▂▃▄The Hacker : ก็เเค่คนธรรมดา...?▄▃▂14/3/18 ตอนที่ 20 อยากได้หลาน ต้องขอปู่
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▂▃▄The Hacker : ก็เเค่คนธรรมดา...?▄▃▂14/3/18 ตอนที่ 20 อยากได้หลาน ต้องขอปู่  (อ่าน 55835 ครั้ง)

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
กำลังสนุกเลยอ่ะ

ต่อๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ละมุนได้แปปเดียว โหดซะงั้น

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 16 พี่น้องหรอกเหรอ?     


     ฝึกงานวันเเรก กวินทร์เเต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำเเละเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา เเต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าเขาก็ยังดึงดูดสายตาหลายคู่อยู่ดี

     พอมาถึง พยัคฆ์ก็พากวินทร์มาที่ห้องกระจกเล็กๆ ที่อยู่ข้างห้องของภูผา ภายในมีโน๊ตบุ๊ควางอยู่เครื่องหนึ่งพร้อมใช้ จากนั้นพยัคฆ์ก็โยนหน้าที่สอนงานเขาให้กับเลขาที่ชื่อจินลดา สาวใหญ่วัยสามสิบปลาย ตัดผมบ๊อบเหมือนจินตหรา พูนลาภ เเละย้อมสีเเดงเข้ม ท่าทางทะมัดทะแมง

     กวินทร์เห็นว่าอีกฝ่ายพูดคุยด้วยง่าย คล่องเเคล่วเป็นการเป็นงาน น่าจะพึ่งพาได้ ไม่เสียหายอะไรถ้าจะทำตัวให้สนิทเข้าไว้

     ส่วนเลขาสาวใหญ่เองก็พึงพอใจกับเด็กหนุ่มไม่น้อย ถึงเจ้าตัวจะมีฐานะสูงส่งกว่ามาก เเต่กลับมีท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน เเละตั้งใจฟังเวลาเธอสอนงาน ตอนเเรกนึกว่าจะเป็นเด็กเส้นที่ไม่ได้เรื่องเสียอีก

     จินลดาพาเขามาเเนะนำกับพนักงานในเเผนกฝ่ายเลขานุการ บางคนมองเขาด้วยสายตาชื่นชมในรูปลักษณ์ภายนอก บางคนก็เหมือนจะดูถูกที่เขาเป็น"เด็กเส้น"ไร้ความสามารถ เเต่ส่วนมากก็ดูอัธยาศัยดี

     "เอาล่ะ ไปรอที่ห้องได้ค่ะ เดี๋ยวคุณพยัคฆ์จะมอบหมายหน้าที่ให้ ถ้ามีอะไรก็เรียกพี่ได้เลยนะคะ"

     "ขอบคุณครับพี่จิน" กวิทนร์ยกมือไหว้ คุยกับผู้ใหญ่ต้องมือไม้อ่อนเเละรู้จักกล่าวขอบคุณอย่าง เเต่อย่าพูดเยอะ เพราะมันจะดูเสเสร้ง

     "จ๊ะ"

     กวินทร์มองตามหลังหญิงสาว จินลดาไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง เเต่มีเคาน์เตอร์อยู่หน้าห้องภูผาเพื่อความสะดวกเวลามีเเขกมาพบ ถัดมาอีกนิดก็เป็นห้องเขา ร่างโปร่งเดินไปยังห้องทำงานตัวเอง เป็นเเค่เด็กฝึกงาน เเต่มีห้องเป็นของตัวเอง

     หึ ถ้าไม่โดนเขม่น นริศราก็คงกลายเป็นเลสเบี้ยน!

     เปิดโน๊ตบุ๊คที่ได้รับมา เห... spec ไม่เลว รุ่นนี้ราคาน่าจะสูงพอควร เเต่ก็สมเเล้วกับบริษัทใหญ่ระดับนี้ นอกจากนั้นก็มีพวกโปรเเกรม Microsoft Office กับ anti virus รุ่นที่คนนิยมใช้

     เเต่เพื่อความเเน่ใจ กวินทร์จึงหยิบแฟลชไดร์ฟประจำตัวมาเชื่อมต่อกับคอมฯ เเล้วปล่อยให้มันทำหน้าที่สเเกนว่ามีไวรัสหรือพวกโปรเเกรม spyware หรือไม่

     ใช้เวลาไม่นาน ก็ยืนยันได้ว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สะอาดทั้งฮาร์ดแวร์เเละซอฟต์แวร์ เเต่กันไว้ก็ดีกว่าต้องมาเเก้ทีหลัง

     ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ก่อนพยัคฆ์จะผลักประตูเข้ามาพร้อมเเฟ้มหลายอัน

     "คุณภูผาอยากให้คุณทำความเข้าใจกับบริษัทก่อน จะได้ร่วมงานกันง่าย ยังไงก็อ่านให้หมดด้วยนะ" พยัคฆ์วางเเฟ้มทั้งหมดลงบนโต๊ะ รวมกันเเล้วสูงจบเเทบจะปิดหน้าเขาได้

     "ครับ" มีทางเลือกด้วยเหรอ? ลองบอก ไม่ครับสิ มีปัญหาเเน่นอน

     ชายร่างหนาพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินออกไป ตาสีฟ้าจ้องมองกองเเฟ้มก่อนจะพ่นหายใจออกมา เอาล่ะ เริ่มเลยเเล้วกัน

     กวินทร์ไม่เชื่อในการทำงานหนัก เเต่การทำงานอย่างฉลาด ดังนั้นเขาจึงใช้แอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือมาเเปลงเอกสารที่ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษให้เป็นตัวหนังสือในคอมฯเเล้วใช้โปรเเกรมอ่านออกเสียงให้ฟัง สเเกนเอกสารไป ฟังไป ไม่นานก็สเเกนจนหมด หลังจากนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้ หลับตา หมุนเก้าอี้ซ้ายทีขวาที อ่าาา... ผ่อนคลายจริงๆ เล้ย


     "เสือ ฉันจะออกไปเจอคุณทรงภพ เตรียมเอกสารไว้เเล้วใช่ไหม?" ภูผาเอ่ยถามลูกน้อง เเละเตรียมตัวลุกจากโต๊ะ

     "เรียบร้อยครับ"

     "ดี งั้นออกไปตอนนี้เลย"

     ร่างสูงใหญ่เดินผ่านห้องทำงานกระจกของคนบางคน เเละอดที่จะชายตามองไม่ได้ ป่านนี้คงก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารข้อมูลที่เขาสั่งล่ะมั้ง ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการก็ต้องมีความรู้รอบด้าน ไม่มากก็น้อย

     เเต่ผิดคาด... นอกจากจะไม่อ่านเเล้ว กวินทร์ยังหันหลังให้ประตูเเล้วนั่นหมุนเก้าอี้เล่นโดยที่ไมสนใจกองเเฟ้มบนโต๊ะสักนิด! ชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่าจะไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้

     "ไปเตรียมรถ เดี๋ยวฉันตามไป" สั่งลูกน้อง เเต่คงยังจับจ้องไปยังกลุ่มผมบลอนด์ที่โผล่บนเก้าอี้

     "ครับ" เสือรับคำ เเล้วมองตามสายตาเจ้านาย คิดอะไรของนายเนี่ยกวินทร์?! คุณภูผาไม่ใช่คนใจร้าย เเต่เป็นคนเด็ดขาด ถึงจะเป็นหลานเจ้าสัว เเต่พยัคฆ์เชื่อว่าบอสไม่มีทางละเว้น 

     ภูผาถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง กะจะตักเตือนเเรงๆ ให้คนอู้งานสลด เเต่กลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงอ่านเอกสารดังอย่างต่อเนื่อง นี่สินะ พนักงานประเภทฉลาดเเต่ขี้เกียจ มักจะหาทางออกง่ายๆ มากำจัดงานที่ยุ่งยากน่าเบื่อ

     ก๊อกๆ ร่างสูงเคาะกระจกให้อีกฝ่ายหันมา

     "เอ้า คุณภูผา สวัสดีครับ" กวินทร์ยกมือไหว้ เเล้วกดพักเสียงอ่านให้หยุดทำงานชั่วคราว

     "ฉัน..." ภูผากระเเอมก่อนจะพูดต่อ "เเค่เเวะมาดู"

     "ครับ ผมเหลืออีกเเค่เเฟ้มเดียวก็จะอ่านหมดเเล้ว น่าจะเสร็จก่อนพักเที่ยง" กวินทร์รายงาน

     "หลังพักเที่ยงฉันจะสั่งให้คุณจินลดาสอนเรื่องชงกาเเฟเเล้วกัน"

     "ครับ" กวินทร์รับคำเเละมองคนตรงหน้ายิ้มๆ เหมือนรู้ทัน ภูผาคิ้วกระตุกกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย ก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังของกวินทร์ ก็พบกระจกที่กำลังสะท้อนเงาเขาอย่างเด่นชัด เเต่ร่างก็สูงยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเเละไม่เเสดงอารมณ์ใดๆ ไว้ได้

     "อืม" พยักหน้าให้กวินทร์เเล้วหมุนตัวเดินออกไป

     ทำเป็นเนียนนะครับเจ้านาย เขาเห็นตั้งเเต่ปั้นหน้าทะมึนเเล้วเดินดุ่มๆ มาทางนี้เเล้ว ไหนจะตอนร่างสูงชะงักกึกเพราะรู้ตัวว่ากวินทร์ไม่ได้เเอบอู้ ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นคุณยุง ของเจ้าเเฝดนะ พ่อจะโพสลงเฟสเเล้วเเท็คเเพรพิไลด้วยเลย ฮึ่มมม


******


     กวินทร์มาฝึกงานจนครบหนึ่งอาทิตย์เเล้ว งานที่ทำก็ไม่มีอะไรมาก คอยอ่านเอกสารศึกษางานนิดๆ หน่อย ชงเครื่องดื่มให้ภูผาเเละเเขกที่เข้ามาพบ บางครั้งก็เเปลเอกสารเเล้วส่งต่อ กวินทร์เเทบไม่ได้พบพนักงานคนอื่นๆ เลย นอกจากเลขาของพวกผู้อำนวยการเเต่ละเเผนกที่คอยเอาเอกสารสำคัญๆ มาฝากให้ท่านรองประธาน

     "น้องกวินทร์ ช่วยเอากาเเฟไปเสิร์ฟให้คุณภูผาสามที่ด้วยค่ะ" จินลดาต่อสายเข้าหาร่างโปร่ง

     "ได้ครับ"

     กวินทร์ยกถาดกาเเฟเข้าไปในห้องทำงานของภูผา ดูเหมือนเจ้านายเขากำลังนั่งคุยอยู่กับหมอธีรไนยเเละเพื่อนอีกคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า

     "กาเเฟครับ"

     "เอ้า น้องกวินทร์?! ทำไมมาเป็นเด็กเสิร์ฟให้ไอ้ภู?" ธีรไนยถามขึ้นอย่างเเปลกใจ
 
     "สวัสดีครับคุณหมอ" กวินทร์ยกมือไหว้คุณหมอเเละชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะหันไปตอบคำถามเมื่อครู่ "มาฝึกงานครับ"

     "กวินทร์" ไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อ เจ้านายก็ทักขึ้นเสียก่อน "นี่ธนวัตน์  เจ้าของร้าน Coffee Room"

     กวินทร์ถึงกับบางอ้อ

     "เรียกพี่กันก็ได้ครับ ไอ้ภูเอาไอเดียน้องกวินทร์มาเสนอให้ฟัง ถ้าได้ผลพี่จะให้ทานฟรีตลอดชีวิตเลย ฮ่าๆๆ"

     "ผมเเค่พูดเล่นๆ" กวินทร์ตอบเเหยๆ ก่อนจะลอบมองเจ้านาย ไม่เห็นต้องเล่าหมดไส้หมดเปลือกขนาดนั้นเลย!

     "น้องกวินทร์มานั่งนี่มา" หมอธีรไนยดึงเเขนร่างโปร่งมานั่งข้างๆ ตน

     "เเหมไอ้หมอ ที่มีเยอะเเยะ มึงจะให้น้องเขาไปนั่งเบียดมึงทำไมวะ?" ธนกันต์ถามอย่างรู้ทัน

     หมอหนุ่มไม่ตอบ เเต่โอบไหล่คนข้างกายเเล้วเนียนชูนิ้วกลางให้เพื่อน

     "จะสี่สิบเเล้วนะหมอ" เล่นอะไรเป็นเด็กๆ

     "ฮ่าๆๆ จุกไหมล่ะไอ้หมอ โดนรุ่นน้องสอน" รุ่นน้องเหรอ? ตอนเขามีเเฟนคนเเรกน่ะ พวกคุณสามคนยังใส่เเพมเพิสกันอยู่เลยนะครับ ... ถึงจะเป็นป๊อปปี้เลิฟตอนอยู่ประถมก็เถอะ!

     "กลับมาเรื่องร้านกาเเฟ ตั้งเเต่ไอ้ร้านคู่เเข่งโดนจับ ลูกค้ากูก็เพิ่มขึ้นเยอะเลย เเต่ยังมีคนบ่นๆ เรื่องราคาอยู่ น้องกวินทร์พูดถูก สงสัยพี่ต้องเพิ่มเมนูราคาไม่สูงเข้ามา"

     "นั่นสิ" ภูผาพูด เเต่สายตาคมจับจ้องมาที่ร่างโปร่งอย่างไม่ปิดบัง กวินทร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เเหม ถ้าเขาเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่คงตายไปนานเเล้ว ...เอ๊ะ เเต่เขาตายเเล้วไม่ใช่เหรอวะ? เอาเถอะ การที่ภูผาสงสัยเขานั่นก็ไม่เเปลก เเละกวินทร์เองก็ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่เเล้ว อีกอย่าง ป่านนี้คุณธาราคงสืบจนรู้เเล้วว่าสาวิทย์เป็นใคร

     กวินทร์เเละสาวิทย์เป็นเเฮกเกอร์ เเล้วเเปลกตรงไหนถ้าจะผูกมิตรกันทางคอมฯ?

     "ข่าวอะไรวะ?" หมอหนุ่มถาม 

     "โถ่ไอ้หมอ ออกนอกโรงพยาบาลบ้างนะมึง ก็ไอ้ร้านคู่เเข่งกูไง ค้าประเวนีเด็กเล็กๆ เเม่งโคตรเลว"

     "เหรอวะ?"

     "เออดิ!"

     ขณะที่เพื่อนทั้งสองกำลังคุยกัน ภูผากลับคอยจับตามามองกวินทร์เป็นพักๆ เมื่อเห็นว่ากวินทร์ไม่มีพิรุธอะไรให้จับผิด ร่างสูงจึงหันไปร่วมวงสนทนากับเพื่อนเเทน โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตว่ามุมปากอิ่มของลูกน้องตนยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

     "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" กวินทร์กล่าว ก่อนจะลุกออกจากวงเเขนของหมอหนุ่ม ที่เเสดงท่าทีเสียดายอย่างไม่เห็นได้ชัด ไม่เจอกันเป็นเดือน ร่างกายที่ผ่ายผอมตอนนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะ ร่างโปร่งใส่เสื้อเซิ้ตเเล้วยัดชายเสื้อเข้ากางเกงที่พอดีตัว อวดปั้นท้ายกลมกลึงเเถมงอนจนน่ากัดเล่น

     "ชอบเหรอ?" ภูผาถามเสียงเรียบหลังประตูปิดลง รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสายตาเพื่อนอย่างไม่มีเหตุผล

     "อือ กลมดี"

     .... เงียบ

     "ห๊ะ? เฮ้ย! เอ่อ... ก็น่ารักดี เออ น่ารักๆ" หมอธีรไนยเเก้ตัวอย่างละล่ำละลัก

     "ฮ่าๆๆๆ ไอ้หมอบ้ามกาม เเต่คนนี้มึงจะเล่นๆ ไม่ได้นะเว้ย หลานเจ้าสัวเชียวนะมึง" ธนวัตน์ขู่

     "ก็... ชอบไหม? ไม่เเน่ใจว่ะ ตอนนี้เเค่รู้สึกถูกใจ"

     หลังจากนั้นสามหนุ่มก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ก่อนจะเเยกย้ายกันกลับ


******


     กวินทร์กำลังเดินออกจากลิฟท์หลังเลิกงาน ร่างโปร่งก้มหน้าสาละวนอยู่กับการหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ วันเขานี้ตื่นสายเลยไม่ได้ขับรถมาเอง เเถมลืมโทรบอกที่บ้านให้มารับ คงได้รอกันยาวเเน่ทีนี้ 

     "น้องกวินทร์!" 

     กวินทร์หันไปตามเสียงเรียก เเละเจอกับหมอหนุ่มที่กำลังเดินมาทางเขา

     "ครับ?"

     "กำลังกลับบ้านเหรอ?"

     กวินทร์พยักหน้าตอบ เเละยังคงวุ่นอยู่กับการหาโทรศัพท์มือถือ ข้อเสียของการมักง่าย มีอะไรก็ยัดๆ ลงไป ทั้งๆ ที่ช่องใส่ก็มีอยู่เเท้ๆ!

     "ไปทานข้าวกับพี่ไหม?"

     กวินทร์คิดหนัก อยากกลับไปหาเจ้าเเฝด เเต่ท้องเขาเองก็เริ่มส่งเสียงประท้วงตั้งเเต่ตอนบ่ายเเล้ว ถ้ารอลุงโชคคงนานเป็นชั่วโมง ช่วงคนเลิกงานรถยิ่งติด 

     "หมอจะเลี้ยงเหรอ?" เป็นหลานเจ้าสัวเเต่งกได้ใจจริงๆ

     "ครับๆ เลี้ยงทั้งชีวิตยังไหว" หมอธีรไนยตอบพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่ม

     "ก็ได้ครับ ผมอยากทานอาหารไทยนะ หมอล่ะ?"

     "ดีเลยครับ พี่มีร้านประจำ"

     กวินทร์โทรบอกที่บ้านเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ก่อนจะจัดของในกระเป๋าให้เป็นระเบียบ เพราะมัวเเต่ดูกระเป๋าไม่ดูทาง ทำให้ร่างโปร่งสะดุดเข้ากับที่กั้นอย่างจัง ถ้าเป็นในละคร พระเอกก็คงดึงร่างนางเอกเข้าไว้ในก้อมกอด หรือไม่ก็ล้มทับเเล้วปากเเตะปากกัน

     เเต่... นี่ไม่ใช่ละคร เเละหมอที่เพิ่งได้หยุดหลังอยู่เวรหลายวัน จนตอนนี้ก็ยังเบลอๆ มีหรือจะคว้าเเขนร่างโปร่งได้ทัน นายเอกอย่างกวินทร์จึงต้องล้มอย่างไม่เป็นท่า

     "โอ๊ย เชี้ย" น่าอายชะมัด ดีนะไม่มีคน!

     เจ็บตัวยังไม่พอ ของในกระเป๋ายังมาหล่นระเนระนาดอีก กวินทร์หันขวับไปมองหน้าคุณหมอที่ยังยืนค้างในท่าคว้าอากาศ ร่างโปร่งส่งสายตาให้เขียวปั๊ด ยังอีก! ยังไม่มาช่วยเขาอีก!

     "หมอ!" พอโดนตวาดคุณหมอก็เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เเล้วรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยเก็บของบนพื้นอย่างทันที กวินทร์ลุกขึ้น ปัดฝุ่นจากมือ เหล่ตามองอีกคน อย่าคิดนะว่าเขาไม่เห็นหมอธีรไนยเเอบกลั้นหัวเราะจนหน้าเเดง เดี๋ยวเถอะไอ้คุณหมอ


     กวินทร์เเละหมอธีรไนยมาหยุดอยู่ที่รถเก๋ง Tesla Model S สีเทา เป็นรุ่นที่ดูหรูเเต่เรียบง่ายสมกับเจ้าของโรงพยาบาล ราคาอาจไม่ถึงสิบล้าน ซึ้งถือว่าถูกมากในวงการไฮซ้อไฮโซ เเต่พอมาอยู่กับหมอหนุ่ม มันกลับดูเเพงขึ้นหลายเท่าตัว

     หมอธีรไนยพากวินทร์มาร้านอาหารที่ตกเเต่งอย่างไทยๆ ภายในร้านมีโต๊ะติดกระจกให้ชมวิวท้องถนนเเละโต๊ะเเบบส่วนตัวด้านใน ทั้งคู่เลือกที่จะนั่งติดกระจกเเละสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง เเล้วนั่งทานเงียบๆ เพราะหิวโซกันทั้งคู่ ทานอาหารพร่องไปจนเหลือครึ่งเดียว กวินทร์ก็เริ่มบทสนทนา

     "หมอชอบผมเหรอ?" ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

     "เเค่กๆ ไรนะครับ?" เอาซะอีกคนตั้งตัวไม่ทันเเละสำลักข้าวจนไอหน้าดำหน้าเเดง

     "ก็หมอกำลังจีบผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?" ยังคงถามด้วยเนื้อเสียงที่เหมือนกำลังชวนคุยเรื่องท้องฟ้าอากาศ

     "อ่าาา... ครับ กำลังจีบ" ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังโดนสอบปากคำยังไงยังงั้น

     กวินทร์ยิ้ม เขาดูออกหรอกน่า ว่าหมอธีรไนยเเค่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของตน

     "พูดตรงๆ นะครับ หมอไม่ใช่สเปคผมเลย"

     "ไม่ลองไม่รู้นาาา..."

     "หมอครับ อายุอานามก็ปูนนี้เเล้ว หมอไม่มีเวลามาลองผิดลองถูกเเล้วนาาา..." กวิทร์พูดทีเล่นทีจริง

     "เเละอีกอย่างนะ นิสัยผมกับหมอมันไม่ค่อยเหมาะที่จะเป็นคู่รักเท่าไหร่หรอก เซ้นส์มันบอก"   

     "โถ่ พี่ไม่ได้เเก่ขนาดน้านนน" คุณหมอค้าน ลึกๆ เเล้วเขาเองก็รู้สึกเห็นด้วยกับอีกฝ่ายเหมือนกัน กวินทร์เป็นเหมือนรุ่นน้องที่มีเอาไว้จีบเเละเเซวเล่นพอหอมปากหอมคอ ยกขึ้นหิ้งเเต่เอาลงมากินไม่ได้

     "เฮ้อ... เเต่ก็จริงอย่างที่น้องกวินทร์พูดนะครับ งั้นเราคบกันเเบบพี่น้องเเล้วกันเนอะ" เเหนะ บอกคบกันเเบบพี่น้องเเต่สายตาพราวระยับเชียว

     "ไม่ใช่พี่น้องท้องชนกันนะหมอ" กวินทร์ดักทาง

     "จิ๊ เกลียดจริงคนรู้ทัน ไหนๆ น้องกวินทร์ก็หักอกพี่เเล้ว กุ้งตัวสุดท้ายพี่ขอเเล้วกัน" ไม่รอคำอนุญาต คุณหมอรีบปักส้อมลงบนตัวกุ้งทันที

     "เฮ้ย ไม่ได้หมอ! ผมเล็งไว้เเล้ว" กวินทร์เองก็เร็วใช้ได้ มือขาวเสียบส้อมดักไว้ตรงหัวกุ้ง ไม่ให้อีกฝ่ายยกขึ้นจากจาน

     "พี่เเก่กว่า เด็กต้องยอมผู้ใหญ่สิครับ" พูดจบก็ลากกุ้งไปทางตัวเอง

     เเก่กว่าบ้านป้าคุณสิไอ้หมอ กูเนี่ยสี่สิบเเล้วนะ!

     "ไหนว่าชอบกันไงหมอ?!" กวินทร์ลากกุ้งกลับมาฝั่งตน

     เถียงกันไปเถียงกันมา จนสุดท้ายหมอธีรไนยก็ยอมเเพ้ เเละทำหน้างอนเขาอย่างกับเจ้าเเฝด

     "โอ๋ๆ งอนเป็นเด็กเป็นเล็ก อะป้อน" กวินทร์เเกะเนื้อปลาทับทิบสามรสป้อนคุณหมอสุดหล่อ


     รถเก๋งกันกระสุนสีดำที่ดูธรรมดาๆ เคลื่อนมาติดไฟเเดงตรงข้ามร้านอาหารพอดี สายตาคมของคนในรถกำลังมองมายังสองพี่น้องหมาดๆ ที่กำลังหลอกล้อกัน เเต่ในสายตาคนนอกมองอย่างไรก็ไม่ต่างจากคู่รักหวานชื่น

     มือเเกร่งเผลอกำกระดาษจนเริ่มยับก่อนจะคลายออกเมื่อรู้สึกตัว ทำไมถึงไม่พอใจ? นั่นคงเพราะ... กวินทร์เป็นหลานของคนที่เขาเคารพ? ภูผาหันไปมองทั้งคู่อีกครั้งก่อนรถจะเคลื่อนหนีเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนสี

     นึกว่าจะเป็นคนที่ฉลาดมีไหวพริบ เเต่สุดท้ายก็ไม่ต่างจากพวกเด็กคนเก่าๆ ของหมอธีรไนย น่าผิดหวังจริงๆ


******


     ภูผาจ้องมองร่างโปร่งที่กำลังจัดเอกสารให้เขา มือขาวผ่องกระทบเเสงอาทิตย์ทำให้มองเพลินตา จนฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อวาน

     "นายกับหมอธีรไนยคบกันเเล้วเหรอ?" ภูผาเอ่ยปากถาม

     กวินทร์เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เขา เเต่ตวงตาคมกลับกำลังจดจ้องอยู่ที่จอคอมฯ

     "ก็... ตกลงคบกันเมื่อวานครับ" คบเเบบพี่น้องนะ กวินทร์พูดต่อในใจ

     "งั้นเหรอ"

     ถึงจะรู้คำตอบอยู่เเล้ว เเต่ภูผายังคงสะบัดความรู้สึกไม่ชอบใจออกไปไม่ได้ น่าจะเพราะกวินทร์เป็นหลานเจ้าสัว คนที่เขานับถือ ใช่ น่าจะเป็นเช่นนั้น...

     เสียงโทรศัพท์มือถือภูผาดึงขึ้นขัด ร่างสูงเลยโบกมือให้อีกฝ่ายออกไปได้ มองดูชื่อคนโทรเข้า ตายยากจริงๆ พอพูดถึงก็โทรมา

     "ไง"

     "เออ โทรมาเรื่องผลการตรวจร่างกายมึงนั่นเเหละ รู้หรอกว่านัดคงไม่มีเวลามา"

     "อืม ว่าไง?"

     "ปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เเดกน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้พอ ไม่ใช่ทำเเต่งาน"

     "เออๆ ขอบใจมาก"

     "เเค่นี้เเหละ"

     "เดี๋ยวไอ้หมอ กูมีเรื่องถาม"

     "เรื่องไรวะ?"

     "มึง... คบกับลูกน้องกูเเล้วเหรอ?"

     "หือ? ลูกน้องคนไหนวะ?" หมอหนุ่มงง

     "กวินทร์ไง หรือมึงเเอบจีบไอ้เสือด้วย?"

     หมอธีรไนยเเทบหงายหลังตกเก้าอี้ ไอ้ห่า จีบพยัคฆ์เนี่ยนะ? พูดมาได้

     "คบห่าไรล่ะ กูยังไม่ได้เริ่มจีบก็โดนหักอกล่ะ บอกคบกันเป็นพี่น้อง อ่าว เฮ้ย กูโดนตามตัว เเค่นี้ก่อนนะ" ว่าเเล้วก็วางสายทันที

     คบกันเเบบพี่น้อง? สรุปคือเขาคำถามเขามันกว้างไปสินะ! เเต่ภูผากลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะกดโทรออก "ฉันขอกาเเฟเเก้วหนึ่ง" ทั้งที่เเก้วเดิมยังอุ่นๆ เเละดื่มไปไม่ถึงครึ่งเลย

     ไม่นานกวินทร์ก็เข้ามาพร้อมกาเเฟดำเเก้วใหม่ ก่อนจะหันกลับ โดยมีสายตาคมมองตามเเผ่นหลังเจ้าตัว เเล้วค่อยๆ เลื่อนสายตาลงมาที่เอวขอด เลื่อนลงมาเรื่อยๆ เเละคำพูดไอ้หมอก็เเล่นเข้ามาในหู

     "อืม ก็กลมจริงๆ" พอรู้ตัวก็หลุดปากออกไปเเล้ว...

     "ห๊ะ? อะไรนะครับ?" กวินทร์หันกลับมาถาม

     ".... กาเเฟกลมกล่อมดี" สงสัยอยู่กับไอ้หมอเเละไอ้เเจ๊คเยอะไปหน่อย รู้สึกว่าพักนี้โกหกได้ลื่นไหลเสียจริงๆ ภูผายกถ้วยเเตะปากจิบกาเเฟกลบเกลื่อนว่าเพิ่งพูดปด

     เหี้ย ร้อน! เเต่ต้องเก็บอาการ

     กวินทร์ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ เขาสาบานได้เลยว่าเมื่อกี้ร่างสูงไม่ได้พูดเเบบนั้น ว่าเเต่....กาเเฟดำมันมีอะไรให้กลมกล่อมวะ??

     พอประตูปิดลงภูผาเเทบจะทะยานไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาดื่มเพื่อกลบความร้อน ถ้าไอ้เสือมาเห็นคงหัวเราะเขาเเปดชาติ






ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเด้อออ
 :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2018 05:46:35 โดย Civillian »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ~@GusbellS@~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ใส่เลขตอนผิดหรือเปล่าครับ

ออฟไลน์ absolutepoison

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกค่ะ อ่านแล้วตื่นเต้นดี คุณภูผาจะไม่ยอมให้น้องฝึกอย่างอื่นนอกจากชงกาแฟหน่อยเหรอคะ  อดโชว์ความสามารถเลย อิอิ ชอบเรื่องที่นายเอกเป็นแฮกเกอร์อ่านแล้วนึกถึงตอนเรียนดีค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ใส่เลขตอนผิดหรือเปล่าครับ

ใช่ค่ะ ไม่คุ้นกับเล้าเป็ด เกิดอาการงงเล็กน้อย
 :hao5:

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ฟังจนจบ มีแต่ สระเอ สระเอ  :ling1:

ตัวเองจะไม่แก้จริงเหรอ เริ่มตอนที่24ก็ได้

เค้าจะรอนะ สระเอ สระเอ

กูเกลียจสระเอ :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ได้ปากเจ่อสักทีนะคะบอส...เจ่อเพราะกาแฟลวกปากอ่ะนะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อะไรจะละเมอพูดอย่างนั้นนะบอสส ดีที่กาแฟช่วยชีวิตไว้ ช่วยได้มาก แถมลวกปากอีกต่างหาก
 :laugh:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เพราะมัวแต่มองบั้นท้ายน้อง กาแฟลวกปากเลยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ตอนนี้ภูผาอย่างฮาอ่ะ 5555 แหนะมีหึงซะด้วย

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขออีกตอนสิ สนุกอ่ะะะะะะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภูผา ชอบกวินทร์ ก็บอกไปเลย อย่ารีรอ
ภูผา กวินทร์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จับคนขี้เก๊กได้ 1 อัตรา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 177266

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบความชัดเจนของกวินทร์มากกกก เขียนสนุกมากค่ะถ้าจำไม่ผิดคนแต่งไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กแต่ใช้ภาษาได้ดีมากเลยนะคะ โดยเฉพาะพวกอาหารไทยเนี้ยละเอียดจนหิวเลยค่ะ 555 o13

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมขำภูผา คนอะไรขี้เก๊ก กาแฟดำรสชาติกลมกล่อมมากเพราะกวินท์ชงให้ไงล่ะ!!  :katai3:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ seii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ KAZUMA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบเรื่องนี้ คนแต่งมาต่อไวๆนะคะ รออยู่ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1: :กอด1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 17 หมาหยอกไก่


     กวินทร์รวบรวมกระดาษใส่แฟ้มหลังถ่ายเอกสารเสร็จ พอเดินออกมาก็สวนกับพนักงานฝ่ายเลขานุการ สองหญิงและชายไม่แท้อีกหนึ่ง ทั้งสามจ้องมองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น กวินทร์ไม่ใส่ใจ และก้าวเท้าจะกลับห้องทำงาน แต่นึกขึ้นได้ว่าลืมแก้วกาแฟที่ตนถือเข้าไปด้วย จึงหมุนตัวกลับ แต่ได้ยินเสียงข้างในพูดชื่อตัวเอง ร่างโปร่งเลยหลบและแอบฟัง

     "นี่เหรอแก เด็กเส้นที่คนพูดกัน? ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งโคตรหล่ออ่ะ" สาวเทียมในกลุ่มพูดขึ้นเพราะคิดว่ากวินทร์เดินออกไปแล้ว

     "หล่อแค่หน้าย่ะ แต่โง่มากจนต้องเอามาฝากงาน"

     "เหรอ เม้าท์ค่ะเม้าท์?"

     "แหม เขาลือกันทั่วบริษัท เห็นว่าเป็นถึงหลานเจ้าสัวธารา สงสัยบริษัทครอบครัวรับไม่ไหว เลยต้องโยนมาให้ทางนี้"

     ทั้งสามหัวเราะคิกคักโดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังพูดถึงนั่นยืนฟังอยู่ไม่ไกล

     จริงๆ แล้วกวินทร์ก็ไม่ได้สนใจคำนินทาหรอกนะ ก็แค่พวกขี้อิจฉาที่เอาจุดอ่อนของคนอื่นมาเหยียบเพื่อให้ตัวเองดูสูง หมายังเห่าซึ่งๆ หน้า แต่พวกแอบนินทาแบบนี่น่าจะเรียกอึ่งอ่างเสียมากกว่า 

     "อะแฮ่ม" กวินทร์กระแอมให้ทั้งสามคนรู้ตัว

     "ขอทางหน่อยครับ ผมลืมแก้วกาแฟไว้" ปากอิ่มยิ้มให้เล็กน้อย แสร้งทำเหมือนไม่ได้ยินคำนินทาสบประมาทเมื่อครู่ เขาไม่ค่อยอยากจะต่อความยาวสาวความยืด จะนินทาลับหลังก็ทำไป แต่อย่ามาหาเรื่องเขาต่อหน้าก็แล้วกัน

     กวินทร์เดินกลับห้องทำงาน แต่สายตาเหลือบไปเห็นแผ่นหลังคุ้นตาเดินอยู่ไวๆ

     "เมต!" กวินทร์ตะโกนเรียกเธียรวิชญ์

     "อ่าว ไงกวินทร์" เธียรวิชญ์กล่าทักทาย และดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยที่เจอหน้ากวินทร์ เพราะทั้งคู่เริ่มฝึกงานมาเป็นเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะเห็นหน้ากันวันนี้ แถมกวินทร์เองก็ไม่อัพเดทอะไรลงโซเชียลมีเดียเท่าไหร่ เลยดูเหมือนหายหน้าหายตาไปนาน

     "ทำไมกูไม่ค่อยเห็นมึงที่แคนทีนเลยวะ?" เธียรวิชญ์เอ่ยปากถาม

     "อาหารไม่อร่อย เลยหิ้วมาเอง ขี้เกียจฟังคนนินทาด้วย" กวินทร์ยักไหล่ไม่ใส่ใจ

     "งั้นวันนี้ลงไปนั่งกับพวกกูดิ ไม่ปากมากเหมือนแผนกอื่นหรอก"

     "เออ โอเคๆ งั้นเจอกัน เดี๋ยวโทรหา"

     ตกลงนัดหมายกันเสร็จสรรพทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ


******


     ถึงเวลาพักเที่ยง หนุ่มผมบลอนด์ก็หิ้วปิ่นโตเดินฉับๆ ไปเข้าลิฟท์พร้อมพนักงานคนอื่นๆ ที่ต่างมองเขาอย่างสนเท่ห์ พนักงานหิ้วปิ่นโตเป็นภาพที่ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยมีให้เห็น แต่นี่เป็นหนุ่มหล่อชาวตะวันตก ยิ่งไม่เคยพบเจอ

     "เฮ้ยกวินทร์ ทางนี้ๆ"

     กวินทร์หันไปตามเสียงเธียรวิชญ์ที่กำลังยืนกวักมือเรียกเขา

     "นี่กวินทร์ เพื่อนผมเอง เรียนที่มหาลัยฯเดียวกัน" เธียรวิชญ์แนะนำเพื่อนกับชายหนุ่มห้าคนบนโต๊ะ แต่ละคนก็น่าจะอายุยี่สิบกลางๆ ไปจนถึงสี่สิบต้นๆ

     สามคนเป็นหนุ่มเนิร์ดสวมแว่น แต่งตัวเนี้ยบ อีกคนดูธรรมดาที่สุดแล้วในกลุ่ม ส่วนคนสุดท้ายไว้ทั้งหนวดและยังมีลายสักที่แขน ถ้าเป็นบริษัทอื่นของคนไทยคงไม่รับเข้าทำงานด้วยซ้ำ กวินทร์ยกมือไหว้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เธียรวิชญ์

     "น้องกวินทร์ฝึกงานอยู่แผนกไหนครับ?" หนึ่งในนั้นถาม

     "ฝ่ายเลขาครับ"

     "อ่าว ไม่มาอยู่ไอทีกับไอ้เมตล่ะ?"

     "อ๋อ ผมเรียนอักษรครับ"

     ถามไถ่กันซักพักชาวไอทีก็หันไปปรึกษากันเรื่องงานที่กำลังค้างอยู่ ปล่อยให้เด็กฝึกงานคุยกันตามลำพัง

     "ฝึกงานเป็นไงบ้าง?" กวินทร์เอ่ยถาม พร้อมเริ่มเปิดปิ่นโต วันนี้เขาเอาอาหารที่เหลือจากช่วงเย็นของเมื่อวานมา มีทั้งผัดเผ็ดปลาดุก แกงเขียวหวานหมึกยัดไส้ และไข่เจียวกุ้งฝอย ที่เอามาเยอะเพราะเขามักจะทานข้าวพร้อมจินลดาและคนในแผนกอีกสองสามคน บางวันพยัคฆ์ก็จะถือจานข้าวเดินมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง แย่งตักกับข้าวที่ชอบแล้วหลบหนีเข้าห้องทำงานตัวเอง กวินทร์ล่ะไม่รู้จะขำหรือโมโหดี เดี๋ยวเถอะ วันหลังเขาจะแอบปรุงรสให้เค็มปี๋ ชนิดที่กินคำเดียวแล้วโรคไตถามหาเลย คอยดู!

     "ยุ่งว่ะ พักนี้เซิร์ฟเวอร์บริษัทเหมือนจะมีปัญหา พวกงานเล็กๆ น้อยๆ เลยตกมาอยู่ที่กู" เธียรวิชญ์ทำหน้าเซ็งพร้อมตักข้าวเข้าปาก มีแอบเหล่มองปิ่นโตของร่างโปร่งเป็นพักๆ 

     "มึงล่ะ?"

     "ชิวๆ ชงกาแฟ แปลเอกสาร เดินเอกสาร ไม่มีไรมาก" กวินทร์ตอบอย่างสบายๆ
ตอนนี้กลิ่นอาหารของเขากำลังส่งกลิ่นยั่วน้ำลายยิ่งนัก อาหารพวกนี้เขาเพิ่งเอาไปอุ่นในไมโครเวฟมา ทำเอาน้ำลายสอกันทั้งโต๊ะ

     "ทานด้วยกันก็ได้นะครับ ผมคนเดียวคงไม่หมดแน่ๆ"

     "งั้นกูไม่เกรงใจล่ะนะ" เธียรวิชญ์พูดจบก็ลงมือทันที

     "มึงเคยเกรงใจกูด้วยเหรอ?" กวินทร์แบะปากใส่เพื่อน ก่อนจะหันไปเชื้อเชิญคนอื่นๆ

     "เชิญครับ เชิญๆ"

     ตักคนละนิดคนละหน่อย ไม่นานอาหารก็หมด พอได้ชิมของอร่อยๆ การพูดคุยก็เริ่มลื่นไหลมากขึ้น ถึงจะอยู่แผนกไอที แต่ก็พอได้ยินเรื่องซุบซิบของเด็กเส้นหลานเจ้าสัวธาราอยู่บ้าง ไม่นึกว่าจะเป็นกันเองขนาดนี้

     "ว่าแต่ มึงคิดยังไงมาฝึกงานที่นี้วะกวินทร์?" เธียรวิชญ์ถาม

     "ไม่ได้คิด ปู่เอามาฝาก" ร่างโปร่งยักไหล่ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ซักต่อ

     พูดคุยกันซักพักก็เริ่มรู้สึกสนิทกันมากขึ้น จนตอนแยกย้ายกันไปทำงานยังชวนเขาถ้าวันไหนๆ ว่างให้มาดื่มด้วยกัน แหม ช่างชวนถูกคนเสียจริงๆ เขายิ่งคอทองแดงด้วย


******


     หลังพักเที่ยงกวินทร์ก็นั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องทำงาน เพราะไม่มีงานให้ทำ แต่นั่งหายใจทิ้งได้ไม่นาน พยัคฆ์ก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มสีดำในมือ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ

     "เนื้อหาการประชุม อ่านซะ อีกสองชั่วโมงจะมีประชุม นายต้องเข้าไปกับบอสด้วย"

     "อ่า ครับ" กวินทร์เปิดแฟ้มดู หนาพอควร

     "ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามคุณจินนะ" พยัคฆ์สั่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     เนื้อหาในแฟ้มเกี่ยวกับการลุงทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทและผลกำไรที่ได้ในปีนี้ เอาจริงๆ ก็ใช้เวลาอ่านไม่นาน ที่แฟ้มหนาก็เพราะพวกมีกราฟและสถิติต่างๆ เสียมากกว่า


     กวินทร์เดินเข้าห้องประชุมตามหลังเจ้านาย "ในการประชุมครั้งนี้ ฉันต้องการให้นายเป็นคนจดบันทึกเนื้อหา" ภูผากล่าวขึ้น

     "เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษครับ?"

     "แล้วแต่นาย"

     กวินทร์พยักหน้าเข้าใจ แล้วตระเตรียมโน๊ตบุ๊คให้พร้อม ไม่นานผู้จัดการของแต่ละฝ่ายก็ทยอยกันเข้ามา และทุกคนก็จะมีเลขาเข้ามาด้วยหนึ่งคน

     พอการประชุมเริ่มขึ้น กวินทร์เลือกที่จะจดบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ เพราะสามารถพิมพ์ได้เร็วกกว่าภาษาไทย

     ในขณะที่เลขาคนอื่นๆ กำลังพยายามพิมพ์ให้ทันเสียงเจรจา กวินทร์กลับเลือกที่จะหยุดฟังเป็นพักๆ เรียบเรียงข้อมูลในหัวให้เข้าที่ หลังจากนั้นก็สาดนิ้วลงบนคีย์บอร์ดที่ต้องเรียกว่าสาดนิ้ว เพราะเสียงนิ้วกระทบคีย์บอร์ดที่ดังอย่างต่อเนื่องจนไม่มีช่องว่าง เอาทำผู้ร่วมประชุมบางคนถึงกับเหล่ตามอง หนึ่งในนั้นก็คือ ตรีภพ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของภูผาและควบตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกจัดซื้อ ถึงแม้จะอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่รูปร่างหน้าตายังดูเป็นหนุ่มใหญ่ที่หล่อเหลาไม่แพ้เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ บวกกับความขี้เล่นเป็นกันเอง ทำให้ตรีภพเป็นหวัญใจของสาวน้อยสาวใหญ่และชาวสีม่วงในบริษัท

     การประชุมดำเนินมาถึงโค้งสุดท้าย ภูผาที่นั่งเงียบๆ และเป็นผู้ฟังมาตลอดก็ได้เอ่ยปากขึ้น

     "ทำไมผมถึงไม่ได้รับรายงานเอกสารของรีสอร์ทภูสีฟ้าล่ะครับ?"

     ภูสีฟ้าคือรีสอร์ทสไตล์โมเดิร์นราคาสูง เป็นรีสอร์ทที่บริษัททุ่มทุนสร้างไปไม่ต่ำกว่าสามร้อยล้าน ตอนนั้นภูผายังศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ เขาเลยไม่ได้ใส่ใจนัก

     "เอ.. สงสัยอาลืมให้พนักงานเอามาใส่ ถ้าภูต้องใช้เดี๋ยวอาสั่งคนเอามาให้ก็ได้นะ"
ตรีภพพูดและแสดงสีหน้าจริงใจ

     "ผมเห็นมันขาดไป ก็เลยถามดูเฉยๆ ไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้วครับ เพราะงานผมเองก็มีเยอะอยู่แล้ว" ภูผาตอบเหมือนไม่ได้คิดจะใส่ใจเรื่องรีสอร์ทที่เอ่ยถึงเมื่อครู่อีก

     "งั้นจบการประชุมแค่นี้แล้วกันครับ" ร่างสูงกล่าว ก่อนทุกคนจะทยอยออกไป

     "นั้นสินะ เป็นรองประธานงานย่อมเยอะเป็นธรรมดา อย่าหักโหมมากนะภู" ตรีภพตบไหล่หลานชายเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมตามคนอื่นๆ จนเหลือแค่ภูผา พยัคฆ์ และกวินทร์

     ภายนนอกแลดูเหมือนอาหลานที่พูดคุยธรรมดา แต่ในที่กวินทร์ดูแล้ว มันกลับเหมือนนักมวยที่กำลังดูเชิงกันมากกว่า แต่ช่างเถอะ เรื่องของเจ้านาย เขาไม่เกี่ยว คงไม่พ้นเรื่องอิจฉาริษยาที่หลานชายได้ตำแหน่งรองประธานแทนที่จะเป็นตัวเขาเองหรอก 

     "เอาบันทึกไปเรียบเรียงไม่ให้เกินสามหน้ากระดาษแล้วส่งมาให้ฉัน" พยัคห์หันไปบอกกวินทร์

     "ครับ" ร่างโปร่งรับคำแล้วขอตัว


     "เสือ ไปหาเอกสารและข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรีสอร์ทภูสีฟ้ามาให้ฉัน ตั้งแต่ตอนเริ่มก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน เช็คดูด้วยว่าเอกสารถูกปลอมแปลงมาหรือเปล่า แล้วก็สืบเงียบๆ ห้ามให้ใครรู้ตัว"

     "ครับบอส" พยัคฆ์ก้มหัวให้เจ้านายนิดหน่อยก่อนจะขอตัว เขาทำงานให้ภูผามานาน ดังนั้นการสั่งงานจึงไม่ต้องกล่าวอะไรให้มากความ

     สาเหตุที่อยู่ดีๆ ภูผาลุกขึ้นมาให้ความสนใจรีสอร์ทภูสีฟ้าเป็นเพราะเขารู้สึกไม่ชอบมาพากลกับรีสอร์ทที่ถูกลงทุนสร้างไปหลายร้อยล้าน แต่กลับต้องมานั่งซ่อมแซมบ่อยๆ แถมแต่ละครั้งก็เบิกค่าอุปกรณ์การก่อสร้างสูงผิดปกติ แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังโปรเจคนี้ก็คืออาตรีภพนั่นเอง

     แต่ตอนนี้อะไรยังไม่แน่ชัด ตรีภพถือว่าเป็นคนในครอบครัว ฉะนั้นไม่ควรลงมือทำอะไรโผงผาง ทุกอย่างคลี่คลายเมื่อไหร่คงต้องส่งต่อให้ประธานบริษัท ซึ่งก็คือพ่อเขาเป็นคนจัดการ


******


     ภายในสถานที่จัดงานของโรงแรมระดับห้าดาว กำลังมีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทเจ้าสัวธาราที่ร่วมงานกับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของเมืองไทยอย่างบริษัท Thaiton และสินค้าที่กำลังกล่าวถึงก็คือเครื่องปรับอากาศรุ่นที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 15%

     โดยมีกานติมา ลูกสาวคนโตของคุณเอมอรเป็นกรรมการผู้บริหารโปรเจค สาวมั่นที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกที่ประเทศสิงคโปร์

     กานติมาพรีเซนต์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อยุ่บนเวทีคล่องแคล่ว สายตาคนที่มางานต่างจับจ้องและให้ความสนใจเธอ หญิงสาวที่สวย เก่ง แล้วยังเป็นถึงหลานสาวเจ้าสัวธารา สำหนักข่าวย่อมให้ความสนใจเป็นธรรมดา

     "นอกจากนั้น BS Corporation กับ Thaiton Electronics ยังได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา เพื่อพัฒนาเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพและประหยัดพลังงาน โดยตั้งชื่อบริษัทใหม่นั่นว่า FreshAir" กานติมากล่าวอย่างภูมิใจ

     "และดิฉันขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทเรา คุณชัชนันท์ ชัยวิเศษ ค่ะ"

     ชัชนันท์เป็นชายหนุ่มวัยสามสิบปลาย ไม่ได้หล่อเหลา แต่รูปร่างและบุคลิกดูดี เขารับตำแหน่งประธานต่อจากบิดาที่ตัดสินใจวางมือจากธุรกิจ

     Thaiton Electronics ไม่ได้ใหญ่โตเท่าบริษัทสุริยันของครอบครัวภูผาหรือ BS Corporation ของเจ้าสัวธารา แต่ก็เติบโตขึ้นทุกวัน และการลงทุนครั้งนี้ดูเหมือนจะประสบความสําเร็จไม่น้อย


     กวินทร์และเจ้าสัวยืนมองกานติมากับชัชนันท์บนเวที ร่างโปร่งไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย คนที่เขาแคร์คือคนในบ้านเจ้าสัวธารา ญาติคนอื่นๆ เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่จะหลีกหนีก็คงเป็นไปได้ยาก ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นญาติกัน... 

     "ฝึกงานกับภูผาเป็นไงบ้างตากวินทร์?" เจ้าสัวเอ่ยปากถามหลานชายขณะที่สายตายังจดจ้องบนเวที

     "ก็ดีครับ" เรียนรู้การทำกาแฟและแปลเอกสารนจนโปรแล้ว กวินทร์แอบคิดในใจ

     "ปู่อยากให้กวินทร์มาดูงานที่ FreshAir ด้วย เดี๋ยวจะให้คนจัดตารางงานให้"

     "โถ่ คุณปู่ แล้วกวินทร์จะได้อยู่กับเจ้าแฝดเหรอ?" กวินทร์โอดครวญ

     "ปู่จะให้ไปแค่อาทิตย์ละครั้งกับเวลามีประชุมก็พอ"

     มันก็ยังฟังดูเยอะอยู่ดี ทุกวันนี้เขาฝึกงานแค่วันจันทร์ถึงวันพฤหัส คิดได้ดังนั้นกวินทร์ก็ถอนหายใจด้วยท่าทางโอเว่อร์

     "เอาน่าตากวินทร์ จะเร็วจะช้า ก็ต้องเรียนรู้งานอยู่ดี" เจ้าสัวปลอบแล้วขยี้ผมหลานชายอย่างเอ็นดู แล้วหันไปให้ความสนใจกับเวทีอีกครั้ง


     "ทำไมถึงตั้งให้คุณกานติมาเป็นกรรมการผู้บริการตั้งแต่อายุยังน้อยและเพิ่งจบปริญญาโทได้ไม่นานครับ?" นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยปากถามชัชนันท์

     "ในต่างประเทศมีนักบริหารอายุน้อยหลายคนที่ประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าคุณกานติมาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยระดับต้นๆ ก็คงพิสูจน์ได้ส่วนหนึ่งนะครับ" ชัชนันท์ตอบได้ดีราวกับเตรียมมาพร้อม ทั้งการยกตัวอย่างถึงต่างประเทศ และพูดถึงเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของกานติมา สิ่งที่ต่อให้มีอำนาจแค่ไหนในประเทศไทยก็มิอาจซื้อมาได้ ต้องใช้ความสามารถล้วนๆ

     แต่... กวินทร์ไม่ชอบสายตาชัชนันท์ยามที่มองญาติสาวของตนเอาเสียเลย ถ้ามองผ่านๆ ก็จะเห็นแค่สายตาที่ชื่นชมหญิงสาว แต่กวินทร์กลับรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

     "บริษัทเราร่วมงานกับ Thaiton มานานยังครับปู่?" กวินทร์ถาม

     "สิบกว่าปีแล้ว แต่ชัชนันท์เพิ่งมารับตำแหน่งแทนพ่อเขาได้แค่สองปี"

     "แล้ว... คุณชัชนันท์นี่ไว้ใจได้ใช่ไหมครับ?" กวินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง เจ้าสัวหันไปมองหน้าหลานชายที่กำลังสำรวจชัชนันท์อยู่ ชายชราถอนหายใจเล็กน้อย นั่นสินะ วงการธุรกิจมันไว้ใจคนได้ยาก แต่ถ้าไม่ลงมือเสี่ยง ก็จะไม่มีวันได้กำไรตอบแทน

     "เรื่องอนาคตคงไม่มีใครทำนายได้ แต่มันงานของยัยกิ่งน่ะ ปู่เองก็คงได้แต่มองและแนะนำอยู่ห่างๆ"

     ไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อ หนึ่งในเลขาคุณธาราก็เดินเข้ามาเรียกตัวชายชราไปเสียก่อน


******


     "ทิ้งลูกมาเที่ยวเหรอ?"

     กวินทร์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีทักขึ้นจากข้างหลัง

     "โถ่ คุณภูผา มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง" ร่างโปร่งหันไปมองค้อนเจ้านายเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ และเดินมายืนขนาบข้างเขา

     "ผมไม่ได้ทิ้งนะครับ เจ้าแฝดหลับไปตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว" ร่างโปร่งทำหน้ามุ่ย
ภูผาไม่ตอบโต้ง ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบและคิดในใจ คนๆ นี้ บางทีก็ไม่ต่างจากเด็ก แต่บางทีกลับสุขุมเหมือนคนสูงอายุ

     "นายไม่เจ็บใจเหรอที่ลูกพี่ลูกน้องกำลังได้เป็นถึงผู้บริหาร ขณะที่นายเป็นแค่เด็กฝึกงาน แถมไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน?" ภูผาถามลองใจ เลือกใช้คำพูดที่ไม่ร้ายแรง แต่หักหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ต่างกัน

     "ไม่เลยครับ" กวินทร์ตอบอย่างไม่ต้องคิดและทำหน้าขยาดเหมือนไม่อยากเข้าใกล้ตำแหน่งที่ว่า

     "ยิ่งอยู่สูงยิ่งปัญหาเยอะ เวลาว่างส่วนตังก็โดนสูบไปหมด เพื่อแลกกับอะไรล่ะครับ? เงินเหรอ? เงินผมก็มีเยอะแล้ว หรือเกียรติยศ? ก็ไม่เห็นจะอยากได้ นี่ถ้าเลือกได้นะ ผมอยากเป็นพ่อบ้านเลี้ยงเจ้าแฝดอยู่บ้านเฉยๆ ด้วยซ้ำ ฮ่าๆ" ว่าแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี จนภูผาอดยิ้มตามไม่ได้ และรู้สึกชอบใจกับคำตอบของกวินทร์

     "รู้ว่านายรวย แต่เวลาเด็กๆ โตล่ะ? เงินมีแค่ไหนถ้าไม่หาเพิ่มก็หมดได้"

     "เอ้า คุณไม่คิดจะให้เจ้าแฝดทำงานเลี้ยงตัวเองเหรอครับ?" กวินทร์ถามกลับอย่างเหลืออด พูดอย่างกับเจ้าแฝดเป็นลูกตัวเองนะพ่อคุณ

     "เผื่อกรณีฉุกเฉิน"

     "งั้น... ผมก็หาแฟนที่มีเงินเดือนสูงๆ ไงครับ เอ... จะว่าไป...." ร่างโปร่งลากเสียงและมองคนข้างกายอย่างสังเกตสังกา

     "หืม?" ภูผาสงสัยกับท่าทีอีกฝ่าย

     "คุณภูผาเองก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยนา... รวย หน้าที่การงานดี แถมเข้ากันกับเจ้าแฝดได้เป็นเป็นปี่เป็นขลุ่ย ว่าไงครับ? สนใจมะ?" ไม่พูดเปล่า ร่างโปร่งยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ภูผา แล้วเลียริมฝีปากอิ่มแดงจนชุ่มฉ่ำอย่างเชิญชวน แถมยังกระดิกนิ้วดิ้กๆ ทีเล่นทีจริง แล้วมีหรือภูผาจะถอย ร่างสูงขะยับเข้าใกล้กวินทร์จนไหล่ชนกัน ก้มหน้าลงไปจนแทบชิด ก่อนแขนแกร่งจะโอบเอวอีกฝ่ายเข้ามาแนบตัว ทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นแป้งเด็กที่หอมอ่อนๆ จนอยากฝังจมูกลงบนแก้มใสเหมือนเวลาทักทายเจ้าแฝดและน้องพลอย ทว่าไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย โทรศัพท์มือถือของกวินทร์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ร่างโปร่งผละตัวออกจากวงแขนและขอตัวไปรับโทรศัพท์ ก่อนจะเดินกลับมาขอตัว

     "คุณปู่โทรตามน่ะครับ ผมขอตัวก่อนแล้วกัน เดินทางกลับบ้านดีๆ นะครับ" กวินทร์กล่าวลา ยกมือไหว้เจ้านายตนแล้วเดินออกจากงาน

     ภูผามองตามร่างโปร่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ พ่นออกมา รู้ว่าอีกฝ่ายล้อเล่น แต่ทำไมเขาต้องบ้าจี้คล้อยตามเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่ปกติแล้วไม่เล่นอะไรไร้สาระเช่นนี้? แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกเสียดายร่างอุ่นๆ ในวงแขนเมื่อครู่?


******


     วันนี้เป็นวันหยุดของแพรพิไล เธอเล่นกับน้อยพลอยทั้งวันจนถึงเวลานอนกลางวันของเด็กหญิง คุณแม่อย่างเธอเลยมีเวลาพักและมานั่งเลื่อนดูข่าวสารในเฟสบุ๊ค จนมีสกู๊ปหนึ่งที่ทำเอาเธอแทบตกโซฟา

     "คุณแม่คะ คุณแม๊" หญิงสาวตะโกนเรียกแม่ลั่นบ้าน

     "อะไรเนี่ยยัยแพร เดี๋ยวน้องพลอยก็ตื่นหรอก" คุณทิพกาบ่น

     "คุณแม่ดูนี่สิคะ" เธอยื่นไอแพดให้คุณทิพกาดู น้ำเสียงตื่นเต้น

     "อุ้ย นั่นตาภูหนิ!"

     บนหน้าจอปรากฏรูปลูกชายคนโตของเธอและชายหนุ่มอีกคน ทั้งคู่หันหลังให้กล้อง แต่หันหน้ามองกันจบแทบชิด ขยับอีกหน่อยจมูกก็จะแตะกันแล้ว 

     ลูกชายเธอ ผู้ที่ไม่ยิ้มอย่างจริงใจเช่นนี้ให้ใครนอกจากครอบครัวและคนสนิท แต่นี่ นอกจากรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะชอบใจนักหนาแล้ว สายตากลับมองคนข้างกายพราวระยับ ไหนจะแขนแกร่งที่โอบเอวอีกฝ่ายไว้ ทั้งที่ปกติไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่าม

     สำหรับคนเป็นแม่มีเหรอที่คุณทิพกาจะดูไม่ออกว่าลูกชายเธอรู้สึกอย่างไร แต่เจ้าตัวสิ จะรู้ไหม? เก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความรัก

     โธ่ ตาภูนะตาภู คนในโลกก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นหลานสุดหวงของเจ้าสัวธาราด้วยนะ? เกิดทำเขาเสียหายแล้วแม่จะช่วยแกยังไง?



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด