ตอนที่ 19 จีบกันเหรอ?
"แก... สอนฉันจีบผู้ชายที"
"ห๊า? แค่กๆ" ภคินสำรักน้ำแกงจนหน้าดำหน้าแดง "เฮียล้อเล่นป่ะเนี่ย?" น้อยชายถามเมื่อหยุดสำลัก
"เปล่า" ร่างสูงตอบ
สองแม่ลูกสบตาแล้วยิ้มอย่างตื่นเต้นและรู้กัน
"เอาจริงง๊ะ?" ภคินถามเพื่อความแน่ใจ
"อือ"
"ไม่ได้อำผมใช่ป่ะ?"
"อือ"
"จริงนะ?" น้องชายคนเล็กยังเซ้าไม่หยุด
"ไอ้คิน!" ภูผาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายเสีงเข้ม เหมือนจะเตือนว่าถ้ายังเล่นไม่เลิกถ้วยแกงข้างมืออาจไปอยู่บนหัวใครบางคนก็เป็นได้
"โธ่ ก็คินตกใจอ่ะ อยู่ดีๆ มาบอกให้สอนจีบผู้ชาย ถ้าเป็นเฮียภรันก็ว่าไปอย่าง" ภคินกล่าวเสียงอ่อย
"ว่าแต่ เฮียจะไปจีบใครที่ไหนอ่ะ? ใครมันทำให้เฮียลงจากเขาหลินซานมาได้?" หลินซาน? มันมีแต่เหลียงซานไม่ใช่เหรอ? คุณพงศ์ภีระส่ายหัวอย่างเอือมๆ ให้กับลูกชายคนเล็ก
"หลานชายคุณธารา" เป็นคำตอบที่ทำเอาคุณทิพกาและแพรพิไลยิ้มให้กันจนแก้มแทบปริ
"ห๊า??? เฮียจะไปจีบไอ้ตั้มอ่ะนะ?! เฮียไปชอบมันตอนไหน?" ภคินตะโกนลั่น ตาโตเป็นไข่ห่าน ส่วนคนอื่นๆ มองน้องเล็กของบ้านด้วยอาการที่ทั้งอึ้งทั้งเอือม ถามมาเนี่ย แกคิดแล้วใช่ไหมภคิน? นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่เนี่ย?
"เอาจริงๆ เฮียจะจีบไอ้ตั้มเหรอ?" สรุปโง่จริง... ภูผาถอนหายใจกับคำถามน้องชาย
"ไอ้คิน! ที่แกสอบได้เกรดสามปลายๆ นี่ แกโกงข้อสอบมาใช่ไหม ทำไมโง่ไร้ที่ติขนาดนี้ยะ?" พี่สาวถามอย่างเหลืออด "ตาภูหมายถึงน้องกวินทร์ย่ะ น้องกวินทร์!"
"อ่าวเหรอ แหะๆ" ภคินเกาหัวเก้อๆ โดยมีพี่สาวค้อนให้ปะหลับปะเหลือก
"เอ้า เห็นว่าเป็นเฮียภูนะหนิ ไม่งั้นคินไม่ช่วยหรอก เพราะคนเนี้ย คินเล็งไว้แล้ว ถ้าคินลงมือจีบนะ เฮียไม่มีทางชนะแน่นอนนน" เชิดหน้ากอดอกโม้เข้าไป นานๆ ภคินจะได้อยู่เหนือพี่ชายอย่างภูผา ต้องเอาให้คุ้ม!
"เออ งั้นไม่ต้องช่วย เดี๋ยวฉันหาวิธีเอง" ภูผาทำท่าลุกขึ้น
"โอ้ยยย เฮียยยย ล้อเล่นนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้ นั่งๆๆๆ" น้องชายรีบร้องห้าม ว่าแต่...ปกติคนขอความช่วยเหลือมันต้องเป็นฝ่ายขอร้องไม่ใช่เหรอ? ภคินคิดอย่างตะหงิดๆ
"ก่อนอื่นเลยนะเฮียนะ จีบผู้ชายเนี่ย มันไม่เหมือนจีบผู้หญิง ว่าแต่... เฮียเคยจีบหญิงมาก่อนใช่ป่ะ?" ภคินถาม เพราะไม่เคยเห็นมีชายมีแฟนกับเขาซักคน
"ไม่เคย"
"แล้วแฟนอ่ะ? ทำไมคินไม่เคยเห็นเฮียมีแฟนเลย?"
"ก็ฉันไม่เคยมี" ภูผายังคงตอบอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนตัว คนอายุสามสิบที่มีครบทั้งหน้าตาและฐานะแต่กลับไม่เคยมีแฟน... ปกติมาก!
"ห๊า?!" น่าจะเป็นคำอุทานรอบที่สิบของภคินในค่ำคืนนี้
"ถ้าจะขนาดนั้นเฮียก็ลาพักร้อนเข้าคอสจีบหนุ่มไปเลยปะ" งานนี้ภคินขอยกธงขาว สอนน้องพลอยจีบหนุ่มยังจะง่ายกว่าสอนเฮียภูเสียอีก!
ร่างสูงยักไหล่ ทำไงได้ ถ้าให้เขาจีบเอง ก็คงเดินไปบอกกวินทร์ว่าชอบและขอเป็นแฟนแบบตรงๆ ซึ่งไม่น่าจะได้ผลกับคนอย่างหลานเจ้าสัวธาราคนนี้ ตอนแรกเขาว่าจะให้หมอธีรไนยช่วย แต่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าธีรไนยเองก็ชอบกวินทร์เหมือนกัน ดีไม่ดีเดี๋ยวมันคาบเอาไปกินเอง
******
กวินทร์รู้สึกว่าวันหยุดนี่มันช่างผ่านไปเร็วเสียจริงๆ ร่างโปร่งนั่งถอนหายใจพร้อมมองเอกสารที่ต้องอ่าน ทำความเข้าใจ และแปล บางทีร่างโปร่งก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมไม่จ้างคนแปลให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยถ้ามันจะเยอะขนาดนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะลงมือทำงาน อย่างน้อยก็ดีที่ไม่ค่อยมีงานเร่ง ก้มหน้าก้มตาทำงานไปได้ครึ่งหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
"กวินทร์พูดครับ"
"น้องกวินทร์คะ กาแฟสาม ชาหนึ่งค่ะ" เสียงจิลดาดังขึ้นในสาย
"ได้ครับ" เป็นอันรู้กัน
เขามาฝึกงานได้สองเดือนกว่าแล้ว และเริ่มชินกับหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดสั่งงานให้ยืดยาว เพราะจิลดาเองก็มีงานท่วมมืออยู่แล้ว
กวินทร์จัดแจงชงกาแฟและชา ก่อนจะยกเข้าไปเสิร์ฟในห้องภูผา และไม่ลืมที่จะเคาะประตูก่อนเสมอ
"ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มครับ" ร่างโปร่งกล่าว พร้อมวางถาดลงกลางโต๊ะแล้วยกถ้วยวางตรงหน้าภูผาและแขก
แขกที่มาในวันนี้มีสามท่าน ชายวัยกลางคนพร้อมลูกชายและลูกสาว ที่น่าจะอายุมากกว่ากวินทร์สามสี่ปี
ในขณะที่ร่างโปร่งกำลังวางถ้วยเครื่องดื่ม สายตาทุกคู่ก็มองตามอย่างอดไม่ได้ ผิวขาวนวลอย่างธรรมชาติที่มีเลือดฝาดและไม่ได้แต่งแต้มเหมือนเพศหญิง มือเรียวสวยจนทำเอาหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
"ไม่ต้องออกไป เอาโน๊ตบุ๊คฉันมานั่งจดรายละเอียดอยู่ตรงนี้" ภูผาพูด แล้วตบมือลงบนที่นั่งข้างๆ ตน ซึ่งกวินทร์ก็ทำตามสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอนตัวพิงโซฟาแล้วยกโน๊ตบุ๊คของภูผามาไว้บนตัก
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อเห็นหน้ากวินทร์ชัดๆ เธอติดตามข่าวและความเครื่อนไหวของภูผามาตลอด และข่าวล่าสุดก็คือรูปคู่กับเลขาคนนี้ ที่เป็นถึงหลานชายของคุณธารา วลัยวรรณจำรอยยิ้มของภูผาได้ติดตา เมื่อคิดได้ดังนั่น เธอเลยพลอยรู้สึกไม่ชอบหน้ากวินทร์ไปโดยปริยาย
หญิงสาวยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเพื่อระงับความไม่สบอารมณ์ "เอ๋ นี่มันชาอะไรคะ?"
วลัยวรรณเอ่ยปากถาม
"เอิร์ลเกรย์ครับ" กวินทร์ตอบ
"แต่เจนนี่สั่งชาอู่หลงหนิคะ" หญิงสาวกล่าวเสียงห้วน และเริ่มทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
กวินทร์เลิกคิ้วและคิดใจใน การแทนตัวเองด้วยชื่อกับคนที่ดูยังไงก็อายุน้อยกว่านี่เป็นเรื่องปกติเหรอ? อยากดูเป็นเด็กขนาดนั้นเลย?
"ทางบริษัทเรามีแต่กาแฟกับชาเอิร์ลเกรย์ครับ" กวินทร์ตอบอย่างสุภาพ ทั้งที่จริงๆ อยากบอกเจ้าหล่อนเหลือเกินว่า ที่นี่ไม่ใช่ร้านขายชาแถวเยาวราช ที่จะได้มีชาอู่หลงอยู่ในสต็อกนะครับ
"แต่..." หญิงสาวยังไม่ยอมหยุด
"เจน พอได้แล้ว อย่าทำให้คุณภูผาเสียเวลา" พ่อของหญิงสาวพูดขัด เขาทำงานกับบริษัทภูผามาหลายปี และรู้ดีว่าร่างสูงไม่ชอบมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"แต่คุณพ่อ..."
"เจน!" เทพทัตเอ่ยชื่อลูกสาวเสียงเข้ม
"ผมว่าเราหยุดเสียเวลา แล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่านะครับคุณเทพทัต" ภูผากล่าวขัดจังหวะด้วยประโยคที่ทำเอาหญิงสาวหน้าร้อนผ่าวเพราะความอาย
"ครับๆ" เทพทัตรีบรับคำ เขายอมรับว่าตอนแรกพาลูกสาวมาด้วยเพราะต้อง
การแนะนำให้ภูผารู้จัก เผื่อว่าจะพัฒนาไปเป็นอย่างอื่น แต่เขาน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
ในที่สุด การคุยงานก็เริ่มขึ้น ส่วนมากจะเป็นเทพทัตที่พูดและมีลูกชายคอยเสริมเป็นระยะๆ ภูผาฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะอย่างไงเทพทัตก็ต้องส่งเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอของบริษัทตัวเองมาให้เขาอยู่แล้ว ชายหนุ่มหันไปมองร่างโปร่งข้างกายที่กำลังพิมพ์สิ่งที่เทพทัตพูดอย่างขะมักเขม้น ร่างสูงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นขยับตัวให้นั่งสบายขึ้น และขยับแต่ละครั้งก็ใกล้ตัวกวินทร์เข้าทีละนิดๆ
"แล้วเรื่องงบประมาณล่ะครับ?" ภูผาถาม ทำเป็นเอนตัวอ้าแขนพาดบนโซฟา ทำให้ดูเหมือนกำลังโอบกวินทร์อยู่กลายๆ
กวินทร์แอบช้อนตามองเจ้านายตน นี่ตั้งใจมาใกล้หรือเลื้อยแบบไม่รู้ตัว? หนุ่มผมบลอนด์คิดในใจ ก่อนจะแอบอมยิ้มเมื่อไอเดียอยากทดลองอะไรบางอย่างผุดเข้ามาในหัว
มือเรียวเอื้อมไปหยิบกระดาษบนโต๊ะมาอ่าน แต่ในจังหวะที่เจ้าตัวจะวางกลับที่เดิมเขาดันทำมันหลุดมือเสียอย่างนั่น
"ขอโทษครับ" กวินทร์พูด ก่อนจะลุกจากโซฟาไปหยิบมันมาวางที่โต๊ะ แต่จากนั้นเจ้าตัวกลับไม่นั่งที่เดิม และหันไปนั่งอีกฟากของโซฟา ห่างจากภูผาเป็นเท่าตัว แล้วก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงานต่อเหมือนไม่มีะไรเกิดขึ้น
"คุณเทพทัตครับ ใกล้เที่ยงแล้ว ผมว่าพอแค่นี้ก่อน ยังไงก็รบกวนส่งรายละเอียดมาให้ผมด้วยก็แล้วกัน" ภูผาตัดบท ใบหน้าดูเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรซักอย่าง แขกทั้งสามได้แต่งุนงง จะมีก็แต่หนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังแอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
แต่เอ๊ะ... แล้วทำไมภูผาอยากเข้ามาใกล้เขาล่ะ??
"ได้ครับคุณภูผา เดี๋ยวทางเราจะส่งให้ภายในวันนี้เลย"
ภูผาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะลุกขึ้น เตรียมตัวส่งแขก
"คุณภูไปทานมื้อกลางวันกับเจนนี่ไหมคะ? เจนนี่รู้จักร้านอาหารอิตาลีระดับห้าดาวอยู่ร้านหนึ่ง รับรองว่าคุณภูต้องติดใจ" วลัยวรรณเอ่ยเชิญชวน ไม่แน่ใจว่าอยากให้ภูผาติดใจอาหารหรืออย่างอื่นกันแน่
"ผมไม่มีเวลา" ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน แล้วผายมือไปทางประตู "เชิญครับ"
วลัยวรรณทำท่าจะพูดต่อ แต่โดนพ่อลากแขนออกจากห้องไปเสียก่อน
"หึหึ" ภูผาหันมาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของกวินทร์ ชายหนุ่มเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยปากถาม "มีอะไรสนุกเหรอ?"
"เปล่าครับ แค่คิดว่าเจ้านายนี่ก็เนื้อหอมไม่เบาเลยนะครับ" กวินทร์มาฝึกงานนานแล้ว จึงไม่กลัวที่จะพูดเล่นนิดๆ หน่อยๆ กับร่างสูง เจ้าตัวพูดจบก็กดเซฟงานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วยกโน๊ตบุ๊คไปวางบนโต๊ะทำงานของเจ้านาย แล้วหมุนตัวกลับ แต่ดันเกือบชนเข้ากับแผงอกแกร่งของเจ้านายหนุ่ม ที่ตอนนี้ยืนใกล้จนแทบจะสิงร่างเขาอยู่แล้ว กวินทร์เงยหน้ามองอีกฝ่ายแววตาฉงน
"แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันเนื้อหอม?" ภูผาเอ่ยปากถาม ตวงตาพราวระยับ แลดูเจ้าเล่ห์เสียจริงๆ ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้พวงแก้มใส แล้วกระชิบถามต่อ "นายเคยดมแล้วเหรอ?"
ตาสีฟ้าอ่อนเบิกกว้าง ถามมาแบบนี้จะให้เขาตอบอย่างไงเล่า? แล้วตกลงเจ้านายเขากำลังอ่อยหรือป่วยทางจิต? เดี๋ยวเขาจับทำสามีขึ้นมาจริงๆ แล้วจะหนาว!
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
กวินทร์ถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่มีคนมาเคาะประตูขัดจังหวะก่อนที่คนเจ้านายจะโดนเขาจับทำสามี
... คิดไปนั่น ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังโดนภูผาคร่อมอยู่แท้ๆ
แต่ดูเหมือนทั้งคู่ลืมคิดไปว่าประตูถูกเปิดอ้าไว้ ดังนั้นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องจึงเห็นอิริยาบถทุกอย่างก่อนหน้านี้
คุณพงศ์ภีระจ้องมองลูกชายอย่างรู้ทัน แววตากรุ้มกริ่มเหมือนอยากจะแซวเจ้าลูกชายมาดขรึมเต็มทนแล้ว
"งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ" กวินทร์ยกมือไหว้ภูผาและคุณพงศ์ภีระ แล้วเดินออกจากห้อง โดยมีสายตาหนึ่งคู่มองตามอย่างเสียดาย
"น้องกวินทร์คะ สามโมงเย็นเตรียมตัวออกไปธุระกับคุณภูผาด้วยนะคะ เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดไปทางอีเมล์" จินลดาตะโกนบอกตอนร่างโปร่งเดินผ่านโต๊ะทำงานเธอ
"คร้าบบบ" กวินทร์รับคำ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบออกไปข้างนอก ไปได้ แต่ถ้าให้เลือกขอไม่ไปดีกว่า ซึ่งก็คงไม่ต่างจากพวกแฮกเกอร์คนอื่นๆ เท่าไหร่นัก
กวินทร์เปิดอ่านอีเมล์ที่จิลดาส่งมา เป็นการไปตรวจงานที่บริษัทลูก เลื่อนอ่านไปเรื่อยๆ มีวงเล็บแอบบอกด้วยว่า ปกติเจ้านายจะไปคนเดียว หรือไม่ก็ส่งพยัคฆ์ไปแทน อ่าว แล้วจะให้เขาไปด้วยทำไมเนี่ย?
******
รองประธานของบริษัทลูกพาภูผาดูความคืบหน้าและผลสรุปรายได้อันเป็นที่น่าพอใจ การดูงานครั้งนี้กวินทร์ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากคอยเดินตามภูผาเฉยๆ ตกลงเอาเขามาด้วยทำไมก็ไม่รู้ และไม่ถึงสามสิบนาที ทั้งคู่ก็กลับเข้ามาในรถเตรียมเดินทางกลับ โดยมีเจ้านายเป็นคนขับ กวินทร์ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ไว้ใจในฝีมือการขับรถของเขาหรือแค่อยากขับเอง
"เด็กๆ เป็นไงบ้าง?" ภูผาเปิดเรื่องคุย
"สบายดีครับ พอพูดได้หลายคำยิ่งพูดไม่หยุดปากเลย ตอนนี้เรียกปะป๊าได้ด้วยนะครับ" ปากชมพูคลี่ยิ้ม ร่างสูงหันมามองคนข้างกายเล็กน้อย และอดยิ้มตามไม่ได้
"คุณภูผาอยากดูไหม? ผมถ่ายคลิปลงในเฟสบุ๊คด้วย" พอเข้าเรื่องเจ้าแฝด คุณพ่อวัยหนุ่มเริ่มอยากอวดอยากคุยขึ้นมาทันที
"เอาสิ"
ได้ยินดังนั้น ร่างโผร่งก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเข้าไปในเฟสบุ๊คที่มีรูปและคลิปเจ้าแฝดเต็มไปหมด ส่วนมากกวินทร์จะโพสให้แค่เพื่อนในเฟสได้เห็น นานๆ ทีจะตั้งเป็นสาธารณะ จนเธียรวิชญ์ตั้งแฮชแท็กให้เขาว่า คนอวดลูก ส่วนณัชชาที่คอยตามกรี๊ดตามชมก็กลายเป็น คนอวยหลาน ไปแล้วเช่นกัน พอเห็นสัญญาณไฟแดง กวินทร์ก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายดู
เป็นคลิปที่เจ้าแฝดร้องเรียกปะป๊าให้กวินทร์ขานรับ
"ปะป๊า"
"ครับ"
"ปะป๊า"
"คร้าบบบบ"
"ปะป๊า คิกๆ" เป็นอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนภูผาต้องยิ้มให้กับความกวนโอ๊ยที่แสนน่ารักของร่างป้อมๆ สองร่าง
"ไม่กี่เดือน โตขึ้นเยอะเลยหนิ" ร่างสูงออกความเห็น
"ใช่ครับ ว่างๆ คุณก็มาเล่นกับเด็กๆ สิครับ ไม่ได้เจอคุณลุงหลายเดือนแล้ว" ร่างสูงยกยิ้มพอใจกับคำเชิญ ก่อนจะกระตุกกับคำพูดต่อมาของคนข้างกาย "เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ลุงหมอๆ"
"หมอธีรไนยเหรอ?" ภูผาขมวดคิ้วถาม
"ครับ แวะบ่อยจนเด็กๆ จำรถได้"
ภูผาขมวดคิ้ว ไหนมึงบอกแค่พี่น้องไงไอ้หมอ?! สงสัยเขาคงต้องรุกหนักกว่านี้แล้ว ไอ้น้องชายตัวดีก็ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
"วันนี้นายเอารถมาไหม?" ภูผาเอ่ยปากถาม
"เปล่าครับ"
"เดี๋ยวฉันไปส่งนายเลยแล้วกัน"
"คุณภูผาไม่มีงานต่อเหรอครับ?" กวินทร์ถาม
มีสิ เต็มโต๊ะเลย ร่างสูงคิดในใจ "ไม่มี วันนี้ฉันว่าง" โกหกคำโต
"งั้นคุณภูผาส่งผมแค่ที่ห้างแถวบริษัทก็ได้ เพราะผมต้องแวะซื้อของก่อนกลับ"
"ไม่เป็นไร แวะได้ งานฉันเสร็จหมดแล้ว" เสร็จจริง เสร็จไปตั้งห้าเปอร์เซ็นแหนะ!
"งั้นก็ ขอบคุณครับ ที่ไปส่ง" กวินทร์หวานยิ้มให้อีกฝ่าย
ต่อด้านล่างค่ะ