ พูด” ผมพยายามทำเสียงให้นิ่งมากที่สุด

“วันนี้แม่บ่น...ฮึก...ว่าปวดท้องทั้งวันกู ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะแม่บอกว่าปวดแบบนี้เป็นประจำ พอดึกๆ แม่ร้องบอกว่าปวดท้องมาก กูกับพ่อเลยรีบพาแม่มาโรงพยาบาล” มันพยายามอธิบายทั้งๆ ที่ยังสะอื้นอยู่

“แล้วแม่เป็นไงบ้าง หมอว่าแม่เป็นอะไร” ผมถามด้วยความเป็นห่วงแม่ ในใจตอนนี้อยากขึ้นรถกลับบ้านไปหาเลยแม่ด้วยซ้ำ

“หมอบอกว่าแม่เป็นเนื้องอกในมดลูกต้องผ่าตัดด่วน แต่....”

“แต่อะไรวะมิกซ์” ผมรบเร้าให้มันตอบเพราะตอนนี้ผมเป็นห่วงแม่มากๆ

“หมอบอกว่ามันมีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด ตอนนี้พ่อก็ไม่มีเงิน กูเลยไม่รู้จะทำยังไง” ก็เป็นเรื่องเดิมเรื่องประจำของครอบครัวผมนั่นแหละครับ เพราะงานที่พ่อกับแม่ทำก็พอแค่ให้ไอ้มิกซ์ไปโรงเรียนกับค่าใช้จ่ายรายวันเท่านั้น และก็เป็นเหตุผลสำคัญให้ผมเลือกที่จะทำงานแบบนี้ โดยที่ไม่ให้ทางบ้านรู้

“เท่าไหร่วะ”

“ห้าหมื่น กูกับพ่อไม่รู้จะหามาจากไหนเลยโทรหามึงเนี่ยแหละ” ห้าหมื่นผมจะไปหามาจากที่ไหนวะเนี่ย

พยายามนึกหาทางว่าจะหาเงินมาจากที่ไหน ถ้าจะให้ไปยืมใครคงจะไม่มีใครให้ยืมเพราะผมจะเอาอะไรไปเป็นหลักประกันล่ะครับ



‘ข้อเสนอกูยังอยู่นะ’ เสียงจากไอ้คนที่ผมไปมีเรื่องก่อนหน้าดังขึ้นมาในหัว ผมพยายามตัดเสียงมันออกไปจากหัว แต่ยิ่งคิดยิ่งเสียงมันยิ่งดังก้องอยู่มากกว่าเดิมเสียอีก เอาไงเอาดีครับ 

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับไอ้มิกซ์ต่อ

“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องเงินบอกหมอว่าให้ผ่าตัดแม่ได้เลย เรื่องเงินเดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมพยายามข่มเสียงให้หนักแน่นที่สุดเพื่อให้มิกซ์มันไม่ต้องกังวล

“มึงจะหาเงินมาจากไหนวะ” มันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เออเงินจากที่กูทำงานนี้แหละ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวทำงานได้เงินแล้วกูโอนให้ ไปดูแม่เถอะถ้ามีอะไรรีบโทรหากูเลยนะ” ผมกดปุ่มวางสายบนหน้าจอ ยัดโทรศัพท์ใส่กลับไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม

‘เอาไงต่อดีวะกู’ ผมพูดกับตัวเอง ยกบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาจุดสูบอีกครั้ง เดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวาย ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ บอกไอ้มิกซ์ไปแล้วด้วย 



“กูมีเรื่องจะคุยด้วย” ผมเดินเข้าไปท่ามกลางกลุ่มเพื่อนปากหมาของมัน

ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ

“มึงมีไร” มันพูดแต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามามองผมเหมือนเดิมตอนนี้รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากที่ต้องเดินกลับมาหามันอีก

“ออกไปคุยกับกูข้างนอก”

“อยากคุยก็คุยตรงนี้” มันยังสนใจกับแก้วเหล้าของมันอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะทำตามที่ผมขอ







“กูจะมาขายให้มึง”

ศักดิ์ศรีเป็นสิ่งเดียวที่ผมมีอยู่ตอนนี้ ผมควรวางมันไว้ แล้วหันกลับมาทำเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวผมดีกว่า


หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-07-2018 00:02:46
เรื่องนี้ดูท่าแล้วความแซ่บต้องระดับสวนพริกแน่ๆ
ปูเสื่อรอจ้า
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 05-07-2018 17:18:58
น่าสนุก :o8: :o8: รออ่่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ี่ 2 #แค่ยืม *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 05-07-2018 18:35:04
ตอนที่ 2




#แค่ยืม




“เข้ามาสิยืนรออะไร”
ผมไม่ได้รออะไรหรอกนะครับ แค่กำลังตะลึงกับห้องมันอยู่ อะไรมันจะใหญ่โตได้ขนาดนี้ครับ อยากรู้จังวะมันอยู่กันกี่คน

ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ในคอนโดของ ‘ลูกค้า’ ก็คงใช่อย่างนั้นแหละครับ เพราะผมเองเป็นคนเดินเข้าไปเสนอขายให้กับมัน หลังจากที่ก่อนหน้าปฏิเสธไปจนเกือบได้วางมวยกับพวกมันไป ถ้าไม่มีความจำเป็นกูจะไม่มาเหยียบที่นี้เป็นอันขาด ผมบ่นกับตัวเอง

มันเดินนำผมไปที่ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างสวยงาม ด้านหน้ามีทีวีจอยักษ์น่าจะใหญ่กว่าที่ห้องผมประมาณสามเท่าได้ตั้งอยู่ มันเดินเข้าไปในห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องนอน ก่อนเดินไปในห้องแต่งตัวที่อยู่ข้างๆ มันใช้เวลาสักพักก่อนเดินออกมา

ผมยืนนิ่ง ภาพตรงหน้าคือมันกำลังเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพาดตรงบ่าเท่านั้น

“ตกใจอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวคืนนี้ได้เห็นเต็มที่แน่” มันพูดด้วยสีหน้ายียวนหรือจะเรียกว่ากวนตีนก็ได้ครับ แล้วมันก็เดินโทงเทงผ่านหน้าไปอย่างไม่อาย

อันที่จริงที่ผมตกใจไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นใครแก้ผ้านะครับ เพราะปกติเวลาผมอาบน้ำกับเพื่อนก็แก้ผ้าหมดไม่มีใครอายใครกันอยู่แล้ว แต่คงเป็นข้อยกเว้นกับคนที่เพิ่งเจอ อย่างน้อยมันก็ควรมีอายกันบ้างสิครับ

แต่คำว่า 'อาย' ผมควรทิ้งมันไปตั้งแต่ผมเดินเข้าไปเสนอตัวให้มันแล้วครับ

“นี่ผ้าเช็ดตัว อาบน้ำแล้วเข้าไปหากูที่ห้องนอน” มันพูดแล้วโยนผ้าเช็ดตัวมาให้ผม

“ละ...แล้วเสื้อผ้าหละ”

“ยังต้องใส่อีกหรอเพราะเดี๋ยวก็ต้องถอด มึงอย่าเรื่องมากรีบไปอาบน้ำ กูไม่ชอบรอใคร”

“…” เออก็จริงของมันครับ ยังไงก็ต้องถอดอยู่แล้ว

มาถึงขนาดนี้แล้วจะหันกลับได้ยังไง



ผมรู้สึกว่าอากาศในห้องเย็นขึ้นเรื่อยๆ ผมเดินออกจากห้องน้ำมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันอยู่ที่ท่อนล่างเท่านั้น

ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้องของมัน ผมควรจะเปิดเข้าไปดีไหมครับ มือผมสั่นอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะความเย็นจากแอร์ภายในห้องหรือจากความประหม่า ตื่นเต้น กลัว หรืออะไรก็ตาม

ผมเอื้อมจับลูกบิดประด้วยอาการสั่น บิดหมุนดันประตูให้เปิดออก ลูกค้าคนแรกของผมผมตอนนี้กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ในมือถือโทรศัพท์อยู่ มันกำลังใช้นิ้วถูหน้าจอด้วยสภาพเปลือยเหมือนกับก่อนหน้านี้ ผมสงสัยว่ามันไม่รู้สึกหนาวบ้างหรอ ขนาดผมมีผ้าเช็ดตัวพันยังรู้สึกหนาวจนสั่น

ผมเดินไปนั่งที่ปลายเตียงสายตาหันไปสบเข้ากับไอ้คุณลูกค้าที่มองมาที่ผมพอดี

“มึงต้องการเงินเท่าไร” มันดึงเข้าประเด็นด้วยเสียงเรียบ

“ห้าหมื่น”

“หึ...คนอย่างมึงมีค่ามากขนาดนั้นเลยหรอ” มันส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนพูดประโยคที่ผมแทบอยากจะกระโดดเข้าไปชกหน้าสักหมัด แต่คงทำไม่ได้เพราะมันก็เป็นทางเลือกเดียวที่ผมมีในตอนนี้ ทำได้เพียงยืนกำหมัดแน่นเท่านั้น

“มันก็คงเหมือนกับที่มึงว่าแหละ กูคงไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเงินห้าหมื่นกูแค่จะขอยืมมึงเท่านั้น” อย่างที่มันบอกล่ะครับ ผมตอนนี้คงมีค่าไม่ถึงห้าหมื่นหรอก ฉะนั้นผมจึงตัดปัญหาด้วยการขอยืมมันแทน

“งั้นก็ดีเพราะกูว่าห้าหมื่นมันคงมากเกินไปสำหรับค่าตัวมึง”

ตึก....มันพูดจบก็ผลักผมล้มลงบนเตียงทันที มันดึงผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่ที่เอวผมออก ตอนนี้ร่างกายผมเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์ ทำได้เพียงเงยหน้ามองคนข้างหน้าที่ยืนยิ้มมุมปากอย่างกับรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ

มันขยับตัวคลานขึ้นมาบนเตียงก่อนก้มลงประกบปากกับผม มันพยายามแงะปากเพื่อสอดลิ้นเข้ามา ผมเม้มปากไว้แน่นไม่ยอมให้มันสอดลิ้นเข้ามาง่ายๆ มันคงหมดความอดทนแล้วครับ

“มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้!!!” มันก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิม มันอ้าปากงับรีบฝีปากผมอย่างแรงจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือด มันกัfแรงจนผมรู้สึกทนไม่ไหวเผลออ้าปากกว้าง มันอาศัยจังหวะนั้นสอดลิ้นอุ่นเข้ามาในปากผมอย่างรวดเร็ว ผมปล่อยให้มันฉกลิ้นแลกน้ำลายอย่างนั้นอยู่นาน

มันละความสนใจจากปากผมเลื่อนปากไล่เลียอยู่บริเวณต้นคอ

“อื้อ…” มันกัดเข้าที่ต้นคอ ผมถึงกับส่งเสียงร้องออกมา มันเล้าโลมที่ต้นคอผมอยู่สักพัก ก่อนเปลี่ยนคนสนใจมาหัวนมที่กำลังตั้งชันอยู่ของผม มันทั้งดูดทั้งเลียทั้งกัดจนผมเผลอครางออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ผมนอนนิ่งไม่ขยับตัวปล่อยให้มันใช้ปากดูดชิมร่างกายอย่างหื่นกระหาย ก่อนที่จะผละตัวออกเงยหน้าเชิงบอกว่าต่อไปเป็นหน้าที่ของผมแล้ว

ผมกดปากลงบนหัวนมของมันทั้งสองข้างสลับไปมา จนมันส่งเสียงครางอย่างพอใจ ผมเล่นอยู่กับหัวนมของมันอยู่นาน จนมันคงรำคาญแล้วยกตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนหลังพิงที่หัวเตียง มันยกนิ้วขึ้นชี้ที่แก่นกายกลางตัวของมัน ที่ตอนนี้ผงาดขึ้นเต็มที่พร้อมจะฉกผมได้ทุกเมื่อ ผมรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง เพียงแต่ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าต้องทำยังไงเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน

เป็นไงเป็นกันละครับตอนนี้ ผมก้มลงไปงับน้องมันอย่างเก้ๆ กังๆ

“เหี้ย...ฟันมึง” ผมตกใจสะดุ้งคลายปากออกจากน้องชายมันทันที

“ก็กูไม่เคย” ผมตอบแต่ไม่ได้หันไปสบตามัน อายครับ

“ถ้าโดนอีกรอบมึงเจ็บตัวแน่” มันส่งเสียงแข็งขู่

มึงจะให้กูทำไงวะก็กูบอกว่ากูไม่เคย แค่กูคิดว่าต้องอมของมึงเข้าไปกูก็เครียดแล้ว ยังต้องมาระวังไม่ให้ฟันโดนอีกนี้กูคิดถูกไหมที่ขายให้มึง

ผมก้มลงครอบปากลงไปอีกรอบอย่างระมัดระวัง มันส่งเสียงครางหื่นกระหายออกมาอย่างต่อเนื่อง จนมันคงทนความเสียวไม่ไหวยื่นมือไปควานหาอะไรสักอย่างในลิ้นชักข้างเตียง ‘ถุงยาง’ ใช่ครับ มันหยิบถุงยางขึ้นมา ก่อนผลักผมให้ล้มลงไปนอนในท่าคว่ำหน้า มันถ่มน้ำลายลงบนช่องทางด้านหลังของผม ผมกะจะถามมันว่าไม่มีเจลหรอ แต่อย่างว่ามันก็คงไม่ได้เตรียมตัวมามีอะไรกับผู้ชายอยู่แล้ว คงไม่มีของอย่างว่าอยู่แน่ แต่เอาวะอย่างน้อยมันก็ยังมีน้ำใจใช้น้ำลายอยู่บ้าง ผมพยายามคิดปลอบใจตัวเอง

“อื้อ...” ผมส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกกำลังมีบางสิ่งเคลื่อนเข้ามาข้างในตัวผมอย่างช้าๆ นี้ขนาดนิ้วเดียวยังเจ็บขนาดนี้ ถ้าเกิดมันใส่ของมันเข้ามาผมไม่ตายก่อนหรอ ผมรู้สึกกลัวจนเริ่มตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

“หึๆ นี้แค่นิ้วเดียวยังสั่นขนาด ถ้าโดนของกูเข้าไปไม่ตายเลยหรอ” มันก้มลงมากระซิบข้างหูพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

“ท่องเอาไว้เพื่อเงิน” ใช่อย่างที่มันบอกว่าท่องเอาไว้เพื่อเงิน เพื่อเงินกูต้องทำได้

มันเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งเป็นสองเป็นสาม ผมเจ็บจนในหัวตอนนี้ว่างไปหมด น้ำใส่เริ่มไหลออกมาจากตาผมอย่างไม่ขาดสาย ผมพยายามอดกลั้นไม่ให้มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมา เพราะผมพยายามย้ำกับตัวเองตลอดว่าเพื่อเงินยังไงก็ต้องอดทนให้ได้

“อึก…” ความเจ็บที่เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้มาก มันพยายามดันแก่นกายของมันเข้ามาในตัวของผมช้าๆ มือทั้งสองข้างของผมกำผ้าปูที่นอนแน่น ก้มหน้าลงใช้ปากคาบหมอนที่วางอยู่ตรงหน้า ความเจ็บที่แล่นเข้ามาจนเหมือนว่าร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาที่ไหลออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแถมยังมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

“อ่ะ...อย่าเพิ่ง” ผมเค้นเสียงด้วยแรงทั้งหมดที่พอจะมีในตอนนี้ เอ่ยห้ามเจ้าของสิ่งแปลกปลอมขณะที่มันกำลังขยับสะโพก คำพูดของผมเหมือนไม่มีความหมายผมรับรู้ถึงแรงขยับจากสะโพกของมัน เสียงกระทบระหว่างสะโพกของผมกันมันดังไปทั่วห้อง พร้อมกับเสียงครางกระเส่าของมัน

ไม่มีเสียงครางหรือเสียงใดๆ หลุดออกมาจากปากผมทั้งสิ้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงอดทนรอเวลาสำเร็จความใคร่ของมัน

“เงียบจัง มึงไม่สนุกหรอ” มันใช้มือข้างหนึ่งจิกหัว ดึงให้หน้าของผมเงยขึ้น มันหวังว่าจะให้ผมส่งเสียงร้อง

มันจับผมกระแทกในท่าหันหลังอยู่นานก่อนจับผมพลิกตัว แล้วยกขาพาดบ่าสอดใส่ของมันอีกรอบ

“สัส!!! นี่มึงร้องไห้หรอ มึงรู้ไหมมึงยิ่งร้องกูยิ่งมีอารมณ์” มันเริ่มขยับสะโพกอีกครั้งแต่แรงกว่าเดิมหลายเท่า ไม่รู้ว่าความเจ็บเริ่มลดไปตอนไหน เพียงแต่รับรู้ถึงอาการเสียวแปลกแล่นเข้ามาแทน ถึงแม้จะมีความเจ็บอยู่แต่ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง จนผมเผลอครางออกมาอย่างน่าอาย

ผมไม่รู้ว่าหน้าตาของมันตอนนี้เป็นยังไงเพราะผมหลับตาตลอด ไม่อยากมองหน้าของมัน

“อะ...อ้า” เสียงครางพร้อมอาการกระตุกในช่องทางหลังของผม เป็นสัญญาณที่บอกว่ามันถึงจุดสุดยอดแล้ว มันถอดตัวออกจากตัวผม มันดึงถุงยางออกโยนทิ้งลงในถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่หันมามองหน้าผมเลย สงสัยมันคงรังเกียจคนอย่างผมที่ทำอาชีพแบบนี้มาก



มันเดินออกมาจากห้องน้ำยื่นโทรศัพท์ให้ผมกดรหัสบัญชีธนาคารให้ เสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่ตรงกองเสื้อผ้าดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีผมเรียบร้อยแล้ว

“ได้เงินแล้วก็ออกไปจากห้องกูซะ” เสียงมันไล่ผม ถึงแม้อาการอึดอัดตอนที่น้องชายมันอยู่ข้างในจะหายไปแต่ความเจ็บที่ได้รับก่อนหน้านี้ยังคงอยู่และยังคงเจ็บมากด้วย



ผมเดินลากตัวอย่างทุลักทุเลหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาใส่แล้วเดินออกไปที่หน้าประตู

“ถ้ากูมีเดี๋ยวกูคืนให้” ผมหันไปบอกมันก่อนจะยื่นมือไปจับลูกบิดประตู

“ไม่ต้อง” เสียงของมันดังมาจากข้างหลังก่อนเดินหันหลังกลับเข้าห้องนอนไป

ถึงแม้ว่ามันจะบอกว่าไม่ต้องคืนก็ตามแต่สำหรับผมยังไงผมก็ต้องหาเงินมาคืนมันให้ได้ เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่อยากรู้สึกติดหนี้ใคร



“เฮ้ย...ม่อนมึงไปโดนเชี่ยไรมาสภาพถึงเป็นแบบนี้” ผมเดินลากสังขารที่แทบจะไร้วิญญาณลัดเลาะข้างมอ ก่อนจะเดินเข้ามาในหอ ถึงแม้กฎของหอในจะห้ามเข้าก่อนเที่ยงคืน แต่ด้วยความสนิทสนมกับพี่ยามเป็นพิเศษ จึงทำให้ผมลากตัวเองมาจนถึงห้องที่อยู่ชั้นสามจนได้

ไอ้นัทเมทที่เป็นทั้งเพื่อนคณะแถมพ่วงด้วยคำว่าเพื่อนสนิทยืนเปิดประตูพร้อมกับสีหน้าเป็นห่วง

“เออ ไม่มีไรกูแค่เหนื่อยนิดหน่อย” ผมเดินผ่านหน้ามันตรงไปที่เตียงทิ้งตัวลงนอนทันที

“มึงโอเคใช่ไหม” มันปิดประตูแล้วเดินตรงเข้ามาถามผมทันที ผมไม่ได้ตอบคำถามมันเพราะรู้สึกว่าร่างกายตอนนี้เหมือนไม่ไหว และไอ้นัทเองก็คงรู้เพราะมันไม่ถามผมต่อ หันหลังกลับไปที่เตียงปล่อยให้ผมค่อยจมลงไปกับห้วงนิทรา
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-07-2018 19:13:27
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 2 #แค่ยืม
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-07-2018 21:00:22
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 2 #แค่ยืม
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-07-2018 21:13:29
ขอยาวๆกว่านี้ได้ไหมอ่า  พลีสสส
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 2 #แค่ยืม
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-07-2018 06:11:27
ติดตามจ้า  สงสารม่อน :mew6:  ตอนหน้าขอยาวกว่านี้ได้มั่ยอ่า
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 2 #แค่ยืม
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-07-2018 07:24:02
ม่อนต้องเจอคนซื้อนั่นอีกแน่เลย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 2 #แค่ยืม
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 06-07-2018 08:35:07
ตกลงนายเอกเราชื่อม่อนหรือหม่อนคะ
อิตาพระเอกได้เข้าเสร็จก็ไม่แยแสเลย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 2 #แค่ยืม
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 06-07-2018 13:50:47
ฮูยยยยยย
เรื่องนี้แซ่บบบบบบ
อยากอ่านเรื่องนี้มาก
กดบวกรัวๆ มาต่อเร็วๆ นะ
รอความหลัวหลงเด็กขาย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 06-07-2018 16:26:05
ตกลงนายเอกเราชื่อม่อนหรือหม่อนคะ
อิตาพระเอกได้เข้าเสร็จก็ไม่แยแสเลย


ขอโทษครับพอดีรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ตรวจก่อน นายเองชื่อม่อนครับ

ส่วนคนที่บอกว่าสั้นไปหน่อยเอาเป็นว่าผมจะขยันมาอัพให้บ่อยๆแทนละกันนะครับ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย *แก้ไข
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 06-07-2018 16:32:06
ตอนที่ 3




#ความซวย





"เฮือก....” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหนึบบริเวณท่อนล่างที่ผ่านศึกอย่างหนักหน่วงเมื่อคืน ผมเลื่อนมือคล้ำหาโทรศัพท์มือถือเพื่อดูนาฬิกา ตอนนี้เวลาเกือบเที่ยงแล้ว ผมเลื่อนหน้าจอกดเข้าแอพธนาคารสีเขียว ใส่ยอดเงินห้าหมื่นบาทโอนเข้าบัญชีพ่อ แล้วยกหูต่อสายหามิกซ์น้องชายผม

มิกซ์มันบอกว่าแม่ผมได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย อาการปลอดภัยดีและกำลังอยู่ในห้องพักฟื้น มิกซ์มันพยายามซักไซ้เกี่ยวกับเงินห้าหมื่นที่ผมโอนไปให้ มันก็คงสงสัยแหละครับว่าเวลาแค่ไม่มันถึงวันผมหาเงินเยอะขนาดนั้นมาจากไหน ผมเพียงแต่บอกตัดกับมันว่าเพิ่งได้งานใหม่พอดีเจ้าของใจดีให้เบิกเงินล่วงหน้า เพราะผมไม่มีทางบอกว่าไปขายตัวมาแน่ๆ มิกซ์มันก็ดูไม่ได้สงสัยอะไรทำผมโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

“โอ้ย...ซี๊ด...” ผมส่งเสียงร้องหลังจากเดินเข้ามาในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำไหลลงมาชำระร่างกาย

แสบมากครับตอนนี้ เจ็บจนร่างกายสั่นไปหมด ก็ตอนที่น้ำไหลผ่านร่องรอยการโดนกระทำอย่างรุนแรงเมื่อคืน ทำให้ผมตอนนี้แทบยืนไม่ไหว ถึงจะเห็นผมทำงานแบบนี้แต่เรื่องการเรียนผมไม่ทิ้งแน่นอน เพราะคาบเช้าตอนที่ผมยังนอนสลบไสลอยู่บนที่นอนจนไม่ได้ไปเรียน ถึงยังไงอย่างน้อยผมก็ต้องไปเรียนคาบบ่ายให้ได้

ผมเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเล หยิบชุดนักศึกษาขึ้นมาใส่ หยิบชีทเรียนใส่กระเป๋า สวมรองเท้าเดินออกจากหอ กว่าจะลงมาจากห้องชั้นสามก็เล่นเอาลมแทบจับ



“เฮ้ย ไอ้ม่อนมึงมาเรียนได้ นี่หายดีแล้วหรอ” ตอนนี้ผมยืนอยู่ในโรงอาหารคณะ ที่เต็มไปด้วยนักศึกษาใส่ช็อปเดินเต็มไปหมด ใช่ครับคณะที่ผมเรียนคือวิศวะ ผมอยู่ปีหนึ่งครับ ตอนนี้เรียนมาเกือบกลางเทอมแล้วครับ อย่างที่บอกครับว่าผมอยู่ปีหนึ่ง ผมเริ่มทำอาชีพโฮสต์มาได้สักพักหลังจากลองไปทำพาร์ทไทม์ร้านสะดวกอยู่สักพัก แต่อย่างว่ามันไม่พอกับค่าใช้จ่ายของผมที่มากพอสมควร อีกอย่างผมไม่อยากเป็นภาระให้ทางบ้าน รุ่นพี่ที่รู้จักเลยชักชวนผมมาลองเป็นโฮสต์ดู ตอนแรกผมก็ยังกล้าๆกลัวอยู่ แต่ผ่านไปสักพักกับงานนี้ที่ไม่หนักแถมรายได้ยังเยอะมากพอที่ใช่จ่ายส่วนตัว บางเดือนยังเหลือส่งให้ทางบ้านด้วย ผมเลยเลือกทำอาชีพนี้ต่อไป พวกเพื่อนๆในกลุ่มมันก็รู้นะครับว่าผมทำงานอะไร แต่พวกมันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพราะมันเข้าใจว่าผมทำไปเพราะความจำเป็น

เพื่อนในกลุ่มผมมีทั้งหมดห้าคน คนแรกก็ไอ้นัทเป็นเมทและเพื่อนสนิทที่สุดของผม ผู้ชายอีกคนชื่อไอ้อาร์ม และอีกสองสาวสวยประจำกลุ่มมีนกับเฟิร์น กลุ่มเราค่อนข้างสนิทกันมากไปด้วยกันแทบจะทุกที่ ถือเป็นความโชคดีของผมมากครับที่มีเพื่อนอย่างพวกมัน

“เออดีขึ้นแล้วหวะ” ผมตอบไปทั้งๆ ที่ยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วง

“เออดีแล้ว แล้วนี่มึงกินไรมายัง ถ้ายังก็รีบไปซื้อมาเลย เดี๋ยวก็ต้องไปเรียนแล้ว” ผมเดินไปที่โต๊ะวางกระเป๋าลงแล้วเดินตรงไปยังร้านข้าวร้านประจำผมทันที



ผมเดินถือจานข้าวกะเพราของโปรดกลับมาที่โต๊ะ แต่ก่อนที่จะเดินถึงโต๊ะสายตาผมก็ต้องสะดุดลงทันที เพราะไอ้โต๊ะที่อยู่ถัดไปเป็นโต๊ะไอ้กลุ่มเมื่อคืนที่ผมเจอที่ผับ แถมผมยังไปเสนอขายให้กับเพื่อนมันอีก

ตอนนี้สมองผมตันจนไม่รู้จะทำยังไง เพราะรู้สึกว่าพวกมันสังเกตเห็นผมแล้ว แต่เอาวะคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ทำแค่เป็นไม่รู้จักพวกมันก็พอ



“นี้อยากได้เงินจนต้องมาเร่ขายในมอเลยหรอวะ” กึก...เสียงพูดดังลอยมาจากกลุ่มพวกมัน ดังขึ้นจนเพื่อนในกลุ่มของผมหันไปมอง

“สงสัยที่ได้ไปเมื่อคืนคงไม่พอมั้ง” เสียงเพื่อนในกลุ่มมันอีกคนร้องขึ้น

ผมนั่งกำช้อนในมือทั้งสองข้างแน่น กดอารมณ์ที่อยากจะลุกขึ้นไปสอยหน้าพวกมันสักหมัดไว้ จนไอ้นัทมันเริ่มจับสังเกตจากสีหน้าตอนนี้ของผมได้

“ม่อนเมื่อคืนมึงไปทำไรมา อย่าบอกนะสภาพของมึงเมื่อคืนก็เพราะว่า....” มันถามผมด้วยสีหน้าจริงจังที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง เพื่อนในกลุ่มที่เหลือมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“...” ผมเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

“เห้ย...ไหนมึงบอกว่าจะไม่ทำแบบนั้นว่ะ แล้วทำไม่มึงถึง...” มันเว้นระยะเพื่อให้ผมตอบ แต่ก็ไม่มีคำไหนที่หลุดออกมาจากปากผม เพราะกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปพวกมันจะโกรธ รังเกียจ หรืออาจจะเลิกคบผมเลยก็ได้

ผมเคยสัญญากับพวกมันหลังจากที่พวกมันรู้ว่าผมทำงานอะไรว่าจะไม่ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมกลับเลือกที่จะทำ

“มึงมีอะไรไม่บอกพวกกูวะ”

“จะอะไรอีกหละก็คนมันหิวเงิน” ไอ้นัทหันขวับ ง้างหมัดขึ้นเตรียมชกไอ้ต้นเสียงที่อยู่โต๊ะใกล้ๆ แต่ยังดีที่ไอ้อาร์มคว้าตัวมันไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงเกิดมวยกลางโรงอาหารแน่ๆ

“กูขอโทษ กูขอโทษ พวกมึงอย่าเกลียดกูเลยนะ” ผมพูดเสียงสั่นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามามองพวกมันด้วยซ้ำ

“กูกินเสร็จแล้วไปกันเถอะ” เสียงที่ผมจำได้แม่นถึงแม้ตอนนี้มันจะหันหลังผมก็ตาม มันลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป จนเพื่อนของมันลุกเดินตามออกไปอย่างงงๆ

“ม่อนมึงเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม” ไอ้นัทที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่ คำถามมันทำเอาผมจุกที่หน้าอก

“มึงมีอะไรทำไมไม่บอกพวกกู”

“…” ผมยังเงียบไม่ยอมตอบพวกมัน

ผมคิดว่ามันเรื่องนี้มันเป็นปัญหาของผม ผมไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับรู้ถึงปัญหาของตัวเอง

“ถ้ามึงไม่ตอบก็แสดงว่ามึงไม่เห็นว่าพวกกูเป็นเพื่อนมึงเลยใช่ไหม” มันพูดแล้วลูกยืนขึ้นเตรียมที่จะเดินออกจากโต๊ะไป

“กูขอโทษ กูขอโทษ” คำเดียวที่ยังออกจากปากผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มึงมีไรไม่ปรึกษาเพื่อนวะ” เสียงจากไอ้อาร์มที่คงจะเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว

“กู...ไม่อยากรบกวนพวกมึง แค่ตอนที่พวกมึงรู้ว่ากูทำงานอะไรอยู่ แต่พวกมึงยังคบกับกูไม่รังเกียจกู กูก็รู้สึกขอบคุณพวกมึงมากแล้ว” ผมพูดทั้งหมดในใจที่ผมเก็บไว้ออกมา

“พวกกูคบมึงเพราะมึงเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกู ไม่ใช่เพราะว่าสงสารมึง ที่ผ่านมามึงไม่เข้าใจเลยหรอ”

“กูขอโทษ ขอโทษพวกมึงจริงๆ พวกมึงอย่าเลิกคบกูเลยนะ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ กลัวจริงๆ ครับตอนนี้

“พวกกูจะเลิกคบมึงทำไม แล้วทำไมพวกกูต้องเลิกคบกับมึง” เพื่อนทุกคนพร้อมใจพักยักหน้าเชิงเข้าใจ

“แล้วตอนนี้มึงจะบอกพวกกูได้ยังว่าเกิดอะไรขึ้น” ไอ้นัทหันกลับมาถามหลังจากที่ลุกขึ้นเตรียมเดินออกไป แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ที่เดิม จ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง



ผมเล่าเรื่องทุกอย่าง ทั้งเรื่องแม่ เรื่องเมื่อคืนให้พวกมันฟัง

“ที่หลังมีอะไรก็ปรึกษาพวกกูก่อน อย่างน้อยพวกกูยังช่วยให้คำปรึกษามึงได้” ไอ้นัทบอก

“แล้วหนี้ที่มึงยืมมันมามันมึงจะทำยังไง ยืมของพวกกูก่อนไหมเดี๋ยวพวกกูรวมเงินกันให้” มีนให้ความเห็นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เห้ย...ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูทำงานเก็บตังค์คืนมันเอง กูไม่อยากรบกวนพวกมึง” ผมเกรงใจพวกมันจริงๆ ครับ ไม่อยากรบกวนพวกมัน

“เออเอางั้นก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรรีบบอกพวกกู” ไอ้นัทพูดเสียงแข็ง แต่ผมก็รู้แหละว่าพวกมันเป็นห่วงผม

ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่อยากน้อยในเวลาที่ผมรู้สึกไม่โอเคก็ยังมีพวกเพื่อนอยู่ข้างๆ



วันนี้ผมไม่ได้ออกไปทำงานที่ผับเพราะยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ และก็อยากเก็บแรงไว้ทำงานพาร์ทไทม์ที่ไปสมัครไว้ เพื่อหวังว่าจะรีบเก็บเงินไปใช้หนี้มันเร็วๆ



เช้านี้ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพราะต้องเข้างานกระเช้า ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ซึ่งตอนนี้อาการเจ็บก็ทุเลาลงไปเยอะแล้ว หยิบชุดยูนิฟอร์มของทางร้านขึ้นมาใส่ เดินลงมาที่จอดรถข้างหอ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์ประจำตำแหน่งมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ 7-11

หน้าที่ของผมคือจัดชั้นวางของ เช็กสินค้า กับคิดเงินให้ลูกค้า สองอย่างแรกก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับแต่อย่างหลังนี้หนักมากเพราะสาขาที่ผมทำเป็นสาขาที่อยู่ใกล้มอที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นสาขาที่มีนักศึกษาเข้าออกเยอะที่สุดด้วย

ผมเดินไปจัดของในส่วนของชั้นอาหารเพราะตอนนี้พร่องลงไปมาก ด้วยจำนวนของลูกค้าที่ดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสาย

“ม่อนมาช่วยคิดเงินให้ลูกค้าหน่อย” พี่ที่ยื่นอยู่เค้าเตอร์เอ่ยเรียก

“ครับพี่”

ผมเดินมาที่เค้าเตอร์หยิบสินค้าของลูกค้าหันบาร์โคดเข้าหาเครื่องสแกน

“นี่มึงคิดจะขายทุกอย่างเลยหรือไง” เสียงลูกค้าที่ฟังดูคุ้น ดังขึ้นตรงหน้า

ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบกับไอ้ลูกค้า เอ่อลูกค้านั่นแหละ มันกำลังยืนยิ้มมุมปากอยู่ตรงหน้า

‘ไอ้สัส’ คำพูดที่ผมอยากจะปล่อยออกจากปากมากที่สุดตอนนี้ แต่คงทำไม่ได้เพราะหากทำแบบนั้นผมได้โดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานแน่

ผมทำได้เพียงยัดสิ่งของลงในถุงพลาสติก ยกมือไหว้พร้อมกับคำกล่าวประจำตามสโลแกนของร้าน

“ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่”

“ถ้าจะขายอีกกูจะช่วยซื้อให้ก็ได้นะ” มันหยิบถุงพลาสติกแล้วเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ทำให้อารมณ์ผมตอนนี้เดือดพล่านอย่างมาก แต่เอาเป็นว่าผมจะอดทนจนกว่าจะหาเงินมาคืนมันจนครบก็แล้วกันครับ



“ป้าครับกะเพราหมูพิเศษไข่ดาว ใส่จานหนึ่งกับกล่องหนึ่งครับ” ผมขับรถออกมาจากร้านสะดวกซื้อหลังจากทำงานเสร็จ ตอนนี้ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว เลยแวะร้านอาหารตามสั่งร้านดังขอชาวมอพร้อมสั่งข้าวอีกกล่องไปเผื่อไอ้นัทด้วย ไม่รู้ป่านนี้มันลุกออกจากหน้าจอคอมของมันหรือยัง ไอ้นี่ว่างไม่ได้ต้องนั่งเล่น PUBG แม่งทั้งวัน



“ข้าวมันไก่จานหนึ่งครับป้า” เสียงเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าดังขึ้น ผมเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมองคนที่มาใหม่ตรงหน้า

‘เหี้ย!!!’ ผมอยากจะตะโกนคำนี้ออกมาดังๆ จริงๆ แต่ก็เกรงใจลูกค้าคนอื่นในร้าน ไม่ให้อยากตะโกนได้ไงก็ไอ้ลูกค้าของผมมันนั่งกดมือถืออยู่ตรงหน้า แล้วทำไม่มึงต้องมานั่งตรงนี้ที่อื่นก็มีไม่นั่งวะ หรือว่ามันจะมาทวงเงินผมครับ

“กูยังไม่มีเงินคืนมึงหรอกนะ” มันเงยหน้าขึ้นมามองหลังจากที่ผมพูด ก็ผมกลัวว่ามันจะมาทวงหนี้หนิครับ เลยพูดดักมันไว้ก่อน

“กูบอกมึงหรอว่ากูจะเอาคืน” มันพูดหน้านิ่ง

“ก็เงินมันเยอะเกินไปสำหรับกู” ผมตอบมันไปตามตรง

“รู้ตัวด้วยหรอว่ามันเยอะเกินไปสำหรับมึง งั้นก็ดี กูก็ไม่อยากให้เงินใครฟรีๆ เหมือนกัน” ไอ้สัสพอวันนั้นทำเป็นบอกไม่ต้องคืน กูละอยากถีบมึงจัง



ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นทุกที่กับไอ้ท่าทางของคนตรงหน้า กะว่าจะยกเลิกข้าวใส่จานเป็นใส่กล่องแทน แต่ไม่ทันละครับเพราะจานข้าวกะเพราที่ส่งกลิ่นหอมวางอยู่ตรงหน้าเรียบร้อย

“เมนูสิ้นคิด”

“เสือก” ผมสวนกลับมันอย่างทันควัน ก็แล้วเกี่ยวอะไรกับมึงมิทราบกูจะแดกอะไรก็เรื่องของกู

“นี่มึงพูดกับเจ้าหนี้แบบนี้หรอ” ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง

“…” ผมเลือกที่จะเงียบเป็นคำตอบ ไม่ค่อยอยากจะคุยกับมันรีบกินรีบเสร็จกลับห้องไปนอนดีกว่า



“แล้วมึงเอาเงินนั้นไปทำอะไรวะ” หลังจากที่ผมตั้งอกตั้งใจกับการกินไม่มีการพูดคุยใดๆ จู่ๆมันก็ถามขึ้นมา

“ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมหยิบถุงข้าวกล่องเดินไปจ่ายเงิน แล้วขับรถออกจากร้านทันที
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-07-2018 16:48:31
มาตามต้อยๆแบบนี้ติดใจละสิ555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 06-07-2018 17:03:56
ไปที่ไหนก็เจอ สตอลเกอร์เด็กขายชิมิ คุณเจ้าหนี้
สนุกดีชอบ มาต่อบ่อยๆ นะ เค้าจะรอน้องม่อน
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-07-2018 19:24:39
บอกๆเค้าไปเถอะ​ คราวหน้าอ่ะเดี๋ยวต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ​เจอบ่อยขนาดนี้ตั้งใจตามรึบังเอิญ​ก็ไม่รู้​ มาอัพบ่อยๆนะคะ​ จะรออ่านเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 06-07-2018 19:43:53
บังเอิญเจอกันเกินไป ติดใจม่ิอนใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 07-07-2018 01:27:04
วอแวม่อนจังเลย เป็นร้ะะะะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-07-2018 15:50:46
 :mew6:
สงสารม่อนจังเลย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 08-07-2018 06:09:16
 :hao6: :z1: :hao6: ติดใจละเซ่  แบบนี้ต้องมีอีกหลายยก คึ ๆ ๆ  :hao6: :z1: :hao6:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 3 #ความซวย
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-07-2018 06:23:54
 :3123:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 09-07-2018 02:02:39
ตอนที่ 4




#มันเป็นใคร





“ม่อน มึงไปรู้จักกับภาคตอนไหน” มีนสาวสวยร่างเล็กเงยหน้าจากหน้าจอมือถือขึ้นมาถาม

“ใครวะ กูไม่เห็นรู้จัก” ใครหรอครับภาค จะให้ผมรู้จักใครได้ละครับ เพราะแค่ในมอผมรู้จักแค่กับเพื่อนในกลุ่มกับเพื่อนในคณะบางคนเท่านั้น

ที่ผมไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไรก็เพราะไม่เข้ากิจกรรมรับน้อง เอาเป็นว่าไม่เข้ากิจกรรมอะไรเลยดีกว่าครับ เหตุผลเพราะผมไม่ค่อยชอบที่คนเยอะๆ อยู่แล้วรู้สึกอึดอัดและที่สำคัญผมไม่มีเวลาไปร่วมกิจกรรมแบบนั้น เพราะผมเองต้องทำงานพิเศษแทบทุกวัน แต่ที่มีเพื่อนก็ได้เพราะไอ้นัทเมทของผมแนะนำให้รู้จัก เรียกว่ามันเป็นผู้มีพระคุณกับผมที่สุดในมอแล้ว

“มึงจะไม่รู้จักได้ยังไง ก็เนี่ยมีรูปมึงกับเขานั่งกินข้าวด้วยกัน” มันยืนมือถือแบรนด์ผลไม้แหว่งให้ผม ผมรับขึ้นมาดูอย่างงงๆ

“เฮ้ย…” ผมเบิกตากว้างเงยหน้ามองมีนสลับกับโทรศัพท์ ก็ไอ้คนที่ชื่อภาคมันคือคนเดียวกับที่พรากพรหมจรรย์ไปจากผมอย่างโหดร้ายนั่นแหละครับ

“อะไรของมึงม่อนทำหน้าอย่างกะเจอผี ภาคของชั้นออกจะหล่อขนาดนี้” กูยอมเจอผีดีกว่าเจอมันมีน

“คือ…เอ่อ...” ไม่รู้จะบอกมันยังไงดีครับตอนนี้

“อ้ำอึ้งอะไรของมึงม่อน” เฟิร์นบ่น มันคงรำคาญกับท่าทีของผมตอนนี้

“มึงยังจำเรื่องเมื่อวานได้ไหม” ผมเท้าความถึงเรื่องเมื่อวาน

“เหี้ย!!!” อื้อหือเสียงอันไพเราะดังขึ้นรอบทิศทาง แล้วทำไมพวกมันถึงได้สามัคคีกันขนาดนี้ครับ

“มึงอย่าบอกนะว่าคนที่มึง...คือภาค” หน้ามีนมันดูจะเซอร์ไพร์อะไรขนาดนั้น

“กูคิดว่าพวกมึงรู้แล้ว วันนั้นพวกมึงไม่เห็นมันหรอ”

“กูเห็น แต่ใครจะคิดว่าคนหล่อเพอร์เฟคแถมเลือกได้อย่างภาคถึงต้องมา...กับมึงเนี่ยนะ” เดี๋ยวมีนอย่างกูแล้วยังไง ถึงกูจะไม่หล่อเพอร์เฟค แต่กูนี้ตัวท็อปของเหล่าบรรดาโฮสต์เลยนะครับ

มันใช้เวลาที่ผมจะมานั่งภูมใจในความหล่อของตัวเองไหมล่ะครับ

“เออกูก็คิดเหมือนกัน ก็เห็นว่าภาคมีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ” เฟิร์นเสริม

“ไม่รู้ ได้ยินเพื่อนมันพูดว่าเฮิร์ทอะไรสักอย่าง กูก็ไม่ได้สนใจ” ตอนนั้นใครมันจะไปมีอารมณ์สนใจละครับ ก็โดนไอ้คนเมาที่ไหนไม่รู้มาขอซื้อ แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก จะให้ผมไปนั่งฟังด้วยความยินดีเหรอครับ ไม่มีทาง

“แล้วมึงทำยังไงถึงได้ไปนั่งกินข้าวกับเขาได้”

“กูไม่รู้ แล้วมึงจะหยุดเซ้าซี้กูได้ยัง รีบทำงาน คืนนี้กูต้องไปทำงานอีก” เรื่องเสือกนี้ไว้ใจมีนมันได้เลยครับ



เฮ้อวันนี้เหนื่อยมากเลยครับ พนักงานทั้งชายและหญิงเดินกันให้วุ่น รวมถึงตัวผมเองด้วย นี้ขนาดเพิ่งห้าทุ่มคนยังเยอะขนาดนี้ แต่ถือว่าดีครับเพราะวันนี้ผมได้ทิปมาเยอะพอสมควร ที่ๆผมทำงานเป็นกึ่งผับกึ่งบาร์โฮสต์ ที่จะมีพนักงานคอยดูแลลูกค้าตามแต่ว่าลูกค้าจะถูกใจใคร ถ้าลูกค้าถูกใจเราก็แค่ไปนั่งที่โต๊ะค่อยบริการพวกเขาเพียงเท่านั้น

“ม่อนแขกเรียก” ผมยังไม่ทันหายเหนื่อย เสียงพี่พนักงานเสิร์ฟก็เรียกผมให้ไปหา ก่อนเดินนำไปยังโต๊ะเป้าหมาย

ลูกค้าสาวสี่คนนั่งหันหน้าล้อมวง ตรงหน้าแต่ละคนมีแก้วเครื่องดื่มสีสวยวางอยู่ สาวสวยในโต๊ะต่างดี๊ด๊ากับการมาถึงของผม จัดแจงหาที่นั่งให้โดยให้ผมตรงกลาง หน้าที่ของผมคือคอยดูเรื่องเครื่องดื่ม เทคแคร์ลูกค้าให้ลูกค้าพอใจ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็พอใจกับการบริการของผมมาก ดูจากทิปที่ผมได้ในแต่ละวันที่เยอะพอสมควร

“คนหล่อชื่ออะไรหรอจ๊ะ” เสียงลูกค้าที่นั่งข้างๆถามผม แถมด้วยฝ่ามือกับนิ้วเรียวยาวว่างบนต้นขาผมพร้อมกับลูบเบาๆ ผมไม่ว่าอะไรครับเพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติ

“ชื่อม่อนครับ” ผมยกแก้วขึ้นมาชนเป็นการแนะนำตัว

“ชนกับยัยมุกคนเดียวเลยนะ” ลูกค้าในกลุ่มอีกคนบ่นอย่างน้อยใจ ผมเลยยกแก้วขึ้นชนทุกคน ทำหน้าอ้อนๆเป็นการขอโทษ



ผมนั่งดูแลลูกค้ากลุ่มนี้อยู่นานจนพี่พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู

“ม่อนมีแขกเรียก”

“ผมกำลังดูแลแขกอยู่นี่ไงพี่” พี่มันก็ไม่เห็นหรอว่าผมทำงานอยู่

“กูบอกเขาแล้วแต่เขาบอกว่าเป็นเจ้าหนี้มึง” เจ้าหนี้? อะไรของมันแล้วจะมาเรียกผมไปทำวะเนี่ย

“ฝากบอกเขาว่าผมไม่ว่างนะพี่” ใจจริงอยากบอกว่าไปไกลๆตีน แต่ไม่รู้จะฝากพี่แกไปบอกมันยังไงดี



ผมนั่งดูแลแขกต่ออีกสักพักจนแขกกำลังจะกลับ ผมเดินนำพี่ๆแขกกลุ่มนี้มาส่งที่หน้าร้าน ถือเป็นกฎการบริการของร้านครับ ต้องส่งแขกกลับทุกครั้งเพื่อให้แขกประทับใจ

“ไม่ไปต่อกับพี่จริงๆ หรอ” แขกที่ชื่อมุกเดินมาโน้มคอให้หน้าผมก้มลงมาใกล้กับหน้าพี่แก กับสายตาที่ยั่วยวนนั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงยอมไปกับพี่แกแล้วครับ แต่ด้วยกฎที่ว่าผมจะไม่ยอมขายหรือนอนกับแขก เออ...ถึงจะเคยก็เพราะมันเป็นความจำเป็น แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกและก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะทำ



“ไม่ไปกับเขาละ ท่าทางจะกระเป๋าจะหนัก” ผมหันขวับมองไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไอ้เจ้าหนี้ที่ผมไม่อยากเจอมันหน้าที่สุดยืนทำหน้าอ้อนตีนอยู่ แถมคำถามยังน่าฟังขนาดนั้น แต่ผมก็ทำได้เพียงเดินเลี่ยงมันออกมาโดยที่ไม่ตอบคำถามของมัน

“สงสัยเปย์ไม่หนักเท่ากู หรือว่า...” ผมหยุดกึกรอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“ไม่เร้าใจเท่ากู” ผลั๊ก...ผมเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้ามันเต็มๆ ตอนนี้ความอดทนของผมมันหมดลงแล้วครับ ผมเดินไปขึ้นคร่อมบนตัวมันก่อนจะแจกหมัดเข้าที่หน้ามันอีกสองสามที

“ไอ้สัส” ก่อนที่ผมจะลงมือซัดมันต่อเสียงจากด้านพร้อมกับแรงกระชากและแรงรัดที่ต้นคอ

“มึงทำไรเพื่อนกู” ผมจำได้แล้วว่าไอ้คนที่กำลังรัดคอกับไอ้คนข้างหน้าอีกสองคนที่พร้อมจะกระโจนเข้ามาซัดผมอย่างเต็มที่่

“พวกมึงไม่ต้องกูจัดการเอง” เสียงไอ้คนที่เพิ่งโดนผมลงไปซัดที่พื้นเมื่อกี้ มันลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลูบปากบริเวณที่โดนผมชกเช็ดเลือดที่ซึมออกมาเล็กน้อย

มันจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ก่อนเดินมาลากแขนผมออกจากด้านหน้าผับท่ามกลางความมึนงงของเหล่าเพื่อนมันรวมถึงตัวผมด้วย หรือมันจะเอาผมไปฆ่าวะ ดูจากสีหน้าและแรงบีบที่ข้อมือแล้ว เหมือนมันกำลังโกรธผมแบบสุดๆ มึงคงไม่เอากูไปฆ่าจริงๆ ใช่ไหม



“ผลั๊ก...ปึก” มันผลักผมเข้าไปในรถคันหรูของมัน พร้อมปิดประตูเสียงดัง มึงไม่กลัวรถมึงพังบ้างหรอ แต่คงไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาห่วงรถมันครับ เพราะตอนนี้มันเดินเข้าไปนั่งฝั่งด้านคนขับกดสตาร์ทรถก่อนพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมต้องคว้าหาเบลล์ขึ้นมาคาด ผมไม่อยากเพราะรถคว่ำอย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะหลังจากนั้นผมอาจจะตายจริงก็เป็นได้



รถ BMW เคลื่อนตรงไปข้างหน้า ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนและมันกำลังจะพาผมไปไหน สองข้างทางตอนนี้มีเพียงแสงจากหลอดไฟข้างถนน กับรถที่วิ่งสวนไปสวนมาเท่านั้น ผมอยากหันไปถามไอ้คนข้างๆ ว่ามึงกำลังจะพากูไปไหน แต่เห็นสีหน้าของมันตอนนี้แล้ว ผมควรนิ่ง เงียบและควรเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้



“เอี้ยด” เสียงเบรกรถทำให้รู้ว่าถึงที่หมายแล้ว รถของมันจอดเทียบอยู่ริมฟุตบาทที่ไหนสักแห่ง เหมือนว่าผมจะเคยมาที่นี่ แต่ในสมองตอนนี้ไม่มีที่ให้คิดเรื่องอื่นนอกจากการหาวิธีเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของมัจจุราช มัจจุราชจริงๆ ครับเพราะตอนนี้มันเดินอ้อมจากฝั่งคนขับมาที่ประตูฝั่งผมเรียบร้อย ไม่รู้ว่ามีใครเห็นออร่าสีดำรอบตัวมันไหมหรือว่าผมเห็นแค่คนเดียว

“กรึก” เสียงเปิดประตูทำผมกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ มันเปิดมาแล้วครับ ผมจะทำยังไงดี ‘หมับ’ มือข้างหนึ่งมันเอื้อมมากำรอบแขนของผมไว้

“มึงจะทำอะไรกู” ผมดิ้นพยายามขัดขึ้นสะบัดมือหวังว่าจะให้มันหลุด แต่คิดผิดครับเพราะยิ่งดิ้นยิ่งสะบัดมันยิ่งบีบข้อมือของผมแน่นขึ้น

“กูหิวข้าว” อะไร ‘หิวข้าว’ มึงยังมีกะจิตกะใจจะมากินข้าว หรือว่ามันสงสารเลยจะเลี้ยงข้าวผมเป็นมื้อสุดท้าย ม้ายยยยยย

“มึงจะมองกูอีกนานไหมกูหิว” เอาไงดีครับหรือว่าผมจะลงไปกับมัน ถือว่ายังได้กินอะไรก่อนตาย ตอนไปเฝ้าท่านยมจะได้ไม่หิว

ผมเดินตามแรงฉุดของมันลงมาจากรถ เดินตรงเข้าไปยังร้านอาหาร มันปล่อยมือจากแขนผมก่อนเดินไปนั่งอีกฝั่งของโต๊ะ

“เฮียเอาข้าวต้มกุ้งที่หนึ่งครับ มึงจะกินอะไรก็สั่ง” เอาวะไหนๆ ก็มื้อสุดท้ายแล้วไอ้ม่อนคนนี้ขอจัดให้เต็มที่

ข้าวต้มกุ้งของมันพร้อมกับอาหารที่ผมสั่งไปสี่ห้าอย่างถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะเรียบร้อย

“มึงสั่งมาทำไมเยอะวะ มึงกินหมดหรอ” มันก้มมองจานอาหารที่วางตรงหน้าก่อนเงยหน้าขึ้นมามองผม

“ก็นี้เป็นอาหารมื้อสุดท้ายของกูไง ยังไงก่อนตายกูขอกินให้อิ่มก่อนละกัน” ผมพูดออกไปตามที่คิดมาตลอดทาง

“ฮาๆ ๆ ๆ นี่มึงคิดว่ากูจะพามึงมาฆ่าหรอ” มึงจะขำทำฆวยไร ผมมองหน้ามันก่อนพยักหน้ารับ

“นี่มึงดูละครมากไปป่าว ถ้ากูจะฆ่ามึงกูสั่งให้คนอื่นฆ่าแทนไม่ดีกว่าหรอ” เออวะถ้ามันจะฆ่าผมมันสั่งคนอื่นก็ได้นี่หว่า ถ้ามันไม่ฆ่าผมแล้วมันพาผมมากินข้าวทำไม

ก็ใครมันจะไปรู้ละครับเพราะก่อนออกมาก็ทำหน้าซะน่ากลัวขนาดนั้นใครมันจะไม่กลัว

“ก็กูต่อยมึงขนาดนั้น....”

“มึงรู้ตัวด้วยหรอว่าต่อยกู แต่ทำไมกูไม่เห็นรู้สึก นึกว่ามีฟองน้ำมาถูหน้า” ผมอยากเอาเท้าไปลูบหน้ากวนๆของมันมากตอนนี้ แต่อย่าเลยดีกว่าครับเพราะคดีเก่ายังติดตัวอยู่เลย

“สัส” นั้นไงยังไม่ทันขาดคำมือเจ้ากรรมนี่มันดันหาเรื่องอีก ก็ผมดันยกมือเตรียกจะชกมันอีก ใครจะยอมให้มันหยาม หมัดผมเองก็ไม่ใช่เบาๆ แต่มันกลับบอกว่าแค่ฟองน้ำถูหน้ามัน

“มึงกล้า?” ผมควรจะยกมือไว้อย่างนั้นหรือควรเก็บมันไว้เป็นที่เป็นทางดีกว่า เอาเป็นว่าผมเลือกอย่างหลังดีกว่าไม่อยากซ้ำคนเจ็บ

ผมเลิกสนใจมันหันมาจัดการกับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ถือว่าเป็นการฉลองที่ผมได้มีชีวิตอยู่ต่อ โดยไม่สนใจมันที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“มึงชื่ออะไร” ผมเงยหน้ามามองมันอย่างสงสัย

“อะไร มึงถามใคร” รู้ครับว่ามันถามกำลังถามผม ก็นั่งอยู่สองคนจะให้มันไปถามหมาที่ไหนได้ละครับ แค่อยากกวนมันเท่านั้น

“ไม่ถามมึงแล้วจะให้กูถามหมาที่ไหน” นี่มันอ่านความคิดผมออกเหรอครับ ที่หลังผมคงต้องคิดก่อนคิดแล้วล่ะ

“ม่อน” ตอบมันไปครับอย่างน้อยมันก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

มันนั่งเงียบไม่ถามหรือพูดอะไรต่อ หรือชื่อผมไปตรงกับชื่อบุพการีมัน มันเลยโกรธผม อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ ผมควรชวนมันคุยดีไหมครับ เผื่อว่ามันจะได้ลืมที่ผมไปเรียกชื่อพ่อแม่มัน

“มึงไม่คิดจะถามชื่อกูบ้างหรอ” เฮ้ย...ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าชื่อผมจะไปตรงกับชื่อพ่อแม่มัน เอาวะอย่างน้อยก็ไม่ได้ไปกระตุกต่อมมัน ถามมันสักหน่อยคงไม่เป็นไร

“แล้วมึงชื่อไร” ผมถามมันไปอย่างห้วนๆ

“ไม่บอก” อ้าวนี่มึงคิดจะกวนตีนกูหรอ

“ชื่อภาค ใครมันจะไม่รู้ แค่ชื่อเชยๆ ทำเป็นไม่อยากบอก” ผมบ่นงึมงำในลำคอ จนเห็นว่าไอ้คนข้างหน้ามันคนได้ยินเพราะมันกำลังถลึงตามองผมอยู่ แต่อยู่ดีๆมันก็ปรับสีหน้าเข้าสู้โหมดปกติซะงั้น

“หึๆ” มันยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอทำหน้าเหมือนเข้าใจอะไรสักอย่าง

“ที่แท้ก็คงแอบไปสืบเรื่องกูมา เห็นที่แรกปฏิเสธกูจะเป็นจะตาย คงรู้ว่ากูรวยเลยกลับมาเสนอตัวแบบง่ายๆ”

“ปึก” ผมหยิบเงินจากกระเป๋าวางลงบนโต๊ะก่อนลุกขึ้นเดินหันหลังออกมาจากร้านอย่างรวดเร็ว



ผมไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ถึงแม้ว่าผมจะหาเงินด้วยอาชีพแบบนี้แต่ผมก็ทำเพราะความจำเป็น ตลอดที่ผ่านมาที่ผมหาเงินด้วยอาชีพนี้ ผมไม่คิดจะขายตัวเลยด้วยซ้ำเพราะอย่างน้อยผมก็ถือศักดิ์ศรีว่าไม่ขายตัวเองกินแน่นอน แต่เรื่องที่ผ่านมาของผมกับมัน นั่นก็เพราะว่ามันเป็นความจำเป็นจริงๆ หากว่ารอบด้านของคุณมันตันไปซะทุกหมด ไม่มีแม้แต่รูเล็กๆให้แม้กระทั่งแสงลอดผ่านเข้ามา แต่อยู่ดีๆกลับมีประตู ไม่ใช่แค่ประตูหรอกครับ มันเป็นการวาร์ปออกมาจากทางที่กำลังตันเลยซะมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะแลกมาด้วยศักดิ์ศรีที่ตอนนั้นไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ผมว่ามันก็ควรที่จะลองทำ ถึงแม้จะไม่ได้คาดคิดถึงผลที่ตามมากับการถูกเหยียดหยามแต่มันก็เป็นทางที่ผมเลือกเอง

ผมเดินออกมาจากร้านอาหารสักพัก ตอนนี้เริ่มจำเส้นทางขึ้นมาได้บ้างแล้ว ร้านอาหารนี้ไม่ได้อยู่ไกลจากมหาลัยสักเท่าไร เพราะผมเคยเข้ามากินอาหารที่นี่ถึงจะไม่บ่อยนักแต่ก็พอจำทางกลับหอได้

“ปี๊ดๆ” เสียงแตรดังมาจากข้างหลังพร้อมกับแสงไฟหน้ารถที่สว่างจ้า ผมหันกลับไปมองก็เห็นเป็นรถคันเดียวกับไอ้คนที่เพิ่งดูถูกผม มันกำลังขับตามหลังผมมา ก่อนจะเลี้ยวตัดหน้าขว้างผมไว้ตรงทางโค้ง

มันเปิดประตูลงจากรถคว้าแขนของผมลากขึ้นไปนั่งที่ฝั่งข้างคนขับ ก่อนปิดประตูออกรถโดยไม่สนใดๆ ทั้งสิ้น

มันขับรถเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัยก่อนจะถามว่าผมพักอยู่หอไหน คำถามมันเล่นเอาผมงง ผมก็ได้แต่ตอบมันกลับแบบงงๆ เช่นกัน

รถวิ่งมาจอดที่หน้าหอพัก ผมหันไปมองคนขับรถที่กำลังนั่งหน้านิ่งไม่หันมามองหน้าผม มันเป็นอะไรของมันอีกดูเหมือนจะผีเข้าผีออก ทำเอาผมกลัวมันขึ้นมาอีกครั้ง

“กูไม่ชอบเวลาที่ใครเดินหันหลังหนีกู” ผมหันหน้าไปมองมันก่อนที่จะได้สำรวจอาการสีหน้าหรือกระทั่งตอบมันไป จู่ๆ มันก็โน้มตัวลงมาแนบริมฝีปากมันกับริมฝีปากผม ผมชะงักอยู่สักพัก รู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆ พยายามลุกล้ำเข้ามาภายในปาก ผมพยายามดึงสติตัวเองก่อนที่มันจะลุกล้ำเข้ามา ผลักตัวของมันออกเปิดประตูรถเดินขึ้นหออย่างรวดเร็ว



‘มึงจูบกูทำไม่’ มันเป็นคำถามที่อยู่ในหัวผมตลอดคืน
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-07-2018 02:19:00
มีอนความรู้สึกช้านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-07-2018 04:14:45
ภาคคงสนใจม่อนแล้วซิ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-07-2018 05:51:53
จีบเค้าแบบอึนๆ​ ม่อนก็เลยไม่รู้ตัว​
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 09-07-2018 05:59:08
ได้เป็นเมียแล้ว

ต่อไปก็เลื่อนมาเป็น ..

อะไรดีน่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 09-07-2018 08:41:52
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: อะไรภาคคคค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-07-2018 09:11:04
เออ งง กับภาคนะสิ อะไร ยังไง เกาะไม่ปล่อยซะงั้น
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 09-07-2018 13:50:29
ทำไมตามเค้าไปทุกที่เลยล่ะ  :ruready :hao3:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-07-2018 14:04:22
เหมือนชื่อตอนเลย
อะไรของมึงครับภาค
อะไรของเมิงงงงงงงงงงงงง
 :hao3:
กดบวกขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-07-2018 16:19:03
สนุกดี ตามมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 09-07-2018 17:12:43
ติดตามมมม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 09-07-2018 19:29:21
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 4 #อะไรของมึง UP
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 10-07-2018 09:19:33
สนุกดีรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 10-07-2018 14:59:40
วันนี้ว่างเลยมาลงไว้ให้ ผมเพิ่งหัดเขียนไม่ชอบหรืออยากให้ปรับปรุงตรงไหนบอกได้นะครับ เดี๋ยวผมจะเอาไปปรับปรุง





ตอนที่ 5





#เพื่อนใหม่





“มึงไปทำไรมาม่อน หน้าอย่างกับศพ” ไอ้อาร์มทักผมตั้งแต่ก้นยังไม่แตะเก้าอี้โรงอาหาร

ก็ไม่แปลกที่มันจะถามเพราะเมื่อคืนหลังจากที่ผมหนีหนีลงจากรถของไอ้...ไอ้ภาค ผมละไม่อยากพูดถึงมันเลย แต่ก็นะหลังจากที่ลงจากรถมันผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน นอนคิดถึงภาพที่มันกำลังจูบผม 

“เออ เมื่อคืนกุทำงานดึกไปหน่อย” ไม่ได้จะโกหกมันหรอกครับ ก็เมื่อคืนผมทำงานดึกจริงๆแถมโดนลากออกไปกินข้าวข้างนอกแบบงงๆ อีก

“มึงก็อย่าหักโหมมาก มีไรให้พวกกูช่วยก็บอกได้” พวกมันก็ยังคอยเป็นห่วงผมเช่นเคย และดูเหมือนจะมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์วันนั้น

“เออขอบใจพวกมึงมาก เดี๋ยวกูไปหาข้าวกินก่อน” ผมพูดแล้วเดินตรงไปยังร้านข้าวเจ้าประจำ



“กะเพราหมูจานนึ่งครับ/กะเพราหมูจานนึ่งครับ” ผมหันไปทางต้นเสียงที่สั่งเอ่ยสั่งอาหารพร้อมกัน ในประโยคเดียวกันกับผม

“นายก่อนเลย” เขาพยักพเยิดหน้าให้ผมสั่งอาหารก่อน ผมก้มหน้าเล็กน้อยเป็นคำขอบคุณ ก่อนเดินถือจานข้าวมานั่งลงที่โต๊ะ ตอนนี้หิวมากครับ มาถึงผมลงมือจัดการกับกะเพราหมูตรงหน้าอย่างรวดเร็ว



“มึงว่าเหมือนมีคนมองมาที่กลุ่มเราไหมวะ” เฟิร์นร้องขึ้น หันซ้ายหันขวามองหาว่าสายตาที่ว่ามาจากตรงไหน

“นั้นไงโต๊ะนั้นไง” มีนพยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะด้านหลังถัดไปไม่ไกลนัก ผมเงยหน้าหันหลังตามสายตาของไอ้มีน

ผมก้มหน้าเล็กน้อยให้ผู้ชายคนนั้น เพราะคนที่กำลังมองตอนนี้คือคนเดียวกับที่ร้านข้าวก่อนหน้านี้

“มึงรู้จักเขาด้วยหรอม่อน” เฟิร์นผู้ที่สัมผัสได้ว่าโต๊ะเราถูกมองถามขึ้น

“ไม่เชิง เพราะกูก็เพิ่งเจอเขาหน้าร้านข้าวเมื่อกี้เหมือนกัน”

“หึๆ กูว่างานนี้มีคนขายออกแล้ววะ” ขายออกอะไรของมึงมีน แล้วมึงมองหน้ากูทำไม ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ขมวดคิ้วมองหน้ามัน



เห้อ...ช่วงนี้ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆครับ ไหนจะเรียนไหนจะงาน อีกสองอาทิตย์ก็ถึงวันสอบกลางภาคแล้ว ผมว่าผมคงต้องหยุดงานสักอาทิตย์แล้วแหละ ถึงจะเห็นผมทำงานดึกดื่นทุกวันแต่เรื่องการเรียนผมก็ไม่เคยทิ้งนะครับ เพราะเทอมที่ผ่านมาผมก็ทำเกรดได้ในระดับที่ดี จนเพื่อนในกลุ่มยังสงสัยว่าผมเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ

ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าก่อนสอบเท่าไรครับ อาศัยตั้งใจเรียนทำความเข้าใจในห้องให้ได้ นอกเสียจากว่าไม่เข้าใจจริงๆ ผมถึงจะหาเวลามาอ่านหนังสือในห้องสมุด แต่สงสัยว่าเทอมนี้ผมคงต้องอ่านหนังสือก่อนสอบแล้วแหละครับ ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร หลังจากเรียนเสร็จ เย็นนี้ผมว่าจะหาโอกาสเข้าห้องสมุดหาหนังสืออ่านสักหน่อย



“มึงตอนเย็นกูจะเข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมีใครจะไปกับกูมั้ง” คำตอบที่ได้จากเหล่าผองเพื่อนคือไอ้มีนกับไอ้เฟิร์นต้องไปช้อปเครื่องสำอางเพราะมีโปรลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนไอ้สองคนที่เหลือไม่ต้องเดามันมีนัดกับเกม PUBG ของพวกมันอีกตามเคย ผมเคยลองเล่นกับพวกมันหลายครั้งแล้วก็สนุกดีนะครับ แต่ทำไมผมไม่ยักติดงอมแงมแบบพวกมัน แถมทิ้งท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพวกมันก็ไม่ลืมฝากความหวังของการสอบที่จะถึงไว้กับผม จริงๆ เลยพวกมึงเนี่ย



ห้องสมุดวันนี้คนดูบางตาไม่ค่อยพลุกพล่าน น่าจะเป็นเพราะอีกตั้งสองอาทิตย์ถึงจะเข้าช่วงเทศกาลการสอบ เพราะหากถึงช่วงเวลานั้นที่นั่งทุกที่ในห้องสมุดจะถือว่าเป็นแรร์ไอเท็มขึ้นมาทันที



ผมเดินเลือกหนังสือสักพัก ก่อนหยิบหนังสือแคลคูลัสกับฟิสิกส์ติดมือมาอย่างละเล่ม

ผมทิ้งตัวลงนั่งกับโต๊ะที่ผมจองไว้ เปิดหนังสือขึ้นมาอ่าน ตอนนี้ผมเข้าสู่โหมดจริงจังเป็นที่เรียบร้อย ผมก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพร้อมกับทำโจทย์แบบฝึกที่อยู่ในหนังสืออย่างตั้งใจ

“เอี๊ยด” เสียงเก้าอี้ด้านตรงข้ามผมดังขึ้น ผมละสายตาจากหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้า มองคนมาใหม่ที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม

“เออ...เราขอนั่งด้วยคนนะ” ดึงเก้าอี้เตรียมนั่งขนาดนั้นไม่ต้องขอแล้วก็ได้มั้ง แต่ทำไมถึงหน้าคุ้นๆจัง ผมพยายามนึกว่าเคยเจอคนตรงหน้าที่ไหนมาก่อนรึเปล่า

“จำเราไม่ได้หรอ ที่เจอกันหน้าร้านข้าวเมื่อตอนเช้าไง” ผมถึงกับร้องอ๋อขึ้นมาทันที 

แล้วเขามานั่งที่โต๊ะผมทำไมที่ว่างก็มีตั้งเยอะ ผมไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่งเวลาอ่านหนังสือเท่าไรนัก

“แล้ว....”

“เราเห็นนายนั่งคนเดียว เลยมานั่งเป็นเพื่อนไง” ผมยิ้มให้ก่อนก้มหน้าไปอ่านหนังสือต่อ เออนั่งเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน

“เราชื่อช้อป เรียนแพทย์ปีหนึ่ง นายละ” อะไรของเขาวะ ไม่เห็นหรอว่าผมกำลังอ่านหนังสืออยู่

“เราม่อน วิศวะ ปีหนึ่งเหมือนกัน” ผมก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ ไม่มีเสียงจากคนตรงหน้าอีก เขาคงจะรู้ว่าผมต้องการอ่านหนังสือ เพราะตอนนี้ผมก็เห็นว่าเขาก็ก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน



ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูตอนนี้ก็เกือบๆ จะหกโมง ผมเตรียมตัวเก็บของออกไปหาอะไรกินของเข้าหอ กะจะนอนสักงีบก่อนออกไปทำงาน ผมก้มลงเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมลุกขึ้น

“ม่อนจะกลับแล้วหรอ” ก็เห็นอยู่ว่ากำลังจะไปจะถามทำไมเนี่ย

“อืม” ผมตอบไปแค่นี้แหละครับไม่รู้จะพูดอะไรจริง ปกติถ้าไม่สนิทกันผมก็จะไม่ค่อยคุยด้วยอยู่แล้ว

“ม่อนจะไปไหนต่อไหมพอดีเราว่าจะไปกินข้าวหลังมอ แต่ไม่มีเพื่อนไปกินด้วยนะ”

“อืม...กินข้าวหรอ งั้นพอดีเลยเราก็ว่าจะไปกินข้าวร้านประจำหลังมอพอดี” เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วรีบเก็บของยัดใส่กระเป๋า เดินนำออกมาจากห้องสมุดมาที่โรงจอดรถ



อะไรจะเป็นบุญตูดผมขนาดนี้ ครั้งที่แล้วก็ BMW ครั้งนี้ก็ BENZ นอกจากไอ้กระบะคันเก่าของพ่อผมแล้ว ชาตินี่คิดว่ายังไงผมก็ไม่มีโอกาสได้นั่งอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นบุญของผมมาก

รถของเราเคลื่อนมาจอดหน้าร้านประจำ ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในร้านโดยมี ‘เพื่อนใหม่’ ก็คงเป็นเพื่อนใหม่นั่นแหละ เดินตามหลังมาติดๆ ผมนั่งที่โต๊ะว่างใกล้ๆกับประตูร้าน พร้อมกับช้อปที่นั่งตรงข้ามหันหน้าเข้าหาผม

“พี่ครับสั่งอาหารครับ” ผมยืนบิลกระดาษออเดอร์อาหารของผมกับช้อป ซึ่งแน่นอนของผมเป็นกะเพราหมูของโปรดผม เช่นเดียวกับเมนูของช้อป



หลังจากพี่พนักงานรับออเดอร์เสร็จ ผมเริ่มรู้สึกถึงรังสีแปลกๆ อะไรสักอย่างที่กำลังเพ่งเล็งมาที่ผม ทำไมมันถึงคุ้นๆ จังเลยครับ

“เหี้ย” ผมสบท จนช้อปหันเงยหน้ามามอง ก็ไอ้ที่ผมหันไปสบตายมันเมื่อกี้คือไอ้คนที่จูบผมเมื่อคืน มันกำลังถลึงตามองผมเหมือนกับผมว่ากำลังทำอะไรผิด หรือว่ามันยังโกรธผมเรื่องที่ต่อยมันเมื่อคืนอยู่ ผมพยายามหลบสายตามัน

“ม่อนเป็นอะไรหรือเปล่า” ช้อปคงจะจับพิรุธผมได้จากท่าทางลุกลี้ลุกลนของผมตอนนี้

“เปล่าๆ พอดีเราหิวอ่ะ” ผมเลยถือโอกาสชวนช้อปคุยจะได้ลดอาการประหม่าจากสายตาที่กำลังจ้องผมอยู่ จนอาหารที่ผมสั่งก็มาวางที่ตรงหน้า ผมรีบตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว รีบกินรีบเสร็จจะได้ออกจากร้าน รีบออกไปให้พ้นสายตาของมันสักที ตอนนี้แม่งโคตรอึดอัดเลยครับ

“แอ๊กๆ ๆ ๆ” ด้วยความรีบ ผมเลยกลืนข้าวลงคอแบบไม่ได้เคี้ยวทำเอาผมสำลักหน้าดำหน้าแดง

“อะ นี้น้ำ” ช้อปที่เห็นอาการของผมรีบเดินมานั่งข้างๆ ลูบหลังพร้อมยืนน้ำมาให้ผมดื่ม ผมยกน้ำขึ้นมาดื่ม แต่ตาผมทำไมมันต้องหันไปมองมันด้วย หน้าตาของมันตอนนี้อารมณ์เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด เอาแล้วไงผมควรทำยังไงดีครับ

“เฮ้ย...รีบกินไปไหน เห็นไหมติดคอเลยเนี่ย” ช้อปหันมาหลังเดินกลับไปนั่งที่เดิม

“อ่อ พอดีเราเป็นคนกินเร็วแบบนี้แหละ”

“แบบนี้ไม่ดีนะม่อน ไหนจะติดคอไหนอาหารจะไม่ย่อย ท้องอืดอีก” ช้อปบ่น ผมก็เข้าใจอยู่แหละครับ ก็คนเรียนหมอก็คงเป็นธรรมดา

ผมกลับมากินข้าวด้วยวิธีแบบปกติแล้ว พยายามไม่สนใจไอ้คนที่จ้องผมอยู่ ที่ตอนนี้มันกับกลุ่มเพื่อนของมันกำลังลุกจากโต๊ะ สงสัยกินเสร็จแล้ว ผมพยายามหันหน้าหนีไปอีกทางไม่ให้มันกับเพื่อนมันสนใจ พอดีว่าที่ที่ผมนั่งมันเป็นประตูทางออกร้าน เลยไม่อยากให้เพื่อนๆ ปากหมาของมันเห็น



“สงสัยมื้อนี้คงจ่ายหนักน่าดู” มันเดินผ่านผมไปพร้อมปล่อยวลีที่ผมเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง ก่อนที่มันจะเดินออกไปโดยที่ไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ

มึงจะไปก็ไปดีๆ ไม่ได้รึไง

ถึงยังไงตอนนี้มันก็ไปแล้ว ความอึดอัดก่อนหน้านี้ หายไปแล้ว แต่ยังมีอีกคน ช้อปที่นั่งตรงข้ามตอนนี้สรรหาเรื่องมาคุยเหมือนกับสนิทกันมานาน แต่ก็ดีแล้วครับไม่รู้สึกอึดอัดแถม ช้อปเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสนุกเหมือนได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคน

หลังจากทานอาหารเสร็จช้อปก็ขับรถมาส่งที่หน้าหอ พอดีกับที่ไอ้นัทกำลังเดินขึ้นหอ ในมันมือถือถุงพลาสติกข้างในมีกล่องโฟมสีขาว มันน่าจะออกไปหาของกินหลังจากนั่งติดหน้าคอมกับเกมสุดรักของมันนั่นแหละครับ พอดีกับที่ผมเดินออกมาจากรถหันหน้าไปขอบคุณเจ้าของรถที่อุตส่าห์มาส่ง แล้ววิ่งเข้าไปหาไอ้นัทที่ยืนรออยู่หน้าหอด้วยหน้าตาสงสัย

“ไหมมึงบอกไม่รู้จักกัน แล้วทำไมมาด้วยกันได้วะ” มันถามผมแต่ตายังมองเพื่อนใหม่ของผมที่ยืนยิ้มกำลังเปิดประตูรถ

“ก็เพิ่งรู้จัก เขามานั่งอ่านหนังสือด้วย” ผมบอกมันตามตรง แต่หน้ามันตอนนี้ยังไม่หายสงสัย

“แต่กูว่ามีอะไรมากกว่านั้น” มันหันหน้ามาจ้องตาผมเหมือนพยายามค้นหาอะไรอยู่

ผมไม่ได้สนใจท่าทีของมันมากนัก เบี่ยงตัวเดินหนีมันขึ้นบันไดทันที มันไม่พูดอะไรต่อวิ่งตามขึ้นบันไดกอดคอผมเดินขึ้นห้อง



หลังจากวันนั้นที่ห้องสมุดกับวันที่เจอไอ้ภาคมันที่ร้านข้าวหลังมอ ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว หลายวันที่ผ่านมาหลังเลิกเรียนผมก็จะเดินเข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด อ่านเสร็จก็กลับไปอาบน้ำที่หอเตรียมออกไปทำงานที่ผับ แต่เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะสอบกลางภาคแล้ว ผมเลยขอลางานที่ร้านอาทิตย์หนึ่ง

แต่สิ่งที่ไม่ปกติหรืออาจปกติไปแล้วก็ได้ เพราะหลังจากวันนั้นกลุ่มผมก็มีช้อปเพื่อนใหม่ของผมที่ทุกวันต้องมากินข้าวพร้อมกับกลุ่มผมเกือบทุกเช้า รวมถึงตอนเที่ยงและตอนเย็นแล้วแต่ว่าช้อปว่างตอนไหน จนผมอดคิดไม่ได้ว่าที่คณะช้อปเรียนมันไม่หนักเหรอ ถึงได้ขับรถมากินข้าวที่โรงอาหารคณะผมได้ทุกวันแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะครับดูเหมือนว่าช้อปจะเข้ากับเพื่อนผมได้ดี คุยถูกคอกันเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนเสียอีก

“ม่อนกูว่าช้อปแม่งชอบมึง” ไอ้มีนเปิดประเด็น มีเฟิร์นพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ

“ชอบห่าอะไร ช้อปก็เป็นเพื่อนแบบพวกมึงนั่นแหละ” ผมหันไปค้อนมันทั้งคู่

ช้อปจะชอบผมได้ยังไงก็ช้อปเป็นผู้ชาย ผมก็ผู้ชายแล้วผมก็ชอบผู้หญิงด้วย ไม่มีทางคิดกับช้อปเป็นแบบอื่น และที่สำคัญผมก็ไม่เห็นว่าช้อปจะมีท่าทีกับผมแบบที่พวกมันบอกด้วย

“ช้อปชอบไอ้ม่อนหรอ” มีนยิงคำถามทันทีที่ช้อปเดินมานั่งที่โต๊ะ ก็เป็นปกติแบบนี้ที่ช้อปจะมานั่งกินข้าวพร้อมพวกผม

“มึงพูดอะไรของมึงมีน โทษทีนะช้อปมีนมันชอบพูดเล่น”

“อืม เราชอบม่อน” ปัง ผมสตั้นไปสามวิกับคำตอบที่ออกมาจากปากช้อปที่ตอบออกมาแบบหน้าตาเฉย ผมยังคงงงกับคำตอบเมื่อกี๊ของช้อปอยู่ แต่ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มผมทำไมมันดูไม่แปลกใจอะไรเลย มีเพียงแต่ไอ้นัทที่ยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆเท่านั้น

“เออ พวกมึงกูอิ่มแล้วไปรอที่ห้องนะ” อะไรยังไง ตั้งแต่ตอนไหนที่ช้อปบอกว่าชอบผม ทั้งที่ผ่านมาผมก็เห็นช้อปก็เหมือนเพื่อนปกติทั่วไป ผมก็เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ที่ได้ยินจากปากช้อป ทำผมสับสนไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนนี้ ทำได้เพียงขอตัวออกมาเลี่ยงเหตุการณ์ตรงหน้าเท่านั้น

“มึงจะรีบเข้าทำไมนักหนาวะห้องเนี่ย อีกตั้งสิบห้านาที” เสียงไอ้นัทบ่นหลังจากเดินเข้าห้องมาพร้อมกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม

ไอ้ห่ามึงจะให้กูเสนอหน้าอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่มาบอกชอบกุเนี่ยนะมึงคิดอะไรอยู่

“เออ ก็จะสอบแล้วกูก็ต้องตั้งใจเป็นพิเศษไง”

“ไม่ใช่ว่าเพราะไอ้ช้อปบอกชอบมึงหรอกนะ” ผมหันหน้าไปค้อนมันอย่างเอาเรื่อง

“เออน่า กูไม่พูดแล้วก็ได้ แค่จะบอกว่าไอ้ช้อปมันชวนไปดูมันแข่งบาสเย็นนี้ พวกกูก็จะไปดูอยู่พอดี เพราะคณะเราแข่งกับคณะมัน”

“เออๆ ไปก็ไป” เย็นนี้ว่างพอดีครับไม่มีงานตอนดึกก็ไม่มีงานที่ผับ ออกไปคลายเครียดลองเข้ากิจกรรมกับมหาลัยดูสักครั้งก็คงไม่เลว



“รีบเก็บของสิวะไอ้ม่อนเดี๋ยวก็ไม่ทัน”

“เออเสร็จแล้วมึงจะรีบไปไหน” ไม่รู้ว่ามันจะรีบไปไหนตอนก่อนเข้าห้องเรียนกลับบ่นพอแบบนี้ละแม่งเสือกมาเร่งกูซะงั้นไอ้ห่านัท



สนามกีฬาอเนกประสงค์ของมหาลัยถูกจัดเตรียมเป็นสถานที่สำหรับแข่งขันบาสเกตบอลระหว่างคณะ ตามสแตนด์เชียร์เต็มไปด้วยนักศึกษาจากคณะต่างๆ โดยเฉพาะสาวๆ ที่เตรียมตัว มากรี๊ดหนุ่มหล่อจากทั้งสองคณะกันอย่างเต็มที่ พวกผมเดินหาที่นั่งซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นฝั่งวิศวะอย่างแน่นอน ถึงผมจะมาเพราะคำชวนของช้อป แต่ยังไงผมคงไม่มีทางทรยศต่อคณะอย่างแน่นอน

ถึงแม้จะนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามในฝั่งของวิศวะ ช้อปก็ยังไม่วายเดินมาหาพวกผม แถมยังเดินมาวางผ้าเช็ดหน้ากับกระเป๋าที่ตักของผมอย่างงงๆ

ฝั่งตัวเองก็มีทำไมช้อปไม่ไปฝาก



“ม่อนมึงโอเคไหม”

“โอเคอะไรของมึง ของช้อปนี่หรอ” ผมยกของช้อปที่วางอยู่บนตักผมให้มันดู เพราะอยู่ดีๆ นัทมันก็หันมาถามผมว่าโอเคไหม ผมเลยคิดว่ามันพูดถึงเรื่องเมื่อเช้า

“ไม่ใช่ๆ แต่...” มันพยักพเยิดหน้าหันไปมองคนด้านล่างที่กำลังจ้องหน้าผมแบบเดียวกับที่มันเคยมองผมมาตลอด ผมไม่ได้สังเกตมาก่อนว่ามันก็เป็นนักกีฬาของคณะผม อย่างนี้ผมคงเชียร์ฝั่งแพทย์แบบเต็มที่ซะแล้ว

“กูเห็นมันจ้องมึงตั้งแต่ไอ้ช้อปเดินมาแล้ว”

“เออช่างมันเถอะอย่าไปสนใจมันเลย” ผมไม่สนใจหันไปมองบรรยากาศรอบๆ สนามที่ดูครึกครื้น ทำเอาผมตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่ากิจกรรมของมหาลัยจะน่าสนุกขนาดนี้



“ปี๊ดดดดด” เสียงนกหวีดของกรรมการในสนามดังขึ้น ทันทีที่ช้อปล้มลงไปกองกับพื้น ก็ไอ้ภาคนี่สิครับ ไม่รู้มันไปโกรธอะไรช้อปวิ่งเข้าไปชนช้อปหลายครั้ง ชนทีแรงๆทั้งนั้น ผมล่ะกลัวจะมีมวยในสนาม เพราะดูเหมือนอารมณ์ช้อปตอนนี้ก็ดูกรุ่นๆ ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

“ปี๊ดดดด” นกหวีดดังขึ้นอีกครั้งไม่ใช่นกหวีดทำฟาว์ลของไอ้ภาค แต่เป็นนกหวีดหมดเวลาผลปรากฏว่าคณะผมแพ้ไป 46-49 ก็เพราะไอ้ตัวดีภาคมันเล่นไปทำฟาว์ลตอนก่อนจบเกมจนทำให้ทีมเราแพ้ ก็สมควรแล้วแหละครับ มันเล่นอย่างกับจะมาต่อยมวย



“ขอผ้าเช็ดหน้าหน่อย” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ช้อปที่ยืนเหงื่อซก แต่ยิ้มหน้าบานอยู่ตรงหน้า ก็คงเพราะทีมเพิ่งชนะมามั้งเลยดูดีใจขนาดนั้น

“ม่อนเราขอคุยด้วยหน่อย” ช้อปถามผมแต่หน้าหันไปทางเพื่อนผมที่ยืนพยักหน้าให้ช้อป อะไรวะถามผมแต่ให้เพื่อนตอบ ผมเดินตามแรงดึงเบาๆที่ข้อมือมาที่ห้องล็อกเกอร์สำหรับนักกีฬา ในห้องมีนักกีฬาอยู่ไม่กี่คนเพราะน่าจะยังอยู่ข้างนอกยังไม่เข้ามากัน ช้อปพาผมมายืนที่มุมเล็กๆ ข้างล็อกเกอร์ สายตาช้อปตอนนี้ดูจริงจังผิดปกติ

“ม่อน...เมื่อเช้าที่เราบอกว่าชอบม่อนเราพูดจริงนะ” พูดจริงงั้นหรอ ช้อปชอบผมจริงๆงั้นหรอ แล้วผมควรทำยังไงเหรอครับ

“เรารู้ว่าม่อนไม่ได้ชอบผู้ชาย เราก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย แค่เราเห็นม่อนแล้วอยากดูแลม่อน...” ช้อปหยุดพูดสักพัก ยกมือขึ้นมาจับแขนทั้งสองข้างของผม

“เราไม่ได้จะบอกให้ม่อนชอบเรา เราแค่จะบอกว่าขอให้เราได้ลองดูแลม่อนสักครั้งจะได้ไหม” ผมยังไม่ได้ตอบอะไรยืนนิ่งกับคำพูดของช้อปอยู่แบบนั้น



สมัยมัธยมผมเคยมีแฟนมาสามคน คนแรกคบตอนมอสาม สาเหตุที่เลิกกันเพราะผมไม่มีเงินซื้อเฟอร์บี้ให้เธอ คนที่สองตอนมอสี่เราเลิกกันก็เพราะผมไม่มีเงินซื้อโทรศัพท์บีบีที่ตอนนั้นฮิตมาก จนรู้ว่าเธอแอบไปคุยกับคนอื่น ก็คุยบีบีนั่นแหละครับ คนที่สามเลิกกันเพราะเธอแอบไปเห็นว่าผมทำงานเป็นพนักงานเซเว่น เธอบอกว่าเธออายเพื่อน หลังจากนั้นผมก็ไม่มีความคิดที่จะมีแฟนอีกเลย เพราะกลัวจะซ้ำรอยเพราะความจน ไม่มีเงินมากมายไปคอยดูแลตามใจใคร ผมเลยเลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียวดีกว่า หลังเรียนจบผมมีการมีงานที่ดีทำค่อยคิดเรื่องนี้อีกที่ เพราะแน่นอนว่าครอบครัวผมยิ่งกับแม่แล้วที่คอยพูดกรอกหูมาตลอดว่าเรียนจบก็ให้หาเมียเลยแม่เพราะแม่อยากอุ้มหลาน

เฮ้ย...แต่ตอนนี้กลับมีผู้ชายมาบอกชอบผม ยิ่งทำให้ผมสับสนไปกันใหญ่ ว่าจะทำยังไงดี จะปฏิเสธ แล้วจะปฏิเสธยังไง จะให้โอกาสแล้วจะให้โอกาสยังไงทั้งที่ผมชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย

“เออ...เราไม่รู้ว่าเราจะชอบช้อปได้ไหม แต่ถ้าช้อปอยากทำแบบนั้นเราก็ไม่ว่าอะไร แต่เราไม่ยืนยันนะว่าจะหลังจากนั้นเราจะชอบช้อปแบบที่ช้อปชอบเราได้ไหม”

ไม่มีเสียงตอบจากช้อปมือเพียงร่างกายของผมที่ถูกดึงเข้าไปกอดๆ แบบที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นถึงจะรู้สึกแปลกที่ต้องมายืนกอดกับผู้ชายด้วยกัน



‘ภาค’



ผมไม่รู้ว่ามันยืนตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่ามันได้ยินที่ผมกับช้อปคุยกันไหม รู้เพียงว่าสีหน้ามันตอนนี้เหมือนเสือที่กำลังจะเข้ามาตะครุบแล้วฉีกผมเป็นชิ้นๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 10-07-2018 15:34:19
อูยยยยย
อ่อนแอก็แพ้ไป คนใจกล้าเขาเดินหน้าจีบ
โอเคมั้ยจ้ะภาคจ๋า
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-07-2018 16:16:21
 :ruready
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-07-2018 16:49:32
เรื่องใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-07-2018 17:55:14
ม่อน ทำไมเสน่ห์แรงขนาดนี้นะ
มีสงครามย่อมๆ เกิดขึ้นแล้ว
สงสัยคนกลางเละแน่ อิอิอิ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 10-07-2018 18:54:15
งานงอกแล้วม่อน
เสือภาคจะยอมมั้ยนั่น
 :mew3:
กดบวกรอคนดิ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 10-07-2018 19:15:19
ถ้ามัวแต่ท่ามากปากหนัก จะแห้วนะภาค ม่อนเสน่ห์เริ่มแรงแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 10-07-2018 20:39:25
ภาคช้าอ่ะไม่ทันกินเลย​ ช้อปรุกจีบชัดเจนกว่าก็งี้
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-07-2018 21:45:56
ภาคหึงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 5 #สับสน เพื่อนใหม่ UP
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 11-07-2018 01:20:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40% *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 11-07-2018 17:31:56
ตอนที่ 6




#มึงทำแบบนี้ทำไม  ครึ่งแรก



ผมยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของช้อป โดยเบื้องหน้ามีอีกคนยืนจ้องเขม็นผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าสายตาที่มันมองมาหมายความว่ายังไง แต่ผมควรถอยตัวออกจากอ้อมแขนของช้อปก่อนดีกว่า และควรออกจากตรงนี้โดยด่วนที่สุด

ผมผละตัวออกจากแขนของช้อปที่กำลังมองหน้าผมอยู่

“ออกปะ....” ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากช้อปให้ออกจากตรงนี้ มือที่ยื่นมาคว้าข้อมือของผม ไม่ใช่มือช้อป แต่เป็นมือของคนที่ยืนดูเหตุการณ์ก่อนหน้าของผมกับช้อปอยู่

“มึงจะทำอะไร” ช้อปคว้าคอเสื้อของภาคมันอย่างเอาเรื่อง น่าจะเพราะเหตุการณ์ในสนามก่อนหน้านี้ด้วย

ภาคมันเหมือนจะไม่ฟังที่ช้อปพูด ดึงแขนผมอย่างแรงเตรียมลากผมออกมา แต่ด้วยแรงดึงที่คอเสื้อของมันที่มีมือของช้อปจับอยู่ทำให้มันเดินออกไปไม่ได้

“ผลั๊วะ” มันปล่อยมือจากผม หันหน้ามาสวนหมัดเข้าที่กลางหน้าของช้อปเต็มๆ จนช้อปเซล้มลงไปกองกับพื้น มันไม่รอให้ช้อป ลุกขึ้นมา ลากข้อมือผมออกมาอย่างรวดเร็ว

มันล้วงหากุญแจรถก่อนยกขึ้นมากดปุ่มเปิดประตู มันผลักผมเข้าไปในรถปิดประตูแล้วเดินไปที่นั่งคนขับทันที รถของมันพุ่งตัวออกจากที่จอดรถด้วยความเร็วจนคนแถวนั้นหันมามอง รถมันเคลื่อนผ่านประตูหน้ามหาลัย มันไม่แม้จะหยุดตรงไฟแดงเลยด้วยซ้ำ ผมรู้สึกคุ้นเส้นทางที่มันกำลังพาผมไป ผมแน่ใจแล้วว่ามันจะพาผมไปที่คอนโดของมันแน่นอน

รถของมันจอดลงตรงที่จอดรถชั้นใต้ดินของคอนโด ทันทีที่รถจอดผมรีบเปิดประตูกระโดดลงจากรถแล้วรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่มันเห็นผมวิ่งลงจากรถมันก็วิ่งไล่ตามผมทันที

“ผลั๊ก...โอ๊ย” ไอ้ขาเวรทำไมมึงต้องมาพันกันตอนนี้ด้วย ผมล้มลงกองกับพื้นเพราะตอนที่วิ่งหนีขาผมมันดันไปเกี่ยวกันซะงั้น

“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก” ผมยังไม่ทันทีจะลุกเพื่อวิ่งต่อ มันก็เดินเข้ามากระชากข้อมือแล้วลากผมให้เดินตามมันไป

มันเปิดประตูรถอีกครั้ง แต่แทนที่จะเป็นประตูด้านหน้า มันกลับเดินไปเปิดประตูด้านหลังแทน ก่อนที่ผมจะได้สงสัยว่ามันเปิดประตูหลังทำไม ตัวผมก็ถูกมันโยนเข้าไปนอนในตัวรถเรียบร้อย มันตามเข้ามาในรถก่อนปิดประตู

มือแข็งของมันรวบที่ข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ ผมพยายามดิ้นขัดขืนอย่างถึงที่สุดแต่ก็ยังไม่หลุดจากมันสักที ก่อนที่จะโดนมันจับพลิกตัว ดึงแขนทั้งสองข้างมารวบไว้ทางด้านหลังแทน ก่อนที่มันจะหยิบอะไรสักอย่าง ซึ่งตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่ามันคือเข็มขัดขึ้นมามัดแขนทั้งสองข้างของผมไว้

ผมเจ็บมากครับยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้มันจะทำอะไรกับผม รู้แค่ว่าตอนนี้กลัว กลัวมากเลยครับ

“เงินที่ได้จากกูไปคงไม่พอใช้ละสิท่า” มันพูดออกมาครั้งแรกหลังจากที่ง่วนอยู่กับการจัดการมัดผม มันคงคิดว่าผมไปขายตัวกับช้อปแบบที่ทำกับมัน แต่ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับผมด้วย ทั้งๆที่เรื่องมันกับผมผ่านมาตั้งนานแล้ว หรือว่ามันต้องการเงินมันคืน

“มึงอยากได้เงินคืนหรอ มึงปล่อยกูก่อนแล้วกูจะเอาเงินมาให้” เรื่องที่ผมคิดได้ว่าสาเหตุที่มันทำกับผมแบบนี้ก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นละครับ

“จะรีบไปขอเงินผัวใหม่มาให้กูหรอ” ผัวใหม่ที่ว่ามันหมายถึงช้อปเหรอครับ

“ผัวใหม่อะไร กูไม่มี” ผมปฏิเสธตามจริงไป

มันไม่พูดอะไรต่อ เลื่อนมือมาที่หัวเข็มขัดผมก่อนปลดเข็มขัด แล้วดึงกางเกงนักศึกษาพร้อมกับกางเกงในของผมลงไปที่ข้อเท้า ผมเข้าใจแล้วว่าตอนนี้มันคิดจะทำอะไรกับผม ผมพยายามดิ้น ดิ้นมากกว่าเดิมถึงแม้จะเจ็บมากแต่มันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้ผมหลุดออกมาได้ ถึงแม้จะยากมากก็ตาม

ผมไม่อยากโดนมันทำแบบเดิมเป็นครั้งที่สอง แค่ครั้งแรกที่ผมเป็นคนยอมเดินเข้าไปให้มันทำแบบนั้นผมก็ขยะแขยงทั้งตัวเองและมันมากพอแล้ว ครั้งนี้กลับกำลังโดนมันขืนใจยิ่งทำให้ผมอยากหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

“ถุย”

เสียงมันถ่มน้ำลายลงบนช่องทางหลัง ก่อนขึ้นนั่งคร่อมบนตัวผม



‘อื้อ...’

ความรู้สึกเจ็บแปล๊บทางด้านหลังของผมตอนนี้ มันดันแก่นกลางของมันเข้ามาโดยที่ไม่มีการใช้นิ้วนำทางก่อน และผมก็รู้สึกว่ามันไม่แม้แต่ใส่ถุงยางก่อนด้วยซ้ำ

ร่างกายของผมดิ้นพล่านเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด

“อ้า” มันร้องครางออกมาอย่างไม่สนใจเสียงร้องที่เจ็บปวดของผมสักนิด แถมยังขยับเอวเร็วและหนักหน่วงมาก

ผมกัดปากเก็บความรู้สึก ไม่ส่งเสียงอ้อนวอนอะไรออกมาอีกเพราะคิดว่าถึงยังไงมันคงไม่ยอมหยุดอยู่ดี มันยังคงทำร้ายด้านหลังผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ผมนิ่งเงียบ เงียบอยู่นานมากไม่แม้จะส่งเสียงอะไรออกมา มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้มอย่างต่อเนื่อง



“มึงไปได้แล้ว”

มันส่งเสียงแผ่วเบาในลำคอก่อนเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดออกจากข้อมือผม ผมรู้ว่ามันยังไม่เสร็จแน่ๆ แต่ทำไมมันถึงยอมปล่อยผมไป ก่อนหน้านี้ยังทำกับผมแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแถมรุนแรงขนาดนั้น แต่คงไม่มีเวลาให้ผมคิดถึงเรื่องนั้นหรอกครับ ผมรีบดึงกางเกงขึ้นมาใส่แบบลวกๆ ก่อนหันไปเปิดประตูรถวิ่งออกมาลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพียงแค่อยากจะหนีออกมาให้ไกลจากมันเท่านั้น



ผมวิ่งออกมาไม่แม้จะคิดหันกลับไปมอง พยายามก้าววิ่งด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

"ผลั๊ก” ผมล้มลงไปกองกับพื้น ใจตอนนี้อย่างลุกขึ้นวิ่งให้เร็วที่สุด แต่ร่างกายกลับปฏิเสธ ผมพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น มือทั้งสองข้างยืนไปเกาะกำแพงพยุงตัวเองเดินไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ

‘มือถือ’ ผมนึกขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ติดอยู่ที่กระเป๋ากางเกง เลื่อนหน้าจอหาเบอร์มือถือของไอ้นัททันที

“ม่อนมึงอยู่ที่ไหน มึงเป็นอะไรรึเปล่า มันทำอะไรมึงไหม” ยังไม่ทันทีผมจะพูดอะไรนัทก็ยิงคำถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มันคงจะรู้เรื่องจากช้อปแล้วว่าผมโดนไอ้ภาคลากตัวออกมา

ผมพยายามมองรอบๆ เพื่อหาจุดสังเกตว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนก่อนบอกให้มันมารับโดยที่กำชับมันว่าอย่าให้ช้อปรู้ เพราะผมไม่อยากให้คนอื่นมารับรู้เรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-07-2018 17:43:26
น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 11-07-2018 17:48:01
ภาคร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-07-2018 19:34:17
 :mew6:
ภาคผีบ้ากามเข้าสิงเหรอ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-07-2018 19:35:22
ทำแบบนี้ทำไมภาค
ทำแบบนี้ได้ไงงงงงงงง
อยากถาม
ปล่อยให้ช้อปเอาม่อนไปเถอะ
 :katai1:
กดบวกรอครบตอน
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-07-2018 19:51:44
นี่คือหึงใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 11-07-2018 19:58:06
ภาค​ ทำแบบนี้ทำไมเนี่ย​ ครั้ง​หน้าถ้าเจอกันอีกจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 11-07-2018 20:46:59
ชอบมาก นิยายแซ่บๆ แบบนี้
ขอให้แต่งจนจบนะ เป็นกำลังใจให้

ดำเนินเรื่องสนุกมาก อ่านแล้วบีบคั้นดี
มันลุ้นไปกับตัวละคร
ว่าม่อนจะเจออะไร ภาคจะทำอะไร
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-07-2018 21:12:30
ขืนใจม่อนแบบนี้เท่ากับสร้างแผลใจให้ม่อนเลยนะอย่างนี้ม่อนคงได้เกลียดภาคแน่
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100% *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 11-07-2018 21:46:41
มาต่อให้แล้วนะครับ



ผมนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงป้ายรถเมล์ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไมต้องเป็นผม ผมควรโทษใครดีโทษแม่ที่ป่วยจนผมต้องทำแบบนั้น โทษความจนที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดจนทำให้ผมไม่มีทางเลือกหรือโทษตัวเองที่เอาตัวเขาแลกเพราะแค่อยากได้เงิน

แต่เพราะอะไรทำไมมันถึงทำแบบนี้กับผม ถึงจะอยากได้คำตอบมากเท่าไรแต่ผมไม่มีทางที่จะไปเจอมันอีกครั้งแน่ แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงมันมากจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับคนอย่างมันอีกต่อไป



“ม่อนมึงเป็นยังไงบ้าง” ไอ้นัทกระโดดลงจากรถไม่แม้จะดับเครื่องมอเตอร์ไซต์ของมันก่อนตรงมาที่ผมทันที ผมยกมือทั้งสองข้างสวมกอดมันปล่อยน้ำตาที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะหาว่าผมบ้าออกมาทั้งหมด

ไม่เหลืออะไรแล้วครับตอนนี้ผมปล่อยน้ำตาออกมาทั้งหมด กอดไอ้นัทตัวสั่น มีเพียงคำปลอบว่า ‘ว่าไม่เป็นไร’ จากปากของนัทอย่างไม่ขาดสาย มันปล่อยให้ผมนั่งกอดแบบนั้นอยู่นานโดยที่ไม่ว่าอะไรสักคำ

“ขอบคุณมึงมากนัทที่ปลอบกู อยู่เป็นเพื่อนกู ไม่ทิ้งกู” ผมพูดทั้งที่มือทั้งสองข้างยังกอดมันอยู่ มือข้างหนึ่งของมันลูบที่หลังของผมอย่างอ่อนโยน

“กูไม่ทิ้งมึงหรอกก็มึงเป็นเพื่อนกู” มันดันตัวผมออกยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปาดน้ำตาที่เลอะสองข้างแก้มของผมออกแล้วยิ้มให้กำลังใจ

“กลับหอกันเถอะพวกไอ้อาร์มมันเป็นห่วงมึงแย่แล้ว”



ผมนั่งซบหลังของไอ้นัทตลอดทางจนมันขับมาถึงหอ พวกที่เหลือยืนรอผมอยู่ที่หน้าหออย่างเป็นห่วงทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง สีหน้าพวกมันเปลี่ยนทันทีที่รถมอเตอร์ไซต์ของไอ้นัทจอดลง พวกมันวิ่งเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าดีใจ เหมือนว่ากำลังรอผมกลับมา พวกมันไม่แม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแค่ไอ้อาร์มเดินมายกมือข้างหนึ่งของผมไปกอดคอมันก่อนพยุงผมเดินขึ้นหอท่ามกลางเหล่าเพื่อนๆ ที่เดินตามมาไม่ห่าง



ผมนั่งปล่อยความคิดบนเตียงอยู่นาน ตรงหน้าฝั่งเตียงไอ้นัทก็แออัดไปด้วยเหล่าเพื่อนในกลุ่มของผมที่ไม่มีแม้คำถามหรือแม้แต่เสียงพูดคุยกัน จากที่ปกติแล้วถ้าพวกมันอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้ไม่มีทางเงียบอย่างแน่นอน



“มันข่มขืนกู” ผมพูดทำลายความเงียบสายตามองลอยออกไปด้านนอกหน้าต่าง

“กูจะไปฆ่ามัน” ไอ้นัทกับไอ้อาร์มลุกขึ้นเตรียมพุงตัวออกนอกห้องไป

“กูผิดเองแหละ กูไม่น่าคิดตื้นๆ แบบนั้น กูผิดเองแหละที่มองข้ามความเป็นเพื่อนของพวกมึง เพียงแค่คิดว่ามันเป็นปัญหาของกู ไม่อยากให้พวกมึงต้องมารับรู้ คิดว่าตัวเองสามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง ฮึก....ฮึกๆ ๆ”

ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ลองคิดดูแล้วว่าคนที่ผิดจริงๆ แล้วคือผม ผมที่ยอมให้ปัญหาอยู่เหนือตัวเอง ตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา เผื่อว่ามันจะล้างเรื่องราวแย่ที่เกิดขึ้นกับผม

พวกนัทที่ก่อนหน้านี้นั่งเบียดกันลุกขึ้นมาแตะไหล่ สองสาวมีนกับเฟิร์นนั่งขนาบข้างกอดให้กำลังใจผม

“แล้วมึงจะเอายังไงต่อไปวะม่อน” อาร์มทักขึ้นหลังจากที่ผมสงบสติอารมณ์จากอาการร้องไห้อย่างหนักหน่วงเมื่อกี้

“ก็คงต้องรีบหาเงินมาคืนมันให้เร็วที่สุด” ผมคิดว่าถ้าผมหาเงินมาคืนมัน มันคงเลิกตามจองเวรผมสักทีแต่เรื่องที่จะหาเงินจากที่ไหนผมคงจะต้องคิดดูอีกที

“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเดี๋ยวพวกกูช่วยเอง” ผมเพียงพยักหน้ารับความช่วยเหลือจากเพื่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ปฏิเสธมันตลอดเพราะไม่อยากรบกวนพวกมัน แต่ตอนนี้ผมคิดแค่ว่าอยากจะหลุดพ้นจากไอ้สารเลวคนนั้นสักที



“อย่าๆ ...มึงปล่อยกูไปเถอะ อย่าทำอะไรกูเลย กูข้อร้อง ฮึกๆ ๆ ...” ผมสะดุ้งตื่นลุกจากเตียง ไฟถูกเปิดขึ้น มันน่าจะเปิดก่อนที่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียอีก ผมหันมองรอบห้องก่อนสายตาจะมาหยุดตรงที่เตียงของนัท ที่กำลังนั่งจ้องผมอย่างเป็นห่วง

“มึงยังไม่นอนหรอนัท” ผมถามมันที่กำลังนั่งจ้องหน้าผมอยู่

“กูได้ยินเสียงมึงร้องเลยลุกขึ้นมาดู มึงโอเคจริงๆ ใช่ไหม”

“กูโอเค” จะบอกว่าโอเคก็คงจะไม่ได้แค่อยากให้ไอ้นัทมันสบายใจเท่านั้น เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจะให้ผมโอเคได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงคงเป็นไปไม่ได้



หลังจากที่ตื่นขึ้นมากลางดึกผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน จะข่มตาหลับภาพที่มันกำลังทำร้ายผมก็ลอยเข้ามาทุกครั้ง ทำยังไง ผมควรทำยังไงถึงจะลืมมันได้สักที



“มึงไปเรียนไหวหรอม่อน” ไอ้นัทหันมาถามหลังเห็นว่าผมหยิบชุดนักศึกษาขึ้นมาใส่ สำหรับผมไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ทิ้งการเรียนเด็ดขาด กับความหวังของพ่อกับแม่ผมไม่มีทางทิ้งเพราะเรื่องแบบนี้เด็ดขาด



ผมซ้อนมอเตอร์ไซต์ของไอ้นัทจอดที่ข้างตึกคณะ ก่อนเดินเข้าไปหาข้าวเช้ากินที่โรงอาหาร เราเดินตรงมาที่โต๊ะที่เพื่อนอีกสามคนที่เหลือนั่งอยู่ วันนี้ช้อปไม่ได้มานั่งรอกินข้าวเช้าพร้อมพวกเรา แต่ก็ดีแล้วครับเพราะผมก็ไม่อยากตอบคำถามเรื่องเมื่อวาน

“อะนี้ของมึง ช้อปมันมีธุระเลยฝากไว้ให้” มีนยื่นถุงเซเว่นที่ข้างในมีนมรสกล้วยกับขนมปังให้กับผม

“เออมึงไม่ต้องห่วงกูไม่ได้บอกช้อปหรอก แค่บอกว่าเรื่องเข้าใจผิด” มีนชิงพูดเพราะรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่

“แล้วมึงโอเคนะ”

“เออ กูโอเค” ไม่โอเคก็ต้องโอเคเพราะอีกไม่กี่วันก็สอบกลางภาคแล้วผมทิ้งไม่ได้จริงๆ

“ม่อนเรื่องเงินห้าหมื่นกูคุยกับป๊ากูให้แล้วนะมึงไม่ต้องห่วง” อาร์มหันมาบอกผม

“ส่วนเรื่องคืนเดี๋ยวกูกับไอ้นัทจะเอาไปคืนมันให้”

“ขอบคุณมึงมากๆ” ชอบคุณทั้งเรื่องเงินและขอบคุณมันที่จะเอาเงินไปคืนแทนผม มันคงรู้แหละว่าผมไม่อยากใกล้ไอ้นั่นมากขนาดไหน



‘ขวับ!’

ผมหยุดเดินตรงทางขึ้นอาคารเรียนก่อนหันไปสำรวจด้านหลัง ผมรู้สึกว่ามีคนแอบมองและแอบตามผมตั้งแต่อยู่โรงอาหาร

“มีไรวะม่อน” ไอ้นัทหันมาถาม

“ไม่มีไรๆ” ผมว่าผมคงระแวงจนไปเองก็ได้ แต่ผมว่าผมรู้สึกมีคนตามผมมาจริงๆ



ทั้งวันวันนี้ไม่ได้มีการเรียนการสอนอะไรมากนัก เพราะอาทิตย์หน้าก็สอบแล้วเลยมีเพียงการแนะแนวข้อสอบและเน้นย้ำบางหัวข้อเท่านั้น ดังนั้นตอนเย็นผมก็เลยคิดว่าจะไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุดตามเคย แต่วันนี้แปลกเพราะมีเหล่าผ่องเพื่อนผมติดสอยห้อยตามมาด้วย มันคงไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว และอีกเหตุผลคือมันจะให้ผมเกร็งข้อสอบให้กับพวกมัน ก็ดีครับผมจะได้ไม่เหงาแถมได้ทบทวนไปด้วยในตัว

เราทั้งห้าคนเดินมาถึงหน้าห้องสมุด ก่อนจะพบว่าช้อปยืนรออยู่ก่อนแล้ว ช้อปเดินเข้ามาหาผมถามถึงเรื่องวันนั้นว่าเข้าใจอะไรผิดกันให้เขาจัดการให้ไหม ผมเพียงบอกปัดไปว่าไม่เป็นไรเคลียเสร็จเรียบร้อย ช้อปไม่ได้ถามอะไรต่อเพียงแต่เดินเข้ามาดึงกระเป๋าด้านหลังผมไปสะพายให้ 

“เฮ้ย...ไม่เป็นไรเราถือเองได้” ช้อปไม่พูดอะไรเพียงส่งยิ้มมาให้แล้วเดินนำหน้าเข้าไปในห้องสมุด

“นี่แนะยังไงกัน พวกกูคงไม่ต้องปลอบแล้วมั้ง” เสียงแซวจากเฟิร์นดังขึ้นตามด้วยเสียงไอ้พวกที่เหลือดังตามมาติดๆ ผมไม่ตอบอะไรเดินตามช้อปเข้าห้องสมุดอย่างรวดเร็ว



ผมนั่งอ่านหนังสือกับพวกเพื่อนๆ โดยมีช้อปนั่งอ่านอยู่ด้วยข้างๆ ผมสังเกตเห็นทั้งชีททั้งหนังสือกองอยู่ตรงหน้าช้อปเต็มไปหมด เรียนหมอนี่คงเรียนหนักมากเลยนะครับ เห็นช้อปตั้งใจอ่านหนังสือผมก็หันมาสนใจส่วนของตัวเองบ้าง

‘หนาว’ อากาศในห้องสมุดตอนนี้หนาวมาก หนาวจนผมต้องยกมือมากอดอกพลางลูบที่ต้นแขนของตัวเองทั้งสองข้าง

“หนาวหรอ” ผมหันไปมองหน้าช้อป ขณะที่ช้อปกำลังถอดเสื้อกันหนาวที่ใส่อยู่มาคลุมที่ไหลให้ผม

“อาร์มขามีนหนาวจังเลยค่ะ” มีนที่กำลังเอนตัวไปซบอาร์มเป็นการล้อเลียนผม



“ปึก”

ก่อนที่ผมจะได้หันหน้าไปค้อนเพื่อนตัวดีที่กำลังทำท่าล้อเลียนผมอยู่ เสียงบางอย่างกระทบที่โต๊ะเสียงดังจนทั้งโต๊ะผมหันไปมองเป็นตาเดียว ไม่ใช่แค่โต๊ะผมแต่เป็นนักศึกษาเกือบทั้งชั้นของห้องอ่านหนังสือที่หันไปมอง

ตาผมสะดุดกับแผ่นหลังที่กำลังเดินออกไปจากห้องสมุด



‘ไอ้ภาค’

แน่นอนผมจำได้แม่นว่าคือมันแน่ๆ ผมไม่รู้ว่ามันมาตั้งแต่ตอนไหนเพราะผมก็ไม่ได้สนใจและก็ไม่อยากสนใจมันด้วย ผมละสายตาหลังจากที่มันเปิดประตูเดินออกไป สายตาจากเพื่อนที่หันมามองว่าผมโอเคไหม ผมได้แค่พยักหน้ากลับไปเป็นคำตอบ

ผมว่าผมควรเลิกคิดเลิกสนใจเรื่องที่ผ่านมาได้แล้ว ควรหันมาสนใจคนรอบข้างที่เป็นห่วงผมดีกว่า

‘ช้อป’ ที่ตอนนี้ดูไม่สนใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้า เพียงแต่ยิ้มยื่นมือมาจัดเสื้อกันหนาวที่คลุมอยู่ที่ไหล่ผมเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 11-07-2018 22:03:04
สนุก สนุก สนุก
        ครับ

รอตอนต่อไปครับ


        :110011: :z7:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-07-2018 23:15:16
จะหมดเวรหมดกรรมไหมนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 11-07-2018 23:52:42
ไม่ชัดเจนเองนะภาค แล้วมาทำงี้อะ โมโหๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-07-2018 23:56:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 12-07-2018 09:34:52
ภาคเป็นพระเอกหรอ งง 555555555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 6 #มึงทำแบบนี้ทำไม UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 12-07-2018 10:33:57
ภาคนี่ยังไง ชอบเขาใช่ไหม หึ
ตามไปถึงทุกที่เลย

ถ้าชอบก็ลองเข้ามาหาดีๆสิ เห้อออ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 12-07-2018 12:45:57
ตอนที่ 7  ครึ่งแรก



#ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง



“สอบเสร็จสักทีโว้ย” ไอ้นัทเดินออกมาจากห้องสอบพร้อมโปรยชีทที่อยู่ในมือ แต่ก็ได้ไม่นาน มันวิ่งไปเก็บชีทที่กองอยู่ที่พื้นขึ้น มา ก็มีสายตาอำมหิตจากอาจารย์ส่งมาคุมสอบ แถมยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาที่เราเพิ่งสอบเสร็จไปเมื่อกี้อีก



“ต้องขอบคุณอาจารย์ม่อนของเราที่ช่วยเกร็งข้อสอบให้” ไอ้อาร์มประนมมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์แทนคำขอบคุณ ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้มันไป

“กูว่าเย็นนี้ต้องมีฉลองแล้ววะ”

“ไปที่ไหนดี ผับหลังมอไหม” ไอ้นัทกับไอ้อาร์มหันมาถามความคิดเห็น ผมพยักหน้าตอบรับอยากคลายเครียดอยู่เหมือนกัน แถมตอนกลางคืนผมไม่ต้องไปทำงานที่ผับอีกต่อไป เพราะผมบอกกับพวกมันไปแล้วว่าผมจะไม่กลับไปทำงานที่นั่นอีก ถึงแม้ว่ารายได้จากส่วนนี้ของผมจะหายไปแต่ก็ยังดีกว่ากลับไปเจอเหตุการณ์เก่าๆ ที่ผมไม่อยากนึกถึงมัน

“เออไอ้ม่อน เรื่องเงินที่กูบอกว่าจะไปคืนให้กูจัดการให้แล้วนะ” จู่ๆ ไอ้นัทมันก็เปลี่ยนเรื่อง หันมามองหน้าผมเหมือนรอดูปฏิกิริยาของผมอยู่

“เออ ขอบคุณพวกมึงมาก” ผมพยายามข่มอารมณ์หันไปส่งยิ้มเพื่อให้มันสบายใจ

“ม่อน...เอ่อ ไม่มีไรหรอกไปกันเถอะ” นัทมันเหมือนมีอะไรอยากพูดกับผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ช่างเถอะยังไงซะผมก็คิดว่าผมคงหมดเรื่องกับ ‘ไอ้ภาค’ มันเสียที



Part

ภาค



“นี่เงินห้าหมื่น” เพื่อนในกลุ่มของม่อนยัดซองสีน้ำตาลใส่มือผม

“แล้วมึงเลิกยุ่งกับม่อนมันสักที” สีหน้ามันดูเหมือนจะเกลียดผมมาก พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ผมทุกเมื่อ

“กูขอบคุณสำหรับเงินนี้ แต่เรื่องที่ให้กูเลิกยุ่งกับ...กูคงไม่” คนที่ยื่นอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ พร้อมกับซัดเข้าที่หน้าผมเต็มๆ

“มึงมีเห็นผลอะไรถึงไม่เลิกยุ่งกับมัน เงินมึงก็ได้คืนแล้วนี่” มันดูจะโมโหกับคำตอบที่ได้จากผม

“…” ผมเงียบไม่มีคำตอบให้มัน

“มึงรู้ไหมที่มึงทำม่อนมันรู้สึกยังไง มึงรู้ไหมสภาพตอนที่กูเจอมันหลังจากที่มันหนีออกมาจากมึงมันเป็นยังไง มึงรู้ไหมว่ามันนอนละเมอร้องไห้เกือบทุกคืน มันต้องคอยระแวงว่ามีคนตามมันมาไหม มันตกใจแม้กระทั่งพวกกูสะกิดมัน ถ้ามึงยังมีความเป็นคนอยู่มึงก็ควรเลิกยุ่งกับมันซะ”

“กู...กูไม่รู้” ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำไปแค่อารมณ์ชั่ววูบตอนนั้นจะทำให้มันเป็นแบบนี้ หลังจากที่ผมลากมันออกมาแล้วพยายามขืนใจมัน ตอนนั้นผมไม่แม้แต่จะสนใจเสียงอ้อนวอนขอให้หยุดของมัน จนจู่ๆ เสียงมันก็เงียบลงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากมัน ผมหยุดร่างกายของตัวเองไว้ นึกถึงเรื่องที่ผมกำลังทำอยู่ว่าผมทำไปทำไม ผมไม่รู้จริงๆ ครับว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงต้องคอยตามดูมัน ไม่ชอบเวลามันอยู่กับใคร ยิ่งตอนที่เห็นมันยืนกอดกับไอ้ช้อปนั่น แต่ผมมีสิทธิ์อะไร

ตอนนั้นผมทำได้เพียงบอกให้มันหนีไปจากผม มันพุ่งตัวออกจากรถทันทีที่ผมปลดเข็มขัดที่รัดตรงแขนมันอยู่ มันไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองหรือถามอะไรผม มันคงกลัวคงเกลียดผมมากแน่ๆ

แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะตามมันออกมา ผมขับรถตามมันที่วิ่งเหมือนไม่มีจุดหมายจนล้มลงไปกองที่พื้น ก่อนพยายามดันตัวเองเกาะกำแพงมานั่งที่ป้ายรถเมล์อย่างลำบาก ผมนั่งมองมันที่นั่งเหม่อลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ นี้ผมทำให้คนหนึ่งต้องเจ็บขนาดนี้เลยหรอ ตั้งแต่วันนั้นผมโกรธตัวเองมาก คอยนั่งมองมัน คอยเดินตามมัน จนถึงวันที่เห็นมันนั่งคุยกับไอ้ช้อปนั้นอย่างสนิทสนมแถมยังถอดเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวให้กันด้วย ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย

“กูก็ไม่รู้ว่ากูทำแบบนั้นไปทำไม” ผมตอบไปตามความรู้สึกตอนนั้น

“มึงชอบม่อนหรอ”



‘มึงชอบม่อนหรอ’

ผมทวนคำนี้ในใจอีกรอบ จากสิ่งที่ผมทำก่อนหน้านี้ผมคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า

‘ผมชอบมัน’



Part

ม่อน



เสียงเพลงดังออกมาจากในร้าน ร้านที่เรามากันวันนี้เป็นร้านกึ่งผับกึ่งนั่งชิลล์ คนเยอะเป็นปกติครับเพราะเป็นร้านดังและร้านประจำของเหล่านักศึกษามหาลัยนี้ เราเดินมานั่งโต๊ะที่อยู่ตรงมุมเกือบๆ จะด้านในสุดของร้าน เหล่านักเที่ยวต่างลุกขึ้นมาออกลีลา ในมือถือแก้วเหล้าประจำตัว ผมนั่งมองเหล่าคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานผมไม่ได้มีโอกาสมานั่งดื่มนั่งสนุกกับเพื่อนๆ เท่าไร ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะทำงานอยู่กับผับแต่ก็ไม่ได้มีเวลามานั่งกับเพื่อนๆ เพราะงานของผมคือการบริการลูกค้าที่เข้ามาหาความสุขเท่านั้น หลังจากวันนี้ผมต้องคิดแล้วว่าจะหางานพิเศษทำเพิ่มให้ได้เงินที่พอต่อการใช้แต่ละเดือน กับเงินที่ต้องส่งกลับให้ที่บ้านด้วย

“เอ้าม่อนชนหน่อย” นัทยื่นแก้วจากที่นั่งตรงข้ามมาชนแก้วกับผม เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยรวมถึงช้อปที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยกแก้วขึ้นมาชนด้วยเช่นกัน หลังจากแก้วแรกก็ตามมาด้วยแก้วที่สอง สาม สี่ตามมา ผมเป็นคนคอแข็งครับแต่โดนเหล้าที่ไอ้นัทกับไอ้อาร์มชงให้ แทบจะเรียกว่าเพียวเข้าไปก็เล่นเอามึนอยู่เหมือนกัน มันคงเห็นว่าที่ผ่านมาผมเครียดมามากเลยอยากจัดให้ผมแบบฟลูออฟชั่นสักหน่อย

ผมขอตัวออกมาเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ช้อปบอกว่าจะออกมาเป็นเพื่อนแต่ผมปฏิเสธไปเพราะอยากให้เขาได้อยู่สนุกกับเพื่อนๆ



“อย่าเพิ่งสิคะภาค รอถึงห้องก่อน” เสียงผู้หญิงดังไม่ไกลจากที่ผมนั่ง ถือเป็นเรื่องปกติของนักเที่ยวกลางคืนครับ ที่มาเที่ยวแล้วจะถูกใจใครสักคนก่อนที่จะพากันไปจบที่โรงแรมหรือห้องของใครสักคน ผมจะไม่สนใจถ้าชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกดูคุ้นหูผมมาก และก็เป็นอย่างที่คิด คนที่กำลังนัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนนั้นคือภาคคนที่ผมเกลียดมากที่สุด

มันคงรู้แล้วว่ามีคนมองมันอยู่ มันเงยหน้าที่กำลังซุกไซ้อยู่ที่ต้นคอสาวสวยคนนั้นอยู่ขึ้นมาสบตากับผม ผมหลบสายตามันไม่อยากที่จะมองมันด้วยซ้ำ เพราะยิ่งมองภาพที่มันทำกับผมวันนั้นก็ลอยขึ้นมาทันที ผมเดินหลบออกมาจากตรงนั้น เดินตรงไปตามถนนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพวกไอ้นัทบอกพวกมันว่าขอตัวกลับก่อน โดยให้เหตุผลว่าปวดหัวมากอยากกลับห้องไปนอน ช้อปที่ได้ยินแบบนั้นก็อาสาไปส่งผมทันที แต่ผมปฏิเสธไปบอกว่าตอนนี้ขึ้นรถออกมาแล้วไม่ต้องเป็นห่วง

ผมเดินตรงไปตามถนนหลังจากวางสายจากไอ้นัท คิดว่าจะเดินกลับหอเองเพราะว่าหอผมกับผับไม่ได้ไกลกันมากนัก เสียงเพลงของร้านเหล้าสองข้างทางดังมาเป็นระยะส่วนใหญ่ก็เป็นร้านนั่งชิลล์สำหรับคนที่ชอบดื่มด่ำกับบรรยากาศและไม่ชอบคนแออัด

“จะไปไหนหรอน้อง” ผมไม่ได้ทันสังเกตว่ามีคนเดินตามผมมา รู้ตัวอีกที่ก็โดนล้อมไปด้วยผู้ชายร่างสันทัดสี่คน

“กะ...กลับหอครับ” ผมตอบด้วยเสียงสั่นๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาทั้งสี่คนมาด้วยเหตุผลอะไร

ผมรีบสาวเท้าเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ผมก้าวเดินอย่างรวดเร็วแทบจะเรียกว่าวิ่งก็ได้ ตอนนี้สองข้างทางเปลี่ยนจากร้านรวงเป็นพื้นที่ร้าง สองข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ผมหันกลับไปมองทางด้านหลังว่ายังมีคนตามมาอยู่ไหม

‘เหี้ย!’ ทำยังไงดีครับพวกนั้นยังตามผมมาอยู่เลย

“เฮ้ย!” แรงกระชากทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ผมถูกล้อมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก พวกมันแต่ละคนเดินเข้ามาช่วยกันจับล็อกตัวผมไว้

“ปล่อยกูนะไอ้พวกเหี้ย” ผมพยายามดิ้นอย่างถึงที่สุด ปากก็พ่นคำด่าใส่พวกมันอย่างต่อเนื่อง

‘อึก’

“ปากดีนักนะมึง” ผมทรุดลงกับพื้น เรี่ยวแรงที่ขัดขึ้นก่อนหน้านี้หายไปหมด มันคนหนึ่งในกลุ่มซัดหมัดเข้าที่หน้าท้องผมอย่างแรง ก่อนลากผมเข้าข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ผมพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีตะโกนขอความช่วยเหลือ ทันทีที่ผมส่งเสียงร้อง แรงจากฝ่ามือก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าผมอย่างแรง

“พวกมึงจะทำอะไรกู กูเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”

“ตอนนี้จะเป็นอะไรก็ช่างกูไม่สน ยิ่งหน้าหล่อๆ แบบมึงด้วยกูไม่เกี่ยง” กระดุมเสื้อเชิ้ตลายจุดของผมถูกปลดลงทีละเม็ด เข็มขัดที่ถูกปลดเรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะดึงกางเกงของผมลง

“ปล่อยผมไปเถอะนะ ฮึกๆ อยากได้อะไรก็ไอ้ไป แต่ปล่อยผมไปเถอะนะ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นประนมอ้อนวอนขอร้องให้พวกมันปล่อย น้ำตาที่ไหลอาบท่วมทั้งสองข้างแก้ม ผมกลัวๆ มากจริง ยิ่งผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมยิ่งกลัว

“นัทมึงช่วยกูด้วย ช่วยกูด้วย” ผมร้องเรียกเพื่อนทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะได้ยิน เพียงแค่หวังว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินสักคน

“กูขอคนแรกนะ ไม่ไหวแล้ว” ไอ้สัตว์นรกคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น พร้อมกับลุกยืนถอดกางเกงตัวเองออก

“อย่าๆ ทำผมเลย” ผมร้องขออีกครั้ง มันไม่แม้จะฟังผมดึงกางเกงของผมลงจนตอนนี้เหลือเพียงกางเกงในที่ปกปิดส่วนนั้นของผมไว้เท่านั้น

หน้าหล่อแล้วยังขาวไปหมดแบบนี้อีก” ผมหลับตาลงไม่อยากมองสิ่งที่มันกำลังจะทำกับผม ตอนในหัวผมคิดแค่ทำไมผมต้องเจอกับเรื่องพวกนี้ตลอดทำไมต้องเกิดขึ้นกับผม ทำยังไงผมถึงจะหนีจากเรื่องแบบนี้ได้ หรือว่าผมต้องตายเท่านั้นถึงจะหลุดพ้น





ครึ่งหลังเดี๋ยวดึกๆผมมาต่อให้นะครับ

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: กฤตย ที่ 12-07-2018 17:10:46
 :fire: :fire: :fire: มาเจอพวกเดนมนุษย์ อีก ภาครีบๆมาช่วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-07-2018 17:35:03
โอ้ยยยยยยยยยม่อน
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 12-07-2018 17:58:03
พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเร้ว
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 12-07-2018 18:08:13
ทำไมน้องจะต้องซวยในเรื่องแบบนี้ติดๆกันด้วยน้าาาา :katai1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-07-2018 18:22:42
ภาคไม่งี่เง่าดี พอเพื่อนม่อนกระทุ้งก็ เออใช่ กูชอบ
ถึงเวลาพระเอกขี่ม้าขาวแว้ววววว
รออีกครึ่งอย่างตื่นเต้ลๆๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 12-07-2018 19:09:04
เข้ามาขอบคุณก่อนเลยครับ
เด่วกลับไปอ่าน

       :man1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 12-07-2018 19:19:44
อ่านเสร็จแล้วครับ

รออ่านต่อรอบดึกด้วยใจระทึก

         :amen:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 12-07-2018 19:41:06
ภาค ถึงเวลาของนายแล้ว รีบๆออกมาช่วยม่อนเถอะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-07-2018 19:52:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-07-2018 20:23:09
ภาคตามมาด่วน​ๆเลยได้เวลาทำคะแนนแล้ว​ ม่อนทำชีวิตเจอแต่แบบนี้เนี่ยสงสาร​
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 12-07-2018 21:25:52
ใครจะมาช่วยละนี่ จะรอดไหมรออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งหลัง *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 12-07-2018 21:41:12
ครึ่งหลัง



“โอ้ย! เหี้ยใครถีบกูวะ” ภาพไอ้คนตรงหน้าที่กระเด็นล้มลงไปพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างโมโห

“ผลั๊ก...ผลั๊ว...ตุ๊บ...ตับ” ผมมองไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นพยายามโฟกัสสายตาอีกครั้งก็เห็นมันที่สี่คนนอนอยู่กับพื้น พลางยันตัวคลานหนีออกไป

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ตัวอีกทีร่างกายของผมก็ถูกรวบไปกอดไว้แน่น ผมร้องไห้หนักกว่าเดิน โผเข้าก่อนคนตรงหน้า ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่รู้สึกขอบคุณ ขอบคุณมากที่ช่วยให้ผมรอดจากขุมนรกนี้

“มึงไม่เป็นไรใช่ไหม”

ผมหยุด ‘กึก’ เงยหน้าขึ้นมอง ‘ไอ้ภาค’ ผมคลายมือที่กอดอยู่ลง แต่มือมันยังกอดผมไม่ยอมปล่อยรู้สึกว่ามันแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“มึงมาช่วยกูทำไม” ผมหยุดร้องปล่อยคำถามที่อยู่ในใจว่ามันช่วยผมทำไม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันก็ทำกับผมแบบเดียวกัน มันไม่ตอบอะไรเพียงคลายแขนทั้งสองที่กอดผมอยู่ออก คว้าข้อมือขอผมเดินนำออกมาที่รถของมัน

“กูกลับเองได้” ผมหันหลังเตรียมเดินออกมา มือผมถูกคว้าไปจับอีกครั้งไม่มีเสียงใดจากปากของมัน แม้แต่มองหน้าผมมันยังไม่หันมามอง

มันเปิดประตูดันผมให้ขึ้นไปนั่งบนรถของมัน ก่อนเดินไปเปิดประตูฝั่ง ออกรถขับไปตามเส้นทางไปหอพักของผม



“ขอบใจ” ตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างผมกับมัน มีเพียงคำขอบคุณหลังจากที่รถของมันเคลื่อนมาจอดที่หน้าหอพักผม

“กูขอโทษ”

มันพูดเมื่อเห็นว่าผมกำลังเปิดประตูเตรียมลงจากรถ

“กูขอโทษ กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ กูขอโทษที่แบบนั้นกับมึง กูไม่รู้ว่ากูทำแบบนั้นไปทำไม กูขอโทษ มึงจะโกรธจะเกลียดกูกูไม่ว่า แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจ กูเสียใจ กูขอโทษ”

มันพร่ำออกมาโดยที่ไม่หันมามองหน้าผม



‘น้ำตา’

ผมไม่รู้ว่าน้ำใส่ที่ไหลลงบนหน้านั้นคือน้ำตาหรือเปล่า แต่ถ้ามันร้องไห้มันจะร้องไห้ทำไม ถามว่าผมยังโกรธมันอยู่ไหม แน่นอนว่าผมทั้งโกรธทั้งเกลียดมันมาก ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มันมาช่วยผมไว้ แต่ก็ไม่ทำให้ความรู้สึกเกลียดในใจผมลดลง เพียงรู้สึกสงสัยกับท่าทีและคำพูดของมัน 

ผมยื่นมือไปเปิดประตูเดินลงจากรถ โดยไม่หันไปพูดอะไรกับมัน

“มึงหายไปไหนมา” นัทที่เดินออกเปิดประตูด้วยความกระวนกระวายใจ ผมหันกลับลงไปมองที่ลานจอดรถของหอพัก รถหรูของมันยังคงจอดนิ่งสนิท ผมหันหน้ากลับเดินเข้าห้องตามไอ้นัทไป

“เออกูเจอมันแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่ห้อง” นัทวางสายจากโทรศัพท์ในมือ มันคงโทรบอกเพื่อนๆนั่นแหละครับ พวกมันคงเป็นห่วงที่ผมหนีกลับก่อน

“มึงหายไปไหนมาม่อนรู้ไหมพวกกูเป็นห่วง กลับมาไม่เจอมึงที่ห้องจนพวกกูต้องออกตามหากันให้วุ่น โทรไปก็ไม่ติด มึงไปไหนมา” มันร่ายยาวบ่นผมทันทีที่วางสาย



“กูเกือบโดนขมขื่นอีกแล้วว่ะ” ผมหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่ร้องไห้ไม่มีน้ำตาบนใบหน้าผม มีเพียงรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า จะมีสักกี่คนที่ต้องมาโดนข่มขืนติดต่อกันถึงสองครั้ง ผมนึกขำในใจ นี่ผมไปทำเวรทำกรรมกับใครไว้หรือว่าชาติที่แล้วผมไปฆ่าขมขื่นใครไว้ชาตินี้เลยต้องมารับกรรมแบบนี้

“คราวนี้กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ๆ ไอ้ภาค” นัทลุกขึ้นยื่นเตรียมเดินออกไปเปิดประตู

“มันไม่ได้ทำไรกูหรอก มันช่วยกูไว้ต่างหาก” ผมยังนั่งมองนอกหน้าต่างเหมือนเดินนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นัทมันบังคับให้ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มันฟังทั้งหมด



“กูมั่นใจแล้วว่ามันชอบมึง ไอ้ภาคมันชอบมึง” ชอบผมหรอ หึหึ ตลกสิ้นดีจะมีเรื่องอะไรที่ตลกกว่านี้อีกไหม มีใครที่ทำร้ายคนที่ตัวเองชอบบ้าง มีใครข่มขืนคนที่ตัวเองชอบบ้าง มีใครค่อยดูถูกคนที่ชอบทุกครั้งที่เจอหน้า มันตลกสิ้นดีว่าไหมครับ

“หึหึ” ผมหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า นัทหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ

“มึงโอเคไหมม่อน” นัทเดินมายื่นมือมาแตะไหล่ผมเบาๆ

“ชีวิตกูนี้ตลกดีนะ โดนคนที่มึงบอกว่ามันชอบกูทั้งดูถูกทั้งทำร้ายแถมขมขื่นกูอีก แม่งตลกว่ะมึงคิดมุกนี้ได้ยังไงวะนัท” ผมพูดไปหัวเราะไป

“มึงว่ากูตายๆ ไปเลยดีไหมวะ”





Part

ภาค



ผมเงยหน้าจากการซุกไซร้ที่ซอกคอของสาวสวยตรงหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับ ‘ม่อน’ มันเดินเลี่ยงออกไปจากที่ผมนั่งอยู่ออกไปทางด้านหน้าของผับ ดันตัวสาวที่อยู่ตรงหน้าออกไป ล้วงกุญแจที่อยู่ในกระเป๋าสตาร์ทรกขับตามมันออกไป

มันเดินตรงตามรีบฟุตบาทไปเรื่อย สายตาเหม่อลอยเหมือนตอนที่มันหนีผมในวันนั้น ผมรู้สึกผิด รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับมัน ผมปล่อยให้ความโกรธของตัวเองทำร้ายมันได้ขนาดนี้ ผมเกลียดตัวเองและรู้ว่ามันคงเกลียดผมมากด้วยเช่นกัน มันเดินไปอย่างนั้นจนไปหยุดที่หัวมุมของร้านเหล้าร้านหนึ่ง มันโดนผู้ชายที่อาการดูแล้วคงเมาได้ที่ล้อมมันอยู่

“ปึก” ผมเร่งเครื่องหวังจะลงไปหามันจนลืมดูรถคันข้างหน้า รถผมชนเข้ากับท้ายรถคันหนึ่ง หัวผมกระแทกกับพวงมาลัยอย่างจังจนรู้สึกว่ามีของเหลวกำลังไหลลงมาจากหางคิ้วของผม

“ขับรถยังไง ไม่มีตาหรือยังไงวะ” เจ้าของรถที่ผมขับชนเดินมาทุบกระจกพร้อมกับด่าผมไปด้วย ผมเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ โดยที่ยังอาการมึนหัวจากการกระแทกเมื่อกี้

“ขอโทษครับ” ผมยกโทรศัพท์โทรหาประกันให้มาเคลีย ก่อนขับรถพุ่งตัวออกมาโดยไม่รอให้ประกันมาถึงก่อน



‘มึงอยู่ไหนวะม่อน’ หลังจากที่รถชนจนหัวผมกระแทกเงยหน้ามาอีกทีมันก็หายไปแล้ว มันจะเป็นยังไงบ้าง แล้วไอ้คนพวกนั้นมันกำลังจะทำอะไร ผมกังวลไปหมดห่วงว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายมัน ผมจอดรถไว้ข้างทางวิ่งตามถนนที่คิดว่ามันจะผ่านมา ผมวิ่งตามหามันเหมือนคนบ้า ‘มึงอยู่ไหนวะม่อน’



“นัทช่วยกูด้วย” เสียงร้องดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ผมวิ่งตรงตามเสียงที่ได้ยินนั้นมา สองข้างทางตอนนี้มีเพียงพงหญ้า มีเพียงแสงไฟจากอาคารใกล้ๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น

“ม่อน” ภาพที่เห็นตรงหน้าคือม่อนนอนอยู่ท่ามกลางไอ้พวกคนเมาก่อนหน้านี้ เสื้อที่ถูกปลดกระดุมออกจนครบทุกเม็ด กางเกงที่ถูกถอดออกมากองอยู่ที่ข้อเท้า ไอ้สารเลวคนหนึ่งในกลุ่มกำลังถอดกางเกงในม่อนออก ผมรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร ผมไม่รอให้มันถอดกางเกงของมันออก กระโดดพุ่งตัวถีบเข้าที่กลางหลังมันอย่างจัง มันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ เพื่อนมันที่กำลังจับไอ้ม่อนขึงอยู่กับพื้น ลุกขึ้นมาเตรียมซัดผมเต็มที่ ผมเอี้ยวหลบหมัดที่ลอยผ่านหน้า สวนหมัดกลับเข้าที่หน้าของใครสักคน ยกขาขึ้นถีบอีกคนที่กำลังวิ่งเข้าใส่ผม

“ปัก” หมัดของอีกคนพุ่งใส่หน้าผมอย่างแรง ผมยกหมัดสวนเข้าที่หน้าและสีข้างจนมันล้มลงไปกองกับพื้น เดินตามเข้าไปซ้ำพวกมันจนสะบักสะบอม

“ฮึกๆ ๆ ๆ” ผมหันตามเสียงร้องเมื่อกี้ โผเข้ากอดมันแน่น มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดตอบผม มันซุกร้องไห้ตรงอกผม

“มึงไม่เป็นไรใช่ไหม” เสียงร้องไห้ก่อนหน้านี้หายไป มือทั้งสองข้างที่กอดผมอยู่ถูกปล่อยออก

“มึงมาช่วยกูทำไม” ผมไม่ตอบคลายมือที่กอดมันอยู่ลง คว้าข้อมือของมันให้เดินตามมาที่รถ

“กูกลับเองได้” มันหันตัวเตรียมเดินหนี แต่ตัวผมที่ไวกว่าหันไปเปิดประตูดันมันให้ขึ้นไปนั่งแล้วขับรถออกมาทันที



ตลอดทางที่ผมพามันมาส่งที่หอ ผมไม่พูดอะไรกับมันสักคำแม้แต่มองหน้าของมันยังไม่กล้า ผมรู้ว่าผมเป็นคนทำให้มันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นกับมันวันนี้มันคงไม่ต้องมาเดินเหม่อจนเกือบโดนไอ้สารเลวพวกนั้นทำร้าย

‘ไอ้สารเลว’ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเรียกไอ้พวกนั้นที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมต่างหากที่ทำสิ่งนั้นลงไปแล้ว งั้นผมควรเรียกตัวเองว่ายังไงเพราะผมเลวยิ่งกว่าไอ้สารเลวพวกนั้น



“ขอบใจ” คำเดียวที่มันพูดหลังจากที่รถจอดที่หน้าหอพักมัน

“กูขอโทษ” คำแรกที่หลุดออกมาจากปากผม ในตอนที่มันกำลังจะยืนมือไปเปิดประตูรถ

ผมพร่ำคำขอโทษจากความรู้สึกผิดที่มีต่อมันออกมาทั้งหมด ผมปล่อยให้น้ำตาที่ผมไม่ยอมให้ใครได้เห็นง่ายๆ ไหลออกมาอาบแก้ม มันไม่พูดอะไรกับผมอีกเปิดประตูและลงจากรถเดินขึ้นหอพักไป

ผมนั่งในรถอย่างนั้นอยู่นาน คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่ผมเคยทำเลวๆ กับมัน ผมไม่ขอให้มันยกโทษให้เพราะรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเกินกว่าคำว่าให้อภัย ผมเพียงอยากแก้ไขสิ่งที่ผมได้ทำกับมัน อยากทำให้ชีวิตของมันกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนที่มันจะเจอผม ผมยังจะได้โอกาสนั้นไหม โอกาสที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-07-2018 21:49:54
ทำแบบนี้กว่าจะจีบติดก็นานหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-07-2018 22:20:13
ถ้าชอบม่อนจริงๆก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะๆหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-07-2018 23:20:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 12-07-2018 23:21:17
ชอบ แต่ไปนัวกับสาวได้นี่ยังไงน้า
ดีนะที่ตามม่อนมาไม่งั้นม่อนแย่แน่ๆ
ถ้าชอบจริงก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-07-2018 04:33:23
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 7 #ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 13-07-2018 09:37:24
ขอมีฟามสุขนับจากนี้เลยได๋ป่าว
เจอแบบนี้อีกกี่ครั้งๆ ม่อนจิตตกสุดกู่แว้วววว
บวกขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 13-07-2018 12:54:13
ตอนที่ 8



#อะไรของมึง   ครึ่งแรก





หลังจากช่วงเวลาแห่งการสอบกลางภาคและช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของชีวิตผมผ่านพ้นไป ผมหวังว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้เข้ามาในชีวิตผมอีก หวังว่าหลังจากนี้ผมจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ถึงร่างกายผมจะดูปกติดี แต่ข้างในผมตอนนี้ค่อนข้างไม่โอเคเท่าไร ผมมักสะดุ้งทุกครั้งที่โดนสัมผัสตัวแบบไม่ตั้งใจ ระแวงหลังทุกครั้งแม้เดินกับเพื่อนก็ตาม แต่หวังว่ามันคงหายไปโดยเร็วหากไม่มีอะไรมากระตุ้นมันอีก

หลังสอบกลางภาคเสร็จทางมหาลัยไม่มีการหยุดใดๆ ทั้งสิ้น สอบเสร็จก็มาเรียนตามปกติ วันนี้ผมตื่นเช้าถึงแม้ว่าเรื่องวันนั้นกับไอ้ภาคหรือเรื่องเมื่อสองวันก่อนยังคอยตามาหลอกหลอนแม้กระทั่งในฝัน แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากเพราะไอ้นัทมันลากผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลยครับ จนได้ยาคลายเครียดมาเป็นตัวช่วย ผมซ้อนมอเตอร์ไซต์ของไอ้นัทไปที่คณะเช่นเคย ก่อนเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะประจำ

“สัสม่อน แดกแต่กะเพรามึงไม่เบื่อบ้างรึไง” ผมหันหน้าไปค้อนนัท มันบ่นผมก็ไม่ยอมเปลี่ยนเมนูนะครับ แต่มันก็ยังถามผมแบบนี้ทุกวัน

“มึงไม่เบื่อบ้างรึไงวะ” ผมหันไปถามมันกลับด้วยประโยคของมัน

“เบื่ออะไร กูไม่ได้แดกกะเพราทุกวันแบบมึง”

“เบื่อที่มึงแม่งถามกูทุกวันนี่แหละไอ้สัส” ผมยกส้อมทำท่าขู่เหมือนว่าจะแทงมัน

“มึงจะทำแบบนี้กับเพื่อนรักหรอ” มันทำหน้าอ้อนๆ ไอ้สัสน่ารักตายห่า ผมหัวเราะกับท่าทางปัญญาอ่อนของมัน

“ปึก” เสียงถุงเซเว่นที่วางกระทบกับพื้นโต๊ะข้างในมีนมกับแซนด์วิซไส้ทูน่าอยู่ สงสัยวันนี้ช้อปคงติดธุระเลยฝากมาให้ผม ช้อปทำแบบนี้ทุกเช้าที่ไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วย

“ช้อปไม่ได้ฝากมากับมึงหรอมีน” ปกติแล้วช้อปจะฝากมากับมีนเสมอเพราะว่ามีนมาเรียนเช้าที่สุดในกลุ่ม

“ฝาก นี้ไง” มีนยกถุงเซเว่นอีกถุงขึ้นมา

ผมหันไปมองโต๊ะข้างๆ ที่กำลังก้มหน้ากินข้าวแบบไม่สนใจใคร

‘ภาค’

ผมรวมถึงทุกคนในกลุ่มหันหน้ามามองกันเองอย่างสงสัย มันมาทำไม แล้วไอ้ของเนี่ยมันเอามาให้ผมทำไม

นัทสบตาทำหน้าเหมือนว่าเข้าใจอะไรสักอย่าง

“หึหึ ทำกับเขาขนาดนั้นยังกล้ามาเสนอหน้าอีก” นัทพูดขึ้นด้วยสีหน้าผู้ชนะ

คนที่นั่งข้างๆ กำลังยกช้อนเข้าปากถึงกับสะดุดกึก ผมก็อยากรู้ว่าทำไมมันถึงมาทำแบบนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ผมยิ่งเกลียด ผมไม่สนใจกินข้าวเสร็จลุกขึ้นเดินออกมาทันที โดยมีเพื่อนในกลุ่มเดินตามออกมา

ผมแอบหันกลับไปมองมันที่ลุกขึ้นยื่นเดินมาที่โต๊ะที่ผมนั่งก่อนหน้าหยิบถุงเซเว่นของมันที่ผมทิ้งไว้ขึ้นมาแล้วก็เดินออกไปอีกทาง

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนช่วยผมออกมาจากเหตุการณ์เลวร้ายนั้น แต่กับสิ่งที่มันทำแล้วยังไงมันก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกที่มันทำกับผมไว้ ฉะนั้นผมคิดว่าการที่ต่างคนต่างอยู่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้



“ม่อนวันนี้ไปดูหนังกับเรานะ” ช้อปยกตั๋วหนังสองใบให้ดู

“…” ผมเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“เดี๋ยวนี้มีดงมีเดทกันด้วย สงสัยวันนี้กูต้องโดนเทแน่ๆ” นัทหันมาแซวพร้อมกับทำหน้างอนๆ

ผมไม่ปฏิเสธช้อปทั้งที่รู้ว่าช้อปเขามาด้วยเหตผลว่าชอบผม อยากดูแลผม ผมควรเปิดใจให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตผมบ้าง อีกอย่างช้อปก็เป็นคนดีและให้เกียรติผมเสมอมา



ผมเดินลงมาจากตึกคณะ ช้อปที่นั่งรออยู่ยกมือโบกให้กับผม เย็นนี้ผมมีนัดดูหนังกับช้อป เรานั่งรถมุ่งหน้าไปยังห้างดังใจกลางเมือง ช้อปเดินมาเปิดประตูรถด้านที่ผมนั่งให้ ผมเพียงยิ้มรับเดินลงจากรถอย่างอายๆ เท่านั้น

“ม่อน” มือข้างหนึ่งของช้อปยื่นมาหาผม ผมรู้ว่ามันหมายความว่าไง ผมยิ้มให้ ยื่นมือไปจับกับมือของช้อป



ท่ามกลางสายตาที่เวลาเราสองคนไม่ว่าจะเดินไปไหนคนรอบๆ ข้างก็จะหันมามอง บางคนยิ้ม บางคนหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่คนข้างผมนี่เหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นจูงมือผมไปเดินดูนั้นดูนี่ตลอด

“เรากินข้าวกันก่อนไหมม่อน อีกตั้งเกือบชั่วโมงหนังถึงจะฉาย” ผมพยักหน้ารับเพราะตอนนี้ก็เริ่มจะหิวขึ้นมาเหมือนกัน ตอนนี้ก็หกโมงเย็นนิดๆ ละ หนังรอบที่ช้อปจองไว้ก็ตั้งทุ่มหนึ่ง อย่างน้อยก็มีอะไรรองท้องสักหน่อย

ช้อปเดินนำผมมาตรงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังร้านหนึ่ง ช้อปเหมือนจะจูงมือผมเข้าไปในร้าน แต่ผมดึงมือช้อปไว้ไม่ขยับเดินตาม ช้อปหันหน้ามามองขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย

“คือ...เราว่ามันแพงไป” แพงจริงๆครับดูจากความหรูและเมนูแต่ละอย่างเรียกว่าแค่เมนูเดียวก็เท่ากับค่าข้าวผมอาทิตย์หนึ่งเลยทีเดียว ยิ่งตอนนี้ผมยังหางานมาชดเชยรายได้ที่หายไปไม่ได้ผมยิ่งต้องประหยัด

“ม่อนคนเดียวทำไมเราจะเลี้ยงไม่ได้” ช้อปก้มลงมากระซิบก่อนดึงหน้ากลับไปยกยิ้มให้ผม แล้วเดินนำเข้าไปในร้าน

อาหารที่สั่งมาวางตรงหน้า โอ้โหนี้ช้อปเล่นสั่งเหมือนเลี้ยงคนทั้งซอย ทั้งซูชิ ซาชิมิ เทมปุระ ข้าวหน้าปลาไหลต่างๆ มากมาย อาหารญี่ปุ่นที่ผมเคยกินก็มีแค่ซูชิราคาไม่แพงมากที่มากินพร้อมกันกับเหล่าเดอะแก๊ง ส่วนอาหารแพงแถมยังเยอะแยะแบบนี้เป็นครั้งแรกของผมจริงๆ

“สั่งมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้ช้อป”

“ก็เราไม่รู้ว่าม่อนชอบกินอะไรเลยสั่งมาหมดเลย”

“แล้วจะกินหมดไหมอะ เราเสียดาย งั้นเดียวเราโทรตามพวกไอ้นัทมาช่วยกินนะ”

“เฮ้ย...ไม่ๆ ต้อง” ผมกำลังจะล้วงมือเขากระเป๋ากางเกงเพื่อหาโทรศัพท์ ช้อปก็ยกมือขึ้นห้ามผมไว้ก่อน

“งั้นม่อนก็ลองชิมดูว่าอันไหนอร่อย มาวันหลังจะได้สั่งแค่อันที่ม่อนชอบโอเคนะ” ช้อปส่งยิ้มยื่นข้อเสนอมาให้ผม

เรานั่งกินกันสักพัก แต่ไม่มีวี่แววว่าอาหารตรงหน้าจะลงลด ผมยอมแพ้ละถึงจะเสียดาย แต่จะให้กินต่อ มีหวังผมท้องแตกตายแน่ ผมบอกช้อปที่นั่งตรงหน้า ขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง ช้อปเหมือนจะตามมาด้วยแต่ผมห้ามเอาไว้ก่อน 

ผมเดินเข้าไปทำธุระสักครู่ ก่อนเดินออกมายืนล้างมือที่อ่างล้างหน้า

“อาหารอร่อยไหม”

ผมเงยหน้ามองกระจก ตามองตามร่างโปร่งที่กำลังเดินผ่านด้านหลังผมไปหยุดที่อ่างล้างหน้าข้างๆ

“วันหลังให้กูพามาบ้างนะ” ภาค มันเงยหน้ามองกระจกมือก็ยังถูกันอยู่ที่อ่างล้างหน้า ผมหันข้างเตรียมเดินหนีมันออกมา

‘ขวับ’

มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือดึงตัวผมไว้ มันเป็นเหี้ยอะไรของมัน ทำไมต้องเจอมันทุกที่แบบนี้ด้วย

“กูขอโอกาสได้ไหม ขอโอกาสให้กูได้แก้ไขในสิ่งที่กูได้ทำผิด กูรู้ว่ามันเกินให้อภัย แต่มึงให้โอกาสกูได้ไหม”

“โอกาสอะไร ที่ผ่านมาสิ่งที่มึงทำกับกู มึงได้ให้โอกาสกูพูด ให้โอกาสกูได้รู้ว่ามึงทำแบบนั้นกับกูบ้างไหม กูทั้งข้อร้องแทบจะกราบมึง มึงเคยให้โอกาสกูไหม” ผมนึกย้อนไปวันที่ผมทั้งร้องทั้งอ้อนวอนให้มันหยุด แต่มันเลือกที่จะทำ ไม่ฟังแม้แต่เสียงของผมเลย แต่วันนี้มันกลับมาร้องขอโอกาส โอกาสอะไรที่มันต้องการจากผม

“กูรู้ว่าสิ่งที่กูทำกับมึงมันผิดมาก ตอนนั้นกูไม่รู้เหมือนกันว่ากูทำไปทำไม แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว...” ผมหันหน้ากลับไปมองหน้าของมัน ผมอยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ อยากเห็นสีหน้าของมันว่าเป็นยังไง

“กูรู้แล้วว่ากู ‘ชอบมึง’ กูชอบมึงมาก วันนั้นที่กูทำไปเพราะไม่ชอบที่มึงอยู่กับมัน แต่กูไม่รู้จะทำยังไง เพราะกูรู้ว่ากูไม่ได้เป็นอะไรกับมึง ที่กูทำไปแค่อยากให้มึงรู้ว่ามึงเป็นของกู อยากให้มึงรู้ว่ากูอยากให้มึงเป็นของกู”

“ผลั๊ว” ผมซัดหมัดเข้าที่หน้ามันเต็ม

“อยากให้กูเป็นของมึง เหตผมหมาๆ แบบนี้หรอที่ทำให้มึงเลือกจะทำร้ายกู ทำลายความสุขที่แทบจะไม่มีอยู่แล้ว มึงส่งกูลงนรกเพียงแค่เหตุผลเห็นแก่ตัวแบบนี้หรอ”

“กูรู้ว่ากูมันเหี้ย กูรู้ด้วยว่ากูมันโง่แค่ไหนที่ไม่รู้ใจตัวเอง มารู้ตัวก็ตอนที่มันสายเกินไปแล้ว” มันเปลี่ยนจากจับข้อมือผมเป็นการกอด การกอดที่ผมรู้สึกว่าตัวมันสั่น สั่นมากๆ เหมือนมันกลัวอะไรอยู่

ผมยืนนิ่งไม่ขยับตัว

“มึงรู้ไหมวันที่กูเจอมึงเดินเหม่อออกจากผับ กูแอบตามมึงออกมา มึงรู้ไหมกูตกใจแค่ไหนที่มึงหายไปหลังจากเจอไอ้สารเลวพวกนั้น กูวิ่งตามหามึงเหมือนคนบ้า กูกลัว กลัวไปหมด ยิ่งตอนที่กูเห็นว่าพวกมันกำลังจะทำอะไรมึงกูอยากจะฆ่ามันให้ตาย มันทำให้กูนึกถึงเรื่องที่กูทำกับมึงว่ามันแล้วร้ายมากแค่ไหม กูเกลียด เกลียดตัวเองมาก”

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงที่ได้ฟังความรู้สึกของมัน ผมควรดีใจไหมที่มีคนมาชอบผมมากขนาดนี้

‘ชอบผม’

หึหึ นึกถึงคำนี้แล้วตลกผมมีอะไรให้ใครต่อใครมาชอบหรอ บ้านรวย? เหตุผลเดียวที่ผมถูกบอกเลิกจากเหล่าแฟนทั้งหมดที่ผ่านมา น่ารัก? คงใช่ไม่ได้กับผู้ชายที่เรียกว่ามีความเป็นผู้ชายสูง ทั้งรูปร่าง ใบหน้า ไหนจะสันกรามนั้นอีก ไม่มีเหตุผลไหนที่จะทำให้ผู้ชายแบบมันจะมาชอบผมเลย ยิ่งเหตุผมว่าผมเป็นผู้ชายมีทุกอย่างเหมือนมันอีกยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้

“กูขอโอกาสมึงสักครั้ง ให้โอกาสกูได้แก้ไขในสิ่งที่กูทำลงไป”

“โอกาสมันไม่ได้อยู่ที่กูหรอก มันอยู่ที่มึงต่างหาก” ที่จริงผมมานึกดูแล้วว่าสิ่งที่มันทำกับผมถึงจะร้ายแรงแต่ก็ยังดีที่มันยังปล่อยผมออกมา และหากว่าวันนั้นไม่ได้มันเข้ามาช่วยผมไว้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าวันนี้จะยังมีชีวิตมายื่นอยู่ตรงนี้อีกหรือเปล่า

ผมดันตัวมันออก เดินกลับไปที่ร้านเดิม ที่มีช้อปนั่งรออยู่





ครึ่งหลังขอมาต่อวันพรุ่งนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-07-2018 15:46:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 13-07-2018 16:26:27
เคร ไม่มีเรื่องร้าย
เชียร์ช้อปดีก่า ชอบมวยรอง อุอุ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-07-2018 16:42:21
สงสารทั้งภาค สงสารทั้งม่อน :hao5:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-07-2018 17:52:40
ติดตามมมมมม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-07-2018 01:31:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-07-2018 09:11:13
ทำกันขนาดนี้แล้วมาขอโอกาศมันก็ยังไงอยุู่นะ มันต้องใช้ความจริงใจ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งหลัง *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 14-07-2018 14:21:11
ครึ่งหลัง





“ไปไหนมาตั้งนาน เราเกือบเดินออกไปตามละ”

“พอดีเจอเพื่อนเลย เลยคุยกันยาวไปหน่อย โทษทีนะ”

“เพื่อน? ใครหรอเรารู้จักไหม” ทำไมอยู่ดีช้อปถึงถามขึ้นมาแบบนี้

“ช้อปไม่รู้จักหรอก แล้วนี่ช้อปกินเสร็จ นี่ยังจะทุ่มหนึ่งแล้วเดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันนะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้ช้อปถามไปมากกว่านี้ และอีกอย่างถ้าจะให้นั่งกินต่อคงไม่ไหว



“สนุกไหม” ผมพยักหน้ารับ ฉีกยิ้มให้ช้อป

“งั้นวันหลังเรามาด้วยกันอีกนะ” ช้อปเดินมาส่งผมที่หน้าหอ ตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มแล้วแต่ภายในหอก็ยังดูวุ่นวายอยู่ ทั้งเด็กหอที่นั่งจับกลุ่มคุยกันตรงมาหินอ่อน บางคนถือตะกร้าผ้า บ้างถือถุงขนมที่เพิ่งไปซื้อมาจากเซเว่น ถือเป็นเรื่องปกติของเด็กหออย่างเราๆ ครับ ซักผ้าเอง หิวก็เดินออกไปหาของกิน



“มึง...มึงตามกูมาหรอ” ผมยืนชะงักอยู่ตรงทางขึ้นบันได ก็จะใครละครับ ภาค ผมไม่รู้ว่ามันตามผมตั้งแต่เมื่อไร แถมยังมายื่นค่อยดักผมอยู่ตรงบันไดขึ้นหอพักอีก

“กูอยากมาส่งมึง”

“มาส่ง...มาส่งกูทำไม ช้อปก็มาส่งกูอยู่แล้ว” ผมรู้ว่ามันก็เห็นผมกลับมากับช้อป

“กูเป็นห่วงมึง”

“กูว่ากูอยู่กับมึงน่าเป็นห่วงกว่า” จริงอยากที่บอกครับ ผมว่าอยู่กับมันน่าเป็นห่วงที่สุด ไม่รู้ว่ามันจะมาแบบไหนอีก มันทำหน้าสลดเหมือนหมาที่เจ้าของไม่ยอมเล่นด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร เดินเบี่ยงตัวหลบมันเดินขึ้นบันไดต่อ



‘หมับ’ มันคว้ามือจับที่แขนผมไว้ ผมพยายามสะบัดเพื่อให้แขนหลุดออกจากมือมัน แม่งมือมึงจะเหนียวเป็นปลาหมึกเลยรึไง ปล่อยกูสิวะ

“อ่าว ไอ้ม่อน มึง...” เสียงไอ้นัทเรียกผม

มันเป็นเหมือนเสียงสวรรค์ที่ผมกำลังรออยู่ มันยังพูดไม่จบหันหน้ามามองผมสลับกับไอ้ภาค มันรู้ว่าต้องทำยังไงเดินตรงลงมาจากชั้นบน ยกแขนคล้องคอ ก่อนยักคิ้วให้ไอ้คนที่กำลังจับแขนผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าภาคมันปล่อยมือจากผมตอนไหน รู้อีกที่ก็เดินขึ้นบันไดโดยมีแขนของไอ้นัทคล้องอยู่



“มึงเป็นไรไหม” ผมส่ายหน้าเพราะเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำอะไรผมรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา

“มันมานั่งรอมึงเป็นชั่วโมงแล้ว”

“รอ รอกู” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมรู้ว่าก่อนหน้าที่เจอกันที่ห้องน้ำในห้าง ที่มันมาบอกความรู้สึกและขอโอกาสแก้ตัวกับผม แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมานั่งรอที่หอผมขนาดนี้

“กูว่ามันเอาจริงกับมึงแล้วว่ะ”



ผมตื่นเช้าซ้อนรถไอ้นัทไปเรียนตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือภาค ที่ทุกๆเช้ามันจะมานั่งกินข้าวอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ่งวันไหนที่ช้อปมานั่งกินด้วยแล้ว เหมือนจะมีการเปิดศึกกันขึ้นกลางโรงอาหาร

และยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่ผมมีเรียนพร้อมกับมัน แล้ววิชาส่วนใหญ่ที่ผมเรียนก็มักจะตรงกับมันพอดี ทำให้ที่นั่งข้างผมเป็นเหมือนที่นั่งประจำของมันไปแล้ว ถึงมันจะมานั่งข้างๆ ผมแต่แปลกที่มันไม่ค่อยได้มาวุ่นวายกับการนั่งเรียนของผม กลับเห็นว่ามันนั่งตั้งใจเรียนอยู่ข้างๆ ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ไล่มัน น่าจะเปลี่ยนคำถามว่าควรไล่มันยังไงดีกว่า แถมเวลาไล่มันยังทำเหมือนไม่สนใจอะไรยังหันหน้ากลับมายิ้มอ้อนตีนให้ผมอีก แต่ก็ดีแล้วที่มันไม่กวนผมเวลาเรียน

“โอ๊ย...เชี่ยปากกากู” ปากกาแสนรักที่ผมใช้มาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนใหม่ๆ ตอนนี้มันได้กลิ้งตกตามสโลปของห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อย ที่สำคัญผมมีปากกาแค่แท่งเดียวด้วยสิ

แล้วจะเอาอะไรจดละกูทีนี้ ผมหันไปสะกิดขอยืมปากกาจากไอ้นัท

“เอาของกูไปใช้ก่อน” เสียงจากที่นั่งอีกข้างพร้อมกับปากกาแท่งหนึ่งที่วางอยู่ที่โต๊ะ

“อะนี่” ผมหยิบแบงก์ยี่สิบจากในกระเป๋ายื่นให้มัน

“ไม่”

“ไม่เอา?”

“ไม่พอ” ไอ้สัสกูคิดว่าจะใจดีให้กู แล้วแม่งไอ้ปากกาเหี้ยนี่มันแพงขนาดไหนกันวะ ของกูยี่สิบนี้ก็ถือว่าแพงแล้ว



“กูคืน” ผมยื่นปากกาในมือคืนมันไปหลังจากหมดคาบเรียน

“มึงใช้แล้วกูไม่รับคืน”

“แล้วมึงจะเอายังไง จ่ายเงินก็บอกไม่พอ คืนให้แม่งก็ไม่เอา” เรื่องมากฉิบหายกับแค่ปากกาแท่งเดียว มันมองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด อะไรของมันครับ

“งั้นเดี๋ยวกูซื้อคืนให้ เอาสักสิบแท่งเลยไหม” รำคาญหน้ามันแล้วครับ เลยบอกปัดๆ กับมันไป

“พันห้า”

“ห๊ะ...อะไรพันห้า”

“แท่งละพันห้า” ปากกาเชี่ยไรของมึงเนี่ยพันห้า ใช้แล้วจะทำให้ตอบถูกทุกข้ออย่างนี้หรอหรือเขียนแล้วจะได้คะแนนเพิ่ม แต่ที่แน่ๆ ผมไม่น่าปากพล่อยเลย 1500x10 ไอ้เหี้ยเงินเกือบทั้งเดือนผมเลยนะนั้น

“เออ...เอาเป็นว่า...ว่าๆ ๆ” ว่าอะไรดีละครับทีนี้

ไม่น่าเลยไอ้ม่อน

“เลี้ยงไอติมกู”

“ห๊ะ! ไอติม เออได้ๆ” เฮ้อ...โล่งไปครับแค่เลี้ยงไอติม เซเว่นมีครับแท่งละยี่สิบ

“ไม่เอาเซเว่น” นี่มันอ่านความคิดผมออกได้ไงครับ

 เอาแล้วไงครับ ขนาดปากกามันยังใช้แท่งละเป็นพัน แล้วเลี้ยงไอติมมันผมจะไหวไหมครับงานนี้



ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถของมันเรียบร้อย ผมเพิ่งสังเกตว่ามันเปลี่ยนรถใหม่ไม่ใช่รถคันเดียวกันวันนั้น วันที่มัน...เอาละผมไม่อยากพูดถึงมัน ก็ยังดีอย่างน้อยก็ไม่ทำให้ภาพของวันนั้นหวนกลับมาอีก และที่ผมยอมออกมากับมันก็เพราะดูท่าทีที่ผ่านมาของมันดูเหมือนจะอ่อนลง ไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้า และยิ่งไปกว่านั้นมันไม่แม้จะเตะเนื้อต้องตัวผมด้วยซ้ำ เหมือนกับว่ามันจะทำตามที่มันเคยบอกไว้ว่าจะขอแก้ไขในสิ่งที่มันทำลงไป



‘ฮึบ’ ผมหดคอพยายามกลั้นหายใจ ตอนนี้หน้าของมันกับผมห่านกันเพียงไม่กี่เซนต์ ก็มันเล่นก้มลงมาคาดเบลล์ให้ผมแบบไม่บอกไม่กล่าวกันสักนิด

“กูขอโทษ” มันรีบถอยดึงตัวกลับไปเพราะมันเริ่มสังเกตอาการเกร็งจนตัวสั่นของผมตอนนี้ สั่นจริงๆ ครับไม่คิดว่าแค่นี้จะทำให้ภาพวันนั้นกลับเข้ามาอีก

มันทำหน้าสำนึกผิดหันกลับไปสนใจกับพวงมาลัยรถของมันแทน



ไอศกรีมหลากรสแบบคอมโบ้เซทที่พนักงานสาวนำมาเสิร์ฟถูกจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อย ผมกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ก็ที่มันเล่นสั่งแบบที่แพงที่สุดในร้านเนี้ยสิ แบบนี้มีหวังกระเป๋าผมฉีกแน่ๆ

มันไม่สนใจผมที่นั่งนิ่งมองไอศกรีมที่วางอยู่ตรงหน้า กินไม่ลงจริงๆ ครับ

“มึงไม่กินละ นั่งมองทำไม” มึงยังมีหน้ามายิ้มอีกไอ้สัสเสือกแดกของแพง

ผมหยิบช้อนขึ้นมาตักไอศกรีมเข้าปาก เอาวะอย่างน้อยก็เอาให้คุ้มกับเงินที่ต้องจ่าย ผมจ้วงไอศกรีมเขาปากช้อนแล้วช้อนเล่าไม่สนใจสายตาไอ้คนตรงหน้าที่กำลังมองผมขำๆ อยู่

มึงจะนั่งจ้องกูทำไมแดกเข้าไปสิมึงอยากกินนักไม่ใช่หรอ

“ทั้งหมด 1250 บาทค่ะ” ผมล้วงมือไปหยิบกระเป๋าเงินในกางเกงขึ้นมา มันมองหน้าผมที่ตอนนี้กำลังเปิดกระเป๋าเงินด้วยมือสั่น

สัสมึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะไม่จ่าย กูจ่ายแน่แต่กูขอเวลาทำใจก่อน

“นี่ครับ” ยังไม่ทันทีผมจะหยิบเงินในกระเป๋าขึ้นมา คนตรงหน้าก็ยื่นบัตรเครดิตส่งให้พนักงานก่อนสาวคนนั้นก่อน

“มึงทำอะไร”

“ก็จ่ายเงินไง ถ้ากูรอให้มือมึงหายสั่น คงโดนพนักงานด่าแน่” ก็จริงของมัน นึกถึงหน้าพนักงานที่ยื่นรอรับเงินจากผมก่อนหน้าแล้ว ถ้าขืนนานกว่านี้คงโดนแบบที่มันว่าแน่ แต่จะให้ผมทำใจจ่ายยังไงไหวแค่ไอศกรีมมื้อเดียวเท่ากับข้าวทั้งอาทิตย์ผมเลย

“แล้วก็ไม่ต้องคืนกูด้วย”

“ไม่ได้ กูไม่อยากเป็นหนี้ใคร”

“ให้กูได้ดูแลมึงบ้าง” มันพูดแล้วเดินนำหน้าออกไปหน้าร้าน



“ภาค” ผมตะโกนเรียกมันไว้

“มึงไม่ต้องพูด”

“เปล่ามึงลืมบัตรเครดิต” ผมยกบัตรเครดิตในมือให้มันดู แต่มันไม่หันกลับมามองหรือมาเอาบัตรมันคืน กลับเดินทำหน้าเหวอออกไป

“อะ นี่” ผมยื่นบัตรคืนให้มันหลังเดินตามหลังมัน ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน มันหันหน้ายื่นมือมารับบัตร

“ฮาๆ ๆ ๆ นี่มึงอายหรอ” หน้ามันแดงมากครับสงสัยมันคิดมันว่าผมจะเรียกเพื่อนคืนเงินมัน แต่เปล่าครับผมแค่จะคืนบัตรให้มัน มันอุตส่าห์จะเลี้ยงขนาดนี้ก็ต้องสนองหน่อย ฮาๆ ๆ ๆ ๆ

“มึงจะขำอะไรนักหนา” มันเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งใส่ผมแทน

“เออๆ กูไม่ขำแล้วก็ได้ ฮาๆ ๆ ๆ” แถมไปอีกนิดครับ ก็มันฮาจริงๆ นี่ครับ

“เอาวะ อย่างน้อยก็ทำให้มึงยิ้มได้” เงียบครับ ผมเงียบกริบเลยครับ ไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้



หลังจากกินเสร็จมันก็ไม่ยอมพาผมกลับสักที พาเข้านู้นออกนี่ ไม่รู้ว่าแม่งเป็นนักวิ่งมาราธอนมาก่อนหรือเปล่า

จะเดินอะไรนักหนา กูเหนื่อยแล้วนะโว้ย ผมนั่งแหมะลงกับเก้าอี้ยาว ปวดน่องไปหมดครับ

มันเดินมานั่งลงตรงพื้นข้างหน้า ยื่นมือมานวดตรงน่องทั้งสองข้าง

“เฮ้ย! มึงทำไร ไม่ต้อง”

“ให้กูดูแลมึงบ้างนะ” มันเงยหน้ามาสบตาผม ก้มลงไปบีบนวดขาทั้งสองข้างของผมต่อ ผมนั่งมองมันที่กำลังก้มนวดผมอย่างตั้งใจ

“มึงทำแบบนี้ต้องการอะไร”

“กูรู้ว่ามันยาก ยากที่จะทำให้มึงเชื่อและมึงไม่จำเป็นต้องเชื่อกูในตอนนี้ก็ได้ แต่กูจะทำให้มึงเห็นเอง”

ผมไม่รูว่าจะรู้สึกยังไงกับสายตาที่มันมองมา มันเอาจริงแบบที่มันพูดเหรอครับ มันทำเพราะรู้สึกผิดกับผมเหรอ แล้วที่บอกว่ามันจะทำให้ผมเห็น มันต้องการให้ผมเห็นอะไร?

“สักวันกูจะทำให้มึงเชื่อในตัวกู”



“มึงออกไปไหนกับมันมาหรอม่อน” นัทถามทันทีที่ถึงห้อง

“ไปกินไอติม”

“มึงไม่กลัว...มันทำอะไรมึงหรอ”

“กลัวสิ แต่กูแค่อยากรู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป”


หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-07-2018 14:48:02
หูยยย ทำข่มทับจะซื้อปากกาคืน
พอรู้ราคาเท่านั้นแหละใบ้แดก 555
ว่าแต่ภาคนี่ เอาจริงเหรอ ดูๆ ก็น่าสงสารนะ
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-07-2018 15:35:55
สู้ๆ เพื่อความรัก
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-07-2018 23:09:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 8 #อะไรของมึง2 UP ครึ่งหลัง 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-07-2018 00:06:14
ภาคสายเปย์555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 9 #มึงเอาจริงหรอ UP *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 15-07-2018 15:11:02
ตอนที่ 9



#มึงเอาจริงหรอ





“ให้กูไปส่งที่ร้านไหม” วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่ลาออกจากงานที่ผับ งานที่ผมทำเป็นงานเสิร์ฟในร้านนมปั่น ทำทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ตอนหลังเลิกเรียนเท่านั้น ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ทำที่เซเว่นเหมือนเดิม

“น้องมาใหม่ใช่ไหม พี่ชื่อแมน แล้วเราหละ” ผมแนะนำตัวกับพี่ที่ทำงาน งานแรกที่ผมต้องทำคือการนำอาหารไปเสิร์ฟ ร้านที่ผมทำขายอาหารหลายอย่างส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกนมปั่นและเบเกอรี่ต่างๆ คนในร้านค่อนข้างเยอะครับเพราะเป็นร้านดังในหมู่นักศึกษา แบบว่าเลิกเรียนเมื่อไหร่ก็จะมีนักศึกษาทยอยกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

ผมเคยมาที่นี่ไม่กี่ครั้งบังเอิญเห็นป้ายรับสมัครพนักงาน ก็ลองมาสมัครดูครับเผื่อได้ ปรากฏว่าทางร้านติดต่อให้ผมเข้าทำงาน หลังจากวันที่สมัครทันที โดยผู้จัดการให้เหตุผมว่าผมหน้าตาค่อนข้างดี ถ้ามาเป็นพนักงานเสิร์ฟจะได้เป็นการเรียกลูกค้าด้วย

อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่รู้สึกน้อยใจครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยแบบคนอื่นเขา ยังดีที่พ่อกับแม่ยังให้หน้าตาที่พอดูได้มาให้ มันเป็นช่องทางในการหากินของผมเลยหละครับ



“ม่อน โต๊ะสอง แล้วนี่โต๊ะสิบ” ผมรับจานเค้กช็อกโกแลตกับชาเขียวปั่นเดินไปเสิร์ฟตามคำสั่งของพี่แมน

“ขนมที่สั่งได้แล้วครับ”

“พนักงานใหม่หรอคะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”

“ครับ อยากได้อะไรเพิ่มสั่งได้เลยนะครับ” ผมส่งยิ้มให้กลุ่มนักศึกษาสาวสวยที่ผมนำอาหารมาเสิร์ฟแล้วเดินกลับไปที่เค้าเตอร์



“นี่โต๊ะสิบห้า เขาบอกว่าให้ม่อนเป็นคนเอาไปเสิร์ฟ” ผมรับจานเค้กที่วางอยู่ตรงหน้ามาแบบงง ทำไมต้องให้ผมมาเสิร์ฟด้วยทั้งๆ ที่พนักงานคนอื่นก็ว่าง

“เสิร์ฟให้สาวๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ” เสียงนั้นทำให้ผมหายสงสัยทันที ก็จะใครละครับไอ้ภาคอีกแล้ว

มันวางโทรศัพท์มือถือลง เงยหน้ามาคุยกับผม ผมไม่ตอบอะไรมัน วางจานเค้กลงเดินกลับเค้าเตอร์ทันที

“ม่อนโต๊ะสิบห้า” โต๊ะสิบห้าหรอ? อะไรของมันสั่งไปไม่ถึงห้านาทีนี่มึงกินหมดแล้วหรอ

ผมเดินถือจานเค้กจานที่สองวางลงที่โต๊ะมัน

“ทีสาวๆ นี่ยิ้มให้จัง...นี้มึงกล้าทำแบบนี้กับลูกค้าหรอ” ผมยกถาดทำเหมือนว่าจะตีมัน แต่มันสนใจที่ไหนละครับยักคิ้วส่งยิ้มอ้อนตีนมาให้ผม

‘งานๆ’ ผมพยายามท่องคำนี้ไว้ในใจกลัวว่าจะพลั้งมือฟาดหน้ามันไปก่อน

“ม่อนโต๊ะสิบห้า” หลังจากเสิร์ฟอาหารจานที่สองเสร็จ จานที่สามสี่ และก็มาถึงจานที่สิบ จานเค้กมากมายวางอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีรอยแหว่งบนตัวเค้กเลยสักจาน

“บ้านมึงรวยนักรึไง” มันไม่ตอบโต้เพียงยักไหล่ให้ผมเท่านั้น

เออใช่ผมคงลืมไปว่ามันรวยทั้งรถทั้งคอนโด ไหนจะปากกาวิเศษนั้นอีก ช่างมันเถอะครับจะสั่งไปทำอะไรก็ช่างมันอย่างน้อยร้านที่ผมทำก็ได้เงินอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มจะทนไม่ไหวกับมันแล้ว จานเค้กจานที่ยี่สิบถูกวางลงที่โต๊ะของมัน วันทั้งวันผมคงต้องไม่ต้องทำอะไรแล้ว

มึงว่างขนาดนั้นเลยเหรอ



“ม่อนรู้จักกับลูกค้าคนนั้นหรอ”

“ไม่รู้จักครับ ผมไม่รู้จักคนแบบนั้นหรอก” ผมปฏิเสธแบบประชดประชันกับพี่แมน พี่แกคงสงสัยว่ามันจะสั่งอะไรนักหนา สั่งแล้วเสือกไม่แดก แถมยังเจาะจงว่าต้องให้ผมไปเสิร์ฟอีก

“ม่อน” ผมหันหน้าไปหาพี่แมนที่สงสายตามาแบบว่าอีกแล้ว มันอีกแล้ว มึงยังไม่กลับไปอีกหรอ

เป็นอีกครั้งที่ผมเดินถือจานเค้กมาวางที่โต๊ะของมัน

“มึงยังไม่กลับอีกหรอ”

“มึงเลิกงานกี่โมง”

“มึงจะรู้ไปทำไม”

“กูจะรอกลับพร้อมมึง” แล้วเป็นอะไรของมึงอีกเนี่ยกูโตแล้วกูกลับเองได้ ผมอยากจะบอกให้มันกลับไปเหลือเกินเพราะขืนมันอยู่ต่อผมได้เดินไปเดินมาจนขาลากพื้นแน่ แต่ดูจากท่าทางแล้วมันคงไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่

“สี่ทุ่ม...กูเลิกสี่ทุ่ม” มันยิ้มหน้าบาน

เฮ้ย...ผมรู้ว่าจะพูดยังไงคนอย่างมันถ้าไม่ได้ดั่งใจคงไม่ยอมกลับแน่ๆ และอีกอย่างผมไม่อยากเดินขาลากแบบนี้อีก

“แต่มึงเลิกสั่งสักทีเถอะ” ไม่มีออเดอร์ใดๆ จากมันอีก

ลูกค้าทยอยออกจากร้านเรื่อยๆ ตอนนี้ก็สามทุ่มครึ่งแล้ว เหล่าพนักงานรวมถึงผมก็ขะมักเขม้นช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู จัดโต๊ะเก้าอี้เตรียมปิดร้าน

“ม่อนกลับก่อนก็ได้นะ” พี่แมนหันมองลูกค้าที่เหลือเพียงคนเดียวในร้านกับเค้กที่ยังกองอยู่ที่โต๊ะ ผมเข้าใจว่าพี่แมนว่าหมายความว่ายังไง แกก็คงจะเบื่อมันเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นลูกค้าที่อุดหนุนร้านมากที่สุดในวันนี้ก็ตาม

“ซื้อมาแล้วไม่กิน ซื้อมาทำไม” ผมเดินมานั่งข้างๆมัน หยิบส้อมที่วางอยู่ขึ้นมาตักเค้กเข้าปาก เสียดายครับไม่รู้จะทำยังไงถ้าจะให้กินหมดนี่คงไม่ไหว

“กูแค่อยากเห็นหน้ามึง” ผมหันไปค้อนมันทันที 

ผมลุกขึ้นยืนเดินไปที่เค้าเตอร์

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะจัดการยังไงกับเค้กที่วางอยู่ตรงหน้า ผมถือกล่องที่ขอจากพี่แมนตรงเค้าเตอร์เมื่อกี้ หยิบเค้กลงกล่องทีละชิ้น ส่วนไอ้เจ้าของเค้กก็ยังทำหน้างงว่าผมจะทำอะไร

“กูจะเอาไปฝากคนที่หอ” นี่แหละครับวิธีการจัดการของผม ก็เค้กแต่ละชิ้นยังอยู่ในสภาพใหม่พร้อมทาน เอากลับไปให้เพื่อนที่หอมันคงไม่ว่าอะไร พวกมันคงจะดีใจซะอีกได้กินของฟรี

มันนั่งมองผมที่หยิบเค้กขึ้นมาใส่กล่องทีละชิ้น มันคงเห็นว่ากว่าผมจะเอาเค้กใส่กล่องเสร็จร้านคงปิดพอดี

มือทั้งสองข้างของผมเต็มไปด้วยถุงพลาสติกที่มีกล่องเค้กอยู่ข้างใน ด้านหลังผมก็มีไอ้เจ้าของเค้กทั้งหมดนี่ เดินถือถุงเค้กมาเต็มมือทั้งสองข้างเช่นกัน

“ไปกินข้าวก่อนกูหิวข้าว” หลังจากที่ยัดถุงเค้กทั้งหมดใส่ที่นั่งด้านหลังจนหมด เค้กที่สั่งมาแม่งก็เสือกไม่กิน ทีนี้มาร้องว่าหิวข้าว ผมได้แต่ส่ายหน้าให้มันไป จริงๆ แล้วผมก็หิวเหมือนกันครับ กะว่าเก็บร้านเสร็จจะออกไปหาไรกินก่อนกลับเข้าหอ

พนักงานเสิร์ฟยกอาหารมาวางตรงหน้าไม่มีเสียงคุยใดๆ ระหว่างผมกับมัน ต่างคนต่างหิวครับ ตักอาหารของตัวเองเข้าปากกันอย่างรวดเร็ว

วันนี้โชคดีของผมอีกแล้ว มีเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นด้วยประหยัดไปอีกมื้อครับ



ผมหอบหิ้วถุงเค้กเดินเคาะประตูเรียกเพื่อนในหอให้ออกมาเอาเค้กไปแบ่งกันกิน เดินแจกเกือบทั้งชั้นครับ  

ผมหันกลับไปรับถุงเค้กที่เหลืออยู่สองถุงที่เหลืออยู่ในมือภาคมัน กะว่าจะเอาไปฝากไอ้นัทมันครับ

ไม่กลับไปสักทีละวะ เค้กก็หมดแล้ว 

ผมกับมันเดินแจกเค้กกันจนหมด แล้วทำไมมันยังไม่กลับไปอีก มันยืนนิ่งอยู่หน้าห้องผม มองหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับตัว

“ไม่ชวนกูเข้าห้องหรอ” มันรอผมชวนเข้าห้องนี้เอง ห๊ะ!! แล้วมึงจะอยากเข้าห้องกูทำไม ไหนบอกว่าแค่มาส่งกูแค่นั้นส่งแล้วก็กลับไปสิวะ ห้องกูไม่ได้มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเหมือนคอนโดหรูของมึงหรอก

เฮ้อ...สงสัยมันจะไม่ยอมกลับไปจริงๆครับ ยืนทำตาละห้อยเหมือนหมากำลังถูกเจ้านายทิ้ง นี่มึงจะเข้าไปให้ได้เลยใช่ไหม

ผมกับไอ้นัทไม่ค่อยได้พาใครเข้ามาในห้องหรอกครับ นอกเสียจากไอ้อาร์ม กับเพื่อนสาวแสนสวยที่คอยปลอมตัวหลบหลีกน้ายามข้างล่างหอขึ้นมา

“มาแล้วหรอวะม่อ...” มันเงยหน้าออกมาจากหน้าจอคอมที่กำลังเพล์เกมส์สุดรักของมันอยู่

มันนิ่งหันหน้ามองผมสลับกับภาค ผมได้แค่พยักหน้าให้มันเท่านั้น

ผมพาภาคเดินไปนั่งที่เตียงของผม สายตามันสอดส่องมาของรอบโต๊ะกับเตียงของผม มองเหมือนจะเก็บข้อมูลอะไรสักอย่าง



“มึงมีน้องด้วยหรอ” นั้นไงมันยื่นรูปที่อยู่ในมือให้ผมดู

พูดยังไม่ทันขาดคำ มึงไม่คิดจะมีความเกรงใจเจ้าของห้องบ้างหรอ

ผมทำได้แค่พยักหน้ารับมันไปเท่านั้น

ไอ้นัทที่เลิกสนใจกับหน้าจอคอมหันมานั่งจ้องภาคมันแทน

ยากครับยากมากที่จะทำให้ไอ้นัทมันเลิกสนใจกับเกมสุดรักของมัน ขนาดแม่มันโทรมามันยังบอกให้แม่รอมันเล่นจนเสร็จเลย ไม่แปลกที่ผมจะต้องมานั่งฟังมันเปิดลำโพงโทรศัพท์ตอนที่แม่มันบ่น ตอนนี้มันกลับมานั่งจ้องภาคที่หยิบนั้นถามนี่ผมตลอดเวลา

“แล้วช้อปละวะไอ้ม่อน” ผมหันไปมองหน้ามันแบบงงๆ

ช้อปอะไรของมึง

“ช้อปมันบอกให้กูช่วยมันจีบมึง แล้วนี่...มึงพามันมาห้องหมายความว่าไง” มันพูดแล้วหันหน้าไปจ้องไอ้ช้อปที่ทำหน้าโหดขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินว่าช้อปจีบผมอยู่ และมันยังบอกว่ามันกำลังช่วยช้อปจีบผมด้วย

“เฮ้ย...มึง กูไม่ได้คิดอะไรกับมัน” ผมหันไปแก้ตัวกับนัทที่กำลังยกยิ้มให้ภาค

“แล้วกับช้อปละ” อะไรของมึงวะนัทมึงจะมาถามอะไรกับกูตอนนี้ ทั้งที่มันเป็นคนรู้คนแรกด้วยซ้ำว่าที่ช้อปเข้ามาเพราะจีบผม

“ช้อปหรอ...”

“ปัง!!” สัสเอ้ยตกใจหมด

ก็ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไอ้นัท ภาคมันก็ลุกขึ้นยืนเดินออกไปแถมปิดประตูเสียงดังจนผมสะดุ้ง

อะไรของมันตอนอยากเข้ามาก้ทำหน้าอ้อนเหมือนหมา แต่อยู่ดีเสือกลุกออกไปแถมปิดประตูเสียงดังอีก ถ้ากูโดนปรับเพราะประตูพังกูจะตามไปเอาเงินกับมึง

“หึงแรงด้วยวะ”

“เป็นเชี่ยอะไรของมึงไอ้นัท” ผมหันไปค้อนมันอย่างเอาเรื่อง

แล้วที่นัทมันบอกเนี่ย ใครหึงใครเหรอครับ

“ภาคมันเอาจริงว่ะ กูว่ามันเอาจริง” รู้ดีจริงๆ นะมึงเรื่องเรียนทำไมไม่รู้ดีแบบนี้บ้างวะ สอบทีไรมาอ้อนให้กูติวให้ตลอด ต่อไปกูจะให้มึงอ่านเองเห็นว่ารู้ไปหมดขนาดนี้



ผมไม่ได้อยากจะคิดหรอกครับว่าใครจะคิดกับผมยังไง จะเอาจริงไม่จริงยังไง ผมเชื่อว่าอย่างมันคงไม่ได้มาจริงจังอะไรขนาดนั้นหรอก ทั้งหล่อทั้งรวยใครก็อยากจะเข้าใกล้ วันนั้นก็ยังเห็นนั่งนัวเนี่ยกับผู้หญิงหน้าผับ จะให้คิดยังไงว่ามันจะมาจริงจังแบบผม และถึงแม้จะมาแบบเล่นๆ ผมก็คงไม่ยอมให้มันมาเล่นผมอีกแน่



ผมเดินมานั่งที่โต๊ะประจำพร้อมกับเสียงซุบซิบและสายตาที่หันมามองผม ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนในกลุ่มหรือช้อปเองก็ตาม 

มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ ผมพลาดเรื่องอะไรไป แล้วทุกคนมองผมแบบนั้นทำไม ผมกำลังจะหันไปถามเพื่อนในกลุ่มว่าเกิดอะไรขึ้น

“มึงหัดดูเฟชบ้างนะม่อน” ผมก้มลงไปหยิบมือถือเปิดแอพเฟชบุ้ค ที่สมัครไว้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นเท่าไรขึ้นมาดู



‘เค้าเป็นอะไรกันหรอ’

ภาพที่ภาคกำลังก้มนวดขาให้ผมเด้งขึ้นมาบนฟิดข่าวผม ภาพที่ถูกอัพขึ้นโดยเพจ cute boy ของมหาลัย พร้อมแท็กชื่อผมและอีกคนที่น่าจะเป็นคนที่อยู่ในภาพกับผม

ผมเงยหน้ามองเหล่าเพื่อนๆ ที่กำลังจ้องหน้าผมเหมือนต้องการคำตอบ

ตอนนั้นที่ภาคมันก้มลงนวดขาให้ผม ผมก็ห้ามมันแล้วแต่มันไม่ยอมผมเลยคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แบบนั้นเพราะสายตารอบข้างที่มองมา มันไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับผมที่จะถูกมองหรือเป็นเป้าสายตาจากใคร มันทำให้ผมอึดอัดเหมือนว่ากำลังทำอะไรผิดอยู่

ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกมาจากโต๊ะทันที ขืนผมอยู่ตรงนี้ต่อผมได้อึดอัดตายแน่ๆ

ผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครเดินตามมา หันหลังกลับไปก็เจอช้อปที่กำลังเดินตามผมมาเงียบๆ ผมคิดว่าช้อปเดินตามผมตั้งแต่ออกมาจากโรงอาหารแล้ว แล้วทำไมถึงไม่เรียกผมละ

ผมหยุดแล้วหันหลังเดินกลับไปหาช้อป ช้อปเพียงส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้เท่านั้น ซึ่งถือว่าผิดปกติมากเพราะทุกครั้งช้อปจะยิ้มให้ผมแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่และยิ้มที่ไร้ตานี่หยีแทบจะมองไม่เห็นลูกตาด้วยซ้ำ

“ม่อนกับไอ้ภาคเป็น...”

“เฮ้ย...ไม่ใช่” ผมปฏิเสธก่อนที่ช้อปจะพูดจบด้วยซ้ำ เพราะผมรู้ว่าช้อปคงหมายถึงเรื่องรูปที่ว่อนอยู่เต็มเฟช

“แค่เข้าใจผิดเอง ไม่ใช่แบบนั้นนะ” ช้อปหันมายิ้ม

ยิ้มที่กลับมาเป็นยิ้มแบบปกติที่ช้อปมักยิ้มให้กับผม เรื่องนี้เหรอครับที่ทำให้ช้อปเป็นแบบนั้น

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าเป็นแบบที่ม่อนบอกก็ดีแล้วแหละ” ช้อปเดินมาส่งที่ตึกคณะ ก่อนยิ้มให้แล้วเดินกลับไป

เฮ้อ...ผมจะทำยังไงดีเนี่ย คนทั้งมหาลัยคงเข้าใจผิดไปหมดแล้ว ผมจะทำยังไงดี

นั้นไงผมเจอมันแล้วไอ้คนที่เป็นต้นเรื่อง มันยืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้นตึกกับเหล่าเพื่อนๆของมัน

ผมเดินตรงเข้าไปหามันทันที ยังไงผมก็ต้องเคลียเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน ไม่อยากต้องมาทนอยู่ท่ามกลางสายตาแบบนี้

“ออกมาคุยกับกูหน่อย” ผมเดินนำมันออกมาจากกลุ่มเพื่อนของมัน

“มึงไปบอกให้เค้าลบรูปมึงกับกูหน่อย คนเข้าใจผิดหมดแล้ว”

“เข้าใจผิดอะไร”

“ก็เข้าใจว่ากูกับมึง...เป็นอะไรกัน”

“มึงอายมากหรอที่รูปนั้นเป็นกู มึงรู้ไหมว่ากูดีใจแค่ไหนที่เห็นรูปนั้น ไม่ใช่เพราะว่ารูปนั้นได้ลงในเพจ ไม่ใช่ลงรูปนั้นแล้วคนกรี๊ดกูเพิ่มขึ้น ที่กูดีใจเพราะอย่างน้อยกูก็ได้เห็นว่ากูพยายามที่จะดูแลคนที่กูชอบ ได้เห็นว่ากูก็กล้า กล้าที่จะทำให้คนที่กูชอบแม้ว่าคนอื่นจะมองว่ากูเป็น...เป็น ‘เกย์’ ก็ตาม”

“มึง…”

“กูขอโทษที่ทำให้มึงต้องอาย กูขอโทษ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกับมัน มันก็หันหน้าเดินหนีผมไปทันที



ผมมัวแต่คิดว่าตัวเองอาย อายที่ถูกคนอื่นๆ มองแบบนั้น ลืมคิดไปเลยว่าคนจะมองมันยังไง มันจะเป็นยังไง มันจะรู้สึกยังไงที่ถูกคนมองว่าเป็น ‘เกย์’ ทั้งที่ผ่านมามันก็คบผู้หญิงมาตลอด



‘มึงจริงจังกับกูจริงๆ หรอ’ คำถามที่วนอยู่ในหัวผมตลอด

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 9 #มึงเอาจริงหรอ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-07-2018 18:04:33
รีบง้อ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 9 #มึงเอาจริงหรอ UP
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-07-2018 18:50:06
ชอบตรงสั่งเค้กไม่หยุด เหลือเอามาเผื่อเราเลยนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 9 #มึงเอาจริงหรอ UP
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-07-2018 19:23:38
ง้อออออ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 9 #มึงเอาจริงหรอ UP
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-07-2018 21:15:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 9 #มึงเอาจริงหรอ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-07-2018 01:53:11
ภาค งอนตุ๊บป่องละจ้า~
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 10 #กูก็ไม่ได้ว่าอะไร UP 100% *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 16-07-2018 14:48:16
ตอนที่ 10



#กูก็ไม่ได้ว่าอะไร







“กูคิดไว้แล้วว่าคนอย่างมันไม่มาจริงจังกับมึงหรอก” นัทมันไม่ได้หมายถึงใครที่ไหนหรอกครับ ก็ไอ้ตัวที่มันคอยตามผมไปทุกที่ แต่หลังจากวันที่ผมไปคุยกับมันเรื่องรูป วันต่อมารูปบนเพจนั้นก็หายไป หายไปพร้อมๆ กับมันนั่นแหละครับ

นี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วครับที่ไม่เห็นมันคอยมากวนผมอีก ไม่ใช่ว่าไม่เจอมันนะครับแต่เหมือนว่ามันจะคอยหลบหน้าผมทุกครั้ง แต่ช่างมันเถอะครับถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผม

งานที่ร้านนมปั่นก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ติดก็ตรงที่ลูกค้าร้านนี้จะเยอะไปไหน เสิร์ฟแบบไม่หวาดไม่หวั่นกันเลยครับ เหนื่อยแต่ก็สนุกดีครับ ลูกค้ามากหน้าหลายตาเดินเข้าออกร้านไม่ขาดสาย

“ใช่น้องม่อนรึเปล่าคะ” ลูกค้าในชุดนักศึกษาเรียกทักผม แต่ว่าเรารู้จักกันด้วยเหรอ

“คะ...ครับ”

“พอดีพี่เป็นแอดมินเพจ cute boy ของมหาลัยเรา พี่ต้องขอโทษเราเรื่องวันนั้นด้วยนะ ที่อัพรูปเราโดยไม่เราบอกก่อน"

“ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“วันนั้นภาคมาตามหาพี่ พี่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรง แต่กลับขอให้ลบรูป พี่ก็แปลกใจว่าทำถึงมาขอให้ลบ เพราะพี่ก็ลงรูปภาคอยู่บ่อยๆ...” พี่แกนิ่งมองหน้าผมอยู่สักเหมือนจะคิดอะไรอยู่

“ภาคเขาบอกพี่ว่าม่อนอายที่ต้องถ่ายรูปคู่กับเค้า”

“ผมแค่ไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใครครับ” ผมยังจำสายตาวันนั้นที่คนรอบๆ มองมาที่ผม มันอึดอัดจริงๆ นะครับ

“พี่เข้าใจจ๊ะ พี่แค่จะบอกว่าภาคคงแคร์ม่อนมาก ถึงขนาดตามหาพี่ให้ลบรูปให้”

“ครับ”



ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองผิดยังไงไม่รู้ แต่ผมจะผิดได้ยังไงผมก็แค่อยากให้ลบรูปผมออกเท่านั้น ผมไม่ได้บอกให้มันวิ่งไปตามหาพี่แอดมินหนิครับ มันแค่ทักเฟชไปบอกพี่แกก็ได้ มันเองที่ทำเหมือนว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ ‘เฮ้อ’ ทำไมมึงต้องทำให้กูรู้สึกผิดแบบนี้ด้วยวะเนี่ย

“เป็นไร ทะเลาะกับแฟนมาหรอ” พี่แมนเดินเข้ามาถาม พี่แกคงจะเห็นตอนผมยืนยีหัวหงุดหงิดตัวเองอยู่

“แฟนเฟินไรพี่ ไม่มี”

“งั้นเป็นไรบอกพี่ซิ” พี่แมนเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆ

ผมเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้พี่แกฟังแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร พอเล่าเสร็จพี่กลับยิ้มให้ผมซะงั้น คนกำลังเครียด อุตส่าห์มาปรึกษาเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าไหงมายิ้มแถมยังหัวเราะผมอีก

นี่ผมจะพึ่งใครไม่ได้จริงหรอ

“ม่อนไม่ได้รู้สึกผิดหรอก ม่อนกำลังแคร์เขาอยู่ต่างหาก” พี่แมนก้มลงมากระซิบประโยคหลัง ข้างหูผม

‘แคร์’ ผมแคร์ใคร มันหรอ? แล้วผมจะแคร์มันทำไมไม่มีทาง นี่ผมให้พี่แกมาช่วยให้หายเครียดหรือมาช่วยทำให้เครียดกว่าเดิมเนี่ย

“ฮาๆ ๆ” แกลุกขึ้นเดินขำ ตอนผมทำตาโตที่ได้ยินคำตอบจากพี่แกออกไปหลังร้าน

“ขำอะไรวะพี่”

“ขำคนไม่รู้ใจตัวเอง” พี่แกยังไม่วายหันมาตอบผม และคำตอบของพี่แกยิ่งทำให้ผมงงและสับสนมากกว่าเดิมเสียอีก

กูแคร์มึงหรอ ไม่หรอกมั้ง กูแค่รู้สึกผิดกับมึงเท่านั้น แล้วนี่ทำไมผมต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ด้วย ช่างแม่งเถอะ ยังไงช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ามันด้วย เดี๋ยวก็ลืมๆ มันไปเองนั่นแหละ



“ภาค” แล้วมึงจะเดินหนีกูทำไม กูอุตสาห์นอนคิดทั้งคืน ไหนๆ มึงจะหลบหน้ากูแล้ว อย่างน้อยก็เคลียกันไปจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน

ผมนอนคิดทั้งคืนครับยิ่งโดนไซโครจากพี่แมนแล้วด้วย ถ้าผมไม่ทำให้มันจบเดี๋ยวมันก็ค้างๆ กันอยู่แบบนี้ผมไม่ชอบ เอาแบบให้มันเคลียๆ กันไปเลย แล้วที่พี่แมนแกบอกว่าผมแคร์มันจะได้รู้กันไปเลย

“มึงจะหลบหน้ากูทำไม” มันหยุดเดินหันหน้ามามองผม

อื้อฮือนี่มึงไปโดนใครหักอกมาสภาพถึงเป็นแบบนี้

“มึงอายไม่ใช่หรอที่อยู่ใกล้กู”

“เออ...วันนั้นกูขอโทษ กูเห็นแก่ตัวเองมากไป” มันเป็นไบโพล่าเหรอครับเดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวยิ้ม แล้วที่ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไง มึงอย่าคิดว่ากูจะละลายกับรอยยิ้มของมึงเหมือนผู้หญิงในสต๊อกมึงหรอกนะ

“มึงยิ้มทำไม” ผมคงเผลอไปยิ้มตามมันนะครับ โอ๊ยไอ้ปากไม่รักดีมึงจะมาอยากแจกความสุขความสดใสอะไรตอนนี้

ผมจะมาปล่อยไก่ต่อหน้ามันไม่ได้ วันนี้ผมตั้งใจแล้วว่าจะมาทำให้มันจบแบบไม่มีอะไรค้างคาต่อกัน ถึงอดีตกับมันจะไม่ค่อยหน้าจดจำสักเท่าไร อีกอย่างต้องเจอกับมันที่คณะบ่อยๆ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างหรือบาดหมางกัน

“กูแค่จะมาทำให้มันจบ ไหนมึงก็หลบหน้ากูอยู่แล้ว”

“มึงมาทำแบบนี้จะให้กูจบได้ยังไง”

อ่าวไหงเป็นแบบนี้ละครับ ก็มันเองที่หลบหน้าผม ผมแค่จะมาทำให้มันจบ แล้วมันกลับบอกว่าไม่จบ มันจะเอายังไงกันแน่ครับ

สมองผมมีไว้เพื่อการเรียนเท่านั้น ผมไม่เอามาใช้กับเรื่องแบบนี้หรอกครับ

ไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็ที่เตรียมมามันดันผิด ผิดตรงที่มันบอกว่าไม่ยอมจบแล้วจะให้ผมทำยังไง

“มึงรู้ตัวไหมว่ามึงแม่งโคตรขี้ ‘อ่อย’ เลย”

ขี้อ่อยอะไรของมัน ผมไปอ่อยอะไรใครตอนไหน

เฮ้อปวดหัว ทำไมมันไม่เข้าใจง่ายเหมือนตอนเรียนเลยครับ 

ช่างแม่ง แล้วแต่มันเลยครับ จะทำอะไรก็เรื่องของมัน ผมละหงุดหงิดจริงเลย



ผมผิดเองละครับที่อยากจะเคลียให้มันจบๆ ไป คิดว่าคุยแล้วจะจบที่ไหนได้มันมาเดินติดผมแจ นั่งกินข้าวนั่งเรียนทำเหมือนกับสนิทกับกลุ่มผมมานาน แล้วนี่กลุ่มปากหมาของมึงละหายไปไหนหรือว่าโดนไล่ออกจากกลุ่ม ไม่น่าจะใช่หรอกมั้งเห็นปากหมาเหมือนกันคงเข้ากันได้

นั้นไงครับตายยากฉิบหายพูดถึงก็เดินเข้ามานั่งเบียดผมทันที

“มึงไม่อยู่กับเพื่อนมึงบ้างวะ”

“ก็อยากอยู่กับมึง”

“…”

“รับแอดกูด้วย”

มันยกโทรศัพท์ที่เปิดแอพเฟชบุ๊คค้างไว้ให้ผมดู ผมทำเหมือนไม่สนใจมัน แต่ทนไม่ได้กับท่าทางเหมือนลูกชายมันไม่ยอมบวชให้ รำคาญลูกตามากครับ เลยกดรับแอดมันไป

ดูแล้วมันคงไม่เลิกวุ่นวายแน่ๆ ถ้าไม่กดรับ



รับแอดแล้ว เย้ๆ กับ Mon Kung

เย้ๆ ห่าอะไรของมึงปัญญาอ่อนจริงๆ



เฮ้อ...เหนื่อยใจจริงๆครับไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไล่ก็แล้วด่าก็แล้ว เหลือแต่เอาน้ำร้อนมาสาดไม่รู้คนอย่างมันจะกลัวไหม



“กูมาทำงานมึงจะตามกูมาทำไม” อย่างที่บอกว่ามันแทบจะตามผมไปทุกที่ แม้แต่ตอนผมทำงานมันยังคอยมานั่งเฝ้า

“อะนี่” ผมหยิบผ้ากันเปื้อนของพนักงานเสิร์ฟส่งให้มัน อยากตามกูมาเองงั้นมึงก็ช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย มันรับไปแบบงงๆ

“ใส่ไม่เป็น ใส่ให้หน่อย” ผมว่านอกไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันแล้ว มันยังจะมาเป็นภาระผมอีก



‘แกนั้นภาคเดือนวิศวะ’

‘หล่อเนอะแก’

‘น่ากินจังเลย’

อื้อฮือความฮอทของมันนี่ทำให้สาวๆต่างวี้ดว้ายกันยกใหญ่ ตอนผมเสิร์ฟไม่เห็นวี้ดว้ายแบบนี้มั้ง น้อยใจชะมัด แต่ก็ช่างเถอะครับยังไงวันนี้ผมก็ไม่ต้องทำอะไรมาก มีหน้าที่แค่จัดออเดอร์ส่งให้มันเดินไปเสิร์ฟเท่านั้น



เฮ้ยเป็นไรอีกวะนั้น

ภาคมันยืนกวักมือเรียกผมให้เดินไปหา มันยืนอยู่ที่โต๊ะของลูกค้านักศึกษากลุ่มหนึ่งอยู่นาน

สุดท้ายมันก็เรียกให้ผทไปหามัน อย่าบอกนะว่ามันไปทำอาหารหกใส่ลูกค้า ไม่น่าเลยผมไม่น่าไว้ใจให้มันไปเสิร์ฟแทนงานนี้โดนหักเงินแน่ๆเลยครับ พี่แมนแกยิ่งเคร่งเรื่องการบริการลูกค้าด้วย

“เค้าขอเบอร์กู” ห๊ะ! อะไรนะเข้าขอเบอร์มึงแล้วมึงจะเรียกกูมาทำไม ทำกูใจหายหมดคิดว่าค่าแรงกูจะหายไปละ

“แล้ว?”

“กูบอกว่าต้องถามมึงก่อน”

“แล้วทำไมต้องถามกูด้วย”

“เดี๋ยวมึงหึงไง โอ๊ย!” ผมกระทืบเท้ามันไปเต็มแรง เรื่องกวนตีนนี้ที่สุดเลย

ผมหันหน้าไปมองลูกค้าที่หันมองหน้าเพื่อนตัวเองแบบงงๆ



จะทำอะไรก็เรื่องของเลยครับมาทำไมมันต้องมาบอกผมด้วย ก็เห็นปกติก็นัวสาวอยู่บ่อยๆ ที่งี้ทำมาเป็นบอกผม ยิ่งเห็นหน้าสาวๆตอนที่หันมามองหน้าผมกับมันเนี่ย เหมือนพวกเธอกำลังจะบอกว่า ‘โอเคฉันไม่ยุ่งกับคนของเธอแล้ว’ 

ผมล่ะไม่เข้าใจที่มันทำจริงเลยครับ



ตอนเลิกงานมันยังไม่วายลากผมมากินข้าวแถมให้ผมเลี้ยงอีก เหตุผลที่ว่าวันนี้ผมใช้มันทำงานเพราะฉะนั้นผมต้องจ่ายค่าจ้างมัน ผมอุตส่าห์โล่งใจแล้วว่ามันไม่ได้ทำอะไรหกใส่ลูกค้าให้ผมโดนหักเงิน กลับต้องมาเสียเงินเลี้ยงข้าวมันอีก 

“เอากะเพราหมูพิเศษไข่ดาว” แต่ยังดีครับที่มันไม่ลากผมไปกินร้านแพงๆ แต่กลับพามาร้านอาหารตามสั่งร้านประจำของผม มันยังจัดแจงสั่งของโปรดของผมมาให้ด้วย



“ตืด...ตืด...” เสียงแจ้งเตือนจากแอพในมือถือผมดังขึ้น

“มึงลบเลยนะ เดี๋ยวก็มีคนเข้าใจผิดอีกหรอก” ก็เสียงเตือนเมื่อกี้มาจากมันนั่นแหละครับ



‘มีคนใจดีเลี้ยงข้าวเย็น กับ Mon Kung’

ก็มันไม่ได้แท็กผมอย่างเดียวสิครับ มันเล่นลงรูปที่ผมกำลังดูดน้ำจากแก้วอยู่

เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก กว่าผมจะอธิบายเรื่องรูปตอนนั้นให้เพื่อน ที่ปกติเรียนด้วยกันตลอดแต่ก็ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ กลับเดินเข้ามาถามว่าผมกับภาคเป็นอะไรกัน และไม่ใช่แค่คนเดียวที่ถาม มีอีกหลายๆ คนที่ทั้งคุ้นและไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาถามผม

กว่าจะอธิบายให้พวกเธอๆ เข้าใจก็เล่นเอาเหนื่อย และผมก็ไม่อยากคอยมานั่งตอบพวกเธออีก

“เข้าใจผิดว่า?”

“ก็…”

“กูจะโพสต์รูปคนที่กูชอบผิดด้วยหรอ”

เออเอากับมันครับ เปิดโหมดอ้อนตีนเป็นที่เรียบร้อย ผมเพียงทำหน้าค้อนมันไปเท่านั้น

“กูลบให้ก็ได้”

มันเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวมากครับ จากอ้อนตีนก่อนหน้าเป็นดราม่าน้ำเน่าช่องเจ็ดทันที

ผมเริ่มคิดจริงๆ แล้วนะว่ามันเป็นไบโพล่า

“ไม่ต้องละ อยากทำอะไรก็เรื่องของมึง” มันเปลี่ยนมายิ้มอีกแล้วครับ แม่งเปลี่ยนอารมณ์อีกแล้ว ผมว่ามันต้องหาหมอบ้างแล้วแหละครับ เหมือนอาการมันจะหนักจริงๆ เปลี่ยนทุกๆ สิบวิ ผมเริ่มจะตามอารมณ์มันไม่ทันแล้ว

“ขี้อ่อยอีกแล้วนะมึง”

ผมไม่เข้าใจว่าที่ผมทำมันอ่อยตรงไหนเหรอครับ แค่ปล่อยมันอยากทำอะไรก็ทำ ขืนไปขัดใจมันเดี๋ยวไบโพล่ากำเริบอีก 

มันหันไปสนใจมือถือในมือมันต่อพิมพ์อะไรสักอยากยุกยิกๆ พิมพ์ไปยิ้มไป

อาการมันหนักจริงๆครับ

“ตืด...ตืด...”



‘เค้าบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ งั้นอีกรูปแล้วกัน กับ Mon Kung’

อีกแล้วครับมันแอบถ่ายรูปผมที่กำลังมองค้อนมันอยู่ ก็สงสัยอยู่ว่ามันยุกยิกอะไรกับมือถือนักหนา พอได้ทีมันแม่งเอาใหญ่เลยครับ





กว่าจะกินข้าวเสร็จก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มครึ่งก็มันเล่นโทรศัพท์ โพสต์แหย่ผมตลอดไม่ยอมกินข้าวมันสักที

ที่สำคัญมันชอบนั่งมองหน้าผมแล้วยิ้มอยู่คนเดียว



ผมได้เห็นมันในอีกมุม มันไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนที่จ้องจะจับผิดผม ไม่ว่าผมจะไปกับใครมันก็หาว่าผมไปขายให้คนนั้นคนนี้ ใช้ความรุนแรง พูดจาดูถูกผมเสมอ แต่ผมว่ามันก็แค่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้นแหละครับ ก็มันรวยขนาดนั้นคงถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ก็ไม่แปลกที่มันจะเอาแต่ใจ แต่กับอาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อันนั้นผมว่ามันกวนตีนล้วนๆ ครับ



“ม่อน มึงรู้แล้วใช่ไหมว่ากูกำลังจีบมึง”

“อื้อ” ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไร แต่มันทำขนาดนี้ถ้าไม่รู้ผมคงโง่มากๆ

“และกูก็รู้ว่าช้อปมันก็จีบมึงเหมือนกัน”

“…”

“ถึงกูจะเริ่มต้นกับมึงไม่ดีเท่าไร” มันยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือผม อีกข้างก็จับพวงมาลัยรถ

“…”

“แต่ต่อจากนี้กูจะทำให้มึงเชื่อในตัวกู ให้มึงรู้ว่ากูดูแลมึงได้ กูจะไม่มีวันทำร้ายมึงอีก”



“และกูจะทำให้มึงเห็นว่าคนอย่างกูก็ ‘รัก’ มึงไม่น้อยกว่าใคร”

ผมไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับสิ่งที่มันพูด แค่ระยะเวลาไม่นานที่ได้รู้จักมัน พร้อมกับเหตุการณ์ต่างที่โถมเข้ามาทั้งดีและร้าย ผมคงบอกไม่ได้ว่าจะเชื่อใจมันได้แค่ไหน แต่ถ้ามันบอกว่าจะทำให้ผมเห็น และที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมเห็นว่าจริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร

ผมเองก็จะคอยดูว่ามันจะทำได้อย่างที่มันพูดไหม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 10 #กูก็ไม่ได้ว่าอะไร UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-07-2018 17:07:11
ภาค โหมดโหด ตอนนี้กลายเป็นภาคติ้งต้อง เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง ทนหน่อยนะม่อน ถ้าภาคหายไปแล้วจะเหงานะ ขอบอก
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 10 #กูก็ไม่ได้ว่าอะไร UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-07-2018 19:03:25
ภาคน่ารัก
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 10 #กูก็ไม่ได้ว่าอะไร UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 16-07-2018 19:41:46
ภาคน่ารักขึ้นจมเลย
จีบแล้วนะๆๆๆ
 :mew1:
ไลค์ด้วยบวกรัวๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 10 #กูก็ไม่ได้ว่าอะไร UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-07-2018 19:49:15
เริ่มมุ้งมิ้งงงงกันเเล้ววว
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 10 #กูก็ไม่ได้ว่าอะไร UP 100%
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-07-2018 22:50:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP (17/7/2018) *แก้ไขคำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 17-07-2018 23:19:24
ตอนที่ 11




#พิสูจน์ใจ




Part

ภาค




“ม่อนวันนี้ไปร้านเหล้าหลังมอกัน”

“กูไปด้วย” ผมบอกนัททันทีที่เห็นม่อนพยักหน้ารับคำชวนนัท

ผมไม่ได้ห่วงเรื่องที่มันจะกินเหล้า เพราะดูแล้วมันน่าจะคอแข็งอยู่พอสมควร แต่กลัวว่ามันจะเป็นเหมือนวันนั้นอีก ผมเป็นห่วงมันทุกครั้งที่มันไปไหนมาไหน ยิ่งรู้ว่ามันต้องไปทำงานต้องกลับหอคนเดียว ผมเลยเลือกที่จะไปนั่งเฝ้ามันทำงานตอนเย็นทุกวัน

“ใครชวนมึง” ผมไม่สนใจคำพูดของนัทหันไปทำหน้าอ้อนไอ้ม่อน ที่นั่งทำหน้าเหมือนเอือมผมเต็มทน นี่คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง เดี๋ยวแม่ง...จุ๊บ สักทีดีไหมเนี่ย

“ช้อปไปด้วยใช่ไหม”

“ไปสิ ไปแน่ๆ” นัทมันหันไปถามช้อปแบบยิ้มๆ เหมือนจะสื่ออะไรกับไอ้ช้อปที่หันหน้ามามองเขม็นผม และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมจะตามม่อนไปเพราะรู้ว่าถ้าม่อนไป ไม่มีทางที่ไอ้ช้อปจะปฏิเสธแน่ๆ คะแนนมันยิ่งนำโด่งผมอยู่ ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยมันทำคะแนนนำผมไปมากกว่านี้แน่ ถึงเวลาของไอ้ภาคคนนี้จะทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาบ้าง

“ม่อนมึงขึ้นรถช้อปกับกูนะ” นัทมันคงไม่ชอบผมมากๆเลยครับ ดูจากการที่มันเชียร์ไอ้ช้อปแบบออกนอกหน้าซะขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกครับ เป็นใครๆ ก็ทำ มีเพื่อนคนไหนที่จะเชียร์ให้เพื่อนตัวเองไปคบกับคนที่คอยทำร้ายเพื่อนตัวเอง แต่ผมว่าดีซะอีกที่มีคนคอยเป็นห่วงม่อนมัน ถึงจะน้อยใจไปบ้างก็เถอะครับ สักวันผมจะทำให้ทั้งม่อนทั้งมันเห็นเองครับ

หน้าที่ผมตอนนี้คือการเป็นสารถีให้กับเพื่อนที่เหลือของม่อนครับ อาร์ม มีน เฟิร์นนั่งรถคันเดียวกับผม ส่วนม่อนกับนัทนั่งรถไอ้ช้อปมัน

ก่อนขึ้นรถมันยังหันหน้ามายิ้มเยาะเย้ยผมด้วย ฝากไว้ก่อนนะไอ้ช้อป

“ภาคชอบม่อนจริงๆ หรอ” มีนตั้งคำถามจากเบาะที่นั่งด้านหลัง

“อืม” ผมตอบไปสั้นๆ

“ชอบแล้วทำไมถึงต้องทำร้ายม่อนมันด้วย แค่ปกติมันก็ดูน่าสงสารมากแล้ว มันต้องแบกรับหลายอย่างไว้ มันเลือกที่จะทำอาชีพแบบนั้นทั้งที่พวกเราห้ามมันไว้ เพียงเพราะมันบอกว่าถ้าไม่ทำมันก็คงไม่ได้เรียน ไม่มีเงินส่งให้ครอบครัวมัน มันยอมทิ้งความสุขความสนุกของเด็กปีหนึ่งแบบเราไป เพียงต้องเดินหางานที่เขารับนักศึกษาอย่างมันทำงาน”

ผมกำพวงมาลัยรถแน่น ผมไม่รู้เลยว่าม่อนตั้งแบบรับอะไรไว้ขนาดนั้น ผมที่เห็นแก่ตัวอยากทำอะไรอยากได้อะไรก็ต้องได้ ผมเห็นแก่ตัวมาก ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ผมจะทำร้ายคนอื่นแบบนี้

“ภาครู้ไหมตอนที่ม่อนมันกลับมาวันนั้น มันเหมือนคนไม่มีสติ มันเหม่อเอาแต่มองออกนอกหน้าต่าง แล้วจู่ๆมันก็บอกว่าภาคทำร้ายมัน ตอนเราได้ยินตอนนั้นเราโกรธภาคมาก ไอ้นัทมันแทบจะวิ่งออกไปฆ่าภาคเลยด้วยซ้ำ”

มันคงเป็นเหตุผลที่ทำให้นัทไม่ชอบหน้าผม

“แต่ม่อนมันห้ามไว้ก่อน มันร้องไห้หนักมาก มันไม่โทษภาคเลยแต่มันโทษตัวเองที่เก็บปัญหาไว้คนเดียวจนเป็นแบบนั้น มันคอยห่วงแต่ความรู้สึกคนอื่นไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับปัญหาด้วย จนตอนนี้ที่ภาคเข้ามา คอยตามมันตลอด”

ผมนั่งนิ่งรอฟังว่ามีนจะพูดอะไรต่อ มือก็กำพวงมาลัยแน่นจนมือทั้งสองข้างชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ถ้าภาคไม่คิดจริงจังกับมันช่วยหยุดได้ไหม เราไม่อยากเห็นม่อนเสีย....”



‘เอี้ยด!’

ผมหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง เหยียบเบรกจนตัวกระแทกข้ากับพวงมาลัยเล็กน้อย ทำเอาคนในรถพุ่งกระแทกกับชิ้นส่วนรถเช่นกัน

“เรายอมรับว่าตอนนั้นเราโง่...โง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองจนเผลอทำร้ายคนที่เรารักไป เพียงแค่ไม่ชอบที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น พูดจาดูถูกทุกครั้ง เพียงแค่อยากคุยด้วยแต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร ในฐานะอะไร เราขอโทษที่ทำร้ายม่อน แต่วันนี้เรารู้ใจตัวเองแล้ว เราอยากจะไถ่โทษในสิ่งที่เราทำลงไป เราอย่างจะเป็นคนที่ดูแลม่อน ฉะนั้นไม่มีทางที่เราปล่อยม่อนไปอีก”

“เราดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ถ้าชอบม่อนจริงเราก็เอาใจช่วยแล้วกันนะ สู้ๆ”

มีนและเฟิร์นส่งยิ้มมาให้ผมทางกระจกหลัง ส่วนอาร์มยื่นมือมาแตะไหล่เบาๆ แบบให้กำลังใจ ผมรู้สึกขอบคุณเพื่อนๆ ของม่อนจริงๆ ที่เห็นว่าผมจริงจังและจริงใจกับม่อน ต่อจากนี้ไปคงเป็นหน้าที่ของผมที่จะพิสูจน์ให้เจ้าตัวได้รู้



“เอ้า!! …ชน”

จะเสียงใครละครับก็เสียงไอ้ม่อนที่ตอนนี้สภาพเมาเละมาก

“พอได้แล้วม่อนมึงเมามากแล้ว”

“ใช่ ม่อนเมามากแล้วพอเถอะนะ” ช้อปที่นั่งขนาบอีกฝั่งสงเสียงเห็นด้วย นี่เป็นครั้งแรกมั้งที่มันเห็นด้วยกับผม เพราะตั้งแต่มาถึงมันก็นั่งจ้องเขม็นผม พูดขัดผมแทบทุกประโยค

“ตุ๊บ!!” นั่นไงผมพูดยังไม่ทันขาดคำไอ้ตัวดีก็ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ผมวิ่งถลาไปรับมันพร้อมๆ กับไอ้ช้อป

“กูว่าไม่ไหวแล้ววะ พามันกลับเถอะ” ผมถามความคิดเห็น นัทเหมือนจะเห็นด้วยกับที่ผมพูด เดินเข้ามาประคองม่อนไว้

“ไม่ต้องม่อนเดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมยกแขนม่อนคล้องคอม่อนไว้แทนนัท

“ไม่ต้อง ม่อนมากับกูเดี๋ยวกูจัดการเอง” ช้อปเดินมาดึงตัวม่อนออกจากผม ไอ้ช้อปยกมือเตรียมคล้องคอม่อนแทนผม นัทยืนมองเหมือนเห็นด้วยกับช้อป

“มึงสองคนดูแลมีนกับเฟิร์นเถอะ ส่วนม่อนกูดูแลเอง” ผมพยักหน้าไปทางสองสาวที่เมาไม่ได้สติไม่ต่างจากม่อน

“พวกมึงสนิทกันกับมีนกกับเฟิร์น พวงมึงจะได้ดูแลง่ายๆ ไง ถ้าให้กูไปด้วยกูคงช่วยอะไรได้ไม่มาก แล้วถ้าให้ม่อนไปกับพวกมึงจะนั่งไปกันยังไงหมด” ผมยกเหตผลให้นัทฟัง แต่ดูเหมือนไอ้ช้อปมันจะไม่เห็นด้วย แต่มันก็ต้องยอมเพราะนัทมันเหมือนจะเห็นด้วยและขอให้ไอ้ช้อปช่วยดูแลสาวๆ

“มึงห้ามทำไรม่อนและรีบขับตามกูไปที่หอด้วย” ช้อปหันมาชี้หน้าคาดโทษผมอย่างเอาเรื่อง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับม่อน เพราะถ้ามันรู้คงไม่ปล่อยให้ม่อนมากับผมแน่

แล้วนี่มึงยืนเฉยๆ ไม่ได้หรือไงวะม่อน



“อ้วก!!!” ความฉิบหายมาเยือนเรียบร้อยครับ ไอ้ตัวดีมันอ้วกใส่รถผมแถมยังเลอะเต็มตัวมันอีก เอาไงดีละครับทีนี้

“กูจะพาม่อนไปคอนโดกูนะ ดูท่ามันไม่ไหวแล้ว แม่งอ้วกใส่รถกูแถมเลอะเต็มตัวอีก” ผมโทรหานัท เสียงมันหอบเหมือนกำลังลากอะไรสักอย่าง ซึ่งน่าจะเป็นสองสาวที่สภาพคงไม่ต่างกับคนข้างๆ ผมตอนนี้แน่ๆ

“ไม่ได้!!” ไม่ใช่เสียงนัทแต่เป็นเสียงของไอ้ช้อปดังมาไม่ไกล เสียงหอบไม่ต่างกับนัท

“มึงดูเฟิร์นไปเดี๋ยวกูจัดการเอง อาร์มรับไอ้มีนที” เสียงมันขอความช่วยเหลือจากอาร์ม

“มึงสัญญา ไม่สิสาบานกับกูก่อนว่าจะไม่ทำไรมัน” นัทบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงมึงไม่บอกให้กูสาบานกูก็ไม่ทำอยู่แล้ว กูไม่มีทางทำแบบนั้นกับมันอีกแน่

“กูสาบาน” ผมตอบด้วยเสียงหนักแน่น



“มึงอยู่เฉยๆ ดิวะม่อน กูจะเช็ดตัวให้” ผมจับมันถอดเสื้อผ้าที่เลอะอ้วกออก กว่าจะถอดเสร็จเล่นเอาเหนื่อยเลยครับ ก็มันยอมอยู่เฉยๆ ซะที่ไหนละ ดิ้นซะขนาดนั้น

ผมนั่งเช็ดตัวให้มันสักพัก หาเสื้อกับบ๊อกเซอร์ของผมให้มันใส่ ตอนนี้มันสิ้นฤทธิ์แล้วครับ น้อยหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผม

“หน้าตาก็งั้นๆ ตอนเมาก็เมาเหมือนหมา แล้วกูมาหลงเสน่ห์มึงได้ไงเนี่ย” ผมก้มหน้าลงไปใกล้มันกะว่าจะแอบหอมแก้มันสักครั้ง แต่ก็ต้องดึงกลับเพราะถ้าผมทำแบบนั้นก็ถือว่าผมฉวยโอกาสกับมัน

“กูจะรอวันที่มึงเชื่อใจกูนะ” ผมเปลี่ยนเป็นยกมือไปลูบที่หัวมันเบาๆ ก่อนดึงผ้าห่มกับหมอนที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าลงไปนอนที่พื้นข้างๆ เตียง ถ้ามันเห็นว่าผมนอนบนเตียงเดียวกันมีหวังเป็นเรื่องแน่ๆ





Part

ม่อน



“โอ๊ย!!! ปวดหัวชะมัด” ผมลืมตาขึ้นมานั่งกุมหัวเพราะอาการปวด

ทำไมห้องกว้างจังเลยวะ

ผมหันหน้ามองซ้ายมองขวา ขยี้ตาพยายามสะบัดความง่วงออกไป

‘ห้องไอ้ภาค’ ใช่ครับห้องไอ้ภาค ผมจำบรรยากาศในห้องได้ถึงแม้จะเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก็ครั้งที่ตอนผมเอาตัวไปขายให้มันนั่นแหละครับ

ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นแต่หวังว่ามันคงไม่ทำอะไรผมเหมือนที่มันพูดไว้

“เฮือก” ความเจ็บบริเวณบั้นท้ายของผม ผมรู้ว่าอาการเจ็บแบบนี้มันเกิดจากอะไร ถึงแม้จะไม่เจ็บมากเหมือนครั้งก่อนๆก็ตาม

สิ่งที่ผมคิดก่อนหน้านี้ ผมอุตส่าห์เชื่อใจว่ามันจะไม่ทำกับผมอีก แต่ตอนนี้มันกลับทำลายความเชื่อใจที่ผมเริ่มมีให้กับมันลงไป

น้ำตาผมเริ่มเอ่อและไหลลงเต็มสองข้างแก้ม

ผมพยายามคลานลากตัวเองลงจากเตียง ผมอยากหนีไปจากตรงนี้ ผมเดินออกมาจากห้องนอนมันด้วยอาการปวดหัวและเจ็บที่ก้น หันมองรอบตัวเพราะกลัวว่ามันจะออกมาเห็น เดินมุ่งหน้าตรงไปที่ประตู

“ตื่นแล้วหรอมึง” มันเดินยิ้มมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวคาดอยู่ที่เอว มึงยังมีหน้ามายิ้มอีกไอ้สารเลว

“มึงร้องไห้ทำไม” ผมพุ่งตัวไปเตรียมจะหมุนลูกบิดเปิดประตู แต่ไม่ทันกับความเร็วของมัน มันโถมตัวเข้ามาโอบผมจากด้านหลัง

“มึงทำแบบนี้ทำไม ไหนว่ามึงบอกกับกูว่าจะไม่ทำร้ายกูอีก” ผมพูดไปก็สะอื้นไป พยายามดิ้นสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของมัน

“มึงมันเลว มึงจะทำร้ายกูไปถึงไหน กูเปิดใจที่จะลองเชื่อมึงดู มึงทำแบบนี้ทำไม ฮึก..ฮึกๆ ๆ ๆ” มันไม่พูดอะไรเพียงยืนกอดผมไว้อยู่อย่างนั้น

“มึงพูดจบยัง” มันพูดอะไรของมันทำกับผมขนาดนี้แล้วมาพูดกับผมแค่นี้หรอ

มันคลายมือที่กอดผมอยู่เลื่อนมือมาจับที่ไหล่หันตัวผมให้หันหน้าเข้าหามัน

“มึงคิดอะไรอยู่ ไหนบอกกูมาซิ” มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นเช็ดน้ำตาให้ แต่ผมปัดมือและเบี่ยงหน้าหลบมัน

“มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่ามึงทำอะไร”

“กูทำอะไร?” มันขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย

“อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่ากู...งั้นมึงยืนรออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน” มันปล่อยมือจากผม ชี้นิ้วสั่งห้ามไม่ให้ผมหนีไปไหน

ใจหนึ่งผมก็อยากจะหนีออกไป แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร เพราะถ้ามันทำผมก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

มันเดินกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ

“อะ...มึงอยากรู้อะไรก็โทรถามไอ้นัทมัน” มันยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ผม ผมกดเบอร์โทรหาไอ้นัททันที

นัทดูเหมือนจะตกใจกับน้ำเสียงของผมที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ



‘มึงเมาแล้วล้ม’

มันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พร้อมกับสาเหตุของอาการเจ็บบริเวณบั้นท้ายของผม

นี้กูเมาจนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรเลยหรอเนี่ย แล้วที่กูดราม่าไปเมื่อกี้นี้ล่ะ

ผมก้มหน้ามุดคอทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี่รู้สึกว่าอายสัสๆ ครับ ยื่นมือถึงส่งกลับให้ภาคมันแบบไม่มองหน้า ใครจะกล้ามองละครับ โอ๊ย!! อายโว้ย

มันไม่รับมือถือคืน แต่กลับดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ผมไม่รู้จะทำยังไงทำได้เพียงซุกหน้าไปกับไหล่มันแก้เขินไปเท่านั้น

“รู้รึยังละว่ากูไม่ได้ทำอะไรมึง กูอุตส่าห์ยอมลงมานอนกับพื้น เพราะกูรู้ว่าถ้ามึงตื่นมาเจอว่าได้เป็นเรื่องแน่ มึงนี่นอกจากจะขี้อ่อยแล้วยังขี้มโนอีกนะ” มันดันตัวผมออกพยายามสบสายตากับผมที่กำลังพยายามหลบสายตามันเหมือนกัน

มันยกมือช้อนคางผมให้สบตากับมัน

“ถึงมึงจะยังไม่เชื่อใจ”



"แต่ขอบคุณนะที่ยอมเปิดใจให้กู”



ฝากติดตาม เม้นติชมให้กำลังใจกันได้นะครับ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP (17/7/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2018 01:19:50
ภาคโหมดขี้อ่อย :-[
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP (17/7/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-07-2018 12:01:12
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 18-07-2018 15:26:38
ช่วงนี่ของดอัพนี่ยายซักสองสามวันนะครับ เพราะตอนที่ผ่านมาคำผิดเยอะมาก ขอเวลาไปแก้ก่อนเสร็จแล้วจะมาอัพต่อแน่นอนครับ


 :monkeysad: :sad11: :hao5:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-07-2018 15:52:07
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า อ่านเจอผิดเยอะเหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วนึกถึงเรื่องเป็นหลักเลยไม่ค่อยหงุดหงิดในการอ่าน ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่าน
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-07-2018 21:54:41
 :กอด1:รอภาคกับม่อนได้ค่ะหลังจากนักเขียนตรวจแก้คำผิดแล้วนานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-07-2018 22:55:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 19-07-2018 00:06:56
ก็ดีอยู่นะ 5555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-07-2018 00:35:32
รอได้จ้า
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 11 #พิสูจน์ใจ UP แจ้งข่าวการอัพนิยาย
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-07-2018 12:27:47
มโนแจ่ม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 19-07-2018 18:41:04
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า อ่านเจอผิดเยอะเหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วนึกถึงเรื่องเป็นหลักเลยไม่ค่อยหงุดหงิดในการอ่าน ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่าน
 :L2: :L2:


มาก่อนกำหนดครับ ตอนแรกคิดว่าจะปรับแก้เนื้อหาด้วยบางส่วน แต่คิดดูอีกที่แก้คำผิดไปก่อน เนื้อหาเดี๋ยวรอเขียนเสร็จอีกที่

และก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ ตอนต่อๆคำผิดน่าจะน้อยลงแล้วครับ




ตอนที่ 12



#ไม่รู้





“เป็นไง มันทำไรมึงไหม”

นัทถามทันทีที่เห็นผมเข้ามาในห้อง

“มึงไม่ต้องมาพูดเลยนะ ปล่อยกูไปกับมันแบบนั้นได้ยังไง” ผมยกนิ้วชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง

“แล้วมึงช่วยพวกกูลากไอ้มีนกับเฟิร์นกลับห้องได้ไหม สภาพเหมือนหมาขนาดนั้น ได้ยินว่าอ้วกใส่รถภาคมันอีก” แต่มึงก็ไม่ควรปล่อยกูไปแบบนั้นไหม

“แล้วมึงมั่นใจยังไงถึงปล่อยกูไปกับมันได้”

“มันไม่ทำไรมึงหรอก กูมั่นใจ” มันหันหน้ามายิ้มให้อีกครั้ง ก่อนหันไปจมอยู่กับเกมสุดรักของมันต่อ



หลังจากที่ผมโว้ยวายร้องไห้เพราะอาการเจ็บก้น ตลอดทางที่ภาคมันขับรถมาส่งผมที่หอ ผมไม่กล้าจะมองหน้ามันเลยครับ หลบสายตามันทุกครั้ง อายครับ อายมากๆ ทุกครั้งที่มากินเหล้าก็ไม่เคยเมาแบบนี้สักที แต่วันนั้นเห็นเพื่อนไปเยอะเลยคิดว่าอยากปลดปล่อยสักหน่อย ถ้าเมานัทมันคงลากผมกลับหอได้ แต่ใครจะคิดละว่าแม่สองสาวจะเมาเละเหมือนผมขนาดนั้น

ยังดีที่ภาคมันยังรักษาคำพูดของมัน

ให้เกียรติคนอื่นก็เป็นหรอมึง เห็นดูถูกกูจังเลย แล้วนี่กูจะยิ้มทำไมวะแม่ง

“มึงจะหลบกูทำไม” มันเดินมาจับแขนผมไว้ ขมวดคิ้วมองหน้า ผมได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตามัน

“ไอ้สัส!!! กูก็อายเป็นเหมือนกันนะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปด่ามัน

“ฮาๆ ๆ อายเรื่องอะไร เรื่องเมื่อคืนหรอ?” มันยกมือทั้งสองข้างประกบหน้าผมไว้ จับให้หันไปสบตากับมัน มันยิ้มและมองผมอยู่อย่างนั้น

‘ดิ้นสิ ดิ้นสิวะไอ้ม่อน มึงจะมายืนจ้องตากับมันทำไม’ ผมพูดกับตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ตัวเองถึงยืนจ้องหน้ากับมัน แต่ไม่ยอมสะบัดหนีเหมือนอย่างที่เคย

ไม่รู้เพราะด้วยสายตาที่มันมองผม สายตาที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก มันอ่อนโยน จนทำให้อยากมองอยู่อย่างนั้น

“หลงเสน่ห์กูแล้วละสิ จ้องตาไม่กะพริบแบบนั้น” ผมได้สติสะบัดหน้าออกจากมือของมัน เดินก้มหน้าหนีมันออกมา

หลงเสน่ห์กับผีนะสิ มึงมันน่าหลงตรงไหนวะ แค่หล่อ สูง ขาว บ้านรวย ยิ้มละลายใจแบบนั้นอีก เออ...ก็คงน่าหลงแบบที่มันบอกแหละครับ แต่มันก็ใช้ได้แค่กับคนอื่นเท่านั้น ไม่ใช่กับผม

‘หรอกมั้ง?’



“มึงยังไม่สร่างเมาอีกหรอวะม่อน หูถึงแดงขนาดนั้น” มีนทักผมที่กำลังนั่งลงที่ว่างของโต๊ะ

มึงอย่าทำมาเป็นพูดดีมีน ได้ข่าวว่าเมื่อคืนสภาพมึงก็ไม่ต่างจากกูสักเท่าไร

แล้วหูแดงอะไร ผมว่าผมสร่างเมาแล้วนะ แล้วเมื่อเช้าหูผมมันก็ยังปกติดี เฮ้อ...เพราะอากาศร้อนแน่ๆ



“เมื่อคืนภาคมันทำอะไรม่อนไหม” ช้อปที่นั่งอยู่ข้าง สีหน้าที่ดูจริงจังถามขึ้น

“เออ...ไม่มี มันไม่ได้ทำไรเราหรอก อย่าคิดมาก” ผมพูดไป หันไปสบตากับนัทที่กลั้นหัวเราะแทบจะไม่ได้อยู่

ไม่อยากให้มันพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นไป เดี๋ยวโดนพวกแม่งล้ออีก ตอนเช้าก็โดนนัทมันล้อมาตลอดทาง

“หนีมาไม่คอยกูเลยนะ” มันตามมาแล้วครับ พร้อมกับสายตาช้อปที่หันไปมองเขม็นมัน

“กูรู้แล้วว่ามันไม่ได้เมาเหล้าหรอก มันเมา....” นัทหันมองหน้าผมสลับกับภาคแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เมาอะไรของมึงพูดให้จบสิวะ” ผมถามมันออกไปเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าผมเมาอะไร เมาแดดหรอ? สงสัยจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ

“อ๋อ….” ทั้งไอ้อาร์ม มีน เฟิร์น ร้องอ๋อออกมาพร้อมกันเหมือนเข้าใจที่นัทพูด มีแต่ผมเท่านั้นที่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันหมายความว่ายังไง

แล้วทำไมช้อปถึงมองไอ้ภาคมันแบบนั้นล่ะ ผมหันไปคุยกับช้อปหวังว่าจะดึงความสนใจออกออกจากไอ้ภาค เพราะดูเหมือนช้อปพร้อมที่จะพุ่งไปซัดมันได้ทุกเมื่อ แต่ไอ้เจ้าตัวมันเหมือนจะไม่สนใจช้อปสักเท่าไร แถมยิ้มหน้าบานแบบนั้นอีก

เออเอาเข้าไปครับ นี้เป็นอะไรกันหมด ทำไมเหมือนผมไม่เข้าใจอยู่คนเดียว



“น้องชื่อไรครับ” เสียงลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งในโต๊ะที่ผมเดินมาเสิร์ฟน้ำปั่นและเค้กทักขึ้น

“คะ...ครับ”

“พี่ถามว่าน้องชื่อไร” เขาย้ำคำถามอีกครั้งหนึ่ง

“ชื่อม่อนครับ ต้องการอะไรเพิ่มเรียกได้เลยนะครับ” ผมพูดตัดบทก่อนที่อีกคนจะพูดอะไรต่อ เดินตรงมาที่เค้าเตอร์ ที่มีขาประจำของร้านนั่งอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ภาคไงจะใครละ

เป็นอีกวันหรือจะเรียกว่าทุกวันที่มันมานั่งเฝ้าผมทำงานแบบนี้ จนมันกลายเป็นลูกค้าประจำ แถมยังสนิทกับพี่แมนผู้จัดการร้านเป็นอย่างดี ก็วันดีคืนดีพี่แมนแกก็จะขอให้ไอ้ภาคมาช่วยเรียกลูกค้าให้ มันก็ไม่ปฏิเสธนะครับ มันบอกว่าดีกว่าอยู่เฉยๆ แถมได้ช่วยผมทำงานด้วย และที่สำคัญผมได้เงินค่าแรงเพิ่ม เพราะมันไม่ยอมรับค่าแรงจากพี่แมน พี่แมนแกเลยรวบยอดเพิ่มค่าแรงให้กับผมแทน

“มีอะไรรึเปล่า” มันขมวดคิ้วถามผม

“เปล่าไม่มีอะไร” ก็จะให้ผมบอกว่ามีอะไรได้ยังไง ก็แค่ลูกค้าถามชื่อเท่านั้น เพราะปกติลูกค้าหลายคนก็มักจะถามอยู่เสมอ

“ม่อนโต๊ะสิบ” ผมเดินถือเค้กอีกจานเดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะเดิน ด้วยพี่แมนบอกเหตุผลว่าโต๊ะนั้นรีเควสพนักงานเสิร์ฟว่าต้องเป็นผม

“เมื่อกี้พี่ยังพูดไม่จบรีบกลับไปไหน” ลูกค้านักศึกษาคนเดิม ถามขณะที่ผมกำลังก้มลงไปวางจานเค้กลงที่โต๊ะ

“เออ...พอดีลูกค้าเยอะ ผมต้องไปดูแลลูกค้าครับ” ผมตอบแบบปัดๆ ไป เตรียมหันหลังเดินกลับไปที่เค้าเตอร์

‘หมับ’ เขาคว้าเขาที่แขนผม พยายามรั้งผมไม่ให้เดินกลับ

“พี่มีอีกคำถามเดียว น้องมีแฟน...โอ๊ย!!!” ยังไม่ที่เข้าจะพูดจบ ข้อมือของเขาก็ถูกมือของไอ้ภาคจับไว้ ผมว่ามันไม่ใช่การจับแบบธรรมดาแน่ เพราะดูสีหน้าที่แสดงออกว่าเจ็บ กับมือของไอ้ภาคที่ตอนนี้ปูดเต็มไปด้วยเส้นเลือด

ผมลากภาคออกมาทันที ลากมันให้มานั่งที่นั่งข้างๆเค้าเตอร์ของมัน

“มึงทำอะไรของมึง” ผมถามมันที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังโกรธจัด

“มึงไม่เห็นหรอว่ามันกำลังทำอะไร” มันขึ้นเสียงตะคอกใส่หน้าผม

“เขาทำอะไร เขาแค่คุยกับกูเฉยๆ” ผมตอบไปตามตรงก็แค่ลูกค้าชวนคุยเท่านั้น

ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบท่าทีของเขาสักเท่าไร แต่มันก็ดูไม่เสียหายอะไรนี่ครับ เพราะหน้าที่ของผมคือดูแลลูกค้า

“มึงไม่คิดว่ากูเป็นห่วงมึงบ้างหรอ” เสียงมันเบาลงจ้องหน้าผม

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบมันว่าอะไร รู้เพียงว่าต้องรีบกลับไปขอโทษลูกค้าคนนั้นก่อน เพราะถ้าปล่อยให้ลูกค้าไม่พอใจแบบนี้ผมโดนไล่ออกแน่ๆ

ผมหันหน้าเตรียมเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อขอโทษลูกค้า

“เมื่อกี้พี่ขอโทษนะ” ผมยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกจากเค้าเตอร์ ลูกค้าคนเมื่อกี้ก็เดินเข้ามามาบอกขอโทษผม

“เออ...ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทน....”

“พี่เข้าใจ พี่ก็เคยเป็น ถ้าใครมาจับมือแฟนพี่ พี่ก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน” แทนที่เขาจะหันหน้ามาคุยกับ เขากลับหันหน้าไปหาไอ้ภาค พร้อมยกมือตบที่ไหล่มันเบาๆ ด้วย

เดี๋ยวเมื่อกี้เขาหมายความว่าไง ใครเป็นแฟนกับใคร แล้วเข้าหมายความว่ายังไงที่บอกว่าเป็นใครๆก็ทำ

ผมปล่อยประเด็นหลังไปก่อน ขอแก้ตัวเรื่องเป็นแฟนกับภาคมันก่อน

“ผมไม่ได้เป็น....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยคำแก้ตัวเขาก็เดินหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม

เฮ้อ...เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ผมจะทำไงละที่นี่

ผมหันหน้ากลับมาเพื่อจะเคลียกับอีกคน แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ภาคมันก็เปิดประตูเดินออกจากร้านไป

ผมได้แต่มองตามหลังของมันไป ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ครับ เพราะไม่รู้ว่ามันเดินหนีผมเพราะอะไร ถ้าเพราะเรื่องเมื่อกี้ผมก็ไม่ได้ผิดอะไรนิครับ แล้วทำไมมันถึงต้องโกรธผมด้วย

ผมมองตามมันจนสายตาสบกับลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง เขาพยักหน้าเหมือนว่าให้ผมเดินตามมันออกไป ผมหันไปขออนุญาตพี่แมนที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังร้าน พี่แกดูงงๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงพยักหน้าให้เท่านั้น

ผมเดินตามมันออกมา ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าตามมันออกมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ของเคลียให้มันเข้าสักหน่อยครับว่ามันเป็นอะไร

ผมวิ่งไปดึงแขนมันไว้เพราะดูเหมือนว่ามันกำลังขึ้นรถเตรียมขับออกไป ผมจับแขนมันไว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆครับ ก็อย่างที่บอกว่าผมก็ไม่ได้ผิดทำอะไรสักหน่อย

มันยืนนิ่งไม่หันมามองผมเช่นกัน

“มึงไม่มีอะไรจะพูดแล้วตามกูมาทำไม” มันถามหลังจากที่เรายืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้นสักพัก

“จะให้กูพูดอะไร ก็กูไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ตลอดที่ผ่านมามึงคงไม่รู้สึกอะไรกับกู ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่กูทำให้มึง” ผมรู้ว่าที่มันทำกับผม ทั้งคอยมานั่งเฝ้า คอยไปรับไปส่งผมทุกวันว่ามันต้องการอะไรจากผม แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยว อะไรกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

“มึงคงเกลียดกูจริงๆสินะ ต่อไปมึงก็ไม่ต้องทนเห็นหน้ากูอีกแล้วนะ” มันดึงมือผมออก เปิดประตูรถขับออกไปทันที

ผมยังยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทำไม ทำไมถึงรู้สึกว่าตอนนี้ใจมันหวิวๆ เหมือนว่าหัวใจมันลีบเล็กลงจนเหมือนว่ามันไม่สามารถสูบฉีดเลือดให้ไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอได้ เหมือนว่ามีก้อนหินหนักๆ กำลังทับอยู่ตรงหน้าอก ผมเป็นอะไรกันแน่

ผมเดินกลับเข้ามาในร้าน นั่งซบลงที่เค้าเตอร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเป็นอะไร รู้สึกแค่ว่าไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่าอยากนั่งอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เท่านั้น

‘หมับ’

เหมือนมีมือใครสักคนแตะลงที่ไหล่ผม คิดว่าน่าจะเป็นพี่แมนเรียกให้เอาอาหารไปเสิร์ฟลูกค้าแน่ๆ ใช่สิตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานั่งอยู่ตรงนี้ หน้าที่ของผมตอนนี้คือดูแลลูกค้า

ผมลูกขึ้นหันหลังเตรียมจะเดินไปรับออเดอร์ไปเสิร์ฟลูกค้า

‘ไม่ใช่พี่แมนหนิ’

ไม่ใช่พี่แมนครับ คนที่แตะไหล่ผมเมื่อกี้ไม่ใช่พี่แมน แต่เป็นลูกค้าคนเมื่อกี้ที่ยืนยิ้มให้กับผม

“พี่ขอโทษนะ เมื่อกี้ทะเลาะกันเพราะพี่รึเปล่า”

“ปะ...เปล่าครับ”

“เปล่าแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น”

“คือผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร เออ...เพื่อนผมคนเมื่อกี้นะครับ” ผมถามออกไปเพราะดูว่าเขาเข้ามาไม่เหมือนกับก่อนหน้า

“อ่าวไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ พี่ก็นึกว่าเป็นแฟนกัน เห็นหวงซะขนาดนั้น”

“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ เป็นเพื่อนกัน”

“เป็นเพื่อนกันแล้วทำไมถึงทำหน้าเป็นคนอกหักแบบนี้หละ”

“ไม่ใช่สักหน่อยครับ เพียงแต่ว่า....” ผมมองหน้าเขาสักพัก ก่อนเขาจะพยักหน้าบอกให้ผมพูด

“คือผมไม่เข้าใจว่ามันโกรธอะไรผม อยู่ดีๆ ก็เดินหนีออกไป แถมบอกว่าจะไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีก”

“แล้วเราคิดยังไงกับเขา”

“ก็ไม่ได้คิดอะไรหนิครับ”

“จริงหรอ? ถ้าไม่คิดอะไรคงไม่มานั่งทำเหมือนคนอกหักแบบนี้หรอก รู้ไหมว่าที่เขาทำเพราะเขาเป็นห่วงเรา เวลาเราชอบใครเป็นอะไรสักหน่อยเราก็เป็นห่วง ยิ่งเวลาเห็นคนอื่นมายุ่งกับคนของเราอีก ถ้าน้องไม่ดึงเขาออกไปเขาคงต่อยพี่น่วมไปแล้ว”

ผมนั่งคิดตามคำพูดของเขาไป

ที่มันทำเพราะห่วงผม แต่ทำไมมันต้องห่วงผมขนาดนั้น ผมก็ผู้ชายเหมือนกันนะ แต่วันนั้นวันที่ผมโดนไอ้พวกสารเลวนั้นลากไป ผมก็ผู้ชายนิ แต่ก็ยังเกือบโดนทำแบบนั้น

“มันเป็นห่วงผมขนาดนั้นเลยหรอ”

“พี่ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรกับเรา ถึงทำให้เขาต้องเป็นห่วงขนาดนี้ แต่ตอนนี้พี่เป็นห่วงเขามากกว่า เขาแสดงออกให้เห็นขนาดนั้น แต่ก็ยังมีคนซื่อบื้อไม่รับรู้อะไร มานั่งเหมือนคนไม่มีวิญญาณแบบนี้”

“ผมหรอ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“เฮ้อ...เป็นพี่ๆ ก็ท้อ ท้อกับคนไม่รู้ใจตัวเองสักที” เขาไม่พูดอะไรต่อยกมือขึ้นยีหัวผม ยิ้มให้ก่อนเดินออกไป ก่อนออกจากร้านยังไม่วายหันมาตะโกนบอกผมอีกว่าให้รู้ใจตัวเองสักที



‘รู้ใจตัวเอง’

ผมล้มลงนอนมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาก่ายหน้าผาก นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ พลางนึกถึงเรื่องที่พี่คนนั้นพูด



‘ต่อไปมึงก็ไม่ต้องทนเห็นหน้ากูอีกแล้วนะ’

ทำไมผมถึงรู้สึกใจหายกับประโยคนี้ของมันด้วย



หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-07-2018 22:51:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2018 00:32:22
งอนของแท้แน่นอน งอนจริงจัง งอนง้อยากด้วย :hao5:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 20-07-2018 02:27:58
น้องงงง ถ้าจะช้าขนาดนี้ ตามใจตัวเองทันมั้ยน่ะ5555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-07-2018 07:52:30
ภาค เป็นพระเอกนะ อย่าสะบัดสะบิ้งอย่างนั้นดิ ดูไม่งาม
ม่อนรีบไปง้อ เลยนะ อย่าปล่อยให้น้อยใจมากๆ ดูไม่ดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 20-07-2018 10:32:03
เอาละสิ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 20-07-2018 11:23:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 12 #ไม่รู้ UP มาก่อนกำหนด
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-07-2018 12:43:14
งอนจริง งอนจัง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 20-07-2018 23:03:49
ตอนที่ 13



#เข้าใจยากจังวะ





“เป็นห่าอะไรของมึงวะ กูเห็นเหม่อแบบนี้มาเป็นอาทิตย์”

“…” เฮ้อ…ไม่รู้จะตอบนัทมันว่ายังไง เพราะผมก็ไม่เข้าใจว่าทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาจิตใจผมทำไมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรก็ดูจะเบลอๆ ไปหมด จนนัทมันอดบ่นไม่ได้

“แล้วนี่เป็นเชี่ยไรกับไอ้ภาคมันอีก กูไม่เห็นมันมาเกาะแกะมึงเหมือนเมื่อก่อน” ก็ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เจอหน้ามันอีกเลย มันหายไปแบบไร้ร่องรอย

“…” ผมไม่ตอบมัน ได้แต่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แบบไร้เรี่ยวแรง

‘แล้วทำไม่กูต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ มันไม่อยู่ก็ดีแล้วหนิ’

แค่เหมือนจะดีเท่านั้น ผมคิดว่าวันนั้นผมก็ไม่ได้ผิดอะไร มันเองที่ทำเกินเหตุ แต่ทำไมผมต้องมานั่งเหี่ยวแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเลย

“ไม่สบายรึเปล่า ดูไม่ค่อยสดใสเลยวันนี้”

ช้อปเดินเข้ามาวางหลังมือลงบนหน้าผากผม

“ตัวก็ไม่ร้อนหนิ”

“เราไม่ได้เป็นไรหรอกแค่เหนื่อยๆ เอง” ผมตอบไปเพื่อให้ช้อปสบายใจ

“เย็นนี้ว่างไหม เรามีเรื่องจะคุยด้วย”

“ได้สิ แล้วมีเรื่องอะไรหรอ คุยตอนนี้ก็ได้นะ”

“ไม่ได้ เอาไว้ตอนเย็นเจอกันนะ” ช้อปลุกขึ้นเดินออก โดยทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มมาให้



อาทิตย์ที่ผ่านมาช้อปเป็นคนอาสาไปส่งผมที่ร้าน ก่อนหน้านี้ช้อปก็เคยบอกว่าจะเป็นคนพาผมไปส่งที่ร้านเอง แต่ก็ไม่ทันไอ้ภาคที่เรียนตรงกับผมซะส่วนใหญ่ พอเลิกเรียนปุ๊ปมันก็ลากผมขึ้นรถมาส่งที่ร้าน ไม่รอให้ช้อปได้เจอผม เพราะหลายครั้งที่มันได้ยินว่าช้อปจะเป็นคนมาส่งผม มันก็ลากผมออกมาทุกที จนหลังๆ ก็เป็นมันที่มาส่งและมานั่งเฝ้าผมตลอด

‘แล้วมึงหายไปแบบนี้ทำไมวะ’



เย็นนี้ช้อปเดินมารับผมที่หน้าตึกเรียน แต่ทำไมดูเหมือนวันนี้ดูสดใสเป็นพิเศษ เดินยิ้มมาให้ผมตั้งแต่ยังไม่ลงจากบันไดอาคารเรียน

“วันนี้ทำไมดูอารมณ์ดีจัง” ผมถามช้อปที่เดิมมาดึงกระเป๋าสะพายหลังผมไปถือให้

“ก็...เดี๋ยวเราบอก ก่อนอื่นเราไปที่รถกันก่อนนะ”



“ช้อปไม่ขึ้นรถหรอ” ผมหันไปถามคนที่ยืนอมยิ้มไม่ยอมกดปลดล็อกประตูรถสักที

“เรามีเรื่องจะคุยกับม่อนอะ” ช้อปพูดไปยิ้มไปเหมือนวันนี้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น

“มีไรหรอ”

“เออ...คือ ที่เราบอกว่าวันนี้มีเรื่องจะคุยกับม่อน คือว่าเรา” ผมยิ้มให้กับช้อปที่ดูอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนกำลังทำอะไรไม่ถูก หันกลับหลังไปเหมือนกำลังจะเปิดท้ายรถ



‘แกเมื่อกี้มีรถชนคนหน้าคณะเรา’

‘ใครหรอวะแก’

‘ภาคไงแก เดือนคณะเราปีนี้อะ’



‘ภาค? เดือนคณะปีนี้ คงไม่ใช่มันหรอกมั้ง’

ผมยังชั่งใจกับสิ่งที่ได้ยิน พยายามคิดว่าคงไม่ใช่มันหรอก ถึงจะบอกว่ากำลังชั่งใจอยู่ แต่สองเท้าของผมตอนนี้ก้าวแซงหน้าของผู้หญิงกลุ่มนั้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้



‘ไม่ใช่มึงใช่ไหม’

ผมหยุดฝีเท้าของตัวเอง ก้าวเดินไปตรงกลุ่มนักศึกษาที่กำลัง ยืนจับกลุ่มคุยกัน ผมไม่เห็นมันอยู่ตรงนั้น



‘มึงอยู่ไหนภาค’

ผมเดินตรงไปยังกลุ่มนักศึกษาทันที

“คะ...คนที่โดนรถชนเมื่อกี้คือใครครับ” ผมถามด้วยเสียงสั่นๆ ขอให้คำตอบที่ได้ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด



‘ไม่ใช่’

ผมหวังจะได้ยินแบบนั้น



“ใช่”

ผมยืนนิ่งกับคำตอบที่ได้ยิน ร่างกายของผมตอนนี้สั่นจนผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ขาที่ตอนนี้เหมือนจะหมดแรงลงไปดื้อๆ

“ปึก”

ร่างกายของผมล้มเอียงไปกระทบกับบางสิ่ง ‘ช้อป’

“ช้อป...ช้อปหรอ” ผมมองหน้าคนตรงหน้า

“ใจเย็นๆ ม่อน เกิดอะไรขึ้น” ช้อปพยายามพูดจับไหล่ทั้งสองข้างผมไว้ เพื่อให้ผมใจเย็นลง

“ภาค...ภาคมันโดนรถชน ช้อปพาเราไปหามันทีได้ไหม” ผมเขย่าแขนของทั้งสองข้างของช้อป ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ครับ รู้แค่ว่าตอนนี้อยากเจอมัน อยากรู้ว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า



ช้อปขับรถพาผมมาที่โรงพยาบาลศูนย์ของมหาลัย ผมสังเกตว่าช้อปนั่งนิ่งตลอดทางไม่แม้แต่คุยกับผม มีแต่ผมเท่านั้นที่ตอนนี้นั่งกระวนกระวาย มองตามทางข้างหน้าว่าเมื่อไรจะถึงโรงพยาบาลสักที

ผมเปิดประตูวิ่งออกจากรถทันที วิ่งตรงไปที่เค้าเตอร์หน้าห้องฉุกเฉิน

“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะคะอยู่ที่ห้อง 405”

ผมวิ่งตรงไปที่ห้องที่พยาบาลบอกทันที ผมเอื้อมมือค่อยๆเลื่อนประตูเข้าไป

ภายในห้องมีเพื่อนๆ ของมันยืนมุงดูมันอยู่ ผมเดินเข้าไปในห้อง เพื่อนของมันที่ยืนอยู่หันมามองหน้าผมพร้อมกัน พวกมันไม่พูดอะไรเพียงเบี่ยงตัวเองให้ผมเดินเข้าไปหาภาคที่เตียงเท่านั้น

ผมสำรวจร่างกายของมันที่นอนหลับอยู่บนเตียง บนหัวมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบๆ ที่แขนข้างซ้ายมีเฝือกสีขาวดามอยู่

“หมอบอกว่ามันไม่เป็นไรแล้ว แค่หัวแตกกับแขนหักเท่านั้น” ผมหันไปพยักหน้าให้กับเพื่อนของมัน ผมกลับไปมองที่มัน ก่อนหน้านี้ผมไม่เจอมันเป็นอาทิตย์ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นอยากเจอมันรึเปล่า แค่รู้สึกว่าตอนไม่มีมันค่อยกวนแล้วเหมือนตัวเองขาดอะไรไปสักอย่าง

ไม่รู้ว่าผมควรดีใจที่ได้เจอมันในสภาพแบบนี้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันปลอดภัย ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมเป็นห่วงมันมาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นห่วงมันขนาดนั้น

ผมเดินออกจากเตียง หลังจากยืนมองมันที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงสักพัก ช้อปที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง เดินตามผมออกมานอกห้องโดยไม่ได้พูดอะไร



“ม่อน ยังจำที่เราบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย” ช้อปพูดขึ้นหลังจากรถจอดสนิทที่หน้าหอพักของผม ใช่สิผมลืมไปเลยว่าช้อปมีเรื่องจะคุยกับผม ก็ตอนนั้นผมวิ่งออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คุยอะไรกับช้อปเลย

“อืม...ช้อปมีไรหรอ”

“จริงวันนี้เราจะขอม่อนเป็นแฟนนะ”

“ช้อปวะ...ว่าไงนะ” ผมกำลังอึ้งกับประโยคที่ช้อปพูดเมื่อกี้

“เราอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่เราก็ยังอยากจะลอง”

“ช้อป...”

“ตอนที่ภาคมันหายหน้าไป เราดีใจมาก ดีใจที่รู้ว่าเหลือเราคนเดียวที่ชอบม่อน....” ช้อปยืดตัวตรงมือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยรถไว้แน่น

ใบหน้าที่ยิ้มขณะพูด มันเป็นยิ้มที่เหมือนพยายามฝืนมันออกมาเท่านั้น

“ตอนนั้นเราคิดว่าจะถือโอกาสจะลองขอคบกับม่อนดู ถึงแม้เราจะรู้เหตุผลว่าทำไมม่อนถึงดูเหม่อไม่มีชีวิตชีวา ที่ผ่านมาเราพยายามทำเป็นว่าไม่รู้ไม่เห็น แต่ตอนที่ม่อนวิ่งออกมาหามัน ขอให้เราพาไปหามัน สายตาม่อนที่เป็นห่วงมันมาก เรามั่นใจแล้วว่าคนในใจม่อนคือภาค ไม่ใช่เรา”

“ช้อป” ผมยื่นมือไปจับมือช้อปไว้

ผมไม่รู้เลยว่าเรื่องที่ช้อปขอคุยด้วยเมื่อตอนเย็นคือเรื่องนี้ เพียงแค่รู้สึกว่าวันนี้ช้อปดูตื่นเต้นเป็นพิเศษเท่านั้น

ตลอดที่ผ่านมาผมก็รู้ว่าช้อปคิดอะไรกับผม ช้อปคอยดูแล ให้เกียรติผมเสมอ ผมพยายามเปิดใจรับช้อปเข้ามาหลายครั้ง แต่ความรู้สึกที่มีต่อช้อปก็มีแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้น

ผมยอมรับว่าที่ผ่านมาผมปฏิเสธเสมอว่าไม่ได้คิดอะไรกับภาคมันทั้งนั้น ผมไม่ได้แม้จะเปิดใจรับมันเข้ามาสักครั้ง ผมไม่รู้ว่าปล่อยให้มันแทรกเข้ามาตอนไหน รู้เพียงว่าตอนนี้ในใจผมมีแค่มันเท่านั้น

“เราขอโทษ ที่รู้สึกกับช้อปเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น เราพยายามแล้ว”

“ม่อนไม่ผิดหรอก เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ เราเข้าใจ” ช้อปพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เราไม่รู้ถ้าพูดแบบนี้จะเห็นแก่ตัวเกินไปไหม เราไม่รู้ว่าช้อปจะรู้สึกยังไงถ้าเราจะขอให้ช้อปเป็นเพื่อนเราแบบนี้ต่อไป เราไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีแบบช้อปไป”

ถึงจะดูว่าผมเห็นแก่ตัว แต่ผมไม่อยากเสียเพื่อนอย่างช้อป ที่ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ช้อปก็เป็นเหมือนนัท อาร์ม มีน และเฟิร์น ที่เป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด

ผมควรทำยังไงดีครับทั้งเรื่องช้อป ที่ผมเพิ่งปฏิเสธความรู้สึกของเขาไป เรื่องของภาคที่ผมยังไม่รู้จะจัดการยังไงกับความรู้สึกของตัวเอง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันยิ่งทำให้ผมสับสน

ทำไม ‘ความรัก’ มันเข้าใจยากแบบนี้วะ





Part

ช้อป



แห้วครับ ขอเวลาทำใจ พร้อมเมื่อไรผมจะกลับมา




หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2018 23:45:16
ม่อนโคตรจะโลเล เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-07-2018 10:17:44
ม่อนใจอยู่ที่ภาคแล้วละ อย่าปฎิเสธตัวเองเลย
ภาค ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก คงใจลอยไม่ระวัง
คนเขียน คำผิดหายไปแล้ว แต่ได้เว้นบรรทัดเยอะแถมมานะ อิอิอิ
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-07-2018 11:48:13
ปรับความเข้าใจ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 21-07-2018 21:01:29
ครึ่งหลัง



Part

ภาค



“ม่อน...ม่อนๆ โอ้ยๆ”

ความปวดแล่นแปร๊ปเข้ามาที่หัว ทำไม่ปวดแบบนี้วะ

“มึงฟื้นแล้วหรอภาค” ผมลืมตาขึ้นพยายามปรับโฟกัสสายตา เพราะตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวผมเหมือนจะเบลอไปเสียหมด

“ม่อน...ม่อนละ” ผมดีดตัวขึ้นจากเตียงกวาดสายตามองรอบห้อง

ก่อนจะฟื้นผมรู้สึกว่าม่อนมาหาผม แล้วตอนนี้มันหายไปไหน

“มึงใจเย็นๆ นอนลงก่อน”

“กูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย” ผมถามไอ้ป๋อที่ยืนอยู่ข้างเตียง ข้างๆ มีไอ้โอมกับทีมยืนอยู่

“มึงโดนรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล” โดนรถชน? ผมพยายามนั่งนึกเหตุการณ์ก่อนหน้า ใช่สิผมโดนรถชน

“แล้ว...ม่อนละ” เสียงผมเบาลง มองหน้าเพื่อนที่ยืนอยู่รอบๆ เตียง ใช่สิมันจะมาหาผมทำไม



ผ่านมาเกือบอาทิตย์ หลังจากวันนั้นวันที่ผมเลือกจะเดินออกมาจากม่อน ผมเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ผมทำไปมันคงไม่สามารถลบล้างความผิดที่ผมทำกับมันได้ มันมองไม่เห็นแม้กระทั่งความเป็นห่วงจากผม ผมไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้ต่อไปทำไม เพราะคำตอบที่ได้ก็มีแค่มันเกลียดผม มันเกลียดผมแล้วจริงๆ

แต่ทำไมผมถึงทำใจลืมมันไม่ได้สักที ทุกวันผมมักจะนั่งเหม่อ ไม่เป็นตัวของตัวเอง จนวันนั้นที่ผมเดินเหม่อข้ามถนนจนถูกรถชนเข้า แต่ดูแล้วผมคงไม่เป็นอะไรมากเพราะมีแค่อาการปวดหัวจากหัวแตกกับแขนข้างซ้ายหักเท่านั้น

“มันกลับไปแล้ว” ป๋อมันตอบผมหลังจากที่ยืนนิ่งไป

“มึงว่าไงนะ ม่อนมันมาหากูหรอ ทำไมมึงไม่ปลุกกู” ผมไม่รู้ว่าดีใจแค่ไหนตอนที่ผมได้ยินว่าม่อนมาหา ผมแทบกระโดดลงจากเตียง แต่โดนพวกมันห้ามไว้ก่อน

“มันพูดอะไรกับพวกมึงบ้าง”

“มันไม่ได้พูดอะไร แค่มายืนมองมึงแค่นั้น” ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นอยากได้ยินคำไหนจากมัน แค่อยากรู้ว่ามันเป็นห่วงผมบ้างไหม มันแค่มายืนมองผมเท่านั้นหรอ ผมไม่สำคัญกับมันบ้างเลยหรอ แค่เป็นห่วงก็ไม่มีเลยหรอ

ผมเอนตัวลงนอนหันหลังให้กับพวกไอ้ป๋อ

“แต่ตอนมันเข้ามามันดูเป็นห่วงมึงมากนะ กูเห็นมันเดินตัวสั่นเข้ามาดูมึง”

“มันเป็นห่วงกูจริงๆ หรอ” ผมหันกลับไปมือรวบที่แขนไอ้ป๋อ เขย่าแขนถามมันเพื่อความแน่ใจ ป๋อเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“มึงเอาจริงหรอวะ กับมันอ่ะ กูคิดว่ามึงแค่เล่นๆ แค่อยากจะทำให้ลืม...เอ่อ”

ผมเข้าใจว่าป๋อมันหมายถึงใคร ใครคนที่ทำให้ผมเจ็บๆ มาก เจ็บจนแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาคือผู้หญิงที่ผมรัก รักที่สุด ผมทำเพื่อเขาได้ทุกอย่าง เขาไม่ชอบควันบุหรี่ผมก็เลิกสูบ เขาไม่ชอบให้เที่ยวกลางคืนผมก็เลิก ผมยอมเขาทุกๆ อย่าง คิดว่าขาคือคนที่ใช่สำหรับผมแล้ว

แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมวาดฝันไว้ เมื่อวันหนึ่งเขาเดินเข้ามาบอกว่าเขา’ หมดรัก’ ผมแล้ว ผมพยายามทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก คิดว่าเขาคงอยากจะเซอร์ไพซ์ผมแน่ๆ ใช่ครับมันเซอร์ไพซ์มาก เขาพาผู้ชายคนใหม่มาเปิดตัวต่อหน้าผม สิ่งที่ผมฝันไว้ทั้งหมดพังลงในทันที ผมทำใจยอมรับไม่ได้ จนต้องกินเหล้าทุกวันเพียงเพื่อจะลืมเขาให้ได้เท่านั้น

จนวันหนึ่ง วันที่ผมเจอกับ “ม่อน” ผมยอมรับว่าครั้งแรกที่เจอมันผมไม่ได้รู้สึกชอบหรือรู้สึกดีอะไรกับมันเลย เพียงแค่อยากลองเพื่อความสนุกเท่านั้น

มันปฏิเสธผมครับ ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรอยู่แล้วแค่อยากจะเอาชนะความหยิ่งในศักดิ์ศรีของมันเท่านั้น

‘กูจะมาขายให้มึง’

ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้มันเปลี่ยนใจ ถึงกับยอมทิ้งศักดิ์ศรีของมัน ตอนที่ผมมีอะไรกับมัน ผมเพียงนึกสนุกเท่านั้น สนุกที่ได้เห็นว่ามีคนที่ยอมทำเพื่อเงินได้ถึงขนาดนั้น ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนรู้แค่ว่า

“กูรักมันแล้ววะ”





Part

ม่อน



“มึงชอบไอ้ภาคมันหรอวะ”

“ที่กูทำตอนนี้มึงว่ากูควรเรียกว่าอะไร” ผมหันไปถามนัทกลับ ทั้งที่ยังไม่ได้ตอบคำถามมัน

“กูไม่คิดว่าจะเป็นมัน แล้วช้อปละ”

“มึงว่ากูเห็นแก่ตัวไหม ทั้งที่กูปฏิเสธความรู้สึกเขา แต่ก็ยังขอให้เขาอยู่” ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเห็นแก่ตัว แต่ผมก็ไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผมไป

“มึงไม่ผิดหรอก เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ กูเชื่อว่าช้อปมันเข้าใจมึง และกูก็มั่นใจว่ามันเข้มแข็งพอ แต่ตอนนี้เรื่องของมึงกับภาคจะเอายังไงต่อ”

ผมล้มตัวลงนอนปล่อยให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับมันไหลเข้ามาในหัว ผมกำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อดีกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นดี



‘405’

ผมก้าวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้าห้องพักฟื้นของมัน ผมไม่รู้ใจว่าจะเข้าไปหามันดีไหม อยากเข้าไปคุยกับมัน อยากมั่นใจกันความรู้สึกที่มี เพียงแต่ผมไม่มีความกล้าพอที่จะเดินเข้าไปหามัน

‘กึก’

สายตาผมสบเข้ากับมันอย่างจัง ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไง ทำได้เพียงก้าวเท้าเดินหลบออกจากตรงนั้น

“ม่อน”

เสียกเรียกของมันไล่ตามมาด้านหลัง ผมมองสองข้างทางก่อนเดินเข้าไปหลบมันตรงซอกบันได

“โอ้ย!!!” ผมแอบชะโงกหน้าไปมองมันอยู่ไกลๆ ตอนนี้ตัวของมันล้มลงไปกองกับพื้น

“ถ้ามึงไม่เป็นห่วงกูแล้วมึงทำแบบนี้ทำไม” มันก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“กูพยายามถอยออกจากมึง ไม่คิดถึงมึง...กูพยายามแล้ว แต่กูทำไม่ได้ กูทำไม่ได้มึงเข้าใจไหม”

คำพูดของมันทำให้ผมรู้สึกหน่วงๆ ตรงหัวใจ กับความไม่มั่นใจของผมตอนนี้



‘ผมควรปล่อยมันไป’

หรือ

‘ทำตามหัวใจตัวเอง’



หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-07-2018 23:22:49
 :serius2: น้องม่อน นี่นะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-07-2018 23:54:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 13 #เข้าใจยากจังวะ UP ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-07-2018 16:50:04
ล้นต่อออออออ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 22-07-2018 17:23:21
ตอนที่ 14



#เอาวะ







“ภาค…”





ผมก้าวเท้าออกมาจากซอกบันได เดินออกไปยืนตรงหน้าของมันที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่





“ม่อน มึง....”





หน้ามันดูแปลกใจที่เห็นหน้าผม มันพยายามใช้มือข้างหนึ่งดันตัวเองให้ลุกขึ้น





ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าทำไม่ตัวเองถึงมายืนอยู่ตรงนี้







“มึงกลับมาทำไม” มันสบตาผม มองเหมือนต้องการจะรู้คำตอบ







“ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับกูมึงก็ไปซะ กูไม่อยาก...”

ร่างกายตอนนี้เหมือนผมไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ขาที่ก้าวเดินตรงไปหามันที่กำลังหันหลังกลับไป มือที่ยื่นออกไปรวบตัวมันไว้ ผมรู้แล้วว่าผมไม่สามารถทำสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจผมได้แล้ว







“มึงทำแบบนี้หมายความว่ายังไง” มันหยุดนิ่งไม่ขยับตัว เหมือนรอฟังคำตอบจากผมอยู่







“กู...กู” มันจับมือที่ผมกอดอยู่ออก หันกลับมามองหน้าผมแทน ผมไม่รู้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงขนาดไหน







มันสบตาผมรอฟังสิ่งที่ผมจะพูด แต่ก็ติดที่ปากผมมันยังติดๆ ขัดพูดไม่ออกสักที







“มึงคิดกับกูแบบไหน” คำที่ออกมาจากปากผม ผมแค่ต้องการความมั่นใจเพิ่มแค่เท่านั้น







“ถ้าสิ่งที่กูทำให้มึงเห็นมันยังไม่ชัดเจนพอกูคงต้อง...” มันคลายมือออกจากแขนของผม เตรียมหันหลังเดินออกไปอีกครั้ง









“กูคิดเหมือนมึง”

มันหยุดเดินหันกลับมาหาผมทันที





“มึงหมายความว่ายังไง”







“…”

มันสบตารอคำตอบ ทันทีที่ผมพยักหน้าเป็นคำตอบให้มัน ร่างกายผมก็ถูกรวบกอดด้วยแขนสองข้างของมัน เป็นกอดที่ทำให้รู้สึกดี ดีมากๆ ความหน่วงที่อยู่ในใจผมตอนนี้จางหายไปหมดแล้ว จากใจที่หดลีบอยู่กลายเป็นพองโตขึ้นมาทันที









ผมเลือกที่จะยอมทำตามหัวใจตัวเอง ผมไม่รู้ว่าถ้ามันหายไปจริงๆ ไม่ใช่แค่การหลบหน้าผมแบบที่ผ่านมา ผมจะเป็นอย่างไร แค่ที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมเสียความเป็นตัวของตัวเอง ความรู้สึกเหมือนเหมือนรอบตัว ความสดใส ความสุขที่มีอยู่ แม้แค่เพียงเล็กน้อยก็ตามค่อยลดลงไป ถ้าหากผมปล่อยมันไปจริงๆ ผมไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนดึงความรู้สึกแบบเดินของผมกลับมาได้







มันคลายอ้อมกอดจากผมเปลี่ยนเป็นจับมือทั้งสองข้างผมเอาไว้แทน







“กูขอบคุณมึงมากที่ยอมเชื่อใจกู”







มือมันที่กุมมือผมอยู่ ค่อยเลื่อนขึ้นมาประคองหน้าผมไว้ ใบหน้าของมันที่กำลังก้มลงมาชิดกับใบหน้าของผม มันค่อยเลื่อนหน้าเข้ามาประกบริมฝีปากนุ่มเข้ากับผม มันไม่ใช่การจูบที่ดูดดื่มหรือรุนแรง เป็นการจูบที่นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ก็ทำให้หัวใจเต้นรัวได้เป็นอย่างดี จนไม่อยากจะละออกจากมัน







“ว้าย!!! ขอโทษค่ะ”







เสียงพยาบาลสาวที่กำลังเดินผ่านมา จนผมต้องถอยตัวออกจากมัน มันเพียงหันไปยิ้มให้กับเขา ที่เดินผ่านหน้าไปอย่างอายๆ







“อึก”







ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยห้ามมันก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง ผมไม่ได้ห้ามหรือขัดขืนมันแต่อย่างไร เพราะยอมรับเลยว่าชอบความรู้สึกที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้มากเหมือนกัน













“ป้อนหน่อย นะๆ”







“แขนมึงหักแค่ข้างเดียว” ผมเสตาไปมองที่แขนข้างที่ยังดีของมัน แดกเองไม่ได้รึไงแค่แขนหักไม่ได้เป็นง่อย







“ก็อยากให้...แฟนป้อน”







“ใครแฟนมึง แล้วกูไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่ตอนไหน”







“…”







“กูขอเวลาอีกหน่อย แค่เรื่องวันนี้กว่ากูจะกล้ามาหามึง กูก็เหนื่อยแล้ว” ต้องเอาใจมันสักหน่อยครับ แม่งอยู่ดีๆ ก็บิลล์อารมณ์เข้าโหมดดราม่าอีก สงสัยไบโพล่าแม่งกำเริบอีก นั้นไงยังไม่ทันขาดคำมันยิ้มอีกละ แถมยังอ้าปากอ้อนให้ผมป้อนข้าวมันอีก







“อร่อยที่ซู้ดดดดด”





“อร่อยห่าอะไรข้าวโรงพยาบาลแม่งจืดชิบหาย” ทุกคนคงรู้นะครับว่าอาหารคนไข้ของโรงพยาบาลขึ้นชื่อเรื่องความจืดชืดที่สุด ผมนี่แทบจะเรียกหาพริกน้ำปลากับข้าวกะเพราของผมทันที





“อร่อยเพราะมีคนป้อนให้ไง” นี่กูคิดถูกไหมเนี่ย ไม่คิดว่ามันจะปัญญาอ่อนได้ถึงขนาดนี้











“อยู่เป็นเพื่อนกูนะๆ ๆ ๆ ๆ”



หลังจากที่หมอเข้ามาดูอาการแล้วให้มันกลับมาพักฟื้นเองได้ ผมมาส่งมันที่คอนโด แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ส่งมันแล้วผมจะได้กลับออกมา มันนั่งอ้อนดึงแขนผมให้อยู่เป็นเพื่อนมัน พอผมทำเหมือนว่าจะลุกกลับมันก็ทำเป็นร้องโอดโอยปวดหัวบ้างละ เจ็บแขนบ้างละ ถ้าไม่ติดว่ามีผ้าพันแผลอยู่ผมจะเบิ้ดหัวมันสักป๊าบหนึ่ง









“ขอนอนกอดหน่อยนะ”

ผมยังไม่ทันบอกอนุญาตมันสักคำ มืออุ่นก็สอดเข้ามาที่แผ่นหลังของผม มันอบอุ่นมากครับเป็นกอดที่ทำให้ผมอบอุ่นมากจริงๆ





“มึงรู้ไหมตอนที่มึงบอกว่าคิดเหมือนกันกับกู กูคิดว่ากูหูฝาด มึงรู้ไหมตอนนั้นกูดีใจมาก ต่อจากนี้ไปกูจะดูแลมึงและจะไม่มีวันทำร้ายมึงอีก กูสัญญา”





มันซุกหน้าเข้าที่แผ่นหลังผม กอดผมแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหนีมันไปไหน







‘กูไม่หนีมึงไปไหนหรอก เพราะกูเลือกทำตาม หัวใจ กูแล้ว’











“มึงไปเรียนไหวจริงหรอ”

ผมถามมันที่กำลังยืนแต่งตัวอย่างเก้ๆ กังๆ อยู่หน้ากระจก





“ไหวสิ ก็มีคนคอยดูแลอยู่”





“ใคร ใครจะดูแลมึง เพื่อนมึงก็มี” ผมพูดแล้วเดินหนีออกมาที่ห้องนั่งเล่น จริงแค่อยากแกล้งมันเท่านั้นแหละ รำคาญแม่ง ทำเหมือนเป็นง่อยอย่างนั้นแหละ





“ตัวเองไม่เป็นห่วงเค้าจริงๆ หรอ”





“ตัวเองเชี่ยไร ถอยไป ขนลุกวะ” มันเดินมาเกยคางที่ไหล่ผม ตัวอย่างกับควายทำเป็นอ้อนเหมือนกับเด็กไปได้ ผมเดินหนีออกจากห้องโดยไม่รอมัน





“หายไปทั้งวันทั้งคืน นี่ยังไงวะมึง” นัทเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม





“ใกล้ไปแล้วมึง” ไม่ใช่ใครครับก็ไอ้เดี้ยงที่ยืนอยู่ข้าง ตอนนี้กำลังแยกเขี้ยวใส่นัทมันอยู่







“ไอ้สัส ได้เพื่อนกูไปอยู่ด้วยแค่คืนเดียว ทำมาเป็นเจ้าของ” มึงจะไปแหย่มันทำไมวะนัท ก็รู้อยู่ว่ามันยิ่งไม่เหมือนใคร





“กูหวงของกู” ผมเดินหนีพวกมันที่ยืนเถียงกันอยู่ เอือมมันทั้งสองคนมากครับตอนนี้ คนหนึ่งก็ชอบแหย่อีกคนรู้ว่าเขาแหย่ก็ยังไปเถียงกับเขาอีก เฮ้ออออ







“เจอกันที่ร้านนะมึง” วันนี้แก๊งผมมีนัดกันที่ร้านที่ผมทำงาน ไม่ใช่แค่แก๊งผมเท่านั้นนะครับ ก็ไอ้ตัวภาระที่ยืนยิ้มมองผมอยู่ จะทิ้งก็ไม่ได้แขนเดี้ยงไปข้างหนึ่ง มันคงไม่มีปัญญาขับรถกลับเอง หน้าที่สารถีเลยตกเป็นของผมโดยปริยาย เฮ้อ แล้วไอ้รถแพงนี่มันขับยากจัง จะว่ายากก็ไม่ยากหรอกครับแต่เกร็งนี่สิ ถ้าเกิดผมเผลอขับไปชนเข้า มีหวังได้หาเงินจ่ายค่าซ่อมรถมันไปทั้งชีวิตแน่





“เกร็งอะไรขนาดนั้นวะ กูเห็นมึงเกร็งตั้งแต่เช้า”





“เกร็งสิวะกูเคยขับรถแพงแบบนี้สักที่ไหน ขืนกูขับไปชนอะไรเข้ากุไม่ต้องทำงานชดใช้มึงตลอดชีวิตเลยรึไง” ผมหันไปบ่นกับมัน





“ชนก็ดีมึงจะได้เป็นหนี้กูตลอดชีวิตไง” มันไม่ได้พูดแค่นั้น โน้มตัวมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่





“มึงอย่าพึงทำแบบนี้ได้ไหม ขอเวลากูก่อน”





“เฮ้ย...กูขอโทษที่รุ่มร่าม” ดูมันหน้าเสียไปเลยครับ มันคงกลัวผมโกรธมัน





“กูไม่ได้ว่าอะไร แค่ขอเวลาอีกนิดนะ” ผมหันไปทำหน้าปลอบๆ มัน











“มึงไม่ไปนั่งกับพวกเพื่อนกูละ” ผมเดินมาบอกมันที่นั่งอยู่ตรงเค้าเตอร์ร้าน มองผมเดินไปเดินแล้วยิ้มอยู่คนเดียว





“แล้วนี่ยิ้มไรนักหนา”





“มองแฟนทำงานไง แฟนขยันแบบนี้หาได้ที่ไหนอีก โอ้ย...” ผมยกถาดที่ถืออยู่ ทำเหมือนว่าจะฟาดมัน แต่ไม่รู้มันทำอิท่าไหน คงลืมว่าตัวเองแขนหักยกแขนขึ้นบัง





“มึงเป็นไงบ้าง” ผมวางถาดที่ถืออยู่ลง เดินเข้าไปดูมันทันที





“เจ็บๆ มากๆ เลย เป่าให้หน่อยนะๆ ๆ ๆ ๆ” ก่อนหน้านี้ผมน่าจะเอาถาดฟาดมันจริงๆ ไปเลย ถ้ามันจะมาอ้อน กวนตีนแบบนี้





“เจ็บจริงๆ นะ” มันทำหน้าอ้อนแบบสุดเหนื่อยกับความปัญญาอ่อนขอมันจริงๆ





“ฟู…” แล้วทำไมผมต้องเล่นกับมันด้วยเนี่ย สงสัยคงว่าความปัญญาอ่อนมันคงเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งนะครับ





“น้อยๆ หน่อยพวกมึง ก่อนหน้านี้กูเห็นจะเป็นจะตายกัน วันนี้เสือกหวานไม่เกรงใจเพื่อนอย่างพวกกูเล๊ย” เสียงนัทที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้แซวมา ผมไม่มั่นใจว่าอาการหน้าร้อนหูร้อนนี่เรียกว่า เขิน ไหม แต่ถ้าใช่ผมก็คงต้องยอมรับว่าผมกำลังเขินและเขินมากๆ ด้วย













“เงินที่มึงได้จากกูไปวันนั้นมึงเอาไปทำอะไรบอกกูได้ไหมวะ” ผมที่กำลังตั้งใจกับการขับรถอยู่หันไปมองหน้าคนที่ตั้งคำถามมาที่ผม





“วันนั้นแม่กูต้องผ่าตัดด่วน กูไม่รู้จะทำยังไง กูถึงเลือกทำแบบนั้นไง”





“ตอนนั้นกูไม่รู้มาก่อน กูคิดแค่ว่ามึงเห็นแกเงินเท่านั้น กูขอโทษนะ” ผมหันไปพยักหน้าให้มัน จริงผมคงโทษมันไม่ได้หรอกครับ เพราะผมเลือกเองทั้งนั้น และก็ไม่ใช่เรื่องของมันที่จะมารับรู้เรื่องในชีวิตของผมด้วย เพราะตอนนั้นเราก็เป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น





“แล้วที่มึงต้องทำงานหนัก...”





“ถ้ากูไม่ทำกูจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอม ค่ากิน ค่าอยู่ละ ไหนจะต้องส่งให้ทางบ้านกูอีก”





“ให้กูช่วยมึงไหม”





“มันเป็นหน้าที่ที่กูต้องทำอยู่แล้ว ชีวิตกูกับมึงมันแตกต่างกันมาก กูรู้ว่ามึงช่วยกูได้ แต่ถ้ากูคอยให้แต่มึงช่วยวันหนึ่งถ้ากูไม่มีมึงจะเป็นยังไง ตัวกูเองคงไม่เป็นไรแต่ครอบครัวกูหละ” ผมรู้ว่าแค่เศษเงินของครอบครัวมันก็มากกว่าเงินทั้งหมดที่ครอบครัวผมมี แต่ผมคงไม่ขอรับความหวังดีของมันไว้ ถึงตอนนี้จะลำบากหน่อยแต่เชื่อว่าอนาคตผมต้องทำให้ครอบครัวผมสบายได้แน่นอน





“กูเข้าใจมึง แต่ถ้ามีอะไร อย่าลืมว่ามีกูอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆ มึง”










วันนี้มาเร็วหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้อีกนะครับ

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 22-07-2018 19:11:00
เริ่มปรับความเข้าใจกันได้แล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-07-2018 23:45:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-07-2018 02:24:11
โอ้ยยย  เลี่ยนอ่ะภาค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 23-07-2018 02:35:16
อื้อหืออ ฟ้าหลังฝนก็โหมดปัญญาอ่อนก็มา โอ้ยยย เปลี่ยนลุคดีเเท้
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-07-2018 09:44:42
ติดตามมมม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 14 #เอาวะ UP
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 23-07-2018 10:03:43
 :mew1: :pig4:น่ารักจังอ้อนอีกๆภาคย์
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 15 #วุ่นวายยกกำลังสอง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 23-07-2018 19:07:45
ตอนที่ 15





#วุ่นวายยกกำลังสอง





Part

ช้อป






“โทษทีครับพี่”





“เดินดีๆ หน่อยสิน้อง” เดินอยู่ดีๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาชน เจ็บสิครับชนเข้าเต็มอกผมเลย





“ขอโทษครับผมไม่ระวัง พอดีมาที่นี่ครั้งแรกครับ” เด็กคนนั้นยกมือไหว้ขอโทษ จริงน้องเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร ผมเองก็มั่งแต่เดินเหม่อเหมือนกัน แล้วทำไม่เด็กคนนี้หน้าตาคุ้นๆ จัง เหมือนเคยเห็นที่ไหน





“ไม่เป็นไรๆ ทีหลังก็เดินระวังๆ หน่อย” น้องมันพยักหน้าเดินก้มหน้าผ่านผมไป





“เออ...พี่ครับ ผมรบกวนหน่อยได้ไหมครับ” ผมกำลังจะก้าวเดินต่อเสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้น ก็เด็กคนเมื่อกี้นี่แหละครับนึกว่าจะไปแล้ว เดินกลับมาที่ผม





“มีไรรึเปล่า”





“พอดีผมจะไปหอxxxนะครับ” ผมชะงักไปสักพัก ก็หอxxxที่น้องมันถามคือหอพักม่อน เฮ้อ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ไปเจอหน้าม่อนเลย ทำใจยังไม่ได้จริงๆ ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองมีโอกาศแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เลย ดูเหมือนว่าม่อนจะให้ผมได้แค่เพื่อนเท่านั้น ผมเข้าใจที่ม่อนขอไว้นะครับ ว่ายังอยากเป็นเพื่อนกับผมอยู่ ผมเองก็ไม่อยากเสีย ‘เพื่อน’ อย่างม่อน ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ เพียงขอทำใจสักระยะหนึ่งก่อนเท่านั้น





“พี่ พี่ครับ ฟังผมอยู่รึเปล่า” น้องมันคงเห็นผมเหม่อไปมั้งครับ เรียกซะเสียงดังเชียว





“เอ่อ...หอxxxใช่ไหม เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” น้องแสดงสีหน้าดีใจ ส่งยิ้มมาให้ผม รอยยิ้มนี้ทำไมผมคุ้นมันจัง เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มตาม









“ม่อน”





เด็กคนนั้นวิ่งเข้าไปกอดม่อนที่ยืนทำหน้างงอยู่ใต้หอพัก





“ม่อน’ หรอ ผมรู้แล้วครับว่าทำไมถึงรู้สึกว่าทำไมถึงคุ้นกับเด็กคนนี้จัง ทั้งหน้าตารอยยิ้ม ไม่ต่าง ไม่ต่างเลยกับม่อน มีเพียงท่าทางทะเล้นเท่านั้นที่ดูเหมือนจะต่างกัน เพราะม่อนเป็นคนที่ดูมีความเป็นผมใหญ่สูง ผมได้ยินว่าม่อนมีน้องชาย ไม่คิดว่าพี่น้องจะคล้ายกันขนาดนี้







“ช้อป”







ดูเหมือนม่อนจะเห็นผมเข้าแล้ว





“รู้จักกันด้วยหรอ พี่เขาช่วยพากูมาส่ง” น้องมันหันไปอธิบายให้กับม่อนฟัง





ผมหันหลังก้าวเท้าเดินออกมา ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะทำยัง ไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไง ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเขาเร็วขนาดนี้





“ช้อป เดี๋ยวก่อน” เสียงเรียงจากด้านหลัง ผมควรหันไปดีไหม





ไม่ทันแล้วครับตอนนี้ม่อนเดินแซงผมมายืนตรงหน้าเรียบร้อย





“เออ...ขอบคุณนะที่มาส่งน้องเรา”





“มะ...ไม่เป็นไร” ผมตอบไปแค่นั้นแล้วเบี่ยงตัวเดินออกมาทันที ยิ่งเจอยิ่งเจ็บครับ









“เรายังรอวันที่ช้อปพร้อม...พร้อมที่จะกลับมาเป็นเพื่อนของเรานะ” เสียงม่อนดังไล่หลังมา เรากลับไปแน่นอนม่อน เราขอเวลาหน่อยนะ ถึงวันนั้นเราคงคุยกับม่อนแบบ ‘เพื่อนได้จริงๆ’












Part

ม่อน








“ม่อน”

ภาพมิกซ์น้องชายคนเดียวของผมวิ่งเข้ามากอด ทำเอาผมแปลกใจ แต่ไม่แปลกใจเท่ากับคนที่มากับมิกซ์คือ ช้อป มิกซ์อธิบายว่าช้อปเป็นคนช่วยพามันมาที่นี่ ผมรู้ว่าช้อปจำได้ว่ามันคือหอที่ผมพักอยู่ แล้วทำไมช้อปถึงมาที่นี่ ผมแอบคิดเห็นแก่ตัวว่าช้อปคงเริ่มทำใจได้แล้ว แต่ดูเหมือนผมยังคิดผิดเพราะสายตาที่ช้อปมองผมมันดูเศร้า ทำให้รู้ว่าช้อปคงยังลดความรู้สึกและกลับมาเป็นเพื่อนของผมได้ในตอนนี้





“เรายังรอวันที่ช้อปพร้อม...พร้อมที่จะกลับมาเป็นเพื่อนของเรานะ” ผมบอกเขาได้แค่นี้ เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่ผมต้องการ ผมอยากเห็นเขากลับมาเป็นคนเดิม อยากให้เขาเจอคนที่ดีๆ เข้ามาแทนที่คนใจโลเลอย่างผม





“มีไรกันรึเปล่าม่อน” มิกซ์เดินเข้ามาหาผม ผมแค่ยิ้มส่ายหน้าตอบกลับมันไปเท่านั้น





“ถ้าไม่มีไร มากอดอีกที่คิดถึงพี่ชายจะตายอยู่แล้ว” มันไม่รอให้ผมตอบโผเข้ามากอดผมแน่นซะหายใจไม่ออก





ผมกับมิกซ์เราสนิทกันมากครับ อาจเป็นเพราะอายุเราห่างกันแค่ปีเดียว แถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกัน หน้ายังคล้ายกันอีก จะต่างกันก็แค่มันนิสัยขี้เล่นกับความเจ้าชู้ของมันนี่แหละครับ ผมที่โดนสาวๆ ที่ แต่มันกลับเป็นคนที่ทิ้งสาวๆ เป็นว่าเล่น เหนื่อยกับมันจริง กลัวว่าเดี๋ยววันหนึ่งจะโดนเหล่าสาวๆ ของมันรวมตัวรุมทึ้งมันเข้าสักวัน





“ม่อน” อื้อฮือเสียงเรียกจากยมทูตแบบนี้ผมไม่ได้ยินมานานแล้วครับ ไอ้ภาคมันกลับสู่โหมดโหดอีกแล้วครับ ไม่รู้ว่าอะไรไปสะกิดต่อมมัน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ แล้วมันโกรธเรื่องอะไร







“ปล่อยมือมึงเดี๋ยวนี้” มันส่งเสียงขู่ ไม่ใช่ผมครับมันหันไปขู่ไอ้มิกซ์ที่กำลังยืนกอดผมแน่นอยู่





อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่ากูกับมิกซ์เป็น...โอ๊ย คิดว่าหนีโหมดโหดของมันได้แล้ว แต่กลับต้องมาเจอโหมดหึงอีก น่ากลัวกว่าตอนมันโกรธอีกครับผมว่า







“มึงเป็นใครมาบอกให้กูปล่อย” นั้นไง ผมกำลังจะบอกภาคว่ามันเข้าใจผิด แต่ไม่ทันแล้วครับ มิกซ์มันยอมให้ใครมาสั่งมันได้ที่ไหน และที่สำคัญมันยังไม่รู้ด้วยว่าผมกับภาคเป็นอะไรกัน ยังไม่ได้บอกมันครับ ก็มันยังไม่ชัดเจนนี่ครับ แล้วขืนไปบอกมันว่าผมขอบผู้ชายอีก มันจะเกิดอะไรขึ้นละครับที่นี้







“กูเป็นแฟนม่อน” นั้นไงครับมันมาแล้วครับ มิกซ์มันหันหน้าขวับมามองผมทันที







“หมายความว่าไงม่อน” ผมหันไปทำหน้าเจื่อนส่งให้มิกซ์





“เออคือโทษที กูยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับมึง” ตัวลีบมากครับตอนนี้ ทั้งซ้ายทั้งขวา เงามืดปกคลุมไปทั่วหอผมเรียบร้อยแล้วครับ





“นี่มึงชอบผู้ชายหรอ”





“เปล่า แต่...เออ กูรู้สึกกับแค่คนนี้” ผมไม่รู้จะอธิบายกับมันยังไงดี เพราะที่ผ่านมามันก็เห็นผมคบกับผู้หญิงทั้งนั้น





“มึงชอบมันหรอ เอองั้นก็ดี” ก็ดีอะไรของมึงมิกซ์ มันยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มาให้ผม มึงจะทำอะไรของมึง







“ก็แค่แฟน” มันหันไปส่งเสียงเย้ยไอ้ภาค มึงอย่าแหย่มันได้ไหม







“ถ้ากูบอกว่าไม่ได้เป็นแค่แฟนหละ แต่กูเป็น ‘ผัว’ ” ภาคมันยิ้มเหมือนว่าตอนนี้กำลังเป็นผู้ชนะ





“สัส มึงอย่าอยู่เลย” มิกซ์พุ่งตัวเข้าหาไอ้ภาคทันที หมัดข้างหนึ่งลอยเข้าที่หน้ามันเต็มๆ





ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนมันแลกหมัดกันไปคนละเท่าไรแล้ว ผมไม่มีเวลามายืนนับขนาดนั้น พุ่งตัวเข้าไปห้ามมันสองคนอย่างรวดเร็ว





“โอ้ย...” ตัวผมกระเด็นออกมา ไม่รู้ว่าโดนหมัดหรือศอกใครเข้า ล้นลงไปกองที่พื้น







“ม่อน” เสียงมันประสานกัน ต่างคนต่างรีบเข้ามาดูอาการผม







“มึงปล่อยเลยนะ พี่กู กูดูแลเองได้”







“พี่?” ภาคมันคงงงอยู่ครับ มึงไม่ยอมฟังกูเอง ไม่ต้องมาทำหน้าอึ้งแบบนั้น หึงไม่ดูหน้าดูหลัง แต่แม่งเจ็บฉิบหายไม่น่าเข้าไปห้ามพวกมันเลย











“มึงไม่ต้องห่วงกู ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” มิกซ์เดินถือน้ำแข็งมายื่นให้ผม ไม่ดูสภาพตัวเองเลย และก็ไม่ต้องถึงไอ้ภาคครับ มันโดนน้องผมสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในห้อง ตอนนี้ยืนเฝ้าผมอยู่หน้าระเบียง ผมบอกให้มันกลับไปทำแผลก็ไม่ยอมครับ ดูท่ามันก็เจ็บหนักอยู่เหมือนกัน





“แล้วที่มันพูดหมายความว่าไง”





“มันเรื่องของกู มึงไม่ต้องรู้หรอก”





“มันไม่ได้บังคับมึงใช่ไหม” ผมเพิ่งรู้ว่ามิกซ์มันมีสัมผัสพิเศษรึเปล่า แน่นอนผมไม่มีทางเล่าเรื่องนั้นให้มันฟังแน่นอน นี่แค่ภาคมันบอกว่าเป็น เออ...ผัว นั่นแหละครับ ยังใส่กันเละขนาดนี้ ถ้ามันรู้คงมีใครได้ตายจริงๆ แน่













“เป็นไงละมึง หึงไม่ดูตาม้าตาเรือ” ผมยกผ้าที่หอนักแข็งประคบให้มันที่นั่งหง่อยอยู่หน้าห้อง





“ก็มึงไม่บอกก่อนว่านั้นน้องมึง” ผมกดน้ำแข็งที่ถืออยู่ จนมันร้อง ก็มึงฟังกูซะที่ไหนละ







“มันไม่สังเกตบ้างรึไง หน้ากูกับมันคล้ายกันซะขนาดนั้น”







“ใครมันจะไปสังเกต ก็มันแม่งกำลังกอดมึงอยู่” มันส่งเสียงโอดครวญ ผมอดขำหน้ามันตอนนี้ไม่ได้ หน้ามันที่กำลังเหวออยู่







“นี่มึงไปชอบคนแบบนี้ได้ไงวะ โง่ขนาดที่ไม่รู้ว่าเป็นน้องแฟนตัวเอง” มิกซ์มันเดินมากดตามองต่ำที่ไอ้ภาค แปลกครับที่ภาคมันไม่ตอบโต้อะไร สงสัยมันจะยอมรับครับว่ามันหึงจนไม่ฟังอะไรทั้งนั้น







“ลุก เข้าไปในห้องเดี๋ยวทำแผลให้” มันส่งสายตาอ้อนให้ผมช่วยดึงมันให้ลุกขึ้น มันยังมีหน้ามาอ้อนอีกเหนื่อยใจกับมันจริงครับ







ผมนั่งคุยกับมิกซ์ ที่จู่ๆก็โผล่มาที่มหาลัยผมแบบไม่บอกไม่กล่าว แถมยังมีเรื่องกับภาคมันอีก มันบอกว่ามันปิดเทอมเรียบร้อย ผมก็ลืมไปว่าโรงเรียนกับมหาลัยเปิดปิดไม่พร้อมกัน และที่สำคัญมันจบมอหกเรียบร้อยตอนนี้รอผลสอบออก มันสมัครเข้าเรียนที่มหาลัยเดียวกันกับผม และที่สำคัญคณะเดียวกันด้วย มันบอกว่าจะได้ให้ผมช่วยติวตอนสอบด้วย และที่มันมาหาผมตอนปิดเทอมก็เพราะว่ามันอยากมาหางาน จะได้หาเงินช่วยผมด้วย ถึงมันจะเจ้าชู้หรือเกเรไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็มีความคิดที่อยากแบ่งเบาภาระของพ่อแม่และก็ผม แต่ความรู้สึกผมว่ามันต้องมีเรื่องวุ่นๆ เพิ่มขึ้นมาแน่นอน









“มึงเลิกคุยโทรศัพท์ได้แล้ว คุยไรกันนักหนา รำคาญ”





นั้นไงครับยังไม่ทันขาดคำ ปวดหัวแน่ไอ้ม่อนเอ๊ยยย








เขียนเสร็จก็รีบมาลงให้เลย หวังว่าจะชอบกันนะครับ
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 15 #วุ่นวายยกกำลังสอง
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-07-2018 21:04:09
555555 ม่อนเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 15 #วุ่นวายยกกำลังสอง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-07-2018 22:54:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 15 #วุ่นวายยกกำลังสอง
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-07-2018 23:34:14
สมน้ำหน้าอ่ะ หึงไม่ดูเลย 555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 15 #วุ่นวายยกกำลังสอง
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 23-07-2018 23:35:25
น้องมิกซ์คู่กะพี่ช็อปมั้ยลูก พี่เค้าว่างนะ55555 มีตัวป่วนมาขีดละเว้ยภาคเอ้ย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 16 #กลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 25-07-2018 07:46:34
ตอนที่ 16






#กลับมา










“โอ้โหพี่แม่งโคตรเจ๋งเลยวะ”





มิกซ์มันดูตาลุกวาวครับ ที่เห็นภาคมันขับรถสุดหรูของมันมาจอดรับพวกผมที่หน้าหอ เดี๋ยวนะเมื่อวานกูยังเห็นมึงสองคนตีกันจะเป็นจะตาย วันนี้มีเรียกกันว่าพี่ด้วย แต่ไอ้เจ้าของรถมึงไม่ต้องทำมาดขนาดนั้นก็ได้ แล้วผมก็ถูกเนรเทศให้มานั่งเหงาๆ ที่เบาะหลัง เพราะดูมันสองคนจะคุยกันถูกคอ ก็ไอ้เรื่องรถรุ่นนั้นรุ่นนี้ของมันนั่นแหละครับ มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละที่ฟังไม่รู้เรื่อง





เย็นวันนี้ผมก็มาทำงานที่ร้านตามปกติ แน่นอนว่ามีไอ้ภาคตามประกบมานั่งเฝ้าผม และน้องชายสุกกวนของผม ผมกะว่าจะพามันมาสมัครงานที่ร้าน เพราะโทรคุยกับพี่แมนเรียบร้อยแล้วว่าจะพาน้องมาสมัครงาน พี่แกก็ไม่ว่าอะไร แกดีใจเสียอีกเพราะผมส่งรูปไปให้แกดู แกก็รับเข้าทำงานทันที โชคดีของมันที่มีพี่หน้าตาดีแบบผม ฮาๆ ๆ ๆ







“โห หล่อกว่าในรูปอีก หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะเนี่ย ร้านพี่คงมีลูกค้าสาวเพิ่มแน่ๆ” พี่แมนเดินมาจับไหล่มิกซ์ ดูพี่แกจะพอมากทีเดียว เห็นแบบนี้ผมก็โล่งครับ





สรุปแล้วมิกซ์มันได้ทำงานเต็มเวลาครับ ตั้งแต่สี่โมงเช้าถึงสองทุ่มครับ ผมก็ถามมันนะครับว่าไหวไหม เพราะก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้ มันไม่เคยได้ทำงานแบบนี้เพราะปกติก็ช่วยพ่อกับแม่บ้างเล็กน้อย แต่มันเองบอกว่าไหวผมก็โอเคแล้วครับ









“อ่าวพี่”

เสียงมิกซ์มันเรียกใครสักคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน แต่เดี๋ยวนะมันเพิ่งมาที่นี่แล้วมันไปรู้จักใครที่ไหน









‘ช็อป’









มิกซ์เดินตรงเข้าไปหาช้อปที่เดินเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆ ช้อปชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม ผมได้แต่ส่งยิ้มให้เขาเท่านั้น เฮ้อ เมื่อไรเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิน





“จำผมได้ไหม” เสียงมิกซ์กำลังคุยกับช้อป





“เออจำได้ แล้ว...ทำงานที่นี่หรอ” ช้อปสำรวจยูนิฟอร์มร้านที่อยู่บนตัวมิกซ์





“พอดีพี่ผมพามาสมัครนะ” มันคุยไปยิ้มไปกับช้อป









“งั้นก็ตั้งใจทำงานล่ะ”











“ทำไมพี่เขาเวลาคุยกับกูแล้วต้องหันมองมึงบ่อยๆ เรื่องวันนั้นก็ด้วย” มันเดินกลับมาซักไซ้ผม นั้นไงจิตสัมผัสของมันทำงานอีกแล้วครับ





“มึงอย่าบอกนะว่า...รักสามเส้า” ผมว่ามันควรไปเป็นลูกศิษย์คุณ จาน ยานแล้ว ดีกว่ามาเรียนวิศวะแบบผมนะครับ มึงจะสัมผัสอะไรได้ทุกอย่างขนาดนั้น





“กูเหี้ยเองแหละ ไปให้ความหวังเขา” ไม่โทษใครนอกจากตัวเองครับ





“มึงนี่มันยังไงตอนเรียนมัธยมโดนสาวทิ้ง พอเรียนมหาลัยเสือกมาป๊อปกับผู้ชาย” เออกูก็อยากจะรู้เหมือนกันมิกซ์















“พี่ภาค ผมขอลองขับรถพี่หน่อยได้ไหม”





“ไม่ได้” เป็นผมเองครับที่ห้ามมันเอาไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่ามิกซ์มันขับรถได้ แต่ผมไม่อยากเสี่ยงหรอกครับ กันเอาไว้ดีกว่า มิกซ์มันนี่ทำหน้าหงิกใส่ผมเรียบร้อยครับ





“มึงนี่นะม่อน น้องมันขอแค่นี้เอง วันหลังเดี๋ยวพี่พาไปซิ่งเอง” ตกลงมึงเป็นพี่มันใช่ไหม ตามใจกันขนาดนี้ ก็แล้วแต่มันสองคนครับ ดีกว่าเห็นพวกมันมานั่งเห่าใส่กันเหมือนเมื่อวาน





















“คืนนี้ไปนอนคอนโดกูนะม่อน”





“แล้วทำไมกูต้องไปนอนคอนโดมึงด้วยห้องกูก็มี” ผมบอกปฏิเสธมันไป เพราะเห็นสายตาเจ้าเล่ห์มันแล้ว ดูไม่น่าไว้ใจสักเท่าไร เอาเป็นว่าผมอยู่ห่างๆ มันไว้ดีกว่าครับ





“มึงไปนอนกับพี่ภาคนั่นแหละ เตียงมึงเล็กนิดเดียว กูจะได้นอนสบายๆ ขึ้นหน่อย” ผมส่งสายตาค้อนมันทั้งสองคนที่ยืนยิ้มกันอย่างทีลับลมคมใน นี่มึงสองคนแอบไปตงลงอะไรกันโดยที่กูไม่รู้ใช่ไหม แล้วมิกซ์มึงเป็นน้องกูจริงๆ ใช่ไหม ไม่เป็นห่วงพี่ชายอย่างกูบ้างหรอ มึงมองไม่เห็นเสือในตัวมันจริงๆ หรอวะ รู้อย่างนี้กูปล่อยให้ซัดกันเละดีกว่าไม่น่าเข้าไปห้าม ถ้ารู้ว่าพวกมึงจะรวมหัวกันแบบนี้





“เออไปกับกูเถอะน่า น้องมันจะได้นอนสบายๆ” ภาคมันเดินมาจูงแขนผมให้เดินไปขึ้นรถกับมัน





“มีความสุขอะไรขนาดนั้นวะ” ตลอดทางมันแหกปากร้องเพลงมาตลอดไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหมมาถึงดีดได้ขนาดนี้





“ก็วันนี้ได้นอนกับมึงไง จะกด เอ้ย!!! จะกอดให้หายคิดถึงเลย” ผมแทบจะเปิดประตูรถกระโดดลงซะตอนนั้นเลย ดีที่มันยังหันมาห้ามผมไว้ทัน ผมไม่รู้ว่ามันพูดเล่นหรือพูดจริงอย่างน้อยก็ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า





“ปะ ขึ้นห้องกัน” มันเดินยิ้มมาจับมือผมเดินขึ้นห้องของมัน





“มึงจะอาบก่อนหรือจะให้กูอาบก่อน”





“มึงอาบก่อนเลย” เดี๋ยวกูดูทีวีรอ มันเดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป









สักพักหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด แน่นอนมันอาบน้ำเสร็จแล้ว มันเดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว ตัวมันที่ตอนนี้เต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะตามตัว กล้ามแขนรวมถึงซิกแพกที่สวยจนน่าอิจฉานั้น ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นแล้วล่ะครับ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่มีเวลาได้สนใจมันเท่าไร เพราะคิดเพียงว่าแค่ตอนนั้นแค่ครั้งเดียว ไม่คิดว่าจะได้มานั่งมองมัน ในรูปแบบความสัมพันธ์ที่แตกต่างจากตอนนั้น





“มึงจะจ้องกูอีกนานไหม นี่ผ้าเช็ดตัว หรือว่ามึงจะเอาผืนนี้” มันทำท่าว่าจะดึงผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวมันออก ผมไม่รอให้มันทำแบบนั้นหรอกครับ พุ่งตัวไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนในมือของมัน วิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว





นี่ผมกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมถึงไปนั่งจ้องมันขนาดนั้น โอ๊ย น่าอายชะมัด













“มึงเป็นไรรึเปล่าม่อน”





ผมนั่งอยู่ในห้องน้ำอยู่นานไม่กล้าออกไป จนมันคงเห็นผิดสังเกตว่าทำไมผมถึงเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ มันเลยเดินมาเคาะประตูหลายครั้ง





“เออ ไม่มีไรกูกำลังจะออกไปแล้ว” ผมค่อยยื่นมือไปเปิดประตู มันที่ยืนขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยอยู่ที่หน้าประตู





“เสร็จแล้วก็ถึงเวลาละ” มันลากแขนผมเดินเข้าไปในห้องนอน ถึงเวลาอะไรของมึงวะ ไหนมึงบอกว่าให้มานอนด้วยเฉยแล้วมึงพูดแบบนี้หมายความว่าไง





มันโอบผมให้หันหน้าเข้ากัน ผมรับรู้ถึงเสียงหายใจและลมหายใจอุ่นของมัน ผมไม่มั่นใจว่ามันกำลังจะทำอะไร ตอนนี้ผมได้แค่นอนหลับตาตัวสั่นในอ้อมแขนมัน ผมรู้สึกว่ามือข้างหนึ่งของมันค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ





‘ฟึบ’





ผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้าตอนนี้คลุมร่างกายตั้งแต่ส่วนของหน้าอกลงมาเรียบร้อยแล้ว





‘นิ่ง’





นิ่งครับ มันไม่ได้ขยับตัวอะไรอีก ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองหน้ามัน ที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่







“ตัวสั่นแบบนี้ มึงคิดว่ากูจะทำไรมึง กูไม่ทำไรหรอก ก็บอกว่าแค่นอนก็แค่นอนกอด” ผมมองหน้ามันแล้วถอนหายใจ เกือบไปแล้วไหมไอ้ม่อน





“ถอนหายใจแบบนี้หรือว่ามึงอยากจะ...” มันค่อยเลื่อนมือลงมาที่สะโพกของผม ทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว มันไม่ได้ทำอะไรต่อหรอกครับแค่หัวเราะและยิ้มให้ผมเท่านั้น









“กูจะรอวันที่มึงลืมเรื่องวันนั้น และเต็มใจให้กูเท่านั้น” มันก้มหน้ามาจูบที่หน้าผาก มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาขยี้ที่หัวผม









ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไง ได้แต่ซุกหน้าเข้ากับหน้าอกของมัน เฮ้อ ผมนี่ก็ชอบคิดไปไกล ดูมันกูจะแคร์ผมมาก มันคงไม่ทำอะไรผมหรอก ทำแบบนี้กับคนอื่นก็เป็นด้วยนะมึง ผมได้แต่ยิ้มแล้วซุกเข้ากับอกมันต่อ









“แต่ถ้ามึงยังทำตัวน่ารักแบบนี้ กูอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ” ไอ้สัสกูเพิ่งชมมึงไปเมื่อกี้นี้เองนะ ผมเตรียมจะถอยหลังหนีมัน แต่ไม่เร็วเท่ากับที่มันดึงผมเข้าไปกอด







ผมว่าสิ่งที่ผมเห็นมันกับสิ่งที่คนอื่นเห็นมันคงไม่เหมือนกัน เพราะใครจะคิดละว่าคนอย่างมันที่วันแค่ยืนนิ่งทำหน้าหล่อ เก๊กให้สาวๆ ในมหาลัยกริ๊ดไปวันๆ และอาการหื่นที่ทุกคนเห็น โดยเฉพาะเวลาอยู่กับผมเนี่ย จะมีมุมขี้อ้อนเหมือนเด็กๆ แบบนี้ ถึงจะดูไม่ค่อยเข้ากับมันสักเท่าไร ผมรู้สึกว่าความรู้สึกชอบมันตอนนี้กลายเป็น ‘ความรัก’ ที่ดูเหมือนว่ามันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน













“ม่อนวันนี้ไปดูดนตรีด้วยกันนะ พวกมีนมันชวนไปดูไอ้อาร์ม” วันนี้เป็นวันกิจกรรมนักศึกษาครับ เหล่านักศึกษาจากคณะต่างๆ ก็จะมีการจัดบูธจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อหารายได้เข้าคณะ ส่วนคณะผมเหมือนจะเป็นประเพณีไปแล้วครับคือทุกปีจะมีวงดนตรีของนักศึกษาในคณะนั่นแหละ แต่จะแยกกันตามชั้นปี สับเปลี่ยนกันขึ้นแสดงเพื่อเรียกเงินบริจาคจากคนดู ส่วนพวกผมไม่ได้ทำอะไรครับ นอกจากไออาร์มที่เป็นมือกีตาร์ตัวแทนปีหนึ่งที่จะแสดง พวกเราเลยถือโอกาสไปเชียร์มันด้วย





“กูไปด้วยนะม่อนไม่อยากอยู่ห้องเบื่อๆ” เสียงมิกซ์มันขอไปด้วย ถึงมันไม่ขอผมก็ต้องพามันไปด้วยอยู่ดี อยากพามันไปเปิดหูเปิดตาด้วย จะได้คุ้นเวลามาเรียนที่นี่





“เอ่อ...แต่วันนี้กูอาจจะไปกับมึงไม่ได้นะ” ภาคมันดูแปลกครับวันนี้ ดูลนลานแปลก เมื่อเช้านี้หลังจากมาส่งผมก็หายไปเลย ไม่รู้ว่าไปไหนถามมันก็ไม่ยอมบอก





“เออๆ”





“โทษทีนะ” มันส่งสายตาเศร้ามาให้ผม สงสัยมันคงมีธุระสำคัญจริงๆ ละมั้งครับ ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้มันสักเท่าไร มันก็มีชีวิตของมัน มันคงไม่มาตามติดผมตลอดหรอก















งานวันนี้คนเยอะมากครับวันนี้กว่าจะเบียดตัวเองเข้ามาตรงลานหน้าเวทีก็เล่นเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียวครับ เดินเข้ามาพอดีกับไอ้อาร์มที่กำลังยืนเทสกีตาร์มันอยู่บนเวที มันคงจะเห็นพวกผมแล้วละครับก็โบกมือให้พวกผมซะขนาดนั้น





ดนตรีวันนี้วันนี้สนุกมากครับ ต่างคนคนต่างไม่รู้จักกันแต่ก็มาร่วมเต้นด้วยกันได้ ผมไม่เท่าไรครับ แต่สองสาวในกลุ่มนี้เต้นจนลืมคำว่ากุลสตรีไปเลย ว่าแต่มิกซ์มันหายไปไหนแล้ว ไม่ใช่ว่ามันหลงหรอกนะครับ แต่ก็ปล่อยมันไปเถอะครับ มันก็โตแล้วน่าจะดูแลตัวเองได้ แต่ถ้ามันหลงจริงมันก็น่าจะนำทางกลับหอได้





“ม่อน@#$%@^@$” ผมเดินถือโทรศัพท์ออกมาจากลานดนตรี ตั้งแต่เที่ยงที่มันบอกผมว่ามีธุระ จนถึงตอนนี้มันเพิ่งโทรมา สงสัยคนเยอะเลยหาผมไม่เจอ





“ออกมาเจอกูหน่อยได้ไหมกูรออยู่ที่ทางเข้างานนะ” เสียงพูดมันดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ









ผมเดินเบียดเสียดกับเหล่านักศึกษาออกมาที่ทางเข้างาน กะว่าจะโทรหามันเพราะมองหามันไม่เจอ นั้นรถมันนี่หน่าผมจำรถมันได้ครับ ผมวางโทรศัพท์ลงกะจะเดินไปหามันแทน เปลืองเงินค่าโทรศัพท์ครับ











ผมยืนชะงักตัวแข็งทื่อเมื่อชะโงกหน้ามองลอดกระจกเข้าไป













‘นี่สินะเหตผลที่มึงหายไปทั้งวัน’













ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือภาคมันกำลังจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 16 #กลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 25-07-2018 09:36:26
 :katai1:อืออือ :mew6:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 16 #กลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-07-2018 11:22:55
อะไรอีกละเนี่ยยยยภาคคค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 16 #กลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-07-2018 12:08:32
เชี่ย!!!!!
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 16 #กลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-07-2018 16:18:06
มีอะไรแปลกๆ ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 17 #สถานะ
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 26-07-2018 07:18:54
ตอนที่ 17



#สถานะ





ร่างกายผมสั่งให้สองข้างก้าวเดินออกมาจากตรงนั้น ทั้งที่เหมือนว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ผมมีมันหายไป นี่หรอธุระที่มันหายไปทั้งวัน นี่หรอที่เป็นเหตุผลที่มันเรียกผมออกมาเจอข้างนอก ที่ผ่านมันหลอกผมมาตลอดเลยหรอ







น้ำตาผมเอ่อไหล่ลงอาบสองแก้ม ทำไม ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับ ทั้งๆ ที่มันขอให้เชื่อใจมัน จนตอนนี้เกือบทั้งหมดของหัวใจผมมีแต่มัน มันต้องการเห็นผมเจ็บ เห็นผมเป็นคนโง่ที่โดนมันหลอกปั่นหัวไปวันเท่านั้น







ผมคงเป็นคนไม่มีโชคเรื่องความรักเลยนะครับ ผมเจ็บเพราะความรักมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ดูไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา คงเป็นเพราะความโง่ของผมเอง โง่ที่จะเชื่อใจคนที่เคยทำร้ายผมมาตลอด





‘ภาค’





มันโทรหาผมหลายครั้ง ผมเพียงปล่อยมันดังจนหยุดไปเอง มันจะโทรมาหลอกอะไรผมอีก ผมคงไม่เชื่อมันอีกแล้ว ผมได้เห็นกับตาตัวเองขนานนั้นแล้ว ผมคงไม่ปล่อยให้ตัวเองโง่อีกรอบแน่









“ม่อนมึงเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”

ผมไม่ทันสังเกตว่ารถของมันจอดอยู่หน้าหอ มันวิ่งเข้ามารวบตัวกอดผมทันที





“มึงเป็นอะไร” มันกอดผมแน่น พร่ำถามผมอยู่ซ้ำๆ ผมยอมรับความสามารถมันมากเลยครับ สกิลการโกหกของมัน ตั้งแต่วันนั้นที่มันเข้ามาบอกว่าชอบผม จนตอนนี้มันก็ยังคงโกหกได้เนียน เนียนมากจนผมเกือบจะหลงเชื่อมันอีกครั้ง ถ้าภาพที่มันกำลังจูบกับผู้หญิงคนนั้นไม่ผุดขึ้นมาเตือนสติผมไว้ก่อน





ผมพยายามดันตัวเองออกจากมัน จนแขนทั้งสองข้างมันหลุดออก ผมใช้โอกาศนั้นเบี่ยงตัววิ่งหนีมันขึ้นหอพักทันที แน่นอนครับว่ามันตามผมขึ้นมาไม่ได้แน่นอนเพราะที่หอผมห้ามคนนอกเข้า นอกจากจะมีคนในหอพาขึ้นมาเท่านั้น





ผมพยายามที่จะไม่นึกถึงถึงมัน ซุกหน้าเข้ากับหมอน ผมไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงร้องไห้ของผม ถ้าเขารู้ว่าผมร้องไห้เพราะเรื่องนี้คงสมน้ำหน้าผมที่ปล่อยให้ตัวเองโดนหลอกง่ายขนาดนี้





ผมพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาระหว่างผมกับมัน ถึงอย่างนั้นแล้วยิ่งผมบอกว่าไม่นึกถึงเท่าไรภาพของมันยิ่งลอยเข้ามาในหัว ภาพที่มันยิ้มให้ผม ภาพเวลาที่มันทำตัวเหมือนเด็กตอนกำลังอ้อนผม อ้อมกอดที่ผมคิดว่ามันอบอุ่นมากตอนนั้น มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกหนาว หนาวจนตัวสั่นไปหมด









“ม่อนมึงเป็นไรรึเปล่า ภาคมันโทรตามให้กูมาดูมึง” เสียงนัทดังอยู่หน้าประตูห้อง ถึงตอนนี้ผมอยากจะบอกมันว่าอยากอยู่คนเดียวสักเท่าไร คงดูเห็นแก่ตัวไปเพราะนี้ก็เป็นห้องของมันเหมือนกัน



ผมเช็ดน้ำตาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ไม่ใช่แค่นัทครับที่อยู่หน้าห้อง ยังมีมิกซ์ รวมถึงแก๊งเพื่อนผมครบทุกคน





“ใครทำอะไรมึงม่อน” มิกซ์เดินเข้ามากอดผมทันที มันคงเห็นสีหน้ากับอาการตาบวมแดงจากการร้องไห้





ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลลงอีกครั้ง ภาพที่มันจูบกับผู้หญิงยังลอยเข้ามาในหัวผมตลอด





“มึงใจเย็นๆ เล่าให้กูฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”





“มันหลอกกู ที่ผ่านมามันหลอกกูมาตลอด” ผมพยายามข่มใจตัวเอง เล่าเรื่องที่ผมเห็นให้พวกมันฟังทั้งน้ำตา





“มันทำแบบนั้นกับมึงได้ไง กูจะไปจัดการมัน” มิกซ์ปล่อยมือจากผม ลุกเดินออกไปนอกห้อง มันคงลงไปหาภาคแน่ๆ ตอนนี้ผมหมดแรงที่จะห้ามมันจริงๆ ครับ









“มึงเข้าเข้าใจอะไรผิดกันรึเปล่า”

ทุกหันมองไปที่ไอ้อาร์มที่ยืนขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรอยู่





“วันนี้ที่มึงบอกว่ามันหายไปทั้งวันอะ มันอยู่กับกู มันมาขอให้กูเล่นกีตาร์ให้มึงอะ มันดูตื่นเต้นยังไงไม่รู้ร้องผิดร้องถูก กูนี้เจ็บนิ้วไปหมด เกือบขึ้นเวทีไม่ทัน กูคิดว่ามันจะเซอร์ไพร์มึง ไม่คิดว่ามัน...จะเซอร์ไพร์แบบนี้” อาร์มเล่าเรื่องวันนี้ให้ฟัง





“ม่อนมึงใจเย็นๆ แล้วลองฟังเหตุผลของมันดูก่อนไหม” เฟิร์นหันมาแนะนำ ผมควรจะทำตามที่เฟิร์นแนะนำให้ ใจหนึ่งผมไม่อยากกลับไปให้มันโกหกผมอีกแล้ว อีกใจหนึ่งกูอยากรู้จากปากมันว่าทำแบบนี้ทำไม





“จะเอายังไงก็รีบคิด ถ้าไม่รีบภาคได้ตายจริงแน่” มีนวิ่งหน้าตั้งเขามาหลังจากที่เดินตามมิกซ์ออกไป





ผมชะโงกหน้าออกออกไปมองที่ระเบียง ‘ภาค’ ตอนนี้มันกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้เท้าของมิกซ์เรียบร้อย





ผมไม่รู้ว่าทำไม่ขาทั้งสองข้างผมขยับก้าวเร็วแบบนี้ ผมไม่ควรเป็นห่วงมันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมผมถึงควบคุมตัวเองให้วิ่งไปหามันไม่ได้





“มิกซ์พอ พอได้แล้ว” ผมวิ่งเข้าไปลากตัวมันออกมา เกือบจะสู้แรงมันไม่ไหว ยังดีที่มีนัทกับอาร์มช่วยล็อกตัวมันไว้





“กูขอคุยกับมันแค่สองคนนะ” นัทกับอาร์มพยักหน้ารับ ก่อนลากตัวมิกซ์ออกไป





“มึงมีไรจะพูดไหม” ผมถามโดยที่ไม่มองหน้ามัน ขืนมองผมคงทนไม่ได้ที่เห็นมันเจ็บแบบนั้น นี่ผมยังเป็นห่วงมันอีกหรอ





“มึงกำลังเข้าใจกูผิด กูกับ...มิ้น เราเคยเป็นแฟนกัน ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนทิ้งกูไป จู่ๆ วันนี้เขาก็กลับมาขอคืนดีกับกู” มันลุกขึ้นยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลตรงมุมปากมัน





“มึงก็ยังรักเขาสินะถึงได้จูบกันขนาดนั้น”





“เขาจูบกู กูไม่ได้จูบเขาเลย กูยอมรับว่าตอนนั้นกูรักเขามาก แต่ตอนนี้กูมีแค่มึง มึงคนเดียวเท่านั้น” มันเดินเข้ามากุมมือผมไว้





“แล้วเรื่องที่กูหายไปวันนี้ กูก็เตรียมจะเซอร์ไพร์ขอมึงเป็นแฟน กูไม่คิดว่าเขาจะกลับมา ถึงเขากลับมากูก็ไม่มีวันกลับไปหาเขา”





“แล้วกูจะมั่นใจกับสิ่งที่มึงพูดได้แค่ไหน”





“กูยอมให้มิกซ์มันซ้อมกูเพราะแค่คิดว่ามึงจะเป็นห่วงกู ออกมาหากู ออกมาคุยกับกู กูยอมเจ็บถ้าจะทำให้มึงยอมฟังความจริงจากปากกู”





จะมีสักกี่คนที่ยอมทนมือทนเท้าให้คนอื่นซ้อมอยู่แบบนั้น ยิ่งกับภาคแล้ว มันไม่มีทางเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแน่ นี่ผมทำให้มันต้องเจ็บตัวขนาดนี่เพราะแค่ความเข้าใจผิด ผมกลายเป็นคนขี้หึงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร









ผมเดินเข้าไปลูบหน้าของมันด้วยมือทั้งสองข้าง





“ขอโทษ กูขอโทษ” ผมโถมเข้าไปกอดมัน น้ำตาผมกลับมาไหลอาบแก้มอีกครั้ง





“กูผิดเองที่ไม่เคลียตัวเอง จนมึงเข้าใจผิด”





“กูขอโทษๆ” ผมพร่ำบอกมันอยู่อย่างนั้น อย่างน้อยก็ทำให้มันรู้ว่าผมเป็นห่วงมันมาก





“มึงไม่ต้องขอโทษกูหรอก มึงหยิบมือถือขึ้นมาดูสิ”





ผมหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับแจ้งเตือนจากแอพเฟสบุ้ค





ภาค ภาค ได้แท็กคุณในวิดีโอ’





ผมกดเข้าไปดูการแจ้งเตือนตามที่มันบอก ภาพของมันนั่งคู่กับไอ้อาร์ม ที่กำลังถือกีตาร์อยู่ในมือ





เสียงอินโทรเพลงดังขึ้นหลังจากผมกดปุ่มสามเหลี่ยมตรงกลาง






แม้วันคืนจะเปลี่ยนเวียนหมุนไป

ยังคงคิดถึงเธออยู่

ไม่รู้เพราะเหตุใด

รักในวันวาน

ที่ผ่านเลยล่วงไป

แต่มองไปรอบกาย

ฉันอยากมีเธอ





อยากจะขอแก้ไขเรื่องราวของเรา

กับสิ่งที่ฉันพลาดพลั้ง

ที่ทำให้เธอต้องร้องไห้เสียใจ

จะได้ไหมเธอ





โปรดอย่าปล่อยมือฉัน

อย่าจากไปไหนเลย

แค่อยากให้เธอรู้

ฉันยังรักเธอเหมือนเคย

เสียงร้องของหัวใจ

ร่ำร้องหาแต่เธอ

อยากมีเธอเคียงข้างฉัน

เหมือนเดิม





แม้เนิ่นนานไม่เคยเปลี่ยน

หัวใจ

แค่ได้ขอมีเธออยู่

ไม่เคยขอสิ่งใด

นึกถึงวันวาน

ที่มีเธอข้างกาย

จะไม่ไปรักใคร

รอแค่เพียงเธอ





อยากจะขอแก้ไขเรื่องราวของเรา

กับสิ่งที่ฉันพลาดพลั้ง

ที่ทำให้เธอต้องร้องไห้เสียใจ

จะได้ไหมเธอ





โปรดอย่าปล่อยมือฉัน

อย่าจากไปไหนเลย

แค่อยากให้เธอรู้

ฉันยังรักเธอเหมือนเคย…

ขอให้เธออภัยทุกสิ่ง

อยากให้เธอได้เห็นใจ

เธอเป็นเหมือนคำตอบสุดท้ายที่มี

ขอเพียงเธอ





โปรดอย่าปล่อยมือฉัน

อย่าจากไปไหนเลย

แค่อยากให้เธอรู้

ฉันยังรักเธอเหมือนเคย

เสียงร้องของหัวใจ

ร่ำร้องหาแต่เธอ

อยากมีเธอเคียงข้างฉัน

เหมือนเดิม

ตลอดไป
[/i]



คำตอบสุดท้าย - Airborne
[/i]







‘กูรู้ว่าที่ผ่านมากูเคยทำผิดกับมึงไว้ กูรู้ว่ามันหนักเกินให้อภัย แต่ต่อจากนี้กูขอโอกาสให้กูดูแลมึงได้ไหม’









‘เป็นแฟนกูนะ’













“ตื๊ดๆ ๆ ๆ”



เสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้นหลังจากวิดีโอจบลง







ภาค ภาค ได้ระบุว่าคุณสองคนคนคบกันอยู่’





ซ่อน                           เพิ่มบนไทม์ไลน์











ภาคยืนมองหน้ารอคำตอบจากผม





“ตึ๊ดๆ ๆ ๆ”







มันโผเข้ากอดผมทันทีที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากมือถือ











ภาค ภาค กำลังคบอยู่กับ MON KUNG’

















Part

ช้อป














“ยังชอบม่อนมันอยู่หรอ”





ผมกำลังยืนมองดูม่อนที่กำลังโยกตัวตามจังหวะเพลง เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองก็เจอกับน้องชายของม่อนยืนยิ้มอยู่





“ปะ...เปล่า” ผมบอกปฏิเสธไป น้องมันคงรู้แหละครับว่าผมโกหก ก็เสียงผมสั่นขนาดนั้น





“ไม่ชอบก็ไม่ชอบ” บทจะเชื่อก็เชื่อง่ายเลยอะไรของไอ้เด็กคนนี้





“เดี๋ยววันหลังผมสอนวิธีจีบให้พี่เอง รับรองไม่ผิดหวัง” มันยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม





ไอ้เด็กคนนี้มันคงเห็นผมตอนนี้เหมือนแมว แต่มันคงยังไม่เคยเห็นผมตอนเป็นเสือแน่ๆ  หึๆ






หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 17 #สถานะ
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-07-2018 10:29:04
ขอบคุณที่ไม่ยืดดราม่า คู่หลักก็เหมือนจะเริ่มปรับตัวปรับใจกันแล้ว ตอนนี้เห็นแววคู่รองจะ มิกซ์ช็อป หรือ ช็อปมิกซ์ กันนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 17 #สถานะ
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-07-2018 14:33:03
ตามกันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 17 #สถานะ
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-07-2018 15:55:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 17 #สถานะ
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-07-2018 16:42:48
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 17 #สถานะ
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-07-2018 18:02:17
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 26-07-2018 23:17:15
ตอนที่ 18




#อื้อ...อ้า






“เดี๋ยวกูไปนอนเป็นเพื่อน”





“ฮะ...เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ” ตกใจอะไรของมึง สภาพแบบนี้ขืนมึงอยู่คนเดียวได้กลายเป็นศพคาคอนโดแน่





“โอเค งั้นกูนอนนี่”





“ไม่ๆ ๆ นอนกับกูนะ” มันเดินมากอดแขน ดึงผมไว้ เมื่อกี้ยังทำเป็นหูตึง ที่ขู่นิดขู่หน่อยทำหง่อยเลยนะมึง นี้กูคิดถูกไหม ที่ยอมเป็นแฟนมึงเนี่ย





“กูขับเอง” ผมยื่นมืออกไปรับกุญแจรถจากมัน ถ้าปล่อยให้มันขับจากที่มันเจ็บคนเดียว อาจจะกลายเป็นศพและไม่ใช่แค่ศพเดียวเท่านั้นนะครับ อาจมีศพผมเพิ่มขึ้นมาอีกคนเป็นแน่







มันนั่งมองหน้าผมแล้วยิ้มมาตลอดทาง รู้สึกแปลกๆครับ จากที่สถานะของเรายังไม่ชัดเจน





‘แฟน’ สถานะตอนนี้ของเรา ผมพยายามไม่คิดเรื่องสถานะบนเฟสบุ๊ค แต่ตอนนี้กลับมานั่งคิดว่าเราสองคนจะเป็นยังไงกับต่อไป ผมหันกลับไปสบตามองมัน สายตามันที่มองผมไม่ได้เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีความสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ











“โอ๊ย...เบาหน่อยสิคร้าบ คุณแฟน”





“ทีตอนนี้มาร้องว่าเจ็บ”





“เจ็บ แต่ได้มึงมาเป็นแฟน กูถือว่าการลงทุนครั้งนี้คุ้มมาก” ผมกดน้ำหนักมือลงที่แผล ทำเอามันร้องโอดครวญถอยหน้าหนี แล้วนี่ผมเป็นกองทุนรวมตั้งแต่เมื่อไร มันถึงใช่คำว่าลงทุนกับผม มึงนี่นะน่าจะปล่อยให้มิกซ์มันอัดให้เละไปเลย





ผมเดินถือกะละมังพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเดินมาเช็ดตัวให้มัน เหมือนมันจะมีไข้ครับตอนนี้นอนขดตัวอยู่บนเตียง เมื่อกี้ยังกวนตีนผมอยู่เลย ตอนนี้นอนซมเป็นหมาเลย เฮ้อ





“ลุกขึ้นมาเช็ดตัวก่อนเดี๋ยวค่อยนอนต่อ” มันดันตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหลังกับหัวเตียง ผมถอดเสื้อมันที่สภาพยับเยินไม่ต่างจากหน้าของมันตอนนี้





โอ้โห รอยช้ำเต็มตัวมันเลยครับ นี่มิกซ์มันกะเอาให้ถึงตายเลยครับ ผมก็เพิ่งเคยเห็นมันโกรธใครขนาดนี้เป็นครั้งแรก นี้ถ้าไม่ได้ไอ้นัทกับไอ้อาร์มช่วยกันล็อกตัวมันเอาไว้ คงหนักกว่านี้แน่ๆ





ผมค่อยเลื่อนผ้าเช็ดตัวไปตามซอก คอไล่ตามแผงอกแน่นของมัน





‘หมับ’ มันคว้าที่ข้อมือผมจับไว้





“มึงไม่อยากรู้เรื่องของกูกับมิ้นหรอ” ในใจลึกๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่ใช่ตอนนี้ จะให้ผมถ้าคนที่กำลังเจ็บแบบนี้ได้ยังไง ถึงผมจะอยากรู้สักเท่าไรผมก็คงไม่ทำหรอกครับ







“มึงไม่อยากรู้แต่กูจะเล่า”







มันเล่าว่ามันกับมิ้นเคยเป็นเพื่อนกัน มันก็แอบชอบมิ้นอยู่ข้างเดียว จนวันหนึ่งมันกับมิ้นก็คบกัน มันบอกว่ามันรักมิ้นมาก ยอมทำให้มิ้นได้ทุกอย่าง มันวาดฝันถึงอนาคตของมันกับมิ้นไว้แล้ว จนวันหนึ่งมิ้นก็บอกเลิกมัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามีคนใหม่ และที่สำคัญมิ้นพาผู้ชายคนนั้นมาด้วย มันบอกว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มันรู้สึกเฟลกับชีวิตมากที่สุด มันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร มันได้แต่กินเหล้ากับนั่งร้องไห้ไปวันๆ 







“กูต้องขอบคุณเขานะ ที่ทำให้กูได้เจอกับมึง และได้รักมึง”







มันดึงผ้าเช็ดตัวในมือผมออก รวบตัวผมเข้าไปกอด





ผมไม่ชอบเวลาที่ผมกับมันเข้าใจผิดกัน หลบหน้ากัน ทุกครั้งมันจะทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ตามความรู้สึกหน่วงที่หัวใจ ต่างกับตอนที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ยิ้มให้กัน ถึงแม้จะกวนตีนกันบ้างบางเวลา แต่มันก็ทำให้ผมมีความสุขทุกครั้ง ความสุขที่รู้ว่ามีมันอยู่กับผม









‘กูก็รักมึงเหมือนกัน’













‘อะไรมันทิ่มหลังกูวะ’ ผมลืมตาขึ้นมาอย่างงั่วเงีย แขนไอ้ภาคก่ายตัวผมอยู่ แล้วไอ้ที่กำลังทิ่มหลังผมอยู่เนี่ย อย่าบอกนะว่ามันคือ ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นไปยืนที่มุมห้อง





“เป็นอะไรของมึง” ภาคมันลุกขึ้นขยี้ตามองมาที่ผม





“มึงนั่นแหละเป็นเชี่ยไร เจ็บขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาจิ้มหลังกูอีก” มันยกยิ้ม กลั้วหัวเราะ





“ตอนเช้ามันก็โด่ทุกคนไม่ใช่หรอ” มันพูดไปหัวเราะไป





“หรือที่มึงแข็งเพราะมีอารมณ์กับกู” มันชี้มือมาที่เป้ากางเกงผม ฉิบหาย ผมก็ลืมไปปกติทุกเช้าน้องชายผมมันก็จะตั้งตรงเคารพธงชาติทุกวันเหมือนกัน





ผมกุมเป้าวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที ไอ้ม่อนเอ๊ย ว่าแต่เขามึงกูไม่ต่าง มึงก็ด้วยแข็งไม่รู้เวร่ำเวลา ผมก้มลงไปดุน้องชายผู้น่ารักของผม ที่ตอนนี้หดกลับเข้ามาอยู่ในขนาดที่ปกติเรียบร้อยแล้ว





“แกร๊กๆ ...” ผมปิดน้ำจากฝักบัวที่กำลังไหลลงมาตามร่างกายที่เปลือยเปล่า หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน









เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ดังมาจากตรงประตูห้องน้ำ ลูกบิดประตูที่เริ่มสั่น





‘กึก’ เสียงประตูห้องน้ำที่ค่อยแง้มเปิดออก ภาพที่ผมเห็นคือ ไอ้ภาคที่ยืนเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับผม ส่งยิ้มกวนๆ มาให้





“มึงเข้ามาทำไม แล้วเข้ามาได้ไง”





“กูเป็นเจ้าของห้อง มึงลืมไปแล้วหรอ” มันยกพวงกุญแจเล็กๆที่อยู่ในมือให้ผมดู ผมพุ่งตัวไปที่ประตู เตรียมเบี่ยงตัวหลบหวังจะหนีมันออกมาจากห้องน้ำ





แต่ไม่ทันแล้วครับประตูห้องน้ำถูกปิดลงเรียบร้อย พร้อมกับสองมือที่รวบตัวผมไว้ เอาไงดีวะ จะหนียังไงดี





มันดันตัวผมเข้าไปใต้ฝักบัว เปิดน้ำให้ไหลอาบตัวเราทั้งคู่ หัวใจผมเต้นรัวมากเลยครับ มันเซ็กซี่มากเลยครับ เวลาที่ยืนให้น้ำค่อยไหลผ่านตัวมัน ยิ่งตอนที่มันยกมือขึ้นเสยผม ทำเอาผมมองตาค้างไปเลยครับ เดี๋ยวนะผมกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อกี้มึงยังหาทางหนีมันอยู่ สติ ตั้งสติหน่อยไอ้ม่อน









“ยืนมองกูคิดอะไรอยู่” มันจ้องหน้าผม แถมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันอีก





“กูว่าจะเข้ามาอาบน้ำด้วยเฉยๆ แต่ตอนนี้กูว่ากูอยากทำอย่างอื่นแล้ววะ” มันเดินเข้ามาประชิดตัวจนหลังผมดันติดกำแพงห้องน้ำ





“อื้อ...” มันก้มลงมาประกบจูบกับผม ลิ้นอุ่นค่อยๆ สอดเข้ามาฉกแลกน้ำลายจากปากผม หวานมากครับเป็นจูบที่หวานและเร่าร้อนมาก ผมยืนจูบกับมันแบนนี้อยู่นาน





“อย่า...” ผมสะดุ้งตัว เผลอตะโกนใส่หน้ามัน สีหน้ามันดูตกใจมาก มันละทุกส่วนของมันออกจากตัวผม ก้มหน้าไม่มองหน้าผม มันคงกำลังรู้สึกผิด









“มึงมีเจลกับถุงยางไหม”





มันเงยหน้ามามอง ใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหื่นกระหาย ผมคิดถูกไหมเนี่ยที่พูดออกไปแบบนั้น





ร่างของผมถูกอุ้มขึ้นด้วยมือหนาและมัดกล้าม มันพาผมกลับมาที่เตียง ค่อยๆ วางผมให้นอนลงกับเตียงอย่างช้าๆ มันยืนสำรวจร่างกายผมสักพัก ก่อนเดินไปที่โต๊ะบนหัวเตียง ล้วงมือเข้าไปควานหาอะไรสักอย่างอยู่





“เตรียมพร้อมจังนะมึง” มันถือซองถุงยางกับเจลหล่อลื่นยกโชว์ให้ผมดู





“กูก็เตรียมไว้เผื่อเฉยๆ ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้” มันวางของในมือลงบนเตียง ก้มตัวลงมาประกบจูบกับผม มือทั้งสองข้างของมันลูบไล้ไปตามหน้าท้อง หน้าอก และหยุดลงที่หัวนมทั้งสองข้างที่กำลังชูชันรับสัมผัสจากมือของมัน





มันละปากออกจากผม ค่อยๆเลื่อนปากไล่ลงมาตามซอกคอของผม ‘อื้อ’ ผมส่งเสียงครางในลำคอ ผมบอกความรู้สึกนี้ไม่ค่อยถูกครับ รู้แค่ว่าลมร้อนที่ออกมาจากจมูกและปากของมัน ทำให้ส่วนที่ถูกสัมผัสนั้นมันเสียวซ่านมาก









“อื้อ...ภาค” มันตวัดลิ้น ชิมยอดอกทั้งสองข้างของผมสลับกัน ผมไม่รู้ว่ามันชอบอะไรกับนมผมจังเลย นมแบนไม่ได้บึ้มเหมือนกับผู้หญิงที่หน้าผับวันนั้นด้วยซ้ำ แต่ว่าทำไม...อื้อๆ เสียวมากครับ









มันหยุดเล่นกับนมทั้งสองข้างของผม พลิกตัวผมให้ขึ้นมานั่งข้างบน เปลี่ยนให้มันนอนพิงหลังกับหัวเตียง ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง มันไม่ทำต่อแล้วหรอ แต่ผมว่าคงไม่ใช่เพราะน้องชายของมันยังตั้งชันชี้หน้าผมอยู่







มันส่งสายตาเป็นสัญญาณมาให้ผม ผมเข้าใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไร มันมองไปที่น้องชายของมันใช้มือข้างหนึ่งรูดขึ้นรูดลง





มันคงต้องการให้ผมใช้ปากเล่นกับน้องชายมันเป็นแน่ แต่ผมนี่สิทำเป็นซะที่ไหน ครั้งแรกก็แค่ตอนนั้น แถมยังไปโดนฟันตัวเองจนมันร้องจ๊ากขนาดนั้น เอาไงดีครับ





“ค่อยๆทำก็ได้” มึงก็พูดได้สิกูเป็นคนทำ มึงแค่นั่งเฉยๆ อย่าทำมาเป็นรู้ดี





ผมสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด ก้มหน้าลงไปครอบปากกับส่วนปลายของมัน





“ซี๊ด!!! ม่อนแบบนั้นแหละ” ดูมันจะเสียวมากครับ หลับตาพริ้ม แถมมือก็อยู่ไม่เป็นสุขจับที่หัวผมโยกขึ้นโยกลงอีก









“กูไม่ไหวแล้วม่อน” มันพลิกตัวให้ผมลงไปนอนอีกครั้ง มือหนึ่งของมันยื่นไปหยิบเจลหล่อลื่นขึ้นมา มันป้ายเจลลงบนช่องทางของผม ค่อยๆแทรกนิ้วเข้ามาในตัวผม





“อื้อ...” เสียงผมครางเมื่อนิ้วมันค่อยเคลื่อนเข้ามาในร่างกาย





“มึงไหวไหม” มันก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง คงเพื่อลดอาการเจ็บตอนมันดันนิ้วเข้ามา





“อื้อ...” จากหนึ่งนิ้ว ตอนนี้มันเพิ่มเข้ามาเป็นสองนิ้วและสามนิ้ว แน่นมากเลยครับตอนนี้





มันยื่นมือไปหยิบซองถุงยางขึ้นมาฉีก ครอบลงไปบนน้องชายของมัน





“ถ้าไม่ไหวบอกกูเลยนะ”





มันโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากผม ‘อื้อ’ แก่นกายมันค่อยเคลื่อนเข้าไป มันไม่เจ็บมากอย่างคราวที่แล้วครับ









“อ้า…” เสียงมันร้องครางออกมาหลังจากดันน้องมันเข้าไปจนสุด มันคับแน่นแบบบอกไม่ถูก 





“อ้า...ภาค อื้อ” ผมครางไม่เป็นภาษาเลยครับ มันค่อยๆ ขยับสะโพกจากจากช้า ค่อยเพิ่มความเร็ว ความคับแน่นก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นความเสียว ‘อื้อ’ ยิ่งมันเห็นผมร้องมากเท่าไรมันยิ่งขยับสะโพกของมันเร็วขึ้นเท่านั้น





“ภะ...ภาค ช้าหน่อย อื้อๆ”





“ใครบอกให้มึงรัดกูแน่นแบบนี้” มันกดลงมาขบที่ติ่งหูของผม อย่าทำแบบนี้สะวะมัน สะ...เสียว นะโว้ย ผมอยากจะตะโกนบอกมันเหลือเกิน แต่ก็ทำได้เพียงร้องครางตามแรงกระแทกเท่านั้น









“มะ...ม่อนกูไม่ไหวแล้ว” อาการกระตุกบริเวณช่องทางของผม มันล้มตัวลงแนบกับตัวผม พร้อมกับเสียงหอบถี่บริเวณต้นคอ









มันขยับตัวออกจากผม เลื่อนตัวเองลงไปที่ท่อนล่างของผมที่ยังตั้งชันอยู่





“มึงจะทำไร ไม่ต้อง อะ...อ้า” มันก้มลงรูดน้องชายของผมด้วยปาก พร้อมกับส่งสายตามองมาที่ผม





“ภาค ภาค กูไม่ไหวแล้ว อื้อ อ้าาาา” น้ำขาวขุ่นพุ่งออกมาจากร่างกายผมจนเลอะเต็มขอบปากของมัน





“มึง…” ผมกำลังจะเอ่ยห้ามมัน แต่ไม่ทันละครับ มันแลบลิ้นเลียรีบฝีปากตัวเอง ตวัดเอาน้ำรักของผมเข้าปากไปอย่างไม่รังเกียจ





“ทำไม ก็ของแฟนกูทำไมจะกินไม่ได้” มันไม่ปล่อยให้ผมได้เขินอายกับสิ่งที่มันพูด โน้มตัวลงมาแลกจูบกับผมอย่างหนักหน่วง













ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมกลัวทุกครั้ง เพราะภาพในตอนนั้นมักย้อนเข้ามาในหัวผมทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ความกลัวที่มีมันหายไปจนหมด มีเพียงความสุขเข้ามาแทนที่ ผมว่าการได้ใช้ความสุขร่วมกับคนที่เรารักมันสามารถลบความกลัวที่มีออกไปได้













Part

มิกซ์










“มิกซ์มึงจะเดินกลับไปกลับมาอีกนานไหม กูรู้ว่ามึงห่วงม่อน แต่ช่วยใจเย็นหน่อย”





“ผมไม่ได้เป็นห่วงม่อนมันพี่ ผมเป็นห่วงตัวเองมากกว่า เล่นไปกระทืบพี่มันจนเละแบบนั้น พี่ภาคคงจะไม่ฆ่าผมใช่ไหม”





ผมไม่ห่วงม่อนมันแล้วครับ เพราะเรื่องของมันแค่เข้าใจผิด แต่ผมนี่สิ ตายแน่ไอ้มิกซ์เอ้ย ยังหาเมียไปฝากแม่ไม่ได้เลย มึงจะมาตายแบบนี้ไม่ด้ายยยยยยยยย




หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 26-07-2018 23:54:29
อ้าววว น้องห่วงตัวเองเเล้วซะงั้น ว่าเเต่จะคู่กะพี่ช็อปนี่จะยังไงจ๊าาา
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-07-2018 02:53:03
น้องมิกซ์ผู้อ่อนโยน อิอิ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-07-2018 05:30:35
โถ่มิกซ์ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 27-07-2018 12:24:12
 :z1: :impress2:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-07-2018 13:59:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 18 #อื้อ...อ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-07-2018 17:13:54
เละแน่ ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 27-07-2018 20:11:43
ตอนที่ 19



#มาอีกคน





“ไม่นั่งหน้าแล้วหรอวันนี้” ผมหันหน้าไปหัวเราะไอ้มิกซ์ มันคงคิดว่ามันตัวเล็กมั้งครับ เดินมุดหน้าเข้าไปนั่งหลบที่เบาะด้านหลัง ก็เมื่อวานมันเล่นซัดเจ้าของรถซะหมดสภาพขนาดนั้น จะให้มันกล้าสู้หน้าภาคมันยังไง



“มึงยังกล้าขึ้นรถกูอีกหรอ” เสียงเจ้าของรถมันครับ มันกำลังวางมาดโหด ผมรู้ครับว่าจริงๆมันไม่ได้โกรธมิกซ์มันหรอก คงแค่อยากแกล้งเท่านั้น ผมอยากจะช่วยมิกซ์มันนะครับ แต่เห็นหน้ามันหง่อยแบบนี้ก็อยากแกล้งมันเหมือนกัน ฮาๆ ๆ ๆ





“ผมขะ...ขอโทษนะพี่ภาค ใครจะไปรู้หละ ก็ม่อนมันร้องขนาดนั้น” มันตอบเสียงสั่นๆ ครับ ผมนี่แอบหัวเราะในลำคอกลัวมันจับได้ ไงครับผมเป็นพี่ที่ดีไหม





“กูว่ามันต้องมีเอาคืนกันบ้าง”





“ยังไงพี่” ภาคมันกวักมือเรียกให้มิกซ์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ มิกซ์มันหลับตาปี๋เลยครับ สงสัยคงกลัวภาคมันจริงๆ แต่ว่ากูว่ามึงแสดงได้เหมือนจริงเกินไปละ





“ฮาๆ ๆ ๆ นี่มึงคิดว่ากูโกรธมึงจริงหรอ” มันยกแขนล็อกคอไอ้มิกซ์ที่กำลังทำหน้าเอ๋ออยู่ ผมก็พลอยหัวเราะกับท่าทางมันด้วย





“พี่ไม่โกรธ ไม่เอาคืนผมแล้วหรอ” มันทำหน้างงๆ





“โกรธสิ แต่กูเอาคืนเรียบร้อย” ผมกับไอ้มิกซ์หันมองหน้าสลับกันไปมา ผมก็งงเหมือนกันว่าไปเอาคืนมิกซ์มันตอน





“ก็เอาคืนจากพี่มึงไง เอา...ทั้งคืนเลยล่ะ” ไอ้สัส ผมชกเข้าที่แขนมันเต็ม นี่มึงเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมดใช่ไหม 





“เบาๆ กับมันหน่อยนะพี่” มิกซ์ยื่นมือมาตบไหล่ผม เมื่อกี้ยังหดหัวอยู่ในกระดอง มันกลับมาเข้าขากันอีกแล้วครับ ผมเริ่มอยากจะเชียร์ให้มันซัดกันอีกสักครั้ง จะยืนมองแบบไม่เข้าไปห้ามพวกมันเลยครับ









“อะไรของมึง” มันลงจากรถเดินตรงมาแย่งกระเป๋าในมือผมไปถือ





“ถือให้แฟนไง” เมื่อไรผมจะรู้สึกชินกับคำนี้สักที ฟังทีไรรู้สึกว่าหน้ามันจะร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที





ผมหันหลังเดินมุดหน้าหนีมันออกมา





‘หมับ’ มือข้างหนึ่งของมันประสานเข้ากับมือของผม ผมพยายามแกะมือของมันออก แต่มันยอมซะที่ไหนละครับ แถมยิ้มกวนๆ ส่งมาให้ผมอีก





ผมได้แค่เดินก้มหน้าพยายามหลบสายตาของนักศึกษา ที่หันมามองเวลาที่ผมกับมันเดินผ่าน ไม่ชอบเลยครับกับการที่ต้องมาเป็นจุดสนใจแบบนี้ แต่คงมีแต่ผมนี่แหละครับที่เอาแต่เดินหลบแบบอายๆ ก็ไอ้เจ้าของมืออีกข้างกลับเดินยิ้มตัวปลิวไม่สนใจสายตาคนรอบข้างเลย เฮ้อ









“สัส เดินจับมือกันมาขนาดนี้ ไม่เกรงใจคนอื่นก็เกรงใจเพื่อนอย่างพวกกูบ้าง” เสียงไอ้นัทร้องแซวตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงโต๊ะเลยครับ ไอ้สัสแซวซะโต๊ะข้างๆหันมามอง แล้วพากันหันกลับไปซุบซิบกัน





“เกือบไปแล้วนะมึงไอ้ภาค อุตส่าห์จะเซอร์ไพร์เขา โดนเซอร์ไพร์กลับเป็นไงบ้าง” ไอ้อาร์มมันแซวภาคเรื่องเมื่อวาน





“แต่เมื่อวานที่มึงร้องเพลงอะโคตรเท่เลย แต่ติดตรงที่มึง....เป็นนักร้องเสียงเพี้ยน” ไอ้นัททำเสียงเลียนแบบพี่กันต์ ล้อไอ้ภาคมัน ผมหัวเราะกับประโยคที่มันแซว เพลงเมื่อวานที่ภาคมันร้องก็ไม่ได้เพี้ยนเท่าไหร่หรอกครับ ออกจะเพราะเสียอีก ผมนี้แอบโหลดคลิปเก็บไว้เรียบร้อย 





“กว่าจะได้คลิปนั้นกูร้องจนเสียงแหบไปหมด”





“เพราะดีออก”





“โห ไอ้สัสเป็นแฟนกันวันเดียวหลงจนหูเพี้ยนไปเลยหรอมึง” ผมเผลอหลุดปากชนไอ้ภาคไป มันนี้หันมายิ้มหน้าบานให้ผมเลยครับ ไม่น่าเลยไอ้ม่อน เขินก็เขิน อายก็อาย อยากจะมุดหนีลงใต้โต๊ะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย





“เอ่อ อย่าหาว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะภาค แล้วเรื่องมิ้นนี้ยังไง ก่อนหน้านี้ก็เห็นยังควงกับพี่โอ๊ตอยู่เลย แล้วทำไม...”





มีนดึงทุกคนให้เปลี่ยนโหมด ความเผือกของผู้หญิงนี่มันน่ากลัวจริงเลยนะครับ





“เราก็ไม่รู้หรอก อยู่ดีเขาก็กลับมาร้องไห้ บอกว่าอยากคืนดีกับเรา” ถึงมันจะเล่าให้ผมฟังไปแล้วเมื่อวานแต่ก็ยังอยากรู้ว่าเวลาที่มันพูดถึงเขามันจะมีท่าทียังไง





“เราไม่ได้คิดอะไรหรอก ตอนนั้นเรา...คิดถึงแต่ม่อน”





“โห่”





“กูไปซื้อน้ำก่อนนะ” ผมทนนั่งฟังเสียงของเพื่อนกับสายตาอันหวานเยิ้มที่ไอ้ภาคส่งมา เขินสัสๆ ครับ แต่ก็ชอบนะครับตอนที่มันบอกว่า ‘คิดถึง’ แต่ผม





“มึงซื้อน้ำปลามาแดกก็ได้นะ ตอนนี้กูว่ามึงแดกอะไรก็หวานไปหมด” เสียงไอ้นัทแซวไล่หลังมา



“เอาน้ำปลา เอ้ย ชาเขียวแก้วหนึ่งครับ” สติม่อน มีสติหน่อย









“ชอบเพลงที่กูร้องจริงดิ” มันถามผม มือก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมาใส่ด้วย





“ใครบอกว่ากูชอบ ร้องเพี้ยนขนาดนั้น” ผมเชิดหน้าใส่มัน หลบหน้ามันดีกว่าครับเดี๋ยวมันจะจับได้ว่าผมกำลังเขินมันอยู่





“จริงดิ”





“อึก” หน้าของผมกับมันตอนนี้อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เซน จนได้เสียงลมหายใจของเราที่ดังแข่งกันตอนนี้ มันค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ





“ลืมแล้วหรอว่ามีผมอยู่บนรถด้วย”





‘เชี่ย’ ผมสะดุ้งดึงตัวกลับไปที่นั่งของตัวเอง ผมลืมไปเลยว่ามิกซ์มันนั่งอยู่ในรถ มันดันยื่นหน้าเข้ามาตอนที่ผมกับภาคกำลังจะจูบกัน





ภาคมันดูจะเสียอารมณ์เล็กน้อยที่โดนขัด สมน้ำหน้ามันครับอยากหื่นไม่ดูหน้าดูหลังเอง





“แต่จะทำอะไรก็ทำไปผมไม่มองหรอก” มิกซ์มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดตาไว้ ผมอยากจะบอกมันจริงๆเลยครับว่าถ้ามึงจะถ่างนิ้วมองขนาดนั้นมึงไม่ต้องปิดก็ได้





“ฟอด” สิ้นคำไอ้มิกซ์ ภาคก็ยื่นหน้ามาขโมยหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว มีน้อง น้องก็ไม่รัก แถมยังส่งพี่ตัวเองให้เป็นเหยื่อเสืออีก ดีจริงๆ เลยนะมึงมิกซ์











“กะเพราหมูพิเศษไข่ดาวสองจานครับ” ภาคมันไม่รอให้ผมสั่งครับ มันรู้ว่าเมนูประจำผมคืออะไร





“มึงไม่คิดว่ากูอยากกินอย่างอื่นบ้างหรอ” ทำหน้ากวนๆ มันไปครับ ผมแค่อยากลองแกล้งมันดูบ้างเท่านั้น





“แล้วม่อนอยากกินอะไรครับ” โอ้โหดาเมจลูกอ้อนนี้ของมัน ปกติผมกับมันไม่ค่อยได้พูดเพราะกันอยู่แล้ว เจอแบบนี้ผมไปไม่ถูกเหมือนกันครับ





“เออ...กะเพราก็กะเพรา” ผมเบือนหน้าหนีมัน ไม่อยากมองหน้าอ้อนๆ ของมันตอนนี้ เดี๋ยวเผลอยิ้มขึ้นมาจะเสียฟอร์มเอา





“อ้าวพี่ มากินข้าวหรอ มานั่งด้วยกันสิ” มิกซ์ลุกขึ้นยืนเดินไปที่ประตูร้าน ผมหันมองตามหลังไอ้มิกซ์





‘ช้อป’





มิกซ์มันเดินไปคว้าแขนช้อปให้เดินตามมันมา ช้อปได้แต่ทำหน้าตกใจ แต่ก็เดินตามแรงฉุดของมิกซ์ ความรู้สึกประหม่าของผมตอนนี้ แม้กระทั่งมือไม้ก็ไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี





ผมไม่รู้ว่าช้อปทำใจเรื่องของผมได้รึยัง และผมแน่ใจว่าช้อปเห็นสถานะของผมกับช้อปที่โชว์หลาอยู่หน้าเฟสบุ้คของเราทั้งคู่แน่ๆ มันจะยิ่งทำให้ช้อปเจ็บอีกหรือเปล่าที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผม





ผมละอยากโบกหัวไอ้มิกซ์มันสักทีสองที มันช่างไม่เข้าใจสถานการณ์บ้างเลย





เงียบครับ ผมนั่งนิ่ง เงียบไม่กล้าส่งเสียงคุยกับใคร มีเพียงมิกซ์ที่นั่งจอถามช้อปอยู่ ภาคมันคงเห็นอาการตอนนี้ของผม มันเพียงสอดมือเข้ามาจับมือผมไว้ใต้โต๊ะเท่านั้น





“ยินดีด้วยนะม่อน” ผมขมวดคิ้วมองหน้าช้อป เพราะอยู่ดีๆ ก็หันหน้ามาพูดกับผม สิ่งที่ช้อปพูดคงหมายถึงเรื่องที่ผมกับภาคคบกัน แต่ช้อปทำใจได้แล้วหรอ ช้อปทำใจได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม ผมอยากจะเข้าข้างตัวเองแบบนั้นเพราะผมจะได้เพื่อนที่ดีแบบช้อปกลับมา





“กูขอบคุณมึงมากที่ค่อยดูแลม่อน กูรู้ว่ามึงก็รักม่อนไม่ต่างจากกู แต่ต่อจากนี้กูจะเป็นคนดูแลม่อนเอง คนอย่างมึงกูเชื่อว่ามีคนดีรอมึงอยู่อีกเยอะ” ไม่ใช่ผมที่พูด แต่เป็นภาคคนที่นั่งกุมมือผมอยู่ ผมอยากจะหันไปขอบคุณมัน เพราะมันพูดในสิ่งที่ผมอยากพูดแทนผมไปแล้ว





ผมมั่นใจว่าคนดีๆ อย่างช้อปต้องมีคนที่เหมาะสมและพร้อมเข้าใจช้อปอยู่อย่างแน่นอน





“มึงก็ดูแลม่อนดีๆ ถ้าทำม่อนเสียใจมึงเจอกูแน่” เป็นคำขู่ที่ทำให้ผมโล่งและยิ้มออก ถึงจะเป็นคำขู่ แต่ก็เป็นคำขู่ที่ออกมาพร้อมรอยยิ้มของช้อป





“ส่วนเรื่องของพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะช่วยเป็นโค้ชให้เอง รับรองไม่มีทางแห้วอย่างแน่นอน”

มิกซ์มันยกมือขึ้นแตะไหล่ช้อปเบา เพื่อให้ความมั่นใจ แต่เดี๋ยวนะแล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วยวะมิกซ์











“ยิ้มขนาดนี้คงสบายใจขึ้นแล้วนะ” มันยื่นมือมาลูบหัว ผมหันกลับไปยิ้มให้มัน มีความสุขมากเลยครับตอนนี้ได้ทั้งแฟน ได้ทั้งเพื่อนกลับมาด้วย





“มองอะไร” ผมมองค้อนมันไป ตอนนี้มันยืนจ้องผมไม่กะพริบตาเลยครับ





“ไหนละค่าตอบแทน”





“ตอบแทนอะไร”





“กูอุตส่าห์ช่วยพูดแทน มึงอย่ามาทำเป็นลืม” ผมทำเป็นเฉไฉเบือนหน้าหนีมัน





‘หนึ่ง สอง สาม’ ผมนับเลขในใจเตรียมพุ่งตัวหนีกระทิงเปลี่ยว ที่เหมือนตั้งท่าจะขวิดผม ‘ไป’ ผมสาวเท้าพุ่งตัวกะจะวิ่งหนีไปหลบมันที่ห้องนอน





“มึงคิดว่ากูจะไม่รู้ทันมึงหรอ” มันคว้าตัวผมเข้าไปกอด ผมละอยากเอานิ้วจิ้มตามันสักที มึงจะเจ้าเล่ห์อะไรขนาดนั้น





“มาให้กูฟัดซะดีๆ ฟอด” มันไล่กดจมูกซะทั่วหน้าผมเลย ซ้ำไปหมดแล้วครับหน้าผมตอนนี้





“ขอนะวันนี้” สิ้นเสียงมันก็โน้มตัวลงมาจูบปากผม เหมือนตอนนี้มันหิวมาก สอดลิ้นเข้ามาฉกลิ้นผม คว้านลิ้นของมันเองจนทั่วช่องปากผม



“ทำไรกัน”





ผมผลักตัวภาคออกทันที ก็จู่ๆ มีสาวสวยคนหนึ่งยืนจ้องผู้กับไอ้ภาค 



‘แบบนี้หมายความว่าไงวะภาค’
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-07-2018 20:33:08
อะไรอีกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2018 20:46:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-07-2018 00:45:16
โอ้ยยยยยย ให้คบกันแบบราบรื่นไม่ได้เหรอจะมีประเด็นอะไรอี๊กกกก
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2018 01:52:03
ใครอีกเนี่ย!!!!
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-07-2018 09:32:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 19 #มาอีกคน
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-07-2018 14:46:33
ใครอีกหว่า ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 20 #ต้องการเงินเท่าไร
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 28-07-2018 21:35:22
ตอนที่ 20




#ต้องการเงินเท่าไร




“ทำไรกัน”



ผมผลักตัวภาคออกทันที จู่ๆ ก็มีสาวสวยกำลังยืนจ้องผมกับภาค ผมมองหน้าภาคพยายามจะถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ผมว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงทั่วๆไปแน่ และคงสนิทกับมันมาก ถึงขนาดเข้ามาในห้องมันได้





ดูเหมือนว่าภาคมันจะไม่ได้ตกใจที่เห็นผู้หญิงคนนั้น กลับส่งยิ้มให้เธอเสียอีก หมายความว่ายังไงครับ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร





“คนนี้หรอที่ที่บอกว่าคบกัน” เธอหันไปคุยกับภาค มันเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น มึงไม่คิดจะพูดหรือทำอะไรเลยหรอวะ





“ต้องการเงินเท่าไร” เธอหันกลับมาพูดกับผม ‘เงิน’ หรอ เธอหมายความว่ายังไง





“เงินอะไร” ผมถามเธอเพราะไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร





“ก็ค่าจ้างให้เลิกกับภาคไง ต้องการเงินจากเขาไม่ใช่หรอ” เธอช่วยตอบสิ่งที่ผมข้องใจให้เรียบร้อย เธอคงคิดว่าที่ผมคบกับภาคเพราะเรื่องเงิน ผมดูเป็นคนอย่างนั้นหรอครับในสายตาคนอื่น ผมแปลกใจที่ภาคมันไม่ยอมทำอะไรเลย แม้กระทั่งขยับปากพูดมันยังไม่ทำเลย มันกลับปล่อยให้เธอยืนดูถูกผม





“ผมอาจจะดูเป็นคนเห็นแก่เงินในสายตาคุณ ผมแค่จะบอกให้รู้ไว้ว่าผมรักภาคมันจริงๆ" ผมบอกตามความรู้สึกผมไป




"ส่วนมึงถ้าไม่คิดจะปกป้องกู ก็อย่ามายุ่งกับกูอีก” ผมหันหลังเตรียมเดินไปเปิดประตูห้อง ไม่อยากยืนเฉยๆให้คนอื่นดูถูก และยิ่งต่อหน้าคนที่ผมรัก ที่มันไม่แม้แต่จะปกป้องผม กลับยืนมองผมถูกดูถูกเท่านั้น คงพอแค่นี้แหละครับสำหรับผมกับมัน พอกันที









“โอเค คนนี้พริมให้ผ่าน” เสียงเธอดังไล่หลังมา พร้อมกับแรงดูจากด้านหลัง แขนสองข้างรวบตัวผมไว้





“มึงจะไปไหน” มึงยังมีหน้ามาพูดกับกูอีกเหรอ





“มึงปล่อยกู ไม่ต้องมายุ่งกับกู”





“พริมมาขอโทษพี่ม่อนเดี๋ยวนี้ เรานี่ก็เล่นแรงเกินไป”





“พริมขอโทษนะคะพี่ม่อน” ผมหันกลับไปมองหน้าภาคสลับกับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังยกมือไหว้ผมอยู่

















มันหมายความว่ายังไง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่





“พอดีพริมเห็นสเตตัสของพี่ภาค เลยอยากทดสอบอะไรสักหน่อย พริมเป็นคนวางแผนทั้งหมดเอง พริมกลัวว่าจะเป็นเหมือนคนที่แล้วอีก ยิ่งพี่ม่อนเป็น...ผู้ชายด้วย พริมเลยไม่ค่อยมั่นใจ” จริงๆ แล้วผู้หญิงตรงหน้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของภาคมันครับ ตอนนั้นผมก็เอะใจอยู่เหมือนกันว่าทำไม่ภาคมันถึงไม่รู้สึกแปลกใจ





“พี่ก็บอกแล้วไงว่าม่อนไม่ได้เป็นแบบนั้น”





“แล้วใครจะไปรู้ละ ถ้าเป็นเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นอีก พี่ไม่กินเหล้าจนเมาตายเลยเหรอ”





ดูเธอจะเป็นห่วงพี่ชายมาก ตอนนั้นภาคมันคงจะโดนหนักเอาการ ถึงขนาดน้องสาววางแผนเพื่อมาพิสูจน์ผมขนาดนี้





มองกูขนาดนี้ไม่กินกูลงไปเลยละ มันนั่งมองผมแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะยิ้มอะไรนักหนา ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าน้องมันผมจะเขกหัวมันสักที









“เอ่อ...งั้นพริมกลับก่อนนะคะ เหมือนเมื่อกี้พริมจะมาขัดจังหวะ” พริมลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มแบบเขินๆมาให้ผม





“พี่ไปส่ง” ผมอาสาทันทีเพราะขืนผมอยู่ในห้องนี้ต่อ ทุกคนคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผม





มึงขยิบตาทำไม่วะภาค นั้นไงผมว่าแล้วครับ น้องพริมปฏิเสธผมทันที โดยให้เหตุผลว่ามีคนขับรถรออยู่ข้างล่างแล้ว ผมว่าไม่เกี่ยวกับเกี่ยวกับน้องพริมแล้วละครับ มันเกี่ยวกับไอ้คนหื่นตรงหน้าผม ที่วิญญาณกระทิงเปลี่ยวกลับเข้าร่างมันอีกครั้ง



ไม่อย่าเดินหนีพี่แบบนั้นน้องพริม ถึงจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่นาที ผมอยากจะลากเธอกลับมาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้









“กึก” เสียงประตูปิดลงพร้อมกับเสียงเท้าของพริมค่อยเงียบลง













“งั้นเรามาต่อกันเลยดีกว่านะ”





“อื้อ” มันประกบปากกับผมอย่างรวดเร็ว อื้อ ทำไมมันหนักหน่วงกว่าครั้งที่ผ่านมา มันฉกเกี่ยวลิ้นผมเหมือนจะให้ติดกับลิ้นของมันออกมาด้วย





“โอ้ย” มันกัดที่ริมฝีปากผมทีหนึ่ง ก่อนถอนปากออก ผมได้แต่มองค้อนมันไปเท่านั้น





“ใครอยากให้มึงทำตัวน่ากินแบบนี้”





มันดันตัวผมให้ล้มลงนอนที่โซฟา มันคงไม่คิดจะทำอะไรผมตรงนี้จริงๆ ใช่ไหม มันโน้มตัวลงมาตามผม จมูกโด่งของมันเริ่มซุกไซร้บริเวณต้นคอ ผมถึงกับดิ้นพล่าน มือสองข้างประสานกันอยู่ที่ท้ายทอยของมัน





มันไม่ปล่อยให้มือของมันว่าง ค่อยบรรจงปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาผมออกที่ละเม็ด จนเผยให้เห็นเนินอกและหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเล็กน้อย มันไล่เลียจากต้นคอผมลงมาที่หัวนมทั้งสองข้าง





“อื้อ...ภาค” เสียงครางที่ดังออกมาจากลำคอของผม เพียงลิ้นมันสัมผัสที่ยอดอกของผมเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ร่างกายผมสั่นสะท้านมากเลยครับ





“โอ้ย...” มันกัดผมอีกแล้วครับ เปลี่ยนจากริมฝีปากเป็นที่หัวนมผมแทน จะบอกว่าเจ็บก็ใช่ แต่ทำไมผมรู้สึกดีกับที่มันทำแบบนี้กับผม สายตา ลมหายใจหื่นกระหายแบบนั้น มันช่างทำให้หัวใจผมเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ













“ว้าย....” ผมกับภาคหันหน้าไปทางต้นเสียงพร้อมๆ กัน น้องพริม เธอเปิดประตูเดินเข้ามาโดยที่ผมสองคนไม่รู้ตัว แก้มทั้งสองข้างของเธอตอนนี้แดงอย่างเห็นได้ชัด เป็นอาการเดียวกับผมตอนนี้ครับ



ทำไงดีครับต่อหน้าน้องสาวของมันด้วย





“พะ...พอดีพริมลืมมือถือค่ะ” เธอยกมือถือในมือขึ้นให้ดู แล้วก็วิ่งหันหลังออกจากห้องไปทันที





ผมหันมาสบตากับภาคอีกครั้ง มันเพียงส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร









สงสัยจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ เพราะมือซนของมันเริ่มลูบไล้หน้าอก หน้าท้องจนมาหยุดที่หัวเข็มขัดผม มันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือทั้งสองข้างบรรจงปลดเข็มขัดผมออก จนตอนนี้ครึ่งล่างของผมเปลือยเปล่าเรียบร้อย 









มันกดหน้าซุกลงที่หน้าท้องของผม มือข้างหนึ่งเล่นกับน้องชายผม ที่ตอนนี้ชี้ตรงทิ่มหน้าอกมันอยู่





“อื้อ” มันแตะลิ้นที่ส่วนปลายของผม ก่อนไล้เลียส่วนปลายนั้นทั้งหมด มือทั้งสองข้างของผมจิกที่หัวของมัน เสียวครับ เสียวจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว









มันละความสนใจจากน้องชายผม กลับมาสนใจที่ปากผมแทน





“ม่อน” มันจับตัวผมให้ยืนขึ้น มันกลับล้มตัวลงไปนอนหงาย รูดน้องชายของมันให้ผงาดอย่างเต็มที่ มันชี้นิ้วไปที่ลิ้นชักใต้ทีวี





ภายในลิ้นชักเต็มไปด้วยถุงยางหลากหลายรถที่ถูกจัดเรียงไว้เป็นอย่างดี มันเอาเวลาไหนไปเตรียมของแบบนี้ ผมหันกลับไปมองมันที่ยิ้มแบบกวนๆ มาให้





“มึงชอบแบบไหนเลือกเลย แบบปุ่มก็มีนะ” พร้อมมากเลยครับ ยอมรับว่ามันเตรียมพร้อมมาก ผมควานหยิบมาซองถุงยางซองหนึ่ง แบบไม่ได้มองครับหยิบได้อันไหนก็เอาอันนั้น ก็ผมไม่ได้หื่นแบบมันนิครับ จะได้มาสนใจแม้กระทั่งชนิดของถุงยาง





ผมฉีกซองที่ถืออยู่ในมือ ภายในมีถุงยางสีชมพูอยู่ มันมาพร้อมกลิ่นสตอเบอร์รี่ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผมยื่นมือเตรียมที่จะครอบถุงยางให้น้องชายมัน มันจับมือห้ามผมไว้ก่อนที่จะชี้นิ้วมาที่ปากผม ไอ้สัสนี่ได้คืบจะเอาศอก ผมเตรียมจะเดินหนีมัน เหนื่อยใจกับมันจริงๆ มันลุกขึ้นมาคว้าแขนผมไว้ทำหน้าอ้อนแบบที่มันเคยทำ แล้วก็มักจะได้ผลเสมอ



ผมก้มลงไปครอบส่วนหัวของน้องชายมันที่มีถุงยางวางอยู่ ค่อยเลื่อนปากรูดถุงยางลงไปจนสุด เสียงมันซี๊ดปากครางออกมาเสียงดัง









“วันนี้ออนท๊อปนะ” ออนท๊อป? มันคงไม่ได้หมายความว่าให้ผมนั่งบนตัวมันหรอกมั้งครับ ผมพยายามคืดแบบนั้น แต่ดูจากสายตาของมันแล้วคงจะหมายความว่ามันจะให้ผมทำแบบนั้น คือการนั่งบนตัวมันนั่นเอง ผมยังไม่เคยออนท๊อปเลยสักครั้ง เพราะแค่ท่าเบสิกก็ทำผมดิ้นพล่านแล้ว





“เดี๋ยวกูช่วย”





มันคงเห็นว่าผมยืนนิ่งไม่ขยับตัว มันเลยลุกขึ้นมาช่วยอุ้มผมให้นั่งคร่อมบนตัวมัน





เอาวะเป็นไงเป็นกันอย่างน้อยก็ได้ทำให้มันมีความสุข





ผมขยับตัวให้ช่องทางด้านหลังตรงกับน้องชายมัน ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนตัวมัน





“อื้อ...” เสียงครางของผมกับมันประสานกัน ความเสียวซ่านเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แขนขาผมเหมือนจะหมดแรง เมื่อแก่นกายของมันเคลื่อนเข้ามาจนสุด จนมันรอวตัวผมเข้าไปกอด ร่างกายของเราทั้งคู่ประสานกับจนเหมือนเป็นร่างเดียวกัน









“ลองขยับดูนะม่อน” มันส่งเสียงกระซิบที่ข้างหูผม





“อื้อ...ม่อน...อ้า” มันร้องครางเสียงหลงเมื่อผมเริ่มขยับสะโพก





“ภาค...ยะ...อย่าเพิ่งสิ อื้อ” มันเลื่อนมือลงมาประคองที่บั้นท้ายผม ขยับตัวสวนขึ้นมารับจังหวะเด้งตัวของผม





มันซุกหน้าเข้ากับหน้าอก ลิ้นไล่วนทียอดอกผม ขบกัดมันอย่างหิวโหย





ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมออนท็อป มันอาจจะดูทุลักทุเลบ้างในบางจังหวะ แต่ผมไม่ปฏิเสธเลยว่ามันทำให้ความรู้สึกเสียวเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะภาคมันค่อยช่วยและดูเหมือนว่ามันจะชำนาญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก สงสัยคงผ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ





ผมไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาของมันหรอกครับ มันคงกลายเป็นเรื่องปกติของผู้ชายอย่างมัน ที่เรียนเสร็จแต่งตัวออกไปร้านเหล้า สุดท้ายก็หิ้วสาวขึ้นห้อง แต่ถ้ามันกล้านอกใจผมละก็ รับรองว่ามันได้เห็นฤทธิ์เดชที่แท้จริงของไอ้ม่อนคนนี้แน่







“พร้อมกันนะม่อน” มือข้างหนึ่งของมันเร่งจังหวะขยับขึ้นลงอยู่ที่น้องชายผม





“อ้า…” เสียงเราประสานกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นสัญญาณบอกว่าเราทั้งสองถึงจุดสุดยอดเรียบร้อยแล้ว





มันขยับตัวให้น้องชายมันหลุดจากตัวผม น้ำสีขาวขุ่นจากตัวผมเลอะไปทั่วหน้าอกและลำตัวของมัน





เราต่างคนต่างหายใจหอบ ผมมองตามันแบบเขินๆ ต่างกับมันที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ มันโน้มตัวมาจูบผมอีกครั้ง





ผมชอบความรู้สึกระหว่างผมกับมันตอนนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่เราได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อกัน ผมไม่คาดหวังว่าอนาคตของเราจะสวยงามหรืออาจจะมืดมนขนาดไหน ขอเพียงมีมันอยู่ข้าง คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม





“เรื่องน้องพริมไม่เป็นไรจริงใช่ไหม”





ผมนั่งกังวลอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ไม่รู้ว่าน้องพริมจะคิดยังไง ผมไม่ได้กลัวเรื่องที่น้องรู้ว่าผมคบกับภาค แต่กลัวว่าน้องจะรังเกียจเรื่องที่น้องเข้ามาเจอผมกับภาคกำลังเมคเลิฟกันอยู่





แต่ภาคมันก็ดูไม่ได้เป็นกังวลอะไรกับเรื่องนี้ มันยังบอกอีกว่าว่างๆ จะพาไปกินข้าวกับน้องมันด้วย แล้วผมจะทำหน้ายังไงตอนเจอน้องพริมละครับ ผมก็อายเป็นเหมือนกัน แค่ตอนทำกับมันแค่สองคนผมยังอายมันเลย แต่นี่มีคนเข้ามาเห็นและก็ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องสาวแท้ๆ ของแฟนผมอีก เฮ้ออออ ม่อนเครียด







วันนี้ผมขอภาคมันกลับมานอนหอตัวเองบ้าง มันก็ดูเหมือนจะไม่ยอมหรอกครับ มันบอกว่าอยากนอนกอดผม แต่ผมรู้ครับว่ามันคงไม่แค่นอนกอดผมแน่ๆ เพราะหลังจากที่ผมออนท็อปให้มัน มันก็ยังจัดผมต่ออีกสองรอบเต็มๆ ไม่รู้ว่ามันไปเอาแรงมาจากไหน ขืนผมอยู่ต่อได้สลบคาน้องมันแน่ๆ



“มึงไปไหนมามิกซ์”





เมื่อตอนเย็นมิกซ์มันโทรมาบอกว่าวันนี้จะกลับดึกเพราะมีธุระนิดหน่อย ผมกะว่าจะถามมันว่าธุระอะไรมันก็ตัดสายผมทิ้งทันที ผมอดสงสัยไม่ได้เพราะมันก็เพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานไม่น่าจะมีธุระอะไร วันๆ ก็เห็นมันตื่นนอนแล้วก็ออกไปทำงานเท่านั้น สักวันผมคงได้แอบตามไปดูมันครับ กลัวว่ามันจะไปทำอะไรไม่ดี ผมยิ่งไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงด้วย





“กูก็บอกว่ากูไปทำธุระมา” มึงคิดว่ากูไม่เห็นพิรุธของมึงเหรอ มึงรู้จักพี่มึงน้อยไปมิกซ์ ผมยังไม่คาดคั้นมันตอนนี้หรอกครับปล่อยมันไปก่อน เอาไว้ให้จับได้คาหนังคาเขาก่อน











Part

ช้อป





“วันนี้ทำไมมาคนเดียวละครับ” เด็กผู้ชายหน้าตากวนเดินถือถาดอาหาร พร้อมกับมีผ้ากันเปื้อนที่เป็นยูนิฟอร์มของร้านเดินมาทักผม ไม่ใช่ใครหรอกครับก็น้องชายของคนที่ผมเคยแอบชอบ มิกซ์น้องชายม่อนนั่นแหละครับ



“แล้วต้องมากับใครด้วยหรอ” ผมหันไปตอบมัน ที่ยืนยิ้มเมื่อได้รับคำตอบจากผม



“เออ...ก็ใช่สินะ อย่างพี่คงหาคนมาเดทด้วยยากหน่อย” มันยกยิ้มเหมือนจะเย้ยผม ผมไม่ๆ ได้สนใจท่าที่น้องมันหรอกครับ ดูน้องมันจะมั่นใจในตัวเองสูง คราวที่แล้วก็บอกว่าจะสอนวิธีจีบให้กับผม ปล่อยน้องมันได้ใจไปก่อน



“ก็คงงั้นมั้ง”





“ผมก็บอกไปแล้วไงว่าให้ผมช่วยโค้ชให้รับรองไม่ผิดหวัง”





“งั้นก็ดีเลยคืนนี้ช่วยไปโค้ชให้พี่หน่อย” ผมเกี่ยวเหยื่อกับตะขอเบ็ด ปล่อยสายหย่อนลงไปในน้ำดูครับ





“ได้สิพี่ ได้เลย นัดมาเลย” นั้นไงครับ ปลาช่อนตัวโตติดกับผมเข้าแล้ว หึๆ งานนี้ได้เป็นโค้ชสมใจน้องมันแน่ครับ


หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 20 #ต้องการเงินเท่าไร
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-07-2018 21:52:27
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 20 #ต้องการเงินเท่าไร
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-07-2018 00:27:46
มิกซ์ไม่น่าจะรอด555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 20 #ต้องการเงินเท่าไร
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-07-2018 02:02:53
ขอบคุณที่ไม่ดราม่าใส่คู่หลักอีกให้เขาได้หวานกันบ้างสักนิดเถอะ ส่วนมิกซ์นั้นดูเสือยังไงให้เป็นกวาง โดนตะปบแน่
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 20 #ต้องการเงินเท่าไร
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-07-2018 09:35:06
น้องมิกซ์ ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 20 #ต้องการเงินเท่าไร
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 30-07-2018 00:04:06
เอาล่ะสิ งานนี้ไม่รู้ใครจะเป็นเบ็ด ใครจะเป็นเหยื่อ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 21 #ให้แล้วกูไม่คืนนะ
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 30-07-2018 08:51:47
ตอนที่ 21





#ให้แล้วกูไม่คืนนะ





“สวัสดีค่ะพี่ม่อน” กระจกรถถูกลดลง เสียงใสดังออกมาจากข้างใน น้องพริมน้องสาวแสนสวยของภาคโผล่หน้าออกมาทักทาย





เธอส่งยิ้มมาให้ผม เหมือนกับว่าเรื่องเมื่อวานที่เธอเห็นมันไม่เคยเกิดขึ้น มีแต่ผมที่มุดหน้าไม่กล้าสบตามอง เขินก็เขิน อายก็อายครับ



ภาคเปิดประตูเดินลงมารับผม วันนี้เรามีนัดกัน เพราะมันบอกว่าน้องพริมอยากทำความรู้จักผมให้มากขึ้น





ตลอดทางน้องพริมชวนผมคุยอย่างไม่หยุดปาก คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องผู้หญิงๆ หน่อย ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับ ได้แค่เออออตามเธอไปเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไรนะครับ เพราะพริมเป็นคนที่คุยสนุก และเรื่องที่พริมไม่ลืมที่จะหยิบยกมาคุย ก็เรื่องพี่ชายสุดหล่อกับความฮอทของมัน พริมบอกว่าเพื่อนๆพริมหลายๆคนปลื้มในความหล่อของภาคมัน บางคนถึงกับซื้อของมาติดสินบนพริมเพื่อที่จะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับภาคมัน ยังไม่ลืมที่จะแฉความเจ้าชู้ของพี่ชายตัวเอง





ผมหันไปสบตาภาคตอนที่พริมกำลังแฉวีรกรรมของมัน มันพยายามเบี่ยงเบนประเด็น แต่ไม่ทันละครับ ควงสาววันเดียวสองคน พาสาวขึ้นคอนโดไม่ซ้ำหน้าอีก





ผมจ้องหน้ามันส่งยิ้มร้ายๆเป็นสัญญาณเตือนแบบกรายๆว่า ถ้ามีอีกมึงไม่รอดแน่ ดูมันจะกลัวผมจริงๆ ครับ หน้านี้งอเป็นปลาทูเลย









“ไหนบอกว่าอยากจะรู้จักพี่ม่อน ไหงกลับมาแฉพี่แบบนี้หละ” มันบ่นน้อยใจครับ ทำหน้าบูดเหมือนเด็กๆ มันคงคิดว่าทำแบบนี้จะได้ผลมั้งครับ ปัญญาอ่อนจริงๆ





“งั้นพริมถามได้ไหมคะว่าพี่รู้จักกันได้ไง” สิ้นประโยคผมกับภาคหันหน้ามามองกันทันที





จะตอบน้องพริมยังไงดีครับ จะให้บอกว่าผมไปขายตัวให้มันอย่างนี้เหรอ ผมนั่งนิ่ง คิดไม่ออกจริงว่าจะตอบยังไง จะให้โกหก ก็คงทำไม่ได้เพราะทั้งผมกับภาคต่างรู้แก่ใจดี และถ้าจะให้ภาคมันโกหกน้องสาวตัวเอง คงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำสักเท่าไร





“พี่เคยขื่นใจม่อน” ผมหันหน้ามองตามเสียงนั้นทันที





ทำไมมันถึงพูดเรื่องนี้ละ ผมไม่เข้าใจมันว่าทำไมถึงต้องพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าน้องสาวมันด้วย





พริมดูจะอึ้งไปสักพัก เปลี่ยนสีหน้าเป็นโหมดจริงจัง ใบหน้าพริมดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความสดใสค่อยๆ เลื่อนหายไป ผมว่าสองพี่น้องนี่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือคิดจะเปลี่ยนอารมณ์ก็เปลี่ยนเอาดื้อๆ ทำเอาคนอย่างผมตามไม่ทัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสนใจอาการไบโพล่าของสองพี่น้องนี้





จะเป็นยังไงต่อเหรอครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เดาความคิดของพริมตอนนี้ไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร





“พี่ภาคหมายความว่ายังไง พี่ภาคข่มขืนพี่ม่อนหรอ”



“น้อง...”

“พี่ภาคทำแบบนี้ทำไม พริมไม่เคยคิดว่าพี่จะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย” ผมกำลังจะเอ่ยห้ามพริม แต่ไม่ทันแล้วครับ ดูเหมือนพริมจะโกรธภาคมันจริงๆ นี่ผมทำให้พี่น้องทะเลาะกันรึเปล่าครับ





“พี่รู้ว่าพี่ทำผิด ผิดมากด้วย ตอนนั้นพี่ไม่รู้จริงว่ากำลังชอบม่อน และพี่ก็ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นทำไม รู้ตัวอีกที่ก็ทำร้ายม่อนไปแล้ว”





“ถึงพี่จะชอบยังไงพี่ก็ไม่ควรจะทำแบบนั้น” ผมเห็นด้วยกับประโยคนี้ของพริม มันทำให้ผมนึกย้อนถึงเรื่องวันนั้น 





“ที่ผ่านมาพี่ก็พยายามจะแก้ไขสิ่งที่พี่ทำผิดไป ถึงมันจะลบล้างสิ่งที่พี่ทำไม่ได้ แต่พี่ก็จะทำ เพราะพี่รู้แล้วว่าพี่รักม่อนจริงๆ”





“พี่ไม่โกรธภาคแล้วหละ ที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวเองให้พี่เห็นแล้ว และที่สำคัญพี่ก็รักภาคมันเหมือนกัน” ผมพูดแทรกขึ้นมา เพราะดูเหมือนพริมจะโกรธเรื่องนี้จริงๆ ถ้าผมไม่พูดอะไร พี่น้องคู่นี้คงทะเลาะกันแบบเอาเป็นเอาตายแน่





ผมเอื้อมมือไปกุมมือภาคไว้ มันคงกำลังคิดมากและคงรู้สึกผิดกับผมขึ้นมาอีก กูไม่ได้โกรธมึงแล้วจริงๆภาค





“พริมขอโทษพี่ม่อนด้วยนะคะ ส่วนพี่ภาค ถ้าทำให้พี่ม่อนเสียใจอีก พริมจะเป็นคนจัดการพี่เอง” พริมหันหน้ามาสำนึกผิดกับผม ที่ไม่ต่างจากสีหน้าหน้าของคนข้างผมตอนนี้









หลังจากผ่านสมรภูมิสายเลือด ตอนนี้เราทั้งสามคนก็มาถึงห้างดังกลางกรุงของเหล่าเด็กวัยรุ่น พริมเดินมาควงแขนผมทันที พริมคงยังโกรธภาคมันอยู่ เพราะดูเหมือนว่าพริมจะไม่ยอมให้ภาคมันเข้าใกล้ตัวผม เห็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารภาคมันอยู่เหมือนกันครับ มันทำได้แค่ทำหน้าหง่อยเดินตามผมกับพริมเท่านั้น





มันพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาที่ผม เฮ้อ พี่กับน้องงอนกัน แต่เป็นผมที่ต้องช่วยง้อ





ผมค่อยๆก้าวขาให้ช้าลง คอยให้มันเดินตามมาทัน ผมยื่นมือไปคว้ามือมันมาจับไว้ ดูมันจะดีใจมากๆ ยิ้มซะหน้าบานขนาดนั้น แต่น้องพริมก็ยังไม่วายส่งสายตาพิฆาตให้กับมัน เห็นแล้วผมก็อดขำไม่ได้จริงๆ





“พี่ม่อนอยากทานอะไรคะ” เราวางแผนกันไว้จะหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยเดินซื้อของต่อ





ผมก็เหมือนเดิมครับ ถ้าถามผมว่าอยากกินอะไรก็คงไม่พ้นกะเพราเมนูประจำตัวผม





“มึงไม่ต้องบอกว่าผัดกะเพรา กูอุตส่าห์พามาห้าง หัดกินอย่างอื่นบ้าง” ภาคดูมันจะอ่านความคิดผมออก ผมทำได้แค่เพียงเม้มปากไม่พูดอะไร เพราะสิ่งที่อยากพูดโดนมันขัดไปเรียบร้อยแล้ว





ภาคมันสรุปแล้วว่าเราจะไปกินสเต๊กกัน ผมไม่ได้แย้งอะไรกับมัน เดินตามแรงจุงของมันไป โดยที่มีพริมเดินเกาะแขนผมตามมา





อาหารที่เราสั่งไปทยอยวางลงบนโต๊ะ ผมกับภาคสั่งสเต๊กเนื้อแบบ medium rare ไป ส่วนน้องพริม รายนี้เหมือนจะห่วงสวยมาก สั่งเพียงสลัดผักเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยครับที่หุ่นพริมเป๊ะขนาดนี้









เรานั่งในร้านสเต๊กกันสักพัก น้องพริมก็ชวนออกไปเดินเล่น บอกว่าอยากช้อปปิ้งสักหน่อย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ เพราะดูเหมือนภาคมันก็อยากตามใจน้องสาวมันเหมือนกัน คงเพราะอยากจะง้อเรื่องบนรถ





“ตัวนี้สวยไหมคะพี่ม่อน” พริมยกเดรสสั้นตัวหนึ่งทาบตัว หันมาถามผม ผมว่าคนสวยอย่างพริมใส่อะไรก็ดูสวยไปหมด คงไม่ต่างกับภาคมันแค่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น แค่เดินผ่าน สาวแท้สาวเทียมก็เหลียวหลังมองตาเป็นมันแล้วครับ





“น้องพริมใส่ตัวไหนก็สวยค่ะ” ผมตอบไปตามจริง ทำเอาพริมยิ้มหน้าบาน บิดตัวเขินไปมา ถ้าไม่ติดว่าผมคบกับพี่ชายเธออยู่ คงหลงเสน่ห์เผลอเข้าไปจีบเหมือนกัน





“แล้วพี่ภาคหายไปไหนคะ” ผมก็มัวแต่ช่วยพริมเลือกเสื้อผ้าจนลืมสังเกตว่าแฟนตัวเองหายไป นี่มันไม่คิดจะบอกผมสักคำเลย อยู่ๆ ก็หายตัวไป เฮ้อ





“พริมว่าเดี๋ยวพี่ภาคคงกลับมาเองแหละค่ะ พี่ม่อนมาช่วยพริมเลือกเสื้อผ้าต่อดีกว่า”





เราสองคนเดินออกจากร้านแรกเข้าไปร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทที่อยู่ข้างๆ ร้านนี้เสื้อสวยดีคัรบมีแบบเรียบๆ ที่ผมชอบด้วย แต่ดูราคาแล้วผมคงซื้อไม่ไหวหรอกครับ แพงขนาดนั้น





“พี่ม่อนไม่อยากได้บ้างเหรอคะ”





“มันแพงพี่ซื้อไม่ไหวหรอก”





“อย่างนั้นพริมซื้อให้พี่ม่อนเองนะคะ ถือว่าเป็นของขวัญจากพริม”

ผมปฏิเสธพริมไปทันที ผมเข้าใจความหวังดีของพริมนะครับ แต่จะให้ไปรับของจากเธอผมคงไม่ทำ มันดูเหมือนว่าผมเห็นแก่ตัวเกินไป พริมดูจะเข้าใจความหมายที่ผมความหมายที่ผมบอก เธอส่งยิ้มมาให้ ก่อนแขวนเสื้อตัวนั้นกลับที่เดิมแล้วเดินเข้ามาควงแขนผม





พริมดูจะไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่มองมา ผมเองก็พลอยสบายใจที่น้องพริมดูจะไม่รังเกียจผม แถมยังทำตัวสนิทกับผมเหมือนรู้จักกันมานานเสียอีก













“พริมๆ” เสียงเรียกจากด้านหลังเรียกให้เราทั้งสองหันกลับไปมอง





กลุ่มสาวสวยอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพริม ยืนกวักมือร้องเรียกพริมอยู่





พริมดูจะดีใจที่ได้เห็นสาวๆ กลุ่มนั้น รีบคว้าแขนผมให้เดินไปที่สาวกลุ่มนั้นทันที





ดูเหมือนว่าสาวสวยกลุ่มนี้จะเป็นเพื่อนกับพริมเพราะดูจากการพูดและท่าทีที่ดูสนิทสนมกันมาก ช่วงเวลานี้ทำให้ผมอยากเฝดตัวออกมายืนรอข้างนอก เพราะดูจะไม่ค่อยเข้าใจกับบทสนทนาของพวกเธอสักเท่าไร





“เดี๋ยวนี้มีแฟนไม่บอกเพื่อนเลยนะ” สาวสวยในกลุ่มคนหนึ่งเปลี่ยนบทสนทนามาที่ผม





น้องพริมเพียงดึงตัวของผมเข้าไป กระชับกอดที่แขนผมแน่นขึ้น และดูเหมือนเธอจะไม่ปฏิเสธเรื่องทีเพื่อนเธอกำลังเข้าใจว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน





“เอ่อ..มะ” 





“ก็ว่าจะพาไปเปิดตัวแล้วแหละ แต่พวกแกมาเจอก่อน เป็นไงหล่อไหม” ผมกำลังจะพูดแก้แต่โดนพริมพูดขัดเสียก่อน พริมดูจะภูมิใจที่ได้ควงผมในฐานะแฟน แล้วการควงกับผมนี่มันน่าอวดด้วยหรอครับ ผมไม่เห็นจะมีอะไรโดดเด่นจากคนอื่น ก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง แถมแต่งตัวบ้านๆ แบบนี้อีก ไม่เห็นจะน่าอวดตรงไหนเลยครับ





ผมก็คิดจะไม่ได้ขัดเรื่องที่พริมบอกว่าเราเป็นแฟนกันหรอกครับ และก็ดูไม่ได้ผิดอะไรด้วย ดูท่าว่าน้องพริมจะชอบเสียอีก ผมได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆ ให้กับเพื่อนของพริมเท่านั้น





“ชื่ออะไรเหรอคะ”





“ไม่ต้องทำเสียงหวานขนาดนั้นก็ได้ปะ” ไม่ใช่เสียงผมครับ แต่เป็นเสียงของพริมที่เอ็ดเพื่อนตัวเองไป

ผมแอบขำกับท่าทีของสาวๆ กลุ่มนี้ ดูแล้วก็น่ารักดีครับ สดใสไปอีกแบบ





“พี่ชื่อม่อนครับ”





“ว้าย อยากเกรซลองล้วงกระเป๋าวิเศษพี่ม่อนดูจัง” ผมขมวดคิ้ว เธอหมายความว่ายังไง แล้วผมมีกระเป๋าวิเศษตั้งแต่เมื่อไร





“น้อยๆ หน่อยยายเกรซ ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน” เสียงหัวเราะดังขึ้นในกลุ่มพวกเรา









“ไหนเมื่อกี้ใครบอกจะล้วงกระเป๋าวิเศษแฟนพี่” ภาคมันเดินมาจากไหนไม่รู้ เข้ามารวบคอผมเข้าไปกอด





ดูสาวๆ จะตกใจที่เห็นภาคหรือตกใจที่รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน มีเพียงพริมที่ยืนขำอยู่ข้างๆ





“เอ่อ...เมื่อกี้พี่ภาคพูดว่าอะไรคะ พี่ม่อนเป็นแฟนกับพริมไม่ใช่เหรอคะ” เธอดูจะยังงงๆอยู่ พูดไปมองหน้าผมสามคนสลับไปมา





“พี่ปล่อยให้อยู่กับม่อนแป๊บเดี๋ยว ไหงมาแย่งแฟนพี่ชายตัวเองได้ละ”





“พวกพี่เป็นแฟนกันจริงๆ เหรอคะ ยัยพริมแกกล้ามาหลอกพวกฉันได้ยังไง” ผมกับภาคได้แต่ยืนหัวเราะมองสาวๆ รุมทำโทษเพื่อนตัวเอง โทษฐานที่โกหก





“อย่างนั้นสาวสวยๆ แบบพวกเราก็อกหักกันนะสิคะ” พวกเธอแกล้งทำหน้าเศร้ามองที่ผมสองคน





“พี่ต้องขอโทษสาวๆ ทุกคนด้วย ใครมันจะอดใจไหวก็แฟนพี่น่ารักขนาดนี้” มันยื่นมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ ผมนี้หันไปมองค้อนมันทันทีครับ มาหยิกแก้มผมทำอย่างกับผมเป็นสาวน้อยตัวเล็กๆ อย่างนั้นแหละ





สาวๆ ได้แต่ยื่นอมยิ้มมองหน้าเราสองคนแบบเขินๆ เท่านั้น





ไม่ใช่แค่น้องๆ ที่เขิน ผมก็เขินเหมือนกันครับ คิดได้ไงมาชมว่าผมน่ารัก เล่นชมต่อหน้าผู้หญิงอีก









“พี่ภาคไม่ต้องไปส่งพริมก็ได้ เดี๋ยวพริมกลับกับเพื่อนเองค่ะ” น้องพริมเดินแยกจากเราสองคนเดินไปอีกทาง





“รอกูด้วยสิ” มันวิ่งตามหลังมาคว้าแขนผมไว้ หลังจากที่แยกกันกับพริมผมก็เดินหนีมันทันที





“เป็นอะไรครับ” มันทำเสียงอ้อนๆ ผม





กูไม่คุยกับมึงหรอกอย่าหวังเลย









“ถ้ามึงไม่บอก งั้นกูก็ไม่ไปไหน” มันทิ้งตัวลงนั่งกอดอกกลางลานจอดรถ ดูความเอาแต่ใจของมัน





ผมทำเป็นไม่สนใจเดินตรงไปที่รถ





“ปี๊ดๆ ๆ ๆ” เสียงแตรดังไล่หลังผม อย่าบอกนะว่า ผมหันกลับวิ่งไปหามันทันที





“อยากตายหรอวะมานั่งขวางทางรถแบบนี้” ผมวิ่งไปคว้าแขนดึงมันให้ลุกขึ้นมา ผมทึ่งกับความเอาแต่ใจของมันจริงๆ





“มึงไม่บอกจริงหรอว่างอนกูเรื่องอะไร”





“มึงหยิกแก้มกู ชมว่ากูน่ารัก กูก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน มึงไม่คิดว่ากูจะอายน้องเขาบ้างเหรอ" ที่ผมงอนมันเพราะเรื่องนี้แหละครับ มันอาจจะดูเป็นเรื่องไร้สาระไปหน่อย แต่ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนี่ครับ





“ไม่ให้กูชมแฟนตัวเองจะให้กูไปชมใครละ ก็ได้ที่หลังกูไม่ชมมึงก็ได้” มันกอดอกเดินหนีไป นี่ตกลงว่าใครงอนใครกันแน่ ทำไมจู่ๆ เป็นผมที่รู้สึกว่าต้องง้อมัน เอากับมันสิครับ





มันยืนหันหลังให้ผม ไม่ยอมปลดล็อกประตูรถ ดูมันทำครับงอนเป็นตุ๊ดไปได้





“ตกลงกูใช่ไหมต้องเป็นคนง้อมึง” มันพยักหน้า แต่ไม่ยอมหันมามองหน้าผม





เฮ้อ นี่ผมต้องเป็นคนง้อมันจริงใช่ไหมเนี่ย





ผมเดินตรงไปหามัน สวมกอดมันจากทางด้านหลัง มันยังยื่นนิ่งไม่ขยับตัว





มันยังไม่หายงอนผมอีกเหรอ อุตส่าห์ง้อขนาดนี้แล้ว ผมเริ่มคิดมากแล้วครับ ปกติมันก็ไม่ได้งอนผมถึงขนาดที่ง้อแล้วยังไม่หายโกรธแบบนี้









มือของมันที่กำลังกอดอกอยู่ เลื่อนลงมาจับที่มือผม มันค่อยคลายมือของผมออก





“เก็บมันไว้ให้ดีนะ”





มันวางสิ่งของบางอย่างลงที่มือ ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร





ผมดึงมือตัวเองกลับมาเพื่อจะดูว่ามันคืออะไร





“มึงไม่เก็บไว้เองหละ มันยากไม่ใช่หรอกว่ามึงจะได้มา” ผมก้มมองสิ่งที่วางอยู่ในมือ ‘เกียร์’ สิ่งที่นักศึกษาคณะวิศวะให้ความสำคัญกับมันมาก มันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นเด็กวิศวะอย่างเต็มตัว อย่างที่เคยบอกไว้ว่าผมไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งของทางมหาลัยหรือของคณะเองก็ตาม ผมยังแอบอิจฉาตอนที่เห็นนัทมันใส่ไว้ที่คอ 





แต่ตอนนี้ภาคมันกลับให้สิ่งที่สำคัญของมันมาให้ผม





“ใช่ กว่ากูจะได้มันมามันยากและมันสำคัญกับกูมาก กูถึงให้มึง คนที่สำคัญที่สุดของกูเก็บมันไว้” ที่มันหายไปตอนนั้นเพื่อไปหายสร้อยมาให้ผมนี่เอง สร้อยสีเงินที่ห้อยเกียร์ของมันอยู่





“ให้แล้วกูไม่คืนนะ” มันสวมสร้อยเข้าที่คอผม มือขึ้นมาประกบที่แก้มทั้งสองข้างของผม มันสบตากับผมพักหนึ่งก่อนก้มลงจูบที่หน้าผากผมเบาๆ





มึงก็สำคัญกับกูมากเหมือนกันภาค ‘เกียร์’ อันนี้ถึงมึงจะขอคืนกูก็ไม่มีวันจะคืนให้มึงหรอกนะ





เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญของคนที่กู ‘รัก’




หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 21 #ให้แล้วกูไม่คืนนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2018 12:16:49
หวานกรุบกริบ :hao5:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 21 #ให้แล้วกูไม่คืนนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-07-2018 12:43:35
ให้ เกียร์ กันแล้ว
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 22 #ก็ลองดูสิ
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 31-07-2018 07:32:01
ตอนที่ 22



#ก็ลองดูสิ






“ฟอด”

แรงกดที่ไล่วนทั่วใบหน้า ปลุกให้ผมตื่น มันกวนผมตั้งแต่เช้าเลยครับ เฮ้อ ไม่รู้ว่ามันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบตีสอง ก็มันจัดหนักผมเหมือนอดอยากมาจากไหนไม่รู้ ทำเอาผมปวดเนื้อปวดตัวไปหมด นี้ขนาดคบกันได้ไม่นานยังโดนขนาดนี้ ถ้าเกิดอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ผมไม่ตายก่อนเหรอครับ คิดแล้วก็สงสารตัวเอง





ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ตื่นขึ้นมาเจอกับภาค เมื่อก่อนเกลียดมันจะเป็นจะตาย สุดท้ายกลับต้องมานอนนิ่งให้มันกอดมันฟัดอยู่แบบนี้





“พอได้แล้ว กูช้ำหมดแล้ว”





“ใครใช้ให้มึงน่ารักแบบนี้หละ” มันใช้มือบีบจมูกผมสายไปสายมา





“กูไม่ได้น่ารัก แต่มึงมันหื่น” ผมชกเข้าที่ท้องมันเบาๆ แต่ไอ้ตัวดีมันนี่โอเวอร์แอคติ้งมากเลยครับ ทำเป็นกุมท้องนอนตัวงอ





“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปเรียนสาย”





“มึงน่ารักกับกูได้แค่คนเดียวเท่านั้นนะ ห้ามไปน่ารักให้ใครเห็น” จะต้องให้กูทำยังไงวะภาค เดินใส่แมสปิดปาก ใส่หมวก ใส่แว่นดำ หรือว่าต้องเอากล่องมาคลุมหัวเลยไหม มึงนี่นะ











“มีคนฝากมาให้มึงวะม่อน” ทันทีที่ผมเดินมาถึงโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่ นัทมันก็ยื่นกล่องของขวัญสีดำให้ที ผมทิ้งตัวลงนั่งพร้อมๆ กับภาค รับกล่องในมือนัทมา





ผมหันไปขมวดคิ้วมองหน้าภาค มันสายหน้าเป็นสัญลักษณ์ว่ากล่องของขวัญนี้ไม่ใช่ของมัน





ตอนแรกผมคิดว่าคงเป็นของขวัญของภาคมัน ยิ่งมันเป็นคนชอบเล่นแปลกๆอยู่ด้วย มันอาจจะเซอร์ไพร์ผมได้ทุกเมื่อ แต่ดูจากสีหน้าของมันแล้ว ผมว่าคงไม่ใช่ของมันแน่นอนครับ แล้วมันเป็นของใคร ทำไมถึงส่งมาให้ผมด้วย





ผมค่อยแกะกระดาษชั้นนอกออก ภายในมีกล่องสี่เหลี่ยมสี่เลือดหมูซ่อนอยู่ ผมค่อยดึงสลักที่ปิดกล่องนั้นไว้ท่ามกลางสายตาเหล่าเพื่อนที่ดูลุ้นไม่ต่างจากผม





“เดี๋ยวกูแกะให้เอง” ภาคมันแย่งกล่องของขวัญนั้นไปจากมือผม





“ถ้ามีใครส่งมาจีบมึงกูจะได้เอาไปทิ้ง”





“จะเปิดก็รีบเปิด เราอยากรู้จะแย่แล้วภาค” สกิลความอยากรู้อยากเห็น หรืออาจใช้คำว่าเสือกกับมีนมันก็ได้ครับ มันเร่งเร้าให้ภาคเปิดกล่อง





“ว้าย...” เสียงมีนกับเฟิร์นกรี๊ดลั่นโรงอาหาร





ภาคมันพยายามดึงกล่องให้พ้นสายตาผม แต่คงไม่ทันครับ ผมเห็นเต็มสองตาครับว่าของที่อยู่ข้างในคืออะไร





“ใครมันส่งของแบบนี้มา” ภาคมันกลับมาหลังจากที่เดินเอากล่องนั้นไปทิ้งถังขยะ หน้ามันดูโกรธจัดมากเลยครับ





ไม่ใช่แค่มันที่โกรธครับผมก็เหมือนกันครับ ทั้งโกรธทั้งตกใจ ก็ไม่คิดว่าทุกวันนี้ยังมีการส่งซากหนูตายให้คนอื่นด้วย





ผมเคยเห็นแค่ในละครน้ำเน่าเท่านั้น ที่นางร้ายส่งของแบบนี้มาขู่นางเอก ไม่คิดว่าจะมาโดนกับตัวเอง





คงมีคนเกลียดผมมากจริงๆ แต่ผมพยายามนึกแล้วนึกอีกว่าผมเคยไปทำให้ใครไม่พอใจไหม แต่ก็นึกไม่ออก แล้วใครละที่เกลียดผมได้ขนาดนี้



“เอ่อ...เราก็ไม่ได้จะว่าอะไรนะ แต่เราคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่ม่อนคบกับภาค” มีนให้ความเห็น ผมพยายามคิดว่ามันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พอมองดูคนรอบข้างแล้วมันทำให้อดคิดเรื่องนี้ไม่ได้





“ปัง” ทั้งโต๊ะสะดุ้งเฮือก ดูภาคมันจะโกรธมากๆ มันกำมือแน่นทุบลงที่โต๊ะอย่างแรง





เงามืดที่ผมไม่ได้เห็นมานานกลับมาปกคลุมอีกครั้ง ออร่าความโกรธที่กำลังปะทุตอนนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนทั้งโต๊ะที่นั่งเงียบ ผมเองก็ไม่ต่างกัน





ผมปล่อยให้มันโกรธแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร ถึงผมจะพอเดาได้ว่ามันคิดจะทำอะไร แต่คนอย่างภาคมันทำได้มากกว่าที่ผมคิดแน่ๆ





ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนหยุดมันไม่ได้ ผมเอื้อมมือไปกุมมือข้างที่ทุบลงบนโต๊ะเมื่อกี้ สัมผัสที่ผมส่งไปเพียงอยากให้มันใจเย็นลงเท่านั้น





มันก้มหน้าลงมามองที่ผม มันทำท่าทางตกใจ ดูเหมือนมันจะโกรธจนลืมตัว





“กูโอเค มึงไม่ต้องคิดมากหรอก” ผมพยายามทำตัวเหมือนว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่ในใจก็แอบคิดว่าคนที่ส่งกล่องของขวัญนั้นมาเพื่ออะไร แต่ตอนนี้ขอแค่ทำให้ภาคมันใจเย็นลงก่อนเท่านั้น











เย็นวันนี้ภาคขับรถมาส่งผมที่ร้าน แต่แปลกครับ ตั้งแต่ตอนเที่ยงนั้นแล้ว มันเงียบไม่ค่อยพูดกับผมเท่าไร มันนั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว





“ภาค....ภาคๆ ๆ ๆ” ดูมันจะเหม่อมากครับ ผมเรียกมันตั้งหลายครั้ง มันก็ยังนั่งนิ่ง มองตรงไปที่ถนนเท่านั้น





“อืม มีอะไร” มันหันหน้ามายิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่ต่างออกไปจากที่มันเคยยิ้มให้ก็ผม ผมรู้ว่ามันเป็นเพียงยิ้มที่ออกมาเพื่อปกปิดอารมณ์ของมันเท่านั้น





“ก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากไง วันนี้พวกนัทมันชวนไปกินเหล้า มึงไปกับกูนะ จะได้ไปคลายเครียดด้วย” มันพยักหน้าและยังคงส่งยิ้มแบบเดิมมา





ผมว่าผมไม่เครียดเรื่องซากหนูตัวนั้นแล้ว แต่ตอนนี้เครียดที่เห็นภาคมันดูคิดมากกับเรื่องนั้นอยู่ ผมจะทำยังไงดีครับ ไม่อยากเห็นมันเป็นแบบนี้ ผมกลัวมันจะทำอะไรที่คาดไม่ถึง





มันเดินลงมาส่งผมที่หน้าร้าน วันนี้มันไม่อยู่เฝ้าผมครับ ส่งเสร็จก็เดินขึ้นรถขับออกไปเลย มันบอกว่ามันมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวกลับมารับตอนผมเลิกงาน





“มึงเหม่อไรม่อน” มิกซ์เดินมาสะกิดผม





ผมไม่ตอบแต่ทำหน้ากวนตีนใส่มันแทน





“แล้วทำไมวันนี้พี่ภาคไม่มานั่งเฝ้ามึงอีก กูเห็นทุกวันแทบจะสิงกันอยู่แล้ว” กูก็เครียดเรื่องนี้แหละมิกซ์





ผมยอมให้ภาคมันมาเฝ้า เฝ้าจนจะสิงตัวผมแบบที่ไอ้มิกซ์มันพูด ดีกว่าที่มันจะห่างผมไปในตอนนี้ ทำไมมึงต้องทำให้กูเครียดแบบนี้ด้วยวะเนี่ย









ผมกับมิกซ์ช่วยกันเก็บโต๊ะ ทำความสะอาดร้านรอภาคมารับ แปลกครับที่มันมารับผมกับมิกซ์ด้วยด้วยสีหน้าที่ดูปกติ ไม่เหมือนตอนที่มันมาส่งผม ดูเหมือนอารมณ์โกรธของมันหายไปแล้ว ผมดีใจที่เห็นมันกลับมาโดยที่ไม่เป็นอะไรและหวังว่าจะไม่มีใครเป็นอะไรด้วย ผมเป็นห่วงว่ามันจะทำอะไรโดยไม่คิด ถ้ามันเจ็บตัวเพราะเรื่องหนูตัวนั้นขึ้นมาผมคงโทษตัวเองแน่ๆ





“มึงแต่งตัวจะไปไหนเหรอมิกซ์” ผมละความสนใจจากภาค หันมาถามมิกซ์ที่กำลังเปลี่ยนชุด แต่งเนื้อแต่งตัวซะหล่อ





“กูก็จะไปเที่ยวไง”





“เที่ยว? ใครบอกว่ากูจะให้มึงไปด้วย อายุมึงยังไม่ถึง”





“ใครบอกกูจะไปกับมึง กูจะไปกับพี่ช้อป แล้วเรื่องอายุมึงลืมไปเหรอ มึงก็เพิ่ง 19 เองไม่ใช่เหรอ” ผมก็ลืมไปเลยครับว่าผมก็อายุยังไม่ถึงยี่สิบ แต่ผมก็ไม่ได้เที่ยวบ่อยอะไร นานๆ ครั้งเท่านั้น แอบเนียนเดินตามรุ่นพี่เข้าไป





แต่เมื่อกี้มันบอกว่ามันจะไปกับใครนะ ‘ช้อปเหรอ?’ แล้วสองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นนัดกันไปเที่ยวได้แบบนี้





มิกซ์เดินตามผมมาที่รถ มุดตัวเข้าไปนั่งเบาะด้านหลังข้างๆ นัท ผมพยายามห้ามมันแล้วครับ แต่เถียงสู้มันไม่ได้ ก็มันอ้างว่าผมยังไปได้ แล้วทำไมมันจะไปไม่ได้ ยอมมันครับ เถียงยังไงผมก็แพ้อยู่ดี ผมไม่มั่นใจแล้วว่าผมกับมันใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่









“เอ้าวันนี้ใครไม่เมาถือว่าหมานะ” นัทชูแก้วขึ้น พร้อมประกาศเกล้า





มันพูดถึงขนาดนี้ใครมันจะไปยอมได้ละครับ เมาไม่กลัว กลัวเป็นหมามากกว่าครับ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ไม่ยอมครับเพื่อนทุกคนต่างส่งเสียง ยกแก้วขึ้นชู เสียงแก้วกระทบกันเสียงดัง พร้อมแล้วลุยครับ





“ห้ามแดก” ไม่ได้มาแค่เสียงครับ แต่มีมือหนาคว้าแก้วเหล้าจากมือผมไป





มันไม่ได้แย่งไปเฉยๆ ยกแก้วเหล้าแก้วนั้นขึ้นกระดกจนหมดแก้ว คนที่แย่งแก้วเหล้าอันหอมหวานนั้นไปจากผมคือไอ้ภาคครับ มันยืนตาเขียวคุมผมอยู่ข้างๆ





ผมหันไปค้อนมันทันที มันกล้าดียังไง ถึงมาแย่งแก้วเหล้าของผมอย่างนี้





“สัส เอาเหล้ากูคืนมา” ผมพยายามแย่งแก้วคืนจากมัน





เอามาสิวะภาค





“อึกๆ ๆ” ทำไมผมต้องแย่งแก้วที่ไม่มีเหล้าเหลืออยู่สักหยดจากมัน ทั้งๆ ที่ยังมีแก้วของมันวางอยู่ มีเหล้าอยู่เต็มแก้วซะด้วย





ผมก้มลงมาหยิบแก้วเหล้านั้นกระดกเข้าปากทันที





“อ้า…” เหล้าอันร้อนแรงไหลตามลำคอ ค่อยๆ ซึมเข้ากระแสเลือดผมทีละน้อย





ผมยักคิ้วทำหน้ากวนตีนใส่มัน จะเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับม่อน





“นัทขอเข้มๆ อีกแก้ว” ผมยื่นแก้วในมือส่งให้นัท ทีีกำลังทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ประจำกลุ่ม





อื้อฮือ เหล้าสีเข้มวางลงตรงหน้าผมอีกแก้ว





กลิ่นมะนาวกับความเค็มที่ติดอยู่ปลายลิ้นก่อนหน้ายังไม่ทันจาง ผมยกแก้วเหล้าแก้วที่สองขึ้นมาจิ้มนิ้วลงที่ก้อนน้ำแข็ง กวนมันให้เข้ากัน





ก่อนจะยกดื่ม ผมยังหันหน้าไปยิ้มเยาะภาคที่กำลังยืนกอดอกจ้องผมอยู่





“อยากแดก แดกไป แต่กูไม่ขอรับประกันความปลอดภัยของร่างกายมึงนะ” มือผมหยุดกึก สะดุ้งตัวเล็กน้อย เพราะมันไม่ได้แค่พูดเฉยๆ มือข้างหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามันเลื้อยมาตั้งแต่เมื่อไร บีบเข้าที่ก้นผมอย่างจัง





หน้ามันดูจริงจังมากครับ ผมว่าผมไม่ควรเห็นแก่เหล้าที่อยู่ตรงหน้า ควรกลับมาห่วงความปลอดภัยของตัวเองดีกว่า











จากที่มันเป็นห่วงว่าผมจะเมา แต่ผมว่าตอนนี้มันมากกว่าที่น่าเป็นห่วง จากที่มันห้ามไม่ให้ผมดื่มเหล้า เหล่าเพื่อนผมโดยเฉพาะนัทที่นั่งเป็นบาร์เทนเดอร์มือฉมังอยู่ ดูพวกมันจะไม่ยอมปล่อยให้ผมหลุดมือ พยายามชงเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าส่งมาให้ผม เหล้าที่ส่งมาไม่ใช่ผมที่ดื่มหรอกครับ แต่เป็นภาคมันที่คอยแย่งเหล้าตรงหน้าไปดื่มแทนทุกครั้ง





ดูมันจะเมาจนได้ที่แล้วครับ สองมือมันเริ่มปีนป่ายบนตัวผม คางที่วางเกยอยู่บนไหลผม เป็นไงหละมัวแต่ห้ามกู ไม่ดูตัวเองบ้างเลย





“มึงเอามือออกไปเดี๋ยวนี้” มือปลาหมึกของมันเริ่มคืบคลานไปทั่วตัวโดยเฉพาะบริเวณสะโพก มันทั้งบีบทั้งเค้น ผมเริ่มสงสัยแล้วครับว่ามันเมาจริงหรือแกล้งเมากันแน่





แต่มันเมาแบบนี้ ผมว่าได้โอกาสที่จะเอาคืนมันบ้างแล้วหละครับ





“เตรียมตัวเตรียมใจไว้นะมึง” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของมัน











Part

ภาค



หลังจากที่ผมเปิดกล่องของขวัญที่ถูกส่งมาให้ม่อน ตอนแรกแรกผมคิดว่าคงมีผู้ชายส่งมาจีบมันแน่ๆ ผมเลยแย่งของขวัญจากมันมาเปิดเอง เผื่อว่าจะเป็นอย่างที่ผมคิดจะได้เอาไปโยนที่ถังขยะ





แต่มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ผมข้างในเป็นซากหนูถูกกรีดที่ลำคอ เลือดอาบท่วมตัว ผมรีบปิดกล่องนั้นแล้วเอามันไปทิ้งทันที กะว่าจะไม่ให้ม่อนมันเห็น แต่ก็คงไม่ทันครับ เหมือนว่าม่อนรวมถึงทุกคนบนโต๊ะเห็นกันหมดแล้ว





ผมโมโหมากครับ เผลอทุบโต๊ะอย่างแรงจนม่อนมันสะดุ้งตกใจ มันพยายามบอกผมว่าไม่เป็นไร แต่สำหรับผมแล้วผมไม่ปล่อยให้คนที่มันทำแบบนี้กับแฟนผม ลอยนวลไปง่ายๆ แน่









ผมขับรถไปส่งม่อนที่ร้านเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ผมบอกกับม่อนว่ามีธุระจะไปทำ ผมพยายามเก็บอารมณ์โกรธไว้ ไม่อยากให้มันคิดมาก แต่ก็คงปิดไว้ไม่ได้สักเท่าไรเพราะม่อนมันก็คงดูออกเหมือนกัน





“เรื่องที่กูให้ไปสืบเป็นไงบ้าง” เมื่อตอนเที่ยงผมแอบหลบม่อนมันออกมา โทรสั่งให้เพื่อนผมช่วยสืบให้ว่าใครเป็นคนส่งกล่องใบนั้นมา



“เอ่อ...มึงใจเย็นๆ นะ คือคนที่ส่งกล่องใบนั้นคือ...”

ผมตัดสายมันทิ้งทันที ขว้างโทรศัพท์ลงกับเบาะรถ





ผมกดเท้าเหยียบคันเร่งจนแทบมิด ไม่สนใจอะไรแล้วครับ รู้แค่ว่าต้องจัดการกับคนที่มันทำกับม่อนเท่านั้น





“ภาค”

ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าที่ดูตกใจของสาวสวย





“เราของคุยด้วยหน่อยสิ” ผมเดินเบียดตัวเข้าไปในห้อง ห้องที่ผมเคยคุ้นตา ‘มิ้น’ ใช่ครับมันคือห้องของแฟนเก่าผมเอง





“มาหาเราทำไมไม่บอกก่อน” เธอปิดประตูเดินตามหลังผมมา





มือเรียวสอดเข้าที่เอวผม ผมหันตัวกลับยืนจ้องหน้าเธออยู่อย่างนั้น





“ภาคคงเบื่อมันแล้วสินะ มิ้นก็เคยบอกแล้วไงว่าภาคแค่อยากลองแก้เบื่อเท่านั้น” มือข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นมาคล้องที่คอผม มืออีกข้างไล่เกลี่ยที่หน้าอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงอุ้มเธอเข้าห้องแล้วไปจบกันที่เตียง





แต่มันไม่ใช่สำหรับครั้งนี้ ที่ผมรู้ว่าเธอเป็นคนส่งซากหนูตัวนั้นไปให้ม่อน





ผมรวบข้อมือของเธอที่กำไล่วนที่หน้าอกผม





“เลิกยุ่งกับม่อนซะ”





“ภาคพูดอะไร” เธอทำหน้าไขสือเหมือนไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น





“ถ้ายังทำอีกอย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ” ผมปล่อยมือเธอ เดินหันหลังกลับ





ผมยอมรับครับว่าโกรธมาก ยิ่งรู้ว่ามิ้นเป็นคนทำยิ่งทำให้ผมรู้สึกโกรธ ผมไม่คิดจะทำอะไรเธอหรอกครับ เพราะสาเหตุทั้งหมดมาจากผม แค่อยากจะมาเตือนเธอเท่านั้น





“คิดว่าพูดแค่นี้มิ้นจะยอมง่ายๆ เหรอ” เธอยืนกอดอกแสยะยิ้มเล็กน้อย ตั้งแต่ตอนคบกันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอยิ้มแบบนี้ ยิ้มแบบนางร้ายในละครหลังข่าว





ผมเดินกลับไปคว้าที่ข้อมือของเธอ ผมไม่รู้ว่าผมใช้แรงไปเท่าไร แต่เห็นจากสีหน้าเจ็บปวดของเธอตอนนี้ ผมคงเผลอใช้แรงมากเกินไป





ผมยอมรับครับว่าตอนนั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งเธอบอกว่าไม่ยอมหยุดด้วยแล้ว ความอดทนทั้งหมดที่ผมมีก็เหมือนจะหมดลงเช่นเดียวกัน





“ก็ลองดูสิ ถ้าใครกล้าทำม่อนเจ็บ มันต้องเจ็บมากว่าม่อน สิบเท่า ร้อยเท่าหรือมันคนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้ลมหายใจบนโลกนี้อีก"



ผมไม่ยอมปล่อยให้เธอทำอะไรม่อนอย่างแน่นอน แม้แต่คิดผมก็ไม่ยอมแน่ ผมไม่ยอมปล่อยให้ม่อนเจ็บเพราะผมอีกแล้ว





หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 22 #ก็ลองดูสิ
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 31-07-2018 08:23:14
หวานนนน
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 22 #ก็ลองดูสิ
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 31-07-2018 09:16:29
เอาไงต่อภาคคค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 22 #ก็ลองดูสิ
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-07-2018 12:48:35
ต้องโดนลงโทษ ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] Part มิกซ์ + แจ้งข่าวคู่ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 31-07-2018 15:53:19
Special Part



Part

มิกซ์



#ช้อปมิกซ์









“มาแล้วพี่” ผมเดินเข้าไปหาพี่ช้อป มือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้าส่งยิ้มมาให้ผม





วันนี้เรามีนัดกัน ผมจะมาเป็นโค้ชให้พี่แกครับ หลังจากที่อกหักจากพี่ชายผม





ไม่รู้ว่าไปพิศวาสคนอย่างม่อนมันได้ยังไง





“เตรียมตัวไว้นะพี่เดียวผมจัดให้แจ่มๆ” ผมเดินเข้าไปรับแก้วที่พี่ช้อปยื่นมาให้





“จัดมา” พี่ช้อปตอบแค่เพียงสั้นๆ ยกแก้วในมือมาชนกับแก้วของผม





















“เด็กใหม่มึงเหรอช้อป” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาตบไหล่พี่ช้อปก่อนนั่งลงข้างๆ





เด็กใหม่? เขาหมายถึงใครเหรอครับ โต๊ะนี้ก็ไม่มีใครนอกจากผมกับพี่ช้อป อย่าบอกนะครับว่าผมหมายถึงผม ตลกแล้วครับ อยากหัวเราะให้ฟันร่วง





ผมรอให้พี่ช้อปพูดแก้เรื่องผมให้เพื่อนแกเข้าใจ





‘เงียบ’ ผมนั่งรอให้พี่ช้อปพูด แต่ดูเหมือนพี่แกไม่สนใจอะไร นั่งนิ่ง ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ผมแทน อะไรของพี่มันวะ





“เด็กใหม่อะไรพี่ ผมกับพี่ช้อปไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมไม่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปมากกว่านี้หรอกครับ เรื่องอะไรจะปล่อยให้เข้าใจผิดว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ผมมาในฐานะโค้ชประจำตัว โค้ชมิกซ์ผู้ช่ำชองเรื่องความรัก













ได้โอกาศแล้วครับ สาวสวยโต๊ะตรงข้ามส่งสายตาเชื้อเชิญมาที่ผม เป็นจังหวะที่ดีที่ผมจะได้สอนวิธีการจีบหญิงให้พี่แกดูแล้วครับ





ผมลุกขึ้นยืนส่งสัญญาณให้พี่แกจับตาดูสิ่งที่ผมกำลังจะทำ เดี๋ยวมิกซ์สุดหล่อคนนี้จะทำให้ดูเป็นตัวอย่างเองนะพี่





แก้วใสในมือผมชนเข้ากับแก้วอีกใบ สาวสวยตรงหน้า เธอดูเย้ายวนผมมากเลยครับ มือข้างหนึ่งผมค่อยเลื่อนไปโอบเอวบางของเธอไว้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ว่าอะไร ผมหันกลับไปสบตาพี่ช้อปอีกรอบ ไม่ลืมที่จะยักคิ้วให้พี่แกด้วย ก็บอกแล้วไงมิกซ์ซะอย่าง ไม่มีทางพลาดหรอก





คารมผมดูจะถูกใจสาวคนนี้มากๆ เธอดูตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด ดูจากสายตายั่วยวนที่เธอส่งมาให้ผมตลอดเวลา





จนกระทั่งเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตที่เราทั้งสองคน ถึงช่วงเวลาที่ผมกับเธอสปาร์คกัน สายตาเราทั้งสองคนประสานกัน ผมโน้มตัวเข้าหาเธอ ริมฝีปากเราค่อยๆ เลื่อนเข้าหากัน









“ตุบ!!!” ไม่ใช่เสียงจูบของเราสองคนอย่างแน่นอนครับ แต่เป็นเสียงตัวผมเองที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้น





ไม่รู้มีไอ้ผู้ชายตัวถึกจากไหนดึงผมออกมา แถมยังซัดหมัดเข้าที่หน้าผมอย่างจัง เจ็บฉิบหายเลยครับ





ดูเหมือนสาวสวยก็ตกใจที่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นเช่นกัน นี่มันอะไรกันครับ เรากำลังเข้าได้เข้าเข็มกันเลย





“ทำเชี่ยอะไรของมึง” ผมที่พอจะตั้งตัวได้ ลุกขึ้นตะคอกใส่หน้าคนที่มันต่อยผม





“กูมากกว่าที่ต้องถาม มึงเป็นเชี่ยอะไรมายุ่งกับแฟนกู” แฟนหรอ? ผมหันหน้าไปมองสาวคนนั้นทันที ไหนเธอบอกว่าเธอโสด แล้วไอ้ที่ยืนตรงหน้าแถมยังต่อยผมอีกมันเป็นใคร ผมว่าผมคงโดนคนสวยเล่นงานเข้าแล้วครับ





“โทษทีครับน้องมันเข้าใจผิด” ร่างหนึ่งเดินเข้ามากันตัวผมไว้ เพราะดูเหมือนไอ้ถึกมันจะพุ่งเข้ามาซัดผมอีกรอบ





























“เอ่อ...ม่อน กลับก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวเราไปส่งมิกซ์เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” พี่ช้อปคงโทรหาม่อนมันนะครับ เพราะผมโดนพี่แกลากตัวออกมาขึ้นรถเรียบร้อย









“เป็นไงครับโค้ช” พี่แกคงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดครับ เพราะผมเป็นคนบอกให้แกจับตาดูผมเอง เสียฟอร์มจริงๆ ครับ

อุตส่าห์จะโชว์พี่แกสักหน่อย แต่กลับเป็นพี่แกที่ช่วยผมออกมา ไม่งั้นผมคงโดนยำเละแน่ ผมคงสู้ไอ้บึกนั้นได้หรอกครับ แค่แขนมันก็ใหญ่กว่าขาผมอีก





“ไม่ต้องมาล้อผมเลยพี่ ใครมันจะไปรู้ละ ก็เธอบอกผมว่าโสด” ผมอยากจะบอกเธอจังครับ ว่ามาหลอกผมทำไม ทำแบบนี้กับมิกซ์ทำไม มิกซ์เสียใจ





“ทีหลังก็ดูตาม้าตาเรือมั่ง แล้วนี่เป็นไงบ้าง มาให้พี่ดูหน่อย” ผมยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก





“เอาไว้วันหลังเดี๋ยวผมทำให้พี่ดูใหม่รับรอง วะ....”





ผมนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากผม ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่ริมฝีปากผม แต่เป็นริมฝีปากของผมกับพี่ช้อปกำลังแนบสนิทกัน ผมถูกจู่โจมจากพี่แกอย่างไม่ทันตั้งตัว





พี่ช้อปแกจูบผมทำไม แล้วทำไมใจผมเต้นแรงแบบนี้ อาการร้อนผ่าวที่หน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ





ไม่รู้ว่าตอนนี้ผ่านไปนานเท่าไรแล้วที่ริมฝีปากของเราแนบกันแบบนี้





“เดี๋ยวพี่จะสอนให้เองว่าการจีบเขาทำยังไง” ประโยคที่ออกจากปากพี่แก หลังจากคลายปากตัวเองออกจากปากผม





พี่ช้อปต้องการอะไรกันแน่ แล้วทำไมถึงกลายเป็นพี่แกที่จะสอนผมแทน แล้วทำไมต้องมาสอนผมด้วย ผมไม่เข้าใจจริงๆ





แล้วไอ้หัวใจ ทำไมมึงต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วย









แจ้งข่าวนะครับ

หลายคนถามถึงคู่ #ช้อปมิกซ์ ผมจะแจ้งก่อนนะครับ ว่าในเรื่องนี้อาจจะมีพาร์ทของคู่นี้แทรกมาเล็กน้อยเท่านั้น เพราะคู่นี้จะไปโผล่ในนิยายอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมกำลังเขียนพล็อตอยู่ เนื้อเรื่องจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ แต่ผมจะใช้คาแรกเตอร์ของมิกซ์กับช้อปไปใส่ในเรื่องใหม่แทน ถ้ามีความคืบหน้าเดี๋ยวผมจะมาแจ้งอีกที ฝากติดตามไว้ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] Part มิกซ์ + แจ้งข่าวคู่ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-07-2018 17:17:50
ดักตบเลยดีไหม? :hao4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] Part มิกซ์ + แจ้งข่าวคู่ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-07-2018 17:21:59
พี่ช็อปจู่โจมแบบนี้เลยก็ได้เหรอคะ หืม? รอเรื่องคู่นี้จ้า
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 31-07-2018 21:37:56
ตอนที่ 23



#เทิร์นรุก








หลังจากการปาร์ตี้อันหนักหน่วง ไม่ใช่สำหรับผมหรอกครับแต่เป็นไอ้คนข้างผมเนี่ย เมาจนแทบจะเดินไม่ไหว ต้องเป็นภาระให้ลากมันขึ้นมาบนห้อง นี่ยังดีนะครับที่มิกซ์มันกลับไปกับช้อปไม่งั้น ขาผมได้หลุดก่อนถึงห้องแน่ๆ





แต่ผมแอบสงสัยนะครับว่าภาคมันเมาจริงหรือแกล้ง ก็มือไม้มันอยู่ไม่ค่อยจะเป็นสุข เผลอทีไรจับนู้นบีบนี่ เป็นผมที่ต้องคอยแกะค่อยตีมือไม่ให้มันซน





กว่าจะถึงห้องมันทำเอาลมแทบจับ ผมทิ้งตัวมันให้ลงไปนอนที่เตียง ผมฉีกยิ้มมองสภาพของมันตอนนี้





ถึงเวลากูเอาคืนมึงแล้วภาค



ผมคิดแผนจะแกล้งมันตั้งแต่ร้านเหล้าแล้วครับ ถือเป็นการแก้แค้นที่มันห้ามผมไม่ให้ดื่มเหล้า มันจะได้รู้ว่าต่อไปอย่าคิดจะมาแหย่รังแตน ไม่ใช่สิอย่างผมต้องต่อหัวเสือ





ผมกระโดดตามมันลงไปที่เตียง ค่อยเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อมันที่ละเม็ด ไม่ลืมที่จะเขี่ยวนทีหัวนมของมัน ตอนมือผมเลื่อนผ่าน





“อื้อ” เสียงมันครางในลำคอ มันคงจะรู้สึกเสียวครับ





ผมเลื่อนมือลงมาที่ท่อนล่างของมัน หลังจากที่ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของมันเสร็จ มือทั้งสองข้างบรรจงปลดเข็มขัดมันออก กางเกงยินส์ของมันถูกดึงออกจากตัว ตอนนี้ร่างกายของมันเหลือเพียงเสื้อเซิ้ตบางๆที่ถูดปลดกระดุมเรียบร้อยแลัว กับกางเกงในที่ดูตุงมากกว่าปกติ





ผมใช้มือข้างหนึ่งเล่นกับหัวนมมัน มืออีกข้างไล่วนที่เป้าของมัน ดูน้องชายของมันจะพองตัวเต็มที่ คงอยากจะออกมาอวดตัวแล้ว





“อื้อ” เสียงครางมันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้น้องชายมันออกมาเจอโลกเต็มที่แล้ว แต่คงเจอโลกได้ไม่นาน เพราะมันถูกครอบลงอีกครั้งด้วยปากของผม







“คิดจะลักหลับคนเมาเหรอ” มันคงจะได้สติขึ้นมาหน่อยแล้วครับ จับหัวผมโยกขึ้นโยกลงเล่นกับน้องชายมัน





มันจับผมพลิกตัวลงด้านล่างโดยมีมันคร่อมอยู่





“ถ้าอยากก็บอกกูดีๆ ก็ได้” มันซุกหน้าเข้าที่ต้นคอผม ดูดไซร้ ไล่เลีย จนผมดิ้นไม่หยุด





แต่นี้ไม่ใช่แผนการที่ผมวางไว้ ผมไม่ควรปล่อยให้มันรุกผมไปมากกว่านี้ งานนี้ต้องเป็นผมที่เป็นคนคุมเกมทั้งหมด





ผมดันหน้ามันออก จับมันพลิกตัวกลับลงไปนอนข้างล่างอีกครั้ง มันดูแปลกใจที่เห็นผมรุกมันมากกว่าปกติ มันไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงฉีกยิ้มส่งมาให้ผมเท่านั้น





ปล่อยมันยิ้มไปก่อนครับ





ผมซุกหน้าลงที่คอมันแทน ทั้งไซร้ทั้งดูดครับ เพิ่งเคยเห็นมันดิ้นพล่านขนาดนี้ครั้งแรก ผมกดปากลงกับปากมัน ส่งลิ้นอุ่นของตัวเองเข้าไปคว้านในปากมัน เกี่ยวลิ้นตัวเองเข้ากับลิ้นของมัน





“โอ๊ย” ผมแอบกัดปากมันไปทีหนึ่ง แก้แค้นที่มันทำกับผมตอนนั้น สีหน้ามันเริ่มเปลี่ยนครับ มันคงรู้สึกแล้วว่าวันนี้ผมรุกมันหนักเป็นพิเศษ





ไม่ต้องอึ้งหรอก เพราะยังมีเรื่องให้มึงอึ้งมากกว่านี้อีก





“แปลกจังทำไมวันนี้มึงรุกกูหนักจัง” ผมทำเป็นไม่สนใจมัน ไล่วนลิ้นที่หัวนมมันต่อไป





ดูมันจะเสียวมากครับ นี่เป็นโอกาสที่ผมจะได้เริ่มแผนต่อไป





“มึงรักกูมากแค่ไหนภาค” ผมโยนคำถามใส่หน้ามัน





“รักสิกูรักมึงมาก รักจนยอมให้มึงได้ทุกอย่าง” เข้าแผนผมครับ





“ยอมได้ทุกอย่างเลยเหรอ?” ผมฉีกยิ้มร้ายส่งไปให้มัน







“งั้นมึงคงยอมให้กู ‘รุก’ ได้สินะ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูมัน ไม่ลืมจะขบติ่งหูของก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา





มันดูตกใจมากครับ ถอยตัวร่นไปพิงกับหัวเตียง ขำหน้ามันตอนนี้มากครับ แต่ผมต้องเก็บอาการไว้ เดี๋ยวมันจะจับได้เสียก่อน





“มึงหมายถึง...” ผมพยักหน้ารับ มันดูกำลังครุ่นคิดอยู่ ดูท่าว่าจะกำลังคิดมากด้วย





“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กูจะได้รู้ว่ามึงไม่ได้รักกูจริง”





ผมก็ไม่คิดว่ามันจะยอมหรอกครับ แค่จะแหย่มันเล่นเท่านั้น









“ได้สิ” ผมที่กำลังหันหลังหนีมัน ต้องหันหน้ากลับมามองมันทันที เมื่อกี้มันว่ายังไงนะครับ มันบอกว่าได้หรอ เกินคาดผมมากครับ ผมนั่งคิดอยู่สักพักว่าจะเอายังไงต่อ แต่คงไม่ต้องคิดละครับ ก็มันเล่นนอนหันหลังซุกหน้าลงกับหมอนเรียบร้อย





ถึงขนาดนี้แล้วขอแกล้งมันอีกหน่อยละกัน





ผมขยับตัวไปหามัน ทิ้งตัวลงทาบกับตัวมัน ผมใช้ร่างกายส่วนหน้าถูกับแผ่นหลังของมัน





มือผมเลื่อนมาถูวนบริเวณบั้นท้ายของมัน ไม่ลืมที่จะฟาดมือลงบนก้นมันไปสองสามที่ เล่นเอามันสะดุ้งเฮือกเลยครับ





“กูคิดว่ามึงคงพร้อมแล้วนะ”









Part

ภาค






“งั้นมึงยอมให้กูรุกได้สินะ” ผมตั้งตัวกับคำพูดของมันไม่ทันครับ ถอยตัวออกมาพิงกับหัวเตียง





ขอตั้งหลักก่อนครับ ผมก็สงสัยครับว่าวันนี้ม่อนมันดูแปลกๆ ตั้งแต่ร้านเหล้าแล้ว ที่ผมห้ามไม่ให้มันดื่ม กับก่อนหน้านี้ที่มันดูรุกผมมากเป็นพิเศษ ต่างจากที่ผ่านมา ทั้งถอดเสื้อผ้าผม ไซร้ เล้าโลมผม คิดไม่ถึงเลยครับครับว่ามันอยากจะรุกผม แบบว่าเข้าข้างหลังผมแบบที่ผมทำกับมัน





เอาไงดีครับ ที่ผ่านมาผมเป็นคนทำมันตลอดแต่ตอนนี้มันขอทำกับผมบ้าง ถึงกับเครียดเลยครับ





“ได้สิ” ผมไม่ได้เผลอหลุดปากตอบมันไปหรอกครับ แต่ผมคิดว่าผมกับมัน เรารักกัน มันก็เป็นผู้ชายแต่ก็ยอมให้ผมมาตลอด แล้วทำไมผมถึงจะทำให้มันไม่ได้ ที่ผมทำก็แค่อยากให้มันรู้ว่าผมรักมันมาก





แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นไป ผมก็ยังแอบหวั่นๆอยู่ ผมไม่กล้ามองหน้ามันครับ คว่ำตัวเอาหน้าซุกกับหมอน





ตอนนี้เหมือนมีร่างอุ่นค่อยเลื่อนตัวขึ้นมาทาบบนตัวผม มันแนบตัวลงมาถูกับแผ่นหลังผม มือบีนเค้นอยู่ที่ก้น





“เพี๊ยะ” เสียงมือฟาดลงที่ก้น ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าม่อนมันจะทำแบบนี้ เพราะผมก็ยังไม่เคยทำกับมัน ผมว่างานนี้มันเอาจริงแน่ๆ ครับ





“กูคิดว่ามึงพร้อมแล้วนะ” เสียงกระซิบดังที่ข้างหู พร้อมแรงจากมือของม่อนจับผมให้พลิกตัว เปลี่ยนเป็นนอนหงายแทน





ผมหลับตานอนเกร็งพร้อมรับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น





'กูพร้อมแล้ว'

'นิ่ง'

'เงียบ'

'มึงไม่ทำสักทีละ'







“ฮาๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะดังลั่นห้องครับ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดู ไอ้ตัวดีของผมนั่งกุมท้องหัวเราะก๊ากอยู่ตรง อย่าบอกนะครับว่าผมโดนมันหลอก



นี่ผมเสียเหลี่ยมให้ม่อนมันเหรอเนี่ย ไอ้ภาคเอ้ย





“มานี่เลยมึง” ผมกระโจนเข้าไปล็อคตัวมันไว้ มันยังไม่หยุดหัวเราะครับ





ได้ อยากหัวเราะมากใช่ไหม ผมกดหน้าซุกลงกับหน้าท้องมัน ดิ้นสิครับ ใครมันจะทนไหวกับลีลาการไซร้ของผมได้ เป็นไงละมึงแกล้งกูดีนัก





“พะ...พอก่อน กูไม่ไหวแล้ว ฮาๆ ๆ”





“ถ้ากูหยุดมึงต้องยอมทำตามที่กูบอก” เอาคืนมันหน่อยครับ





“ฮาๆ ๆ มะ...ไม่ๆ ฮาๆ ๆ”





“ว่าไงนะ”





“กู ยะ...ยอมแล้ว ฮาๆ ๆ ปะ...ปล่อยได้แล้ว” ผมดึงหน้าออกแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนออก ผมรู้ทันมันครับ เห็นมันอย่างนี้เหลี่ยมเยอะเหมือนกันนะครับ





“ปล่อยกูได้แล้ว” มันโว้ยผมใหญ่เลยครับ ดิ้นไม่หยุด แรงเยอะจริงเลยครับแฟนผม





“จะให้ทำอะไรก็รีบบอกมาสิ” ผมคิดไว้แล้วครับว่ามันต้องยอม มันคงเห็นว่าผมกอดมันแน่นไม่ยอมปล่อยสักที สุดท้ายมันก็ต้องยอมผม





“เดินไปเปิดลิ้นชัก” ผมชี้มือไปที่ลิ้นชักที่หัวเตียง









มันยืนนิ่งมองสิ่งที่อยู่ในลิ้นชัก หยิบสิ่งของที่ผมเตรียมไว้สำหรับมันโดยเฉพาะขึ้นมา





มันหันมองหน้าผมสลับกับของในมือ ขมวดคิ้วเป็นเชิงถามผม





ผมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับมัน ชี้นิ้วไปทางห้องน้ำ มันดูขัดขืนนิดหน่อยแต่ก็ยังเดินตรงไปที่ห้องน้ำ มันยังไม่ลืมส่งสายตาอาฆาตมาที่ผม





ใครบอกให้มึงเอาไม้มาแหย่เสือละ พอมันตื่นมึงจะมาโวยวายไม่ได้ ฮาๆ ๆ ๆ









ผมนั่งรอมันที่เตียงนานมาก นานจนน้องชายผมหด ถึงหดแต่ก็ยังดูยิ่งใหญ่เหมือนเดินนะครับ ฮาๆ ๆ ๆ

มันเข้าไปในห้องน้ำนานมาก กับของที่ผมให้ไปก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้





“เสร็จยังวะม่อน กูรอนานแล้วนะ” ผมเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ





“มึงไปเตรียมของแบบนี้มาตั้งแต่ตอนไหน” เสียงมันดูเกรี้ยวกราดมากครับ





“กูคิดว่ามันเหมาะกับมึงเลยซื้อมา มึงอย่ามาถ่วงเวลารีบออกมาได้แล้ว”





“เงียบไปไอ้สัส ไปรอที่เตียง เดี๋ยวกูออกไปเอง”







“แกร๊ก...” ผมหันหน้าไปตามเสียง ประตูห้องน้ำค่อยแง้มเปิดออก





เฮือก ผมนั่งตาค้าง ยกมือขึ้นถูบริเวณจมูก เช็คว่ามีเลือดไหลออกมาไหม น้องชายสุดรักของผมจากที่นอนหลับสบายอยู่ตรงหว่างขา กลับผมหงาดชูชันอีกครั้ง จนปวดเหมือนแทบจะระเบิดออกมา





ภาพที่เห็นข้างหน้าคือม่อนกำลังก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับกางเกงในตัวพิเศษที่ผมเตรียมไว้ให้มัน ทุกคนอาจจะสงสัยว่าพิเศษยังไง ก็เพราะมันเป็นกางในที่ปิดเพียงส่วนด้านหน้าไว้เท่านั้น ด้านหลังเปิดโล่ง มีเพียงสายยางยืดเส้นเล็กพาพาดไว้ทั้งสองข้างเท่านั้น เผยให้เห็นบั้นท้ายที่ถึงแม้จะไม่ได้งอนเท่ากับผู้หญิง แต่มันกลับดึงดูดสายตาผมได้มากกว่าผู้หญิงที่ผมผ่านมาเสียอีก





ผมกระโจนเข้าไปตระครุบมันทันที ทนไม่ไหวแล้วครับ อยากจะกินมันลงไปทั้งตัวเลย



“อย่าเพิ่งสิวะ” มันโวยวายทันที





“กูไม่ไหวแล้วม่อน มึงยั่วกูมากรู้ไหม” มันยั่วมาก ยั่วมากจริงๆ ครับ





ผมไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่ตอนไหน จากหน้าอกบึ้มๆ เอวคอดๆ สะโพกเด้งๆ กับคนตรงหน้า ที่หน้าอกนูนเพียงเล็กน้อย เอวไม่ได้คอดแบบที่ผมชอบ แถมมีซิกแพคกับก้นแน่นแบบผู้ชายนั้นอีก สงสัยผมคงหลงเสน่ห์ม่อนมันเข้าเต็มเปาแล้วล่ะครับ





“อื้อ” ผมก้มตัวลงไปชิมยอดอกมัน เสียงครางมันช่วยเพิ่มอารมณ์ผมมาเลยครับ





จากหัวนมเลื่อนลิ้นลงมาวนตรงสะดือของมัน ดูเหมือนจุดนี้จะเป็นจุดอ่อนของมัน ผมแตะลิ้นลงทีไรร่างกายมันนี้สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดครับ





มันคงจะเสียวเต็มที่แล้วครับ เพราะน้องชายมันผะหงกหัวหงึกๆ ภายใต้กางเกงในสุดเซ็กซี่ตัวนั้น





“ภาค อื้อ” ผมก้มหัวลงแตะปลายลิ้นลงส่วนปลาย มือทั้งสองข้างของมันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ดูเหมือนมันจะมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นนะครับ ทั้งตอนแรกที่รุกผมหนักแบบนั้น ตอนนี้จิกหัวผม กดให้ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอีก





“เก่งขึ้นนะมึง” ผมละปากออก ก้มลงจูบกับมันแทน





“เก่งแบบนี้กับกูแค่คนเดียวนะ” ดูเหมือนหน้ามันจะแดงขึ้นมาทันที ผมชอบที่มันเก่งเรื่องแบบนี้ แต่หวังว่ามันคงจะไม่ไปเก่งกับใคร ไม่ใช่สิครับ ผมคงไม่มีทางปล่อยให้ใครได้เห็นมันแบบที่ผมเห็นตอนนี้แน่นอน





“มึงเป็นของกูคนเดียวนะ” ผมจับขาทั้งสองข้างของมันขึ้น ค่อยดันน้องชายผมเข้าไปอย่างช้าๆ





“อ้า ม่อน” มันยังคงรัดแน่นเหมือนเดิม ทำเอาผมปวดหนึบแทบจะทนไม่ไหว





“ภะ...ภาค ช้าหน่อย อื้อ ช้าหน่อย” เสียงมันครางร้องให้ผมลดจังหวะการขยับสะโพกลง





คงยากครับ เครื่องผมติดแล้วไม่มีอะไรมาหยุดมันได้แน่นอน





“ม่อนกอดคอกูไว้” มันทำหน้าสงสัย ผมจับมือทั้งสองข้างของมันคล้องเข้าที่คอ อุ้มให้มัน แล้วยืนขึ้นโดยที่น้องชายผมยังอยู่ภายในตัวมัน





“มึงจะทำไรภาค อื้อ” ผมไม่รอให้มันสงสัย กระแทกสะโพกสวนขึ้นไปทันที





ผมเพิ่มแรงขยับขึ้นเรื่อย ม่อนดูจะเสียวมาก กอดคอ จิกเล็บลงแผ่นหลังผม แสบนิดหน่อยแต่ได้อารมณ์มากครับ





“ม่อน กูไม่ไหวแล้ว”





“กูก็ไม่ไหวแล้ว” ผมวางตัวมันลงที่แตง เร่งจังหวะการกระแทกเพิ่มขึ้นอีก มือหนึ่งช่วยสาวน้องของม่อนมัน





“พร้อมกันนะ” ผมส่งสัญญาณให้มัน





“อะ...อ้า” ตัวผมกระตุกหลายครั้งพร้อมกับน้องชายผมที่อยู่ในตัวม่อน





ม่อนเองก็เช่นกัน ช่องทางมันตอดรัดผมแน่นทุกครั้งที่มันกระตุก น้ำสีขุ่นพุ่งเลอะข้างแก้มมัน





ผมก้มลงไปใช้ลิ้นเลียน้ำรักของมันเข้าปาก ก่อนส่งลิ้นเข้าปากมัน เป็นการจูบส่งท้ายกิจกรรมครั้งนี้







“มึงพูดจริงหรอที่ให้กูเอามึงอ่ะ” มันถามภายใต้อ้อมแขนของผม





ยังมีหน้ามาถามอีกนะมึง





ผมละอยากจะเขกหัวมันสักที





“กูนอนให้มึงขนาดนั้นมึงคิดว่าไงละ” ผมตอนแบบอายๆ เห็นแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะครับ





“กูแค่จะล้อมึงเล่น ไม่คิดว่าจะให้จริง”





“กูไม่รู้หรอกว่ามึง พูดจริงหรือพูดเล่น แต่ถ้ามึงขอและกูก็คิดว่ามันเป็นความสุขของมึง กูเลยยอม”





มันยังขำส่งยิ้มกวนมาให้ผมอีก สงสัยจะชอบที่แกล้งผมได้





“และจำไว้ด้วยว่ากูยอมมึงได้ทุกเรื่อง เพราะกูรักมึง รักมากด้วย” ผมกดจมูกตัวเองเข้ากับจมูกของมัน มือกอดรัดตัวมันแน่น





“งั้นถ้ากูจะเอามึงจริงก็ได้สินะ”





“ยังไม่เข็ดสินะ” ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมมันอีกครั้ง ไม่สนใจเสียงร้องห้ามมันอีกแล้วครับ อยากยั่วผมอีกทำไม





“ไม่เอา ไอ้เหี้ยภาคไม่เอาแล้ว” คงไม่ต้องอธิบายนะครับว่าเป็นยังไงต่อไป หึๆ ๆ













Part

ม่อน



“ม่อนตอนมึงจูบกับพี่ภาคมึงรู้สึกยังไง” ก็ไอ้น้องชายผมนั่งที่เหม่อ อยู่ดีก็ถามผมขึ้นมา มันเป็นอะไรของมัน ตั้งแต่วันนั้นที่มันไปเที่ยวมา





“มึงถามกูทำไม” สงสัยครับ เสือผู้หญิงอย่างมันถึงมีอาการแบบนี้ แล้วทำไมมันต้องถ้าเรื่องผมกับภาค





“มึงตอบกูมาก่อน” อ่าวไอ้นี่ มึงไปกินรังแตนที่ไหนมา กูพี่มึงนะ





“ก็ใจเต้นรั่วๆ รู้สึกว่าหน้ามันร้อนกว่าปกติ แล้วก็รู้สึกดี”





“แล้วมึงชอบพี่ภาคไหม”





“มึงนี่ยังไงแฟนกู กูก็ต้องชอบสิ” มันเป็นเหี้ยอะไรของมันครับวันนี้ ผมงงไปหมดแล้ว





“ไม่จริง ไอ้สัส อย่ามาหลอกกู” มันขว้างหมอนที่อยู่ในมือ แล้วเดินหนีออกจากห้อง

ทันที





ผมหันไปสบตากับนัทที่กำลังนั่งดูเหตุการณ์อยู่ และมันก็คงสงสัยไม่ต่างจากผม





มันไปโดนอะไรมากันแน่ครับ


หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 01-08-2018 08:41:11
55555 ม่อนเอ้ยยย น้องกำลังเดินตามมาติดๆ ซะเเล้ว /// ว่าเเต่ถ้าม่อนเอาจริงคงฮานะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 01-08-2018 11:13:25
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-08-2018 11:21:24
เสร็จช้อปแล้วละสิ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-08-2018 12:20:25
เรียบร้อย ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-08-2018 19:50:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 23 #เทิร์นรุก
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-08-2018 20:35:25
ม่อนจะแกล้งภาคสุดท้ายโดนเอาคืนซะงั้น ส่วนมิกซ์คงกำลังสับสนอยู่สินะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 24 #กูอยู่ตรงนี้
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 01-08-2018 22:53:42
ตอนที่ 24



#กูอยู่ตรงนี้





เช้านี้ผมมาคณะพร้อมๆ กับภาค จะไม่ให้มาพร้อมมันได้ยังไงครับ ก็มันบังคับให้ผมเก็บเสื้อผ้ามาอยู่กับมัน แต่ผมไม่ได้ทำตามที่มันบอกหรอกครับ เก็บแค่เสื้อผ้าบางส่วนที่ต้องใช้มาเท่านั้น เผื่อว่าวันไหนมันหื่นหนักๆจะได้แอบหนีมันกลับมานอนที่หอ



แต่ทำไมวันนี้ดูแปลก สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ผมกับภาค เขามองทำไม หรือเพราะว่าภาคมันกอดคอผม แต่คิดดูแล้วคงไม่ใช่เพราะปกติภาคมันก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว และคนรอบข้างก็มักจะมองเสมอ แต่ครั้งนี้เหมือนต่างออกไป สายตาที่มองเหมือนจะจับผิดผม บางคนถึงกับเบะปากใส่ผม แล้วหันกลับไปซุบซิบกับกลุ่มเพื่อน



เกิดอะไรขึ้น ผมเริ่มจะกังวลขึ้นมาแล้วครับ ดูเหมือนว่าภาคมันก็รู้สึกเหมือนกัน มันกระชับกอดแน่นขึ้น เหมือนจะบอกผมว่าไม่ต้องไปสนใจ ผมคงทำเป็นไม่สนใจไม่ได้หรอกครับ จากสีหน้าและแววตาผมว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ



“ม่อน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” มีนวิ่งมาลากแขนผมทันทีที่เห็นหน้า ผมว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แบบที่ผมกังวล เพราะดูจากสีหน้าอาการของมีนด้วยแล้ว



เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ



“คณบดีเรียกตัวมึงด่วน” มีนเล่าทันที



“ทำไมละ” สงสัยจริงๆ ครับว่าทำไมอยู่ดีๆ คณบดีถึงเรียกผมไปพบด่วนแบบนี้



“มึงคงยังไม่เห็นนี่ใช่ไหน” มีนยกโทรศัพท์ตัวเองให้ผมดู



ใครที่ทำเรื่องแบบนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้น





‘คู่ขาคนใหม่ของภาค หนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะ เคยเป็นบาร์โฮสต์ และที่พีคไปกว่านั้นคือนางขายตัวด้วย’

แคปชั่นพร้อมรูปผมที่กำลังถือขวดเหล้าบริการแขกอยู่ โชว์หลายเต็มหน้าเฟช





โทรศัพท์ในมือผมร่วงลงที่โต๊ะ มันเป็นเรื่องใหญ่และใหญ่มากๆ สำหรับผม การที่มีข่าวลือ ไม่ใช่สิมันเป็นจริงตามที่เขาบอกหลุดออกมาแบบนี้ หมายถึงชีวิตในมหาลัยผมต้องจบลงอย่างแน่นอน คงไม่มีมหาลัยไหนปล่อยให้นักศึกษาที่ขายตัวได้เรียนต่อหรอกครับ



ผมลุกขึ้นวิ่งออกมาจากโรงอาหาร ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมมันต้องเกิดกับผมด้วย



ผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา ไม่รู้จะห้ามตัวเองยังไงไม่ให้ร้องไห้ มันหนักเกินกว่าที่ผมจะรับไหวครับ ถ้าผมถูกไล่ออกจริงหมายความว่าความหัวของพ่อแม่ อนาคตที่ผมวาดหวังไว้ว่าจะทำให้ท่านทั้งสองมีความสุข คงเลือนหายไป ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ผมไม่อยากทำให้ท่านเสียใจ ผมควรทำยังไงดีครับ



ผมวิ่งออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไม่ไหวแล้วครับ ผมเหนื่อยจนไม่มีแรงจะวิ่งอีกต่อไป ขาทั้งสองข้างสั่งให้หยุดวิ่ง ผมทิ้งตัวลงม้านั่งริมสระน้ำของมหาลัย



ทำไมชีวิตผมต้องเป็นแบบนี้ด้วย เพราะความจนคำเดียวที่ทำให้ผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไมคนเราถึงได้เกิดมาแตกต่างกันแบบนี้ คนรวยก็รวยจนล้นฟ้า คนจนอย่างผมก็ได้กัดฟันทนเพียงหวังจะทำความฝันให้สำเร็จเพียงเท่านั้น



ผมลุกยืน สองเท้าก้าวมองไปข้างหน้า สระนี้จะลึกขนาดไหนเชี่ยวนะ ลึกพอจะฆ่าคนแบบผมได้ไหม



ภาพหน้าพ่อกับแม่ดีใจที่รู้ว่าผมสอบติด ภาพที่พ่อกับแม่ยืนยิ้มยกมือขึ้นลูบหัวผมในวันที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ครั้งแรก ผมทำมันพังลงทั้งหมดแล้ว ความหวังของพ่อแม่ผมทำมันพังหมดแล้ว



“หวังว่าเราจะไม่เจอเรื่องแบบนี้อีกนะ”



ผมหวังจริงๆ ว่าถ้าผมไม่หายใจ คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว







“ม่อน”

เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง เสียงที่ผมคุ้นเคย



ภาคมันคงวิ่งตามหาผม สภาพเสื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ อาการเหนื่อยหอบ หน้าที่ดูเป็นกังวลนั้น



ผมอยากอยู่กับมัน อยากเห็นหน้ามัน ไม่อยากทิ้งมันไปไหน แต่ตอนนี้มันหนักเกินที่ผมจะรับไหวแล้วจริง



“กูรักมึงนะภาค” เสียงที่แหบแห้งจนแทบจะไม่มีเสียง



ผมหันกลับไปมองที่สระน้ำอีกครั้ง สองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า





“กูผิดเอง กูขอโทษ” เสียงมันตะโกนมาอีกครั้ง เสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผม เสียงที่ผมรู้ว่ามันกำลังร้องไห้



“ถ้าวันนั้นกูไม่พูดแบบนั้นกับมึง ไม่เอาความเศร้าของตัวเองไปลงที่มึง ไม่เห็นแก่ตัว มึงก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”



ไม่ใช่ความผิดของมันหรอกครับเป็นผมเอง ผมผิดเองทั้งหมด ที่พาตัวเองเข้าไป



มันเดินเข้ามากุมมือผมไว้



"มึงจะทำอะไร" ผมหันหน้าไปมองมัน



“ถ้ามึงคิดจะทำแบบนี้ กูก็จะทำกับมึงด้วย เพราะกูเป็นต้นเหตุ” ที่มันกำลังพูดอยู่หมายถึงว่ามันจะโดดลงไปพร้อมผมเหรอ 

ไม่มีทางผมไม่มีทางให้มันทำแบบนั้นแน่นอน

สติที่หายไปจากตัวผมก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง



“ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอก” ผมปล่อยโฮอีกครั้ง โถมตัวเข้ากอดมันเต็มแรง



“มึงอย่าทำแบบนี้อีก ถ้ามึงรักกูมึงอย่าทำแบบนี้อีก” มันกอดผมแน่นมือข้างหนึ่งลูบที่หัวผม



ผมกำลังคิดจะทำอะไร ผมทำแบบนี้ทำไม ผมทำให้มันต้องเป็นห่วงผมขนาดนี้ได้ยังไง แค่ความเห็นแก่ตัวของผมทำให้อีกคนต้องทุกข์ใจแบบนี้ ถ้าผมคิดกระโดดจริงภาคมันจะเป็นยังไง ทำไมผมไม่เคยคิดมาก่อน



“กูไม่ไหวแล้วจริงๆ มันหนักเกินไปแล้วจริง”



“ใครบอกให้มึงแบกมันไว้คนเดียว มึงลืมไปแล้วหรอว่ายังมีกู มิกซ์ มีเพื่อนมึงอีก แล้วพ่อแม่มึงหละ มึงคิดถึงท่านบ้างไหม” ผมคิดครับ แต่คิดเพียงว่าผมทำให้พวกท่านเสียใจ



“กูไม่อยากเห็นพวกท่านเสียใจ” ผมซุกหน้าเข้าที่อกมัน



“แล้วถ้ามึงทำแบบนี้ มึงไม่คิดหรอว่าท่านจะรู้สึกยังไง ท่านจะอยู่ได้ไหม ไม่มีพ่อแม่คนไหนเกลียดลูกตัวเองได้ลงคอหรอก” ผมพยายามคิดตามที่มันพูด มันพูดถูก ภาคมันพูดถูก ถ้าผมทำแบบนั้นพ่อแม่ผมจะเป็นยังไง แค่ตอนผมป่วยท่านก็ดูเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ แล้วนี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่



“อย่าแบกมันไว้คนเดียว มึงยังมีกู มีเพื่อน” มันถอยตัวออก เผยให้เห็นมีนกับเฟิร์นที่ยืนร้องไห้อยู่ด้านหลัง นัทกับอาร์มก็ดูกังวลไม่ต่างกัน



“กูขอโทษพวกมึงจริงๆ” พูดไปก็สะอื้นไป







ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าตึกคณบดี ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ ภาคมันเดินจับมือผมมาตลอดทาง มันบอกจะมาเป็นเพื่อน ผมก็ไม่อยากมาคนเดียวหรอกครับ อย่างน้อยมีมันที่ค่อยยืนเป็นกำลังใจให้ อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยมันเกิดครับ



“ไม่เป็นไรหรอกเชื่อกู กูจะรอมึงอยู่ตรงนี้นะ” มันยกมือลูบหัว ยิ้มให้กำลังใจผม





ผมเอื้อมมือค่อยๆดันประตูให้เปิดออก ผมไม่รู้ว่าอากาศในห้องมันหนาวกว่าปกติหรือผมแค่รู้สึกไปเอง ถ้าถามว่าอารมณ์เหมือนตอนเข้าห้องปกครองตอนมัธยมไหม คงตอบไม่ได้ครับเพราะผมไม่เคยเข้าห้องปกครองเลยสักครั้ง มีแค่มิกซ์มันนั่นแหละครับที่เข้าไปบ่อยๆ



ผมเดินตรงไปที่โต๊ะที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งมองเอกสารอยู่ คณะบดีผมเป็นผู้หญิงครับ ดูท่าทางท่านน่าจะเนี๊ยบอยู่พอสมควร ผมประหม่าขึ้นกว่าเดิมอีกครับ



“สวัสดีครับ ผมกรวิทย์ ครับ” เธอเงยหน้าขึ้นมอง ขยับแว่นให้เข้าที่ ผมยืนนิ่งมือประสานกันที่หัวเข็มขัด กลืนน้ำลายเอือกใหญ่



“มาแล้วเหรออาจารย์กำลังรอเธออยู่พอดี” น้ำเสียงที่ดูใจดีขัดกับใบหน้าของเธอ แต่ก็ยังไม่ทำให้ความประหม่าของผมลดลงเลย



“ผมอธิบายได้นะครับ”



“งั้นไหนบอกมาสิว่าเรื่องมันเป็นยังไง” เธอสบตาผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก



“ผมยอมรับครับว่าเรื่องผมเคยทำงานเป็นโฮสต์ แต่เรื่องขายตัวนั้นผมไม่ทำจริงๆ นะครับ” ผมยอมโกหกตามที่มีนแนะนำ มันเป็นทางเดียวที่อาจจะทำให้ผมไม่ถูกไล่ออก ผมพยายามอ่านความคิดจากสีหน้าของท่านคณบดี แต่ก็ยังดูไม่ออกว่าเธอคิดอะไร



“แล้วเธอมีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปทำงานแบบนั้น” เสียงเธอดูจริงจังขึ้น แต่สีหน้ากลับดูอ่อนลง



“ผมจำเป็นจริงๆนะครับ ถ้าผมไม่ทำผมก็ไม่มีเงินเรียนต่อ ไม่มีเงินส่งให้ที่บ้าน แล้วผมก็มีน้องอีกคนที่กำลังเข้ามหาลัยด้วย” ผมอธิบายไปตามจริง



“แล้วพ่อแม่เธอหละ”



“พ่อแม่ผมก็ทำงานรับจ้างครับ แต่เงินมันไม่พอใช้จ่าย ผมเลยลองหางานทำดู แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานนั้นแล้วนะครับ”



“แล้วเธอจะเอายังไงต่อ ข่าวมันก็ออกมาอย่างนี้แล้ว”



“ผมไม่รู้ครับ แต่ท่านอย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ผมไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ” น้ำตาผมเริ่มไหลขึ้นมาอีกครั้ง มือที่ยกขึ้นประนมสั่นซะจนแทบควบคุมไม่ได้



ตอนนี้ผมคิดแค่ว่าจะทำยังไงไม่ให้โดนไล่ออกเท่านั้น



“อาจารย์ก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไล่เธอออก” ผมเงินหน้าไปมองที่เธอทันที เธอบอกว่าจะไม่ไล่ผมออก ผมฟังไม่ผิดจริงใช่ไหมครับ



“อาจารย์รู้ว่าพื้นฐานคนเรามันไม่เท่ากัน อย่างเธอที่ต้องดิ้นรนหาเงินเรียนเอง อาจารย์แค่จะบอกว่ามันมีงานอื่นที่ให้ทำอีกเยอะเธอไม่ต้องไปทำงานแบบนั้นก็ได้ อีกอย่างอาจารย์ว่าผลการเรียนแบบเธอขอทุนเรียนได้สบายๆ เลยหละ ถ้าสนใจทุนเดี๋ยวอาจารย์ช่วยก็ได้นะ”



“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ” ผมยกมือขึ้นไหว้อยู่อย่างนั้น น้ำตาที่ไหลก็ดูท่าจะไม่หยุดสักที ผมดีใจมากครับ ดีใจมากจริงๆ



“แต่ยังไงก็ตาม อาจารย์ก็ต้องทำทัณฑ์บนเธอไว้ก่อนนะ แล้วก็อย่าไปทำงานแบบนั้นอีก”



“ขอบคุณมากครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”



“ไม่เป็นไรๆ แต่อย่าลืมตั้งใจเรียนเข้าละ” เธอยิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากห้อง



ผมอยากจะตะโกนปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกมา





ผมผลักประตูออกมาก็เจอภาคยืนจ้องหน้าผมอยู่ เหมือนมันกำลังรอคำตอบจากผม



ผมโผเข้ากอดมันทันที น้ำตาที่ยังไม่แห้งดี ไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง



“กูไม่โดนไล่ออกแล้วภาค กูไม่โดนไล่ออกแล้ว” ผมซุกหน้าสะอื้นตรงอกมัน



“กูบอกมึงแล้วไง ที่หลังก็ใจเย็นอย่าวู่วาม ถามไม่มีมึงแล้วกูจะอยู่ยังไง” มันรัดตัวผมแน่นขึ้น ก้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากผม



ขอบคุณมึงจริงๆนะที่ช่วยฉุดกูขึ้นมากจากหลุม หลุมลึกและมืดมนที่กูสร้างขึ้นมาเอง ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กูในวันที่กูท้อมากที่สุด



ต่อไปนี้จะทำอะไรสักอย่างผมต้องคิด ต้องย้ำกับตัวเองแล้วว่า อย่าปล่อยให้อะไรก็ตามมาปิดบังความหวังดี ความเป็นห่วงและความรักจากคนรอบตัวผม สิ่งแรกที่ผมต้องมองคือความรู้สึกของคนที่รักผมและคนที่ผมรัก





‘ถึงใครจะมองมึงว่ายังไง แต่อยากให้มึงรู้ไว้ว่ามึงเป็นคนสำคัญที่สุดของกู กูจะยืนอยู่ข้างๆมึงเสมอ’

ภาค ภาค ได้แท็กคุณในโพสต์



กูรู้และขอสัญญาว่าต่อจากนี้ไปกูจะคิดถึงความรู้สึกมึงให้มากที่สุด







Part 

ช้อป





"มืกซ์"

ผมบังเอิญขับรถผ่านหน้าร้านที่มิกซ์ทำงานอยู่พอดี ไม่ได้เจอน้องมันมาสองวันแล้วครับ ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมจูบมันบนรถ ดูมันอึ้งๆกับสิ่งที่ผมทำ สงสัยยังไม่เคยโดนผู้ชายจูบ 



ผมยอมรับครับว่าตอนนี้สนใจในตัวมิกซ์เข้าแล้ว ดูเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเองสูง โดยเฉพาะเรื่องรักใคร่ๆ แถมยังเสนอตัวเป็นโค้ชให้ผมอีก อย่างผมเนี่ยนะต้องให้ใครมาสอน ถึงผมจะอกหักจากม่อนแต่ที่ผ่านมาเรื่องจีบใครผมไม่มีทางพลาด



ถึงเวลาแล้วครับที่ผมต้องคลายเขี้ยวและเล็บออกมาให้มันได้เห็นบ้าง แต่ใครจะคิดละครับว่าแค่จูบน้องมันจะนั่งนิ่งตาค้างขนาดนั้น แถมยังเงียบไม่ยอมพูดกับผมตลอดทาง



ดูเหมือนมิกซ์จะรีบมากๆ เพราะเห็นรีบสาวเท้าวิ่งออกจากร้านด้วยความเร็ว 

มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าดูมิกซ์จะรีบร้อนและเป็นกังวลมาก



"ปี๊ดๆๆ" ผมขับรถไล่ตามหลังมา กดแตรเรียกให้มิกซ์หันมา

น้องมันคงจำได้ครับว่าเป็นรถผม มันรีบเปิดประตูกระโดดขึ้นรถผมทันที 



แปลกครับ  แปลกมาก วันนั้นยังดูโกรธผม แต่ตอนนี้กระโดดขึ้นรถผมแบบนี้หมายความว่าน้องมันหาโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ



"พี่ช้อปๆ พาผมไปหาม่อนหน่อย" เสียงมิกซ์ดูสั่น เขย่าแขนผมให้รีบออกรถ 



ผมยังไม่เข้าใจว่ามิกซ์เป็นอะไร ทำได้เพียงยกมือจับหัวไหล่ทั้งสองข้าง พยายามให้มันใจเย็นลง



"ใจเย็นๆ ค่อยๆพูด มีอะไรบอกพี่มา"



"ม่อน ม่อนมันจะฆ่าตัวตาย" 



"ว่าไงนะ" ผมตกใจที่ได้ยินคำตอบจากมิกซ์ ม่อนจะฆ่าตัวตายหรอ แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น



"ที่ไหนบอกพี่มา" ผมรีบขับตรงไปที่สระน้ำมหาลัยทันที



มิกซ์ดูกังวลมาก นั่งบีบมือตัวเองสายตามองข้างหน้าตลอดเวลา ผมก็คงไม่ต่างจากมิกซ์ครับตอนนี้ กดเท้าเหยียบจนสุด อยากรีบไปถึงให้เร็วที่สุดเป็นห่วงม่อนมากครับ



"ตึ๊ดๆๆๆ ตึ๊ดๆๆๆ"



"มิกซ์ๆๆ" มิกซ์ดูเหม่อมาก ใจลอยจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองที่อยู่ในมือ



"โทรศัพท์" ผมพยักหน้าไปทางโทรศัพท์ที่อยู่ในมือมิกซ์





"พี่มีนม่อนเป็นไงบ้าง" ผมเลี้ยวรถจอดข้างทางทันที พยายามตั้งใจมิกซ์ที่กำลังคุยโทรศัพท์กับมีน



"จริงหรอพี่ ครับๆ ฝากพี่ดูแลม่อนด้วยนะครับ"



"ฮึกๆๆ ฮึกๆๆ" เสียงสะอื้นดังขึ้นทันทีที่มิกซ์วางสาย ผมเริ่มกังวลขึ้นกว่าเดิมครับ



"ม่อนเป็นยังไงบ้าง"



"ปลอดภัยแล้วครับ"



"ปลอดภัยแล้วเราร้องไห้ทำไม" ผมยกมือขึ้นลูบหัวมิกซ์ 



"ทำไมม่อนมันต้องทำแบบนี้ ฮือๆ" ผมสะดุ้งยกมือทั้งสองข้างขึ้น เพราะอยู่ดีมิกซ์ก็กระโจนเข้ามากอดผมเต็มแรง 



"ผมกับมันมีกันแค่สองคน ถ้ามันเป็นอะไรไปผมจะอยู่ยังไง ฮึกๆๆ" ผมรวบตัวมิกซ์เข้ามากอด

ถึงมิกซ์จะชอบกวนม่อน แต่ถึงตอนนี้ผมก็รู้ว่ามิกซ์คงรักม่อนมาก 



"พี่ว่าม่อนก็คงมีเหตุผลของเขาแหละที่ทำแบบนั้น ตอนนี้ม่อนก็ปลดภัยแล้ว" 



"ผมกลัวๆ ว่ามันจะทำแบบนั้นจริงๆ" มิกซ์ยังสะอื้นซุกหน้าที่อกผมอย่างนั้น 



"พี่เข้าใจ ม่อนก็ไม่เป็นไรแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้ว" ผมคลายกอด ดันตัวมิกซ์ออก ยกมือทั้งสองปาดน้ำตาบนหน้าออก



"หมดกัน ร้องซะหมดเท่เลย" ผมยกมือขยี้ผมมิกซ์ จากมิกซ์สุดเท่ สุดกวน ตอนนี้กลายเป็นเด็กขี้แย ร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงหน้าผม 



น่ารักดีครับ มิกซ์ในมุมแบบนี้ ถึงจะดูเป็นคนแข็งแรงแค่ไหน แต่เจอสถานการณ์แบบนี้น้องมันคงช็อคไปเหมือนกัน



"หยุดล้อผมได้แล้ว" น้องมันดุผมครับ อดขำไม่ได้ ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง







"วันนั้นพี่จูบผมทำไม" มิกซ์นั่งเงียบมาตลอดทาง หลังจากที่น้องมันนั่งร้องไห้กอดผมตอนนั้น อยู่ดีก็โพล่งถามขึ้นมา

แต่มิกซ์ไม่ได้หันหน้ามาคุยกับผมนะครับ นั่งนิ่งมองตรงไปข้างหน้าเท่านั้น



"ถามแบบนี้อยากได้คำตอบแบบไหน"



"ผมเป็นผู้ชายนะพี่" น้องมันประท้วงผม



"แล้วไง"



"พี่จะกวนผมทำไม"



"ใครกวน"



"ก็พี่ไง ผมถามแล้วทำไมไม่ตะ..."



ผมหันไปดึงหน้ามิกซ์เข้ามาจูบ มิกซ์คงอยากได้คำตอบจากผมมากครับ



"นี่ไงคำตอบ"

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 24 #กูอยู่ตรงนี้
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-08-2018 23:50:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 24 #กูอยู่ตรงนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-08-2018 00:11:42
ใครปล่อยข่าว? :hao4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 24 #กูอยู่ตรงนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-08-2018 12:10:50
สู้ๆ ทั้ง พี่ และ น้อง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 24 #กูอยู่ตรงนี้
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 02-08-2018 13:18:04
ยังไงจ๊ะ จูยเป็นคำตอบได้ด้วย5555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 25 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 02-08-2018 21:24:21
ตอนที่ 25



#เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง








“ไปเที่ยวเสม็ดกันนะ กูชวนเพื่อนมึงแล้วด้วย”

มันคงเห็นว่าผมเพิ่งผ่านเรื่องเครียดมา เลยอยากพาผมไปคลายเครียดมั้งครับ จากเรื่องวันนั้นก็ผ่านมาสองวันแล้ว ตอนนี้ผมโอเคขึ้นมาก ทั้งเพื่อนที่ค่อยให้กำลังใจ และภาคมันก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมห่างมันเลย มันคงเป็นห่วงผมอยู่นะครับ





แต่พูดถึงเรื่องเที่ยวก็ดีเหมือนกันนะครับ ได้พักผ่อนก่อนสอบ ก็อีกสองอาทิตย์ก็สอบปลายภาคแล้ว อย่างน้อยก็พักสมองหน่อยกลับมาจะได้มีแรงมาสู้ต่อ





“ม่อนมึงเคยได้ยินคำนี้ไหม” มันยืนหน้าเข้ามาใกล้ผม สายตาเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องเดาว่ามันจะพูดอะไร





“ไปเสม็ดเขาว่าเสร็จทุกราย”





“ไอ้สัส หยุดคิดเลยนะ” ผมทุบเข้าที่อกมันไปครั้งหนึ่ง ดูมันจะไม่สะทกสะท้านอะไรครับ





“นะ ขอนะ สองวันแล้วกูยังไม่ได้เอาออกเลย” สองวันที่ผ่านมามันไม่ได้ทำอะไรผมเลยครับ มันเอาแต่คอยดูแลผม





“ห้องน้ำมี มือมึงก็มี ก็ไปจัดการเองสิ” ผมชี้นิ้วไปทางห้องน้ำ





“แล้วกูจะมีแฟนไว้ทำไมวะ ถ้าต้องใช้มือ แล้วยิ่งแฟนกูน่า...ขนาดนี้ใครมันจะทนไหว” มันกระโจนใส่ผม กดแขนทั้งสองข้างผมลงที่เตียง





“น่าอะไรของมึง”





“ก็น่าอย่างนี้ไง” กับการที่มันไม่ได้ปลดปล่อยมาสองวัน ไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมนะครับ นี่ขนาดยังไม่ถึงเสม็ดเลยนะครับ







เสื้อผ้ารวมถึงสัมภาระที่จำเป็นถูกจัดลงกระเป๋าเป้ ดูเหมือนภาคมันก็กำลังจัดเตรียมของใช้มันเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันจะเอาอะไรไปเยอะแยะ กับแค่การไปเสม็ดสองวัน





“มึงเอาเชือกไปด้วยทำไมวะ” ผมมองไปที่เชือกเส้นสีแดงที่มันกำลังยัดลงกระเป๋า





“เอ่อ...ก็เอาไว้มัดของท้ายรถไง” แล้วไปครับ ผมยิ่งหวั่นๆ กับพฤติกรรมช่วงนี้ของมันอยู่









เราเดินลงจากคอนโดภาค ขับรถมุ่งหน้ามารับมิกซ์กับนัทที่หอ ส่วนสองสาวนั่งรอที่รถของอาร์มอยู่ที่หน้าหอเรียบร้อย





นานๆที่จะได้ไปเที่ยวทะเลครับ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปทะเลก็ตอนประถมนู้นครับ แถมตอนลงเล่นน้ำทะเลยังเผลอไปเหยียบเศษแก้วจนเลือดอาบ แต่ก็ยังสนุกอยู่ดีครับ ตอนนั้นมิกซ์มันยังร้องไห้เพราะพ่อไม่ยอมพามันลงไปเขตน้ำลึกแบบผม นี่ถ้าผมไม่แกล้งบอกมันว่าเจอฉลามมันคงไม่หยุดร้องไห้ จนทุกวันนี้มันยังโกรธที่ผมหลอกมันอยู่เลยครับ ฮาๆ ๆ นึกแล้วยังขำไม่หาย





“ระวังฉลามนะมิกซ์” ผมหันไปแหย่มันที่นั่งอยู่ด้านหลัง





“ไอ้สัส กูไม่มีทางเชื่อมึงอีกแล้ว กูไม่ใช่เด็ก” มันโวยวายชี้หน้าคาดโทษผม





“คุยเรื่องอะไรกันกูไม่เห็นเข้าใจ” ภาคพูดแทรกขึ้นมา





“เรื่องมันมีอยู่ว่า...”





“มึงหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” มันพุ่งตัวใช้มือปิดปากผมไว้ ผมนี้ขำน้ำตาเล็ดเลยครับ มิกซ์ผู้กลัวฉลาม





“ถ้ามึงไม่หยุดขำเดี๋ยวกูแฉมึงบ้างแล้วกัน” มืนชักมือกลับไป ผมหยุดเสียงหัวเราะ หันไปมองหน้ามิกซ์ที่กำลังยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์





“มึงห้ามพูดนะ” ผมชี้หน้าสั่งมัน





“งั้นมึงก็ห้ามพูดเรื่องของกู” ผมพยักหน้าเป็นการปิดดิลกับมัน เรื่องที่น่าอายแบบนั้นไม่อยากให้ใครรู้จริงๆครับ





“แต่จะว่าไปเรื่องกูก็ไม่น่าอายเท่าเรื่องมึง งั้นกูเปลี่ยนใจละ พี่ภาคอยากรู้ไหมว่าม่อนมันอกหักกับแฟนคนแรกเพราะเรื่องอะไร” ภาคหันหลังไปมองหน้ามิกซ์เล็กน้อย ก่อนหันกลับมาขมวดคิ้วใส่ผม





“เล่าเลยมิกซ์พี่อยากฟัง” เสียงนัทเอ่ยสมทบขึ้นมา





“มันโดนบอกเลิกเพราะไม่มีตังค์ซื้อเฟอร์บี้ให้สาว”





“ฮาๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงขำก๊าก ดังขึ้นทั่วรถ

มึงจะขำอะไรกันนักหนา แต่แปลกที่ภาคมันดูไม่ขำอะไรขนาดนั้น เพียงแค่หันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยเท่านั้น





“ผู้หญิงคนนั้นโง่จัง ทิ้งของดีแบบนี้ได้ยังไง” มันเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ





“กูยอมมึงแล้วม่อน มึงทำยังไงให้พี่ภาคหลงขนาดนี้ ทำไรก็ดูน่ารักไปหมด เหม็นความรักโว๊ยยย”





ผมหันหน้าหนีภาคมัน เขินครับ ใครจะไปคิดว่ามันจะไม่ล้อเรื่องน่าอายของผม แถมยังพูดชมผมแบบนั้นออกไปอีก





ยังไม่พอยังยื่นมือมายีหัวผมเป็นการส่งท้ายอีก





“อ้วก”





มีแต่ไอ้สองตัวตรงเบาะหลังเท่านั้นแหละครับ ที่ทำท่าทางจะอ้วกล้อเลียนผมอยู่





“เอากระโถนไหมไอ้สัส” เบื่อพวกขี้อิจฉาครับ ฮาๆ ๆ ๆ













“ไม่ได้อยู่หอ”

“อยู่ข้างนอก”

“จะรู้ไปทำไม”

“เออๆ บอกก็ได้ กำลังไปเสม็ด”

“ห๊ะ!!! ไม่ ไม่ต้องตามมาเลย”

“เดี๋ยวๆ สิ อย่าเพิ่งวาง”

“เซ็งโว้ย”







ผมพยายามแอบฟังมิกซ์มันคุยโทรศัพท์อยู่ครับ มันกำลังคุยอยู่กับใคร ทำไมมันถึงทำหน้าเซ็งๆ ตั้งแต่หลังจากวันที่ไปดื่มเหล้ากัน อีกที่ก็วันที่เกิดเรื่องของผม





ผมว่ามันมีอะไรแปลกเกิดขึ้นกับน้องชายผมแล้วล่ะครับ คงต้องขอยืมสกิลเสือก เอ้ย!! สกิลโคนันของมีนมันมาใช้ดูหน่อย





“มึงคุยกับใคร” ผมจ้องหน้ามันทางกระจกมองหลังของรถ มันดูตกใจที่ผมถาม





“กูถามว่ามึงคุยกับใคร” ผมเน้นเสียงให้หนักเข้าไปอีก กดดันมันไว้ครับ จุดอ่อนของมิกซ์มันคือถ้ากดดันมันเยอะๆ เดี๋ยวมันก็หลุดปากออกมาเองครับ





“ไม่มี กูไม่ได้คุยกับใคร” ผมคงเชื่อมันหรอกครับ เสียงสูงซะขนาดนั้น





“สงสัยมึงคงอยากกลับไปอยู่บ้าน” ผมงัดไม่ตายขึ้นมาใช้ครับ มิกซ์มันยังไม่อยากกลับบ้านครับ มันบ่นว่าเบื่อ อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ เลยอ้อนพ่อกับแม่มาอยู่กับผม





“เอ่อ กูคุยกับพะ...พี่ช้อป” คุยกับช้อป ผมหันไปมองหน้าภาคแบบงงๆ แต่ผมว่าผมคนเป็นเดียวที่ไม่เข้าใจ เพราะภาคมันก็นั่งอมยิ้มเหมือนรู้อะไรสักอย่าง





ตกลงว่าสองคนนี้สนิทกันขนาดไหนหรอครับ เห็นบอกว่าเจอกันบ่อยๆ ผมว่ามันชักจะแปลกๆ แล้วครับ





“กูจะถามมึงหลายครั้งแล้วมึงกับช้อปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร”





“ก็กูเคยบอกแล้วไง ว่ากูไปเป็นโค้ชช่วยพี่แกหาแฟน มึงนี่ขี้เสือกจัง กูจะนอนแล้วห้ามกวน” มันเอียงตัวไปพิงกระจกรถ





“ครอก....ฟี” แกล้งหลับ แบบนี้ก็ได้หรอวะมิกซ์ ที่หลังกูจะได้เอาไปใช้บ้าง แต่ผมไม่ยอมง่ายหรอกครับ ยังไงก็ต้องล้วงความลับมันออกมาให้ได้





แล้วนี่ภาคมึงจะยิ้มอะไรนักหนา กูว่ากูต้องสงสัยมึงอีกคนแล้วล่ะ









หลังจากเรานั่งเรือข้ามฝั่งกันมา กว่าจะข้ามฝั่งมาได้เล่นเอาผมแทบอ้วกครับ เมาเรือแบบสุดๆ ดีที่ยังได้ยาดมมาช่วยชีวิตเอาไว้





เรานั่งรถกันจนมาถึงที่พักที่เราจองเอาไว้





ที่พักของเราเป็นแบบบ้านเดี่ยวครับ มีสี่ห้องนอน มีครัวและสระว่ายน้ำในตัวด้วย ออกจะหรูซะเลยด้วยซ้ำ ก็อย่างว่าครับภาคมันเป็นคนเลือกและคนจองเองทั้งหมด





เราเดินถือกระเป๋าเข้าไปเก็บในบ้าน จัดแจงห้องนอนกับเรียบร้อยครับ สองสาวมีนกับเฟิร์นนอนด้วยกัน นัทนอนกับอาร์ม มิกซ์ให้มันนอนคนเดียวไปครับ ส่วนผมก็ไม่ต้องบอกว่านอนกับใคร เพราะว่าภาคมันเป็นคนจัดแจงเรื่องนี้เอง ไม่อยากขัดมันครับ แต่เดี๋ยวถ้ามันเผลอผมจะแอบเข้าไปนอนกับมิกซ์มัน





“เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกัน ก่อนค่อยออกไปเดินเล่นนะ”

เราเดินเกาะกลุ่มกันมาที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นร้านเด็ดของที่นี่ เพราะนักท่องเที่ยวเต็มร้านไปหมดครับ อาหารก็ดูน่าอร่อย





อาหารทั้งหมดถูกนำมาวางที่โต๊ะ พวกผมไม่ได้สั่งอะไรหรอกครับ มีแค่สองสาวเท่านั้นที่นั่งจิ้มนิ้วเลือกเมนู

อาหารส่วนใหญ่ที่เราสั่งจะเป็นพวกอาหารทะเล ก็มาเที่ยวทะเลจะให้สั่งกะเพราหมูได้ยังไง แต่ผมก็ไม่ลืมสั่งกะเพราทะเลมาแทนนะครับ ฮาๆ ๆ ขาดไม่ได้จริงๆ 





“ม่อนแกะกุ้งให้หน่อย” ภาคมันลูบมือที่ต้นแขนผม อ้อนครับ มันอ้อนแบบเด็กๆ





“มึงก็มีมือ ก็แกะเองสิ” ผมทำเป็นไม่สนใจมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอม แถมเอาคางมาเกยไหล่จ้องหน้าผม





“มึงก็แกะให้มันเถอะม่อน กูไม่อยากเห็นภาพปัญญาอ่อนของมัน กูละอยากให้บรรดาแฟนคลับมันมาเห็นจัง” เสียงนัทมันบ่น สงสัยจะรำคาญภาคมันเหมือนกัน ผมละอยากจะเขกหัวมันสักที





“อะ” ผมว่างกุ้งที่แกะเปลือกออกเรียบร้อยแล้วที่จานมัน





“ป้อนด้วยๆ” ได้คืบจะเอาศอกนะมึง





“อ้า อิ่มจังเลย” ภาคยกมือลูบปอยที่หน้าท้องตัวเอง มันนี่ทำตัวเป็นเด็กเข้าไปทุกทีแล้วครับ









เราเดินออกจากร้านอาหารตรงไปที่ชายหาด กะว่าจะเดินเลียบชายหาดกลับไปที่บ้านพัก





“มึงคุยกับใครอีกมิกซ์” ผมหันไปเอะมัน ตอนที่มันกำลังเดินเลี่ยงออกจากลุ่ม





“มึงจะไปยุ่งอะไรกับน้องมัน” ภาคจับตัวผมหันกลับ คว้าคอผมเข้าไปกอด ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ ทั้งมิกซ์ แล้วไอ้แฟนตัวดีของผม ผมว่ามันต้องรู้เรื่องอะไรมาแน่ๆ





“มีความสุขจัง ได้มาเที่ยวกับมึงแบบนี้” มันหันมายิ้มให้ผม





“มึงพูดแบบนี้กับแฟนทุกคนเลยไหม”





“เอ่อๆ ก็...แต่ตอนนี้มีมึงคนเดียวไง” ผมไม่ว่ามันหรอกครับเพราะตอนมันคบกับคนอื่นมันก็คงต้องรักเขามากเหมือนกัน





“ลองมีสองคนดูสิ” ผมหันกลับไปขู่มัน ก้มลงมองที่เป้ากางเกงมัน





มันสะดุ้งถอยหลัง ยกมือกุมเป้าตัวเองทันที





“ไม่มีหรอกครับ ม่อนน่ารักแบบนี้ ภาคจะไปรักคนอื่นทำไม” มันขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ ยื่นจมูกมาเขี่ยแก้มผม



“อ้วก”





“ไปฝากท้องไหมเดี๋ยวกูพาไป” ผมหันไปค้อนเพื่อนๆ ที่เดินตามหลังผมมา





เฮ้อ อยากจะเก็บบรรยากาศ ความรู้สึกแบบนี้ให้อยู่ตลอดไป ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษามันไว้ได้นานแค่ไหน แต่อะไรเกิดขึ้นปล่อยให้มันเป็นไป ขอแค่ตอนนี้ได้มีมันก็เพียงพอแล้ว











“มึงเลิกนั่งจู๋จี๋กันแล้วมาช่วยกูย่างอาหารดีกว่าไหม นั่งเฉยๆ มันคงไม่อิ่มขึ้นมาหรอก” เฟิร์นโวยขึ้นมา หลังถูกจับให้เป็นแม่ครัวคู่กับอาร์ม ส่วนมีนกับนัทรับหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์กับจัดหากับแกล้ม ส่วนผมกับภาคนั่งชิลล์เพราะมือนี้ภาคมันเป็นเจ้ามือเองครับ เป็นอานิสงส์ของเหล่าบรรดาเพื่อนผม ชอบกันอยู่แล้วเรื่องของฟรีนี่





แล้วมิกซ์มันหายหัวไปไหน เมื่อกี้ยังเห็นนั่งหน้าบึ้งใส่โทรศัพท์อยู่เลย





นั่นไงครับพูดถึงมันก็มาเลยครับ แต่เอ๊ะ นั่นช้อปไม่ใช่หรอ แล้วช้อปมาได้ไง ผมหันมองหน้าสองคนนั้นสลับกัน





“มึงมาได้ไงช้อป” นัทมันก็ดูสงสัยไม่ต่างจากผม





“ก็มาดูแล...โอ๊ย” มันร้องเสียงหลงเลยครับ ก็อยู่ดีๆ มิกซ์มันก็กระทืบลงที่เท้าช้อปซะเต็มแรง





“โทษทีพี่ เมื่อกี้เจอแมลงสาบ” มันพูดแล้วเดินมาทิ้งตัวลงที่นั่งข้างๆ ผม





กูว่าแมลงสาบตัวนั้นคงตัวใหญ่มากเลยนะ มึงถึงได้เหยียบซะเต็มแรงขนาดนั้น





“ทำไมมึงไม่ชวนกูวะภาค” ช้อปหันไปบ่นภาค





แต่เดี๋ยวนะครับ สองคนนี้ไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมถึงคุยกับเหมือนว่าสนิทกันขนาดนี้ แถมคุยไปยิ้มไปกันอีก ไม่กัดกันเหมือนเมื่อก่อน ผมว่ามันต้องเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน





“ช้อปมาได้ไงอะ” ผมหันไปถามช้อป





“ก็มิกซ์โทรไปชวน”





“ใครชวน พูดเองเออเองทั้งนั้น” มิกซ์มันบ่นงึมงำในลำคอ แต่ผมก็ยังพอจับใจความมันได้





“แล้วนี่ช้อปสนิทกับมิกซ์มันหรอ”





“สนิทสิ สนิทมากด้วย” มิกซ์สะบัดตัวลุกออกจากที่นั่งเดินออกไปทันที พร้อมกับช้อปที่ลุกขึ้นเดินตามออกไป





ผมเองก็เตรียมลุกขึ้นกะว่าจะเดินออกไปตามมิกซ์มันเหมือนกัน แต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน ภาคมันก็คว้าแขนผมไว้ซะก่อน





“ปล่อยน้องมันไป น้องมันโตแล้ว” ผมไม่อยากจะทำตามภาคมันหรอกครับเพราะเป็นห่วงมัน แต่มาคิดดูอีกที มิกซ์มันก็โตแล้ว ผมคงจะตามเป็นห่วงมันตลอดไปไม่ได้เพราะสักวันมันก็ต้องมีชีวิตของมัน เอาเป็นว่าผมจะคอยดูมันห่างๆ อย่างห่วงๆแล้วกัน





“มึงรู้อะไรมาใช่ไหม” ผมนั่งลงหันกลับมาเค้นภาคมัน ผมมั่นใจแล้วว่ามันต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน





“รู้อะไร ไม่มี” มันโกหกไม่เนียนเท่าไรครับ





“อย่าสนใจเลย มาสนใจเรื่องของเราดีกว่า” มันมุดหน้าเข้าที่ข้างแก้มผม ฟัดผมแบบไม่ให้ตั้งตัว มือรวบผมไปกอดแน่น





“กูว่าพวกมึงไปห้องกันดีกว่าไหม” เสียงบ่นดังมาจากใกล้ๆ





“มึงเงียบไปเลยอาร์ม กูกับเฟิร์นอยากดู กูอยากรู้ว่าของจริงเขาทำกันยังไง เคยเห็นแต่ในคลิป”





“ใช่ๆ ทำต่อเลย” ผมว่าสองคนนี้มันก้าวข้ามขีดจำกัดของคำว่าผู้หญิงไปเรียบร้อยแล้วครับ กับการนั่งนั่งเชียร์ให้ภาคมันลวนลามผม





“กูเพื่อนมึงนะ” ผมบ่นมันทั้งคู่





“ถ้าไม่อยากให้กูทำตรงนี้โชว์สาวสอง ก็ลุกขึ้นตามกูไปบนห้อง”

ผมหมดทางเลือกแล้วครับ ก็มันเล่นมัดมือชกขนาดนี้ เพราะผมมั่นใจว่าถ้าไม่ตามมันไปบนห้อง มันก็กล้าทำตรงนี้ต่อหน้าเพื่อนผมแน่ เพราะคงไม่มีอะไรมาขัดอารมณ์หื่นของมันได้อย่างแน่นอน













“มึงเลิกหื่นได้ไหมกูขอร้อง” ผมบ่นมันทันทีที่ถึงห้อง





มันดูไม่สนใจที่ผมพูด เดินไปเปิดกระเป๋าเป้ของมัน





ไม่รู้ว่ามันกำลังควานหาอะไรอยู่ ผมไม่สนใจทิ้งตัวลงนอนที่เตียง เฮ้อเพลียมากครับวันนี้













ผมเผลอหลับไปครับ ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกจักจี้ที่ต้นคอ ผมค่อยๆ โฟกัสสายตามอง ก็เจอภาคที่กำลังซุกไซร้อยู่ที่ต้นคอ คิดว่าหลับจะรอดแล้วครับ









ผมผลักหัวมันออกไป มันคงรู้ว่าผมตื่นแล้ว ส่งยิ้มหื่นๆ มาให้ผม





แล้วทำไมมันหนาวแบบนี้ละครับ ผมพยายามดันตัวให้ลุกขึ้น





เสื้อผ้าผมที่ถูกถอดออกไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แล้วนี่มันอะไรวะ





“ไอ้เชี่ยภาค มึงทำอะไรกับกู” ผมผลักมันออกจากตัวทันที





สิ่งที่ผมสงสัยตั้งแต่อยู่ที่คอนโดแล้ว





‘เชือกแดง’ เชือกเส้นนั้นที่มันบอกจะเอามาผูกของ ตอนนี้มันถูกนำมัดรอบตัวผมเรียบร้อย





มันเล่นเหี้ยอะไรของมัน หน้ามันตอนนี้ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร แถมยิ้มแบบหื่นๆ มาให้ผมอีก





“เฮ้ย มึงอย่าแกะสิวะ กว่ากูจะมัดได้” มันยังมีหน้ามาบ่นผมอีกครับ





ผมว่าพักหลังๆ นี่มันเริ่มจะมีของเล่นแปลกเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ถุงยางมั้งล่ะ กางเกงในที่ไม่ควรเรียกว่ากางเกงในตัวนั้น สุดท้ายก็ไอ้เชือกที่กำลังมัดตัวผมไว้ ผมหวังว่าต่อไปคงไม่เจอโซ่ แซ่หรือกุญแจมืออีกนะครับ





“แล้วมึงจะเอามามัดกูทำไมละ”





“ก็กูเห็นในคลิปมันดูเซ็กซี่เข้ากับมึงดี กูอุตส่าห์ไปเปิดคอสเรียนมาเพื่อมึงเลยนะ”

*คอร์สที่ว่าคือคอร์ส Bondage จากญี่ปุ่น ที่มาเปิดสาขาในไทย





ผมควรจะภูมิใจในความพยายามของมันดีไหมครับ ทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงได้สนใจเป็นพิเศษขนาดนี้





“กูไม่ได้ขอ”





“ก็กูอยากลองนี่ เห็นไหมตอนนี่มึงก็เซ็กซี่มากด้วย” มันไม่พูดเปล่าคลานขึ้นมาคร่อมตัวผม มือข้างหนึ่งรูดน้องชายตัวเอง





“อื้อ” มันชุกหน้าลงที่คอผม ใช้ไรหนวดเกลี่ยที่ต้นคอ มันเสียวมาก





“ภาคหนวดมึง” แค่มันไซร้ผมแบบปกติผมก็ดิ้นใจจะขาดอยู่แล้ว นี่มีหนวดแข็งๆ ของมันเพิ่มเข้ามาอีก ทำเอาผมครางไม่หยุดเลยครับ





“ครางแบบนี้ชอบละสิ วันหลังกูจะได้ไม่โกนหนวด เอาไว้ไซร้มึงแบบนี้อีก” ผมทุบมือลงบนหลังมัน มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร คงไม่มีสิ่งไหนมาหยุดอารมณ์หื่นของมันได้จริงๆ ครับ





“กูจะเข้าแล้วนะ” มันค่อยดันน้องชายมันเข้ามา ไม่ลืมที่จะก้มลงมาชิมยอดอกเพื่อกระตุ้นความเสียวของผม





“มึงรู้ไหมว่ามึงทำหน้าแบบนี้กูยิ่งหื่น” มันเร่งจังหวะสะโพกของมัน ผมนี้กอดคอมันแน่นจิกเล็บลงที่หลังของมัน ไม่ไหวแล้วครับ มันหนักหน่วงมากเกินไปแล้ว





“มึงอย่าเพิ่งเสร็จนะ” มันจับผมพลิกตัวในท่าคุกเข่าหันหลังให้มัน





“ภะ...ภาค เบาๆ อื้อ” มันกระแทกสวนเข้ามาทันที รวบมือข้างหนึ่งของผมพาดไว้ด้านหลัง





“กูไม่ไหวแล้วภาค อื้อ ไม่ไหวแล้ว”





“พร้อมกันนะ” มันเร่งจังหวะขึ้นอีก





“อ้า…” ไม่ไหวแล้วครับ เราสองคนปลดปล่อยความสุขออกมาพร้อมกับ ภาคทิ้งตัวลงทับตัวผม เสียงหอบที่ดังแข่งกันของผมกับมัน เหนื่อยจริงๆ ครับ





“หวังว่าครั้งต่อไปคงไม่ถึงขั้นโซ่แซ่หรือกุญแจมือนะ” ผมขยับตัวที่กำลังหนุนแขนมันอยู่ หันหน้าไปบ่นกับมัน





“ก็ไม่แน่ แต่ตอนนี้....ขออีกรอบนะ” พรุ่งนี้ผมคงไม่มีแรงไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แน่เลยครับ ฮือๆ ๆ ๆ













Part

ช้อป







“จะหนีไปไหนรอพี่ด้วย” ผมวิ่งไปคว้าแขนมิกซ์ไว้ ดูเหมือนมิกซ์จะไม่ค่อยพอใจที่ผมมาที่นี่





“พี่เลิกยุ่งกับผมได้ไหม” มิกซ์สะบัดมือผมออก เดินหนีไปที่ริมหาด





“ทำไมพี่ต้องเลิกยุ่งด้วย”





“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องมาทำแบบนี้กับผม”





“แบบไหนหรอ” ผมขมวดคิ้วมองหน้ามิกซ์





ผมว่าผมก็ทำให้มันชัดเจนไปแล้วนะครับว่าผมชอบน้องมัน แต่ดูมิกซ์จะยังสับสนกับสิ่งที่ผมบอกไป





“ผมถามพี่จริงๆ ว่าพี่ต้องการอะไรจากผม อยากแกล้งผม หรืออยากจะเอาคืนที่ผมปีนเกลียวเสนอตัวไปสอนพี่” รู้ตัวด้วยหรอว่าปีนเกลียว แต่คงช้าไปแล้วล่ะมิกซ์





“พี่ทำขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกหรอ”





“พี่จะบอกว่าพี่จีบผม” ดูมิกซ์ก็รู้นิครับว่าผมจีบ

ผมยืนนิ่งจ้องหน้ารอว่ามิกซ์จะพูดอะไรต่อ





“พี่หยุดเถอะผมไม่ใช่เกย์”





“แล้วคิดวว่าพี่เป็นเกย์หรอ” มิกซ์คงเข้าใจว่าที่ผมจีบม่อนเพราะเป็นเกย์ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ แค่รู้สึกว่าชอบคนๆ หนึ่งเท่านั้น





“พี่จีบม่อนมันไม่ติด แล้วคิดจะมาจีบผมงั้นหรอ” เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วครับ ตอนนี้ผมคิดกับม่อนแค่เพื่อนจริงๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว และผมก็ไม่เคยคิดให้มิกซ์เข้ามาแทนใครด้วย ตั้งแต่มิกซ์เข้ามาผมก็มองม่อนเป็นแค่เพื่อน แต่กับมิกซ์ ยิ่งรู้จักยิ่งรู้สึกดีๆด้วย





ความรู้สึกที่อยากจะนั่งมองน้องมัน พูด ยิ้ม หัวเราะ หรือแม้กระทั่งตอนกวนตีนก็ตาม มันดูมีเสน่ห์ เสน่ห์ที่ถึงแม้จะแตกต่างจากม่อน แต่ก็ทำให้อยากมอง มองอยู่อย่างนั้น





“มันไม่เกี่ยวกับม่อน มันเกี่ยวกับว่าพี่ชอบเรา” ผมชี้นิ้วไปที่ตัวมิกซ์ แค่อยากทำให้น้องมันเข้าใจ





ผมไม่ว่ามิกซ์ที่ไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะผมก็เคยเป็น ก่อนหน้านี้ที่อยู่ดีๆ ก็ไปตกหลุมรักผู้ชายเข้า ผู้ชายคนนั้นก็คือม่อนนั่นแหละครับ กว่าผมจะเข้าใจตัวเอง กว่าจะกล้าเข้าไปคุยเข้าไปจีบ ก็ทำใจอยู่นาน แต่ก็คุยกับตัวเองแล้วว่าอย่างน้อยก็ลองทำตามหัวใจตัวเองดูสักครั้ง ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันว่าจะทำตามหัวใจอีกครั้งกับคนนี้ คนที่ชื่อว่ามิกซ์





“ผมว่าพี่เลิกยุ่งกับผมดีกว่านะ ผมขอร้อง”





“มิกซ์ไม่ชอบพี่ พี่ไม่ว่า แต่อย่าบอกว่าให้พี่เลิกยุ่งกับมิกซ์เพราะพี่จะไม่ทำ พี่ไม่ยอมปล่อยมิกซ์ไปแบบม่อนแน่”





“นี่พี่พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม”





“พี่รู้ว่ามันยาก แต่พี่อยากให้มิกซ์ลองเปิดใจให้พี่ แค่นิดเดียว พี่ขอแค่นิดเดียวให้พี่ลองพิสูจน์ให้มิกซ์เห็น ถึงวันนั้นแล้วถ้ามิกซ์ไม่ชอบพี่ก็จะยอมถอยออกมาเอง”





ผมแค่อยากให้มิกซ์ลองเปิดใจให้ผมแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องที่มิกซ์จะชอบผมหรือเปล่าคงไปบังคับน้องมันไม่ได้ครับ





“แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์นะพี่” มิกซ์ยังยืนยันคำเดิม ดื้อจริงๆเลยครับ





“แล้วม่อนกับภาคเป็นเกย์ไหม แล้วทำไมสองคนนั้นถึงรักกันได้ ลองไปถามม่อนกับภาคดูนะ แล้วพี่จะรอคำตอบ” ผมหันหลังเดินห่างออกมาจากมิกซ์ ไม่อยากกดดันมิกซ์มากจนดูเหมือนว่ากำลังบังคับ เพราะผมคงไม่มีทางไปบังคับใครให้มาชอบหรอกครับ ถึงจะได้คบกันแต่คงไม่มีความสุขหรอกครับ





“เดี๋ยวพี่ช้อป” ผมหันกลับไปมองมิกซ์ที่กำลังก้มหน้ามองพื้นทราย ไม่ยอมสบตาผม 

ผมไม่รู้ว่ามิกซ์เรียกผมไว้ทำไม มิกซ์มีคำตอบให้ผมแล้วหรอ 





“ถ้าผมบอกว่าได้ละ ผมกับพี่จะเป็นยังไงต่อไป” ผมเดินกลับไปหามิกซ์ ยื่นมือเชยคางมิกซ์ขึ้นมามองหน้า ผมเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้วครับ





“พี่ก็ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นมิกซ์กับพี่จะเป็นหรือไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอแค่เพียงให้พี่ได้ลอง ลองว่าพี่จะสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจมิกซ์ได้ไหม”





“งั้นก็ตามใจพี่แล้วกัน แต่ผมไม่รับประกันนะว่าจะรับความรู้สึกจากพี่ได้รึเปล่า” ผมยิ้มให้มิกซ์ ยกมือขึ้นยีหัวเพราะความน่ารักของมิกซ์ตอนนี้ 





ผมดีใจที่มิกซ์ยอมเปิดใจให้กับผม ต่อจากนี้ไปคงเป็นหน้าที่ผม ที่จะต้องหาวิธีมาคว้าใจของมิกซ์มาครองให้ได้





“ขอบคุณนะครับมิกซ์”





Part

รวมเพื่อน



"ไหนมึงบอกไม่อยากดูไงนัท แล้วตามพวกกูมาทำไม"


"เออใช่"


"พวกมึงจะเงียบได้ยัง เดี๋ยวม่อนมันก็ได้ยินออกมาโวยวายอีก"



"พวกพี่ทำไรกัน"


"เอ่อ...ไม่มีไร เน๊าะ ไม่มีไร พวกเราไปนอนกันดีกว่า"



หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 25 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-08-2018 22:42:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 25 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-08-2018 13:25:59
เปิดใจ เข้าใจ รับความรักจากใจ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 26 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 2
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 04-08-2018 23:10:32
ตอนที่ 26





#เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 2





ผมตื่นเช้ามาอยู่ภายใต้อ้อมแขนของภาค เสียงคลื่นซัดหาดกับแสงแดดยามเช้า ช่วยทุเลาอาการอ่อนเพลียของผมได้เป็นอย่าง ไม่ใช่อาการที่เกิดจากการเดินทางหรือการเมาเรือ แต่เป็นเพราะถูกแรงกระทำจากคนที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ



ผมค่อยๆ ดันดัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง มือสองข้างยกขยี่ที่เปลือกตา อากาศดีจังเลยครับ ถ้าผมตื่นเช้ากว่านี้คงได้ออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแน่ๆ แต่อย่างว่าครับผมจะเอาแรงที่ไหนตื่นไปดูพระอาทิตย์ เพราะแรงทั้งหมดที่มีถูกภาคมันริบไปหมดเรียบร้อย จากการร่วมรักบนเตียงอันเร่าร้อนเมื่อคืน



“ตื่นแล้วหรอ” มันรวบมือเข้าที่เอวผม กระชับกอดผมแน่น ผมอยากจะปลุกมันขึ้นมาด่าเรื่องอุปกรณ์เสียวของมันเมื่อคืน ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเข้ายิ่งมีของเล่นแปลกเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่ากลับไปคอนโดมันคราวนี้ จะไปค้นดูทุกซอกทุกมุมว่ามันซ้อนอะไรไว้อีกรึเปล่า ผมกลัวว่าสักวันมันจะกลายเป็นโรคจิตไปซะก่อน



“มึงจะรีบไปไหน อยู่ให้กูกอดต่อก่อน” มันกระชับแขนแน่นขึ้น



“ไม่เอากูจะไปอาบน้ำ หิวข้าวแล้วด้วย”



“งั้นก็ได้” มันดีดตัวขึ้มมาฉกเข้าที่แก้มผมครั้งหนึ่ง ก่อนทิ้งตัวลงไปนอนขดใต้ผ้าห่มเหมือนเดิน นับวันมันยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปทุกทีแล้วครับ

ผมเดินออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันอยู่รอบเอว ออกมาก็เจอภาคมันนั่งเอาผ้าห่มคลุมหัวไว้ สายตาของมันจับจ้องมาที่ผม



“รีบไปอาบน้ำ แล้วลงไปหาอะไรกินกัน”



“กินนี่ไม่ได้หรอ” มันชี้นิ้วมาที่ผม มันนี่จริงๆ เลยครับ เมื่อคืนมันยังไม่พออีกหรอ ไปเอาเรียวเอาแรงมาจากที่ไหน วันหลังผมคงต้องซื้อยานอนหลับช้างมาผสมให้มันกินก่อนนอนซะแล้ว



“มึงหยุดเลย ให้กูได้พักบ้าง เสร็จแล้วก็รีบตามกูลงไปข้างล่าง” ผมรีบคว้าเสื้อผ้าจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาใส่ กลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้คงเสร็จมันอีกรอบแน่ๆ





“ตื่นไหวด้วยหรอมึง” เสียงทักจากนัทดังมาตั้งแต่ผมยังไม่ถึงโต๊ะอาหาร



“ไหวสิทำไมจะไม่ไหว” ผมตอบกลับมันไปทันที



แล้วพวกมันจะยิ้มอะไรกันขนาดนั้นครับ มองหน้าาผมแล้วกลับไปยิ้มให้กันเอง ผมก็อยากจะถามอยู่หรอกครับแต่ขอจัดการกับอาหารเช้าตรงซะหน้าก่อน



“มาแล้วหรอพ่อคาวบอยหนุ่ม กูเตรียมไข่ลวกไว้ให้มึงด้วย” ภาคเดินลงมาจากข้างบนด้วยสภาพที่หัวยังเปียกอยู่ มันคงรีบอาบน้ำแล้วตามผมลงมา



ผมสังเกตุว่าเพื่อนผมทำไมวันนี้พวกมันดูแปลกๆ แถมนัทมันยังเตรียมไข่ลวก ถือไปประเคนถึงมือภาคมันขนาดนั้น



“มึงก็เบาๆ กับม่อนมันหน่อย แล้วไอ้เชือกที่บอกว่าเรียนมาอย่าลืมสอนกูด้วยนะ”



“พวกมึง...” ผมถลึงตา ชี้หน้าพวกมันทุกคน ผมก็สงสัยแล้วว่าทำไมวันนี้พวกมันทำท่าแปลกๆ



ผมลุกขึ้นวิ่งไล่เตะไอ้นัท เมื่อคืนพวกมันคงแอบฟังผมกับภาคทำอะไรกัน



พวกมึงนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ไม่ช่วยเพื่อนแถมยังสนับสนุนภาคมันอีก



“แล้วมิกซ์ละ” ผมถามแล้วหันมองหน้าเพื่อนทุกคน ตั้งแต่มันออกไปกับช้อปเมื่อคืน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นหน้ามันเลยครับ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง



“เห็นอยู่บนห้องมั้ง เมื่อคืนตอนมึงเอากับภาคมันยังมาแอบฟังกับพวกกูอยู่เลย” มึงก็ด้วยหรอมิกซ์ ไม่คิดจะเป็นห่วงพี่ชายมึงบ้างรึไง ไอ้น้องทรยศ



“นั้นไงพูดถึงก็มาเลย” มิกซ์ที่กำลังยกมือปิดปากหาว เดินตรงมาที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับช้อป ผมยังสงสัยว่าเรื่องเมื่อคืนระหว่าง มิซ์กับช้อปว่ามันเป็นมายังไงกันแน่



“เรียบร้อยดีไหมช้อป” แทนที่จะเป็นผมที่ถามว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น แต่กลับเป็นภาคที่เอ่ยถามช้อปแทน และคำตอบที่ได้จาก ช้อปก็มีเพียงการยักคิ้วกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปมาสองคนกับภาคมันเท่านั้น



ผมเดินเข้าไปลากมิกซ์ออกไปคุยที่ริมสระว่ายน้ำ กะว่าจะเค้นความจริงทั้งหมดจากมัน



มันเดิมตามผมมาอย่างง่ายดาย ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนใดๆ ท่าทางของมันที่ต่างจากเมื่อคืนยิ่งทำให้ผมอย่างรู้ความจริงเข้าไปอีก



มึงพร้อมแล้วนะ ผมส่งสายตาเป็นเชิงถาม ว่ามันพร้อมที่จะตอบคำถามของผม



“ทำไม่มึงชอบพี่ภาควะ มึงไม่ได้เป็นเกย์ไม่ใช่หรอ” ผมยืนอ้าปากเหว๋อ แทนที่ผมจะเป็นคนถาม มันกลับพูดขัดขึ้นมาก่อน แต่ดูแล้วมันไม่น่าจะเฉไฉเพื่อเปลี่ยนเรื่องไม่ยอมตอบคำถามผม



“มึงถามทำไม”



“มึงแค่ตอบกูก็พอ” กลายเป็นผมที่ต้องมายืนให้มันซักแทนครับ



“ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีกูก็รักมันไปแล้ว” มันขมวดคิ้วมองหน้าผม เหมือนยังไม่เข้าใจกับคำตอยที่ผมให้ไป



“ไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่มึงไม่ใช่เกย์ แต่มึงก็ไปรักผู้ชายเนี่ยนะ”



“กูก็ไม่รู้จะอธิบายกับมึงว่ายังไง แต่สำหรับกูมองข้ามเรื่องเพศไปแล้ว กูรู้แค่ว่าอยู่กับมันแล้วมีความสุข กูไม่สนแล้วว่ากูกับมันจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน” มันดูอึ้งๆ กับคำตอบของผม



ผมรู้สึกอย่างทีบอกกับมิกซ์มันจริงๆ ครับ ผมรู้แค่ว่าผมรักภาคและรักมากด้วย ผมคงไม่ต้องไปสนใจเหตุผลอื่นอีกแล้ว



“ขอบคุณมึงที่ให้คำตอบกู กูคงต้องลองเปิดใจดูบ้างแล้วหละ เผื่อจะเจอความรักดีๆ แบบมึงกับพี่ภาค”



มันยิ้มให้ผมก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน



“กูตอบคำถามมึงแล้ว ถึงตากูถามมึงบ้าง มึงกับช้อปเป็นอะไรกัน” ผมไม่ปล่อยให้มันเดินหนีผมไปง่ายๆ หรอกครับ อย่างน้อยผมก็ต้องรู้คำตอบว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับมัน





“เรากำลังจีบมิกซ์อยู่” ช้อปที่เดินออกมาจากตัวบ้านยกมือขึ้นโอบไหล่มิกซ์ไว้



ผมมองหน้าสองคนสลับกัน ตั้งแต่ตอนไหนหรอครับที่ช้อปชอบมิกซ์ ผมรู้แค่ว่ามิกซ์มันบอกว่าเป็นโค้ชเรื่องความรักให้กับช้อปเท่านั้น



“หมายความว่าไง”



“ก็หมายความว่าเราชอบมิกซ์ไง” ผมไม่ได้จะโกรธช้อปหรอกครับ ที่ถามก็เพียงอยากแน่ใจเท่านั้น เพราะผมรู้ดีว่าช้อปเป็นคนดี แต่กับมิกซ์นี้สิครับ เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม ไม่รู้ว่ามันแน่ใจกับเรื่องนี้แล้วหรือยัง



“แล้วมึงหละมิกซ์”



“ที่กูถามมึงเมื่อกี้ เพราะกูอยากแน่ใจว่ามันจะเป็นไปได้ไหมถ้ากูลองเปิดใจ”



ช้อปกระชับกอดมิกซ์แน่นขึ้น ผมดีใจที่เห็นช้อปดูเป็นห่วงมิกซ์ขนาดนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเบาใจกับเรื่องมิกซ์ เพราะถ้าสองคนนี้จะลองเปิดใจให้กันจริงๆ ผมคงหมดห่วง เพราะช้อปคงดูแลมิกซ์แทนผมได้แน่ๆ



“กูก็ไม่ได้จะว่าอะไรมึง กูไม่ห่วงหรอกถ้ามึงจะคบกับช้อป แค่อยากให้มึงลองถามตัวเองให้แน่ใจซะก่อน ส่วนช้อปถ้าชอบมันจริงๆเราก็ไม่ว่า แค่จะบอกว่าถ้าจะจีบมิกซ์มัน คงต้องตื้อหนักหน่อยนะ” ผมเดินไปยีหัวมิกซ์ก่อนเดินกลับเข้ามาในบ้าน 



คิดแล้วก็ขำนะครับ เสือผู้หญิง ที่ทิ้งผู้หญิงมานับไม่ถ้วน วันนี้กลับโดนผู้ชายตามจีบ ผมว่างานนี้สนุกแน่ๆเลยครับ เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยมึงมิกซ์



“มึงรู้เรื่องนี้ทำไมไม่ยอมบอกกู” ผมเดินกลับเข้ามาทำหน้าดุใส่ภาคมัน



ผมแน่ใจแล้วว่าภาคมันรู้เห็นเป็นใจเรื่องนี้แน่ๆ ต้องจัดการมันสักหน่อยครับ โทษฐานที่มีความลับกับผม



“ก็กูหวังดี” มันนั่งทำหน้าสำนึกผิดอยู่ครับ มันบอกว่าแค่อยากจะช่วยช้อปเฉยๆ นี้มันคิดจะเป็นพ่อสื่อให้น้องชายผมหรอครับ ดูความหวังดีของมัน



“เอาเป็นว่าวันนี้มึงมีความผิด เพราะงั้นกูจะทำโทษมึง โดยการห้ามมึงยุ่งกับตัวกูหนึ่งวัน” ผมชี้คำขาดกับมัน เพราะมั่นใจว่าคืนนี้มันคงไม่ปล่อยให้ผมได้นอนแบบสบายๆแน่ เพราะงั้นผมขอใช้โอกาศนี้ปกป้องร่างกายตัวเองซะหน่อย จากที่มันบอกว่าพาผมมาพักผ่อนก่อนสอบ ผมคงต้องกลับไปแบบร่างไร้วิญญาณแทนแน่ๆ



“ให้กูทำอะไรก็ได้แต่ไม่เอาแบบนี้”



“เพิ่มเป็นสองวัน อาทิตย์หนึ่ง” มันดึงคางที่กำลังเกยอยู่บนต้นขาผมออกไปทันที มันคงรู้แล้วครับว่าผมเอาจริง มันคงเป็นห่วงน้องชายมันมากที่จะไม่ได้ใช้งานในคืนนี้





ถึงดวงอาทิตย์จะฉายแสงโดยไม่มีอะไรมาบดบังในช่วงสาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้บริเวณหาดร้อนมากเกินไปเพราะได้ลมทะเล คอยพัดเข้ามาช่วยดับความร้อนได้บ้าง



หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ เราก็ขับรถมาเล่นน้ำที่หาดทรายแก้วกัน เพราะที่นี่ไม่ไกลจากที่พักเรามากนักและน้ำที่่นี่่จะใสและดูน่าเล่นกว่าที่อื่น



ภาคมันยังดูงอนๆผมอยู่ แต่คราวนี้ผมไม่ยอมใจอ่อนง่ายหรอกครับ เดี๋ยวมันจะได้ใจไปกันใหญ่ ขอดัดนิสัยมันสักหน่อย เผื่อความคิดหื่นๆที่อยู่ในหัวมันตลอดเวลาจะลดลงบ้าง ภาระหนักจะได้ไม่ต้องตกมาที่ผมทุกวัน และที่สำคับช่วงนี้ก็เริ่มเข้าช่วงเตรียมสอบ ผมคงต้องคิดหาวิธีปกกันตัวจากมันเผื่อไว้ก่อน



“น้ำโคตรใสเลยวะ” ผมคว้าคอนัทกับอาร์มวิ่งลงทะเลไป ต่างกับสองสาวที่ใส่บิกินี่แสนสวยตัวจิ๋วนั้น กลับนอนหลบแดดในร่ม ไม่ยอมออกมาเล่นน้ำกับพวกผม ผมละเสียดายค่าชุดว่ายน้ำแทนพวกมันจริงๆ



อ่าวๆ ผมยังบ่นพวกมันไม่ทันจบ สาวเจ้าทั้งสองก็ลุกขึ้นยื่นถอดแวนกันแดดที่ใส่อยู่เดินออกมาจากร่มทันที

ผมเข้าใจแล้วครับว่าทำไมสองคนนี้มันถึงยอมลุกออกมาจากเก้าอี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลัวแดดจนต้องใส่แแว่นกันแม้นั่งอยู่ในร่มก็ตาม



ก็ตอนนี้มีหมุ่นหล่อชาวต่างชาติสองคน ดูแล้วน่าจะเป็นคนเกาหลี หุ่นนี่ล่ำตรงตามสเปกของเพื่อนผมทั้งสองคน



“Excuse me?” สำเนียงภาษาอังกฤษอันดัดจริตตามสไตล์ของพวกมัน ดังลอยมาตามลมมาเข้าที่หูผม จากที่ก่อนหน้านี้พวกมันถอดแว่นกันแดดออก แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันจะถอดหน้ากากมนุษย์ เผยให้เห็นสัตว์ร่างท่วมที่มีนอโผล่อยู่ตรงหน้าผากขึ้นมาแทน ผมสายหัวให้กับความแรดเกินหญิงของเพื่อนทั้งสองคนนี้จริง



“กูเล่นด้วย” มิกซ์มันไม่ได้มาแค่เสียงครับ แต่มันมาพร้อมแรงกระเซ็นของน้ำที่กระเด็นเข้าหน้าพวกผมทั้งสามคน มันเล่นกระโดดเข้ามากลางวงพวกผม



พวกผมว่ายน้ำ วิ่งแข่งกันบนชายหาดอย่างสนุกสนาน มีเพียงหนุ่มหล่อสองคนที่นั่งใส่แว่นดำทำเท่เป็นพระเอกเอวี เอ้ยเอ็มวีอยู่ ภาคมันดูจะงอนผมจริงจังครับ มันไม่ยอมพูดกับผมตั้งแต่ตอนออกจากบ้านพักแล้ว สงสารก็สงสารมันนะครับ แต่อยากดัดนิสัยมันจริงๆ



“หิวแล้วหวะไปหาไรกินกัน” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับอาร์ม ตอนนี้ทุกคนก็ดูจะหมดแรงกันแล้ว รวมถึงสองสาวที่นั่งเหี่ยวอยู่ที่ฝั่ง เพราะนกจากหนุ่มเกาหลีสองคนนั้น หลังจากที่รู้ว่าเขาสองคนเป็นแฟนกัน พวกผมนี่ฮากร๊ากกันเลยครับ สมน้ำหน้าอยากแรดกันดีนัก



เราเดินข้ามมาอีกฟากหนึ่งของถนนที่มีร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่ ภาคมันไม่ยอมเดินมาใกล้ผมเลยครับ กลับไปเดินคู่กับช้อปแทน



“มึงสองคนงอนไรกัน ปกติเห็นติดกันตลอด ไหนคราวนี้นั่งกันคนละมุมแบบนี้วะ” นัทเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีหลังจากจัดแจงที่นั่งและสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย



ภาคมันดูไม่สนใจที่นัทพูด นั่งกอดอกเบือนหน้าหนีผม โอ้ยยยย ผมละอยากจะบ้าตายกับมัน แค่ผมบอกไม่ให้ยุ่งกับร่างกายผมแค่วันเดียว ถึงกับงอนขนาดนี้เลยหรอครับ ถ้าผมไม่อยู่กับมันสักอาทิตย์ สงสัยมันคงจะลงแดงตายแน่ๆ ครับ

“เมื่อคืนกูยังเห็นครางกันซะเสียงดัง วันนี้กลับงอนกันซะและ แล้วเมื่อไรพวกกูจะได้อุ้มหลานวะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งกลุ่ม ผมยกส้อมชี้หน้าขู่นัทมันไป ผมยังเห็นภาคมันแอบยิ้มด้วยนะครับ มาดูกันสิว่ามันจะงอนผมได้สักกี่น้ำ





หลังจากกินข้าวเที่ยงกันเสร็จเราก็ลงไปเล่นน้ำทะเลกันต่ออีกสักพัก กะว่าสักประมาณบ่ายสามโมงจะขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัว ไปหาอะไรกินกันที่ตลาด ตกดึกจะได้ไปเที่ยวร้านเหล้าบนเกาะดู เขาว่าร้านเหล้าที่นี่บรรยากาศดีมากๆ



“มึงแดกเหล้าไม่กลัวภาคมันว่าหรอวะ” ผมยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาดื่ม จะไปสนใจมันทำไมครับ มันยังไม่สนใจผมเลย ไม่คุยไม่มองหน้าด้วยซ้ำ มันเล่นแบบนี้ก่อนเอง



“กูอยากแดก ทำไมต้องไปสนใจคนอื่นด้วย” ผมเสตาไปมองมันเล็กน้อย



ถือเป็นโอกาสดีของผมละกัน ที่จะได้ดื่มเหล้าโดยไม่ต้องมีใครมาขัดใจ วันนี้เอาให้เต็มที่ไปเลยครับ ถือว่าโสดสักวันจะเป็นไรไป



“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” หนุ่มหล่อคนหนึ่งเข้ามาทักก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่นั่งตรงข้ามผม ดูแล้วน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันครับ



“ครับ ได้ครับ” ผมบอกเขา สายตาเหลือบมองภาคมันเล็กน้อย



ไม่ต้องสงสัย มันถลึงตามองผมทันทีครับ



ไหนว่างอนกูอยู่ไม่ใช่หรอ ที่งี้ทำเป็นหวง



“มาเที่ยวกับเพื่อนหรอครับ”



“ใช่ครับ” อยากตอบว่ามากับแฟนนะครับ แต่ลืมไปว่าวันนี้ผมโสดอยู่หนึ่งวัน



ผมนั่งคุยกับเขา ทำเป็นเหมือนไม่สนใจภาคที่นั่งทำหน้ายักษ์จ้องผมอยู่  



ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่คุยสนุกครับ เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อโอม และที่น่าตกใจเขาเรียนที่เดียวกันกับผมครับ แต่คนละคณะกัน อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ครับ



“เราขอเบอร์ม่อนหน่อยได้ไหม เผื่อกลับไปมหาลัยจะได้ติดต่อกันได้” ผมนั่งคุยกับเขาได้สักพัก เขาก็ยื่นโทรศัพท์ที่เพิ่งล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงส่งมาให้ผม



“ตุบ!!! กลับ” ผมก็มั่วแต่คุยกับโอมจนลืมสนใจภาคมันไป มารู้ตัวอีกทีมันก็เดินมาคว้าโทรศัพท์ในมือผมขว้างลงที่พื้น แล้วหันกลับมารวบข้อมือผมไว้



“เชี่ย!! มึงเป็นใคร” โอมลุกขึ้นคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อภาคทันที



“กูก็เป็นผัวคนที่มึงกำลังม่ออยู่ไง” ภาคยกมืออีกข้างสะบัดมือของโอมออกไป



“หึๆ ผัวหรอ แล้วทำไมเขาบอกกับกูว่ามากับเพื่อน” โอมยกยิ้มหัวเราะในลำคอ



คำพูดเมื่อกี้ของโอมดูเหมือนจะไปสะกิดต่อมโมโหของภาคมันอย่างจัง ภาคปล่อยมือผมลง ก้าวเท้าเข้าไปไกลโอม ซัดหมัดเข้าที่กลางหน้าโอมอย่างจัง จนโอมล้มกองกับพื้น



“มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะภาค” ผมพุ่งตัวกางแขนยื่นขวางโอมไว้ เพราะดูเหมือนว่าภาคกำลังจะโถมตัวเข้าใส่โอมอีกครั้ง



ยังดีที่มิกซ์กับช้อปเข้ามาล็อคตัวมันไว้ได้ทัน เกือบไปแล้วครับ



ผมหันกลับไปดูโอมที่กำลังยืนเช็ดเลือดที่ไหลอยู่ตรงมุมปาก



“โอมเป็นไรไหม เราขอโทษแทนมันด้วยนะ” ผมเดินเข้าไปประคองโอมให้ลุกขึ้น ดูแล้วโอมจะเจ็บอยู่ไม่น้อย ดูจากแรงเหวี่ยงแขนของภาคมันแล้ว


ไม่รู้จะขอโทษโอมยังไงดีครับ ผมไม่น่าไปยั่วโมโหภาคมันจนโอมที่ไม่รู้อะไรด้วยต้องมาโดนลูกหลง



“นี่มึงเป็นห่วงมันหรอ เจอกับแค่ไม่กี่นาทีมึงห่วงมันขนาดนี้เลยเหรอ” ดูมันจะโกรธจนคุมตัวเองไม่อยู่แล้วครับ ผมรีบบอกขอโทษโอมอีกครั้ง ก่อนขอร้องให้โอมกลับไปที่โต๊ะตัวเอง



“อยากไปกับมันมากสินะ ไปเลย” มันตะคอกใส่หน้าผม ก่อนหันตัวกลับ ปัดแก้วกับขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะทิ้ง ก่อนเดินออกไปจากร้าน ทิ้งไว้เพียงเศษแก้วกับเศษอาหารที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น



“มึงไม่น่าไปยั่วโมโหมันเลยหวะม่อน” นัทเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ ใช่ครับผมไม่น่าไปยั่วโมโหมันเลย จากเรื่องที่งอนกันเล็กน้อยตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่และอาจจะเป็นหายนะสำหรับผมแล้วหละครับ 



ช้อปขับรถพาพวกเรากลับมาที่บ้านพัก หลังจากเคลียร์ปัญญาหาเรื่องข้าวของที่เสียหายเสร็จเรียบร้อย ผมเดินลงจากรถตรงดิ่งไปที่ห้องทันที ภายในห้องมืดสนิทผมคิดว่ามันคงยังไม่กลับมาที่ห้อง ผมเอื้อมมือคลำหาสวิตซ์ไฟ

เป็นอย่างที่ผมคิดครับ มันยังไม่กลับมาที่ห้อง ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน ไม่ลืมที่จะถือโทรศัพท์ติดมือมาด้วย



“ตื้ด....ตื้ด” ผมรู้อยู่แก่ใจครับว่าว่าโทรไปยังไงมันก็คงไม่รับสาย แต่ยังไงผมก็อยากลองโทรหามันอยู่ดีครับ



ผมเดินวนรอบบ้าน โทรหามันเป็นสิบๆ สาย แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะรับสายผมเลย



“มึงอยู่ไหนวะภาค” ผมพูดกับตัวเอง ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น มันหายไปแบบนี้เริ่มเป็นมันขึ้นมาแล้วครับ



“ตื๊อ...ตื๊ด” ผมยกโทรศัพท์ขึ้มมาโทรอีกรอบ สองขาก้าวเดินตรงไปที่ริมชายหาด โดยหวังว่าจะเจอมัน





แสงไฟหน้ารถที่สาดส่องไปยังร่างของผู้ชายคนหนึ่ง ผมจำได้ทันทีครับว่าเป็นภาค มันกำลังนั่งกอดเข่าหันหน้ามองทะเลอยู่ริมชายหาด



“ภาค” ผมวิ่งเข้าไปหามันทันที แต่คงไม่ทัน เพราะหลังจากที่มันหันตามเสียงผมมา มันก็ลุกขึ้นยืนเดินหนีผมไปเลย



ผมวิ่งตามมันที่กำลังเดินขึ้นจากชายหาดมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านพัก ‘มึงอย่าหนีกูสิ’ ผมคิดในใจกับตัวเอง เร่งจังหวะการสับขาให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ตามมันให้ทัน



“มึงฟังกูก่อนสิ” มันหยุดเดิน มือข้างหนึ่งกำที่ลูกบิดประตู เหมือนว่ากำลังรอฟังสิ่งที่ผมกำลังพูด



“กูแค่อยากแกล้งมึง กูไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริงๆ นะ” ผมพยายามอธิบายเหตุผลให้มันฟัง แต่ดูเหมือนคงไม่ค่อยถูกใจมันเท่าไร มันหมุนลูกบิดตัวประตู เดินหนีผมเข้าไปในห้อง



ผมเดินตามมันเข้าไปในห้อง ก็เจอมันที่กำลังนอนขดตัวใต้ผ้าห่มหันหลังให้ผม มันไม่แม้จะเปิดไฟในห้องเลยสักดวง



เอาไงดีครับคราวนี้ ผมคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงให้มันหายโกรธผม



ผมทิ้งตัวตามมันลงไปที่เตียงนอน สอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปโอบมันจากทางด้านหลัง คิดไม่ออกจริงๆครับ คงต้องกลับมาใช้วิธีเบสิกดูบ้างเผื่อจะได้ผล



“กูขอโทษนะภาค อย่าโกรธกูเลย” ผมซุกหน้าเข้าที่แผนหลังมัน พยายามทำเสียงอ้อนเผื่อว่ามันจะใจอ่อน ‘นิ่ง’ มันนอนนิ่งไม่ขยับตัวหรือตอบผมเลยครับ



“ภาค ภาคครับ ม่อนขอโทษนะ ม่อนผิดไปแล้ว” ผมเพิ่มเลเวลการอ้อนเข้าไปอีกครับ แต่มันก็ยังคงนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา



“ตัวเอง เค้าขอโทษ ยกโทษให้เค้านะ เข้าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เค้าผิดไปแล้ว ดีกันน้าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เอาครับ เกิดมายังไม่เคยอ้อนใครถึงขั้นนี้ ผมทำถึงขนาดนี้หวังว่ามันคงใจอ่อนสักทีนะครับ



นั้นไงครับได้ผลจริงๆ ด้วย มันพลิกตัวหันหน้ากลับมาหาผมแล้ว



“มึงไปจำใครมาไอ้ลูกอ้อนแบบนี้ คิดว่ามันจะได้หรอ” มันหันกลับมาหาผมพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาทันที 

ผมไม่ได้ไปจำใครมาหรอกครับมันออกมาเอง ก็สถานการณ์มันบีบบังคับแบบนี้ มันก็ออกมาเองทั้งหมด ก็อยากให้มันหายโกรธจริงๆ นิครับ



“มึงไม่ชอบหรอ ถ้ามึงยังไม่หายโกรธแล้วมึงหันกลับมาทำไม” ผมแกล้งทำเป็นงอนมันบ้างครับ เตรียมขยับตัวหนีมันบ้าง



“ใครบอกมึงว่ากูยังไม่หายโกรธ กูหายโกรธตั้งแต่มึงเรียกกูว่าภาคครับละ” มันดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น ซุกหน้ามันเข้ากับหน้าผม จนจมูกของเราสองคนชนกัน



“มึงหายโกรธกูแล้วจริงๆ นะ กูดีใจโคตรๆ เลย” ผมดีใจจนอยากจะลุกขึ้นมากระโดดตีลังกาสักสองรอบ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เล่นลูกอ้อนเลเวลสูงสุดกับมัน



“แต่มีข้อแม้เพื่อเป็นการไถ่โทษ"



"ยังไง" มขมวดคิ้วมอหน้ามัน



"มึงต้องพูดหวานๆ แบบที่มึงอ้อนกูวันนี้หนึ่งทิตย์ แล้วมึงก็ต้องยอมทำทุกอย่างตามที่กูสั่ง โอเคไหม”



“โอเคครับคุณแฟน” ผมตบปากรับคำมันทันที แค่พูดหวานๆ กับทำตามที่มันสั่งก็ดูไม่ยากไปสำหรับผม



“งั้นคำสั่งแรก มึงต้องยอมให้กูเอาทั้งคืน”



“ดะ...เดี๋ยว ไม่เอาแบบนี้สิ อื้อ มะ...ไม่เอา อื้อๆ อ้า” คงไม่ต้องอธิบายนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่น่าคิดน้อยเลยครับ ก็รู้ๆ อยู่ว่ามันเป็นคนยังไง ไม่น่าไปตกหลุมพลางมันเลยครับ เฮ้อ พรุ่งนี้คงไม่มีแรงกลับมหาลัยแน่เลยครับ







Part

#ช้อปมิกซ์





“พี่บอกไว้ก่อนนะ เป็นแฟนพี่อย่าประชดแบบที่ม่อนทำ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”



“ผมไม่ทำหรอก แต่...เดี๋ยวนะ ผมไปเป็นแฟนพี่ตั้งแต่เมื่อไร”



“ฟอด!! ยังไม่ได้เป็นแต่พี่จองไว้ก่อนไง”



“ไอ้พี่ช้อป ไปตายซะ”


หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 26 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 2
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 05-08-2018 11:59:54
เอาใจช่วยนะ จีบมิกซ์ติดเร็วๆ ... ว่าเเต่งอนละดีกันแบบคู่ของภาคเนี่ย ที่เพื่อนแซวว่าเมื่อไหร่จะมีหลาน นี่ก็น่าคิด
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 26 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 2
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-08-2018 14:22:55
โดนทั้งพี่และน้อง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 26 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-08-2018 22:48:40
แกล้งภาคดีนัก กรรมตามสนองเลย555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 26 #เสม็ดเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 2
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-08-2018 23:43:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 27 #ใครหึง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 06-08-2018 00:15:11
ตอนที่ 27



#ใครหึง




“ภาคครับอ่านหนังสือได้แล้ว”



หลังกลับจากเที่ยวเสม็ด ผมก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมันครับ เดี๋ยวมันงอนขึ้นมางานหนักก็ตกมาที่ผมอีก ยังไงผมก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ดี ดังนั้นเอาใจมันเข้าไว้ครับ อย่างน้อยมันก็ทำตัวน่ารักเวลาที่ผมพูดเพราะๆ กับมัน



นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์หนึ่ง สัญญาระหว่างผมกับมันก็เกือบครบกำหนดแล้ว ผมไม่ได้เครียดกับเรื่องสัญญาหรอกครับ แต่เครียดเรื่องที่ต้องมานั่งบังคับให้มันตื่นขึ้นมาออ่านหนังสือ เพราะเหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะสอบปลายภาคแล้ว ช่วงนี้ผมเลยต้องเข้มงวดกับการอ่านหนังสือของมันมากหน่อย และหวังว่าหนังสือจะช่วยลดอาการหื่นกระหายของมันลงได้บ้าง



“ขออีกห้านาทีนะ”



“ไม่ได้ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”



“หางเสียงหายไปไหน” ดูครับขนาดพึ่งตื่นมันยังไม่วายจับผิดผมเลยครับ ยอมมันจริงๆ



“มาให้กูทำโทษเดี๋ยวนี้”



“ไม่…” มันดึงตัวผมให้ลงไปนอนทับบนตัวมัน สองแขนรัดตัวผมไว้แน่น กดจมูกลงที่กลางหัวผม ก็เป็นเรื่องปกติที่มันทำกับผมทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ได้ทำมันก็ไม่ยอมลุกจากเตียงสักที เฮ้ย เหนื่อยใจจริงๆ



“ทำข้าวเช้าให้กินหน่อย” มันเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวคลุมไว้ที่หัว มือหนึ่งจับชายผ้าลูบเช็ดผมตัวเอง



ทำกับข้าวหรอครับ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมันอยากจะกินอาหารฝีมือผมสักครั้ง แล้วครั้งนี้อะไรไปดลใจมันหละครับ



ผมสายหน้าเดินตรงไปที่ครัว ก็ดีครับผมก็ไม่ได้ทำอาหารกินเองมานานแล้ว ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ยังไม่มีเวลาทำทานเองเลยสักครั้ง ที่สำคัญหอผมห้ามทำอาหารด้วยนี่สิครับ ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเจิมครัวให้ภาคมันหน่อย มันบอกตั้งแต่มันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ มันก็ไม่เคยเข้ามาใช้ห้องครัวนี้สักครั้ง นอกจากเดินเข้ามาเสียบกาน้ำร้อนใส่มาม่ามันเท่านั้น เสียดายของจริงๆเลยครับ



“น่ากินจังเลย” ผมเดินถือจานข้าวพร้อมกับจานไข่เจียวมาวางให้มันที่โต๊ะ



“อร่อยที่สุดเลย” มันพูดทั้งที่ข้าวยังอยู่เต็มปาก ผมยืนสายหัวให้กับท่าทางของมัน กับอีแค่ไข่เจียวจานเดียวทำเป็นโอเวอร์ยังกับได้กินอาหารมิชลิน



“เออ กูลืมบอกว่ามีของมาส่ง วางอยู่ห้องนั่งเล่นนะ” มันหันมามองหน้าผม สายตามันดูเจ้าเล่ห์มากครับ ผมว่าของในกล่องนั้นมันต้องเป็นของเล่นแผลงๆ ของมันอีกแน่ๆ



ผมรีบพุ่งตัวไปที่ห้องนั่งเล่นทันที แต่ก็คงไม่ทันสกิลลมกรดของมัน ภาคคว้ากล่องที่วางอยู่บนโซฟา วิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ก่อนจะเข้าไปมันยังหันกลับมายิ้มหื่นๆ ให้ผมอีก ทำเอาผมเสียวสันหลัววาบเลยครับ



คราวนี้จะเป็นอะไรอีกครับ



“มึงสั่งอะไรมา” ผมยืนชี้หน้าทำเสียงแข็งใส่มันทันทีที่มันออกมาจากห้องนอน


“เดี๋ยวหลังสอบมึงก็รู้เองแหละ” มันเดินเข้ามากระซิบแถมยังพ่นลมอุ่นเข้าที่หูผม ก่อนเดินกลับไปนั่งตักข้าวไข่เจียวที่เหลืออยู่ในจานเข้าปาก

ทำยังไงดีครับ อุตส่าห์แอบไปลื้อของเดิมที่มันซื้อมาก่อนหน้านี้ไปซ่อนไว้แล้ว แต่มันก็ไม่วายซื้อของใหม่เข้ามาแทนอีก เหนื่อยกับความพยายามกับเรื่องอย่างว่าของมันจริงๆ แต่ก็ยังดีครับ ที่มันยังมีน้ำใจไม่เอามาใช้กับผมช่วงก่อนสอบแบบนี้ ผมยังไม่อยากเดินเป็นซอมบี้ไปสอบหรอกนะครับ





“พวกมึงหลังสอบเสร็จไปค่ายอาสากันไหม” ทุกคนเงยหน้าจากกองหนังสือของตัวเอง ขึ้นมามองหน้าผมพร้อมกัน



“อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย ปกติกูไม่เห็นมึงจะทำกิจกรรมอะไรกับเขาสักอย่าง” อาร์มขยับแว่นเลิกคิ้ว มองหน้าผมอย่างสงสัย



ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากร่วมกิจกรรมของมหาลัยนะครับ ก็อย่างที่เคยบอก ผมมีเวลาว่างไปร่วมกิจกรรมเหมือนคนอื่นที่ไหนละครับ คราวนี้ผมเห็นประกาศจากชมรมอาสาว่าหลังสอบปลายภาคจะไปออกค่าย สร้างห้องสมุดให้เด็กๆทางภาคอิสาน ผมเห็นว่ามันน่าสนใจดีครับ ได้ช่วยเด็กๆ และยังได้เที่ยวอีก น่าสนุกดีออกครับ



“มึงอยากไปหรอ งั้นเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” ผมยิ้มกว้างให้ภาค อยากจะจับมันจุ๊บเหม่งไปสักที แต่กลัวว่าพวกเพื่อนขี้เสือกมันจะล้อผมเอา เพราะทุกวันนี้เรื่องเชือกแดงที่เสม็ดมันยังไม่หยุดล้อผมเลยครับ



“งั้นกูไปด้วย เพื่อนม่อนกูอุส่าต์ชวน เพื่อนรักอย่างกูจะปฏิเสธได้ยังไง” นัทยักคิ้วส่งยิ้มมาให้ผม



สรุปแล้วว่า เราจะยกกันไปค่ายกันทั้งกลุ่มนี้แหละครับ ก็อย่างที่เห็นกลุ่มผมถ้าขาดใครไปความสนุกคงลดลงมาก



“สอบเสร็จแล้วโว้ย” ดูมีนมันอยากจะโปรยชีทในกระเป๋ามันเต็มทน กว่าผมจะเคี้ยวเข็ง ติวข้อสอบให้พวกมันตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นเกือบทุกคืน วันนี้ก็คงเป็นวันที่ทุกคนรวมถึงตัวผมเอง รู้สึกโล่งมากที่สุดตั้งแต่เรียนมา ผมหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ทุกคงจบปีหนึ่งอย่างสมบูรณ์กันทุกคน เพราะดูจากสีหน้าอาการยิ้มแย้มของทุกคนแล้ว พวกมันน่าจะทำข้อสอบกันได้



ส่วนไอ้คนข้างๆ ผมตอนนี้ ถ้ามันไม่ผ่านแม้แต่วิชาเดียว งานนี้คงต้องมีเคลียร์กันยาว ผมอุตส่าห์ติวเข้มมันเป็นพิเศษ ปลุกมันให้ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือทุกวันขนาดนี้ ถ้าไม่ผ่านผมยอมให้มันกดผมทั้งวันทั้งคืนเลยครับ



ผมก็กล้าพูดแค่ตอนนี้ละครับ ถ้ามันรู้ว่าผมคิดแบบนี้ ผมเชื่อว่าคนอย่างภาคมันสามารถยอมสอบตก เพียงเพื่อจะได้กดผมทั้งวันทั้งคืนแค่นั้นแน่ๆ





นักศึกษาจากหลายๆ คณะกว่าร้อยคนนั่งเรียงรายรอต่อแถวขึ้นรถ ผมเดินสะพายกระเป๋าเป้ยืนต่อแถวเพื่อเชคชื่อก่อน



ค่ายที่เราจะไปกันครั้งนี้เป็นการไปสร้างห้องสมุดให้กับน้องๆ จากภาพประกาศในเฟซบุ้คชมรมแล้ว โรงเรียนนี้น่าจะไกลจากความเจริญพอสมควร ดูจากสภาพถนนทางเข้าโรงเรียนที่เป็นทางลูกรังและยังเป็นหลุมเป็นบ่อีก นี่แหละครับเหตุผลที่ทำให้ผมอยากไปออกค่ายในครั้งนี้



“โอ๊ย!!!” นักศึกษาเดินขวักไขว่เตรียมขึ้นรถ เพื่อจับจองที่นั่งของตัวเอง สาวสวยคนหนึ่งดูแล้วน่าจะเรียนชั้นปีเดียวกันกับพวกผม เดินเซเข้ามาชนภาคมันจนล้มลงไปกับพื้น



“เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” ทั้งๆ ที่ภาคมันถูกชน แต่ก็ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษสุดหล่อของมัน ภาคก้มลงไปช่วยพยุงสาวสวยคนนั้นให้ลุกขึ้น



“ไม่เป็นไรค่ะ โอ๊ย” เธอดูไม่เป็นอะไรมากครับ แต่พอตอนที่เธอจะก้าวขาเดินกลับส่งเสียงร้องเจ็บปวดขึ้นมาทันที



“ถ้าไม่ไหว เดี๋ยวผมช่วยพยุงนะครับ” ภาคยื่นกระเป๋าสะพายของตัวเองมาให้ผมถือ หันกลับไปโอบรอบไหล่ประคองเธอเดินขึ้นไปบนรถ



ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรภาคที่มีน้ำใจนะครับ แต่โอบกันขนาดนั้น ยิ่งสายตาเวลาที่เธอสบตากับภาคแล้วดูหวานหยดย้อยจนน้ำผึ้งยังอายเลยครับ



“ขอบคุณนะคะ” เธอยกมือขึ้นเกลี่ยผมตัวเองขึ้นทัดหู สายตาจับจ้องที่ภาคมันตลอดเวลา



“ครับ ไม่เป็นไร”



“เอ่อ...จะว่าอะไรไหมคะถ้าฟ้าจะชวนนั่งด้วยกัน พอดีฟ้ากับเพื่อนนั่งคนละคันกันค่ะ” ผมที่ยื่นอยู่ด้านหลังกำลังจะยื่นกระเป๋าเป้ให้ภาค แต่ไม่ทันสาวสวยที่คว้ามือภาคมันไว้ก่อน



“นัทมึงนั่งกับกูนะ” ผมโยนกระเป๋าเป้ในมือส่งให้กับภาค ดูท่าว่าทั้งมันและคุณฟ้านั้นคงอยากนั่งด้วยมาก



ปล่อยมันไปไม่ต้องสนใจมันหรอกครับ ถ้ามันอยากดูแลเขาก็ปล่อยมัน ก็เขามาคนเดียวคงเหงามากเลยละครับ



ภาคขมวดคิ้วมองหน้าผมเหมือนจะถามว่าผมเป็นอะไร



มันคงอยากนั่งกับเธอมาก ก็ปล่อยมันไป



ผมสะบัดตัวเดินหนีมานั่งเบาะด้านหน้าห่างจากมันพอสมควร ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศระหว่างมันกับเธอ ผมทิ้งตัวลงนั่งกอดกระเป๋าเป้ตัวเองไว้ สายตามองออกไปนอกกระจก นัทเดินตามผมมานั่งลงข้างผมแบบงงๆ



“เพิ่งเคยเห็นมึงหึงมันนะเนี่ย” ผมหันไปมองหน้านัทที่กำลังยิ้มปนขำผมอยู่



ใครบอกว่าผมหึง ผมไม่ได้หึง ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะครับ มันอยากทำอะไรก็ปล่อยมันไป ดีเสียอีกมันจะได้ไม่ต้องมานั่งคอยกวนผมอีก

ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางกางขึ้นมาเปิดแอพเฟชบุ้ค ใช้นิ้วชี้ถูหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้อยากจะดูหรืออ่านอะไรหรอกนะครับ แค่เผื่อว่ามันจะช่วยลดอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเองไดัเท่านั้น



ความรู้สึกผมเองเหมือนจะขัดแย้งกับก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าไม่ได้สนใจที่ภาคมันไปนั่งกับเธอ แต่ตอนนี้ในหัวผมมีแต่ภาพที่ภาคนั่งจู๋จี๋กับเธอลอยเข้ามาในหัวอยู่เรื่อยๆ



หยุดคิดได้แล้วม่อน ไหนมึงบอกว่าไม่สนใจ แล้วมึงจะมานั่งคิดมากแบบนี้ทำไม



ผมยกมือสองข้างขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ เผื่อมันจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้บ้าง



“แม่งเอ๊ย!!!” ผมทนไม่ไหวแล้วครับตอนนี้ ก็มือที่กำลังถูอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ มันดันมาหยุดที่รูปคู่ระหว่างภาคกับฟ้า



‘ขอบคุณนะที่นั่งเป็นเพื่อน’

ฟ้า ใส ได้อยู่กับ ภาค ภาค



มันจะเกินไปแล้วนะภาค ถ่ายรูปคู่กับเขายิ้มซะหน้าบานขนาดนั้น แถมแคปชั่นที่เธอแท็กมันมาอีก



‘ยังไงหรอๆ ฟ้าใส’

‘ว้ายยัยฟ้างานดีนะจ๊ะ’

‘สวยหล่อทั้งคู่’

‘ต้องเล่าแล้วยัยฟ้า’







‘เหมาะสมกันดีนะ’




ประโยคสุดท้ายไม่ใช่ของใครคับ มันเป็นของผมเองครับ เห็นข้อความของคนอื่นผมเองก็อยากมีส่วนร่วมบ้าง จะว่าไปดูแล้วสองคนนี้ก็เหมาะกันดีนะครับ คนหนึ่งสวยอีกคนก็หล่อ แค่ลงรูปคู่กันรูปเดียวก็มีคนเข้ามาเม้นเชียร์กันเพียบแล้ว



‘ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ’




มันตอบกลับคอมเม้นผมมาทันที คงไม่ทันแล้วหละผมคิดแบบนั้นไปแล้ว คิดมากและคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วด้วยครับ



ผมยัดโทรศัพท์กลับใส่กระเป๋าเกงเกง มีเสียงสั่นจากโทรศัพท์ของผมหลายครั้ง ผมทำเป็นไม่สนใจ ก้มลงกอดกระเป๋าเป้ของตัวอีกครั้ง ผมครับรู้ว่าภาคมันคงโทรมาแน่ๆ แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้วครับ ปล่อยมันไปอยากทำอะไรก็เชิญ



มือข้างหนึ่งของนัทยกข้ามผมเกี่ยวหัวผมให้เอนเข้ากับไหล่ของมัน ‘โอบ?’ แปลกครับทำไม่นัทมันต้องโอบไหล่ผมขนาดนี้ด้วย ปกติถ้ามันปลอบก็ไม่เคยโอบผมแบบนี้ ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน



“มึง” ผมพยายามดันเองออกจากไหล่ข้างนั้น คนที่ผมนั่งซบและที่กำลังโอบผมอยู่ไม่ใช่นัท แต่เป็นภาคที่ไม่รู้ว่ามันสลับที่นั่งกับนัทมันตั้งแต่ตอนไหน ผมคงมั่วแต่เหม่อจนไม่ได้สนใจข้างๆ



มันยกมืออีกข้างขึ้นมารวบผมไว้ มันคงเห็นว่าผมกำลังขัดขืนดิ้นหนีมันอยู่ จะไม่ให้ผมหนีมันได้ยังใครก็เมื่อกี้มันยังสวีทหวานคู่กับสาวสวยอยู่เลย แล้วนี่กลับมานั่งกอดผมไว้แน่นขนาดนี้ ใครมันจะมีอารมณ์มานั่งกอดกับมันละครับ



“หึงกูหรอ”



“ไม่”



“กูไม่ได้คิดอะไรกับเขา”



“แล้วกูต้องเชื่อหรอ นั่งคุยกันหวานซะขนาดนั้น” ผมสะบัดหน้าหนีมัน พยายามแกะมือปลาหมึกของมันออกจากตัว



“ไหนบอกว่าไม่หึง”



“กูก็ไม่ได้หึง”



“ปากแข็งจังนะมึง แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าหึง” มันเลื่อนมือหนาขึ้นมาดึงริมฝีปากผมไปมา



ใครบอกว่าผมปากแข็ง ไม่ใช่สักหน่อยครับ ก็ผมไม่ได้หึงมันจริงๆ แค่หมั่นไส้ที่เห็นมันคุยกระหนุงกระหนิงกับเธอเท่านั้น



ผมยังหันหน้าหนีไม่ยอมสบตากับมัน มันคลายมือจากตัวผมหันไปสนใจโทรสัพท์ในมือแทน แบบนี้ก็ได้หรอครับ มันจะง้อผมแค่นี้จริงๆ หรอครับ



มันยังคงสนใจมือถืออยู่ไม่หันมามองผมสักที สงสัยฟ้าเธอคงแท็กรูปคู่พร้อมแคปชั่นหวานๆ มาอีก มันคงไม่อยากสนใจผมอีกแล้วครับ มันคงเบื่อผมแล้วแน่ๆ



“เบื่อกูแล้วก็กลับไปนั่งกับเขาสิ” มันสะกิดที่ไหล่ของผมอยู่หลายครั้ง แต่ผมไม่ยอมหันไปหามันหรอกครับ อยากไปก็ไปมันจะมายุ่งกับผมอีกทำไม



“ถ้าไม่อยากหันมาก็เปิดโทรศัพท์ดูสิ”



ผมยกโทรศัพท์ขึ้มมาดูตามที่มันบอก เปิดแจ้งเตือนจากแอพเฟซบุ้คขึ้นมาดู



‘ขอลบแท็กรูปเมื่อกี้นะครับ พอดีแฟนผมขี้หึง’

ภาค ภาค ได้แท็กคุณในรูป



ภาพที่ผมกำลังนั่งกอดกระเป๋าเป้มองออกไปนอกหน้าต่าง กับแคปชั่นที่มันเขียนททำเอาหน้าผมร้อนผ่าวขึ้น ไม่กล้าหันไปมองหน้ามันเลยครับ ใครจะไปคิดว่ามันจะลบรูปที่ฟ้าแท็กมาออกแล้วลงรูปผมแทน ไม่รู้ว่าถ้าฟ้าเธอเห็นจะรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะไปสนใจคนอื่น ผมควรเอาเวลามาคิดว่าจะหันกลับไปทำหน้ายังไงกับภาคมันดี



“กูไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริงๆ หายโกรธกูนะ” ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตามัน ยอมรับว่าเขินมากเห็นที่มันกล้าทำแบบนั้น ไม่รู้จะมองหน้ามันยังไงจริงๆ ครับ ทำได้เพียงก้มหน้าซุกเข้าที่อกมันเท่านั้น



“กูชอบนะที่มึงหึงกูแบบนี้ รู้ไหมว่ามึงน่ารักขนาดไหนเวลาที่มึงทำหน้างอนกู” ประโยคนี้ยิ่งทำให้ผมซุกหน้าเข้ากับอกมันยิ่งกว่าเดิม ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดแบบนี้วะภาค รู้ไหมว่ากู ‘เขิน’

















Part

#ช้อปมิกซ์





“มานั่งหง่อยแบบนี้คนเดียวทำไม”



“ก็ม่อนมันไม่ยอมให้ผมไปออกค่ายด้วย”



“แล้วเราจะไปได้ยังไง มันเป็นกิจกรรมของมหาลัย”



“ไม่รู้แหละ ก็มันแม่งทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว อีกตั้งสามวันมันกว่าจะกลับ”



“งั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่พาเราเที่ยวเอง ถือว่าเป็น ‘เดทแรก’ ของเราละกัน”



“ไม่ดงไม่เดทอะไรทั้งนั้นโว้ย...”


หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 27 #ใครหึง
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 06-08-2018 00:28:26
อ้าวว ๆๆๆ น้องมิกซ์อยู่คนเดียวเเบบนี้ ทางโคตรสะดวกละ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 27 #ใครหึง
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-08-2018 00:45:26
น้องมิกซ์เสร็จแน่555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 27 #ใครหึง
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-08-2018 13:36:58
ออกเดท
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 06-08-2018 20:50:49
ตอนที่ 28





#แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพราง





“ถึงแล้วม่อน”

เสียงเรียกของภาคปลุกผมให้ตื่น ผมค่อยๆ ลืมตามองรอบๆ ตัว เสียงเท้ากระทบพื้นดังลอยมาเรื่อยๆ ผมหันหน้าไปมองภาคที่กำลังสะบัดแขนสะบัดขารวมถึงนวดที่ต้นคอตัวเอง มันคงจะปล่อยให้ผมนอนพิงไหล่มันมาตลอดทาง ดูท่าแล้วมันคงจะเมื่อยน่าดู แต่แปลกที่มันไม่ยอมปลุกผม



“ปวดคอแล้วทำไมไม่ปลุกกู” มันก้มลงมามองหน้าผม มือก็ฉุดกระชากกระเป๋าบนชั้นวางของอยู่ ผมไม่ได้คำตอบจากมัน มีเพียงรอยยิ้มที่มันส่งกลับมาให้ผมเท่านั้น



ผมหันกลับไปมองที่นั่งด้านหลัง นัทมันคงจะชอบใจที่ได้นั่งกับสาวสวย ยิ้มซะหน้าบานขนาด มันไม่ลืมที่จะยักคิ้วเป็นการอวดผมมาอีก ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับท่าทางของมันไปเท่านั้น



“ภาคช่วยเราถือหน่อยได้ไหม พอดีเราเอาของมาเยอะไปหน่อยนะ” ภาคที่กำลังรับกระเป๋าจากมือผมไปถือ หันหน้ามองผมสลับกับฟ้า เป็นผมที่พยักหน้าให้มันเพราะผมก็เป็นผู้ชายถือของตัวเองแค่นี้คงไม่เป็นไร ปล่อยให้มันช่วยเธอไปเถอะครับ



“เอากระเป๋ามึงมา” ผมแย่งกระเป๋าที่มันสะพายอยู่มาถือให้ ก็มันนั่งให้ผมพิงไหล่มาตลอดทางคงเมื่อยน่าดู ไหนจะต้องมาถือของตัวเองกับของฟ้าอีก เดี๋ยวได้เดี้ยงกันพอดีครับ



“ขอบคุณนะครับ” มันเลื่อนเข้ามากระซิบจนจมูกแทบจะชนกับแก้มผม เฮ้อ ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับมันครับ ไม่อยากให้มันไปยุ่งกับเธอหรอกครับ แต่จะให้มันปฏิเสธเธอก็ดูน่าเกลียดเกินไป



ผมคุยกับภาคมันได้นิดเดียวเท่านั้นแหละครับ ก็ฟ้าชวนภาคดูนั้นดูนี้มาตลอดทาง ดูเธอจะไม่ได้สนใจอะไร ทั้งที่ผมเดินอยู่ข้างๆภาคมัน



ตอนนี้ก็เกือบบ่ายโมงแล้ว ตามกำหนดการ เราจะมากินข้าวเที่ยงที่ทางโรงเรียนร่วมกับชุมชนจัดไว้ให้ กว่าจะเข้ามาถึงก็ลำบากน่าดู ถนนที่ทั้งเป็นหลุมเป็นบ่ ฝุ่นแดงที่คลุ้งตลอดทางที่รถบัสของเราเคลื่อนผ่าน นี่ถ้าเรานั่งรถสองแถวเข้ามา รับรองได้ว่าหัวของเราคงเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่ต้องย้อมสีกันเลยละครับ



ผมถอยตัวออกมาจากภาค เดินมานั่งกับกลุ่มเพื่อนๆ ผม ก็ภาคมันโดนลากให้ไปนั่งกับกลุ่มสาวสวยเพื่อนของฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว มันหันกลับมามองผมหลายครั้ง เหมือนอยากจะลุกมาหาผมแต่ก็โดนมือของสาวๆ รั้งไว้ตลอด จะให้ผมทำยังไงละครับ เดินเข้าไปแล้วบอกว่าขอแฟนผมหน่อยนะครับหรือแฟนผมไม่อยากนั่งกับคุณ ผมคงดูเป็นนางร้ายในละครเกินไป คงต้องปล่อยแบบนี้ไปก่อน เดี๋ยวภาคมันคงหาวิธีกลับมาหาผมได้เองแหละครับ



อาหารพื้นบ้านถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย อาหารมื้อนี้เราทานกันเป็นแบบบุฟเฟต์ใครอยากทานอะไรก็เลือกตักกันได้ตามใจชอบ ส่วนใหญ่ผมก็เลือกตักเป็นอาหารอีสานซะเป็นส่วนใหญ่ วันนี้ของดกะเพราสักวัน ก็มาถึงถิ่นเขาทั้งที่ก็ต้องลองอาหารประจำภาคเขาสักหน่อยครับ



พวกเรานั่งล้อมวงกินข้าวกันที่พื้นหอประชุมของโรงเรียน ภาคมันคงหลบกลุ่มสาวๆ นั้นออกมาได้แล้วครับ มันแทรกตัวลงนั่งข้างผม



“ยัยพวกนั้นนี่ยังไงตามติดภาคจังเลย นั้นไงพูดถึงก็มาเลย” ผมหันกลับไปมองตามทางที่มีนบอก สาวสวยสี่คนเดินตรงมาที่กลุ่มเรา โดยมีฟ้าเดินนำหน้ามา สายตาเธอมองที่ภาค พร้อมส่งยิ้มหวานๆไปให้มัน



“ขอพวกเรานั่งด้วยนะ” เสียงสาวสวยคนหนึ่งเอ่ยขอ ยังไม่ทันทีพวกเราจะตอบรับ พวกเธอก็ทิ้งตัวลงนั่งถัดจากภาคไป



แล้วนี่ยังไง ผมต้องขยับด้วยเหรอครับ ก็อยู่ดีๆฟ้าก็เดินมาแทรกตัวนั่งระหว่างผมกับภาค ผมถอยหายใจเฮือกดัง เดินถือจานข้าวไปนั่งข้าวข้างนัทมันแทน ผมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารที่อยู่ในจาน ไม่อยากมองภาพสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม



ไม่รู้ว่าอาหารมื้อนี้อร่อยหรือไม่อร่อยหรอก เพราะในหัวมัวแต่คิดเรื่องภาคมันเท่านั้น



“เดี๋ยวกูเก็บจานให้” ภาคเดินเข้ามาหยิบจานข้าวในมือผมไปถือ อยากจะยิ้มให้มันอยู่หรอกนะครับ ติดที่มีฟ้าเดินตามหลังมันมาด้วย



“เออ...ภาคพอดีว่ารุ่นพี่บอกให้ไปช่วยขนน้ำลงจากรถหน่อยนะ”



“คือเรากำลังจะเอาจานไปเก็บอ่ะ” ผมได้แค่ยืนมองสองคนนั้นคุยกัน เหมือนฟ้าจะทำเป็นไม่เห็นว่ามีผมอยู่ตรงนั้นด้วย



“รุ่นพี่บอกว่าต้องรีบไปตอนนี้เลย เพราะทุกคนกำลังรอกินน้ำอยู่ งั้นฝากเพื่อนภาคไปเก็บให้ด้วยนะ”



ฟ้าหยิบจานข้าวในมือภาครวมถึงของเธอเองยัดใส่มือผม ผมยังงงๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ อยากจะถามภาคมันนะครับ แต่คงไม่ทัน เพราะฟ้าเธอคว้ามือภาควิ่งออกไปนู้นแล้ว



หึๆ ม่อนนี้มึงต้องมาเก็บจานให้แฟนตัวเองกับผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ ตลกสิ้นดี



ผมเดินเซ็งๆ เข้ามานั่งข้างนัท รอให้รุ่นพี่จัดแจงที่นอนให้เรียบร้อยก่อนแยกย้ายเอาสัมภาระเข้าไปเก็บ



“มึงไม่หวงภาคมันบ้างหรอวะ ปล่อยให้ยัยฟ้านั้นลากไปไหนมาไหนอยู่ได้” มีนดูจะอารมณ์เสียแทนผมครับ จะบอกว่าหวงก็หวงครับ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ ห้ามให้เธอมายุ่งกับภาคงั้นหรอ เหตุผลเพราะผมหวง ผมเป็นแฟนกับภาค มันต้องตัวติดกับผมตลอดเวลาอย่างนี้เหรอครับ มันคงดูไม่ดีเท่าไรนัก เพราะเหตุผลของการมาค่ายครั้งนี้ก็เพราะอย่างช่วยน้องๆ ถ้าดึงภาคมันไว้กับผมตลอดเวลา คงช่วยงานชมรมได้ไม่เต็มที่แน่ ผมว่าผมเลิกคิดแล้วตั้งใจช่วยงานชมรมดีกว่า



“กูนอนตรงนี้แหละ” ผมเดินหอบกระเป๋าทั้งของตัวเองและของภาคมันไปไว้ตรงมุมห้อง ห้องที่เราจะใช้นอนตลอดสองคืนที่อยู่ที่นี่ ก็เป็นห้องเรียนของน้องๆ นั่นแหละครับ เพียงแต่โต๊ะเรียนทั้งหมดถูกเลื่อนไปซ้อนกันไว้ที่ด้านหนึ่งของห้อง ทำให้พื้นที่ตรงกลางห้องโล่ง พอที่จะเป็นที่นอนให้กับพวกเราได้ ไม่มีเตียงหรือที่นอนให้หรอกนะครับ มีเพียงเสื่อ หมอนกับผ้าห่มอย่างละชิ้นให้แต่ละคนเท่านั้น สำหรับผมแล้วไม่มีปัญหาครับ ห่วงแต่คุณชายภาค ไม่รู้ว่ามันจะนอนพื้นแบบนี้ได้รึเปล่า



พวกเราจัดแจงที่นอนเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาจากห้อง เตรียมลงไปประชุมวางแผนการทำงานกันต่อ



“รอกูตรงนี้ก่อนนะ” ภาควิ่งเข้ามาคว้าแขนผมไว้ ดูท่าแล้วมันน่าจะเพิ่งทำงานหนักมา ดูจากท่าทางเหนื่อยหอบกับเหงื่อที่ไหลอยู่บนใบหน้ามัน งานคงหนักน่าดู



มันเดินตรงเข้าไปในห้อง เหมือนจะเข้าไปเอาอะไรสักอย่าง ผมกอดอกยืนรอมันที่ระเบียงทางเดินของอาคาร



“ม่อนช่วยกูด้วย” เสียงร้องดังออกมาจากในห้อง ผมพุ่งตัวเข้าไปหามันทันที



เกิดอะไรขึ้นกับมันเหรอครับ ทำไมถึงได้ร้องเสียงหลงขนาดนั้น ผมวิ่งเข้าไปในห้อง มองหามันด้วยความเป็นห่วง



ภาคมันอยู่ไหนครับ ผมมองหาภายในห้อง ตรงที่นอนก็ไม่เจอมันครับ



“ม่อนช่วยกูด้วย มันเข้ามาหากูแล้ว” ผมมองตามเสียงของมันไป ก็ต้องตกใจ เพราะภาคมันกำลังยืนตัวสั่นอยู่ตรงขอบหน้าต่าง



“มึงเป็นอะไรรึเปล่า” ผมวิ่งเข้าไปจับขามันไว้ กลัวว่ามันจะพลาดตกลงไปด้านนอก ถึงอาคารจะไม่ค่อยสูงเท่าไร แต่ก็น่าจะทำให้มันเจ็บตัวได้



“มันเข้ามาใกล้แล้ว” ผมกวาดตามองรอบๆ ห้อง ไม่เห็นมีอะไรสักอย่างเลยครับ มีมันกับผมในห้องแค่สองคนเท่านั้น แล้วภาคมันกลัวอะไร ถึงได้กระโดดขึ้นหน้าต่าง ยืนตัวสั่นแบบนี้



“มึงกลัวอะไรวะ กูไม่เห็นว่าจะมีอะไร” ก็อย่างที่บอกครับว่าผมไม่เห็นอะไรจริงๆ หรือว่าภาคมันทำงานเหนื่อยจนหลอนไปเอง ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน



“มึงไม่เห็นจริงๆ หรอ นั้นไงมันเดินเข้ามาแล้ว” ผมมองตามนิ้วของมันที่กำลังชี้ลงไปที่พื้น ผมหันหน้ามองสิ่งที่อยู่บนพื้นสลับกับหน้ามัน



“ฮาๆ ๆ” ผมขำก๊ากออกมาเลยครับ เพราะไอ้ตัวที่ภาคมันชี้ที่พื้นเมื่อกี้ คือไอ้แมลงสาบมีปีกตัวเล็กๆ ที่กำลังคลานเข้ามาใกล้มันเรื่อยๆ



“มึงกลัวแมลงสาบหรอ ฮาๆ ๆ” ผมถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมที่ท้อง ใครจะไปคิดว่าคนตัวถึกอย่างภาค จะกลัวแมลงสาบตัวเล็กๆ แบบนี้ ฮาๆ ๆ ๆ ขำมาก ไม่ไหวละครับ



“มึงหยุดขำแล้วช่วยกูก่อน เร็วสิม่อนมึง เห็นไหมมันกำลังกางปีกแล้ว” มันเร่งให้ผมช่วยจัดการกับแมลงสาบตัวเล็กตรงหน้า



“ตุบ!!!” ผมถอดรองเท้าฟาดลงที่พื้นอย่างแรง กดน้ำหนักมือ บี้ตัวแมลงสาบกับพื้นห้อง



“ลงมาได้แล้ว” มันหันมามองหน้าผมแบบอึ้งๆ แค่แมลงสาบตัวเล็กผมไม่กลัวอยู่แล้วครับ ขนาดงูผมยังเคยจับคล้องมาแล้ว



มันค่อยๆปีนลงมาจากหน้าต่าง เดินเข้ามาหลบด้านหลังผม ดูแล้วมันคงกลัวจริงๆ ครับ ขนาดแมลงสาบตายแล้ว มันยังยืนตัวสั่นอยู่เลยครับ



ผมเดินไปหยิบไม้กวาดที่อยู่มุมห้องมากวาดซากแมลงสาบตัวนั้นออกไป เพราะดูแล้วภาคมันคงไม่ยอมปล่อยผมแน่ถ้าแมลงสาบตัวนี้ยังอยู่ในห้อง



“ปล่อยกูได้แล้ว” มันค่อยๆคลายออกมือจากเสื้อผม หน้าตามันดูโล่งมากเลย ผมละอดขำไม่ได้จริงๆ



“เลิกขำได้แล้ว” มันค้อนผม



“ก็กูไม่คิดว่ามึงกลัว กับอีแค่แมลงสาบตัวเล็กๆ”



“มึงก็ดูขามันสิ น่าเกลียดฉิบหาย แม่งเสือกมีปีกอีก” ดูมันจะจริงจังในการอธิบายสัณฐานของแมลงสาบเอามากๆ คงกลัวจนฝังใจไปแล้วมั้งครับ



“กูไม่ขำแล้วก็ได้ แล้วไปช่วยเขาทำงานเป็นไงบ้าง” ผมยกมือตัวเองขึ้นเช็ดเหงื่อที่กำลังไหลย้อยบนใบหน้า ดูแล้วน่าจะถูกใจภาคมันครับ ยืนยิ้มหน้าบาน มือหนาของมันยังเลื่อนมาจับที่เอวผมไว้



“ขอโทษนะ เราไม่รู้ว่า...” เสียงเรียกดังมาจากหน้าประตูห้อง ผมผละตัวออกมาจากภาคอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าฟ้าเธอมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร ดูเธอคงมีธุระกับภาคมันอีกแน่ๆ



“อ๋อ ไม่เป็นไรๆ” เป็นภาคที่ตอบเธอไป



“คือว่าฟ้าจะให้ภาคช่วยยกของที่ห้องให้หน่อย” เธอส่งยิ้มหวานให้ภาค ทำเหมือนว่าไม่มีผมยืนอยู่ในห้องด้วยเหมือนเคย ผมอยากจะบอกเธอนะครับว่าค่ายนี้มีผู้ชายตั้งเยอะ ทำไมถึงต้องมาเรียกแฟนผมให้ไปช่วยทุกครั้ง ก็ได้แค่คิดครับ ผมตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง โดยที่ไม่หันไปมองหน้าภาคมัน



“มึงว่างไหมนัท อาร์มละ” ผมเดินกลับเข้ามานั่งที่กลุ่ม ไล่ถามเพื่อนที่นั่งทำหน้างงอยู่



“ผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องเรียกแฟนกูไปช่วยด้วยวะ” ผมไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง อารมณ์ตอนนี้แค่อยากจะเดินไปถามผู้ชายทั้งค่ายว่าไม่มีใครว่างสักคนเลยเหรอ แค่คนเดียวที่ไม่ใช่แฟนผมไม่มีเลยหรอ



“กูว่าองค์ลงแล้ววะ” นัทพูด สายตาก็ไล่มองและพยักหน้าให้เพื่อนทั้งกลุ่ม



สงสัยองค์ผมจะลงอย่างที่นัทมันว่า ตอนนี้เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด ก่อนหน้านี้อยากจะมาช่วยเขาทำประโยชน์ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แล้วครับ



นั้นไงครับ เดินกันออกมาจากห้องแล้ว ผมนั่งจ้องหน้าภาคมันอยู่อย่างนั้น อยากจะเดินเข้าไปถามมันว่าแค่ไปช่วยยกของทำไมต้องควงแขนกันขนาดนั้นด้วย ผมลุกขึ้นยืนสะบัดหน้าหนีมัน ไปช่วยรุ่นพี่ขนของดีกว่าครับ เผื่อความเหนื่อยจะได้ช่วยลดอารมณ์หงุดหงิดลงได้บ้าง



“ม่อน ม่อนใช่ไหม” ผมหรี่ตาโฟกัสผู้ชายที่ยืนตรงหน้า พยายามคิดว่าเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน



อ้อ ผมจำได้แล้วครับ โอมไงครับ คนที่เจอกันที่เสม็ดและคนที่เกือบจะมีเรื่องกับภาค บังเอิญมากเลยครับที่มาเจอกันที่นี่อีก



“อ่าวโอม บังเอิญจังเลย”



“แล้วนี่เพื่อนๆ กับ...เอ่อ แฟนม่อนไม่ได้มาด้วยหรอ”



“เพื่อนอยู่ตรงนู้นอะ ส่วนแฟนอย่าเพิ่งพูดถึงมันตอนนี้ได้ไหม” ผมยังไม่หายหงุดหงิด ไม่อยากพูดถึงมันเลยครับ



“ไม่พูดก็ได้ แล้วม่อนหิวน้ำไหม” โอมยืนแก้วน้ำในมืออีกแก้วให้ ผมรับมาดื่มแบบเอื้อกเดียวหมดแก้วจนสำลัก ดีที่ได้โอมช่วยลูบหลังบรรเทาอาการลงได้บ้าง



“อ่าวโอม รู้จักกับม่อนด้วยหรอ” ฟ้าเดินเข้ามาทักโดยมีภาคเดินคู่กันมา



“ดูสนิทกันจังเลยนะ มีลูบหลังให้กันด้วย” ผมไม่รู้ว่าที่ฟ้าพูดกำลังหมายความว่ายังไง ถึงเธอจะดูแปลกใจที่เห็นผมอยู่กับโอม แต่ดูจากน้ำเสียงแล้ว คงไม่ใช่การแปลกใจแบบปกติแน่ๆ



“เราขอตัวก่อนนะ” ผมเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจสายตาที่ภาคกำลังมองอยู่ มันคงสงสัยว่าผมกับโอมมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง สีหน้ามันดูโมโหผมอยู่เหมือนกันครับ



“มึงอยู่กับมันได้ยังไง” ผมไม่รู้ว่ามันเดิมตามมาตั้งแต่เมื่อไร มันคว้าแขนผมไว้ให้หยุดเดิน



“แล้วไง กูอยู่กับโอมแล้วยังไง มึงยังอยู่กับฟ้าได้เลย”



“มันไม่เหมือนกัน กูแค่ไปช่วยฟ้าเขาก็แค่นั้น”



“กูก็แค่ช่วยเขาทำงานเหมือน” ก็ไม่ได้มีอะไรจริงนิครับ ผมก็แค่มาช่วยรุ่นพี่ทำงาน แล้วบังเอิญเจอโอมก็เท่านั้น ไม่เหมือนมัน ที่เดินไปไหนมาไหนคู่กับฟ้า จนคนอื่นคิดว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกันไปแล้ว



“มึงอย่ายอกย้อนกูได้ไหม” มันกำแขนผมแน่นกว่าเดิน จนผมรู้สึกเจ็บขึ้นมา



“ปล่อยกู กูเจ็บ”



“กูขอโทษ เป็นไรไหม” มันคลายข้อมือผมออก ยกขึ้นสำรวจร่องรอยจากแรงบีบของมัน



“อย่ามายุ่งกับกู” ผมสะบัดข้อมือวิ่งหนีมันออกมา



โต๊ะม้าหินอ่อนที่ถูกจัดวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ มันคงตามผมไม่ทันแล้วหละ ผมที้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ อาการเหนื่อยหอบจากการวิ่งเมื่อกี้ ยังไม่อยากคุยกับมันตอนนี้ครับ ยิ่งคุยยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด



ภาพที่ฟ้าเดินควงแขนมันออกมา ผมไม่อยากนึกถึงตอนนี้ เรื่องนี้ใครผิดเหรอครับ ผมเองรึเปล่าที่ไม่ยอมแสดงความเป็นเจ้าของมัน หรือมันที่ไม่ยอมปฏิเสธเธอสักครั้งที่เธอเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือ



ผมพยายามนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเอง คิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน คิดๆดูแล้วมันไม่ผิดครับเป็นผมเองที่ผิด เป็นผมที่เดินหนีมันทุกครั้งที่ฟ้าเธอเดินเข้า เป็นผมเองที่ไม่ยอมแสดงความเป็นเจ้าของมัน ผมผิดเองที่ปล่อยให้ตัวเองหึงจนไม่ฟังเหตุผลใคร



“มึงอยู่นี่เอง กูขอ...”



“กูขอโทษ” ผมพูดขัดมก่อนที่มันจะพูดจบ เป็นผมที่ต้องขอโทษไม่ใช่มันครับ



“มึงขอโทษกูทำไม กูต่างหากที่ต้องขอโทษมึง”



“กูผิดเองที่ไม่ยอมฟังมึง กูผิดเองที่เดินหนีทุกครั้งที่ฟ้าเข้ามา กูผิดเองที่ไม่แสดงความเป็นเจ้าของมึง กูผิดเองที่ขี้หึงมากเกินไป” ผมบอกความรู้สึกที่มีทั้งหมดออกไป ผมยอมรับแล้วว่าผมผิดเองทั้งหมด



“มึงไม่ผิดหรอกม่อน กูเองที่ผิดที่ไม่ยอมปฏิเสธฟ้า กูผิดเองที่ทำให้มึงเข้าใจผิด ทำให้มึงต้องมานั่งคิดมากเรื่องกู” มันเดินเข้ามารวบผมเข้าไปกอดไว้



“ต่อไปนี้กูจะปฏิเสธฟ้า กูจะไม่ให้มึงเข้าใจผิดเรื่องระหว่างกูกับเขาอีก แต่มึงต้องสัญญากับกูห้ามเดินหนีกูแบบนี้อีก มีอะไรให้คุยกับกูตรงๆ” ผมพยักหน้ารับ กอดรัดมันแน่นกว่าเดิม



สาเหตุที่ทำให้เราต้องทะเลาะกันไม่เข้าใจกัน มาจากสาเหตุเล็กๆ สาเหตุจากความไม่เข้าใจกัน ความหึงเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้น ต่อจากนี้ผมคงต้องมีเหตุผลให้มากขึ้นและที่สำคัญผมต้องแสดงความเป็นเจ้าของมันบ้างแล้วแหละครับ



‘คนนี้แฟนผม ห้ามยุ่ง ห้ามเข้าใกล้ ผมหวง’



MON KUNG ได้เพิ่มรูปภาพใหม่กับ ภาค ภาค









Part

มิกซ์






“เสร็จยัง ไปกันได้แล้ว” ผมแต่งตัวเตรียมจะออกไปทำงานที่ร้าน เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่ช้อปที่ยืนค้ำประตูอยู่



“ไปไหน”



“ก็วันนี้เรามีนัดเดทกันไง เดทแรกอะ” ผมดันประตูเตรียมปิดไม่ให้พี่ช้อปเข้ามา



“โอ๊ย!!!” เสียงร้องดังขึ้นมาทันทีที่ผมดันประตูปิด เอาแล้วไงครับผมดันปิดประตูหนีบมือพี่แกไปเต็มๆ พี่ช้อปดึงมือตัวเองกลับใช้มืออีกข้างกุมไว้ ดูท่าว่าพี่ช้อปจะเจ็บมากร้องจนตัวงอแบบนั้น ใครจะไปคิดละครับว่าพี่แกจะไม่ดึงมือออก มีที่ไหนวางมือให้ประตูหนีบ



ผมเดินเข้าไปจับมือข้างนั้นขึ้นมาดู เลือดออกด้วยครับ ผมรีบพาพี่ช้อปเข้ามาในห้องทันที ทำไงดีครับ ทำไงดี ผมเดินวนไปวนมาในห้อง จำได้ว่าม่อนมันเคยมีชุดปฐมพยาบาลเก็บไว้อยู่ ผมหยิบกล่องข้างเตียงม่อนออกมา ยกมาวางไว้ข้างๆ ตัวพี่ช้อป



“พี่เป็นหมอ คงทำแผลเองได้นะ” พี่ช้อปแค่ส่ายหัวให้ผม ก็มันทำไม่เป็นจริงนิครับ แผลใหญ่สุดที่เคยทำก็แค่มีดบาด ติดปลาสเตอร์ยาก็เสร็จ แล้วกับแผลประตูหนีบใครมันจะไปเคยทำละครับ ที่สำคัญพี่แกก็เป็นหมอด้วย คงทำแผลเองได้ละครับ



“ได้ไง ก็เราเป็นคนทำพี่เจ็บ เราก็ต้องดูแลพี่สิ” ผมส่ายหน้า ถ้าให้ผมทำจริงๆ แทนที่จะหายผมว่าคงได้เจ็บหนักกว่าเดิมแน่ๆ



“ผมทำไม่เป็น”



“งั้นมาช่วยพี่แทนละกัน” ผมหยิบแอลกอฮอล์ขึ้นมาตามที่พี่ช้อป ค่อยๆเทลงไปที่แผลบนมือ



“โอ๊ย...”



“เจ็บไหมพี่” ผมวางขวดแอลกอฮอล์ลง รีบจับมือพี่แกขึ้นมาดู แต่แปลกนะครับ ร้องเจ็บแต่หน้านี่ยิ้มซะบานเลย



“เป็นห่วงพี่หรอ” นอกจากยิ้มแล้วยังกวนได้อีกสงสัยหายเจ็บแล้วมั้งครับ



“ถ้ายังพูดอีก จะให้ทำเองละนะ” ผมเอ็ดพี่แกไปนิดหน่อย ดูพี่แกจะหง่อยขึ้นมาทันที



“ให้ทำอะไรต่อก็บอกมาสิ” ผมทำตามที่พี่ช้อปสั่งทุกขั้นตอน จนขั้นตอนสุดท้ายคือการพันผ้าหันแผลเพื่อด้ามมือไว้ ดีที่โดนไม่แรงมาก อีกสองสามวันคงเริ่มขยับมือได้แล้ว พี่แกบอกมาอย่างนี้ครับ



ผมเก็บอุปกรณ์ทำแผลเข้ากล่อง ถือไปวางที่เดิมเรียบร้อย เสร็จแล้วทำไมยังไม่ไป กลับไปสักทีสิวะไอ้พี่ช้อป



“ทำหน้าแบบนี้จะไล่พี่กลับจริงๆ หรอ” เก่งมากครับ นอกจากเป็นหมอรักษาคนแล้วก็เป็นหมอดูซะด้วย เดาเก่งซะขนาดนี้



“รู้แล้วไม่ไปซะทีละ”



“แล้วเรื่องเดทละ พี่อุตส่าห์เตรียมตัวมา” ดูพี่แกจะไม่ยอมง่ายๆ ครับ นั่งนิ่งทำหน้างอใส่ผม ไม่ยอมขยับตัวไปไหน



“ถ้าผมไม่ไปพี่คงจะไม่ยอมกลับใช่ไหม”



“อืม” ยอมกับความขี้ตื้อของพี่แกจริงๆ



“แล้วจะพาไปไหนละ” ดูพี่แกจะดีใจมากจนลืมตัว เผลอยกมือข้างที่เจ็บคว้าเข้าที่ไหล่ผม



 ร้องจ๊ากเลยสิครับ คว้าเข้าไหล่ผมเต็มแรงซะขนาดนั้น



“เอากุญแจมาจะขับรถให้” ผมยื่นมือรับกุญแจ เปิดประตูเข้าไปสตาร์ทเครื่องยนต์



เป็นเดทที่เบสิกมากครับ เริ่มด้วยการดูหนัง พี่ช้อปเดินนำผมเข้าไปที่ช่องซื้อตั๋ว



‘Avenger’ ครับเดทครั้งแรกด้วยการดูหนังสงคราม ช่างน่าจดจำและประทับใจเสียเหลือเกินครับ



“เดทแรกกับหนัง Avenger โรแมนติกมาก”



“พี่ไม่รู้ว่าคนที่พี่ชอบเขาชอบอะไร พี่เลยพาเขามาดูหนังที่พี่ชอบ เผื่อเวลาเป็นแฟนกันเขาจะได้จำได้” อุตส่าห์จะแซวพี่แก ทำไมกลับเป็นผมเองที่โดนสวนกลับจนเดินเข้าโรงหนังแทบไม่ถูกละครับ



หนังที่ถูกฉายไปเกือบครึ่งเรื่อง ป๊อปคอนรสคาราเมลก็ลดลงจนแทบจะติดก้นแล้ว นี่เดทจริงๆเหรอครับ ทำไมมันดูจืดชืด ไม่เหมือนกับรสชาติของป๊อปคอนเพิ่งที่กินไปเลย สงสัยที่จีบม่อนมันไม่ติดก็คงเพราะเป็นอย่างนี้ละมั้งครับ ผมได้แต่นั่งส่ายหัวกับคนที่ปากบอกว่าอยากเดทนักหนา แต่พอมาด้วยจริงกลับนั่งนิ่งไม่ยอมสนใจผมซะงั้น



หนังถูกฉายไปจนจบ แต่คนข้างผมยังไม่มีวี่แววที่จะลุกจากเก้าอี้ สายตาจับจ้องที่จอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายเอนเครดิตของเรื่องอยู่



“เบื่อไหมที่ต้องมานั่งดูหนังกับพี่” จู่ๆพี่ช้อปกูพูดขึ้นมาดื้อๆ แถมคำถามที่ไม่น่าจะถามขึ้นดันถามขึ้นมาซะงั้น



“เดทพี่เนี่ยจืดชืดชะมัดเลย นั่งจ้องแต่จอไม่ยอมสนใจคู่เดทเลย”



“เวลาพี่ชอบอะไรมากๆ พี่ก็จะสนใจแต่สิ่งนั้น แล้วเมื่อไรที่มิกซ์จะยอมเป็นสิ่งที่พี่ชอบที่สุดละ พี่รอวันที่มิกซ์จะเป็นสิ่งที่พี่สนใจเพียงอย่างเดียวอยู่นะ” ผมไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองตอนที่ได้ยินพี่ช้อปพูดเป็นแบบไหน รู้แต่ว่ามันทำให้ผมรู้สึกดี หัวใจเหมือนค่อยพองโตขึ้นมา

ผมตกหลุมพรางพี่ช้อปเข้าเต็มๆ แล้วครับ ผมจะขึ้นจากหลุมนี้ยังไง ก็มันลึกมากขนาดนี้ แต่ทำไมผมกลับไม่กลัว แถมยังรู้สึกมีความสุขที่ได้ตกลงมาในหลุมนี้ หลุมที่พี่ช้อปเป็นคนขุดมันไว้
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-08-2018 23:45:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 07-08-2018 00:42:50
กระโดลงหลุมเเล้วอ่ะอีแบบนี้มิกซ์เอ้ยย ... ม่อนเราเชียร์อยู่นะ เรื่องการประกาศคนนี้ของข้า มองได้ ห้ามเเตะ เข้าใจชะะะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-08-2018 02:09:49
ก็ผลัดกันหึึงแถมยังดูเหมือนจะหึงแรงทั้งคู่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-08-2018 05:54:57
เราว่าฟ้ากับโอมมันต้องทีมเดียวกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-08-2018 13:47:35
ลงหลุม เรียบร้อย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 28 #แสดงความเป็นเจ้าของ + หลุมพลาง
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 07-08-2018 20:30:36
เลี้ยนๆ พี่จะจ้องแต่อะไรที่พี่สนใจ 5555 เขิล
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 08-08-2018 22:35:21
ตอนที่ 29



#คิดได้ยังไง



หลังจากจัดแจงที่นอน กินข้าวเย็นและอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย ชาวค่ายทุกคนถูกเรียกให้มารวมกันที่ห้องประชุม เพื่อนัดแนะเตรียมการในการทำงานวันพรุ่งนี้ ส่วนงานวันนี้มีแค่การจัดเตรียมอุปกรณ์รวมถึงการเตรียมสถานที่การทำงานในวันพรุ่งนี้เท่านั้น

ตั้งแต่ช่วงเย็นผมกับภาคก็ตัวติดกันตลอดเวลา แทบจะไม่ห่างจากกันเลย มีหลายครั้งที่ฟ้ายังเดินเข้ามาเรียกให้ภาคไปช่วยงาน แต่ภาคมันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง โดยส่งตัวแทนอย่างนัทกับอาร์มไป ดูฟ้าเธอจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ถึงกระนั้นแล้วเธอก็ยังไม่วายเดินมาป้วนเปี้ยน คอยส่งน้ำส่งขนมให้ภาคมันตลอด ผมละยอมเธอจริง

“ทำหน้าแบบนี้ หึงกูมากเลยหรอ” มันยังมีหน้ามาถามผมอีก ผมคงนั่งยิ้มใจกว้างเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาเกาะแกะแฟนผมหรอกนะครับ

ผมชกแขนมันไปครั้งหนึ่งโทษฐานที่มันแหย่ผม



หลังจากนั่งประชุมกันจนเกือบสี่ทุ่ม สรุปการทำงานของวันพรุ่งนี้ ช่วงเช้าเราจะช่วยกันมุงหลังคากับทาสีห้องสมุดใหม่ ช่วงบ่ายจะเป็นการขนย้ายหนังสือทั้งที่มีอยู่ก่อนแล้วกับหนังสือใหม่ที่ได้รับบริจาคมา เข้าไปจัดเรียงให้เป็นหมวดหมู่

ภาครับหน้าที่ขึ้นไปมุงหลังคา ส่วนผมรับหน้าที่ทาสีครับ อยากจะปีนขึ้นไปช่วยเขามุงหลังคาอยู่เหมือนกันครับ แต่โดนภาคมันห้ามไว้ ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา มันให้เหตุผลว่าข้างบนนั้นอันตราย มันกลัวว่าผมตกลงมา และก็อย่างที่ทุกคนรู้ครับว่าผมไม่สามารถปฏิเสธมันได้

นอกจากการซ่อมแซมห้องสมุดในช่วงเช้าแล้ว ช่วงดึกก็มีการจัดประกวดดาวเดือนค่าย ที่ถือเป็นประเพณีของค่ายที่สืบทอดกันมา ได้ยินรุ่นพี่บอกมาอย่างนี้ครับ น่าสนุกเหมือนกันครับ มีกิจกรรมก่อนกลับเข้ามหาลัยด้วย



อากาศช่วงดึกค่อนข้างดี มีลมที่คอยพัดความเย็นเข้ามาเรื่อยๆ ไม่เหมือนในกรุงเทพฯครับ ที่ไม่ว่าหน้าไหนก็ร้อนอบอ้าวได้ตลอดเวลา

เสียงเท้ากระทบพื้นไม้ค่อยๆเงียบลง ดูเหมือนว่าเพื่อนหลายคนคงเตรียมตัวเข้านอนกันเรียบร้อย ผมยังไม่ได้กลับเข้าห้องพักเพราะโดนภาคมันลากออกมาข้างนอกซะก่อน

“ได้อยู่ด้วยกันสองคนซะที” ภาครวบแขนเข้าที่เอว วางคางเกยที่ไหล่ผม

ก็จริงอย่างที่ภาคมันว่าครับ ตั้งแต่มาที่นี่เรายังไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองเลย เพราะตั้งแต่มาถึงภาคมันก็โดนฟ้าเธอลากไปนู่นไปนี้ด้วยตลอด 

ผมหันหน้ากลับไปมองมัน จนจมูกเราทั้งสองแนบชิดกัน

ผมคิดว่าถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคน จะมีคนอื่นเข้ามาวุ่นวายกวนใจยังไงก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเรามีกันและกัน ความสุขที่รู้ว่ามีมันอยู่ข้างๆ ผมอยากเก็บมันไว้แบบนี้ตลอดไปเลยครับ

“ดาวสวยจังเลยนะ อยากให้กรุงเทพฯ มองเห็นแบบนี้จัง” ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดาวนับแสนนับล้านดวง ที่ถูกลบเลือนด้วยแสงไฟจากตึกสูงในกรุงเทพ แต่กลับสว่างไสวในที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้

“ใครบอกว่าที่กรุงเทพฯ ไม่มีดาว ก็มึงนี้ไงดาวที่สวยที่สุดสำหรับกู” ผมหันหน้ากลับไปสวมกอดมันไว้ 

“แต่มึงไม่ใช่แค่ดาวหรอกนะม่อน มึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับกูตอนนี้ อยู่กับกูแบบนี้ตลอดไปเลยนะ” ผมอยากอยู่กับมันแบบนี้ตลอดไป ถึงอนาคตพวกเราทั้งสองจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงวันหนึ่งเราทั้งสองจะแยกจากกันไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ผมก็จะมีมันและรักมันเพียงคนเดียว



ไฟทุกดวงในห้องดับลง เมื่อเพื่อนคนสุดท้ายเดินเข้ามา ผมทิ้งตัวลงนอนบนเสื่อที่ปูไว้ก่อนหน้า ถัดไปเป็นภาคที่นอนตะแคง มือเท้าหัวมองผมอยู่

“ขอนอนกอดหน่อยนะ” มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผม มือสอดเข้ามาโอบผมไว้

“มึงยังกลัวแมลงสาบตัวนั้นอยู่ใช่ไหม ฮาๆ ๆ ๆ” นึกแล้วก็ยังขำไม่หาย ขอล้อมันต่อสักหน่อยละกันครับ

“มึงนี่นะกูอุตส่าห์ลืมไปแล้ว มึงจะพูดขึ้นมาทำไม” มันกระชับกอดผมแน่น ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอ ฮาๆๆ สงสัยมันยังไม่ลืมแมลงสาบตัวนั้นครับ

“ไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวกูจัดการมันให้เอง” ผมพลิกตัวหันกลับไปซุกที่อก ยกมือขึ้นกอดมันไว้

“มึงต้องอยู่จัดการแมลงสาบให้กูตลอดไปเลยนะ” ถึงไม่มีแมลงสาบให้จัดการ กูก็จะอยู่กับมึงตลอดไปภาค



“แชะ!!!” เสียงชัดเตอร์กล้องปลุกให้ผมตื่น

“ไอ้สัส!!! นอนกอดกันกลมไม่เกรงใจพวกกูสองคน ก็เกรงใจเพื่อนคณะอื่นบ้างก็ได้” ผมเขย่าแขนภาค ปลุกให้มันตื่น เพราะถ้ามันไม่ตื่น ผมต้องอายไปกว่านี้แน่ๆ ก็ไม่ได้มีแค่นัทกับอาร์มที่นั่งจ้องผมกับภาคที่กำลังนอนกอดกันอยู่ แต่มีสายตาอีกหลายคู่นั่งมองผมสองคนอยู่เช่นกัน ตื่นสิวะภาค

“ฟอด!!! มึงจะรีบตื่นไปไหนวะ” มันกดหน้าเข้าที่หน้าผากผมแบบที่มันเคยทำประจำ แต่มันคงไม่เหมาะในเวลานี้ ผมหันกลับไปส่งยิ้มอ่อนให้กับเพื่อนในห้อง จากที่ผมจะปลุกให้มันปล่อยเพราะอายคนอื่นในห้อง แต่ตอนนี้มันเกินกว่าคำว่าอายแล้วครับ ผมอยากจะมุดดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

“มึงตื่นเถอะกูขอร้อง กูอายเขาจะแย่แล้ว” มันลืมตาขึ้นมองหน้าผม

ผมพยายามส่งสัญญาณให้มันรู้ว่ามีคนกำลังมองเราอยู่ ตอนนี้มันคงรู้แล้วละครับว่าเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

รู้แล้วก็ปล่อยสิวะ มันไม่ยอมคลายกอดผมสักทีครับ แต่เหมือนมันจะกอดผมแน่นกว่าเดิมซะอีก

“ขอโทษทีนะ พอดีว่าแฟนกูน่ารักเลยไม่อยากปล่อย” พอกันทีครับ แทนที่มันจะปล่อยผม กลับวางระเบิดลูกใหญ่ไว้อีก หมดกันไม่องไม่อายมันแล้ว เพราะตอนนี้หน้าผมชาจนไม่มีความรู้สึกแล้วครับ



“รอด้วยสิ” มันถือจานข้าววิ่งตามหลังผมมา งอนมันครับ จะไม่ให้งอนมันได้ยังไงเพราะเรื่องตอนเช้า ทำให้ผมนี้โดนเพื่อนแซวไม่หยุดปากเยย อายมากๆครับ

“ไปนั่งไกลๆ กูเลย” ผมทิ้งตัวลงนั่ง เอ่ยปากไล่มันให้ไปนั่งที่อื่น

“อย่างอนกูสิ กูแค่อยากอวดแฟนไม่ได้หรอ”

“แล้วมันใช่เวลาไหมล่ะ”

“อะนี่กะเพราของโปรดมึง หายงอนนะๆๆๆๆ” มันเอากะเพรามาล่อผมด้วยครับงานนี้ ควรใจอ่อนกับมันดีไหมครับ

“พวกมึงหยุดหวานกันบ้างได้ไหม สงสารคนโสดอย่างพวกกูบ้าง” อาร์มมันคงทนเห็นพวกผมง้องอนกันไม่ไหว แต่นี่เหรอครับที่เรียกว่าหวาน ตีกันจนจะตายกันไปข้างอยู่แล้ว

“กูว่านะ เมื่อคืนถ้าไม่มีพวกเราอยู่ในห้องด้วยมันคงเอากันไปแล้วล่ะ กอดกันซะไม่เกรงใจใครเล๊ย” ผมยกส้อมชี้หน้านัท

“ใครมันจะไปกล้าทำอะไรกันวะ ใช่ไหมช้อป” ทำไมช้อปมันยิ้มแบบนั้นล่ะครับ อย่าบอกนะครับว่ามันคิดจะทำแบบนั้นกับผมจริงๆ ผมศอกเข้าที่กลางท้องมันไปทีหนึ่ง โทษฐานที่นอกจากจะไม่ช่วยแก้ตัวแล้ว ยังเห็นด้วยกับความคิดบ้าๆแบบนั้นอีก พอกันทั้งแฟนทั้งเพื่อนเลยครับ

“แล้วยัยฟ้ามากวนภาคอีกไหม” ภาคส่ายหัวเป็นคำตอบให้กับมีน เธอคงเหนื่อยแล้วมั้งครับ โดนภาคมันปฏิเสธแบบนั้นทุกครั้ง ไม่รู้ทำไมเธอถึงอยากได้ภาคมันนักหนา อย่างไอ้ภาคเนี่ยมีดีแค่หน้าตากับเรื่องบนเตียงเท่านั้นแหละครับ

เดี๋ยวๆ ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะครับ



อากาศช่วงสายนี้ร้อนเอาเรื่องเลยครับ ผมนะไม่เท่าไรแค่ยืนทาสีอยู่ข้างล่าง แต่ภาคนี่สิครับขนาดใส่หมวกหน้ามันยังแดงเถือกขนาดนั้น สงสัยมันคงร้อนมากแน่ๆ

“ลงมากินน้ำก่อน” ผมยื่นน้ำในมือส่งให้ หยิบผ้าเช็ดหน้าที่คล้องอยู่ที่คอซับเหงื่อให้มัน

“ขอบคุณนะครับ” มันส่งแก้วน้ำในมือกลับมาให้

ผมพามันมาลำบากหรือเปล่าครับ ถึงพวกเราจะเรียนวิศวะ ถึงจะดูถึกบึกบึน แต่สำหรับคุณชายอย่างภาคมันที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยตัวเองสักเท่าไร คงหนักสำหรับมันแน่ๆครับ

แต่แปลกที่มันไม่บ่นสักคำ ตั้งหน้าตั้งตาช่วยคนอื่นทำงาน สงสัยมันอยากช่วยน้องๆจริงๆครับ

“มึงจะหวานกันอีกนานไหม” ผมสาดน้ำที่เหลืออยู่ในแก้วใส่นัท มันนี่แซวผมได้ตลอดเวลาจริงๆครับ วันไหนมันมีแฟนบ้าง ผมจะแซวมันยันเรียนจบเลยครับ

“เดี๋ยวกูไปทำงานต่อก่อนนะ” ภาคส่งยิ้มมาให้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมายีหัวผม แล้วปีนกลับขึ้นไปทำงานด้านบนต่อ

ตอนนี้งานมุงหลังคาเสร็จเกินครึ่งแล้ว ส่วนงานทาสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอมุงหลังคาเสร็จก็ยกชั้นหนังสือกับหนังสือชุดใหม่เข้าไปจัดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ



ผมย้ายตัวจากห้องสมุดเดินตามรุ่นพี่มาที่สนามเด็กเล่น เพราะสีที่ใช้ทาห้องสมุดเหลือพอที่จะเอามาทาตกแต่งสนามเด็กเล่นให้น้องๆได้

“คนแถวนี้ก็เหมือนสนามเด็กเล่นนะ พอเล่นนานๆไปเดี๋ยวเขาก็เบื่อ” เสียงที่ผมไม่อยากได้ยินดังมาจากด้านหลัง ผมไม่ได้หันกลับไปมองหรอกนะครับ ไม่อยากสนใจเธออีก

“พูดขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก” มีนกับเฟิร์นหันมาสบตากับผม ผมแค่ส่ายหน้าให้สองคนนั้นไป ไม่อยากจะสนใจเธอจริงๆ ครับ อยากทำอะไรก็ปล่อยเธอไป ผมเป็นผู้ชายคงดูไม่ดีถ้าจะไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิง

“อุ๊ย!!! ขอโทษนะเราไม่ได้ตั้งใจ” สีจากแปรงเล็กบนมือฟ้ากระเด็นเข้าที่หน้าผม ผมหันไปส่ายหน้าบอกเธอว่าไม่เป็นไร ผมรู้ครับว่าเธอตั้งใจแต่ก็ไม่อยากยุ่งอะไรกับเธอแล้ว

ผมหันหน้ากลับมา ก้มลงตั้งใจทาเสาชิงช้าข้างหน้าต่อ

“ว้าย!!! ว้ายยัยเมย์อย่าชนฉันสิ เห็นไหมโดนม่อนเขาอีกแล้ว โทษทีนะม่อน” ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับการกระทำของเธอตอนนี้ ผมคิดว่ามันจะจบตั้งแต่ที่ภาคปฏิเสธเธอไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วซะอีก แต่เธอก็ยังไม่ยอมเลิกมาวุ่นวายกับผมอีก

“อุ๊ย!!! โทษทีนะพอดีแปรงมันลื่น” ไม่ใช่ฟ้าครับ แต่เป็นมีนที่สะบัดแปรงอย่างแรง จนสีกระเด็นไปโดนฟ้า

“แกตั้งใจใช่ไหม” ฟ้ายื่นแปรงชี้หน้ามีน มีนมันดูจะไม่ยอมฟ้าเหมือนกันครับ ใช้แปรงชี้กลับไปที่ฟ้าเหมือนกัน

“ไปเถอะมึงอย่ามีเรื่องกันเลย” ผมเดินเข้าไปห้ามมีนไว้ ดันตัวมันให้ออกห่างจากฟ้า ไม่อยากให้มีเรื่องกันครับ

“โอ๊ย!!!” ผมร้องออกมา เหมือนว่ามีอะไรสักอย่างลอยมาโดนหัวผมอย่างจัง ผมยกมือขึ้นลูบที่หัว สีที่ใช้ทาอาคารติดมือผมออกมา ฟ้าครับ ฟ้าเธอขว้างแปรงทาสีมาโดนหัวผมเต็มๆ

ผมหันกลับไปมองหน้าเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจหรือรู้สึกผิดอะไร กลับหันหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่มเธอแทน

“ฟ้าไม่คิดจะขอโทษเราสักคำเลยหรอ” ผมเริ่มจะหมดความอดทนกับการกระทำของเธอแล้ว ผมว่ามันมากเกินไปจริงๆ

“ถ้าไม่คิดจะขอโทษ ก็เลิกยุ่งกับเราเถอะ” ผมเดินกลับไปคว้าแขนมีนกับเฟิร์นให้เดินออกมา ถือซะว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมคุยกับฟ้าเธอละกันครับ

“แต่ระวังหน่อยนะ ของที่ได้มาแบบฟลุ๊คๆ มันอาจจะอยู่กับม่อนได้อีกไม่นาน” น้ำเสียงเยาะเย้ยกับเสียงหัวเราะดังไล่หลังผมมา

ผมว่าเธอคงไม่หยุดแค่นี้แล้วละครับ ผมคิดว่าถ้าเธอไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ เรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่ายๆแน่ครับ 



“ไปโดนอะไรมา ทำไมเลอะแบบนี้” ภาคเดินตรงมาหาผมที่กำลังก้มล้างหน้าอยู่ที่ห้องน้ำ

“ทาสีมันก็เลอะแบบนี้เป็นธรรมดา” ผมหันกลับมาก้มล้างสีที่ติดอยู่บนหน้าออก

“เลอะหัวด้วยเนี่ยนะ มึงไปท่าอีท่าไหมมา” มันจับผมผมตรงที่โดนแปรงทาสีของฟ้า

“ก็มันอยู่สูง มันก็ต้องมีหยดลงหัวบ้าง” ผมโกหกมันไปสองเรื่องแล้วครับ ไม่อยากให้ภาคมันเข้าไปยุ่งกับฟ้าอีก ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าครับ

“งั้นเดี๋ยวกูช่วย” มันหยิบผ้าเช็ดหน้าที่คล้องคอผมขึ้นมาเช็ดหน้าให้ผม สภาพมันเองกูดูไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก ดูแล้วหน้ามันจะไหม้แล้วด้วยครับ เฮ้ย ผมพามันมาทรมานจริงๆ ด้วย สงสารมันจังเลยครับ



หลังคาถูกปิดจนครบหมดทุกแผ่น หนังสือที่ถูกจัดเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ผนังและกำแพงถูกทาทับด้วยสีอย่างสวยงาม ตอนนี้เราทำภารกิจเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จากก่อนหน้านี้หน้าทุกคนดูเหนื่อยๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มจากความภูมิใจ ที่ได้มีส่วนในการช่วยซ้อมห้องสมุดให้น้องๆ ผมเองก็เช่นกันครับ มันรู้สึกภูมิใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก หวังว่าน้องๆคงชอบนะครับ

“เดี๋ยวน้องแยกย้ายกันไปอาบน้ำ แล้วเรามาเจอกันที่นี่ตอนหนึ่งทุ่มนะคะ”

เสียงประกาศจากประธานค่าย คืนนี้น่าจะมีการจัดประกวดดาวเดือนค่าย ตามตารางที่วางไว้

ผมเดินถืออุปกรณ์การอาบน้ำ เดินลงไปยืนต่อแถวเพื่อรอเข้าห้องน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำแค่ไม่กี่ห้อง มีหกห้องเท่านั้นที่จัดเตรียมไว้สำหรับนักศึกษาชาย กับจำนวนของนักศึกษาที่มาร่วมออกค่ายในครั้งนี้ แน่นอนว่ามันไม่พอครับ แต่ภายนอกตรงลานข้างห้องน้ำ มีการจัดเตรียมที่อาบน้ำแบบกลางแจ้งไว้ ผมกะว่าจะลงไปอาบน้ำตรงลานนั้นพร้อมกับนัทมันครับ แต่ภาคมันไม่ยอม บังคับผมให้มายืนต่อแถวรอเข้าไปอาบในห้องน้ำ

“ให้กูอาบช้างนอกเถอะนะ เหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง เดี๋ยวไปไม่ทัน” คงอีกนานครับถ้าให้ผมยืนต่อแถวรอเข้าไปอาบข้างใน

“ไม่เอา มึงรออีกแค่แป๊บเดียวเอง” มันยังยืนยันคำเดิม ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา นมแบนๆแบบผมคงไม่มีใครอยากมองหรอกครับ

“นั่นไงถึงคิวมึงแล้ว” ผมหยิบอุปกรณ์อาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวที่เตรียมมา เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ ทำไมห้องน้ำมันดูแคบผิดปกติ ผมจับชายเสื้อถอดออกจากตัว

“เชี่ย!!!” มันเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนครับ ผมหันหลังกะว่าจะเอาเสื้อมาแขวนไว้ที่ประตู ผมไม่รู้จริงเลยครับว่าภาคมันแอบตามผมเข้ามาในห้องน้ำด้วย และที่สำคัญร่างกายของมันตอนนี้ไม่เหลือเสื้อผ้าเลยแม้แต่สักชิ้น

“มึงเข้ามาได้ไง”

“กูอยากอาบน้ำกับมึง” มันขยับตัวเข้ามาเบียดผม คว้าเสื้อที่ผมเพิ่งถอดไปถือไว้

มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ มันคงไม่คิดจะทำอย่างนั้นกับผมในที่แบบนี้หรอกนะครับ ถ้ามันทำคงเป็นข่าวฉาวไปทั่วค่ายอย่างแน่นอน แค่ผมนอนกอดกับมัน คนในค่ายยังเอาไปพูดกันให้ทั่วเลยครับ อายไม่รู้จะอายยังไงแล้ว

ผมจ้องหน้ามัน สายหน้าเป็นสัญญาณเตือนว่าห้ามทำแบบนั้นทำในนี้เป็นอันขาด

“อื้อ...” ไม่ทันละครับ มันคว้าคอผมเข้าไปจูบ ผมพยายามดิ้นขัดขืน มือทุบที่หลังของมัน แต่ อื้อ...มันฉกลิ้นเข้ามาในปากจนตัวผมอ่อนยวบ ไม่มีแรงที่จะขัดขืนมัน ผมทำได้เพียงยืนนิ่งให้มันฉกลิ้นเล่นอยู่อย่างนั้น

“เฮือก” ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่ มันยอมปล่อยลิ้นผมให้เป็นอิสระแล้วครับ

“อาบน้ำสิ” ผมยืนนิ่งมองหน้ามัน ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมครับ มันไม่ทำต่อแล้วจริงๆ ใช่ไหม ผมหวังให้เป็นอย่างที่ผมคิดนะครับ

“หรืออยากจะให้กูทำต่อ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมรีบหยิบขัน ตักน้ำขึ้นมาราดตัวทันที ต้องรีบครับเดี๋ยวมันเปลี่ยนใจขึ้นมา ยิ่งเดาอารมณ์มันไม่ค่อยถูกด้วยครับ



หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 08-08-2018 22:36:08
ลานว่างของอาคารอเนกประสงค์ถูกจับจองจนเกือบเต็ม พื้นที่ตรงกลางถูกเว้นว่างไว้สำหรับเป็นเวทีการประกวด พิธีกรสาวเดินออกมาพร้อมกับประธานค่าย ไมค์โครโฟนถูกส่งให้ประธาน คงถึงเวลาของพิธีเปิดงานของวันนี้แล้ว

“พี่ขอขอบคุณน้องๆทุกคนนะคะ ที่ร่วมมือร่วมใจกัน จนทำให้งานในวันนี้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี” เสียงปรบมือดึงกึกก้องไปทั่วอาคาร

“วันนี้น้องๆคงเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ฉะนั้นพวกพี่ก็มีกิจกรรมมาช่วยผ่อนคลายพวกน้องๆ หลายๆคนที่เคยมาค่ายนี้คงรู้กันอยู่แล้วว่าทุกๆ ปีทางค่ายจะมีประเพณีที่สืบทอดต่อๆกันมาหลายสิบรุ่นแล้ว นั้นก็คือการประกวดดาวเดือนของค่ายนั้นเอง” เสียงประมือโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนดูจะรอคอยให้ถึงช่วงเวลานี้มานานแล้ว ผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กับเพื่อนคนอื่น

“แต่การประกวดจะไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะเราจะมีเกมให้เล่นกันก่อน” เสียงทุกคนเงียบลงเพื่อรอฟังกติกาการเล่นเกม

“กติกามีอยู่ว่า เราจะมีกระดาษอยู่ทั้งหมดหกใบ แต่ละใบจะเขียนคำว่าชาย หญิง อย่างละสามใบ กระดาษทั้งหกใบจะถูกสุ่มแจกออกไป โดยที่ทุกคนจะต้องส่งกระดาษในมือไปรอบๆ ถ้ากระดาษหยุดที่ใครคนนั้นสามารถเสนอชื่อคนที่อยากให้เข้าประกวดได้และคนที่ถูกเลือกจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น” เสียงโห่ร้องดังแทบจะกลบเสียงประธานค่าย น่าสนุกดีนะครับเกมนี้

“และสุดท้ายพี่มีรางวัลให้ ไม่ใช่กับผู้ที่ประกวดชนะ แต่เป็นผู้ที่เสนอชื่อผู้ชนะทั้งฝ่ายและฝ่ายหญิงแทน” เป็นกติกาที่ทำให้ตื่นเต้นเข้าไปอีกครับ

“งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะ” กระดาษเอสี่ทั้งหกแผ่นที่ถูกม้วนไว้เป็นอย่างดี ถูกส่งให้กับชาวค่ายพร้อมกับเสียงดนตรีจังหวะสนุกๆ จนหลายคนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาเต้น รวมถึงผมที่ถูกนัทมันดึงให้ลุกขึ้นมาเต้นด้วย

ม้วนกระดาษถูกส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าเพลงจนหยุดลง ม้วนกระดาษถูกส่งผ่านจากอาร์มมาที่นัท ต่อด้วยภาค ผมรับม้วนกระดาษมา แล้วรีบส่งต่อให้เฟิร์นทันที

“…” เสียงเพลงเงียบลง ม้วนกระดาษอยู่ไม่ห่างจากตัวผม มันหยุดอยู่ที่มีนครับ ดูมันจะดีใจมากที่ม้วนกระดาษนั้นมาหยุดที่มัน มีนเดินออกไปตรงกลางพร้อมกับเพื่อนอีกห้าคนที่มีม้วนกระดาษอยู่ในมือ



“ผู้ชาย น้องเลือกได้เลยค่ะ” เสียงพิธีกรอ่านข้อความในกระดาษ คนแรกได้เลือกตัวแทนฝ่ายชาย

เสียงกรี๊ดดังแข่งกับเสียงประมือ พร้อมกับผู้ชายร่างท้วมที่กำลังลุกขึ้นเดินออก ไม่ใช่สิครับเธอเป็นผู้ชายสายหวาน เธอเรียกเสียงฮาได้เป็นอย่างดี ที่ฮาเพราะด้วยท่าทัดผมของเธอ มันช่างไม่เข้ากับผมที่แทบจะเรียกว่ารองทรงนักเรียนแบบที่ผมเคยตัดตอนเรียนมัธยม

คนที่สองเป็นผู้ชาย คนนี้มาแนวลูกครึ่ง เรียกได้ว่าหล่อเลยละครับ คนที่สามมาถึงผู้หญิงบ้างละครับ สาวสวยเดินออกมาด้วยท่าทางเขินอาย แต่เวลาเธอยิ้ม ทำเอาไอ้นัทกับอาร์มนี่แทบละลายไปเลยครับ ร่วมถึงแฟนผมที่กำลังนั่งเคลิ้มไปกับเขาด้วย ผมเลยหาจังหวะศอกเข้าที่ท้องมันไปทีหนึ่ง พร้อมกับคำเตือนว่าถ้าไม่อยากให้น้องชายเป็นอาหารเป็ดละก็ ห้ามมองคนอื่นเด็ดขาด ทำเอามันนั่งเงียบก้มหน้าก้มตา มองพื้น คนที่สี่ ผมจำได้ว่าคนที่ยืนถือกระดาษอยู่คือเพื่อนของฟ้า และก็ไม่ผิดคาดครับ เธอเลือกฟ้าออกมาเป็นตัวแทน ถึงผู้หญิงคนก่อนหน้าจะสวยน่ารักแค่ไหน แต่ก็คงสู้ฟ้าเธอไม่ได้ มาถึงมีนเพื่อนผมละครับ มันได้สิทธิ์เลือกผู้ชายครับ และผู้ชายที่มันคิดว่าจะทำให้มันได้รับรางวัลก็คือภาคแฟนผมนั้นเองครับ ภาคมันลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับตัวแทนคนอื่นๆแบบงงๆ ตามด้วยสาวสวยอีกคนเดินออกมาปิดท้าย

การตัดสินครั้งนี้จะใช้การยกมือโหวตให้คะแนนครับ



“ผลตัดสินผู้ชนะฝ่ายหญิง น้องฟ้า” เป็นไปตามคาดครับ

“ส่วนฝ่ายชาย น้องภาค” ก็เป็นไปตามคาดอีกเช่นกันครับ ก็อย่างที่บอกครับภาคมันมีดีที่ความหล่อของมันเท่านั้นแหละครับ ผมปรบมือส่งยิ้มไปให้มัน หล่อครับหล่อจริงๆเลยแฟนผม

“ของรางวัลละคะพี่” ดูท่าว่ามีนมันจะใจจดใจจ่ออยู่กับของรางวัลเท่านั้น ที่มันเลือกภาคก็เพราะของรางวัลนี่ล่ะครับ

"ของรางวัลที่พี่บอกคือ น้องที่เป็นคนเลือกผู้ชนะ สามารถสั่งใครในนี้ให้ทำอะไรก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่เดือนและดาวของเรา" เป็นของรางวัลที่ดูแปลกมากครับ 

“งั้นเมย์ขอสั่งก่อนนะคะ” เสียงเพื่อนในกลุ่มของฟ้าที่ชนะและได้รับรางวัลในครั้งนี้ดังขึ้น ผมแอบเห็นเธอหันไปสบตากับฟ้าเล็กน้อย พวกเธอคงคิดจะทำอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ

“เมย์ขอสั่งให้ฟ้าหอมแก้มภาคค่ะ” เสียงกรี๊ดดังสนั่นมากกว่าทุกครั้ง เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ครับว่าพวกเธอคงมีแผนการอะไรแน่ๆ

ภาคมันหันกลับมาส่ายหน้ากับผม

“หอมเลยๆ” เสียงเชียร์ดังขึ้นรอบทิศทาง ภาคมันยังคงหันหน้ามามองผมอยู่ ผมไม่อยากให้มันทำหรอกนะครับ แต่มันเป็นกฎ ผมจะไปขัดก็ไม่ได้

“แต่เดี๋ยวค่ะ” เสียงมีนดังขึ้น ขัดจังหวะการหอมแก้มของฟ้ากับภาค ฟ้าถึงกับทำหน้าเซ็ง เพราะภาคมันดึงหน้าออกก่อนที่จมูกเธอจะชนกับแก้มของมันเพียงเล็กน้อย

“พี่คะ ถ้าหนูจะใช้สิทธิ์ตอนนี้จะได้ไหมคะ” พิธีกรเหมือนจะงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน เธอหันกลับไปปรึกษากับประธานค่ายสักพัก

“ได้ค่ะน้อง” เธอเดินกลับมาตอบคำถามมีนผ่านไมค์โครโฟน

มีนฉีกยิ้มแบบร้ายๆส่งไปให้ฟ้ากับเพื่อนของเธอ ผมหวังว่ามีนจะช่วยภาคมันไว้ได้นะครับ

“งั้นมีนขอสั่งห้ามให้ฟ้าหอมแก้มภาค แต่เปลี่ยนให้ภาคไปหอมแก้มคนที่อยากหอมแทน” มีนหันกลับมามองหน้าพร้อมยักคิ้วให้ผม นัทกับอาร์มที่นั่งข้างๆ ถึงกับยกนิ้วโป้งส่งให้มีนเลยทีเดียว มีนนี่มันสุดยอดจริงๆเลยครับ

“ได้ไงกัน” น้ำเสียงที่ดูไม่เห็นด้วยของเมย์ดังขึ้น

“พวกพี่คุยกันแล้วว่าไม่ผิดกติกา ดังนั้นภาคทำตามที่น้องมีนสั่งได้เลย”

“แกนี้มันร้ายจริงๆนะยัยมีน แกดูหน้านังฟ้าสิ ฮาๆๆ” เสียงชื่นชมดังขึ้นเมื่อมีนเดินกลับเข้ามานั่งที่เดิม ดูเหมือนเฟิร์นจะสะใจเอามากๆ

“กูจัดการให้แล้ว ถึงตามึงแล้วละ” มีนพยักหน้าให้ผมหันไปมองภาคที่กำลังเดินตรงมาที่ผม

มันคุกเข่าลงตรงหน้า สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เราสองคน ‘หมับ’ มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประคองหน้าผมไว้

“กรี๊ดๆ ๆ ๆ ๆ” แม้เสียงกรี๊ดรอบข้างจะดังสักแค่ไหน ตอนนี้ผมเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลยครับ

ผมถึงกับนั่งนิ่งตาค้าง ‘จูบ’ ใช่ครับภาคมันดึงผมเข้าไปจูบท่ามกลางสายตาเกือบสองร้อยคู่ แค่หอมแก้มไม่ใช่เหรอครับที่มีนสั่ง ภาคดึงหน้าออกจากผม ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ ทั้งเขินทั้งอาย ผมทำได้แค่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้เท่านั้น



ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้คงเป็นทอคออฟเดอะทาวน์ไปแล้วครับ เพราะไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหน คนก็มักจะส่งยิ้มมาให้ผม เป็นแบบนี้ตั้งแต่อาคารอเนกประสงค์ยันห้องนอนกันเลยครับ

ว่าแต่ภาคมันหายไปไหนเหรอครับ เมื่อกี้ยังเดินอยู่กับผมเลยครับ นี่มันจะปล่อยให้ผมอายแบบนี้คนเดียวจริงๆเหรอครับ

“มึงเห็นภาคไหม” ผมเดินเข้าไปถามนัท

“เมื่อกี้ก็ยังเห็นยืนอยู่กับมึงอยู่เลย” นั้นสิครับแล้วมันหายไปไหนกัน

ผมเดินตามระเบียงอาคารเรียน สอดส่องสายตามองหามันตามห้องต่างๆ มันไปไหนของมันครับ

“เอ่อ...คือเราขอถามหน่อย ว่ามีใครเห็นภาคเดินผ่านมาแถวนี้ไหม” ผมเดินเข้าไปถามกลุ่มสาวๆ ที่ยืนอยู่หน้าห้องที่ถูกจัดไว้เป็นห้องนอนแบบเดียวกับห้องของผม

“เห็นเดินไปตรงนู้นกับฟ้าอะ ว่าแต่เมื่อกี้กับภาคนะ หวานมากเลยนะ พวกเรานี่อิจฉามากๆ” พวกเธอยังไม่วายหันกลับมาแซวผม แล้วที่พวกเธอบอกว่าภาคออกไปกับฟ้ามันหมายความว่ายังไง ไหนภาคมันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับฟ้าอีก แล้วนี่ออกไปด้วยกันสองต่อสองทำไม

ผมเริ่มใจหวิวๆขึ้นมา เลยตัดสินใจว่าจะเดินตามหาภาคมัน เผื่อว่าถ้ามันกับฟ้ามีอะไรที่ปิดบังผมไว้อยู่ อย่างน้อยผมจะได้รู้และได้เห็นด้วยตาตัวเอง



“ภาคเรียกเรามาคุยมีอะไรหรอ” เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องเรียนที่ผมพึ่งเดินผ่านมาเล็กน้อย ผมจำได้ว่ามันเป็นเสียงของฟ้า

ผมถอยหลังกลับไปยืนที่หน้าห้องนั้น สายตามองลอดระหว่างช่องประตูที่เปิดไว้เล็กน้อย

“หรือว่าภาคจะเปลี่ยนใจเรื่องนั้น” ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือภาพของฟ้ากำลังจับมือข้างหนึ่งของภาคไว้

สองคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร แล้วทำไมภาคมันต้องเปลี่ยนใจเปลี่ยนใจ ผมตัดสินใจไม่เปิดประตูเข้าไปหาทั้งคู่ เพราะอยากรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า

“ฟ้ามีความจริงจะพูดกับเราไหม”

“ภาคหมายถึงเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่เราคุยกันไว้ เราบอกภาคแล้วไงว่าภาคไม่ต้องเลิกกับม่อนก็ได้ เราไม่ซีเรียสเรื่องนี้ แต่เราแค่แอบคบกันแบบไม่ให้ใครรู้” ภาคมันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย

แล้วทำไมฟ้าเธอถึงกล้าคิดจะทำแบบนี้ เธออยากได้ภาคถึงขนาดต้องทำแบบนี้จริงเหรอครับ ผมละอายใจแทนเธอจริงๆ

ผมยังคงยืนนิ่งมองทั้งคู่อยู่หน้าประตู ผมอยากรอฟังคำตอบจากปากภาคมัน

“เรื่องที่ฟ้าบอกเราก็ตอบชัดเจนไปแล้วว่าไม่ แต่ที่เราเรียกฟ้ามาตอนนี้เพราะมีเรื่องอยากจะถาม เรารู้เรื่องที่ฟ้าทำกับม่อนแล้ว เราอยากถามว่าฟ้าทำแบบนั้นกับม่อนทำไม”

“ฟ้าแค่...”

“ต่อไปนี้ถ้าเรายังเห็นฟ้ามายุ่งกับม่อนอีก อย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ”

“ภาคฟังเราก่อนสิ” ฟ้าวิ่งเข้าไปคว้าแขนภาคไว้ ผมว่าถึงเวลาของผมแล้วละครับ

“ปล่อยมือภาคได้แล้วฟ้า” ผมผลักประตูเดินเข้าไปหาภาค หันไปจ้องหน้าฟ้า สั่งให้เธอปล่อยมือจากภาค

“แกเกี่ยวอะไรด้วย”

“เกี่ยวสิ ก็เราเป็นแฟนภาค แล้วฟ้าล่ะเป็นใคร” ผมย้อนถามกลับเธอ ฟ้าดูจะอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง

“ถ้าฟ้าไม่รู้เดี๋ยวเราตอบแทนให้ก็ได้นะ เราคิดว่าฟ้าเป็นนางร้ายโง่ๆในละครหลังข่าว แอบคบกับเงียบๆหรอ ฟ้าคิดหรอว่าทำแบบนี้ฟ้าจะแย่งภาคไปได้ ไม่มีทางหรอกเพราะฟ้าไม่ได้มีอะไรดีกว่าเราเลยสักอย่าง เพราะอย่างนั้นฟ้าควรรู้ไว้ด้วยว่าภาคมันไม่มีวันเลือกฟ้าแน่นอน” ผมทนมานานแล้วครับ ขอลองโหมดหวงแฟนดูสักครั้ง จะปล่อยให้คนอื่นมาแย่งแฟนตัวเองไปแบบเรื่องเมีย 2018 คงไม่มีทางหรอกครับ

ฟ้ายังคงยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร คงคิดไม่ถึงนะครับว่าผมจะมาโหมดนี้

“ถ้าฟ้าไม่มีอะไรจะพูด งั้นปล่อยมือภาคซะแล้วกลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพฯ คงมีผู้ชายโง่ๆอีกหลายที่รอตกเป็นเหยื่อความสวยของฟ้าอีกเยอะ” เธอปล่อยมือจากแขนภาค ผมคว้าแขนภาค เดินนำหน้ามันออกมา

“นี้ม่อนแฟนกูจริงๆหรอวะ ทำไม่โหดแบบนี้ละหรือว่ามึงโดนอะไรเข้าสิง” ภาคจับหน้าผมส่ายไปส่ายมา มันยังดูอึ้งกับที่ผมพูดกับฟ้าไป

“ทำไมมึงไม่บอกกูเรื่องนั้น” ผมดันมือมันออกจากหน้า

“มันก็ไม่จำเป็นไหม เพราะยังไงกูก็ไม่มีทางทำแบบนั้นกับมึงหรอก”

“แต่อย่างน้อยก็ควรบอกกู” ผมหันหลังเดินหนีมัน

“แต่มึงก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ ว่ากูมีมึงแค่คนเดียวเท่านั้น” มันเดินเข้ามารวบตัวผมจากด้านหลัง

“มึงไม่รับข้อเสนอเขาไปละ ได้ทั้งกูได้ทั้งคนสวยแบบเขาอีก”

“ไม่เอาหรอกมีมึงคนเดียวก็พอแล้ว แต่เมื่อหวงกูขนาดนั้นเลยหรอ” มันยังมีหน้ามาถามผมอีก

“ใครหวงมึง” ผมปฏิเสธมันเสียงสูง

ผมเป็นแฟนมันถ้าไม่หวงมันจะให้ไปหวงใครละครับ มีใครบ้างละครับที่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับแฟนตัวเอง

“มึงไม่หวง งั้นกูกลับหาฟ้าดีกว่า”

“มึงอยากตายหรอ!!!”
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-08-2018 23:17:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 08-08-2018 23:32:23
 :-[ :mew1: :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-08-2018 23:55:55
แหม..ม่อนประกาศซะขนาดนี้เลยนะ ภาคในโหมดโหดตอนเริ่มเรื่องหายไปไหน
ดีแล้วละ ที่ยอมๆ ไม่งั้นได้ตายจริงๆ ด้วยละนะ อิอิอิ
**กลับมาเม้นให้กำลังใจคนเขียนใหม่นะ หลังจากที่แรกๆ คำผิดมากมายตอนนี้
ดีขึ้นมาก เราก็อ่านทุกตอนนะ แต่ไม่ได้คอมเม้นต์ให้เพราะอย่างที่เคยบอกไว้
ตอนก่อนหน้านี้ เราไม่ชอบการเว้นบรรทัดห่างมาก เวลาอ่านต้องคอยเลื่อนตลอด
้เสียอรรถรสในการอ่านมาาาาก อันนี้ความเห็นส่วนตัวอย่าว่าเรานะ
 :z2: :z2: :z2:

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-08-2018 12:36:04
คนกลัวเมียที่แท้ทรู 555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-08-2018 13:41:09
ตายแน่ๆ ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 10-08-2018 21:58:48
มึงอยากตายหรอ 55555 แม่งโหด
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 30 #ขอคุย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-08-2018 23:02:14
ตอนล่าสุดหายไปไหนอ่าาา
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 29 #คิดได้ยังไง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 10-08-2018 23:05:45
แหม..ม่อนประกาศซะขนาดนี้เลยนะ ภาคในโหมดโหดตอนเริ่มเรื่องหายไปไหน
ดีแล้วละ ที่ยอมๆ ไม่งั้นได้ตายจริงๆ ด้วยละนะ อิอิอิ
**กลับมาเม้นให้กำลังใจคนเขียนใหม่นะ หลังจากที่แรกๆ คำผิดมากมายตอนนี้
ดีขึ้นมาก เราก็อ่านทุกตอนนะ แต่ไม่ได้คอมเม้นต์ให้เพราะอย่างที่เคยบอกไว้
ตอนก่อนหน้านี้ เราไม่ชอบการเว้นบรรทัดห่างมาก เวลาอ่านต้องคอยเลื่อนตลอด
้เสียอรรถรสในการอ่านมาาาาก อันนี้ความเห็นส่วนตัวอย่าว่าเรานะ
 :z2: :z2: :z2:


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ พอดีว่าผมเขียนลงหลายเว็ปครับ ก็อปไปก็อปมามันก็เด้ง เพิ่งมาแก้ครับ และก็อยากให้แนะนำแบบนี้เข้ามาอีกครับผมจะได้เอาไปปรับปรุง ขอบคุณที่ติดตามนะครับ





ตอนที่ 30



#ขอคุย



#ช้อปมิกซ์



Part

ช้อป




“อยากกินอะไรรึเปล่า” ผมเดินนำมิกซ์ออกมาจากโรงหนัง ดูน้องจะเบื่อๆนะครับ เดินหงอยตามผมออกมา

จริงแล้วผมก็ไม่อยากทำให้น้องเบื่อหรอกนะครับ แค่อยากล่อให้น้องติดกับผมสักหน่อย ถึงตอนนั้นแล้วผมไม่ปล่อยให้น้องเดินหน้างอแบบนี้หรอกครับ คนอะไรใจแข็งเป็นบ้า แต่อย่างว่าละครับ ใครจะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายด้วยกันได้ง่ายๆละครับ คงต้องให้เวลาน้องสักหน่อย ผมถือคติอดเปรี้ยวไว้กินมิกซ์ ฮาๆ ๆ ๆ

“ไม่ชอบมากับพี่ขนาดนั้นเลยหรอ งั้นให้พี่ไปส่งที่หอเลยไหม”

“ออกมาแล้วจะให้กลับง่ายๆได้ยังไง” น้องมันบ่นผมครับ ผมก็ไม่อยากให้มิกซ์กลับหรอกครับ กว่าจะลากออกมาได้ แค่อยากลองใจน้องดู ผมถึงกับโล่งตอนที่มิกซ์บอกว่าไม่กลับ กลัวน้องมันอยากจะกลับจริงๆขึ้นมานะครับ

ผมว่าถึงเวลาที่ผมจะเดทแบบจริงจังกับมิกซ์ซะที ปล่อยให้มันน่าเบื่อแบบนี้ไม่ดีแน่

ผมคว้ามือมิกซ์เข้ามาจับ ดูมิกซ์จะตกใจมากครับ พยายามสลัดมือผมให้หลุด ไม่มีทางครับ มันถึงเวลาของผมแล้ว

“พี่ทำอะไร ปล่อยผม”

“ก็เราบอกว่าเดทพี่มันน่าเบื่อ พี่ก็จะทำให้เราไม่เบื่อไง” ผมกุมมือมิกซ์แน่นขึ้น ดึงมือมิกซ์เข้ามาแนบตัว

“ไม่เอาผมอาย พี่ไม่เห็นคนมองหรอ” มิกซ์กวาดสายตามองรอบๆ

ก็จริงครับดวงตาหลายคู่กำลังมองมาที่เราสองคน มิกซ์ดูจะไม่ชอบและอายที่เห็นคนมองเราสองคน

ผมแค่อยากจะลองเพิ่มความสัมพันธ์ของเราให้มากขึ้น การที่ผมแสดงออกว่าจีบ มิกซ์คงรู้อยู่แล้ว แต่ผมแค่อยากทำให้มันดูชัดเจนว่าผมจริงใจกับน้องมันจริงๆ ผมกล้าที่จะบอกชอบมิกซ์ กล้าที่จะจีบ กล้าที่จะเดินจับมือกับมิกซ์ในที่แบบนี้

แต่มันจะดูเร็วไปสำหรับมิกซ์ กับโอกาสที่น้องบอกว่าให้ผมมา ผมคงคาดหวังมากเกินไปว่าผมอยู่ในจุดที่ทำแบบนี้ได้

ผมคงคิดไปเองจริงๆแหละครับ แค่จับมือกับผมมันดูน่าอายขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมมิกซ์ถึงแคร์สายตาคนอื่นขนาดนั้น แล้วกับผมที่แคร์แค่มิกซ์ ผมเลือกที่จะเดินจับมือมิกซ์โดยไม่สนใจสายตาคนอื่น ผมไม่มั่นใจแล้วครับว่าโอกาสที่มิกซ์ให้มันมีอยู่จริงไหม

“มิกซ์มั่นใจแค่ไหน ที่บอกจะให้โอกาสพี่” ผมจ้องมองเข้าไปในสายตาน้อง

“พี่ไม่เห็นสิ่งที่มิกซ์บอกว่าให้โอกาสพี่เลย ถ้ามิกซ์ไม่คิดจะให้โอกาสพี่จริงๆ ก็ได้พี่จะปล่อยมือมิกซ์”

ผมไม่อยากปล่อยมือมิกซ์หรอกครับ แต่อยากให้มิกซ์รู้ว่าผมจะไม่บังคับ ถ้ามิกซ์ไม่ต้องการจริงๆ ผมอยากพิชิตใจมิกซ์ตามแผนที่ผมวางไว้ แต่ดูแล้วมันคงยาก ยากมากจริงๆครับ

“ต่อจากนี้พี่จะไม่มากวนมิกซ์ มิกซ์จะได้ไม่ต้องอายอีก” ผมก้มหน้าหลบสายตามิกซ์ ไม่อยากเห็นสายตามิกซ์ตอนนี้ ผมหันหลังให้มิกซ์แล้วเดินออกมา ผมคงไม่ใช่สำหรับมิกซ์จริงๆ ผมคงทำให้น้องชอบผมไม่ได้ ผมควรถอยแล้วปล่อยมิกซ์ไป ให้น้องได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ผ่านมาดีกว่า

“อกหักอีกแล้วนะช้อป หึๆ” ผมเดินก้มหน้าคุยกับตัวเอง ผมคงต้องลองอยู่คนเดียวไปสักพักแหละครับ

“มิกซ์” ผมหันหลังกลับไปมองด้านหลังตามแรงฉุดที่ข้อมือ

“ตามพี่มาทำไม” ผมถามมิกซ์ที่ยืนก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม มือมิกซ์ค่อยๆเลื่อนจากข้อมือมากุมมือผมไว้

ผมยืนรอคำตอบ แต่แม้เสียงหลุดออกมาจากปากมิกซ์

“พี่บอกจะไม่กวนมิกซ์แล้วไง” ผมใช่มืออีกข้างพยายามแกะมือน้องออก

ผมไม่อยากรู้สึกรักใครข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าแทบจะไม่มีโอกาส ผมยอมถอยออกมาแล้ว แล้วทำไมมิกซ์ถึงทำแบบนี้ น้องไม่ชอบ น้องอายเวลาที่คนมองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมิกซ์ถึง...

“เข้ามากวนใจคนอื่นเขาแล้วคิดจะหนีง่ายๆ แบบนี้หรอ” ผมขมวดคิ้วมองหน้ามิกซ์ ไม่เข้าใจที่มิกซ์พูดจริงๆครับ

มิกซ์บอกว่าผมไปกวนใจ นี่ไงครับผมทำตามที่มิกซ์บอกแล้ว ผมจะไม่มากวนใจให้มิกซ์ต้องรู้สึกอายอีก

ผมยังพยายามแกะมือของมิกซ์ออก แต่ทำไมยิ่งแกะน้องยิ่งบีบมือผมแน่นกว่าเดิมซะอีก

“ถ้าพี่ไปครั้งนี้ ผมจะไม่ยอมจับมือกับพี่อีก” ถ้าปล่อยมือครั้งนี้น้องจะไม่ยอมจับมือผมอีก มิกซ์พูดเหมือนกับว่าถ้าผมไม่ปล่อยมือ  มิกซ์จะยอมให้ผมจับมือ แล้วทำไมต้องเป็นแบบนั้นครับ ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่มิกซ์พูด

ผมมองหน้ามิกซ์ ทั้งที่น้องไม่ยอมมองหน้าผมสักนิดเลย

“ถ้ามิกซ์ไม่พูดให้มันชัดเจน ก็ปล่อยมือพี่ได้แล้ว”

“ถ้าอยากให้ผมปล่อย พี่ก็ไม่ต้องมาคบกับผม” เมื่อกี้มิกซ์พูดว่ายังไงนะครับ น้องบอกจะคบกับผม ผมหูฝาดไปรึเปล่า

“เมื่อกี้มิกซ์พูดว่ายังไงนะ” ผมยกมือของมิกซ์ขึ้นมากุม

ผมเข้าใจความหมายที่มิกซ์พูดแล้วครับ เพียงแค่อยากให้มั่นใจว่าที่ได้ยินเมื่อกี้หมายถึงแบบเดียวกับที่ผมคิด

“เป็นหมอ แต่ทำไมเข้าใจอะไรยากจังวะ” น้องยังก้มหน้าไม่ยอมมองหน้าผม

“มิกซ์มองหน้าพี่ก่อนได้ไหม” ผมเชยคางมิกซ์ขึ้นมา แต่น้องก็ยังไม่วายหลบสายตาผม

“มองหน้าพี่ แล้วพูดอีกครั้งให้พี่มั่นใจหน่อยได้ไหม” มิกซ์ค่อยๆเลื่อนสายตามาที่ผม สายตาของเราประสานกัน หัวใจของผมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ มันแทบจะหลุดออกมาจากอกผมให้ได้

“ผมไม่พูดแล้วได้ไหม” มิกซ์งอแง ไม่ยอมทำตามที่ผมบอก แต่ผมยังจ้องตารอคำตอบจากมิกซ์

“พี่อยากคบกับผมไม่ใช่หรอ ผมก็ตกลงแล้วนี่ไง” ผมฟังประโยคหลังของมิกซ์แทบไม่ทัน เพราะมิกซ์ทั้งพูดเร็วและรั่วซะผมเกือบจะจับใจความไม่ได้ ผมไม่สนใจแล้วครับว่ามิกซ์จะเร็วหรือรัวขนาดไหน เพราะมันคงเร็วและรัวน้อยกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจผมในตอนนี้

ผมรวบตัวมิกซ์เข้ามากอด ไม่รู้จะอธิบายว่าตอนนี้ดีใจขนาดไหน ความรู้สึกเหมือนได้รับสิ่งที่ต้องการมากที่สุดเข้ามาอยู่ในมือ ‘มิกซ์ยอมคบกับผมแล้วครับ’ ผมอยากตะโกนคำนี้ออกไปจริง แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ ที่ทำได้ตอนนี้คือกอดคนตรงหน้าให้แน่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ

“พี่ช้อปปล่อยผมได้แล้ว คนมองเต็มไปหมดแล้ว” ผมกวาดตามองผู้คนรอบตัว ไม่อยากจะปล่อยมิกซ์เลย อยากกอดแบบนี้ไปนานๆ

แต่มันคงไม่เหมาะครับเพราะที่นี่เป็นที่สาธารณะ เอาไว้เราอยู่ด้วยกันสองต้องสองก่อนละกัน ผมจะ....คิดกันเอาเองละกันนะครับ ฮาๆ ๆ ๆ

“งั้นจับมือแทนนะ” ผมยื่นมือให้กับมิกซ์ น้องคว้ามือผมไว้แบบอายๆ ผมละอยากจะกอดอยากหอมน้องมันซะตรงนี้เลย ทำมันน่ารักแบบนี้วะ





Part

ม่อน




“ไปส่งกูที่หอก่อนนะ” ภาคพยักหน้ารับ ผมกะว่าจะกลับเข้าไปเอาเสื้อผ้าสักหน่อย ที่เอาไปไว้ห้องภาคก็เอาไปค่ายจนเกือบหมดถ้าไม่เข้ามาเอาเดี๋ยวจะไม่มีอะไรใส่กันพอดี

รถ BMW คันงามของภาคเคลื่อนมาจอดที่หน้าหอพัก ผมเอื้อมมือไปเตรียมจะเปิดประตู

นั้นมิกซ์ไม่ใช่เหรอครับ ผมจำมันได้ ถึงจะเห็นแค่หลังไวๆเท่านั้น ผมก็ยังคงจำมันได้ และคนที่เดินอยู่ข้างๆ ผมมั่นใจว่าเป็นช้อป อย่างแน่นอน ผมไม่แปลกใจที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน เพราะก่อนหน้านี้ที่เสม็ด ภาคเป็นคนบอกผมเองว่ากำลังตามจีบมิกซ์ และผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรทั้งสองคนด้วย

แต่ผมว่ามันคงไม่ใช่กับภาพที่ผมเห็นตรงหน้า

“มึงมีเรื่องต้องคุยกับกู” ผมเดินเข้าไปทักทั้งสองคนจากด้านหลัง มิกซ์ดูตกใจมากที่เห็นผม สะดุ้งตัวโยน ถอยตัวออกห่างจาก ช้อปทันที

ผมหันไปสบตาช้อปเล็กน้อย ก่อนหันไปพยักหน้าให้มิกซ์เดินตามผมขึ้นไปบนห้อง

“กูไม่อยู่แค่สองวัน มึงกับช้อปถึงขนาดไหนกันแล้ว” ผมยิงคำถามใส่มันทันที ผมไม่รอให้มันนั่งหรือแม้แต่ผมเองก็ยังมีกระเป๋าเป้สะพายติดอยู่ที่หลัง

เหตุผลที่ผมต้องถามมัน เพราะก่อนที่ผมจะเข้าไปทักมันกับช้อป ทั้งสองคนเดินจับมือกันอยู่ ผมเข้าใจว่าช้อปกำลังตามจีบมิกซ์ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“ยังไง มึงกับช้อปถึงไหนกันแล้ว” ผมย้ำคำถามเดิม

มิกซ์ดูอึดอัดไม่ยอมสบตากับผม

“ปะ...เป็นแฟนกันแล้ว”

“ห๊ะ!!!” ผมอุทานออกมาเสียงดัง เห็นเดินจับมือกันผมก็คิดแค่ว่าคงลองๆ เดทกันดู ไม่คิดว่ามิกซ์มันจะบอกว่ามันกับช้อปถึงขั้นเป็นแฟนกันแล้ว

ที่ผมตกใจไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ก็เสือผู้หญิงอย่างมิกซ์ ทำไมมันถึงตอบตกลงไปเร็วขนาดนี้

ผมไม่ห่วงหรอกครับที่มิกซ์คบกับช้อป แต่กลัวว่ามันจะรีบตัดสินใจเร็วเกินไป มันยากนะครับที่จะเปลี่ยนตัวเองให้มาชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะผมเองก็ผ่านจุดนั้นมาก่อน จุดที่ต้องนั่งคิดกับตัวเองว่าเราจะเลือกเดินทางนี้ ถึงวันนี้ผมมีความสุขที่เลือกเดินทางนี้ เพราะผมมีภาคอยู่ข้างๆ แต่กับมิกซ์ผมกลับเป็นห่วงว่ามันเองมั่นใจแล้วจริงใช่ไหมที่เลือกทางนี้ หากวันหนึ่งถ้ามิกซ์มันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเดินทางนี้ได้ มันกับช้อปจะเป็นยังไงกันต่อไป

“มึงมั่นใจแล้วนะ” มันพยักหน้าตอบ แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม

“มึงคิดว่ากูจะทำอะไรมึงหรอ ก้มหน้าก้มตาอยู่ได้”

“ไอ้สัส!!! ก็กูอาย”

“เสือมิกซ์ของกูกลายเป็นแมวน้อยซะงั้น ฮาๆๆ”

“มึงว่าใครเป็นแมว” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม มันคงอายจริงๆ แหละครับ หน้านี้แดงเถือกเลยครับ

“มึงแน่ใจ๊” ผมเลิกคิ้วถามมัน ไม่ลืมที่จะหัวเราะในลำคอเล็กน้อย เดี๋ยวมันก็ได้รู้ครับว่ามันจะได้เป็นเสือหรือสุดท้ายจะได้เป็นแค่ลูกแมว

“มึงหมายความว่าไง” มันขมวดคิ้วถามผม ดูมันอยากจะได้คำตอบจากผมมากๆเลยครับ

“มึงรู้ไหม เวลาที่ผู้ชายคบกัน มันต้องมีคนหนึ่งเป็นรุก อีกคนเป็นรับ” ผมยกยิ้มมองหน้ามิกซ์ มันกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ สงสัยกำลังคิดภาพตามที่ผมบอกอยู่แน่

“แล้วมึงคิดว่ามึงจะเป็นแบบไหน” หน้ามันดูเครียดขึ้นมาทันทีครับ นี้หรอเสือที่มันบอก ผมมองไม่เห็นเสือในตัวมันแล้วครับ

“กูก็...ต้องรุกสิวะ” คำตอบของมันดูไม่มีความมั่นใจเอาซะเลยครับ

“มึงถามช้อปดูแล้วหรอ” ผมยังคงปั่นประสาทมันต่อ ดูซิว่ามิกซ์มันจะทำยังไง

“ไม่รู้ แต่ยังไงกูก็ต้องเป็นรุก” ถึงมันจะทำเหมือนว่ากำลังหนักแน่นกับคำพูดของมัน แต่ผมดูออกครับว่ามันคงกำลังคิดไม่ตกอยู่แน่ๆ ครับ

“งั้นก็ขอให้โชคดีนะ อย่าโดนช้อปกดเอาหละ” ผมเดินเข้าไปตบบ่า กระซิบข้างหูมันเบาๆ ขอให้มึงโชคดีละกันนะมิกซ์



“เป็นไงบ้าง” ผมเดินลงมาจากห้อง ตรงมาที่รถของภาค

“ขี้เสือกจังนะมึง” มันก็คงอยากรู้เรื่องของมิกซ์กับช้อปเหมือนกันครับ เพราะทันทีที่ผมเดินขึ้นมานั่งบนรถมันก็ถามผมเลย แต่ขอ กวนมันสักหน่อยครับ

“มึงไม่ขี้เสือกเลยนะ ลากมิกซ์ขึ้นไปขนาดนั้น” ดูมันยอกย้อนครับ แล้วทำไมมันไม่ถามช้อปเพื่อนรักของมันเองละครับ หลังๆ เห็นสนิทกันไม่ใช่เหรอ

“กูพี่มันไหมล่ะ”

“กูไม่เถียงมึงละก็ได้ แต่ตกลงเป็นไง”

“จะเป็นไงละ ก็เป็นแฟนกันแล้วนะสิ”

“มึงนี้มันจริงเลยนะช้อป” มันนั่งยิ้ม พูดถึงเพื่อนรักของมัน



ผมโยนกระเป๋าที่สะพายอยู่ที่หลัง ทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่น เฮ้อ...เหนื่อยครับกว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วนี่ภาคมันหายไปไหนอีกแล้วครับ เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมขอไม่สนสนใจภาคมันสักวันนะครับ ผมขอตัวนอนพักก่อนละกัน เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวแล้วครับ



“อื้อ” ผมรู้สึกว่าเหมือนมีความเย็นจากของเหลวบางอย่างกำลังกระจายไปทั่วหน้าอกและท้อง ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น

'ห้องนอน' ผมคงถูกภาคมันอุ้มเข้ามาในห้องตอนที่ผมกำลังหลับอยู่ แต่ภาคมันกำลังทำอะไรอยู่หรอครับ ที่ผมถามเพราะตอนนี้ภาคมันกำลังนั่งคร่อมตัวผมอยู่

“ไอ้เหี้ยภาค” ผมดันตัวมันออก ถอยหลังกรูไปติดกับหัวเตียง

ผมก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเอง ความเย็นที่ผมรู้สึกก่อนหน้านี้น่าจะมาจากออยล์ เพราะลำตัวส่วนหน้าผมมันเงาไปเกือบทั้งหมด ผมมองไล่ต่ำลงไป ก็พบว่าท่อนล่างของผมตอนนี้มีเพียงกางเกงในหนังสีดำขลับปกปิดไว้เท่านั้น

ผมไล่มือสำรวจส่วนบนของผมต่อ

นี่มันอะไร ผมเลื่อนมือมาหยุดที่ลำคอของตัวเอง

“มึงเล่นอะไรอีกเนี่ย”

ผมหันไปจ้องเขม็นภาคมันทันที จับสิ่งที่อยู่ที่คอถามมัน

คำตอบที่ได้คือยิ้มหื่นๆจากมัน มันคลานเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ร่างกายมันตอนนี้ก็มีเพียงกางเกงในหนังแบบเดียวกันกับผม ที่ปกปิดส่วนล่างมันไว้เท่านั้น

มันคว้าส่ายหนังเส้นเล็กๆ ที่ต่อออกมาจากปลอกที่คอผม ใช่ครับมันคือปลอกคอกับสายจูงแบบเดียวกันกับที่ใช่กับสัตว์เลี้ยง ต่างกันเพียงวัสดุที่ใช้ในการทำ

นี่ใช่ไหมครับของที่อยู่ในกล่องพัสดุมันตอนนั้น ของเล่นชิ้นใหม่ที่มันเตรียมไว้สำหรับช่วงหลังสอบ

ผมเองก็ลืมคิดไปเลยว่าสัญญากับมัน ถึงผมจะจำได้ แต่ใครจะไปคิดละครับว่ามันคิดจะกดผมตอนนี้ เพราะผมกับมันเองก็เพิ่งกลับมาจากค่ายได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง เรายังไม่ได้พักให้หายเหนื่อยเลยด้วยกันทั้งคู่

ไม่ใช่สิครับ คงมีแค่ผมที่ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ ดูมันจะไม่เหนื่อยอะไร แถมน่าจะมีแรงเหลือเฟือที่จะกดผมในตอนนี้

“มึงบอกกูเองว่าหลังสอบ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“กู...อื้อ” มันแตะลิ้นที่ปลายคางผม มือข้างหนึ่งม้วนสายจูงให้สั้นลง

มันค่อยลากลิ้นของมันไล่ลงมาตามลำคอ มือข้างที่ว่างลูบวนที่หน้าอกและท้อง ผมควรขัดขืนมันดีไหมครับ แต่...อื้อ ทำไมมันเสียวแบบนี้ละครับ อ้า...

มันหยุดเล่นกับซอกคอ ผลักผมให้นอนราบไปกับเตียง หยิบขวดของเหลวใสที่อยู่ข้างเตียง เทลงที่ตัวผม มันโยนขวดออยล์นั้นออกไปข้างๆหลังจากที่เทมันลงบนตัวผมจนพอใจ มือสองข้างมันเริ่มไล่เกลี่ยออยล์ให้ทั่วตัว มันทิ้งตัวลงมาทับผม มือประคองที่คอและหัวผมไว้ หลังจากนั้นมันจึงค่อยๆขยับลำตัวให้แนบและถูวนบนตัวผม

ผมเพิ่งรู้ว่าความรู้สึกจากการใช้ออยล์ถูตัวมันเป็นแบบนี้ ลื่นๆ แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ชอบหรอ ครางขนาดนี้ ฮาๆ” มึงยังมีหน้ามาขำกูอีกหรอ ผมทุบเข้าที่หลังมันไปทีหนึ่ง

แล้วนั้นอะไรอีกครับ ของที่อยู่ในมือมัน

แท่งพลาสติกทรงรีสีชมพูขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อย ต่อเชื่อมด้วยสายไฟเส้นเล็กๆกับเข้ากับแท่งพลาสติกสีชมพูอีกอัน ดูแล้วเหมือนจะมีปุ่มกดด้วยครับ

“ครืดๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงสั่นดังออกมาจากอุปกรณ์นั้นหลังจากที่ภาคมันกดปุ่ม ผมเหมือนจะคุ้นๆกับอุปกรณ์ตัวนี้ เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใช่ครับผมจำได้แล้วว่าเคยเห็นเจ้าสิ่งนี้จากหนังโป๊ญี่ปุ่นที่นัทมันเปิดให้ผมดูตอนอยู่ที่หอ

‘ไข่สั่น’ มันคือไข่สั่นครับ ผมเคยเห็นเขาเอาไว้ใช้กับผู้หญิง แล้วนี่มันจะเอามาทำอะไรกับผมเหรอครับ

“อื้อ...” มันยกขาผมพาดที่บ่า ยัดอุปกรณ์นั้นเข้ามาในตัวผมทันที มันสั่นครับ มันสั่นอยู่ในตัวผมครับตอนนี้ ทำไมมันรู้สึกแปลกอย่างนี้ครับ อื้อ...

“ภาคเดี๋ยว...อ้า” มันไม่ฟังคำปรามจากผม มันดันน้องชายของมันตามเข้ามาทันที พร้อมกับเพิ่มระดับความสั่นให้มากขึ้นอีก

ความแรงจากการขยับสะโพกของภาค บวกกับแรงสั่นภายในตัวผมตอนนี้ ทำเอาตัวผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ความเสียวคุณสองที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในตัวผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“อะ...อ้าๆ ๆ ๆ ๆ” ผมโน้มคอภาคลงมาจูบ ไม่รู้ว่าผมคิดยังไงถึงได้ทำแบบนี้ คิดแค่ว่ามันอาจช่วยให้ความเสียวนั้นลดลงได้บ้าง เพราะถ้าหากว่าความเสียวยังมากอยู่แบบนี้ ผมว่าร่างกายผมได้แตกเป็นเสี่ยงๆแน่

“เปลี่ยนท่าหน่อยนะ” ภาคจับผมพลิกตัวในท่าคุกเข่าหันหลังให้มัน โดยที่น้องชายและอุปกรณ์เสียวของมันยังอยู่ข้างในตัวผม มันไม่คิดจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระสักหน่อยเลยเหรอครับ

มันเอื้อมตัวไปหยิบออยล์ขึ้นมาเทใส่หลังผมอีกครั้ง พร้อมก้มตัวแนบกับแผ่นหลังผม มันใช้ถูตัววนไปมาเหมือนกันกับที่มันทำที่ด้านหน้า ดูมันจะชอบมากเลยครับ ทั้งถู ทั้งขยับสะโพกเข้าหาผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมเองตอนนี้เหมือนจนทนไม่ให้แล้วครับ ใช่มือรูดน้องชายตัวเองบ้าง

“กูไม่ไหวแล้วภาค” ผมส่งเสียงกระเส่าเป็นสัญญาณให้มันรู้ว่า ผมเกือบถึงขีดจำกัดที่จะทนต่อความเสียวนี้ได้

“รอไปพร้อมกันนะ อ้า” มันเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงครางของเราทั้งสองดังประสานกันจนไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นของใคร

ขีดจำกัดของผมหมดลงแล้ว ผมปล่อยให้น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจนหมด ภาคมันก็คงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน มันดึงน้องชายมันออก ถอดถุงยางปล่อยน้ำรักของมันพุ่งลงบนตัว จนเลอะปนกับของผมก่อนหน้า

มันทิ้งตัวลงนอนข้างๆ สอดท่อนแขนให้ผมหนุนแทนหมอน เสียงหายใจหอบของเราทั้งสองคนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อไหร่มึงจะเอามันออกไปซะที” ของเล่นชิ้นนั้นยังคงสั่นอยู่ภายในตัวผมอย่างต่อเนื่อง เมื่อไหร่มันจะเอาออกให้ผมซะทีครับ ตอนนี้เหมือนมันเริ่มกระตุ้นจุดอารมณ์ของผมขึ้นมาอีกครั้งแล้วด้วย

“แข็งชี้หน้ากูขนาดนั้น สงสัยต้องต่อกันอีกรอบแล้วหละ” มันไม่รอให้ผมห้าม ก้มหน้าลงไปใช้ปากกับน้องชายผมทันที

“อื้อ...อ้า...ภาค” ผมต้องโทษของเล่นของมันหรือต้องโทษน้องชายตัวเองที่ไม่รักดี ดันลุกขึ้นมาชี้หน้าภาคมันเองแบบนี้ ผมสุดท้ายแล้วผมก็ต้องโดนภาคมันกดไปอีกรอบเต็มๆ เล่นเอาผมเหนื่อยจนหมดแรงฟุบหลับคาอกภาคมันไปเลยครับ



แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอน ผมพลิกตัวเปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคง มือข้างหนึ่งคลำบนที่นอนเพื่อหาตัวภาค

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยายามกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ภาคมันหายไปไหนเหรอครับ ปกติผมตื่นขึ้นมาต้องเจอมันนอนกอดผมทุกเช้า แต่วันนี้มันหายไปไหน ผมหยิบโทรศัพท์ข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา ห๊ะ!! หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่าเกือบเที่ยงแล้ว นี่ผมหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอครับ ปกติผมจะเป็นคนตื่นเช้าทุกวันถึงจะทำงานหนักแค่ไหน ร่างกายผมก็ตื่นเองโดยอัตโนมัติทุกวัน สงสัยคงเป็นเพราะอาการเหนื่อยสะสมมั้งครับ ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากค่าย เมื่อคืนยังมาโดยภาคมันกระหน่ำไปสองรอบเต็มๆ คงไม่แปลกที่ผมจะเหนื่อยจนตื่นสายแบบนี้

แต่ที่แปลกคือภาคมันออกไปไหนโดยที่ไม่บอก

ผมเดินหอบร่างตัวเองออกมาที่ห้องนั่งเล่น เพราะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วไม่เจอมัน ผมเดินต่อไปที่ห้องครัวก็ยังคงไม่เจอ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหามัน

“ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ดๆ ๆ ๆ ๆ” ผมมองที่โทรศัพท์ ทำไมภาคมันไม่รับสายผม มันหายไปไหนของมันครับ

ผมเดินถือชามบะหมี่ที่เพิ่งต้มเสร็จมาวางที่โต๊ะหน้าทีวี

“ติ๊ดๆ ๆ ๆ” เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น

‘กูออกมาทำธุระข้างนอก มึงกินข้าวเที่ยงก่อนเลยไม่ต้องรอ’ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความจากภาค

ผมก็เข้าใจว่าภาคมันคงมีธุระส่วนตัวของมันบ้าง ถ้าจะให้มาตัวติดกับผมตลอดคงไม่ได้ใช่ไหมครับ

แต่ผมก็แอบคิดกับตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ต้องบอกให้ผมรู้บ้าง ผมเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมัน

ผมลงตัวลงนอนที่โซฟาหลังจากที่ทานบะหมี่เสร็จ ในมือถือรีโมทกดเปลี่ยนช่องสลับไปมา ไม่รู้จะดูอะไรครับดูช่องไหนก็เบื่อไปหมด จะว่าไปแล้วถึงภาคมันจะคอยกวนผมตลอดตอนอยู่ด้วยกัน แต่พอมันไม่อยู่ด้วยผมกลับรู้สึกเหงาแปลกๆ

‘รีบกลับมานะ' ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปให้มัน

“กรี๊งๆ กรี๊งๆ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที สงสัยภาคมันจะโทรกลับมาหาผมนะครับ

“เมื่อไหร่จะกลับ รอนานแล้วเนี่ย” ผมพูดกรอกใส่โทรศัพท์ กะว่าจะให้มันรีบกลับมาหาผม

[หนูม่อนใช่ไหม] เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงภาคแต่เป็นเสียงผู้หญิงครับ ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ดูว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นใคร ไม่ใช่เบอร์ภาคมันจริงๆครับ ผมคิดว่าเป็นมันจนลืมดูเบอร์ที่โทรเข้ามา

แล้วเธอเป็นใครครับ คนที่โทรเข้ามาหาผม

ผมคิดดูแล้วว่าไม่น่าจะใช่บรรดาสาวๆหรือกิ๊กของภาคมันแน่ๆ เพราะดูจากน้ำเสียงที่ดูมีอายุแล้ว คำสรรพนามที่ใช่เรียกผมยังเป็น ‘หนู’ อีก

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง

“ขอโทษครับ พอดีผมนึกว่าเพื่อนผมโทรมาครับ แล้วนั้นใครครับ”

[น้าเป็นแม่ของภาคจ๊ะ น้ามีเรื่องจะคุยกับหนู......]



หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 30 #ขอคุย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-08-2018 23:20:49
ยังไงน๊อ จะมีมาม่ามั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 30 #ขอคุย
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-08-2018 00:52:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 30 #ขอคุย
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-08-2018 14:57:21
เรื่องอะไรอีกหว่า ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 30 #ขอคุย
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 11-08-2018 17:19:18
ต้องกินมาม่าซะแล้วสิ งือๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 11-08-2018 23:08:32
ตอนที่ 31



#เขาห้ามบอก





Part

ภาค




ภาพม่อนที่เดินผ่านไปผ่านมาพร้อมกับถาดขนมและผ้ากันเปื้อนคาดอยู่ที่เอว เป็นภาพที่ผมมองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ ก็มันน่ารักขนาดนี้ จะไม่ให้ผมหลงมันจนต้องมานั่งเฝ้ามันทำงานแบบนี้ทุกวันได้ยังไงครับ เห็นละอยากจะจับมันกดซะตรงนี้เลย จะว่าไปถ้ามันใส่ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวคงจะเซ็กซี่น่าดู สงสัยคราวหน้าผมคงต้องหามาให้มันลองใส่ที่ห้องดูสักครั้ง ฮาๆๆ

นอกจากความน่ารักของมันแล้วความขยันของมันซึ่งแตกต่างกับผมอย่างสิ้นเชิง มันทำงานทุกวัน หาเงินเรียนเอง ส่งให้พ่อแม่และยังส่งมิกซ์เรียนอีก มันเก่งจริงๆครับ ผมอยากให้พ่อกับแม่ผมได้มาเห็นมันด้วยตาตัวเอง จะได้รู้ว่าม่อนไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหลังจากวันที่เรากลับมาจากค่าย แม่ผมท่านโทรเรียกผมให้เข้าไปหาที่บ้าน บอกว่าพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ปกติแล้วทุกเสาร์-อาทิตย์ผมจะกลับไปนอนบ้านทุกครั้ง แต่หลังๆที่คบกับม่อนผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไร

ผมมักทะเลาะกับพ่อทุกครั้งที่กลับบ้าน ก็เรื่องม่อนนั่นแหละ พ่อคงแอบส่งคนมาสืบเรื่องผมกับม่อนและดูท่าว่าท่านจะรู้ลึกเรื่องของเราเสียด้วย รู้ทั้งเรื่องที่ม่อนเคยทำงานเป็นบาร์โฮสต์ รู้ว่าที่บ้านม่อนลำบากแค่ไหนหรือแม้กระทั่งเรื่องที่ม่อนมาขายตัวให้กับผม

ผมพยายามอธิบายให้ท่านฟังแล้วว่าตอนนั้นม่อนมันจำเป็นจริงๆ แต่มีหรือที่คนอย่างพ่อผมจะฟังใคร นิสัยท่านก็ไม่ได้ต่างจากผมหรอกครับ ทั้งดื้อหัวรั้น เอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังใครนอกจากตัวเอง และเหตุผลที่ทำให้ผมต้องทะเลาะกับพ่อผมทุกครั้งก็เพราะท่านต้องการให้ผมเลิกกับม่อน พ่อบอกว่าจะให้ท่านเอาหน้าไปสู้กับเพื่อนๆ นักธุรกิจของท่านได้ยังไง ที่ลูกชายคนเดียวของตระกูลมีแฟนเป็นผู้ชาย ท่านเลยยื่นคำขาด ถ้าผมไม่ยอมเลิกกับม่อนท่านจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับผม

ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกครับ ถึงท่านจะยื่นคำขาดแบบนั้นผมก็ไม่มีวันทิ้งม่อนเป็นอันขาด สำหรับผมแล้วม่อนไม่ใช่แค่แฟน ไม่ใช่แค่คนที่ผมรัก แต่ม่อนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผมไปแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ผมเจอกับพ่อ ก็อีกวันที่ผมกลับมาจากค่าย ผมแอบออกมาจากห้องโดยที่ไม่ให้ม่อนรู้ เพราะดูแล้วม่อนคงจะเพลียมาก

ปกติแล้วถึงม่อนจะนอนดึกขนาดไหนแต่ก็จะตื่นเช้าทุกครั้ง แต่วันนั้นกลับหลับยาวจนเกือบเที่ยง

เรื่องที่ท่านเรียกผมออกมาก็เรื่องเดิมๆครับ เรื่องของม่อน แต่วันนั้นดูจะเป็นครั้งที่เราทะเลาะกันหนักที่สุด ถึงขนาดที่ท่านหยิบโทรศัพท์ในมือผมตอนที่ม่อนโทรมาขว้างลงกับพื้น ผมไม่เข้าใจจริงๆ กับแค่ผมรักกับผู้ชายมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอครับ ความรักที่ผมกับม่อนมีให้กันมันต่างจากคนปกติทั่วไปยังไง ความรักที่ผมให้ม่อนหรือม่อนให้ผม มันน้อยกว่าคนอื่นเหรอครับ หรือว่าโลกนี้กำหนดให้แค่ผู้ชายต้องรักกับผู้หญิงเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมผมถึงรักม่อนได้มากขนาดนี้

แต่ผมคงไม่ปล่อยให้ใครมากำหนดชีวิตของผม โดยเฉพาะเรื่องความรัก



“เสร็จแล้วหรอ” ผมเดินเข้าไปช่วยม่อนคลายปมเชือกผ้ากันเปื้อน มันหันกลับมายิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบมากๆ อยากมองมันแบบนี้ไปนานๆ เลยครับ

“ไปดูหนังกันต่อไหม” อารมณ์ไหนของมันครับถึงอยากดูหนังเอาตอนนี้

ถ้ามันอยากดูผมก็ตามใจครับ ผมล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ กดแอพจองตั๋วหนังรอบดึกไว้



ผมขับรถตรงมาที่ห้างดังสองคนกับม่อน ส่วนมิกซ์คงไม่ต้องห่วงครับ ช้อปมันก็ขับรถมารับแฟนมันกลับห้องไปแล้ว ก็ดีครับผมจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนกับม่อนนานขึ้น

ผมเดินจับมือม่อนเข้าไปในโรงหนัง ผมจองหนังรักไว้ ไม่ได้ชอบดูหนังแนวนี้หรอกครับ แค่อยากจะสวีทกับม่อนแบบปกติบ้าง มัวแต่สวีทกันบนเตียง แต่ถึงจะสวีทกันตอนนี้แล้ว เรื่องสวีทบนเตียงก็ต้องมีอยู่นะครับและคงจะเป็นในคืนนี้ด้วย ฮาๆ ๆ

หนังเรื่องนี้สนุกดีครับ ม่อนก็คงชอบเหมือนกัน เห็นตั้งใจดูมาก ยังไม่พอมันยังร้องไห้กับฉากที่นางเอกบอกเลิกพระเอกอีก อ่อนไหวจริงๆเลยครับแฟนผม แต่ยังดีครับที่ตอบจบๆแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่งั้นม่อนมันคงนั่งร้องไม่หยุดแน่ๆ เลยครับ



“กูรักมึงนะภาค” อยู่ดีม่อนก็ยื่นมือมาจับมือผมขณะขับรถกลับคอนโด สงสัยมันคงยังอินกับหนังอยู่มั้งครับ เพราะเห็นมันนั่งเงียบมาตลอดทาง

“กูรู้ กูก็รักมึงเหมือนกัน มากด้วย” ผมหันไปยิ้มให้มัน สงสัยจะยังอินกับฉากหนังตอนนั้นอยู่ ถึงมันจะยิ้มแต่ตามันดูเศร้าแปลกๆ ครับ

“อินขนาดนั้นเลยหรอ” ผมยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อปลอบมัน ดูมันจะโอเคขึ้นแล้วครับ หันกลับมาส่งยิ้มให้ผมด้วยสายตาที่เหมือนจะกลับมาเป็นปกติแบบเดิมแล้ว



“ขอนะคืนนี้” ทันทีเราเดินเข้าห้องนอน ผมรวบเอวดึงตัวม่อนเข้ามาชิดกับตัวผม มือสองข้างค่อยๆเลื่อนมือไล่ลงไปที่สะโพกและหยุดลงที่ก้นกลมเด้งของม่อน

“อื้อ” ไม่ใช่เสียงจากม่อน แต่เป็นเสียงผมเองที่ร้องครางออกมา เพราะตอนนี้ม่อนมันโน้มตัวเข้ามาไซร้ที่ต้นคอผม

มือสองข้างของมันเกี่ยวที่คอโน้มผมให้เข้าไปจูบกับมัน ม่อนฉกลิ้นเกี่ยวลิ้นผมโดยไม่รอให้ผมเริ่มก่อนด้วยซ้ำ

“ใจเย็นม่อน” มันไม่ทีท่าลดความร้อนแรงของมันลงเลย ม่อนผลักผมให้ล้มลงไปนอนที่เตียง มันคลานตามขึ้นมา ก้าวขาขึ้นมาคร่อมบนตัวผม มันไล่ปลดกระดุมเสื้อผมออก ก้มหน้าลงมาชิมยอดอกทั้งสองข้างผมสลับไปมา ตอนนี้ผมทำได้เพียงจับที่เอวของมันไว้เท่านั้น สงสัยผมคงต้องปล่อยให้มันเป็นคนคุมเกมรักครั้งนี้ซะแล้ว

มันไล่เลียจากยอดอก ผ่านหน้าท้องและสะดือ มือเลื่อนมือมาปลดเข็มขัดและดึงกางเกงผมออก

“ม่อน...อ้า” มันครอบปากลงที่น้องชายผม ลิ้นมันไล่วนอยู่ที่ส่วนปลาย ผมครางออกมาอย่างต่อเนื่อง มือกดหัวมันให้ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ

“ไหนว่าไม่ชอบไง” ผมจับมือม่อนที่กำลังถือปลอกคอที่ผมเคยใช้กับมัน มันเคยบอกว่าไม่ชอบให้ผมเล่นอะไรแบบนี้ แต่ทุกครั้งมันก็ไม่เคยปฏิเสธเพียงแค่บ่นผมเท่านั้น

แต่ครั้งนี้เป็นมันที่หยิบของเล่นชิ้นนั้นมาใช้ ผมปล่อยให้ม่อนจัดการใส่ปลอกคอนั้นจนเสร็จ

ผมมองตามแผนหลังของม่อน มันกำลังเดินไปหยิบของจากตู้ออกมาอีก ผมสังเกตเห็นถุงยางและขวดออยล์ในมือมัน

ของเหลวถูกเทลงบนตัวผม ม่อนก้มตัวลงมาแนบกับตัวผม มันใช้ตัวของมันถูวนแบบเดียวกับที่ผมเคยทำกับมัน หน้าตามันตอนนี้ดูเซ็กซี่มาก ถุงยางที่มันถือมาพร้อมกับขวดออยล์ถูกฉีกออก มันวางถุงยางลงที่ส่วนปลายน้องชายผม มันใช้ปากครอบรูดถุงยางจนสุด ผมนี่เสียวจนต้องร้องครางออกมาเสียงดัง

ม่อนค่อยๆ ขยับตัวให้ช่องทางของมันตรงกับน้องชายผมที่ชี้โด่อยู่ อ้า...น้องชายผมค่อยหายเข้าไปในตัวมันทีละน้อย จนตอนนี้มองไม่เห็นน้องชายสุกรักของผมแล้ว

ม่อนคว้าสายจูงที่วางอยู่ข้างๆ ตัว ออกแรงดึงให้ผมลุกขึ้นมา มันโน้มตัวมาจูบผม พร้อมกับเริ่มขยับสะโพกของมันขึ้นลง อื้อ...เสียวมากครับ ผมไม่ปล่อยให้ม่อนทำเพียงคนเดียว ผมเด้งสะโพกขึ้นรับกับจังหวะการขยับตัวของม่อน มันถึงกับร้องคราง ดึงตัวผมเข้าไปกอด

ม่อนมันไม่ยอมปล่อยให้ส่วนบนผมว่าง มันไล่เลียตั้งแต่กกหูไล่มาที่ปลายคาง จนมาจบที่ต้นคอผม มันดูดเข้าที่คอผมอย่างแรง แค่นั้นยังไม่พอ มันยังกัดเข้าที่คอผมอย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่ว่าอะไรมันหรอกครับ ผมกลับชอบที่มันทำแบบนี้ซะอีก ผมมุดเข้าไปที่ซอกคอมันบ้าง กดปากเข้าที่ต้นคอมันใช้แรงดูดจนม่อนร้องครางไม่หยุด รอยแดงที่คอของมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ของผมเองก็คงไม่ต่างกัน ก็ดีแล้วครับคนอื่นจะได้รู้ว่าผมเป็นของมันและมันเองก็เป็นของผม และเป็นของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น

“กูไม่ไหวแล้วม่อน” ผมปล่อยให้ม่อนขยับสะโพกอยู่บนตัวผมอยู่นาน ผมจับมันพลิกตัวลงไปข้างล่าง เร่งจังหวะการขยับสะโพกให้เร็วขึ้น

“อ้า…” ความสุขของมันล้นจนทักลักออกมาแล้วครับตอนนี้ ม่อนมันก็คงไม่ต่างกัน

“กูรักมึงนะภาค” มันใช้มือทั้งสองประคองหน้าผมไว้ ดึงตัวเองขึ้นมาประกบจูบกับผม เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่มันบอกรักผม ผมชอบที่มันบอกรักผมบ่อยๆ อยากฟังมันพูดแบบนี้ทุกๆวัน เพราะผมเองก็รักมันเหมือนกัน



“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ” เสียงม่อนบอกขณะนอนหนุนแขนผมอยู่ สายตามันมองขึ้นไปที่เพดานห้อง

แปลกครับเราเพิ่งกลับมาจากค่ายได้แค่อาทิตย์เดียว มันกลับชวนผมไปเที่ยวต่อ คงเพราะที่ค่ายต้องทำงานเหนื่อยไม่ค่อยได้เที่ยวสักเท่าไร แต่ก็ดีครับปิดเทอมแล้วด้วย ให้มันพักผ่อนสักหน่อยคงดีเพราะถึงจะปิดเทอม แต่มันมันก็ยังต้องทำงานทุกวันอยู่ดี

“งั้นไปหัวหินไหม ไปเช้าเย็นกลับ” มันพยักหน้ารับ จะว่าไปหัวหินก็ไม่เลวครับมีทั้งทะเล ที่เที่ยวก็มีตั้งหลายที่ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากเท่าไหร่ ม่อนมันจะได้ไม่เหนื่อยเวลาเดินทางด้วย

“เดี๋ยวกูชวนพวกนัทกับมิกซ์ไปนะ”

“กูอยากไปกับมึงสองคน” ผมเตรียมจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรชวนเพื่อนๆ กับน้องมันไปเที่ยวด้วยกัน แต่โดนม่อนมันห้ามไว้ก่อน

ม่อนมันว่าไงผมก็ว่าตามนั้นครับ ผมว่าไปแค่สองคนก็ดีนะครับ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน

ผมพยักหน้ารับ มักซุกตัวเข้ามากอดผม ตอนมันหลับนี่น่ารักจริงๆ เลยครับ อยากจะจัดมันอีกสักรอบจริงๆเลยครับ แต่เดี๋ยวมันไม่มีแรงไปเที่ยวพรุ่งนี้ เดี๋ยวกลับมาค่อยจัดให้มันแบบฟลูออฟชั่นก็ได้ครับ ฮาๆ ๆ ๆ



ผมงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงมองหาม่อน มันตื่นตั้งแต่เช้าอีกแล้วครับ นี่ก็เพิ่งหกโมงเอง

“ม่อนทำไร” ผมเดินตรงเข้าไปหามัน ตอนนี้มันยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในมือมันถือเสื้อผ้าของมันเองอยู่ ตรงเท้ามีกระเป๋าเป้ใบเดิมที่มันใช้ประจำวางอยู่

“ไม่ได้ไปค้างสักหน่อย มึงเตรียมเสื้อผ้าไปทำไมเยอะแยะ” ผมเดินไปพิงที่ตู้เสื้อผ้า มือข้างหนึ่งเท้าที่ตู้เสื้อผ้า ยืนมองมันกำลังยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า

“เอ่อ...พอดีกูจะเอาเสื้อผ้าไปซัก กลับมากูจะได้เอาไปซักที่หอเลยไง” ปกติจะมีแม่บ้านค่อยมารับเสื้อผ้าทั้งของผมและของมันไปซักอยู่แล้วเป็นประจำ แต่ทำไมวันนี้มันถึงจะซักเองและมันยังบอกว่าจะเอากลับไปซักที่หออีก

“เดี๋ยวแม่บ้านก็มาเอา แต่ถ้ามึงอยากซักเองห้องกูก็มีเครื่องซักผ้า มึงลืมไปแล้วหรอ” ผมขมวดคิ้วมองมัน ห้องผมมีครบทุกอย่าง เพียงแค่ผมไม่ใช้เท่านั้นเองครับ เพราะส่วนใหญ่เรื่องพวกนี้ผมจะให้แม่บ้านจัดการให้ทั้งหมด

“ก็ห้องมึงไม่มีที่ตากไง” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน ก็จริงอย่างที่มันบอกครับว่าห้องผมไม่มีที่ตาก

“งั้นเดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ เสร็จแล้วจะได้ออกไปเลย” ผมไม่อยากซักไซ้มันต่อ รีบอาบน้ำเตรียมตัวดีกว่า เพราะเพิ่งจะได้ไปเที่ยวไกลๆ กับมันสองต่อสองครั้งแรก

เราขับรถออกมาจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้วครับ ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถ พวกเราจะกินข้าวเที่ยงกันที่เดอะเวเนเซียหัวหินครับ

เราเดินเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง ภายในจัดตกแต่งอย่างสวยงาม พนักงานเดินมารับออร์เดอร์จากเรา ผมกับม่อนสั่งเป็นสเต๊กไปครับ ตลกดีนะครับมาทะเลทั้งทีแทนที่จะกินอาหารทะเล กลับมานั่งกินสเต็กกินกันเสียได้

ผมหยิบมีดกับส้อมจัดการหั่นเนื้อที่วางตรงหน้าเข้าปาก

“แชะ!!” เสียงชัดเตอร์จากกล้องมือถือม่อนดังขึ้น ผมเงยหน้ามองมันที่กำลังยิ้มและกดปุ่มถ่ายรูปผมอีกสองสามรูป

“มึงแย่งของกูทำไม” มันบ่นที่ผมไปแย่งมันฝรั่งทอดในจานของมันครับ โทษฐานที่แอบถ่ายรูปผม

นั้นไงครับอีกแล้ว ก็ม่อนมันนั่งกอดอกหันข้างงอนผมอีกแล้ว

“เค้าขอโทษ” ผมตักมันฝรั่งทอดในจานของผมทั้งหมดใส่จานมัน เป็นการไถ่โทษ มันหันกลับมาหยิบมันฝรั่งทอดใส่ปาก แถมยังส่งยิ้มกวนใส่ผมอีก มันนี่จริงๆ เลยครับ

“แชะ!!” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันตอนที่กำลังเคี้ยวตุ่ยอยู่ในปาก มันพยายามจะแย่งมือถือจากผมไปครับ มีเหรอที่ผมจะยอม นี่ไงครับ ผมกดตั้งค่ารูปที่ถ่ายเมื่อกี้เป็นภาพหน้าจอแล้วยื่นให้มันดู

มันไม่แย่งโทรศัพท์จากผมแล้วครับ กลับก้มหน้าเขิน ใช้ส้อมจิ้มสเต็กที่วางอยู่จนเป็นรูเต็มไปหมด ตอนมันเขินนี่ยิ่งน่ารักครับ หน้าแดงหูแดง ยิ่งมองยิ่งอยากแกล้งมัน

เราเดินออกมาจากร้านอาหาร เดินตรงขึ้นไปบนสะพานที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ ผมยกมือขึ้นคล้องคอม่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเราสองคน โดยมีเรือกอนโดล่าเป็นฉากหลัง 

องค์ประกอบภาพสวยมากครับ โดยเฉพาะกับคนข้างผมที่ตอนกดถ่ายมันดันเผลอหลับตานี่สิ แต่ไม่เป็นไรแค่มีผมกับมันไม่ว่ารูปไหนก็ดูสวยไปหมดเลยครับ

เราออกจากเดอะเวเนเซียได้สักพัก ผมหันมองข้างทางก็เจอกับรูปปั้นของหลวงปู่ทวดขนาดใหญ่ ผมว่าผมพามันเข้าไปไหว้ขอพรท่านสักหน่อยละกันนะครับ

“เดี๋ยวแวะไหว้พระก่อนนะ” ผมเลี้ยวรถเขาไปที่ลานจอดรถของวัด คนเยอะมากเลยครับ อากาศข้างนอกก็ร้อนมากๆ อีกด้วย แต่ก็สมควรละครับ เพราะนี่ก็เพิ่งบ่ายสองโมงเองจะไม่ให้ร้อนได้ยังไงละครับ

ม่อนมันเดินออกมาจากรถ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาบังแดด ดูแล้วมันจะร้อนครับ ผมไม่น่าพามันมาตอนนี้เลย

“เดี๋ยวค่อยแวะมาตอนกลับไหม ตอนนี้มันร้อน” ผมเดินเข้าไปหามัน ยกมือขึ้นบังแดดให้มัน

“ไม่เป็นไรหรอก ก็มาถึงแล้วหนิ”

“งั้นมึงเข้าไปรอกูในรถก่อนนะ” ผมเปิดประตูรถให้มันเข้าไปนั่งรอข้างใน ส่วนตัวผมเองเดินตรงไปยังร้านค้าที่อยู่ข้างๆวัด

ผมเดินกลับมาพร้อมหมวกแก๊ปสี่ดำในมือ

ผมเดินไปเปิดประตู สวมหมวกให้มันก่อนพามันเดินตรงไปที่ลานสักการะ

ผมซื้อดอกไม้ธูปเทียนอย่างละชุดสำหรับผมกับมัน ผมถอดรองเท้าวางไว้ข้างกับรองเท้าของม่อน ผมกับมันต้องเดินเขย่งเท้ากันเพราะความร้อนจากแผ่นกระเบื้องกำลังย่างเท้าเราอยู่

ผมหันไปมองม่อนที่กำลังประนมมือหลับตาไหว้รูปปั้นหลวงปู่ทวดอยู่ สงสัยมันคงกำลังอธิษฐานอยู่ครับ ผมไม่อยากกวนมันหันกลับมาประนมมืออธิษฐานขอพรของตัวเองบ้าง



“มึงขอพรว่าอะไร” ม่อนหันมาถามผมขณะที่กำลังเดินลงบันได

“ไม่บอก” เขามีความเชื่อว่าห้ามบอกคำอธิษฐานเพราะเดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริงตามที่เราขอ

‘ขอให้ได้อยู่กับม่อนไปนานๆ’ นั่นแหละครับคำอธิษฐานของผม ถ้าบอกไปเดี๋ยวมันไม่เป็นจริง ผมก็ไม่ได้อยู่กับม่อนสิครับ

“แล้วมึงหละขอพรว่ายังไง” ผมย้อนถามมันกลับบ้าง

“กูขอให้ได้อยู่กับมึงไปนานๆ” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามัน ไม่คิดว่ามันจะบอกผมครับ

ผมควรจะดีใจที่ได้ยินมันบอกแบบนั้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้ครับ ผมดันตัวมันกลับขึ้นไปบนที่สักการะอีกครั้ง ผมบังคับให้มันขอพรใหม่ เพราะเมื่อกี้มันดันบอกคำอธิษฐานนั้นกับผม ก็ผมกลัวว่ามันจะไม่เป็นจริงตามคำอธิษฐานหนิครับ

“มึงเป็นอะไรของมึง ให้กูไปขอพรทำไมตั้งสองรอบ” มันถามผมทันทีที่เดินลงมา

“ก็เขาห้ามบอกเดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริงตามที่ขอไง”

“ก็กูอยากบอกว่ากูอยากอยู่กับมึงไปนานๆ” มันหันหน้ามาบอก พร้อมยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนเดินตรงไปขึ้นรถทันที

ผมวิ่งตามมันไปที่รถ ขับรถมุ่งตรงไปยังสถานที่สุดท้าย



เสียงลมกับคลื่นที่กำลังซัดเข้าฝั่ง สถานที่สุดท้ายของเราคือชายหาด ก็มาหัวกินทั้งทีจะไม่มาทะเลก็ดูแปลกนะครับว่าไหม

อากาศตอนนี้ไม่ร้อนมาก เพราะแสงอาทิตย์ที่เริ่มอ่อนลงบวกกับลมทะเลที่พัดความเย็นเข้าหาเราเรื่อยๆ

ผมเดินจับมือม่อนเดินตรงไปที่ชายหาด เราเดินเตะทรายเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ ถึงกิจกรรมที่เราทำตอนนี้มีเพียงการเดินจับมือกันเท่านั้น แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขที่รู้ว่าคนที่เดินจับมือข้างๆเป็นม่อน

“ขี่หลังกูไหม” ผมหันไปถามม่อนที่กำลังเดินเตะทรายอยู่ข้างๆ

“มึงจะบ้าหรอ ให้กูขี่หลังเนี่ยนะ”

“ก็กูเห็นเขาขี่หลังกัน กูก็อยากให้มึงขี่หลังกูบ้างไง” ผมชี้มือไปที่คู่รักชายหญิงที่กำลังขี่หลังหยอกล้อกันอยู่ไกลๆ ผมก็อยากมีโมเมนต์แบบนั้นกับม่อนมันบ้าง

“นะๆ” ผมนั่งลงทำสายตาอ้อนวอนส่งไปให้มัน

“อย่าให้กูเห็นมึงบ่นว่าหนักนะ” มันส่ายหน้า เดินเข้ามาย่อตัวใช้มือทั้งสองข้างคล้องคอผม

ผมเดินเรียบตามชายหาดโดยมีม่อนขี่หลังผมอยู่

“กูรักมึงนะภาค” ผมหันไปมองหน้าม่อนที่กำลังอยู่บนหลังผม ผมลองนับครั้งที่มันบอกรักผม รวมเมื่อคืนด้วยก็สามครั้งแล้ว

“กูก็รักมึงม่อน” ผมส่งยิ้มตอบกลับไป มันค่อยๆ เอียงคอซบลงที่หลังผม



หนักครับ ผมยอมรับว่าม่อนมันหนักเพราะขนาดร่างกายของเราทั้งสองคนไม่ได้ต่างกันมาก แต่ถึงจะหนักยังไง ถ้าเป็นม่อนผมยอมให้มันขี่ได้เสมอ

“สงสัยต้องหาสาวตัวเล็กมาขี่หลังแทนมึงแล้วแหละ ถ้ามึงจะตัวหนักแบบนี้” ผมลองแหย่ม่อนมันไป

“ก็ดีนะ เหมาะกับมึงดี” ผมเตรียมจะป้องกันตัวที่แหย่มันไป แต่แปลกครับที่มันไม่ทำอะไรผม กลับเดินหนีไปขึ้นรถซะงั้น มันคงงอนผมอีกแล้วแน่ๆเลยครับ



ม่อนมันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยครับ สงสัยมันจะงอนผมจริงๆ ผมไม่น่าไปแหย่มันแบบนั้นเลย อยากจะเขกหัวตัวเองซะร้อยทีจริงๆเลยครับ

แสงไปจากตึกรวมถึงจำนวนรถมากมายที่วิ่งสวนกันไปมา บอกให้เรารู้ว่าตอนนี้เรากลับเข้าเขตกรุงเทพฯแล้ว ผมขับรถมุ่งตรงไปที่คอนโด เลี้ยวพวงมาลัยหักเข้าที่จอดรถ

เราเดินออกจากรถตรงไปที่ลิฟต์ 

ผมเปิดประตูเข้าไปยื่นถอดรองเท้าในห้อง

ม่อนเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง สงสัยมันคงหายงอนผมแล้วแหละครับ แต่มากอดผมแบบนี้สงสัยจะอ้อนอะไรผมอีกแน่

ผมจับมือม่อนเตรียมจะหันกลับไปหามัน แต่ม่อนดันกอดผมแน่นขึ้นอีกจนผมไม่สามารถหันกลับไปหามันได้

“เป็นอะไร ยังงอนกูอีกหรอ” เงียบ ผมยืนนิ่งรอคำตอบจากมัน

“นั่งรถเหนื่อยหรอ” ยังคงไม่มีคำตอบใดๆ จากมัน

“งั้นเป็นอะไรบอกกูได้ไหม” ผมลูบที่มือมันเบาๆ













“เราเลิกกันเถอะ”
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-08-2018 23:44:15
 :a5:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-08-2018 00:22:06
มาม่าชามใหญ่ราด เลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 12-08-2018 02:58:51
นั่นภาคนะ กว่านางจะจีบติด โอ้ยยย นางต้องรู้แน่ๆว่าเกิดไรขึ้น
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 12-08-2018 04:08:36
ว่าละ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-08-2018 17:51:22
น่านไง ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-08-2018 18:54:01
ม่ามาาาาาา
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 12-08-2018 22:52:08
ไม่มีออร่าความเป็นพระเอกเลยอิภาค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-08-2018 09:05:32
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-08-2018 13:42:21
แหงะ ค้างงงง ดราม่ามาอีกแล้วทั้งๆที่เพิ่งหวานกันไปเท่าไหร่เอง เอาใจช่วยนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 31 #เขาห้ามบอก
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 13-08-2018 19:51:29
เหี้ย เดียวๆ อึ้งเลย ปาะโยคเดียว
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 13-08-2018 20:37:32
ตอนที่ 32


#ผมไม่กลัวหรอก



[น้าเป็นแม่ของภาคจ๊ะ น้ามีเรื่องจะคุยกับหนู]

“ครับ คุณน้ามีเรื่องอะไรครับ”

[น้ารู้เรื่องของหนูกับภาคแล้วนะ]

“คือ...ผม”

[น้ารู้เรื่องเราสองคนมานานแล้ว รู้ว่าภาครักหนูมากด้วย แล้วหนูรักภาคไหม]

“รักครับ ผมรักภาค”

[แล้วรักมากพอที่จะทำเพื่อภาคเขาไหม]

“คุณน้าหมายความว่ายังไงครับ”

[ไม่รู้ว่าหนูรู้รึเปล่า ว่าทุกครั้งที่ภาคเขากลับบ้าน เขามักทะเลาะกับพ่อทุกครั้ง และทุกครั้งที่ทะเลาะกันทุกครั้งก็เพราะเรื่องของหนู]

“ผม...หรอครับ”

[ใช่จ้ะ ตั้งแต่ภาคคบกับหนู สองพ่อลูกเขาก็ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน พ่อเขาต้องการให้ภาคเลิกกับหนู เขาอยากให้ภาคสืบทอดกิจการ แต่ถ้าภาคคบกับผู้ชาย หนูรู้ใช่ไหมว่าคนอื่นจะมองว่ายังไง]

“ครับ”

[น้าไม่เห็นด้วยที่ให้หนูกับภาคเลิกกัน แต่น้าก็ไม่อยากเห็นพ่อกับลูกเขาทะเลาะกัน ครั้งนี้ที่น้าต้องโทรมาเองเพราะพ่อของภาคเขายื่นคำขาดว่าถ้าหนูสองคนไม่เลิกกันเขาจะขาดกัน]

“คุณน้าหมายความว่า...”

[ถ้าหนูรักภาคจริงๆ ช่วยปล่อยภาคไปได้ไหม]



‘เขาทะเลาะกันเพราะหนู’

ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ภาคมันไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านมันให้ผมฟังสักครั้ง ผมรู้แค่ว่ามันมีน้องสาว นั้นก็คือน้องพริม นอกจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวมันเลย จนวันนั้นที่แม่ของภาคโทรมาหาผม บอกว่าผมเป็นสาเหตุให้ภาคกับพ่อทะเลาะกัน

ทำไมภาคมันไม่บอกผม มันคิดจะปิดบังเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไร ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของผมกับภาคอีกต่อไปแล้วล่ะครับ

‘ช่วยปล่อยภาคไปได้ไหม’

น้ำตาไหล่เอ่อลงอาบข้างแก้ม ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมฝันไปรึเปล่า ผมรักภาค รักมันมาก ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผมจะยอมเลิกกับภาคมันได้ยังไง เราทำผิดอะไรถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เราผิดอะไรที่ต้องเลิกกัน หรือมันผิดที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจความรักของพวกเรา

หรือมันผิดที่เป็นผม ที่ผมเป็นผู้ชาย ที่ผมจน แต่มันผิดด้วยเหรอครับที่ผมจะรักใครและอยากอยู่กับคนนั้นไปตลอด



แต่จะว่าไปมันคงผิดที่ผมจริงๆ แหละครับ ผมเป็นใครถึงทำให้พ่อลูกเขาทะเลาะกัน ผมเป็นแฟนภาค แต่เขาเป็นพ่อเป็นครอบครัวของมัน ผมมีสิทธิ์อะไรไปทำให้ครอบครัวเขาผิดใจกัน

ผมนี่เห็นแก่ตัวจริงๆ เลยนะครับ มองแค่ความสุขตัวเอง ไม่รู้ว่าภาคมันต้องแบกรับอะไรไว้ มันยอมทะเลาะกับพ่อตัวเองเพื่อที่จะได้อยู่กับผม มันเป็นเพราะผม

“คุณน้าครับ”

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง ร่างกายผมตอนนี้สั่นจนแทบไม่มีแรงจะยืน น้ำตายังคงไหลอาบสองข้างแก้ม

ทำไมมันเร็วขนาดนี้ มันถึงวันที่ผมต้องปล่อยมือภาคมันแล้วจริงๆ ใช่ไหม

“ผมของเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ได้ไหมครับ หลังจากนั้นผมจะ...ปล่อยมือภาคเอง”

ผมทรุดตัวลงกับพื้น ผมยืนไม่ไหวแล้วครับ มันหนักเกินไปที่ผมจะรับไหวแล้ว



หนึ่งวัน สองวัน หนึ่งอาทิตย์ สองอาทิตย์ กว่ามันจะผ่านไปได้แต่ละวันแต่ละชั่วโมงแต่ละนาที ตั้งแต่วันที่ผมบอกเลิกภาค แต่ละวัน เวลาเหมือนจะเดินช้ากว่าปกติ ความเจ็บที่อยู่กับผมมาตั้งแต่วันนั้น และวันนี้วันที่ผมไม่มีภาคมันอยู่ข้างๆ ผมไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อจากนี้โดยไม่มีมันได้ยังไง เพราะทั้งใจผมยังเรียกหามันทุกวินาที ผมจะผ่านช่วงนี้ไปได้ยังไงครับ

“มึงกินเยอะหน่อยสิวะม่อน เดี๋ยวก็ไม่มีแรงทำงาน” เสียงน้องชายผมที่นั่งบ่นผมอยู่ที่นั่งตรงข้าม ข้างๆมันมีช้อปนั่งอยู่

ผมดีใจที่เห็นสองคนนี้รักกัน ได้อยู่ด้วยกัน เห็นแล้วก็อิจฉาครับ

“ม่อนกินข้าวสักหน่อยนะ ซูบหมดแล้ว เดี๋ยวไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนนะ”

“พูดแบบนี้ต่อหน้าแฟนตัวเองเลยหรอ ฮาๆ” ผมแซวช้อปพร้อมกับขำแห้งๆ อยากกลับมาเป็นผมคนเดิมแบบเมื่อก่อนนะครับ แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้จริงๆ ได้แต่หวังว่าจะอยู่โดยไม่มีมันได้สักวัน

“ดูสภาพมึงแล้วกูหึงไม่ลง” มิกซ์พูดพร้อมกับตักหมูในชามมันมาให้ผม

อย่างน้อยผมก็ยังมีมันที่คอยอยู่ข้างๆ และถึงพวกเพื่อนๆผมจะกลับบ้านช่วงปิดเทอมกันหมด แต่พวกมันก็ยังเวียนกันโทรมาหาผมแทบทุกวัน คอยช่วยทำให้ผมลืมความเศร้าลงไปบ้าง



ช่วงปิดเทอมนี้ผมกับมิกซ์ไม่ได้กลับบ้านกัน เพราะเดี๋ยวเปิดเทอมหน้ามิกซ์มันก็เข้าเรียนแล้ว ต้องรีบช่วยกันหาค่าเทอมทั้งของมันและของผมเอง ที่เยอะอยู่พอสมควร ดังนั้นเราสองคนเลยต้องรีบช่วยกันหาเงินให้ได้มากที่สุด

“ตี๊ด...ตี๊ด” เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นขณะถือถาดเค้กและนมปั่นเดินเสิร์ฟลูกค้าอยู่

‘น้องพริม’ หน้าจอแสดงชื่อน้องสาวของแฟนเก่าผม ผมกดรับสายด้วยอาการประหม่า ไม่รู้ว่าน้องพริมโทรมาเพราะเรื่องอะไร

“น้องพริมมีอะไรรึเปล่า” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติทั้งๆ ที่มือและตัวผมสั่นไปทั้งหมด

“พี่ม่อนเป็นยังไงบ้างคะ พริมไม่ได้ข่าวพี่ม่อนเลย” ก็นานแล้วนี่ครับที่ผมไม่ได้ติดต่อกับน้องพริมเธอเลย

“พี่สบายดี น้องพริมล่ะเป็นยังไงบ้าง”

“พริมสบายดีค่ะ แต่พี่...พริมขอโทษนะคะพี่ม่อน” ผมรู้ว่าพริมกำลังพูดถึงใคร

ตั้งแต่เลิกกันผมก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นยังไง และเป็นผมเองที่เลือกจะไม่รับรู้เรื่องของภาคมัน ผมอยากลืม อยากทำใจ อยากให้ตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้เร็วที่สุด

“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าน้องพริมโทรมาหาพี่มีอะไรรึเปล่า” ผมพยายามทำเหมือนว่าไม่เป็นไร เพราะไม่อยากให้น้องพริมเธอคิดมาก

“พริมออยากเจอพี่ม่อน พี่ม่อนพอจะมีเวลาว่างมาเจอพริมไหมค่ะ” แน่นอนว่าผมไม่มีเวลาออกไปเจอเธอ ถึงงานที่ร้านนมจะเลื่อนเวลาปิดมาเป็นหนึ่งทุ่มก็ตาม เพราะช่วงปิดเทอมลูกค้าจะน้อยกว่าปกติ แต่ผมคงไม่มีเวลาออกไปหาเธอ เพราะหลังจากปิดร้าน ผมก็ต้องไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อต่อจนถึงเที่ยงคืน

“พี่ทำงานทั้งวัน ไม่ว่างเลยค่ะ เลิกงานอีกทีก็เที่ยงคืน”

“งั้นเดี๋ยวน้องพริมไปเจอพี่ม่อนที่ทำงานได้ไหมครับ” ผมไม่รู้ว่าพริมมีเรื่องอะไรจะคุยผม ถึงต้องมาหาผมที่ร้านขนาดนี้ ผมทำได้แค่สงสัย แต่ก็บอกรายละเอียดให้ร้านเธอไป



“พี่ม่อน” เสียงใสๆ เปิดประตูเข้ามาในร้าน ก่อนวิ่งเข้ามาควงแขนผมทันที

น้องพริมทำตัวปกติเหมือนกับตอนนั้น ที่ผมกับ...ยังคบกัน เธอยังดูสดใสเหมือนเช่นเคย

“ไหนว่าเศร้าไงมึง ทำไมมีสาวสวยยืนควงแขนขนาดนี้” มิกซ์เดินเข้ามาแซวผมจากทางด้านหลัง

“นี่น้องสาวภาค” มิกซ์ละสายตาจากพริม หันมามองหน้าผมทันที

มันถามผมว่าผมโอเคไหม ผมเพียงพยักหน้ารับมันไปเท่านั้น แต่มิกซ์มันก็ยังไม่ทิ้งลายเจ้าชู้ มันแซวน้องพริมซะเขินจนเกือบจะหยิกแขนผมไปแล้ว ยังดีที่มีสายตาประกาศิตจากช้อปที่นั่งจ้องมันอยู่ จนมันต้องถอยหลังกรูกลับไปหลังเค้าเตอร์อย่างรวดเร็ว ผมละอดขำมันไม่ได้ ไอ้แมวมิกซ์เอ๊ย

“มาหาพี่มีอะไรคะ” ผมพาน้องพริมมานั่งที่โต๊ะ สายตาเธอเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“พี่ม่อนช่วยกลับไปคบกับพี่ภาคได้ไหมคะ” เธอยื่นมือมาจับมือผมไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม

“พี่ว่าเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว” ผมดันมือของเธอออก ไม่คิดว่าเธอจะพูดเรื่องนี้

ผมตัดสินใจไปแล้วและคิดว่ามันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถึงมันจะเจ็บแต่ยังดีกว่าทำให้ครอบครัวมันต้องทะเลาะกันเพราะคนนอกอย่างผม

“พริมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะคะ”

“แล้วภาครู้เรื่องนั้นไหม” ผมจ้องหน้าพริม

น้องพริมรู้ แต่ผมไม่รู้ว่าภาคมันรู้เรื่องนั้นด้วยรึเปล่า เพราะผมเองที่เลือกเดินออกมาโดยไม่บอกเหตุผลมัน

ก่อนที่ผมจะออกมามันพยายามรั้งพยายามถามเหตุผล แต่ตอนนั้นผมทำได้แค่เงียบ กลั้นน้ำตาตัวเองไว้ แล้วเดินถือกระเป๋าเดินออกจากห้องมันเท่านั้น

เพราะผมรู้ว่าถ้าผมบอกเหตุผลมันไป ภาคมันคงไม่ยอมปล่อยผมและมันคงได้ทะเลาะกับพ่อมันจนเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

“พี่ภาคยังไม่รู้เรื่องนี้ แม่ห้ามพริมไม่ให้บอกพี่ภาค” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็ยังดีที่ภาคมันยังไม่รู้เรื่องนี้ครับ

“งั้นก็ดีแล้ว” ผมยิ้มให้พริม ลุกขึ้นเตรียมเดินกลับไปทำงานต่อ

“พี่ม่อนไม่สงสารพี่ภาค พี่ม่อนไม่รักพี่ภาคแล้วหรอค่ะ” พริมยังคงยื้อ มือสองข้างรั้งแขนผมไว้

อยากให้มันจบจริงๆ ครับ ผมเองก็หวังว่าผมกับมันคงทำใจได้และหวังว่าเราทั้งสองจะลืมเรื่องที่ผ่านมาได้สักวัน

“พี่ม่อนจะปล่อยให้พี่ภาคเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้จริงหรอค่ะ ฮือๆ ...” เสียงสะอื้นดังไล่หลังผมมา พริมเองคงจะรักภาคมาก เธอคงไม่อยากให้ภาคเจ็บ

ผมเองก็ไม่อยากทำให้มันเจ็บ เพราะผมเองก็เจ็บ เจ็บเหมือนกำลังตายทั้งเป็นเหมือนกัน



“แดกสิ นั่งมองอยู่ได้” ผมนั่งมองแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้านานจนมิกซ์มันรำคาญ

วันนี้ไม่รู้มันคึกอะไรลากผมออกมาแดกเหล้าเป็นเพื่อนมัน

“ก็ภาคมันไม่.....” เสียงผมค่อยๆ เบาลง ผมลืมตัวจนเผลอนึกถึงภาคมันขึ้นมา

ถ้าเป็นตอนนั้นผมคงนั่งงอนมันที่ไม่ยอมให้ผมกินเหล้า แต่ตอนนี้ทำไมผมถึงอยากให้มันมานั่งคอยห้ามผม ผมยอมไม่กินเหล้าเลยสักหยดถ้ามันอยู่ข้างๆ ผม แต่ผมคงได้แค่คิดเท่านั้นแหละครับ

“มึงร้องไห้ทำไมม่อน” ผมละสายตาจากแก้วเหล้า เงยหน้ามามองมิกซ์

ร้องไห้? ผมยกมือขึ้นจับหน้าตัวเอง น้ำตาผมมันไหลตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ครับ

ผมหลบสายตามิกซ์ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกทันที

‘ภาค’

ผมคงคิดถึงมันมากจนตาฝาดไป ก็ตอนที่ผมยกแก้วขึ้นกระดกเหล้า สายตาผมสบเข้ากับสายตาที่ผมคุ้นเคย

แต่ทำไมภาพของมันยังไม่หายไปสักทีหรือว่าผมเมาแล้ว แต่เหล้าแค่แก้วเดียวมันคงไม่ทำให้ผมเมาได้หรอกนะครับ ผมส่ายหน้าพยายามสลัดภาพของมันให้หลุดออกไป

มันไม่ใช่แค่ภาพลวงตาหรือว่าผมตาฝาด แต่เป็นมันจริงๆที่กำลังยืนจ้องหน้าผมอยู่ ผมดีใจที่ได้เห็นมัน อยากจะยิ้มให้มัน แต่คงไม่ใช่กับสถานะของเราตอนนี้ ผมหลบสายตามัน เทเหล้าจากขวด กระดกเข้าปากโดยที่ไม่ได้ผสมโซดาหรือน้ำแข็งเลยสักก้อน

“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมหันไปบอกมิกซ์ พร้อมกับยิ้มให้ช้อปที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน

ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำหรอกครับ แค่ไม่อยากอยู่ใกล้ๆภาคมัน แค่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นผมก็แทบจะทนไม่ได้ ผมกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่จนต้องเดินเข้าไปหามัน

ผมคิดถึงมันมาก ยิ่งเห็นหน้ายิ่งคิดถึง ผมจะลืมมันได้จริงๆเหรอครับ



บุหรี่ที่อยู่ในมือถูกจุดขึ้น ผมไม่ได้สูบมันมานานแล้วครับ เพราะภาคมันบังคับให้ผมเลิก แต่ตอนนี้ผมไม่มีมันแล้ว และตอนที่มันไม่อยู่ผมก็ได้บุหรี่นี่แหละครับเป็นตัวช่วยผ่อนคลายอารมณ์เวลาคิดถึงมัน

“โอ๊ย!!” แรงชนจากด้านหลังทำเอาผมเกือบเสียหลักล้มลง

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่วิ่งชนผมเมื่อกี้

“ภาค”

มันหันหน้ากลับมาสบตาผม

ทั้งมันและต่างยืนนิ่งด้วยกันทั้งคู่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองประหม่าแค่ไหน มือไม้ที่รู้ว่าจะเอาไปวางตรงไหน มันดูขัดหูขัดตาไปหมด ต่างจากมันที่ยืนนิ่งสีหน้าเป็นกังวล แต่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า ผมก็แอบเห็นมันเหลือบมองบุหรี่ในมือของผมด้วย

เรายืนจ้องหน้ากันได้ไม่นาน ไม่ใช่ผมที่หลบสายตาหรือเดินหนี แต่เป็นมันที่ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นแนบหู แล้ววิ่งออกไปทันที

ไหนน้องพริมบอกว่าอยากให้ผมกลับไปคบกับพี่เธอ แต่ทำไมพอมาอยู่ต่อหน้ากัน มันถึงไม่สนใจผมเลย มันคงลืมผมไปแล้วจริงๆ ครับ

แต่ผมมีสิทธิ์อะไรคิดแบบนั้น เป็นผมเองที่บอกเลิกมัน มันทำถูกแล้วครับที่วิ่งหนีผมไป

ผมหันกลับมาสนใจบุหรี่ในมือต่อ ‘ฟู’ ผมสูดควันเข้าเต็มปอดแล้วพ่นมันกลับออกมาทางเดิม

ไม่ใช่แค่ควันที่พุ่งออกมาจากปากผมเท่านั้น น้ำตาที่เพิ่งเสียไปก่อนหน้านี้ตอยอยู่ในร้าน มันเริ่มไหลเอ่อลงมาอีกครั้ง อยากจะเข้มแข็งนะครับ แต่เห็นมันแล้วไม่รู้ทำไมผมถึงอ่อนแอขึ้นมาแบบนี้

“ตี๊ดๆ ...ตี๊ด”

“ฮึกๆ ...ฮือ พี่ม่อนอยู่ไหนคะ ฮึก...ออกมาหาพริมได้ไหมคะ” เสียงสะอื้นดังตามสายมา ผมไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้พริมโทรมาทำไม ผมเริ่มเป็นห่วงว่าน้องจะเป็นอะไรขึ้นมาแล้วครับ

“น้องพริมเป็นอะไร”

“พี่ม่อนออกมาหาน้องพริมได้ไหมคะ ฮึก...ฮือๆ” พริมยังคงพร่ำบอกคำเดิมว่าให้ผมออกไปหาเธอ ผมว่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

“น้องพริมใจเย็นๆนะ แล้วบอกพี่มาว่าน้องพริมอยู่ที่ไหน”



ผมวิ่งเข้าไปหามิกซ์กับช้อปที่อยู่ในร้าน ขอยืมรถช้อป ผมหยิบกุญแจจากมือช้อปแล้ววิ่งออกมาทันที โดยที่ทั้งสองคนนั้นยังยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ



ผมขับรถมาตามทางที่น้องพริมบอก ผมหันมองสองข้างทางตอนที่รถวิ่งเข้าใกล้กับสถานที่ที่เธอบอก

“น้องพริม” ผมวิ่งเข้าไปหาเธอทันที

“พี่ม่อน” พริมโผเข้ากอดผม น้ำตาที่ไหลอยู่ก่อนหน้าค่อยๆ ซึมเข้าเสื้อยืดผมทีละน้อย

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พริมถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่ข้างทางคนเดียวแบบนี้

มือผมพยายามลูบหลังเพื่อปลอบให้เธอใจเย็นลง เพราะดูท่าแล้วพริมน่าจะไม่หยุดร้องง่ายๆ แน่

“พริมเป็นอะไร ไหนบอกพี่มาซิ” พริมดูเหมือนจะใจเย็นลง ผมยกมือสองข้างเกลี่ยน้ำตาที่เปื้อนบนแก้มเธอออก

“พริมทะเลาะกับพ่อ ฮึกๆ ๆ พริมไปขอร้องพ่อเรื่องพี่ม่อนกับพี่ภาค แต่พ่อไม่ยอม พริมยังโดยพ่อตะคอกใล่ด้วย”

“พริมเลยหนีออกมาแบบนี้” ผมพูด มือหนึ่งลูบหัวเธอ

พริมคงหวังดีกับพวกผมมาก ทั้งที่มาหาผมที่ร้าน ทั้งที่เธอบอกว่าไปขอร้องพ่อเธอ แต่ความหวังดีของเธอมันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะขนาดเธอไปขอร้องยังโดนพ่อเธอตะคอกจนต้องหนีออกมาอย่างนี้ ผมว่าผมกับภาคคงไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิมได้แน่

“พี่บอกน้องพริมแล้วไง ว่าแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว”

“ดียังไงหรอคะ พี่ภาคกินเหล้าเมากลับมาทุกวัน บางวันน้องพริมแอบเห็นพี่ภาคนั่งร้องไห้คนเดียว พี่ม่อนยังจะบอกว่าดีอีกหรอ พี่ม่อนไม่รักพี่ภาคแล้วหรอ” ผมสะอึกกับคำที่พริมบอกว่าภาคมันร้องไห้ มันคงเจ็บไม่ต่างจากผม ผมเองก็นอนร้องไห้แทบทุกวัน พยายามไม่คิดถึงมันแล้ว แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ

“รักสิ พี่รักมันมาก แต่พี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”

ผมปล่อยน้ำตาตัวเองให้ ไหลลงต่อหน้าพริม ผมอยากกลับไปหาภาคตามที่พริมบอก แต่ผมจะกลับไปยังไงเพราะความรักระหว่างผมกับมันไม่ได้มีแค่เราสองคน แต่ยังมีครอบครัวมันที่ไม่เห็นด้วยและยังกีดกันพวกเราอยู่แบบนี้

“พริมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแล้วเหมือนกัน แต่พี่ม่อนจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ต้องเลิกกันทั้งที่ยังรักแบบนี้หรอคะ” แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ กลับไปหาภาคกลับไปเป็นแบบเดิม แล้วครอบครัวมันล่ะ มันต้องทิ้งครอบครัวเพียงเพื่อมาหาผมแค่นั้นเหรอครับ เราได้อยู่ด้วยกันแต่มันไม่เหลืออะไร ผมต้องทำแบบนั้นจริงๆเหรอครับ

“ถ้าพี่ทำแบบนั้นภาคกับพ่อจะเป็นยังไง พี่ไม่อยากมันทะเลาะกับพ่อเพราะพี่”

“พี่ม่อนเลิกสนใจเรื่องของพ่อพริมสักที พริมมั่นใจว่าพี่ภาคจัดการเรื่องนี้เองได้ ตอนนี้พริมขอให้พี่ม่อนสนใจแค่พี่ภาคและตอบตัวเองว่ายังรักพี่ภาคอยู่ไหม ถ้ายังรักก็กลับไปหาพี่ภาคซะ”

ผมไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างพริมจะคิดได้แบบนี้ ทำไมผมเองเอาแต่กลัวไม่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

“พี่ขอบคุณพริมมากที่ช่วยพี่ แต่พี่คิดว่าไม่นานพี่สองคนคงทำใจกันได้ แต่ตอนนี้น้องพริมต้องกลับบ้านก่อน ขึ้นรถเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“แต่พี่ม่อน...” ผมจูงมือพริมมาที่รถ

ถึงผมจะอยากทำแบบที่พริมบอก แต่ผมว่าผมกับภาคก่อนหน้านี้เราเป็นคนแปลกหน้ากัน ไม่รู้จักกัน มันคงตัดกันง่ายกว่าคนที่เป็นครอบครัวที่อยู่กับมันมาตลอด



“พี่ส่งเราแค่นี้นะ พริมก็รีบเข้าไปในบ้าน มันดึกมากแล้ว” พริมยังคงพูดเกลี้ยกล่อมผมมาตลอดทาง ผมเพียงนั่งเงียบฟังเธอพูดไปเท่านั้น จนมาถึงประตูหน้าบ้าน ผมคงส่งเธอได้แค่นี้แหละครับ จะให้ผมเดินเข้าไปส่งข้างในมันคงมากเกินไปสำหรับคนนอกอย่างผม อีกอย่างพ่อของภาคคงไม่อยากเห็นผมเข้าไปเหยียบที่นั่นหรอกครับ

“พี่ม่อนไปส่งพริมข้างในหน่อยนะคะ” พริมเดินเข้ามาคล้องแขนผม ผมทำได้แค่เพียงส่ายหน้า แกะมือของเธอออก แล้วเดินกลับไปฝั่งคนขับเท่านั้น

“ถ้าพี่ม่อนไม่เข้าไปส่ง พริมก็จะไม่ยอมกลับเข้าไป พริมจะหนีออกไปอีก” เธอยืนกอดอกหันหลังให้ผม

“แล้วพี่จะเข้าไปในฐานะอะไร”

“พี่ชายอีกคนของพริมไงคะ ถ้าพี่ม่อนไม่ยอมคืนดีกับพี่ภาค พี่ม่อนก็ต้องยอมเป็นพี่ชายอีกคนของพริม” ผมส่ายหัวให้กับความรั้นของเธอ เหมือนกับภาคไม่มีผิดครับ

เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงต้องยอมเธอจริงๆ สินะครับ เพราะถ้าผมไม่เข้าไปส่งพริมคงได้หนีออกมาอย่างที่บอกแน่ๆ

ประตูบานใหญ่ค่อยเลื่อนออกช้าๆ ผมเหยียบคันเร่งเบาๆเลี้ยวรถผ่านประตูบานนั้นเข้าไป ถ้าทุกคนอยากรู้ว่าบ้านภาคมันใหญ่โตแค่ไหน ให้นึกถึงละครไทยที่มีคุณผู้หญิงแก่ๆนั่งตีกระบังลมนั่งอยู่บนโซฟา ข้างๆมีสาวใช้นั่งขนาบอยู่ นั่นแหละครับบ้านของมัน

ผมขับรถตามถนนมาเรื่อยๆ ผ่านน้ำพุขนาดใหญ่ตรงกลางสวน จนมาหยุดตรงชานบ้านที่ถูกค้ำด้วยเสาโรมันขนาดใหญ่หลายต้น ทันทีที่รถผมจอดสนิท ผู้ชายคนหนึ่งน่าจะเป็นคนขับรถเดินเข้ามาเปิดประตูฝั่งที่พริมนั่ง

“พริม” เสียงหญิงวัยกลางคน แต่หน้าตายังดูสะสวยเดินเข้ามาสวมกอดพริม ผมทำได้แค่เดินลงมาจากรถพยายามยืนหลบเข้ามุมระหว่างเสา

“หนูหายไปไหนมาลูก รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง” เธอกอดพริมไว้แน่น มือข้างหนึ่งลูบหัวพริมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเสียงสะอื้นจากพริมที่ดังอย่างไม่ขาดสาย

“แล้วนี่ใครมาส่งหนู” เธอพยายามสอดสายตามองหาคนที่มาส่งพริม ผมก็คงทำได้แค่ยืนหลบอยู่แบบนี้ต่อไป

“พี่ม่อนมาส่งหนูค่ะ” พริมหันหน้ามามองผม ยิ่งทำให้ผมต้องรีบขยับตัวหลบเข้าไปอีก

“ไม่ต้องหลบน้าหรอกจ้ะ ออกมาได้แล้ว” ผมขยับตัวออกมาจากมุมเสา สายตาจ้องมองที่พื้น ไม่กล้าสบตาเธอ

“ขอบคุณหนูมากนะที่พาพริมมาส่ง” ผมพยักหน้ารับ สายตาผมยังคงอยู่ที่พื้น

“เงยหน้ามาคุยกับน้าหน่อยสิจ๊ะ” ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นตามที่เธอบอก ตอนนี้ผมรู้สึกประหม่ามาก จนต้องจิกมือตัวเองเผื่อว่าอาการประหม่าจะลดลง

แม่ของภาคดูเป็นคนใจดีมากครับ ผมรู้สึกตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์กันแล้ว เธอพูดดีกับผมทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่เธอขอให้ผมปล่อยภาค เธอยังขอร้องผมแทนที่จะด่าหรือว่าที่ผมทำให้ภาคกับพ่อต้องทะเลาะกัน

“น่ารักอย่างที่ภาคบอกจริงๆ” เธอยิ้มเหมือนกับกำลังเอ็นดูผม ผมมองไม่เห็นความโกรธหรือเกลียดจากสายตาเธอเลย มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมามาก

“กลับมาแล้วหรอยัยตัวดี” เสียงดุดังขึ้นมาจากในบ้าน พร้อมกับผู้ชายร่างสูงโปร่ง เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าโกรธ เสียงดุเมื่อกี้ทำเอาพริมสะดุ้งจนต้องโผเข้ากอดแม่ตัวเอง

ตัวผมเองก็คงไม่ต่างจากพริมตอนนี้ ผมรีบก้มหน้าหลบทันที ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพริมถึงต้องหนีออกจากบ้านเพราะแค่โดนพ่อตะคอกใส่ เป็นผมๆ ก็คงทำแบบเดียวกัน ดูแล้วท่านคงดุน่าดู ขนาดผมยืนไกลๆ ยังรู้สึกถึงความโหดแล้ว

“แล้วนั้นใคร อ๋อไอ้ผิดเพศแฟนเจ้าภาคมันนี่เอง”

“คุณคะ/พ่อ” เสียงน้องพริมกับแม่ดังประสานกัน

“คุณหมายความว่ายังไง ผิดเพศหรอ” เป็นผมเองที่ทนไม่ไหวจนต้องเงยหน้าขึ้นมาถาม

เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าผมแบบนี้ เขามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกความรักของผม

“แล้วจะให้ฉันเรียกคนอย่างพวกแกได้ยังไง”

“หึๆ”

“นี่แกหัวเราะฉันหรอ” ใช่ครับผมกำลังหัวเราะเขาอยู่ คนที่บอกว่าตัวเองดีตัวเองปกติ เขาต้องมานั่งดูถูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีเหรอครับ การมองว่าคนอื่นผิดทั้งๆที่ยังไม่รู้จัก การที่ตัดสินคนอื่นแค่เขาไม่เหมือนตัวเองหรือแค่ไม่ได้เป็นแบบที่เขาต้องการ

มันน่าขำดีนะครับที่คนเขายังกล้ามาตัดสินคนอื่น

“ครับผมหัวเราะคุณ”

“นี่แก” เขาเดินตรงมาที่ผมด้วยสีหน้าโกรธจัด ผมไม่กลัวหรอกนะครับเพราะผมเองก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผมและความรักของผมได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครผมก็จะไม่ยอมให้เขามาดูถูกเป็นอันขาด



“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ห้ามทำอะไรม่อนเด็ดขาด”
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 13-08-2018 20:53:00
เสียงใคร???  :katai1:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-08-2018 21:04:10
ค้างงงงงง
อยากอ่านต่อออ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-08-2018 21:33:41
ตัดฉับเลย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-08-2018 23:06:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 14-08-2018 09:54:36
อ้าววว คู้นนนน ตัดเเบบนี้เลือดพุ่งออกจากตัวตายได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-08-2018 10:25:44
 o9

อะไรเนี่ย ค้าางงงงง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 32 #ผมไม่กลัวหรอก
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-08-2018 12:22:56
สู้ๆ ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 33 #ไม่เหลืออะไร
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 14-08-2018 22:01:32
ตอนที่ 33



#ไม่เหลืออะไร


 
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ห้ามทำอะไรม่อนเด็ดขาด” แรงฉุดจากด้านหลังดึงผมเข้าไปแนบตัว ภาคมันดันตัวผมให้หลบด้านหลังมัน

ผมอยากให้มันรู้ว่าผมดีใจแค่ไหนที่มันเข้ามาปกป้องผม แต่มันคงไม่ใช่สำหรับตอนนี่และต่อหน้าครอบครัวมันเอง

“แกเห็นมันดีกว่าฉัน กว่าแม่แกที่ต้องโทรไปข้อร้องไห้มันเลิกยุ่งกับแกงั้นหรอ”

“ที่พ่อพูดหมายความว่าไงครับแม่”

“แม่ขอโทษนะภาค แม่ทนเห็นลูกทะเลาะกับพ่อเขาไม่ได้”

“ถึงกับต้องทำแบบนี้เลยหรอครับ ทำให้ผมต้องเลิกกับคนที่ผมรัก”

“คนที่แกรัก? กับไอ้ผิดเพศเนี่ยนะที่แกบอกว่ารัก”

“ผิดเพศแล้วยังไงครับ แล้วคนอย่างคุณดียังไงถึงกล้ามาตัดสินคนอื่น คุณคิดว่าการดูถูกคนจะทำให้คุณอยู่เหนือคนอื่นอย่างนั้นหรอครับ” มันมากเกินไปที่ผมจะทนให้เขามาดูถูกผม ผมทนยืนฟังอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วครับ

ผมแกะมือภาคออก เดินออกไปประจันหน้ากับเขา ผมไม่มีอะไรต้องกลัวคนอย่างเขาอีกแล้ว

“คุณมันก็แค่สัตว์โลกตัวหนึ่งที่ไม่มีหัวใจ แค่คนที่เกิดมามีแค่สมองไว้ใช้แค่ดูถูกคนอื่น”

“แก…” เขาง้างมือเดินตรงเข้ามาหาผม

“เอาสิครับ ถ้าคุณกล้าทำร้ายผม คุณมันก็ไม่ต่างจากพวกนักเลงข้างถนน”

“ม่อน” ท่ามกลางสายตาของทุกที่กำลังตกใจกับสิ่งที่ผมพูด รวมถึงภาคที่กำลังจับมือผมไว้แน่น

“มึงปล่อยกูได้แล้ว และกลับไปเป็นลูกแบบที่เขาต้องการเถอะ” ผมดึงมือตัวเองออกจากมัน เดินหันหลังกลับไปที่รถ แล้วขับออกจากที่นั่นทันที

ผมกลัวว่าถ้าผมยังขืนอยู่ให้เขาดูถูกแบบนั้นอีก ผมคงทนไม่ไหวและอาจทำมากกว่าที่ผมทำไป

เรื่องระหว่างผมกับภาคมันคงเป็นไปไม่ได้แล้วจริงๆ มันเกินกว่าคำว่าผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่มันเป็นเรื่องของการรังเกียจ การดูถูก การไม่ยอมรับความรักในแบบของเรา



หลังจากขับรถออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ไม่นาน ตอนนี้ผมคงขับรถต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมเลี้ยวรถเข้าข้างทาง

ท่ามกลางแสงไฟสลัว ถึงแม้จะดึกมากขนาดนี้ก็ยังมีผู้คนเดินสวนไปสวนมา หนุ่มสาวที่เดินจับมือกันโดยที่ไม่ต้องอายสายตาคนรอบข้าง ผมอยากจะทำแบบนั้นกับภาคดูบ้าง แต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้

“ฮึกๆ ๆ ...ฮือ...” ผมปล่อยน้ำตาให้ไหล

‘เขาห้ามบอกว่าขออะไร เดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริง’ มันมากเหรอครับที่ผมขอให้ได้อยู่กับมันตลอดไป เป็นเพราะผมบอกคำอธิษฐานนั้นไปเหรอครับ

“ปึกๆ ๆ ๆ” ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงทุบที่กระจกรถ ผมคิดว่าผมก็ไม่ได้จอดในที่ห้ามจอดนะครับ แล้วใครกันที่มาเคาะกระจกรถผมตอนนี้

“ภาค” ผมเบิกตามองมันที่กำลังทุบกระจกรถอยู่

มันตามผมมาเหรอครับ มันตามผมมาแบบนี้แล้วเรื่องที่บ้านมันล่ะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกตอนนั้นกลับมาอีก เราสองคนห่างกันแบบนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

ผมสตาร์ทรถเหยียบคันเร่งพุ่งตัวไปข้างหน้า

‘ปึก’

เสียงรถผมชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ผมหันกลับไปมองกระจกข้างตัวรถ ภาคมันหายไปไหน มันไม่ได้อยู่ตรงเมื่อกี้แล้ว

ผมเปิดประตูวิ่งลงไปด้านหน้ารถทันที ผมหวังว่าสิ่งที่ผมชนเมื่อกี้คงไม่ใช่ภาคมันนะครับ

ผมก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า 

“ภาคๆ มึงเป็นอะไรไหม กูขอโทษ” ผมยื่นตัวสั่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ผมวิ่งตรงเข้าไปหามันที่นอนกองอยู่กับพื้น ผมรวบตัวมันขึ้นมาที่ตัก ท่ามกลางวงล้อมของคนที่เข้ามาดูเหตุการณ์

“มึงตื่นขึ้นมาสิภาค มึงอย่าเป็นอะไรนะ ฮึกๆ ๆ กูขอโทษ” ผมโน้มตัวลงไปกอดมันไว้ น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม

“ใครก็ได้ช่วยที่ ช่วยแฟนผมด้วย” ผมร้องตะโกนเหมือนคนเสียสติ คิดแค่ว่าทำยังไงถึงจะช่วยภาคมันได้ ผมไม่อยากเสียมันไปแบบนี้



“มึงรักกูไหม”

“รัก กูรักมึงภาค"

“รักแล้วมึงทิ้งกูไปทำไม”

“กูขอโทษ กูไม่ได้อยากทิ้งมึง มึงกลับมาหากูนะ อย่าทิ้งกูไปแบบนี้”

“มึงสัญญากับกูไหม”

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเสียสติไปขนาดไหน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคุยอยู่กับใคร ผมก้มลงมองเจ้าของเสียงที่กำลังเงยหน้ามองผมอยู่

“ฮือๆ ๆ มึงไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม มึงตอบกูสิว่ามึงไม่เป็นอะไร” ผมสวมกอดมันไว้แน่น น้ำตาที่กำลังไหลจากข้างแก้มซึมลงเสื้อของมันจนชื้นไปหมด ผมกลัว กลัวว่าจะเสียมันไปแล้วจริงๆ ผมอยากจะร้องตะโกนดีใจตอนที่เห็นว่ามันไม่เป็นอะไร แต่ทำไมถึงเอาแต่ร้องไห้ออกแบบนี้

“กูไม่เป็นไร กูไม่ทิ้งมึงไม่ไปไหนแล้ว” ผมจับแก้มทั้งสองข้างมันสำรวจดูว่ามันไม่เป็นไรแล้วจริงๆ

“มึงตอบกูก่อนได้ไหมว่ามึงจะไม่ทิ้งกูไปอีก” เป็นมันที่จับแขนผมไว้ ถามคำถามที่ผมน่าจะเป็นฝ่ายถามมันมากกว่า

“กูสัญญากูจะไม่ทิ้งมึงไปไหนอีก มึงก็ห้ามทิ้งกูไปไหนด้วย” มันดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมเองก็ไม่ต่างจากมัน อยากกอดมันไว้แบบนี้จนกว่าจะแน่ใจว่ามันจะไม่ทิ้งผมไปอีก

“หยุดร้องได้แล้ว ขี้แยเป็นเด็กไปได้” มันเช็ดน้ำตาที่เกาะอยู่ข้างแก้ม แต่มันคงไม่หมดหรอกครับ เพราะยิ่งมันเช็ดน้ำตาผมยิ่งไหลออกมา ผมกลั้นมันไว้ไม่ได้จริงๆ ครับ

“กลับห้องกันเถอะ”

“มึงไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” ผมคลำตามร่างกายของมันเพื่อเช็คให้แน่ใจว่ามันไม่เป็นอะไรจริงๆ

“กูไม่เป็นอะไรจริงๆ กลับห้องกันเถอะกูคิดถึงมึงจะแย่อยู่แล้ว” มันคว้ามือให้ผมเดินตามไปที่รถ ผมเองก็โทรหามิกซ์ให้ช้อปมาเอารถกลับไป มิกซ์เองมันก็ยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ที่ผมรีบออกมาจากผับ แต่มันก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรผมต่อ เพราะผมบอกมันไปว่าผมกำลังอยู่กับภาค



เราสองคนจับมือกันมาตลอดทางกลับคอนโด จากหัวใจที่กำลังฝ่อ ตอนนี้มันกลับมาพองโตเหมือนกับว่ามันกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าอกผม

“คุณภาคครับ คุณท่านให้ผมมารับรถไปครับ” ผู้ชายคนที่ผมเห็นที่บ้านหลังนั้นวิ่งเข้ามาที่รถทันทีที่รถของเราจอดสนิท ภาคมันคงตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับผม คุณท่านที่เขาพูดถึงก็คงเป็นพ่อของภาคมันนั่นแหละครับ คงเป็นอย่างที่ผมกลัวละครับว่าหากผมไม่ยอมเลิกกับภาค มันคงโดนเขาตัดขาดแน่ๆ

ผมบีบมือภาคขณะที่มันยืนมือส่งกุญแจคืนไป มันเพียงหันกลับมายิ้มให้ผมเท่านั้น

“กูมีแค่ตัวมึงยังจะรักกูอยู่ไหม” มันหันกลับมาถามหลังส่งกุญแจนั้นกลับไปแล้ว

ผมว่าภาคมันเลือกแล้วที่จะอยู่กับผม มันยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อมาหาผม ต่อจากนี้ไปผมเองจะไม่ยอมปล่อยมือและทิ้งมันไปอีกเด็ดขาด

“ขอแค่มีมึงก็พอแล้ว” ผมขอแค่นั้นจริงๆ



สิ่งเดียวที่ภาคมันมีตอนนี้ก็คือคอนโด เพราะผู้ชายคนนั้นบอกว่าแม่ของภาคเธอขอไว้

เราเดินเข้าห้องมาพร้อมกัน มันดูไม่ต่างจากตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ภาคเองมันก็เพิ่งได้กลับมาที่นี่เพราะตั้งแต่วันที่เราเลิกกันมันก็ไม่ได้เข้ามาในห้องนี้อีกเลย

“เดี๋ยวกูทำแผลให้” เสื้อตรงขอศอกข้างซ้ายของมันมีรอยเลือดเปื้อนอยู่

“เอาไว้ทีหลัง ตอนนี้มึงมาให้กูกอดก่อน” มันเดินเข้ามารวบตัวผม แล้วทิ้งตัวให้เราทั้งสองล้มลงไปนอนที่เตียง

นานแล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมกอดของมัน มันช่วยทำให้ความเศร้าความกังวลก่อนหน้านี้หายไป คงจะเป็นอย่างที่เขาบอกกันว่าอ้อมกอดจากคนที่เรารักจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ผมได้รู้ด้วยตัวเองก็วันนี้แหละครับ วันที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ผมรู้ว่าระหว่างเราสองคนคงมีอุปสรรครออยู่ข้างหน้า แต่แค่มีมันอยู่ข้างๆ ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้วครับ

“แล้วมึงจะเอายังไงต่อไป” ผมถามมันทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดมัน

“ไม่รู้เดี๋ยวค่อยคิด ตอนนี้ขอนอนกอดมึงให้หายคิดถึงก่อน” มันดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นขึ้น

“นอนกอดเฉยๆ หรอ” มันดันตัวผมออกแล้วจ้องหน้าผม

“กูหูฝาดไปรึเปล่า” ผมพยายามหลบสายตามัน แต่ก็สู้แรงมือมันที่จับให้ผมหันไปสบตามัน

“เออ งั้นไม่ต้องก็ได้” ผมอายจนต้องมุดหน้าหนีมัน ผมไม่ได้หื่นแบบภาคมันนะครับ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เผื่อว่ามันจะช่วยให้ภาคมันคลายเครียดลงไปบางก็เท่านั้น

“ใครบอกว่ากูไม่อยาก กูแค่เห็นมึงเหนื่อย แต่ถ้ามึงเสนอกูขนาดนี้มีหรอที่กูจะไม่สนอง”

“อื้อ...อ้า”

นี่แหละครับความสุขครั้งแรกหลังจากที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองอาทิตย์ ถึงมันจะดูไม่นานแต่สำหรับผมแค่ต้องรู้ว่าไม่มีมันแค่นาทีเดียวมันก็นานเกินกว่าที่ผมจะทนไหวแล้วละครับ

“กูรักมึงนะภาค”

“กูก็รักมึงเหมือนกันม่อน"



ผมลุกขึ้นจากที่นอนบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้า

“ภาค” ผมเดินตามหามันเพราะตื่นมาก็ไม่เห็นมันแล้ว ผมเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ห้องแต่งตัว หรือแม้แต่ห้องนั่งเล่นกับห้องครัวก็ไม่เจอมัน มึงหายไปไหนภาค

ผมทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา น้ำตาผมเริ่มไหลลงมาเรื่อยๆ

“มึงหายไปไหนภาค ฮึกๆ ๆ ..ฮือๆ ๆ”

“มึงเป็นไร ร้องไห้ทำไม” เสียงประตูหน้าออกเปิดออกพร้อมกับภาคที่รีบวิ่งตรงมาหาผมอย่างรวดเร็ว

“มึง...ฮึกๆ ๆ มึงหายไปไหนมา ฮึก...” ผมสะอื้นพร้อมโผเข้าไปกอดมัน

“กูลงไปซื้อโจ๊กมาให้มึง” มันชูถุงหูหิ้วที่มีถุงโจ๊กอีกสองถุงอยู่ข้างใน

“มึงไปไหนทำไมไม่บอกกู” ผมทุบเข้าที่อกมันหลายที

“กูขอโทษม่อน กูขอโทษ” มันดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ถึงมันจะบอกว่าแค่ไปซื้อโจ๊กข้างล่างมา มันก็ยังทำให้ผมกลัว กลัวว่ามันจะไม่กลับมาหาผม



“กลัวกูจะหายไปขนาดนั้นเลยหรอ” มันเดินยิ้มในมือถือชามโจ๊กมาวางตรงหน้าผม

“ต่อไปนี้มึงจะออกไปไหนต้องบอกกูก่อน” ผมทำหน้าดุใส่มัน

“คร้าบๆ ผมจะรายงานคุณแฟนทุกฝีก้าวเลยครับ” มันยื่นมือมายีหัวผม แล้วนั่งลงตักโจ๊กในชามเข้าปาก

ต่อไปนี้เราคงต้องคุยกันให้มากขึ้นแล้วครับ ผมเองก็จะไม่เก็บปัญหาไว้แค่คนเดียวอีกต่อไป และที่สำคัญผมกับมันต้องมาช่วยกันคิดแล้วละครับว่าภาคมันจะอยู่ยังไงโดยที่ไม่มีเงินจากพ่อมันเหมือนที่ผ่านมา



“เปลี่ยนชุดแล้วลงไปกับกู” ผมเดินไปเรียกมันที่นอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟา พร้อมกับถุงมันฝรั่งทอดกับน้ำอัดลมวางอยู่ที่โต๊ะ

“ไปไหน” มันงอแงไม่ยอมลุกจากโซฟา จนผมต้องไปดึงหูมันให้ลุกขึ้นมา

“ไปหาเงินไง นอนอยู่แบบนี้มึงจะเอาเงินที่ไหนใช้”

“ก็...แต่กูขอพักหน่อยนะ” มันยังคงอิดออดไม่ยอมทำตามที่ผมบอก

เรื่องนี้ผมคิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนครับ ว่าจะพาภาคมันไปสมัครงาน แต่ถ้ามันยังนอนอยู่แบบนี้ไหนจะค่าเทอมค่าใช้จ่ายอื่นอีก มันจะเอาที่ไหนไปจ่ายครับ

“ถ้ามึงไม่ลุกกูจะกลับจะไปอยู่หอ” มันลุกพรวดวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวทันที

ถ้าไม่ใช้ไม้ตายแบบนี้มันคงไม่ยอมทำตามที่ผมบอกแน่ๆ



“ว่าไงม่อน ไหนวันนี้มิกซ์บอกว่าลางานไม่ใช่หรอ” ผมเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับลากไอ้ตัวถึกให้เดินตามหลังผมมา

เมื่อวานผมฝากให้มิกซ์มันลางานให้ครับเพราะตอนนั้นยังไม่รู้จะเอายังไงกับภาคมันดี แต่ตอนนี้ผมว่าอย่างน้อยต้องหางานให้มันทำซะก่อน

“พี่รับพนักงานเพิ่มไหมครับ” ผมถามพี่แมนที่ยืนกดเครื่องคิดเลขอยู่หลังเค้าเตอร์

นี่แหละครับงานที่ผมจะพามันมาทำ ผมนึกได้ว่ามันเคยช่วยผมทำมาก่อน ยังไงซะมันคงไม่หนักเกินไปสำหรับภาคมัน

“พี่รับพนักงานมาเต็มแล้วคงรับอีกไม่ไหว” ถ้านับพนักงานร้านรวมทั้งผมและมิกซ์ก็ห้าคนแล้ว มันมากพอที่จะบริการลูกค้าในร้านได้อย่างทั่วถึงละครับ แต่ผมจะทำยังไงละครับก็อุตส่าห์พาภาคมันมาสมัครงานทั้งที่

“พี่ช่วยรับภาคมันอีกสักคนได้ไหมครับ”

“อ่าว ที่บอกให้พี่รับนี่คือภาคหรอ งั้นพี่รับ” ผมหันไปมองหน้าภาคมันแบบงงๆ ทำไมพอรู้ว่าเป็นภาคพี่แกถึงได้รับเร็วขนาดนี้

“รับหรอพี่?” ผมหันกลับไปถามพี่แมนอีกครั้ง

“รับสิ พี่จะไม่รับได้ไง ครั้งที่แล้วที่ภาคมาช่วยม่อนเสิร์ฟวันนั้น ลูกค้าแทบจะล้นร้าน วันหลังยังมีลูกค้ามาถามหาภาคอีกเพียบเลย” เป็นเพราะความหล่อเรี่ยราดของมันนี่เองครับ แต่ก็ดีแล้วอย่างน้อยมันก็ได้ที่ทำงานมาแล้วหนึ่งที่

“งั้นวันจันทร์เริ่มงานเลยนะ” ภาคมันพยักหน้ารับพี่แมน หวังว่ามันคงไหวนะครับ

ผมนั่งคร่อมมอเตอร์ไซต์ยานพาหนะประจำตัวผมก่อนที่จะคบกับภาค เพราะหลังจากที่คบกับภาคมันก็กลายเป็นรถประจำตัวของมิกซ์ไป เพราะส่วนใหญ่ผมเองจะไปไหนมาไหนด้วยรถของภาคมันตลอด

แต่ตอนนี้คงต้องได้กลับมาใช้มันอีกครั้งแล้วละครับ ส่วนมิกซ์ก็ปล่อยให้แฟนมันค่อยไปรับไปส่งแทน ก็รายนั้นเขามีบุญได้นั่งรถเบนซ์คันหรู ส่วนผมก็ต้องมาขับมอเตอร์ไซต์ให้แฟนที่กำลังตกกระป๋องของผมนั่ง

“มึงจะไปไหน ก็สมัครงานเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ” ผมยื่นหมวกกันน็อคให้ภาคที่ตอนนี้กำลังทำหน้างอ อยู่ที่เบาะด้านหลังผม

“งานเดียวมันไม่พอหรอก” ผมบิดรถขับตรงมาร้านสะดวกซื้อที่ผมทำงานช่วงเสาร์-อาทิตย์

นี่แหละครับอีกงานหนึ่งที่ผมจะพามันมาสมัคร เพราะที่นี่เขารับพนักงานพาร์ทไทม์ตลอด

“มึงจะให้กูทำงานที่นี่จริงๆ หรอ” มันเงยหน้ามองป้ายร้าน หันกลับมามองผมด้วยสายตาเหนื่อยๆ

ผมพยักหน้ารับมันไป ก็ต้องเป็นที่นี่แหละครับ ผมจะมีปัญญาพามันไปสมัครงานที่ไหนได้อีก แต่ดูมันเหมือนไม่อยากจะทำที่นี่เลยครับ

สรุปงานของวันนี้คือ ภาคมันได้งานที่เดียวกับผมทั้งสองที่และเวลางานเราก็ตรงกันทั้งด้วย งานเสิร์ฟจะเป็นวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่สี่โมงเช้ายาวไปจนถึงสี่ทุ่ม ส่วนงานที่ร้านสะดวกซื้อจะเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่สี่โมงเช้าถึงหกโมงเย็น ผมหันไปมองมันที่กำลังทำหน้าหงอยอยู่บนเบาะรถไม่ยอมเดินลงสักที

“เป็นไร ทำไมทำหน้าหงอยแบบนี้” ผมเดินกลับไปหามันที่รถ

“มึงจะให้กูทำงานที่เซเว่น จริงหรอ”

“ถ้าไม่ทำแล้วเงินมึงจะมีพอใช้หรอ”

“มึงว่ากูจะขายคอนโด แล้วก็ย้ายไปอยู่กับมึงดีไหม”

“ถ้ามึงคิดได้แคนี้กูว่ามึงกลับไปหาครอบครัวมึงดีกว่า ไม่ต้องมายอมทนเหนื่อยกับกูหรอก” มันคงถูกเลี้ยงมาแบบตามใจจนชินแล้วล่ะครับ

“มึงไม่อยากให้กูอยู่ด้วยแล้วหรอ”

“มึงฟังกูนะภาค มึงคิดว่าเงินที่ขายคอนโดมันจะใช้ได้นานแค่ไหน ปีหนึ่งสองปี? แล้วหลังจากนั้นล่ะ ถ้ามึงไม่ทำงานมึงจะเอาเงินไหนใช้ มึงเป็นคนบอกเองว่าอยากอยู่กับกูไปนานๆ แต่ถ้าเงินหมดมึงจะกลับไปอยู่ที่บ้านหรอ มึงไม่อยากอยู่กับกูแล้วงั้นหรอ ถ้ามึงคิดได้แค่นั้นก็กลับไปซะตอนนี้เลยดีกว่า” มันเองที่บอกว่าอยากอยู่กับผม แต่ผมยังไม่เห็นความกระตือรือร้นของมันเลย ผมก็เข้าใจอยู่นะครับว่ามันคงหนักสำหรับมัน แต่ผมแค่อยากให้มันลองทำลองสู้ดู ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ถึงตอนนั้นเราค่อยมาหาทางออกกันอีกที่ก็ได้หนิครับ

“กูขอโทษม่อน เอาเป็นว่ากูจะทำงานกับมึงทุกอย่างเลย”

“ลองสู้ด้วยกันก่อน เรื่องอื่นเราค่อยคิดกันอีกที”



เช้านี้ผมขับรถมอเตอร์ไซต์ออกมาจากคอนโด โดยมีภาคที่นั่งกอดเอวผมอยู่ด้านหลัง ผมออกมาตั้งแต่เก้าโมงครึ่งเพราะเราต้องเข้างานกันก่อนเวลา ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ภาคมันนี่สินั่งตาลอยอยู่ข้างหลัง สงสัยมันจะนอนไม่พอ

“งั้นพี่ฝากม่อนสอนงานเพื่อนด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับพี่ที่ทำงานด้วยกัน

งานแรกของภาคมันคือการจัดสินค้าเข้าชั้นวาง มันเดินถือตะกร้าขนมปังเดินตามหลังผมมา ท่าทางมันดูเก้ๆกังๆครับ หยิบจับอะไรก็ดูขัดไปหมด จนมันทำถุงขนมปังหล่นลงพื้นไปหลายห่อ เฮ้อ จะไหวไหมเนี่ยแฟนผม

“เอ่อ...ทั้งหมด...ทั้งหมด” งานถัดมาคือการยืนคิดเงินหน้าเค้าเตอร์ ดูแล้วมันน่าจะยากกว่างานที่แล้วอีกครับ

ผมเดินเข้าไปจับมือมันที่กำลังหยิบของใส่ถุงให้ลูกค้าด้วยอาการสั่น สงสัยมันคงจะยากไปสำหรับมันจริงๆ ครับ

“ทั้งหมด 135 บาทครับ” ผมยื่นมือไปรับเงินจากลูกค้าแล้วเปิดลิ้นชักหยิบเงินขึ้นมาทอนแทนมัน

“มึงไหวไหม” ผมหันไปถามมันที่กำลังพยักหน้ารับ แต่กลับไม่ยอมมองหน้าผม

“ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวกูบอกผู้จัดการให้เอง แล้วมึงก็คอยทำงานที่ร้านนมอย่างเดียว” สงสารมันครับ มันคงจะไม่เหมาะกับงานแบบนี้จริงๆ ผมพามันมาลำบากไหมครับแบบนี้

“ไม่เป็นไร กูไหว” มันเงยหน้ามายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนหันกลับไปรับสินค้าจากลูกค้าด้วยอาการสั่นเหมือนเดิม

กว่าจะเสร็จง่ายวันนี้เหนื่อยครับและก็มีคนที่ดูจะเหนื่อยกว่าผม กำลังนั่งรอผมอยู่ที่ท้ายรถ

“เหนื่อยไหม” ผมเดินถือขวดน้ำเปล่ายื่นให้มัน มันรับขวดน้ำไปพร้อมกับส่ายหน้า มันนี้โกหกไม่เนียนเลยครับ

“เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อยกูไม่ว่าอะไรมึงหรอก”

“มึงยังทำได้กูก็ต้องทำได้สิ” ดูมันจะเริ่มสู้ขึ้นมาแล้วครับ

ผมหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวมให้มัน

“แฟนเค้าเก่งจังเลย” ผมยกมือประคองหน้ามันไว้ ก่อนยื่นหน้าไปใช้จมูกตัวเองถูกับจมูกมัน ทำเอามันยิ้มขึ้นมาเลยครับ

สิ่งที่ผมช่วยมันได้ตอนนี้ก็มีแค่การให้กำลังใจมันเท่านั้นแหละครับ



‘สู้ๆ นะไอ้คุณชายของม่อน’
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 33 #ไม่เหลืออะไร
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-08-2018 22:39:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 33 #ไม่เหลืออะไร
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 15-08-2018 12:01:37
สู้ๆๆๆนะภาคค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 34 #ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 16-08-2018 09:55:39
ประกาศ

เรื่อง ขายครับ!!!! ....ไม่ฟรี [MONEY MAN]

ภาคแรกจะจบในอีกสามตอนนะครับ



ส่วนใครที่ถามหาคู่ #ช้อปมิกซ์

ตอนนี้ผมเริ่มลงไปได้แล้วสองตอน เป็นแนวฟิลกู๊ดไม่ดราม่าเหมือนเรื่องนี้ ยังไงก็ฝากติตามเรื่องใหม่ด้วยนะครับ

Knocked Out ช่วยที!!! ...กูโดนยิงดาวน์ #ช้อปมิกซ์

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68077.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68077.0)







#ช้อปมิกซ์

Part

ช้อป




“ไม่ต้องเป็นห่วง ม่อนอยู่กับภาคแล้ว”

มิกซ์นี่เวลากวนก็กวนจริงๆ แต่เวลาเป็นห่วงใครก็ห่วงเอามากๆ โดยเฉพาะพี่ชายคนเดียวของน้องนั่นแหละครับ

ผมเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ที่ม่อนเข้ามาขอยืมรถผมที่ร้านเหล้าแล้ว ทำเอาไอ้ตัวดีของผมนั่งแทบไม่ติด ต้องเป็นหน้าที่ของผมต้องคอยปลอบน้องอยู่ตลอด

“วันนี้ไปนอนคอนโดพี่นะ พี่ไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว”

“ไม่!!” ดูมิกซ์จะตกใจมากตอนที่ผมบอก ปฏิเสธผมทันทีเลยครับ

“งั้นบอกเหตุผลพี่มาสักข้อก่อน”

“เอ่อ...ผมบอกว่าไม่ก็ไม่สิ”

“โอเค งั้นนอนที่คอนโดพี่” ผมขับรถตรงไปตามทางกลับคอนโด โดยที่มีมิกซ์นั่งงอแงบอกว่าไม่ยอมไปนอนคอนโดผมเป็นอันขาด ไม่รู้น้องมันกำลังคิดอะไรอยู่ถึงไม่ยอมแบบนี้



ผมขับรถเข้ามาจอดที่ชั้นจอดรถของคอนโด“จะออกหรือไม่ออก” ผมยืนกอดอกมองหน้ามิกซ์ที่กำลังนั่งกอดเบลล์ไว้แน่น เฮ้อ จะเอายังไงกับน้องดีครับ

“ถ้าไม่ออกมางั้นพี่อุ้มนะ” ผมเดินเข้าไปช้อนตัวมิกซ์ขึ้นมา มิกซ์เบิกตากว้าง มือเกาะเบลล์ไว้แน่นกว่าเดิม

“ปะ...ปล่อยผมก่อน ผมเดินเองได้”

ผมยืนส่ายหน้ามองมิกซ์ที่กำลังปลดเบลล์อย่างช้าๆ ช้าจนผมต้องก้มลงไปปลดเอง ถึงอย่างนั้นมิกซ์ก็ยังไม่ขยับตัวลุกจากเบาะเลย

“เป็นอะไรไหนบอกพี่ซิ” มือข้างหนึ่งผมเกาะที่ตัวรถ โน้มตัวเข้าไปหายมิกซ์ที่นั่งก้มหน้าอยู่

“พี่พาผมมาที่นี่พี่คิดจะทำอะไรผม” ผมถึงกับร้องอ๋อ ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองฉาดหนึ่ง

นี่มิกซ์กำลังคิดว่าผมจะพามาทำอย่างว่าเหรอครับ ผมเองยังคิดไม่ถึง ที่ผมพามิกซ์มาที่นี่ก็แค่ไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียว

แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะคิดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วละครับ หึๆ

“กลัวแฟนตัวเองเนี่ยนะ”

“ก็ผมยังไม่เคยกับผู้ชายพี่ก็รู้”

“พี่รู้ พี่ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรเราหรอก แค่ไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว”

“พี่พูดจริงๆ นะ” ผมพยักหน้ายื่นมือไปดึงตัวมิกซ์ให้ลุกออกมาจากรถ



ผมเดินนำมิกซ์ขึ้นมาบนห้อง น้องก็ยังมีอาการระแวง เดินช้าซะจนผมต้องเดินเข้าไปรวบตัวบังคับให้เดินเร็วขึ้น

“ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่จะไปหาชุดมาให้ใส่” ผมยื่นผ้าเช็ดตัวให้มิกซ์ที่นั่งอยู่ที่โซฟา

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก มิกซ์เดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวพันอยู่รอบเอว ผมเพิ่งเคยเห็นน้องถอดเสื้อเป็นครั้งแรกเลยครับ ไม่คิดว่ามิกซ์จะซ้อนรูปขนาดนี้ กล้ามบวกกับซิกแพคที่นูนชัดไม่ต่างจากของผมเลย ไม่รู้ว่าผมชอบมองหุ่นผู้ชายด้วยกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงได้มองว่าตอนนี้มิกซ์ดูเซกซี่มากเลยครับ

“มองอะไร ไหนล่ะชุด” มิกซ์เดินอายๆเข้ารับเสื้อผ้าไปโดยที่ไม่ยอมมองหน้าผม

“พี่ว่าไม่ต้องใส่แล้วก็ได้มั้ง” ผมลุกขึ้นจับมิกซ์เหวี่ยงลงไปที่โซฟา ก่อนที่จะตามลงไปคร่อมตัวน้องไว้

“พี่ทำไร ไหนบอกจะไม่ทำอะไรผม” มิกซ์ยกมือดันตัวผมไว้

“พี่บอกอย่างนั้นหรอ”

“พี่ช้อปอย่า”

“ฟอด!!!" ผมกดหน้าลงหอมแก้มมิกซ์

"จะหลับตาอีกนานไหม” ดูน้องจะกลัวหลับตาปี๋ ขนาดผมถอนหน้าออกมาตั้งนานแล้วแต่มิกซ์ก็ยังไม่ยอมลืมตาสักที สงสัยจะกลัวจริงๆ ครับ

“พี่เล่นอะไรของพี่เนี่ย” มิกซ์ทุบเข้าที่อกดันตัวผมออก แล้วเดินหนีผมเข้าไปในห้องนอน

“เปิดประตูให้พี่หน่อย” ผมยืนเคาะประตูห้องอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากมิกซ์เลย งอนผมแล้วแน่ๆครับ ไม่น่าไปแกล้งน้องมันเลย

“มิกซ์ครับ เปิดประตูให้พี่หน่อยนะๆ” ผมยังคงยืนเคาะประตูแบบนั้น แต่ไม่มีทีท่าว่ามิกซ์จะเปิดประตูให้ผมเข้าไปเลยครับ

ไม้อ่อนไม่ได้ผล คงต้องใช้ไม่แข็งกันบ้างละครับ

“จะไม่เปิดใช่ไหม? พี่เตือนเราไว้ก่อนนะถ้าพี่เข้าไปได้พี่อาจไม่ใจดีเหมือนที่โซฟาแล้วก็ได้” ผมกดเสียงต่ำในลำคอเป็นการขู่

เงียบ?

งั้นผมคงต้องแบบนั้นจริงแล้วสิครับ ผมถอยหลังสามก้าวยืนในท่าเตรียม สายตามองตรงที่บานประตู เอาแล้วนะครับผมพร้อมที่จะพังประตูแล้ว

ผมพุ่งตัวเข้าหาบานประตูด้วยความเร็ว “แกร็ก” ประตูห้องนอนค่อยเปิดออกพร้อมกับมิกซ์ที่กำลังยืนทำตาโต เมื่อเห็นว่าผมกำลังพุ่งเข้าใส่

“ฟึบ” ผมพยายามรั้งตัวเองไว้แล้ว แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้ผมชนเข้ากับตัวมิกซ์จนล้มลงไปนอนทับบนตัวน้อง ดีนะครับที่ผมยังรั้งตัวเองไว้ได้หน่อยไม่งั้นมิกซ์คงได้เจ็บหนักแน่ๆ

“เป็นอะไรรึเปล่า” ผมสำรวจรอบตัวมิกซ์ทั้งที่ยังคร่อมอยู่บนตัวน้อง กลัวว่าน้องจะเจ็บ

มิกซ์เพียงแค่ส่ายหน้าตอบ ทำผมโล่งอกไปเลยครับ

ผมประคองตัวมิกซ์ขึ้นมากอด ผมเกือบทำให้น้องเจ็บแล้วครับ

“พี่ขอโทษ เราไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ผมลูบหัวเป็นการปลอบ ค่อยๆ ประคองตัวมิกซ์ให้มานั่งที่เตียง

“พี่คิดจะทำอะไรของพี่” มิกซ์ทำเสียงดุใส่ผม

“ก็มิกซ์ไม่ยอมเปิดประตูให้พี่เอง” ผมทำหน้าเศร้าเผื่อว่าน้องจะเห็นใจ

“ใครบอกให้พี่แกล้งผมละ” มิกซ์กอดอกหันหลังให้ผม สงสัยจะงอนผมจริงๆครับ

“พี่ขอโทษ” มือผมรวบตัวมิกซ์เข้ามากอด คางเกยอยู่ที่ไหล่

ผมแค่จะลองแกล้งมิกซ์ดูเท่านั้น ไม่คิดว่าน้องจะกลัวผมจะทำอะไรขนาดนี้

“มิกซ์กลัวพี่หรอ”

“ก็ผมบอกว่าไม่เคย” มิกซ์ขยับตัวหนีผมเล็กน้อย

“พี่ขอโทษ พี่แค่อยากแกล้งเรา ดีกันนะๆ ๆ ๆ” ผมทำเสียงอ้อนๆ ส่งนิ้วก้อยไปตรงหน้าน้อง

“เราต้องทำแบบนั้นกันจริงๆหรอ”

มิกซ์คงคิดมากกับเรื่องนี้มากๆเลยครับ ก็ตั้งที่ผมชวนน้องมากห้องแล้ว มิกซ์ดูจะกังวลเอามากๆ

“ถ้ามิกซ์กลัวพี่ไม่ทำก็ได้” ผมพลิกตัวมิกซ์ให้หันกลับมา

“ไม่ทำก็ได้หรอ?” ผมพยักหน้าให้มิกซ์มั่นใจ

ผมเองก็ไม่คิดเรื่องมีอะไรกับมิกซ์นั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะกว่ามิกซ์จะยอมเป็นแฟนผมก็เล่นเอาผมถอดใจไปแล้วครั้งหนึ่ง และกับเรื่องอย่างว่ากับมิกซ์ที่คบกับผู้หญิงมาตลอด มันคงยากที่จะทำใจไม่ให้กลัวไม่ได้ แต่สำหรับผมไม่เป็นไรหรอกครับแค่ได้อยู่กับมิกซ์ก็พอ

ผมโอบตัวมิกซ์ให้ล้มลงนอน ให้หน้าน้องหน้าซุกที่อกผม

“พี่รอผมหน่อยนะ” ผมกดจูบลงที่หน้าผากมิกซ์

“พี่จะรอนะ”
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 34 #ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-08-2018 12:53:58
รอกันด้วย ..
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่่ 33 #ไม่เหลืออะไร
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 16-08-2018 20:53:41
พ่อตัดขาดจริงจัง เด็ดมาก สู้ๆ นะทั้ง2คนเลย
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 34 #ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-08-2018 23:43:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 34 #ช้อปมิกซ์
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-08-2018 03:29:49
สู้ๆนะภาค
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 34 #พ่อตาแม่ยาย
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 17-08-2018 23:31:09
ตอนที่ 34


#พ่อตาแม่ยาย


เสียงกุกกักดังมาจากนอกห้องนอนปลุกให้ผมตื่นขึ้น ผมก้าวขาลงจากเตียง ยืนบิดตัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความง่วงออกไป

ผมเดินตามเสียงนั้นออกมาจนถึงห้องครัว

“มึงทำอะไร”

ผมเดินเข้าไปด้านหลังภาคที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเตาทำอาหาร

“กูจะทำอาหารเช้าให้มึงไง” มันเงยหน้าขึ้นมาตอบผม ในมือถือกระทะอยู่

ที่มาของเสียงก็มาจากภาคมันนี้แหละครับ ไม่รู้อะไรดลใจมันให้ตื่นเช้าเพื่อมาทำอาหารให้ผมทาน

ผมเพียงยิ้มให้ เดินตรงเข้าไปหามันที่หน้าเตา

“แล้วจะทำอะไรให้กูกิน” ผมยืนหันหลังมือเท้าไว้กับโต๊ะ

“กะเพราที่มึงชอบไง” มันพยักหน้าไปที่วัตถุดิบและเครื่องปรุงที่เตรียมไว้เสร็จสับ ข้างๆ มีแท็บเลตเปิดวิดีโอการทำกะเพราวางอยู่

สงสัยจะจริงจังละครับคราวนี้

“แล้วเมื่อไหร่จะเริ่มทำล่ะ” สายตามันดูเลิ่กลั่กเหมือนไม่อยากบอกผม

“ม่อน...” มันมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง

“มีอะไร” ผมทนมองดูมันที่ทำหน้าเลิกลั่กจะทำอะไรก็ไม่ยอมทำ

“เตาเนี่ยมันเปิดยังไง” มันยกกระทะขึ้นมาบังหน้าตัวเอง

คุณชายภาคเขาเปิดเตาไม่เป็นครับ ทำเอาผมนี่ขำกร๊ากเลยครับ

“มานี่ เดี๋ยวกูช่วย” ผมเดินเข้าไปกดปุ่มเปิดเตา หยิบกระทะจากมือมันวางลงไป

“กูเปิดให้แล้ว มึงทำต่อเลย” ผมบ่ายหน้าไปที่่เตายืนกอดอกมองภาคมันกำลังทำท่าเก้ๆ กังๆ ตอนเทน้ำมัน

จะรอดไหมครับงานนี้

“โอ๊ย!!!” นั้นไงครับผมยังพูดไม่ทันขาดคำ

ภาคมันร้องเสียงดังหลังจากที่เทพริกกับกระเทียมลงไป สงสัยจะโดนน้ำมันกระเด็นใส่

ผมรีบเดินเข้าไปหยิบตะหลิวจากมือมัน เพราะกลัวว่าน้ำมันที่ติดอยู่จะไหลมาโดนมันอีก เดี๋ยวจะเจ็บกันเข้าไปใหญ่

“เป็นไงบ้าง” ผมจับมือมันขึ้นมาดู มันไม่เป็นไรมากครับ น่าจะโดนแค่สะเก็ดน้ำมันเล็กน้อย แต่เสียงมันร้องนี่สิครับทำเอาผมตกใจ

ก็ผมเป็นห่วงมันหนิครับ

“เดี๋ยวกูทำให้เอง”

“แต่กูอยากเป็นคนทำให้มึง”

“แค่กูรู้ว่ามึงตั้งใจทำให้ กูก็ดีใจแล้ว” ผมยิ้มให้ จับไหล่ดันตัวมันให้นั่งรอที่โต๊ะ

ผมหยิบเนื้อหมูใส่ลงไปผัดในกระทะจนเกือบสุก ใส่เครื่องปรุงทุกอย่างจนครบ สุดท้ายก็ใส่ใบกะเพราพระเอกของงานลงไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ กะเพราหมูสับสำหรับเช้านี้

“หอมจัง” ภาคเดินเข้ามาเบียดผมจากด้านหลัง สูดลมหายใจข้างหูผมซะเสียงดัง

“แต่ไม่ใช่กะเพรานะ” มันแอบฉกแก้มผมไปทีหนึ่ง มือสองข้างโอบที่เอวผมไว้

“ปล่อยได้แล้ว กูจะไปตักข้าว”

กลิ่นหอมลอยออกมาจากจานผัดกะเพราที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้านข้างมีจานข้าวอีกสองใบ ด้านบนมีไข่ดาวที่ผมทำเพิ่มวางอยู่

ภาครับช้อนกับส้อมที่ผมส่งให้ตักข้าวเข้าปาก ตักคำแรกก็เงยหน้ามาชมผมตักคำที่สองก็เงยหน้ามาชมผมอีก มันทำแบบนี้จนข้าวในจานแทบไม่เหลือสักเม็ด ผมแอบคิดนะครับว่ามันอร่อยจริงๆหรือแค่แกล้งเอาใจผมเท่านั้น

ผมเองก็ทานในส่วนของตัวเองหมดแล้วเหมือนกัน ผมยกจานทั้งหมดวางลงที่อ่างล้างจาน เปิดน้ำบีบน้ำยาล้างจานเตรียมพร้อมทำความสะอาด

“เดี๋ยวกูล้างจานให้” ภาคมันแย่งฟองน้ำล้างจานในมือผมไป จัดการล้างจานที่เหลืออยู่

ผมได้แต่ยืนยิ้มให้กับความกระตือรือร้นของมัน

ขอให้เป็นแบบนี้ไปตลอดละกันครับ



หลังจากทำงานทั้งที่ร้านสะดวกซื้อกับร้านนมปั่นมาได้เกือบสองอาทิตย์ ดูภาคมันจะปรับตัวได้แล้วครับ ทุกวันมันจะตื่นพร้อมผมทุกเช้ามาช่วยผมทำอาหารเช้าทุกวัน ผมไม่อยากซื้ออาหารมาทานครับทำทานเองจะได้ลดค่าใช้จ่ายลงได้บ้าง ภาคเองก็เห็นด้วยกับผมและดูท่าว่ามันจะชอบทานอาหารฝีมือผมซะด้วย

“พี่แมนอาทิตย์หน้าพวกผมขอลาสักสามวันนะครับ”

“ได้ๆ แต่หลังจากนั้นต้องรีบกลับมาทำนะเพราะเดี๋ยวนักศึกษาทยอยกลับมอแล้ว” ผมพยักหน้ารับ

“อาทิตย์หน้ามึงจะไปไหน” ภาคเดินมาถามหลังจากที่ได้ยินผมคุยกับพี่แมน

ผมคุยกับมิกซ์ไว้ว่าจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ก่อนเปิดเทอม เพราะท่านก็โทรมาบ่นว่าคิดถึงผมสองคนอยู่บ่อยๆ ยิ่งมิกซ์มันมาอยู่กับผมด้วย พวกท่านยิ่งโทรหาผมบ่อยขึ้นคงเป็นห่วงมันแหละครับและอีกอย่างคงคิดถึงที่ไม่มีลูกชายให้บ่นสักคน ผมเลยตกลงกับมิกซ์ว่าจะกลับบ้านไปหาท่านให้หายคิดถึงสักหน่อย

“กูจะกลับบ้าน”

“กูไปด้วย” ภาคทำหน้าอ้อนๆ ผม

“กูไปสามวันเอง”

“แล้วมึงจะให้กูอยู่คนเดียวหรอ”

เอาจริงๆ แล้วผมก็อยากให้มันไปด้วยนะครับ แต่ไม่รู้จะบอกพ่อกับแม่ว่ามันกับผมเป็นอะไรกันยังไงดี ถ้าพวกท่านรู้คงได้ช็อกกันแน่ๆ ยิ่งแม่ผมไม่ค่อยสบายอยู่ด้วยผมกลัวว่าท่านจะไม่สบายใจจนป่วยไปอีก

“เออๆ ไปก็ได้” ดูมันดีใจจนกระโดดโลดเต้นเลยแหละครับ

สรุปแล้วว่าอาทิตย์หน้าผมจะกลับบ้านครับ มีผม มิกซ์ ภาค และก็ช้อปครับ ช้อปเองก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปด้วย ถึงกับเสนอว่าจะเป็นคนขับรถพากลับเอง ผมกับมิกซ์ได้แต่ส่ายหน้ากับทั้งภาคและช้อป

แค่พาภาคมันไปด้วยผมก็ไม่อยากจะคิดแล้วครับว่าพ่อกับแม่ผมจะช็อกกันขนาดไหน ที่ลูกชายทั้งสองคนพาแฟนที่เป็นผู้ชายด้วยกันกลับบ้าน ผมว่างานนี้คงต้องเตรียมยาดมยาหอมสักโหลติดมือไปฝากพ่อกับแม่แล้วล่ะครับ

สองสามวันที่ผ่านมาที่ผมไปขอลางานที่ร้าน ผมถึงกับต้องเรียกมิกซ์มันมาปรึกษาเรื่องที่จะเอายังไงกับภาคและช้อปดี จะให้บอกกับพ่อแม่ว่ายังไง แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบครับ คงต้องดูปฏิกิริยาของพ่อกับแม่ตอนที่เรากลับถึงบ้านซะก่อน งานนี้จะหัวจะก้อยคงต้องมาลุ้นกันดูครับ



“เตรียมของเสร็จยัง” ผมเดินมาดูภาคที่กำลังจัดเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ผมรีบจัดตั้งแต่คืนนี้เลยครับเพราะพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า

“กูต้องมีของไปฝากพ่อกับแม่มึงไหม”

“ไม่ต้องก็ได้”

“จะดีหรอวะ ไปเจอพ่อตากับแม่ยายทั้งที ยะ...อย่า” มันยกมือขึ้นมากันตัวเองจากมือของผมที่กำลังง้างเตรียมจะฟาดมัน

เล่นอะไรไม่รู้เรื่องคนยิ่งเครียดๆ อยู่

“พ่อกับแม่มึงจะโหดไหม”

“แล้วถ้าท่านรู้ว่ากูคบกับมึงท่านจะว่ายังไง” มันพูดกับผมที่กำลังนอนหนุนแขนมันอยู่

เห็นมันพูดกวนๆ ผม แต่มันเองก็คงเครียดไม่ต่างจากผมหรอกครับ

“ถ้าท่านไม่ให้กูคบกับมึง แบบที่พ่อกูทำล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันตอนที่กำลังพูดประโยคนี้

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“แล้วถ้า....”

“กูไม่ทิ้งมึงหรอก กูจะอยู่กับมึง กูเชื่อว่าพ่อกับแม่กูต้องเข้าใจ” ผมรู้ว่ามันกำลังพูดอะไร มันคงกลัวเป็นแบบพ่อของมัน ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าพ่อกับแม่ผมจะรับได้ไหม แต่ผมมั่นใจว่าท่านรักผมและพร้อมที่จะรักคนที่ผมรักด้วย

ผมกระชับกอดมันแน่นขึ้นอย่างน้อยมันก็ช่วยเป็นกำลังใจให้เราสองคนได้ในเวลานี้





“แต่งตัวซะหล่อเลยนะมึง” ภาคร้องทักช้อปที่เดินลงมาจากรถพร้อมกับมิกซ์

“ก็ต้องหล่อสิวะ ไปเจอพ่อตาแม่ยายทั้งที โอ้ย...” มิกซ์ศอกเข้าที่กลางท้องช้อปเต็มแรงจนช้อปถึงกับกุมท้องตัวงอ ถอยหลังไปพิงกับตัวรถ

ผมเองก็หันไปค้อนแฟนตัวเองที่กำลังยืนขำอยู่ ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา สงสัยกลัวว่าถึงที่บ้านผมแล้วจะไม่มีเวลาให้ขำมั้งครับ





รถของเรากำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคอีสานของประเทศ เดาสิครับว่าผมเป็นคนจังหวัดอะไร ผมใบ้ให้หน่อยละกันครับว่ามีภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง..........ใช่ครับ โคราชบ้านเองนั่นแหละครับ ผมกับมิกซ์เกิดและโตที่นี่ รวมถึงต้นตระกลูของทั้งพ่อและแม่ผมก็เป็นคนโคราชทั้งคู่ เรียกได้ว่าเป็นหลานย่าโมแบบเต็มตัวเลยครับ

“เกือบถึงแล้วแม่” เสียงมิกซ์ดังมาจากเบาะด้านหน้า

เราเดินทางกันได้สามชั่วโมงนิดๆ แล้วครับ อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงบ้านผมแล้ว แม่ผมคงจะตื่นเต้นครับก็ไม่ได้เจอลูกชายสองคนนาน ถึงกับต้องโทรมาถามผมกับมิกซ์ว่าถึงไหนเกือบทุกๆ ครึ่งชั่วโมง

คงจะคิดถึงพวกผมมากๆ



เราขับรถต่อมาอีกเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง

“เลี้ยวซ้ายข้างหน้านะพี่” มิกซ์ชี้มือบอกเส้นทางช้อป

ช้อปหักพวงมาลัยเลี้ยวรถตามเส้นทางที่มิกซ์บอก สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นตามสไตล์บ้านแถวชนบท

รถค่อยๆ เคลื่อนไปจอดตรงลานว่าง เบื้องหน้าเป็บ้านสองชั้นสีฟ้าครามตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้หลากหลายชนิด ตัวบ้านไม่ใหญ่มาก ถึงจะเล็กแต่ก็อบอุ่นครับ

ที่หน้าบ้านมีหญิงชายวัยกลางคนยื่นคู่กันอยู่ นั้นพ่อแม่ผมเองครับสงสัยยื่นรอตั้งแต่ตอนที่โทรมาหามิกซ์มันตอนนั้น

“พ่อแม่สวัสดีครับ” มิกซ์วิ่งตรงเข้าไปกอดพ่อกับแม่ทันทีที่รถจอดสนิท ผมเองก็ไม่ต่างกันครับ วิ่งตรงเข้าไปโอบจากทางด้านหลังมิกซ์ไว้ คิดถึงมากๆ ครับเกือบปีแล้วที่ผมไม่เจอท่านทั้งสอง

“กว่าจะกลับมาหาพ่อกับแม่ได้นะ พวกตัวดี” แม่บ่นทั้งๆ ที่ยังกอดผมกับมิกซ์อยู่ ถึงแม่ผมจะขี้บ่นแต่ก็ใจดีมากเลยครับ

“แล้วนั้นมากับใครล่ะ” พ่อคงจะสังเกตเห็นภาคกับช้อปที่ยื่นมองพวกเราอยู่ที่รถ

“สวัสดีครับ/สวัสดีครับ” ภาคกับช้อปเดินเข้ามายกมือไหว้พ่อกับแม่ผม ดูทั้งสองคนนั้นเกร็งนะครับ เป็นผมที่พยักหน้าเรียกทั้งสองคนให้เดินเข้ามา

“เอ่อๆ สวัสดีพ่อหนุ่มเป็นเพื่อนเจ้าสองคนนี้หรอ แล้วชื่ออะไรกันบ้าง”

“ผมชื่อภาคครับเป็น...แฟนม่อนครับ” ผมถอยหลังเดินเข้าไปหาภาคมันทันที ไม่คิดว่ามันจะกล้าบอกพ่อกับแม่ผมเร็วขนาดนี้

พ่อกับแม่ผมดูอึ้งไปสักพัก หันหน้ามองกันเองก่อนหันกลับมามองผมกับภาค

“ไม่ยอมกลับบ้านซะนาน กลับมาคราวนี้จะแกล้งอะไรพ่อกับแม่อีกล่ะ” แม่ยืนขำ ยิ้มให้พวกผม

“แล้วนี่อย่าบอกนะว่าพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นแฟนเจ้ามิกซ์มัน”

“ครับ” มิกซ์เองก็ถอยหลังเดินมายืนคู่กับช้อป

“เลิกแกล้งพ่อกับแม่แล้วเข้าไปในบ้านดีกว่า”

“พ่อ แม่ คือว่า...”

“แม่ว่าเราเข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า” แม่ผมที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านหันกลับมามองพวกเราด้วยสีหน้าเรียบ ต่างจากก่อนหน้านี้

ผมคิดว่ายังไงพวกท่านคงรู้เรื่องของพวกเราเข้าสักวัน อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้บอกพวกท่านแล้ว เป็นไงเป็นกันครับ

“เข้าไปกันเถอะ” แต่เป็นภาคครับที่คว้ามือผมให้เดินเข้าไปในตัวบ้าน ช้อปเองก็เหมือนกันเดินจับมือมิกซ์ตามพวกผมเข้ามา

“กินข้าวกินปลากันก่อนนะ” พวกผผมเดินเข้ามาในห้องครัวที่มีอาหารจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมกับพ่อที่นั่งกอดอกรอตรงหัวโต๊ะ

ทุกคนจัดแจงหาที่นั่งกันเรียบร้อย มีเพียงผมที่ลุกขึ้นไปช่วยแม่ตักข้าวใส่ในจาน

บรรยากาศตอนนี้เงียบมากครับ เงียบจนได้ยินเสียงกระทบกันของทัพพีในมือผมกับหม้อหุงข้าว

“จะกินหรือจะคุยกันก่อนดี” พ่อพูดทำลายความเงียบ ทำเอามิกซ์สะดุ้งเฮือกมือปัดช้อนในจานจนเกือบหล่น

“คือผมกับม่อนคบกันมาหลายเดือนแล้วครับ” เป็นภาคที่ตอบออกไปก่อน

“ผมเองเพิ่งคบกับมิกซ์ได้ไม่นานครับ” ช้อปพูดสมทบ

ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับจากพ่อกับแม่ผม ผมกับมิกซ์เองก็ทำได้เพียงนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตาท่านทั้งสอง

“แกสองคนเป็นแบบนี้กันตั้งแต่เมื่อไร”

“พ่อใจเย็นๆ” แม่พูดปรามพ่อเพราะเหมือนว่าพ่อจะมีอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย

ผมกับมิกซ์ส่ายหน้าเป็นคำตอบไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร รู้อีกที่ก็รักภาคมันไปแล้ว และอีกอย่างผมก็รู้สึกแบบนี้กับภาคมันคนเดียวเท่านั้น

“ไม่รู้? หมายความว่ายังไง”

“ผมไม่ได้เป็นเกย์นะพ่อ ผมรู้สึกกับภาคแค่คนเดียว” ผมตอบตามความจริงไป

“ผมก็เหมือนกัน” มิกซ์เงยหน้าขึ้นมาตอบ มันเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกับผม

“แกสองคนรู้ใช่ไหมว่าพ่อกับแม่อยากอุ้มหลาน” ผมรู้ครับเพราะแม่มักบอกผมกับมิกซ์เสมอ ผมเองก็เคยคิดว่าถ้าเรียนจบได้งานทำดีๆ คงต้องหาแฟนสักคน แต่งงานสร้างครอบครัวมีหลานให้พ่อกับแม่ตามที่ท่านต้องการ

แต่ตอนนี้ผมไม่คิดแบบนั้นแล้ว ตั้งแต่ภาคมันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

“รู้ครับ/รู้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นพ่อขอให้พวกแกสองคนเลิกกับสองคนนั้น แล้วกลับมาเป็นลูกชายให้พ่อเหมือนเดิมล่ะพวกแกจะทำให้พ่อได้ไหม”
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #พ่อตาแม่ยาย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-08-2018 00:38:50
คุณพ่อไม่เข้าใจอ่ะ!!!
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #พ่อตาแม่ยาย
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 18-08-2018 00:48:44
หลานเหรอ เหอๆๆ เอากี่คนอ่ะพ่อ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #พ่อตาแม่ยาย
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-08-2018 16:10:33
บททดสอบ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #พ่อตาแม่ยาย
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-08-2018 22:41:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #ขอบคุณที่ทิ้งไป
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 20-08-2018 16:05:48
ตอนที่ 35



#ขอบคุณที่ทิ้งไป



“ถ้าพ่อขอให้พวกแกเลิกกับสองคนนั้น แล้วกลับมาเป็นลูกชายให้พ่อเหมือนเดิมล่ะ พวกแกจะทำให้พ่อได้ไหม”

“ไม่ครับ” ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ตอบ ทั้งภาค มิกซ์และช้อปก็ตอบออกไปพร้อมๆกันด้วยประโยคนี้

ไม่ว่าพ่อจะขออะไร ผมเองก็สามารถทำให้ได้หมด ยกเว้นเรื่องเดียวครับ ผมไม่อยากเลิกกับภาคมันอีกแล้ว ไม่อยากกลับไปทรมานแบบตอนนั้นอีก

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง เราทั้งหมดนั่งจ้องที่พ่อเป็นสายตาเดียวกัน รอฟังสิ่งที่พ่อจะพูดต่อไป

พ่อยังคงนั่งกอดอกนิ่งเงียบมองหน้าพวกผมสี่คนสลับกัน แม่ก็ยื่นมือไปจับแขนพ่อสายมองมาที่พวกเราเหมือนกัน

“คิดดีแล้วหรอที่ตอบแบบนี้” พ่อพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

ผมเองได้แค่พยักหน้ารับไปเท่านั้น ไม่ว่าจะถามอีกกี่ครั้งผมก็มีแค่คำตอบเดียวสำหรับคำถามนี้

“พรุ่งนี้แม่เตรียมของไปวัดด้วยนะ” พ่อหันกลับไปคุยกับแม่

ไปวัด? ทำไมพ่อถึงพูดเรื่องไปวัดทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราพูดกันตอนนี้เลย

“พ่อไม่คุยเรื่องนี้ต่อหรอ” ผมขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย มิกซ์เองก็หันมามองหน้าผมส่ายหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน

“ข้าก็พูดเรื่องนี้อยู่”

“เรื่อง?”

“พรุ่งนี้ตื่นกันแต่เช้าข้ากับแม่แกจะพาไปหาหลวงลุงที่วัด ให้ท่านผูกข้อไม้ข้อมือให้”

“พ่อหมายความว่า”

ถึงหน้าพ่อจะไม่ยิ้มแต่ผมก็รับรู้ว่าพ่อกับแม่ยอมรับความรักของพวกเราแล้ว

การผูกข้อไม้ข้อมือถือเป็นการรับขวัญอีกแบบหนึ่ง พ่อกับแม่มักจะผมกับมิกซ์ไปไหว้หลวงลุงอยู่บ่อยๆ ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ผมเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ท่านก็พาผมมาผูกข้อมือขอพรจากหลวงลุงเหมือนกัน

ผมดีใจจนโผเข้าไปกอดภาค ที่กำลังทำหน้าสงสัยว่าที่ผมคุยกับพ่อหมายความว่าไง

“หมายความว่าไงวะ” ภาคถามผม

“พ่อกับแม่ยอมให้เราคบกันแล้ว” คราวนี้เป็นภาคมันที่ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมเองแอบเห็นมิกซ์กับช้อปจับมือกันด้วย สองคนนั้นคงยังไม่กล้าแสดงออกกันมากเหมือนคู่ผม แต่ดูออกครับว่าสองคนนั้นก็ดีใจไม่ต่างจากผม

อย่างน้อยก็ยังมีครอบครัวผมที่เข้าใจความรักในแบบของพวกเรา

“ข้ายอมให้พวกแกคบกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้พวกแกมากอดกันกลมต่อหน้าข้าแบบนี้” ภาคสะดุ้งปล่อยมือที่โอบผมไว้ออก ก้มหน้าไม่กล้าหันไปสบตาพ่อผม เป็นใครๆ ก็กลัวครับเพราะพ่อแกมักจะทำเสียงดุแบบนี้ตลอด

ถึงจะไม่ได้กอดกันแต่ผมก็ยังดึงมือภาคมันมากุมไว้ใต้โต๊ะ

“กินข้าวกันได้แล้ว กินเสร็จจะได้เอาของขึ้นไปเก็บบนห้อง” เราลงมือทานข้าวตามคำสั่งของแม่

ถึงพ่อกับแม่จะยอมให้พวกเราคบกัน แต่ผมก็ยังกังวลเรื่องหลานที่แม่มักจะพูดกับผมอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าแม่จะรู้สึกยังไงที่ผมกับมิกซ์มีหลานให้แม่ไม่ได้

“แม่ แล้วเรื่องหลานล่ะ” แม่หันมามองหน้า

“แม่ก็พูดไปงั้นแหละ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่เลี้ยงพวกแกสองคนก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว” ผมจะถือว่าเป็นการช่วยเบาแรงแม่ไปอีกทางละกันนะครับ

“แล้วพ่อหนุ่มสองคนเรียนอะไรกันจ๊ะ” แม่เปลี่ยนเรื่อง หันไปถามภาคกับช้อป

“ผมเรียนหมอครับ”

“โห เรียนหมอเลยหรอจ๊ะ แล้วมารู้จักกับเด็กซนๆ อย่างเจ้ามิกซ์ได้ยังไง”

“แม่ มิกซ์ซนที่ไหน” มิกซ์มันยังคงอ้อนแม่แบบที่เคยทำมา ถึงมันจะดูเป็นเสือในสายตาผู้หญิงหลายคน แต่เวลาอยู่กับแม่มันก็ยังทำตัวเป็นเด็กๆ เสมอ กับช้อปอีกคนเวลาที่อยู่กับมิกซ์จากเสือมิกซ์มันก็กลายเป็นลูกแมวเท่านั้นแหละครับ

“นี่แหละที่เขาเรียกว่าซน ยังไงแม่ก็ฝากดูเจ้ามิกซ์มันด้วยนะ ถ้าดื้อถ้าซนยังไงจัดการได้เต็มที่เลยนะแม่อนุญาต”

“ครับผม ถ้าดื้อขึ้นมาผมจัดการแน่ๆ ครับ” ช้อปตอบ หันมองมิกซ์อย่างมีเลศนัย

อยากรู้จังว่ามิกซ์มันจะกดช้อปอย่างที่มันพูดได้รึเปล่า แต่ดูท่าแล้วผมว่ายังไงมิกซ์มันคงไม่มีปัญญากดคนอย่างช้อปได้แน่ ผมจะรอดูน้ำหน้าคนอวดเก่งอย่างมิกซ์มันดู

“แล้วพ่อหนุ่มล่ะ” แม่หันมาสนใจภาคต่อ

“ผมเรียนคณะเดียวกับม่อนครับ”

“งั้นก็ดีเลยแม่ฝากดูแลม่อนด้วยนะ”

“ครับ”

เราลงมือกินข้าวกันต่อหลังจากที่ให้สองคนนั้นตอบคำถามแม่จนเสร็จ อาหารที่แม่ทำยังอร่อยเหมือนเดิมครับ

“แม่ลืมถามเรื่องสำคัญไปเลย แล้วครอบครัวเราสองคนรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม”

‘เพล้ง!!!’ ผมสะดุ้งจนเผลอทำช้อนในมือหล่น

ผมกับภาคหันหน้าสบตากันทันที มิกซ์กับช้อปเองก็หันมามองผมสองคนด้วยสายตาเป็นกังวลเช่นเดียวกัน

จะบอกกับพ่อแม่เรื่องเรื่องนั้นดีไหม แล้วถ้าผมบอกไปพ่อกับแม่จะว่ายังไง ผมมั่นใจว่าถ้าบอกความจริงไปท่านคงไม่ยอมให้เราคบกันแน่ๆ

“รู้แล้วครับ” เป็นภาคที่ตอบออกไป ถึงมันจะยิ้มตอนที่ตอบแต่ผมรู้ว่ามันเองก็กังวลไม่ต่างจากผม

ภาคกุมมือผมไว้แน่น พยักหน้ายิ้มให้ผมคลายกังวล

ถึงจะผ่านด่านพ่อกับแม่ผมได้ แต่ก็ยังเหลือกำแพงอีกชั้นที่ไม่รู้ว่าผมกับภาคจะข้ามผ่านมันได้ยังไง

แต่เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังละกันครับ ตอนนี้แค่พ่อกับแม่ผมเข้าใจพวกเรา มันก็มากพอแล้วครับ

เราเดินกลับไปเอาของในรถขึ้นไปเก็บบนห้องตามที่แม่บอก ห้องนอนผมถูกจัดทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย น่าจะเป็นฝีมือแม่ผมครับ คงจะดีใจที่ลูกชายกลับบ้าน ทั้งหมอนทั้งผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

“มึงนอนได้ไหมวะ” ผมมองภาคที่เดินสำรวจห้องนอนผมอยู่

มันเดินหยิบนู้นจับนี่ของผมจนแทบจะครบทุกชิ้นแล้วมั้งครับ

“นี่รูปมึงหรอ” มันไม่ตอบคำถามผม ยกรูปถ่ายใบเล็กให้ผมดู

ผมพยักหน้ารับ

รูปที่มันถืออยู่เป็นรูปผมตอนมอหกครับ ตอนนั้นกำลังหัวเกรียนเลย

“งั้นกูขอนะ” มันไม่รอคำตอบจากผม หยิบกระเป๋าสตางค์จากกางเกงขึ้นมาเสียบรูปใบนั้นเข้าไป

แล้วมึงจะถามกูเพื่อ

“แล้วตกลงนอนได้ไหม” มันไม่ตอบ

เพียงหันกลับมาพร้อมกล่องกระดาษในมือ มันเปิดดูโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมเลย

“ห้ามเปิด” ผมพุ่งตรงเข้าไปแย่งกล่องในมือมัน มันดึงกล่องกลับไปซ่อนไว้ด้านหลัง ดันตัวผมออกห่างจากกล่อง

ผมไม่มีทางให้มันเห็นของในกล่องนั้น มันเป็นความลับของผมครับ

“ทำไม”

“กูบอกว่าห้ามก็คือห้าม”

“ไม่บอกงั้นกูเปิด” มันเอื้อมมือไปหยิบซองจดหมายสีชมพูขึ้นมาเปิดอ่าน

‘คนที่เราแอบมองมาตลอด คนที่เราแอบตามไปส่งที่บ้าน คนที่เราเป็นห่วงมากที่สุด และคนที่เรารักมากที่สุด เป็นแฟนกันนะโบว์’

ภาคอ่านข้อความในจดหมายนั้นจนจบ มันเป็นจดหมายบอกรักแฟนเก่าคนล่าสุดของผม มันอ่านจะเชยนะครับที่สมัยนี้ยังมีการส่งจดหมายจีบสาว แต่ผมว่ามันน่ารักดีนะครับและเพราะแบบนี้ผมกับเธอเราถึงได้เป็นแฟนกัน แต่อย่างที่เคยบอกว่าเหตุผลที่ผมเลิกกับเธอก็เพราะว่าเธอแอบเห็นว่าผมทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ เธอเลยเก็บของที่ผมเคยให้เธอทั้งหมดส่งคืนกลับมา รวมถึงจดหมายฉบับนี้ด้วย

“สมัยนี้ใครเข้าส่งจดหมายจีบสาวกันวะ” มันยิ้มเยาะผม

“เรื่องของกู เอาคืนมานี่”

“มึงยังไม่ลืมเขาหรอ” ผมหยุดยื้อแย่งกับมัน เงยหน้ามองมัน

ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้ยังลืมเธอไม่ได้จริงๆ เธอไม่ได้เป็นรักแรกสำหรับผม แต่ตอนนั้นผมอยากให้เธอเป็นรักสุดท้ายของผม แต่มันก็ต้องจบลงด้วยเหตุผลเดียวกับคนก่อนๆ หน้า เหตุผลเพราะผม ‘จน’ พวกเธอถึงทิ้งผมไป

แต่หลังจากที่ผมคบกับภาค มันทำให้ผมลืมพวกเธอเหล่านั้นและลืมไปด้วยว่าตัวเองยังเก็บของแบบนี้ไว้อยู่ 

ที่ไม่อยากให้ภาคมันเห็นเพราะกลัวว่ามันจะคิดว่าผมยังไม่ลืมเธอแบบที่มันกำลังคิดอยู่ตอนนี้ครับ

“กูลืมเขาไปแล้ว กูแค่ไม่อยากให้มึงเห็น”

“ถ้ามึงลืมเขาแล้วงั้นกูทิ้งนะ” มันคว้ากล่องโยนทิ้งออกทางหน้าต่างทันที

ผมยืนอึ้งมองสิ่งที่มันทำ

โยนทิ้งง่ายๆ แบบนี้ก็ได้เหรอครับ

“มึงโยนทิ้งแบบนั้นทำไม” ผมชะโงกหน้าออกไปมองกระดาษที่ปลิวเกลื่อนพื้น

“ไหนมึงบอกว่าลืมเขาได้แล้ว”

“กูลืมเขาไดแล้วจริงๆ มึงจะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่นี่”

“ไอ้ตัวไหนวะมันทิ้งขยะเกลื่อนแบบนี้ จับได้เดี๋ยวจะฟาดให้หวายขาดเลย” เสียงพ่อผมตะโกนดังมาจากสวนหลังบ้าน

นี่แหละครับที่ผมเป็นห่วง ผมไม่สนใจของพวกนั้นแล้ว แต่ที่ผมห่วงก็เพราะพ่อผมเป็นคนรักความสะอาดมาก แกไม่ยอมปล่อยให้รอบบ้านมีขยะสักชิ้น ผมเองเคยทิ้งห่อขนมไว้ ยังจำได้ว่าวันนั้นโดยไม้เรียวฟาดซะก้นลาย จำมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ

ภาคเองมันคงรู้ตัวแล้วครับ รีบวิ่งหลบจากหน้าต่างเข้ามาเกาะแขนผมไว้

เป็นไงล่ะ หึงไม่ดูตาม้าตาเรือ นี่แค่เสียงดุยังกลัวหัวหดขนาดนี้ ถ้าโดนฟาดแบบผมคงนอนร้องไห้เดินไม่ได้เป็นวันแน่เลยครับ

“เป็นไงล่ะมึง งานเข้าเลยไหม”

“มึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ แล้วทีนี้เอาไง” มันยังมีหน้ามาถามผมอีกครับ ทีตอนทำไม่คิดตอนนี้ร้องไห้ผมช่วยซะงั้น

ผมถอนหายใจ ส่ายหน้ามองดุมันไปเล็กน้อย

“ของม่อนเองพ่อ พอดีเผลอทำหล่น เดี๋ยวม่อนลงไปเก็บเอง” ผมตะโกนบอกพ่อที่อยู่ข้างล่าง คว้ามือภาคมันวิ่งลงไปสวนหลังบ้าน ถ้าช้ากว่านี้ได้โดนไม่เรียวแน่เลยครับ



ผมกับภาคกลับมานอนพักที่ห้องหลังจากเก็บทำความสะอาดและเอากล่องใบนั้นไปทิ้ง ผมไม่ได้ทิ้งเองหรอกครับ ภาคมันนั่นแหละที่วิ่งถือกล่องนั้นไปทิ้งกองขยะที่อยู่ใกล้ๆ

‘ก๊อกๆ ๆ’

ผมเดินไปเปิดประตูห้อง

มิกซ์ครับ มันยืนอยู่หน้าห้องผมพร้อมกับช้อป

“แม่ให้ออกไปช่วยกันซื้อของที่ตลาด เอาไว้เตรียมทำกับข้าวไปวัดพรุ่งนี้” มิกซ์ยื่นกระดาษรายการของที่ต้องซื้อกับเงินจำนวนหนึ่งมาให้ผม

มิกซ์เองมันก็ไปกับผมครับ แต่มันจ่ายตลาดไม่เป็น ทุกครั้งที่มาตลาดมันก็จะวิ่งตรงไปม่อลูกสาวร้านขายยาหน้าตลาดนู้นครับ ทิ้งให้ผมต้องเดินซื้อของแค่คนเดียวตลอด ผมว่าวันนี้ต้องเอาคืนมันซะหน่อยละกันครับ

ช้อปขับรถตามเส้นทางที่มิกซ์บอกจนมาถึงตลาดที่ผมเคยมาซื้อของอยู่เป็นประจำ

“ช้อปเห็นร้านขายยานั่นไหม” ผมชี้นิ้วไปที่ร้านขายยาทันทีที่ลงจากรถ

ช้อปมองตามนิ้ว หันกลับมาพยักหน้าตอบ

“ไอ้เชี่ยม่อน” มิกซ์วิ่งเข้ามาใช้มือปิดปากผม

“มีอะไรกัน” ช้อปยังยืนงงว่าผมสองคนกำลังทำอะไร

“มิกซ์ปล่อย พี่บอกให้ปล่อย” ช้อปสั่งมิกซ์ ประโยคหลังของทำเอามิกซ์สะดุ้งปล่อยมืออกจากปากผมอย่างเร็ว

“ม่อนจะบอกอะไรเรา” ช้อปคุยกับผมแต่ตากลับจ้องที่มิกซ์มัน สงสัยช้อปจะรู้แล้วว่าผมจะพูดเรื่องอะไร

“ช้อปเห็นร้านยานั้นไหม เมื่อก่อนมิกซ์มันชอบมาม่อลูกสาวร้านนี้ประจำ เห็นว่าสนิทกันมากด้วย นั้นไงคนนั้นไง” เธอมาได้ตรงเวลาพอดีเลยครับ สาวสวยตัวเล็กๆ ขาวๆ เดินออกมาหน้าร้านพอดี ผมว่าเธอคงเห็นมิกซ์มันแล้วด้วยครับ โบกมือวิ่งตรงมาที่กลุ่มเรา

หมดหน้าที่ของผมแล้วครับ ผมคว้ามือภาควิ่งตรงเข้าไปในตลาดทิ้งให้มันชดใช้เวรใช้กรรมของมันไป นี่แหละครับพี่ชายตัวอย่างฮาๆ ๆ

“กูฝากไว้ก่อนนะไอ้เชี่ยม่อน” เสียงมันด่าไล่ตามหลังมา ผมไม่สนใจมันหรอกครับปล่อยให้ช้อปจัดการมันไป

โชคดีนะมิกซ์น้องรัก พี่ชายคนนี้จะจดจำมึงไปตลอด

“ไปแกล้งน้องมันทำไม”

“เอาคืนมันนิดหน่อย”

“มึงนี่แสบจัง หวังว่าจะไม่เจอบรรดาแฟนเก่ามึงที่นี่เหมือนกันนะ”

‘กึก’

ผมหยุดเดินกะทันหันจนภาคที่เดินตามมาชนเข้าอย่างจัง

“มึงหยุดทำไม” ผมยิ่งนิ่งสายตาจดจ้องอยู่กับคนที่อยู่ตรงหน้า

ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอที่นี่

โบว์แฟนเก่าที่เคยทิ้งผมไปเธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีครับที่ได้มาเจอเธอ ผมต้องทำตัวยังไงดีครับ ควรทักเธอดีรึเปล่า

“หวัดดีม่อน” ผมยังไม่ทันคิดเสร็จ เธอก็เดินตรงเข้ามาทักผม

ตอนนี้ประหม่ามากเลยครับ ไม่รู้จะตอบเธอยังไงดี

“อะ...อืมหวัดดี”

“ม่อนเป็นไงบ้าง ไม่เจอกันนานหล่อขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” เธอเดินเข้ามาเกาะแขนสำรวจร่างกายผม เธอทำเหมือนว่าระหว่างเราสองคนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

“บะ...โบว์ก็สวยขึ้นเยอะเลยนะ” ผมตอบกลับด้วยเสียงสั่นๆ

“หล่อแบบนี้คงมีสาวๆ เยอะเลยล่ะสิ”

“ไม่มีหรอก” จะตอบเธอไปว่ามีแต่หนุ่มๆ คงจะดูแปลกๆ ไปครับ

“ถ้างั้นม่อนก็ยังไม่มีแฟนสินะ ตอนนี้เราเองก็โสด” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงใจอ่อนยอมทำตามที่เธอบอกหมดทุกอย่างไปแล้วครับ

“เราลองกลับมา...”

“ไม่ได้หรอกครับ” ภาคที่ยืนฟังเราอยู่ด้านหลังเดินเข้ามาจับมือผม มันคงรู้ว่าโบว์กำลังจะพูดอะไร ถึงได้รีบเข้ามาขัดไว้ก่อน

“ทำไมหรอคะ” โบว์ที่เพิ่งจะเห็นว่าผมไม่ได้มาแค่คนเดียว หันไปถามภาค

“ไม่มีผู้หญิงมาจีบม่อนหรอกครับ มีแต่...ผู้ชาย”

“อย่าบอกนะว่า...” โบว์มองหน้าผมสลับกับภาค เธอคงเข้าใจแล้วละครับว่าผมกับภาคเป็นอะไร

“ครับ ผมกับม่อนเป็นแฟนกัน” ภาคชูมือที่จับกับผมอยู่ชูขึ้น โบว์ดูจะตกใจจนต้องเดินถอยหลังไปเล็กน้อย

“คุณคงเข้าใจแล้วนะครับ งั้นผมขอตัวก่อน” ภาคดึงผมให้เดินตามหลังมัน

“อีกอย่างผมขอบคุณที่เลิกกับม่อนนะครับ” มันหยุดพูดกับโบว์ตอนที่กำลังเดินผ่านเธอ

ไม่ใช่แค่โบว์ที่อึ้งผมเองก็อึ้งไม่ต่างจากเธอ ไม่คิดว่าภาคมันจะพูดแบบนั้น

“ทำไมมึงพูดแบบนั้น” ผมถามมันหลังจากที่เดินห่างจากโบว์มาพอสวมควร

“ก็ขอบคุณที่เขาไม่เห็นค่ามึงในวันนั้น จนวันนี้มึงกลายเป็นคนมีค่าที่สุดของกู” เขินมากครับ เขินจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหล่าสาวน้อยที่มิกซ์มันเคยตามจีบเลยครับ เขินซะจนตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก

“ม่อน” มันเรียกผมจากด้านหลัง

“มึงไม่ต้องพูดแล้ว” ผมยังไม่หยุดเขินมันเลยครับตอนนี้ เขินจนต้องเดินหนีมัน

“กูแค่จะถามว่ามึงไม่ซื้อปลาทูหรอ” เฮ้อ...มัวแต่เขินจนเดินเลยร้านขายปลาทูมาซะได้ครับ





Part

มิกซ์



ทำไงดีครับก็คนที่ยืนประกบผมอยู่ตอนนี้ ข้างหนึ่งก็แฟนผม อีกข้างก็สาวสวยที่ผมเคยม่อไว้

ก็ไอ้ม่อนพี่ชายตัวแสบของผมนะสิครับ มันดันแกล้งผมแล้ววิ่งหนีไป ทิ้งผมไว้กับระเบิดเวลาลูกใหญ่กับสาวสวยที่ยืนเกาะแขนผมอยู่

ตายแน่มิกซ์เอ๊ย

“พี่มิกซ์เป็นไงบ้าง หายไปตั้งนานไม่มาหาแพรเลย” แพรรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าผมและก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ผมเคยไปม่อไว้ เธอทักผม

“พี่ไปอยู่กับพี่ม่อนมา”

“ทำไมไม่ยอมบอกแพรเลย รู้ไหมว่าแพรคิดถึง” แพรซบเข้าที่ไหล่ ผมหันกลับไปมองพี่ช้อปที่ยืนกอดอกตาเขียวมองผมกับแพร

ผมพยายามแกะมือไม้ของเธอออก แต่เธอไม่วายเกาะเข้ามาใหม่แถมแน่นกว่าเดิมเสียอีก

“พี่ว่าแพรปล่อยพี่ก่อนดีกว่านะ”

“ทำไมแพรต้องปล่อย ปกติแพรก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว”

‘เกร๊ง!!!’ เสียงเตะกระป๋องจากด้านหลัง มันคงเป็นสัญญาเตือนจากคนที่คุณก็รู้ว่าใครแน่ๆ

นั้นไงครับ ตาเขียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ตายแน่ครับงานนี้

แล้วนี่เมื่อไรน้องแพรเธอจะปล่อยแขนผมสักทีครับ เธอไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ชะตาผมกำลังจะขาด

“รีบคุยให้เสร็จ แล้วตามพี่มาที่รถ” คราวนี้เป็นเสียงประกาศิตส่งมาแทนครับ สงสัยผมต้องรีบเคลียตรงนี้แล้วกลับไปเคลียกับพี่มันให้เร็ว จะเป็นการดีที่สุดสำหรับผมตอนนี้

ผมคุยกับแพรเธออยู่นาน จนผมตัดสินใจบอกเธอว่ามีแฟนแล้วเธอถึงยอมปล่อย แต่ผมไม่ได้บอกหรอกนะครับว่าใครเป็นแฟนผม เพราะถ้าบอกว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายแพรเธอคงไม่ยอมเชื่อผมแน่ๆ

“มีอะไรจะพูดไหม” คำถามพุ่งเข้าหน้าผมตั้งแต่ผมเปิดประตูรถเลยครับ

“ผมยอมรับว่าเคยคุยกับน้องเขา แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยแล้ว”

“มีคนอื่นอีกไหม”

“ไม่มีแล้ว”

“แน่ใจ”

“เอ่อ...ก็มีอีกหลายคน แต่มิกซ์ไม่ได้ติดต่อแล้ว” จะโกหกก็ไม่กล้าเพราะพี่แกดูฉลาดเกินกว่าที่คนโง่ๆ อย่างผมจะหลอกได้

“ห้ามให้พี่เห็นแบบนี้อีก” นี้คงเป็นคำขาดจากพี่ช้อป ดูจากน้ำเสียงกับสีหน้าที่ดูจริงจังมาก

“ครับ”

“ยื่นหน้ามา” พี่ช้อปสั่ง

“ยื่นไปทำไมอ่ะ”

“พี่ก็จะทำโทษไง”

“ได้ไงอ่ะ”

“จะยื่นมาเองหรือจะให้พี่ช่วย” ผมรีบยื่นหน้าไปหาพี่แก แต่ถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะโดนทำโทษด้วยวิธีแบบไหน

‘จุ๊บ’ ผมเบิกตากว้างตอนที่พี่ช้อปยื่นหน้าเข้ามาจูบผม นี่คือวิธีการทำโทษเหรอครับ

“ถ้าพี่เห็นแบบวันนี้อีก พี่ทำมากกว่านี้แน่” 

ผมไม่ทำแล้วคร้าบบบบบ



ตอนหน้าก็จะจบเล่มแรกของเรื่องนี้แล้ว ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องใหม่ของผมกันด้วยนะครับ

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #ขอบคุณที่ทิ้งไป
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-08-2018 17:15:08
น่ารักกันไป
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #ขอบคุณที่ทิ้งไป
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-08-2018 20:16:57
นานๆทีม่อนถึงจะได้เอาคืนมิกซ์555
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #ขอบคุณที่ทิ้งไป
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 21-08-2018 09:39:13
สนุกกกกกกกกก
ตอนแรกพระเอกอย่างแบด ตอนนี้หล่ะอ้อนเก่งนัก
เหลือแค่พ่อของภาคยอมรับ
ปล. แล้วเพื่อนภาคนี้หายไปหมดเลย?หมดบทละ เพราะภาคติดเมีย
แล้วอาการของแม่ที่ผ่าตัดคือหายเลย?
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 35 #ขอบคุณที่ทิ้งไป
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-08-2018 22:45:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 26-08-2018 01:43:11
มาถึงตอนสุดท้ายของเล่มนี้แล้วนะครับ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับเหลือต่อเล่มสอง ผมสปอยล์ไว้ก่อนนะครับว่าเล่มสองยังมีดราม่าเตรียมไว้ให้อีก ฉะนั้นขอพักสมองไปคลายเครียดกับคู่ #ช้อปมิกซ์ กันก่อน ถ้าจบเรื่อง Knocked Out ช่วยที!!!...กูโดนยิงดาวน์ ผมจะมาต่อให้นะครับ ฝากติดตามนิยายทั้งสองเรื่องนี้ด้วย ระหว่างนี้ผมอาจจะมีเรื่องสั้นแทรกเข้ามาด้วย ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ 

ปล.อย่าลืมเม้นติชมเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ


ตอนที่ 36


#ไม่มีทาง



“มองกูทำไม” ผมขยับตัวถอยหลังขึ้นไปใกล้หัวเตียง

ไม่ต้องถามครับว่าใครที่กำลังมองผม ภาคกระโดดตามขึ้นมาคร่อมผมบนเตียง

“ภาคอย่า นี่บ้านกูเดี๋ยวพ่อแม่ได้ยิน” ผมดันหน้ามันไว้ตอนที่มันกำลังโน้มตัวลงมา

ผมไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ ทำไมถึงหื่นได้ตลอดเวลาแบบนี้

“สัญญากูจะทำเบาๆ” มันชูสามนิ้วทำหน้าเหมือนเด็กกำลังอ้อน

“ไม่ได้...อื้อ” มันไม่ฟังคำปราม โน้มตัวลงมาไซร้ที่ต้นคอผม

“อื้อ...อ้า...ภาคมะ...ไม่เอา”

“ร้องดังเดี๋ยวพ่อแม่มึงได้ยินนะ” มันไซร้มากระซิบที่ข้างหู

ผมรีบใช้มือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว กลัวว่าพ่อกับแม่จะขึ้นมาได้ยิน

เสื้อผ้าผมถูกถอดออกไปทีละชิ้น ไม่ต่างจากภาคมันที่ตอนนี้แทบจะเปลือยเปล่าอยู่บนตัวผม

ลิ้นเย็นแตะลงที่ยอดอกจนผมเสียวสะท้าน ต้องดึงผ้าห่มมากัดแทนมือที่ใช้ปิดปากตัวเอง มันเสียวซะจนผมกลัวจะเผลอครางเสียงดังจนเล็ดลอดออกไปข้างนอก

มันดูดเลียที่หัวนมผมอยู่นาน ภาคใช้มือง้างปากเพื่อเอาชายผ้าห่มที่ผมกัดอยู่ออก มันสอดลิ้นและประกบริมฝีปากหนาปิดไว้แทน

มันเลื่อนมือสอดเข้าไปสัมผัสน้องชายผม ที่กำลังตื่นตัวเต็มที่อยู่ภายใต้กางเกงในสีขาว มือผมเองก็อยู่ไม่เป็นสุขคอยลูบคลำแผ่นหลังของมันเช่นกัน

“รอเดี๋ยวนะ” มันละปากออกจ ลุกขึ้นเดินไปเปิดกระเป๋าเป้ของมันที่วางอยู่ใกล้ๆ

มันเดินถือกระป๋องพลาสติกขนาดใหญ่กว่าแขนผมเล็กน้อยวางไว้ข้างๆตัวผม มันบีบเจลลงที่น้องชายผมแทนที่จะเป็นน้องชายของมัน กระป๋องพลาสติกที่วางไว้ถูกมันหยิบขึ้นมา

“อ้า…” ผมร้องครางออกมาทันที มันสวมกระป๋องนั้นเข้ากับน้องชายผม มันเป็นกระป๋องช่วยตัวเองของผู้ชายครับ ผมไม่คิดว่ามันจะเตรียมของแบบนี้มาด้วย

ครืดๆ ครืดๆ

มันไม่เพียงแค่สวมสิ่งนั้นเข้ามา มันยังกดปุ่มที่อยู่ด้านข้างกระป๋องนั้นด้วย

“อ้า…” ซิลิโคนด้านในเริ่มขยับตัวขึ้นลงบีบรัดน้องชายผมแน่น ผมร้องเสียงดังจนต้องหยิบหมอนที่วางอยู่ข้างๆมาปิดหน้าตัวเองไว้

“เอาหมอนออก กูอยากมองหน้ามึงตอนเสียว” ภาคดึงหมอนที่ปิดหน้าผมออก โน้มตัวลงมาจูบผมแทน

“เซ็กซี่ฉิบหาย” มันเงยหน้าส่งยิ้มหื่นแบบที่มันทำประจำ

“จะทำอะไรก็รีบทำ อื้อ...กูจะไม่ไหวแล้ว อ้า...” ผมเริ่มจะต้านทานความเสียวจากของเล่นที่มันกำลังขยับกระตุ้นความเสียวผมอย่างต่อเนื่องนี่ไม่ไหว

“พร้อมนะ”

“ภาคเดี๋ยว ถุงยางล่ะ” ผมดันตัวมันไว้เพราะจนถึงตอนนี้ผมยังไม่เห็นมันหยิบถุงยางขึ้นมาใส่เลย

“ขอสดนะ” มันก้มลงมากระซิบที่ข้างๆ หู พร้อมกับดันน้องชายของมันเข้ามาโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว

มันเริ่มขยับสะโพก มันเสียวจนผมเผลอครางออกมาเสียงดัง ความเสียวที่ถาโถมเข้ามาทั้งด้านหน้าและด้านหลังผมตอนนี้ มันเสียวมากที่สุดตั้งแต่ผมเคยมีอะไรกับภาคมา คงเป็นเพราะไอ้กระป๋องนั้นของมันช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมได้เป็นอย่างดี

“ร้องดังเดี๋ยวพ่อแม่มึงได้ยินนะ” มันส่งยิ้มกวนๆมา

ผมโน้มคอมันลงมาจูบ คิดว่าทำแบบนี้น่าจะช่วยลดเสียงครางของผมลงได้บ้าง

“อื้อ...” ถึงปากผมจะประกบอยู่กับปากภาคมัน แต่ก็ยังไม่วายมีเสียงครางที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอผมอยู่ตลอดเวลา

หวังว่าพ่อกับแม่ผมจะไม่ได้ยินนะครับ

“ภาคเร็วอีกหน่อย กูไม่ไหวแล้ว” ผมพูดข้างหูมันด้วยเสียงสั่น กอดคอมันไว้แน่น

“กูก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

มันขยับสะโพกเร็วขึ้น จนตอนนี้ผมเริ่มทนไม่ไหว รีบดึงกระป๋องเสียวออกจากน้องชายตัวเอง เพราะถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้ผมคงได้เสียวจนใจขาดตายตอนนี้แน่ๆ

“อ้า…” เสียงครางของเราสองคนประสานกัน หลังจากดึงกระป๋องนั้นออกน้ำรักผมก็พุ่งออกมาเลอะเต็มตัว แม้แต่หน้าอกภาคเองก็เลอะเต็มไปด้วยน้ำรักของผมที่กระเด็นไปโดนตัวมัน

ภาคทิ้งตัวลงมาทับผม เสียงหอบหายใจแรงไม่ต่างจากผม

“เอาออกไปได้แล้ว” ผมตีหลังมันไปเบาๆมันไม่ยอมดึงน้องชายของมันออกไป มันปล่อยให้น้องชายมันกระตุกและปล่อยน้ำรักของมันพุ่งเข้ามาในตัวผม

“แตกในแบบนี้ พ่อกับแม่มึงคงไม่ต้องห่วงเรื่องหลานแล้วล่ะ” มันดึงน้องชายออก ลุกขึ้นไปหยิบทิชชูที่วางอยู่หัวเตียง มาเช็ดน้ำของมันที่กำลังไหลออกจากด้านหลังผม

“มึง….”



ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า นั่งมองไอ้หื่นที่ยังนอนหลับอยู่ข้างๆ ยังดีนะครับที่เมื่อคืนมันจัดผมแค่รอบเดียว ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมคงไม่มีแรงลุกขึ้นมาแบบนี้หรอกครับ

“ยังเช้าอยู่เลยมึงรีบตื่นไปไหน” หลังๆมานี่ภาคมันมักจะตื่นพร้อมผม เพราะทุกครั้งที่ผมตื่นมันก็จะตื่นตามเป็นแบบนี้ทุกวัน ตั้งแต่ที่มันเริ่มทำงานพิเศษกับผม

“นอนต่ออีกนิดนะ” มันคว้าเอวผมเข้าไปกอด ซุกหน้าเข้ากับต้นขาผม

“กูจะลงไปช่วยแม่ทำกับข้าว” วันนี้ที่พ่อบอกว่าจะพาพวกเราไปไหว้ขอพรจากหลวงลุง ผมเลยรีบตื่นจะได้ลงไปช่วยแม่เตรียมจัดของไปทำบุญที่วัด

“จริงสิ” มันลุกพรวดขึ้นมานั่งมองหน้าผม

“ปะ รีบไปล้างหน้าลงไปช่วยแม่ดีกว่า” เป็นมันที่กระโดดลงจากเตียง จูงมือผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“ไม่นอนต่อแล้วหรอ” ผมหันไปถามมันที่ยืนขยับแปรงสีฟันอยู่ข้างๆ

“ก็กูอยากทำคะแนนกับแม่ยายหน่อย” มันยิ้มกวนๆ ทั้งที่ฟองยาสีฟันยังติดอยู่รอบปากมัน

“เอองั้นก็ดี”

“มึงก็รีบๆแปรง แล้วตามกูลงไปเร็วๆล่ะ” มันบ้วนปาก ล้างหน้าเสร็จแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่างทันที

สงสัยมันคงกลัวพ่อกับแม่ผมเปลี่ยนใจละมั้งครับ ถึงได้ขยันรีบวิ่งลงไปช่วยแม่ผมทำงานแบบนี้



ผมเดินตามภาคมันลงมาที่ห้องครัว ดูสองคนนั้นจะเข้ากันได้ดีครับเห็นคุยกันถูกคอเชียว แต่แปลกใจที่เห็นภาคมันหยิบจับทำนู่นทำนี้ดูแล้วไม่ขัดตาเหมือนตอนที่ช่วยผมทำ

“อยู่ที่กรุงเทพฯ เจ้าม่อนทำกับข้าวให้เรากินบ่อยไหม”

“แรกๆก็ไม่ค่อยได้ทำหรอกครับส่วนใหญ่ซื้อทานเอา แต่หลังๆผมติดใจฝีมือลูกแม่ เลยต้องให้ม่อนทำอาหารให้ทานทุกวันเลยครับ” ผมยืนยิ้มมองภาคกับแม่คุยกัน

“ภาคมาช่วยแม่ชิมดูหน่อย” แม่ใช้ช้อนตักน้ำแกงส่งให้ภาค

“ผมรู้แล้วครับว่าม่อนทำอาหารเก่งเหมือนใคร” มันยิ้มทะเล้น

“ปากหวานนะเนี่ยเรา”

ดูมันประจบแม่ผมครับ แม่ผมเองก็บ้ายอเสียด้วยยืนยิ้มหน้าบานตัวแทบจะลอยติดเพดานแล้วครับ

“อ่าว มึงมาแล้วหรอ” มันเดินเข้ามาลากแขนเข้ามาไปในครัว ใช้ช้อนตักแกงเขียวหวานยื่นมาจ่อปากผม

“มึงลองชิมดู” ผมอ้าปากงับช้อนนั้น

พรูด!!!

ผมคายน้ำแกงนั้นออกทันที ร้อนครับ ก็มันเล่นตักน้ำแกงร้อนๆจากเตาส่งเข้าปากผมโดยที่ไม่เป่าเลยสักนิด

“โทษที อะนี่น้ำ” มันยื่นแก้วน้ำมาให้ผม แล้วเดินกลับไปตักแกงมาใหม่

ฟูๆ ๆ ๆ

“น้ำลายมึงลงไปหมดแล้วมั้ง” ครั้งนี้มันยืนเป่าอยู่นานครับ ถ้าผมไม่ทักมันคงไม่หยุดเป่าแน่ๆ ครับ

“เดี๋ยวมันลวกปากมึงอีก อะนี่” มันยื่นช้อนมาอีกครั้ง ผมอ้าปากงับช้อนนั้นเข้าไป

มันยืนจ้องปาก ทำท่ากลืนไปพร้อมๆกับผม มันยืนมองหน้าเหมือนกำลังลุ้นคำตอบ

“เป็นไงบ้าง”

“อืม...อร่อย” ผมพยักหน้าตอบ

“นั้นไงฝีมือการใส่มะเขือเปราะของกู” ผมยืนขำท่าทางเหมือนเด็กของมัน ดูมันจะภูมิใจมากกับการใส่มะเขือเปราะลงในหม้อ แต่อย่างว่าครับคุณชายอย่างมันทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้วแหละครับ

“แฟนกูเก่งจังเลย” ผมก็เล่นกับมัน เดินเข้าไปดึงแก้มทั้งสองข้างของมันส่ายไปส่ายมา คิดซะว่ากลับไปกรุงเทพฯ คราวนี้มันจะได้มีกำลังใจทำงาน

“อะ...แฮ่ม หวานกันเกรงใจแม่บ้าง” แม่ยืนยิ้มมองผมสองคนหยอกล้อกัน

“ขึ้นไปเรียกมิกซ์กับช้อปให้แม่หน่อย แล้วเราสองคนก็รีบอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วจะได้ออกไปเลยเดี๋ยวสาย”

ผมเดินขึ้นมาข้างบนตามที่แม่สั่ง

‘เมื่อคืนสองคนนั้นทำอะไรกันรึเปล่า’ ผมยืนคิดอยู่หน้าประตูห้องมิกซ์

“มึงรอกูตรงนี้ก่อนนะ” ผมบอกภาค รีบวิ่งลงไปหาที่ชั้นล่าง ผมมีแผนแล้วครับ

ผมวิ่งกลับขึ้นมาหน้าห้องมิกซ์อีกครั้งหลังจากที่ได้ของที่ผมต้องการมาเรียบร้อย

“มึงจะทำอะไร” ภาคมันยืนขมวดคิ้วมองผม

“มึงอยู่เฉยๆ แล้วเงียบๆหน่อย”

ผมหยิบกุญแจสำรองห้องมิกซ์ที่ผมเพิ่งลงไปขอจากแม่มา นี่แหละครับแผนของผม จู่โจมโดยที่ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว จะได้รู้กันไปเลยว่าสองคนนั้นเสร็จกันรึยังและสิ่งที่ผมอยากรู้ที่สุดคือมิกซ์มันกดช้อปได้อย่างที่มันพูดรึเปล่า

ผมค่อยๆหมุนลูกบิดเปิดประตูให้เบาที่สุด ผมเดินย่องเข้าไปในห้อง ภาคเองก็ย่องตามผมเข้ามาเหมือนกัน

เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆครับ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือมิกซ์กับช้อปกำลังนอนกอดกันอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้สองคนมีอะไรกันมากกว่านอนกอดกันรึเปล่า

“ภาคมึงเอาโทรศัพท์มาด้วยใช่ไหม” ภาคพยักหน้าตอบ

“งั้นก็ดี ถ่ายรูปสองคนนี้เก็บไว้ให้กูหน่อย” ภาคมันยังงงๆทำหน้าสงสัยว่าผมกำลังทำอะไร แต่มันก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตามที่ผมสั่ง

ผมจะเก็บรูปนี้ไว้แบล็กเมล์มิกซ์มันครับ เวลามันดื้อผมจะได้เอารูปนี้ไว้ขู่มัน

เรื่องรูปเอาไว้ก่อน ตอนนี้ขอแกล้งมันก่อนละกันครับ

“อะ...แฮ่ม” ผมกระแอมเสียง

“ม่อน/เชี่ยม่อนมึงเข้ามาได้ยังไง” มิกซ์กับช้อปลืมตาขึ้นมามองผม

“นี่ไง” ผมยกกุญแจในมือให้มันดู

“แล้วมึงจะเข้ามาทำไม” มิกซ์มันโวยวาย

“ก็จะเข้ามาดูไงว่ามึงกับช้อปได้กันยัง”

“ไอ้สัส!!!”

“แต่นอนกอดกันขนาดนี้กูว่า...คงไม่เหลือแล้วมั้ง”

“มึงออกไปเลยนะ” มิกซ์ปาหมอนมาใส่ผมทั้งๆที่มีแขนของช้อปพาดตัวมันอยู่

“ไม่ออก มึงต้องบอกกูก่อนว่ามึงได้กันยัง” ผมปาหมอนใส่มันกลับ

“แล้วเกี่ยวอะไรกับมึง”

“ก็กูอยากรู้ว่ามึงจะกดช้อปได้อย่างที่มึงพูดรึเปล่า” มิกซ์มันหันไปมองช้อปทันที ช้อปเองก็เช่นกันหันไปขมวดคิ้วมองหน้ามิกซ์มัน

“นี่เราจะกดพี่หรอ”

“เอ่อ...ม่อนมันก็พูดมั่ว” มิกซ์มันพยายามเฉไฉไม่ตอบช้อป

ผมคงต้องได้ใช้รูปที่ให้ภาคถ่ายให้เมื่อกี้แล้วครับ ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้

“ภาคเอารูปเมื่อกี้ขึ้นมาให้มันดู” ผมสั่งภาคที่กำลังทำตามผมอย่างงงๆ

“ถ้ามึงไม่อยากให้คนอื่นเห็นรูปนี้ มึงก็ตอบมาว่ามึงกับช้อปได้กันรึยัง” ผมงัดไม้ตายออกมาขู่มันครับ ต้องทำแบบนี้แหละครับมิกซ์มันถึงจะยอม

“หึๆ” มิกซ์หัวเราะ ลุกจากเตียง เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ

แปลกครับ มันไม่กลัวคำขู่อย่างที่ผมคิดไว้

“มึงคิดว่ามึงขู่กูได้คนเดียวงั้นหรอ” มันยกยิ้มมุมปาก เดินตรงเข้ามาหาผม

มันกดโทรศัพท์ยื่นเข้ามาใกล้หูผม

‘อื้อ...ภาคเร็วอีกหน่อย กูไม่ไหวแล้ว...อ้า’ ผมยื่นนิ่งเบิกตากว้าง เสียงที่ได้ยินคือเสียงผมกับภาคกำลังมีอะไรกันเมื่อคืน

ผมได้สติพยายามรีบคว้าโทรศัพท์จากมือมิกซ์มา แต่ไม่ทันความเร็วของมิกซ์มัน มันรีบดึงโทรศัพท์กลับทันที

“นี่มึงแอบฟังกูหรอ” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน

“แอบฟังหรอ? กูไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน เสียงครางมึงดังซะขนาดนั้น มึงลืมแล้วหรอว่าห้องกูกับมึงอยู่ติดกันแค่นี้”

“แล้วมึงจะอัดเสียงกูทำไม”

“กูแค่อยากจะเก็บไว้แก้แค้นมึงเรื่องเมื่อวาน แต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้”

“มึงลบเลยนะ”

“ไม่” มันยืนยันเสียงแข็ง

“งั้นกูจะปล่อยรูปมึง” ผมขู่ หวังว่ามันจะกลัวนะครับ

“ก็แล้วแต่นะ รูปกูแค่นอนกอดกัน ส่วนของมึงครางซะขนาดนั้น มึงคิดเอาเองละกันว่าใครจะอายกว่า” ผมคิดตามที่มิกซ์มันพูด จริงครับผมแพ้มันทุกทางจริงๆ

“ม่อนกลับเถอะ กูว่ามึงแพ้มิกซ์มันแล้ว” ภาคเดินเข้ามาโอบไหล่ผมเดินไปที่ประตู

“กูฝากไว้ก่อนนะ” ผมหันไปไปชี้หน้ามัน

“รีบมาเอาคืนนะ” เสียงหัวเราะของมิกซ์ดังไล่หลังผมมา

ไม่น่าพลาดเลยครับ คิดจะแกล้งมันกลับโดนมันซ้อนแผนซะงั้น รอบนี้ผมยอมแพ้มันแต่รอบหน้าผมต้องชนะมันแน่ๆครับ ฝากไว้ก่อนนะมึงมิกซ์



หลังจากที่ผมแพ้มิกซ์มันไปอย่างราบคาบ ตอนนี้อาหารที่เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อย เราทุกคนก็มาพร้อมหน้ากันแล้ว เราขนของขึ้นรถยนต์ของช้อป ขับมุ่งตรงไปวัดที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมมากนัก

เรานั่งรกกันได้ซักพักก็มาถึงวัดที่เราจะมาทำบุญกันวันนี้ ผม ภาค มิกซ์และช้อป ต่างช่วยกันถือปิ่นโต หม้อกับข้าวที่แม่เตรียมไว้เดินตามพ่อกับแม่เข้าไปที่ศาลาการเปรียญ

อาหารถูกยกเข้ามาจัดเตรียมใส่จานเรียบร้อย พระสงฆ์รูปหนึ่งเดินเข้ามานั่งตรงหน้าถาดอาหารที่เราเตรียมไว้ หลวงลุงผมนั้นเองครับ ท่านเป็นพี่ชายของพ่อผมเอง ท่านบวชตั้งแต่ยังหนุ่มๆครับตอนนี้ก็หลายพรรษาแล้ว ผมเองก็เคยมาหาท่านอยู่บ่อยๆ ตอนที่ยังเรียนอยู่ที่นี่

พ่อบอกให้พวกผมสี่คนเข้าไปยกถาดอาหารถวายหลวงลุง เราลุกขึ้นทำตามที่พ่อบอก

“ไหนล่ะแฟนเอ็งสองคนที่บอกจะพามาให้ลุงผูกข้อมือให้” หลวงลุงท่านถามหลังจากที่ฉันอาหารเสร็จเรียบร้อย

“นี่ครับ” ผมมองไปที่ภาค มิกซ์เองก็มองที่ช้อปเหมือนกัน

“จริงหรือวะ” หลวงลุงท่านหันไปถามพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่ด้านหลัง

พ่อกับแม่เพียงพนมมือพยักหน้าตอบท่านไปเท่านั้น

หลวงลุงนั่งนิ่งเงียบไปสักพัก มองหน้าเราสี่คนสลับกัน ท่านคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆ หลายชายทั้งสองคนพาแฟนที่เป็นผู้ชายกลับบ้านมาแบบนี้

“ไหงเอ็งสองคนพาผู้ชายกลับมาแบบนี้วะ” ผมไม่มีคำตอบให้กับท่าน

“เออๆ...ช่างมันเถอะยื่นมือมา” หลวงลุงหยิบสายสิญจน์ขึ้นมาผูกข้อมือเราทีละคนจนครบ

“ถ้าพวกเอ็งรักกันจริงลุงก็ไม่ว่าหรอก ยังไงต่อจากนี้ก็ดูแลกันและกันนะ”

“พวงเอ็งล่ะเป็นไงบ้าง จะมีหลานให้อุ้มไหมล่ะที่นี้” หลวงลุงหันไปถามพ่อกับแม่

“ไม่มีก็ดีแล้วเจ้าค่ะ แค่เลี้ยงไอ้เจ้าสองคนนี้ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว แค่ลูกมีความสุขฉันก็ดีใจแล้ว” ผมหันไปยิ้มให้แม่ คลานเข่าเข้าไปกอดพ่อกับแม่พร้อมกับมิกซ์

ผมโชคดีมากครับที่มีครอบครัว มีพ่อกับแม่ที่เข้าใจ ที่รักเราแม้ว่าเราจะไม่เหมือนคนอื่นก็ตาม ผมไม่สนว่าใครจะมองว่ายังไงขอแค่มีครอบครัวที่เข้าใจเราแค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ



“แม่เดี๋ยวตอนเย็นม่อนพาภาคกับช้อปไปเดินเล่นที่เขื่อนนะ” ผมคิดไว้ว่าก่อนกลับจะพาภาคมันไปดูเขื่อนที่อยู่ไกลจากบ้านผมครับ ผมกับมิกซ์เองก็เคยไปเดินเล่นที่นั่นอยู่บ่อยๆ ตอนเย็นนี่สวยมากๆ

“ไปแล้วก็อย่าอยู่เย็นนักล่ะ”

“ครับ”



ช้อปขับรถตรงขึ้นไปจอดบนสันเขื่อน

ผมเดินลงจากรถเดินนำภาคมันไปกลางสันเขื่อน มุมนี้จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ชัดและสวยที่สุด ภาคเดินตามเข้ามากุมมือผมไว้ มิกซ์กับช้อปเองก็เดินจับมือเดินตามพวกผมมาห่างๆ

“สวยไหม” ผมหันไปถามภาค

“สวยสิ สวยมากๆ ยิ่งได้มองข้างๆมึงยิ่งสวยเข้าไปใหญ่” มันหันมายิ้มให้ผม

“หลังจากนี้มึงกับกูจะเป็นยังไง พ่อมึงจะยอมรับพวกเราไหม” ผมยอมรับครับว่ายังกังวลเรื่องนี้อยู่

“มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ กูจะพยายามทำให้เขายอมรับเราให้ได้”

“แล้วถ้าไม่ได้ล่ะ” ภาคปล่อยมือผมลง จับไหล่หันตัวผมให้ตรงกับมัน

“ถึงจะเป็นอย่างนั้น กูก็ยืนยันว่ากูจะอยู่กับมึง”

“กูรักมึงนะภาค”

“กูก็รักมึงเหมือนกัน” เราต่างโน้มตัวเข้ามาจูบกัน

ความรักของเรามันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ต่อจากนี้มันจะเป็นบทพิสูจน์ว่าเราจะรักและจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคที่เข้ามาได้รึเปล่า ผมเองก็หวังว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้ความรักของเราสองคนลดลง ผมอยากจะรักษาความรักของเราให้อยู่แบบนี้ไปให้นานที่สุด



“มึงห้ามจูบกันนะ” ผมหันไปห้ามมิกซ์กับช้อปที่ยืนกอดกันอยู่ไม่ไกล



Part

มิกซ์




“มึงห้ามจูบกันนะ” เสียงม่อนมันร้องห้าม

“กูไม่ทำแบบมึงหรอก” ผมตะโกนตอบมันไป

ผมไม่มีทางมายืนจูบกันในที่แบบนี้เหมือนคู่มันหรอกครับ ไม่มีทาง อื้อ...ไอ้พี่ช้อป....อื้อ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-08-2018 02:41:09
รอภาคสอง  อยากรู้ว่าภาคจะได้กลับบ้านไหม
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-08-2018 09:50:55
จบได้น่ารัก ชอบพ่อแม่ฝั่งม่อนนะ หายากที่จะเข้าใจลูกๆ ได้ขนาดนี้
ขอบคุณคนเขียนที่มีเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่าน จะรอตอนของภาคกับทางพ่อแม่นะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-08-2018 12:09:34
ขอบคุณสำหรับ เรื่องราวสนุกๆ อีก 1 เรื่อง
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-08-2018 14:36:16
เดี๋ยว พ่อยังไม่ยอมรับเลยยยย

ภาคแม่งโคตรของโคตรหื่น
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 29-08-2018 10:29:29
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ปล.ฝากใส่วันที่ที่อัพตอนล่าสุดบนหัวเรื่องให้ด้วยทุกครั้งนะครับ จะได้เข้ามาอ่านได้ถูกครับ :hao5:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 29-08-2018 12:24:41
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ปล.ฝากใส่วันที่ที่อัพตอนล่าสุดบนหัวเรื่องให้ด้วยทุกครั้งนะครับ จะได้เข้ามาอ่านได้ถูกครับ :hao5:


*ได้เลยครับ แต่ภาคสองต้องรออีกสักหน่อยนะครับเพราะกำลังเขียนอีกเรื่องหนึ่งอยู่ ถ้าเริ่มเขียนเดี๋ยวมาแจ้งให้ครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 36 #ไม่มีทาง
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-08-2018 22:24:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] แจ้งข่าว ภาคต่อ+แนะนำนิยายเรื่องใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 01-10-2018 18:21:16
มีข่าวมาแจ้งให้ทุกคนทราบครับหลังจาก ที่หายไปเขียนเรื่องอื่นอยู่นานตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไปผมจะเริ่มกลับมาเขียนนิยายเรื่องนี้ต่อ ใครที่คิดถึงภาคกับม่อนรอได้เลยนะครับ 

แอบสปอยนิดหนึ่งว่ามีดราม่าอีกแน่นอน

*ฝากกดติดตามเพจของผมไว้ด้วยนะครับ 

https://www.facebook.com/นิยาย-By-TonyYuki-294866387783614/?modal=admin_todo_tour (https://www.facebook.com/นิยาย-By-TonyYuki-294866387783614/?modal=admin_todo_tour)

และก็ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆของผมด้วยนะครับ

Knocked Out ช่วยที!!!...กูโดนยิงดาวน์ #ช้อปมิกซ์

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68077.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68077.0)

ผมเนี่ยนะ!!!...เป็นองครักษ์ขององค์ชาย

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68338.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68338.0)
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ี่ 37 #เหนื่อยใจกับมึงจริงๆ (15/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 15-10-2018 02:26:15
ตอนที่ 37

#เหนื่อยใจกับมึงจริงๆ


กลับมาแล้วตามคำสัญญา อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจไรต์ด้วยนะครับ


หลังจากที่ผมกับมิกซ์ทำเซอร์ไพรซ์พ่อกับแม่ด้วยการเปิดตัวแฟนที่เป็นผู้ชายพร้อมๆ กัน ดูทั้งสองคนจะตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือกีดกัน กลับเอ็นดูภาคกับช้อปเหมือนกับได้ลูกชายเพิ่มมาอีกสองคน

คงเพราะสองคนนั้นรู้จักประประแจงพ่อกับแม่ผมละมั้งครับ ไอ้ภาคนี่เข้าทางแม่ผมทั้งช่วยทำกับข้าวถึงแม้จะเก้ๆ กังๆ ก็เถอะแต่ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจแม่ผมมาก ส่วนช้อปคนนั้นเข้าทางพ่อและดูเหมือนพ่อจะชอบแฟนลูกชายคนเล็กมาก ก็ทั้งเรียนเก่งทั้งรวยแถมยังหล่ออีกต่างหาก ต่างกับภาคที่กลัวพ่อผมเอามากๆ เห็นหน้าทีไรต้องหดคอทำหน้าหงอยตลอด เห็นแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้

วันนี้ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับมหาลัยกันแล้ว เราสี่คนช่วยกันหิ้วของฝากที่พ่อกับแม่เตรียมไว้ให้ใส่หลังรถ ผมกับมิกซ์เข้าไปกอดและรับพรจากพ่อกับแม่รวมถึงรับคำสั่งว่าให้ดูแลน้องชายตัวดีไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เรื่องนั้นคงต้องให้ช้อปเป็นคนจัดการแทนแล้วล่ะครับ จากเสือมิกซ์จะกลายเป็นแค่ลูกแมวเหมียวทันทีเมื่อมันอยู่ในมือช้อป

“แม่ฝากสองคนนี้ด้วยนะ” แม่หันไปพูดกับลูกชายคนใหม่ของบ้านที่ยืนรออยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนตกปากรับคำเป็นอย่างดี

หลังจากที่ร่ำลาพ่อกับแม่รถหรูของช้อปก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศในทันที

“ม่อน มึงว่ากูซื้ออันนี้ดีไหม” ภาคยื่นโทรศัพท์ที่เปิดแค็ตตาล็อกของเล่นกามของมันให้ผมดู มันนี่หื่นไม่เลือกที่จริงๆ เงินค่าแรงที่มันทำงานจะพอค่าเทอมรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ยังมีหน้าสั่งของแบบนี้มาอีก ผมว่ากลับไปถึงห้องคงต้องคุยเรื่องนี้กับมมันหน่อยแล้ว





ผมนั่งมองวิวสองข้างทางที่กำลังเปลี่ยนจากต้นไม้สีเขียวเป็นตึกสูง ผมนั่งหลับเกือบสามชั่วโมงโดยมีไหล่ของคนข้างคอยเป็นหมอนให้ตลอดทาง

“เมื่อยแล้วทำไมไม่ปลุกกู”

“แค่นี้เอง ไม่เมื่อยหรอก” ถึงมันจะตอบแบบนั้นแต่ผมแอบเห็นมันขยับไหล่ตัวเองอยู่หลายครั้ง

“มานี่ เดี๋ยวกูนวดให้” ผมช่วยบีบคลายความเมื่อยให้

“ขอบคุณนะครับ” มันยิ้มกว้างตอบกลับมา



การจราจรในกรุงเทพฯ ยังคงติดขัดอย่างต่อเนื่อง เราติดอยู่บนถนนหลักกว่าจะเข้ามาถึงตัวมหาลัยก็ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง

ช้อปขับรถมาส่งเราสองคนที่คอนโด หลังจากนี้ผมคงต้องหอบข้าวหอบของมาอยู่กับภาคอย่างเป็นทางการเพราะห้องที่เคยอยู่ได้ตกเป็นของมิกซ์ไปเรียบร้อย

ส่วนเรื่องไอ้นัทรูมเมทของผมนั้นคงไม่ต้องเป็นห่วง มันสนิทกับน้องชายมากกว่าตัวผมที่เป็นรูวิดีโอเมทมันซะอีก ก็ดีแล้วละครับนัทมันจะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาคอยดูไอ้น้องตัวแสบของผมอีกทาง

ผมหอบข้าวของที่พ่อกับแม่ให้ขึ้นมาบนห้อง อย่างที่ผมเคยบอกผมต้องคุยกับภาคเรื่องการใช้เงินของมัน หลังจาที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยผมก็เรียกมันมาคุยทันที

“ภาคมานี่หน่อย” ผมตบโซฟาเรียกอีกคน

“มีอะไรรึเปล่า” มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“กูคำนวณดูแล้ว เงินที่มึงทำงานคงไม่พอจ่ายค่าเทอม”

“อื้ม กูรู้แล้ว”

“มึงเอาของกูออกก่อนก็ได้นะ” ผมพอมีเงินเก็บเหลืออยู่บ้างคงพอช่วยมันจ่ายของเทอมนี้ได้

“เฮ้ย...ไม่เป็นไร”

“แล้วมึงจะเอาเงินที่ไหนจ่าย”

“ไม่ต้องห่วงกูคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว” สีหน้ามันดูมั่นใจมากแต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดห่วงไม่ได้

เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะเปิดเทอมแล้ว ค่าเทอมมันก็ยังขาดอีกตั้งหลายพันมันจะมาที่ไหนมาจ่ายได้ทัน

“ถ้าไม่พอมึงต้องรีบบอกกูนะ”

“ขอบคุณนะ” ผมปล่อยให้มันกอดให้มันอ้อนอย่างที่เคยทำ





ตลอดที่ผ่านมาผมมีความสุขมากที่รู้ว่ามีใครคอยอยู่ข้างๆ ถึงจะมีเรื่องให้ปวดหัวบ้างแต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี

แต่ครั้งนี้ผมเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เราสองคนทำอยู่มันถูกต้องรึเปล่า ผมดึงภาคมันลงมาลำบากกับผมรึเปล่า ยิ่งคิดผมยิ่งรู้สึกผิดแต่จะให้ผมปล่อยมือจากมันอีกผมคงทนรับความเจ็บปวดแบบนั้นไม่ไหว

ผมนั่งมองมันเดินไปเดินมาหยิบของฝากที่พ่อกับแม่ผมเตรียมไว้ให้เดินเข้าไปในครัว เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะดังออกมาหลังจากที่มันเดินเข้าห้องครัวได้ไม่นาน

ผมแอบตามเข้าไปโดยไม่ให้มันรู้ตัว ภาพที่เห็นคือแฟนผมกำลังยืนจับตะหลิวอยู่หน้าเตาในชุดกันเปื้อนสีขาว กลิ่นไหม้ลอยเตะจมูกจนผมต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

“มึงทำอะไร” ผมถามคนที่ยืนเหงื่อตกแต่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

“ทำข้าวเที่ยงให้มึงไง” ผมอดยิ้มกับท่าทีของมันไม่ได้

ผมมองไข่เจียวในกระทะที่ตอนนี้มีทั้งควันและกลิ่นไหม้ลอยคลุ้งไปทั่ว แต่เชฟมือใหม่ของผมเหมือนจะยังไม่รู้ว่าอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำนั้นไหม้ซะแล้ว

“กูได้สูตรเด็ดมาจากแม่มึงเลยนะ” ผมเพียงพยักหน้าปล่อยให้เชฟมือใหม่ทำงานต่อไป

กลิ่นไหม้ยังลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานตะหลิวในมือของมันก็เริ่มขยับ มันพลิกไข่เจียวที่อยู่ในกระทะอย่างเก้ๆ กังๆ แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ

มันยืนมองไข่เจียวที่ไหม้เกรียมอยู่สักพักก่อนรอยยิ้มบนใบหน้ามันจะจางหายไป

“เฮ้อ…” มันถอนหายใจเสียงดังก่อนจะเทไข่เจียวในกระทะลงถังขยะ

“ทำไมไม่เหมือนตอนที่ทำกับแม่มึง” มันหันมาทำหน้าหงอย คงจะผิดหวังที่ทำไข่เจียวให้ผมทานไม่ได้

“มา เดี๋ยวกูเป็นลูกมือให้” ผมไม่อยากให้มันเสียกำลังใจ มันอุตส่าห์ตั้งใจทำถึงขนาดนี้

มันเริ่มตอกไข่และใส่ส่วนผมใหม่ทั้งหมด กระทะใบเดิมถูกนำมาตั้งบนเตาอีกครั้ง มันเอื้อมมือไปเปิดเตาด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

“เมื่อกี้มึงเปิดไฟแรงไปไข่เลยไหม้ ทอดไข่เจียวใช้ไฟกลางก็พอ” ผมยื่นมือไปจับมือของมันหมุดเปิดเตาที่ไฟกลาง

“ต่อไปก็เทน้ำมันใส่” มันหยิบขวดน้ำมันเทลงกระทะ

“พอแล้ว! ทอดไข่ห้ามใส่น้ำมันเยอะเพราะมันจะอมน้ำมันเข้าใจไหม” มันหันกลับมาพยักหน้าตอบ

“รอให้น้ำมันร้อนแล้วก็ใส่ไข่ลงไป” มันจ้องกระทะสักพักก่อนจะหยิบไข่ที่เตรียมไว้เทลงไป ดูเหมือนมันจะทำขั้นตอนนี้ได้เป็นอย่างดี คงเพราะได้วิชาการทำครัวจากแม่ผมมาบ้าง

“กูพลิกเลยได้ไหม”

“ลองเขย่ากระทะดูก่อน ถ้าไข่ไม่ติดก็แสดงว่าสุกแล้ว” มันเขย่ากระทะอย่างตั้งใจตามที่ผมบอก

“ไม่ติดแล้ว งั้นกูพลิกเลยนะ” มันค่อยๆใช้ตะหลิวพลิกไข่เจียวอย่างพิถีพิถัน กว่าจะพลิกได้ผมก็ต้องลุ้นเอาใจช่วยมันอีกแรง

เมื่อเห็นว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ เชฟสุดหล่อของผมก็กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างกับเด็ก จนผมอดขำกับท่าทางของมันไม่ได้

“มึงไปรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวทำเสร็จกูจะยกไปให้”

อาหารสำหรับมื้อเที่ยงถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ กลิ่นหอมจากไข่เจียวลอยเตะจมูกผมอยู่เนืองๆ

“เดี๋ยว!” คนตรงหน้าร้องห้ามก่อนที่ช้อนจะถึงเนื้อไข่เจียวฟู ภาคลุกจากเก้าอี้วิ่งอ้อมหลังเข้าไปในห้องนั่งเล่น ไม่นานมันก็กลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ

แช้ะ!

เสียงลั่นชัตเตอร์ดังติดต่อกันหลายครั้ง มันนั่งเลือกรูปสักพักก่อนส่งโทรศัพท์มาให้

“อะไร” ผมรับมาอย่างงงๆ บนหน้าจอโทรศัพท์มีเพียงรูปถ่ายที่พร้อมจะอัพลงเฟชบุค

“คิดแคปชั่นให้กูหน่อย”

ผมว่าผมคิดแคปชั่นสำหรับอาหารมื้อนี้ได้แล้ว

ข้อความที่คิดไว้ถูกพิมพ์ลงไปอย่างตั้งใจ ผมกดปุ่มโพสต์ก่อนส่งโทรศัพท์กลับให้เจ้าของ

‘ไข่เจียวสูตรพิเศษกับคนพิเศษ’

คนตรงหน้าฉีกยิ้มเมื่ออ่านข้อความในโทรศัพท์ คงไม่มีแคปชั่นไหนที่เหมาะไปกว่านี้แล้ว จะมีอะไรพิเศษไปกว่าการได้ทานอาหารฝีมือของคนที่เรารักได้

“เป็นไงบ้าง” ไข่เจียวคำแรกถูกตักเข้าปาก สีหน้าของเจ้าของเมนูจับจ้องปากผมตาไม่กะพริบ แม้แต่ตอนกลืนมันยังทำท่าทางตาม สงสัยจะลุ้นว่าฝีมือตัวเองจะออกมาเป็นยังไง

ผมแกล้งทำสีหน้าเรียบให้คนตรงหน้าตกใจเล่น ขอแกล้งมันหน่อยละกัน

“ไม่อร่อยสินะ” แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด มันหน้าหงอยไปเลยเมื่อผมเงียบหลังจากกลืนไข่เจียวลงคอ

“กูคงไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆ” คราวนี้มันวางช้อนลง ลุกออกจากเก้าอี้หันหลังเดินคอตกกลับเข้าไปในครัว สีหน้ามันดูผิดหวังมาก

ผมแกล้งมันแรงไปไหมเนี่ย

ผมเองก็รู้สึกผิดที่แกล้งมันแบบนั้น มันคงเสียความมั่นใจมาก ผมรีบวิ่งตามหลังมันไป ก่อนจะเห็นว่ามันกำลังทำบางอย่างอยู่

กาน้ำร้อนถูกยกออกมาเสียบ ในมือของมันถือซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่

“มึงจะทำอะไร”

“ก็จะทำบะหมี่ให้มึงไง” ประโยคนี้ทำผมรู้สึกผิดกับมันมาก ทั้งที่มันตั้งใจทำอาหารให้แต่ผมกลับแกล้งมัน

“ภาคกูขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“เรื่องไข่เจียวไง กูแค่อยากแกล้งมึงเล่นๆ” มันเงียบไม่พูดอะไรกับผมอีกเพียงวางซองบะหมี่แล้วเดินสวนผมออกจากห้องครัวเท่านั้น มันงอนผมแล้วแน่ๆ

“ภาคกูขอโทษ” มันเดินหนีผมเข้าไปในห้องนอน ผมพยายามเคาะเรียกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้างใน งอนแล้วเงียบแบบนี้ไม่ดีแน่

“ภาคออกมาคุยกันก่อน” ทำยังไงมันก็ไม่ยอมตอบ

ผมเดินคอตกกลับมาที่โต๊ะอาหาร ทิ้งตัวลงนั่ง มองไข่เจียวที่เริ่มเหี่ยวลงเรื่อยๆ ไม่ต่างกับหัวใจผมตอนนี้

โทรศัพท์ของใครสักคนดังอยู่ไม่ห่าง ใช่สิ โทรศัพท์มันยังอยู่ตรงนี้แต่ผมจะทำยังไงเจ้าของของมันยังอยู่ข้างในไม่ยอมคุยกับผมเลยด้วยซ้ำ

‘ฮัลโหล ว่าไงมึง’ ผมคิดอะไรไม่ออกจึงตัดสินใจโทรหาไอ้นัทเผื่อว่ามันจะช่วยได้

“นัทมึงช่วยกูด้วย”

‘มึงเป็นอะไร’ เสียงมันดูตกใจมาก

“ช้อปมันงอนกู”

‘ไอ้สัส! ผัวงอนแล้วโทรมาหากูว่างั้น’

“เออ มึงช่วยกูหน่อยนะ”

‘พวกมึงช่วยมันหน่อย มันทะเลาะกับผัวมา’ เหมือนว่ามันไม่ได้อยู่แค่คนเดียวเพราะเริ่มมีเสียงจอแจดังขึ้นหลังจากที่มันพูดจบ

“พวกมึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”

ตั้งแต่แยกย้ายกันกลับบ้านช่วงปิดเทอมผมก็ไม่ได้เจอกับพวกมันเลย มีบ้างที่วีดีโอคอลคุยกันแต่ก็นานๆ ครั้ง ไม่รู้เลยว่าพวกมันจะกลับเข้ามหาลัยเร็วขนาดนี้ซ้ำยังนัดกันโดยไม่มีผมอีก งอนซะเลยดีไหม

เรื่องงอนพวกมันคงต้องเอาไว้ก่อนเพราะยังมีอีกคนนั่งงอนผมอยู่อีกห้อง นัทเปลี่ยนจากการโทรเป็นวิดีโอคอลมาหาผมแทน

‘ไปทำอีท่าไหนล่ะผัวถึงงอน’ หน้าเฟิร์นโผล่ขึ้นมาคนแรกพร้อมกับคำถามแทงใจดำ

ผมจะเล่าเรื่องไข่เจียวให้พวกมันฟังดีไหม ถ้าเล่าไปนอกจากพวกมันจะไม่ช่วยแล้วคงซ้ำเติมผมแน่ เอาเป็นว่าผมไม่เล่าเรื่องนี้ให้พวกมันฟังดีกว่า

“กูแค่แกล้งมันนิดหน่อย” ผมโกหกคำโตกลับไป

‘แล้วตอนนี้ภาคเป็นไงบ้าง’ ผมเล่าท่าทีของคนงอนไป ทั้งขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมพูดไม่ยอมจา

เพื่อนแต่ละคนต่างช่วยกันออกความคิดเห็นจนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปวิธีการง้อในครั้งนี้

“เอาจริงหรอวะ”

‘มึงไม่อยากให้ภาคมันหายงอน?’ สิ้นเสียงนัท ผมรีบพุ่งตัวไปจัดเตรียมอุปกรณ์ตามคำแนะนำ

กระดาษ A4 กับปากกาไฮไลต์สีเหลืองนีออนถูกเตรียมออกมา ผมทิ้งตัวลงหน้าห้องนอนแนบหูกับบานประตูฟังเสียงคนข้างใน

[ภาค] ผมเขียนตัวอักษรตัวโตลงในกระดาษก่อนสอดมันผ่านช่องว่างใต้ประตู

วิธีง้อแบบนี้ผมเคยเห็นในเอ็มวีเพลงยุค 90 มันดูตลกยังไงไม่รู้ ไม่คิดว่าวันหนึ่งต้องใช้วิธีนี้ง้อแฟน แต่มันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ หวังว่าคนข้างในจะยอมใจอ่อนนะ

ก๊อกๆ ผมเคาะประตูหลังจากสอดกระดาษเข้าไป

ผมแนบหูกับบานประตูอีกครั้งเพื่อเช็กว่าภาคมันอ่านข้อความที่ผมส่งไปให้ เสียงเท้าดังเข้ามาใกล้ ผมกำลังลุ้นให้เจ้าของเสียงเท้าหยิบกระดาษแผ่นนั้น

และก็เป็นอย่างที่หวัง ผมเริ่มเขียนข้อความถัดไปทันที

[ขอโทษนะ]

[ยกโทษให้เค้าได้ไหม]

[เค้าแค่แกล้งเฉยๆ] ผมวิ่งกลับไปที่ห้องครัวยกจานไข่เจียวกลับมานั่งหน้าห้องนอนตามเดิม

[ไข่เจียวที่ตัวเองทำอร่อยที่สุดเลย] ผมตักไข่เจียวเข้าปากโดยใช้ช้อนกระทบจานเสียงดังให้คนข้างในได้ยิน

[จะหมดแล้วนะ]

[หมดแล้ว] ผมทานไข่เจียวจนหมดแต่ท่าทีของมันยังไม่เปลี่ยน ยังคงเงียบไม่ตอบกลับผมเหมือนเดิม

[อยากกินไข่เจียวฝีมือแฟนอีกจัง] จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากมันเลยสักนิด

ผมเก็บกระดาษที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นห้อง บางส่วนเขียนข้อความไว้แต่ยังไม่ส่ง มันคงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

ผมเดินกลับมาเก็บจานข้าวที่เหลือบนโต๊ะอาหาร ในขณะที่กำลังเก็บจานอยู่เหมือนมีใครบางคนเดินผ่านหลังเข้าไปในห้องครัว ผมวางทุกอย่างที่อยู่ในมือลงสาวเท้าวิ่งตามคนๆ ไป

“มึงจะทำอะไร” ผมถามคนขี้งอนที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา

“ก็เห็นบอกว่าอยากกินอีก” ผมคลี่ยิ้มวิ่งตรงเข้าไปกอด ซุกหน้าเข้ากับหลังกว้าง

“ขอโทษนะ หายงอนได้แล้ว”

มันหันตัวกลับมาจับไหล่ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“น่ารักขนาดนี้กูจะงอนได้ไงละ”

“จริงนะ มึงหายงอนกูแล้วจริงๆ นะ” ผมมุดหน้าซุกอกแน่น

“แต่มึงต้องสัญญากับกูก่อน” มันว่าสีหน้าจริงจัง ผมรีบพยักหน้าตอบเพราะกลัวว่ามันจะเปลี่ยนใจ

“นอกจากกู มึงห้ามอ้อนใครแบบนี้เข้าใจไหม”

“กูจะอ้อนมึงแค่คนเดียว สัญญา” รอยยิ้มหล่อๆ กลับมาบนใบหน้ามันอีกครั้ง

“มึงก็เหมือนกัน ห้ามยิ้มหล่อให้ใคร ถ้ากูรู้มึงตายแน่” ผมก็ไม่ชอบให้มันยิ้มแบบนี้ให้ใครเหมือนกัน

“ครับๆ ผมจะยิ้มให้คุณแฟนแค่คนเดียวเลยครับ”

แล้วบทง้องอนครั้งนี้ก็จบลงด้วยไข่เจียวสูตรพิเศษจานใหม่ ต้องขอบคุณวิธีง้อยุค 90 ของพวกมันมากๆ ไม่คิดว่ามันจะเวิร์คแต่กลับใช้ได้ผลเป็นอย่างดี เดี๋ยวคงต้องรายงานผลให้พวกมันรู้ซะหน่อยแล้ว





วันทั้งวันผมกับภาคขลุกอยู่ในห้องกันสองคน เรียกได้ว่าตัวติดกันตลอดเวลา มีแค่ครั้งเดียวที่ภาคมันออกไปคุยโทรศัพท์แต่สักพักก็กลับมานั่งขลุกกับผมต่อ

“พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะกูจะพาไปข้างนอก”

“ไปไหน”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” จะบอกก็ไม่บอกมาทั้งหมด ไม่ชอบเลยพูดเป็นปริศนาแบบนี้

“ไม่บอกจริงๆ หรอ” ผมใช้ลูกอ้อนเข้าสู้ เกยคางกับหน้าท้องลีนๆ ของมัน ดูซิจะทนได้สักกี่น้ำ

“ไม่เอาอย่าเล่นแบบนี้” มันดิ้นพล่านเมื่อผมซุกหน้าเข้าไปในเสื้อ ผมใช้ไรหนวดที่เริ่มขึ้นเป็นตอไซร้วนทั่วหน้าท้อง

“พะ...พอแล้ว ยอมแล้ว”

“งั้นก็รีบบอกมา”

“กูจะพาไปหาคุณย่า”

“ห๊ะ! เมื่อกี้มึงบอกว่าไปหาใครนะ” หวังว่าที่ได้ยินเมื่อกี้แค่หูฝาด มันคงไม่คิดจะพาผมไปย่ามันจริงใช่ไหม

“กูจะพาไปหาคุณย่า”

“ไม่ไป!” ผมตอบเสียงแข็ง เรื่องของพ่อมันยังเคลียร์ไม่จบจะให้ผมไปเจอย่ามันอีกเนี่ยนะ พ่อมันยังโหดขนาดนั้นแล้วแม่ของพ่อมันจะโหดขนาดไหน ผมไม่อยากมีปัญหากับผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเราอีก

“กูถึงไม่อยากบอกมึงก่อนไง”

“แล้วทำไมต้องพากูไปเจอย่ามึงด้วย”

“กูจะไปขอร้องให้ท่านช่วยคุยกับพ่อเรื่องของเรา” ผมเองก็อยากให้พ่อของมันยอมรับเรื่องของเรา แต่ผมไม่มั่นใจว่าย่าของมันจะเห็นด้วยกับความรักของเรา

“แล้วถ้าท่านไม่เห็นด้วยล่ะ”

“กูพยายามทำทุกอย่างเพื่อเราสองคน แล้วมึงจะยังกลัวอะไรอีก ถึงท่านจะไม่เห็นด้วยกูก็ไม่มีทางปล่อยมือมึง” มือหนาเอื้อมมาจับ สายตาที่ส่งมาช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี

ถึงจะเกิดอะไรผมก็ไม่มีทางปล่อยมือมันเหมือนกัน

“เชื่อกูนะ” ผมถูกดึงเข้าไปกอดไว้แน่น ถึงจะไม่มั่นใจกับใครก็ตามแต่ผมมั่นใจในตัวมัน เรากระชับกอดกันแน่นขึ้น ผมปล่อยให้หัวใจทำงานด้วยตัวของมันเองส่วนร่างกายผมตอนนี้กำลังมีอีกคนควบคุมมันอยู่ บทจูบอันเร่าร้อนกับท่าต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ความสุขของเราสองคนพร้อมที่จะล้นเอ่อออกมาได้ทุกเมื่อ

“มึงไม่เบื่อกูบ้างหรอ” ผมซุกหน้ากับอกเปลือย

“ถามแบบนี้มึงเบื่อกูแล้วงั้นหรอ” มันทำหน้างอเหมือนพร้อมจะงอนผมอีกรอบ

“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น กูกลัวว่ามึงจะเบื่อกูมากกว่า” ผมทำเสียงงอนมันบ้าง

“มึงนี่จริงๆ กลัวนั้นกลัวนี่อยู่เรื่อย ถ้ากูเบื่อมึงกูจะนอนกอดมึงแบบนี้ทุกวันทำไม” มันกระชับกอดแน่น กดจมูกลงที่หน้าผาก

“นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย”





เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลีย ผมหลับๆ ตื่นๆ เกือบทั้งคืน ก็เพราะความตื่นเต้นนั่นแหละครับที่เป็นเหตุ ผมคิดมากเรื่องย่าของภาคมันจนเก็บไปฝัน ภาพหญิงแก่หน้าดุถือปืนไล่ยิ่งจนผมสะดุ้งตื่นหลายต่อหลายครั้ง

ย่าของมันคงดุไม่เหมือนในความฝันใช่ไหม ผมเริ่มรู้สึกกลัวๆ ขึ้นมาแล้ว

ผมมัวแต่คิดมากจนลืมสังเกตว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ หายไป ผมเดินตามหาจนทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ มันออกไปไหนตั้งแต่เช้า

กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่มันหายไปยังไม่นับรวมกับตอนที่ผมหลับอยู่ มันออกไปไหนโดยที่ไม่บอก ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์โทรหามัน

แกร๊ก!

ยังไม่ทันจะกดโทรออกคนที่ผมตามหาก็เปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกในมือ

“มึงหายไปไหนมา” ผมยืนกอดอกมองดุคนตรงหน้า

“กูไปเอารถที่คอนโดไอ้ช้อป” มันชูรีโมตรถหรูขึ้นมายืนยัน

“แล้วทำไมไม่บอกก่อน”

“ขอโทษ ช้อปมันมีธุระกูเลยต้องรีบออกไปเอารถ” ที่มันหลบออกไปคุยโทรศัพท์เมื่อวานคงเป็นเรื่องนี้ แต่ก็น่าจะบอกผมสักคำปล่อยให้ผมเป็นห่วงอยู่ได้

“แล้วทำไมต้องยืมรถช้อปด้วย”

“มึงจะได้นั่งสบายๆ ไง”

“ทีหลังออกไปไหนให้บอกกูก่อนเข้าใจไหม”

“ครับๆ” มันพยักหน้าหงึกๆ เดินเข้ามาจูงมือผมเข้าไปในครัว เราทานโจ๊กหมูที่ภาคซื้อติดมือมาด้วยเป็นมื้อเช้า





ผมยืนเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่วันนี้อยู่นาน ตัวนั้นก็ไม่ดีตัวนี้ก็ไม่เหมาะ ผมแทบจะรื้อตู้สู้ผ้าออกมาทั้งหมดแล้ว ทั้งกลัวทั้งประหม่าแม้แต่เลือกเสื้อผ้ายังไม่รู้จะใส่ตัวไหน สุดท้ายผมก็ได้เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนที่ดูสุภาพที่สุดมาใส่ หวังว่ามันจะดูดีในสายตาย่าของภาคมันนะครับ

เราออกเดินทางจากย่างกลางกรุงมุ่งหน้าตามถนนเส้นหลักออกสู่ย่านชานเมือง รถบนถนนเริ่มบางตาหลังจากเราติดอยู่บนถนนกลางเมืองอยู่นาน คงเพราะเวลาที่เราออกมาตรงกับช่วงเร่งด่วนของชาวกรุง

อาการประหม่าเริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อภาคหันมาบอกว่าใกล้จุดหมายแล้ว ผมตื่นเต้นจนเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือสองข้างชุ่มด้วยเหงื่อและเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้าผากทั้งที่แอร์ภายในรถยังทำงานอยู่

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ี่ 37 #เหนื่อยใจกับมึงจริงๆ (15/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 15-10-2018 02:26:34
อาการประหม่าแสดงออกมาชัดเจนจนคนข้างๆ รู้สึกได้

“ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรอ” ผมหันไปพยักหน้าตอบ

“ไม่ต้องกลัว คุณย่าท่านใจดี กูเชื่อว่าท่านต้องชอบมึง” ภาคจับมือให้ความมั่นใจ ผมหลุบตาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่

ถ้าท่านชอบผมอย่างที่ภาคว่าก็คงดี





ไม่นานรถหรูก็เคลื่อนตัวมาหยุดหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ ใหญ่พอๆ กับที่บ้านของภาค กำแพงสูงบดบังบรรยากาศภายในจนมิด ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาเปิดประตูบานใหญ่นั้น รถของเราเคลื่อนเข้าผ่านประตูเข้าสู่บริเวณบ้าน

ภาคขับช้าๆ ตรงตามถนนเส้นเล็กที่ทอดยาวลึกเข้าไป จากตรงนี้ผมยังมองไม่เห็นบ้านคนสักหลังเลย มีเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเรียงรายสองข้างทาง จากที่สังเกตจะเป็นผลไม้ซะเป็นส่วนใหญ่ จนรถของเราหยุดตรงปลายสุดถนน เผยให้เห็นบ้านไม้หลังงาม

บ้านไม้สองชั้นหลังโตตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า รอบตัวบ้านแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์

ผมเปิดประตูรถด้วยอาการประหม่า ก้าวเดินไปยืนข้างๆ หลานชายเจ้าของบ้าน หญิงวัยเกือบเกษียณวิ่งตรงเข้ามาหาเราสองคน

“สวัสดีครับป้าอิ่ม” ภาคเป็นฝ่ายยกมือไหว้ก่อน

“คุณหนูภาคมายังไงคะเนี่ย” ป้าอิ่มเข้ามาสวมกอดภาคอย่างเอ็นดู ผมยกมือไหวจังหวะที่เธอหันมาเจอพอดี เธอรับไหว้แต่ยังมองผมด้วยสายตาสงสัย

“แฟนผมเองครับป้า” ภาคแนะนำโดยไม่รอให้เธอถามก่อน

“ฟะ...แฟนคุณหนูเหรอคะ” เหมือนเธอกำลังไม่เชื่อหูตัวเอง ขยับตัวเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“แฟนคุณหนูเป็นผู้ชาย!” เธอตะโกนออกมาเสียงดังจนผมสะดุ้งโหยง ขยับตัวเข้าไปหาภาค

“เอะอะอะไรเสียงดังเข้าไปถึงข้างใน” เสียงผู้มาใหม่ดึงความสนใจทั้งหมดกลับไป

หญิงชราในชุดผ้าไหมราคาแพง ผมดำแซมขาวถูกมัดเกล้าไวด้านหลัง กำลังยืนโบกพัดกระดาษในมือไปมา คงเป็นคุณย่าที่ภาคพูดถึง

ผมยืนมองย่ากับหลานชายกอดหอมกันอยู่ห่างๆ ดูท่านจะเอ็นดูหลานชายคนนี้เอามากๆ ตอนนี้ภาคมันดูเป็นเด็กมากกว่าตอนที่อยู่กับผมซะอีก

“ย่าคิดไว้แล้วว่าแกต้องมาหา”

“ก็ผมคิดถึงคุณย่านี่ครับ”

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่คิดจะมาหาย่าใช่ไหม”

“คุณย่ารู้แล้วหรอครับ” ภาคหน้าเจื่อนเมื่อโดนย่าจับได้

“แล้วไหนล่ะแฟนแกที่ว่า” ท่านว่าพร้อมกับสอดส่ายสายตา ผมต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อถูกพูดถึง

ผมยกมือประนมไหว้ด้วยอาการประหม่าเมื่อสายตานั้นหยุดลงที่ผม ท่านคลายกอดจากหลานชายยกมือรับไหว้พร้อมคลี่ยิ้มให้ ท่านดูแตกต่างจากความฝันและที่ผมคิดมาก ไม่ดุ ไม่น่ากลัว ไม่ถือปืนไล่ยิงผมอย่างในฝัน ทั้งยังส่งยิ้มเช่นเดียวกับที่ทำกับภาคมาให้ผมด้วย

“ไป พาแฟนเข้าไปคุยกันในบ้าน” ท่านหันกลับไปสั่งหลานชาย ภาคทำตามคำสั่งเป็นอย่างดี มันเดินยิ้มแป้นเข้ามาจับมือผมเดินเข้าไปข้างใน

ภายในตัวบ้านตกแต่งด้วยของเก่าจำนวนมาก มีตั้งแต่ชุดถ้วยชามเครื่องสังคโลก ไม้แกะสลักรูปนักษัตร รวมถึงงาช้างขนาดใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้ตรงกลางห้องโถง ด้านบนมีรูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่งในชุดข้าราชการเต็มยศ ผมคุ้นหน้าจังเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่

“ใครหรอ” ผมสะกิดถามภาค

“ปู่กูเองแหละ” ใบหน้าโหดแววตาดุเหมือนกับพ่อของภาคมันไม่มีผิด

ผมต้องละความสนใจกับรูปถ่ายตรงหน้าและสิ่งของรอบๆ ตัวเมื่อคุณย่าเอ่ยเรียก

“มานั่งกันตรงนี้” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ภาค มองคุณย่าเอียงตัวพิงหมอนอิง

“คุณย่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” ภาคเปิดบทสนทนาก่อน

“จะไม่แนะนำแฟนให้ย่ารู้จักก่อนเหรอ”

“ขอโทษทีครับ นี่ม่อนแฟนผมครับ” ผมยกมือไหว้อีกครั้งหลังจากที่แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“แกคิดยังไงถึงหันมาชอบผู้ชายด้วยกัน” ประโยคนี้ทำหัวใจผมหล่นวูบ

“คุณย่าจะกีดกันเราสองคนเหมือนคุณพ่อหรอครับ”

“ย่าไม่ได้จะว่าอะไรแค่อยากรู้ความเป็นมาเท่านั้นเอง เห็นเมื่อก่อนแกควงสาวไม่ซ้ำหน้า”

“นั้นมันเมื่อก่อนครับ”

“จริงเร๊อะ เห็นพูดแบบนี้เหมือนกันทุกคน” เป็นผมที่ต้องหันไปค้อนไอ้คนข้างๆ จนมันต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“คุณย่าอย่าแกล้งแบบนี้สิครับ เดี๋ยวแฟนผมเข้าใจผิด” ไอ้ตัวดีหันหน้าไปงอนคุณย่าก่อนหันกลับมาแก้ตัวกับผมต่อ

“จ้ะๆ ย่าไม่แกล้งแล้ว” คุณย่านั่งขำกับท่าท่างของภาค

“แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อ แม่แกเข้ามาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ย่าฟังแล้ว” บรรยากาศกลับเข้าสู่ความตึงเครียด ผมขยับตัวเข้าไปเบียดคนข้างๆ มันคงเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไงเอื้อมมือมากุมมือผมไว้แน่น

“ผมก็ยังไม่รู้ถึงได้เข้ามาให้คุณย่าช่วยไงครับ” มันทำหน้าหงอย คุณย่าเพียงส่ายหน้ามองหลายชายตัวเอง

“แล้วหนูล่ะ คิดยังไงถึงมาคบกับเจ้าภาคได้” ท่านหันมาถามผมบ้าง

“ผมรักภาคครับ” เป็นคำตอบสั้นๆ แต่นั่นเป็นคำตอบของทุกอย่างที่อยู่ในใจแล้ว

“ว่ากันตามตรงนะ ย่าก็ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินว่าหลานชายคนเดียวของตระกูลชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ย่าเห็นเราสองคนรักกันแบบนี้จะให้ย่าใจดำแยกเราสองคนได้ยังไง”

“คุณย่าต้องช่วยคุยกับคุณพ่อนะครับ”

“แกกับพ่อแกก็หัวดื้อพอๆ กัน ถอดแบบกันมาแบบนี้ จะให้ย่าช่วยยังไง”

“คุณย่าทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมสองคนได้อยู่ด้วยกัน” ภาคเริ่มงอแงเหมือนเด็ก ลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปบีบนวดให้คุณย่า

“แกก็โตแล้วจะโยนปัญหาของตัวเองมาให้ย่าช่วยแก้เหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้แล้ว แกเป็นคนเลือกทางนี้เอง” มันเดินคอตกกลับมานั่งข้างๆ

ที่คุณย่าพูดนั้นถูกทั้งหมด เราสองคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมาก็ต้องช่วยกันแก้มันด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมองหาทางออกสำหรับเรื่องของเราไม่ได้เลย

“คุณย่า”

“ย่าว่าเราเอาเรื่องนี้ไว้คุยที่หลังกันดีกว่า ตอนนี้ไปทานข้าวกันก่อน ย่าอยากรู้จักแฟนเราให้มากกว่านี้”

บทสนทนาในบ้านจบลง เราสามคนเดินออกมานอกบ้านตรงไปยังศาลาทรงไทยริมน้ำ ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นี่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย คุณย่าท่านคงรักธรรมชาติมากถึงปลูกต้นไม้ไว้เต็มบริเวณบ้าน แถมยังสร้างบ้านติดกับแม่น้ำอีก



เมื่อมาถึงศาลาริมน้ำ อาหารหลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้บนอย่างเรียบร้อย

“อิ่มตักข้าว” คุณย่าสั่งป้าอิ่มตักข้าวจากโถใส่ในจาน

“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณหลังจากป้าอิ่มตักข้าวให้

“เดี๋ยวเราทานไปคุยไปนะ” เราลงมือทานอาหารบนโต๊ะ ภาคเลือกตักกับข้าวอย่างหนึ่งให้กับคุณย่าก่อนหันกลับมาตักให้ผมบ้าง

ผมเกร็งจนไม่กล้าทานอะไรสักเท่าไรนัก ตรงกันข้ามไอ้คนข้างๆ ก็ตักกับข้าวใส่ในจานผมจนเต็ม

“เราเรียนคณะอะไรเหรอ” คุณย่าถามขึ้น

“ผมเรียนวิศวะครับ”

“คณะเดียวกับเจ้าภาคเลยนี่ งั้นย่าฝากสอนเจ้าภาคมันด้วย รายนี้ขี้เกียจตัวเป็นขน”

“ครับ ได้เลยครับ”

“แล้วที่บ้านเราล่ะทำงานอะไร”

“พ่อกับแม่ผมทำสวนกับทำงานรับจ้างทั่วไปครับ ส่งน้องชายผมกำลังเรียนอยู่ที่เดียวกัน” ผมตอบตามความจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องอายกับอาชีพที่พ่อแม่ผมทำ

“ทำงานรับจ้างส่งลูกเรียนสองคนคงหนักน่าดู” คุณย่าเอ่ย ผมฟังดูแล้วท่านไม่มีเจตนาดูถูกพ่อกับแม่ผม

“หนักครับ หนักมาก”

“ม่อนทำงานหาเงินเรียนเองด้วยนะครับคุณย่า” ภาคพูดแทรกขึ้น

“จริงเหรอจ๊ะเก่งจังเลย แต่คงลำบากน่าดู เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ไม่เหมือนกับหลานตัวดีของย่านอกจากไม่ทำอะไรยังคอยสร้างปัญหาให้ปวดหัวอีก”

“ใครบอกคุณย่าว่าผมไม่ทำงาน ผมทำงานพาร์ทไทม์กับม่อนทุกวัน” มันว่าอย่างน้อยใจ

“แกเนี่ยนะทำงาน ย่าแกแต่ไม่ยอมให้เด็กอย่างแกมาหลอกง่ายๆ หรอกนะ” ท่านดูแปลกใจมากและดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ภาคพูดด้วย

ณย่า ภาคทำงานพาร์ทไทม์กับ” ผมช่วยยืนยันคำพูดของมัน

“นี่ย่าหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย”

“คุณย่าลืมไปแล้วหรอครับว่าผมโดนตัดขาดแล้ว ตอนนี้ผมเหลือแต่ตัวถ้าผมไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนใช้ แค่ที่ได้ก็ไม่พอจ่ายค่าเทอมเทอมนี้เลย” มันพูดไปตักข้าวใส่ปากด้วยสีหน้าน้อยใจ

“เอาเป็นว่าเรื่องค่าเทอมแกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวย่าจะช่วย แต่ส่วนเงินที่แกต้องใช้ทุกวันแกต้องทำงานหาเองเข้าใจไหม” เมื่อคุณย่าพูดจบภาคก็รีบลุกขึ้นดีใจรีบปรี่เข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ

นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่มันพาผมมาที่นี่ ผมไม่ว่ามันหรอกครับเพราะมันถูกเลี้ยงแบบคุณหนูมาตลอดแค่ผมเห็นมันตั้งใจทำงานผมก็ดีใจแล้ว ส่วนเรื่องเงินที่คุณย่าให้เป็นเรื่องในครอบครัวของมันผมคงไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่เงินจากการทำงานของมันผมคงต้องเข้มงวดกับมันให้มากขึ้น

“ผมทำกับข้าว กวาดห้อง ถูห้อง ล้างจานได้ด้วยนะครับคุณย่า” ผมนั่งยิ้มมองมันอวดคุณสมบัติตัวเองที่เพิ่งทำเป็นได้ไม่นานให้คุณย่าฟัง

“คุณย่าชอบปลูกต้นไม้หรอครับ” ความประหม่าของผมหายไป ตอนนี้ผมเริ่มที่จะกล้าคุยกับท่านมากขึ้นแล้ว

“ใช่จ้ะ เราก็ชอบเหมือนกันเหรอ”

“ครับ ผมติดมาจากพ่อนะครับ พ่อผมชอบปลูกต้นไม้และรักต้นไม้มาก ภาคมันเคยโยนเศษขยะลงในสวนจนเกือบโดนพ่อผมไล่ฟาดเอา” เรื่องนี้ทำให้คุณย่าหลุดขำออกมา รวมถึงป้าอิ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วย

“ก็พ่อมึงโคตรดุ” แต่ไอ้ต้นเรื่องก็ได้แต่นั่งหน้างองอนตุ๋มป่องอยู่ข้างๆ

หลังจากที่เราทานข้าวกันเสร็จคุณย่าก็อาสาพาเดินชมสวนพร้อมกับเล่าเรื่องตอนเด็กของภาคสลับกับให้ผมเล่าเรื่องของตัวเอง จนตอนนี้เวลาล่วงเลยเกือบๆ บ่ายสองโมง ตอนนี้ได้เวลาที่เราสองคนต้องกลับคอนโดแล้ว

“แกไปรอที่รถก่อน ย่ามีเรื่องจะคุยกับหนูม่อนสองคน” ภาคเดินไปยืนรอที่รถตามคำสั่ง ตอนนี้ผมอยู่สองต่อสองกับคุณย่าแล้ว

“คุณย่ามีอะไรจะคุยกับผมครับ”

“ย่าแค่อยากจะฝากเจ้าภาคนะ ย่าไม่คิดว่าคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างเจ้าภาคจะเปลี่ยนไปขนาดนี้” ท่านยื่นมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม

“ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ย่าจะช่วยคุยกับพ่อเจ้าภาคให้”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ ท่านดึงตัวผมเข้าไปกอดลูบที่หัวผมเบาๆ

คนในครอบครัวภาคนอกจากน้องพริมก็มีคุณย่านี่แหละครับที่เข้าใจความรักของเรา
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #เหนื่อยใจกับมึงจริงๆ (15/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 21-10-2018 09:12:53
 :call:
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 26-10-2018 17:29:48
ตอนที่ 37

#แยกกัน



เรากลับจากบ้านคุณย่าตรงมาที่คอนโด ก่อนจะเลี้ยวรถไปรับมิกซ์ที่หอพักแล้วมุ่งหน้าตรงไปร้านนมปั่น หลังจากเราขอลางานที่ร้านสามวันเพื่อกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด พี่แมนผู้จัดการร้านโทรตามทันทีเมื่อได้ยินว่าพวกเรากลับมา

ช่วงนี้ที่ร้านมีลูกค้าหนาแน่นกว่าปกติ คงเพราะเหล่านักศึกษาเริ่มทยอยกันกลับเข้ามหาลัยหลังจากช่วงปิดเทอม

“มากันแล้วหรอ” พี่แมนร้องทักเมื่อเราสามคนเดินเข้ามาในร้าน

ลูกค้าจำนวนมากสวนทางกับจำนวนพนักงานเสิร์ฟ ทำให้พี่แมนผู้จัดการร้านต้องออกมาช่วยเสิร์ฟอีกแรง

“หวัดดีครับพี่” เราทั้งสามยกมือไหว้ทักทาย

“เออๆ หวัดดี พวกเรารีบมาช่วยพี่ก่อน” เราเดินเข้าไปหลังร้านหยิบผ้ากันเปื้อนทยูนิฟอร์มของทางร้านขึ้นมาใส่แล้วรีบออกมาช่วยรับลูกค้าหน้าร้านทันที

ผมกับภาคแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง ภาคดูทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น ทั้งการรับออร์เดอร์ การเสิร์ฟอาหาร รวมถึงการบริการลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าสาวๆ ที่ดูจะถูกอกถูกใจการบริการของมันเป็นอย่างมาก

เห็นแล้วก็อดหึงไม่ได้

แต่ก็ดีแล้วล่ะครับอย่างน้อยไอ้คุณชายของผมก็ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี

“เฮ้อ...ขอบใจพวกเรามากนะ” พี่แมนถอยหายใจพรืดใหญ่เมื่อลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเดินออกจากร้าน

“แบบนี้ต้องมีโบนัสแล้วล่ะพี่” น้องชายตัวแสบที่กำลังเก็บโต๊ะหันไปเอ่ยกับผู้จัดการร้าน

“ไม่มีโว้ย”

“โห...ไรวะ” ไอ้ตัวดีทำหน้างอ ร้องโอดครวญจนเป็นที่ขบขันของพนักงานในร้าน

“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวพี่หาวันว่างๆ พวกเราไปเลี้ยงสักมื้อก็แล้วกัน”

“เย้!” ไอ้มิกซ์กระโดดร้องดีใจ พนักงานในร้านคนอื่นๆ ก็ร้องดีใจไม่ต่างกัน ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังยิ้มกว้างมองน้องชายผมกระโดดโลดเต้นไปมา





ไฟหลอดสุดท้ายภายในร้านถูกปิดลง เราเดินแยกตัวกับพนักงานคนอื่นๆ

“เหนื่อยไหม” ผมถามภาคหลังจากรถขับเคลื่อนตัวออกจากร้านได้ไม่นาน

“ห่วงจังเลยนะแฟนเนี่ย น้องชายแท้ๆ นั่งอยู่ทั้งคนเสือกไม่ถามสักคำ” เสียงไอ้ตัวแสบดังมาจากเบาะด้านหลัง

“แฟนมึงก็มี มึงก็อ้อนแฟนมึงสิ” ผมหันหลังไปพูด

“แล้วนี่ช้อปหายไปไหน”

“ไม่รู้” มันตอบห้วนๆ นั่งกอดอกทำหน้าหงอย

“หายไปไม่บอกแบบนี้ ระวังจะโดนทิ้งไม่รู้ตัว” ผมลองพูดแหย่ ไอ้ตัวแสบทำหน้าหงอยกว่าเดิม ผมแอบเห็นมันกัดฟันกรอด สงสัยกำลังคิดภาพตามที่ผมพูดอยู่

“มึงก็ไปแกล้งน้องมัน ช้อปมันไม่มีรถเลยฝากพี่ให้ไปส่งเราที่หอ เดี๋ยวส่งเราเสร็จพี่ก็จะเอารถไปคืนมันที่คอนโด” จะแกล้งมิกซ์มันสักหน่อย แต่ไอ้คุณชายกลับทำตัวเป็นคนดีช่วยอธิบายทุกอย่างเสร็จสรรพ คงกลัวเพื่อนรักอย่างช้อปจะโดนเข้าใจผิดถึงได้ออกโรงแก้ตัวแทน

เดี๋ยวนี้แม่งทำกันเป็นขบวนการ



เราขับรถไปส่งมิกซ์ที่หอเสร็จก็ตรงกลับมาที่คอนโด

“ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม” ผมหันไปถามคนข้างๆ ภาคต้องเอารถไปส่งที่คอนโดช้อป

“ไม่เป็นไร” ภาคยิ้มตอบ

“แล้วมึงจะกลับยังไง” ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว จะหารถกลับก็คงยาก

“ไม่ต้องห่วงหรอก ขึ้นไปรอบนห้องเดี๋ยวกูรีบกลับ” มือหนาลูบที่หัวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

“รีบกลับนะ”

ผมยืนมองรถหรูเคลื่อนตัวออกไป ทำไมช่วงนี้ผมไม่อยากอยู่ห่างจากภาคเลย ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ผมกลับรู้สึกเหมือนยังใช้เวลารวมกับมันไม่มากพอ



ผมกลับมาที่ห้องได้ไม่นาน เสียงแจ้งเตือนจากแอพ Messenger ก็ดังขึ้น

[พวกมึงจะลงทะเบียนกันตอนไหน] มีนเปิดประเด็น ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท ลืมไปว่าต้องลงทะเบียนวิชาเรียนของปีสอง ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนในอีกสองวันข้างหน้า

ตอนอยู่ปีหนึ่งเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้เพราะทางมหาลัยจะจัดตารางเรียนให้กับนักศึกษาใหม่ทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่อขึ้นปีสองช่วงเวลานี้จะเปลี่ยนเป็นสมรภูมิย่อมๆ

นักศึกษาทั้งในคณะเดียวกันและต่างคณะ ต้องแข่งขันด้านความเร็วเพื่อช่วงชิงที่นั่งในคลาสเรียนที่มีอยู่อย่างจำกัด นั่นเป็นเหตุผลให้มีนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา

[นั่นสิ เหลืออีกแค่สองวัน] เฟิร์นตอบ

[แล้วแต่พวกมึงเลย] อาร์มตอบ

[กูก็แล้วแต่พวกมึง] นัทตอบ

[โอเค งั้นเดี๋ยวกูกับมีนจะช่วยกันจัดตารางเรียนก่อน แล้วค่อยนัดเวลากันอีกที] มีนสรุป

[แล้วมึงล่ะม่อน] นัทถาม

[ม่อน]

[ม่อน]

[ไอ้ม่อน]

[ไอ้เชี่ยม่อน]

Rrrrr Rrrrr

“อะ...เออว่าไง” ผมกดรับสายจากนัท

‘มึงเป็นเชี่นไร เพื่อนถามไม่ยอมตอบ’

ตั้งแต่มีนแชทมาครั้งแรกผมก็นั่งเหม่อไม่ได้อ่านข้อความที่พวกมันส่งมาเลย ผมกำลังคิดเรื่องภาคอยู่

ปีแรกของนักศึกษาคณะเราต้องเรียนรวมกันทั้งหมด ไม่มีการแบ่งแยกตามสาขาวิชา แต่เมื่อขึ้นปีสองทุกคนต้องแยกย้ายกันลงทะเบียนเรียนตามสาขาที่ตัวเองสอบเข้ามา

ผมและเพื่อนสอบติดวไฟฟ้า แต่ภาคมันสอบติดวโยธา หมายความว่าตลอดสามปีหลังจากนี้ผมกับภาคต้องแยกกันเรียน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมนั่งเหม่ออยู่แบบนี้

ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย

“โทษที”

‘แล้วมึงเอาไง จะลงพร้อมพวกกูเลยไหม’

“เออๆ แล้วแต่พวกมึงเลยกูได้หมด”

‘เออ! งั้นแค่นี้’

ผมกดวางสายจากนัท กลับมานั่งคิดมากเรื่องของภาคต่อ จะเป็นยังไงถ้าเราไม่ได้เรียนด้วยกันเหมือนที่ผ่านมา

“เป็นไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ภาคทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าภาคกลับเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไร

ผมยังนั่งนิ่งไม่ตอบคำถามแม้ว่าคนข้างจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ ก็ตาม

“ม่อน เป็นอะไร” ภาคสอดมือเข้ามาล็อกหน้าบังคับให้ผมหันไปมอง

“ช้อป มึงย้ายสาขามาเรียนกับกูได้ไหม” เป็นวิธีเดียวที่เราจะได้เรียนด้วยกัน

“เรื่องนี้เองหรอ กูนึกว่ามึงโกรธกูซะอีก” มันเลื่อนมือมาลูบหัว

“มึงเคยบอกไม่ให้กูทำตัวเป็นเด็กไม่ใช่หรอ แล้วทำไมงอแงเป็นเด็กแบบนี้ล่ะ” ผมหน้างอเมื่อโดนสิ่งที่เคยพูดย้อนกลับเข้าตัวเอง

“ก็…ก็...” ผมอึกอักคิดคำพูดไม่ออก

“เฮ้อ…” มันถอนหายใจพรืด ดึงตัวผมเข้าไปกอด

“มึงรู้ไหมว่าทำไมกูเลือกเรียนสาขานี้” ผมส่ายหน้าตอบ

“พ่อกูเคยบังคับให้เรียนบริหาร แต่กูไม่ยอมเพราะกูอยากเป็นวิศวะ กูทะเลาะกับพ่อเกือบเดือนกว่าพ่อกูจะยอม แต่มีข้อแม้ว่ากูต้องเรียนสาขาที่เขาเลือกให้”

“แล้วสาขาไหนที่มึงอยากเรียน”

“กูอยากเรียนสาขาเดียวกับมึงนั่นแหละ”

“งั้นมึงก็ย้ายมาเรียนกับกูเลยสิ” ผมพูดอย่างมีความหวัง ตอนนี้มันออกจากบ้านมาเกือบองเดือน ไม่มีใครคอยบังคับอีกต่อไปแล้ว

“ม่อน ที่กูเลือกเรียนสาขานี่ต่อก็เพราะมึง” มันคลายกอด จับไหล่มองด้วยสายตาจริงจัง

“กูเคยคิดนะเรื่องย้ายสาขามาอยู่กับมึง แต่ที่เขาอยากให้กูเรียนสาขานี้เพราะต้องการให้กูรับช่วงงานของบริษัทต่อ กูอยากพิสูจน์ให้เขาเห็นว่ากูทำได้ กูอยากให้เขายอมรับในตัวกู และที่สำคัญที่สุดกูอยากให้เขายอมรับในความรักของเรา” ผมงอแงเอาแต่ใจตัวเองจนลืมมองอีกคนที่กำลังพยายามทำให้ความรักของเราเดินต่อไปได้

มึงนี่มันงี่เง่าจริงๆ เลยม่อน

“กูเข้าใจแล้ว กูจะคอยเอาใจช่วยมึงอีกแรง” สิ่งที่ผมทำได้คือการให้กำลังใจ

“ขอบคุณนะ” มันดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบ

“แต่เราได้อยู่ด้วยกันน้อยลงนะ” ผมถูหน้ากับไหล่กว้าง อดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่ต้องรู้ว่าเวลาของเราสองคนต้องลดน้อยลงไปด้วย

“เรียนเสร็จเราก็กลับมาเจอกันที่ห้องไง” มือหนาลูบเส้นผม จมูกโด่งกดจูบตรงกลางหัว

“แค่นั้นเองหรอ” ผมยังคงอ้อนต่อ

“เสาร์อาทิตย์เราก็ได้อยู่ด้วยกันไง” ก็จริงอย่างที่มันว่า ผมตัดตารางการทำงานพาร์ทไทม์เสาร์อาทิตย์ที่ร้านสะดวกซื้อออกไปแล้วเพราะเห็นว่ามันหนักเกินไปสำหรับภาค

“ที่อ้อนให้กูย้ายคณะเพราะกลัวกูแอบมีกิ๊กใช่ไหม”

“กูไม่กลัวหรอก แต่ขอเตือนไว้ก่อน...” ผมเคาน์เตอร์ตัวออก กางมือขึ้นต่อหน้ามันก่อนไล่กรีดนิ้วลงจนครบทุกนิ้ว

“ถ้ากูจับได้กูจะบี้หนอนน้อยมึงให้เละคามือเลยคอยดู” มันสะดุ้งเฮือกเมื่อผมวางมือลงตรงเป้ากางเกง

“ไม่หรอก เค้าไม่มีทางนอกใจตัวแน่นอน”

“ให้มันจริง”

เรื่องการย้ายสาขาและการลงทะเบียนเรียนจบไปด้วยดี ผมเลือกวิชาเรียนตามที่สองสาวจัดมาให้ ส่วนภาคก็เลือกวิชาเรียนตามที่สาขามันกำหนด ยังโชคดีที่บางวิชาเรียนของเราตรงกัน แต่ก็เพียงสองชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น





ผ่านช่วงลงทะเบียนมาหลายวัน ผมกับภาคเริ่มทำงานที่ร้านนมปั่นตั้งแต่วันที่กลับมาจากบ้านคุณย่า จนถึงตอนนี้เหลืออีกเพียงสองวันก็จะถึงวันเปิดภาคเรียนใหม่อย่างเป็นทางการ

ลูกค้าในร้านยังคงหนาแน่นเหมือนเช่นทุกวัน พนักงานในร้านเดินสวนกันไปมา วันนี้ภาครับหน้าที่ดูแลลูกค้า ส่วนผมง่วนกับการจัดอาหารตามออร์เดอร์ของลูกค้า

“เข้ามาทำไม ไปดูแลลูกค้าสิ” เสียงพี่แมนดังมาจากหน้าเคาน์เตอร์ ผมวางมือจากงานที่ทำอยู่เดินออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอก

“มีไรรึเปล่าพี่” ผมรีบเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นว่าคนที่พี่แมนพูดด้วยคือภาค

“ก็ภาคเนี่ยสิ พี่บอกให้ออกไปดูแลลูกค้าก็ไม่ยอมไป” ผมหันหน้าไปมองอีกคนที่ยืนหน้านิ่งไม่พูดไม่จากับใคร

“เดี๋ยวผมทำแทนเองพี่” ผมเอ่ยอาสาแทน ส่วนอีกคนก็รีบเดินออกไปหลังร้านทันที

“เป็นไรรึเปล่า” ผมคว้าแขนแฟนตัวเองไว้ มันยังคงหน้านิ่งไม่ยอมตอบคำถาม

“ม่อนรีบออกมาข้างนอกหน่อย ลูกค้ารออยู่” เสียงพี่แมนเร่งเร้าอยู่ด้านนอก

“ครับพี่” ผมจำใจปล่อยมือจากคนตรงหน้าทั้งที่ยังไม่ได้คำตอบ ผมไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของภาคมานานแล้ว ก็ตั้งแต่วันที่ภาคก้าวขาออกจากบ้านเพื่อมาอยู่กับผม

ผมต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วรีบเดินออกมาหน้าร้าน

“ไปดูลูกค้าโต๊ะนั้นให้พี่หน่อย” พี่แมนชี้นิ้วไปที่โต๊ะลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว

“พี่ไม่รู้ว่าภาคมันเป็นไร จู่ๆ ก็เดินหนี” แต่ผมรู้แล้วครับว่าทำไม่ภาคถึงมีอาการแบบนั้น

“เดี๋ยวผมดูแลให้เองพี่” ผมหยิบเมนูอาหารเดินตรงเข้าไปหาลูกค้าโต๊ะนั้น

“พี่ม่อน” เสียงใส่ๆ ร้องทักเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ เบื้องหน้าคือรอยยิ้มสดใสของเด็กผู้หญิงที่ผมไม่ได้เห็นมานาน

“หวัดดีค่ะน้องพริม” ผมเดินเข้าไปยืนใกล้ เอ่ยทักทายเธอกลับ

“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับคุณพ่อ” ผมยกมือไหว้ทักทาย

“สวัสดีจ้ะ” แม่ของภาคยกมือรับไหว้ ส่วนอีกคนนั่งกอดอกเชิดหน้าเหมือนไม่ได้ยินเสียงของผม

“แล้วภาคไปไหนจ๊ะ เมื่อกี้แม่ยังเห็นอยู่เลย”

“ภาคจัดออร์เดอร์อยู่หลังร้านครับ คุณแม่สั่งก่อนไหมครับ” ผมวางเมนูอาหารลงที่โต๊ะ

“ดีเลยค่ะ น้องพริมกำลังหิวอยู่พอดี” พริมยิ้มกว้างหยิบเมนูอาหารขึ้นไปดู

“หนูพอมีเวลาว่างไหม แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

“เอ่อ...ตอนนี้ลูกค้าเยอะมากเลยครับ แต่...เดี๋ยวผมขอลองคุยกับผู้จัดการร้านดูก่อนนะครับ” พวกเขาคงมีเรื่องสำคัญถึงได้มาหาเราถึงที่ร้าน

ผมเดินกลับมาขออนุญาตพี่แมนที่เคาน์เตอร์ ผมบอกเหตุผลให้พี่แมนฟัง แกเอ่ยอนุญาตเพราะเคยได้ยินเรื่องราวของผมกับภาคมาบ้าง

“คุณแม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรอครับ” ผมกลับมาที่โต๊ะ เอ่ยถามแม่ของภาค

“เรามานั่งคุยกันดีกว่า” ท่านผายมือไปที่ว่างข้างน้องพริมตรงข้ามกับผู้ชายหน้าบึ้ง น้องพริมตบเก้าอี้เรียก ผมเดินไปนั่งตรงที่ว่าง

“แม่ได้ยินว่าภาคทำงานพาร์ทไทม์กับหนูใช่ไหมจ๊ะ” ท่านยิ้มถาม ผมพยักหน้าตอบ

“ใช่ครับ ภาคเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงปิดเทอม”

“จริงเหรอจ๊ะ” คุณแม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนคลี่ยิ้มแสดงความภูมิใจในตัวลูกชาย

“งานเด็กเสิร์ฟมันจะได้สักกี่บาทกันเชียว” คนที่นั่งกอดอกเอ่ยแทรก เขาแค่มองเหยียดด้วยหางตาก่อนจะหันกลับไปเชิดหน้าเหมือนเดิม

“คุณคะ” คุณแม่หันไปเอ็ดสามี

“อย่าไปสนใจพ่อเขาเลยนะ”

“ครับ แล้วคุณแม่จะให้ผมไปเรียกภาคมาไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอก รายนั้นเขาคงยังไม่อยากคุยกับใคร แต่เราช่วยเล่าเรื่องของภาคให้แม่ฟังได้ไหม”

“ได้เลยครับ” ผมเล่าเรื่องราวระหว่างที่ภาคอยู่กับผมให้พวกเขาฟัง ดูคุณแม่กับน้องพริมจะชอบใจมาก จ้อถามนั้นถามนี่เกี่ยวกับภาคไม่หยุด ทั้งสองคนคงคิดถึงลูกชายและพี่ชายของตัวเองมาก นี่ก็เกือบๆ สองเดือนแล้วนับจากวันที่ภาคมันเดินออกมาจากบ้านของพวกเขา

แต่มีอีกคนที่ดูไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่ผมเล่าสักเท่าไร เพราะตลอดเวลาที่ผมพูดเขามักจะพูดแทรกและแย้งสิ่งที่ผมพูดอยู่เสมอ

“พี่ม่อนเก่งจังเลยนะคะที่ทำให้พี่ภาคเปลี่ยนไปมากขนาดนี้” น้องพริมขยับตัวเข้ามาเกาะแขนผทก่อนหันไปยิ้มกับคุณแม่

“ไม่เกี่ยวกับพี่หรอก พี่แค่คอยช่วยอยู่ห่างๆ” ผมถือโอกาสยกความดีความชอบครั้งนี้ให้ภาคไป ถือเป็นของขวัญที่มันตั้งใจทำงานและเป็นแฟนที่ดีของผมมาโดยตลอด

“เพราะพี่ภาคเป็นแฟนกับพี่ม่อนนั่นแหละ” พริมว่าพร้อมกับบ่ายหน้าไปทางพ่อของตัวเอง

“ดูเราจะชอบพี่เขามากเลยนะ” คุณแม่เอ่ยแซวน้องพริม

“ก็พี่ม่อนทั้งหล่อทั้งเก่ง เพื่อนน้องพริมยังชอบพี่ม่อนเลย” ผมฉีกยิ้มกับความน่ารักของเธอ แอบภูมิใจเล็กๆ กับคำชมนั้น

“คงมีแค่บางคนแถวนี้แหละที่ไม่ชอบ” ผู้ชายตรงหน้าเหลือบตามองเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกพูดถึง

“กลับกันได้แล้ว คุยอะไรไร้สาระ” เขาเพียงเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนหันกลับไปกอดอกวางมาดเหมือนเคย

“จริงสิ คุยเพลินจนลืมเวลาไปเลย”

“งั้นเดี๋ยวผมไปตามภาคมาก่อนนะครับ” ผมไม่รอคำตอบลุกจากที่นั่งเดินเข้าหลังร้าน

ถึงมันจะไม่ยอมออกมาคุยแต่อย่างน้อยมันก็ควรบอกลาพวกเขาสักหน่อยก็ยังดี

“ไม่ออกไปลาพ่อกับแม่มึงหน่อยหรอ” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แฟนตัวเองที่กำลังนั่งกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ที่พื้นห้อง ท่าทางไม่ต่างจากพ่อของมันที่นั่งอยู่ด้านนอก

ผมเชื่อที่คุณย่าบอกแล้วว่าสองคนนี้เหมือนกันไม่มีผิด

คนข้างผมยังเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ จนผมต้องขยับตัวเขาไปใกล้สอดมื้อเข้าที่แขนของมัน

“ออกไปเจอท่านสักหน่อยนะ”

“มึงจะไล่ให้กูกลับไปใช่ไหม” มันดึงแขนออก ขยับตัวหนีหันหลังให้ผม

“เปล่า กูไม่จะได้ไล่มึง”

“แล้วมึงจะให้กูออกไปทำไม”

“มึงดูไม่ออกหรอว่าที่พวกเขามาที่นี่เพราะอยากมาเจอมึงไม่ใช่กู” ผมรู้ว่าพวกเขาที่นี่เพราะอยากเจอภาคไม่ใช่ผม บทสนทนาและคำถามส่วนใหญ่เกี่ยวกับภาคเกือบทั้งหมด

พวกเขารู้นิสัยของภาคดีกว่าผม เขารู้ว่าคนหัวดื้ออย่างภาคไม่มีทางออกไปเจอพวกเขาแน่ แม่ของภาคจึงเลือกที่จะถามชีวิตความเป็นอยู่ของภาคจากผมและผมก็เต็มใจเล่าให้ท่านฟัง

“ออกไปพร้อมกับกูนะ” ผมสอดมือจับกับมือหนาเป็นการให้กำลังใจ ผมปล่อยให้มันใช้ความคิดสักพัก

“เฮ้อ...” มันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้า

ผมจับมือภาคเดินกลับมาที่โต๊ะ น้องพริมลุกพรวดจากเก้าอี้วิ่งปรี่เข้ามากอดพี่ชายตัวเองแน่น

“พริมคิดถึงพี่ภาคจัง”

“พี่ก็คิดถึงพริม” ภาคยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัวน้องสาว แม่ของภาคคลี่ยิ้มเมื่อเห็นลูกชาย พ่อของมันก็เช่นกัน เขาคลายมือที่กอดอกอยู่ออกก่อนหันมามองภาค

“ผมไปรอที่รถนะ” แต่เพียงเขาเหลือบเห็นผมกับภาคจับมือกัน เขาก็ลุกพรวดเดินออกไปนอกร้านทันที

“ให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะ” คุณแม่ลุกจากเก้าอี้ เดินเข้ามาใกล้ก่อนยกมือจับแก้มภาคอย่างอ่อนโยน ส่วนภาคยังยืนนิ่งแต่มือและตัวของมันสั่นจนผมรู้สึกได้

“แม่ฝากภาคด้วยนะ” คุณแม่หันมาพูดกับผมบ้าง ก่อนจะยกมือจับแก้มแบบเดียวกับที่ทำกับภาค

“ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มรับอย่างเต็มใจ

“พี่ภาคกับพี่ม่อนสู้ๆนะคะ พริมเป็นกำลังใจให้” น้องพริมฉีกยิ้มกว้างชูสองนิ้วมาให้ก่อนเดินตามคุณแม่ออกไปนอกร้าน

“มึงโอเคไหม” ผมถามเอ่ยถามหลังจากเดินกลับเข้ามาหลังร้าน

“อื้ม กูโอเค” ภาคยิ้มคลี่ยิ้มบางๆ ตอบกลับมา แววตามันดูดีกว่าตอนที่อยู่หน้าร้านมาก มันคงคิดมากเรื่องพ่อ

อดทนหน่อยนะ กูเชื่อว่าสักวันเขาต้องเข้าใจความรักของเรา

“พี่ภาค” เสียงไอ้ตัวแสบดังมาก่อนตัว มันวิ่งปรี่เข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับภาค ซ้ำยังยกแขนขึ้นคล้องคอภาคราวกับเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน

“มึงออกไปไกลๆ ดิ๊” มันยังกระแทกก้นดันตัวผมออก ทำเหมือนผมเป็นส่วนเกินของมันกับภาค

มึงเป็นน้องอนุญาตจริงๆ รึเปล่าวะ สงสัยกูต้องหาเวลาพามึงไปตรวจดีเอ็นเอสักหน่อย

มิกซ์ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูภาค ผมค่อยขยับตัวเข้าไปใกล้ พยายามเงี่ยหูแอบฟังโดยไม่ให้ไอ้ตัวแสบรู้ตัว

“น้องสาวพี่โคตรน่ารักเลย ผมขอจีบนะ” และผมก็ได้รู้เหตุผลของมัน

“มึงมานี่เลย” ผมดึงหูลากมันออกห่างจากภาค

“ไอ้เชี่ยม่อนปล่อยกู” มันโวยวายดิ้นไปดิ้นมา ปากก็พร่ำด่าผมไม่หยุด แต่มันก็ทำได้แค่ด่าเท่านั้นแหละครับเพราะยิ่งขยับมันก็ยิ่งเจ็บตัว

“แฟนก็มีแล้วทั้งคนยังเสือกเจ้าชู้อีก” ผมเขกหัวมันไปทีหนึ่ง จนไอ้ตัวแสบร้องโอดครวญ

“พี่ภาคช่วยผมด้วย”

“ภาคมันช่วยมึงไม่ได้หรอก แต่มีคนหนึ่งที่ช่วยมึงได้ มึงอยากรู้ไหม” ผมก้มลงไปมองหน้า มือหนึ่งตบไหล่มันเบาๆ มันรีบพยักหน้าหงึกๆ เมื่อได้ยินผมเสนอ

“ช้อปไง กูจะโทรบอกช้อปให้มาช่วยมึง” มันเบิงตาโพลงเมื่อได้ยินชื่อแฟนตัวเอง ผมเห็นมันคบกับสาวมาหลายคน ไม่เคยเห็นมันกลัวใครเท่าช้อปเลย

สมกับเป็นเจ้าแมวน้อยของช้อปจริงๆ

“ไอ้เชี่ยม่อนอย่า...โอ๊ย!”

“พอได้แล้วม่อน น้องมันเจ็บ” ภาคคงทนดูไม่ไหวเดินเข้ามาห้ามผมไว้

“จำไว้อย่าริอาจเจ้าชู้อีก” ผมปล่อยมือจากหูมิกซ์ก่อนเทศนามันไปอีกบท ไอ้ตัวดีลูบหูปอยๆ เมื่อหลุดเป็นอิสระ

“ฝากไว้ก่อนนะมึง อย่าให้ถึงคราวกูบ้างนะ” มันชี้หน้าคาดโทษผมก่อนสะบัดตูดเดินลูบหูตัวเองออกไป

“มึงนี่ชอบแกล้งน้องมันจริงๆ เลยนะ” ภาคเดินเข้ามาล็อกคอผมไว้

“มึงดูไว้ ถ้าเจ้าชู้มึงจะโดนแบบมัน” ผมเงยหน้าขึ้นไปขู่ ถ้ามันคิดนอกใจผมรับรองว่าผมไม่ทำเหมือนที่ทำกับมิกซ์หรอกครับ แต่ผมจะทำให้มันสูญพันธุ์ไปเลย

“อ่าว! ทำไมหวยมาตกที่กูได้เนี่ย”

“ไม่รู้แหละ กูเตือนมึงไว้ก่อน”

“เค้าไม่เจ้าชู้แน่นอน” มันคลายแขน พลิกตัวผมให้หันหน้าเขาหามัน

“แฟนน่ารักขนาดนี้เค้าจะเจ้าชู้ได้ไง” รอยยิ้มของมันกลับมาแล้ว รอยยิ้มที่มันมักจะยิ้มให้กับผมเสมอ

“ให้มันแน่นะ” ผมชี้หน้าขู่

“แต่ยิ้มได้แบบนี้ แสดงว่าหายเครียดแล้วใช่ไหม”

“อื้ม แค่ได้อยู่กับมึงกูก็หายเครียดแล้ว”

“จะจู๋จี๋กันอีกนานไหม รีบมาช่วยกันทำงาน เดี๋ยวกูฟ้องพี่แมนให้หักเงินมึง” ไอ้ตัวดีเดินกลับมาเรียกผมสองคนพร้อมกับคำขู่

แต่เพียงผมขยับปาก ‘กู จะ ฟ้อง ช้อป’ โดยไม่เปล่งเสียง ไอ้ตัวดีก็สะดุ้งวิ่งหางจุกตูดออกไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางตลกๆ ของมันทำให้ผมกับภาคพร้อมใจกันขำก๊ากออกมา

ลายพาดกลอนเยี่ยงเสือ จริงๆ มึงก็แค่ลูกแมวเท่านั้นแหละมิกซ์เอ๊ย





“ผมกลับก่อนนะครับพี่” ผมกับภาคยกมือไหว้พี่แมน

“แล้วน้องชายเราล่ะ”



“ไม่ต้องห่วงมันหรอกพี่” รายนั้นเขามีราชรถมาเกยรออยู่หน้าร้านทุกวันอยู่แล้ว แถมมีสารถีรูปหล่อว่าที่คุณหมอค่อยขับรถเที่ยวรับเที่ยวส่งอยู่เป็นประจำ



“เออ...แล้วพวกเรากลับกันยังไง” ผมชี้นิ้วไปที่มอเตอร์ไซต์คู่ใจที่จอดอยู่คันเดียวหน้าร้าน มันกลายเป็นยานพาหนะประจำคู่เราไปแล้ว

“งั้นก็กลับดีๆ ล่ะกัน”

เราสองคนบอกลาเดินแยกทางกับพี่แมนมาที่รถ ภาคแบมือขอกุญแจรถจากผม ผมลืมบอกไปว่าช่วงที่เราใช้รถมอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะหลัก ผมต้องรับหน้าที่เป็นคนขับรถเพราะไอ้คุณชายดันขับมอเตอร์ไซต์ไม่เป็น แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนหลังจากที่กลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด จู่ๆ ภาคมันก็มาขอให้ผมช่วยสอนมันขี่มอเตอร์ไซต์ และจากวันนั้นเป็นต้นมามันก็รับหน้าที่ขับรถแทนผมมาตลอด

“ใส่หมวกด้วย” ผมรับหมวกกันน็อกมาใส่ มันก็หยิบของมันขึ้นมาใส่เช่นกัน

“กอดแน่นๆ นะ” ภาคจับจับมือผมกอดรอบเอวของมัน

“ซบด้วยได้ไหม” ผมถูหน้าที่แผ่นหลังกว้าง

“แบบนั้นยิ่งดีเลย”



เราใช้เวลาเพียงสิบนาทีในการขับรถกลับมาที่คอนโด ภาคดับเครื่องยนต์ถอดหมอกกันน็อกออกก่อนส่งกุญแจรถมาให้

“ภาค นั่นรถมึงไม่ใช่หรอ” ผมเหลือเห็นรถยุโรปรุ่นเดียวกับที่ภาคเคยขับและผมจำทะเบียนรถของมันได้ ผมมั่นใจว่าเป็นรถของมันแน่ มันโดนยึดไปตั้งวันนั้นแล้ว แต่ทำไมมันถึงมาจอดอยู่ที่นี่ได้

ภาคหันไปมอง ประจวบเหมาะกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมาหาพวกเรา

“คุณผู้หญิงสั่งให้เอารถมาให้คุณหนูครับ” ผมชายคนนั้นโค้งตัว ส่งกุญแจให้กับภาค

ภาคหันมามองหน้าผมเหมือนจะถามความคิดเห็น ผมพยักหน้าเพราะเห็นว่ารถคันนี้มีความจำเป็นกับมัน ผมกับมันเรียนคนละสาขาตารางเรียนของเราก็ไม่ตรงกันด้วย ถ้าจะใช้รถของผมเพียงคันเดียวคงไม่ไหว ได้รถอีกคันมาเพิ่มภาคมันจะได้สะดวกและไม่ต้องเหนื่อยคอยไปรับไปส่งผมด้วย

“คุณผู้หญิงฝากให้ผมบอกคุณหนูว่าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะส่งให้คุณหนูเหมือนเดิมครับ”

“ฝากขอบคุณแม่เรื่องรถด้วยนะและฝากบอกท่านด้วยว่าเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวผมจัดการเอง”

“ครับ”

ได้ยินคำตอบกับสายตามุ่งมั่นของมันแล้วอดยิ้มไม่ได้ มึงโตขึ้นเยอะเลยนะภาค

“ยิ้มอะไร ขึ้นห้องได้แล้ว” ก็กูภูมิใจในตัวแฟน ไม่ให้กูยิ้มจะให้กูร้องไห้รึไงล่ะ



ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาทันทีเหม่อกลับมาถึงห้อง ภาคเดินตามมายืนค้ำอยู่ด้านบนก่อนจะยืนมือมาจับมือผม

“ไปอาบน้ำก่อน แล้วเข้าไปนอนในห้อง”

“แป๊บหนึ่งนะ” ผมยังอิดออด นอนแผ่หลาไม่ยอมลุกขึ้นแม้ภาคจะออกแรงดึงตัวผมขึ้นมาก็ตาม

“เฮ้อ...งอแงเป็นเด็กอีกแล้ว” คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจพรืด ส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

“ก็กูเหนื่อย หิวมากด้วย” ผมลูบท้องปอยๆ วันนี้ไม่รู้เป็นไรถึงอยากอ้อนภาคมันแบบนี้

“งั้นเดียวกูไปทำไข่เจียวให้” ภาคเดินหายเข้าไปในครัว ส่วนผมยังนอนกลิ้งอยู่บนโซฟา

ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ

“ดึกดื่นแบบนี้ ใครมาเคาะประตูวะเนี่ย” ผมที่กำลังเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังเรียกอยู่หน้าห้อง ผมเดินกึ่งหลับกึ่งตื่นไปที่ประตู

“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงดังลั่น จนภาคต้องวิ่งปรี่ออกมาจากห้องครัว

“เป็นไรรึเปล่า” ภาควิ่งเข้ามาสำรวจร่างกายผมด้วยความเป็นห่วง โดยไม่เอะใจว่ามีสายตาหลายคู่กำลังมองเราอยู่

“หวานจังเลยนะ” มีนร้องแซว

“เฮ้ย...มาได้ไง” ภาคที่เพิ่งรู้ตัวหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่นอกห้องอย่างแปลกใจ แต่มือสองข้างยังจับที่ข้างแก้มและมือผมไม่ปล่อย

ผมเองก็แปลกใจที่เห็นพวกมันยกโขยงกันมาครบแก๊ง รวมถึงช้อปกับน้องชายตัวแสบที่ยืนกอดอกเบะปากอยู่ด้านหลัง สงสัยคงยังไม่หายโกรธเรื่องที่ร้าน

“กูว่าเรากลับกันดีกว่า ปล่อยให้ผัวเมียเขาสวีทกันต่อเถอะ” เสียงนัทว่าอย่างน้อยใจ

“เฮ้ย...เดี๋ยวก่อนสิวะเข้ามาในห้องก่อน” ผมรีบเดินเข้าไปคล้องคอไอ้คนขี้น้อยใจเข้ามาในห้อง ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยเดินตามเข้ามา

“พวงมึงมาทำไมกันอะ” ผมไล่มองหน้าเพื่อนทุกคน

“ก็มาฉลองเปิดเทอมไง” อาร์มแทรกตัวมายืนข้างหน้าพร้อมกับโชว์ลังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มันถืออยู่

“ใช่ๆ” มีนกับเฟิร์นต่างชูถุงกับแกล้มที่ถืออยู่เต็มสองมือเช่นกัน

“แล้วนั่นอะไรหรอช้อป” ผมเหลือบไปถังสี่เหลี่ยมสีฟ้าขนาดใหญ่ในมือของช้อป

“น้ำแข็งน่ะ”

“โห…” ผมถึงกับอ้าปากค้างอึ้งเมื่อเห็นของทั้งหมดที่พวกมันเตรียมมา

เครื่องดื่มพร้อม น้ำแข็งพร้อม กับแกล้มพร้อม และดูท่าพวกมันก็พร้อมเมาด้วยเช่นกัน

“มึงจะอึ้งอีกนานไหม กูหนักจะตายแล้ว” อาร์มร้องโอดเพราะมันเป็นคนถือของที่หนักที่สุด

ผมหันไปขออนุญาตเจ้าของห้อง ภาคพยักหน้าอนุญาตซ้ำยังเดินไปจัดเตรียมสถานที่ให้อย่างเสร็จสรรพ

ของที่พวกมันเตรียมมาทุกอย่างถูกนำวางรวมกันที่ห้องนั่งเล่น ลำโพงเซอร์ราวครบชุดของภาคที่นานๆ จะได้ใช้ วันนี้มันถูกนำออกมาเปิด โดยอาร์มรับหน้าที่เป็นดีเจหลังจากที่มันต้องรับหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่หลายครั้ง สองสาวมีนกับเฟิร์นเดินแยกตัวออกไปที่ห้องครัวจัดแจงเทกับแกล้มที่เตรียมมาใส่จาน

“เกร๊ง!” เสียงน้ำแข็งหล่งลงในแก้วใส ช้อปรับหน้าที่เป็นคนเติมน้ำแข็ง

“ป็อก!” เบียร์ขวดแรกถูกเปิดโดยนัท มันไล่เทของเหลวสีเหลืองลงแก้วที่ช้อปใส่น้ำแข็งเตรียมไว้ให้

ผมกับภาคเป็นเจ้าของห้องจึงได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องทำอะไรรอเมาอย่างเดียว ส่วนไอ้น้องชายตัวดีของผมยังคงนั่งกอดอกทำหน้างออยู่ข้างๆ ช้อปและมันจะเชิดหน้าใส่ทุกครั้งที่ผมมอง

หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: TONYZZYUKI ที่ 26-10-2018 17:30:08
นัทแจกจ่ายแก้วเครื่องดื่มให้กับทุกคนรอบวง ผมรีบคว้ามาไว้กับตัวเองสองแก้ว

“มึงเอาไปทำไมตั้งสองแก้ววะ แล้วของมิกซ์มันล่ะ” นัทเอ่ยถาม

“กูไม่ให้มันแดก” ผมยักไหล่ตอบ

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู” ไอ้ตัวดีลุกขึ้นชี้หน้าผม เดียวนี้มันกล้าขึ้นเสียงกับผมด้วย

“มึงเป็นน้องกู ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์”

“พี่เหี้ยๆ แบบมึงกูไม่อยากมีหรอก” อ่าวด่ากูอีก เดี๋ยวมึงโดนดีแน่

“มึงกล้าด่ากูหรอ ขอโทษกูเดี๋ยวนี้”

“ไม่มีทาง”

“หรือว่ามึงจะให้กูพูดเรื่องที่ร้าน” ผมเหลือบมองช้อปและดูเหมือนช้อปจะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกพูดถึง

“เชี่ยม่อน อย่า”

“งั้นก็รีบขอโทษกู” ผมเขย่าแก้วเบียร์ก่อนกระดกเข้าปาก

“ขอโทษ” มันพูดห้วนก่อนทิ้งตัวลงนั่งกอดอกทำหน้างอเช่นเดิม ส่วนผมยกยิ้ม กระดกเบียร์เข้าปากอย่างผู้มีชัย

“มึงเลิกแกล้งน้องมันได้แล้ว” ภาคหันมาดุผม

“กูสงสัยจริงๆ มึงสองออกมาจากท้องเดียวกันไหมวะ กัดกันอย่างกับใครคนหนึ่งเป็นลูกเมียน้อย” เฟิร์นขมวดคิ้วถาม

อันที่จริงผมแค่อยากแกล้งมิกซ์มันเท่านั้นแหละครับ แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งมัน

“มึงก็สรรหาเรื่องให้พ่อกูโดนไล่ออกจากบ้านนะ” ประโยคนี่สร้างความขบขันให้ทุกคนเป็นอย่างดี

เสียงหัวเราะหยุดไปสักพักก่อนจะมีเสียงหัวเราะของใครหนึ่งดังขึ้นมาแทน

“หึหึ” มิกซ์กระตุกยิ้มหัวเราะในลำคอพร้อมกับแย่งแก้วในมือช้อปไป

“จริงอย่างที่พี่เฟิร์นว่า ม่อนมันเป็นลูกเมียน้อย” มันพูดพร้อมกับกระดกเบียร์เข้าปากอย่างไม่กลัวคำขู่ของผมเลย ประโยคของมันทำให้ทุกคนที่ได้ฟังหันมามองผมเป็นตาเดียว รวมถึงภาคก็หันมามองผมเช่นกัน

มันโกรธผมจนเพี้ยนไปแล้วรึเปล่า

“มึงกล้าขัดคำสั่งกูหรอ”

“ทำไมกูต้องกลัวมึงด้วย” มันกระตุกยิ้มอ้อนตีน

“มึงจะให้กูพูดเรื่องนั้นใช่ไหม” มันไม่สนใจคำขู่กลับลุกขึ้นเดินอ้อมมานั่งข้างๆ อาร์มแทน

ทำไมมันไม่กลัวผมแล้วล่ะครับ แถมยังทำหน้าเหมือนมั่นใจอะไรสักอย่างด้วย

“พี่อาร์ม ผมขอเปิดเพลงหน่อยนะ”

“ได้สิ แล้วเราจะเปิดเพลงอะไรล่ะ”

“เพลงพิเศษนะพี่ ม่อนมันแต่งเองร้องเองเลยนะ” ทุกคนเริ่มวางแก้วในมือลงหันมาสนใจสิ่งที่มิกซ์กำลังทำ

“มึงไปแต่งเพลงเป็นด้วยหรอวะ” นัทเอ่ยถาม

นั่นสิ ผมแต่งเพลงเป็นซะที่ไหนและผมก็ไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟังด้วย

มันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดอะไรสักอย่างในนั้นแล้วหันมามองที่ผม

“พร้อมนะครับทุกคน” ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน ดูพวกมันจะตั้งใจฟังกันเป็นพิเศษ จนผมเองแอบหวั่นใจ

ไอ้ตัวแสบมันจะมาไม้ไหนกันแน่

ไม่นานเสียงเพลงที่มันบอกก็ดังผ่านลำโพงออกมา

“อื้อ...ภาคเร็วอีกหน่อย กูไม่ไหวแล้ว...อ้า”

ทุกคนหันขวับมาที่ผมทันที

“ไม่ใช่กูนะ” ผมปฏิเสธทั้งๆ ที่รู้ว่านั่นคือเสียงของตัวเอง

“ไม่ทันแล้วมึง” ทุกคนต่างพร้อมใจกันส่ายหน้าให้กับผม

“ไอ้เชี่ยมิกซ์ มึงปิดเดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปโวยวายกับไอ้ตัวดีทั้งที่อายจนหน้าชาไปหมด ไอ้ตัวดีไม่ยอมทำตามซ้ำยังเอาโทรศัพท์ไปซ่อนเพื่อไม่ให้ผมหาเจอ

ผมหันกลับมาหาแฟนตัวเองที่กำลังนั่งกระดกเบียร์เข้าปากอย่างสบายใจ 

“ภาคช่วยกูด้วย” ผมหมดหนทางจนต้องขอร้องให้ภาคช่วย

“กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าแกล้งน้องมัน” กูจะรู้ไหมล่ะว่ามันยังเก็บคลิปนั้นไว้

“เป็นเพราะมึงเลย กูบอกมึงแล้วว่าไม่ให้ทำที่บ้าน”

“อ้าว! กูผิดงั้นหรอ มึงเสียงดังเองต่างหาก” นอกจากจะไม่ช่วยมึงยังโยนความผิดให้กูอีก

เสียงร้องครางยังคงดังวนอยู่อย่างนั้น ผมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ผมจะไม่หนีจนกว่าจะได้แก้แค้นไอ้น้องเลวนี่ซะก่อน

“ช้อปอยากรู้เรื่องที่เราขู่มิกซ์มันไหม” ช้อปวางแก้วในมือหันมามองผมอย่างตั้งใจ ไอ้ตัวดีเริ่มหวั่นใจขึ้นมาบ้าง

“มิกซ์มันจะจีบพริมน้องสาวภาค”

“ไอ้เชี่ยม่อน” และก็เป็นอย่างที่ผมคิด ช้อปหันไปจ้องหน้ามิกซ์อย่างเอาเรื่องก่อนคว้าแขนลากตัวมิกซ์ออกไปที่ระเบียงห้อง

กูไม่ยอมโดนคนเดียวหรอกมิกซ์ กูต้องลากน้องชั่วๆ อย่างมึงไปด้วย ฮาๆ ๆ สะใจโว้ย

ว่าแต่ผมจะปิดคลิปเสียงนี้ได้ยังไง มิกซ์มันเอาโทรศัพท์ไปซ้อนไว้ที่ไหนเนี่ย





Part มิกซ์

ผมโดนคนหน้าดุลากตัวออกมาที่ระเบียง เป็นเพราะไอ้พี่ชายขี้ฟ้องของผมคนเดียว

“พี่ช้อปใจเย็น ปล่อยก่อน ผมเจ็บ” ผมขอร้องคนตรงหน้า

“ตอบพี่มา ที่ม่อนพูดหมายความว่าไง” พี่ช้อปถามเสียงดุ มือยังกำรอบข้อมือผมแน่น

“เออ...คือว่า...”

“จริงสินะ” พี่แกหลุบตา คลายมือออก

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมแค่แซวเล่นๆเท่านั้น” ผมดึงมือพี่ช้อปมาจับ

“ผมไม่ได้คิดจริงจังนะ” ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากคนตรงหน้า

“พี่ต้องเชื่อผมนะ ผมมีแค่พี่คนเดียวจริงๆ” ตั้งแต่คบกับพี่ช้อปผมก็ไม่เคยคุยกับใครอีกเลยผมสาบานได้ แต่พี่ช้อปนี่สิทำเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูด

“งั้นก็พิสูจน์ให้พี่เห็นสิ” พี่ช้อปเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาจริงจัง

“ยังไงหรอครับ?”

“คืนนี้ไปนอนกับพี่ที่ห้อง”
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-10-2018 01:13:27
งานนี้น้องมิกซ์ตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 27-10-2018 12:03:35
 :-[