Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10  (อ่าน 68853 ครั้ง)

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 13. รับมือ



                ต้องตาไม่ได้หยุดวันเสาร์หรืออาทิตย์เหมือนคนทั่วไป แต่เธอก็ชินกับมันแล้ว เพราะงานบริการ ต้องทำงานในวันที่คนอื่นหยุด และจะได้หยุดก็ต่อเมื่อเป็นวันทำงานของชาวบ้าน ปกติเธอจะได้หยุดวันอังคารหรือพุธวันใดวันหนึ่งแล้วแต่ตารางเวรที่จัดมาให้ ช่วงแรกๆเธอโหยหาชีวิตในออฟฟิศเป็นอย่างมาก ที่ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น มีเวลาพักทั้งเสาร์และอาทิตย์ มีวันหยุดตามปฏิทินราชการ แต่พอปรับตัวได้ การทำงานหกวันต่อสัปดาห์ก็ไม่ใช่สิ่งที่หนักหนาจนทนไม่ได้

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเปลี่ยนแปลงความเคยชิน หลังจากวันนั้น คุณยอดเยี่ยมก็เหมือนจะไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะเข้ามาใกล้ชิด เขาไม่ได้แสดงออกแบบโจ่งแจ้ง แต่ก็พอจะทำให้เธอหงุดหงิดได้ไม่น้อยกับการที่เขามาเดินตรวจตราหน้าฟร้อนท์บ่อยครั้ง(และบ่อยมากจนเกินความจำเป็น) ลงมาทักทายลูกค้าที่กำลังเช็คอินด้วยตัวเองเป็นประจำ (ซึ่งผู้บริหารคนเก่าไม่ค่อยทำ จะลงมาต้อนรับเฉพาะวีไอพีเท่านั้น) และหลังจากที่คุยกับลูกค้าแล้วก็จะส่งยิ้มหวาน (ที่ในสายตาของเธอมองว่ามันเป็นยิ้มแหยๆ) มาให้ ... แต่พนักงานต้อนรับไม่ได้มีแค่คนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่โดนใครมาเพ่งเล็งเท่าไรนัก

“ช่วงนี้คุณยอดลงมาที่ฟร้อนท์บ่อยเนอะ” เพื่อนร่วมงานของต้องตาตั้งข้อสังเกต ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันทุกวันจนเธอไม่รู้สึกกระด้างกระเดื่องในใจอีก

“สงสัยอยากจะสร้างความประทับใจกับลูกค้ามั้ง” ต้องตาตั้งข้อสังเกต ในบางทีเธอก็เรียกลูกค้าว่าแขก บางทีก็เรียกว่าลูกค้า แล้วแต่อารมณ์ ณ ตอนนั้น

“หรือว่าเค้าจะติดใจยัยนิว” เพื่อนร่วมงานลดระดับเสียงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ “นังนั่นสวยอยู่นะ ดูปากสิ แดงยังกะลูกตำลึง คงจัดเต็มมายั่วคุณยอดแน่ๆ” ต้องตาเขี่ยข้าวในจาน รู้สึกรำคาญบทสนทนานี้ แต่ก็ทำให้แค่ยิ้มและพยักหน้าหงึกๆรับคำ

เสียงเพจเจอร์ดัง บี๊บ... ต้องตาหยิบมาเปิดอ่านข้อความ “มีลูกค้าคอมเพลน ไปก่อนนะ” เธอลุกไปทันทีไม่ต้องรอคำอนุญาต

“เดี๋ยวนี้ยัยตาต้องไปทำคอมเพลนด้วยเหรอ พนักงานโรงแรมขาดแคลนขนาดนั้นเลยรึไง” หนึ่งในบรรดาเพื่อนร่วมงานบ่น

“แหมแก ทำเป็นไม่เคย ชั้นยังเคยไปเช็ดกระจกประตูทางเข้าโรงแรมเลย” พนักงานบาร์เทนเดอร์บ่นอุบ

ต้องตาเดินมาตามทาง และหยุดยืนหน้าห้องลูกค้า เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปอย่างใจเย็น

“คุณยอดเรียกดิชั้นมา ต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่าคะ” เธอรักษาระยะ

“นั่งก่อน” ผู้เป็นนายยิ้ม “อย่าเพิ่งพูดจาห่างเหินกันแบบนี้สิ”

ต้องตานั่งลงตามคำเชิญ นึกถึงข้อความในเพจเจอร์ “ครบกำหนดให้คำตอบแล้ว มาเจอกันที่...” ท่านั่งหลังตรงได้มาตอนที่เธอเป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินหนึ่ง ที่นักบินเจ้าชู้และมือไวดุจปลาหมึก เมื่อหมดสัญญา ต้องตาไม่ต่อสัญญาและไม่ไปสมัครที่อื่นอีก แต่บุคลิกที่ได้รับการปลูกฝังมันยังติดตัวเธอมา “ผมหวังว่าคุณจะจำได้...”

“จำได้ค่ะ” ต้องตายอมรับ เธอไม่มีความจำเป็นต้องเฉไฉ ผู้ชายคนนี้เป็นคนตรงๆ หรืออีกนัยน์หนึ่ง อาจจะเป็นคนซื่อแบบที่เขากล่าวอ้างก็ได้ “แต่ดิชั้นยังไม่เข้าใจว่า คุณยอดชอบอะไรในตัวดิชั้นนักหนา” น้ำเสียงที่ออกมาราวกับกำลังคิดว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ” ยอดเยี่ยมสบตา ผิวสีน้ำผึ้งเนียบเรียบเสริมให้ใบหน้านั้นสละสวยยิ่งขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเดินผ่านเธอไปได้แบบไม่ต้องหันไปมองเลยสักครั้ง

“แต่...” ต้องตาพยายามเอ่ย แต่ก็ไม่มีคำไหนหลุดมาอีก

“ผมรู้ คุณกำลังตกใจ คุณกำลังคิดว่าผมกำลังปั่นหัวคุณเล่น”

“แล้วดิชั้นไม่ควรคิดอย่างนั้นเหรอคะ” สำหรับต้องตาแล้ว ผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนี้ น่าจะมีคนที่คบหาอยู่แล้ว การมาหาเธอนั้นก็เหมือนมาหาขนมหวานทานแก้เลี่ยนคั่นเวลา

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ยอดเยี่ยมนั่งท่าที่สบายขึ้น มองลึกไปในสายดำขลับของหญิงสาว “ผมหมายถึง ผมไม่มีใคร ไม่มีแฟน ผมจีบผู้หญิงไม่เป็น ชอบผมก็บอกว่าชอบ”

“คุณกำลังทำให้ดิชั้นกลัว” ต้องตาชิงพูดความจริง

“ผมรู้ ผมขอโทษ” ยอดเยี่ยมพูดอย่างจริงใจ ต้องตาปฏิบัติกับชายตรงหน้าเยี่ยงชายหนุ่ม มิใช่เจ้านายกับลูกน้อง ลักษณะการข่มขวัญนั้นเกิดขึ้นเองตามสัญชาติญาณการป้องกันตัว เธอไม่ใช่หญิงสาวัยแรกแย้ม ปีนี้เธออายุ 32 แล้ว แต่ผู้ชายตรงหน้า เด็กกว่าเธอราว 6 หรือ 7 ปีเห็นจะได้

“แต่ดิชั้นแก่กว่าคุณ” ต้องตาพูดความในใจ “มีคนที่สวยกว่าดิชั้น คุณสมบัติดี เพียบพร้อมกว่าดิชั้นเข้าแถวให้คุณเลือกเยอะแยะ ทำไมคุณจะต้องมาสนใจคนธรรมดาอย่างดิชั้นด้วยล่ะคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่หากฟังผ่านๆจะดูเหมือนว่าเธอเป็นคนก้าวร้าวแข็งกระด้างอยู่ในที

“ความชอบมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” ยอดเยี่ยมแย้ง “อย่างผมชอบกินขนมปังหน้าหมู มากกว่าขนมปังกระเทียม ผมต้องบอกเหตุผลกับทุกคนด้วยเหรอ” เขายกกาแฟขึ้นมาจิบ จ้องหน้าของหญิงสาวที่ทำท่าจะค้าน แต่ก็ไม่พูดอะไร

“ที่ผมเชิญคุณมาวันนี้ ผมยังไม่ได้อยากได้คำตอบหรอก ว่าคุณจะให้ผมจีบคุณได้ไหม” ต้องตาฟังแล้วขวมดคิ้วทันที ถ้าไม่ต้องการคำตอบแล้วจะเรียกมาทำไม... “แต่ผมอยากให้คุณช่วยผม ว่าถ้าผมจะจีบคุณผมต้องทำยังไงบ้าง”

ต้องตารู้สึกว่าตัวเองกำลังรับมือกับคนที่พูดยากยิ่งกว่าลูกค้าคอมเพลนว่าผ้าเช็ดตัวของโรมแรมมีขนาดไม่เท่ากันเสียอีก...

***********************************************************************

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 14. คืนวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์



“ที่นายเงียบเพราะใช้ความคิด หรือเพราะนายไม่รู้จะตอบยังไงกันแน่วะ” ยอดเยี่ยมยกแก้วสีชาขึ้นมาจิบ ชีวิตหนุ่มโสดแบบเขานอกจากทำงานและกลับบ้าน ก็มีแค่งานสังสรรกับเพื่อนสนิทบ้างเท่านั้น

“ทั้งสอง” เพื่อนเขาตอบ คนในร้านกำลังมองทั้งคู่ราวกับตัวประหลาด หนุ่มหล่อคนหนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตอย่างดี กางเกงสแล็กสีอ่อนกลืนไปกับสีผิวขาวละเอียด ผมสั้นจัดทรงเรียบ บุคลิกน่าคบหา แต่คนที่นั่งตรงกันข้ามสวมเสื้อยีนส์สีซีด กางเกงยีนส์เก่าขาดไปทั่ว ผมยาวรุงรังถึงกลางหลังชี้ไปหลายทิศทางไม่ได้มัด หนวดเครายาวเฟิ้มราวกับเพิ่งออกมาจากป่าที่ไหนสักแห่ง

“เห้อ” ยอดเยี่ยมถอนหายใจ เขาดื่มมาหลายแก้วจนหน้าร้อนผ่าว

“นายชอบเธอ เพราะว่าเธอเอากระเป๋ามาตีนายเนี่ยนะ”

“อืม” เขาตอบกลางยกแก้วขึ้นมากระดก “แปลกตรงไหนวะ”

“ตรงไหนไม่แปลกวะไอ้ยอด ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีถึงขั้นตีนายแล้วนายมาเพ้อได้ขนาดนี้” ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มกอดอก “มีผู้หญิงตั้งเยอะมาเข้าแถวรอให้นายเลือก ทำไมต้องคนนี้วะ”

ยอดเยี่ยมทำหน้าลำบากใจที่จะตอบ เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องตอบอย่างไร “ไม่รู้ว่ะ”

“เป็นเอามากนะเนี่ย ชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิว่าจะสวยขนาดไหน ถึงขั้นทำให้นายยอดเยี่ยมนักธุรกิจหนุ่มเพ้อหาได้ขนาดนี้ แถมยังเข้าหาแบบโต้งๆไร้ศิลปะอีกด้วย”

“นายจะย้ำทำไมเนี่ย” ยอดเยี่ยมรู้สึกกำลังเป็นรอง เพื่อนคนนี้กำลังจี้ใจเขา “นี่เรามาปรึกษานะเว้ย ไม่ได้มาให้นายเหน็บ”

เพื่อนเขาหัวเราะ “เออ ขอโทษที ตั้งแต่รู้จักกันมา นายไม่ใช่คนแบบนี้นี่หว่า วันๆทำแต่งานไม่สนใจใคร จนนึกว่าไม่ชอบผู้หญิงซะอีก”

“เหอะ” ยอดเยี่ยมส่งเสียง “มันก็แค่ไม่เจอใครที่ถูกใจไง”

“แล้วพอเจอที่ถูกใจ ก็ดันจีบไม่เป็น”

ยอดเยี่ยมรู้สึกมวนท้อง “นี่... ไอ้สัน เรามาขอคำแนะนำนะเว้ย ไม่ได้มาขอคำทับถม”

พิสันต์ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นแววตาซุกซน “มาถามเราเนี่ยนะ”

“เออสิ ไม่ถามนายจะถามใคร นายน่ะเพื่อนสนิทเรานะเว้ย”

พิสันต์ถอนหายใจ “ตั้งแต่รู้จักกันมา เราทั้งคู่ก็ไม่เคยจีบสาวที่ไหน นายมาปรึกษาได้ถูกคนจริงๆว่ะเพื่อน”

***********************************************************************

                ยิ่งใหญ่สะดุ้งตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้าด้วยเสียงครางดังมาจากในห้อง เขารู้สึกปวดหัวหนึบ ลำคอแห้งผากด้วยความกระหาย ที่นอนข้างๆว่างเปล่า เด็กหนุ่มพับผ้าห่ม เก็บที่นอนให้เป็นที่เพื่อไม่ให้เกะกะทางเดินของบ้าน ก่อนที่จะถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านใน

                สภาพของห้องด้านในไม่ได้น่าดูเท่าไรนัก มันไม่อาจเรียกว่าห้องนอนได้อย่างเต็มปาก เตียงนอนผู้ป่วยตั้งอยู่ริมสุดฝั่งทิศตะวันตก มีหน้าต่างเล็กๆเพื่อระบายลมเปิดไว้ มีที่นอนเก่าๆอยู่ใกล้เตียงนอน มุ้งสีชมพูอมเหลืองที่บ่งบอกสภาพและอายุการใช้งานหลายปีถูกปลดและนำไปห้อยไว้ที่หัวนอน ในห้องมีทีวีเก่าๆ กล่องพลาสติกที่เดาว่าสำหรับใส่เสื้อผ้า กระจกตั้งโต๊ะกรอบสีฟ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแป้งหรือฝุ่นก็ไม่ทราบได้วางอยู่ด้านบน เมื่อส่องไปก็แทบจะไม่เห็นเงาสะท้อน ชายรูปร่างสูงแต่ผอมติดกระดูกนอนอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง มีท่อที่เขาไม่รู้มีไว้เพื่ออะไรสอดเข้าที่จมูก พ่อของแต้มนอนตะแคง เขาเห็นจากตรงนี้ว่ากะโหลกศีรษะด้านขวายุบเข้าไปด้านในราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แต้มกำลังบีบนวดชายคนนั้นอย่างไม่อิดออดหรือแสดงความน่ารำคาญ ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้ชายคนนั้น สายตาที่มองกลับมาราวกับรับไหว้อย่างเป็นมิตร

“เราช่วยนะ” ยิ่งใหญ่นั่งข้างๆ

“ไม่เป็นไรหรอก นายไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนก็ได้”

“เห้ย ไม่เป็นไร ให้เราช่วยเถอะ” พูดจบเขาก็บีบที่น่องไร้กล้ามเนื้อของผู้เป็นบิดาของเพื่อน

“ขอบใจนะ” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงบางเบา แต่มันกลับชัดเจนในโสตประสาทของเขา

                ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ยิ่งใหญ่กับแต้มช่วยกันนวดผู้เป็นพ่อที่นอนติดเตียงแบบนี้ แต่เขาไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ในใจกลับรู้สึกชื่นชมคนที่นวดอยู่ข้างๆอย่างท่วมท้น แต้มเป็นคนที่ทำให้เขาประทับใจตั้งแต่ปฏิบัติตัวกับผู้เป็นแม่ และยิ่งทำให้เขารู้สึกดียิ่งขึ้นที่ได้เห็นการกระทำของเพื่อน ณ เวลานี้

“เด็กๆ ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวแม่นวดต่อเอง” แม่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบและวางอาหารบดละเอียดลงข้างๆ

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมยังไม่หิว ให้ผมช่วยนะครับ” ยิ่งใหญ่ตอบ

ผู้เป็นแม่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวแม่ป้อนข้าวพ่อ มันจะเลอะเทอะหน่อย อยู่ตรงนี้ก็เกะกะแม่เปล่าๆ...แต้ม พาใหญ่ไปกินข้าวไป นี่ล้างหน้าล้างตารึยัง”

ยิ่งใหญ่ส่ายหัว “ไปล้างหน้าล้างตาก่อน ดูสิ ผมเผ้ากระเซิงหมดละ” แม่พูดจบ ยิ่งใหญ่ก็ใช้มือลูบใบหน้า สภาพของเขาคงโทรมมากจริงๆก่อนหันบตาแต้ม อีกฝ่ายไม่ตอบ พยักหน้าหนึ่งทีเป็นเชิงบอกว่า ทำตามที่แม่พูดเถอะ

“นายทำการบ้านรึยัง” แต้มถาม

“การบ้านอะไร” ยิ่งใหญ่ทำหน้าเหรอหรา

“อย่าบอกนะว่านายลืม” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ เพราะเขาลืมจริงๆ

วันนั้นทั้งวัน ทั้งคู่ต่างก็ลงมือทำการบ้านที่ท่วมตัวอย่างรีบร้อน ยิ่งใหญ่ต้องไปซื้อสมุดใหม่เพื่อทำการบ้านครั้งนี้ เพราะที่บ้านแต้มไม่มีสมุดเหลืออยู่ อีกทั้งเขาไม่ได้พกอุปกรณ์การเรียนติดมาด้วย ยิ่งใหญ่ซื้อยาแก้ไข้แผงหนึ่งและขนมนมเนยมากองไว้จนเต็มโต๊ะญี่ปุ่น

“นายซื้อมาทำไมเยอะแยะเนี่ย” แต้มบ่น

“ซื้อมาให้นายไง” ยิ่งใหญ่ยิ้ม และลงมือทำการบ้าน จนพระอาทิตย์คล้อยบ่าย พวกเขาถึงทำเสร็จทุกวิชา

“แม่ฝากถามว่าคืนนี้นายจะค้างที่นี่มั้ย”

“นายว่าไงอะ เราไม่มีชุดนักเรียนเหลือเลยนะ”

“แล้วแต่นาย” แต้มตอบเสียงเรียบ ยิ่งใหญ่ครุ่นคิด

“กลับก่อนดีกว่า ผ้ากองเบ้อเริ่มที่ห้องยังไม่ได้ซักด้วย” จริงๆแล้วเขารู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่อยากให้แต้มติดไข้เขาต่างหาก

“อืม” แต้มตอบสั้นๆ และไม่พูดอะไรอีก

***********************************************************************

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 15. ติดต่อทางบ้าน 

 

                มันเป็นวันจันทร์ที่น่าเบื่อ แต้มมองโต๊ะข้างๆที่ว่างอยู่อย่างด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ยิ่งใหญ่ไม่ได้มาเรียนในวันนี้ การบ้านที่ทำด้วยกันเมื่อวานก็ไม่ได้ส่ง

“มีสเตอร์กอระกิด เพื่อนไปไหน” อาจารย์สอนภาษาอังกฤษถาม เพราะจะมีแค่ยิ่งใหญ่ที่คอยตอบคำถามอาจารย์ในวิชานี้ ส่วนคนที่เหลือต่างพากันเงียบราวกับไม่ได้พกปากมาเรียนด้วย

“อะ เอ่อ” แต้มอึกอัก เพราะกำลังตะโกนบอกอาจารย์ในใจว่าเขาชื่อกรฤต ไม่ใช่ กอระกิด

“ยิ่งใหญ่ไม่สบายครับ” เขานึกถึงความเป็นไปได้ถึงเหตุผลที่เพื่อนของเขาจะขาดเรียนโดยที่ไม่บอกล่วงหน้า รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ลืมไปว่าเมื่อวานยิ่งใหญ่ซื้อยาแก้ไข้มาด้วย

“งั้นฝากชีทให้เพื่อนด้วยนะ” อาจารย์ดูเหมือนจะเอาใจใส่ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ “แล้วอย่าลืมให้เพื่อนเขียนใบลาด้วยล่ะ ไปเอาฟอร์มใบลาที่ห้องธุรการนะ”

แต้มไม่มีทางเลือกนอกจากตอบรับว่าครับ

                การติดต่อกับที่บ้านค่อนข้างลำบากสำหรับแต้ม เพราะที่บ้านไม่มีเพจเจอร์ และอย่าได้ถามถึงโทรศัพท์ มันช่างห่างไกลจากชีวิตเขาเหลือเกิน แต่การนั่นก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเพียงแค่ไปที่ตู้โทรศัพท์ กดเบอร์ 17 และสอบถามหมายเลขของตู้โทรศัพท์ที่อยู่หน้าปากซอยบ้าน เขารอยสายอยู่นานจนหมดไปสามเหรียญ ท่องเบอร์ที่ได้รับมา ต่อสายไปที่ตู้โทรศัพท์นั้น และหวังว่าจะโชคดีมีคนผ่านมาได้ยินและรับสาย

เสียงรอสายดังอยู่นาน ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยง หน้าปากซอยเป็นร้านขายของชำที่ไม่ค่อยมีคนดูแล ปกติวันเสาร์และอาทิตย์จะมีลูกของป้านวลช่วยขายของหน้าร้าน แต่วันนี้วันจันทร์ลูกของแกก็มาเรียน แถมอยู่ในโรงเรียนนี้เหมือนกันอีก แต้มรอสายจนแทบจะถอดใจ จนกระทั่งเสียงเหรียญตกลงไป เขาถึงรีบพูดทันที “ฮัลโหล นั่นใครครับ”

“ป้านวล นี่ใคร” ป้าเจ้าของร้านขายของชำตอบ

“สวัสดีครับป้านวล ผมแต้มครับลูกแม่เติม พอดีผมมีธุระด่วนจะคุยกับแม่ ป้านวลช่วยไปตามแม่มาให้หน่อยได้ไหมครับ” แต้มขอร้องอย่างเกรงใจ

“ได้ เดี๋ยวป้าตามให้ เดี๋ยวโทรมาใหม่นะ” แต้มรับคำอย่างยินดี นี่แหละเสน่ห์ของคนบ้านนอก น้ำใจคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีไม่ขาดสาย

แต้มโทรไปอีกทีเมื่อเวลาผ่านไปห้านาที เมื่อไม่มีใครรับสาย เขาก็โทรไปอีกทุกๆหนึ่งนาที จนเกือบจะบ่ายโมงแม่ถึงจะมารับสาย

“โหแม่ ทำไมนานขนาดนี้” แต้มบ่นอุบ

“แม่ลืม” แม่ตอบง่ายๆ แต้มขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่านิสัยแบบนี้จะตกทอดมาถึงเขาไหม “ว่าไงลูก ป้านวลบอกว่ามีธุระด่วน”

ขนาดบอกว่าด่วน แม่ยังลืม... แต้มบ่นในใจ “ใหญ่ไม่สบายน่ะแม่ วันนี้ไม่ได้มาเรียน ผมว่าจะไปหาหน่อยตอนเย็น อาจจะกลับค่ำๆ”

“อ๋อ ไปดูเพื่อนก่อนก็ได้ คงป่วยเพราะไปหาปลาวันก่อนนั่นแหละ” แต้มฟังแล้วรู้สึกผิดในทันที “ถ้ากลับไม่ทันก็ค้างที่นั่นก็ได้นะไม่ต้องห่วงทางนี้”

(-“-) >>> หน้าของแต้ม

แม่บอกออกมาโดยที่เขาไม่ต้องขออนุญาต และเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองไม่มีความจำเป็นต้องค้างหรอก แค่จะไปดูอาการ เอาการบ้านไปให้และเอาใบลาไปให้เซ็น รีบไปรีบกลับ...พวกเขาคุยกันสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

                ตลอดทั้งบ่าย แต้มเรียนอย่างไม่มีสมาธิ พอที่นั่งข้างๆมันว่างเขาก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่ปกติเขามักจะรำคาญเวลาที่นายใหญ่คอยแต่จะชวนคุยตลอดทั้งคาบ เขานั่งเหม่อจนไม่รู้ว่ามีใครบางคนมายินข้างๆ

“แต้ม” เสียงเรียกชื่อทำให้เขารู้สึกตัว

“อ้าวอาร์ท มาตอนไหน” แต้มขานรับคนที่มาหา ตอนนี้คนในห้องเริ่มคุ้นเคยกัน แต่แต้มไม่แน่ใจว่าคนอื่นไปรู้จักชื่อเล่นเขาตอนไหน

“คือเราจะมาขอโทษเรื่องวันก่อนอะ ที่เราเข้าใจผิดนายไป” อาร์ททำหน้าจ๋อยแบบรู้สึกผิด แต้มรู้สึกเคอะเขินพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มกลับไป ในหัวกำลังประมวณผลว่าควรจะตอบกลับยังไงดี

“ไม่เป็นไร” สุดท้าย แต้มก็ตอบสั้นๆ และส่งยิ้มแหยๆให้อีกที

“อื้อ เราขอโทษจริงๆนะ เราไม่สบายใจเลยที่คิดแบบนั้น”

“ไม่เป็นไร อย่าคิดมากนะ” แต้มตอบ ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าหนักแน่นที่สุด

“ขอบใจมากนะ” อาร์ทยิ้ม ใบหน้าเปิดเผยดูดีใจสุดขีด

หลังจากอาร์ทเดินกลับไป แต้มก็ได้แต่มองเวลา อีกสองชั่วโมงจะถึงเวลาเลิกเรียน....

***********************************************************************

                นับตั้งแต่โรงแรมเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ต้องตาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนคือ คุณยอดเยี่ยมนั้นมีความใกล้ชิดกับพนักงานมากขึ้น ถ้าพูดอย่างเข้าข้างตัวเอง หมายความว่าเขากำลังรุกเธออย่างหนัก ที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างคือ ระบบการเช็คอินเปลี่ยนไป รวมไปถึงระบบการจอง ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ต และการฝากข้อมูลโรงแรมไว้กับเว็บไซต์สำหรับจองโรงแรมโดยเฉพาะอีกด้วย

“เว็บนี้กำลังได้รับความนิยมจากต่างประเทศ ผมเลยอยากเอามาปรับใช้” เขาชี้แจงกับหน่วยงานการตลาด ซึ่งข้อมูลนี้กำลังเป็นที่วิพากย์วิจารณ์กันอย่างออกรสจากพนักงานรุ่นเก่าและยังไม่เคยชินกับการทำงานผ่านวิธีนี้มาก่อน

“มันจะเป็นไปได้ไง ให้ใครก็ไม่รู้มาจองผ่านคอม มันจะปลอดภัยเหรอ”

“ใช่ แล้วอีกอย่าง จะรู้ได้ไงว่าแขกจะเข้าจริงๆ จองหลอกๆมาก็ได้”

“คุณยอดคงประสาทกลับไปแล้ว จองทางโทรศัพท์แบบนี้ก็ดีแล้ว ทำไมต้องสร้างงานเพิ่มด้วยนะ”

                ต้องตารับฟังข้อมูลและคำโต้แย้งแบบลับๆจากพนักงานปากต่อปาก เธอไม่ได้ตอบโต้อะไรกับความขัดแย้งเล็กๆนี้ ในฐานะที่เป็นลูกจ้าง เจ้านายสั่งมาก็ต้องทำตาม และเธอกำลังเหนื่อยหน่ายอยู่ ณ เวลานี้ เพราะความต้องการของทุกคนดูเหมือนจะไปกันคนละทิศคนละทาง

“ผมหวังว่าการอบรมวันนี้ ทุกคนจะสามารถนำไปปรับใช้กับงานของเรานะครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังยอดเยี่ยมพูดจบ เขาต้องการให้โรงแรมนี้ยกระดับไปอีกขั้น จึงจัดให้มีการอบรมเรื่องระบบการจองผ่านเว็บไซต์และการใช้อีเมล์ขึ้น พนักงานต่างทะยอยเดินออกไป ต้องตาเก็บเอกสาร และข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋า

“คุณตาครับ” เสียงหนึ่งเรียก

“คะ” ต้องตาหันตัวกลับไปตามเสียงเรียกนั้น

“ผมอยากได้ฟีดแบ็คจากคุณเรื่องการอบรมวันนี้ คุณพอจะคอมเม้นต์หน่อยได้ไหมครับ”

“เอ่อ” ต้องตาลังเลและหลบสายตากับบุรุษหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า “ในแง่ไหนคะ”

“แง่ไหนก็ได้ครับ ขอแค่เป็นความคิดเห็นของคุณ” ชายหนุ่มพูด พลางส่งยิ้มหวานมาให้

ต้องตารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่ชอบวิธีการแบบนี้เลย ชายหนุ่มเปลี่ยนจากคนที่เข้ามาหาแบบโต้งๆ เป็นการพูดคุยแบบค่อยเป็นค่อยไปภายในข้ามวันได้อย่างไรกัน

“ในแง่ของความรู้ ตา เอ่อ ดิชั้นคิดว่า” ต้องตาติดเรียกชื่อตัวเองในบทสนทนาเสมอ

“แทนตัวเองว่าตาก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาใช้สะโพกพิงกับโต๊ะนั่ง สองแขนล่ำยันไว้ ปล่อยไหล่สบายๆ

“ค่ะ” ต้องตาปรับเสียงให้เป็นการเป็นงาน “ในส่วนของความรู้ ตาคิดว่ามันยังใหม่สำหรับพนักงานหลายๆคนในโรงแรมนี้นะคะ” เธอตอบตามข้อมูลที่ได้ยินมา “สำหรับตาเอง ไม่ขัดข้องหากจะใช้ระบบนี้ แต่กับพนักงานคนอื่น คุณยอดจะต้องทำให้พวกเขาเห็นว่า ระบบใหม่มันดีกว่าระบบปัจจุบันนี้ และไม่ได้เป็นการเพิ่มงานให้พวกเขาค่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขารู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆที่ถามหญิงสาว “แล้วผมจะต้องทำอย่างไรล่ะครับ เพื่อให้ทุกคนยอมรับระบบนี้”

“อันที่จริงแล้ว พนักงานก็ควรจะเปิดใจด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่คุณพยายามฝ่ายเดียว” ต้องตาตอบตามที่เขาคิดเป๊ะ “อย่างที่ตาบอก ของมันยังใหม่ คนก็แค่อาจจะไม่คุ้นชินกับมัน ถ้าให้ตาเสนอนะคะ ก็ควรใช้สองระบบไปก่อน และให้มีพี่เลี้ยงสักคนหรือสองคนมาเรียนงานกับคุณยอดหรือใครก็ได้ที่รู้เรื่องระบบนี้ แล้วให้เป็นเหมือนพี่เลี้ยงไปคอยสอนหน้างานตอนรับจอง สรุปงานอีกที”

ชายหนุ่มทำหน้าทึ่ง “คุณคิดได้ยังไงเนี่ยประเด็นนี้ ผมยังคิดไม่ตกเลย”

ต้องตาเผลอยักไหล่โดยไม่รู้ตัว เธอมักจะมีอาการแบบนี้เวลาพึงพอใจและแสดงออกในกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น “คงเพราะดิชั้นทำงานมาหลายที่มั้งคะ”

“แทนตัวเองว่าตาก็ได้ครับ” เขายืนยัน “ถ้าอย่างนั้น คุณตาไปหาคนที่พอจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆได้ง่ายแบบคุณตาอีกสักสองคนนะครับ ผมว่าผมจะให้คุณเป็นคนนำทีมในงานนี้”

ต้องตาหน้าเหวอ รู้สึกหงุดหงิดตัวเองอย่างที่สุด ที่ให้คำแนะนำไปแบบนั้น ***********************************************************************

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Thanks krab!


ขอบคุณที่มาติดตามครับ อิอิ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบแต้มจัง คนกตัญญูแบบแต้มอยู่ที่ไหนก็เจริญ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ชอบแต้มจัง คนกตัญญูแบบแต้มอยู่ที่ไหนก็เจริญ


ดีใจที่ชอบนะครับ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน




จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 16. สุนัขจิ้งจอก




  คาบสุดท้ายเป็นวิชาแนะแนวที่อาจารย์ไม่ค่อยเข้าสอนอยู่แล้ว แต้มดูเวลาว่าผ่านไปครึ่งทางเมื่อไม่มีอาจารย์มาก็เก็บของใส่กระเป๋าและเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ข้อดีของการไม่เป็นจุดสนใจของเพื่อนๆคือ ไม่มีใครมามองหรือตั้งคำถามว่าเขาจะไปไหน ทำอะไร เขาเดินลงจากชั้นสี่สังเกตว่าแทบทุกชั้นเรียนกำลังอยู่ระหว่างการเรียนการสอน ช่วงนี้ประตูโรงเรียนเปิดแล้ว เพราะเด็กชั้นม.ต้นเลิกตั้งแต่บ่ายสามครึ่ง ผู้ปกครองที่มีเวลามารับบุตรหลานไปบางส่วน รถขายลูกชิ้นทอด น้ำหวาน ขนมต่างกรูกันเปิดขายเรียงไปตับเลาะตามถนนที่ข้างโรงเรียน เขาลัดไปทางประตูนั้น มองโรงอาหารที่อยู่ด้านซ้ายมือกำลังคลาคล่ำไปด้วยเด็กนักเรียนหลายระดับชั้น เสียงหัวเราะ พูดคุยดังอื้ออึงรอบทิศ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะจะเดินออกมาโดยที่รปภ.ไม่ถามและอาจารย์เวรไม่ตรวจตราขอใบอนุญาตออกก่อนเวลา

 เมื่อเลี้ยวขวาออกจากประตู แต้มก็เดินมาเรื่อยๆประมาณสี่ร้อยก้าว อพาร์ตเม้นหรูก็ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม มันอยู่ใกล้โรงเรียนจนแทบไม่มีความจำเป็นจะต้องมาสาย หรือขาดเรียนโดยไม่มีใบลาแบบนี้ เขามองซ้ายมองขวา พอถนนโล่งก็เดินข้ามฝั่งและตรงเข้าไปในตึก

  โชคดีที่คนเฝ้าตึกเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ไม่เรื่องมาก เขาแค่บอกว่ามาหาใครเพื่อจะเอาของมาให้เพราะขาดเรียน คุณลุงคนนั้นก็บอกเลขห้องเสร็จสรรพ แถมยังเปิดประตูใหญ่ให้อีกด้วย คงเพราะเห็นการแต่งตัวในชุดนักเรียนกระมัง เลยไม่ต้องกังวลให้มากมายเรื่องมิจฉาชีพ อันที่จริงเชียงรายก็เป็นเมืองที่มีอัตราการโจรกรรมต่ำอยู่แล้ว ทำให้คนที่นี่ไม่ค่อยกังวลกันเท่าไร

 แต้มเดินอย่างช้าๆแทนการใช้ลิฟต์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่ห้องของยิ่งใหญ่ ยิ่งคิดยิ่งประหลาดใจในตัวเองว่าทำไมมาจับพลัดจับผลูสนิทกับผู้ชายคนนี้เสียได้ อาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นเด็กใหม่กันทั้งคู่ ต่างมารู้จักกันที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ด้วยนิสัยแบบเขา ที่สนิทกับผู้คนค่อนข้างยากแล้ว การที่ปล่อยให้ยิ่งใหญ่ไปค้างที่บ้าน หรือการมาหายิ่งใหญ่ถึงที่นี่ มันผิดวิสัยอย่างที่สุดเช่นกัน

 แต้มเคาะประตูอยู่นาน ไม่มีเสียงใดๆตอบรับ ระหว่างยืนคิดว่าจะทำอย่างไรต่ออยู่เงียบๆเพราะจำเบอร์เพจเจอร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาลองจับลูกบิดประตู ก่อนจะพบว่ามันไม่ได้ล็อค

“ใหญ่” แต้มเรียกด้วยเสียงที่คิดว่าไม่ดังจนเกินไป แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจนต้องดันประตูและพาตัวเองเข้าไปในนั้น

ห้องนอนของยิ่งใหญ่กว้างกว่าห้องนอนบ้านของเขาเสียอีก  ภายในห้องมืดสนิทด้วยผ้าม่านสีทึบหนา ความอบอ้าวปกคลุมไปทั่วจนแต้มอึดอัด คนขี้ร้อนแบบยิ่งใหญ่ทนอยู่ได้อย่างไรกับสภาพห้องแบบนี้ เมื่อไม่มีสัญญาณสิ่งมีชีวิตตอบรับ เขาเลยตัดสินใจเดินเข้ามาในห้อง ที่นั่นเองแต้มได้เห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งนอนตัวงอภายใต้ผ้าห่มหนา แค่เห็นแต้มถึงกับเหงื่อย้อยแทน เพราะอากาศด้านนอกมันร้อนแสนสาหัส สงสัยว่าคืนนี้ฝนคงจะเทลงมาอย่างหนักแน่ๆ

“ใหญ่” แต้มนั่งลงข้างเตียง ใช้มือเขย่าที่แขน มีแต่เสียง อือ อือ  ตอบรับมาเท่านั้น พอแตะที่คอก็พบว่ายิ่งใหญ่ยังตัวร้อนอยู่

 แต้มเปิดโคมไฟที่โต๊ะญี่ปุ่นที่วางกลางห้อง คงจะเป็นที่นั่งทำการบ้านของคนป่วย แสงไฟสลัวพอให้มองอะไรได้บ้าง ก่อนจะหาอุปกรณ์ที่ต้องการและกลับมาที่เตียง ถ้านี่เป็นฉากในละคร คงเป็นละครที่สุดแสนโรแมนติก แต่อาจจะดูผิดที่ผิดทางไปหน่อยที่ตัวเองเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต้มกำลังใช้ผ้าขนหนูซับน้ำเย็นเช็ดใบหน้า และตามคอของยิ่งใหญ่ อีกฝ่ายตัวสั่นร้องครวญครางว่าหนาว หนาว ไม่ขาดปาก

“อดทนหน่อยนะ นายตัวร้อนมาก” แต้มเช็ดต่อ เมื่อเริ่มคุ้นกับความมืดในห้องนี้แล้ว ก็สังเกตได้ว่ายิ่งใหญ่เป็นคนค่อนข้างมีระเบียบ ถุงยาที่ซื้อมาวันก่อนถูกวางไว้บนหัวเตียง แต่ยังไม่พร่องลงไปเลย “กินยาหน่อยนะ ไข้จะได้ลด”

“ม่าย” ยิ่งใหญ่ตอบทั้งๆที่ไม่ได้สติ กลิ่นความเจ็บป่วยโชยหึ่ง แต้มต้องบีบกระพุ้งแก้มให้อีกฝ่ายเผยอปาก ยัดยาก่อนจะกรอกน้ำลงไป

“แค่ก แค่ก” ยิ่งใหญ่สำลัก แต่ก็กลืนยาลงคอไปอย่างยากลำบาก แล้วบ่นงึมงำฟังไม่ออกและนอนหลับต่อ

แต้มถือวิสาสะเปิดไฟดวงใหญ่ เพื่อเช็คว่าน้ำดื่มไม่ได้หกตามที่นอน เขาเช็ดตัวเพื่อนอีกรอบหนึ่ง คราวนี้ด้วยน้ำอุ่น แต่อีกฝ่ายยังคงบ่นหนาวไม่ขาดปาก แต้มนั่งลงกับพื้นปิดไฟให้เหลือแต่แสงสลัว พิงตัวติดกับเตียง มองคนป่วยที่หลับไปอย่างไม่ได้สติ ยิ่งใหญ่หล่อมากจนเขายังรู้สึกอิจฉา แม้แต่ในสภาพที่โทรมที่สุดเช่นตอนนี้ รังสีความโดดเด่นยังไม่จางไปด้วยซ้ำ

ยิ่งใหญ่ตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อย รู้สึกหิวจนแสบไส้ ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานเท่าไร รู้แค่เพียงเขาหนักหัวมากจนลุกไม่ไหวหลังจากกลับมาจากบ้านแต้ม เมื่อดันตัวเองขึ้นก็พบว่ามีใครก็ไม่รู้นอนฟุบอยู่ข้างเตียง

“หืม ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” แต้มสะดุ้งตื่นเพราะแรงขยับบนเตียง เขาเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

“นายมาไงเนี่ย” ถึงแม้จะป่วย แต่แววตานั้นดูดีใจจนปิดไม่มิด

“ก็เดินมา”

“ขอบใจนะที่ยังตอบ” ยิ่งใหญ่พูดด้วยเสียงขัดใจ พ่นลมหายใจฟึดฟัด อีกฝ่ายไม่สนใจ แต่เอามือมาแตะๆตามตัว

“ไข้ลดแล้วนี่นา รู้สึกไงบ้าง”

ยิ่งใหญ่โยกหัวซ้ายขวา เสียงลั่นเปรี๊ยะบอกว่านอนมานานมากแล้ว “หิว” เขาบอกตามตรง

“งั้นเดี๋ยวเราไปซื้ออะไรมาให้กินนะ” แต้มกุลีกุจอ

“ไปด้วยกันดิ”

“ได้ไง นายป่วยอยู่นะ”

“หายแล้ว” ยิ่งใหญ่ทำท่าเบ่งกล้าม “สบายมากแล้วด้วย”

“เหอะ”

“เราหิวมากอ่า ออกไปหาอะไรกินเถอะ กว่านายจะไป กว่านายจะมาเราหิวตายพอดี”

แต้มไม่ตอบโต้ เพราะเสียงท้องของตัวเองก็ร้องออกมาเช่นกัน เขาดูเวลาจากนาฬิกาตั้งโต๊ะ ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ... นี่เขาพลาดรถเที่ยวสุดท้ายอีกแล้วสินะ “ได้ นายอยากกินอะไร”

“ก๋วยเตี๋ยว”

“กินหนักขนาดนี้ได้ไง นายยังป่วยอยู่นะ”

“ก็เราหิวนี่นา” ยิ่งใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนลูกแมว “นะนะนะ หิวละ ไปเถอะ”

 ครั้งนี้แต้มเป็นคนขับ ด้วยความที่ไม่ชำนาญถนนหนทางเพราะไม่ใช่คนในเมือง ที่ผ่านมาเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน ไปไร่ไปนาหรือไม่ก็ดูแลพ่อที่ป่วย เวลาที่จะเข้ามาในเมืองจะต้องมีธุระปะปังเช่น พาพ่อมาตรวจร่างกาย หรือไม่ก็มาเรียนหนังสือ ยิ่งใหญ่เลยเป็นคนบอกว่าจะทางให้ แต้มขับช้าๆลัดเลาะไปเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่ถึงร้านเสียที

“ร้านอยู่ไหนเนี่ย ทำไมไกลจัง” เขาถามเสียงดังแข่งกับเสียงลม

“จะถึงแล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบ พลางขยับตัวมาใกล้จนแต้มรู้สึกถึงแผ่นอกร้อนผ่าวที่แนบชิด

“ขยับไป อย่าเบียด” แต้มบ่น แต่เหมือนคนซ้อนจะไม่สนใจ แถมยังเอาคางมาเกยที่ไหล่จนเขาสะดุ้ง “ทำไรเนี่ย”

“ขอเกาะหน่อย รู้สึกเพลีย” คนซ้อนทำเสียงอ่อย จนคนขับต้องใจอ่อน

“เห้อ รู้ว่าไม่สบายจะลากสังขารมาทำไมวะ” แต้มบ่นอุบ

“ก็มันอยากมาอะ” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยเสียงชวนน่าสงสาร แต่ใบหน้ากลับยิ้มแพรวพราวอย่างน่าหมั่นไส้ “นอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อนี่นา”

แต้มไม่รู้จะเถียงยังไง ได้แต่ตั้งใจขับ ใครเห็นภาพตอนนี้คงแปลกตา วัยรุ่นชายในชุดนักเรียนเต็มยศขี่มอเตอร์ไซค์มีคนซ้อนท้ายเป็นผู้ชายตัวสูงนั่งตัวชิดติดกันแถมยังเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ซ้าย “ใกล้ถึงยังเนี่ย”

“จะถึงแล้ว เลี้ยวซ้ายนี้ก็ถึงละ” แต้มเลี้ยวซ้าย ร้านก๋วยเตี๋ยวไฟสว่าง

“นี่มันร้านถัดจากหอนายนี่” แต้มส่งสายตาพร้อมกับคำถาม “ให้เราขับวนตั้งไกลทำไม”

“เหย อย่าทำหน้าดุสิ ก็เราป่วยอยู่อะ สมองเลยเลอะเลือนชั่วคราว”

“นายนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ” แต้มบ่นอุบ มองผู้ชายตัวโตกว่าเดินจ๋อยเข้าร้านไป แต่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มราวกับจิ้งจอกจอมวางแผน

***********************************************************************

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ใหญ่ก็จอมวางแผนนะเนี่ย ฟินเลยดิซ้อนท้ายแต้ม ให้อ้อมมาตั้งไกล

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ใหญ่ก็จอมวางแผนนะเนี่ย ฟินเลยดิซ้อนท้ายแต้ม ให้อ้อมมาตั้งไกล

สมฉายาสุนัขจิ้งจอกเลยจ้า

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 17. แข็งแกร่ง ดุดัน อบอุ่น



“ร้อน” ยิ่งใหญ่บ่น เขาใช้เมนูที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพัดตลอดเวลาที่กิน

“ฝนคงจะตกมั้ง หรือไม่ก็เพราะยากำลังออกฤทธิ์”

“ยังไม่อยากกลับห้องเลยอะ มันอึดอัด”

“แล้วนายจะไปไหน” แต้มขมวดคิ้ว ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงการบ้าน

“ไปเล่นเกมที่อภิพลาซ่ามั้ย”

“ไม่” แต้มปฎิเสธเสียงแข็ง อภิพลาซ่าคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเชียงราย มีตู้เกมเอาไว้หลอกล่อนักเรียนเต็มไปหมด

“งั้นไปเดินไนท์บาซ่าร์มั้ย” ยิ่งใหญ่เสนอ

“นี่นายไม่สบายจริงปะเนี่ย” แต้มเสียงดุ

“ถามยังกะไม่เห็นสภาพ” ยิ่งใหญ่บ่นอุบ “ก็คนมันเบื่อนิ อุดอู้อยู่แต่ในห้อง”

“นายก็ต้องรักษาตัวให้หายสิ อีกไม่นานก็จะสอบละ ไม่รีบทำการบ้านอ่านหนังสือ ต่อให้พ่อขุนก็ช่วยอะไรนายไม่ได้นะ”

“เออ ไปไหว้พ่อขุนเม็งรายกัน”

แต้มถอนหายใจยาว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่บ่นไปยิ่งใหญ่เข้าใจบ้างหรือเปล่า

แต่สุดท้าย พวกเขาทั้งคู่ก็มายืนไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผู้สถาปนาเมืองเชียงรายและเชียงใหม่ คืนนี้ฟ้าปิด เมฆฝนก่อตัวมาแต่ไกล อากาศยังอบอ้าว ทั้งสองไม่มีดอกไม้ธูปเทียน ได้แค่นั่งพนมมือไหว้มือเปล่า

“เราเพิ่งมาไหว้พ่อขุนเป็นครั้งแรกเลยนะ”

“หะ นายไปอยู่ไหนมาตั้ง 16 ปี” ยิ่งใหญ่ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “มิน่าล่ะไหว้ขอพรท่านนานเชียว”

“อยู่บ้าน” แต้มตอบเรียบๆ เพราะไม่รู้ว่านั่นคือคำถากถาง “จริงๆ 17 ปีนะ”

“หืม” ยิ่งใหญ่นั่งยองๆอยู่ที่ฟุตบาทข้างถนนหลังอนุสาวรีย์ มือข้างหนึ่งถือบุหรี่ อีกข้างหนึ่งเขี่ยลงกับพื้น

“ทำไมนายไม่นั่งดีๆเนี่ย” แต้มนั่งกับพื้น สองขาเหยียดออกไปจนเกือบสุด คืนนี้รถราไม่มากเท่าไร “เราบอกว่าอายุเราอะ 17 แล้ว”

“อ้าว นายเรียนหลังเกณฑ์เหรอ” เกณฑ์ปกติคือเข้าเรียนชั้น ป.1 คือ 7 ขวบ (บางคนก็ 6 ขวบ) ถ้านับไล่มาพวกเขาต้องอายุ 16 ปี

“เปล่า” แต้มมองที่พื้นถนน “เราหยุดเรียนไปปีนึงอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาและขาดความมั่นใจ อาจเพราะกำลังงุนงงกับตัวเองอยู่ว่าทำไมถึงคุยกับยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้

“งั้นนายก็เป็นพี่เราอะดิ” ยิ่งใหญ่ยิ้มล้อเลียน “คนแก่”

“เชี่ย” แต้มด่า ความอึดอันพลันหายไป รู้สึกดีใจที่ยิ่งใหญ่ไม่ถามหาเหตุผล และคิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้เหตุผลนั้นเป็นอย่างดี

“นายมีพี่น้องไหม” แต้มเป็นคนเริ่มตั้งคำถามบ้าง

ยิ่งใหญ่ทำท่าแคะหู ราวกับไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังถูกถาม “นายว่าไงนะ พอดีได้ยินไม่ชัด”

“โอย เลิกกวนสักพักจะตายไหม” แต้มดุ แต่ด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

“ฮ่าๆๆๆ” ยิ่งใหญ่หัวเราะแทนคำตอบ “เรามีพี่ชายสองคน ทำงานกันหมดแล้ว”

“หืม นายนี่ก็อายุห่างจากพี่ๆเหมือนกันเนอะ”

“เราเป็นลูกหลง” ยิ่งใหญ่ตอบ

“เหมือนกันเลย” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ดูแม่กะพ่อเราสิ แก่ขนาดนี้ละ เราเพิ่ง 17 เอง”

“ไม่ ‘เอง’ นะ นายแม่งโคตรแก่” ยิ่งใหญ่เน้นที่คำว่า เอง อย่าจงใจล้อเลียนจนแต้มต้องใช้มือดันตัวยิ่งใหญ่จนล้มไปกองกับพื้น “โอ๊ย ไอ้คนแก่ รังแกเด็กเหรอ” ยิ่งใหญ่หัวเราะ แต้มทำเสียงฟึดฟัดและลุกขึ้น ปัดฝุ่นที่กางเกง มองคนที่นอนแอ้งแม้งที่กำลังหัวเราะชอบใจ

“นายนี่มันน่าโดนถีบซ้ำ” แต้มพูด

“โอย เราป่วยอยู่นะ” ยิ่งใหญ่เสียงอ่อย “ไม่สงสารเราเหรอ”

“หึ” แต้มค่อนแคะในลำคอ “นายมันหมาจิ้งจอก”

“อะไร” ยิ่งใหญ่งง “ทำไม อย่างไร เพราะอะไร”

“คำถามนี้จะออกสอบรึไง ถามเป็นชุดเชียว”

“ไม่ออก แค่อยากรู้ว่าทำไมเราเป็นหมาจิ้งจอก”

“ก็นายเจ้าเล่ห์ ชอบหลอกล่อ” แต้มมองไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่กับพื้น

“ใส่ร้ายว่ะ” ยิ่งใหญ่พ่นควันบุหรี่รอบสุดท้ายก่อนบี้มันลงกับพื้น พลางยื่นมือขึ้นมา

แต้มมองอย่างเหลืออดกับท่าทางอวดดีของอีกฝ่าย แต่มันไม่ได้กวนใจเขาจนต้องเกลียดชังได้ลงคอ เพียงแต่การแสดงออกของอีกฝ่ายดูคล้ายจะจงใจยั่วยุให้เขาโมโหเสียมากกว่า “ลุกเองสิ” แต้มเสียงดุ

แต่สุดท้ายแต้มก็ยื่นมือไปดึงอีกคนขึ้นมาจนได้ ...

แข็งแกร่ง ดุดัน แต่อบอุ่น ... ยิ่งใหญ่นิยามวินาทีแรกที่สองมือได้สัมผัสกันในใจอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีค่าของชีวิต

               คืนนั้น พวกเขาเกือบจะสิ้นชีพเพราะกองการบ้าน ของเดิมที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ส่ง ต้องลอกใส่สมุดเล่มเก่า บวกกับของใหม่ที่ขาดไปวันนี้ เขาถึงขั้นโอดครวญราวกับว่ามันคือบทลงโทษของคนป่วย

“ฮือออออออออออออ ทำไมมันเยอะจัง”

“ทำไป อย่าบ่น”

“นายทำถึงไหนละ”

“จะเสร็จละ”

“ขอลอกหน่อย”

“ไม่ได้ นายทำเองสิ”

“ไม่เอา อย่างก ดึกแล้ว เรานอนน้อยเดี๋ยวไข้กลับอีกนะ”

แต้มถอนหายใจฟืดแรง “เอออออออ” ไม่รู้จะตอบยังไงจริงๆ “ต้องให้ช่วยเขียนด้วยปะ”

“ไม่เอาอะ ตัวหนังสือนายสวยเกิน เดี๋ยวอาจารย์รู้”

กว่าการบ้านจะเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน แต้มนอนหลับไปแล้วตอนที่ยิ่งใหญ่ขีดเส้นใต้คำตอบเสร็จ หัวของแต้มตกหมอน ยิ่งใหญ่จัดท่าให้ดีขึ้น ลมหายใจราบเรียบบอกว่าแต้มหลับลึกไปแล้ว เปลือกตาปรือนั้นปิดสนิท แต้มมีจมูกที่สวยได้รูป ริมฝีปากบางนั้นปิดสนิท เขาไม่เคยเห็นใครมีริมฝีปากบางได้รูปขนาดนี้เลยจริงๆ

ยิ่งใหญ่กินยา ตั้งนาฬิกาปลุก ปิดไฟ และล้มตัวลงนอนใกล้กับแต้ม ก่อนจะใช้แขนสอดไปที่ใต้ลำคอของคนที่หลับลึกอยู่ แต้มขยับตัวเล็กน้อย แขนยาวสอดไปได้จนสุด ยิ่งใหญ่ยกแขนขึ้นนิดหน่อยให้คอแต้มลอยขึ้น และใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงหมอนออกอย่างทุลักทุเล แต่สุดท้าย แต้มก็หนุนแขนของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้

สายฝนกำลังกระหน่ำอยู่ด้านนอกตั้งแต่พวกเขาเริ่มทำการบ้านส่งไอเย็นแทรกซึมเข้ามาทั่วถ้วน ยิ่งใหญ่เปิดแอร์ไว้ก่อนหน้านี้เนื่องจากอากาศก่อนหน้านี้อบอ้าวจนเขาทนไม่ไหว แต่ตอนนี้แต้มดูเหมือนจะหนาวจนขดตัวงอ ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้างในความมืดเมื่อหัวของแต้มไหลเลื้อยมาหยุดที่ไหล่เขาเพื่อเสาะหาความอบอุ่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวตื่นเลยตลอดคืนนั้น...

***********************************************************************




สาส์นจาก Writer
หวังว่าจะถูกใจกันนะครับ ชอบก็กด Like + คอมเม้นต์ พูดคุยกันนะครับทุกคน


 :-[ :o8: :impress2: :mew1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2018 10:26:10 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
รออ่านตอนหน้าจ้า :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
รออ่านตอนหน้าจ้า :pig4:


อดใจรอแพ๊พนะครับ  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 18. คะแนนไม่ดี



หนึ่งในวิชาที่ยากที่สุดของปีการศึกษานี้(และตลอดทั้งสามปี) นั่นคือคณิตศาสตร์

อาจารย์ที่สอนห้อง ม.4/8 ชื่ออาจารย์จิราพรผู้มีบุคลิกเหมือนทอมบอย ไว้ผมสั้น ตาตี่ ผิวสีแทน และรูปร่างอวบ เสียงแหบแห้งตลอดคาบการสอนและมีความดุดัน ทำให้นักเรียนค่อนชั้นกลัวเธอเป็นอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับ การสอบย่อยทุกครั้งหลังจบบทเรียน

“ไหน นายได้คะแนนเท่าไหร่” ยิ่งใหญ่ชะเง้อดูใบคะแนนของแต้ม

“อย่ายุ่ง”

“ได้น้อยล่ะสิ ถึงอาย” ยิ่งใหญ่ยิ้มเยาะ “ไม่ต้องเขิน เราก็ได้แค่นี้” พูดพลางยื่นคะแนนมาให้

“นายพกสมองมาเรียนด้วยรึเปล่าเนี่ย” แต้มถาม

“ไหนเอาของนายมาดู” ยิ่งใหญ่ไม่สนใจคำด่าสำหรับเขามันก็เหมือนคำพูดทั่วๆไปเท่านั้น แต้มยื่นข้อสอบของตัวเองให้ดูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย แต่ยิ่งใหญ่กลับตกตะลึง “นายได้เต็มเหรอ”

“ชวู่ เบาๆสิ จะตะโกนทำไม” แต้มเตือนเพราะกลัวว่าจะเป็นจุดสนใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว

“หะ ใครได้เต็ม”

“นี่ไง แต้มได้เต็ม” เพื่อนๆต่างกรูกันมาที่โต๊ะพวกเขาอย่างตื่นเต้นโดยไม่สนใจว่าอาจารย์ก็ยืนอยู่หน้าห้อง

“นายทำได้ยังไงอะแต้ม” เพื่อนคนหนึ่งถาม แต้มพอจะรู้แล้วล่ะว่าคนในชั้นรู้จักชื่อเล่นเขาได้อย่างไร

“นั่นสิ เจ๋งอะ ดูคะแนนเราสิ ได้แค่สามคะแนนเอง”

“นักเรียนชื่นชมเพื่อนพอรึยังคะ” อาจารย์เป็นฝ่ายพูดเสียงเอง “ใครที่ได้คะแนนเยอะก็อย่าเหลิง ใครได้น้อยก็ตั้งใจเรียนหน่อยนะ” เสียงแหบๆของอาจารย์พูดเตือนสติ “ครูจะสอบแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นคะแนนเก็บ ยังจำได้มั้ยว่าคะแนนเก็บเท่าไหร่”

“70 ค่ะ/ครับ” นักเรียนในชั้นตอบ

“ช่ายยยย แบ่งเป็นสอบย่อยสามสิบ การบ้านสิบ คะแนนกลางภาคยี่สิบ และคะแนนเข้าเรียนอีกสิบ” อาจารย์เดินไปมาหน้าห้อง ท่าทางขึงขัง “ใครไม่อยากติดศูนย์วิชาครู ก็ตั้งใจเรียนเข้าไว้นะคะ”

“ครูพูดเหมือนง่ายเลย” ยิ่งใหญ่บ่น ใบคะแนนในมือสั่น

“นายควรตั้งใจเรียนเหมือนที่อาจารย์จิบอกนะ” แต้มพูดโดยไม่สนใจคนข้างๆ

“โหย เราโง่วิชานี้จะตาย” ยิ่งใหญ่ดูคะแนนอีกครั้ง ใครจะเชื่อว่าคนที่หน้าตาดูฉลาดอย่างเขาจะได้คะแนนแค่นี้ “แต้ม นายติววิชานี้ให้เราหน่อยสิ”

เติมเลิกคิ้ว “หุบปากแล้วตั้งใจเรียนก่อน”

“ไม่ จนกว่านายจะตกลง”

แต้มไม่ตอบ ใช้มือหยาบของตัวเองลูบหน้าของเพื่อนแทนการบอกให้เงียบ

“อี๋ มือเค็มปี๋เลย”

“เออ เมื่อกี้ไปฉี่มา ไม่ได้ล้าง”

“เชี่ยยยย จริงปะเนี่ย”

“นี่ อย่าพูดคำหยาบสิ ระวังโดนปรับนะ” กฎของโรงเรียนบอกไว้ชัดเจนว่า ห้ามนักเรียนพูดคำหยาบคาย มิเช่นนั้นจะถูกปรับคำละ 10 บาท ... ราคานี้ในปีพ.ศ. 2542 มันช่างแพงแสนแพงเสียนี่กระไร

“พูดกันสองคนไม่มีใครรู้หรอก”

“ไม่ เดี๋ยวติดเป็นนิสัย นายมีตังจ่ายค่าปรับ แต่เราไม่มี”

“เดี๋ยวเราออกให้”

“เงียบก่อน จะเรียน” แต้มบ่น น้ำเสียงดุดันขึ้น

“เออ นายอะชวนคุย” แต้มหันไปมองยิ่งใหญ่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ใครกันแน่ที่ชวนคุยฟระ!

“...” หมดคำจะพูด

“เรากำลังคุยเรื่องที่นายจะมาติวเราอยู่นี่นา นายอะมาเปลี่ยนเรื่องจนเราเขว”

“ถ้านายไม่หุบปาก เราจะไม่ติวให้นาย”

“...”

แต้มหันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างช้าๆ รู้สึกพลาดอย่างที่สุด ยิ่งใหญ่เขียนลงบนกระดาษข้อสอบของตัวเอง

“เงียบละนะ อย่าลืมติวให้ด้วย”

แต้มอยากจะตะโกนลั่นห้อง แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้ขำ ไม่รู้ว่าเพราะความเจ้าเล่ห์ของยิ่งใหญ่ หรือคะแนนที่โชว์บนกระดาษข้อสอบนั้น

2/10 คะแนน



***********************************************************************



               ต้องตากำลังงุงงงกับสิ่งที่ตัวเองได้พบเจอ เธอหยิกแขนตัวเองเบาๆเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝัน ซองขาวในมือของเธอสั่นระริก ทุกอย่างมาเร็วจนตั้งตัวไม่ติด เธอทำงานนี้มาไม่นานก็จริง แต่มันก็เป็นงานที่เธอรัก แต่วันนี้ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปเสียหมด หญิงสาวตั้งสติ มองซองสีขาวที่เพิ่งได้รับจากฝ่ายบุคคลด้วยสายตาที่แน่วแน่ก่อนกำมือแน่นจนซองนั้นเปลี่ยนสภาพ

“ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ” ต้องตาคิดในใจ ถ้าตะโกนออกมาได้เธอก็คงตะโกนไปแล้ว เดือนกรกฎาคมที่ฝนตกไม่ขาดสายแบบนี้ไม่ได้ทำให้จิตใจสงบลงได้เลยแม้แต่น้อย เธอกร่นด่าทุกสรรพสิ่งในใจ ก่อนที่จะหยุดเดินและเคาะห้องที่คุ้นเคย

“เข้ามา” เสียงตอบรับดังมาจากด้านใน

“คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคะคุณยอด” ต้องตาวางซองขาวยับยู่ยี่ลงกับโต๊ะ ยอดเยี่ยมไม่ได้หยิบมันมาดูด้วยซ้ำ มีแต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นแทน

“ใจเย็นๆนะครับคุณตา นั่งลงคุยกันก่อน” ต้องตานั่งตามคำเชิญด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด

“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ต้องตาเจาะเข้าประเด็น

“ทำไมผมจะทำไม่ได้” ยอดเยี่ยมเอ่ยปาก “เรื่องนี้ผมเอาเข้าที่ประชุมผู้บริหารและทุกคนเห็นชอบแล้ว”

“แต่คุณไม่ได้ถามความสมัครใจของชั้นเลยนะคะ” ต้องตาเถียง

ยอดเยี่ยมไม่ตอบ หยิบหนังสือสัญญาเข้าทำงานของต้องตาขึ้นมา “อ่านตรงนี้ดูสิครับ”

“...ข้าพเจ้ายินดีปรับเปลี่ยน/โยกย้ายตำแหน่งตามที่ทางบริษัทเห็นว่าเหมาะสม...” ต้องตาหน้าเจื่อน “คุณ...”

“ทีนี้ คุณจะใจเย็นๆและคุยกันได้หรือยัง”

ต้องตาใช้ความเงียบตอบคำถาม ทั้งสองเงียบอยู่สักพัก และสุดท้ายก็เป็นฝ่ายหญิงสาวเองที่ทนไม่ได้

“ทำไมต้องเป็นดิชั้น”

“แทนตัวเองว่าตาดีกว่าครับ”

“คุณยอด” ต้องตาใช้โทนเสียงสูง

“โอเค” ยอดเยี่ยมยิ้มพลางหยิบซองขาวขึ้นมา “ผมอยากให้คุณมาเป็นเลขาส่วนตัวของผมแทนคนเก่าที่ลาคลอดไป”

“เหตุผลค่ะ ตาอยากรู้เหตุผลว่าทำไมต้องเป็นตา คนอื่นที่มีความสามารถเยอะแยะทำไมคุณยอดต้องเลือกตา”

“เพราะ” ยอดเยี่ยมทำสายตากรุ้มกริ่ม ต้องตาถลึงตาทำหน้ายักษ์ใส่ “เพราะผลงานของคุณในช่วงก่อนมันเข้าตาไงครับ”

“คะ” ต้องตาสงสัย

“ทั้งเรื่องการทำงาน เรื่องการสอนงาน การปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ของบริษัท เดือนที่ผ่านมานี้ถ้าไม่ได้คุณตาช่วยเหลือ ผมคงเหนื่อย” ยอดเยี่ยมพูดเป็นการเป็นงาน

“แต่ตา” หญิงสาวเสียงอ่อน “ตาไม่เคยเป็นเลขามาก่อน กลัวจะทำได้ไม่ดี”

“คุณเคยเป็นฟร้อนท์มาก่อนไหม”

“ไม่เคยค่ะ”

“ก่อนหน้านั้น ที่คุณเป็นแอร์ คุณเคยทำงานสายการบินมาก่อนไหม”

“เอ่อ..ไม่เคยค่ะ”

“นั่นสิ แล้วทำไมคุณจะต้องกลัวกับแค่การมาเป็นเลขาของผม”

ต้องตาเพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนคำถามต้อนจนตัวเองจนมุม

“คุณเป็นคนมีความสามารถครับ คุณตา ผมรับรองได้”

“แต่”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ถือว่าเป็นการโปรโมตกลางปีก็แล้วกัน”

ต้องตาไม่รู้จะเถียงอย่างไร เพราะผลตอบแทนต่างๆดีขึ้นจากตำแหน่งเดิมมากเอาการ

“ทีนี้... พร้อมจะเริ่มงานรึยังครับ”

“คะ” ต้องตาตั้งตัวไม่ติด

“อีกสามวันผมต้องบินไปเชียงราย ดูโครงการสร้างโรงแรมใหม่ คุณตาช่วยดูและสรุปมาให้ผมด้วย”

“สรุป” ต้องตางุงงง “สรุปอะไรบ้างคะ”

“ไฟลท์บิน ที่พัก รถรับส่ง สถานที่ประชุม เวลาไปดูไซต์ก่อสร้าง นัดประชุมกับเจ้าของที่ดิน อ้อ ทำเป็นกำหนดการมาได้เลยนะครับ รายละเอียดเบื้องต้นมีทำไว้แล้ว วางไว้ที่โต๊ะด้านนอก”

ยอดเยี่ยมยิ้มขันที่ได้เห็นหน้าตาของหญิงสาว เธอเดินออกไปก่อนกลับเข้ามาอีกครั้ง

“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ ไวดีจัง”

“ไม่ตลกนะคะคุณยอด ทุกอย่างมันเสร็จหมดแล้วต่างหาก” ต้องตาทำเสียงดุ

ยอดเยี่ยมยิ้ม “ใช่ครับ”

“คุณยอด” ต้องตาเสียงสูง และกำลังปรับอารมณ์ตัวเองอย่างมาก นี่เธอต้องมาเป็นเลขาของผู้ชายคนนี้จริงๆเหรอ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะยังไม่โตเอาเสียเลย มีอย่างที่ไหน มาแกล้งกันตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่ง

“คุณตามเรื่องนี้ต่อนะครับ อ้อ แล้ววันนี้มีประชุมนอกสถานที่ คุณเตรียมตัวให้พร้อมนะ เราจะออกไปในอีกครึ่งชั่วโมง”

ต้องตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่ชีวิตเธอต้องเจอกับอะไรอีกบ้างเนี่ย



จบตอน


***********************************************************************


สานส์จากไรต์ :
จบไปอีกตอนแล้วนะครับสำหรับเรื่องราวน่ารักๆของยิ่งใหญ่กับแต้ม
หากชื่นชอบผลงานเรื่องนี้ อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจกันได้นะครับ
ไรต์จะนำมาลงให้อ่านกันได้เรื่อยๆ

สำหรับผลงานอื่นๆของไรต์เอง สามารถติดตามได้ที่ Facebook นะครับ >> https://www.facebook.com/Begintillanend

ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับทุกคน ^_^

***********************************************************************




ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
น่ารักทั้งคุณยอด และยิ่งใหญ่เลย ทำเอาต้องตากับแต้มไปไม่เป็นเลย 555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
รู้สึกตะหงิด ๆ ว่า  ยอดเยี่ยมกับยิ่งใหญ่  น่าจะเป็นพี่น้องกัน  จากข้อมูลที่ว่ายิ่งใหญ่มีพี่ชาย 2 คน  แต่สำหรับต้องตากับแต้ม ก็อาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้ แต่ก็ยังไร้ซึ่งข้อมูลสนับสนุนอยู่

รอตอนต่อ ๆ ไปดีกว่า

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
น่ารักทั้งคุณยอด และยิ่งใหญ่เลย ทำเอาต้องตากับแต้มไปไม่เป็นเลย 555

เจ้าเล่ห์ดุจสุนัขจิ้งจอก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด