[3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy แจ้งข่าว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [3P] Sugar daddy ❤️ #พริ้มกับdaddy แจ้งข่าว  (อ่าน 80772 ครั้ง)

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แล้วจะอยู่กัน 3 คนหรือเปล่าเนี้ยะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เกิดอะไรกับพี่ธิวา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีคุณท่านหื่นไม่เลือกสถานที่เลยนะ  :katai1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขนาดป่วยอยู่ก็ยังไม่เว้นนะคุณท่าน ธิวารีบเคลียร์ให้จบนะก่อนที่รันติกาลจะกินไม่เหลือมันจะดีขึ้นใช่ไหม?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ธิวา น่าสงสารอ่า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๊ะโอ...........พ่อพี่ธิวา ยึดทรัพย์หมดเลย   o22 o22 o22
แสดงว่าเงินทองของพี่ธิวา พ่อสามารถถ่ายโอนเข้าบัญชีตัวเองได้
เพราะลูกขัดใจ นี่ลูกยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอ   :really2: :serius2: :mew2:

คุณท่าน บอกเลิกเด็กเลี้ยงหมดแล้ว OMG   o22 :a5:
มีแต่พริ้มคนเดียว รักพริ้มคนเดียวเหรอ   o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
พี่ธิวาโดนอะไร :sad4:
ไม่อยากมีมาม่าเลยฮรือออ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไม่รู้ว่าจะดีใจที่คุณท่านเริ่มคิดด้หรือเสียใจที่ตื่นมาไม่เจอพี่ธิวาก่อนดี รอติดตามอยู่นะคะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ซ้ำซากมากจริงๆ ชีวิตน่าสงสารเกินไปแล้ว
ธิวาคือคนทั่วไป ไม่ดีมาก แต่ไม่แย่
แต่รัตติกาล คือความตรงข้ามทุกอณู
ซื้อน้องมาแล้วยังไง จะย่ำยีแบบไหนก็ได้หรอ

พร้ิมต้องเสียสละทุกอย่างให้ชีวิตหมดแล้ว
จะมีอะไรร้ายแรงกว่านี้อีกไหมล่ะ น้ำตาไหลเลยค่ะ


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เหนื่อยใจกับความเจ็บซ้ำซากของพริ้ม  :เฮ้อ:
ส่วนธิวาบอกไม่ได้ว่าเป็นยังใงมันบางเบากับความรู้สึกของเรายังไม่หนักแน่นพอที่จะเชียร์ให้อยู่กับพริ้ม  :ruready
ส่วนรัตติกาลคนๆนี้ควรได้รับความเจ็บปวดแล้วหายไปจากชีวิตพริ้มซะ  :m16:
คนที่มีตัวตนสำเราอีกคนคือชัยนะ  :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
ตอนที่ 26
 

ถ้ามีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำสถิติเมืองที่รถติดที่สุดในโลก ผมว่ากรุงเทพมหานครต้องติดอันดับ 1 ใน 10 แน่นอน นี่ขนาดเป็นเช้าวันเสาร์ รถในซอยยังติดเลย


ผมหันไปมองคุณท่านที่วันนี้นั่งร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีผิดปกติแล้วก็ได้แต่แปลกใจ ปกติถ้าขับรถเองแล้วรถติดแบบนี้ ถนนคงลุกเป็นไฟไปนานแล้ว


“จ้องหน้าชั้นทำไม”คนใจยักษ์หันมาถามผม


“เปล่าครับ”


“เป็นเด็กเลี้ยงแกะเหรอพริ้ม ทำไมเดี๋ยวนี้ชอบโกหก”


ผมหันหน้าหนีตัดปัญหา ขี้เกียจรำคาญต่อล้อต่อเถียงด้วย
คิดถึงพี่ธิวาจัง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง…โทรหาก็ปิดเครื่อง ไลน์ไปก็ไม่ตอบกลับ


“พริ้ม”


“พริ้ม!”


“พริ้ม!!! ลงจากรถ”ผมสะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงคุณท่านตะโกนใส่หูด้วยความเกรี้ยวกราด คิ้วบนใบหน้าของคนใจยักษ์เริ่มขมวดชิดติดกัน โมโหอีกแล้ว…อยู่ดีๆก็โมโหขึ้นมาซะอย่างนั้น


ผมถอดเบลท์แล้วรีบวิ่งตามหลังคุณท่านที่เดินนำไปไกลแล้ว ยิ่งผมวิ่งตามเขาก็ยิ่งก้าวเท้ายาวหนีผมด้วยอารมณ์โกรธ ผมโอบเอวคนตัวโตไว้จากางด้านหลังหลวมๆ “โกรธอีกแล้ว”


“แล้วมันน่าโกรธไหม”


“…”นี่โดนโกรธเรื่องอะไรยังไม่เข้าใจเลย


“ถ้าไม่เต็มใจอยากมาอยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องมา ชั้นไม่อยากบังคับฝืนใจใคร”ผมเงยหน้ามองคุณท่านที่กำลังเอ่ยวาจาตัดพ้อต่อว่าด้วยความสงสัยว่าตัวเองทำอะไรให้คุณท่านเข้าใจผิดไปในทางนั้น


“ทำไมคุณพูดแบบนี้”


“ช่างเถอะ”พูดจบคุณท่านก็ดึงมือผมออกแล้วเดินไปสแกนม่านตาและใบหน้าเพื่อเปิดประตูเข้าบ้าน ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่ที่เดิม อ้าววววว….ทิ้งกันเฉย


ผมเลือกที่จะเดินสำรวจรอบๆบ้านแทนการเคาะประตูขอให้เขาเปิดรับผมเข้าไปด้วย อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ควรปล่อยให้ไปสงบสติอารมณ์คนเดียวจะดีที่สุด ขืนผมเข้าไปตอนนี้มีหวังได้ฟาดงวงฟาดงาใส่ผมอีก


ผมเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา บ้านเดี่ยว 3 ชั้นภายใต้อาณาเขตเกือบ 1 ไร่ใจกลางกรุง ไม่อยากจะคิดเลยว่ามูลค่ามันจะมากมายมหาศาลขนาดไหน ทำไมคุณท่านถึงได้ใจปล้ำกล้าซื้อบ้านหลังนี้ให้ผม แต่ก็นะ เขาคงรวยจนไม่มีที่เก็บเงินเลยต้องเอาเศษเงินมาโปรยเล่นบ้าง


ผมเดินดูรอบๆบ้านที่มีอาณาเขตเกือบ 1 ไร่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ตัวบ้านถูกสร้างแบบ modern โครงสร้างของบ้านมีทั้งหมด 3 ชั้น ผนังบ้านแบบเดิมๆที่เป็นคอนกรีตถูกแทนที่ด้วยกระจกใสให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย


ผมเดินไปเคาะผนังเคาะจกเล่นเพื่อดูความหนาของมัน คนระดับคุณท่าน...กระจกพวกนี้คงเป็นกระจกนิรภัยอย่างดีแน่นอน


เมื่อมองเข้าไปภายในตัวบ้าน ภายในมีการตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นวัตถุประสงค์ของการใช้งานมากกว่าความหรูหรา โทนสีที่ใช้ก็เป็นโทนเดิมๆตามที่คุณท่านชอบ คือ สีขาวและสีดำ


ดูไปดูมาแล้วก็ยิ่งสงสัย ตกลงนี่ซื้อบ้านให้ผมจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงตกแต่งในแบบที่ตัวเองชอบทั้งนั้น


ผมเดินดูสวนรอบๆบ้านที่จัดตกแต่งใหม่ในสไตล์อังกฤษจนพอใจ เริ่มรู้สึกว่าแดดกำลังจะเผาผิวของผมจนแสบร้อน ผมเลยไปเคาะกระจกขอให้คุณท่านเปิดประตูให้


“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยขอบคุณแล้วรีบแทรกตัวเข้ามาในบ้าน 


“จะขึ้นไปดูชั้นบนไหม”ผมพยักหน้าตอบรับและเดินตามคุณท่านขึ้นไปด้านบน หน้าตาเขาดูอารมณ์ดีขึ้นเยอะแล้ว บุญหัวของผมจริงๆที่ไม่ต้องรองรับอารมณ์โกรธของเขา


ในส่วนชั้น 2 ของตัวบ้านมีห้องนอนทั้งหมด 2 ห้องคือห้องของคุณท่านที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้วด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำทั้งห้อง กับอีกห้องหนึ่งที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอนของพี่ธิวาที่บัดนี้มีแต่เพียงความว่างเปล่า ห้องนอนทั้งสองห้องเชื่อมต่อกับห้องแต่งตัวที่ออกแบบเป็น walk-in closet


เสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้าของคุณท่านถูกจัดเก็บไว้เป็นระเบียบ มีการเรียงแบบ เรียงสีไว้เรียบร้อย ผมแอบชะโงกมองนาฬิกาหลายสิบเรือนที่อยู่ในตู้กระจกด้วยความสนใจ ตัวเรือนแต่ละเรือนดูก็รู้ว่าได้รับการออกแบบมาอย่างดีและผลิตด้วยวัสดุราคาแพง


“อยากได้?”ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ของแพงแบบนี้ได้มาก็ไม่ใส่อยู่ดี จะซื้อมาเก็บไว้บูชาทำไม


“ไม่เอาครับ ผมไม่ชอบใส่นาฬิกา ใส่ทีไร หน้าปัดเป็นรอยทุกที”


“ก็เธอเป็นคนไม่ระวัง”


“ใครว่า”


“ชั้นว่า”พูดจบคุณท่านก็บิดปลายจมูกผม เจ็บจนน้ำตาแทบไหล “คุณเอาอีกแล้วนะ!”คุณท่านไม่ได้ใส่ใจที่ผมโวยวาย เอาแต่หัวเราะหึๆแล้วเดินออกจากห้องแต่งตัว


“คุณท่าน ไม่มีห้องผมเหรอครับ”ผมถามด้วยความสงสัย แอบหวังลึกๆที่จะมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง


“เธอต้องนอนกับชั้น”ฝันผมสลายหายไปในพริบตาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของคุณท่าน ผมแอบแลบลิ้นใส่แผ่นหลังเขาด้วยความหมั่นไส้ในขณะที่เขาหันหลังขึ้นไดต่อไปที่ชั้นสามของบ้าน


ในส่วนชั้น 3 ของบ้านถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนห้องใต้หลังคา ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นห้องดูหนัง แต่ไม่รู้ว่าคนออกแบบจะโรแมนติกไปไหน ถึงได้มีการทำหลังคาส่วนหนึ่งให้เป็นกระจก สามารถมองออกไปเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงดาวระยิบระยับได้


คนอื่นอาจจะมองว่ามันสวย แต่สำหรับผมที่ยังไม่ค่อยถูกโรคกับความมืดสักเท่าไหร่ เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีกับบ้านหลังนี้ที่เป็นกระจกทั้งหมด ตอนกลางวันมันก็สวยดีหรอก แต่ถ้ากลางคืนคงหว้าเหว่พิลึก สรุปแล้วการซื้อบ้านหลังนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นการแกล้งคุณท่านให้เสียเงินเล่น หรือแกล้งตัวผมเองกันแน่


“คุณท่าน ผมไม่อยู่ที่นี่ได้ไหม”


“ทำไม”ผมมองสายตาคาดคั้นเอาคำตอบของคุณท่านอย่างกลัวๆ ไม่อยากจะเอ่ยความรู้สึกของตัวเองออกไปในเมื่อผมเป็นคนบอกให้เขาซื้อบ้านหลังนี้เอง


“พริ้ม ชั้นถามว่า ทำ-ไม?”คุณท่านถามผมเสียงดุ ยิ่งตอนเน้นคำว่าทำไมยิ่งดุ


“ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วกันนะครับ”ผมตัดปัญหาด้วยการไม่ตอบคำถามและหนีลงไปข้างล่าง ท่าทีของคุณท่านในตอนนี้เริ่มฉายแววของความไม่พอใจ
 

“พริ้ม เราต้องคุยกัน”คุณท่านเดินมานั่งข้างผมบนโซฟาตัวนุ่มในห้องรับแขก


“คุณจะคุยเรื่องอะไร”ผมถามในขณะที่กำลังลูบข้อมือตัวเองซึ่งตอนนี้แผลปิดสนิทแล้ว ทิ้งไว้เพียงแต่รอยแผลเป็นเอาไว้เตือนใจให้ผมไม่ให้คิดสั้นอีกในอนาคต


คุณท่านนิ่งไปไม่ตอบคำถามแล้วดึงข้อมือผมไปดู เรายื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นานจนสุดท้ายผมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ต้องยอมปล่อยให้เขาเอาแผลไปดู


“อย่าทำแบบนี้อีก”


“พริ้ม”ผมเงยหน้าสบตากับเขา “ชั้นบอกว่าอย่าทำแบบนี้อีก”


“คำสั่งเหรอครับ”


“ไม่ใช่ คำขอร้อง”ผมเลือกที่จะหลับตาลงแล้วเอนกายซบบ่าเขา “ช่วยมีชีวิตอยู่ต่อ…”คุณท่านพูดแล้วเว้นวรรคไปนานจนผมลืมตาขึ้นมองหน้าเขา


เขาลังเลไปชั่วครู่เหมือนคนกำลังใช้ความคิดว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมาดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็ไม่พูดออกมาแต่เลี่ยงที่จะพูดอย่างอื่นแทน


“อยากได้อะไรก็ขอให้บอก ชั้นจะชดเชยให้”ชดเชยความผิดที่ผ่านมาของคุณด้วยเงินอย่างนั้นเหรอ “ผมไม่ต้องการ”


เราหันมาสบตากัน “แล้วเธอต้องการอะไร”


“ผมต้องการความรัก ความอบอุ่น ต้องการการดูแลเอาใจใส่ ต้องการครอบครัว…เห็นไหม คุณให้ผมไม่ได้สักอย่าง”


“ใครบอกว่าชั้นให้เธอไม่ได้”


“คุณท่าน!”


“เรียกชั้นว่า ‘แด๊ด’ สิแล้วชั้นจะเป็นพ่อทูนหัวของเธอให้”พูดจบเขาก็ดันผมให้นอนลงบนโซฟา สองตาของเราสองจ้องมองกัน ลมปากจากคนแบบคุณท่านมันเชื่อได้สักแค่ไหนกันเชียว


นิ้วมือของเราสองคนสอดประสานกัน “แด๊ด อื้อ…”จบคำเรียกขาน สองแขนของผมก็ถูกตรึงไว้เหนือหัว ริมฝีปากร้ายก้มลงมาแนบชิด ดูดกลืนสิ่งทุกอย่าง แม้แต่จิตวิญญาณและความรู้สึกที่ผมเคยสั่งตัวเองให้เกลียดเขา


“เชื่อชั้น อีกสักครั้ง”ผมสบตาดวงตาที่มีแต่ความแน่วแน่ของเขา ผมอยากจะลองเปิดใจให้เขาอีกสักครั้ง


“แด๊ด ผมเชื่อคุณ”

.
.
.

อาทิตย์ที่ผ่านมาถ้าผมเอ่ยคำพูดอะไรออกไป ขอให้คุณเชื่อเถอะครับว่ามันคือคำพูดของคนบ้า สมองฟั่นเฟือน สติไม่สมประกอบ ขอให้ลืมคำพูดพวกนั้นไป
 

ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นบ้าตาย ถึงผมจะเคยรับมือกับร่าง ‘คุณท่าน’ ได้(บ้าง)ก็จริง แต่ผมรับมือกับร่าง ‘แด๊ด’ ของเขาไม่ไหวจริงๆ


“พริ้ม มานั่งนี่”พูดจบคุณท่านก็ตบตักตัวเองเป็นเชิงเรียกให้ผมไปนั่งตัก


“คุณท่าน!”ผมเริ่มขึ้นเสียงอารมณ์เสียใส่เขา คนอะไรจะให้นั่งตักตัวติดกันตลอดเวลา


“ก็พริ้มต้องการความอบอุ่นนี่ ชั้นก็จะให้ไง”


“คุณทำอะไรก็ให้มันมีความพอดีบ้างเถอะครับ ให้เวลาชีวิตส่วนตัวผมบ้าง”


“ชั้นอยู่ด้วยแล้วมันไม่ส่วนตัวตรงไหน”พูดจบคนเอาแต่ใจก็เดินมาหาแล้วยกผมขึ้นจากเก้าอี้สอดตัวเองมานั่งแทนแล้วให้ผมนั่งซ้อนตัก


“คุณเคยบ่นว่าผมหนัก”ผมหันไปพูดด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย


“ตอนนี้ก็ยังหนักอยู่”ตูละเพลียใจ “แต่ชั้นไปยกเวทเพิ่มพลังต้นขามาละ ต่อให้เธอหนักกว่านี้อีกสักสิบกิโลก็ไม่เป็นไร”ผมยกมือตบหน้าผากตัวเองด้วยความจนปัญญาจะเถียง แล้วหันมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์แทน


“พริ้มดูอะไร เว็บโป๊เหรอ ไม่เห็นต้องดูเลย เธอก็เป็นนายเอกหนังอยู่ทุกคืน”โว้ยยยยยยย!...


“ฮรื่อออ…คุณอย่ายุ่ง”ผมดึงแม็คบุ๊คกลับ ไม่ยอมให้เขาแย่งไป


“ให้ชั้นดูด้วยไม่ได้รึไง”หมีควายตัวโตทำหน้างอเป็นเด็กสามขวบโดนแย่งอมยิ้ม ผมละเพลียใจ กลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้นะ เป็นแบบนี้แล้วรับมือไม่ถูก


“ผมกำลังหาหลักสูตรเรียนต่ออยู่ คุณอย่าพึ่งกวนได้ไหม”


“อยากไปเรียนต่างประเทศเหรอ”ริมฝีปากของตัวกวนคลอเคลียอยู่ข้างใบหูผมไม่ห่าง


“อื้อ เบื่อหมีแถวนี้”เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะกดจมูกลงที่กลุ่มผมนุ่มข้างขมับ “คุณ! ไม่เอา ผมยังไม่ได้สระผมเลย”ผมร้องประท้วงเมื่อริมฝีปากหยุ่นงับเบาๆที่ข้างลำคอ


“ก็ยังหอมนี่”เขาว่าแล้วก็จัดการเปลี่ยนเว็บไซต์ “สนใจเรียนที่นี่ไหม ชั้นก็จบที่นี่”ผมส่ายหน้าปฏิเสธ รู้ว่าตัวเองเข้าเรียนต่อที่เดียวกับคุณท่านไม่ได้แน่ๆ มหาลัยติดอันดับท็อปทรีของอเมริกาไม่ได้เข้ากันได้ง่ายๆ


“ทำไมละ?”


“ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น”


“เธอยังไม่ได้ลองพยายามดูเลย ทำไมถอยแล้ว…ถอยทั้งๆที่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ”


“คุณท่าน…”คุณท่านปัดลูกผมที่ตกลงมาปรกหน้าปรกตาออกให้ผมก่อนจะลูบหัวเบาๆ “ลองดูก่อนสิ ถ้าสำเร็จก็กำไร ไม่สำเร็จก็เท่าทุน ไม่มีทางไหนขาดทุนเลยสักนิด”


“มองอะไรเป็นขาดทุนกำไรตลอด”


“แต่เลี้ยงเด็กคนนี้ขนาดทุนทุกทางเลยรู้ไหม”ผมมองเขาหน้าง้ำ


“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ พริ้มอาจเริ่มมาจากติดลบ มีทุกอย่างเพราะชั้นให้ แต่ถ้าสุดท้ายพริ้มพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นคนคุณภาพคนหนึ่งของสังคม พริ้มจะภูมิใจในตัวเอง”ผมรู้ว่าคุณท่านต้องการสื่ออะไร ในวันนี้ผมอาจจะเป็นอีตัวในมุมมองของคนอื่น เป็นเด็กที่ไม่มีความสมบรูณ์พร้อมในสักด้าน แต่ถ้าวันหนึ่งผมสามารถเปลี่ยนตัวเองใหม่ เป็นเด็กที่มีความรู้ ความสามารถ วันนั้นก็จะไม่มีใครดูถูกผมได้อีก


คุณท่านให้คำแนะนำ ให้เงินทุนการศึกษาได้ แต่เขาให้ใบปริญญาบัตรไม่ได้ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องไขว่คว้ามาด้วยความพยายามของตัวเอง


จุดนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีก็เป็นได้ การตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ตัวเองสักอย่างคงทำให้ผมดำเนินชีวิตในแต่วันผ่านไปได้อย่างมีคุณค่าและมีความสุข


“ผมจะพยายาม”คุณท่านยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าจะได้รับจากเขา ผมโผเข้ากอดเขาแล้วอดน้ำตาซึมออกมาไม่ได้


“ร้องไห้ทำไมหื้ม? ชั้นกดดันพริ้มเกินไปรึเปล่า”ผมส่ายหน้าแล้วกอดเขาแน่นขึ้น ใจมันพองฟูจนน้ำตาไหลออกมาเอง ไม่คิดว่าจะมีวันนี้…วันที่เขาดูแลผมด้วยใจ


“คนเก่ง ไม่ร้องหน่า ฮึบไว้ เร็วๆ เป็นเด็กดีของชั้นต้องไม่ร้องรู้ไหม”


“ฮือ…”ยิ่งโอ๋ยิ่งร้องอะบอกเลย


คุณท่านปลอบผมอยู่นาน จนสุดท้ายผมเลิกร้องได้เพราะเสียงท้องร้อง


“น่าเกลียดจริงๆเลยเรา อยากทานอะไร ชั้นจะโทรสั่งโรงแรม”


ผมยกมือขึ้นคล้องโอบรอบคอเขาก่อนจะขอร้อง “อยากทานอาหารฝีมือแด๊ดได้ไหมครับ” มื้อสุดท้ายที่ผมได้ทานกับข้าวฝีมือเขามันนานจนจำแทบไม่ได้แล้ว


“พริ้มอยากทานอะไรครับ”


“ปลากระพงนึ่งมะขาว ไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ ปูผัดผงกะหรี่”


“ยากขนาดนี้ โทรสั่งโรงแรมดีกว่ามั้ง”


“งรื้อออ…”ผมร้องประท้วงอย่างขัดใจ


“ต้องทำกับข้าวให้ทานตั้งหลายอย่าง แด๊ดต้องเหนื่อยแน่เลย ต้องออกไปซื้อของอีก…”ผมนั่งฟังหมีตัวโตบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วรำคาญ บ่นแบบนี้รู้เลยว่าต้องการอะไร


ผมเอียงหน้าเข้าหาเขาก่อนจะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากหยุ่น ขบเม้มก่อนจะสอดปลายลิ้มเข้าไปทักทาย เขาโอบกระชับตัวผมแน่นขึ้นก่อนจะตอบรับกลับมาด้วยรสจูบร้อนแรง เอาแต่ใจ


เราจูบกันจนริมฝีปากผมแดงก่ำ เขาผละออกจากผมแล้วก็จริง แต่ริมฝีปากเขายังคงคลอเคลียอยู่แถวต้นคอผมไม่ห่าง เสื้อยืดสีฟ้าของผมถูกถอดออกก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะประทับรอยจูบลงมาตามแนวไหปลาร้า


“มัดจำไว้ก่อน”เขากระซิบริมกกหูของผมเสียงพร่า ดันตัวผมยกสูงขึ้นก่อนจะกลืนกินเม็ดบัวเข้าไปจนมันแข็งเป็นไต ผมแอ่นตัวรับสัมผัสจากเขา อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเหมือนตัณหาราคะที่ร้อนรุ่ม


มากกว่านี้…ต้องการมากว่านี้


เขาจับลำตัวผมพลิกไปหาโต๊ะ ผมเกาะขอบโต๊ะแน่นในขณะที่เขาประทับรอยจูบลงมาตั้งแต่ต้นคอไล่เรื่อยลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง


กางเกงบอลสีดำตัวเก่งถูกรูดรั้งลงไปกองที่ข้อเท้าก่อนที่ชั้นในสีขาวจะตามลงไป


“อ้าขาให้แด๊ดหน่อยสิครับ”


“อย่าพูดลามก อื้อออ…”ผมร้องประท้วงแต่ก็ยอมอ้าขาให้เขาแต่โดยดี


“แอ่นสะโพกสูงขึ้นหน่อยสิครับ”ผมซบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความอาย บ้าไปแล้ว ท่านี้มันน่าอายเกินไป


ผมหลับตาปี๋รับสัมผัสเปียกชื้นที่ช่องทางด้านหลัง “คุณท่าน ไม่เอา สก…ปรก งรื้อออ…”ผมครางประท้วงเมื่อลิ้นร้อนสอดเข้ามาทักทายในช่องทางรัก เขาไม่เคยทำให้ผมขนาดนี้ ไม่ไหว…แบบนี้ไม่ไหว


แขนขาผมแทบอ่อนแรง สมองขาวโพลนไปหมด “อื้อ…คุณท่าน”ผมแทบขาดอากาศหายใจเมื่อลิ้นร้อนหมุนคว้านในช่องทางรัก


“ได้โปรด…”


“ครางชื่อชั้นสิ”


“รัตติ…กาล…อา ช่วยเข้ามาเติมเต็มผมที”พูดจบแล้วก็ได้แต่อายตัวเอง แค่เพียงปลายลิ้นของเขาเท่านั้นที่กระตุ้นให้ผมเป็นถึงขนาดนี้ ไหนว่ามัดจำไว้ก่อนไง


“อึก…”ผมกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อท่อนลำขนาดใหญ่แทรกเข้ามาในร่าง มันคับแน่นจนจุกไปหมด


“ผ่อนคลายหน่อย เด็กดี”เขาทาบทับลงมาบนลำตัวผม พร้อมบดขยี้เม็ดบัวจนส่วนกลางลำตัวผมแข็งชูชัน


“อื้อ…ดี”คุณท่านครางต่ำข้างใบหูผม เขาดึงผมไปจูบพร้อมกับขยับสะโพกเข้าออก


“อึก…อื้อ…”สะโพกแกร่งหมุนวนในช่องทางรัก ก่อนจะเพิ่มจังหวะขยับเข้าออกรัวเร็วมากขึ้น


“อื้อ…อ๊ะ…อ๊า”สองแขนของผมถูกรวบไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขา ลำตัวผมถูกดึงขึ้นในแนบกับอกอุ่นของเขา แต่ถึงจะมีการเปลี่ยนท่ายังไง สะโพกเขาก็ยังคงทำงานต่อไป


“ผมไม่ไหวแล้ว งรื้อ…”


คุณท่านอุ้มผมด้วยท่าเจ้าสาวขึ้นไปบนห้องนอน เขาวางผมลงบนเตียงด้วยท่าทีนิ่มนวลแบบที่ผมไม่เคยได้รับ


“นอนครางชื่อชั้นอย่างเดียวก็พอ”

.
.
.

ถึงปากคุณท่านจะบอกว่าเขาจัดการเอง แต่สุดท้ายผมก็เหนื่อยอยู่ดี เวลามีอะไรกันใครจะมานอนนิ่งเป็นขอนไม้ได้เล่า


ผมทุบอกเขาเบาๆด้วยความหมั่นไส้ ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดกว่าเขาจะหยุดได้
เกลียดนัก...พ่อคนร้อยท่า


“เป็นอะไร หื้มมม?”


“เซ็กส์จัด”คุณท่านหัวเราะแล้วยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี “เคยบอกไปแล้วไงว่ารับให้ไหวแล้วกัน”


ผมเกลี่ยแผงอกแน่นๆของคุณท่านเล่น “เพราะแบบนี้รึเปล่า คุณถึงมีเด็กไปทั่ว”


“ใช่ ชั้นเป็นคนเซ็กส์จัด เสพติดความรุนแรงจากเซ็กส์ ไม่เคยมีใครรับชั้นได้นาน ดังนั้นถ้ามันเป็นความสัมพันธ์วินวินๆแบบเงินแลกเซ็กส์ก็น่าจะดีกว่า”


“ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น” นิยาม ‘ได้คืบจะเอาศอก’ คงเหมาะกับผมในตอนนี้


“แยกไม่ออกรึไงว่า sex กับ make love มันต่างกันยังไง”


“คุณท่าน…”คุณท่านลูบแก้มผม “ถ้าชั้นยอมรับว่าเธอพิเศษต่างจากใครตั้งแต่แรก ชั้นคงไม่มีทางยกเธอให้คนอื่น"ไม่ว่าคุณท่านจะพูดยังไง ความจริงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี


“อย่าทำให้ชั้นสำคัญน้อยกว่าใคร”





ขอบคุณคอมเม้นท์และสกรีมแท็ก #พริ้มกับdaddy นะคะ

9 เดือนผ่านไป เราก็เดินทางมาถึงประมาณครึ่งเรื่องกันแล้วเนอะ

ขอบคุณที่ยังคอยติดตามอ่านกันเสมอมา



รักนักอ่านทุกคน
ขอบคุณจริงๆค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2018 16:43:34 โดย แม่พิเสือ »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
โอยเพิ่งผ่านไปครึ่งเรื่องแล้วจะมีพายุอีกกี่ลูกกันอ่านไปก็หวาดระแวงไปกังวลแทนพริ้มไปหมด  :katai1:
แต่ยังใงเราก็มองไม่เห็นความรักจากคุณท่านเลยรู้สึกได้แต่เป็นคนหวงของอยากเป็นเจ้าของเท่านั้นเองเราอยากให้คุณท่านได้เจอกับเรื่องราวที่ทำให้สำนึกได้มากกว่านี้อะแล้วธิวาหายไปใหน
แล้วฟ้าครามละเขาทำผิดอะไรถ้าต้องโดนทิ้ง หรือว่าถ้าฟ้าครามเรียนจบแล้วกลับมาคนที่โดนทิ้งจะเป็นพริ้มอีกคิดแล้วปวดตับ
เราอยากให้พริ้มมีความหนักแน่นเป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้ไม่ใช่พร้อมจะเอนเอียงเข้าหาคนที่เขาทำดีด้วยตลอดเวลา  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ลืมใครไปหรือเปล่า พริ้ม  :hao4:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่ธิวาล่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เริ่มหวานกันแล้วววว เข้นแทนพริ้มเลย

 อ๊ากก แดดดี้

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อ่านตอนนี้ละรู้สึกว่าพริ้มงี่เง่ามากกกกกกกๆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คงไม่มีดราม่าอีกนะคะ สงสารพริ้มมาก
คือรอดมาได้ ก็โชคดีที่คิดได้ว่าจะไม่ทำอีก

พริ้มคนบ้าบอ อ้อนได้ก็อ้อนหนักเลยนะ
กาลคือตัวร้ายที่แท้จริง รู้ตัวสักทีนะ ทำพลาดไปเยอะ
ธิวาหายไปไหนนะ กลับมาเหอะ เป็นห่วงแล้ว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ธิวาไปไสน้ออออ

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
พี่ธิวาของน้องไปไหนแล้วววว

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอยเพิ่งผ่านไปครึ่งเรื่องแล้วจะมีพายุอีกกี่ลูกกันอ่านไปก็หวาดระแวงไปกังวลแทนพริ้มไปหมด  :katai1:
แต่ยังใงเราก็มองไม่เห็นความรักจากคุณท่านเลยรู้สึกได้แต่เป็นคนหวงของอยากเป็นเจ้าของเท่านั้นเองเราอยากให้คุณท่านได้เจอกับเรื่องราวที่ทำให้สำนึกได้มากกว่านี้อะแล้วธิวาหายไปใหน
แล้วฟ้าครามละเขาทำผิดอะไรถ้าต้องโดนทิ้ง หรือว่าถ้าฟ้าครามเรียนจบแล้วกลับมาคนที่โดนทิ้งจะเป็นพริ้มอีกคิดแล้วปวดตับ
เราอยากให้พริ้มมีความหนักแน่นเป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้ไม่ใช่พร้อมจะเอนเอียงเข้าหาคนที่เขาทำดีด้วยตลอดเวลา  :เฮ้อ:

คิดเหมือนอ่ะ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตอนนี้คือจะทำให้คนอ่านตายใจว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้นเหรอ? ยังไงก็ยังคิดถึงธิวาอยู่ดีมาสักทีสิคนเขียนลืมจ่ายค่าตัวเหรอกลับมาทวงตำแหน่ง"แด๊ดดี้"ได้แล้ว

ออฟไลน์ euphony19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพิ่งมาอ่าน เลยอ่านรวดเดียวเลย
อ่านแล้วติด แต่หน่วงมากเลยสงสารน้อง :o12:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ธิวาหายไปเลย ตอนนี้กาลทำคะแนนสุดๆ

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
แล้วทิวาหล่ะ

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
พี่ธิวาของน้องไปไหน ฮือ

ออฟไลน์ แม่พิเสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
ตอนที่ 27

แสงแดดอ่อนๆในยามเย็นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ผ้าม่านสีขาวพริ้วไหวไปตามแรงลม ส่วนผมกำลังนอนกอดหนังสือหลับอยู่บนโซฟา เอาจริงๆผมรู้สึกตัวตื่นสักพักใหญ่ๆแล้วตั้งแต่คุณท่านกลับมาถึงบ้าน เพียงแต่ความขี้เกียจทำให้ผมยังคงหลับตานิ่งอยู่ที่เดิม


เมื่อได้ยินเสียงล้อกระเป๋ากระทบบันได ผมจึงลืมตาตื่นขึ้นมองคุณท่านที่กำลังยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นสอง “ชั้นทำให้ตื่นรึเปล่า”


“เปล่าครับ คุณจะไปไหน”


“มีประชุมด่วนที่สิงคโปร์”


“เดินทางปลอดภัยนะครับ”ผมลุกจากโซฟาเดินออกไปส่งเขาที่หน้าบ้าน คุณท่านทำท่าลังเลหันมามองผมหลายครั้งขณะที่ยกกระเป๋าขึ้นรถ


“คุณลืมอะไรรึเปล่าครับ ให้ผมไปเอาให้ไหม”


“ลืมเอาเธอไปด้วย”ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว คุณท่านไปทำงาน ไม่รู้จะตามไปทำไม


“ไม่เอาดีกว่าครับ ผมไปก็เป็นภาระเปล่าๆ”


“ชั้นไม่อยากทิ้งให้เธออยู่บ้านคนเดียว ชั้นเป็นห่วง”


“คุณไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ เดี๋ยววันเสาร์อาทิตย์ผมไปเล่นกับแฝดก็ได้”เสาร์อาทิตย์นี้ชวนคุณชัยพาแฝดไปสวนสนุกดีกว่า


“ไม่ได้!”คุณท่านปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิด เดี๋ยวนี้หวงผมแม้กระทั่งกับเด็ก “ชั้นให้เวลา 5 นาทีไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ชั้นจะรอที่รถ”


สิ้นคำสั่งประกาศิตของคนเอาแต่ใจ สุดท้ายผมก็ตกกระไดพลอยโจนมานั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวเหนือน่านฟ้าประเทศสิงคโปร์จนได้ ผมเกาะขอบหน้าต่างมองแสงไฟที่ส่องระยิบระยับจากภาคพื้นดินด้วยความตื่นเต้น ความสวยงามของแสงไฟยามค่ำคืนเหมือนดวงดาราที่ส่องประกายบนพื้นดิน


“ไม่กลัวความมืดแล้วเหรอ”ผมสั่นหัวปฏิเสธ ตั้งแต่กินยาตามที่คุณหมอสั่งและไปทำจิตบำบัดเป็นประจำ อาการผมก็ดีขึ้น แต่คุณหมอสั่งว่าห้ามหยุดยาเองเด็ดขาดถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ต้องกินยาต่อเนื่องอีกเป็นปี สารเคมีในสมองถึงจะกลับมาเป็นปกติ


“สงสัยจะหายกลัวเพราะคุณซื้อบ้านที่มีแต่กระจก ตอนกลางคืนนี่วิวดี๊ดี ดำมืดไปหมด”ผมหันไปพูดหยอกคุณท่าน แต่ดูเหมือนคนตัวสูงจะไม่เล่นด้วยกับผม สีหน้าเขาฉายแววกังวลอย่างชัดเจน


ฝ่ามือหนาลูบบนศรีษะผมอย่างแผ่วเบา “ชั้นลืมคิดเรื่องนี้ไป ชั้นขอโทษ เธอหายกลัวแล้วจริงๆรึเปล่า”


“ผมไม่ค่อยกลัวแล้วจริงๆครับ”คุณท่านดึงผมไปกอดแนบอก เกยคางไว้บนศรีษะผม “ถ้าไม่สบายหรือรู้สึกไม่ดี พริ้มต้องรีบบอกชั้นรู้ไหม ห้ามเก็บไว้คนเดียวเด็ดขาดเลยรู้ไหม”


“ครับ”ผมรับคำอย่างว่าง่าย คุณท่านประทับจูบลงมาที่ข้างขมับแทนของขวัญเด็กดีที่เชื่อฟัง


“หิวไหม มื้อเย็นอยากทานอะไร”


ตาผมเริ่มเป็นประกายขึ้นมาเมื่อนึกถึงมื้อเย็น มีอาหารอย่างหนึ่งที่ผมอยากกินแต่ไม่รู้ว่าคุณท่านจะพาไปกินรึเปล่า


“ว่าไงครับ อยากทานอะไร”


“ข้าวมันไก่สิงคโปร์”คุณท่านหัวเราะขำพร้อมกับลูบศรีษะผมอย่างอารมณ์ดีหลังจากฟังคำตอบ


“มาตั้งไกล อยากทานแค่ข้าวมันไก่เนี่ยนะ?”


“งรื้อ คุณท่านอย่ามาขำผมนะ ก็วันก่อนที่เราดูรายการเที่ยวสิงคโปร์ด้วยกัน เขาพาไปทานข้าวมันไก่ มันดูน่าทานมากเลยนี่ครับ”


“ตามใจ”


“คุณหมีน่ารักจังเลยน้า”ผมซบหน้าลงกับบ่าคุณท่าน


“ว่าอะไรนะ”


“ฮื่อ ผมเปล่าพูดอะไรสักหน่อย”


ใช้เวลาบินชั่วโมงกว่าๆ ล้อเครื่องบินก็แตะรันเวย์สนามบินนานาชาติชางงีในที่สุด
ทันทีที่ก้าวลงจากเครื่อง รถลีมูซีนคันหรูก็จอดรออยู่แล้ว คุณท่านให้รถลีมูซีนไปส่งที่โรงแรม หลังจากเก็บของเสร็จ เราสองคนก็สละเรือ ไม่ใช่ละ สละรถลีมูซีนจอดทิ้งไว้ที่โรงแรม แล้วเลือกเดินมากินข้าวมันไก่ร้านดังซึ่งอยู่บน food court ในห้างที่ไม่ไกลจากโรงแรม


ผมเดินมองสองข้างทางไปเรื่อยเปื่อยแบบเด็กที่ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเจอ “พริ้ม! ระวังรถ!”คุณท่านตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังพร้อมกับวิ่งมาดึงแขนผมไว้ไม่ให้โดนรถชน ผมว่าเมื่อกี้ตอนผมข้ามถนนไฟก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วนะ


“เดินระวังหน่อยสิ ถ้าโดนรถชนขึ้นมา ชั้นจะทำยังไง”ผมหันไปมองหน้าคุณท่านที่กำลังดุผมอยู่อย่างงงๆ ถ้าผมโดนรถชนก็พาไปโรงพยาบาลไง ทำไมจะต้องถามว่าทำยังไง คนแก่นี่งงจริงๆ


หน้าตาหมีดุกับคิ้วที่ขมวดจนผูกเป็นโบว์แบบนี้ ท่าจะไม่ดีแล้ว…เหมือนพายุใหญ่กำลังจะก่อตัวเป็นเฮอริเคน “ขอโทษครับ งั้นเราเดินด้วยกันดีกว่าเนอะ”ผมคว้ามือคุณท่านมากุมแล้วดึงแขนเขาให้เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน คุณท่านยอมเดินตามผมมา นิ้วของเราสอดประสานกันไว้เหมือนกับจังหวะก้าวเดินของเราที่เป็นจังหวะเดียวกัน


ผมหันไปยิ้มให้คุณท่านที่มีใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่จางๆ
โชคดีแค่ไหนที่อ้อนแล้วเขาหายโกรธ
ผมหลงรักช่วงเวลาแบบนี้


ร้านข้าวมันไก่สิงคโปร์เจ้าดังมีคนต่อคิวยาวเหยียด เรายืนรอนานมาก ผมบอกให้คุณท่านไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวผมเข้าคิวซื้อให้เขาก็ไม่ยอม ระหว่างรอก็แอบกังวลนิดๆว่าเขาจะหมดความอดทนเมื่อไหร่


“มองหน้าชั้นหลายรอบแล้วนะ”


“ก็ผมกลัวคุณโมโหที่รอนานนี่”


“ตอนนี้ยังนะ”


“แต่อีกสิบนาทีก็ไม่แน่ใช่ไหมครับ”คุณท่านหัวเราะเสียงดังทันทีที่ผมพูดจบประโยค เหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เขาดูผ่อนคลายเวลาอยู่กับผม


“กินชานมไข่มุกไหม ชั้นจะไปซื้อให้”ผมมองหน้าคนที่เอื้อนเอ่ยวาจาเสนอด้วยความแปลกใจ ผีตัวไหนเข้าสิงเขากัน


“รบกวนคุณเปล่าๆ”


“ไม่ต้องห่วง ชั้นคิดค่าจ้างสมราคาแน่”ผมได้แต่ถอดถอนหายใจ ‘ค่าจ้าง’ที่ว่าคงทำให้ผมฟ้าเหลืองทั้งคืนแน่


หลังจากคุณท่านไปซื้อชานมไม่นานก็ถึงคิวสั่งอาหารของเรา ผมสั่งไก่มาจานนึง ข้าวมันสองจานและซุปไก่ตุ๋นอีกหนึ่งอย่าง อิ่มกลิ้งตายกันไปข้าง


ผมเลือกที่จะนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง นั่งมองผู้คนมากมายเดินเบียดเสียดกันบนถนน ชีวิตของคนที่นี่ดูวุ่นวายไม่ต่างอะไรไปจากกรุงเทพเลยสักนิด


ผมนั่งรออยู่นานจนควันร้อนของซุปไก่เริ่มจางลง คุณท่านถึงกลับมาพร้อมชานมไข่มุกมันม่วง เครื่องดื่มยอดฮิตในเวลานี้ “ทำไมไม่ทานก่อนละ”


“ผมรอคุณ”คุณท่านยิ้มเอ็นดู


“ถ้าวันหลังหิวก็ทานก่อนเลย ไม่ต้องรอ”เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนจริงๆ ทีเมื่อก่อนผมกินขนมก่อนกินข้าวยังไม่ได้เลย ต้องรอกินพร้อมเขา


“ขอบคุณนะครับ”ผมเอ่ยขอบคุณแล้วหยิบแก้วชานมมาดื่ม ส่วนเครื่องดื่มของคุณท่านหนะเหรอครับ อย่าได้คิดเชียวว่าผู้ชายแบบเขาจะมาดื่มเครื่องดื่มหวานๆแบบนี้ อเมริกาโน่จากแม่เงือกเท่านั้นแหละที่เขาเลือก


“อร่อยไหม”


“อร่อย คุณชิมไหม”คุณท่านส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเริ่มทานข้าว ผมตักไก่ใส่จานให้เขาก่อนจะเริ่มทานข้าวของตัวเอง เหมือนคุณท่านจะชะงักไปแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความ ผลเลยปล่อยเบลอไม่ถามอะไรแล้วตั้งใจกินข้าวของตัวเอง


กินจนอิ่มจุกแทบกลิ้งได้ ไก่ในจานก็ยังไม่หมด “คุณท่าน ใส่ห่อกลับบ้านดีไหม”


“ไม่ดี ชั้นไม่อยากให้เธอกินของค้างคืน”


“แต่…”


“ไม่มีแต่”จบประเด็น เลิกเถียงได้ ผมลุกจากโต๊ะด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไก่จ๋า…พี่พริ้มลาก่อยยยยย


เราออกมาเดินย่อยอาหารกันที่ถนนสายชอปปิ้งสายหลักของสิงคโปร์ ข้าวที่ทานไปยังไม่ทันเรียงเม็ด คุณท่านก็ลากผมไปชอปปิ้ง เข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนบรรดาถุงเสื้อผ้ารองเท้าจากแบรนด์ดังมากมายล้นมือจนผมถือไม่ไหว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะหยุดซื้อ


ผมหิ้วข้าวของมากมายที่เขารูดบัตรซื้อไปจนปวดนิ้วไปหมด สุดท้ายผมยอมพ่ายแพ้เอ่ยขอร้องเขา “คุณ วันนี้ซื้อแค่นี้ก่อนได้ไหม พรุ่งนี้ค่อยมาซื้อใหม่”


“อีกร้านนึง”เขาพูดจบก็เดินลิ่วไปเข้าร้านนาฬิกาแบรนด์ดังจากฝั่งยุโรป ผมนี่รีบวิ่งตามแทบไม่ทัน ถ้าไม่เสียดายเงินแทนคุณท่านนี่ผมแทบจะอยากเอาของทั้งหมดทิ้งไว้ตรงนี้แล้วเดินกลับโรงแรมคนเดียว


ผมเดินตามหลังคุณท่านเข้ามาในร้านนาฬิกา เลือกมุมสงบในการนั่งรอ ด้วยสภาพอากาศเย็นๆและความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำผมเกือบเคลิ้มหลับ แต่ในขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ สัมผัสเย็นเยียบที่ข้อมือทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาซะก่อน


“ชอบไหม”ผมมองนาฬิกาสีเงินเรือนหรูที่มีหน้าปัดประดับเพชรด้วยความรู้สึกงุนงง สงสัยคุณท่านไม่อยากลองเองเลยให้ผมลองแทน “เหมาะกับคุณดีนะครับ”


“เหมาะกับชั้นเหรอ”ผมพยักหน้า ไม่เหมาะคุณท่านจะเหมาะกับใคร ดูก็รู้ว่านาฬิกาเรือนสีเงินเรือนนี้ วัสดุไม่น่าจะทำจากเงินแน่ๆ แต่น่าจะทำจากสิ่งที่แพงกว่านั้น อย่างเช่นแพลตตินัม


“I would like to have a big one also”หลังจากที่คุณท่านสั่งพนักงาน นาฬิกาอีกเรือนที่ดีไซน์เหมือนกันแต่หน้าปัดขนาดใหญ่กว่าก็มาปรากฎบนข้อมือคุณท่าน


ผมว่าผมเดาได้แล้วละ“คุณ ผมไม่เอานะ มันแพงเกินไป”


“ไม่เอาก็โยนทิ้ง”


“จะโยนทิ้งทำไมละคุณ ยังไม่ได้จ่ายเงินเลย คืนเขาก็ได้”


“ไม่ได้”ผมมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ นาฬิกาบ้าอะไรแค่เอามาลองถึงกับคืนไม่ได้ แต่ก่อนจะโวยวายไปมากกว่านั้น ผมเลือกที่จะหันมาพินิจพิจารณาดูนาฬิกาบนข้อมือตัวเองอีกทีถึงได้เข้าใจว่าทำไมคืนไม่ได้


นาฬิกาที่สลักชื่อผู้ซื้อแล้ว ร้านไหนเขาก็ไม่รับคืนทั้งนั้นแหละ ขายต่อก็ไม่ได้เพราะคงไม่มีใครอยากใส่นาฬิกาที่มีชื่อคนอื่นอยู่บนตัวเรือน ถ้าผมไม่เอา ทางออกเดียวของนาฬิกาเรือนนี้คงเป็น ‘โยนทิ้ง’ แบบคุณท่านว่า


“ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้ขอบคุณเขาอย่างยอมจำนน


“ซื้อให้แล้วก็ต้องใส่รู้ไหม หน้าปัดนาฬิกาทำจาก sapphire ใส่ให้ตายยังไงก็ไม่มีรอยขีดข่วน”ยิ่งฟังเขาพูดแล้วผมยิ่งรู้สึกผิด เพราะคำพูดของผมแท้ๆที่ทำให้เขาต้องเสียเงินซื้อนาฬิกาแพงๆให้


“ชั้นให้เพราะอยากให้ ไม่ได้คิดว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่”เขาพูดจบแล้วจูงมือผมออกจากร้าน


มือขวาของเราสองคนใส่นาฬิกาแบบเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ต่างกันแค่ขนาดหน้าปัดนาฬิกา ผมแอบได้ยินพนักงานกระซิบกันว่านาฬิกาเรือนของผมเป็นนาฬิกาที่ถูกสั่งทำขึ้นพิเศษตามความต้องการของลูกค้า ส่วนเรือนของคุณท่านเป็นเรือนที่ทางบริษัทผลิตเพิ่มเพื่อให้ลูกค้าเลือกว่าชอบขนาดหน้าปัดนาฬิกาแบบไหนมากกว่ากัน


จริงๆตอนแรกคุณท่านคงตั้งใจแค่มารับนาฬิกาเรือนของผม แต่พอผมบอกว่ามันเข้ากับเขา เขาถึงยอมซื้ออีกเรือนกลับมาด้วย


นาฬิกาที่มีคู่เดียวบนโลก…นาฬิกาของเรา

.
.
.

“อื้อ…”ผมลุกจากเตียงด้วยความงัวเงียที่ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าทั้งๆที่เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางแล้ว คุณท่านที่กำลังผูกเนคไทด์ด้วยความเร่งรีบเดินมาหาผม “ชั้นมีประชุมทั้งวัน บัตรเครดิตกับเงินวางไว้ให้ที่หน้าทีวีแล้ว จะไปไหนก็ระวังตัวรู้ไหม ห้าโมงเย็นเจอกันที่โรงแรม”พูดจบเขาก็หอมแก้มผมหนึ่งทีก่อนจะคว้ากระเป๋าเอกสารเดินออกไป


ผมที่สติยังไม่เข้าร่างล้มตัวลงนอนต่อจนกระทั่งพระอาทิตย์เลยหัวไปถึงได้ตื่นขึ้นมา หลังจากอาบน้ำแล้ว ผมพึ่งสำเหนียกได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าใส่เลยสักชุด เมื่อคืนก็ไม่ได้ใส่ เวรกรรมแล้วทีนี้


ก่อนที่จะสติแตกไปมากกว่านั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นถุงชอปปิ้งเมื่อวานที่วางเรียงเป็นตับของคุณท่าน ขอยืมใส่ก่อนสักชุดนึงแล้วกัน ผมเล่นจ้ำจี้มะเขือเปราะแปะเหมือนตอนเด็กๆเพื่อเลือกถุงที่จะขโมยมาใส่แล้วโดนโกรธน้อยที่สุด


“จ้ำจี้มะเขือเปราะแปะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยมๆ มองๆ นกขุนทองร้องวู้ววว~”เอาเลย เอาถุงนี้นี่แหละ


หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมก็ออกไปหาอะไรทานแถวโรงแรม โรงแรมที่ผมพักตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านเศรษฐกิจ มีศูนย์การค้ามากมายล้อมรอบ


ผมเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆเพื่อหาร้านอาหาร ในระหว่างทางที่เดินผมเหลือบไปเห็นร้านติ่มซำข้างทางที่มีพนักงานออฟฟิศต่อแถวเข้าคิวค่อนข้างยาว ต้องเป็นร้านนี้แหละที่อร่อย พนักงานออฟฟิศมักจะมีความสามารถในการหาร้านอาหารที่ราคาไม่แพงมากแต่รสชาติดี


ระหว่างที่สั่งอาหารผมก็อดนึกถึงคุณท่านไม่ได้ ทานข้าวคนเดียวไม่เห็นอร่อยเลย


หลังจากทานอาหารกลางวันอิ่มตอนเวลาเกือบบ่ายสอง ผมก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงริมอ่าวมาริน่า ผมใช้เวลาที่ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจมองครอบครัวที่พ่อแม่พาลูกมาปิคนิค คิดแล้วก็อดนึกถึงครอบครัวที่เหลืออยู่คนเดียวของผมไม่ได้


ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องจะเป็นยังไงบ้าง กำลังทำงานหนักอยู่หรือเปล่า ได้นอนพักผ่อนบ้างไหม มีอาหารดีๆกินหรือเปล่า


นับตั้งแต่วันนั้นที่เราทะเลาะกันถึงขั้นที่ผมปฏิญาณว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ตามที่ลั่นวาจาไว้ ผมยังคงโอนเงินให้น้องทุกเดือนเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่ลดจำนวนลงให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของเด็กมหาลัยทั่วไป ถ้าเขาใช้เงินอย่างรู้คุณค่า เขาก็จะสามารถอยู่ได้จนถึงสิ้นเดือนได้สบายๆ


คิดแล้วก็แอบน้อยใจไม่ได้ ให้ไปเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยรับรู้ พี่ชายคนนี้คงเป็นได้แค่ตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่


ผมนั่งมองผู้คนรอบตัวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดถึงได้รู้สึกตัว พอเหลือบมองนาฬิกาก็อดตกใจไม่ได้ หกโมงกว่าแล้ว...ถ้าคุณท่านกลับมาแล้วไม่เจอผมนี่เรื่องยาวแน่


ผมรีบวิ่งกลับโรงแรมแบบไม่คิดชีวิต เสื้อเชิ้ตสีครีมที่แอบยืมคุณท่านมาใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทันทีก้าวเข้ามาในโรงแรม พนักงานต้อนรับหน้าประตูก็มองหน้าผมอย่างพิจารณาก่อนจะยกวิทยุสื่อสารขึ้นพูดอะไรกับใครสักคนซึ่งผมไม่มีเวลาจะสนใจฟัง ผมรีบวิ่งไปแสกนคีย์การ์ดเพื่อกดลิฟท์ขึ้นไปหาคุณท่านที่ห้อง แต่ดูเหมือนว่าลิฟท์จะไม่เป็นใจ รอนานแล้วก็ยังไม่มาสักที


ในระหว่างที่รอ ผมได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบพื้นหนักๆ พอหันไปมองก็พบว่าเป็นคุณท่านที่รีบวิ่งมาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ เนคไทด์ที่ผูกไว้อย่างดีเมื่อเช้าถูกเหวี่ยงหายไปไหนไม่รู้ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ถูกรีดไว้เรียบกริบมีร่องรอยยับย่น ส่วนกระดุมเสื้อก็ถูกปลดออกเช่นกัน


“คุณท่านผมขอ…”ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยคำขอโทษจบ ร่างทั้งร่างของผมก็ถูกรวบเข้าไปจนจมอก


“อย่าหายไปแบบนี้”ผมลูบหลังคุณท่านเบาๆ เสียงหัวใจที่เต้นระรัวจากอกข้างซ้ายของคุณท่านดังออกมาจนแทบทะลุอก


“ผมขอโทษ”


คุณท่านไม่พูดไม่จากับผม หันไปขอบคุณพนักงานของโรงแรมแล้วก็พาผมขึ้นห้อง


ผมมองมือตัวเองที่ถูกคุณท่านกุมไว้ไม่ยอมปล่อยด้วยความแปลกใจ อะไรทำให้เขากุมมือผมแน่นขนาดนี้ ทำเหมือนว่าถ้าปล่อยมือแล้วผมจะหายไปเหมือนฟองอากาศ แต่ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยมือเมื่อเข้ามาในห้อง


คุณท่านยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเหมือนคนกำลังระงับอารมณ์แล้วเขาก็เดินเข้าห้องนอนไปทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก


ถูกโกรธอีกแล้ว…แต่ครั้งนี้ความผิดผมเต็มๆ
ถ้าไม่นั่งเหม่อจนลืมเวลา คงไม่ทำให้เขาต้องวุ่นวายตามหา


ผมออกไปนั่งริมระเบียงมองวิวยามค่ำคืนของประเทศสิงคโปร์ เหมือนกรุงเทพเลย…ช่างเป็นเมืองที่วุ่นวาย ในขณะที่ผมกำลังเหม่อมองวิว คุณท่านเข้ามาสวมกอดจากทางข้างหลัง


ผมยกมือขึ้นจับแขนเขาที่โอบเอวผมไว้ไม่ยอมปล่อย เขาไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา เอาแต่นิ่งเงียบ “ผมขอโทษที่หายไปโดยไม่บอก ขอโทษที่ทำให้คุณวุ่นวายตามหาผม”


“อย่าหายไปแบบนี้อีก”น้ำเสียงของเขาสั่นไหวเหลือเกิน คงไม่ได้คิดว่าผมหายไปเพราะหนีไปฆ่าตัวตายในต่างแดนหรอกนะ ผมดึงแขนเขาออกแล้วหมุนตัวกลับไปจ้องมองเขา


ดวงตาสีสวยที่ผมเคยชอบสั่นไหวจนน่ากลัว บางทีเขาอาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ คิดว่าผมหายไปและจะไม่มีวันได้ผมกลับคืนมา


“สัญญาว่าจะไม่หายไปจนกว่าคุณจะเป็นฝ่ายไล่…”ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยจนจบประโยค เขาก็ก้มลงมาปิดปากผมด้วยรสจูบร้อนแรง แรงจนเป็นปากแตกเหมือนต้องการลงโทษ คุณท่านไล้เลียรอยเลือดบนริมฝีปากแล้วประทับริมฝีปากค้างไว้เนิ่นนาน ไม่ยอมผละออก


เขาเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำร้ายกันไม่ยั้งมือ “ขอบคุณที่ไม่ทำร้ายผม”


“ใครว่า…เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษ”

.
.
.

คุณเคยมีแฟนไหมครับ? คำถามนี้อาจจะดูเจ็บปวดไปสักนิด แต่ถ้าคุณไม่เคยมีแฟน คุณคงไม่เข้าใจคำว่าสะโพกคราก ฟ้าเหลืองมันเป็นยังไง


ผมตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงของอีกวันด้วยอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวไปทั้งร่าง ‘เอาไม่อยู่’ จริงๆกับผู้ชายคนนี้


“ตื่นแล้วเหรอ”ลืมตาขนาดนี้คงยังไม่ตื่นมั้ง “ไม่ต้องมามองตาขวางเลย เด็กดื้อก็ต้องได้รับบทเรียนซะบ้าง”


“หึ!”ผมอดทำเสียงประชดไม่ได้ กลั้นใจคลานเข่าลงจากเตียง “โทษทีที่ของชั้นใหญ่ เดินขาถ่างเลยนะ”ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงหันหลังไปชูนิ้วกลางใส่หน้า แต่นี่เป็นคุณท่านไงเลยทำไม่ได้


ผมมองสภาพร่างตัวเองในกระจกที่ดูไม่จืด มีแต่รอยจูบประพรมทั่วทั้งร่าง แม้แต่โคนขาด้านในก็ไม่เว้น แถมสิ่งที่น่าเกลียดที่สุดคือการที่เขาปล่อยเจ้าลูกชายหลายพันล้านตัวไว้ในร่างผมจนมันหยดย้อยเป็นคราบสีขาวขุ่นตามโคนขา


ไอ้คนแก่ลามก! เห็นทีจะต้องเห็นดีกันวันนี้แหละ


“นี่คุณ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ผมออกไปยืนกอดอกต่อหน้าคุณท่านในร่างที่ยืมชุดเขามาใส่อีกนั่นแหละ


“เรื่องอะไร”


“คุณสดกับผมอีกแล้วนะ”


“เรื่องนี้เราเคยคุยกันไปแล้วนี่”


“แต่คุณกับผมยังไม่เคยตรวจเลือด”


“ใครว่า”พูดจบเขาก็หยิบผลเลือดจากในโทรศัพท์มาเปิดให้ดู ใบผลเลือดมาจากโรงพยาบาลที่ผมพักฟื้นรักษาตัวหลังจากกรีดข้อมือตัวเอง ผลบอกว่าผลเลือดเราเป็นลบทั้งคู่ นี่แอบเจาะเลือดผมไปตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่


“นี่คุณ!”ผมโกรธเขาจนหมดคำจะพูด ทำแบบนี้มันริดรอนสิทธิส่วนตัวกันชัดๆ


“มานี่มา”ไม่ว่าผมจะโกรธเขายังไง สุดท้ายผมก็ยอมเดินไปนั่งข้างเขาอยู่ดี


“หน้างอคอหักเป็นปลาทูเลย”


“คุณนี่มัน…”     


“ผัวเธอไง”


“หยาบคาย”คุณท่านหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี และในระหว่างนั้นเสียงท้องของผมก็ร้องดังขึ้นประหนึ่งพสุธากัมปนาทเลยทีเดียว ข้าวเย็นเมื่อวานก็ไม่ได้กิน ข้าวเช้า ข้าวเที่ยงของวันนี้ก็เช่นกัน


“Chilli crab ร้านนี้น่าทานจังเลย เนอะ”ไม่อยากจะเนอะด้วยหรอก เกลียดการที่คนเจ้าเล่ห์หยิบมือถือมาไถอวดรูปอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของประเทศสิงคโปร์หลังจากที่ผมท้องร้อง


โกรธก็โกรธ หิวก็หิว


“ไม่อยากไปทานเหรอครับ ว้า…นี่ชั้นกะจะพาไปทานร้านดังติดอันดับหนึ่งเลยน้า น่าเสียดายจังที่เด็กแถวนี้ไม่อยากไป”


“งรื้อออ…”ผมหันไปร้องประท้วง เห็นวี่แววว่าจะแพ้เขาอีกแล้ว


“อยากไปทานเหรอครับ อยากไปต้องทำไง”คนเจ้าเล่ห์แตะนิ้วชี้เบาๆที่ข้างแก้มในเชิงเรียกร้อง ทำขนาดนี้ไม่รู้เลยว่าต้องการอะไร


“คุณมันคนขี้เอาเปรียบ”


“เห็นด้วยนะ ทำไงได้ละมีผัวขี้เอา”


“นี่คุณ!!!”คุณท่านหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่เห็นผมโมโห เบื่อคนแก่ที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นจริงๆ


“ไปครับไป ไปทานข้าวกัน อย่าพึ่งโมโหหิว”

.
.
.

ร้านอาหารหรูริมทะเลเป็นจุดหมายของเราสองคนในวันนี้ ผมนั่งมองแสงสีเสียงริมอ่าวอย่างตื่นตาตื่นใจระหว่างรอสั่งอาหาร


“พริ้มอยากทานอะไรครับ”


“อะไรก็ได้ คุณสั่งเลย”คุณท่านหันไปสั่งอาหารสองสามอย่างพร้อมกับสั่งบริกรให้เปิดแชมเปญมาขวดนึง


“ห้ามเมานะคุณ ผมแบกคุณกลับโรงแรมไม่ไหวนะ”


“ระดับนี้แล้วใครเขาเมากัน”ไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากเถียงคุณท่านต่อ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา


“ว่าไง”


“อยู่สิงคโปร์”


“ก็นั่งอยู่ด้วยกัน”หื้ม? ใครโทรมาถามถึงผมนะ พี่ธิวาใช่หรือเปล่า


“เออหน่า จัดการปัญหาชีวิตมึงให้เรียบร้อยก่อนเถอะ”


ผมเงยหน้าสบตาคุณท่าน อยากถามใจจะขาด แต่คิดว่าไม่ถามคงดีกว่า แค่รู้ว่าพี่ธิวายังมีลมหายใจไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหนก็พอแล้ว


“ไม่อยากรู้รึไง”คุณท่านถามเหมือนต้องการจะหยั่งเชิงผม


“ถ้าคุณอยากให้รู้เดี๋ยวคุณก็บอกเอง”


“ดื่มสิ”ผมหยิบแก้วแชมเปญที่คุณท่านรินให้มาดื่มอย่างว่าง่าย รสชาติแชมเปญชั้นดีมีความหวานละมุ่นนุ่มลิ้น ต่างไปจากเหล้าราคาถูกที่ผมเคยดื่มเพื่อเก็บจำนวนดริ๊ง


“เมื่อกี้ธิวามันโทรมา ตอนนี้มันบินไปเคลียร์ธุรกิจใหม่ที่ทำกับเพื่อนที่อเมริกา คงต้องอยู่ยาวจนกว่าบริษัทจะเป็นรูปเป็นร่าง ส่วนเรื่องคุณพ่อเธอไม่ต้องเป็นกังวลเพราะมันทะเลาะกับคุณพ่อจนบ้านแตกไปแล้ว”


“บ้านแตกแล้วไม่ต้องกังวลนี่นะครับ?”ผมถามคุณท่านที่เริ่มมีตรรกะผิดเพี้ยน นี่คุณเมารึเปล่าเนี่ย


“ดีจะตาย ได้ทำอะไรอิสระตามใจ ไม่ต้องคอยกังวลว่าครอบครัวจะคิดยังไง”ระหว่างเล่าคุณท่านก็จิบแชมเปญไปด้วยท่าทีสบายๆ


“พี่ธิวาโอเคจริงๆเหรอครับ”รู้สึกไม่ดีเลยที่ทำให้พี่ธิวาต้องทะเลาะกับครอบครัวเพราะผม


“กังวลแทนมันเรื่องอะไรละ? เรื่องเงิน? เรื่องบ้าน? เรื่องมรดก?”


“คุณท่าน! คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้กังวลเรื่องของนอกกายพวกนั้น”ที่ผมห่วงมากที่สุดตอนนี้คือ ความรู้สึกของพี่ธิวาตังหาก


“ตอนพวกชั้นจบม.ปลาย เราได้เงินขวัญถุงกันคนละก้อน จำนวนมันไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เพียงพอให้คนๆหนึ่งตั้งตัวได้ ธิวามันเลือกเอาไปลงทุนซื้อหุ้นสายการบิน ทำให้ตอนนั้นมันกลายเป็นผู้บริหารสายการบินที่เด็กที่สุดในโลก  ดังนั้นเธอไม่ต้องห่วงว่ามันจะไม่มีกิน ตอนนี้มันก็แค่ขาดความสบายบางอย่างที่ครอบครัวเคยซัพพอร์ตให้เท่านั้นเอง”


“ที่โดนยึดบ้านก็เพราะเหตุผลนี้เหรอครับ”


“ไร้สาระ!”เอ้า! ถามแค่นี้ก็โดนดุ


“ชั้นถามจริง เธอไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำไมมันต้องขายบ้าน”ผมนั่งนิ่งเงียบ ผมจะไปรู้ได้ไง ผมไม่ใช่พี่ธิวาสักหน่อย ตกลงพี่ธิวาขายบ้านไม่ใช่โดนยึดบ้านงั้นเหรอ


“ธิวามันสั่งห้ามชั้นพูด แต่ดูเธออยากจะรู้เหลือเกิน ชั้นจะบอกให้ก็ได้ ไม่มีใครทนอยู่ในบ้านหลังที่เคยมีคนฆ่าตัวตายได้หรอก แค่เดินเข้าบ้าน ภาพเลือดที่เจิ่งนองอยู่เต็มห้องน้ำก็วนเวียนกลับมาหลอกหลอนแล้ว”


“คุณพูดเหมือนเห็นภาพนั้นเองกับตา”


“แล้วเธอคิดว่าชั้นจะเห็นไหมละ”ไม่ต้องถามต่อให้มากความ คนแบบคุณท่านรู้ทุกเรื่องที่อยากรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาจะเก็บเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจรึเปล่า


“ไม่ต้องมาทำหน้าหมาหงอย ก็เป็นซะแบบนี้ถึงไม่อยากบอก”


“ผมทำพี่ธิวาเดือดร้อน”


“หยุดโทษตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะพริ้ม ไม่งั้นชั้นจะจับเธอมาตีให้ก้นลายกลางร้านอาหารนี่เลย”


“คุณท่าน!”


“Excuse me,sir Would you mind me serving the food?”


“No,please”


ผมนั่งมองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิ่มจนจุก ไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด


“พริ้มมานั่งนี่”คุณท่านคงเห็นผมท่าทางไม่ดีเลยเรียกผมไปนั่งข้างๆ ผมซบหน้าลงกับต้นแขนเขา ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ผมรู้สึกเสียใจ เสียใจที่การกระทำโง่ๆของผมส่งผลให้คนอื่นเดือดร้อนกันเป็นวงกว้าง


ถ้าจิตใจผมไม่อ่อนแอ…คำพูดของคุณพ่อพี่ธิวาคงไม่กระทบใจผม
ถ้าผมใช้สมองสักนิด…ผมคงไม่เลือกแก้ปัญหาด้วยการทำร้ายตัวเอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเลือกจบชีวิตตัวเองลงคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับผมในวันนั้น


คุณท่านปล่อยให้ผมร้องไห้เท่าที่ผมต้องการ ไม่มีคำถาม ไม่มีถ้อยคำปลอบใจออกมาให้รำคาญ


“ขอผ้าเช็ดหน้าหน่อย”ผมชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเสื้อของคุณท่าน


“ไม่รู้จักพก”คุณท่านบ่นผมแต่ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าให้ ผมแบมือขออยู่นานเขาก็ไม่ส่งให้


“เงยหน้ามองชั้น”และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คุณท่านบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้ผม โดนดูแลแบบนี้มันก็ซึ้งอยู่หรอก แต่เช็ดแบบนี้มันสั่งน้ำมูกไม่ได้ ผมดึงผ้าเช็ดหน้าในมือคุณท่านมาแล้วจัดการสั่งน้ำมูกให้โล่งจมูก


“สกปรก!”ผมยิ้มขำกับท่าทางรังเกียจของคุณท่านเลยแกล้งเขาโดนการเอาจมูกไปถูไถที่ต้นแขน


“ออกไปไกลๆเลย”คุณท่านใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากผมให้ถอยห่าง พอเป็นน้ำมูกละมาทำรังเกียจ ทีเมื่อคืนยังทำมากกว่านี้เลย


“อาหารเย็นชืดหมดแล้วเนี่ย”บ่นจบคุณท่านก็เรียกบริกรให้มาเอาอาหารไปอุ่นอีกรอบ


“คุณท่าน”


“อะไร”คุณท่านตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่ผมไม่กลัวหรอก


“ขอบคุณนะครับ”


“อื้อ”


ผมแอบมองคุณท่านด้วยความขอบคุณ
โชคดีที่มีเขาเคียงข้างในวันนี้…ผมเลยก้ามข้ามความอ่อนแอได้ไม่ยากจนเกินไป




ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวมากจริงๆ

เหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปในทิศทางที่ดี (เหรอ)

5555555555

เราไม่ควรทำให้นักอ่านทุกคนหวาดผวาไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะเป็นไบโพล่ากันก่อนที่นิยายจะจบ

ฝาก #พริ้มกับdaddy ด้วยค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 12:45:15 โดย แม่พิเสือ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อีกแล้วววว.........
ไรท์ ทำให้หวาดผวาอีกและ   :serius2:
ก็เหมือนจะไปในทิศทางที่ดี แต่เหรอ ตามมานี่สิ   :z3: :z3: :z3:

คุณท่านทำตัวดีมากๆ  :mew1:
พี่ธิวา ก็กำลังไปได้ด้วยดี   :mew1:
ไรท์อย่าหลอกนะ ฮือ......  :sad4:

คุณท่าน -----> พริ้ม <----- พี่ธิวา   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
คุณท่านแลดูซอฟท์
ปล.พี่ธิวาค่าตัวแพงจัง อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด