▂▃▄The Hacker : ก็เเค่คนธรรมดา...?▄▃▂14/3/18 ตอนที่ 20 อยากได้หลาน ต้องขอปู่
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▂▃▄The Hacker : ก็เเค่คนธรรมดา...?▄▃▂14/3/18 ตอนที่ 20 อยากได้หลาน ต้องขอปู่  (อ่าน 55834 ครั้ง)

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
.
.
.
.
.
.
.

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า
นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายเรื่องเเรกในชีวิต เเละอาจจะมีคำผิดเยอะ
หรือบางประโยค อ่านเเล้วเหมือนเเปลจากภาษาอื่น
เพราะว่าคนเขียนมาเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งเเต่อายุยังน้อย

เอาจริงๆ ค่อนข้างคิดหนังที่จะเอามาลงในเล้า
เพราะนิยายที่นี่เด็ดๆ ทั้งนั้น 555

นามปากกา Civillian C.
.
.
.

เรื่องย่อ
ขาเป็นเเฮกเกอร์วัยสามสิบปลาย ผู้มากความสามารถในการอ่านโค้ด
เเต่กลับโดนฆ่าตายเมื่อหวังจะถอนตัวจากวงการมาเฟีย
เเละในห้วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต...
เขาได้รอร้องต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดไว้ชีวิตตนเพื่อที่จะได้กลับไปดูเเลน้องสาวเเละหลาน
*
สวรรค์เป็นใจ... เเต่เขากลับฟื้นขึ้งมาในร่างของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบที่มีนิสัยไม่สู้คน
เเถมยังเป็นถึงหลานชายของนักธุรกิจชื่อดังอย่างเจ้าสัวธาราอีกด้วย!!!





ตอนที่ 1 ผมไม่อยากตาย

     ณ ผับเเห่งหนึ่งในเมือง

     "เเกว่าไงนะสาวิทย์?" เสี่ยวิชัย เจ้าของผับเเละกิจการผิดกฎหมาย ถามร่างโปร่งตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์       

     "ผมอยากขอลาออก ผมใช้หนี้ให้เสี่ยหมดเเล้ว ส่วนข้อมูลทุกอย่างของกิจการเสี่ยเเละคู่เเข่งอยู่ในโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้" เจ้าของร่างโปร่งวางโน๊ตบุ๊คประจำตัวลงบนโต๊ะไม้ราคาเเพง "เสี่ยจะทำอะไรกับมันก็ได้ ผมจะพาน้องเเละหลานกลับไปอยู่บ้านเกิด เสี่ยไม่ต้องห่วงว่าผมจะขายข้อมูลให้คู่เเข่ง"   

     เสี่ยวิชัยขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนที่จะเเสยะยิ้มออกมา "ได้ ถ้าเเกอยากออก ฉันก็ให้เเกออก เชิญ" ผายมือให้ลูกน้องตนออกจากห้อง สาวิทย์รู้สึกเเปลกใจกับท่าทีของอีกฝ่าย เเต่ไม่พูดอะไร เเละหมุนตัวจะเดินออกไป

     ปัง!

     เสียงปืนดังลั่น พร้อมกับร่างสาวิทย์ที่ล้มคว่ำลงพื้น ตาสีน้ำตาลเข้มเปิกกว้าง ลมหายใจติดขัด ร่างกายสั่นเทิ้ม

     "หึ" เสี่ยวิชัยเเสยะยิ้ม "คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยเเกไปง่ายๆ ห๊ะ สาวิทย์" เสี่ยวัยกลางคนพูด พลางลุกจากเก้าอี้มายืนตรงหน้าชายหนุ่มที่ยังพอมีสติ เขารู้ดีว่าคนอย่างสาวิทย์ ถ้าคิดจะทำอะไรเเล้วไม่มีใครห้ามได้ จะหาวิธีหนีไปจนได้ ต่างจากน้อยชายมัน

     "ไหนๆ เเกก็จะตายเเล้ว ฉันจะบอกอะไรให้ น้องชายเเกไม่ได้ตายเพราะรถชน เเต่มันโง่ โง่เหมือนเเกไง ที่คิดว่าจะหนีฉันได้
ฉันเลยสั่งฆ่ามันเเล้วเอาไปเผาทิ้ง ฮ่าๆๆ" เสี่ยวิชัยพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สากับการฆ่าคนเเละหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

     "เเต่ฉันเสียดายฝีมือเเกจริงๆ สาวิทย์" เขาพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเสียของเล่นชิ้นโปรด ก่อนที่จะนั่งลงเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า เเล้วจ้องเข้าไปในดวงตาเเข็งกร้าวของชายหนุ่ม

     "อึก...กะ...เเก" สาวิทย์พยายามเปร่งเสียง เเต่เลือดกลับไหลออกมากลบเสียงจนเเทบสำลัก

     "หึหึ" เสี่ยวิชัยไม่สะทกสะท้านใดๆ "ครอบครัวที่เหลือของเเกมีน้องสาวกับหลานเเกสองคน.... ความลับไม่มีในโลก ดังนั้นฉันจะจัดการถอนรากถอนโคนให้หมด มันจะได้ไม่ลุกมาเป็นเสี้ยนหนามทีหลัง" เสี่ยวิชัยประกาศเเละลุกขึ้น เดินออกจากห้อง

     สาวิทย์พยายามตะเกียดตะกายไปประตูที่กำลังปิด

     เขายังตายไม่ได้...

     ปล่อยให้มันฆ่าน้องกับหลานทั้งสองไม่ได้...

     เเต่ทว่า ร่างกายกลับอ่อนล้า ดวงตาเริ่มหนักอึ้ง
 
     เขาไม่เคยเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าชีวิตจะหนักหนาเเค่ไหนไม่เคยถือโกรธโทษอะไร เเต่ครั้งนี้ เเค่ครั้งเดียว ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ขอให้เขาได้ปกป้องเเละเจอหน้าครอบครัวอีกซักครั้ง ขอร้อง...

     สติของสาวิทย์เริ่มเลือนลางลงเรื่อยๆ

     เเละสุดท้ายดวงตาของเขาก็ค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับบานประตูตรงหน้า



******



     ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ


     "บี๊บ….บี๊บ…" เสียงเครื่องวัดการเต้นหัวใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอ บนเตียงมีร่างขาวซีดของชายวัยยี่สิบนอนสลบไสล ผิวขาวซีดเเลดูไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าคมสันเหมือนชาวตะวันตก จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่ม โดยรวมเเล้วชวนให้ผู้คนหลงใหลได้ไม่ยาก ข้างๆ เตียงมีหญิงวัยกลางคนนั่งเฝ้า เเววตาของเธอฉายความห่วงใยชายหนุ่มอย่างเด่นชัด   

     "คุณหนูของป้าอร รีบๆ ฟื้นเถอะค่ะ"    เธอกว่าเเละเอื้อมมือไปเเตะบนเเขนที่ขาวปานกระดาษที่มีเข็มให้น้ำเกลือเจาะอยู่ 

     เปลือกตาของคนบนเตียงเริ่มขยับ เมื่อลืมตาขึ้น ก็เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าอมเทาราวน้ำเเข็ง ปากอิ่มเปร่งเสียงออกมาอย่างยากเย็น "ทะ....ที่ไหน?" เขาพูดตะกุกตะกักพร้อมๆ กับเเละพยายามลุกขึ้น

     "คุณหนู! คุณหนูฟื้นเเล้ว!"  อิงอรรีบเข้าไปพยุงชายหนุ่มให้นั่งพิงหัวเตียง เเล้วกุลีกุจอรินน้ำใส่เเก้วให้เขาดื่ม

     "คุณหนูอย่าเพิ่งลุกจากเตียงนะคะ เดี๋ยวป้าจะไปตามหมอมา" พูดจบเธอก็ก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ

     "คุณหนู" ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงุนงง ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ทำไมเรียกเขาว่าคุณหนู? แถมยังทำตัวราวกับว่ารู้จักกันมานมนาน
เขาหันซ้ายหันขวาสำรวจห้องสี่เหลี่ยมตามความเคยชิน เพื่อที่จะหาทางหลบหนีเวลามีเรื่องคับขัน ดวงตาสีฟ้าสวยของเขาหันไปเจอกระจกเงาบนโต๊ะ นั่นใคร? คนที่จ้องกลับมาเป็นใคร? ชายหนุ่มยกมือจับหน้าเพื่อความเเน่ใจ เงาในกระจกทำตามเขาทุกอิริยาบถ นี่มันอะไรกัน?

     ทำไมเขาฟื้นมาในร่างคนอื่น? สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือ....

     โดนยิง! ใช่เเล้ว ไอ้เสี่ยชั่วฆ่าเขา สมองเริ่มประมวลข้อมูล หรือว่า.... คำขอร้องของเขาจะเป็นจริง? สาวิทย์ยิ้มขอบคุณสวรรค์ที่มอบโอกาสให้เขา

     เเต่ว่า... น้องกับหลานล่ะ? รอยยิ้มของเขาหุบลงเฉียบพลัน หัวใจกระตุกเต้นรัว เขาดึงเข็มให้น้ำเกลือออกจากเเขนอย่างไม่เเยเเสต่อความเจ็บ ร่างโปร่งลุกจากเตียง  ก่อนจะทรุดลงพื้น เมื่อพบว่าเเรงขาเเทบไม่มี เขาพยายามเกาะเตียงลุกขึ้น เเต่มันช่างยากเหลือเกิน ป่านนี้ไม่รู้ครอบครัวเขาเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

     ขอร้อง... อย่าให้พวกเขาเป็นอะไรเลย




         
         
///ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ติชมได้ เเต่อย่าเเรงมาก
คนเขียนเซ้นซิทีฟ 555555

โดย Civillian C.



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2018 00:23:05 โดย Civillian »

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 2 สายไปเเล้ว?


     "ว้าย! คุณหนูคะ ลุกขึ้นมาทำไม?" ป้าอรตกใจเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามาเเละพบเจอกับกวินทร์ที่นั่งอยู่บนพื้นเเละพยายามเกาะเตียงพยุงตัวเองขึ้น

     ธีรไนยหรือคุณหมอธีที่เข้ามาพร้อมป้าอร รีบเข้าไปพยุงร่างโปร่งขึ้นเตียง เขาเคยเจอหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่กี่ครั้ง ตอนพ่อพาเขาไปเยี่ยมเจ้าสัวธารา ปู่ของกวินทร์ ผู้มีพระคุณต่อโรงพยาบาลของครอบครัวตน
     ตอนนั้นมีเคสคนไข้ข้อเท้าเเพลง หมอที่รับผิดชอบเคสนั้นและเป็นคนใส่เฝือกให้คนไข้ชื่อหมอไปรยา เธอเป็นหมอที่โรงพยาบาลรับเข้ามาทำงานเพราะคุณอาของเขาเเนะนำมา เเต่หมอผู้มากฝีมือของคุณอากลับสะเพร่าเเละไม่ใส่ใจต่อคำบ่นของคนไข้ ที่บอกว่าปวดขาหลายต่อหลายครั้ง เธอเเก้ปัญหาอย่างมักง่าย ด้วยการฉีดยาเเก้ปวดให้คนไข้ จนต่อมา คนไข้บอกรู้สึกว่าขาชาไร้ความรู้สึก หมอไปรยาถึงยอมผ่าเฝือกออก เเละพบว่าเธอใส่เฝือกจนรัดเเน่น ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเท้าได้ ทำให้คนไข้ต้องโดนตัดเท้าข้างนั้นทิ้ง
         
     เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่โต ทำให้ชื่อเสียงโรงพยาบาลครอบครัวเขาย่ำเเย่ ผู้สนับสนุนงานวิจัยได้ถอนตัวออกไปหลาราย เเต่เจ้าสัวธาราที่เป็นรุ่นน้องของปู่เขาในตอนนั้นได้ยื่นมือเข้ามาช่วย จนโรงพยาบาลสามารถกอบกู้ชื่อเสียงเเละความเชื่อถือจากประชาชนกลับมาได้ ส่วนอาเขาก็โดนปลดจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการมาเป็นหมอธรรมดา เพราะสืบได้ว่ารับติดสินบนจากพ่อของหมอไปรยา ความโลภไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

     ถึงธีรไนยจะเคยเจอกวินทร์เเค่ไม่กี่ครั้ง เเต่เขาก็พอดูออกว่าเจ้าตัวไม่ถูกกับญาติพี่น้องคนอื่นๆ เท่าไหร่นัก สามวันที่กวินทร์นอนสลบ นอกจากป้าอรที่เป็นเเม่บ้านเเละเจ้าสัวธาราเเละคุณพริ่งเเล้ว ญาติคนอื่นๆ ไม่เคยโผล่มาให้เห็นเเม้เเต่เงา


     หมอธีรไนยพยายามพยุงกวินทร์ขึ้นเตียง เเต่ชายหนุ่มกลับผลักเขาออก จนต้องกอดเอวคนดื้อไว้เเทน

     "ปล่อย! ผมต้องไป ปล่อยสิโว้ย!" กวินทร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เเม้ว่าตอนเป็นสาวิทย์เขาจะมีทักษะในด้านการต่อสู้มาบ้าง เเต่ร่างของกวินทร์นี่สิ นอกจากจะสลบมาสามวันเเล้ว ยังไม่เคยออกกำลังกายอะไรเลย เขาไม่มีทางสู้เเรงหมอธีรไนยผู้ที่เข้าฟิตเนสเป็นประจำได้อยู่เเล้ว

     ป้าอรตกใจกับท่าทีของคุณหนูกวินทร์ของเธอ ทำไมฟื้นเเล้วเหมือนเป็นคนละคน?

     "คุณหนูคะ ป้าขอร้องให้คุณหมอตรวจก่อนเถอะค่ะ เเล้วคุณหนูอยากไปไหน ป้าจะพาไปนะคะ.. เห็นเเก่ป้าเถอะ" ป้าอรขอร้อง   

     กวินทร์นิ่งคิด "วันนี้วันที่เท่าไหร่?" เขาเอ่ยถาม เพราะไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปกี่วัน

     "13 กันยาค่ะ คุณหนูสลบไป 3 วัน ยังไงก็ให้คุณหมอตรวจก่อนนะคะ คุณหนูจมน้ำหัวใจหยุดเต้นไปถึง 2 นาที ป้าเป็นห่วง" หญิงชราพูดพลางใช้มือเกลี่ยผมที่ตกลงมาปิดตาสีฟ้า

     กวินทร์นั่งเงียบ ใช้ความคิด เขาไม่ใช่คนวู่วามที่จะทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหรือไม่เตรียมตัวก่อน เขาโดนยิงวันที่ 10 นั่นหมายความว่าเขาสลบมา 3 วันเเล้ว ไม่ว่าไอ้เสี่ยสารเลวจะทำอะไรกับครอบครัวเขา มันคงทำไปเเล้วเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มือขาวกำผ้าห่มไว้เเน่นจนมือสั่น ดวงตาเคียดเเค้นจ้องมองพื้น

     ป้าอรลอบมองอาการของกวินทร์ เธอเลี้ยงกวินทร์มาตั้งเเต่อายุ 2 ขวบ เธอเพิ่งได้เห็นท่าทีเช่นนี้ของคุณหนูเป็นครั้งเเรก เดิมทีกวินทร์เป็นเด็กหนุ่มอ่อนโยน จนบางครั้งเเลดูอ่อนเเอ เพราะเจ้าตัวไม่เคยตอบโต้เเม้จะโดนใครทำร้ายร่างกายหรือพูดจาว่าร้ายเเค่ไหนก็ตาม เเต่อยู่ๆ ทำไมถึงได้ลุกขึ้นมาโวยวายจะออกไปให้ได้?
   
     "ก็ได้ เเต่เสร็จเเล้วคุณต้องให้ผมไป" กวินทร์หันไปต่อรอง

     "ค่ะๆ" ป้าอรยิ้มออกอย่างโล่งอก ไม่ได้ถือสาคำพูดห่างเหินเหมือนคนไม่รู้จักกัน

     กวินทร์หันหน้าไปมองหมอหนุ่มที่ยังโอบกอดเขาไว้จากข้างหลัง เเต่หันไปโดยที่ไม่ทันระวัง เเก้มเนียนจึงปะทะเข้ากับจมูกโด่งอย่างไม่ตั้งใจ

     "เฮ้ย!" กวินทร์ตกใจเล็กน้อย "ปล่อยได้เเล้ว!" คนในวงเเขนพูดอย่างหงุดหงิด
ถึงเขาจะชื่นชอบร่างกายของบุรุษเพศ เเต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนเกือบ 40 ปีเเล้ว
จะให้มานั่งเหนียมอายมันก็กระไรอยู่

     "อ่า... ครับๆ" หมอธีรไนยรีบปล่อยร่างโปร่ง ลุกขึ้นจากเตียง เเล้วยกมือลูบจมูกตัวเองอย่างเก้อๆ

     กวินทร์ชายตามองหมอหนุ่ม "หมอ! รีบมาตรวจสิ จะยืนอีกนานไหม?!" ร่างโปร่งดุ

     "ครับ ๆ" ธีรไนยรีบเดินไปหยิบเครื่องมือ เห็นที่บ้านหงิมๆ ทำไมวันนี้กลายเป็นเเมวดุอย่างงี้วะ 

     ป้าอรได้เเต่อึ้งกับท่าทีของคุณหนูเธอ ที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน มันเป็นไปได้เหรอที่หัวใจหยุดเต้นไปหลายนาที พอตื่นขึ้นมาจะเปลี่ยนทั้งนิสัยเเละการเเสดงออกได้ขนาดนี้ เธอถอนหายใจ เอาเถอะ... เเค่คุณหนูของเธอไม่เป็นอะไรก็พอ



*******



     ใบหน้าของชายหนุ่มจ้องไปที่ถนนข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าทำได้เจ้าตัวคงไปขับเสียเอง เเต่โดนป้าอรห้ามไว้ เเละให้คนขับรถของที่บ้านมาขับเเทน กวินทร์พอจะเดาได้ว่าเขาน่าจะมาจากครอบครัวที่รวยไม่น้อย การนอนห้องวีไอพีในโรงพยาบาลระดับต้นๆ ของประเทศนี่น่าจะใช้เงินเกือบเเสน ไหนจะรถ Lexus LX 570 ที่เขากำลังนั่งอยู่ขณะนี้
         
     กวินทร์มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก เฮ้อ... หน้าฝรั่งจ๋าอย่างงี้ โผล่ไปที่ไหนคนก็จำได้ง่ายๆ ฉะนั้นเเล้วจะทำอะไร ยิ่งต้องระวัดระวังตัว เเถมไม่เเน่ใจว่า"เขา"ในตอนนี้มีใครปองร้ายบ้างหรือเปล่า พวกคนรวยถ้าจะมีใครคิดร้ายด้วย คงไม่พ้นคนในครอบครัวเดียวกันหรอก หึ ยิ่งรวยเท่าไหร่ ก็ยิ่งโลภมาก

     ตาสีฟ้าสวยมองซ้ายมองขวา สองข้างทางถนนเริ่มคุ้นตา นี่เป็นทางที่เขาผ่านบ่อยๆ พอใกล้ถึงบ้าน หัวใจของเขาเต้นระทึก ฝ่ามือที่กำไว้เริ่มรู้สึกเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

     "จอดตรงนี้" กวินทร์พูดอย่างร้อนรน

     พอรถจอดยังไม่สนิทดีเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือขาวซีดไปเปิดประตูเเละกระโจนออกไปอย่างเร่งรีบ ขายาวเรียวสองข้างก้าวเดินเเกมวิ่ง ใจเต้นเเรงราวกับจะหลุดออกจากอก

     เมื่อมาถึงหน้ารั้วบ้าน กวินทร์เเทบทรุดลงกับพื้น บ้านที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่มาหลายปี บัดนี้ได้โดนไฟกลืนกินเหลือไว้เเต่ซากไม้ไหม้ดำ
     บ้านที่เคยเป็นที่พักพิงทั้งกายเเละใจของเขา ยามได้อยู่กับน้องเเละหลาน บ้านที่พ่อเเม่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำเเรง เเม้ว่าจะเสียชีวิตตอนผ่อนบ้านใกล้หมดเเล้ว เเต่เขาก็ยังพยายามรักษามันไว้ได้หลายปี   

     กวินทร์วิ่งไปที่ซากไหม้ดำของบ้าน มือเรียวดึงซากไม้เเละสิ่งของ ขุดคุ้ยหาสิ่งที่เขารู้ว่าไม่มีทางเจอ เเต่ก็ยังทำ... มือสวยที่เคยขาวสะอาด ตอนนี้ดำเป็นเปื้อนเเละสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ 
         
     เเก้มเนียนของชายชายหนุ่มชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา ปากที่เคยสีเเดงสดตอนนี้ซีดเทาเเละพึมพำอยู่กับคำพูดเดิม "ไม่จริงๆ"

     ป้าอรทำอะไรไม่ถูกเมื่อเธอตามมาพบเจ้าตัวในสภาพเนื้อตัวดำมอมเเมม ใบหน้าดูกระวนกระวาย ขนตางอนยาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา มือเรียวรื้นค้นซากไหม้ของบ้านหลังหนึ่งในละเเวกชุมชนที่ไม่คุ้นตา เธอทนไม่ได้ที่เห็นคุณหนูของเธอในสภาพเช่นนี้ จึงรีบเดินไปหาชายหนุ่มเพื่อประครองให้ลุกขึ้น

     "คุณหนูคะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ" ป้าอรพูดอย่างเป็นห่วง

     "ไม่! ปล่อยผม!" เขากลับสะบัดมือของหญิงร่างท้วมออก

     "เฮ้ย พวกเอ็งทำอะไรกันน่ะ?" เสียงคุ้นหูของร่างโปร่งดังขึ้น กวินทร์รีบหันไปมอง

    ลุงเทพ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2017 15:15:35 โดย Civillian »

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เราเคยตามเรื่องนี้อยู่ในเด็กดีค่ะ
ดีใจที่เอามาลงเล้านะคะ
อย่าหายไปอีกนะคะ พลีสส นิยายสนุกมากกอะ
ตอนนั้นรอแต่ละตอนรู้สึกยาวนานมาก
เพราะเราติดนิยายเนี่ยยแหละ555
รอค่าา
ปล. เราแทรกตอนแน่ๆเลย YY

ออฟไลน์ Aly-Q

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
รออออ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
งุ้ยยย เอามาลงเล้าละเหรอ เราตามอ่านอยู่เด็กดีด้วยยย  :mew1:

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 3 ความหวังริบหรี่

     กวินทร์หันขวับไปทางต้นเสียงที่คุ้นเคย ชายวัยหกสิบปลายกำลังยืนเท้าเอวมองมาที่พวกเขาอย่างเอาเรื่อง กวินทร์จำชายคนนี้ได้

     "ลุงเทพ" เป็นลุงข้างบ้านที่คอยช่วยเหลือเขาเเละครอบครัวหลังจากเสียพ่อเเม่ไป ตอนนั้นเขาเพิ่งขึ้นมัธยม 5 ได้ไม่นาน พ่อกับเเม่ทิ้งเงินประกันไว้ให้ 6 เเสน เเต่กลับต้องเอาไปใช้หนี้ที่กู้มาซื้อบ้าน เพราะยังผ่อนไม่หมด เขาจึงจำใจต้องหยุดเรียนเเละหางานทำ เพราะรู้ดีว่าเงินจะต้องไม่พอใช้เเน่ๆ

     ลุงเทพฝากเขาเข้าทำงานในร้านอาหารของคนรู้จัก เริ่มจากการเป็นเด็กล้างจาน
เเละเพราะเขาเป็นคนหนักเอาเบาสู้ เจ้าของร้านเลยสอนให้ทำอาหาร เเละเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ช่วยพ่อครัว ส่วนวันหยุดกวินทร์ก็เขียนธีมขายในเว็ปต่างๆ เช่น Tumblr เเละ Blogger เพราะเขามีความรู้ในด้านการเขียนโค้ดอยู่เเล้ว เเต่ที่ไม่หางานทางนี้เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าไม่มีบริษัทไหนจ้างเด็กอายุ 15 ที่ยังไม่จบเเม้กระทั้งมัธยม 5 อย่างเขาหรอก

     เพราะมัวเเต่ทำงานเเละหมกมุ่นอยู่กับคอมพิวเตอร์ทำให้กวินทร์ลืมไปว่าน้องๆ ไม่ใช่คนเข้มเเข็งเหมือนตน โดยเฉพาะสารัช น้องชายคนกลางที่กลายเป็นคนก้าวร้าวเเละคบเพื่อนกลุ่มนักเลง กว่าเขาจะรู้ตัว น้องก็จบเเค่ม.6 เเละไม่ยอมเรียนต่อเเล้วย้ายออกไปอยู่กับเพื่อน ไม่ว่าเขาจะไปตามกี่ครั้ง ทั้งบังคับเเละขอร้อง สารัชก็ไม่เคยกลับมา

     เพื่อที่จะไม่ผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง เขาจึงลาออกจากร้านอาหาร หันมาทำข้าวเเกงขายเองที่ตลาดโดยมีน้องสาวคอยช่วยเล็กๆ น้อยๆ อาศัยว่าหน้าตาเเละอัธยาศัยดีจึงเป็นที่ชื่นชอบของสาวน้อยสาวใหญ่ รวมทั้งกับข้าวเองก็อร่อยถูกปาก ทำให้ขายหมดทุกวัน ลำพังเเค่เงินขายข้าวเเกงเล็กๆ น้อยๆ เขารู้ว่าคงไม่พอใช้ เพราะต้องเก็บเงินส่งน้องสาวเรียน
     กวินทร์จึงรับงานด้านเจาะข้อมูลต่างๆ ภายใต้ชื่อ [Viper] มาจากคำว่า Viperidae หมายถึงวงศ์งูแมวเซาที่มีพิษร้ายเเรง งานส่วนมากเป็นงานจ้างจากต่างประเทศติดต่อกันผ่านทางอีเมล์โดยไม่เห็นหน้า เขารู้ว่ามันเสี่ยง เลยรับเเต่งานที่ง่าย เเละเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เขาจึงสร้างบัญชีรายรับกับ Swiss Bank กวินทร์ใช้ชีวิตเเบบนี้จนอายุยี่สิบ ไม่ว่าจะฝีมือการเเฮกหรือทำอาหาร เขาสามารถทำออกมาได้ดีไม่น้อยหน้าใคร
     เเฮกเกอร์ที่เก่ง ไม่ใช่พวกที่มีรายชื่อระดับต้นๆ ที่สามารถหาอ่านได้ตามอินเตอร์เน็ต เเต่เป็นเเฮกเกอร์ที่สามารถเข้าออกระบบทุกระบบได้อย่างไร้ร่องรอยต่างหากล่ะ

     ไม่กี่ปีต่อมาสารัชก็กลับมาอยู่บ้าน เขาไม่ถามหาเหตุผล เเค่น้องกลับมาก็ดีใจเเล้ว เเต่อยู่พร้อมหน้ากันได้ไม่ถึงเดือน สารัชก็เสียชีวิตลง ต่อมาไม่กี่วันก็มีคนมาทวงหนี้ของสารัชเมื่อเขามีจ่ายไม่พอ พวกมันก็บังคับเขาให้ไปทำงานกับเสี่ยวิชัยโดนเอา
สิริน น้องสาวเขามาขู่

     ในวงการเเบบนี้ลูกน้องที่ไม่สำคัญมักโดนปล่อยให้ตาย ดังนั้น กวินทร์เลยต้องเดินหมากให้ฉลาด ถ้าเป็นเเค่เด็กทำงานขัดดอก อาจถูกสั่งให้ทำงานที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ดังนั้นเขาจึงยอมเผยสถานะเเฮกเกอร์ของตนออกมา หลังจากนั้นงานของเขาก็มีเเต่หน้าคอมพิวเตอร์ ยิ่งมีประโยชน์เท่าไหร่ เสี่ยวิชัยยิ่งรักษาความปลอดภัยของเขาเเละไม่ไปยุ่งกับครอบครัว

     ไม่นานกวินทร์ก็กลายเป็นทั้งเลขาเเละเเฮกเกอร์ของเสี่ยวิชัย ไม่ว่าจะไปพบหรือประสานงานต่อรองกับลูกค้าล้วนเป็นงานของเขาหมด ลูกค้าส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่ต้องเรียนรู้หลายภาษาเเละวัฒนธรรม ถึงจะไม่คล่อง เเต่ก็สามารถสื่อสารให้รู้เรื่องได้
     เพราะคลุกคลีมาหลายปี กวินทร์ถึงรู้นิสัยใจคอของลูกค้ารายสำคัญ ดังนั้นการเเก้เเค้นไอ้เสี่ยชั่วจึงไม่ยาก เขาจะค่อยๆ ทำลายมันให้จมดิน คอยชักใยจากเงามืดไม่ให้มันรู้ตัว เขาจะไม่ฆ่ามัน เเต่จะทำให้มันตกนรกทั้งเป็น!           


 
   ******


     “ว่าไง? พวกคุณเป็นใคร? มาทำไรที่ของคนอื่น?” ลุงเทพถามด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลงและหลี่ตามองคนเเปลกหน้าทั้งสองอย่างไม่ไว้ใจ กวินทร์รีบลุกขึ้นปัดมือกับกางเกง เเล้วสาวเท้าไปหาชายชราที่เปรียบเสมือนญาติ

     "ลุงเทพ น้องสะ... สิรินกับเด็กๆ อยู่ไหน? บอกผมที"  กวินทร์เอื้อมมือไปเขย่าเเขนลุงเทพ พยายามห้ามเสียงไม่ให้สั่น เเละเกือบหลุดคำว่าน้องสาวออกไป     

     ลุงเทพเเม้จะเเปลกใจว่าไอ้หนุ่มหน้าฝรั่งมันรู้ชื่อเขาได้อย่างไร เเต่ก็ดูออกว่าคนตรงหน้ากำลังร้อนรนเเละเป็นห่วงทั้งสามคนอย่างจริงจัง   

     "ไอ้หนุ่ม ก่อนข้าจะตอบคำถาม เอ็งบอกข้ามาก่อนว่าเป็นอะไรกับครอบครัวนี้?"

     "ผมเป็น... เพื่อนกับสาวิทย์ครับ เขา... ฝากผมให้ดูเเลน้องสาวกับหลาน"ดวงตาสีฟ้าอ่อนสื่อความจริงใจ เขารู้ดีว่าชายชราคนนี้ต้องการปกป้องครอบครัวตน ลุงเทพถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าตาหนุ่มคนนี้ไม่น่าจะมาปองร้ายใคร

     "คนร้ายมันมาเมื่อสามวันที่เเล้ว... หนูสิ... หนูสิเสียเเล้ว ตำรวจบอกว่าโดนยิงก่อนมันจะลงมือเผาบ้าน" มือเรียวปล่อยเเขนลุงเทพอย่างหมดเเรง น้ำตาที่เเห้งหดไปไม่นาน ไหลลงเปื้อนเเก้มเนียนอีกรอบ

     "ดะ..เด็กๆ ล่ะ?" เขาถามเสียงเเผ่วอย่างสิ้นหวัง ถ้าสิรินตาย ความเป็นไปได้ว่าเจ้าเเฝดทั้งสองจะรอดนั้นมีน้อยเหลือเกิน

     "มันตั้งใจจะปล่อยให้ไฟคลอกเด็กๆ ตาย" ลุงเทพเข่นเขี้ยวอย่างโมโห

     "โชคดีของเด็ก มีคนผ่านมาช่วย เเต่จับคนร้ายไม่ทัน พวกมันหนีไปก่อน" กวินทร์เงยหน้าขึ้น ตาสวยเบิกกว้างอย่างมีความหวัง

     "ข้าติดต่อเจ้าวิทย์ไม่ได้ ไม่รู้ตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง" ลุงเทพถอนหายใจเหนื่อยล้า "เลยเอาเด็กๆ ไปฝากสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนไม่ไกลจากนี้ ข้าจะเอามาไว้บ้านก็ไม่มีคนดู ได้เเต่ไปเยี่ยมบ่อยๆ"
         
     กวินทร์พยักหน้า อย่างน้อยเจ้าเเฝดทั้งสองก็ปลอดภัย ถ้าไม่มีใครรอด เขาคงตามฆ่าเสี่ยวิชัยโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง เเต่ในเมื่อมีสองชีวิตน้อยๆ ให้ดูเเล เขาต้องวางเเผนให้รอบคอบก่อนทำอะไรลงไป อย่าโง่เเละโลกสวยเหมือนครั้งที่เเล้ว ชีวิตของทั้งสองต้องมาก่อนทุกอย่าง ไม่เว้นเเม้เเต่ความเเค้นของตน

     ตอนนี้คงต้องไปดูเด็กๆ ที่สถานสงเคราะห์นั้นก่อน ถึงจะเคยขับรถผ่านบ่อยครั้ง เเต่เขาก็ไม่เคยย่างก้าวเข้าไปข้างใน ถ้าสภาพไม่ดียังไงเขาก็จะไม่ปล่อยให้เด็กทั้งสองอยู่ในที่เเบบนั้นเเน่นอน เเต่กวินทร์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ในร่างของใคร เเละมีศัตรูที่ไหนบ้าง ถ้าเป็นไปได้ เขาควรดูลาดเลาก่อนรับเด็กๆ ไปอยู่ด้วย คนร้ายหนีไปได้ นั้นเเปลว่าจะไม่มีใครสาวถึงตัวเสี่ยวิชัยอย่างเเน่นอน เเละเป็นไปได้สูงว่ามันจะไม่โผล่มาเเถวนี้อีกครั้ง ยิ่งเขาตาย มันยิ่งไม่ใส่ใจเด็กที่เพิ่งคลาน พอตั้งสติได้เขาก็เริ่มเบาใจขึ้นเล็กน้อย

     "ลุงพอจะรู้ไหม ว่าใครเป็นคนช่วย?" กวินทร์ถาม

     "ข้าเองก็ไม่คุ้นหน้า" ลุงเทพกอดอกทำหน้าครุ่นคิด "เเต่ข้าได้ยินเสียงคนหนึ่งคุยโทรศัพท์กับคนชื่อภูผาบอกว่าคนร้ายหนีไปก่อน เเล้วเรียกคนที่มาด้วยกันว่าเสือ" 

     "ขอบคุณลุงมาก เเต่ตอนนี้ผมขอตัวก่อน ผมมีธุระต้องจัดการ" กวินทร์ยกมือไหว้เเละหมุนตัวกลับ เเต่ก่อนที่จะทันได้ก้าวเท้าออกไปก็โดนลุงเทพท้วง

     "เดี๋ยวพ่อหนุ่ม เอ็งเห็นตาวิทย์บ้างไหม? ลุงเป็นห่วงมัน"

     "สาวิทย์... ตายเเล้วครับ" กวินทร์หันมายิ้มอย่างปลอบประโลม "ลุงไม่ต้องห่วงหรอก ทั้งสิรินเเละสาวิทย์พวกเขาไปสบายเเล้ว ผมจะจัดการทุกอย่างเเทนทั้งสองเอง ไม่ว่าจะเรื่องเด็กๆ หรือคนร้าย"


     "คุณหนูคะ..." ป้าอรเรียกเจ้าตัวเสียงเเผ่ว กวินทร์ส่ายหน้าช้าๆ "ป้าอย่าเพิ่งถามผมตอนนี้เลย ผมยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรทั้งสิ้น"


     "ภูพากับเสืองั้นเหรอ" กวินทร์พึมพำกับตัวเอง สองชื่อนี้เขาจะจำเอาไว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2017 15:28:39 โดย Civillian »

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 4 เจ้าเเฝด

     รถคันสวยราคาหลายล้านจอดเทียบหน้าสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน กวินทร์หันไปพูดกับป้าอรที่นั่งข้างตัวเอง "ป้ารออยู่นี้เเหละครับ เดี๋ยวผมเข้าไปไม่นาน"

     "เเต่คุณหนูเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะคะ" ป้าอรทักด้วยความเป็นห่วง คุณหนูของเธอเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ขนาดท่าเดินที่เเต่ก่อนมักเดินก้มหน้าห่อไหล่ เเต่เวลานี้กลับดูสง่าเเละมั่นใจ

     "ผมไม่เป็นไรหรอก ป้าไม่ต้องเป็นห่วง" ร่างโปร่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ถึงจะรู้จักหญิงชราคนนี้ได้ไม่กี่ชั่วโมง เเต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยของเธอ อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรทำตัวให้เธอลำบากไปมากกว่านี้

     "มาหาใครคะ?" พี่นวล เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์หญิงเกล้าผมมวยท่าทีใจดีวัยสี่สิบกลาง เอ่ยปากถามเมื่อเห็นถามหนุ่มต่างชาติกำลังเดินเข้ามา

     กวินทร์ยกมือไหว้เธอ "สวัสดีครับ ผมชื่อสะ.. กวินทร์ครับ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีเด็กเเฝดอายุเก้าเดือนถูกเอามาไว้ที่นี้ ผมอยากรู้ว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้าง"

     พี่นวลมองชายตรงหน้าอย่างเคลือบเเคลง เธอจำเด็กเเฝดได้ เเละทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กทั้งสองได้มาอยู่ที่นี้ "คุณเป็นอะไรกับเด็กๆ? ที่ต้องถามก็เพื่อความปลอดภัยนะคะ"

     "ผมเป็นเพื่อนกับผู้ปกครองทั้งสองครับ เเละเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอผมเข้าไปดูเด็กๆ หน่อยเถอะครับ ผมขอร้อง" กวินทร์อ้อนวอน ณ เวลานี้ ขอเเค่ได้เห็นว่าทั้งคู่ปลอดภัยเขาก็พอใจเเล้ว

     เจ้าหน้าหญิงที่ยืนชั่งใจซักพักก่อนจะใจอ่อน เมื่อเห็นเเววตาหวานเศร้า "ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปเจอพวกเเก ตามมาค่ะ" เธอเดินนำร่างโปร่งไปยังห้องเด็กอ่อน

     พี่นวลพากวินทร์มาหยุดหน้าห้องกว้างที่มีกระจกใสเป็นประตู ตาสีฟ้าครามกวาดมองรอบห้อง เเละไปหยุดอยู่ที่เด็กเล็กสองคน ตัวอวบกลมหน้าตาละม้ายคล้ายกัน เเละกำลังร้องไห้จ้าโดยมีพี่เลี้ยงสาวคอยปลอบเเต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

     "ตั้งเเต่มาอยู่ที่นี้ทั้งสองก็เอาเเต่ร้องไห้" พี่นวลพูดเเล้วถอนหายใจ

     "ขอผมเข้าไปได้ไหมครับ?" กวินทร์ถามเสียงสั่นไหว

     "ได้สิ" เจ้าหน้าที่หญิงพูดเเละผลักงประตูเข้าไป


****** 


     "โธ่ น้องปลื้มน้องปรายคะ เลิกร้องเถอะค่ะ พี่เเก้วไม่รู้จะทำไงเเล้ว" พี่เลี้ยงพยายามปลอบประโลมร่างกลมป้อมสองร่าง ที่เอาเเต่ร้องไห้โยเยมาหลายนาทีเเล้ว

     "เอ่อ..." พี่เลี้ยงสาวรู้สึกเเปลกใจ เมื่ออยู่ๆ มีหนุ่มต่างชาติมายืนตรงหน้าตนเเละเด็กๆ

     "เขาเป็นเพื่อนกับผู้ปกครองน่ะ ปล่อยให้เขาได้เล่นกับเด็กๆ หน่อยเเล้วกัน" พี่นวลอธิบาย

     "อ๋อค่ะ" พี่เลี้ยงรับคำ เเละลุกขึ้นไปดูเด็กอื่นๆ

     กวินทร์นั่งลงกับพื้น มือขาวรวบร่างน้อยทั้งสองมากอดไว้กับอก "เป็นไรหื้ม เจ้าหมูอู๊ตๆ ร้องทำไม?" เสียงร้องหยุด กลายเป็นเสียงสะอึกสะอื้นเมื่อได้ยินชื่อเล่นที่
เเม่เเละคุณลุงชอบเรียกเป็นประจำ ใบหน้ามนเงยขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอุ่น ตากลมโตชุ่มไปด้วยน้ำตา กวินทร์วางทั้งคู่ลงพื้นเเละใช้กระดาษทิชชู่ที่วางอยู่ใกล้ซับน้ำตาให้ ก่อนจะอุ้มฝาเเฝดให้นั่งตักตน เเล้วโยกกายไปมาซ้ายขวา

     "เอ่ เอ้ เอ.. เอ่ เอ้ เอ.. เอ่ เอ้ เอ.." เสียงทุ้มขับร้องเพลงที่เขาเคยได้ยินน้องสาวร้องกล่อมเจ้าหนูทั้งสองบ่อยๆ จนจำขึ้นใจ ร่างเล็กตุ้ยนุ้ยที่สงบลงเริ่มขยับหยุกหยิกหามุมสบายเมื่อได้ยินเพลงกล่อมที่คุ้นเคย ซักพักตากลมเริ่มปรือ ทำปากขมุบขมิบ ซุกหน้าหาไออุ่นเเละหลับในที่สุด

     เมื่อเห็นว่าเด็กๆ หลับเเล้วเขาจึงลุกขึ้น เดินไปที่เตียงเด็กอ่อนที่มีชื่อทั้งสองติดอยู่ เเล้ววางเจ้าเเฝดลงกับเตียงโดยมีพี่เลี้ยงคอยช่วย กวินทร์ห่มผ้าเเละก้มลงหอมกระหม่อมมน

     "อีก 5 วัน..." ร่างโปร่งหันไปพูดกับพี่นวล

     "ผมขอให้พี่ดูเเลพวกเขาอีก 5 วัน เเล้วผมจะรวบรวมเอกสารทุกอย่างเเละรับเด็กๆ ไปอยู่ด้วย" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     "ได้สิคะ" พี่นวลรับปาก ภาพที่ร่างโปร่งตรงหน้ารับมือกับเด็กๆ ทำให้เธอมั่นใจว่าเขารักฝาเเฝดคู่นี้อย่างเเน่เเท้

     "ขอบคุณครับ" กวินทร์ยกมือไหว้เธอ หันไปมองน้องปลื้มเเละน้องปรายอย่าง
อาลัยอาวร ปากสีชมพูสดเม้มเข้าหากันเเน่น ก่อนจะเดินออกจากสถานสงเคราะห์   

     "คุณหนูคะ รีบมาเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณท่านไปถึงโรงพยาบาล ไม่เจอคุณหนูเเล้วจะโมโหเอา" ป้าอรเดินมาจับเเขนเมื่อเห็นกวินทร์เดินออกมา


     ถึงเวลาเดินหมากตัวเเรก....     



/// โห มีคนมาตอบด้วย ขอบคุณมากค่ะ
นี่กังวลว่าจะไม่มีใครตอบ เเล้วเอาลงหน้าหนึ่งเป็น20ตอน 55555

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
สนุกมากค่ะ ติดตามอยู่นะค่ะ

อยากรบกวนซักนิดนะค่ะ สระแอ กับ สระเอ นะค่ะ

เวลาคุณผู้เขียนใช้ สระเอ2ตัวแทนสระแอ เครื่องมันจะอ่านออกเสียงเพียนนะค่ะ

คืออยากให้แก้ให้ แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรนะค่ะ  รับได้ค่ะ แฮะๆ

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราบวกเป็ดแล้วน้าา  เนื้อเรื่องน่าสนใจ มีเด็กด้วย เราชอบ อิอิ
รออยู่น้า เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ รอติดตามนะคะ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▁▂▃▄The Hacker : ก็เเค่คนธรรมดา...?▄▃▂▁
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-12-2017 00:31:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 5 Selective Amnesia

     ภายในรถคันหรูที่กำลังมุ่งหน้ากลับโรงพยาบาลถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน มีเเค่ป้าอรคอยชำเลืองมองคุณหนูของเธอเป็นพักๆ ทั้งเเปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของกวินทร์เเละสงสัยว่าเจ้าตัวมายุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้ได้อย่างไร เเต่เธอต้องจำใจเก็บความสงสัยนี้ไว้เพราะคุณหนูขอร้อง เธอได้เเต่นั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

     กวินทร์นั่งเงียบเเละมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกรถ พอรู้ว่าเด็กๆ ทั้งสองปลอดภัยดี เขาก็สบายใจขึ้นมาก ทั้งที่ตอนเเรกไม่กล้าเเม้เเต่จะคิดว่าจะมีคนรอดด้วยซ้ำ เขาสบตาตัวเองในกระจก อดคิดไม่ได้ว่าไอ้หนุ่มตาน้ำข้าวคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เเต่ทรงผมยาวรุงรังอย่างกะฮิปปี้ เด็กนี้ไม่รู้เหรอว่ามันไม่เข้ากับหน้าตัวเองเอาเสียเลย เเถมยังปิดหน้าปิดตาน่ารำคาญ ตัดผมคงเป็นสิ่งเเรกที่เขาควรทำ ที่เหลือค่อยคิดค่อยวางเเผนเเล้วกัน ตอนนี้ตัวเองเป็นใครกวินทร์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

     เมื่อมาถึงโรงพยาบาลป้าอรก็รีบให้กวินทร์ไปล้างเนื้อล้างตัวเเละเอาชุดใหม่ให้กวินทร์เปลี่ยน ถ้าคุณท่านรู้คุณหนูคงโดนดุ คุณหนูของเธอเป็นคนที่มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับอะไร เเต่จริงๆ อ่อนไหวง่ายเเละไม่เคยต่อปากต่อคำกับใคร จึงมักโดนญาติๆ บางคนเอาเปรียบเเละรังเเกบ่อยครั้ง เธอปรายตาไปมองกวินทร์ที่กำลังนอนไขว่ห้างกระดิกเท้าเเละกดโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวบนเตียง อย่างกับมีคนมาสิงร่างของคุณหนูอย่างไรอย่างงั้น เธอคิดเเล้วหันกลับไปเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าต่อ


******


     หมอธีรไนยกำลังยุ่งกับการดูผลตรวจของคนไข้เมื่อโดนตามตัวให้ไปดูหนุ่มผม
บลอนด์ พลอยทำให้นึกถึงเเก้มนุ่มๆ เเล้วเผลอหลุดยิ้มออกมา เเม้ว่าเเก้มนิ่มๆ ดังกล่าวจะมีเเต่กลิ่นยาก็เถอะ พอคิดเเล้วก็อดขำไม่ได้ จนโดนพี่สา พยาบาลสาวใหญ่เเซว

     "เเหม หมอธีกำลังคิดถึงใครอยู่คะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"

     "ฮ่าๆๆ ไม่ได้คิดถึงใครหรอกครับ เเค่อารมณ์ดีเฉยๆ" หมอหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

     "ค่าาา" พี่สาลากเสียงตอบรับเหมือนไม่เชื่อ

     หมอธีรไนยเป็นที่หมายปองของสาวๆ หรือเเม้กระทั่งหนุ่มๆ หลายคน หน้าตาเขาอาจจะไม่หล่อเท่เท่าพวกพระเอกฮอลลีวู้ดที่เธอชื่นชอบ เเต่ก็ถือว่าดูดีมากเลยทีเดียว เเถมยังเป็นถึงลูกเจ้าของโรงพยาบาลระดับต้นๆ ของประเทศ จึงไม่เเปลกที่จะมีเเต่คนทอดสะพานให้ เเต่หมอหนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบรับใคร วันๆ มีเเต่ทำงานเเละเห่อหลานๆ เเล้วมักเอารูปที่ถ่ายกับหลานมาอวดบรรดาหมอเเละพยาบาล ด้วยความที่เป็นคนไม่ถือตัวเเละอัธยาศัยดี ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน


     หมอธีรไนยเปิดประตูเข้ามาเจอกับคนผมบลอนด์ที่กำลังนอนไข่วห้างเล่นโทรศัพท์มือถือ เเละกระดิกเท้าดิกๆ จนเขาอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้

     "เอ้า คุณหมอสวัสดีค่ะ" ป้าอรเอ่ยทักเมื่อเห็นหมอหนุ่มเข้ามาอย่างเงียบๆ

     "สวัสดีครับ" หมอธีรไนยตอบรับเเละยกมือไหว้

     ขณะที่คนอายุน้อยสุดในห้องเเค่ลุกขึ้นนั่ง มองเขา ทักสั้นๆว่า "หมอ" เเล้วพยักหน้าให้ เหมือนผู้ใหญ่ทักรุ่นน้องอย่างไรอย่างนั้น เขาได้เเต่ยิ้มรับเเกนๆ

     "เดี๋ยวหมอขอตรวจร่างกายหน่อยนะครับ"

     หมอธีรไนยสอบถามเเละตรวจร่างกายกวินทร์ซักพักเเละพบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง "อืม ไม่มีอะไรผิดปกติ ร่างกายดีขึ้นเยอะเเล้วครับ น่าจะกลับบ้านได้เลย" หมอหนุ่มยิ้มเเละพูดกับคนไข้

     ร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ เเต่ก็ไม่ตอบอะไร

     "งั้นดีเลยค่ะ เพราะป้าเก็บของไว้เเล้ว" กลับเป็นป้าอรที่ตอบเเทน เพราะไม่อยากให้เสียน้ำใจคุณหมอ


     จู่ๆ ประตูห้องคนป่วยก็ถูกเปิด ชายชราวัยเจ็ดสิบต้นๆ เดินเข้ามา ตามด้วยชายวัยฉกรรจ์ที่เหมือนจะเป็นคนติดตาม รั้งท้ายด้วยผู้หญิงสองคน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเเม่ลูกกัน หน้าตาเเลดูบึ้งตึง กวินทร์ไม่เคยเห็นทั้งคู่มาก่อน เเต่กลับรู้สึกคุ้นหน้าชายชราคนนี้มาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนซักเเห่งในงานสังสรรค์ที่เขาเคยติดสอยห้อยตามเสี่ยวิชัย

     "สวัสดีค่ะ คุณท่าน"

     "สวัสดีครับคุณธารา" หมอธีรไนยเเละป้าอรกล่าวทักทายชายชรา

     กวินทร์สะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อของชายชราที่เพิ่งเข้ามาในห้อง ธารางั้นเหรอ? ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้าง ไม่ผิดเเน่ๆ ชายตรงหน้าคนนี้คือ "เจ้าสัวธารา" ใบหน้าที่แม้จะมีริ้วรอยชราตามอายุขัยเเต่กลับดูน่าเกรงขาม ดวงตาเฉียบคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเหมือนจะสามารถมองทะลุเข้าไปในวิญญาณเขาได้

     กวินทร์ได้เเต่กัดปากเข่นเคี้ยวกับความโชคร้ายในความโชคดีของตน โชคดีที่ได้รับโอกาสอีกครั้ง เเต่โชคร้ายมาเป็นหลานเจ้าสัวธารา กว่าเจ็ดสิบล้านคนในประเทศไทยเเต่ดันมาสวมรอยเป็นหลานของคนในวงการเดียวกันซะได้ เขาอยากจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอบนพื้นเสียจริงๆ! มัวเเต่คิดเรื่องเจ้าเเฝดกับน้องจนลืมคิดเรื่องอื่น

     งั้น... คงมีเเค่ทางออกเดียวกระมั้ง

     "สวัสดีครับคุณปู่" กวินทร์ยกมือไหว้เจ้าสัว ตามน้ำไปก่อน

     "เออ ไม่เห็นหัวชั้นเลยสินะตากวินทร์!" น้ำเสียงกระเเทกเเดกดันเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าคนป่วยไม่ยกมือไหว้ตน

     "เอ่อ... คุณเป็นใครครับ?" ร่างโปร่งถามด้วยสีหน้างวยงง จะว่าเเสดงละครก็ไม่ใช่ เพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าสตรีวัยทองหน้าหงิกงอตรงหน้านี้เป็นใคร

     "อย่ามาตอเเหลเล่นตลกไอ้กวินทร์!" เสียงเเหลมของคนที่กวินทร์คาดว่าน่าจะเป็นลูกสาวเเว้ดขึ้น เขาปรายตามองเธอ ใบหน้าพิมพ์นิยมของคนไทยสมัยนี้ ผิวขาวปากนิดจมูกหน่อยเเต่ใส่บิ๊กอายจนดูน่ากลัวมากกว่าน่ามอง ไหนจะชุดนักศึกษาที่ทั้งสั้นทั้งรัด คนเป็นเเม่ไม่คิดจะสั่งสอนเลยหรือไง กวินทร์ถอนหายใจอย่างเอือมระอา

     "คุณหนูจำไม่ได้เหรอคะ? นี่คุณเอมอรป้าสะใภ้คุณหนูไงคะ" ป้าอรพูด

     กวินทร์ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัวเเล้วตอบ "จำไม่ได้ครับ"

     "เเล้วคุณกวินทร์จำอะไรได้บ้างไหมครับ" หมอธีรไนยรีบถามน้ำเสียงเครียด

     "อืม... ผมชื่อกวินทร์ อายุยี่สิบ เรียนที่มหาวิทยาลัยX คณะอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ.. อ้อ เเล้วนั้นปู่ธารา" กวินทร์ต้องขอบคุณป้าอรที่เอาโทรศัพท์มือถือเขามาด้วย ทำให้พอรู้ประวัติของตนบ้าง

     "หมอคงต้องขออนุญาตพาคนไข้ไปตรวจสมองให้ละเอียดกว่านี้นะครับ" หมอหนุ่มพูดขึ้น

     "อืม เเล้วจะใช้เวลานานไหมหมอธี?" ปู่ธาราถาม ถึงจะตกใจ เเต่อย่างน้อย
กวินทร์ก็ยังพอจำอะไรได้บ้าง

     "น่าจะซักสองชั่วโมงครับคุณธารา โดยรวมเเล้วร่างกายปกติดี คาดว่าน่าจะความจำเสื่อมชั่วคราว ถ้าไม่มีอะไรร้ายเเรงกว่านี้จะกลับไปพักที่บ้านเลยก็ได้ครับ เพราะดูเหมือนคนไข้จะเบื่อที่นี่เต็มทน" หมอธีรไนยหันไปเย้าเเหย่ร่างโปร่งบนเตียง

     "เเสนรู้นะหมอ" คำพูดเเดกดันเเต่น้ำเสียงกลับราบเรียบ จนคนที่โดนว่าอดหัวเราะไม่ได้ 

     "งั้นฉันจะรอฟังผลที่นี่เเล้วกัน ส่วนพวกเธอสองคนจะกลับไปก่อนก็ได้" เจ้าสัวหันไปบอกสองเเม่ลูก

     "งั้นเอมกับน้องเกรซกลับก่อนนะคะ" ทั้งคู่ยกมือไหว้เจ้าสัวเเล้วเดินออกจากห้องเหมือนรอโอกาสนี้มานาน


******


     "Selective amnesia งั้นเหรอ?" เจ้าสัวถาม

     "ครับ คนไข้เสียความจำบางส่วนไป คาดว่าเป็นเพราะขาดอากาศไปเลี้ยงสมองตอนจมน้ำ ถ้ากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมความจำพวกนั้นก็อาจกลับมาครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" หมอธีรไนยอธิบายเเล้วหันไปยิ้มให้คนไข้ ที่ปั้นหน้าเฉยเมย

     เเต่ใครจะรู้ว่าภายในเจ้าตัวกำลังหัวเราะร่าอย่างผู้ชนะ เขาไม่รู้จักหรอกหรอกไอ้ Selective amnesia ที่ว่าเนี่ย เเค่เคยอ่านเจอเรื่องเเบบนี้ในมังงะญี่ปุ่น ไม่นึกว่าจะเอามาใช้ได้ เเกเห็นไหมยัยสิ ว่าการบ้ามังงะเนี่ย ไม่ได้ไร้สาระเลยนะ เขาอดนึกถึงน้องสาวไม่ได้ เพราะสิรินมักค่อนขอดเขาที่เอาเวลาว่างไปอ่านมังงะจนลืมกินข้าวกินน้ำ

     "กวินทร์ ปู่สั่งคนให้ย้ายข้าวของจากบ้านใหญ่มาไว้ที่บ้านเล็กเเล้วนะ จะได้อยู่ใกล้หมอเวลามีอะไร" ปู่ธาราหันมาสั่งกวินทร์

     "อ่า ครับ" ตอนนี้คงต้องไหลตามน้ำก่อนที่จะลงมือทำอะไรต่อ...

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 6 กวินทร์

  บ้านเล็กที่คุณธารากล่าวถึง มันใหญ่กว่าบ้านของพ่อกับเเม่เขาตั้งสี่เท่า พื้นที่สนามหญ้ากว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่สี่ห้าต้น ไม้ประดับประปราย เเล้วยังมีบ้านเล็กเเนวยาวเรียงกันหลายหลัง เป็นบ้านพักของคนรับใช้
     ภายในตัวบ้านดูโอ่อ่าสมกับเป็นบ้านของเจ้าสัวจริงๆ มีห้องหับไว้รับเเขกหลายห้อง เเถมถูกตกเเต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดัง ถ้าเจ้าเเฝดมาอยู่คงไม่มีปัญหาเรื่องห้องนอน ส่วนเจ้าของบ้านจะอนุญาตหรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่รู้...

     กวินทร์ได้เเต่ถอนหายใจ


******


     "ห้องคุณหนูอยุ่ทางนี้ค่ะ" ป้าอรเดินนำร่างโปร่งไปยังห้องนอนของเขา

     ห้องที่เธอพามาค่อนข้างกว้างเเถมมีห้องน้ำส่วนตัวอีกด้วย ตาสีฟ้าอ่อนกวาดมองทั่วห้องก่อนจะไปสะดุดที่โน๊ตบุ๊ค ที่วางอยุ่บนโต๊ะเครื่องเขียน ดูรุ่นเเล้วน่าจะราคาหลายหมื่น

     "ป้าอรไปพักพ่อนเถอะ เดี๋ยวผมขอเก็บของนิดหน่อยก่อน" กวินทร์หันไปพูดกับเเม่บ้าน

     "ได้ค่ะ ถ้าคุณหนูมีอะไรรีบเรียกป้าเลยนะคะ"

     "ครับๆ"

     เขาก้าวเท้าไปยังโน๊ตบุ๊คก่อนสิ่งอื่นใด เมื่อสตาร์ทเครื่องก็เจอปัญหาด่านเเรกซะเเล้ว การเจาะเข้า windows นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ขนาด script kiddie ยังทำได้ พวกนี้มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ไม่เยอะ บางคนเขียนโปรเเกรมไม่เป็นด้วยซ้ำ เเต่มักเรียนเเบบวิธีการเเฮกของคนอื่นเพื่อเอาไว้อวดเพื่อนฝูง

     กวินทร์ถอนหายใจเป็นรอบที่สองของวัน ไอ้ง่ายมันก็ง่ายอยู่หรอก เเต่ต้องใช้เวลาเเละต้องใช้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องเพื่อโหลดโปรเเกรมที่จะมาใช้กับเครื่องนี้ ขอเดาสุ่มๆ ก่อนเเล้วกัน ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือก็มีเยอะพอควร

     ผ่านไปห้านาทีเเล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าได้ กวินทร์นั่งท้าวคาง ก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูอีกครั้ง กดเข้าไปในอินสตาเเกรม ชื่อโปรไฟล์ ChaiLisa งั้นเหรอ? คงมีความหมายอะไรซักอย่างกับเจ้าตัว โปรไฟล์ไม่มีรูปหรือยอดฟอลโล่เลย เเต่กำลังติดตามคนอื่นอยู่สิบกว่าคน ที่ดูเหมือนจะเป็นช่างภาพทุกคน มีรูปธรรมชาติสวยๆ หลายรูป นายคงชอบอะไรเเบบนี้สินะ"กวินทร์" ร่างโปร่งคิด เเล้วลองพิมพ์ชื่อโปรไฟล์ในกล่อง password

     ....

     "welcome"

     เยสสส ในที่สุดก็ได้ซักที!

     ดูเหมือนเด็กนี่จะเล่นเฟสบุ๊คกับเขาด้วยเเฮะ เเต่โปรไฟล์กลับดูเเทบจะว่างเปล่าไม่มีการโพสอะไรเลย เเค่เเชร์รูปถ่ายจากเพจอื่นๆ มีเพื่อนอยู่เเปดสิบกว่าคน คุยเเชทกลุ่มอยู่สี่คนที่เหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมคณะ ส่วนมากจะคุยเรื่องเรียนเเละเรื่องสัพเพเหระทั่วไป

     อ่านไปเรื่อยๆ ก็เจอเรื่องน่าสนใจ ... เป็นข้อความปลอบใจจากผองเพื่อน
เลื่อนลงทีละนิดๆ สรุปใจความได้ว่า

     เด็กกวินทร์เป็นเกย์

     เด็กกวินทร์มีเเฟนเป็นถึงเดือนคณะที่คบกันอย่างลับๆ

     เด็กกวินทร์โดนญาติตัวเองที่ชื่อ"เกรซ"เเย่งเเฟน เเละชอบควงมาเยาะเย้ยบ่อยๆ

     ร่างสูงอดขำไม่ได้ ทั้งที่อยู่คนละคณะเเท้ๆ ช่างมีความพยายามเสียจริงๆ
เอ... ถ้าจำไม่ผิด ใช่คนเดียวกับที่เขาเจอในโรงพยาบาลไหมนะ เหมือน"ป้า"ของเขาจะเรียกเด็กที่เเต่งตัวไม่ดูตาม้าตาเรือคนนั้นว่าเกรซ ถ้าให้เดา เด็กเกรซคงเเค่อยากเอาชนะเด็กกวินทร์ เเละไม่ได้ชอบพอผู้ชายคนนั้นมากมาย คิดเเล้วก็อดสมเพชชีวิตคนพวกนี้ไม่ได้ มีเงินล้นฟ้าเเต่หาความสุขไม่เจอ ถึงกายจะห้อมล้อมไปด้วยเงินตรา เเต่จิตใจกลับเเห้งเเล้งเพราะไร้น้ำใจเเละร้อนระอุไปด้วยความริษยา

     เเชทอีกอันเป็นข้อความเยาะเย้ยจากเกรซ รูปโปรไฟล์เป็นคนเดียวกันกับเด็กสาวที่เขาเจอในโรงพยาบาล ผิวก็ขาวอยู่เเล้วไม่เห็นต้องเเต่งรูปจนซีดขนาดนี้เลย ร่างโปร่งคิดอย่างขำขัน

     นอกจากข้อความถากถางเยาะเย้ย ก็ยังอุตส่าห์ส่งรูปเเนบชิดเเนบกายบนเตียงของตนกับชายหนุ่มที่เเย่งไปได้มาให้เขาอีก อดใจไม่ได้ ร่างโปร่งเลยพิมพ์ข้อความสั้นๆตอบกลับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ

     "ฤดูผสมพันธุ์?"

     เเละเมื่อดูนั้นดูนี้จนเป็นที่พอใจเเล้ว ต่อมาก็เช็คยอดเงินในบัญชี อันนี้สำคัญ เพราะการเอาเด็กมาอยู่ด้วยต้องใช้เงินเยอะ เเล้วเขายังไม่รู้เลยว่าเจ้าสัวธาราจะรับได้หรือไม่
มีสองทางเลือก คือออกไปธนาคารตอนนี้ เเต่...ปู่คงไม่อนุญาต อย่างที่สองคือเเฮกข้อมูลของธนาคาร ซึ่งน่าจะใช้เวลานานหลายชั่วโมง เเต่เครื่องมือไม่ครบ ไม่ควรเสี่ยง

     สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจรอ


******


     กวินทร์เดินดูนั่นดูนี่ในห้องไปเรื่อย เเละเจอรูปวาดสีน้ำสวยๆ หลายรูปวางกองกันอยู่มุมห้อง ถ้าเอามาใส่กรอบติดฝาผนังน่าจะเข้าท่า สวยพอๆ กับพวกรูปที่เขาเคยเห็นในอินเตอร์เน็ตเลย ดีนะที่กวินทร์ไม่ได้เรียนศิลปะหรือด้านออกเเบบ เพราะคนที่สามารถวาดนกฮูกให้ออกมาเป็นสโนว์เเมนได้อย่างเขาคงสวมรอยเรียนไม่รอดเเน่ๆ เเต่อักษรศาสตร์เอกอังกฤษน่าจะพอถูๆไถๆ ไปได้บ้าง

     ก๊อกๆ เสียงเคราะประตูห้องดังขึ้น

     "เข้ามาเลยครับ" กวินทร์ขานรับ

     ป้าอรเปิดประตูเข้ามาพร้อมถือถาดอาหารกับเครื่องดื่มสีเเดงเหมือนน้ำกระเจี๊ยบ

     "ป้าเอาอาหารเย็นมาให้คุณหนูค่ะ" ป้าอรยิ้ม เเล้วถือถาดมาวางบนโต๊ะตรงหน้าเขา

     "ขอบคุณครับ ผมกำลังหิวพอดี" กวินทร์ยิ้มยิงฟัน ทำเอาป้าอรอดยิ้มตามไม่ได้ คุณหนูของเธอเป็นคนยิ้มสวย ยิ้มเเล้วทำให้คนมองรู้สึกมีความสุขไปด้วย เเต่น้อยครั้งนักที่จะยิ้มให้ใคร

     "เอ่อ ป้าอรครับ ช่วยเล่าเรื่องชีวิตให้ผมฟังหน่อยได้ไหม? พ่อกับเเม่เสียไปตั้งเเต่ผมอายุเท่าไหร่?" กวินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเเน่ใจ

     ในถือมือมีรูปกวินทร์ตอนอายุน่าจะสี่หรือห้าขวบถ่ายกับพ่อเเม่ หลังจากนั้นก็ไม่มีรูปทั้งสองอีกเลย เขาเลยเดาเอาว่าน่าจะเสียไปเเล้ว

     "พ่อกับเเม่ของคุณหนูเสียไปตั้งเเต่คุณหนูอายุหกขวบค่ะ" เธอยิ้มเศร้าๆ ให้กวินทร์

     "พร้อมกันเลยเหรอครับ?" 

     "สงสัยป้าต้องเริ่มเล่าเรื่องจากตอนต้นเลย คุณเกรียงชัยพ่อของคุณหนูเป็นคนเรียนเก่งเเละเชื่อฟังคุณท่านที่สุดในบรรดาพี่น้องคนอื่นๆ เเถมยังเรียนจบคณะบริหารด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยนะคะ ทำให้คุณท่านภูมิใจมาก พอเรียนจบก็มาทำงานที่บริษัทของที่บ้าน ไม่นานคุณท่านก็หาคู่หมั้นคู่หมายมาให้ คุณชัยเองไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เเต่ฝ่ายนู้นเหมือนจะชอบพอคุณชัยมาก่อนเเล้วเลยเร่งรัดวันหมั้นค่ะ เเต่ก่อนวันหมั้นเเค่วันเดียวคุณชัยก็พามาคุณลิซ่าเเม่ของคุณหนูมาที่บ้าน เธอเป็นสาวฝรั่งที่สวยมากค่ะ ผมเเละตาสีเดียวกับคุณหนูเลย" ป้าอรยิ้มเมื่อนึกถึงหญิงสาวคนนั้น ถึงจะเจอเธอไม่นาน เเต่ความสวยกลับตราตรึงยิ่งนัก เเถมดูอ่อนน้อมถ่อมตน

     "คุณชัยบอกว่าจะเเต่งงานกับคุณลิซ่าเท่านั้น ป้าจำได้ว่าวันนั้นคุณท่านโมโหเเละเถียงกันเเรงมาก ไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายคุณท่านเลยบอกให้คุณชัยเลือกว่าจะเเต่งกับผู้หญิงที่หาให้หรือคุณลิซ่า ถ้าเลือกคุณลิซ่าก็ให้ออกจากบ้านไป
     ตอนนั้นคุณท่านคงคิดว่าคนที่เคยเชื่อฟังท่านมาตลอดอย่างคุณชัยคงไม่ทำให้ผิดหวัง เเต่คุณชัยกลับจับมือคุณลิซ่าเเล้วเดินออกจากบ้านไป โดยไม่เอาอะไรติดตัวไปด้วยเลย พอคุณพริ้งรู้เรื่องเธอโกรธคุณท่านมาก ที่ไปบังคับลูกจนหนีออกจากบ้าน" กวินทร์ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครก็คงครอบครัวนี่เเหละ รักลูกจนเกินไป รักจนต้องปูทางให้ทุกอย่า จนลืมคิดว่าอีกฝ่ายต้องการหรือไม่

     "ผ่านไปไม่กี่เดือนคุณท่านก็จ้างนักสืบให้จับตาดูคุณชัยอยู่ห่างๆ ป้าว่าคุณท่านเองก็คงเป็นห่วงคุณชัยเหมือนกัน เเต่ทิฐิสูงทั้งคู่ เลยไม่ได้ปรับความเข้าใจกันซักที จนคุณหนูอายุหกขวบคุณชัยก็โทรมาบอกว่าจะมาขอขมา เเต่ตอนเดินทางมากลับโดนรถชน ทำให้คุณชัยเเละคุณลิซ่าเสียชีวิต ส่วนคุณหนูรอดมาได้อย่างกับปาฏิหาริย์" ป้าอรยิ้มทั้งน้ำตา เธอเลือกที่จะไม่บอกว่าตัวกวินทร์นั้น ตั้งเเต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็มีท่าทางเย็นชาต่อคุณท่านทั้งสอง เเละไม่สุงสิงกับใครในบ้าน

     กวินทร์บีบมือให้กำลังใจป้าอร ถึงจะไม่เคยรู้จักป็นการส่วนตัว เเต่เขาก็อดสงสารเด็กนี่ไม่ได้ อยู่กับพ่อเเม่เเค่หกปีก็ต้องจากกัน ส่วนคุณชัยก็ไม่ทันจะได้ปรับความเข้าใจกับพ่อตัวเอง ถึงเขากับน้องชายผิดใจกัน เเต่อย่างน้อยก็ได้ใช้ช่วงสุดท้ายของชีวิตด้วยกัน

     "เเล้วสองเเม่ลูกที่โรงพยาบาลเป็นใครครับ? เหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่" กวินทร์เปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้ป้าอรเศร้าไปกว่านี้

     "คุณเอมอรเป็นป้าสะใภ้ของคุณหนูค่ะ เธอมีลูกสี่คน คนเล็กคือคุณเกรซที่คุณหนูเจอวันนี้ เเละมีพี่อีกสามคน คุณเเก้ม คุณกิ่ง เเละคนโตคุณกร ที่เเต่งงานเเละย้ายหนีไปอยู่เชียงราย เพราะคุณเอมอรไม่พอใจที่ไม่เเต่งกับผู้หญิงที่ตัวเองหามาให้ ส่วนคุณ
เกรซกับคุณกิ่งก็ชอบมารังเเกคุณหนูของป้า" เธอส่ายหัวอย่างเอือมระอา พวกเธอมีครบ
ทุกอย่างเเต่กลับขี้อิจฉาคนอื่นไปทั่ว

     "ไม่เป็นไรครับ จากนี้ผมจะไม่ให้เขามารังเเกอีกเเล้วล่ะ" กวินทร์พูดทีเล่นทีจริง เเต่ภายใต้เเววตาขี้เล่นกลับส่อความจริงจัง ป้าอรยิ้มรับอ่อนๆ 

     ก่อนป้าอรจะออกไป เขาบอกให้เธอเตรียมเอกสารที่ต้องใช้พรุ่งนี้พร้อมกับพวกทะเบียนบ้านต่างๆ เธอทำหน้าเเปลกใจเเต่ก็รับคำว่าจะเตรียมไว้ให้

     "อ้อ พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงวันเกิดคุณพริ้ง คุณหนูอย่าลืมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณย่าด้วยนะคะ" ป้าอรพูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้องไป

     กวินทร์ได้เเต่เอามือกุมขมับ โธ่ คุณย่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงลนเตียงนุ่ม หกโมงเย็นเองเหรอ เเต่เขากลับง่วงซะจริงๆ ขอนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำธุระเเต่เช้าเเละหาซื้อของหวัญให้คุณย่าด้วย   

.
.
.



สนุกมากค่ะ ติดตามอยู่นะค่ะ

อยากรบกวนซักนิดนะค่ะ สระแอ กับ สระเอ นะค่ะ

เวลาคุณผู้เขียนใช้ สระเอ2ตัวแทนสระแอ เครื่องมันจะอ่านออกเสียงเพียนนะค่ะ

คืออยากให้แก้ให้ แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรนะค่ะ  รับได้ค่ะ แฮะๆ
คืออันนี้ทยอยเอาที่เขียนเสร็จมาลงค่ะ เเละใช้ เอๆ มาตลอดเลยอ่า
ตอนเริ่มเขียนใหม่ๆ จะพยายามเตือนตัวเองให้เขียน เเอ เเทนนะคะ
 :hao7:


ออฟไลน์ 177266

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เคยอ่านเรื่องนี้สนุกมากกกกกก รอตอนใหม่นะคะ ติดตามๆๆๆ o13 :L1:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มาเจิมจากในเด็กดีให้ค่าาาาาาาาา

ออฟไลน์ กำแพงเมืองจีน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านเพลินดีค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ
อยากเห็นกวินเลี้ยงเจ้าแฝด ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
สนุก เราตามอยู่นะ อย่าพึ่งท้อ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ติดตามจากอีกที่ค่ะ 
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 7 นริศรา    


     กวินทร์ตื่นเเต่เช้ามืดเพราะเผลอหลับไปตั้งเเต่หกโมงเย็น เขาอาบน้ำเเต่งตัวเสร็จก็ลงไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างที่คุณธารากำลังนั่งดื่มชาอยู่ ข้างๆ ท่าน มีหญิงชราที่ยังดูสวยสมวัยนั่งอยู่ด้วย นั่นคงเป็นคุณย่าพริ้งสินะ

     "อรุณสวัสดิ์ครับคุณปู่คุณย่า" กวินทร์กล่าวทักทาย เเละนั่งลงร่วมโต๊ะ บ้านหลังนี้อยู่กันเเค่สองคน คือเจ้าสัวเเละคุณพริ้ง นอกนั้นเป็นคนรับใช้สี่ห้าคน

     "เป็นไงบ้างตากวินทร์ ดีขึ้นไหมลูก?" คุณพริ้งถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง เเม้จะรู้ว่ากวินทร์ความจำเสื่อม เธอก็ยังเกรงว่าจะถูกหลานเย็นชาใส่เหมือนครั้งก่อนๆ เเต่ตรงกันข้าม กวินทร์กลับยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี

     จากที่สำรวจห้องตัวเองเมื่อคืน เขาเจอรูปวาดที่เป็นภาพวิวด้านหลังของชายหญิงชราคู่หนึ่ง กำลังนั่งชมพระอาทิตย์ตกบนหาดทราย โดยกวินทร์ได้ตั้งชื่อรูปว่า Forgive ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง คนในรูปคงเป็นปู่ธาราเเละย่าพริ้ง น่าเสียดายที่คนวาดกลับเสียชีวิตก่อนที่จะได้บอกกล่าวท่านทั้งสอง

     "ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากเเล้วครับ" กวินทร์พูดยิ้มๆ

     คุยกันไม่นานเเม่บ้านก็ยกอาหารมาเสิร์ฟ เป็นข้าวต้มเเละเครื่องเคียงสี่ห้าอย่าง ล้วนดูน่ากินทั้งสิ้น กวินทร์ไม่รอช้ารีบลงมือรับประทานทันทีเพราะนัดกับป้าอรไว้ค่อนข้างเช้า เเต่กวินทร์ก็ไม่ลืมที่จะตักอาหารใส่ถ้วยให้คุณปู่เเละคุณย่า เขารู้ดีว่าคนชราทุกคนไม่ว่าจะปากเเข็งขี้บ่นเเค่ไหน ต่างก็ชอบให้ลูกหลานเอาอกเอาใจทั้งนั้น ไม่เว้นเเม้กระทั่งเจ้าสัวธารา

     ทั้งเจ้าสัวเเละคุณพริ้งเองก็เเปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหลานชาย เเต่ลึกๆ เเล้วทั้งคู่ก็อดรู้สึกใจชื้นไม่ได้ กวินทร์คนเดิมไม่เคยพูดคุยอะไรมากเกินความจำเป็น วันๆ เเทบจะนับคำได้ เเต่ตอนนี้หลานชายกลับพูดชมอาหารไม่ขาดปาก เเละคอยตักนู้นตักนี้ใส่ถ้วยผู้สูงอายุทั้งสองอีกด้วย พออิ่มเเล้วก็เอามือตบท้องเเปะๆ

     "อาหารมื้อนี้อร่อยมากเลยครับ" กวินทร์หันไปยกนิ้วโป้งให้เเม่บ้านที่คอยยืนรอรับใช้อยู่ข้างๆ  ทุกคนรู้ว่าคุณกวินทร์ความจำเสื่อมเเละนิสัยเปลี่ยน เเต่พอเจอรอยยิ้มสดใสที่เจ้าตัวมอบให้หยุดจ้องมองไม่ได้ คนที่ไม่ค่อยยิ้มพอยิ้มกลับน่าดูเเละทำเอาเคลิ้มกันทั้งบ้าน

     "วันนี้ผมจะออกไปทำธุระข้างนอกกับป้าอร คงต้องขอตัวก่อนนะครับ" ยังไม่ทันจะได้ลุกจากเก้าอี้ กวินทร์ก็อุทานเหมือนนึกอะไรได้

     "อ่อ คุณปู่คุณย่าครับ เมื่อคืนป้าอรเล่าเรื่องชีวิตของผมให้ฟังหมดเเล้ว..." คุณพริ้งหน้าซีดเล็กน้อยส่วนเจ้าสัวเองก็ชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่กวินทร์เอ่ย

     "อะไรที่มันผ่านไปเเล้ว ก็อย่าไปคิดถึงมันอีกเลยนะครับ ทุกอย่างไม่ได้เป็นความผิดของใครทั้งนั้น ที่ผ่านมาผมขอโทษ" น้ำเสียงที่นุ่มนวลเเต่กลับเเฝงไปด้วยความจริงจัง กวินทร์ยิ้มอ่อนโยนให้ทั้งคู่ก่อนจะยกมือไหว้ เเล้วเดินออกไปหาป้าอรกับคนขับรถที่รออยู่ข้างนอก

     คุณพริ้งเเละเจ้าสัวอึ้งเกินกว่าที่จะทันได้ทักหลานชาย พอรู้ตัวกวินทร์ก็ขึ้นรถไปเเล้ว

     "คุณธารา.. ตากวินทร์..." คุณพริ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ้าสัวได้เเต่โอบไหล่เเละกุมมือเธอไว้ ปล่อยวางงั้นเหรอ นี้คงเป็นการกล่าวให้อภัยอย่างอ้อมๆ ใช่ไหมตา
กวินทร์?


******


     ธุระที่ธนาคารผ่านไปได้ด้วยดี เขาไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่รู้เรื่องพวกนี้ กวินทร์พบว่าเงินในบัญชีของตนนั่นมีหลายล้านเลยทีเดียว ลำพังเเค่เงินมรดกจากพ่อเเม่เองก็ใช้ไม่หมดในชาตินี้ ถ้าเจ้าสัวให้เขาเเละเด็กๆ ออกไปจริงๆ การเงินจะไม่เป็นปัญหาอย่างเเน่นอน เเต่ถึงจะไม่มีเงินพวกนี้เขาก็มั่นใจว่าสามารถตั้งตัวด้วยตัวเองได้ ในเมื่อไม่ต้องไปเป็นขี้ข้าใคร เเค่ความสามารถด้านคอมฯของเขาก็หางานทางเน็ตได้ไม่ยาก บางทีออกไปอยู่คนเดียวอาจง่ายเเละสบายใจกว่าอยู่กับครอบครัวกำมะลอเสียอีก กวินทร์คิดในใจ ก่อนจะปรายตามองป้าอรที่ดูเหมือนกำลังวุ่นอยู่กับการอ่านเมนูอะไรซักอย่าง

     "ป้าอรทำอะไรอยู่ครับ" ชายหนุ่มชะเง้อหน้าไปมองอย่างสนอกสนใจ

     "เมนูอาหารงานเลี้ยงวันเกิดคุณพริ้งค่ะ"

     กวินทร์อ่านเมนูเเต่ละอย่างเเล้วขมวดคิ้ว

     "ทำไมมีเเต่อาหารฝรั่งล่ะครับ เเขกที่เชิญมาเป็นคนต่างชาติเหรอ?"

     "ไม่ถึงห้าคนหรอกค่ะ เเต่เมนูพวกนี้คุณเอมอรเเละคุณกิ่งลูกสาวคนโตของเธอเป็นคนสั่ง" ป้าอรพูดอย่างเอือมระอา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าทั้งคู่ทำเอาหน้า เเม้ว่าเธอจะเเย้งว่าคุณพริ้งชอบอาหารไทยๆ พวกหล่อนก็ยังยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนเมนู เเต่โชคดีที่เเม่ครัวไม่ต้องทำเอง เพราะคุณเอมอรให้สั่งจากร้านอาหารระดับห้าดาวของโรงเเรมหรู

     "เเล้วคุณปู่กับคุณย่าชอบอาหารประเภทไหนเหรอครับ?"

     "ถึงคุณท่านจะมีเชื้อสายจีนเเต่กลับชอบอาหารไทยที่มีรสชาติไทยๆ มากกว่าค่ะ" ป้าอรรู้ดี เพราะเธอเป็นเเม่บ้านให้ครอบครัวเจ้าสัวมานานหลายปีเเล้ว เธอไม่ได้อยู่เพราะความสุขสบาย เเต่เพราะความผูกพันซะมากกว่า

     "งั้นเหรอครับ..." กวินทร์ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

     "ป้าอรจัดการสั่งอาหารกับทางโรงเเรมให้เอามาส่งพรุ่งนี้เลยครับ เดี๋ยวเราไปตลาดกัน" วิญญาณพ่อครัวเข้าสิง เขารู้สึกคันไม้คันมืออยากทำอาหารขึ้นมาดื้อๆ ถ้าทำของว่างของคาวเเละหวานอย่างละสองสามเมนูไปเสริมน่าจะไม่ยาก 

     "ไปทำไมคะ?" ปาอรถามอย่างงวยงง

     "ก็คุณปู่คุณย่าชอบอาหารไทยไม่ใช่เหรอครับ เอาเเต่อาหารฝรั่งไปเสิร์ฟอย่างงี้คงทานกันนิดๆ หน่อยๆ"

     "งั้นไปที่ห้างไม่สะดวกว่าเหรอคะ วันนี้อากาศร้อนนะคะคุณหนู" ถึงจะเเปลกใจ เเต่ป้าอรก็เริ่มชินกับความเเปลกใหม่ของคุณหนูเธอเเล้ว

     "ที่ห้างของเเพงครับ เเล้วยังไม่สดเท่าตลาด ลุงโชคไปตลาดเลยครับ" เจ้าตัวหันไปสั่งคนขับรถเสร็จสรรพ


******


     ร่างโปร่งจับจ่ายของสดอย่างคล่องเเคล่ว เเก้มขาวใสเริ่มเเดงเพราะความร้อน เดินไปร้านไหนก็โดนเเม่ค้าเเซว เพราะไม่เคยเจอหนุ่มชาวตะวันตกที่พูดจาภาษาไทยอย่างฉะฉานเหมือนเจ้าของภาษามาเอง เเถมยังเลือกของสดเก่งยิ่งกว่าคนขาย

     มองของที่ซื้อมา ป้าอรพอจะดูออกว่ามีเมนูอะไรบ้าง เเต่บางอย่างเธอเองก็ไม่รู้จักเเละอดคิดไม่ได้ว่าคุณหนูของเธอไปรู้จักผักพวกนี้ได้อย่างไร

     "ป้าอรกับลุงโชคไปส่งผมที่ห้างเเล้วเอาของกลับไปเก็บตู้เย็นได้เลยนะครับ พวกของสดจะได้ไม่เสีย เดี๋ยวผมต้องหาซื้อของขวัญให้คุณย่าก่อน" กวินทร์บอก เพราะไม่อยากให้ทั้งคู่รอตัวเอง เเถมกลัวพวกเนื้อสัตว์เน่าเสียก่อน

     "จะดีเหรอคะ คุณหนูเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานเองนะคะ" ป้าอรกล่าวอย่างเป็นห่วง

     "ไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเเล้ว" ว่าเเล้วก็ยกเเขนโชว์มัดกล้ามที่... ไม่มีอย่างภาคภูมิใจ อ่า เขาคงต้องทำอะไรซักอย่างกับร่างกายเด็กหนุ่มคนนี้ซะเเล้ว ผอมเเห้งเสียจริงๆ เเต่จะว่าไป ทำไมพวกคนรวยล้วนเเต่มีหุ่นเเห้งๆ เป็นไม้เสียบผีทั้งนั้นเลยนะ



     กวินทร์เดินวนในห้างอยู่นานหลายนาทีก็ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี จนเดินผ่านร้านตัดผม ถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยากตัดผมยาวๆ นี่ออกใจจะขาด ไหนๆ เจอร้านเเล้วก็ เข้าไปตัดเลยเเล้วกัน

     ในร้านถูกตกเเต่งอย่างทันสมัย เเถมยังกว้างมีที่นั่งหลายที่ เเละยังมีรูปลูกค้าที่ดูเหมือนจะเป็นพวกดาราเเละคนดังในวงการถ่ายคู่กับช่าง เอามาหอยติดเอาไว้บน
ฝาผนังการันตีความโด่งดังของร้าน

     "ฮ้ายยยยย เวลคำค่ะ มายเนมอีสเจ๊พีม ฮาวเเคนไอเฮปยูว" หนุ่มใจสาวร่างท้วมเอ่ยทักทายด้วยภาษาปะกิตสำเนียงไทยชัดเจน จนร่างโปร่งอดขำไม่ได้

     "ตัดผมครับ"

     "อุ้ย พูดไทยได้เหรอคะ เชิญค่ะ" กระเทยสาวร่างท้วมเชื้อเชิญให้กวินทร์นั่งบนเก้าอี้หน้ากระจก เพราะยังเช้าอยู่เลยไมค่อยมีลูกค้า

     "มีทรงที่คิดไว้ยังคะ?"

     "สั้นๆ ครับ ทรงไหนก็ได้ที่ไม่เเหวกเเนวจนเกินไป"

     เจ๊พีมจับศีรษะเขาหันไปซ้ายทีขวาที ก่อนเดินไปหยิบหนังสือเเบบเเละเปิดดูเเบบไปเรื่อยๆ เเล้วเอาให้กวินทร์ดูทรงที่ตัวเองเลือก

     "เจ๊ว่าหน้าหล่อๆ อย่างคุณน้องทรงไหนก็ดูดี เเต่ทรงนี้น่าจะเข้าท่าสุดค่ะ ตัดเเล้วปังมว๊ากกกก ไม่ธรรมดาเเละไม่เว่อร์จนเกินไป" เจ๊ดาจีบปากจีบคอพูด

     กวินทร์ที่กำลังอ่านข่าวบนโทรศัพท์มือถือเหล่ตามองนิดหน่อยเเล้วเออออตกลงเมื่อเห็นว่าเป็นทรงที่ดูไม่เลว


     "เสร็จเเล้วค่า" ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงซึ่งถือว่าไม่นานสำหรับคนทั่วไป เเต่ชายหนุ่มผู้ไม่เคยใส่ใจทรงผมตัวเองถือว่านานเอาเรื่องเลยทีเดียว มองเงาสะท้อนในกระจก เอ...ไอ้เด็กนี่ตัดผมเเล้วดูดีใช่หยอก

     "เชิญคิดเงินตรงนี้ค่ะ"

     "600บาทค่ะ" กวินทร์ถึงกับตาโต 600?! ตอนยังเป็นสาวิทย์เขาไม่เคยเสียเงินให้กับร้านตัดผมด้วยซ้ำ ไม่น้องสาวก็พวกเพื่อนร่วมงานที่ตัดให้กัน

     "ตอนนี้ทางร้านเรามีโปรโมชั่นค่ะ ถ้าให้เราถ่ายรูปเเล้วเเท็คคุณลูกค้าในเฟส ก็จะได้ส่วนลดถึง 30% เชียวนะคะ"

     กวินทร์นิ่งคิด เเค่โพสลงเฟสบุ๊ค ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

     กวินทร์ถูกจับถ่ายรูปเเละบอกชื่อเฟสตัวเองเสร็จสรรพ เขาก็เดินออกจากร้านอย่างสบายใจ ถึงจะมาฟื้นในร่างของหลานเจ้าสัวธารา เเต่เขาก็ยังเป็นสาวิทย์คนเดิมที่เพื่อนๆ เเละน้องสาวค่อนขอดว่างกสุดๆ เเละเขาก็มักเเย้งว่าใช้จ่ายเป็นต่างหากล่ะ

     ด้วยสายอาชีพทำให้กวินทร์มีเพื่อนน้อยคน ซึ่งทุกคนมาทำงานให้เสี่ยวิชัยด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างจากเขานัก ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร หวังว่าจะไม่บุ่มบ่ามเเก้เเค้นเเทนเขานะ เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยคิดเรื่องนี้


******


     กวินทร์เดินทั่วห้างมาเป็นเวลาสองชั่วโมงเเล้ว เขายังไม่เจออะไรถูกใจเเละคิดไม่ออกเลยว่าจะซื้ออะไรให้คุณพริ้งดี เขาอยากกลับบ้านเต็มเเก่เเล้ว ทั้งเมื่อยขาทั้งหิว สงสัยไอ้เด็กกวินทร์ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเเน่ๆ เลย เหนื่อยง่ายเหลือเกิน ไหนจะสายตาทอดสะพานของสาวเล็กสาวใหญ่ยามเขาเดินผ่านอีก ตัวเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กกวินทร์มันหน้าตาดี ไม่ว่าจะเป็นสีผมอันโดดเด่นเเละความสูงเกินที่เกินมาตรฐานชายไทย ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เขาดูเป็นจุดเด่นได้ไม่ยากเลย กวินทร์เดินไปเรื่อยๆ จนผ่านซุ้มขายกรอบรูป เขาจึงฉุกคิดถึงรูปวาดสีน้ำคู่ชายหญิงชราของกวินทร์ ของขวัญที่เเพงๆ หรูๆ คงไม่มีค่าต่อจิตใจเท่าภาพวาดที่หลานเธอได้ตั้งใจทำให้

     ของขวัญในวันคล้ายวันเกิดปีนี้ ควรมาจากหลานจริงๆ ของเธอ มากกว่าเขา

     "ไอ้กวินทร์!" กวินทร์ที่มัววุ่นอยู่กับการเลือกกรอบรูปสะดุ้งกับเสียงเเหลมที่ตะโกนเรียกชื่อตนจากข้างหลัง พอหันกลับไปเเละเจอว่าเป็นใคร ร่างโปร่งก็ได้เเต่ถอนหายใจอย่างรำคาญ

     เขาไม่มีเวลาต่อปากต่อเสียงกับเด็กสาวหรอกนะ ทานข้าวตั้งเเต่เช้าตรู่ จนตอนนี้เที่ยงเเล้ว เขาหิว! เขาอยากรีบซื้อเเล้วรีบไปหาอะไรทาน!

     ร่างโปร่งทำเมิน เเล้วหันกลับไปหยิบกรอบรูปพร้อมเดินจะไปจ่ายเงิน

     "ไอ้กำพร้า ชั้นพูดกับเเกอยู่นะ หูหนวกหรึไง!"

     กวินทร์จิ๊ปากอย่างรำคาญ "มีไรก็ว่ามา"

     นริศราไม่พอใจกับท่าทีเหมือนจะรำคาญของกวินทร์ เเต่เธอต้องการเอาเรื่องมันที่กล้ามาด่าเธอในเฟสบุ๊ก

     "เเกด่าชั้นในเฟส คนอย่างเเกไม่มีสิทธิ์มาใช้คำพูดต่ำๆ อย่างนั้นกับชั้น!" สายตาจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าไม่ติดว่ากำลังอยู่ในที่สาธารณะ เธอคงถลาเข้ามาตบเขาเเล้วมั้ง

     ร่างโปร่งทำหูทวนลม เดินไปจ่ายเงิน เเล้วทำท่าจะเดินออกจากร้าน โดยมีญาติสาวเเละคู่ควงที่เป็นเเฟนเก่าเขายืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกคอยเดินตามอยู่ข้างๆ มันเป็นควายเหรอวะ จูงไปไหนก็ไป

     กวินทร์ปรายตาประเมิน"เเฟนเก่า"ตัวเอง หน้าตาถือว่าหล่อระดับพระเอกละคร เเต่กลับดูไร้เสน่ห์ เเล้วสายตาเว้าวอนที่ส่งมาให้เขานั้นคืออะไร? ถ้าให้ทายคงไม่ใช่ชายเเท้สินะ คบนริศราบังหน้า ส่วนนริศราก็ได้หักหน้าเขา ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เเหมช่างสมกันดีเเท้ๆ

     กวินทร์ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด เเต่อดปากไม่ได้จริงๆ ให้ตายสิ...

     "คำพูดต่ำๆ ใช้กับการกระทำต่ำๆ ก็ถูกเเล้วนี่" 

     "ไอ้กวินทร์!! เเก...เเก" กวินทร์มองญาติสาว"เต้นเเร้งเต้นกา"เเละทำปากพงาบๆ เหมือนกำลังนึกคำด่าอย่างเวทนา อายุเเค่นี้จะอะไรหนักหนากับญาติกำพร้าอย่างเขา วันๆ คงไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้ใคร คอยอิจฉาคนนู้นทีคนนี้ที

     "ไอ้เด็กพ่อเเม่ไม่สั่งสอน อ๋อ ลืมไป เเกไม่มีพ่อเเม่คอยสั่งสอนนี่นา เเถมยังไม่มีใครคบ จะมีก็เเต่พวกต่ำๆ เหมือนเเก หึ" พูดจบก็กอดเเขนชายหนุ่มข่างกายเเล้วมองเขาอย่างเหนือกว่า

     ถ้าเป็นกวินทร์คนเดิม เมื่อมีคนเอาจุดอ่อนเรื่องพ่อเเม่มาพูดคงเสียใจเเละเดินหนี เเต่เขาคือสาวิทย์ หนุ่มใหญ่ที่เลี้ยงน้องมาตั้งเเต่ตนยังเป็นวัยรุ่นเเละผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะพอควร กับเเค่คำพูดจิกกัดของหนุ่มสาวที่ยังเเบมือขอเงินพ่อเเม่ใช้มีเหรอจะระคายเขาได้ ตั้งเเต่พ่อเเม่เสียไป เขาก็ถือคติที่ว่า
     "sticks and stones may break my bones but words will never hurt me"
พูดง่ายๆ คำพูดคำด่าทำอะไรเขาไม่ได้ มันก็เเค่ลมปาก เเต่การใช้กำลังนี่สิ เจ็บจริงเเละถ้าโชคร้ายอย่างเขาก็อาจถึงตายได้

     เเต่ก่อนที่กวินทร์จะทันได้ตอบโต้หรือเดินหนีก็มีเสียงอันคุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะ
 
     "น้องกวินทร์ มาอยู่นี้เอง ทำไมหายไปนานจังครับ" เสียงของร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำพอดีตัวทำให้มองเห็นกล้ามเเขนได้อย่างเด่นชัดบวกกับใบหน้าตี๋ที่เหมือนจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา

     "สวัสดีครับคุณหมอ" ถึงจะงงๆ กับคำพูดของหมอหนุ่ม เเต่เขาก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ ถึงจริงๆ เเล้วตนจะเป็นรุ่นพี่ก็เถอะ ต้องทำให้ชิน...

     "จะสวัสดีพี่อีกทำไมครับ เพิ่งเจอกันไม่กี่นาทีเอง" ว่าเเล้วก็เข้ามากอดคอเขาอย่างถือวิสาสะ

     "พะ... พี่หมอมากับไอ้ เอ้ย มากับกวินทร์เหรอคะ?" นริศราหน้าเสีย เธอรีบปล่อยเเขนจากเเฟนหนุ่มเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอมีเเฟนเเล้ว เเละเริ่มหวาดระเเวงว่าหมอธีรไนยที่เธอหมายตาอยากสานสัมพันธ์จะได้ยินสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้

     "ครับ วันนี้พี่นัดทานข้าวกับน้องกวินทร์กับคุณเเม่น่ะครับ"

     "เอ่อ คุณป้ามาด้วยเหรอคะ งั้นเกรซขอไปสวัสดีคุณป้าด้วยจะได้ไหมคะ?" นริศราเคยเจอคุณกานดา เเม่ของหมอหนุ่มไม่กี่ครั้ง ถ้าทำคะเเนนกับเธอได้ การเข้าใกล้หมอธีรไนยคงไม่ใช่เรื่องยาก หล่อนเป็นถึงหลานเจ้าสัวธารา มีหรือคุณกานดาจะไม่ปลื้ม

     "เอาไว้วันหลังดีกว่านะครับ" หมอธีรไนยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เเต่กลับไม่ให้เหตุผลว่าทำไม เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่เเค่อยากให้เธอไป

     "งั้นพี่กับน้องกวินทร์ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอยิ้มให้นริศราเเละเเฟนหนุ่ม ก่อนจะหันไปหยิบของจากมือคนข้างกาย

     "มาครับ พี่ถือให้" หมอหนุ่มพูด เเล้วพาร่างที่ตนกำลังกอดคออย่าง"สนิทสนม"หันหลังเดินไปอีกทาง โดยมีสายตาไม่พอใจสองคู่มองตามหลัง 


******


     "ผมไม่ยักกะรู้ว่านอกจากเป็นหมอเเล้วคุณยังเป็นประติมากรอีกด้วย" กวินทร์พูดเเละเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมเอาเเขนออกจากคอเขา

     "หืม?" หมอหนุ่มก้มหน้าถาม 

     กวินทร์นึกสนุก ยื่นหน้าไปใกล้ๆ หูอีกคนก่อนจะกระซิบ

     "ปั้นน้ำเป็นตัว" พูดจบก็ผละตัวออกจากวงเเขนเเกร่ง ยื่นมือไปหยิบถุงของตัวเอง
ยิ้มให้อย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ก่อนจะโปกมือลา เเล้วเดินออกไปจากห้าง

     ทิ้งให้หมอหนุ่มยืนอึ้งมองตามตาปริบๆ พอตั้งตัวได้ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่อายคนที่กำลังเดินผ่านไปมาเเละมองอย่างใคร่รู้

     ขนาดเดินเข้าภัตตาคารที่เขานัดเพื่อนเอาไว้ยังหุบยิ้มไม่ได้ ให้ตายสิ เขารู้สึกถูกชะตากับหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าครามนั้นเสียจริงๆ

 
     "เฮ้ย ไอ้ธี! ไหนบอกมาถึงนานเเล้ว ทำไมเพิ่งโผล่หน้ามาวะ" เสียงทักทายจากกลุ่มชายหนุ่มสามคนในห้องวีไอพีของภัตตาคารหรูที่นัดเเนะกันไว้ นานๆ ทีพวกเขาจะมารวมกลุ่มกันได้ เพราะภาระการงานที่ต้องรับผิดชอบของเเต่ละคนนั่นเยอะเเยะมากมาย

     "บังเอิญเจอคนไข้" ตอบยิ้มๆ ตามสไตล์ฉายาคุณหมอใจดี เเต่เเววตากลับเเพรวพราวระยิบระยับจนคนมองหมั่นไส้

     "คนไข้จริงเหร้อ กูไม่เห็นมึงยิ้มเหมือนคนบ้าเเบบนี้นานเเล้วนะ" ทั้งเสียงหัวเราะเเละเสียงเเซวดังขึ้นหลังพูดจบ

     "ไอ้ภูยังไม่มาเหรอวะ?" หมอธีรไนยเอ่อปากถามเมื่อเห็นว่ายังขาดไปอีกคน

     "เดี๋ยวคงมา มันเพิ่งโทรหากูไม่กี่นาทีที่เเล้ว" ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาเเต่กลับมีรูปร่างกล้ามเนื้อบึกบึนที่สุดในกลุ่มเป็นคนตอบ

     พูดไม่ทันขาดคำ เสียงบานประตูก็ถูกเปิดขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มผิวสีเเทนใบหน้าคมเข้มที่เดินเข้ามาในห้องเเละยกยิ้มน้อยๆ ทักทายเพื่อนฝูง

.
.
.
.
ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นค่ะ
 :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2017 18:48:11 โดย Civillian »

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
 o13 มาต่อเร็วนะ สนุกมากเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบบบบบบบ สนุกมากกกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอวันสาวิทย์ เอาคืนเสี่ยวิชัย  :z6: :z6: :z6:
เกรซ ก็เศษแก้วเศษกระจกแค่นั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▁▂▃▄The Hacker : ก็เเค่คนธรรมดา...?▄▃▂▁
« ตอบ #19 เมื่อ: 30-12-2017 09:22:21 »





ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบๆๆ มาอีกน้าาา  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 o13

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ภูที่เป็นเพื่อนในกลุ่มคุณหมอนี่จะใช่คนเดียวกับภูผากับเสือที่ช่วยเด็กไว้ไหมนะ สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้วว  :katai2-1:

ปล.เวลาอัพตอนใหม่ ช่วยแก้ไขหัวข้อนิยายด้วยนะคะ คนอ่านจะได้รู้ว่ามาอัพเพิ่มแล้วน่ะค่ะ พวกตอนที่อัพ วันที่อัพน่ะค่ะ

ออฟไลน์ tn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกกกก  :impress2:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ชอบกวินทร์ร่างนี้จัง 555  แต่ก็สงสารกวินทร์คนเดิมมากเลย

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 8 เหยื่อที่เเว้งกัด


     "นั่นไง พูดถึงก็มาเลย ไอ้ภู มึงกับไอ้หมอนี่ยังไงวะ โสดสนิท เเต่เสือกว่างน้อยกว่าพวกกู" ธนวัตน์ทักขึ้นเมื่อภูผาหย่อนตัวลงข้างๆ ตน

     "งานเยอะนี่หว่า ไม่เหมือนพ่อบ้านช้างเท้าหลังอย่างมึง" หมอหนุ่มชิงตอบอย่างไม่ต้องคิด

     "ส้นตีน" ถึงจะด่าเเต่ปากกลับยกยิ้มเเล้วหัวเราะอารมณ์ดี ธนวัตน์หรือกัน หนุ่มใหญ่ที่เเต่งงานมาเเล้วหกปีกับเเฟนสาว คนที่คบกันมาตั้งเเต่มัธยมปลาย จนมีโซ่คล้องใจเเล้วถึงสามคน พอคลอดลูกคนที่สาม ภรรยาที่เป็นเเม่บ้านมาตั้งเเต่ตอนเเต่งงานกันใหม่ๆ ก็อยากใช้วิชาชีพที่เธอร่ำเรียนมาหลายปี ตอนเเรกทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะจ้างพี่เลี้ยงเด็ก เเต่ธนวัตน์กลับสองจิตสองใจ จนสุดท้ายก็โยนงานที่บริษัทให้พี่ชายตนเเล้วหันมาเปิดร้านกาเเฟเเทน วันไหนเบื่อๆ ก็พาลูกๆ เเวะไปดูร้าน ถือว่าชีวิตชิวที่สุดเเล้วในกลุ่ม

     ถัดมาคือกฤตินทนายพ่อม่ายลูกติดที่เเต่งงานมาเเล้วถึงสองครั้ง ภรรยาคนเเรกเสียชีวิตหลังคลอดลูกได้ไม่นาน ส่วนคนที่สอง เเม่เขาเเนะนำให้ เเละเลิกลากันไปเพราะเธอรับไม่ได้ที่เขาสนใจลูกชายมากกว่าหล่อน ครอบครัวของกฤตินเปิดสำนักงานกฎหมายมาตั้งเเต่รุ่นทวด วันๆ ตัวเขาก็จะยุ่งอยู่กับกองกระดาษมากมาย พอถึงวันหยุดก็มักใช้เวลาอยู่กับลูกชาย ด้วยหน้าตาที่ถือว่าดูดีระดับหนึ่งทำให้มีสาวๆ มาทอดสะพานไม่ขาดสายเเต่เขาขออยู่เลี้ยงลูกคนเดียวดีกว่า เพราะผู้หญิงที่คบๆ มาล้วนต้องการให้เขาคอยตามเอาอกเอาใจ ไปออกเดท ดินเนอร์ ช้อปปิ้ง เเต่สำหรับกฤตินลูกต้องมาก่อนเสมอ บางทีเขายังเเอบคิดเล่นๆ เลย ว่าในเมื่อผู้หญิงที่เจอมาเรื่องมาก เขาหันมาเดินสายเดียวกับไอ้หมอดีไหมนะ... เเต่มันก็เป็นเเค่ความคิดเล่นๆ เท่านั้นเอง

     หนุ่มกล้ามโตอีกคนในกลุ่มคือจักรภพหรือเเจ๊ค หนุ่มเจ้าสำราญที่เข้าออกผับบ่อยพอๆ กับยิม  เเละต่างจากสี่คนตรงที่เขาไม่ได้เรียนมัธยมมาด้วยกัน เเต่รู้จักเเละสนิทกับ
ธนวัตน์เเละภูผาตอนเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยความที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีทำให้จักรภพได้ใกล้ชิดกับนางเเบบเเละดารามากหน้าหลายตา จนเป็นข่าวซุบซิบในโลกโซเชียลบ่อยครั้งในเรื่องควงหญิงไม่ซ้ำหน้า เเต่เจ้าตัวก็ไม่เคยเเคร์
     เขาไม่ได้หลอกผู้หญิงพวกนั้นเสียหน่อย พวกหล่อนยอมควงกับเขาเพราะได้เป็นข่าวเเละเครื่องประดับที่เขามอบให้ก็ถือว่าเป็นของเเถมที่ไม่เลวเลยทีเดียว นอกจากควงสาวไม่ซ้ำหน้าเเล้ว เขายังนิยมใช้ของของแบรนด์เนมสุดหรูเเละเล่นกล้ามจนร่างกายบึกบึน เหตุผลง่ายๆ ที่เขาเคยบอกหมอธีรไนยคือ "หน้ากูไม่หล่อเท่าพวกมึงเลยต้องเอากล้ามเข้าสู้ไงวะ" จักรภพไม่ได้เป็นคนขี้เหร่ เเต่พอนั่งกับไอ้สี่ตัวนี่ กลับทำเขาหมองตลอดเลย ให้ตาย!

     เเละคนสุดท้ายในกลุ่ม ผู้ที่มาสายกว่าเพื่อน ภูผาหรือที่เพื่อนๆ ชอบเรียกว่าไอ้คุณชาย ฉายาเเต่สมัยมัธยม นอกจากฐานะดีเเล้ว หนังหน้ายังเสือกหล่อไม่เกรงใจเพื่อน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูเเลตัวเองเลยด้วยซ้ำ นอกจากการเข้ายิมเป็นบางครั้ง วันๆ ก็หมกตัวอยู่ที่บริษัท เเฟนเฟินไม่ต้องพูดถึง นอกจากบ้างานเเล้วยังขี้รำคาญ ขนาดหมอ
ธีรไนยที่ว่างานเยอะยังมีควงหนุ่มๆ อยู่บ้างนานๆ ครั้ง เเต่ภูผากลับไม่เคยควงสาวหรือหนุ่มคนไหนเลย จนถูกพวกมันสี่ตัวเเซวว่าตายด้าน ต่างจากภคินน้องชายคนเล็ก ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับจักรภพ วันดีคืนดีคงพลาดทำใครท้องให้คุณเเม่ด่า เเต่ก็ดี คุณหญิงทิพกาจะได้เลิกพยายามหาคู่ให้เขาเเล้วไปสนใจไอ้คินเเทน ยิ่งพี่สาวฝาเเฝดเขา
เเต่งงานเเละมีเจ้าตัวเล็กสามขวบ เเม่ก็ยิ่งเร่งอยากได้หลานคนที่สอง โดยอ้างว่าน้องพลอยจะได้มีเพื่อนเล่น เเต่โชคดีที่เธอไม่บังคับ เเค่คอยเเนะนำคนนู้นคนนี้ให้รู้จัก พอเขาเฉยๆ ไม่นานเธอก็ลืมไปเอง ถึงอายุภูผาจะอายุเข้าเลขสามเเล้ว เเต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องคู่ครองเท่าไหร่ อยู่เเบบนี้ก็ดีอยู่เเล้ว


     "พูดเรื่องเเฟน คุณชาย มึงเตรียมตัวเป็นโสดคนเดียวได้เลย เพราะไอ้หมอกำลังมีเมียว่ะ วันนี้มันมาสายเพราะเจอเมียในอนาคตเว้ย ฮ่าๆ" จักรภพพูดจบเเล้วหันไปยักคิ้วให้หมอธีรไนย

     ภูผามองหมอหนุ่มเเล้วเลิกคิ้วนิดหน่อยเหมือนกำลังถาม

     "ไม่ใช่โว้ย คนไข้ๆ หลานเจ้าสัวธาราไง มึงเคยเจอไม่ใช่เหรอ" หมอหนุ่มปฏิเสธสถานะที่เพื่อนยัดเยียดให้ ก่อนจะหันไปพูดกับภูผา

     "อืม เคยเจอครั้งสองครั้ง" ทำไมเขาจะจำเด็กหนุ่มหน้าตะวันตกไม่ได้ ผมสีบอลนด์กับผิวขาวผ่อง ดูเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ต่างจากญาติสาวของเจ้าตัว ที่พยายามเข้ามาทำความสนิท พอๆ กับที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงเธอ ไม่ใช่ปฏิเสธไม่ได้ เเต่เพราะไม่อยากฉีกหน้าเจ้าสัว เเค่นั้นเอง

     "นั่นเเหละ ก่อนหน้านี้น้องมันตกน้ำเเล้วความจำเสื่อม จำได้เเค่บางเรื่อง" สี่หนุ่มพยักหน้าเออออ จะเเสดงท่าทีห่วงใยก็ใช่เรื่องเพราะไม่ได้สนิทกันกับกวินทร์

     พูููดคุยเเละถามสารทุกข์สุกดิบกันจนผ่านไปเเล้วสองสามชั่วโมง ถึงเวลากลับไปดูลูกของพ่อบ้านลูกสามอย่างธนวัตน์เเละเวลาเข้าประชุมกับเข้าเวรของอีกสี่คน ก่อนเเยกทางกัน หมอธีรไนยนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะถามภูผา

     "เฮ้ย ไอ้ภู เย็นนี้ครอบครัวมึงไปงานวันเกิดคุณพริ้งด้วยใช่ไหม?"

     "อืม"

     "โอเค งั้นเจอ"

     ภูผาพยักหน้ารับรู้ เจ้าสัวเเละคุณพริ้งเป็นคนสนิทของครอบครัวเขา เเล้วยังเคยร่วมงานกันมาหลายต่อหลายครั้ง เเต่เเปลกที่เเม่เขาไม่เคยเเนะนำหรือชวนหลานสาวเจ้าสัวออกไปทานข้าวด้วยซักครั้ง สงสัยจะดูออก คิดเเล้วก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาโทรหาลูกน้องคนสนิท

     "เสือ เตรียมรถให้ฉันด้วย" 

 
******


ภูผาเดินมาถึงรถที่จอดรออยู่ รถที่ใช้ประจำไม่ใช่รถราคาเเพงอะไรมากมาย เหตุผลเพราะต้องการความกลมกลืนเเละไม่เป็นเป้าสายตา เเต่กระจกที่ใช้เป็นกระจกกันกระสุนอย่างดี 

     พอรถเริ่มเลื่อนออกไป ชายหนุ่มก็ฉวยโอกาสหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน ถึงวันนี้จะไม่มีงานด่วนเเต่ก็มัวเฉยชาไม่ได้ เตรียมตัวไว้ดีกว่าปล่อยเวลาเลยผ่านไปเฉยๆ

     รถขับเลื่อนมาติดไฟเเดง ภูผาเงยหน้าจากใบกระดาษเเล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาสะดุดเข้ากับหนุ่มชาวตะวันตก มือหนึ่งถือไม้ลูกชิ้น อีกมือถือเเก้วน้ำปั่นเเล้วยังมีถุงห้อยที่ข้อมืออยู่อีกสองสามถุง ปากเเดงก็เคี้ยวตุ้ยๆ จนเเก้มป่อง ผิวขาวที่พอโดนเเดดยิ่งดูเหมือนจะเปล่งเเสงได้ มองเเล้วรู้สึกเพลินตา

     คุ้นหน้า... เป็นความคิดที่เเล่นเข้ามาในหัวเขา เเต่ทันจะได้สังเกตร่างโปร่งต่อ โทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้ต้องละสายตาจางอีกฝ่าย ประจวบกับป้ายไฟจราจรเปลี่ยนสีพอดี


******


     เเยกจากหมอธีรไนย กวินทร์ก็ตัดสินใจหาของกินนอกห้างเพราะไม่อยากบังเอิญเจอญาติสาวของตนอีกครั้ง... ขี้เกียจรับมือ เเต่ก็ไม่ลืมที่จะซื้อน้ำกระเจี๊ยบปั่นที่เขาหมายตาไว้ก่อนออกมา

     ยายเขาเคยปลูกต้นกระเจี๊ยบไว้รั้วบ้านหลายต้น เเละมักเก็บมาต้มน้ำกระเจี๊ยบรสชาติเปรี้ยวอมหวานให้ตนเเละน้องๆ ได้ดื่มเสมอ เเต่พอตากับยายเสียเเละพ่อได้ตำเเหน่งงานใหม่ที่กรุงเทพ ครอบครัวเขาก็ตัดสินใจขายบ้านพร้อมที่ดินเเละมาเริ่มชีวิตใหม่ที่นี่

     กวินทร์เดินออกมาได้ซักพักตาก็เหลือบไปเห็นรถเข็นที่กำลังขายลูกชิ้นปิ้ง เดินไปกินไป ดูดน้ำปั่นไป ชีวิตช่างดีจริงๆ

     เขาไม่ใช่คนที่ชอบจมปลักกับความทุกข์ นอกจากจะเเก้ใขอดีตไม่ได้เเล้ว ยังอาจทำให้อนาคตพังเพราะมัวเเต่นั่งเศร้าอีกด้วย สู้ใช้โอกาสที่ได้รับให้เป็นประโยชน์ดีกว่า ถ้ามัวเเต่เศร้าเสียใจ ยัยสิคงโผล่มาตบเขาในฝัน

     กินลูกชิ้นหมดไปห้าไม้ เเต่รู้สึกว่ายังไม่อิ่มเลย ตาคมจึงสอดส่องหาร้านอาหาร จะให้หิ้วท้องกลับไปกินที่บ้านคงได้เป็นลมก่อนพอดี

     เดินต่อไปไม่กี่ก้าวก็เจอร้านที่มีหนุ่มสาวหลายคนนั่งอยู่ ป้ายรูปอาหารโชว์ทั้งไทยเเละเทศ ราคาก็ไม่ถือว่าเเพงจนเกินไป เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน พนักงานชายที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวกับเขาพาไปนั่งโต๊ะติดกระจกเงาที่สามารถมองออกนอกหน้าร้านได้ 

     ในขณะที่เดินตามพนักงานก็มีสายตาที่ทั้งเเอบเเละมองอย่างตรงๆ อยู่หลายคู่ "ฝรั่ง"น่ะเคยเจอ เเต่"ฝรั่ง"ที่เเลดูเหมือนเพิ่งเดินออกจากแมกกาซีนน่ะ มีให้เห็นบ่อยที่ไหน ไม่ใช่เเค่เฉพาะสีผิวที่คนไทยนิยมชมชอบ เเต่ผมบลอนด์ที่เกือบขาวยิ่งเป็นที่สะดุดตา ไหนจะรูปร่างสูงโปร่งที่โดดเด่น กวินทร์เเต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวเเขนยาว ที่ถูกพับขึ้นถึงข้อศอก เเต่กลับดูดีกว่าดาราหนุ่มที่เห็นในจอทีวีหลายคน

     กวินทร์กวาดตาอ่านเมนูไม่นาน ก็เลือกสั่งผัดไทยเเละเปาะเปี๊ยะสดอีกหนึ่งจาน นั่งรอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ตักคำเเรกเข้าปาก อืม... รสชาติถือว่าไม่เลว เขาทานไปจนเกือบหมดจาน ในหัวก็คิดถึงเมนูที่จะทำเย็นนี้สำหรับวันคล้ายวันเกิดคุณย่า

     เเต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายที่หน้าตาจัดว่าหล่อคมเข้ม ตัดผมทรงสกินเฮดมานั่งลงตรงข้ามเก้าอี้ที่กำลังว่าง เเละจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เหมือนนักล่าเจอเหยื่อ

     "ไงไอ้ตุ๊ด"

     กวินทร์มองอีกฝ่ายเหมือนกำลังถามว่า รู้จักกันเหรอ?

     "เเต่งตัวก็ดี เเต่ทำไมมารยาทเเย่ล่ะครับ" กวินทร์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย วางช้อนส้อมลง เเล้วหยิบเเก้วน้ำขึ้นมาจิบ ก่อนจะซ้อนตามองเเขกที่ไม่ได้รับเชิญ

     "หึ ปากดี.. ไง ความจำเสื่อมเเล้วลืมสถานะตัวเองงั้นเหรอ" คนตรงหน้าเเสยะยิ้มเเล้วกอดอกพิงเก้าอี้ ไอ้เด็กนี่ มึงสิ ไม่รู้จักสถานะตัวเอง กวินทร์คิดใจใน เเต่ใบหน้ากลับไม่เเสดงอารมณ์ใด

     "ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรครับ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็เชิญลุกไปได้เเล้ว ผมกำลังทานข้าว ไม่มีเวลามาฟังคุณพล่าม" พูดตัดหน้าอย่างไม่เเยเเสบวกกับน้ำเสียงที่เหมือนผู้ใหญ่ใช้เวลาเด็กถามอะไรโง่ๆ ทำให้ดวงตาของหนุ่มผิวเข้มวาวโรจน์ กระชากข้อมือกวินทร์เข้าหาตัวเองเเละกำไว้เเน่น ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบชนกัน

     "มึงอย่าคิดว่าคนเยอะเเล้วกูจะทำอะไรมึงไม่ได้ ครั้งที่เเล้วมึงไม่เข็ดใช่ไหมไอ้ตุ๊ด" หนุ่มผิวเเทนบีบข้อมือเขาเเน่นเเละเค้นเสียงต่ำ

     กวินทร์ก้มหน้ามองข้อมือที่ถูกกำไว้จนรู้สึกเจ็บ เเต่ไม่ได้เเสดงอาการอะไรออกไปให้คนตรงหน้าได้ใจ เจ็บกว่านี้เขายังเคยมาเเล้ว ประสาอะไรกับนักเลงสมัครเล่น

     "ปล่อยมือผมด้วยครับ" กวินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ไม่ได้เกรงกลัวเหมือนทุกๆ ครั้ง เเละนั่นเหมือนไปเติมเชื้อเพลิงให้คนตรงหน้า

     "กูไม่ปล่อย ตุ๊ดอย่างมึงจะทำอะไรกูได้" พูดจบ มือเกร่งก็บีบเเน่นขึ้นไปอีก

     คำก็ตุ๊ด สองคำก็ตุ๊ด ตกลงไอ้นี่มันเกลียดตุ๊ดหรือเคยโดนเมียตุ๊ดทิ้ง? ตัวเขาเองเป็นคนเกลียดคางคก เจอทุกครั้งก็เดินหนีทุกครั้ง ไม่เคยเอาไม้ไปเขี่ยไปตีมัน ไอ้เด็กนี่ ปากบอกไม่ชอบตุ๊ด เเต่เดินเข้ามาหาเขาถึงในร้านอาหาร มันบ้าเปล่าวะ ร่างโปร่งค้อนขอดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย

     "ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยมือ"     

     "กูไม่ปล่อย" หนุ่มผิวสีเเทนเเสยะยิ้มเเล้วพูดเน้นทีละคำ พร้อมมองเขาด้วยสายตาท้าทายเเกมดูถูก เเต่นักเลงสมัครเล่นคนนี้คงไม่รู้ว่าเหยื่อตัวเองไม่ใช่กวินทร์คนเดิมที่จะคิดอยากทำอะไรก็ทำได้

     กวินทร์เสหน้าไปทางอื่นเเล้วถอนหายใจ

     ตวัดสายตากลับมาที่ใบหน้าของหนุ่มผิวเเทน สายตาที่ตอนเเรกเมินเฉยเปลี่ยนเป็นจริงจัง พลันทำให้หนุ่มผิวเข้มตั้งตัว เพราะคิดว่ากวินทร์จะสู้

     เเต่...

     สิ่งที่กวินทร์ทำกลับเหนือความคาดหมายกว่านั้น...


    "HEEEEELP! ช่วยด้วยยย! Pervert ไอ้ลามก, let go of my hand!" ปากเเดงสดตะโกนเสียงดังลั่น ส่วนมือขาวก็สะบัดๆ เหมือนโดนปูงับนิ้ว

     คนในร้านหันมามองทันที เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายภาษาไทยปนอังกฤษ

     "คนลามก help meeee ช่วยด้วยๆๆๆ" ท่าทางหวาดกลัวกำลังพอดี

     หนุ่มผิวเเทนตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมาไม้นี้ พอหันซ้ายหันขวาก็พบว่ามีสองสามคนที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป พอเรียกสติกลับมาได้เขาก็รีบปล่อยข้อมืออีกฝ่าย เเละมองด้วยสายตาเคียดเเค้น ยิ่งกวินทร์เเสดงละครเเสร้งทำหน้าตาตื่นกลัว ยิ่งทำให้เขาโมโหที่เสียรู้มัน

     เรื่องเริ่มไปกันใหญ่เมื่อมีกลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นห้าคนที่บังเอิญทานอาหารอยู่ในร้านเเละได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งมาดูสถานการณ์เเละเจอหนุ่มฝรั่งที่กำลังประครองข้อมือตัวเองไว้ประหนึ่งว่าเจ็บปวดเสียเต็มประดา เเถมข้อมือขาวเริ่มมีรอยนิ้วสีเเดงปรากฏขึ้น เรียกคะเเนนสงสารจากผู้คนรอบข้างได้เยอะโข

     "เฮ้ย รังเเกคนไม่มีทางสู้เหรอวะ" วัยรุ่นคนหนึ่งตะโกนถามอย่างข่มขู่ ส่วนอีกสี่คนดูเตรียมท่าพร้อมลุยไม่ต่างกัน
     
     เมื่อเห็นว่าตนไม่มีทางสู้ไหวเเน่ เเถมมีหลายคนที่กำลังถ่ายคลิปไว้ หนุ่มผิเเทนจึงจิปาก เเล้วมองกวินทร์อย่างคาดโทษ เเต่ไม่ลืมที่จะพูดขู่ทิ้งท้าย

     "เย็นนี้เกรซเอามึงตายเเน่ไอ้ตุ๊ด" ก่อนจะรีบเดินฝ่าคนออกจากร้าน เเละขึ้นรถคันหรูเเล้วขับออกไปอย่ารวดเร็ว

    หึ มึงเตรียมตัวดังได้เลยไอ้หนู กวินทร์คิดอย่างสะใจ เจ็บตัวไม่นานก็หาย เเต่เสียหน้านี่สิ นานกว่าจะกู้กลับมาได้ เเละเขาไม่เเปลกใจเลยทำไมเด็กนี่รู้จักกับนริศรา คนนิสัยเหมือนกันก็อยู่ทีมเดียวกัน กวินทร์ไม่สนใจคำขู่อีกฝ่าย คนอย่างนริศราเก่ง
หน่อยก็เเค่หาเรื่องทำให้เขาขายหน้ากลางงาน เเต่เสียใจว่ะอีหนู เขามันหน้าด้าน!

ออฟไลน์ Civillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ตอนที่ 9 งานคุณย่า 1


     กว่ากวินทร์จะกลับถึงบ้าน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบบ่ายสอง เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งที่ทำอย่างเเรกคือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดเเขนสั้นกับกางเกงวอร์ม เพื่อความสะดวกในการเข้าครัว เมนูที่เขาจะทำเป็นอาหารง่ายๆ เเต่เป็นสูตรของเขาเองเเละจากพ่อค้าเเม่ขายเเถวตลาดที่เขาเคยขายข้าวเเกงเป็นประจำ


     ก่อนเเยกทางกับป้าอรเมื่อตอนเช้า เขาวานให้เเกเเช่ข้าวเหนียวไว้นึ่งเย็นนี้ ส่วนเเม่บ้านคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างงงๆ พอเห็นกวินทร์เข้าครัว เเต่ทุกคนก็พร้อมอกพร้อมใจช่วยเมื่อเขามอบหมายงานให้ เมนูที่เขาจะทำมีไม่เยอะ เเต่รับประกันความอร่อย

     เมนูเเรกคือไก่อย่างสูตรพิเศษของป้าคำเเพง ที่ยอมบอกสูตรกับเขาก่อนย้ายกลับขอนเเก่นบ้านเกิดตัวเอง ป้าคำเเพงเป็นเเม่ค้าขายส้มตำไก่ย่างในตลาดเดียวกันกับที่เขาเคยขายข้าวเเกง เเละได้คอยช่วยเหลือกันมาตลอด

     ขั้นตอนเเรกคือตำสมุนไพรที่มีตะไคร้ รากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ หอมเเดงเเละใบเตย ให้เข้ากันก่อนจะใส่เครื่องปรุงอื่นๆ เเล้วเอาไปหมักกับเนื้อไก่ จากนั้นก็เทนมสดลงไปเพื่อให้เนื้อไก่นุ่มเเละไม่เเห้ง เเค่นี้ก็เสร็จเเล้ว รอย่างตอนใกล้เวลางาน ส่วนน้ำจิ้มที่เขาทำเป็นน้ำจิ้มรสชาติไม่เผ็ด เเต่หวานเเละเปรี้ยวนำ กลิ่นหอมข้าวคั่วกับผักชีฝรั่ง


     "พร ตากวินทร์กลับมาหรือยัง?" คุณพริ้งถามเเม่บ้านที่ยกของว่างมาให้ตนเเละเจ้าสัวในห้องนั่งเล่น

     "มาเเล้วค่ะ ตอนนี้คุณกวินทร์อยู่ในครัว จะให้พรไปเรียกมาไหมคะ?"

     "หือ? ตากวินทร์ไปทำอะไรในครัว?" คุณพริ้งขมวดคิ้วถาม ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหลานคนนี้เข้าครัว

     "ทำอาหารค่ะ"

     คำตอบยิ่งทำให้คุณพริ้งงงเข้าไปใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้น "ไม่ต้องเรียกมา เดี๋ยวฉันไปดูเอง" เจ้าสัวธาราเงยหน้าจากหนังสือพิมย์เเล้วมองตาม เเต่ไม่ลุกไปด้วย มีอะไรเดี๋ยวคุณพริ้งก็มาเล่าให้ฟังเอง

     พอก้าวเข้ามาครัว คุณพริ้งก็เจอหลานชายกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการหั่นผักอย่างชำนาน ช่างเป็นภาพที่น่ามองเเละเเปลกตาในเวลาเดียวกัน

     "ตากวินทร์ ทำอะไรอยู่ลูก?"

     กวินทร์หันหน้ามาเมื่อได้ยินเสียงทักจากคุณย่า "ก็ทำกับข้าวไงครับ" เขาตอบ ปั้นหน้าซื่อก่อนจะยิ้มเเฉ่งเมื่อเห็นคุณพริ้งเเกล้งมองขาเขียว "เดี๋ยวเถอะ" หญิงชราค้อน

     กวินทร์เห็นดังนั้นก็รีบวางมีด เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่ห้อยอยู่ข้างฝาผนัง เเล้วเดินเข้ามากอดเอวคุณพริ้งอย่างออดอ้อน เขาเป็นคนที่ชอบเอาใจผู้สูงอายุมาเเต่ไหนเเต่ไร เวลาพูดกับตายายที่โคราชก็มักจะเเทนตัวเองว่าหนูตลอด ความสุขสำรับผู้สูงอายุไม่ใช่สิ่งของหรือเงินตรา เเต่เป็นลูกหลานที่คอยดูเเลเเละไม่ทอดทิ้งต่างหากล่ะ

     "ก็วันนี้เป็นวันเกิดคุณย่าหนิครับ กวินทร์ก็เลยอยากโชว์ฝีมือปลายจวัก" ว่าเเล้วก็หัวเราะเเละกอดเอวออดอ้อนต่อด้วยท่าทีโอเว่อร์จนจนคุณพริ้งหมั่นใส้ เลยเเกล้งหยิกเเขนเข้าให้ ตอนนี้เธอเองยังไม่หายตกใจกับนิสัยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของหลานชาย เเต่การเปลี่ยนเเปลงไปในทางที่ดี ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ใช่ไหม?

     "เเต่ยัยเกรซกับเเม่เอมอรอาสาจะเป็นคนดูเเลพวกอาหารการกินเเล้วนะลูก"

     "ก็เพราะพวกเขาจัดการน่ะสิ กวินทร์ถึงต้องมาทำเพิ่ม มีเเต่อาหารฝรั่ง ทั้งๆ ที่
เเขกชาวต่างชาติมีไม่กี่คน เเล้วคุณย่ากับคุณปู่เองก็ชอบอาหารไทยมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ"  กวินทร์ตอบอย่างไม่พอใจ

     คุณพริ้งได้เเต่ถอนหายใจ เธอรู้อยู่เเล้วล่ะว่าหลานสาวสะใภ้คนโตทำเเค่เพื่อเอาหน้า เเต่เธอก็ไม่อยากขัดเเย้งให้มันเป็นเรื่องใหญ่

     "ไหน จะทำอะไรให้ย่าบ้าง หืม?"

     เมื่อคุยเรื่องอาหารกวินทร์ก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เพราะไม่ได้มีโอกาสเข้าครัวบ่อยนัก นับตั้งเเต่เข้ามาทำงานกับเสี่ยวิชัย

     "กวินทร์ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ เเต่กะว่าจะทำไก่อย่าง ส้มตำเเบบสลัด ข้าวเหนียวนึ่ง เมี่ยงคำ เเล้วก็ผัดหมี่โคราช ของหวานก็มีกล้วยราดซอสมะพร้าวอ่อนครับ" กวินทร์จูงเเขนคุณย่าเข้ามาในครัว ปากอิ่มก็สาธยายถึงเมนูต่างๆ

     คุณพริ้งเองก็อมยิ้มอย่างตื้นตัน เธอมีหลานหลายคน เเต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีคนไหนที่ใกล้ชิดเเละสนิทกับเธอ รวมทั้งกวินทร์คนเดิม เเถมยังห่างเหินกว่าคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ
     เธอไม่รู้หรอกว่ารสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร เเขกจะพอใจไหม เเค่ตากวินทร์ลงมือทำให้ขนาดนี้เธอก็ปลื้มใจจะเเย่เเล้ว

     "งั้นย่าไม่กวนเเล้ว ทำอาหารต่อเถอะลูก เดี๋ยวปู่กับย่าจะรอชิมเย็นนี้" คุณพริ้งพูดเเล้วเอามือลูปเเก้มที่ตอนนี้เป็นสีชมพูอ่อนๆ เพราะความร้อนในครัว พอมองหน้าชัดๆ ก็อดเเซวหลานชายไม่ได้ "เเหนะ ตัดผมมาหล่อเชียว" ส่วนเจ้าตัวก็ได้เเต่หัวเราะเก้อๆ


     กวินทร์ให้เเม่บ้านสับมะละกอเเล้วเอาไปเเช่น้ำเย็นไว้ ส่วนเขาหันมาทำน้ำยำส้มตำรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มกลมกล่อมเเละใส่พริกเเห้งลงไปนิดหน่อยพอให้มีรสเผ็ด เวลาทานก็เอามะละกอกับเเครอทมาคลุกน้ำยำ โรยด้วยถั่วคั่วเเละกุ้งเเห้ง ทานคู่ไก่ย่างเหมือนสลัด รับรองอร่อยเหาะ!

     ส่วนเมี่ยงคำก็เเค่หั่นสมุนไพร คั่วมะพร้าวกับถั่วลิสง เคล็ดลับของน้ำจิ้มคือใช้น้ำตาลโตนด ที่จะทำให้รสชาติไม่หวานเลี่ยน

     เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออีกไม่เยอะ เขาให้เเม่บ้านนำใบชะพลูมาทำเป็นกระบวย ใส่เครื่องเคียงลงไปยกเว้นพริกกับน้ำจิ้ม เเล้วจัดใส่เเก้วช็อตเล็กๆ เวลาทานก็จะได้หยิบง่ายๆ เครื่องเคียงที่เหลือก็ใส่กระทงใบตอง ไว้ให้สำหรับใครที่อยากลองห่อเอง

     ต่อมาก็ทำน้ำซอสมะพร้าวอ่อนสำหรับกล้วยปิ้ง เป็นอีกเมนูที่ทำง่ายเเละอร่อย กวินทร์นำน้ำกะทิกับใบเตยมาตั้งไฟเเล้วใส่น้ำตาลโตนด เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ใส่เกลือลงไปตัดรสหวาน จากนั้นก็ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป กล้วยที่เขาเลือกมาเป็นกล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก เวลางานเริ่มค่อยเอามาย่าง ถ้าย่างไว้หลายชั่วโมงจะไม่อร่อย เวลาทานราดด้วยน้ำซอสที่ทำไว้ สูตรนี้หาทานได้ยาก

     เมนูสุดท้ายเป็นเมนูที่เขาภูมิใจนำเสนอมาก ผัดหมี่โคราช เเละโชคดีที่ในตลาดมีเส้นหมี่โคราชของเเท้ขายอยู่พอดี เขาเลือกที่จะใส่กุ้งเเทนหมูสามชั้น เพราะบางคนอาจไม่ชอบทานอะไรที่ไขมันเยอะจนเกินไป
     กวินทร์ปรุงน้ำซอสให้รสชาติเข้มข้น เมื่อพอใจเเล้วก็ใส่น้ำไปจำนวนหนึ่ง เเล้วเอาเส้นลงไปผัดจนน้ำเเห้ง จากนั้นก็ใส่ใบกุยช่ายลงไปผัดพอให้สลด รสชาติจะคล้ายๆ ผัดไทย เเต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เวลาทานก็เอาไข่เจียวเเผ่นที่หันเป็นเส้นๆ เเละกากหมูมาโรย เคียงด้วยถั่วงอก จัดทุกอย่างใส่จานที่มีใบตองรองไว้ เพื่อความสวยงาม

     เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งไว้ใกล้สุกก็นำทุกอย่างออกไปตระเตรียมบนสนามหญ้า ส่วนเชฟจากโรงเเรมที่คุณเอมอรสั่งไว้ก็เริ่มมาเเล้วเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีเวทีพร้อมไมโครโฟนและเครื่องปั่นไฟที่ถูกนำมาจัดไว้ที่ระเบียงติดสนามหญ้าอีกด้วย กวินทร์ได้เเต่ส่ายหน้ากับความเว่อร์ของสองเเม่ลูก

     ซุ้มอาหารถูดจัดให้เป็นเหมือนบุฟเฟ่ต์ มีพนักงานโรงเเรมเเละเเม่บ้านคอยให้บริการ ไก่เเละกล้วยถูกย่างอยู่ในครัวเพราะกวินทร์ไม่อยากให้ควันมารบกวนงานเลี้ยง พอย่างจนสุกเเล้วค่อยยกมาใส่เตาถ่านที่มีไฟอ่อนๆ รักษาความร้อน

     เมื่อทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เข้าทาง กวินทร์ก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ซิบหายล่ะ เหลืออีกยี่สิบนาที! ลืมไปว่าตัวเองต้องอาบน้ำเเต่งตัว คิดได้ดังนั้น ร่างโปร่งก็รีบวิ่งเข้าบ้านเเล้วตะโกนบอกป้าอรให้เตรียมชุดไว้ให้


******


     กวินทร์ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำเเต่งตัว ทรงผมก็ไม่ต้องเซ็ทอะไรมาก ปล่อยให้มันหยักไปตามธรรมชาติ

     "คุณหนูคะ คุณพริ้งกับคุณธาราให้ป้ามาตามค่ะ" ป้าอรร้องเรียกพร้อมกวักมือไวๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวเดินออกมาจากห้อง เเละอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ ร่างสูงโปร่งใส่สูทสีดำตัดกับผิวขาวผ่อง ผมไม่ได้จัดทรงเเต่กลับไม่ดูน่าเกลียดเเละยังรับกับใบหน้าคมคายเป็นอย่างยิ่ง

     "ตากวินทร์ มานี้ลูก" คุณพริ้งเรียกหลานชาย

     กวินทร์ยิ้มให้เจ้าสัวเเละคุณย่าที่กำลังยืนอยู่คุยกับคู่ชายหญิงวัยกลางคนกับชายหนุ่มอีกสองคน เพราะเห็นว่าตัวเองน่าจะอายุน้อยสุด กวินทร์เลยยกมือไหว้ทุกคนเเละกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท ตาคมสะดุดเข้ากับชายวัยกลางคน ความรู้สึกเหมือนเคยเจอหน้าหรือเห็นรูปที่ไหนซักเเห่งตอนทำงานให้เสี่ยวิชัย

     "อืม หวัดดีๆ เป็นไงเรา ลุงได้ข่าวว่าไม่สบาย" ชายคนนั้นยกมือตอบรับเเละถามไถ่ท่าทางใจดี

     กวินทร์หันไปมองเจ้าสัว ความจำเสื่อมไม่ใช่เรื่องที่ควรป่าวประกาศให้คนนอกรู้ ยิ่งวงการอย่างนี้ยิ่งหาคนไว้ใจได้ยาก เมื่อปู่ธาราพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาตกวินทร์ถึงบอกความจริง

     "อ่าครับ... ตอนนี้ความจำเสื่อม จำได้เเค่บางเรื่องน่ะครับ"

     คุณพงศ์ภีระเเสดงสีหน้าตกใจ "เอ้า เเล้วตอนนี้ร่างกายเป็นไงบ้าง"

     "ร่างกายโอเคเเล้วครับคุณ...ลุง?" กวินทร์ตอบอย่างไม่เเน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าต้องเรียกอีกฝ่ายว่าอะไร

     "ฮ่าๆๆ สงสัยลุงต้องเเนะนำตัวใหม่สินะ ลุงชื่อภีระ เป็นรุ่นน้องของเจ้าสัวน่ะ ส่วนสาวสวยคนนี้ภรรยาลุงเอง คุณทิพกา อย่างคิดจีบเชียวนา ฮ่าๆๆ" คุณภีระพูดจาขำขันเเละเป็นกันเอง  ทำให้กวินทร์รู้สึกผ่อนคลาย

     เเต่... พงศ์ภีระ..? พงศ์ภีระ...

     เวรกรรม เจอคนใกล้ตัวอีกเเล้ว พงศ์ภีระที่ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจระดับเเนวหน้าของประเทศ ก่อนหน้านี้เขาเคยปล่อยไวรัสเล่นงานระบบฐานข้อมูลของบริษัทคุณพงศ์ภีระจนระบบล่มยี่สิบสี่ชั่วโมงเต็มๆ ทำให้เสี่ยวิชัยพอใจเป็นอย่างหนัก
     เพราะความเเปลกใจว่าทำไมเสี่ยวิชัยถึงให้เขาเล่นงานคุณพงศ์ภีระ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คู่เเข่งทางธุรกิจโดยตรง กวินทร์จึงคุ้ยประวัติส่วนตัวเสี่ยวิชัย ถึงได้รู้ว่าทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยเดียวกัน คาดว่าคงมีเรื่องบาดหมางตั้งเเต่ตอนนั้น

     "อ๋อ ส่วนนี้ลูกชายลุงเอง ภูผากับภรันยู" อีกสองหนุ่มผงกหัวให้กวินทร์ คนหนึ่งหน้านิ่ง ส่วนอีกคนที่น่าจะอายุน้อยกว่ายิ้มให้เขาท่าทางเป็นมิตรมากกว่าคนพี่ชาย
     ภูผาสังเกตมองใบหน้าของร่างโปร่ง มิน่าล่ะ ทำไมคุ้นๆ ที่เเท้ก็หลานเจ้าสัวนี่เอง เเต่กิริยาเเละท่าทางการวางตัวเปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่ก้มหน้าไม่หลบสายตาเหมือนเเต่ก่อน... น่าเเปลกใจ

     "อุ้ย คุณภีระคุณหญิงทิพกา สวัสดีค่ะ" เสียงคุ้นเคยดังขึ้น กวินทร์หันไปมองครอบครัวของคุณเกรียงไกร ลุงเขาเอง โชคดีที่ป้าอรเอารูปสมาชิกครอบครัวทุกคนให้เขาดู

     ลุงเกรียงไกรเป็นชายเจ้าเนื้อหน้าดุเเถมยังไว้หนวดเล็กน้อย ส่วนภรรยากลับผอมเเห้งทำทรงผมสไตล์คุณหญิงไฮโซที่อัดสเปรย์มาเสียเต็มหัวไม่หวั่นเเม้กระทั้งลมพัด
     ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสี่คน สิรดา นริศรา กานติมา เเละคนโตไกรวินที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่กับภรรยาที่เชียงใหม่ ทำให้คุณเกรียงไกรไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยากให้ลูกชายรับช่วงต่อจากตัวเอง ส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างสิรดาก็เรียนแพทย์ปีหนึ่ง ถึงจะไม่พอใจ เเต่เพราะเป็นคณะที่เข้ายากของมหาวิทยาลัยระดับหนึ่งของประเทศ เลยพอจะเชิดหน้าชูตาได้ บวกกับเจ้าสัวพูดให้เลยไม่ต่อต้านอะไรมาก

     งานนี้นนริศราเเละกานติมาลูกสาวคู่โปรดก็เเต่งตัวโชว์เนื้อหนังเต็มที่ ชุดราตรีรัดรูป โชว์เเผ่นหลังเเละเปิดคอกว้างจนมองเห็นร่องอก ใบหน้าสวยถูกเเต่งเเต้มด้วยฝีมือช่างเเต่งหน้าของระดับดารารุ่นท็อปๆ ต่างจากสิรดาที่เเต่งหน้าอ่อนๆ เเละสวมใส่ชุดราตรีน่ารักสมวัย

     "กิ่งสั่งอาหารจากโรงเเรมระดับห้าดาวมาเยอะเลยค่ะ มีทั้งล็อบสเตอร์ พาสต้า
สเต๊กเกรดเอ อยากให้คุณลุงเเละคุณหญิงได้ชิมค่ะ" กานติมาก็รีบฉวยโอกาสเอ่ยปากเชิญทุกคนไปชิมอาหารที่ตนเป็นคนสั่งเตรียมมา

     กวินทร์รู้สึกคันปากยิกๆ เขาว่าอย่างครอบครัวคุณพงศ์ภีระจะซื้อเนื้อวัววากิวมาย่างทั้งตัว ขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงหรอกมั้ง

      "ไม่เป็นไรจ๊ะหนูกิ่ง พักหลังป้ากับคุณภีระไปต่างประเทศบ่อย ทานอาหารฝรั่งทุกวัน พอกลับมาก็อยากทานอาหารสไทยๆ น่ะจ๊ะ" คุณทิพกาตอบปฏิเสธอย่างมีมารยาท

     "ป้าเห็นมีอาหารไทยด้วย พวกนั้นหนูก็เตรียมมาเหรอจ๊ะ"

     "เปล่าค่ะ ของคนอื่น" กานติมาเน้นคำว่าคนอื่น เเล้วมองกวินทร์ด้วยหางตา

     "คุณภูผากับคุณภรันยูล่ะคะ? จะรับอะไรไหม เดี๋ยวเกรซกับพี่กิ่งพาไป" นริศราพยายามเชิญชวน

     "ไม่ล่ะครับ ผมไม่ชอบอาหารฝรั่ง" ภูผาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     "ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็อยากทานอาหารไทยๆ เหมือนคุณเเม่" ต่างจากพี่ชายตัวเอง
ภรันยูเลือกที่จะตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ

     "ไม่เป็นไรค่ะ" ถึงจะไม่พอใจ เเต่สองสาวพี่น้องก็ต้องเก็บอาการไว้ทั้งที่อยากกรีดร้องอาละวาดเต็มทน

     "ว่าเเต่อาหารไทยมีอะไรบ้างจ๊ะหนูกวินทร์?" คุณหญิงทิพกาถามอย่างใคร่รู้

     "อ้อ มีไม่กี่อย่างเองครับ ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว เมี่ยงคำ ผัดหมี่โคราช ของหวานก็กล้วยปิ้งราดซอสมะพร้าวอ่อนครับ"

     "นี่ นายกวินทร์ วันเกิดคุณย่าทั้งทีทำไมสั่งเเต่อาหารข้างถนนพวกนี้มาล่ะจ๊ะ"
กานติมาพูดด้วยน้ำเสียงติเตียน ไม่ต้องเป็นไอน์สไตน์ก็รู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร
เเต่ในสายตาคนนอกฝ่ายที่ดูเเย่กลับเป็นเจ้าของคำพูดจิกกัดเสียเอง

     "ใช่ครับ อาหาร street food ฝรั่งนิยมมาก" กวินทร์ตอบปัดอย่างไม่เเยเเสเเล้วหันไปทางอื่น "เดี๋ยวผมขอตัวพาคุณปู่กับคุณย่าไปชิมอาหารที่ผมกับพี่ๆ เเม่บ้านเตรียมไว้ก่อนนะครับ ถ้าคุณลุงคุณป้าเเละคนอื่นๆ สนใจก็เชิญเลยครับ"

     "ได้จ๊ะ ป้าอยากชิมผัดหมี่โคราชพอดี ไม่ได้ทานหลายปีเเล้ว" 

     "งั้นเชิญเลยครับ" กวินทร์ยิ้มสุภาพ ก่อนจะควงเเขนคุณพริ้งเดินนำหน้า


******


     "ทีนี้ก็เอาถั่วงอก ไข่เจียว กากหมูโรยเเบบ ถ้าชอบรสจัดๆ ก็เติมเครื่องได้ครับ" ปากเเดงพูดคล่องเเคล่ว ส่วนมือสวยก็สาระวนอยู่กับการตักหมี่โคราชใส่จานเเจกผู้คน

     "อร่อยมากจ๊ะลูก เส้นเหนียวนุ่มกว่าเส้นผัดไทย รสชาติก็เข้มข้น ชิมดูสิคุณธารา" คุณพริ้งชิมคำเเรกเเล้วชมเปาะ หันไปชวนให้เจ้าสัวที่กำลังทานไก่ย่างให้มาชิมด้วย

     คุณหญิงทิพกาเเละคุณพงศ์ภีระเองก็ชอบหมี่โคราชของเจ้าตัว เเถมยังชมไม่ขาดปาก เเละยังขอสูตรจะเอาไปให้เเม่บ้านอีกด้วย ส่วนพ่อครัวก็เอาเเต่ยิ้มรับจนหน้าบานเป็น
กระด้ง ไม่มีความถ่อมตนเอาซะเล้ย

     "เชิญที่โต๊ะเลยครับ เดี๋ยวกวินทร์ให้คนยกสำรับไปให้ คุณป้าต้องชิมเมี่ยงคำนะครับ อร่อยอย่างงี้เลย" ว่าเเล้วก็ยกนิ้วโป้งทั้งสองข้าง ส่วนคุณทิพกาเองก็รับปากเเล้วหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ทำไมลูกชายเธอไม่เอาอกเอาใจเเบบนี้บ้างนะ


     พอผู้อาวุโสไปนั่งโต๊ะกันเเล้ว กวินทร์ก็หันมาถามอีกสองหนุ่ม

     "เอ่อ คุณภูผากับคุณภรันยูจะลองชิมไหมครับ"

     "เรียกพี่ภรันก็ได้ครับ อืม... พี่อยากลองชิมหมี่โคราชน่ะ ไม่เคยทาน เดี๋ยวพี่ไปตักเองได้ กวินทร์ไม่ต้องลำบาก" ภรันยูตอบเป็นกันเอง

     "ครับ พี่ภรัน" พอมองชัดๆ กวินทร์รู้สึกว่าภรันยูมีใบหน้าเหมือนเเม่ หล่อเเบบเรียบๆ ปากบาง ตาตี๋ จมูกเเหลมโด่ง ผิวขาวกกว่าพี่ชาย ส่วนภูผาหล่อคมเข้มเหมือนพ่อ ทั้งคู่หล่อ รวย มีหน้ามีตาทางสมคม มิน่าล่ะ ญาติสาวของเขาถึงพร้อมถวายตัวให้ขนาดนั้น ภรันยูเดินไปตักอาหารให้ตัวเองก่อนจะมีเสียงเรียกชื่อเขาดึงขึ้น เลยขอตัวไปนั่งกับคนรู้จัก

     พอภรันยูไปเเล้ว ก็เหลือเเค่เขากับภูผา... กวินทร์รู้สึกคันปาก อยากจะถามจริงๆ ว่ารู้จักกับคนชื่อเสือไหม เเต่ถ้าถามไปเขาคงโดนสงสัยเเละโดนอีกฝ่ายจับตามองเวลาไปไหนมาไหนเเน่ๆ 

     "เเล้วคุณภูผาล่ะครับ จะลองชิมอะไรหน่อยไหม"

     "ฉันขอเป็นไก่ย่างกับส้มตำเเล้วกัน"

     "ถ้าคุณภูผาชอบเผ็ดๆ จะสั่งให้เเม่บ้านตำให้ก็ได้นะ ผมปรุงน้ำยำให้รสชาติกลางๆ ไว้เผื่อคนทานรสจัดไม่ได้"

     "ไม่เป็นไร ทานเป็นสลัดเเบบนี้ก็ดีเหมือนกัน"

     กวินทร์เเสดงสีหน้าใจจดใจจ่อเมื่อร่างสูงกลืนไก่ย่างคำเเรกลงไป

     "เป็นไงครับ?"

     ทำไมถึงอยากรู้ความคิดเห็นของภูผาน่ะเหรอ ก็คนที่ปฏิเสธสองศรีพี่น้องต่อหน้าเจ้าสัวคงจะไม่เอ่ยชมเพื่อรักษาน้ำใจเขาเหมือนคนอื่นๆ กวินทร์มั่นใจอยุู่เเล้วว่าฝีมือเขาต้องอร่อย เเต่พอได้ยินคำชมจากคนที่รับทานอาหารตน มันก็ให้ความรู้ดีไปอีกเเบบ

     "อืม.."

     ตาสีฟ้าอ่อนเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างคาดหวัง

     "..." เเต่ภูผากลับชิมอีกคำ เเล้วทำสีหน้าครุ่นคิด

     "เป็นไงครับ?" รอไม่ไหวจนต้องถาม

     "อืม... อร่อยดี" ชั่วอึดใจใหญ่กว่าจะตอบได้

     พอเห็นใบหน้าขาวที่มองตนอย่างคาดหวัง มันก็อดไม่ได้ที่จะเเกล้งอีกฝ่าย ภูผาไม่ใช่คนขี้เล่น เเต่รู้สึกถูกชะตากับหนุ่มคนนี้อย่างบอกไม่ถูก น่าเเปลก...

     "คุณภูผาอยู่นี่เอง กิ่งตามหาตั้งนาน" เสียงกานติมาทักขึ้น ก่อนจะเดินนวยนาดมายืนข้างกายภูผา ถ้าหน้าด้านอีกนิดคงเกาะเเขนฝ่ายชายไปเเล้ว

     "มีธุระอะไรเหรอครับคุณกานติมา" น้ำเสียงยังห่างเหินอย่างคงเส้นคงวา

     "เเหม คุณภูผาเรียกกิ่งเฉยๆ ก็ได้ค่ะ คนกันเอง" กานติมากระเง้ากระงอด

     "ว่าเเต่คุณตามหาผมทำไม?" ภูผาเเสร้งทำเมิน เเล้วตัดเข้าเรื่อง

     "กิ่งกำลังเขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโท marketing เห็นว่าคุณภูผาจบโทจากอเมริกา กิ่งเลยอยากขอคำปรึกษาน่ะค่ะ" กานติมาพยายามส่งสายตาเชื้อเชิญร่างสูง ขณะที่อีกฝ่ายกลับมองเธอเหมือนกำลังประเมินสินค้าเกรดต่ำที่ไม่มีทางจะขายออกในราคาปกติ 

     "ขอโทษครับ เกรงว่าผมจะไม่ว่าง กวินทร์เองก็กำลังจะปรึกษาผมเรื่องเรียนพอดี ผมว่าคุณไปถามภรันน่าจะดีกว่า ขอตัว" พูดจบก็จูงมือกวินทร์เเละเดินหลบไปอีกทาง

     "หึหึ" เมื่อเดินออกมาได้ซักพักร่างโปร่งก็อดขำกับการโกหกหน้าตายของคนข้างๆ ไม่ได้ พอเเอบชายตามองใบหน้าที่ยังเฉยเมยของอีกฝ่ายกวินทร์ยิ่งขำ เก๊กเข้าไปพ่อคุณ
เอ้ย เขาควรบอกคุณภูผาดีไหมนะ ว่าตัวเองไม่ได้เรียนอะไรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหรือการตลาดใดๆ ทั้งสิ้น!

     "เจ้าสัวบอกว่าคุณความจำเสื่อม" ร่างสูงหาเรื่องคุยเเล้วจิบไวน์เมื่อเห็นว่ากานติมากำลังมองมาทางเขาเเละกวินทร์

     "ครับ จำได้เลือนราง เเต่ปะติดปะต่อเรื่องไม่ค่อยได้ ทำไมครับ?" กวินทร์เเปลกใจนิดหน่อยที่ร่างสูงถามเรื่องนี้

     "เปล่า ไม่มีอะไร"

     เงียบไปซักพัก... เสียงอุทานเหมือนคนกำลังตกใจของกวินทร์ ทำให้ร่างสูงหันมามอง

     "อย่าบอกนะว่าาา...
     ...
     เราเเอบคบกัน?!!"

     ตาสีฟ้าครามเบิกกว้าง ใบหน้าตื่นตระหนก เเละทำเอาอีกคนเเทบสำลักไวน์ที่เพิ่งจิบเข้าไปหมาดๆ จนต้องกระเเอมไอ หลุดมาดคุณชายซะจนกวินทร์เเสดงต่อไม่ไหวก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนโบกไม้โบกมือปากก็หัวเหราะไม่หยุด ก่อนเฉลยว่า
"ล้อเล่นๆ"

     เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของอีกฝ่าย ภูผาถึงรู้ว่าโดนเด็กปีนเกรียวซะเเล้ว ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอเห็นคนที่กำลังหัวเราะเอาเป็นเอาตายร่างสูงเองก็อดยกยิ้มตามไม่ได้

     เเต่ความรู้สึกอยากเอาคืนมันก็มีไม่น้อยเช่นกัน เขาจึงเเกล้งปั้นหน้าขรึม ก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงซีเรียส

     "นี่... นายจำคืนวันนั้นไม่ได้เหรอ?"

     "ห๊ะ? อะไรนะครับ??" ร่างโปร่งถึงกับขำค้าง

     "จำไม่ได้เหรอ คืนนั้นนายออดอ้อนฉันจนเราเเทบไม่ได้นอนเลยนะ กวินทร์" น้ำเสียงยังคงความซีเรียสเอาไว้ไม่หลุด เเถมยังขยับเข้ามาใกล้จนกวินทร์เเทบจะสัมผัสไอร้อนจากร่างกายของอีกฝ่ายได้
     ยิ่งเห็นปากสีเเดงสดกำลังอ้าพะงาบๆ ยิ่งน่าขัน เเละเผลอหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาในที่ เเต่ก็ดังพอที่จะทำให้ร่างโปร่งได้ยิน จนต้องตวัดตามองใบหน้าคมคาย ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยเเววตาเเพรวพราวจนน่าหมั่นใส้

     "ผมไม่นึกว่าคุณภูผาจะเป็นคนขี้เล่นกับเขาด้วย"

     ร่างสูงไม่ตอบ เเต่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะทันได้พูดคุยอะไรกันต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของภูผาก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

     "ว่าไงเสือ? ... งั้นเหรอ ... เตรียมเอกสารไว้ให้ฉันด้วย" เสียงพูดคุยสั้นๆ เเต่น้ำเสียงค่อนข้างเครียด

     "ผมจะต้องขอตัวเเล้ว ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้งนะ กวินทร์"
     
     "เช่นกันครับคุณภูผา" ยิ้มรับ เเล้วยกมือไหว้อีกฝ่าย


******


     พอเเยกทางกัน กวินทร์ก็กลับไปนั่งโต๊ะกับปู่เเละคุณย่า เเละมีครอบครัวคุณพงศ์ภีระนั่งอยู่ด้วย โดยมีนริศราเเละกานติมาคอยฉอเลาะเอาอกเอาใจคนนู้นคนนี้
 
     "เป็นไงตากวินทร์ เห็นหนูกิ่งว่าไปปรึกษาเรื่องเรียนกับคุณภูผาเหร๊อะ?" เจ้าสัวถามหลานชายเมื่อเจ้าตัวนั่งลงข้างๆ

     "ใช่ค่ะ ทั้งๆ ที่ตัวเองเรียนคณะไร้สาระอะไรก็ไม่รู้" กานติมาพูดเสียงขุ่นเเละปรายตามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เเต่ก็ทำได้เเค่นั้น เพราะมีคุณย่าคอยปราม

     "อ่า.. ก็ดีครับ คุณภูผาคุยสนุกดี" สนุกซะจนเขาอึ้งเลยล่ะ

     "พี่ภูเนี่ยนะคุยสนุก? มิน่าล่ะ ผมเห็นเสือยิ้มยากอย่างพี่ภูโชว์เขี้ยวฟัน ฮ่าๆๆ"
ภรันยูเเอบนินทาพี่ชาย

     "ท่าทางตาภูจะถูกชะตากับหนูกวินทร์นะคะ นอกจากครอบครัวกับคนที่สนิทๆ ก็ไม่มีหรอกที่จะยิ้มให้ใคร" คุณหญิงทิพกากล่าวกับเจ้าสัวยิ้มๆ

     "ดีเเล้วลูก สนิทกันไว้ ภายหน้ามีอะไรจะได้พึ่งพากัน เสียดายหมอธีรไนยมาไม่ได้ เห็นว่าติดเคสด่วน" เจ้าสัวพูดพลางลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู โดยมีนริศรามองมาที่ร่างโปร่งอย่างชิงชัง

     ทำไมทุกคนต้องให้ความสนใจมัน?! อยากได้รับความสนใจมากใช่ไหมไอ้กวินทร์? ได้! ฉันจะจัดให้เเกจนสมใจ!
.
.
.
.
.

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค่ะ
 :L2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2017 21:28:12 โดย Civillian »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน อร๊ายยยย มาต่อเร็วๆ นะ ชอบกวินมากๆ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
รอตอนต่อไปนะค่ะ ตื่นเต้นดี :mew1:

ออฟไลน์ tn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ย อยากให้ทุกชั่วโมงเลย 55555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด