Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10  (อ่าน 69442 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องนี้ "บัมพ์" ยังอยู่

อีกเรื่องนึง "บัมพ์" เสียชีวิตไปแล้วสิบปี

อืมมมม  คนละไทม์ไลน์สินะ  เรื่องนี้ก็คืออดีตของอีกเรื่องนึง

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
:pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องนี้ "บัมพ์" ยังอยู่

อีกเรื่องนึง "บัมพ์" เสียชีวิตไปแล้วสิบปี

อืมมมม  คนละไทม์ไลน์สินะ  เรื่องนี้ก็คืออดีตของอีกเรื่องนึง


ใช่ครับ เรื่องนี้โฟกัสที่แต้ม ยิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยมและต้องตา
แต่มีบั๊มพ์อยู่เพราะว่าเป็นเพื่อนของยอดเยี่ยม
ไรต์เลยเขียนเรื่องของบั๊มพ์กับภัทรควบคู่กันไปด้วย
เรื่องนี้ยังมีพิสันต์อีกคนหนึ่งที่เป็นพระเอกในเรื่อง หากย้อนเวลาได้ ที่ไรต์แต่งจบไปแล้วด้วย
้ถ้าอย่างไรแล้ว อย่าลืมไปหาอ่านด้วยนะครับ

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 37. มนต์อ่างแก้ว

                บั๊มพ์ดูรายการบัญชีประจำวันก่อนที่จะนับเงินทั้งหมดและเก็บไว้ในตู้เซฟ ไม่นานนักก็มานั่งที่ระเบียงหน้าบ้านอย่างอารมณ์ดี นึกถึงใบหน้าของน้องชายเพื่อนพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เด็กคนนี้หน่วยก้านไม่เลว มีความเป็นผู้ใหญ่แต่แฝงไปด้วยความเป็นเด็กเอาแต่ใจชวนให้คิดถึงตัวเองในอดีต ทั้งผองเพื่อน บรรยากาศในห้องเรียน คนสนิทที่รู้จักกันมานาน เขาไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่ยิ่งใหญ่มีบุคลิกที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ที่น่าแปลกคือเพื่อนที่มาด้วย ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากัน แต่เวลาอยู่ด้วยกัน กลับมีเคมีบางอย่างที่คอยดึงดูดสายตาจนเขาละไม่ได้ ไม่ประหลาดใจที่คนบ้านนั้นจะรู้สึกดีด้วย ทั้งยอดเยี่ยมที่กำลังปลูกต้นรักกับคนพี่ คนน้องก็ยังสนิทสนมกันอีก

“คิดอะไรอยู่” ภัทรโผล่พรวดมากอดจนเขาตกใจ

“ตกใจหมด” บั๊มพ์ตอบ “คิดถึงน้องชายไอ้ยอดที่เจอเมื่อกี้”

“แหม่ คิดถึงผู้ชายคนอื่นนอกจากเราซึ่งๆหน้าเลยนะ”

“นี่” บั๊มพ์ตีแขนล่ำ “คิดอะไรเนี่ย นั่นน้องชายเพื่อนนะ”

“แต่หล่อผิดไอ้ยอดจริงๆเนอะ” ภัทรตั้งข้อสังเกต

“หล่อคนละแบบ ใหญ่หน้าเหมือนฝรั่ง แต่ยอดหน้าออกไทยๆมาทางพ่อ”

“แล้วใครหล่อกว่ากัน” ภัทรหยอกถาม

“อืม เลือกยากจัง เลือกไม่ถูก” บั๊มพ์กวน ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดแต่ถูกบั๊มพ์คว้าแขนไว้

“ที่ว่าเลือกไม่ถูก เพราะมีคนที่หล่อที่สุดในสายตาแล้วต่างหาก” ภัทรไม่ตอบ แต่รอยยิ้มที่ฉีกกว้างนั้นตอบทุกอย่างหมดแล้ว ชายหนุ่มอุ้มคนรักด้วยอาการดีใจ เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่างจะราบเรียบสม่ำเสมอเมื่อทั้งคู่ก่ายกอดกันบนเตียง

***********************************************************************

                ยิ่งใหญ่ลากแต้มออกมาสูบบุหรี่หน้าบ้าน พ่อของยิ่งใหญ่ไม่สูบบุหรี่เลยไม่มีที่เขี่ยบุหรี่ในบ้าน เด็กหนุ่มเลยต้องระเห็จออกมาสูบข้างนอก ไกลจากตัวบ้านประมาณหนึ่งร้อยเก้าเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต “ถามจริง พ่อนายไม่ว่าเหรอที่นายสูบบุหรี่”

“ไม่รู้สิ”

“นายไม่รู้ หรือพ่อนายไม่รู้”

“เรา” ยิ่งใหญ่สูดควันและพ่นออกมา

“เราเคยถามนายมั้ยว่าทำไมนายสูบบุหรี่”

“ไม่เคยมั้ง” แต้มเงียบ...

“นายอยากถามก็ได้นะ” ยิ่งใหญ่พูดขึ้นมา

“ไม่ดีกว่า ถ้านายอยากเล่า นายก็เล่าเองแหละ” แต้มเงยหน้า ท้องฟ้าเชียงใหม่ไม่เหมือนที่บ้าน มันเต็มไปด้วยแสงไฟที่สะท้อนไปทั่ว

“นายอยากเที่ยวเชียงใหม่ตอนกลางคืนไหม”

“หืม”

“ปะ เดี๋ยวเราพาไปขี่มอไซเที่ยวคูเมือง”

“จริงดิ”

“อื้อ เราเคยโกหกนายเหรอ” แต้มไม่ตอบ แต่ใบหน้าที่ฉาบร้อยยิ้มนั้นเสียงดังกว่าคำพูดทั้งหมดเสียอีก

                ยิ่งใหญ่พาแต้มขี่รถจักรยานยนต์ลัดเลาะคูเมือง ตั้งแต่ประตูเชียงใหม่ วนถึงประตูท่าแพ และวกกลับมาจุดเดิม รถแดงเชียงใหม่ยังวิ่งประปราย การสัญจรยังถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับเวลาที่ค่อนข้างดึกขนาดนี้ แต้มตื่นเต้นที่ได้เห็นตัวเมืองเชียงใหม่จนความหิวกลับมาอีกครั้ง

“ใหญ่ เราหิวอะ”

“หะ เพิ่งกินมาไม่ใช่เหรอ”

“เออ หิวอีกละ จอดๆๆๆ ร้านนี้ดูน่ากิน”

ยิ่งใหญ่จอดรถในแทบจะทันทีเมื่อแต้มพูด เขาอ่านชื่อร้านก่อนจะร้องอ๋อ “ร้านนี้บะหมี่ไก่อบอร่อยนะ”

“จริงดิ” แต้มลงจากรถ ยิ่งใหญ่ดับเครื่องและเดินตามเข้าไปในร้าน

“นายมาเชียงใหม่บ่อยเหรอ”

“ก็บ่อยนะ ก่อนหน้านี้เราก็เรียนเชียงใหม่”

“อ้าว ไหนบอกว่าเรียนเชียงราย โรงเรียน xxx”

“เปล่า เราขี้เกียจตอบคำถามน่ะ เลยบอกไปแบบนั้น”

“นายนี่ความลับเยอะเนอะ” ยิ่งใหญ่ชูสองนิ้วทำหน้าแป้นแล้นเพื่อเป็นการบอกว่าไม่มีอะไร

“ร้านนี้เรามากินบ่อย พ่อเราชอบ”

“พ่อนายชอบกินโจ๊กเหรอ”

“ทำนองนั้นแหละ เวลาคิดอะไรไม่ออก พ่อก็พาเรามาร้านนี้แหละ”

แต้มอ่านในเมนู ก่อนที่จะสั่งรายการที่ยิ่งใหญ่แนะนำ

“ราคาเอาเรื่องเหมือนกันนะ”

“แต่รสชาติดีอยู่” ยิ่งใหญ่แย้ง

“อืม ไม่เถียง” สองหนุ่มนั่งรถหลังจากที่จัดการทั้งอาหารและติ่มซำเสร็จแล้ว

“ครั้งหน้าพาเรามาอีกนะ” แต้มบอก

“เราพามาทุกวันเลยยังได้” ยิ่งใหญ่พูด ลึกๆแล้วตนไม่ค่อยชอบร้านนี้ แต่พอเห็นแต้มชื่นชอบ เขาต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองเสียใหม่

“โจ๊กสมเพ็ช”

“ว่าไงนะ” ยิ่งใหญ่ถามเพราะได้ยินไม่ชัดเนื่องจากขี่รถอยู่

“เปล่า ไม่มีอะไร ทวนชื่อร้านเฉยๆ”

“นายอยากไปไหนอีกมั้ย” ยิ่งใหญ่ตะโกนถาม

“อืม... กาดรินคำได้มั้ย” ยิ่งใหญ่ยิ้ม รู้ว่าแต้มตอบเพราะรู้ว่าเขาอยากไป แต่พอทั้งคู่ไปถึง บรรยากาศก็เริ่มเงียบเหงา กาดรินคำยามนี้เริ่มร้างผู้คน ยิ่งใหญ่มีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา

“ไปที่อื่นแทนมั้ย”

“ที่ไหนอ่า เราไม่เคยมาเชียงใหม่”

“งั้นเดี๋ยวพาไป” แต้มนั่งมองวิวตลอดทางที่ยิ่งใหญ่ขับมา มองป้ายบอกทางที่เขียนไว้ว่า ดอยสุเทพและมีลูกศรตรงไป

“อย่าบอกนะว่านายจะพาเราไปดอยสุเทพ”

“อยากไปอยู่แหละ แต่ดึกขนาดนี้คงไม่เสี่ยง”

แต้มถอนหายใจ เกาะเอวคนขับไว้จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไป “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

“ใช่แล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบ “เราอยากเรียนที่นี่ เราอยากให้นายเรียนที่นี่กับเราด้วย”

“หืม ทำไมนายอยากเรียนที่นี่ล่ะ”

“ไม่รู้สิ อยากมาอยู่ใกล้พ่อมั้ง”

“พี่ตาก็จบที่นี่นะ ไม่แน่หรอกถ้าเราตั้งใจอาจจะติดที่นี่ก็ได้”

“จริงๆนะ นายจะมาเรียนที่นี่กับเรา”

แต้มไม่ตอบ เพราะไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะสอบติด ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาไม่รู้ว่าจะได้เรียนต่อหรือเปล่า ลมเย็นยามค่ำคืนปะทะใบหน้า ความหนาวลอยวนอ้อยอิ่งในอากาศ เชียงใหม่เริ่มหนาวแล้วในยามนี้ แสงจันทร์ที่สาดสลัวถูกหมอกเมฆบดบังเสียแทบมิด แต่ใบหน้าของเด็กหนุ่มต่างทอประกายเจิดจ้ามากเสียกว่า ยิ่งใหญ่จอดรถไว้ริมทาง สองหนุ่มเดินอย่างเงียบเชียบตามทาง มองดูผืนน้ำยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่นจากลมที่พัดกรูและแมลงที่มองไม่เห็นกระโดดโลดเต้นราวกับเริงระบำในความเย็นเยียบของค่ำคืนนี้

“เราอยากมาที่นี่นานแล้ว” ยิ่งใหญ่พูด “อยากรู้ว่าถ้าเราลงไปว่ายมันจะลึกแค่ไหน น้ำจะเย็นมากไหม”

แต้มมองเพื่อนจากด้านข้าง ยิ่งใหญ่สูงกว่าเขาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคในการมองเลยสักครั้ง

“นายโอเคหรือเปล่า”

ยิ่งใหญ่จุดบุหรี่ ควันขุ่นลอยวนไปปะปนกับสายหมอกที่ลอยโอบล้อมอ่างแก้วในค่ำคืนนี้ ดูสวยงามราวกับต้องมนต์   

“เราอยู่ตรงนี้นะ” แต้มย้ำ

“เรารู้”  ทั้งคู่นั่งลงกับพื้น เหยียดขายาวตามพื้นหญ้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำค้าง กลิ่นบุหรี่ลอยคลุ้งปนเปกับไอดิน เสียงน้ำไหลจากอ่างลงเบื้องล่างผุดดังราวกับเสียงกระซิบ ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรเลยจนบุหรี่มวนนั้นดับมอด ยิ่งใหญ่ขยับตัวมาทางแต้ม แขนซ้ายเย็นเฉียบแนบกับแขนขวาของแต้มที่นั่งมองไปในความมืด “ทำไมนายถึงคิดว่าเราไม่โอเคล่ะ”

“สัญชาติญาณมั้ง”

“นายมีด้วยเหรอ”

“ปกติก็ไม่นะ แต่นายเป็นคนเดาง่าย”

“เราเนี่ยนะ” ยิ่งใหญ่ถามด้วยเสียงงุนงง “ปกติมีแต่คนบอกว่าเราเข้าถึงยาก”

“ใครวะ” แต้มค้าน เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมามีแต่คนเข้าหายิ่งใหญ่เสมอ

“นายไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” แต้มพูด “แต่ถ้าอยากระบายอะไร เราก็อยู่กับนายเสมอ”

“ซึ้ง”

“อะไรนะ ไมได้ยิน” แต้มนิ่วหน้า

“เปล่า” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงดังฟังชัด “คืนนี้หนาวเนอะ” เขาขยับนิ้วมือ กระดกไปเรื่อยราวกับกดคอร์ดกีตาร์ ในใจฮัมเพลงที่ขัดแย้งกับความรู้สึกที่แท้จริงอยู่มากโข นิ้วก้อยของเขาแตะที่ปลายนิ้วของแต้มอย่างแผ่วเบา แววตาของอีกฝ่ายก้มมองแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน ยิ่งใหญ่รู้สึกสบายใจ ปลอดโปร่งที่ได้อยู่ตรงนี้ กับเพื่อนคนนี้ ความหนักอึ้งลอยหายไปในอากาศอย่างง่ายดายถึงแม้จะไม่ได้จัดการแก้ไขอะไรเลยสักอย่าง เขาหยุดกระดกนิ้ว ปล่อยให้นิ้วก้อยของตนเกี่ยวที่ปลายนิ้วก้อยของอีกฝ่าย ความอบอุ่นไหลผ่านหัวใจอย่างท่วมท้น ความหนาวจืดจางไปแทบไม่รู้สึก

“แม่ของเราไม่สบาย” ยิ่งใหญ่พูดในที่สุด ความเงียบงันของอ่างแก้วถูกปกคลุมด้วยเสียงแมลงอยู่ไกลๆ พวกเขาอยู่นี่มานานแล้วแต่คืนนี้กลับไร้ผู้คนสัญจรผ่าน “เราไม่รู้ว่าควรจะไปเยี่ยมดีไหม”

 “พี่ยอดบอกว่าแม่เป็นมะเร็ง ตอนนี้พี่ยศดูแลอยู่ แม่อาการไม่ค่อยดีมาสักพักแล้ว”

“แม่ทิ้งเราไปตั้งแต่เราจำความได้ ทำไมเราจะต้องไปเยี่ยมด้วยล่ะ” ยิ่งใหญ่หยุดพูด แต้มไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้ยิ่งใหญ่นั่งคิดเองเสียก่อน เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน แต้มก็พูดขึ้นมาว่า

“นายอยากคุยกับแม่ตอนนี้ หรือคุยกับแม่แบบที่เราคุยกับพ่อเราล่ะ”

ทั้งสองสบตากันในความมืด แม้จะเห็นแค่ความดำมืดในแววตานั้น แต่ต่างเข้าใจอย่างสุดซึ้งว่ากำลังเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย...

***********************************************************************

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เคมีเข้ากันดังที่บัมพ์คิด

สำหรับแต้มมันเป็นเซนส์ที่เพียงแค่สังเกตก็รู้ว่าใหญ่รู้สึกอย่างไร  แต่เชื่อว่าเซนส์นี้ไม่ได้เกิดกับทุกคนยกเว้นเกิดแค่กับใหญ่เท่านั้น

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 38. หัวชนกัน

                ต้องตาเก็บสำรับอาหารใส่รถเข็นก่อนจะเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ เตียงผู้ป่วยในห้องนี้หรูหราผิดแผกจากช่วงที่ผู้เป็นพ่อเข้าโรงพยาบาลมากนัก อาการของพ่อหนักหนา แต่หลังจากออกมาจากห้องไอซียู ห้องที่ดีที่สุดของพ่อคือเตียงรวมที่แสนแออัด พัดลมเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดส่งเสียงรบกวนจนพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ สายตาของพ่อตอนที่เพิ่งฟื้นกรอกกลิ้งไปมา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกปลายหางตาอย่างน่าสงสาร ราวกับพ่อรับรู้แล้วว่าทุกอย่างจะไม่มีทางกลับมาเป็นแบบเดิมอีก

                ยอดเยี่ยมนั่งเอนกายที่โซฟาในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ผู้เป็นแม่หลับสนิทเนื่องจากอ่อนเพลียจากการฉายรังสี แม่ถูกโกนผมหมดแล้ว ทุกวันนี้แม่ฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก ก้อนเนื้อร้ายมันลุกลามไปมากแต่ยังอยู่ในระยะที่เยียวยาได้ – พี่หมอบอกเขาแบบนั้น  การผ่าตัดไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แม้กระทั่งการฉายรังสีเองก็ตาม หากแต่ในความวังที่ดูริบหรี่ ไม่ว่าจะวิธีไหนเขาก็จะทำเพื่อยื้อชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักที่สุด

“คุณยอดจะกลับไปอาบน้ำก่อนมั้ยคะ ทางนี้เดี๋ยวพยาบาลพิเศษจะมาดูแลแล้ว”

“ครับ” ยอดเยี่ยมส่งยิ้มให้คนรัก ท่าทางที่เหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้รับกำลังใจจากเธอคนนี้ “เดี๋ยวผมไปส่งคุณตาก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตากลับเอง”

“ไม่ได้ครับ”

“แต่คุณยอด...”

“ครับ ผมเหนื่อย แต่ถึงแม้จะเหนื่อยขนาดไหนผมก็ไม่ยอมให้คุณกลับเองเด็ดขาด”

หญิงสาวส่งสายตาอ่อนโยน ไม่อาจทัดทานเมื่อเขายืนกรานหนักแน่นเพียงนี้ เธอหยิบกระเป๋าเล็กมาสะพายก่อนที่จะพยักหน้าบอกว่าพร้อมแล้ว ยอดเยี่ยมมองไปที่เตียงนอนด้วยสายตาที่มองไม่ออก

“ทุกอย่างจะต้องโอเคค่ะ” หญิงสาวแตะที่แขนล่ำของชายหนุ่มแผ่วเบา “เชื่อตานะคะ”

ยอดเยี่ยมมองหญิงสาวที่ชื่อว่าเป็นคนรักอย่างอ่อนโยน ในวันที่เขาอ่อนแอที่สุดกลับเป็นวันที่เห็นชัดที่สุดว่าใครอยู่เคียงข้าง

“คุณยอดคะ ตาลืมบอกไป เมื่อกี้คุณหมอยิ่งยศแวะมาบอกว่าให้คุณยอดแวะไปหาก่อนกลับบ้านน่ะค่ะ”

ยอดเยี่ยมรับคำ ก่อนจะจับมือหญิงสาวเดินออกจากห้องไปตามทางเดิน

**********************************************************************

เป็นแต้มที่ตื่นก่อน ซึ่งเป็นปกติของเด็กหนุ่มที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เขาเผลองีบไปตอนตีหนึ่งและก็ลืมตาโพลงมาอีกทีตอนตีสาม ข้างนอกยังมืดสนิท บรรยากาศหนาวเย็นลอยละล่อง ยิ่งใหญ่นอนอุตุขดตัวใต้ผ้าห่มอุ่น ลมหนาวเดือนพฤศจิกายนพัดโชยเอื่อย แต้มขยี้ตาก่อนที่จะตื่นเต็มที่ จัดแจงแปรงฟันและเก็บข้าวของที่ยังเหลืออีกสองสามชิ้นก่อนปลุกยิ่งใหญ่ที่งัวเงียไม่ยอมลุก

“ขออีกห้านาที” น้ำเสียงนั้นออดอ้อนในที

“ไม่” แต้มกระชากผ้าห่ม เผยให้เห็นเรือนร่างสูงใหญ่ที่นอนขดด้วยความหนาว

“อ๋อยยยยย นายมันคนใจร้ายยยย” ยิ่งใหญ่ลากเสียง เปลือกตาข้างหนึ่งขยับเพียงนิดหรี่มองต้นเรื่อง

“ไปเร้ว ครูนัดตีสี่นะ นี่ตีสามกว่าแล้ว”

“นายจะรีบทำไมอ่า จากหอเราเดินไปแค่สองนาทีก็ถึงแล้ว”

แต้มหน้ามุ่ย “แต่กว่านายจะแปรงฟัน เซ็ตผม พรมน้ำหอม แต่งตัว ก็เกือบชั่วโมงแล้วนะ”

“งั้นเราไม่ทำก็ได้ ขอเรานอนอีกห้านาทีนะ”

“ไม่” แต้มเสียงดุ

สุดท้ายพวกเขาก็ออกหอกันตอน 04.20 น. และเป็นสองคนสุดท้ายที่มาถึง

“แหม คุณชายกว่าจะเสด็จมานะคะ” อาจารย์บ่น

“ขอโทษค้าบบบบ” ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้เสียงออดอ้อน แต้มไหว้ตามเพราะรู้ดีว่าควรเงียบดีกว่าจะพูดอะไรแต่ส่งสายตาเขียวไปทางเพื่อนตัวดีที่แต่งตัวนานจนพากันมาสายจนได้

“เอาล่ะ มาครบแล้วเลือกที่นั่งกันเลยนะคะเด็กๆ เดี๋ยวเราจะไปไหว้พ่อขุนก่อนและจะเดินทางยาวเลยค่า”

“คร้าบบบ / ค่ะ” เสียงนักเรียนงัวเงียตอบ

“พวกนายมาซะสายเลย เนี่ยอาจารย์บ่นกันอุบ” อาร์ทเปิดประเด็นเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ ยิ่งใหญ่นั่งติดหน้าต่างแถวที่แปดเอ แต้มนั่งข้างๆ รสบัสขนาดสามสิบสองที่นั่งมีที่เหลือเฟือให้กับทุกคน อาร์ทนั่งแถวที่เจ็ดเอไม่มีใครนั่งด้วยเพราะที่เหลือมาจากต่างห้องต่างระดับชั้นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง มีเพื่อนและรุ่นพี่ที่ออกอาการตุ้งติ้งนั่งอยู่แถวหลังถัดไปอีกสามสี่แถว อาร์ทเลยใช้ที่ว่างนี้สำหรับวางเสบียงอันได้แก่ ขนมต่างๆ น้ำอัดลม ลูกอม ผลไม้อบแห้งและข้าวกล่องที่อาร์ทบอกว่า “แม่บังคับให้เอามาด้วยเพราะกลัวหิว”

“ก็จะเพราะใครล่ะ” แต้มตอบและพยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนตัวดีที่ทำหน้าทะเล้นตอบรับ

“ฮ่าๆๆ นายยังไม่ชินอีกเหรอแต้ม”

“ไม่อยากชิน” แต้มตอบอาร์ท ยิ่งใหญ่ไม่ต่อปากต่อคำเพราะยังง่วงจัด ได้แต่กอดอกและพิงหัวไปกับเบาะอย่างหงอยเหงา

นักแสดงทุกคนรวมถึงอาจารย์ผู้คุมชมรมนาฏศิลป์ต่างพากันจุดธูปเทียน แต่ละคนถือดอกไม้สีเหลืองสำหรับไหว้สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายอย่างเรียบร้อย อาจารย์ให้ยิ่งใหญ่เป็นต้นเสียงในการนำสวดมนต์ขอพร แต้มแอบขันเมื่อเห็นท่าทางหงอยๆของเพื่อนที่ต้องพยายามเปล่งเสียงออกมานำสวดมนต์ เมื่อสวดเสร็จก็นำดอกมูปเทียนไปปักเมื่อขอพรกันจนหนำใจแล้วก็ถ่ายรูปรวมกันไว้ แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสาดจ้าจนแต้มแทบจะหยีตา ยิ่งใหญ่มาหลบข้างหลังเขา เอาคางเกยที่ไหล่ด้วยท่าทีเกียจคร้าน

“แหม อ้อนแฟนไม่เลิกเลยนะใหญ่” รุ่นพี่ชั้นมอหกที่ออกอาการตุ้งติ้งชื่อแม็คแซวมาจากกลุ่มรุ่นพี่ เสียงโห่ดังครึกครื้นจนแต้มหน้าแดงไม่อาจตอบโต้อะไรได้

“โหยพี่ ปกติผมนอนกอดกันจนถึงเช้า เห็นใจผมเถอะ” ยิ่งใหญ่สวนกลับ เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนแต้มหูร้อนผ่าว

“ไอ้บ้า แทนที่จะสงบปากสงบคำ” แต้มบ่นเพื่อนที่ดันหลังเขาไปที่รถบัส

“สงบทำไมอ่า เค้าอยากแซวเราก็เล่นด้วยขำขำ”

“ไม่ขำ เดี๋ยวพวกนั้นคิดจริงจะทำไง”

“ให้พวกนั้นคิดไปสิ”

“หืม” แต้มพูดไม่ออก ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ด้วยเพราะเขายังซื่อบื้อเกินไปในเรื่องพรรค์นี้กระมัง

“เปล่า ไม่มีอะไร ขึ้นรถเถอะ ง่วงแล้ว”

 เมื่อออกเดินทาง เสียงดนตรีในรถก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงจอแจไม่ขาดสาย ยกเว้นที่นั่งแถวที่แปดเอและแปดบีที่ขณะนี้ชายหนุ่มสองคนพากันหลับอย่างเอาเป็นเอาตาย แต้มนอนหลังตรงทาบท้ายทอยไปที่เบาะนั่ง ลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอ ผ้าห่มผืนบางคลุมกายไว้ และข้างๆเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีนอนนิ่งอยู่โดยแนบศีรษะไว้กับไหล่ซ้ายของแต้มที่รองรับอย่างพอเหมาะ สองขาเหยียดยาวพาดเขาของแต้มไว้ราวกับเป็นที่พักเนื่องจากเขาไม่อาจจะเหยียดลงกบพื้นได้เพราะช่วงขาที่ยาวทำให้อึดอัดและคับแคบ ทั้งคู่หลับสนิทไม่สนใจแม้กระทั่งเสียงกล้องถ่ายรูปที่ลั่นชัตเตอร์จับภาพที่แสนหวานของทั้งคู่ไว้หลายสิบภาพ....



โปรดติดตามตอนต่อไป....

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แต้มคงคิดกับใหญ่แค่เพื่อนสนิทมากคนนึง

ในขณะที่ใหญ่คงจะคิดกับแต้มมากกว่าเพื่อนไปนานแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
​หายไปนานเลย วันนี้กลับมาต่อให้แล้วนะครับ หวังว่าคงจะยังไม่ลืมกัน

มาติดตามอ่านความสัมพันธ์ของสองเพื่อนสนิท ยิ่งใหญ่กับแต้มได้เลยนะครับ

**********************************************************************

ตอนที่ 39. ไกลบ้าน

               แต้มรู้สึกปวดและชาที่ต้นขาลามไปถึงปลายเท้า ที่ไหล่ซ้ายก็หนักอึ้งจากการถูกกดทับ เมื่อลืมตาขึ้นจมูกก็ชนกับผมยิ่งใหญ่ที่เอนมาซบและสองขายาวพาดมาทับเขาจนดิ้นไม่หลุด ไม่รู้เสียด้วยว่าตั้งแต่ตอนไหน

“ตื่นแล้วเหรอแต้ม”

“อื้อ” แต้มรับคำด้วยเสียงในลำคอ รู้สึกกระหายน้ำอย่างแรง

“อะนี่ ครูแจกตอนพวกนายหลับไปแล้ว” อาร์ทยื่นขวดน้ำ แต้มซดจนเกือบครึ่งขวด พลางใช้มือเขย่าเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่ ยิ่งใหญ่ขยับตัวงัวเงียแต่ยังไม่ลืมตา

“เราถึงไหนแล้วเหรอ”

“อุตรดิตถ์มั้ง” อาร์ทตอบแบบไม่มั่นใจ “เมื่อกี้แวะปั๊มแถวแพร่ครั้งนึงแต่พวกนายไม่ตื่น”

“กี่โมงแล้วเนี่ย”

“สิบเอ็ดโมงแล้ว เดี๋ยวคงแวะจอดกินข้าวที่ไหนสักที่”

“อ้าวตื่นแล้วเหรอแต้ม แหมกอดกันกลมเชียวนะ” รุ่นพี่ที่เดินไปมาแซว เขามองไปทางคนที่ส่งเสียง ริมฝีปากทาลิปติกสีแดงสด ใบหน้าขาวผ่องด้วยแป้งเด็กราคาถูกกระปุกเล็กสีชมพู น้ำหอมกลิ่นฉุนกึกในมือถือพัดจีนสีชมพูดูขัดตา

“ไม่ขนาดนั้นครับพี่แม็ค” แต้มตอบรุ่นพี่ที่ถาม รูปร่างพี่แม็คกำยำสูงเกือบเท่าเขา ร่างใหญ่หนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะเป็นหนึ่งในนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน ทำให้พี่แม็คและเขารู้จักกันเป็นอย่างดีถึงขั้นที่สามารถแซวได้โดยที่ไม่มีใครเคอะเขิน

“แหม่ ภาพมันฟ้องขนาดนี้” พี่แม็คหยิกแก้มเขา อาร์ทหัวเราะร่วน เพื่อนรุ่นพี่อีกหลายคนมารุมตรงที่นั่งของเขากันหลายคนแล้วตอนนี้

“ใช่ สวีตหวานกันขนาดนี้ แล้วมาบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไงก็ไม่เชื่อ”

“เนอะ โอย น้องแต้มทำบุญด้วยอะไรเนี่ย ถึงได้เทพบุตรอย่างยิ่งใหญ่มาครอบครอง”

“ทำไม อิจฉาเขาเหรอ” อาจารย์ส่งเสียงแซว

“แหม จารขา หนูก็อยากรู้บ้างจะหมั่นไปทำบุญ เผื่อจะได้แฟนหล่อขนาดนี้”

“พวกหล่อนควรทำบุญโดยการหยุดแซวคนอื่นก่อน แบบนี้ได้ผลบุญสูง”

“จารไม่เข้าใจพวกหนูอะ” พวกพี่แม็คและผองเพื่อนพากันเดินกลับที่นั่ง แต้มถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นยิ่งใหญ่พิงหัวกับหน้าต่างรถยิ้มยิงฟันขาวมาทางเขา

“ตื่นตอนไหนเนี่ย”

“สักพักแล้ว”

“แล้วทำไมไม่ช่วยแก้ข่าวกับพวกพี่แม็ค”

“จะแก้ทำไม ปล่อยให้เค้าคิดไปสิ” คนตอบฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์

“อ้าว ทำไมงั้นอะ” อาร์ทถามแทน พลางหันตัวมาทางด้านหลังเผชิญหน้ากับทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ในคราวเดียวกัน

“ยุ่งน่า” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ใช้มือปัดที่ไหล่แต้มก่อนที่จะเอนมาซบและปิดตาลง

“เห้ยๆๆๆ หนัก ออกไป๊” แต้มบ่น

“ไม่” ยิ่งใหญ่ไม่ยอมขยับทั้งๆที่โดนแต้มผลักออก

“อะไรกัน รู้มั้ยเนี่ยปวดไหล่ไปหมดแล้วนะ แถมเหน็บกินอีก”

“บ่นยังกะคนแก่” ยิ่งใหญ่ตอบ ก่อนยกขาลงไปเหยียดกับพื้น ขยับตัวลงจนระดับไหล่ต่ำกว่าแต้ม ลำคอพิงที่พนัก “มานี่”

แต้มรู้สึกบอกไม่ถูกเมื่อถูกมือใหญ่กระชากต้นคอให้มาซบที่ไหลกว้างนั้น แถมขาสองข้างยังถูกขาของยิ่งใหญ่ช้อนขึ้นมาจนเขาต้องจัดแจงท่าให้มันพาดยาวเลยขายิ่งใหญ่ส้นเท้าพักที่ขอบหน้าต่างรถแทน

“ท่านี้สบายกว่าว่ามั้ย”

แต้มไม่ตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะตอนนี้พี่ๆเพื่อนๆร่วมรถหลายคนต่างส่งเสียงโห่กันอีกครั้ง ทางที่ดีเขาควรจะปิดตาลงและรีบนอนอีกรอบ

“วิวสวยนะว่ามั้ย” เสียงนั้นกระซิบ แต้มไม่ขยับตัว แต่ตาข้างหนึ่งค่อยๆเปิด ตาเม็ดเล็กของเขาสามารถอำพรางตัวได้เป็นอย่างดีในยามที่ไม่อยากให้ใครเห็น ฝนเม็ดเล็กปรอยปรายอยู่นอกหน้าต่าง ลมจากช่องแอร์ด้านบนดังหึ่งลดระดับอุณหภูมิจนหนาว ยิ่งใหญ่ขยับตัวแต้มให้ชิดยิ่งขึ้น เสียงหัวใจเต้นตึกตักแม้คนซบจะอยู่ไหล่ขวายังได้ยินอย่างชัดเจน

“แหม ไม่ปล่อยแต้มเลยเนาะ” เสียงใครบางคนแซวขึ้นมา แต้มหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเสียดายบรรยากาศนอกหน้าต่าง แต่ความอายทำให้เขาหูแดงจนคนที่อยู่ใกล้เห็นได้ชัด

“ปล่อยได้ไงพี่ ผมก็หวงของผม” แต้มไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรดี ได้แต่นิ่งเงียบเพื่อสยบทุกความเคลื่อนไหว เขาไม่ได้เขินอาย นั่นคือสิ่งที่แต้มคิด แต่การที่เขาไม่โตบโต้ ยังดีกว่าการสาดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งความสนุกสนาน รถเคลื่อนที่ไปด้วยจังหวะช้าเร็วแตกต่างกัน ฝนข้างนอกเทกระหน่ำ เสียงลมหายใจของยิ่งใหญ่ราบเรียบและสม่ำเสมอ เสียงเพลงบนรถดังขึ้นในจังหวะที่คนอื่นบนรถลดเสียงลงเหลือเพียงการกระซิบกระซาบของคนที่นอนไม่หลับเท่านั้น แต้มลืมตาขึ้นช้าๆ เงยหน้าขึ้นและพบว่าดวงตากลมโตของอีกฝ่ายจ้องมองเขาอย่างมีความหมาย....

**********************************************************************

               ยอดเยี่ยมถอดเนคไทออก ล้มตัวอย่างอ่อนล้าบนเก้าอี้ในห้องทำงาน มองเอกสารกองเต็มโต๊ะเพื่อรอการอนุมัติอย่างเหนื่อยล้า เขาค่อยๆหยิบจากล่างสุดขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดก่อนเซ็นลงไป เอกสารขออนุมัติบางฉบับที่ไม่เร่งด่วนและสามารถแก้ไขได้ก็ถูกตีกลับเนื่องจากพิมพ์ผิด หรือบ้างก็มีการขออนุมัติในงบประมาณที่ค่อนข้างสูงแต่กลับเขียนมาอย่างห้วนสั้นจนเกินไป ขอบเขตที่เขาสามารถอนุมัติได้คือสองแสนบาท หากมากกว่านั้นเอกสารจะต้องไปถึงบอร์ดบริหารตามจำนวนที่ต้องการใช้ซึ่งโดยส่วนใหญ่พนักงานในสังกัดจะส่งมาเพื่อขอให้พิจารณาในเรื่องการโฆษณากรอบเล็กของหนังสือพิมพ์ฉบับต้นเดือนและกลางเดือนที่มูลค่าไม่สูงนัก ยังไม่นับรวมการลงสื่อในนิตยสารที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการท่องเที่ยว แต่กับการโฆษณาทางสื่อใหญ่อย่างโทรทัศน์นั้นยังไม่จำเป็นเนื่องจากไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย การที่มีผู้ช่วยที่มีความสามารถทางด้านบัญชีอย่างต้องตานั้นทำให้งานของเขาง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก แต่ในระยะหลังมานี้ การที่เขาต้องเทียวไปมาระหว่างโรงพยาบาลกับที่ทำงานนั้นได้สูบพลังงานชีวิตไปเกือบหมด

               อาการของแม่ยังทรงตัว การรักษามะเร็งสำหรับผู้สูงวัยนั้นต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป การฉายรังสีเป็นไปด้วยดีจากการรักษาโดยลูกชายคนโตของครอบครัว พี่หมอที่ครองความโสดมานานยังเป็นที่พึ่งพาของทุกคนได้แม้ในยามนี้ ยอดเยี่ยมอาจจะไม่ใช่ลูกชายที่แม่รักที่สุดในยามที่แม่ครางครวญอย่างเจ็บปวด ถวิลหาแต่ยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหุนหันและความโกรธขึ้งครอบงำจิตใจตลอดระยะเวลานับทศวรรษที่แม่พาเขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ยอดเยี่ยมจำเหตุการณ์นั้นได้ลางเลือน ยิ่งทิ้งระยะให้นานขึ้นเท่าไร ความทรงจำต่อบ้านหลังนั้นก็จางหายไปทีละน้อย

“คิดอะไรอยู่เหรอคะ” หลังจากเคาะประตูอยู่หลายทีและไม่มีการตอบรับ หญิงสาวเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

“เปล่าครับ” ยอดเยี่ยมไม่ตอบความจริง แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรับรู้ได้

“เอกสารที่ให้แก้ไขได้แล้วนะคะ” หญิงสาววางแฟ้มงานที่เขาตีกลับเมื่อครู่ใหญ่ไว้ที่โต๊ะ ไม่มีการถามอะไรเพิ่มเติมอีก

“คุณตาครับ”

“คะ”

ยอดเยี่ยมทิ้งช่วงอยู่นานจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างเงียบไปครู่ใหญ่ การที่ต่างฝ่ายต่างจับจ้องอย่างไร้สรรพเสียงนั้นกลับทำให้ความรู้สึกปะทุดังยิ่งกว่าคำพูดใดๆเสียอีก ต้องตายิ้มให้ยอดเยี่ยมอย่างอบอุ่น ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าชายหนุ่มเลือนหายไปช้าๆโดยมีความอิ่มเอมใจเข้ามาแทนที่

“ไม่มีอะไรครับ คุณตาไปพักเถอะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ต้องตาพยักหน้าและเดินออกไปโดยที่ไม่ตอบอะไร

**********************************************************************

               กว่ารถบัสจะจอดอีกครั้งก็มืดสนิทแล้ว บรรดานักเรียนและอาจารย์พากันเดินลงจากรถทีละคนช่วยกันถือสัมภาระกันอย่างมีไมตรีจิต เสียงอึกทึกดังก้องจนอาจารย์ผู้คุมต้องดุเพื่อให้ลดเสียง เวลานี้สองทุ่มกว่า บรรยากาศของที่นี่มืดมิด มีรถบัสจอดอยู่หลายคันในบริเวณที่จอดรถ เป็นรถของนักแสดงจากโรงเรียนอื่นทั่วประเทศที่ต่างทะยอยเดินทางเพื่อมาเตรียมการก่อนวันแสดงจริงในอีกสองวันข้างหน้า เด็กๆต่างเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่บรรยากาศยิ้มแย้มยังมีอยู่ประปราย

               โรงเรียนที่พวกเขาเข้าพักอยู่ในตัวจังปวัดปทุมธานี เป็นโรงเรียนใหญ่ประจำจังหวัด อาคารเรียนสูงใหญ่หลายตึกเรียงราย แสงไฟยามค่ำคืนยากต่อการบอกให้รู้ว่ามีทั้งหมดกี่ตึก ยิ่งใหญ่ดันหลังแต้มให้เดินนำเข้าไปในอาคาร พวกเขาพักห้องรวมชั้นสอง อาจารย์บอกให้แยกห้องพักชายหญิง แต่พวกนักวอลเลย์บอลชายหลายคนทักท้วง

“แหม จารขา พวกหนูก็ผู้หญิงนะคะ”

“อะไรของพวกเท้อ” อาจารย์ตอบเสียงสูง “ผู้หญิงมีไข่ครูไม่นับย่ะ ไปนอนห้องข้างๆ”

“อาจารย์ขา ให้พวกเขามาพักรวมกะพวกหนูได้ค่ะ พวกหนูไม่ถือ”

“ช่ายๆๆๆ จารขา นะคะๆ ให้หนูไปรวมกับพวกนั้นหนูไม่โอ”

แต้มหาวจนตาปิด ไม่ได้สนใจบทสนทนาดังกล่าวแม้แต่น้อย ยิ่งใหญ่เดินเข้าไปในห้องพักนักเรียนชาย มีฟูกนอนกองที่ฝั่งหลังห้องกองใหญ่ เขาดึงออกมาสองอันและปูตรงมุมห้อง วางเป้ของแต้มไว้ด้านในและเอาข้าวของตัวเองไว้อีกด้านหนึ่ง อาร์ทเดินตามมาและปูฟูกข้างที่นอนของยิ่งใหญ่

“เดี๋ยวพากันไปอาบน้ำนะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ครูนัดแปดโมงเช้านะทุกคน เดี๋ยวจะพาไปทานข้าวและเข้าไปดูสถานที่ซ้อม”

“คร้บ / ค่ะ” เสียงนักเรียนขานรับพร้อมๆกัน

แต้มล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า ยิ่งใหญ่หยิบซาวด์อะเบ๊าท์มาเสียบที่หู ไม่สนใจอาร์ทที่กำลังชวนไปอาบน้ำ

“นายไปก่อนเลย เมื่อกี้เห็นโรงเรียนอื่นอาบอยู่ คนอย่างเยอะ”

“โอเค งั้นเราไปก่อน” อาร์ทตอบเสียงอ่อย และเดินออกไปกับเพื่อนอีกสองสามคน

“นายไม่อาบน้ำเหรอ”

“ง่วงอ่า” แต้มตอบ

“เห้ยไปอาบหน่อยมั้ย”

“อีกแป๊บได้มั้ย” แต้มต่อรอง

“ตามสบาย” ยิ่งใหญ่นอนลงข้างๆ นักเรียนชายจากอีกโรงเรียนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยอาการงัวเงียเนื่องจากเพิ่งมาถึง ไม่มีใครทักทายใคร ต่างก็พากันปูที่นอนและลงไปอาบน้ำ

อาร์ทกลับมาในอีกชั่วโมงถัดไป

“นานจัง” ยิ่งใหญ่ถาม

“คนเยอะมาก ดีนะที่ได้อาบเร็ว ไม่งั้นรอนานกว่านี้อีก”

“ยังไง” ยิ่งใหญ่ถามสั้นๆ

“ก็อาบห้องละสองคนไง เรากะโบ๊ท”

“อ่อ” แล้วยิ่งใหญ่ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“แต้ม ไปอาบน้ำกัน” เขาเขย่าตัวเพื่อนที่นอนหลับเป็นตายอยู่ข้างๆ

“อื้อ” แต้มงัวเงียตอบ

“เร็วๆ เมื่อกี้ผู้หญิงมาบอกว่ามืดมาก น้องแก้วเห็นเงาตะคุ่มๆกรี๊ดใหญ่เลย” ยิ่งใหญ่ใส่ไฟ

“หืม จริงดิ” แต้มลืมตาโพลง ขนลุกชันด้วยความกลัว

“นายก็รู้ว่าน้องแก้วมีเซ้นส์”

“หยุด” แต้มห้าม “จะอาบก็ไป” เขาดูเวลาที่นาฬิกาติดผนังในห้อง 21.45 น.

แล้วเสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบ

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” นักเรียนชายผุดลุกผุดนั่ง บ้างก็วิ่งไปตามเสียงกรีดร้องก่อนจะมีเสียงฝีเท้าวิ่งกันอุตลุด

“เกิดอะไรขึ้น” อาจารย์วิ่งออกมาถาม

“ผี หนูเห็นผี” น้องแก้ว นักเรียนชั้นม.ต้นของโรงเรียนหวีดร้องอย่างผวา แก้วเป็นคนที่เพื่อนๆจะรู้ว่ามีประสาทสัมผัสด้านนี้ดีเป็นพิเศษ จนบางคนถึงขั้นออกปากว่ามันออกจะเหลือเชื่อเกินไป

“บ้าน่า ผีเผอที่ไหน” อาจารย์ปลอบขวัญลูกศิษย์ นักเรียนมุงต่างจับจ้องอย่างจดจ่อ

“ไปๆๆๆ แยกย้าย ไม่มีอะไรหรอก น้องเค้าแค่ตาฝาด” ถึงอาจารย์จะพูดแบบนี้ แต่แต้มก็อดใจเสียไม่ได้ เวลานี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ถ้าเป็นที่บ้านคงปิดไฟนอนกันจนหมดแล้ว ความมืดด้านนอกครอบคลุมไปทั่ว นักเรียนชายหลายคนที่กำลังจะไปอาบน้ำต่างหยุดชะงัก บ้างก็เข้านอนไปเลยก็มี

“นายจะไปอาบน้ำจริงเหรอ” แต้มถาม

“อืม ไปสิ เหนียวตัวจะตาย”

“แต่...”

“ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวอาบด้วยกันก็ได้” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงเรียบๆ แต่ในใจนึกขอบคุณน้องแก้วที่เจออะไรๆในจังหวะที่ลงตัวพอดี



 **********************************************************************

จบตอน...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงนะจ๊ะ  ย.ย.

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 40. เติบโตขึ้นทีละน้อย

บั๊มพ์เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบโดยมีภัทรเดินตามหลัง อาการของพิสันต์คงตัวแต่ยังต้องพึ่งยาแก้ปวด ถึงแม้จะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว รอยแผลที่ถูกยิงนั้นเริ่มแห้ง แต่ความเศร้าในแววตาของเพื่อนยังไม่จางหาย พิสันต์เป็นคนที่เงียบอยู่แล้วในเวลาปกติ แต่ยิ่งนิ่งงันขึ้นไปอีกหลังจากเหตุการณ์นี้ ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่องราวที่ชัดเจน ถึงแม้ยอดเยี่ยมจะถามต้นสายปลายเหตุจากนิสาลูกพี่ลูกน้องของพิสันต์แล้วก็ตามที เหมือนดังว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นความลับตลอดไป

“ไปทางไหนต่อ” ภัทรถาม บั๊มพ์ไม่ตอบแต่ชี้ในทางที่จะไป พวกเขาเดินตามทางก่อนหลุดเข้ามาในลิฟต์ด้านหลังโรงพยาบาลเพื่อลงมาที่ลานจอดรถ

“ลำบากเหมือนกันเนาะ นักข่าวนี่ก็หูตาไว้เป็นสัปปะรดเชียว”

“ปกติ” ภัทรตอบอย่างไม่ใยดีกับเรื่องพรรค์นี้ เขาอยู่ในวงการบันเทิงมานานพอที่จะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก ยิ่งอะไรที่ขายได้ยิ่งหอมหวานชวนให้ฝูงไฮยีน่ามารุมทึ้ง เขาถอดวิกออกยีผมที่พันกันยุ่งเหยิงให้พ้นสายตา ขยับแว่นกันแดดราวกับมันจะเลื่อนหลุดออกจากจมูกโด่งนั้นเพื่อแก้เก้อที่สภาพทรงผมดูไม่ดีเท่าที่ควร

“นายรู้ใช่ไหมว่าแม่ของไอ้ยอดอยู่ที่ไหน”

“อืม ไอ้ยอดบอกแล้ว” ภัทรพยักหน้า ก่อนที่จะเคลื่อนรถออกจากลานจอดมุ่งไปยังทิศทางที่ต้องไป

ยอดเยี่ยมอยู่ในห้องพักผู้ป่วยตั้งแต่เช้า มือหนึ่งกุมมือที่แสนเปราะบางของผู้เป็นแม่ไว้ อีกมือหนึ่งจับโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทีที่ลังเล

“คุณยอด...” ต้องตาไม่รู้จะปลอบอย่างไร ผู้เป็นแม่ของแฟนหนุ่มร้องขออย่างน่าสงสารเพื่อต้องการจะพบกับลูกชายคนเล็กสักครั้ง ที่ผ่านมายอดเยี่ยมโทรหาน้องชายหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ตลอดเวลา

“ตาขอช่วยคุณยอดในเรื่องนี้นะคะ”

“คุณตาจะทำยังไงครับ ในเมื่อผมเป็นพี่ชายแท้ๆขอร้องให้มายังไม่มาเลย”

“ตามีวิธีค่ะ เชื่อมือตานะคะ”

 เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาก่อนที่ยอดเยี่ยมจะได้ตอบอะไรไป ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาของสองหนุ่มเดินมาอย่างมีออร่า ในมือถือกระเช้าของฝากราคาแพง ชายหนุ่มต่างทักทายกันเองอย่างคุ้นเคย และทักทายต้องตาอย่างให้เกียรติ

“ตาขอตัวก่อนนะคะ” ต้องตาเอ่ยปากเพื่อเลี่ยงออกมาด้านนอกเพื่อให้เพื่อนๆได้สนทนากันอย่างไม่เคอะเขิน หญิงสาวเดินผ่านห้องพักออกมานั่งรอที่โซฟารับแขกของอาคารผู้ป่วยระดับวีไอพี เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรออกที่คุ้นเคย

**********************************************************************

รถบัสเคลื่อนออกจากโรงเรียนที่พักตั้งแต่เช้า นักแสดงทุกคนแต่งกายในชุดนักเรียนถูกระเบียบเนื่องจากทางอาจารย์ได้ขอไว้ กำหนดการของพวกเขาคือช่วง 10.00 น.ถึงเที่ยง เพื่อซ้อมคิว บล็อกกิ้งและซ้อมเสมือนจริง ถึงแม้ว่าการแสดงทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น แต่พวกเขาต้องจัดแจงทุกอย่างเพื่อให้การแสดงออกมาดูดีที่สุด

“เราได้ซ้อมจริงแค่วันนี้นะคะ เพราะมีหลายโรงเรียนต้องต่อคิวซ้อม เราจะแสดงจริงวันมะรืน แสดงว่าพรุ่งนี้เราว่าง ครูจะพาไปเที่ยว” เสียงนักเรียนร้องเฮตอบรับกันอย่างดีใจเมื่ออาจารย์พูดจบ รถจอดที่อาคารศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พวกเขาทะยอยเดินลงอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะไปนั่งทานมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่แถวนั้น

“อาจารย์ครับ” แต้มอยู่หลังสุด ทิ้งช่วงให้ยิ่งใหญ่และทุกคนเดินไปก่อน

“ว่าไงคะแต้ม” การที่อาจารย์เรียกชื่อเล่นนักเรียนเป็นการแสดงความเป็นกันเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการละลายพฤติกรรม

“คือ...” แต้มพูดในสิ่งที่ตนต้องการ และคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นก็คือ

“ได้ค่ะ แต่อย่ากลับดึกเกินไปนะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์” แต้มไหว้อย่างดีใจ ก่อนที่จะวิ่งไปนั่งเก้าอี้ที่ยิ่งใหญ่จองไว้ให้แล้ว

“นายไปพูดอะไรกับอาจารย์” ยิ่งใหญ่ถาม

“นายเป็นพ่อเรารึไง ถามจริง”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ยิ่งใหญ่นิ่วหน้า แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าถ้าแต้มไม่บอก ต่อให้ง้างปากก็ไม่มีคำตอบ

“คิดอะไรอยู่เหรอ” แต้มถาม

“คิดถึงเรื่องเมื่อคืน”

“เรื่องอะไร”

“อาบน้ำ” คนตอบทำหน้าแป้นแล้น ผิดกับแต้มที่หุบปากเสียสนิทถึงแม้พยายามจะสลัดให้ออกไป แต่เรื่องราวเมื่อคืนกลับเด่นชัด

 หลังจากที่น้องแก้วหวีดร้อง บรรยากาศของโรงเรียนดูเงียบสงัดขึ้นในทันใด นักเรียนชายหลายคนต่างพากันนอนโดยที่ไม่อาบน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นคือไฟตามทางเดินปิดมืดราวกับมีคนแกล้งขู่ให้นักเรียนที่เข้ามาพักเงียบเสียงลง แต่ยิ่งใหญ่กลับเดินนำลิ่วโดยมือข้างหนึ่งลากแขนเพื่อนสนิทอย่างไม่หวาดวั่น ถึงแม้ว่ายามปกติเขาจะเป็นคนที่กลัวความมืดมากก็ตาม

“นายแน่ใจนะว่าจะอาบ” แต้มถามซ้ำ

“แน่ใจสิ” ยิ่งใหญ่ตอบ ห้องอาบน้ำอยู่ชั้นล่างหลังอาคารเรียน ห่างจากที่พักไม่ไกลนัก เป็นห้องที่เพิ่งกั้นด้วยไม้อัดเนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีห้องอาบน้ำสาธารณะ ห้องอาบน้ำในโรงยิมมีน้อยจึงถูกจัดแจงให้เป็นที่อาบน้ำของนักเรียนหญิงและอาจารย์เสียแล้ว นักเรียนชายจึงต้องมาอาบกลางแจ้งที่แหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน

“ครับ” ยิ่งใหญ่รับสายที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไม่ ยังไงก็ไม่” แต้มมองอาการของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ยิ่งใหญ่กดวางสายทันทีที่พูดจบ ใบหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีคำพูดใดๆออกมาอีก สองขายาวก้าวไปในมุมที่มืดมิด ก่อนจะควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ

แต้มนั่งลงที่ม้านั่งติดกับเพื่อนที่กำลังนิ่งเงียบอัดควันบุหรี่เข้าปอด สายตายิ่งใหญ่เลื่อนลอย แต้มเท้าแขนลงบนม้าหินอ่อนเย็นเยียบ พิงแผ่นหลังไปกับโต๊ะปล่อยให้ความเงียปกคลุมโดยปราศจากคำพูดใดๆจนกระทั่งยิ่งใหญ่เสร็จจากการสูบบุหรี่มวนที่สอง เจ้าตัวจึงเปิดปาก

“พี่ยอดโทรมา” น้ำเสียงของเขายังตึงเครียด แต่ก็ไม่เท่ากับเมื่อสักครู่ “บอกว่าแม่อยากเจอเรา”

“แล้วนายโอเคไหม”

“อื้อ” ยิ่งใหญ่ก้มหน้า “มั้ง” เสียงสูดลมหายใจหอบแรงทำให้แต้มจับจ้องไปที่เพื่อนสนิท

“ถ้าไม่ไหวก็ร้องออกมา เราอยู่ตรงนี้”

“อื้อ” ยิ่งใหญ่ปล่อยน้ำตาให้ไหลริน เขารู้สึกว่าสามารถปลดปล่อยความอ่อนแอได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้

“ขอบใจนะ”

“ขอบใจอะไร” แต้มถาม แต่ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา

“เราขอพิงนายได้ไหม”

“ได้ดิ ทำยังกะนายไม่เคย” ยิ่งใหญ่ยังก้มหน้า แต่ใช้หน้าผากพิงกับไหล่ของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ความเปราะบางเกาะกินใจเริ่มจางหาย มีแต่ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่ามันมาตั้งแต่ตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าการได้อยู่กับคนๆนี้ทำให้ความรู้สึกของตนไม่เหมือนเดิม

“นายรู้มั้ยว่าทำไมเราถึงสูบบุหรี่”

แต้มส่ายหน้า “ไม่รู้”

“ทำไมนายไม่ถามเราล่ะ ไม่อยากรู้เหรอ”

“ถ้าเราอยากรู้แต่นายไม่อยากบอก เราจะถามไปทำไมล่ะ”

“ใครบอกว่าเราไม่อยากบอกล่ะ”

“อยากบอกก็บอกมาสิ”

“นี่คือนายถามเราแล้วใช่ไหม”

“เปล่า” แต้มตอบสั้นๆตามแบบของตัวเอง

“อ้าว เออ ช่างเหอะ” ยิ่งใหญ่ปาดน้ำตา รู้สึกปวดแสบไปทั้งสองข้าง “เราเริ่มสูบตอนม.ต้น”

“หืม”

“ใช่ ตอนนั้นเราเพิ่งเป็นวัยรุ่นไง พ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน เราเลยใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับเพื่อนๆ ทั้งเที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่”

“เป็นหนักนะเนี่ย”

“อืม ก็ใช่ ตอนนั้นเราเหงา นายเข้าใจใช่ปะว่ามันเหงา ไม่รู้จะกลับบ้านไปทำไม บ้านหลังเบ้อเริ่มแต่ไม่มีใครอยู่ กลับไปก็มีแต่ความว่างเปล่า มันเหงาจนอยู่ไม่ได้ เราเลยต้องไปเจอเพื่อน”

“แล้วพวกนั้นก็ชวนนายสูบบุหรี่”

“เปล่า ไม่มีใครชวน เราสูบเอง เราอยากเป็นอย่างคนอื่น การที่เราทำแบบนั้นมันทำให้เรารู้สึกสนิทใจกับพวกเพื่อนๆ เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม”

“แล้วตอนนี้พวกเขาไปไหนแล้วล่ะ”

“ไม่รู้” ยิ่งใหญ่ตอบเรียบง่าย “อยู่ๆทุกอย่างมันก็หายไป”

“นายก็เลยย้ายโรงเรียนมาที่นี่งั้นเหรอ”

“ทำนองนั้น” ยิ่งใหญ่สะบัดหัวไปมาอย่างแรงพลางผุดลุกทันที “ไปอาบน้ำเถอะ ดึกละ”

แต้มบิดตัวอย่างขี้เกียจ มองร่างสูงนั้นอย่างยากที่จะบอก แววตาที่เศร้าสร้อยช่างสวนทางกับท่าทีที่คนทั่วไปมองมาเป็นอย่างยิ่ง เกราะกำบังที่โอบอุ้มนั้นกระเทาะออกมาทีละน้อยเหมือนกับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เติบโตอย่างช้าๆแต่ทว่ามั่นคง “นายจะอาบห้องเดียวกันจริงเหรอ”

“จริงสิ หรือนายจะอาบแยก ถ้าเจออะไรอย่าวิ่งหนีก่อนละกัน” ยิ่งใหญ่ขู่ แต้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำห้องเดียวกัน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องตาใช้วิธีใดหนอ?  โทรหาน้องชายหรือป่าว?

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
:pig4: :pig4: :pig4:

ต้องตาใช้วิธีใดหนอ?  โทรหาน้องชายหรือป่าว?


ทำไมเดาถูก เอิ๊ก เอิ๊ก  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 41. สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

ต้องตากอดรัดน้องชายราวกับว่าเป็นเด็กอายุห้าชวบก็ไม่ปาน แต้มมีท่าทีเก้ๆกังๆเนื่องจากไม่คาดคิดว่าพี่สาวของตนจะแสดงอาการดีใจขนาดนี้ กลิ่นน้ำหอมเบาบางโชยกระทบจมูก พี่ต้องตาเป็นผู้หญิงที่สวยจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน เพราะว่าหน้าตาที่ค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าดูดีของตนเองมักจะถูกคนอื่นเปรียบเปรยเสมอ ว่าเขาเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง

“พอแล้วพี่ตา อายเค้า”

“แหม ก็ได้จ้ะ ลืมไปว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว จะให้มากอดรัดฟัดเหวี่ยงเหมือนตอนเป็นเด็กคงไม่ได้”

“ไอ้ได้มันก็ได้หรอกครับ ถ้าพี่ไม่ทำกลางห้างแบบนี้” แต้มกวาดสายตาเป็นสัญลักษณ์ให้พี่สาวมองตาม ต้องตาหัวเราะร่วนก่อนที่จะเปลี่ยนบทสนทนา

“ขอบใจมากนะที่พาใหญ่มาด้วย”

“รายนั้นเค้ายังไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงอยากเจอ”

“ใหญ่จ๊ะ วันนี้อยากทำอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

“ไม่มีครับพี่ตา” ยิ่งใหญ่ตอบอย่างเกรงใจ

“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วพี่จะพาเที่ยว” สองหนุ่มหูผึ่งกับคำว่า กิน และ เที่ยว เป็นอย่างมาก วันนี้ทั้งคู่ออกจากโรงเรียนที่พักแต่เช้าเพื่อมาพบต้องตาตามที่แต้มได้ขออนุญาตไว้ อาจารย์กำชับให้พากันกลับก่อนสองทุ่ม เนื่องจากระยะทางที่ค่อนข้างไกล แต่ดีที่ยอดเยี่ยมให้คนขับรถไปรับสองหนุ่มถึงโรงเรียน

“กินอันนี้เนอะ” ต้องตาชี้ไปร้านสุกี้ ผู้คนในร้านพลุกพล่านไม่น้อย

“กิน” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด

“เห็นแก่กิน” แต้มแซว

“ก็อยากกินอยู่พอดีนี่นา หรือนายจะไม่กิน เป็ดย่างของชอบของนายด้วยนะ”

“หึ รู้ดี”

“งั้นเราบอกพี่ตานะว่านายไม่กิน”

“ไม่ต้อง” แต้มดุก่อนจ้ำอ้าวตามพี่สาวเข้าไปในร้านโดนไม่สนใจเพื่อนที่กำลังหัวเราะอยู่ด้านนอก

พวกเขาสั่งอาหารมาเยอะ ต้องตาไม่แปลกใจที่เห็นภาพนี้เพราะทั้งคู่ต่างอยู่ในวัยกำลังโต ระบบการเผาผลาญยังดีอยู่เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ในวัยของตน สองหนุ่มสนิทกันมาตั้งแต่งานศพของปู่ ต้องตาเห็นแววตาชื่นชมของยิ่งใหญ่ที่มีต่อน้องชายของเธอก็รู้สึกดี และรู้สึกดีใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดของแฟนตนเอง

“พี่ตาไม่ทำงานเหรอครับวันนี้” แต้มตักเป็ดย่างให้พี่สาวก่อนจะถามออกมา

“จริงๆก็ทำ แต่คุณยอดอนุญาตให้พาพวกเรามาเที่ยวก่อนได้”

“แล้วพี่ยอดไปไหนอะครับ” ยิ่งใหญ่เป็นคนถามถึงพี่ชาย

“คุณยอดทำงานจ้ะ ตอนเย็นก็ไปโรงพยาบาล” ยิ่งใหญ่กำตะเกียบแน่นเมื่อพูดถึงคำว่าโรงพยาบาล “ไม่ต้องคิดมากนะครับใหญ่ คุณยอดเค้าเข้าใจความรู้สึกใหญ่ดี”

“พี่ยอดน่ะเหรอ” คำนี้เหมือนประชดประชันอยู่ในที

“ใช่สิจ๊ะ” ต้องตายิ้มอย่างจริงใจ ความสวยงามบนใบหน้ากับคำพูดอ่อนหวานละลายหัวใจใครมานักต่อนักแล้ว “คุณยอดเคยบอกว่าอยากขอโทษใหญ่มาก”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ทุกเรื่อง” ต้องตาตอบชัดเจน “คุณยอดบอกว่าเสียใจที่แม่พาเค้ามาอยู่ที่นี่ เสียใจที่ไม่ได้เล่นกับน้องชาย เสียใจที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนที่ผ่านมา”

ยิ่งใหญ่กำตะเกียบแน่นกว่าเดิม แต้มใช้มือข้างหนึ่งแตะไหล่เกร็งนั้นแผ่วเบา

“พี่ขอโทษนะจ๊ะที่พูดเรื่องนี้ ทั้งๆที่พี่ไม่ควรพูดเลย” ต้องตารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“ขอบใจมากนะ” ต้องตายิ้มให้ยิ่งใหญ่ “พี่อิจฉานะที่ใหญ่มีพี่ชายดีๆอย่างคุณยอด”

“ครับ”

“แล้วพี่ก็อยากจะขอบใจด้วยที่ดูแลแต้มเป็นอย่างดี”

“ไม่จริงอะ ผมต่างหากเป็นคนดูแล” แต้มแก้คำพูดพี่สาว

“หึ นายน่ะเหรอมีแต่บ่น บ่น บ่น” ยิ่งใหญ่เถียง

“เอาล่ะพอก่อนค่ะพอก่อน ใจเย็นๆไม่เถียงกันนะหนุ่มๆ” ต้องตากลั้นขำ “ไปจัดการอาหารก่อนเดี๋ยวพี่พาเที่ยว”

สองหนุ่มกำจัดอาหารทั้งหมดจนเกลี้ยงและตามด้วยของหวานอีกคนละสองอย่าง ต้องตามองดูเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างตะลึงกับภาพที่ได้เห็น รอยยิ้มของสองหนุ่มสวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่ส่งผ่านให้กันและกัน มันคือเสน่ห์แห่งวัยหนุ่มสาวที่เราสามารถพบเจอได้ง่ายๆแต่น้อยคนนักที่จะสังเกตและตักตวงเอาความรู้สึกดีเหล่านี้มาเติมเต็มความสุขในใจ

“เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะไปไหว้พระกันก่อน” ต้องตาแจงแผน “วัดที่เราจะไปคือวัดพระแก้ว จากนั้นพี่จะพาเรานั่งเรือเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามบ่าย ถ้ามีเวลาจะพาไปเที่ยวต่อที่เขาดิน”

“งั้นเราข้ามไปที่เขาดินเลยได้มั้ยครับ” แต้มเสนอ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยไปเที่ยวสวนสัตว์เลยสักครั้ง

“ที่เราอยู่ตอนนี้ใกล้กับวัดพระแก้วมากกว่า งั้นหลังจากไหว้พระก็ไปเขาดินกันเลย ดีมั้ยหนุ่มๆ” เมื่อสองหนุ่มเห็นด้วยกับแผนนี้เป็นอย่างมาก ต้องตาจึงแจ้งคนขับรถให้พาไปสถานที่แรกและที่ที่สอง พวกเขาจบจากเขาดินก็เกือบบ่ายสามโมงเย็นแล้ว แต้มตื่นตากับบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ในกรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิปโปโปเตมัสขนาดมหึมาที่ยื่นหน้ารอกินอาหารจากนักท่องเที่ยว ยิ่งใหญ่ถูกอกถูกใจกับหมีควายตัวใหญ่ที่ดำผุดดำว่ายในสระน้ำเล็กๆในกรงของมันสลับกับการขึ้นมานั่งบนหินก้อนใหญ่เพื่อเล่นกับเพื่อน ก่อนกลับลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำอีกครั้งราวกับว่าเป็นกิจวัตรที่ทำไม่รู้จบ

“หนุ่มๆร้อนมั้ย มาดื่มน้ำกันก่อน” ต้องตายื่นน้ำอัดลมให้คนละกระป๋อง ทั้งคู่ดื่มรวดเดียวเกลี้ยงด้วยความกระหาย อากาศวันนี้ร้อนอบอ้าวเสียจนเสื้อยืดเปียกปอนด้วยเหงื่อ

“สนุกมั้ย”

“สนุกครับพี่ตา ขอบคุณนะครับที่พามา” ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายตอบ

“อยากไปที่ไหนกันอีกรึเปล่า” ต้องตาถามพลางลูบศีระษะน้องชายอย่างรักใคร่ ยิ่งใหญ่มองภาพนี้อย่างประทับใจในความรักที่ทั้งคู่มีให้กันอย่างสุดซึ้ง ถึงแม้มันไม่ใช่การแสดงกระทำที่น่าซาบซึ้ง แต่การดูแลกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆตั้งแต่การตักอาหารให้กัน แต้มปัดกางเกงเปื้อนฝุ่นของพี่สาว ต้องตาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้น้องชาย ต่างเป็นภาพที่สะท้อนให้ยิ่งใหญ่รู้สึกตื้นตันและอ่อนแอไปในคราวเดียวกัน

“ไม่แล้วล่ะครับ แค่นี้ก็รบกวนพี่ตามากแล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบอีกครั้ง

“ไม่มีที่อยากไปจริงๆเหรอใหญ่” ต้องตาถามย้ำอีกที ราวกับกำลังลองใจเด็กหนุ่ม

“นั่นสิ นายไม่มีที่ที่อยากไปแล้วจริงๆเหรอ” แต้มช่วยเสริม

ยิ่งใหญ่มองที่เพื่อนสนิทด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความกังวลใจมากมายในนั้น แต้มใช้มือดันหัวของเพื่อนก่อนจะถามซ้ำอีกที “แน่ใจนะว่าไม่อยากไปที่ไหนอีก”

**********************************************************************

ยอดเยี่ยมรู้สึกแปลกใจที่ต้องตามั่นใจเรื่องที่จะพาน้องชายของเขามาเยี่ยมผู้เป็นแม่อย่างมาก แต่ไม่มีโอกาสถามว่าแฟนสาวของเขาจะทำอย่างไร ในเมื่อตัวเองที่เป็นพี่ชายแท้ๆของยิ่งใหญ่ทั้งโทรไปขอร้อง ส่งข้อความไปหายังไม่มีการตอบรับจากน้องชายตัวดีเลยสักครั้ง

“ยิ่งใหญ่น่ะเป็นเด็กดีนะคะคุณยอด” ต้องตากล่าว “ถึงปากจะแข็งแต่ลึกๆแล้วเค้าเป็นห่วงแม่เค้ามากนะคะ”

“เป็นห่วงแล้วทำไมไม่คิดจะมาเยี่ยมล่ะ นี่มากรุงเทพแท้ๆยังไม่คิดจะมา”

“คุณยอดต้องใจเย็นสิคะ พูดยังกับตัวเองไม่เคยเป็นวันรุ่นมาก่อนอย่างนั้นแหละ” ต้องตาพูดอย่างใจเย็น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการเอาน้ำมันก๊าดราดบนกองไฟ มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

“ผมขอโทษครับที่ใจร้อน แต่..”

“เชื่อเถอะค่ะ ตามีวิธีของตา จากที่ตาเคยเจอใหญ่ตอนงานศพคุณปู่ ตารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนนิสัยดีมาก” ต้องตาจับมือใหญ่ที่วางอยู่ข้างตนอย่างไม่เคอะเขิน “ยังไงตาก็มั่นใจค่ะ ว่าน้องใหญ่จะต้องมา”

“ผมก็หวังว่าอย่างนั้นนะครับคุณตา” ยอดเยี่ยมหลับตาพลางครุ่นคิด นี่ก็ผ่านไปค่อนวันแล้วแต่ยังไม่มีใครมาเยี่ยม หรือว่าวันนี้คุณตาจะทำไม่สำเร็จนะ ชายหนุ่มได้แต่คิด แล้วก็ผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย

ยิ่งใหญ่ยืนเก้ๆกังๆหน้าห้องพิเศษ เขาอ่านชื่อบนกระดาษสีขาวที่สอดไว้ในช่องที่เตรียมไว้หลายสิบรอบ แข้งขาสั่นไม่มีแรงเอาเสียดื้อๆ ข้างหลังมีพี่ต้องตาและแต้มเพื่อนสนิทคอยลุ้นอยู่ไม่ห่าง ยิ่งใหญ่จำได้ว่าไม่มีคำชวนจากทั้งต้องตาและแต้มให้มาที่นี่ ไม่มีใครบังคับเขาด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้เห็นสายสัมพันธ์ระหว่างแต้มกับพี่สาวที่ดูราวกับแม่ลูกกันแสดงความรักความห่วงใยต่อกันในช่วงวันนี้ทั้งวัน ทำให้ยิ่งใหญ่รู้สึกสะท้อนในใจ เขาต้องการแม่ที่คอยดูแลแบบนี้บ้าง อยากได้ไออุ่นของแม่มาปลอบโยนในยามที่ตนอ่อนแอและกำลังจะร้องไห้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเสียใจเพราะตอนนี้แม่กำลังป่วยแต่เขาไม่คิดจะไปเยี่ยมเลยเพราะคำว่าทิฐิ

“แน่ใจนะว่าไม่อยากไปที่ไหนอีก” คำถามของแต้มทำให้เขาคิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุด

“แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไร” แต้มถาม “คือ...”

“นายจำได้ไหม คืนก่อนที่นาย...”

“จำได้” ยิ่งใหญ่ไม่ต้องการให้เพื่อนพูดว่าตนเองร้องไห้เพราะอายพี่ตาที่อยู่ตรงนี้เลยรีบตัดบท

“แล้วนายจะรออะไรอีกล่ะ”

นั่นสิ เขาจะรออะไรอีกล่ะ เมื่อคิดได้ ยิ่งใหญ่เลยเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอย่างช้าๆ

แม่นอนอยู่บนเตียงที่ยกสูงประมาณเอวของเขา สายท่อต่างๆวางเรียงรายไว้ด้านข้าง มีถังอ๊อกซิเจนที่ดูระเกะระกะตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง แม่ไม่มีผมแล้ว เขาสังเกตจากหมวกผ้าที่แม่สวมอยู่เพื่อกันหนาวหรืออย่างไรไม่รู้ปิดทับ พี่ยอดนอนหลับที่โซฟา พี่ชายที่ดูแก่ลงไปราวสิบปีเนื่องจากต้องโหมทั้งงานและมาดูแลผู้เป็นแม่ ยิ่งใหญ่ก้าวไปช้าๆ โดยมีแต้มให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง

แม่พลิกตัวไปมาก่อนที่จะลืมตาทีละนิด แม่หรี่ตาราวกับหลบแสงสะท้อน หรือสายตาแม่อาจจะยังปรับไม่ทันก็เป็นได้ วินาทีที่แม่ลืมตาและยิ้มนั้น ยิ่งใหญ่เห็นน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลเอ่อออกมาจากสองตาที่อยู่อ่อนล้า แม่รีบยกมือมาปาดมันทิ้งโดยเร็ว เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวรอบดวงตา เขาพยายามสะกดกลั้นไม่ให้มันไหลริน แต่วินาทีที่แม่อ้าแขนออกมารอยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจสะกดกลั้นมันได้แล้ว

 ยอดเยี่ยมตื่นขึ้นมาเห็นภาพสองแม่ลูกกอดกันด้วยความดีใจ เขาขยับปากเป็นคำว่าขอบคุณกับต้องตาที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ ก่อนที่จะกดส่งข้อความหาใครคนหนึ่งว่า “ใหญ่มาแล้วนะครับพี่”

 ไม่นาน หมอหนุ่มที่หน้าตาคล้ายยิ่งใหญ่ในเวอร์ชั่นอายุขึ้นเลขสามก็ปรี่เข้ามา ยิ่งยศรู้สึกดีใจไม่ต่างกับผู้เป็นแม่และยอดเยี่ยมที่ได้เห็นภาพน้องชายของตนมาอยู่กับผู้เป็นแม่

“ว่าไงไอ้เสือ กว่าจะมาได้นะ” ยิ่งยศแซวน้อง

“อะไรพี่ยศ มาก็มาว่า”

“เห้ย พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” หมอหนุ่มใช้มือยีหัวน้องชายคนเล็กอย่างสนิทสนม

“เออนี่พี่ยศ พี่ชายคนโตของเรา ส่วนนี่แต้มเพื่อนสนิทผม น้องชายพี่ต้องตา” ยิ่งใหญ่แนะนำทั้งสองฝ่าย แต้มยกมือไหว้ ยิ่งยศรับไหว้พร้อมกับส่งยิ้มกว้าง

“ขอบใจมากนะแต้ม อ้อต้องตาด้วย ที่ลากไอ้เสือใหญ่มาได้” ยิ่งยศที่อยู่กับครอบครัวช่างมีบุคลิกแตกต่างกับตอนที่อยู่กับคนไข้มากนัก ต้องตาลอบสังเกตท่าทางมาพักใหญ่ ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งมั่นใจว่ายิ่งยศนั้นเหมือนยิ่งใหญ่มากกว่ายอดเยี่ยมเสียอีก

“ใหญ่อยากมาเองครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” แต้มตอบตามจริง

“ยังไงก็ช่างเหอะ ขอบใจจริงๆ”

“งั้นตาขอตัวก่อนนะคะ ให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันก่อน” สองพี่น้องตัว ต. เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย แต้มเดินตามหลังพี่สาวที่เดินเฉิดฉายราวกับนางแบบ

“ไปไหนกันดี” พี่ตาถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยมากรุงเทพเลยนะพี่”

“เออ นั่นสิ” หญิงสาวฉุกคิด ตอนนี้ก็ประมาณห้าโมงเย็นแล้ว หากไปที่อื่นคงจะกลับโรงเรียนไม่ทัน

“งั้นไปกินข้าวแถวนี้มั้ย ระหว่างรอยิ่งใหญ่” แต้มพยักหน้าและเดินตามพี่สาวไปอย่างว่าง่าย

ทั้งยิ่งใหญ่และแต้มกลับมาถึงโรงเรียนเกือบสองทุ่ม ต้องตาต้องปลุกทั้งสองให้ตื่นเมื่อถึงที่หมายแล้ว สองหนุ่มงัวเงียบอกลาและเดินเข้าไปในโรงเรียนที่มืดมิดนั้น บรรยากาศวังเวงไม่น้อย รถเคลื่อนตัวออกมาจากโรงเรียนและใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อมาที่คอนโดของเธอ

“ตาใกล้ถึงแล้วค่ะ” ต้องตาบอกปลายสาย

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหา”

“ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณยอด กลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ตาค่อยไปเอาที่ออฟฟิศเอง”

“ผมขึ้นทางด่วนมาแล้วครับคุณตา กลับรถไม่ทันแล้วล่ะ เดี๋ยวเจอกันนะครับ” ต้องตาวางสาย เธอลืมนาฬิกาไว้ในห้องน้ำที่โรงพยาบาลตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ช่วงหลังมานี้หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยและล้าจากทั้งการทำงานและการเยี่ยมคนไข้

คนขับเลื่อนรถออกไปไกลแล้วในตอนที่ต้องตาวางสาย หน้าคอนโดของเธอเปิดโล่ง มีรถเข้าออกตลอดเวลา และไม่มีรปภ.เฝ้าเนื่องจากเป็นคอนโดเก่าสร้างมากว่าสามสิบปี สีของมันผุกร่อนจืดจางจนไม่อาจบอกได้ว่าเดิมทีคอนโดนี้ทาสีอะไร ทางเดินไปลิฟต์ต้องผ่านลานจอดรถด้านล่างที่ไฟติดๆดับๆ หญิงสาวไม่ชอบสถานที่แห่งนี้มากนัก แต่ก็ย้ายไปไหนไม่ได้เพราะค่าเช่านั้นถูกแสนถูกในทำเลแถวนี้

ต้องตารู้สึกตัวหมุนคว้าง แรงกระชากบิดตัวเธอกระเด็นกลิ้งกับพื้น ข้อศอกเจ็บจี๊ดจากการกระแทกรับน้ำหนัก หญิงสาวหันมองไปทางต้นตออย่างหวาดหวั่น ตัวของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

“มาแล้วเรอะ นังกากี” ต้องตาจำเสียงนั้นได้ มันเป็นเสียงที่เธอไม่เคยลืม หญิงสาวเคลื่อนตัวไปชิดผนังก่อนดันตัวให้ลุกมาเผชิญหน้ากับคนที่เรียกเธอว่า กากี

“พี่ต้องการอะไรจากฉัน พี่อ๊อด”

**********************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าว...อดีตของต้องตาโผล่มาอีก

เอาหล่ะสิ  แทนที่จะแฮปปี้  ดันมีมาม่าชามโตโผล่มาซะงั้น

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
:pig4: :pig4: :pig4:

อ้าว...อดีตของต้องตาโผล่มาอีก

เอาหล่ะสิ  แทนที่จะแฮปปี้  ดันมีมาม่าชามโตโผล่มาซะงั้น


อิอิ ไม่อยากบอกเลยว่าตอนหน้าเข้มข้นมาก

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 42. ความรัก มิตรภาพ และความเกลียดชัง



ชายหนุ่มถอยรถเข้าที่จอดอย่างระมัดระวังเนื่องจากความมืดในโรงรถ บ้านช่องเงียบเชียบเป็นปกติถึงแม้ไม่ได้มานานหลายเดือนแล้วก็ตาม พี่ชายของตนคงโหมงานหนักอีกเช่นเคยจนไม่ใส่ใจบ้านช่องเช่นนี้ เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วจังหันไปปลุกคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆเจ้าตัวหาวและบิดขี้เกียจอย่างไม่เคอะเขิน ราวกับว่ามันเป็นกิจวัตรที่ทำจนชินตาซึ่งกันและกันไปแล้ว

“ไบรต์ครับ ตื่นเร้ว ถึงแล้ว” หลังจากขยี้ตาและบิดขี้เกียจเต็มที่แล้ว ผู้เป็นพี่ก็ปลุกน้องชายตัวเล็กที่หลับอยู่บนเบาะด้านหลังและไม่มีวี่แววว่าจะตื่น

“มาเดี๋ยวเราอุ้มไปเอง”

“ไม่ต้องหรอก เราจัดการเอง นายไปเปิดประตูบ้านก่อนไป” ผู้ตอบเดินออกไปเปิดประตูที่นั่งเบาะหลังอุ้มน้องชายตัวเล็กอย่างทุลักทุเล

“โอเค” หนุ่มหล่อยิ้มหวานก่อนเดินก้าวเท้าไปทางประตูบ้าน ไฟในบ้านมืดมิดไม่ต่างจากด้านนอก เขาใช้มือคลำผนังด้วยความเคยชินเพื่อหาสวิชต์เปิดปิด ไม่นานแสงสว่างก็เข้ามาแทนที่ เสียงประตูปิดปังเพราะลมพัดชวนขนลุกไม่น้อย

“พาตัวเล็กไปนอนในห้องก่อนก็ได้ เราไปขนของก่อนเดี๋ยวตามขึ้นไป” ชายหนุ่มอุ้มน้องชายขึ้นบันไดอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นบ้านของตน ประตูไม่ได้ล็อกเป็นปกติ เขาเอื้อมไปเปิดไฟอย่างลำบากเนื่องจากต้องรับน้ำหนักของน้องชายวัยซนไว้ เมื่อไฟสว่างจึงค่อยโละของที่รกบนเตียงนอนออกและวางคนที่นอนหลับสนิทบนที่นอน

“หิวมั้ย” เสียงตะโกนดังมาจากชั้นล่าง คนถูกถามเดินออกไปที่หน้าห้องก่อนตะโกนตอบคำถาม

“ไม่ กินมาขนาดนี้แล้วจะกินอะไรอีกเยอะแยะ”

“งั้นกินของหวานมั้ย” เสียงนั้นตะโกนถามซ้ำ

“ของหวานอะไร”

ไม่มีคำตอบจากคนที่อยู่ด้านล่าง มีเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นบันไดไม้อย่างรีบร้อนและมาหยุดตรงคนที่ถาม

“นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าของหวานอะไร” ชายหนุ่มใบหน้าหล่อราวกับรูปแกะสลักฉีกยิ้มและใช้มือทั้งสองโอบที่เอวแกร่งของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีความหมาย

“ใครจะรู้ล่ะ ถ้านายไม่บอก”

“หืม ไม่รู้จริงเหรอ แต่นี่มันบอกว่านายรู้อยู่เต็มอกเลยนะ” คนถูกแซวหน้าร้อนผ่าวเพราะท่อนล่างของทั้งคู่ต่างเสียดสีกันไปมาจนไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่แท้จริงได้

“ทะลึ่ง”

“เรารู้ว่านายก็ชอบนะบั๊มพ์”

“ก็ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับว่าของหวานนายอร่อยแค่ไหน” บั๊มพ์ยั่วยวนอย่างไม่อายสายตาที่จับจ้องอย่างกรุ้มกริ่ม เขาแพ้สายตาเจ้าชู้ที่จับจ้องมาอย่างจาบจ้วงเป็นอย่างมาก สายตาที่สามารถเผาผลาญทุกอย่างให้มอดไหม้ได้เพียงได้สบตาแค่ชั่วขณะ   

“นายก็รู้ว่ามันหวานจนนายถอนตัวไม่ขึ้น” ภัทรเชยค้างของอีกฝ่ายขึ้น ประกบริมฝีปากเบียดคลึงอย่างเร่าร้อน เสียงหอบหายใจดังถี่ราวกับคนใกล้สิ้นลม เปลวไฟแห่งความต้องการถาโถมอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง หนุ่มหล่อสองคนโลมเลียกอดจูบกันราวไฮยีน่าผู้หิวโหยเจอเหยื่ออันโอชะ ประตูห้องเปิดอย่างเร็วมือหนึ่งรีบปิดไฟเพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กเห็นภาพในตอนนี้ เมื่อเสื้อผ้าถูกดึงทึ้งถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี เหลือเพียงกล้ามเนื้อแน่นขนัดของวัยหนุ่มที่บดเบียดก่ายกอดพัลวันกันอย่างหิวกระหาย เสียงครางครวญปริ่มจะขาดใจดังสอดแทรกมาเป็นระยะ ความหอมหวนของรสรักพวยพุ่งถึงขีดสุดอีกครั้งเมื่อถูกปรนเปรอด้วยของหวานที่รสชาติละเมียดละไม

“เรารักนายนะบั๊มพ์” เสียงนุ่มทุ้มพร่ำบอก พลางดันซอกเข่าของอีกฝ่ายให้ทบขึ้นมาที่ทรวงอก

“เราก็รักนาย” ภัทรรู้สึกตื้นตันแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินคำนี้จากปากของคนรัก บั๊มพ์รับความรู้สึกทั้งหมดที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันและกำลังสอดผ่านเข้าไปภายในกายของตนอย่างช้าๆ ครางเสียงในลำคออย่างยากลำบาก ความอิ่มเอมลอดทะลวงสู่ภายในจนสุดทาง ความรักเบ่งบานเคลื่อนไหวภายในด้วยจังหวะวอลซ์ในช่วงแรก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะรุนแรงถาโถมดังจังหวะช่ะช่ะช่า

***********************************************************************

คืนนี้เงียบและวังเวงกว่าคืนก่อนเป็นอย่างมาก อากาศก็เหมือนจะลดลงจนเย็นเยียบยิ่งกว่าเก่า ไม่มีเสียงจอแจอึกทึกราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไร้ผู้คน สองหนุ่มขึ้นบันไดด้วยความรู้สึกประหลาด

“นายว่าคืนนี้มันเงียบเกินไปมั้ย”

“นั่นสิ” แต้มเห็นด้วย คนอื่นไปไหนหมดนะ

พวกเขาเดินตามทางสลัวอย่างหวั่นหวาด มันไม่ควรเงียบเชียบขนาดนี้ เพราะจำนวนของนักเรียนที่มาพักมีไม่น้อย หรือว่าทุกคนหลับไปแล้ว...มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่มีใครนอนหลับพร้อมกันในตอนสองทุ่มแบบนี้หรอก เมื่อคืนยังมีคนนอนคุยกันจนถึงเที่ยงคืนอยู่เลย

ยิ่งใหญ่เปิดประตูเข้าไปในห้องพักนักเรียนหญิง ก่อนพบว่าว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ในนั้น

“ยังไม่กลับกันอีกเหรอ”

“บ้าน่า สองทุ่มกว่าแล้ว ไม่กลับมาได้ไง พรุ่งนี้มีงานแสดงตั้งแต่เช้า”

“นั่นสิ แล้วคนไปไหนหมด” ยิ่งใหญ่ยังไม่หายข้องใจ

“ไม่รู้เหมือนกัน เราก็อยู่กับนายเนี่ย” ยิ่งใหญ่ใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่ชายโครงเพื่อนรักดังปึก! แต้มกุมจุดที่โดนนั้นด้วยท่าทางจุกเต็มประตู

“เห้ยๆ เจ็บเหรอขอโทษๆไม่ได้ตั้งใจ ใครใช้ให้นายกวนบาทาเราล่ะ” ยิ่งใหญ่ใจคอไม่ดีที่เห็นอาการของเพื่อนรัก

“หายแล้ว” แต้มทำหน้าทะเล้น นี่เป็นครั้งแรกที่แต้มแกล้งยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ เพราะคนโดนแกล้งหน้าเจื่อนจ๋อยไม่น้อย

“นาย...” ยิ่งใหญ่กัดฟันด้วยความหงุดหงิดที่โดนแต้มหลอกอย่างจัง อีกฝ่ายกลับหัวเราะอย่างสะใจ

“เออ ตลกมากใช่มั้ย”

“ฮ่าๆๆ นายไม่เห็นหน้านายตอนจ๋อยเหรอ มันเหมือนไอ้ตูบข้างบ้านเรามากเลยนะ” ไอ้ตูบคือหมาของลุงข้างบ้านที่ชอบทำหน้าเจื่อนค่อนข้างกลัวคน หูของมันจะพับและก้มหน้านิ่งทุกครั้งที่โดนเจ้าของดุ

“เราไม่ใช่หมา” ยิ่งใหญ่ประท้วง แต่แต้มก็หัวเราะและไม่สนใจอาการของเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งใหญ่ฟึดฟัดกว่าเดิม แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ยิ่งได้เห็นแต้มหัวเราะอย่างมีความสุข ในใจกลับพองโตราวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาคืนชีพเมื่อถูกรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย หากเขาคือต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวต้นนั้น แต้มก็เหมือนคนสวนที่มาดูแลมันจนกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งอย่างมหัศจรรย์

“หัวเราะ หัวเราะ” ยิ่งใหญ่แค่นเสียง ทั้งคู่เดินไปที่ห้องตรงข้ามที่มืดสนิท แต้มเปิดประตูโดยมียิ่งใหญ่ตามหลังมาติดๆ

“เซอร์ไพรส์!!!!!” สองหนุ่มแทบกระโดหนีเพราะเสียงตะโกนดังลั่นนั้น

“อะ อะไร” แต้มถามทั้งที่ยังไม่หายตกใจ

“สุขสันต์วันเกิดนะแต้ม มีความสุขมากๆ” อาจารย์เป็นคนอวยพร

“เรารู้ว่ายังไม่ถึงวันเกิดนาย แต่วันนั้นพวกเราคงไม่ได้มารวมตัวกันตรงนี้แล้ว ก็เลยรวมตัวกันมาจัดงานให้” อาร์ทบอก

“แล้วนายรู้ได้ไง” แต้มถาม อาร์ทไม่ตอบพลางพยักเพยิดหน้าไปทางคนที่อยู่ข้างหลัง เจ้าของวันเกิดหันไปมองใบหน้าที่กลมกลืนกับความมืดนั้นอย่างสุขใจยิ่งกว่าเดิม “ขอบใจนะ”

“ไม่ต้องขอบใจเราหรอก ขอบคุณอาจารย์และเพื่อนๆทุกคนดีกว่า” ยิ่งใหญ่ฉีกยิ้มกว้าง

“ขอบคุณครับอาจารย์ ขอบคุณครับทุกคน” แต้มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนเสียงเพลงอวยพรจะดังขึ้นโดยมีอาร์ทเป็นต้นเสียง ทุกคนต่างปรบมือและอวยพรเมื่อแต้มเป่าเทียนที่ปักบนเค้กวันเกิด เขาไม่เคยคิดเลยว่ามิตรภาพมันจะอิ่มเอมถึงเพียงนี้ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างและมองไปยังเพื่อนรักอย่างขอบคุณ

ยิ่งใหญ่อมยิ้มอย่างปลื้มปริ่มในอก รู้สึกซาบซึ้งกับภาพรอยยิ้มของเพื่อนสนิทที่กระจายเต็มหน้า เรื่องวันเกิดเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความช่วยเหลือของแต้ม ทั้งเรื่องแม่ เรื่องการเรียนและเรื่องมิตรภาพที่แสนอบอุ่น เขาไม่รู้เลยว่า ถ้าชีวิตไม่รู้จักกับคนที่ชื่อแต้ม วันนี้เขาจะเป็นอย่างไร

***********************************************************************

ต้องตาตัวสั่นเทา เธอไม่ได้กลัวคนที่อยู่ตรงหน้า แต่การกระทำของเขามันยิ่งตอกย้ำว่าการตัดสินใจของตนเองว่ามันถูกต้องแล้ว ไม่มีทางที่จะหวนกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป

“ต้องการอะไรน่ะเหรอ หึ” ชายหนุ่มร่างกำยำตอบโต้ด้วยน้ำเสียงดุดัน ดวงตาแดงก่ำและลมหายใจหอบแรงบ่งบอกว่าเขากำลังเมาจัด

“พี่อ๊อดกลับบ้านเถอะ พี่เมาอยู่นะ” ต้องตาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำเรื่องให้มันลุกลามไปมากกว่านี้

“ไม่กลับ ยังไงกูก็ไม่กลับ วันนี้กูต้องเอาเลือดหัวมึงออก”

“หยุดนะพี่อ๊อด พี่จะมาทำอย่างนี้กับชั้นอีกไม่ได้”

“ทำไมจะทำไม่ได้ กูเป็นผัวมึงนะ”

 ต้องตาโกรธจัดจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่ที่ได้ยินคนที่เธอเรียกว่าพี่อ๊อดโพล่งคำนี้ ภาพในอดีตมันไหลย้อนกลับมาในหัว สองมือบางกุมแน่นเมื่อหวนไปนึกถึงเรื่องราวครั้งที่เธอยังไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก เด็กสาวจากหมู่บ้านห่างไกลความเจริญเติบโตมาเป็นผู้หญิงที่สวยสะพรั่งเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทุกวัยที่ได้พบ ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านของวัยหนุ่มสาวเป็นต้นเหตุให้เพื่อนพ้องหรือคนรู้จักของเธอแต่งงาน หรือมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยราวกับเป็นประเพณีนิยมที่ทำสืบต่อกันมาในละแวกนั้น เพื่อนสนิทเธอหลายคนท้องโย้ตั้งแต่ปีกลายและกลายเป็นแม่คนตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้คำว่านางสาวนำหน้า ทุกคนต่างลาออกจากโรงเรียนและกลับมาเลี้ยงลูกที่บ้าน เมื่อลูกโตพอแล้วก็ออกไปทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่ว่าจะงานก่อสร้าง งานปลูกข้าว เกี่ยวข้าว เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและลูกที่กำลังเติบใหญ่

พี่อ๊อดอายุมากกว่าเธอสามปี เป็นชายหนุ่มรูปงามชั้นม.6 ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทุกระดับชั้น ด้วยใบหน้าที่หล่อ(ในสายตาของนักเรียนหญิง) การเรียนปานกลางแต่เก่งด้านกีฬาแทบทุกชนิด เป็นตัวแทนระดับชั้นในกิจกรรมของโรงเรียนนับไม่ถ้วน ทั้งการถือคฑางานกีฬาสี เป็นประธานชมรมฟุตบอลที่เป็นกองหน้าตัวบุกทำประตูทีมคู่แข่งอย่างขาดลอย จึงไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่เนื้อหอมมากขนาดไหน

“พี่อ๊อดพอเถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น”

“ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ” ชายหนุ่มเดินมาอย่างโงนเงน “งั้นให้กูรื้อฟื้นความจำครั้งเก่ามั้ย”

“พี่อ๊อด หยุดนะ ไม่งั้นชั้นจะเรียกให้คนมาช่วย”

“เอาสิ ร้องเลย เรียกมาช่วยเลย เค้าจะได้รู้กันทั่วว่ามึงมันผู้หญิงสำส่อน”

ต้องตาเลือดขึ้นหน้าจึงตบหน้าเขาฉาดใหญ่ อ๊อดไม่สะทกสะท้านกับแรงแค่นี้ หญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความโมโหผู้ชายคนนี้ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาตัดสินว่าตนเป็นคนแบบไหนทั้งนั้น เพราะทุกอย่างที่ผ่านมามันจบลงแล้ว ตอนนั้นเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตกหลุมพรางเปลือกนอกที่สวยหรูของเขา แต่ยิ่งนานวันเข้า อ๊อดยิ่งเผยตัวตนที่แย่เสียจนเธอไม่อาจทนได้ อดีตคนรักของเธอเป็นคนเสเพล รักการดื่มและสังสรรค์ เมื่ออยู่ด้วยก็ยิ่งแสดงอำนาจ ต้องตาไม่สามารถห้ามปรามได้เลย แต่ละครั้งจะจบที่เธอเป็นคนที่ถูกทำร้าย จากคนที่เอ่ยปากว่ารักเธอมากแค่ไหน

“อ๋อ เดี๋ยวนี้ว่าไม่ได้เหรอ เอะอะลงไม้ลงมือใช่มั้ย”

“โอ๊ย” ต้องตาร้องด้วยความเจ็บจากแรงกระชากที่แขนจนหน้าเกือบล้มคว่ำ ราวกับว่าไหล่จะหลุดออกจากตัวก็ไม่ปาน

“เห้ย จะทำอะไรวะ” ยอดเยี่ยมกระชากไหล่หนาของอ๊อดอย่างแรงจนเซไปกองกับพื้น

“คุณยอด” ต้องตาตกใจกับภาพที่ได้เห็น ยอดเยี่ยมผู้แสนดีมีแววตาดุดันราวกับเจ้าป่า

“คุณตาไม่เป็นอะไรนะครับ” ชายหนุ่มจับไหล่อันสั่นเทาของหญิงสาวอย่างหวงแหน พลันความห่วงใยแปรเปลี่ยนเป็นโทสะเดือดดาล เขาโผตัวเพื่อจะเข้าไปทำร้ายคนที่นอนแผ่กับพื้น แต่ถูกหยุดไว้

“อย่าค่ะคุณยอด”

“ไม่ได้นะครับ ไอ้นี่มันทำร้ายคุณตา...”

“มึงเป็นใคร” อ๊อดทะลึ่งตัวเองลุก สองขาง่อนแง่นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “อ๋อ ผัวใหม่สินะ” อ๊อดแค่นหัวเราะหยาม

“ถ้ามึงไม่หยุดดูถูกคุณตา เรื่องไม่จบแค่นี้แน่”

“แล้วมึงจะทำไม นี่ไม่ใช่เรื่องของมึง”

“พี่อ๊อด พอเถอะ” ต้องตาตะโกนลั่น เสียงเอะอะของพวกเขาทำให้คนในคอนโดเข้ามามุงประปราย

“กูไม่หยุด ทำไม แค่นี้ทำหน้าบางเหรอ” อ๊อดแหกปากอย่างเหลืออด

“พี่ไม่อายคน แต่ตาอาย”

“แหม คุณต้องตาครับ แค่นี้ทำหน้าบางนะครับ” อ๊อดพูดสุภาพด้วยน้ำเสียงประชด “ทุกคนครับ เข้ามาดูเลยครับ มาดูผู้หญิงสำส่อน มั่วผู้ชา...”

ผลั่ก!

ยอดเยี่ยมเสยปลายคางอ๊อดด้วยกำปั้นจนเซล้มอีกครั้ง เขาถลาตัวเพื่อจะทำร้ายอีกฝ่ายให้สาสมกับคำพูดที่ไร้สตินั้น แต่ถูกแฟนสาวรั้งไว้

“อย่าค่ะคุณยอด นะคะ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตไปกว่านี้เลย” หญิงสาวขอร้อง

“แต่มัน..” ยอดเยี่ยมยุติเมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอ

อ๊อดถุยน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดกับพื้นอย่างน่ารังเกียจ ก่อนโพล่งหัวเราะเหมือนคนขาดสติ “กูคิดไว้ไม่มีผิด ผู้หญิงอย่างมึงมันมั่ว เอาผู้ชายไม่เลือกหน้า”

“มึงไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับคุณตานะเห้ย” ยอดเยี่ยมตะโกนอย่างเดือดพาล

“ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์ มึงต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์”

“พี่อ๊อด พอซะทีเถอะ กลับไปซะ” ต้องตาไล่

“มึงหุบปาก” อ๊อดด่ากราด “กูเห็นมานานแล้วว่ามึงกับไอ้นี่ไปมาหาสู่กันตลอด”

ต้องตาเลือดขึ้นหน้า “พี่หมายความว่ายังไง พี่เห็นได้ยังไง” ก่อนจะได้คำตอบ เธอก็ฉุกคิดได้ ทั้งเรื่องโดนกระชากกระเป๋าครั้งก่อน และการที่เธอรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลานั้นไม่ใช่เรื่องโชคร้าย แต่มันเป็นฝีมือของใครบางคน

....และคนนั้นก็อยู่ตรงนี้

“หลบไปครับคุณตา” ยอดเยี่ยมบอกหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ไทยมุงต่างสังเกตการณ์อย่างสนอกสนใจ

“มึงต่างหากที่ต้องหลบไอ้หน้าอ่อน”

“ถ้าขืนมึงเข้าใกล้คุณตาอีก กูไม่เอามึงไว้แน่”

“นี่มึงคงหลงเสน่ห์อีนี่มากสินะ” อ๊อดพูดจาหยาบคายอย่างที่สุด หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองหน้าชาไปหมด “มึงรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงมาหามัน” อ๊อดตั้งคำถาม “มึงคิดเหรอว่าอีนี่มันบริสุทธิ์ผุดผ่อง มึงคิดเหรอว่าท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานของอีนี่มันเป็นเรื่องจริง”

“มึงพูดอะไรของมึง”

“นี่มันเรื่องของผัวเมีย มึงแค่คนนอกมึงอย่าเสือก” ต้องตาตัวแข็งทื่อ แขนขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงไปหมดสิ้น สายตามองไปยังแฟนหนุ่มที่มีท่าทีเปลี่ยนไป สิ่งที่เธอกลัวที่สุดได้มาถึงแล้ว...

***********************************************************************


โปรดติดตามตอนต่อไป...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...มันก็แค่ "อดีต"

คิดมากไปป่าวอิหนู  การเก็บเป็นความลับมันยิ่งทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจถดถอยนาจา

ประกาศไปเลย อย่าได้แคร์สื่อ  อิอิ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5: ชั่วเนอะ ผู้หญิงเลิกเพราะเลวเอง แต่โทษผู้หญิงท :m16:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mijimaria

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้น่ารักจังเลย พึ่งได้มาอ่านขอบคุณมากๆนะคะกับนิยายสนุกๆแบบนี้  o13 o13 พี่ตาอย่าคิดมากเลยนะคะอดีตก็คืออดีตนั้นแหละ 

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เรื่องนี้น่ารักจังเลย พึ่งได้มาอ่านขอบคุณมากๆนะคะกับนิยายสนุกๆแบบนี้  o13 o13 พี่ตาอย่าคิดมากเลยนะคะอดีตก็คืออดีตนั้นแหละ

ขอบคุณที่ชื่นชอบนะครับ
ถ้ายังไงแล้วขอฝากเรื่องอื่นๆของไรต์ด้วยนะครับ
1. สัญญาธนาการ (Eternity bondage) - จบแล้ว
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52913.0

2. อยากให้ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง... -  จบแล้ว(เรื่องสั้น)
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54100.0
 

3. One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ - ใกล้จบแล้ว
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0


และอย่าลืมกดติดตาม FB ของไรต์ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/Begintillanend/

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 43. ทองเนื้อเก้า

ผู้หญิงในพ.ศ.นี้ไม่ใช่ช้างเท้าหน้า และผู้ชายก็ไม่ใช่ช้างเท้าหลัง พวกเขาคือผู้กุมอำนาจและเป็นใหญ่ ไม่มีความเท่าเทียมกันในสังคมอย่างแท้จริง ผู้หญิงถูกสั่งสอนให้รักนวลสงวนกายไว้เพราะถูกผู้ชายตีคุณค่าจากความบริสุทธิ์ผุดผ่อง สังคมในยุคก่อนหลังและระหว่างปี 2540 ถูกกล่อมเกลาให้เป็นเช่นนี้ ละครหลายต่อหลายเรื่องจะนำเสนอคุณงามความดีของผู้หญิงผ่านความสวยและบอบบางอ่อนหวาน นางเอกจะถูกปกป้องโดยพระเอกในยามคับขัน จะรอดพ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายได้เสมอ หากนางเอกคนไหนถูกล่วงเกินจากชายที่ไม่ใช่พระเอก เปรียบเสมือนเป็นผู้หญิงไร้ราคาเพราะมีมลทิน

ต้องตาไม่ใช่นางเอก และยอดเยี่ยมก็ไม่ใช่พระเอกสำหรับเธอในครั้งที่ยังอยู่ในวัยเรียน อ๊อดต่างหากคือพระเอกที่คอยปกป้องดูแลเอาใจใส่จนเธอหลงใหลได้ปลื้ม ฉากความรุนแรงที่ปรากฎในละครเสริมสร้างอำนาจให้ผู้ชายอย่างกู่ไม่กลับ นางเอกที่ถูกพระเอกข่มขืนจะตกหลุมรักและอยู่ด้วยกันไปตราบนานเท่านาน แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีใครที่จะอยู่จีรังยั่งยืนกับเราได้ตลอดไป ถึงไม่จากเป็นวันนี้ก็ต้องจากกันอย่างไร้ลมหายใจในวันหนึ่ง

“มึงว่าอะไรนะ” ยอดเยี่ยมถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ต้องตาตัวสั่นทรุดกองกับพื้น น้ำตาแห่งความอดสูไหลนองหน้า ผู้ชายที่เธอเคยรักกำลังทำลายทุกอย่างให้ย่อยยับลงไปต่อหน้าตาต่อตา ยิ่งเธอหนีเท่าไรก็ไม่อาจหนีความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ มันคือสิ่งที่ต้องยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอพร้อมจะป่าวประกาศมันออกมา

“หูหนวกเหรอ” อ๊อดจงใจก่อกวน “กูบอกว่ากูเป็นผัวอีนี่ อีต้องตาแฟนมึงไงล่ะ” ไทยมุงกระซิบกระซาบกันอย่างออกรส ไม่มีใครคิดว่าเรื่องราวมันจะสนุกไม่แพ้ละครหลังข่าวเช่นนี้ ยอดเยี่ยมกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาหันมามองหญิงสาวที่นั่งไร้เรี่ยวแรงกับพื้น

“จริงเหรอครับคุณตา” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

“คุณยอด” เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ถ้าตอบว่าไม่ก็กลายเป็นคนโกหก แต่ถ้าตอบความจริงก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่ไร้ราคาในสังคมตอนนี้ไปทันที

“ตอบไปสิ ตอบความจริงสิวะ” อ๊อดตะโกนอย่างบ้าคลั่งไม่สนใจน้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ยามนี้เขามีแต่ความโกรธขึ้ง ความหึงหวงและความมึนเมาเป็นนายของตน

“คุณตาครับ...” ยอดเยี่ยมก็เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

“ถ้าคุณยอดจะรังเกียจ ตาก็ยอมรับ ตาแค่อยากบอกว่าไม่เคยมีเจตนาจะโกหกหรือปกปิดอะไรทั้งนั้น” หญิงสาวเม้มปากแน่น ความอัดอั้นบีบเค้นอย่างเจ็บปวด เสียงของแม่ที่เคยสอนเธอไว้เมื่อนานมาแล้วดังก้องในหัวว่า อย่าไปยึดติดกับใครหรือของอะไรมากไป ถ้าคนคนนั้นหรือสิ่งๆนั้นมันเป็นของเรา ไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่ไปไหน ต้องตารู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของยอดเยี่ยม เมื่อมันจะต้องจบเธอก็ต้องทำใจและยอมรับกับผลลัพธ์ที่ตามมา “ตากับพี่อ๊อดเคยแต่งงานกัน”

น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลอาบแก้มบางนั้น หญิงสาวก้มหน้ายอมรับความจริงที่เธอต้องเผชิญ “ตาขอโทษนะคะ ถ้าคุณยอดจะรังเกียจหรือจะเลิกกับตา ตาก็ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น”

***********************************************************************

ยอดเยี่ยมคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ถึงแม้ครอบครัวของเขาจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวอื่น แต่สิ่งที่ผู้เป็นแม่หยิบยื่นให้เสมอมาคือความรักและโอกาสทางสังคมที่เปิดกว้าง ทั้งการศึกษาและทรัพย์สิน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกขาดแคลนมาตลอดคือ ความจริง ความจริงที่ว่าทำไมแม่ถึงพาตัวเขาออกมาจากบ้านหลังนั้น มันทำให้สมดุลพื้นฐานที่ควรจะมีลดลง ชายหนุ่มพยายามนึกย้อนว่าเพราะอะไร แต่คำตอบมันช่างลางเลือนเหลือเกิน เมื่อรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่จุดนี้แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมยึดถือมาโดยตลอดคือคำสอนของผู้เป็นแม่ ชีวิตของเขาถูกเติมเต็มตามแบบอย่างที่ควรจะเป็นถแม้จะไม่มีพ่อเป็นพื้นฐานของความแข็งแกร่ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงเป็นแบบอื่น ยอดเยี่ยมยังคงเป็นผู้ชายที่ยึดถือในคำพูดของตนเอง มีความคิดที่ถูกบ่มเพาะมาจากคำว่าอิสระเสรี ไม่มีอะไรถูกต้องไปเสียทั้งหมด แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้ แม่ของเขาก็เฉกเช่นกัน แม่เป็นผู้หญิงที่รักและปกป้องลูกเท่าชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องคนรัก

“นี่คือประวัติของผู้หญิงคนนั้น” แม่ยื่นกระดาษขนาดเอสี่จำนวนสามแผ่นที่เขียนรายละเอียดอะไรบางอย่างให้เมื่อครั้งที่เขากำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์กับเลขาส่วนตัว

“แม่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่ครับ”

“อ่านดูสิ” แม่พูดแค่สั้นๆ ยอดเยี่ยมรับเอกสารและอ่านมันอย่างตั้งใจ

“นี่หมายความว่า...”

“ใช่” มารดาของเขายังนิ่ง เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เจ้ากี้เจ้าการบงการชีวิตของใคร ถึงแม้คนข้างหน้าจะเป็นลูกในไส้ของตนก็ตาม

“ผมไม่รู้มาก่อน” ยอดเยี่ยมกอดอก นึกถึงใบหน้าสวยหวานของคนรักอย่างคาดไม่ถึง

“เรื่องนี้แม่ให้เราตัดสินใจเองนะ ลูกน่าจะรู้จักเธอดีกว่าใคร”

ยอดเยี่ยมยิ้ม “ขอบคุณครับแม่”

“ไว้ว่างๆก็พามาแนะนำให้แม่รู้จักด้วยละกัน” ผู้เป็นแม่เดินออกไปทันทีที่พูดจบ เลขาหน้าห้องของบุตรชายยืนขึ้นยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เธอมองกลับด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา รู้สึกคุ้นตากับผู้หญิงคนนี้ราวกับเคยเห็นมาก่อน แค่แว้บเดียวเท่านั้นเธอก็เดินออกไปและไม่หันหลังมามองอีกเลย

 สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของมลฤดีคือ การที่เธอพาลูกชายคนรองออกมาจากบ้านหลังนั้น และการที่เธอตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ในช่วงแรกของการรักษา มันค่อนข้างที่จะเป็นไปได้ลำบาก ด้วยร่างกายและวัยที่ไม่พร้อมจะรับกับสารเคมีต่างๆ ถึงแม้จะมีบุตรชายคนโตคอยดูแลอย่างใกล้ชิดก็ตาม ความตายก็ยังเป็นสิ่งที่เธอกลัวอยู่เสมอ เพราะมันเป็นเรื่องที่เราไม่มีทางรู้ว่าหลังจากนั้นเราจะพานพบกับอะไร แต่มันคือสิ่งที่เราทุกคนต้องเจอในสักวัน

“แม่รู้สึกยังไงบ้างครับวันนี้” ลูกชายคนโตดูหล่อเหลาเสมอในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแล็กสีดำเรียบกริบ ผมดำหยิกนั้นตัดสั้นช่างเหมือนกับลูกชายคนสุดท้องยิ่งนัก ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาอ่อนโยนนั้นบ่งบอกว่าเป็นห่วงตัวเธอมากเพียงใด

“เวียนหัว” เธอตอบสั้นๆ มือไม้สั่นเทาคงมาจากผลข้างเคียงของยา หมอหนุ่มสั่งพยาบาลก่อนจะขอตัวออกไปตรวจคนไข้อื่น

“ทานมื้อเช้านะคะคุณป้า”

“เอาไว้ก่อนได้มั้ย ชั้นยังไม่หิวเท่าไหร่” มลฤดีมองแฟนสาวของบุตรชายคนรองอย่างเอ็นดู เด็กคนนี้มาเยี่ยมตลอดไม่เคยขาด

“ทานนิดนึงก่อนนะคะ เพราะคุณยศกำชับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นร่างกายจะไม่ไหวเอา”

“เธอนี่น้า” มลฤดีตัดพ้ออย่างอ่อนโยน ไม่แปลกใจเลยที่ยอดเยี่ยมจะหลงรักผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำ การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของต้องตาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นบทพิสูจน์ว่าลูกชายของเธอเลือกคนไม่ผิด

“นะคะคุณป้า ทานนิดนึง ทานเสร็จแล้วตาจะอ่านหนังสือให้ฟังนะคะ”

“ขอเรื่องทองเนื้อเก้านะ” มลฤดีออกปาก ก่อนจะจัดการกับมื้อเช้า หลังจากทานเสร็จต้องตาก็เรียงภาชนะที่ใส่สำรับไว้เพื่อรอให้พนักงานของโรงพยาบาลมาเก็บไปล้าง มลฤดีบอกให้หญิงสาวไปหาอะไรทานก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านหนังสือให้ฟัง สองตาของผู้ป่วยเริ่มหนักแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูและเสียงกระทบของส้นรองเท้าหนังที่คุ้นเคย

“แม่รู้สึกยังไงบ้างครับวันนี้”

“ถามเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยลูกชั้น”

“ฮ่าๆ ก็ผมเป็นห่วงแม่นี่นา”

“ห่วงชั้นแต่กว่าจะมาหาได้นะ ดูแม่หนูต้องตาสิมาหาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง”

“ขอโทษครับ ลูกชายคนนี้ขี้เซาไปหน่อย แล้วคุณตาไปไหนแล้วครับแม่” ยอดเยี่ยมชะเง้อไปที่ประตู

“แม่ให้ไปหาอะไรกินก่อนน่ะ แล้วเรากินอะไรมารึยัง”

“ยังเลยครับ”

“งั้นก็ตามหนูตาไปสิ น่าจะเพิ่งถึงโรงอาหาร”

“ครับ” ยอดเยี่ยมรับคำ ก่อนจะลุกออกไป

“เออ ตายอด”

“ครับ”

“เรื่องหนูตาน่ะ เราคิดว่ายังไง”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็เรื่องที่เค้าเคยแต่งงานมาก่อนน่ะ”

“แม่จะให้ผมคิดยังไงเหรอครับ”

“ถามแม่เหรอ แม่ถามเราอยู่นะ” มลฤดีทำเสียงเข้ม แต่น้ำเสียงนั้นกลับอ่อนโยนมากกว่าจะจริงจัง “ผู้หญิงที่ดีไม่ได้วัดที่อดีต แต่วัดการกระทำปัจจุบัน”

ยอดเยี่ยมยิ้มกว้าง เขาไม่ใช่คนหัวโบราณหรือมีจิตใจคับแคบ และยิ่งไปกว่านั้นต้องตาคือผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยพบพานมาทั้งชีวิต ตอนแรกที่รับรู้เรื่องนี้เขาก็คิดไม่ตก แต่ยิ่งนานวันเขาก็ได้รับรู้ ว่าเขาเลือกคนไม่ผิด

***********************************************************************

“ถึงคุณตาว่าผมก็ไม่เลิก” ยอดเยี่ยมตบกลับทันควัน หญิงสาวเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ “เคยแต่งงานมาแล้วไง ยังไงผมก็รักคุณตา” ยอดเยี่ยมย่างสามขุมไปทางผู้ชายที่ชื่ออ๊อด

“เรื่องของมึงกับคุณตาจบไปแล้ว มึงออกจากชีวิตคุณตาซะ ไม่อย่างนั้นกูไม่รับประกันว่าชีวิตมึงจะเป็นสุข”

“ฮ่าๆๆๆๆ ขู่กูเหรอไอ้หน้าอ่อน แน่จริงมึงก็อย่าแค่ขู่สิ เอาสิ จะทำอะไรกูเอาสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นของกู กูจะทวงทุกอย่างที่เป็นของกูคืนมา”

“คุณยอดพอเถอะค่ะ” ต้องตาห้ามทัพ “ตาไม่ใช่สิ่งของนะพี่อ๊อด และตาไม่ใช่ของพี่” ต้องตาพูดเสียงดัง

“ตำรวจมา” เสียงไทยมุงดังแทรกขึ้นเมื่อเห็นรถสายตรวจแล่นผ่านตึก “คุณตำรวจ...”

อ๊อดไม่รอให้ไทยมุงพูดจบ เขารีบผุดลุกและวิ่งหายไปในความมืดของยามค่ำคืน...




โปรดติดตามตอนต่อไป...

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ุึุคุณแม่นี่ไม่ธรรมดา  ไปสืบประวัติมาอย่างละเอียดหมดจด

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ตอนที่ 44. เช้าวันใหม่



เช้านี้พวกนักเรียนต้องตื่นกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมตัวและซักซ้อมการแสดงเป็นครั้งสุดท้าย อาจารย์พาลูกศิษย์ทุกคนมาไหว้ที่ศาลพระภูมิของโรงเรียนเพื่อเสริมกำลังใจก่อนเดินทางไปที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเพื่อแต่งหน้าและตรวจสอบการแต่งตัว

“โห คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”

“นายคิดว่างานนี้เป็นงานประจำจังหวัดรึไง” แต้มตอบเพื่อนสนิทที่กำลังสาละวนกับการโพกผ้าที่ศีรษะ

“เราก็นึกว่ามีเฉพาะนักเรียน ที่ไหนได้” แต้มมองลอดออกไปที่ด้านนอกผ่านรูของผ้าม่านที่กั้นห้องแต่งตัวนักเรียนชายซึ่งเป็นห้องรวมสำหรับนักแสดงชายทั่วประเทศที่มาแสดงงานนี้ ข้างนอกอึกทึกไม่น้อย ยิ่งเวลาผ่านไปคนก็เริ่มทยอยมากันมากขึ้น หนำซ้ำยังมีนักข่าวจับจองพื้นที่กันยาวเหยียดหน้าเวที ทั้งกล้องถ่ายวีดีโอที่วางเรียงกันและสายไฟที่กองสุมอีรุงตุงนังน่ากลัวจะมีคนไปสะดุดล้ม

“นายแต่งตัวเสร็จยัง เดี๋ยวต้องไปแต่งหน้าด้วยนะ” แต้มเร่งเพื่อน

“ยัง ไอ้ผ้านี่ก็โพกยากชะมัด” ยิ่งใหญ่ทำเสียงหงุดหงิด

“เออ มาเดี๋ยวโพกให้ สอนกี่ทีไม่เคยจำ” แต้มทำเสียงหงุดหงิด แต่ยิ่งใหญ่กลับทำหน้ายิ้มแป้น

“เราไม่เก่งเรื่องแต่งองค์ทรงเครื่องนี่นา”

“พวกนายสองคนเสร็จยัง เร็วเข้าอาจารย์เร่งแล้ว” อาร์ทแหวกผ้าม่านและเดินมาทักทั้งคู่ แต้มอดขำไม่ได้ที่เห็นเพื่อนโดนแต่งหน้าจนกลายเป็นคนละคน คิ้วของอาร์ทดูหนาเป็นแพเรียงตัวสวย หน้าขาวระเรื่อด้วยรองพื้น ขอบตาถูกเขียนให้ดำโดยรอบ ปากที่มันด้วยลิปสติกทำให้ดูเหมือนคนเพิ่งกินหมูย่างมาหมาดๆ

“ไม่ต้องขำ เดี๋ยวนายก็ต้องโดนแต่งหน้าแบบนี้”

“ขอโทษที แต่มันอดตลกไม่ได้” แต้มพยายามหยุดหัวเราะจนลืมเรื่องที่จะทำไปเสียสนิท

“นี่ หัวเราะเสร็จยัง เมื่อไหร่จะมาช่วย” ยิ่งใหญ่ประท้วง แต้มหันไปมองเพื่อนที่ทำตาโตใส่พลางถอนหายใจและเข้าไปโพกผ้าให้

 ชุดแต่งกายของนักแสดงชายจะมีน้อยชิ้น ท่อนบนจะมีแค่ผ้าโพกศีรษะ ของยิ่งใหญ่เป็นสีขาวเข้ากับชุดที่เป็นกางเกงมัดคล้ายกับกางเกงชุดราชปะแตน ต่างกันที่พวกเขาไม่ต้องใส่เสื้อ และผูกเอวด้วยเชือกประดับก่อนปิดทับด้วยเข็มทัดทองคล้ายเครื่องประดับของคนล้านนา ที่คอมีสร้อยคอทำจากทองเหลืองหรือไม่ก็เป็นเงินแท้ชุบสีทองที่ค่อนข้างเก่าและสีกำลังลอกร่อน ตัวสร้อยคอเป็นพวงระย้าคล้ายกับอุบะ มีน้ำหนักพอสมควรแต่ก็ไม่เกะกะเวลาแสดง ทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ต่างก็เพิ่งเคยแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้

“เราตื่นเต้นว่ะ” อาร์ทเป็นคนเปิดประเด็น

“ใจเย็นๆนะอาร์ท ทำให้เต็มที่ ไม่มีใครรู้จักเราหรอก”

“ใช่แต้มพูดถูก” ยิ่งใหญ่เห็นดีเห็นงามกับผองเพื่อน

“พวกนายมันพวกไร้ความรู้สึก” อาร์ทบ่นเมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของทั้งสองคน

“นายมันพวกกระต่ายตื่นตูม” แต้มสวนทันใด

“ใช่ๆ”

“ใจคอนายจะเห็นดีเห็นงามกับแต้มทุกอย่างเลยรึไง” อาร์ทแขวะ

“ก็แต้มพูดถูก” ยิ่งใหญ่ตอบอย่างไม่ใส่ใจอาร์ทที่กำลังหงุดหงิด

“เออ จำไว้ รุมเรา”

“เราไปรุมนายตอนไหน” แต้มถาม ยิ่งใหญ่ยักไหล่ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

“แหม หนุ่มๆกว่าจะมาได้นะคะ” พี่ที่เป็นตุ๊ดออกปากแซวเมื่อเห็นสามหนุ่มเดินมา พวกเขาไม่สามารถไปแต่งหน้าในห้องแต่งตัวผู้หญิงได้ ต้องเดินออกมาที่ลานจอดรถบัสและแต่งหน้าที่นี่

“ก็สองผัวเมียนี่น่ะสิ ช้า” อาร์ทฟ้อง

“หืม ใครผัวใครเมียคะ” พี่แม็กซ์ทำตาโตถามเสียงดังลั่นรถจนคนอื่นหันมามองตรงนี้อย่างสนใจ แต้มหน้าเจื่อนเพราะคิดคำตอบไม่ทัน แต่ยิ่งใหญ่คว้าคอเขาและตอบไปว่า

“ยังไม่รู้เลยพี่ ต้องรอให้เรียนจบก่อน พ่อขอไว้ว่าอย่าเพิ่งมีแฟน” สิ้นเสียงตอบเสียงกรี๊ดของเพื่อนๆก็ดังลั่นรถ บ้างก็หัวเราะ บ้างก็ส่งเสียงแซว

“แต่งเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญด้วยนะ” แต้มก้มหน้างุด ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกอาร์ทเอาคืนได้ไวขนาดนี้

“ใครเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ใครเป็นเพื่อนเจ้าสาวล่ะ”

“พอครับพี่” แต้มส่งเสียงดุ ยิ่งใหญ่กลับหัวเราะชอบใจ

“หนุ่มๆสาวๆแต่งหน้าเสร็จยังคะ เอาหน้ามาให้ครูดูก่อนลงไปรอหลังเวทีนะคะ”

“ครับ / ค่ะ” นักเรียนตอบโดยพร้อมเพรียงกัน

               แต้มรู้สึกไม่ชินกับการถูกแต่งหน้า รองพื้นสีขุ่นละเลงทั่วใบหน้าและถูกเกลี่ยทับด้วยแป้งพัฟที่ตกทอดมาจากคนที่แล้ว ขนตาของเขาถูกแปรงที่มีความยาวขนาดไม้บรรทัดเหล็กขนาดเล็กปัดไปมา ดวงตาถูกแต่งแต้มด้วยดินสอสีดำกรีดไปตามร่องของดวงตา แต้มกระพริบตาปริบๆเพื่อให้ชินกับสิ่งใหม่บนใบหน้า

“โห แต้ม แต่งเต็มแล้วสวยมาก” เพื่อนที่อยู่ในคณะแสดงคนหนึ่งเอ่ยปาก

“เออ จริงด้วยว่ะ หน้าแต้มตอนไม่แต่งคือธรรมดามาก ใครจะคิดว่าเจอแปรงเจอแป้งแล้วจะดีขนาดนี้”

“เห็นมั้ยว่าผมตาถึง” แต้มที่กำลังเคลิ้มต้องหยุดชะงักเพราะเสียงใครบางคน

“ตาถึงยังไงไม่ทราบ”

“ต้องให้พูดอีกเหรอ” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงกวน

“แหม พอค่ะพอ ไม่ต้องหวานออกสื่อ” พี่แม็กซ์ห้ามด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

“แต่ยิ่งดูยิ่งหล่ออะ เอ๊ะหรือสวยดี คือแต่งมาแล้วดีงามมาก” พี่แม็กซ์ยังคงชมแต้มไม่หยุด

“โหพี่ ไม่เห็นชมผมบ้างเลย” ยิ่งใหญ่ประท้วง

“เธอมีคนชมเยอะแล้ว อีกอย่างแต่งออกมาเธอก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่” แต้มหันไปมองเพื่อนที่แต่งหน้าเสร็จแล้วต้องกลั้นขำสุดแรง ยิ่งใหญ่เป็นคนผิวขาวจัด เมื่อแต่งออกมาเลยยากที่จะเกลี่ยให้แป้งเข้ากับสีผิวถึงแม้จะใช้เบอร์ที่สว่างที่สุดก็ตาม ดวงตาที่ถูกเขียนขอบตาเป็นสีดำทำให้เหมือนแพนด้ามากกว่าจะเป็นการแต่งหน้าเพื่อการแสดง

“เราว่าพี่แม็กซ์พูดถูกนะ” แต้มพูดต่อ ยิ่งใหญ่หันมาค้อนขวับ

“ว้าย คุณพระ ใครแต่งหน้ายิ่งใหญ่เนี่ย ตายๆๆๆๆ แต่งแบบนี้ได้ไงคะลูก” อาจารย์ที่ดูแลถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นผลงานของลูกศิษย์ “ยัยแม็กซ์ พายิ่งใหญ่ไปแก้หน้าด้วย โอย ครูจะเป็นลม”

“ฮ่าๆๆๆๆ” แต้มหัวเราะลั่น ที่ได้ยินอาจารย์พูด และเมื่อได้เห็นใบหน้าของเพื่อนที่กำลังเจื่อนเลยกลั้นความขำต่อไปไม่ไหว

“หัวเราะสนุกไปมั้ยนายน่ะ” ยิ่งใหญ่ประชดเพื่อน

“โห ใครแต่งให้แต้มเนี่ย” อาจารย์คนเดิมเชยค้างแต้มขึ้นมาดู “ไม่น่าเชื่อว่าแต่งเต็มแล้วจะดีแบบนี้”

แต้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนเพื่อนสนิทหมั่นไส้ “นายจะดีใจออกนอกหน้าเกินไปละ”

“ทำไมล่ะ คนมันหล่อนี่นาช่วยไม่ได้” ยิ่งใหญ่ที่ต้องอยู่นิ่งๆให้รุ่นพี่ลบหน้าเพื่อแต่งใหม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้ขาเตะไปที่เพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์

“นายมันหมาบ้า” แต้มขำ หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นขวัญใจสาวๆทั้งคันรถที่แวะเวียนมาขอถ่ายรูปด้วยอย่างไม่ขาดสาย

***********************************************************************

               สองหนุ่มตื่นขึ้นมาข้างกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่า รอยยิ้มของทั้งคู่ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดให้กันราวกับว่าโลกนี้ไม่มีใครจะมาแทนที่คนตรงหน้าได้อีกแล้ว ภัทรใช้มือเขี่ยไรผมที่ปรกหน้าของอีกฝ่าย จ้องตาเล็กหยีนั้นอย่างรักใคร่ นิ้วใหญ่ไล้ตามโหนกแก้มและหยุดที่ริมฝีปากบางก่อนจะไล้จากซ้ายไปขวาราวกับกวาดต้อนความหวานให้หลุดร่อน

“เฮ้ๆหนุ่มๆ ตื่นกันรึยัง” เสียงเรียกของใครบางคนดังหน้าห้องพร้อมเสียงเคาะประตู

“ครับ ตื่นแล้ว”

“พี่ทำกับข้าวไว้ให้อยู่ในครัวนะ รีบอาบน้ำแต่งตัวมาซะที ไบรต์บ่นอยากไปเที่ยวแล้ว”

“คร้าบบบบบ” ภัทรตอบลากเสียงก่อนจะสบตากับแฟนหนุ่มและพ่นเสียงหัวเราะออกมา

“นายสัญญากับเจ้าไบรต์นะว่าจะพาไปเที่ยว อย่าลืมล่ะ”

“แต่เมื่อวานก็ไปมาแล้วนี่นา” ภัทรทำเสียงอ่อยเพื่อออดอ้อน

“นายจะมาต่อรองเราทำไม ไปต่อรองน้องชายเราโน่น” บั๊มพ์ตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปห้องน้ำด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่า ภัทรแทบคลั่งเมื่อเห็นมัดกล้ามและส่วนเว้าส่วนโค้งที่แน่นขนัด บั้นท้ายกลมเต่งเต็มไปด้วยพลังแห่งวัยหนุ่มยั่วยวนเขาทั้งๆที่อีกฝ่ายแค่เดินธรรมดาเท่านั้น บางอย่างในกายลุกผงาด ชายหนุ่มพุ่งตัวตามไปติดๆ

“เห้ยออกไป จะอาบน้ำ” บั๊มพ์ไล่

“ก็อาบด้วยกันสิ” ภัทรใช้บางอย่างถูไถด้านหลังของอีกฝ่ายดุนดันตัวจนแนบชิด “รับรองว่าเราจะอาบให้นายจนสะอาดเลย”

***********************************************************************

“เหนื่อยมั้ย” ยิ่งใหญ่ถามเพื่อนทันทีที่ขึ้นบนรถ การแสดงผ่านพ้นไปด้วยดี เสียงปรบมือยังดังกึกก้องในโสตประสาท เมื่อแสดงเสร็จทุกคนก็เปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนและขึ้นมาลบหน้าที่รถเช่นเคย

“ไม่อะ สนุกมากกว่า” แต้มตอบอย่างไม่สนใจเหงื่อเม็ดใหญ่ที่กำลังไหลอาบแก้ม ยิ่งใหญ่เห็นแล้วหงุดหงิดใจจึงใช้มือของตนปาดมันทิ้งให้

“นี่พวกนายจะสวีตกันอีกนานมั้ย มาลบหน้าได้แล้ว” อาร์ทเป็นคนเรียกทั้งคู่ รายนี้ไม่ค่อยสบอารมณ์เนื่องจากเขาเกือบจะลืมท่าบนเวที ยังดีที่แต้มพยักเพยิดหน้าให้ดูพี่แม็กซ์เป็นแบบ การแสดงจึงผ่านไปได้ด้วยดี

“เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้ทำได้ดีมากนะคะ ทางผู้จัดชมกันใหญ่เลย” เสียงเฮและเสียงปรบมือดังลั่นรถเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “อย่างที่รู้กันเนอะ นี่เป็นงานสดิวเด้นท์เอ็กซ์โปร์ งานสำหรับนักเรียนโดยเฉพาะ ใครที่ลบเครื่องสำอางค์หมดแล้วก็ลองไปเดินดูงานได้ เราจะออกจากที่นี่บ่ายโมงนะคะ”

“ครับ / ค่ะ” นักเรียนต่างตอบพร้อมกัน

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งลบหน้าแต้มนะ ครูยังไม่ได้ถ่ายรูปด้วยเลย” แต้มยักคิ้วให้ยิ่งใหญ่ราวกับเป็นคนชนะในเกมนี้ก่อนที่จะถ่ายรูปคู่กับอาจารย์และได้ลบเครื่องสำอางค์ออกเป็นคนสุดท้าย

“หิวมั้ย” แต้มถามยิ่งใหญ่ที่กำลังเดินชมงาน

“ไม่ค่อย นายล่ะ”

“หิว” เป็นเรื่องปกติของคู่นี้ที่แต้มจะเป็นคนเรียกร้องหาอาหาร ตอนเช้าพวกเขาไม่ได้ทานอะไรเลยเพราะง่วนกับการเตรียมตัว เมื่อการแสดงผ่านพ้นไป ท้องของทั้งคู่จึงโอดครวญกันเสียงดัง

 ***********************************************************************

               ต้องตาตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอีกทั้งยังมีอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นมาอีกเพราะปกติแล้วเธอเป็นคนที่ตื่นแต่เช้า เมื่อนอนเยอะจนผิดเวลาร่างกายจึงปรับไม่ทัน หญิงสาวลุกขึ้นบนเตียงนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบก็พบว่าเป็นห้องของแฟนหนุ่ม เมื่อเก็บที่นอนเสร็จจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดเดิมที่ยอดเยี่ยมส่งไปซักรีดและแขวนไปก่อนจะออกไปทำงาน

               หญิงสาวมาที่ห้องนี้หลายครั้ง จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อเดินออกไปที่ห้องครัวก็พบว่ามีอาหารวางอยู่ตรงนั้นพร้อมโน้ตแปะไว้ด้วยลายมือที่สบายตาว่า เห็นคุณนอนอยู่ท่าทางสบายเลยไม่อยากปลุก ทานอะไรก่อนออกไปนะครับ ต้องตายิ้มรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน

“คุณยอดรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว คุณยอด...” หญิงสาวเม้มปากสองมือขย้ำเนื้อผ้าที่ตักตัวเองขณะที่นั่งรถกลับ

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ อย่าคิดมากด้วย”

“แต่...”

ยอดเยี่ยมเอื้อมมือซ้ายมาจับมือหญิงสาว ส่งผ่านไออุ่นที่ไม่อาจเสแสร้งว่าเป็นแค่คำปลอบโยนมาให้ มือของเธอคลายออกเมื่อได้รับสัมผัสที่ยังเหมือนเดิมนี้ “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาแล้ว”

“แต่ตาก็ผิดกับคุณอยู่ดี”

“ผิดยังไงล่ะครับ”

“ก็ตาไม่เคยบอกคุณ”

“นั่นเป็นเพราะผมไม่ถาม” ยอดเยี่ยมตอบ

“แต่ถ้าตาอยากเล่า คุณยอดจะฟังไหมคะ” ต้องตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมความกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนในมุมที่เธอไม่เคยบอกใครมาก่อน

“สิ่งที่ผมอยากฟัง” ยอดเยี่ยมหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับแฟนสาว กำมือน้อยแน่นขึ้น ต้องตาผ่อนคลายความตึงเครียดลง ความเจ็บจากการกระแทกลัดเลาะมาสะกิดตามตัว เธอตั้งใจฟังว่าแฟนหนุ่มจะพูดว่าอะไรต่อแต่เขากลับนิ่งเฉย

“คะ..”

“ผมได้ยินแล้ว” สิ่งที่ยอดเยี่ยมพูดทำให้เธองงหนักว่าเก่า

“คุณยอดได้ยิน ได้ยินอะไรเหรอคะ”

“ก็” ยอดเยี่ยมดึงมือเธอไปจุมพิต ก่อนวางลงที่หน้าขาของตน “ได้ยินแล้วว่าคุณรักผม”

ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมไปคิดมุขนี้มาจากไหน แต่มันทำให้ต้องตาหน้าแดงซ่านอย่างช่วยไม่ได้ บทจะหวานเขาก็ทำมันออกมาจนเธอตั้งตัวแทบไม่ติดเลยทีเดียว

ต้องตาเก็บจานชามไปล้างและเตรียมตัวออกไปทำงานด้วยความรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง

***********************************************************************




โปรดติดตามตอนต่อไป...

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด