ตอนที่ 7 ครึ่งแรก
#ต้องเจอแบบนี้อีกกี่ครั้ง
“สอบเสร็จสักทีโว้ย” ไอ้นัทเดินออกมาจากห้องสอบพร้อมโปรยชีทที่อยู่ในมือ แต่ก็ได้ไม่นาน มันวิ่งไปเก็บชีทที่กองอยู่ที่พื้นขึ้น มา ก็มีสายตาอำมหิตจากอาจารย์ส่งมาคุมสอบ แถมยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาที่เราเพิ่งสอบเสร็จไปเมื่อกี้อีก
“ต้องขอบคุณอาจารย์ม่อนของเราที่ช่วยเกร็งข้อสอบให้” ไอ้อาร์มประนมมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์แทนคำขอบคุณ ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้มันไป
“กูว่าเย็นนี้ต้องมีฉลองแล้ววะ”
“ไปที่ไหนดี ผับหลังมอไหม” ไอ้นัทกับไอ้อาร์มหันมาถามความคิดเห็น ผมพยักหน้าตอบรับอยากคลายเครียดอยู่เหมือนกัน แถมตอนกลางคืนผมไม่ต้องไปทำงานที่ผับอีกต่อไป เพราะผมบอกกับพวกมันไปแล้วว่าผมจะไม่กลับไปทำงานที่นั่นอีก ถึงแม้ว่ารายได้จากส่วนนี้ของผมจะหายไปแต่ก็ยังดีกว่ากลับไปเจอเหตุการณ์เก่าๆ ที่ผมไม่อยากนึกถึงมัน
“เออไอ้ม่อน เรื่องเงินที่กูบอกว่าจะไปคืนให้กูจัดการให้แล้วนะ” จู่ๆ ไอ้นัทมันก็เปลี่ยนเรื่อง หันมามองหน้าผมเหมือนรอดูปฏิกิริยาของผมอยู่
“เออ ขอบคุณพวกมึงมาก” ผมพยายามข่มอารมณ์หันไปส่งยิ้มเพื่อให้มันสบายใจ
“ม่อน...เอ่อ ไม่มีไรหรอกไปกันเถอะ” นัทมันเหมือนมีอะไรอยากพูดกับผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ช่างเถอะยังไงซะผมก็คิดว่าผมคงหมดเรื่องกับ ‘ไอ้ภาค’ มันเสียที
Part
ภาค
“นี่เงินห้าหมื่น” เพื่อนในกลุ่มของม่อนยัดซองสีน้ำตาลใส่มือผม
“แล้วมึงเลิกยุ่งกับม่อนมันสักที” สีหน้ามันดูเหมือนจะเกลียดผมมาก พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ผมทุกเมื่อ
“กูขอบคุณสำหรับเงินนี้ แต่เรื่องที่ให้กูเลิกยุ่งกับ...กูคงไม่” คนที่ยื่นอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ พร้อมกับซัดเข้าที่หน้าผมเต็มๆ
“มึงมีเห็นผลอะไรถึงไม่เลิกยุ่งกับมัน เงินมึงก็ได้คืนแล้วนี่” มันดูจะโมโหกับคำตอบที่ได้จากผม
“…” ผมเงียบไม่มีคำตอบให้มัน
“มึงรู้ไหมที่มึงทำม่อนมันรู้สึกยังไง มึงรู้ไหมสภาพตอนที่กูเจอมันหลังจากที่มันหนีออกมาจากมึงมันเป็นยังไง มึงรู้ไหมว่ามันนอนละเมอร้องไห้เกือบทุกคืน มันต้องคอยระแวงว่ามีคนตามมันมาไหม มันตกใจแม้กระทั่งพวกกูสะกิดมัน ถ้ามึงยังมีความเป็นคนอยู่มึงก็ควรเลิกยุ่งกับมันซะ”
“กู...กูไม่รู้” ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำไปแค่อารมณ์ชั่ววูบตอนนั้นจะทำให้มันเป็นแบบนี้ หลังจากที่ผมลากมันออกมาแล้วพยายามขืนใจมัน ตอนนั้นผมไม่แม้แต่จะสนใจเสียงอ้อนวอนขอให้หยุดของมัน จนจู่ๆ เสียงมันก็เงียบลงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากมัน ผมหยุดร่างกายของตัวเองไว้ นึกถึงเรื่องที่ผมกำลังทำอยู่ว่าผมทำไปทำไม ผมไม่รู้จริงๆ ครับว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงต้องคอยตามดูมัน ไม่ชอบเวลามันอยู่กับใคร ยิ่งตอนที่เห็นมันยืนกอดกับไอ้ช้อปนั่น แต่ผมมีสิทธิ์อะไร
ตอนนั้นผมทำได้เพียงบอกให้มันหนีไปจากผม มันพุ่งตัวออกจากรถทันทีที่ผมปลดเข็มขัดที่รัดตรงแขนมันอยู่ มันไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองหรือถามอะไรผม มันคงกลัวคงเกลียดผมมากแน่ๆ
แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะตามมันออกมา ผมขับรถตามมันที่วิ่งเหมือนไม่มีจุดหมายจนล้มลงไปกองที่พื้น ก่อนพยายามดันตัวเองเกาะกำแพงมานั่งที่ป้ายรถเมล์อย่างลำบาก ผมนั่งมองมันที่นั่งเหม่อลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ นี้ผมทำให้คนหนึ่งต้องเจ็บขนาดนี้เลยหรอ ตั้งแต่วันนั้นผมโกรธตัวเองมาก คอยนั่งมองมัน คอยเดินตามมัน จนถึงวันที่เห็นมันนั่งคุยกับไอ้ช้อปนั้นอย่างสนิทสนมแถมยังถอดเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวให้กันด้วย ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย
“กูก็ไม่รู้ว่ากูทำแบบนั้นไปทำไม” ผมตอบไปตามความรู้สึกตอนนั้น
“มึงชอบม่อนหรอ”
‘มึงชอบม่อนหรอ’
ผมทวนคำนี้ในใจอีกรอบ จากสิ่งที่ผมทำก่อนหน้านี้ผมคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า
‘ผมชอบมัน’
Part
ม่อน
เสียงเพลงดังออกมาจากในร้าน ร้านที่เรามากันวันนี้เป็นร้านกึ่งผับกึ่งนั่งชิลล์ คนเยอะเป็นปกติครับเพราะเป็นร้านดังและร้านประจำของเหล่านักศึกษามหาลัยนี้ เราเดินมานั่งโต๊ะที่อยู่ตรงมุมเกือบๆ จะด้านในสุดของร้าน เหล่านักเที่ยวต่างลุกขึ้นมาออกลีลา ในมือถือแก้วเหล้าประจำตัว ผมนั่งมองเหล่าคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานผมไม่ได้มีโอกาสมานั่งดื่มนั่งสนุกกับเพื่อนๆ เท่าไร ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะทำงานอยู่กับผับแต่ก็ไม่ได้มีเวลามานั่งกับเพื่อนๆ เพราะงานของผมคือการบริการลูกค้าที่เข้ามาหาความสุขเท่านั้น หลังจากวันนี้ผมต้องคิดแล้วว่าจะหางานพิเศษทำเพิ่มให้ได้เงินที่พอต่อการใช้แต่ละเดือน กับเงินที่ต้องส่งกลับให้ที่บ้านด้วย
“เอ้าม่อนชนหน่อย” นัทยื่นแก้วจากที่นั่งตรงข้ามมาชนแก้วกับผม เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยรวมถึงช้อปที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยกแก้วขึ้นมาชนด้วยเช่นกัน หลังจากแก้วแรกก็ตามมาด้วยแก้วที่สอง สาม สี่ตามมา ผมเป็นคนคอแข็งครับแต่โดนเหล้าที่ไอ้นัทกับไอ้อาร์มชงให้ แทบจะเรียกว่าเพียวเข้าไปก็เล่นเอามึนอยู่เหมือนกัน มันคงเห็นว่าที่ผ่านมาผมเครียดมามากเลยอยากจัดให้ผมแบบฟลูออฟชั่นสักหน่อย
ผมขอตัวออกมาเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ช้อปบอกว่าจะออกมาเป็นเพื่อนแต่ผมปฏิเสธไปเพราะอยากให้เขาได้อยู่สนุกกับเพื่อนๆ
“อย่าเพิ่งสิคะภาค รอถึงห้องก่อน” เสียงผู้หญิงดังไม่ไกลจากที่ผมนั่ง ถือเป็นเรื่องปกติของนักเที่ยวกลางคืนครับ ที่มาเที่ยวแล้วจะถูกใจใครสักคนก่อนที่จะพากันไปจบที่โรงแรมหรือห้องของใครสักคน ผมจะไม่สนใจถ้าชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกดูคุ้นหูผมมาก และก็เป็นอย่างที่คิด คนที่กำลังนัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนนั้นคือภาคคนที่ผมเกลียดมากที่สุด
มันคงรู้แล้วว่ามีคนมองมันอยู่ มันเงยหน้าที่กำลังซุกไซ้อยู่ที่ต้นคอสาวสวยคนนั้นอยู่ขึ้นมาสบตากับผม ผมหลบสายตามันไม่อยากที่จะมองมันด้วยซ้ำ เพราะยิ่งมองภาพที่มันทำกับผมวันนั้นก็ลอยขึ้นมาทันที ผมเดินหลบออกมาจากตรงนั้น เดินตรงไปตามถนนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพวกไอ้นัทบอกพวกมันว่าขอตัวกลับก่อน โดยให้เหตุผลว่าปวดหัวมากอยากกลับห้องไปนอน ช้อปที่ได้ยินแบบนั้นก็อาสาไปส่งผมทันที แต่ผมปฏิเสธไปบอกว่าตอนนี้ขึ้นรถออกมาแล้วไม่ต้องเป็นห่วง
ผมเดินตรงไปตามถนนหลังจากวางสายจากไอ้นัท คิดว่าจะเดินกลับหอเองเพราะว่าหอผมกับผับไม่ได้ไกลกันมากนัก เสียงเพลงของร้านเหล้าสองข้างทางดังมาเป็นระยะส่วนใหญ่ก็เป็นร้านนั่งชิลล์สำหรับคนที่ชอบดื่มด่ำกับบรรยากาศและไม่ชอบคนแออัด
“จะไปไหนหรอน้อง” ผมไม่ได้ทันสังเกตว่ามีคนเดินตามผมมา รู้ตัวอีกที่ก็โดนล้อมไปด้วยผู้ชายร่างสันทัดสี่คน
“กะ...กลับหอครับ” ผมตอบด้วยเสียงสั่นๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาทั้งสี่คนมาด้วยเหตุผลอะไร
ผมรีบสาวเท้าเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ผมก้าวเดินอย่างรวดเร็วแทบจะเรียกว่าวิ่งก็ได้ ตอนนี้สองข้างทางเปลี่ยนจากร้านรวงเป็นพื้นที่ร้าง สองข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ผมหันกลับไปมองทางด้านหลังว่ายังมีคนตามมาอยู่ไหม
‘เหี้ย!’ ทำยังไงดีครับพวกนั้นยังตามผมมาอยู่เลย
“เฮ้ย!” แรงกระชากทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ผมถูกล้อมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก พวกมันแต่ละคนเดินเข้ามาช่วยกันจับล็อกตัวผมไว้
“ปล่อยกูนะไอ้พวกเหี้ย” ผมพยายามดิ้นอย่างถึงที่สุด ปากก็พ่นคำด่าใส่พวกมันอย่างต่อเนื่อง
‘อึก’
“ปากดีนักนะมึง” ผมทรุดลงกับพื้น เรี่ยวแรงที่ขัดขึ้นก่อนหน้านี้หายไปหมด มันคนหนึ่งในกลุ่มซัดหมัดเข้าที่หน้าท้องผมอย่างแรง ก่อนลากผมเข้าข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ผมพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีตะโกนขอความช่วยเหลือ ทันทีที่ผมส่งเสียงร้อง แรงจากฝ่ามือก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าผมอย่างแรง
“พวกมึงจะทำอะไรกู กูเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”
“ตอนนี้จะเป็นอะไรก็ช่างกูไม่สน ยิ่งหน้าหล่อๆ แบบมึงด้วยกูไม่เกี่ยง” กระดุมเสื้อเชิ้ตลายจุดของผมถูกปลดลงทีละเม็ด เข็มขัดที่ถูกปลดเรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะดึงกางเกงของผมลง
“ปล่อยผมไปเถอะนะ ฮึกๆ อยากได้อะไรก็ไอ้ไป แต่ปล่อยผมไปเถอะนะ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นประนมอ้อนวอนขอร้องให้พวกมันปล่อย น้ำตาที่ไหลอาบท่วมทั้งสองข้างแก้ม ผมกลัวๆ มากจริง ยิ่งผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมยิ่งกลัว
“นัทมึงช่วยกูด้วย ช่วยกูด้วย” ผมร้องเรียกเพื่อนทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะได้ยิน เพียงแค่หวังว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินสักคน
“กูขอคนแรกนะ ไม่ไหวแล้ว” ไอ้สัตว์นรกคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น พร้อมกับลุกยืนถอดกางเกงตัวเองออก
“อย่าๆ ทำผมเลย” ผมร้องขออีกครั้ง มันไม่แม้จะฟังผมดึงกางเกงของผมลงจนตอนนี้เหลือเพียงกางเกงในที่ปกปิดส่วนนั้นของผมไว้เท่านั้น
หน้าหล่อแล้วยังขาวไปหมดแบบนี้อีก” ผมหลับตาลงไม่อยากมองสิ่งที่มันกำลังจะทำกับผม ตอนในหัวผมคิดแค่ทำไมผมต้องเจอกับเรื่องพวกนี้ตลอดทำไมต้องเกิดขึ้นกับผม ทำยังไงผมถึงจะหนีจากเรื่องแบบนี้ได้ หรือว่าผมต้องตายเท่านั้นถึงจะหลุดพ้น
ครึ่งหลังเดี๋ยวดึกๆผมมาต่อให้นะครับ