Photo(13)
กลิ่นครีมอาบน้ำยังหอมคลุ้งอยู่ในห้องน้ำแม้เจ้าของห้องอีกคนจะอาบน้ำเสร็จไปแล้วพักใหญ่ กลิ่นพวกนี้มันทำให้ทัพฟุ้งซ่านจนต้องใช้เวลาจัดการตัวเองอยู่นาน บวกกับความอดกลั้นที่ทนมาตลอดทั้งวันได้สิ้นสุดลง เพราะรู้ว่าเพ้นท์คงยังไม่พร้อมเลยไม่คิดจะบังคับ จุดจบสายตามใจคือการปลดปล่อยตัวเองในห้องน้ำแบบนี้
เปิดประตูห้องน้ำออกมาในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวทัพก็คว้าบุหรี่ตั้งใจจะออกไปสูบที่ระเบียง เป็นการกระทำแสนขัดใจคนที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงจนต้องละความสนใจจากหน้าจอ แล้วเอ่ยถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว
"ไปไหน"
ทัพชูซองบุหรี่กับไฟแช็กในมือให้ดูแทนคำตอบ เพ้นท์เลยทำหน้าตึงยิ่งกว่าเดิม
"ก็รู้ว่าไม่ชอบ"
"แต่กูต้องสูบไง ไม่ไหว"
"เป็นอะไรไม่ไหว ตอนกลับมาเห็นสูบไปแล้วนะ"
"ไม่ไหวกับมึงนี่แหละเพ้นท์"
"กู?" เพ้นท์ชี้ที่ตัวเองแสร้งทำหน้างง ขณะที่ทัพเริ่มดูหงุดหงิดเพราะรู้ว่าโดนแกล้ง
"ถ้ายังไม่พร้อมก็อย่ายั่ว"
คำเตือนที่มาพร้อมกับความเป็นห่วงทำเพ้นท์ยิ้มกว้าง เขาลุกจากเตียงเดินมายืนประจันหน้า วันนี้พวกเขาต่างก็อดทนมามากแล้ว แล้วตอนนี้จะต้องอดทนไปอีกทำไม
"แล้วเราเป็นแฟนกันทำไมวะ ไม่ใช่มันแปลว่ากูพร้อมแล้วเหรอ"
คำถามว่ายั่วอารมณ์แล้ว แต่สายตาใสซื่อกับแก้มแดงๆ ของคนถามกลับยั่วยิ่งกว่า เพ้นท์ไม่ควรเขินอายกับคำพูดแสนกล้าหาญของตัวเองแบบนี้
"หน้าแดงอยู่รู้ตัวมั้ย"
"รู้"
"เขินแล้วยังจะยั่ว"
"แต่จะเขินกว่านี้ถ้ายั่วแล้วเขายังไม่เอา"
ซองบุหรี่กับไฟแช็กถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ทัพโถมเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างสุดจะทน กดจูบหนักๆ เดินหน้าประชิดตัวบังคับเพ้นท์ให้ถอยหลังจนถึงเตียงนอนหอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วเอนกายนอนตามแบบที่ควรจะเป็น
การรุกเข้าใส่ของทัพไม่ได้โหยหารุนแรงจนทำให้คนขี้ตกใจตื่นกลัว เขาจูบแล้วผละออกอยู่ซ้ำๆ มือคอยปลดเปลื้องเสื้อนอนตัวยาวเพียงตัวเดียวที่อยู่บนร่างกาย สัมผัสผิวขาวที่เขาชอบด้วยการลูบไล้ไปทั่วทุกพื้นที่
"ทัพ"
"หืม" ได้แต่ครางรับเพราะปากกับจมูกยังฝังอยู่ที่ต้นคอ
"ครั้งแรกนะ"
แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดมาทัพจึงเงยหน้าขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ
"ถนอมกูหน่อย"
รอยยิ้มกว้างถูกมอบให้เพื่อปลอบขวัญ ทัพตอบรับด้วยจูบแสนดูดดื่มที่ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่า 'ถนอม' ที่อีกฝ่ายขอเท่าไรนัก เขาทำได้เพียงบอกกับตัวเองว่า 'จะพยายาม' แค่นั้น
ถนอมน่ะเขาถนอมอยู่แล้ว แต่เล่นยั่วกันขนาดนี้เลยสัญญาไม่ได้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน
ทุกส่วนอ่อนไหวในร่างกายถูกสัมผัส เพ้นท์แอ่นตัวรับเมื่อทัพเล่นลิ้นกับหน้าอก จะว่ารู้สึกดีก็ใช่ แต่ก็มีความเหนียมอายจนต้องหลับตาเบือนหน้าหนี การถูกลวนลามทางสายตากับการโดนจับต้องจริงๆ นั้น ความรู้สึกมันเทียบกันไม่ได้เลย
เล้าโลมจนอารมณ์เตลิดได้ที่ทัพก็ผละออก ลุกไปเปิดชั้นข้างเตียงตัวเองทิ้งให้เพ้นท์นอนใจเต้นมองตามตะห้อย แต่พอเห็นสิ่งที่ทัพหยิบติดมือมาก็ต้องรีบหันกลับมาทำทีเป็นว่าไม่เห็น ทั้งที่ของเหล่านั้นทำใจเขาเต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่า
ของจริงแล้วสินะต่อจากนี้
ทับดึงผ้าขนหนูที่พันเอวออกก่อนก้าวขึ้นเตียงโถมเข้าทาบทับร่างขาวๆ อีกครั้ง เขาประโลมจูบอย่างไม่รู้เบื่อ หวังให้เพ้นท์ผ่อนคลายก่อนจะจับขาสวยๆ ที่เขาชอบมองให้แยกออกจากกัน บีบเจลหล่อลื่นใส่มือจนชุ่ม มองอีกคนที่ไม่ยอมหันมาสบตาก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไป
เพ้นท์หลับตาแน่น มือกำผ้าปูที่นอนเอาไว้กะว่าถ้ามันเจ็บมากจะได้มีที่ระบายแต่มันไม่ได้หนักหนาอย่างที่กลัว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาเตรียมตัวมาบ้างแล้ว หรือไม่ก็เพราะว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ความเจ็บปวด อึดอัดและคับแน่นเข้ารุมเร้าจนเพ้นท์เผลอกัดปาก เปลือกตายังคงปิดแน่นครางประท้วงในลำคอบ้างเมื่อโดนรุกหนักเกินไป ดูบอบบางเสียจนทัพกลัวว่าหากเขาใส่แรงมากกว่านี้คนคนนี้จะแตกสลายคามือ ทำเอากังวลว่าจะแข็งแรงพอที่จะรับตัวเขาได้ไหม
"อย่ากัดปาก"
ทัพก้มลงจูบเบาๆ เมื่อดึงนิ้วออก ได้ยินเสียงตอบรับงึมงำกลับมาคล้ายอยากจะอ้อน แต่กลับไม่ยอมสบตากันเสียอย่างนั้น
"ของจริงเจ็บกว่านี้นะ ลองจับก่อนมั้ย" การเย้าแหย่ได้ผลเมื่อเพ้นท์ยอมลืมตามองหน้ากัน
"ลีลา"
"เตือนแล้วนะ"
"ก็ต้องชินมั้ยเล่า"
"งั้นต้องทำบ่อยๆ ใช่มั้ยจะได้ชินเร็วๆ"
"อือ"
"ยั่วว่ะ" อดไม่ได้ต้องจูบแรงๆ อีกสักที ทัพขบปากล่างจนเพ้นท์เผลอร้อง เลยฟาดมือเข้าที่ไหล่แรงๆ ไปหนึ่งที แต่ทัพก็ยังอารมณ์ยิ้มกว้างใส่
ถุงยางอนามัยที่ซื้อติดห้องไว้เพิ่งได้ฤกษ์ใช้ก็วันนี้ ทัพจับส่วนกลางลำตัวจ่อที่ปากช่องทาง ค่อยๆ ดันมันเข้าไปทีละนิดให้เพ้นท์ได้ปรับตัว เขารู้ดีว่าครั้งแรกมักเจ็บปวดเสมอ แต่มันจะเป็นความเจ็บปวดที่มีความสุข
เมื่อไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามหรือโอดครวญใดๆ ทัพจึงเริ่มขยับร่างกาย เขาคอยจูบปลอบประโลมและช่วยกระตุ้นส่วนอ่อนไหวเพื่อให้เพ้นท์ลืมความเจ็บปวด และรับรู้แต่ความสุขสมที่ได้รับจากเขาแทน
เพ้นท์ปล่อยให้อารมณ์นำพาทุกอย่าง การแสดงออกทางร่างกายและน้ำเสียง อยากทำอะไรอยากส่งเสียงแบบไหนไม่คิดจะอดกลั้นมันเอาไว้ ทั้งที่รู้ว่ามันจะยิ่งช่วยกระตุ้นคนที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนตัวเขา คำว่าถนอมที่ขอไว้ คงหายไปจากหัวทัพเสียแล้วล่ะมั้ง
ครั้งแรกมักเจ็บปวดเสมอ ผู้มีประสบการณ์ในอินเทอร์เน็ตต่างบอกกันแบบนั้น แต่สำหรับเพ้นท์แล้ว ครั้งแรกมันก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก
"ทำอะไร" ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันเพ้นท์ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นทัพกำลังวุ่นวายอยู่กับเตียงของเขา
"เก็บผ้าปูไปซัก ตื่นนานยัง" ละมือจากผ้าปูที่เพิ่งดึงออกมาจากที่นอนได้สำเร็จทัพก็เดินเข้ามาหา เอ่ยถามคนที่เพิ่งเคยนอนเตียงเขาเป็นครั้งแรกด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อคืนเตียงที่นอนประจำมันเลอะจนไม่สามารถนอนต่อได้
"เพิ่งตื่น หิว"
"ซื้อโจ๊กมาไว้ให้ จะล้างหน้าแปรงฟันก่อนมั้ย หรือจะกินเลย" ทัพพยักพเยิดไปยังชั้นวางข้างหน้าต่างที่มีถุงโจ๊กวางอยู่ พร้อมกับให้ตัวเลือกคนที่ตื่นมาก็บ่นหิวทันที
"แปรงฟันๆ"
"ลุกไหวใช่มั้ย"
"ไหวดิ แค่นี้จิ๊บๆ" เพ้นท์ทำหน้าเก่งใส่แม้ความจริงจะไม่ได้สบายตัวอย่างที่ปากว่าก็ตาม
ทัพยิ้มขำไม่ได้ต่อปากต่อคำเพราะไม่อยากกวนประสาทให้โดนด่าเล่นแต่เช้า ขยับเข้าไปประชิดตัวคอยช่วยพยุงด้วยความเป็นห่วง เมื่อคืนเพ้นท์บ่นว่าเจ็บอยู่หลายครั้ง จากที่เกือบยับยั้งตัวเองไม่อยู่เลยเรียกสติกลับมาแล้วทำอย่างทะนุถนอมอย่างที่เจ้าตัวขอ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นคืนที่ดี เลยอยากให้เพ้นท์รู้สึกดีแทนที่จะทำหน้าแหยใส่กัน
ส่งเพ้นท์เข้าห้องน้ำเรียบร้อยทัพก็กลับมาเทโจ๊กใส่ถ้วยเตรียมไว้ เพ้นท์ไม่ค่อยถูกกับของร้อนๆ โจ๊กอุ่นๆ เลยไม่ถูกจับใส่ไมโครเวฟ ก่อนเจ้าของห้องตัวโตจะกลับไปวุ่นวายกับการเก็บผ้าปูที่นอนไปซักเหมือนเดิม ตามด้วยการเก็บกวาดห้องที่ทำรกไว้เมื่อคืน
ประตูห้องน้ำไม่ได้ถูกปิด แปรงฟันไปเพ้นท์ก็เหล่คมองนที่ดูจะไม่ถูกกับงานบ้านเท่าไร เลยรีบๆ จัดการตัวเองให้เสร็จ ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยกำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำคนที่จัดการเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็เข้ามายืนขวางหน้า พร้อมกับอ้อมแขนที่เข้ามาช่วยประคอง
"เวอร์ไปมั้ย" เพ้นท์ว่ากลั้วหัวเราะ ไม่ได้ห้ามไม่ได้ขัด ปล่อยให้ทัพพยุงไปทั้งที่เดินเองได้สบายมาก
"ไม่เวอร์ เรารู้เธอเจ็บ"
"ทัพ สรรพนามไม่ต้องเปลี่ยน ขอร้อง" ว่าอย่างไม่จริงจัง รู้อยู่แล้วว่าทัพแกล้ง
"พูดเพราะๆ ไม่ชอบเหรอ"
"ไม่ชอบเว้ย"
"ก็อยากดูแล ให้ทำเถอะ"
"ทำไปดิ ใครห้าม"
"ก็มึงบ่น"
"บ่นที่ไหน แซวหรอก"
ความมันเขี้ยวพุ่งสูงเกินจะทนไหว ทัพจูบรับวันใหม่ที่ริมฝีปากสีพีชไปหนึ่งทีโดยไม่เถียงอะไรต่อ พาเพ้นท์ไปนั่งที่โต๊ะ ยกข้าวยกน้ำมาให้แล้วนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
"แล้วมึงกินข้าวยัง" ตักกินไปก็หันมาถามคนนั่งเฝ้า ไปหาซื้อโจ๊กมาได้ไม่รู้ว่าทัพตื่นตั้งแต่กี่โมง ไหนจะทำความสะอาดห้องอีก หัวฟูเป็นพ่อบ้านเลยตอนนี้
"กินแล้ว ตอนแรกว่าจะรอมึง แต่ไม่ตื่นสักที"
"แล้วทำไมไม่ปลุก"
"ก็อยากให้พัก"
"งั้นก็สมน้ำหน้า กินข้าวคนเดียว"
"เอ้า!" ทัพแกล้งทำหน้าเหวอตอนอุทานเรียกรอยยิ้มจากคนมอง
สบตากันได้ชั่วครู่เพ้นท์ก็หันหน้าหนี กลับมาตั้งใจกินทั้งที่ยังอมยิ้ม ปกติเคยโดนกวนมาตลอด ขนาดเป็นแฟนกันแล้วก็ยังกวนไม่เลิก พอเจอโหมดอ่อนโยนเข้าหน่อยใจเลยเต้นแรงไม่หยุด มีความสุขมากๆ ปนความเขินนิดๆ เขาชอบทัพที่ใจดีแบบนี้ แต่แบบกวนประสาทก็ชอบอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
กินโจ๊กจนหมดชามก็ยกน้ำขึ้นดื่มตาม ทัพมองภาพคนรักที่ต้องแสงแดดยามสายแล้วยกหลังมือขึ้นสัมผัสแก้มนิ่มๆ อย่างลืมตัว เพ้นท์คือสิ่งสวยงามในสายตาเขา ความสวยงามที่เห็นจนชินตา เห็นทุกวันจนหลงรัก รักจนอยากเก็บความสวยงามนี้ไว้เพียงคนเดียว
หลังมือที่แตะข้างแก้มเลื่อนมาจับปลายคาง ทัพจับมือที่ถือแก้วน้ำค้างไว้ให้วางลง ก่อนขยับตัวเข้าใกล้แล้วทาบทับริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา
จูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งทางสัมผัส หากแต่ลึกซึ้งทางความรู้สึก
แตะริมฝีปากค้างอยู่นานกว่าจะผละออกหากแต่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เพ้นท์หลับตาพริ้มรับสัมผัสของอีกฝ่ายโดยไม่ขัดขืน เอนหลังพิงทัพที่ใช้สองแขนโอบกอดไว้หลวมๆ ก่อนเสียงกระซิบจะดังขึ้นข้างหู
"มันดีมั้ย" ถามโดยไม่มีการเท้าความ ทัพไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงอะไร อาจจะหมายถึงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา หรืออาจจะหมายถึงเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
"อือ" เสียงครางรับตอบกลับมาทั้งที่ไม่แน่ใจว่าคนถามต้องการอะไรกันแน่ เพ้นท์เพียงแค่ตอบไปตามความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้
"แล้วชอบหรือเปล่า"
"ชอบดิ"
หมายถึงชอบอะไรไม่รู้ แต่ชอบก็คือชอบ ทั้งตัวคนและการกระทำ เบื่อจะปากหนักก็แค่ยอมรับออกไปตรงๆ อยากให้กอดก็บอก อยากให้เขาสัมผัสก็แค่หยุดเล่นตัว แบบนี้น่าจะได้รับในสิ่งที่ต้องการมากกว่า อย่างเช่นตอนนี้
"ทัพ จูบหน่อย"
แค่นี้เสือร้ายก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว
[อะไรมึง เดี๋ยวนี้ติดเมีย] เสียงเพื่อนรักผู้ใส่ใจเรื่องชาวบ้านว่าดังผ่านสายโทรศัพท์เมื่อการชักชวนออกไปนั่งดื่มกินถูกปฏิเสธ
ทัพพ่นควันสีขาวขุ่นออกจากปาก ยืนหันหลังพิงระเบียงไม่ได้สะทกสะท้านกับคำด่านัก แต่ถ้าตอนนี้จิวมันอยู่ใกล้ๆ ก็อยากจะพ่นควันใส่หน้ามันสักที
"เออ"
[สรุปไม่มาจริงอ่ะ]
"เพ้นท์ไม่ค่อยสบาย โทษที"
[ไม่เคยคิดว่าคนอย่างทัพจะมีวันที่อยู่ติดห้องเพื่อดูแลแฟน]
"พูดจบยัง"
[ไล่อีก]
"อยู่กับไอทีสองคนไปก่อน"
[เออ ไม่อยู่กับมันจะอยู่กับใคร งั้นกูไม่กวนละ] ตัดจบแบบรวบรัดแล้วจิวก็วางสายไป
ทัพบี้บุหรี่ลงกับจานเขี่ย รู้สึกว่าตั้งแต่ติดเพ้นท์แล้วสูบน้อยลงกว่าเมื่อก่อนเยอะ ไม่รู้เพราะเครียดน้อยลงหรือเพราะคุณแฟนเคยประกาศกร้าวว่าไม่ชอบจูบติดกลิ่นบุหรี่ แต่ที่แน่ๆ กลับเข้าห้องไปตอนนี้ยังไงเขาก็ไม่ได้จูบ แม้จะอยากจูบปากนิ่มๆ นั้นตลอดเวลาก็ตาม
วางสายจากจิวได้ไม่ทันไรแจ้งเตือนจากแอคเคาต์ FxxanPxx ก็เด้งขึ้นมา ทัพรีบกดเข้าไปดูอย่างไม่รีรอ รูปนี้เป็นชุดสุดท้ายแล้วของเซ็ตยูกาตะ มีทั้งหมดสี่รูปที่เน้นโชว์เรียวขา สองรูปแรกมีชุดยูกาตะสีกรมท่ากองอยู่ที่เท้า รูปที่สามเป็นตอนก้มเก็บชุด และรูปสุดท้ายเห็นแผ่นหลังกับแขนตอนพับชุดใส่ตะกร้า
กดเลื่อนดูทั้งสี่รูปที่เป็นคนช่วยเลือกแล้วทัพก็ยิ้มกับตัวเอง ทวีตนี้นอกจากภาพแล้วยังมีข้อความเพื่อแจ้งข่าวที่ยังไม่ลงรายละเอียด มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายที่จะทยอยแจ้งตามลำดับ คนอื่นอาจจะตื่นเต้นเดากันไปต่างๆ นานา แต่กับคนที่รู้อยู่แล้วอย่างเขา พอถึงเวลาจริงๆ มันก็แอบใจหายอยู่เหมือนกัน
ทัพกลับเข้ามาในห้องหลังจากเอื่อยเฉื่อยอยู่นานจนคิดว่ากลิ่นบุหรี่น่าจะจางลงแล้ว เพ้นท์ยังนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง เป็นช่วงเวลาที่ได้ทำตัวขี้เกียจได้อย่างเต็มที่เพราะมีเบ๊อย่างเขาคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง
"ทำไมนาน"
"คุยโทรศัพท์กับจิว ดูรูปที่เอฟเพิ่งอัพ แล้วก็รอให้กลิ่นบุหรี่จาง" ตอบพลางเดินมานั่งข้างเตียง วันนี้เขาเองก็ทำตัวเหมือนคนมาเยี่ยมไข้นั่งข้างเตียงทั้งวัน
"เอาซะละเอียด"
"ก็กลัวเป็นห่วง"
เพ้นท์ย่นจมูกใส่อย่างนึกหมั่นไส้ จะว่าห่วงก็ไม่ผิดนักหรอกถึงได้ถาม ถ้าไม่คิดว่าทัพอยากใช้เวลาเป็นส่วนตัวบ้างคงเดินออกไปดูแล้วว่าทำอะไรอยู่ถึงได้นานนัก
"แล้วจะเลิกจริงๆ เหรอ" พูดถึงเรื่องรูปทัพก็อดนึกถึงเรื่องข่าวที่จะแจ้งในอนาคตไม่ได้ เรื่องนี้เขากับเพ้นท์ยังไม่เคยคุยกันเป็นจริงเป็นจัง แต่ที่รู้เพราะเอฟบอกมาตอนเขาถ่ายเดี่ยวที่ระเบียง
"เลิกอะไร"
"ถ่ายแบบ"
"เอฟบอกเหรอ"
"ใช่"
"อืม เลิกแล้ว" เพ้นท์ยอมรับอย่างไม่ปิดบัง เขาตั้งใจจะบอกทัพอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะโดนเพื่อนสนิทตัดหน้าบอกก่อน
"ทำไมวะ"
"เคยบอกไปแล้วไง" เพ้นท์เคยพูดเรื่องนี้กับทัพแบบเล่นๆ เมื่อนานมาแล้ว เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะจริงจังจนตอนตอบตกลงรับงานถ่ายแบบคู่ เพราะความรู้สึกที่มีให้งานอดิเรกนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
"เพราะเบื่ออ่ะนะ"
"อืม"
"ให้ตอบอีกที"
"อยากรักนวลสงวนตัว"
"ตอบอีกที"
"อยู่ๆ ก็รู้สึกอายขึ้นมา"
"เพ้นท์ ขอคำตอบดีๆ"
"เอ้า แล้วที่ตอบไปมันไม่ดีตรงไหน"
ทัพทำหน้าง้ำหน้างอแปลงร่างเป็นเด็กโข่งที่ไม่มีความน่ารักเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เพ้นท์ยิ้มได้ เขารู้ว่าคนตัวโตอยากได้ยินว่าอะไร ที่จริงเหตุผลในใจเขาก็พอจะมีคนคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่บ้าง
"กูอยากเลิกเพราะสิ่งที่ทำอยู่มันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว มันก็ดีแหละที่ได้เงิน แต่กูไม่ได้คิดจะยึดทางนี้เป็นอาชีพ ความสนุกที่ทำมันก็ลดลงด้วย กูชอบตอนที่ถ่ายเล่นๆ แบบไม่คิดอะไรมากกว่า มึงเชื่อมั้ยทัพ ลองขอให้กูถ่ายรูปคู่ได้เดี๋ยวเขาก็ขออะไรที่มากกว่านั้น อาจจะให้เปิดเผยหน้าหรือะไรก็ตามแต่ที่กูไม่อยากทำ เรื่องนี้กูคุยกับเอฟแล้วและหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสองฝ่ายได้ โฟโต้บุ๊คที่ถ่ายคู่กับมึงถือเป็นงานส่งท้ายของกู" เพ้นท์อธิบายยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เรื่องนี้เขาคิดมาดีแล้ว และไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด
"กูเข้าใจ แล้วก็เคารพการตัดสินใจของมึงเสมอนั่นแหละ จากนี้มึงจะได้เป็นของกูแค่คนเดียว" พูดจบก็ยิ้มกว้าง ทัพจับมือเเพ้นท์มากุมไว้ บีบๆ ลูบๆ อย่างทะนุถนอม
ยอมรับว่าดีใจมากที่เพ้นท์ตัดสินใจแบบนี้ แฟนทั้งคนเขาก็รักก็หวง มีของดีไว้กับตัวแล้วต่อจากนี้ก็อยากจะเก็บไว้ดูแค่คนเดียว
"แล้วมีอะไรจะบอกกูมั้ย"
"บอกอะไร" เพ้นท์แกล้งถาม รู้ว่าทัพรอฟังอะไรอยู่ แต่อยากเอาคืนบ้างเพราะที่ผ่านโดนแกล้งเอาไว้เยอะ แค่นี้ยังถือว่าเล็กน้อย
"บอกกับกู เหตุผลที่มึงเลิก"
"เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วไง"
"จะไม่พูดจริงๆ เหรอ"
เพ้นท์เกือบหลุดหัวเราะตอนได้ยินเสียงหงอยๆ กับหน้าหงอๆ นึกเอ็นดูจนอยากจะดึงเข้ามากอดปลอบแล้วหอมหัวสักที
"เพราะมึงด้วยทัพ"
ทัพมองตาคู่สวยที่เขาชอบไม่ละไปไหน มองอย่างตั้งใจและเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าคนน่ารักคงไม่ใจร้ายขึ้นมาตอนนี้หรอกนะ
"เพราะกูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว อยากทำอะไรก็ต้องคิดมากขึ้น ต้องใส่ใจคนใกล้ตัวมากขึ้น คนคนนี้เป็นของมึงนะทัพ จากนี้จะเป็นของมึงแค่คนเดียว"
"เพ้นท์ มึงแม่ง"
"กูรักมึงนะ"
หากไม่ติดว่าเมื่อคืนเพิ่งผ่านบทเรียนรักครั้งแรกมาเขาคงมอบความรักหนักๆ ให้อีกสักครั้ง อยากดึงมากอดให้จมอก อยากฟัดแก้มให้ช้ำ อยากกัดให้เป็นรอย แต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือนั่งหน้าแดงแล้วยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า เจอบอกรักแบบนี้เขาเองก็เขินเป็นเหมือนกัน
"มึงจะเขินทำไมเนี่ย"
"หรือมึงไม่เขิน"
"เขินดิ"
ถ้าเพ้นท์ตอบว่าไม่เขิน ทัพคงตะโกนใส่หน้าดังๆ ว่าโกหก บอกตามตรง ขนาดมีอะไรกันครั้งแรกยังไม่เขินเท่านี้เลย
"กูก็รักมึงเหมือนกัน"
เอื้อนเอ่ย สบตา จับมือ และยิ้มให้ ทัพไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นเพราะแค่นี้ก็สุขใจจนเหลือล้น มีความสุข จนอยากเก็บช่วงเวลาดีๆ นี้ไว้ตลอดไป
"รักมากเลยด้วย"
TBC
เรากลับมาแล้ววววววว ตอนแรกคิดว่าจะถึงดึกเลยว่าจะอัพวันพุธแต่ถึงเร็วก็อัพเลยแล้วกันเนอะ
ตอนนี้มันก็หวานหน่อยๆ ทัพไม่กากแล้วนะ ได้เค้าแล้ววว ฮ่าๆๆ
ในส่วนของ NC นั้นใครที่รออยู่ ต้องกราบขออภัย สำหรับเราได้แค่นี้แล
เราชอบแต่งแบบให้มันกุ๊กกิ๊กๆ มากกว่า อ่านแล้วยิ้มๆ เขินๆ ไม่เน้น NC แม้ว่าพล็อตเรื่องนี้มันจะหื่นกามมากก็ตาม
มาถึงเรื่องแท็ก #ความลับในภาพถ่าย ที่ปนเปื้อนเยอะมากเลยคิดว่าจะเปลี่ยนค่ะ เสียดายเหมือนกัน
เพราะงั้นขอเปลี่ยนไปใช้ #โฟโต้x แทนแล้วกันเนอะ จะได้ไม่อารมณ์เสียเวลาเปิดไปเจออะไรก็ไม่รู้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า