พิมพ์หน้านี้ - Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:09:25

หัวข้อ: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:09:25
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

เรื่องราวความผูกพันของคนสองคนที่ถักถอสายใยอย่างช้าๆแต่มั่นคง
มันคงจะไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชาย!
คนหนึ่งก็ผู้ชายหน้าตาดีเบอร์หนึ่งของโรงเรียน
อีกคนก็ผู้ชายหน้าตาไม่ติดอันดับ ไม่มีใครพูดถึง

ยิ่งใหญ่...ชายหนุ่มที่เป็นที่หมายหมองของสาวๆทั้งโรงเรียน
ผู้ที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ ไปไหนมาไหนมีแต่คนรู้จัก
กลับมาถูกชะตากับผู้ชายที่สุดแสนจะธรรมดา
แต่งตัวมอซอและชอบทำตัวประหลาดไปเสียได้

แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ชิด ก็ยิ่งพบว่าเพื่อนสนิทที่ชื่อ แต้ม
กลับมีแรงดึงดูดมหาศาลจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียอย่างนั้น

จะไม่ให้หลงไหลได้อย่างไรล่ะ

ในเมื่อนายแต้มนั้นช่างซื่อบื้อ ติดดิน ขี้บ่นเป็นบางครั้ง ฐานะก็ยากจน
 แต่กลับเผื่อแผ่ความอบอุ่นมาให้คนข้างๆจนความเหงาหายไป


แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ยากจะสะกัดกั้น ก่อร่างสร้างตัวทีละน้อย...

(http://image.noelshack.com/fichiers/2018/01/3/1514969622-photogrid-1514967755983-ad.jpg)


       
ในชีวิตหนึ่งนั้น เราจะรักคนอื่นได้สักกี่คน...?

และจะแปลกไหม ถ้าคนๆหนึ่ง จะรักใครอีกคนได้เพียงแค่คนเดียว

ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ตาม

 

      ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสเรื่องราวของสองเพื่อนสนิท ที่รู้จักกันตั้งแต่เปิดเทอมใหม่

เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาที ทำให้รู้ว่าการมีอยู่ของใครคนหนึ่ง

กลายเป็นสิ่งเติมเต็มความอบอุ่นในใจของอีกฝ่ายช้าๆ


สารบัญ

ตอน 1-12 หน้า 1
ตอน 13-18 หน้า 2
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.30

ตอน 19 - 23 หน้า 3
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.60

ตอน 24 - 28 หน้า 4
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.90

ตอน 29 - 36 หน้า 5
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.120

ตอนที่ 37 - 44 หน้า 6
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.150


ตอนที่ 45 - 50 หน้า 7
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.180


ตอนที่ 51 - 53 หน้า 8
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.210


ตอนที่ 54 - 59 หน้า 9
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.240


ตอนที่ 60 (ตอนจบ) - หน้า 10
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.270



ผลงานของ Writer

1. สัญญาธนาการ (Eternity bondage) -
 จบแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52913.0)

2. อยากให้ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง... -
 จบแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54100.0)
 
3. Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.0)


4. One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ - จบแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0)

 
ติดตามเพจได้ที่

https://www.facebook.com/Begintillanend/



ตัวแสดง...

ยิ่งใหญ่ (ใหญ่)



(https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/48997533_2000590273321989_3379381299008503808_n.jpg?_nc_cat=106&_nc_eui2=AeFH4RedGvPB7X4i7eALWvydqSAU9uWy0KpO-PKeo8BvjnRwuu8VXUzphDe7cAXeCE00HvUFJRUyBxqZRL9UY7zt7q-SMqu9Cf-uqkZHdzD3JQ&_nc_ht=scontent.fbkk5-8.fna&oh=148d82cf6ee250fa6cb6c0fc89d0f60a&oe=5C8B3079)
 

วินาทีที่ยิ่งใหญ่เดินผ่าน ทุกคนต่างสะกดกลั้นลมหายใจเหมือนกับโลกหยุดหมุน ด้วยความสูงเกือบ 180 เซ็นติเมตรของเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง 17 ปี บวกกับใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับลูกครึ่ง ยิ่งสะกดสายตาของคนอื่นได้ไม่ยาก และยิ่งในสถานที่คับแคบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะกลายเป็นจุดเด่นไปโดยปริยาย...เสียงกระซิบกระซาบของนักเรียนหญิงดังขึ้น โดยที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจเลยสักนิด แท้ที่จริงแล้วเขาไม่เคยสนใจต่างหากว่าจะมีใครพูดอย่างไร การที่เขาหน้าตาน่าดึงดูดหรือมีรูปร่างที่สูงกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก มันเหมือนปมด้อยมากกว่าจะเป็นปมเด่น

 

 

กรฤต (แต้ม)

 (https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/48921977_2000594439988239_8983695750588268544_n.jpg?_nc_cat=111&_nc_eui2=AeFYkYo4mR6uUrrKghrnzr4xmMloy7NWh2YDZNEsaJ2Nvfg1XlWqRgLxrE7VNHvwLqrmAQMWhyib5Ci40W85PiSftw_F1sALOI6Acw7b0xIgEg&_nc_ht=scontent.fbkk5-3.fna&oh=119b1c0d83f3005d1d760ae1b7953e13&oe=5C910A44)


ยิ่งใหญ่มองใบหน้าที่ดูหยาบกร้านของคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความสงสัย ทำไมเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ถึงได้มีท่าทีเงียบขรึมเพียงนี้ สองมือใหญ่ที่ดูแห้งขาดการดูแล รอยลอกตามขอบเล็บทำให้เขารู้สึกเจ็บแทนเสื้อผ้าใหม่แต่ตัวหลวมโพรก บ่งบอกให้รู้ว่าซื้อมาเผื่อไซส์ ยิ่งใหญ่คิดว่าคนแบบนี้คงไม่ตัวโตพรวดพราดภายในเทอมนี้หรอก ขนตาของคนข้างๆงอนยาว มีจุดเล็กๆคล้ายไฝหรือกระก็ไม่รู้ได้อยู่ขอบล่างซ้ายของตาซ้ายทำให้ใบหน้ายิ่งดูแปลก ดวงตาที่ปรือตลอดเวลาราวกับง่วงงุนนั้นชวนให้เขาอยากนอนเสียตรงนี้ ริมฝีปากบางประกบเรียวพอๆกับขนมปังหนึ่งแผ่นเท่านั้น แต่ใบหน้านี้กลับสะกดใจเขาได้อย่างประหลาด...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:10:06
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************


 
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:11:08


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 1. เปิดเทอมวันแรก



               เสียงอื้ออึงดังไปทั่ว นักเรียนชั้นม.ปลายต่างทักทายกันยกใหญ่ กับศิษย์เก่าที่ได้สิทธิ์เรียนที่เดิมต่างทักทายกันด้วยคำพูดทะลึ่งตึงตังด้วยความสนิทสนม แต่อีกส่วนหนึ่งทำได้เพียงแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ พวกเขากำลังเข้าแถวลงทะเบียนในวันเปิดภาคเรียน นักเรียนร่วม 600 ชีวิตแออัดกันอยู่ที่ชั้นล่างของหอสมุดที่เป็นส่วนของโรงอาหารทำให้บรรยากาศดูเบียดเสียดไม่น้อย หลังจากเข้าแถวรับสมุดและชำระค่าเทอมก็ต้องขึ้นไปด้านบนที่เป็นส่วนของห้องประชุมต่อ เพื่อพบกับผู้ปกครองที่รออยู่แล้ว



วินาทีที่ยิ่งใหญ่เดินผ่าน ทุกคนต่างสะกดกลั้นลมหายใจเหมือนกับโลกหยุดหมุน ด้วยความสูงเกือบ 180 เซ็นติเมตรของเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง 17 ปี บวกกับใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับลูกครึ่ง ยิ่งสะกดสายตาของคนอื่นได้ไม่ยาก และยิ่งในสถานที่คับแคบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะกลายเป็นจุดเด่นไปโดยปริยาย...เสียงกระซิบกระซาบของนักเรียนหญิงดังขึ้น โดยที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจเลยสักนิด แท้ที่จริงแล้วเขาไม่เคยสนใจต่างหากว่าจะมีใครพูดอย่างไร การที่เขาหน้าตาน่าดึงดูดหรือมีรูปร่างที่สูงกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก มันเหมือนปมด้อยมากกว่าจะเป็นปมเด่น



สายตาคมกริบของเขากวาดไปโดยรอบ ภายในโรงอาหารคนแน่นแทบจะเดินเบียดเสียด มีแต่รอบๆตัวเขาเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าทุกคนพร้อมใจกันหลีกทางให้ราวกับเป็นบุคคลสำคัญ ยิ่งใหญ่เลือกนั่งที่โต๊ะหินอ่อนข้างโรงอาหาร ใช้เอกสารพัดด้วยความรู้สึกร้อนที่แสนหงุดหงิด กวาดสายตามองไปด้านนอก ถนนสายเล็กๆจากประตูทางเข้ามีนักเรียนหลายคนมาพร้อมกับผู้ปกครองไม่ขาดสาย วันเปิดเทอมวันแรกที่แสนร้อนและน่าเบื่อหน่าย เดือนพฤษภาคมไม่ใช่ฤดูฝนที่แท้จริง



เขาจ้องไปที่คนคู่หนึ่งอย่างไม่รู้ตัวว่านานแค่ไหน เด็กหนุ่มที่มาพร้อมกับหญิงสูงวัยท่าทางซอมซ่อ คะเนว่าเป็นแม่ลูกเดินเข้ามาช้าๆ ฝ่ายผู้เป็นแม่มีท่าทางไม่มั่นใจ เธอสวมเสื้อผ้าเก่าๆดูมอซอกว่าผ้าเช็ดโต๊ะที่บ้านเขาด้วยซ้ำ ผู้เป็นลูกกลับประคองเธอมาอย่างไม่อาย ผู้คนโดยรอบดูคล้ายจะเดินเลี่ยงแม่ลูกคู่นี้ สายตาบางคู่มองเหยียดราวกับว่าพวกเขามาผิดที่เสียอย่างนั้น เขาเคยเห็นเพื่อนหลายคนที่อับอายเวลาที่พ่อหรือแม่ของตัวเองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆและพยายามจะหลบเลี่ยงไม่บอกใครว่านี่คือพ่อหรือแม่ แต่กลับคนข้างหน้า กลับมีท่าทีตรงกันข้าม ยิ่งใหญ่มองคู่นี้เดินขึ้นบันไดจนลับตา ก่อนที่จะก้มดูเวลาว่าเขามองไปนานแค่ไหนแล้ว



***********************************************************************



ปัง!



เสียงวางหนังสือราวกับฟาดลงโต๊ะตัวที่ว่างไม่ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้ง ยิ่งใหญ่เลิกคิ้วมองราวกับว่าคนๆนี้หูหนวก สายตาของอีกฝ่ายมองมาช้าๆ



“ขอนั่งด้วยคนนะ พอดีที่อื่นเต็มหมดแล้ว” ยิ่งใหญ่พูด และนั่งลงอย่างไม่รอคำตอบ ในห้องเรียนรูปสี่เหลี่ยม โต๊ะนั่งถูกจัดให้อยู่เป็นคู่ๆ พวกเขาเป็นคู่ที่อยู่มุมท้ายสุดของห้อง ถึงแม้มันพอจะมีที่ว่างอยู่บ้างตรงด้านหน้า แต่ด้วยความที่เขาตัวสูง และไม่รู้อะไรดลใจ ยิ่งใหญ่กลับเลือกที่จะมานั่งตรงนี้เสียมากกว่า



“เราชื่อใหญ่นะ เพิ่งย้ายมา นายล่ะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไร กลายเป็นเขาที่ต้องออกปากเสียเอง



“ดี” คนข้างๆตอบสั้นๆ และไม่สนใจเขาอีก



ยิ่งใหญ่มองใบหน้าที่ดูหยาบกร้านของคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความสงสัย ทำไมเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ถึงได้มีท่าทีเงียบขรึมเพียงนี้ สองมือใหญ่ที่ดูแห้งขาดการดูแล รอยลอกตามขอบเล็บทำให้เขารู้สึกเจ็บแทน เสื้อผ้าใหม่แต่ตัวหลวมโพรก บ่งบอกให้รู้ว่าซื้อมาเผื่อไซส์ ยิ่งใหญ่คิดว่าคนแบบนี้คงไม่ตัวโตพรวดพราดภายในเทอมนี้หรอก ขนตาของคนข้างๆงอนยาว มีจุดเล็กๆคล้ายไฝหรือกระก็ไม่รู้ได้อยู่ขอบล่างซ้ายของตาซ้ายทำให้ใบหน้ายิ่งดูแปลก ดวงตาที่ปรือตลอดเวลาราวกับง่วงงุนนั้นชวนให้เขาอยากนอนเสียตรงนี้ ริมฝีปากบางประกบเรียวพอๆกับขนมปังหนึ่งแผ่นเท่านั้น แต่ใบหน้านี้กลับสะกดใจเขาได้อย่างประหลาด...



เขาสะกิดเก้าอี้ “เห้ย เราคุยกับนายอยู่นะ”



ใบหน้าของคนข้างๆไม่ได้บอกอารมณ์ใดๆ ยิ่งใหญ่ต้องพูดซ้ำ และมันยิ่งทำให้เขาหัวเสีย



“นายอย่าคุยกับเราดีกว่า” เสียงนั้นดูแข็งกระด้าง แต่ฟังแล้วเหมือนกับน้อยใจมากกว่าจะหาเรื่อง



“...” ยิ่งใหญ่งุนงง ไปไม่เป็นกับคำพูดนี้ ทั้งโรงเรียนมีแต่คนอยากคุยกับเขา แต่คนข้างๆกลับเมินเฉยราวกับเขาไร้ตัวตน เมื่อได้รับการตอบกลับที่แสนจะเย็นชา ยิ่งใหญ่เลยนั่งเฉยๆ ไม่ได้ทักอะไรอีกต่อไป...



พอเสียงออดพักเที่ยงดังขึ้น คนๆนี้ก็วิ่งออกห้องไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งใหญ่เดินตามมาดูที่ระเบียง ห้อง ม.4/8 อยู่ตรงมุมของตึกทางทิศเหนือ สามารถมองเห็นสนามฟุตบอลได้ชัดเจน และตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ คือโรงอาหารที่ตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้ปกครองที่กำลังทะยอยเดินลงมาจากห้องประชุม ยิ่งใหญ่เห็นเพื่อนข้างโต๊ะของเขาวิ่งไปและรอใครสักคนที่จุดนั้น



“อย่างน้อยนายก็ไม่ได้เย็นชานี่นา” ยิ่งใหญ่ถือวิสาสะหยิบสมุดที่โต๊ะว่างข้างๆมา เขาดูที่ปก ลายมือสวยราวกับกำลังคัดไทย เขียนไว้ว่า ‘นายกรฤต สืบใจ’



***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:13:28


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 2. คนประหลาด



“ใหญ่ นายย้ายไปนั่งข้างๆเราก็ได้นะ อยู่ตรงกลางๆหน่อย ไม่มีใครบ่นหรอกถ้านายจะบังนิดๆหน่อย” เพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นนั่งโต๊ะข้างๆโดยไม่มีใครออกปากชวน กำลังเชื้อเชิญให้เขาย้ายที่ “นั่งตรงนี้ไม่อึดอัดเหรอ นายกอระกิดนี่มันคนประหลาดชัดๆ พักเที่ยงก็ไม่ยอมไปกินข้าวกับใคร ตอนเรียนถ้าอาจารย์ไม่เรียกก็ไม่พูด อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เค้าไม่คุยกับนายเลยไม่ใช่เหรอ”



ถ้าคนไม่สังเกตเขาขนาดนี้ จะไม่มีทางรู้ว่าคนข้างๆไม่คุยกับเขาเลยจริงๆ เธอกำลังทำให้เขาเบื่อหน่าย บางทีการอยู่เงียบๆแบบนี้มันทำให้เขาสบายใจกว่าตอนนี้ก็ได้ “กอ ระ ริด”



“หืม นายว่าไงนะ”



“คนข้างๆเราเนี่ย ชื่อ กอ ระ ริด”



“โอ๊ย จะชื่ออะไรก็ช่างเถอะ เราเห็นนะว่าเค้าไม่ได้สนใจนายเลย แม้กระทั่งคนอื่นๆยังรู้ ว่าคนๆนี้ไม่น่าคบ” ผู้หญิงคนนี้ทำตัวน่ารำคาญ “นายจะไปไหน” เธอถามเมื่อเห็นว่าอยู่ๆเขาก็ลุกออกไป



“ไปเข้าห้องน้ำ” บางทีการมาห้องน้ำตอนพักเที่ยง อาจทำให้เขาสบายหูกว่าอยู่ตรงนั้นก็ได้



“นายมาทำอะไรตรงนี้” ยิ่งใหญ่ถาม “กินข้าวเสร็จแล้วเหรอ” อีกฝ่ายยังคงปิดปากนิ่ง ห้องน้ำของโรงเรียนมีอยู่สามสี่ที่ แต่มุมนี้เป็นจุดที่อาจารย์เดินมาตรวจน้อยที่สุด ยิ่งใหญ่ไม่รอคำตอบ เขาควักบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ



“ไปสูบที่อื่น”



“นายว่าไงนะ”ถึงแม้เสียงนั้นจะเบาบาง แต่เขาก็ได้ยินแล้ว แต่การถามย้ำ เพราะเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะต่อบทสนทนาอีกหรือเปล่า



ไม่มีการตอบกลับใดๆจากคนๆนั้น ก่อนที่เขาจะออกจากห้องน้ำไป ยิ่งใหญ่ดับบุหรี่ ใช้น้ำหอมพ่นตามตัว ก่อนตามออกไป



“เฮ้ กรฤต” อีกฝ่ายหยุดนิ่ง ตั้งแต่วันเปิดเทอมจนถึงตอนนี้ เขายังไม่รู้จักชื่อเล่นของอีกคนเลยจริงๆ



“นายตามฉันมาทำไม”



“เอ่อ คือ...” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรีบตามออกมา



กรฤตหันกลับและเดินออกไป “อย่าเพิ่งไป” ยิ่งใหญ่คว้าแขน จังหวะนั้นเองเขาถึงได้รู้ว่าเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่ใช่คนผอมบางขี้โรค แต่เป็นคนที่ทำงานหนักจนกล้ามเนื้ออัดแน่น



“นายมีอะไร”



“เอ่อ...” ยิ่งใหญ่หาเหตุผลร้อยแปดเพื่อตอบการกระทำของตัวเอง มือของเขาโดนแกะออก สายตาดุนั้นจับจ้องอย่างคาดคั้น “นายกิน...เอ่อ ผู้หญิงที่มากับนายตอนวันลงทะเบียนน่ะ แม่เหรอ” ยิ่งใหญ่อยากจะทุบหัวตัวเอง ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปถามถึงผู้หญิงคนนั้น สายตาของอีกฝ่ายหลุบต่ำ ก่อนพลิกกลับมาจ้องเขม็ง



“ทำไม เป็นแม่ของชั้นแล้วนายจะทำไม” น้ำเสียงที่หาเรื่อง และดวงตาที่เจ็บปวดทำให้ยิ่งใหญ่รู้สึกแย่ ผู้หญิงคนนั้นและผู้ชายคนนี้คงถูกดูถูกมานักต่อนัก โดยเฉพาะที่นี่ โรงเรียนประจำจังหวัดที่ค่าเทอมแสนแพง มีแต่ลูกหลานของคนมีอันจะกินเท่านั้นที่จะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ลำบาก



“เฮ้ เราไม่ได้จะดูถูกนายนะ” ยิ่งใหญ่ระมัดระวังมากขึ้นในเรื่องคำพูด สายตาฝั่งตรงข้ามยังไม่หยุดจ้องแบบจะกินเลือดกินเนื้อ



“เราบังเอิญเห็นนายกับแม่นายเดินเข้ามา” ยิ่งใหญ่ยิ้ม เขาคิดว่ามันจำเป็นแม้กระทั่งยามนี้ ถึงแม้มันจะช่วยแก้ไขสถานะการณ์ได้ไม่มาก แต่เขากำลังฉีกยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุด “เราประทับใจมาก ที่เห็นนายดูแลแม่อย่างดี ไม่มีท่าทีอับอายเลย”



               เป็นปกติของวัยรุ่นทั่วไปอยู่แล้ว ที่จะปกปิดว่าพ่อแม่ของตนคือใคร ชื่ออะไร แต่งตัวยังไง เพราะการล้อชื่อ หรือดูถูกเหยียดหยาม ไม่ใช่เรื่องใหม่ภายในรั้วโรงเรียน เด็กๆหลายคนจึงแสดงออกอย่างง่ายดายว่าไม่ต้องการผู้ใหญ่มาเดินข้างๆเหมือนตัวเองเป็นลูกแหง่ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ยิ่งหนักกว่าเด็กผู้หญิงหลายเท่า



“อายทำไม ก็นั่นแม่เรา” อีกฝ่ายตอบเรียบๆ แต่มันเป็นคำตอบที่กินใจอย่างที่สุดสำหรับยิ่งใหญ่



“นายมาทำอะไรตรงนี้ ตอนพักเที่ยง ไม่ไปกินข้าวเหรอ” ยิ่งใหญ่เปลี่ยนเรื่อง เขามองคนตรงหน้าที่สวมเสื้อผ้าตัวหลวม ปกปิดความแข็งแรงตามวัยไปเสียหมด



อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร และมีท่าทีจะเดินจากไป



“แต้ม”



“หืม”



“เราชื่อแต้ม” ว่าแล้ว แต้มก็เดินจากไป



ยิ่งใหญ่มองแผ่นหลังนั้น “นายนี่ประหลาดเหมือนคนอื่นว่าจริงๆนะ” เขายิ้มกับตัวเองก่อนที่จะกลับเข้าไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ



***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:14:35


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 3. ปกป้อง



อาทิตย์หนึ่งผ่านไปไวราวกับโกหก ยิ่งใหญ่ไม่ได้ย้ายไปนั่งที่อื่น เขาพอใจที่จะนั่งตรงนี้กับคนประหลาดชื่อแต้ม ช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต้มพูดกับเขามากขึ้น แต่ก็ไม่มากพอเหมือนที่เขาส่งคำถามไป



คำถามที่ยังรอคำตอบอยู่ ก็อย่างเช่น นายมาจากอำเภอไหน นายจบจากที่ไหน ทำไมนายเลือกเรียนสายนี้ และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ แม้แต่คนถามยังแปลกใจตัวเองเลยว่า ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนน่ารำคาญได้ขนาดนี้



               อีกแค่สิบนาทีก็จะเริ่มคาบบ่ายที่แสนจะง่วงนอน ยิ่งใหญ่เห็นแต้มนอนนิ่งๆอยู่ที่โต๊ะ ก่อนที่กลุ่มคนจะเข้าไปหา ท่าทางโกรธขึ้งและมีเสียงดัง แต้มมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด



“มีอะไรกัน” ยิ่งใหญ่รีบเดินเข้าไปยังกลุ่มคนที่ล้อมโต๊ะเรียนเขาไว้



“มือถือเราหาย เราสงสัยว่าแต้มเอาไป” คนในกลุ่มนั้นตอบ



“เห้ย นายมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาว่าเค้าทำ” ยิ่งใหญ่โกรธจัด



แต้มได้แต่นิ่งและตอบว่าเขาไม่ได้เอาไป แต่ดูเหมือนไม่มีใครใส่ใจคำตอบนั้น



“เราวางไว้ที่โต๊ะตอนพักเที่ยง พอกลับมามันก็หายไป ทั้งห้องมีแต่นายกอระกิดคนเดียวที่ไม่ออกไปไหน ถ้าไม่ใช่เค้า แล้วจะเป็นใคร” เจ้าของมือถือเสียงสั่นเครือ มีท่าทางเสียใจมากกว่าจะโกรธเกรี้ยว มือถือเครื่องหนึ่งตั้งหลายหมื่น ถ้าพ่อรู้เขาคงโดนด่าไม่น้อยแน่ๆ



“นายหาดีรึยัง” ยิ่งใหญ่ถาม กลุ่มคนสามสี่คนตรงหน้าพยักหน้าตรงกัน



“แต้ม” ยิ่งใหญ่หันมาเผชิญหน้า แต้มจ้องตาเขาอย่างหนักแน่น ราวกับรู้ในคำตอบ ยิ่งใหญ่เชื่อใจคนข้างหน้าอย่างหาเหตุผลรองรับไม่ได้ “ให้เขาค้นโต๊ะนายได้มั้ย เพื่อพิสูจน์” ยิ่งใหญ่ใช้น้ำเสียงขอร้อง แต้มยืนนิ่งไม่นานก็ถอยออกเสียงลากเก้าอี้ครืดพื้นห้องดังสนั่น



เจ้าของมือถือค้นโต๊ะและกระเป๋าของแต้มอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปสองรอบหน้าเขาก็ซีดเผือดยิ่งขึ้น



“ไม่มี”



“เราไม่ได้เอาไป” แต้มพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าทุกครั้ง ก่อนที่จะนั่งลงไปและไม่สนใจคนอื่นๆอีก



“นักเรียน นั่งโต๊ะค่ะ คุณครูจะมาแล้ว” เสียงหัวหน้าชั้นพูดขึ้น เพื่อนร่วมชั้นกรูไปนั่งโต๊ะอย่างรีบร้อน “อ่อ อาร์ท นายลืมมือถือไว้ที่โต๊ะปะ เรากลัวหายเลยเก็บไว้ให้” หัวหน้าห้องยื่นมือถือให้คนชื่ออาร์ท ที่ตอนนี้ใบหน้ากำลังดีใจสุดขีด



ทั้งสี่คนกำลังเดินไป



“เดี๋ยว” เสียงหนึ่งทัก “นายจะไม่ขอโทษเพื่อนหน่อยเหรอ”



แต้มหันไปมองคนข้างๆ เขาไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ ชีวิตของเขาต้องการแค่ความเงียบและความสงบ “ไม่เป็นไรหรอก”



“ไม่เป็นไรได้ไง พวกนั้นกล่าวหานายนะ” ยิ่งใหญ่เน้นคำว่า “กล่าวหา” ราวกับว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย



“ไม่เป็นไรน่า” แต้มยืนกราน ก่อนที่ทั้งสี่คนจะก้าวขา



“เห้ย” ยิ่งใหญ่คว้าแขนอาร์ทไว้ อีกฝ่ายที่กำลังดีใจที่ได้มือถือคืนสะดุ้งจนมันเกือบจะร่วงลงพื้น



“ก็กอระกิดบอกว่าไม่เป็นไรไง นายจะเดือดร้อนทำไม” หนึ่งในสี่พูดขึ้น



“ใช่ๆ” สองสามคนที่เหลือตอบรับ “เรื่องแค่นี้เอง”



สิ้นคำพูดนั้น ยิ่งใหญ่เหมือนคนสติหลุด เขาเหวี่ยงตัวอาร์ทจนล้มลงกับพื้นดังโครม



จังหวะเดียวกับที่ครูเข้ามาในห้องพอดี....



***********************************************************************



               กว่าที่พวกเขาจะออกมาจากห้องปกครองก็เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว โชคยังดีที่อาจารย์ฝ่ายปกครองรับฟังเรื่องราวอย่างดีและไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาร์ทต้องขอโทษแต้มและโดนริบมือถือหนึ่งเดือนเต็ม ส่วนยิ่งใหญ่ โดนตักเตือนด้วยวาจา และต้องทำงานสาธารณะประโยชน์ให้โรงเรียน 18 ชั่วโมง



ส่วนแต้ม ไม่ถูกลงโทษอะไรทั้งนั้น



“บ้าชิบ” อาร์ทบ่น “เพราะนายคนเดียว” เขาโบ้ยความผิดมาที่ยิ่งใหญ่



“เชี่ยอะไรของมึง” อาร์ทตกตะลึง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเรียกเขาแบบนี้ ถึงแม้จะเปิดเทอมมาครึ่งเดือนแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นนี้ อีกอย่าง ด้วยใบหน้าท่าทางราวกับราชนิกูลของยิ่งใหญ่ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่จะหลุดพูดคำไม่ดีออกมา



“ใจเย็นๆน่าใหญ่” เสียงหนึ่งพูดเรียบๆ ก่อนเดินจากไป อาร์ทมองยิ่งใหญ่ที่ลดความบ้าคลั่งลง และเดินตามไปอย่างเงียบๆด้วยความสงสัย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทำท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แค่ประโยคสั้นๆประโยคเดียว ทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ได้เชียวหรือ



 ‘กอระกิดมันมีอะไรดี ถึงได้ปราบนายยิ่งใหญ่อยู่หมัดขนาดนี้นะ’



 ***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:15:13


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 4. ความบังเอิญ



               กว่ายิ่งใหญ่จะเคลียร์การบ้านได้ก็เย็นมากแล้ว เขามองวิวที่ระเบียงหลังห้องพบว่าภายนอกเริ่มสลัว มีแสงไฟลิบๆเล็ดลอดมา พร้อมๆกับเสียงท้องที่ร้องอย่างหนัก เขาลุกขึ้น บิดขี้เกียจและเปิดตู้เย็นออก ชีวิตเด็กหอที่ไม่ได้สนใจเรื่องอาหารการกินทำให้ตู้เย็นนั้นว่างเปล่า แม้กระทั่งมาม่าก็ไม่หลงเหลือ



               สุดท้ายความหิวก็ชนะความขี้เกียจ ยิ่งใหญ่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปหาของกินแถวไนท์บาซ่า ตอนนี้อากาศค่อนข้างร้อน ฝนไม่ตกเลยตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ตอนนี้ต้นเดือนมิถุนายน แต่ก็ยังอบอ้าว เขาได้แต่หวังว่าจะมีฝนตกลงมาบ้าง อย่างน้อยสักนิดก็ยังดี



               เขาจอดรถไว้ด้านข้าง ก่อนเดินทะลุเข้ามาในไนท์บาซ่าร์ที่ขายของพื้นเมืองหลากหลาย เสื้อม่อฮ่อม เครื่องเงินทำมือ แม้กระทั่งสบู่หลากสีวางเกลื่อน นักท่องเที่ยวไม่มากนักเพราะเป็นวันธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ที่กำลังต่อรองสินค้าอย่างเอาเป็นเอาตาย



หลังกินเสร็จ เขาเดินเล่นฆ่าเวลาเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหน เชียงรายไนท์บาซ่าอยู่ติดกับสถานีขนส่ง ที่ตอนนี้ต่างก็ปิดเงียบเพราะหมดเวลาวิ่ง รถเมล์เก่าจอดนิ่งราวกับเศษเหล็ก เขานึกแปลกใจเสียเหลือเกินว่าทำไมมันยังวิ่งได้ แต่แปลกใจยิ่งกว่าว่าทำไมชาวบ้านถึงได้ยอมเสี่ยงชีวิตนั่งเจ้าเศษเหล็กนั้นไปจนถึงที่หมาย



พอคิดว่าจะควรจะกลับห้อง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ยิ่งใหญ่เดินไปเรื่อยๆ เมื่อผ่านชานชาลาไปสักหน่อย จะมีศาลาที่คล้ายเพิงหมาแหงน สำหรับผู้โดยสารรอรถสาธารณะระยะไม่ไกลมาก ลักษณะดูไม่น่าพิศมัยเพราะมีแค่เสาไม้สี่ต้น มุงด้วยสังกะสี และมีไม้พาดระหว่างเสาสามด้านใช้เป็นที่นั่งอย่างหยาบๆระหว่างรอรถโดยสารที่ทำมาจากรถกระบะ มุงหลังคา และวางเก้าอี้ไม้พาดสองฝั่ง ทาสีแดงและปล่อยให้มันกรุกร่อนไปตามกาลเวลา ใช่...มันเหมือนรถแดงเชียงใหม่ไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ของที่นี่ จะเป็นรถโดยสารสาธารณะที่เอาไว้วิ่งต่างอำเภอ ยิ่งใหญ่สะดุ้งเงาตะคุ่มในศาลานั้น ก่อนจะพบว่าเป็นมนุษย์



เขาเดินอ้อม แต่กลับสะดุดตากับคนๆหนึ่งในศาลานั้นแทน



“แต้ม” ยิ่งใหญ่ทัก อีกฝ่ายหันมามองด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา “ทำไมนายยังไม่กลับบ้าน”



“เรามาไม่ทันรถรอบสุดท้าย” อีกฝ่ายตอบง่ายๆ



“แล้วทำไมนายไม่ให้คนที่บ้านมารับล่ะ”



แต้มไม่ตอบ ยิ่งใหญ่นั่งลงข้างๆ ก่อนคิดย้อนไปว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ให้แต้มต้องช้า



“เพราะโดนเข้าห้องปกครองวันนี้เหรอ นายเลยไม่ทันรถ” แต้มไม่ตอบ



มันเป็นการยอมรับอย่างเงียบๆ.... จนยิ่งใหญ่สำนึกผิดเสียเอง



“แต่ นายก็โทรศัพท์ให้คนที่บ้านมารับได้ไม่ใช่เหรอ”



อีกฝ่ายนิ่งเงียบ



“แล้วนายกินอะไรยัง”



ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก....



“แล้วนายจะกลับยังไง”



ไม่ว่าจะยิงไปกี่คำถาม คนประหลาดก็ไม่ปริปาก ราวกับว่ากำลังพะวงเรื่องอื่นจนไม่สนใจคำถามเหล่านั้น



“แต้ม!” ยิ่งใหญ่เสียงดังขึ้น จนอีกฝ่ายหันมาสบตา “บ้านนายอยู่ไหน”



แต้มไม่หลบตา อย่างน้อยความมืดก็ช่วยซ่อนความรู้สึกไปเยอะ “ทำไมเหรอ?”



“เราไปส่งนายที่บ้านเอง”



ไม่ต้องร้องขอ ไม่ต้องเอ่ยปาก ไม่ต้องตอบคำถาม แต่น่าแปลกใจที่ยิ่งใหญ่เหมือนจะอ่านออกว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร



“ไม่ใช่ความผิดนายหรอก นายไม่ต้องรู้สึกแย่ก็ได้ เราโอเค”



นี่เป็นประโยคแรกที่ยาวที่สุดที่แต้มพูดกับเขา....

“เห้ย ให้เราไปส่งได้ นายคงไม่คิดว่ารถมันจะวนกลับมารับนายหรอกนะ นี่ก็จะสองทุ่มแล้ว”



“สองทุ่มแล้วเหรอ” แต้มรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ภายในสมองกำลังวิเคราะห์ทางเลือกอย่างหนักหน่วง



“เออ เอางี้มั้ย นายนอนที่ห้องกับเราก็ได้ แล้วค่อยโทรไปบอกที่บ้านว่าวันนี้นอนค้างกับเพื่อน”



“รถนายจอดที่ไหน เดี๋ยวเราบอกทางให้เอง”



ยิ่งใหญ่รู้สึกว่าแต้มตอบโดยไม่ทันใช้ความคิดเลยสักนิด...



***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:15:42


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 5. ทางกลับบ้าน





               ในช่วงแรกของทางกลับบ้าน ไม่มีใครพูดจาใดๆกันทั้งสิ้น ยิ่งใหญยืนยันจะขับเอง ถึงแม้ว่าแต้มจะบอกว่าสามารถขับได้และรู้ทางดีกว่าเจ้าของรถ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะยิ่งใหญ่ดื้อดึงเกินกว่าจะทัดทาน



               ระยะห่างจากตัวเมืองไปที่บ้านของแต้มนั้นราวสามสิบกิโลเมตร สองข้างทางมืดสนิทถึงแม้จะไม่ใช่หน้าหนาว ลมเย็นปะทะเป็นระลอก เสียงฟ้าครืนๆแต่ไกลจากทางทิศเหนือ แต้มบอกตัวเองว่าโชคดีที่บ้านของเขาไปทางทิศตะวันออก



“ปกตินายขึ้นรถโดยสารไปโรงเรียนทุกวันเหรอ” ยิ่งใหญ่ตะโกนแข่งกับเสียงลม มือทั้งสองจับแฮนด์รถอย่างแน่นหนา แม้จะตะเบ็งไปแล้ว แต่เสียงนั้นเบาหวิวจนแต้มต้องเอาหน้ามาแนบใกล้ๆ



“นายว่าอะไรนะ” เป็นครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่เห็นว่าแต้มก็พูดเสียงดังได้ ใบหน้าด้านข้างของยิ่งใหญ่ร้อนผ่าว เสียงลมหวีดหวิวไม่ช่วยให้ความร้อนนี้เจือจางไป กลิ่นดินชื้นแตะปลายจมูก รู้สึกสดชื่นราวกับเพิ่งอาบน้ำ



“เราถามนายว่า นายขึ้นรถโดยสารไปโรงเรียนทุกวันเหรอ”



แต้มส่ายหน้าด้วยความเคยชิน แต่ต้องกลับมาตอบคำถาม เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองซ้อนรถมอเตอร์ไซค์อยู่ “เปล่า ปกติขึ้นรถตู้”



ยิ่งใหญ่เข้าใจในทันที เพื่อนนักเรียนในเขตรอบนอกส่วนใหญ่จะเดินทางมาโรงเรียนโดยรถตู้เก่าๆที่ดัดแปลงที่นั่งคล้ายๆกับรถแดง รับนักเรียนหลายๆโรงเรียนที่อาศัยอยู่ละแวกเดียวกันในตอนเช้า และรับมาส่งหน้าบ้านในตอนเย็น ปกติโรงเรียนเลิก 16.30 น. รถจะมารับประมาณ 17.00 น.เพื่อไปรับที่อื่นต่อก่อนมุ่งตรงกลับบ้าน หากวันไหนไม่ทัน เด็กนักเรียนจะต้องมาที่สถานีขนส่งเพื่อนั่งรถเที่ยวสุดท้าย แต่วันนี้...แต้มดันมาช้าเพราะติดพันเรื่องที่โดนเข้าห้องปกครอง ยิ่งคิด ยิ่งใหญ่ก็รู้สึกแย่ที่ตัวเองใจร้อน



เสียงลมหวีดหวิวมาแต่ไกล ยิ่งใหญ่เร่งเครื่องขับตามทางมืดๆมาเกือบชั่วโมงแล้ว หากเวลากลางวัน ไม่เกินสี่สิบห้านาทีก็ถึง แต่ตอนนี้ชั่วโมงหนึ่งผ่านไป และกว่าจะถึงบ้าน ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก



***********************************************************************



สามทุ่ม.... ต้องตาเพิ่งตอกบัตรออกจากงาน ช่วงนี้ต้องทำโอทีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวก็ตาม กรุงเทพยามค่ำคืนไม่เคยหลับ แต่เธอรู้สึกง่วงงันจนตาจะปิดเสียแล้ว งานโรงแรมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถ ตั้งแต่เรียนจบมาเธอเปลี่ยนมาแล้วหลายงาน ส่วนใหญ่จะมาจากเรื่องชู้สาว เพราะความสละสวยเป็นพิษแท้ๆ ทำให้เธอรู้สึกลำบาก



“กลับละเหรอตา เดินทางดีๆล่ะ”



“ขอบคุณค่ะพี่จ๋า เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” ต้องตาตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ถึงแม้งานโรงแรมยังหนีไม่พ้นเรื่องคนมาจีบ แต่การที่เธออยู่แผนกต้อนรับทำให้เบาใจว่าอย่างน้อยก็ไม่มีใครลอบมาหา



“กลับรถบริษัทมั้ย หรือว่าจะกลับเอง”



“กลับเองค่ะพี่ บ้านตาอยู่ใกล้ๆนี้เอง”



“ไม่ได้นะตา สมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน รถบริษัทก็มี อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง วันก่อนจำไม่ได้เหรอว่าพนักงานของเราโดนคนโรคจิตลวนลาม...” ต้องตาฟังพี่จ๋าร่าย เธอจำเหตุการณ์นี้ได้ดี เพื่อนรุ่นน้องโดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จับบั้นท้าย และวิ่งหนีไป จนป่านนี้ก็ยังจับตัวไม่ได้



“ขอบคุณค่ะพี่จ๋า ตาจะระวังตัว”



               ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของพี่จ๋าเมื่อครู่ หรือเพราะใกล้ตัวเจอเรื่องแบบนี้ ต้องตารู้สึกราวกับว่ามีคนตามเธอออกมาตั้งแต่ห้องตอกบัตร



“ไม่มีใครนี่นา” ต้องตาถอนหายใจ ย่ำฝีเท้าเดินออกมาจากด้านหลังโรงแรมอย่างระแวง ตึกสูงของโรงแรมบังทางเดินเข้าออก จนทำให้รู้สึกว่าไฟแถวนี้ไม่ค่อยสว่างสักเท่าไหร่ ต้องตาก้าวเท้ายาวๆ ก่อนที่จะหยุดเพราะรู้สึกว่ามีใครสักคนตามมา พอหยุดเดิน ก็มีคนชนเธอโครมใหญ่ หญิงสาวหวีดร้องด้วยความตระหนก ยกกระเป๋าถือขึ้นมาฟาดคนที่มาชนเธอไม่ยั้ง เสียงเอะอะดังลั่นจนพนักงานคนอื่นๆออกมาดู



“ต้องตา เป็นอะไร” ต้องตาโผไปหาพี่จ๋าที่เดินมาพร้อมกับคนอื่นๆ



“นายคนนี้ค่ะ เค้ามาทำลับๆล่อๆอะไรไม่รู้แถวนี้”



“ไหน นายคนไหน”



“คนนี้ไงคะ” ต้องตาชี้ไปทางผู้ชายที่ยืนนิ่งตั้งแต่โดนเธอใช้กระเป๋าฟาด เพื่อนร่วมงานคนอื่นส่งเสียงฮือฮาราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด จนเธอต้องหันมา



“คุณยอด!” ต้องตาอุทานเสียงหลง ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะตอบสั้นๆว่า “ครับ ผมเอง”



               คืนนั้นต้องตาต้องขอโทษคุณยอดเยี่ยมเสียยกใหญ่ที่เธอเข้าใจผิด ชายหนุ่มไม่ติดใจเอาความ เพราะว่าเขาเองก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกันที่มาทำลับๆล่อๆหลังโรงแรมแบบนี้ ตั้งแต่เขาเข้ามาบริหารงาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินสำรวจในยามค่ำคืน และก็เป็นครั้งแรก ที่โดนผู้หญิงคนหนึ่งใช้กระเป๋าฟาดแบบไม่ยั้ง



 ***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2017 22:16:28


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 6. เข้าใจมากขึ้น





               ยิ่งใหญ่แทบจะขยี้ตาที่เห็นบ้านของแต้มเป็นครั้งแรก ถึงแม้บรรยากาศรายล้อมจะมืดมิด แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความทรุดโทรมของมันได้ เขาแทบไม่อยากจะเรียกมันว่าบ้านเสียด้วยซ้ำ เพราะมันเหมือนเพิงพักชั่วคราวมากกว่า



               สายฝนกระหน่ำทันทีที่พวกเขาเข้ามาด้านใน บ้านหลังนี้มีหลังคาเป็นพื้นปูนที่เทราดบนเสาเปล่าที่คาดว่าจะใช้เป็น “ชั้นสอง” ของบ้านเมื่อสร้างเสร็จ แต่สภาพตอนนี้มีแต่เสานับสิบที่ถูกฝังตั้งตระหง่านจากพื้น มีเพียงส่วนนี้เท่านั้นที่มีการก่อสร้างมาบ้าง แต่คงจะเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว เมื่อดูจากสภาพของเสาภายใน



“แคบหน่อยนะ” แต้มเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่คนฟังไม่อาจแน่ใจว่ามันคือความเกรงใจ ความอับอายหรือชอกช้ำในโชคชะตา



“เหย สบายมาก” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยรอยยิ้ม



“กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมกลับค่ำๆมืดๆขนาดนี้” เสียงผู้หญิงคนที่เขาเห็นในวันเปิดเทอมดังขึ้น ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้เมื่อเธอเดินออกมาจากด้านใน



“อ้าว พาเพื่อนมาด้วยเหรอ ตามสบายนะลูก นี่กินอะไรมารึยัง” น้ำเสียงนั้นดูเป็นห่วงอย่างจริงใจ ยิ่งใหญ่ระบายยิ้มเปื้อนทั่วหน้า ‘ลูก’ อย่างนั้นเหรอ..



อา... ช่างรู้สึกดีเสียจริง



“บ้านแม่คับแคบหน่อยนะ คืนนี้ฝนตกอย่าเพิ่งรีบกลับล่ะ ค้างที่นี่ก็ได้ ฝนห่าแรกซะด้วย จะหยุดรึเปล่ายังไม่รู้เลยคืนนี้”



“ขอบคุณครับแม่” ยิ่งใหญ่พูด แต้มไม่พูดอะไร มีแค่สีหน้าที่ดูไม่ออกเท่านั้นที่แสดงออกมา



“พาเพื่อนไปอาบน้ำสิ อย่าลืมพกร่มไปล่ะ” สิ้นคำแม่ แต้มก็รื้อเสื้อผ้าและหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากในห้องก่อนยื่นร่มสภาพดีคันหนึ่งมาให้



“ทางนี้ นายอาบก่อน” แต้มกางร่มของตัวเอง มันผุพังจนแทบจะใช้การไม่ได้



“นายเอาของเราไป” พูดเสร็จยิ่งใหญ่ก็คว้าร่มในมืออีกฝ่ายมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว “ไม่ต้องพูดอะไรหรอก เดี๋ยวเราก็อาบน้ำแล้ว ยังไงก็ต้องเปียกอยู่ดี” แต้มไม่พูด เพราะคิดว่าเถียงไปก็เท่านั้น เขาเดินเลาะตัวบ้านที่ปิดตัวไม้แบบหยาบๆมาทางห้องน้ำด้านหลัง สภาพของห้องน้ำดีกว่าตัวบ้านมากนัก แต่ก็มีอายุการใช้งานมาพอสมควร ไฟเปิดสว่างไม่น่ากลัว



“บ้านเราไม่มีน้ำอุ่นนะ อาบได้ใช่มั้ย”



“ไม่มีปัญหา” ยิ่งใหญ่วางของไว้ในห้องน้ำ



“ให้เรารอ...”



“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเสร็จแล้วเราเดินไปหาที่บ้านเอง” เขาไม่รอจนอีกฝ่ายพูดจบ เมื่อร่างนั้นออกจากห้องน้ำไป เขาก็ลงมืออาบน้ำทันที ฝนห่าแรก กับน้ำในถังน้ำขนาดใหญ่



ยิ่งใหญ่ขนลุกเกรียวกราวด้วยความเย็นจัดของมัน....



***********************************************************************



               เมื่อกลับเข้าบ้าน เขาก็เห็นที่นอนปูไว้ที่กลางห้องด้านนอก มีมุ้งมากางไว้อย่างดี บ้านของแต้มมีขนาดเท่ากับห้องนอนขนาดประมาณ 24-25 ตารางเมตร สองห้องต่อกันภายใต้พื้นซีเมนส์ที่ราดไว้ด้านบน เขาคิดว่าขนาดเท่านี้เพราะมันมีจำนวนแค่สองห้องพอดี ถัดจากที่นอนที่เพิ่งปูก็เป็นผนังไม้อัดที่ปิดไว้หยาบๆ ภายในมีอีกห้องหนึ่งที่เขาไม่เห็นว่ามีอะไรข้างในนั้นบ้าง เมื่อมาถึง แต้มก็วางวิทยุและหูฟังไว้ให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะไปอาบน้ำ



               เสียงครางอือๆดังออกมาจากห้องในจังหวะที่แต้มกลับมาถึง อาการรีบร้อนพุ่งตัวเข้าไปด้านในของเจ้าของบ้านทำให้ยิ่งใหญ่เกิดความอยากรู้ว่าเป็นเสียงอะไร เขาไม่ได้ฟังวิทยุ เพราะแม่ของแต้มบอกว่าให้ระวังฟ้าฝน เสียงที่เล็ดลอดมาเลยไม่หลุดพ้นจากโสตประสาทเขา



               แต้มหายไปครึ่งชั่วโมง ก่อนกลับออกมาอีกครั้ง ตอนนี้เกือบๆจะห้าทุ่มแล้ว ทั้งสองคนนอนอยู่บนฟูกขนาดสามเมตรสองผืนกลางบ้าน “เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้เสียงอะไรอะ” ยิ่งใหญ่ถามด้วยเสียงกระซิบ แต้มที่นอนหงายอยู่หันหน้ามาทางเขา นัยน์ตาสีดำทอประกายในความมืดราวกับมีแสงตกกระทบ



“เสียงพ่อเราเองแหละ” ได้ฟังคำตอบก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะเสียงนั้นมันดูทรมาน มากกว่าจะเป็นเสียงละเมอ



“ถ้านายไม่อยากเล่า ก็ไม่เป็นไร” ยิ่งใหญ่พูดดัก เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองอ่านใจคนข้างๆออก



แต้มนิ่งอยู่นาน เขาหันหน้าไปมองความมืดบนเพดาน ปล่อยให้เสียงลมหายใจของคนข้างๆราบเรียบสม่ำเสมอ ก่อนพูดว่า



“พ่อของเราเป็นผู้ป่วยติดเตียงน่ะ เวลาอากาศเย็นจัดๆหรือร้อนจัดๆอาการปวดตามตัวจะกำเริบ พวกเราต้องไปบีบนวด”



ยิ่งใหญ่ขยับตัว เขาไม่ได้หลับเหมือนที่แต้มคิด “นาย...” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นี้ เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะถามดีหรือไม่



“พ่อของเราเป็นผู้รับเหมาติดตั้งเพดานหรือไฟฟ้าตามบ้านน่ะ” แต้มเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด



“แต่พ่อประสบอุบัติเหตุและกลายเป็นอัมพาตมาได้ 11 ปีละ” นั่นหมายความว่ายิ่งใหญ่เพิ่งอายุได้แค่ 5 ขวบเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร ไม่รู้จะถามอะไร นอกจากแค่เอื้อมมือแตะบ่าของคนที่นอนข้างๆสองสามครั้งเบาๆ



“นอนเถอะ ขอโทษนะที่นายต้องมาเจออะไรแบบนี้”



หลังคำพูดนั้นเอง ยิ่งใหญ่ถึงได้รับรู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดูเจ็บปวดตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาพบเจอ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 26-12-2017 23:12:10
ท่าทางน่าสนุกค่ะ
ล้อกอินมาเม้นให้คุฯเลย

แต่งต่อนะคะ
จะตามเรื่อยๆเลยคร้า
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 27-12-2017 13:25:14


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 7. เสียงเพลงบนรถ



               ตอนเช้า รถมอเตอร์ไซค์ของยิ่งใหญ่ดับอนาถ สตาร์ทไม่ติด กว่าร้านซ่อมรถจะเปิดก็แปดโมงเช้า พวกเขาไม่มีเวลารอขนาดนั้น “สงสัยหัวเทียนบอด” แต้มใช้ไขควงงัดหัวเทียนออกมาเช็ดและเป่าก่อนใส่กลับเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว ยิ่งใหญ่มองทุกท่วงท่าอย่างน่าพิศวง คนๆนี้ทำให้เขาประหลาดใจได้เรื่อยๆเสียจริง



“มองอะไร ลองสตาร์ทสิ” ยิ่งใหญ่ดึงสติ หัวเทียนเมื่อครู่อยู่ในที่ของมันแล้ว เขาสตาร์ทมันอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ติด



“งั้นทิ้งไว้นี่แหละ ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวไปรถตู้กัน”



“หืม จะดีเหรอ” เขาหมายถึง จะมีที่นั่งพอสำหรับคนนอกเหรอ



“ที่นั่งเหลือ ไม่ต้องห่วง” ราวกับว่าไม่ได้มียิ่งใหญ่ฝ่ายเดียวที่เข้าใจอีกฝ่าย



               มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวผัด แม่ของแต้มตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปตลาดขณะที่ทั้งคู่เพิ่งงัวเงียตื่น ยิ่งใหญ่รู้สึกเมื่อยไปทั่วทั้งตัวเพราะไม่ชินกับที่นอนแบบนี้ แต้มเอาชุดนักเรียนของยิ่งใหญ่มาให้ เขารับมาอย่างประหลาดใจเพราะไม่รู้ว่ามันถูกซักตอนไหน



“เมื่อคืนแม่ซักให้น่ะ” ได้ฟังแล้วเขาแทบอยากจะกราบขอบคุณ “รีบกิน เดี๋ยวสาย”



               อาหารง่ายๆ รสชาติออกจะเค็มจนเลี่ยน แต่ยิ่งใหญ่กลับกินจนไม่เหลือข้าวสักเม็ด ก่อนออกจากบ้านแม่เดินมาพร้อมกับกล่องพลาสติก “ข้าวกลางวัน เอาไว้กินตอนเที่ยงนะ” ถึงตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมไม่เคยเห็นแต้มลงไปที่โรงอาหารเลยสักวัน



“ผมไปก่อนนะครับแม่ หวัดดีครับ ไม่ต้องเอาเงินให้ผมหรอก ผมไม่กินหนม” แต้มพูดเยอะกว่าที่คิดไว้มาก ยิ่งใหญ่ไหว้ลาและเดินตามออกไปหน้าปากซอย วันนี้ฝนปรอยๆ สองคนเดินเบียดในร่มคันใหญ่และรอรถตู้มารับ



หกโมงสามสิบเจ็ดนาที... พวกเขาก็ขึ้นรถ



               แว้บแรก... ทุกคนบนรถมองยิ่งใหญ่ด้วยความแปลกใจ ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น แต้มไม่ได้สังเกตเลยว่ายิ่งใหญ่เป็นคนหล่อจัด ผิวขาวไปทั่วอณูราวกับมีรังสีเปล่งประกาย คิ้วหนาเข้มกับแผงขนตาปกคลุมเปลือกตาสองชั้น นัยน์ตาของผู้ชายคนนี้ดูดุดัน แต่กลับรับกับจมูกโด่งได้รูป ปลายจมูกเหมือนเป็นลายหยดน้ำรับริมฝีปากกระจับ โหนกแก้มสูง แต่รับกับทรงหน้าเรียวยาว ถึงแม้สาวๆจะบอกว่าหน้าตาแบบนี้ไม่ใช่คนในสเป้ก ก็ยังต้องบอกว่ายิ่งใหญ่หน้าตาดี “นั่งตรงนี้” แต้มบอกหลังจากที่ดึงสติได้



               ที่นั่งประจำของแต้ม คือติดประตูรถฝั่งซ้ายมือ ม้านั่งไม้บุฟูกพลาสติกพาดยาวตั้งแต่ประตูไปจนสุดด้านหลัง เขาเปิดหน้าต่างแง้มไว้ให้ลมพัดเข้ามา คนในรถเป็นนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงระดับม.หก หลายคนอยู่โรงเรียนเดียวกัน คนในรถชวนแต้มและเขาคุยอย่างออกรส ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเพื่อนร่วมชั้นทำให้ยิ่งใหญ่ตกใจยิ่งกว่าตอนที่เจอกันเมื่อคืนเสียอีก นั่นเองทำให้ยิ่งใหญ่รู้ว่า แต้มไม่ใช่คนที่เงียบขรึมเสียทีเดียว เขาก็แค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ กำลังวิเคราะห์เพื่อนใหม่อย่างระแวดระวัง เพราะเขาไม่รู้ว่าคนไหนจะแสดงออกว่าเขามีความ “แปลกแยก” หรือ “ประหลาด” อีกไหม



“วันนี้พี่แต้มเอาเพลงมามั้ย” เสียงน้องคนหนึ่งในรถทัก เด็กหญิงผมเปียหน้าม้าน่าจะอยู่แค่ชั้นประถม



“เพลงอะไรวะ” ยิ่งใหญ่กระซิบถาม แต้มไม่ตอบ ก่อนล้วงกระเป๋าควักเทปตลับหนึ่งออกมายื่นให้คนขับ



“เอามาแน่นอน มิกซ์***เองกับมือ” เสียงเพลงดังขึ้นมา หลายๆเพลงไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ เพลงหนึ่งเพิ่งเล่นได้แค่สามสิบวินาทีก่อนจะมีอีกเพลงมาแทรก ฟังแล้วแปร่งๆ แต่กลับกลายเป็นว่ามันลงตัวเสียอย่างนั้น



“เพลงมิกซ์น่ะ อัดจากวิทยุ” แต้มตอบ ยิ่งใหญ่เบิกตากว้างแทนคำถามที่ว่า นายทำไปได้ยังไง



***********************************************************************



               ต้องตาตอกบัตรเข้างานตรงเวลาเป๊ะ ทั้งๆที่ปกติเธอจะมาก่อนเวลางานร่วมชั่วโมงเพื่อจัดการมื้อเช้าฟรีที่โรงแรม แต่งหน้าและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเข้างาน แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำเธอคิดมากจนไม่อยากตื่น แต่เพราะหน้าที่ ถึงแม้จะหวาดหวั่นใจเพียงไหนก็ตาม ความรับผิดชอบก็มาก่อน...



แต่ถึงกระนั้น เธอยังมีแววตาหวาดหวั่นแบบปิดไม่มิดอยู่ดี



“สวัสดีค่ะพี่จ๋า ออกเวรแล้วเหรอคะ” ต้องตาถามเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่เดินสวนกัน



“ใช่จ้ะ” พี่จ๋าเดินผ่านไป ก่อนจะหยุดเพราะคิดอะไรออกบางอย่าง “อ้อ ตา”



“คะ”



“คุณยอดถามหาน่ะจ้ะ บอกว่าถ้ามาถึงแล้วให้ไปพบที่ห้องด้วย” ต้องตารู้สึกแข้งขาไร้เรี่ยวแรง ปวดบิดมวนท้องไปทั่ว นี่ฉันต้องเจออะไรอีกแต่เช้าเนี่ย...



***********************************************************************



“ใหญ่ ตอนเย็นนี้นายจะไปเอารถที่บ้านเรามั้ย” แต้มถามตอนเลิกเรียน วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าเกือบสิบห้านาที รถรับส่งใกล้จะมาแล้ว เขาต้องรีบมากกว่าเดิมเท่าตัว



“ยังดีกว่า มีนัดเตะบอลกับเพื่อนๆน่ะ หอเราก็ใกล้แค่นี้เอง เดินมาก็ได้.. อีกอย่าง มะรืนก็วันเสาร์ละ เราค่อยไปวันนั้นละกัน”



“หืม ใครบอกจะให้นายไป”



“แล้วใครถามล่ะเมื่อกี้ ว่าวันนี้เราจะไปเอารถที่บ้านหรือเปล่า” ยิ่งใหญ่ยิ้มกวนๆ “ถือว่านายชวนแล้วนะ”



ว่าแล้วยิ่งใหญ่ก็วิ่งไปที่สนามฟุตบอล ปล่อยให้แต้มเก็บกระเป๋าและเดินออกไปรอรถตู้ที่ข้างโรงเรียนอย่างรีบร้อน



***********************************************************************



หมายเหตุ::

****การมิกซ์เทป คือการอัดเพลงลงเทปเปล่า หรืออัดทัปเทปเก่าจากวิทยุหรือเครื่องอัดที่อัดได้

การมิกซ์เพลงของแต้ม จะทำผ่านวิทยุ โดยกดบันทึกเพลงจากสถานีวิทยุต่างๆ พอได้สักครึ่งเพลงหรือจนพอใจแล้วก็จะหยุดชั่วคราว (pause) เพื่อรอว่าจะมีเพลงไหนโดนใจ หรือเป็นเพลงแนวเดียวกันเอามาอีดต่อกันได้อีกบ้าง

ซึ่งแต่ละเพลง อาจจะมาจากต่างศิลปิน ต่างค่าย แต่เอามายำรวมๆกันในเทปหนึ่งม้วน เหมือนการมิกซ์โดยใช้อุปกรณ์และแผ่นเสียงของดีเจในปัจจุบัน

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 7 (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-12-2017 11:20:57
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 7 (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 28-12-2017 13:00:00


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 8. สะสาง



                ต้องตารู้สึกว่าทางเดินมันสั้นกว่าปกติ ทั้งๆที่ตัวเองพยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อยืดเวลาให้ถึงที่หมาย ห้องทำงานของคุณยอดเยี่ยม ผู้บริหารอนาคตไกลของโรงแรมอยู่ชั้นสามปีกตะวันออกทางซ้ายมือด้านในสุด หน้าห้องมีเขียนไว้แค่ว่า ยินดีต้อนรับ



ฉันไม่ได้อยากให้คุณต้อนรับเลยนะ...ต้องตาคิดในใจ พยายามทำหน้าตาให้ดูสงบที่สุด แต่ดูเหมือนฝ่ามือของเธอจะไม่ให้ความร่วมมือด้วย เหงื่อเหนียวเหนอะหนะไม่รู้ว่ามาจากไหนเต็มไปหมด รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทั้งที่ๆเธอแวะมาแล้วสามครั้งตั้งแต่เดินมา



“มาพบคุณยอดเหรอคะ” เสียงเลขาส่วนตัวของเจ้านายทัก ต้องตาชะงัก พยายามเก็บอาการลุกลี้ลุกลน “เข้าไปได้เลยค่ะ คุณยอดรออยู่แล้ว” ต้องตากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทำไมคนอย่างคุณยอดเยี่ยมต้องมารอเธอด้วย ต้องตามองเลขาที่อายุน้อยกว่าอย่างขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตีความไม่ออก มีเพียงรอยยิ้มที่บอกว่า ขอให้โชคดีนะ ฉายเต็มใบหน้า



ต้องตาฮึดสู้ สูดลมหายใจลึกๆ คิดถึงพ่อแก้วแม่แก้ว เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง



                ห้องทำงานของยอดเยี่ยมไม่ได้หรูหราแบบที่คิดไว้ พรมนุ่มๆระบุที่มาไม่ได้ไร้กลิ่นอับ สีของพรมให้ความรู้สึกว่าเธอหลงอยู่ในเมืองบาดาลเพราะสีของมันไม่เข้ากับผนังห้องที่เป็นกระจกเลยแม้แต่น้อย โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตั้งหันหลังให้กระจกที่เปิดมูลี่ไว้ เก้าอี้สีดำหนาพิเศษมีชายคนหนึ่งก้มอ่านเอกสารอย่างเอาเป็นเอาตายไม่เงยหน้ามามองจนกระทั่งเธอเดินมาใกล้ๆ



“นั่งก่อนนะ ผมขอเวลาห้านาที” ต้องตาไม่ตอบ ลอบมองเจ้านายของเธออย่างหวาดๆ เมื่อความเงียบเข้ามาปกคลุม ความหวาดระแวงก็กลับเข้ามาอีกครั้ง นิ้วมือเรียวยาวแตะไปที่กระดาษอย่างหนักแน่น พลิกไปทีละหน้า สายตาดุดันกวาดไปทั่วแผ่นกระดาษราวกับดูดซึมตัวอักษรให้หายวับ ใบหน้าจริงจังทำให้ต้องตาอดที่จะจับจ้องไม่ได้ พอรู้สึกตัวก็ละสายตามองไปที่วิวด้านหลังแทน ในห้องนี้ไม่มีตู้เอกสาร นอกจากรูปผู้บริหารคนเก่าแขวนไว้ที่ผนังทึบซ้ายขวาแบบไร้รสนิยมดูจืดชืด ทั้งๆที่เจ้าของห้องออกจะหล่อเหลาและแต่งตัวดี แต่การตกแต่งห้องไม่สะท้อนความเป็นตัวตนของเขาเลยแม้แต่น้อย...



“ขอโทษที ที่เรียกมากระทันหัน คุณตาใช่ไหมครับ”



“ใช่ค่ะ” ต้องตาตอบ เขาดูสุภาพมากกว่าที่เธอคิดไว้



“คุณตาคงแปลกใจที่อยู่ๆโดนเรียกตัวมา” พูดราวกับรู้ใจเธอแน่ะ



“คุณยอดมีอะไรให้ดิชั้นรับใช้หรือเปล่าคะ” ต้องตากำลังคิดว่าตัวเองใช้ภาษาได้โบราณมาก



ชายหนุ่มยิ้ม ใบหน้าสดใสราวกับกำลังหัวเราะ ในใจนึกขบขันท่าทางของหญิงสาวที่นั่งตัวเกร็งอยู่ตรงหน้า เธอคงคิดไปสะระตะว่าทำไมเขาถึงต้องการพบเธอปัจจุบันทันด่วน ชายหนุ่มวางมาดให้เคร่งขรึมขึ้น กระแอมไอจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ริมฝีปากบางทาลิปสติกสีชมพูระเรื่อบิดตัวชั่วขณะก่อนกลับมาประกบกันเป็นปกติภายในเสี้ยววิ แต่นั่นก็ไม่รอดพ้นสายตาชายหนุ่มได้



                ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยอดเยี่ยมพยายามสลัดภาพของหญิงสาวให้หลุดจากความคิด แต่ยิ่งพยายามเท่าไรก็ยิ่งเด่นชัด มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะคาดเดาได้ โลกนี้มีผู้หญิงอยู่ไม่กี่คนที่กล้าตีเขา คนแรกคือแม่ คนที่สองก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือ พยายามดึงเขาเข้าไปทำมิดีมิร้ายมากกว่าจะฟาดด้วยกระเป๋าสะพายราคาถูก



“เรื่องเมื่อคืน รึเปล่าคะ” ต้องตาเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ เธอทนจมอยู่กับความอึดอัดไม่ไหว “ถ้าเป็นเรื่องนั้นดิชั้นต้องโทษจริงๆ มันเป็นเรื่องสุดวิสัย ช่วงก่อนหน้านี้มีพนักงานของเราโดนใครก็ไม่รู้ลวนลาม แถมเมื่อคืนดิชั้นก็เลิกดึก ทางเดินก็เปลี่ยว พอเห็นเงาตะคุ่มๆก็คิดว่าจะเป็นคนโรคจิต ใครจะคิดว่าเป็นคุณล่ะคะ” ต้องตาร่ายยาวด้วยความประหม่า พอพูดจบก็นึกเจ็บใจว่าทำไมต้องสาธยายไปขนาดนั้น



“ผมเรียกคุณมาเพราะเรื่องเมื่อคืนจริงๆนั่นแหละ” นั่นไง ว่าละ ต้องตาคิดภาพตอนตัวเองกำลังเก็บข้าวออกเดินออกไปจากโรงแรมเพราะถูกไล่ออก ที่อื่นๆเธอสมัครใจลาออกเองเพราะไม่อยากให้เรื่องราวอื้อฉาว ทั้งๆที่เธอไม่ได้เป็นฝ่ายผิด พวกผู้ชายเหล่านั้นเดินตามก้นเธอเสียมากกว่า จนบรรดาแฟนหรือภรรยามาอาละวาดถึงที่ทำงาน ในขณะที่เธอไม่เคยแม้แต่จะไปพูดจาให้ท่าคนพวกนั้น



                ยอดเยี่ยมมองริมฝีปากที่บิดเกร็ง หญิงสาวกำลังครุ่นคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองกันแน่หนอ ใบหน้าสวยก้มต่ำราวกับเด็กโดนจับได้ว่าแอบกินขนมที่ถูกห้ามไว้ ความประหม่า หวาดกลัวแผ่รังสีออกมาจนชายหนุ่มสัมผัสได้ เขาไม่ได้สงสาร แต่กำลังขบขัน... “คือผมจะบอกว่าผมประทับใจในตัวคุณมาก”



ห๊ะ... ว่าไงนะ ต้องตาเลิกคิ้ว นัยน์ตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยคำถาม



“คือ ยังไงดี” ชายหนุ่มหลุดจากท่าเคร่งขรึม ท่าทางดูผ่อนคลายและเหนียมอายราวกับเด็กชายเพิ่งมีความรัก



“คุณจะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอ... เอิ่ม...ผมคิดว่า ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้” ชายหนุ่มหน้าแดง แต่ต้องตากำลังอ้าปากค้าง



“...”



“ผมรู้ว่าผมทำคุณตกใจ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ผมไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติก ผมพูดไม่เป็น ผมจีบผู้หญิงไม่เก่ง แต่...” ยอดเยี่ยมโน้มตัวมาใกล้หญิงสาว กลิ่นกายหอมบางเบาลอยในอากาศ เขาแอบสูดกลิ่นจนเต็มปอดราวกับเป็นคนโรคจิต



“แต่ผมคิดว่าผมชอบคุณ”



ต้องตาคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป หรือไม่โชคชะตากำลังเล่นตลก....



***********************************************************************

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 8 (UP:: 28/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 28-12-2017 13:04:25


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 9. ซ่อมรถ



                มันเป็นวันเสาร์ที่ยิ่งใหญ่ตื่นเช้าที่สุดในชีวิต เขานั่งรถเมล์เก่าคร่ำครึที่เคยด่าไว้ว่าทำไมยังกล้าเอามาให้บริการ (และเคยสงสัยว่าทำไมยังมีคนกล้าใช้บริการมันอีกด้วยหรือ) รถเมล์รอบเช้าสุดที่ผ่านหน้าบ้านของแต้มคือเจ็ดโมงครึ่ง แต่กว่าจะไปถึงจริงๆก็เกือบจะเก้าโมง เพราะว่ามันจอดรับส่งคนเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว



                แต้มออกมายืนรอที่หน้าปากซอยแล้ว วันนี้ฝนไม่ตก แต่พื้นถนนก็เปียกหนักหนาเอาการเพราะพายุกระหน่ำไปเมื่อคืนก่อน ยิ่งใหญ่ยิ้มให้ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายมายืนรออยู่แล้ว “ช้าชิบ” แต้มบ่น ก่อนเดินนำเข้าซอย



“ใครจะไปรู้ว่ามันจะจอดเยอะขนาดนี้” ยิ่งใหญ่ออกตัว เขาคว้าคอคนข้างๆมากอด แต้มสะบัดมือออก เสื้อยืดคอกลมสีขาวหม่นกระเพื่อมตามแรงสะบัด กางเกงกีฬาสีดำดูหลวมปลิวตามแรงขยับขา รองเท้าแตะที่แสนธรรมดาก็ทำให้จังหวะการเดินนั้นชวนมอง “นายทำไรรึเปล่าวันนี้” คนมาเยือนถามต่อ



“อืม ทีแรกว่าจะไปนา แต่นายมาช้าเลยได้เฝ้าพ่อแทน”



“อ้าว แล้วปกติใครเฝ้าอะ”



“แม่” แต้มตอบสั้นๆก่อนเดินเข้าไปดูอาการผู้เป็นพ่อในห้อง ยิ่งใหญ่ลองสตาร์ทรถ ยังไม่ติด



“ตอนนายไปเรียนล่ะ แม่นายไปนาแบบนี้ใครจะดู” ยิ่งใหญ่ถามตอนที่แต้มเดินเอาน้ำมาให้



“ตากะยาย หรือไม่ก็ปู่กับย่า ผลัดกัน” ยิ่งใหญ่ไม่กล้าจะถามอะไรต่อ เขาพยายามเข็นให้รถตัวเองติด



“รอแป๊บ” แต้มเดินไปข้างในดูอาการพ่ออีกรอบ ก่อนเดินออกมา “เข็นมา เดี๋ยวพาไปซ่อมที่ร้าน”



“อ้าว แล้วพ่อนายล่ะ บอกมาก็ได้ว่าอยู่ที่ไหน เราไปเอง”



“พ่อไม่เป็นไรหรอก ไม่นานเราบอกพ่อแล้ว วันนี้ยายว่าจะมา อีกสักพักคงถึง” ยิ่งใหญ่พยักหน้า เข็นรถออกมาจากบ้าน



                โชคดีที่มีแต้มมาช่วย เพราะระยะทางจากบ้านมาที่ร้านซ่อมนั้นเกือบสองกิโลเมตร ถึงแม้จะเป็นวัยรุ่น แต่ต้องเข็นรถมอเตอร์ไซค์เดินไกลขนาดนี้ก็หอบได้เหมือนกัน



“นายยื่นใบสมัครรด.รึยัง”



“เรียบร้อย นายล่ะ”



“เหมือนกัน” ยิ่งใหญ่พยักหน้า เหงื่อแตกท่วมตัว เขาเป็นคนเกลียดความร้อน



“เรียบร้อยแล้วน้อง”



“เท่าไหร่ครับ”



“ห้าสิบ”



“โห น้า ค่าเปลี่ยนหัวเทียนห้าสิบบาทเลยเหรอ” แต้มท้วง ทั้งๆที่ยิ่งใหญ่กำลังยื่นเงินไปให้



“ให้ค่าแรงน้าบ้างเถ้อ ไอ้แต้ม วันนี้ไม่ไปนาเหรอ” เจ้าของร้านซ่อมถาม



“ว่าจะไปตอนบ่าย รอเพื่อนกลับก่อน” แต้มเพยิดหน้ามาทางยิ่งใหญ่



“ใครบอกเราจะกลับ ไม่เห็นเป้เหรอ เราจะมานอนนี่”



“เห้ย...เราไปชวนนายตอนไหน”



“จำเป็นต้องชวนด้วยเหรอ เราแค่อยากนอนที่นี่”



“กลับบ้านเลย รถซ่อมเสร็จแล้ว”



“ไม่”



“...”



“ไปนานายกันมั้ย” ยิ่งใหญ่เปลี่ยนเรื่อง “รถดีแล้ว ไปตอนนี้ก็คงพอจะทำอะไรได้บ้าง”



แต้มเกาหัว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ต้องการอะไร ทำไมถึงอยากมาที่บ้านเขานัก แต่ท่าทางดูเป็นมิตร บวกกับนิสัยใจดีที่ดูเปิดเผยทำให้เขารู้สึกไม่อึดอัดเวลาที่อยู่ด้วย ถึงแม้จะมีรำคาญบ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร



“นายอยากไปเหรอ มันร้อนนะ” แต้มมองเหงื่อที่ไหลท่วมตัวเพื่อน เขาสังเกตมาสังพักแล้วว่ายิ่งใหญ่ไม่สบายตัวเท่าไรนัก



“จิ๊บ จิ๊บ”



“เสียงนกร้องเหรอ”



“เหยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นี่นายก็เป็นคนตลกเหมือนกันเหรอวะแต้ม” ยิ่งใหญ่หัวเราะ กลายเป็นแต้มที่ต้องหุบยิ้ม



“ทำไมวะ ไม่ขำเหรอ” แต้มทำหน้าเหรอหรา ตัวประหลาดของห้อง 4/8 กลับมาอีกครั้ง



ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ได้แต่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเพราะท่าทางที่แสนตลกของแต้ม



***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 8 & 9 (UP:: 28/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-12-2017 09:48:44


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 10. ไปนา...



                ไปนา...คือคำสั้นๆที่ชินปากของคนละแวกบ้านแต้ม คำว่าไปนา แปลตรงตัวเลยคือ ไปทุ่งนา หรือไปทำนานั่นเอง แต่ก่อนที่จะได้นั้น แต้มบอกให้ใหญ่ขับรถมาที่บ้าน ก่อนจัดแจงเอาใส่เชิ้ตแขนยาวตัวเก่าลายหมากรุกมาให้สวม สวมหมวกสานปีกกว้างและให้เปลี่ยนเป็นกางเกงทรงสแล็กขาใหญ่หลวมที่ใช้ยางรัดมัดที่ข้อเท้าไว้ไม่ให้มันหลุด



ไม่แค่นั้น... ยิ่งใหญ่โดนบังคับให้สวมร้องเท้าบู๊ทหุ้มส้นสีดำทรงสูงอีกด้วย



“คราวนี้นายดูเหมือนชาวนาจริงๆละนะ” แต้มยิ้มด้วยอาการพึงพอใจจนยิ่งใหญ่ต้องรีบเข้าไปดูตัวเองในกระจก



“เออ แปลกจริงๆด้วย” เขาไม่เคยเห็นตัวเองในมุมนี้มาก่อน ยิ่งดูแล้วยิ่งน่าขำ



“พร้อมยัง” แต้มแต่งตัวเหมือนกัน ต่างกันที่สีเสื้อเชิ้ตเท่านั้น เขาหยิบย่าม ไซดักปลา และข้องใส่ปลาติดตัวมาด้วย

“นายถือพวกนี้นะ เดี๋ยวเราขับเอง” ไม่พูดเปล่า แต้มกระโดดไปนั่งที่คนขับ สตาร์ทรถและพร้อมออกตัว



“อะไรวะ ทีเผลอนี่หว่า” ยิ่งใหญ่รับของมาแบบงงๆและนั่งซ้อนท้ายไปแบบงงๆเช่นกัน



“ยาย ฝากดูพ่อด้วยนะ เดี๋ยวมา” แต้มตะโกนใส่หญิงชราอย่างเป็นกันเอง ผู้เป็นยายโบกมือหยอยๆ ยิ่งใหญ่ไม่รู้จะไหว้อย่างไร จึงได้แต่ยิ้มแหยๆพยักหน้าให้ก่อนที่รถจะผ่านคุณยายไป



                ระยะทางจากบ้าน มาที่ทุ่งนาไม่ไกลมาก แต่ทางค่อนข้างกันดารและขรุขระ ทางแยกเล็กๆเต็มไปด้วยหลุมและบ่อ มีน้ำขังเป็นระยะๆ ต้องอาศัยความชำนาญทางพอสมควรในการขับมา ไม่อย่างนั้นรถอาจจะติดโคลน หรือล้อรถอาจลื่นจนสะบัดล้มได้ ยิ่งใหญ่เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงเป็นคนซ้อน มองดูทักษะการบังคับแฮนด์รถของแต้มด้วยความทึ่ง ช้างดูแตกต่างจากคนที่อยู่ด้วยกันตอนเรียนลิบลับ ราวกับว่าที่แห่งนี้คือที่ของเขา มากกว่าจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมนั้น



เมื่อมาถึงสุดทาง ข้างหน้าเป็นแม่น้ำขนาดย่อม กว้างประมาณสามเมตร พวกเราต้องจอดรถทิ้งไว้ที่ต้นไม้ข้างแม่น้ำ แล้วเดินต่อไปอีกหน่อย ยิ่งใหญ่ลงจากรถ รู้สึกคันตามตัวเพราะความร้อน แต้มจอดรถไว้ใกล้กับคันอื่นๆที่จอดอยู่ก่อนหน้า คว้าของในมือยิ่งใหญ่ไปบางส่วน และพาเขาเดินข้ามสะพานที่มีความกว้างขนาดหนึ่งไม้บรรทัด



(-_-)’  >>> หน้าของยิ่งใหญ่ตอนเห็นสะพานครั้งแรก



                ก้าวแรกว่าหวาดเสียวแล้ว แต่ก้าวต่อๆมาตอนอยู่กลางแม่น้ำยิ่งน่าหวาดเสียวยิ่งกว่า น้ำในแม่น้ำสีขุ่นข้นไหลเชี่ยวเพราะสายฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวัน ถึงแม้วันนี้แดดจะเปรี้ยง แต่คืนนี้ก็คงตกอีกเป็นแน่แท้



“เดินดีๆล่ะ อย่าซ่า ตกลงไปไม่มีใครช่วยนะ น้ำเชี่ยวขนาดนี้” แต้มบอก ยิ่งใหญ่หุบยิ้ม



“นอกจากไม่ให้กำลังใจแล้วยังแช่งอีกนะ” ยิ่งใหญ่บ่นอุบ



“ใครใช้ให้นายตามมาล่ะ” แต้มตอบซื่อๆ



ยิ่งใหญ่ใช้เท้ายันบั้นท้ายคนข้างหน้าที่กำลังถึงฝั่งด้วยความหมั่นไส้ แต้มสะดุ้งตัวโยนก่อนจับขาเขาค้างไว้ไม่ให้เดินต่อ



ข้างหลังเป็นแม่น้ำ ข้างหน้าเป็นตลิ่ง แต่ข้างล่างคือสะพานคอนกรีตที่กว้างแค่สามสิบเซ็นติเมตร



“ปล๊อยยยยยยยยยยยยย” ยิ่งใหญ่ร้องเสียงหลง แต้มดึงขากระชากเข้าไปก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง



“ดูหน้านายสิ กลัวหรา โอ๋ๆๆๆเด็กน้อย ไม่ร้องนะไม่ร้อง”



ยิ่งใหญ่รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย “ไอ้...” เขาพยายามหาคำด่า แต่พอเห็นคนที่ใครๆคิดว่าเป็นตัวประหลาดกำลังหัวเราะ เขาก็ด่าไม่ออก “ตลกนะ... ชิ” ทำได้แค่นี้จริงๆ



                แต้มยังไม่หยุดขำตอนที่เดินกันอีกหน่อยตามคันนาดินที่กำลังชุ่มน้ำ ผืนนาเต็มไปด้วยหญ้า บ้างก็มีการไถรอบแรกไปแล้ว บ้างก็ปั่นละเอียดไปแล้ว สองข้างทางมีแต่ธรรมชาติ ท่งนาอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยหุบเขาขนาดย่อมอยู่ไกลลิบๆราวกับว่าอยู่แสนไกล แต่มันก็ตระหง่านอยู่ตรงนั้น มองไปซ้ายขวามีที่ดินทำไร่อยู่ พืชไร่ที่เขามองไม่เห็นว่ามันมีอะไรบ้างยืนต้นแตกใบเขียวชะอุ่ม เสียงแมลง และลมกระซิบข้างหูราวกับเป็นยาชั้นดีที่รักษาจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้สดชื่นได้อีกครั้ง ยิ่งใหญ่ลืมความร้อนเหนี่ยวเหนอะไปชั่วขณะ เขากำลังโลดเต้นไปกับธรรมชาติแวดล้อม ที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาทให้ได้สัมผัส



“อ้าวแต้มมาแล้วเหรอ หวัดดีครับใหญ่” แม่รับไหว้อยู่ข้างคันนาดิน ตอนนี้แม่กำลังใช้จอบถางหญ้ารอบๆคัน ช่วงไหนที่คันนาแตกหรือมีรอยแยกให้น้ำไหลรั่ว แม่จะใช้มือหรือจอบขุดดินมาโปะปิดรอยนั้นไว้ ยิ่งใหญ่เข้าใจว่าที่ทำแบบนี้เพื่อกักน้ำไม่ให้ไหลออกจากทุ่ง



“แม่มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” ยิ่งใหญ่ออกตัว ผู้เป็นแม่ยิ้มให้ เหงื่อท่วมใบหน้าเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ภายใต้หมวกสานใบใหญ่เหมือนที่เขาใส่ก็ตาม



“ไปช่วยแต้มจับปลาเถอะ คืนนี้แม่จะแกงส้มให้กิน”



                ยิ่งใหญ่ตามแต้มไปที่ท้ายรถไถขนาดเล็กที่กำลังปั่นนา น้ำโคลนสาดกระเด็นไปรอบๆตามจังหวะการปั่นของโรตารี่ขนาดเล็ก แต้มโยนไซดักปลามาให้ “นายเอาไซมาให้เราทำไม”



แต้มมองด้วยความสงสัย “ไหนไซ” ยิ่งใหญ่ยื่นของที่อยู่ในมือให้แต้มดู “โอ๊ย นี่เค้าเรียกสุ่ม สุ่มดักปลา ไม่ใช่ไซ” แต้มส่ายหัว แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ นี่เขาอยู่กับมนุษย์จากดาวไหนกันเนี่ย



“ดูนี่” แต้มสาธิตการจับปลา “นายดูนะ เวลาที่รถไถกำลังปั่น จะมีพวกปลาดิ้นๆอยู่ในน้ำแบบนั้น” ว่าแล้วแต้มก็วางสุ่มตัวเองด้วยความรวดเร็ว เขาใช้มือเปล่างมๆในสุ่มก่อนจับเจ้าปลาผู้เคราะห์ร้ายออกมา “ปลาช่อน กำลังดีเลย” แต้มยิ้ม



ยิ่งใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องยิ้มตามไปด้วย....
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 10 (UP:: 29/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-12-2017 11:44:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 10 (UP:: 29/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 29-12-2017 20:41:42
น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 10 (UP:: 29/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-12-2017 22:42:14
น่าติดตามค่ะ


ขอบคุณครับ ต้องติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 1-6 (26/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-12-2017 22:43:59
ท่าทางน่าสนุกค่ะ
ล้อกอินมาเม้นให้คุฯเลย

แต่งต่อนะคะ
จะตามเรื่อยๆเลยคร้า
 :katai2-1:


ขอบคุณครับ อ่านแล้วปลื้มมากๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 7 (27/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-12-2017 22:44:56
:L2: :pig4:


ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนครับ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 10 (UP:: 29/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 30-12-2017 12:27:10
รออ่านต่อด้วยคนจ้า นี่น่าจะพึ่งต้นเรื่องเอง น่าจะอีกยาวเลย อัพไวๆ น๊า
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 31-12-2017 11:20:22


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 11. จับปลา



“ทำไมนายช้าแบบนี้ ดูดิมันหนีไปละ” แต้มบ่นอุบ ยิ่งใหญ่รู้สึกงุ่นง่านในความช้าของตัวเอง เขาร้อนจนต้องถอดหมวดและวางไว้ที่คันนาก่อนกระโจนกลับมาจับปลาต่อ



“ถ้านานี้ไม่ได้ มีอีกนานึงนะ” แต้มพูด เลิกคิ้วสูง



“นายดูถูกเราเรอะ” ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้ว เบ้ริมฝีปาก



“เปล๊า” แต้มเสียงหลง ยิ่งใหญ่ถีบเข้าที่ต้นขา “โอ๊ย ทำร้ายเหรอวะ” แต้มหัวเราะ เขาไม่ได้โกรธ แต่กำลังมีความสุขและขบขันอาการของเพื่อนที่ดูจะหัวเสียขึ้นตามลำดับ



“มันต้องได้สิน่า” ยิ่งใหญ่ไม่ยอมแพ้



“ไอ้น้อง หูตามือไม้ให้ไวกว่านี้” พี่คนขับรถไถตะโกนบอก เขาจับคันไถไปด้วยพร้อมมือข้างหนึ่งสูบบุหรี่ ยิ่งใหญ่อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง



“อย่า... ขอร้อง” แต้มบอก เหมือนเขารู้ว่ายิ่งใหญ่กำลังจะทำอะไร “อยู่บ้านนี้อย่าเพิ่งสูบ ได้ไหม”



ยิ่งใหญ่หยุดความคิดที่จะขอบุหรี่พี่เขามาสูบ เขารู้สึกหงุดหงิดจนคิดจะใช้นิโคตินเข้าช่วย “ได้ จับปลาต่อเถอะ”



แต้มยิ้ม “ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนรัก”



เพื่อนรัก! ยิ่งใหญ่หน้าบานจนไม่รู้จะหุบมันลงยังไงล่ะ



“มัวแต่ยิ้ม ปลาหลุดไปละ” แต้มด่า น้ำเสียงไม่ได้จริงจังนัก ปลาที่ชะตายังไม่ขาดว่ายแหวกหายไปตามน้ำโคลน



“บ่นอยู่ได้” ยิ่งใหญ่เถียง สายตาจับจ้องไปที่ผืนน้ำสีขุ่นข้น รอจังหวะเคลื่อนไหว ก่อนจะปักสุ่มดักปลาลงไป



“ได้แล้ว!” เขาร้องดีใจ เมื่อความเคลื่อนไหวยังอยู่ภายในสุ่มนั้น



“ตัวยาวแบบนี้ ปลาไหลแน่ๆ” แต้มพูด “หยิบมาเลย”



ยิ่งใหญ่เลียลิ้น ฉีกยิ้มด้วยความสุข ปลาตัวแรกที่ได้ ปลาไหลเชียวนะ จะลื่นแค่ไหนเนี่ย ... เขาคิดและใช้มือล้วงไป จังหวะที่จับนั้นปลาไม่ได้ลื่น มีแต่บีบรัดนิดหน่อย เขาดึงมือขึ้นมา จ้องดูปลาในนั้น



“งู๊!!!!” ยิ่งใหญ่ตะโกนดังลั่น สะบัดมือจนเจ้างูตัวน้อยตกลงไปในน้ำ จังหวะนั้นเองที่เขาทรงตัวไม่อยู่หล่นโครมลงไปในโคลน



แต้มระเบิดหัวเราะลั่นทุ่งจนผู้เป็นแม่ต้องหยุดกิจกรรมของตัวเองและเงยหน้ามาดู “ใหญ่มันตกใจงูเขียวน่ะแม่” แต้มตะโกนบอกแม่ เสียงดังแข่งกับเสียงรถไถ พี่คนคุมรถก็หัวเราะด้วยความขบขัน ยิ่งใหญ่รู้สึกอาย หมดสภาพของหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆของโรงเรียน แต่ความรู้สึกนั้นเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เขากำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งกับอาการของตัวเอง



                รถไถนาเสร็จตอนเกือบเที่ยง ผืนนาของแม่มีแปลงเดียว ขนาดสามไร่ มีด้านยาวพาดจากทิศตะวันตกไปตะวันออก ถูกซอยย่อยให้เป็น 8 แปลง เพราะแต่ละแปลงความสูงต่ำไม่เท่ากัน ต้องแบ่งให้เหมาะเพื่อการกักเก็บน้ำ



“ดูหน้านายสิ” แต้มชี้ “เลอะหมดเลย”



ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ใช้มือลูบๆใบหน้า โคลนแห้งๆหลุดลอกออกมา กลิ่นดินแตะจมูก เขาหน้ามุ่ยที่เห็นแต้มหัวเราะ “ขำ”



“ฮ่าๆๆๆ ขอโทษที มาล้างหน้าตรงนี้” แต้มพาเขาไปที่ลำธารริมไร่ มันเป็นลำธารเล็กๆที่ไม่รู้ที่มา แต่คาดว่าน่าจะไหลมาจากภูเขาขนาดย่อม เลื้อยตามซอกมาเรื่อยๆจนบรรจบที่แม่น้ำ “ล้างได้ ไม่ต้องห่วง” แต้มวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าเป็นการสาธิต ยิ่งใหญ่นั่งลงข้างกันส่องดูใบหน้าตัวเองในน้ำ แรงกระเพื่อมทำให้เขาเห็นตัวเองไม่ชัด แต่พอจะเห็นลางๆว่าเลอะพอดู



“หิวยัง” แต้มถาม



“นิดหน่อย” ยิ่งใหญ่ตอบตามจริง



“คงเที่ยงแล้วล่ะ แม่คงทำอะไรรอแล้ว” แต้มลุกขึ้น เดินนำเพื่อนตัวเองไปที่กระท่อมในไร่ที่อยู่ไม่ไกล



“นี่ไร่นายเหรอ” เขาถามเมื่อมาถึง สะบัดเสื้อผ้าที่เปียกชื้น ก่อนถอดเสื้อลายตาราง วางผึ่งไว้ที่กิ่งไม้แถวนั้นตามที่แต้มทำให้ดู



“ใช่”



“แล้วนี่ปลูกอะไรอะ”



“ปีนี้เหรอ มันสำปะหลัง”



ยิ่งใหญ่ไม่ถามต่อ เขาได้แต่จับจ้องไปที่ปล้องมันสำปะหลังที่แตกใบเขียวชะอุ่ม เดินไม่ถึงร้อยก้าวก็มาถึงกระท่อม ผู้เป็นแม่กำลังวางสำรับ มีแกงหน่อไม้จากเมื่อวานตอนเย็น ปลาย่างจากเมื่อเช้า และส้มตำที่เพิ่งทำกันสดๆ



“น้องกินเป็นมั้ย” พี่คนขับรถไถถาม “ปลาร้าน่ะ” เขายกปลาตัวหนึ่งมาส่งเข้าปาก มันเหมือนปลาขาดเลือด สีซีดและส่งกลิ่น ยิ่งใหญ่หยิบมาดมๆ ยิ้มแหยๆ



“ไม่เคยกินล่ะสิ” แม่ถาม



“ใช่ครับ”



“ไหวมั้ย” พี่คนขับรถไถถาม



ยิ่งใหญ่ไม่แน่ใจ เมื่อกี้งู ตอนนี้ปลาร้า



แต้มไม่สนใจตัวเขาเท่าไรนักเมื่อพยายามส่งสายตาไปขอความเห็น รายนั้นจ้วงส้มตำราวกับว่าเป็นอาหารชั้นยอด



“สบายมากพี่” ยิ่งใหญ่ตอบ จกข้าวเหนียวมาปั้น จิ้มไปที่ส้มตำ พยายามเลี่ยงส่วนปลาร้า และจับยัดเข้าปากไป



***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-12-2017 12:18:09
มาให้กำลังใจ

ชอบอิมเมจนายเอกมากๆ

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-12-2017 18:42:05
 :L2: :pig4:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-12-2017 19:28:27
 o13


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-01-2018 10:46:25
มาให้กำลังใจ

ชอบอิมเมจนายเอกมากๆ


ขอบคุณที่ติดตามครับ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-01-2018 10:46:51
:L2: :pig4:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่


ยินดีครับ  :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 11 (UP:: 31/12/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-01-2018 10:47:23
o13


 :L2: :pig4: :L2:

 :hao3: :hao6: :hao7: :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 12 (UP:: วันปีใหม่ 2561)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-01-2018 11:47:23


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 12. ถือว่าเป็นโชคของนาย



                ยิ่งใหญ่นอนลูบพุงตัวเองอย่างช้าๆ มื้อนี้เขากินเยอะจนแทบจะคลานเลยทีเดียว หลังล้างจาน ทุกคนก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นไม้แข็งเนื้อหยาบในกระท่อม พี่คนขับรถไถกรนก่อน แม่ปิดตาและลมหายใจราบเรียบไปแล้ว เขากับแต้มนอนใกล้ๆกัน เพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างเท่าไรนัก เสียงนกร้องกระซิบกระซาบแต่ไกล ลมอุ่นพัดไปมา แต้มมองหน้าเขาแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะยิ้มให้และปิดเปลือกตาลง


                ยิ่งใหญ่กำลังฝันประหลาด เขาฝันเห็นงูตัวหนึ่งไล่เลื้อยพันแข้งขา ก่อนที่จะรัดตัวแน่นจนหายใจไม่ออก งูตัวเล็กสีเขียวสดกับนัยน์ตาไร้ประกายค่อยๆขยายร่างใหญ่ขึ้นจนใหญ่กว่าท่อนขาเขา ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นจนลมหายใจติดขัด เขาพยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศ แต่ยิ่งทำให้ตัวเองขยับไปไหนไม่ได้ไปกันใหญ่ ก่อนสิ้นสติ เขารู้สึกโลกกำลังเอียงราวกับตกจากที่สูงโดยมีงูตัวเดิมพันไว้ มันกำลังขยายขนาดตัวเองไปเรื่อยๆทั้งๆที่กำลังลอยเคว้งตกลงไปที่ไหนสักที่


                เสียงเนื้อกระทบพื้นดัง โพล๊ะ! ยิ่งใหญ่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เห็นแววตาของงูตัวนั้นกำลังจับจ้องมาที่เขา เลือดสีแดงฉานไหลย้อยมาอาบท่วมตัว นัยน์ตาที่บ่งบอกความเจ็บปวดสื่อสารมาอย่างเต็มที่ ตอนนี้เองที่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังหวาดกลัว ราวกับว่าความฝันนี้มันคือความจริง ศีรษะของงูดิ้นไปมา นัยน์ตาเหลือกกระเสือกกระสน เขาได้ยินมันพูดว่า “ช่วยด้วย” ก่อนที่จะสะดุ้งตื่น


“ฝันร้ายเหรอใหญ่” แม่ของแต้มถาม พลางยื่นแก้วน้ำมาให้ “ดิ้นใหญ่เลย ดูสิเหงื่อท่วมเชียว”


ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้และรับน้ำมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ลำคอที่แห้งผากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง “ขอบคุณครับแม่”


“แต้มเอ๊ย พาเพื่อนกลับบ้านก่อน” ผู้เป็นแม่ยิ้มให้เขาและปลุกลูกชายตัวเองที่นอนขดอุตุ แต้มงัวเงียขยี้ตาลุกขึ้นมา   


“กี่โมงแล้วอะแม่”


“ไม่รู้เหมือนกัน” แม่ตอบง่ายๆ เวลามาที่ทุ่งนาพวกเขาจะมีกิจกรรมนอนกลางวันกันเสมอ เมื่อได้ที่แล้วถึงจะตื่นมาทำงานต่อ แต่ถ้าไม่มีงานอะไรก็จะออกไปหาของป่า “ถ้าไม่อยากกลับ ก็พาใหญ่ไปหาหน่อไม้สิ ถ้ามีหน่อหวานแม่จะทำยำหน่อไม้ให้กิน”


แต้มนัยน์ตาเป็นประกาย หนึ่งในอาหารโปรดของเขาคือยำหน่อไม้สด “แต่แม่จะแกงปลาไม่ใช่เหรอเย็นนี้” แต้มท้วง


“ทำหลายๆอย่างไม่ได้รึไง เผื่อใหญ่มันด้วย” แม่ยิ้มมาทางเขา “คืนนี้ก็นอนนี่นะลูก กินข้าวกันก่อน”


ยิ่งใหญ่ยิ้มร่ารับคำ พยักหน้าและยักคิ้วไปทางแต้มที่กำลังกรอกตา เหมือนกำลังบอกว่า “ถึงนายไม่ชวน แต่แม่นายชวนแล้วนะ”


                มื้อเย็นวันนี้ มีแกงส้มปลาฉบับคนเหนือ ยำหน่อไม้ใส่น้ำปูสีดำมืดและปลาทอดกรอบ ทุกอย่างล้วนได้มาจากแรงงานของแต้มที่พายิ่งใหญ่เข้าป่าไผ่ ขุดหน่อไม้ที่กำลังแตกหน่อออกช่อทะลุผืนดินมา ฤดูฝนเข้ามาแล้วอย่างเต็มที่ เพราะหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ฝนก็กระหน่ำทันทีราวกับฟ้ารั่ว ครั้งนี้ยิ่งใหญ่ถอดหัวเทียนรถของเขาออก เพราะเกรงว่าจะสตาร์ทไม่ติดอีก ที่นอนยัดนุ่นขนาดสามฟุตสองผืนถูกปูวางติดกัน กับเด็กหนุ่มสองคนที่ล้มตัวลงอย่างเมื่อยล้า เสียงฝนเทกระหน่ำจนกลบทุกสรรพเสียง พวกเขาคุยกันงึมงำๆในความมืดมิด


“สนุกจัง” ยิ่งใหญ่พูด เขาเหยียดตัวจนเต็มที่นอน


“จริงดิ” แต้มหัวเราะ “ดีใจที่นายชอบ ทีแรกเรานึกว่าคุณชายแบบนายจะทนไม่ได้ซะอีก”


“ใครคุณชาย” ยิ่งใหญ่ทำเสียงฟึดฟัด “นายนี่ขี้ประชดเหมือนกันนะ”


“ไม่ได้ประโช้ดดดด” แต้มลากเสียง “แค่พูดตามที่เห็น”


“เห็นอะไร”


“ก็นายน่ะ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณยังกับคุณหนู” แต้มพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ใครจะคิดว่านายจะมาผจญภัยที่นาเราได้”


“เหอะ” ยิ่งใหญ่ส่งเสียง


“นายสนุกก็ดีแล้ว” แต้มบอก ยิ่งใหญ่หันไปมองคนที่นอนข้างๆ แทนการมองเพดาน


“ขอบใจนะที่ชวนเรามาวันนี้”


“เราเปล่าชวน” แต้มบอก ยิ่งใหญ่ทำเสียงไม่พอใจ


“ถือว่านายชวนละกันน่าอย่าขัดสิ” แต้มหัวเราะ “นายก็หัวเราะเป็นนี่นา นึกว่าจะหัวเราะไม่เป็นซะอีก”


“นายประชดเราปะ” แต้มถาม เขาไม่ได้หมายความตามคำพูดนี้แม้แต่น้อย


“ประชดมั้ง” ยิ่งใหญ่ตอบ “ใครจะคิดว่าจะเจอนายมุมนี้” เขาพูดตามที่รู้สึก


“ถือว่าเป็นโชคของนาย” แต้มย้อน


“ขอรับกระผม” ยิ่งใหญ่ลากเสียง “ยิ้มเยอะๆนะ เวลานายยิ้มหรือหัวเราะ เราว่านายดูสดใสกว่าตอนปกติซะอีก”


แต้มเลิกคิ้ว ใครบ้างที่หัวเราะแล้วโลกไม่สดใส “หัวเราะไปเรื่อยคนเขาก็ว่าเราบ้าน่ะสิ”


ยิ่งใหญ่ถอนหายใจ “หรือว่านายบ้าจริงๆวะเนี่ย”


“นายโชคดีนะ ที่ได้เห็นเราบ้า” ว่าแล้วแต้มก็หัวเราะอีกครั้ง ในขณะที่อีกคนกำลังทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆกาย


***********************************************************************



From Writer

ขอถือโอกาสนี้ กล่าวสวัสดีปีใหม่กับนักอ่านทุกท่านนะครับ

ขอให้มีแต่ความสุข สมหวัง ร่างกายแข็งแรง

พบพานกับความรักทีดี มีโชคลาภ ร่ำรวย 

ที่สำคัญ ขอให้พบเจอแต่เรื่องดีๆตลอดปี 2018 และตลอดไป

อย่าเจ็บ อย่าจน

HNY 2018

**อ่านแล้วอย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยนะครับ ^_^



หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 12 (UP:: วันปีใหม่ 2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2018 21:13:52
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 12 (UP:: วันปีใหม่ 2561)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 02-01-2018 10:46:34
:L2: :pig4:

 :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 13 (UP:: 3 ม.ค. 2561)
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 03-01-2018 13:16:53


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 13. รับมือ



                ต้องตาไม่ได้หยุดวันเสาร์หรืออาทิตย์เหมือนคนทั่วไป แต่เธอก็ชินกับมันแล้ว เพราะงานบริการ ต้องทำงานในวันที่คนอื่นหยุด และจะได้หยุดก็ต่อเมื่อเป็นวันทำงานของชาวบ้าน ปกติเธอจะได้หยุดวันอังคารหรือพุธวันใดวันหนึ่งแล้วแต่ตารางเวรที่จัดมาให้ ช่วงแรกๆเธอโหยหาชีวิตในออฟฟิศเป็นอย่างมาก ที่ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น มีเวลาพักทั้งเสาร์และอาทิตย์ มีวันหยุดตามปฏิทินราชการ แต่พอปรับตัวได้ การทำงานหกวันต่อสัปดาห์ก็ไม่ใช่สิ่งที่หนักหนาจนทนไม่ได้

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเปลี่ยนแปลงความเคยชิน หลังจากวันนั้น คุณยอดเยี่ยมก็เหมือนจะไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะเข้ามาใกล้ชิด เขาไม่ได้แสดงออกแบบโจ่งแจ้ง แต่ก็พอจะทำให้เธอหงุดหงิดได้ไม่น้อยกับการที่เขามาเดินตรวจตราหน้าฟร้อนท์บ่อยครั้ง(และบ่อยมากจนเกินความจำเป็น) ลงมาทักทายลูกค้าที่กำลังเช็คอินด้วยตัวเองเป็นประจำ (ซึ่งผู้บริหารคนเก่าไม่ค่อยทำ จะลงมาต้อนรับเฉพาะวีไอพีเท่านั้น) และหลังจากที่คุยกับลูกค้าแล้วก็จะส่งยิ้มหวาน (ที่ในสายตาของเธอมองว่ามันเป็นยิ้มแหยๆ) มาให้ ... แต่พนักงานต้อนรับไม่ได้มีแค่คนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่โดนใครมาเพ่งเล็งเท่าไรนัก

“ช่วงนี้คุณยอดลงมาที่ฟร้อนท์บ่อยเนอะ” เพื่อนร่วมงานของต้องตาตั้งข้อสังเกต ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันทุกวันจนเธอไม่รู้สึกกระด้างกระเดื่องในใจอีก

“สงสัยอยากจะสร้างความประทับใจกับลูกค้ามั้ง” ต้องตาตั้งข้อสังเกต ในบางทีเธอก็เรียกลูกค้าว่าแขก บางทีก็เรียกว่าลูกค้า แล้วแต่อารมณ์ ณ ตอนนั้น

“หรือว่าเค้าจะติดใจยัยนิว” เพื่อนร่วมงานลดระดับเสียงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ “นังนั่นสวยอยู่นะ ดูปากสิ แดงยังกะลูกตำลึง คงจัดเต็มมายั่วคุณยอดแน่ๆ” ต้องตาเขี่ยข้าวในจาน รู้สึกรำคาญบทสนทนานี้ แต่ก็ทำให้แค่ยิ้มและพยักหน้าหงึกๆรับคำ

เสียงเพจเจอร์ดัง บี๊บ... ต้องตาหยิบมาเปิดอ่านข้อความ “มีลูกค้าคอมเพลน ไปก่อนนะ” เธอลุกไปทันทีไม่ต้องรอคำอนุญาต

“เดี๋ยวนี้ยัยตาต้องไปทำคอมเพลนด้วยเหรอ พนักงานโรงแรมขาดแคลนขนาดนั้นเลยรึไง” หนึ่งในบรรดาเพื่อนร่วมงานบ่น

“แหมแก ทำเป็นไม่เคย ชั้นยังเคยไปเช็ดกระจกประตูทางเข้าโรงแรมเลย” พนักงานบาร์เทนเดอร์บ่นอุบ

ต้องตาเดินมาตามทาง และหยุดยืนหน้าห้องลูกค้า เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปอย่างใจเย็น

“คุณยอดเรียกดิชั้นมา ต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่าคะ” เธอรักษาระยะ

“นั่งก่อน” ผู้เป็นนายยิ้ม “อย่าเพิ่งพูดจาห่างเหินกันแบบนี้สิ”

ต้องตานั่งลงตามคำเชิญ นึกถึงข้อความในเพจเจอร์ “ครบกำหนดให้คำตอบแล้ว มาเจอกันที่...” ท่านั่งหลังตรงได้มาตอนที่เธอเป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินหนึ่ง ที่นักบินเจ้าชู้และมือไวดุจปลาหมึก เมื่อหมดสัญญา ต้องตาไม่ต่อสัญญาและไม่ไปสมัครที่อื่นอีก แต่บุคลิกที่ได้รับการปลูกฝังมันยังติดตัวเธอมา “ผมหวังว่าคุณจะจำได้...”

“จำได้ค่ะ” ต้องตายอมรับ เธอไม่มีความจำเป็นต้องเฉไฉ ผู้ชายคนนี้เป็นคนตรงๆ หรืออีกนัยน์หนึ่ง อาจจะเป็นคนซื่อแบบที่เขากล่าวอ้างก็ได้ “แต่ดิชั้นยังไม่เข้าใจว่า คุณยอดชอบอะไรในตัวดิชั้นนักหนา” น้ำเสียงที่ออกมาราวกับกำลังคิดว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ” ยอดเยี่ยมสบตา ผิวสีน้ำผึ้งเนียบเรียบเสริมให้ใบหน้านั้นสละสวยยิ่งขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเดินผ่านเธอไปได้แบบไม่ต้องหันไปมองเลยสักครั้ง

“แต่...” ต้องตาพยายามเอ่ย แต่ก็ไม่มีคำไหนหลุดมาอีก

“ผมรู้ คุณกำลังตกใจ คุณกำลังคิดว่าผมกำลังปั่นหัวคุณเล่น”

“แล้วดิชั้นไม่ควรคิดอย่างนั้นเหรอคะ” สำหรับต้องตาแล้ว ผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนี้ น่าจะมีคนที่คบหาอยู่แล้ว การมาหาเธอนั้นก็เหมือนมาหาขนมหวานทานแก้เลี่ยนคั่นเวลา

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ยอดเยี่ยมนั่งท่าที่สบายขึ้น มองลึกไปในสายดำขลับของหญิงสาว “ผมหมายถึง ผมไม่มีใคร ไม่มีแฟน ผมจีบผู้หญิงไม่เป็น ชอบผมก็บอกว่าชอบ”

“คุณกำลังทำให้ดิชั้นกลัว” ต้องตาชิงพูดความจริง

“ผมรู้ ผมขอโทษ” ยอดเยี่ยมพูดอย่างจริงใจ ต้องตาปฏิบัติกับชายตรงหน้าเยี่ยงชายหนุ่ม มิใช่เจ้านายกับลูกน้อง ลักษณะการข่มขวัญนั้นเกิดขึ้นเองตามสัญชาติญาณการป้องกันตัว เธอไม่ใช่หญิงสาวัยแรกแย้ม ปีนี้เธออายุ 32 แล้ว แต่ผู้ชายตรงหน้า เด็กกว่าเธอราว 6 หรือ 7 ปีเห็นจะได้

“แต่ดิชั้นแก่กว่าคุณ” ต้องตาพูดความในใจ “มีคนที่สวยกว่าดิชั้น คุณสมบัติดี เพียบพร้อมกว่าดิชั้นเข้าแถวให้คุณเลือกเยอะแยะ ทำไมคุณจะต้องมาสนใจคนธรรมดาอย่างดิชั้นด้วยล่ะคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่หากฟังผ่านๆจะดูเหมือนว่าเธอเป็นคนก้าวร้าวแข็งกระด้างอยู่ในที

“ความชอบมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” ยอดเยี่ยมแย้ง “อย่างผมชอบกินขนมปังหน้าหมู มากกว่าขนมปังกระเทียม ผมต้องบอกเหตุผลกับทุกคนด้วยเหรอ” เขายกกาแฟขึ้นมาจิบ จ้องหน้าของหญิงสาวที่ทำท่าจะค้าน แต่ก็ไม่พูดอะไร

“ที่ผมเชิญคุณมาวันนี้ ผมยังไม่ได้อยากได้คำตอบหรอก ว่าคุณจะให้ผมจีบคุณได้ไหม” ต้องตาฟังแล้วขวมดคิ้วทันที ถ้าไม่ต้องการคำตอบแล้วจะเรียกมาทำไม... “แต่ผมอยากให้คุณช่วยผม ว่าถ้าผมจะจีบคุณผมต้องทำยังไงบ้าง”

ต้องตารู้สึกว่าตัวเองกำลังรับมือกับคนที่พูดยากยิ่งกว่าลูกค้าคอมเพลนว่าผ้าเช็ดตัวของโรมแรมมีขนาดไม่เท่ากันเสียอีก...

***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 13 (UP:: 3 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-01-2018 18:35:01
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 13 (UP:: 3 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 04-01-2018 12:35:55


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 14. คืนวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์



“ที่นายเงียบเพราะใช้ความคิด หรือเพราะนายไม่รู้จะตอบยังไงกันแน่วะ” ยอดเยี่ยมยกแก้วสีชาขึ้นมาจิบ ชีวิตหนุ่มโสดแบบเขานอกจากทำงานและกลับบ้าน ก็มีแค่งานสังสรรกับเพื่อนสนิทบ้างเท่านั้น

“ทั้งสอง” เพื่อนเขาตอบ คนในร้านกำลังมองทั้งคู่ราวกับตัวประหลาด หนุ่มหล่อคนหนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตอย่างดี กางเกงสแล็กสีอ่อนกลืนไปกับสีผิวขาวละเอียด ผมสั้นจัดทรงเรียบ บุคลิกน่าคบหา แต่คนที่นั่งตรงกันข้ามสวมเสื้อยีนส์สีซีด กางเกงยีนส์เก่าขาดไปทั่ว ผมยาวรุงรังถึงกลางหลังชี้ไปหลายทิศทางไม่ได้มัด หนวดเครายาวเฟิ้มราวกับเพิ่งออกมาจากป่าที่ไหนสักแห่ง

“เห้อ” ยอดเยี่ยมถอนหายใจ เขาดื่มมาหลายแก้วจนหน้าร้อนผ่าว

“นายชอบเธอ เพราะว่าเธอเอากระเป๋ามาตีนายเนี่ยนะ”

“อืม” เขาตอบกลางยกแก้วขึ้นมากระดก “แปลกตรงไหนวะ”

“ตรงไหนไม่แปลกวะไอ้ยอด ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีถึงขั้นตีนายแล้วนายมาเพ้อได้ขนาดนี้” ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มกอดอก “มีผู้หญิงตั้งเยอะมาเข้าแถวรอให้นายเลือก ทำไมต้องคนนี้วะ”

ยอดเยี่ยมทำหน้าลำบากใจที่จะตอบ เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องตอบอย่างไร “ไม่รู้ว่ะ”

“เป็นเอามากนะเนี่ย ชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิว่าจะสวยขนาดไหน ถึงขั้นทำให้นายยอดเยี่ยมนักธุรกิจหนุ่มเพ้อหาได้ขนาดนี้ แถมยังเข้าหาแบบโต้งๆไร้ศิลปะอีกด้วย”

“นายจะย้ำทำไมเนี่ย” ยอดเยี่ยมรู้สึกกำลังเป็นรอง เพื่อนคนนี้กำลังจี้ใจเขา “นี่เรามาปรึกษานะเว้ย ไม่ได้มาให้นายเหน็บ”

เพื่อนเขาหัวเราะ “เออ ขอโทษที ตั้งแต่รู้จักกันมา นายไม่ใช่คนแบบนี้นี่หว่า วันๆทำแต่งานไม่สนใจใคร จนนึกว่าไม่ชอบผู้หญิงซะอีก”

“เหอะ” ยอดเยี่ยมส่งเสียง “มันก็แค่ไม่เจอใครที่ถูกใจไง”

“แล้วพอเจอที่ถูกใจ ก็ดันจีบไม่เป็น”

ยอดเยี่ยมรู้สึกมวนท้อง “นี่... ไอ้สัน เรามาขอคำแนะนำนะเว้ย ไม่ได้มาขอคำทับถม”

พิสันต์ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นแววตาซุกซน “มาถามเราเนี่ยนะ”

“เออสิ ไม่ถามนายจะถามใคร นายน่ะเพื่อนสนิทเรานะเว้ย”

พิสันต์ถอนหายใจ “ตั้งแต่รู้จักกันมา เราทั้งคู่ก็ไม่เคยจีบสาวที่ไหน นายมาปรึกษาได้ถูกคนจริงๆว่ะเพื่อน”

***********************************************************************

                ยิ่งใหญ่สะดุ้งตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้าด้วยเสียงครางดังมาจากในห้อง เขารู้สึกปวดหัวหนึบ ลำคอแห้งผากด้วยความกระหาย ที่นอนข้างๆว่างเปล่า เด็กหนุ่มพับผ้าห่ม เก็บที่นอนให้เป็นที่เพื่อไม่ให้เกะกะทางเดินของบ้าน ก่อนที่จะถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านใน

                สภาพของห้องด้านในไม่ได้น่าดูเท่าไรนัก มันไม่อาจเรียกว่าห้องนอนได้อย่างเต็มปาก เตียงนอนผู้ป่วยตั้งอยู่ริมสุดฝั่งทิศตะวันตก มีหน้าต่างเล็กๆเพื่อระบายลมเปิดไว้ มีที่นอนเก่าๆอยู่ใกล้เตียงนอน มุ้งสีชมพูอมเหลืองที่บ่งบอกสภาพและอายุการใช้งานหลายปีถูกปลดและนำไปห้อยไว้ที่หัวนอน ในห้องมีทีวีเก่าๆ กล่องพลาสติกที่เดาว่าสำหรับใส่เสื้อผ้า กระจกตั้งโต๊ะกรอบสีฟ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแป้งหรือฝุ่นก็ไม่ทราบได้วางอยู่ด้านบน เมื่อส่องไปก็แทบจะไม่เห็นเงาสะท้อน ชายรูปร่างสูงแต่ผอมติดกระดูกนอนอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง มีท่อที่เขาไม่รู้มีไว้เพื่ออะไรสอดเข้าที่จมูก พ่อของแต้มนอนตะแคง เขาเห็นจากตรงนี้ว่ากะโหลกศีรษะด้านขวายุบเข้าไปด้านในราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แต้มกำลังบีบนวดชายคนนั้นอย่างไม่อิดออดหรือแสดงความน่ารำคาญ ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้ชายคนนั้น สายตาที่มองกลับมาราวกับรับไหว้อย่างเป็นมิตร

“เราช่วยนะ” ยิ่งใหญ่นั่งข้างๆ

“ไม่เป็นไรหรอก นายไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนก็ได้”

“เห้ย ไม่เป็นไร ให้เราช่วยเถอะ” พูดจบเขาก็บีบที่น่องไร้กล้ามเนื้อของผู้เป็นบิดาของเพื่อน

“ขอบใจนะ” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงบางเบา แต่มันกลับชัดเจนในโสตประสาทของเขา

                ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ยิ่งใหญ่กับแต้มช่วยกันนวดผู้เป็นพ่อที่นอนติดเตียงแบบนี้ แต่เขาไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ในใจกลับรู้สึกชื่นชมคนที่นวดอยู่ข้างๆอย่างท่วมท้น แต้มเป็นคนที่ทำให้เขาประทับใจตั้งแต่ปฏิบัติตัวกับผู้เป็นแม่ และยิ่งทำให้เขารู้สึกดียิ่งขึ้นที่ได้เห็นการกระทำของเพื่อน ณ เวลานี้

“เด็กๆ ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวแม่นวดต่อเอง” แม่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบและวางอาหารบดละเอียดลงข้างๆ

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมยังไม่หิว ให้ผมช่วยนะครับ” ยิ่งใหญ่ตอบ

ผู้เป็นแม่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวแม่ป้อนข้าวพ่อ มันจะเลอะเทอะหน่อย อยู่ตรงนี้ก็เกะกะแม่เปล่าๆ...แต้ม พาใหญ่ไปกินข้าวไป นี่ล้างหน้าล้างตารึยัง”

ยิ่งใหญ่ส่ายหัว “ไปล้างหน้าล้างตาก่อน ดูสิ ผมเผ้ากระเซิงหมดละ” แม่พูดจบ ยิ่งใหญ่ก็ใช้มือลูบใบหน้า สภาพของเขาคงโทรมมากจริงๆก่อนหันบตาแต้ม อีกฝ่ายไม่ตอบ พยักหน้าหนึ่งทีเป็นเชิงบอกว่า ทำตามที่แม่พูดเถอะ

“นายทำการบ้านรึยัง” แต้มถาม

“การบ้านอะไร” ยิ่งใหญ่ทำหน้าเหรอหรา

“อย่าบอกนะว่านายลืม” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ เพราะเขาลืมจริงๆ

วันนั้นทั้งวัน ทั้งคู่ต่างก็ลงมือทำการบ้านที่ท่วมตัวอย่างรีบร้อน ยิ่งใหญ่ต้องไปซื้อสมุดใหม่เพื่อทำการบ้านครั้งนี้ เพราะที่บ้านแต้มไม่มีสมุดเหลืออยู่ อีกทั้งเขาไม่ได้พกอุปกรณ์การเรียนติดมาด้วย ยิ่งใหญ่ซื้อยาแก้ไข้แผงหนึ่งและขนมนมเนยมากองไว้จนเต็มโต๊ะญี่ปุ่น

“นายซื้อมาทำไมเยอะแยะเนี่ย” แต้มบ่น

“ซื้อมาให้นายไง” ยิ่งใหญ่ยิ้ม และลงมือทำการบ้าน จนพระอาทิตย์คล้อยบ่าย พวกเขาถึงทำเสร็จทุกวิชา

“แม่ฝากถามว่าคืนนี้นายจะค้างที่นี่มั้ย”

“นายว่าไงอะ เราไม่มีชุดนักเรียนเหลือเลยนะ”

“แล้วแต่นาย” แต้มตอบเสียงเรียบ ยิ่งใหญ่ครุ่นคิด

“กลับก่อนดีกว่า ผ้ากองเบ้อเริ่มที่ห้องยังไม่ได้ซักด้วย” จริงๆแล้วเขารู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่อยากให้แต้มติดไข้เขาต่างหาก

“อืม” แต้มตอบสั้นๆ และไม่พูดอะไรอีก

***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 06-01-2018 07:55:27


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 15. ติดต่อทางบ้าน 

 

                มันเป็นวันจันทร์ที่น่าเบื่อ แต้มมองโต๊ะข้างๆที่ว่างอยู่อย่างด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ยิ่งใหญ่ไม่ได้มาเรียนในวันนี้ การบ้านที่ทำด้วยกันเมื่อวานก็ไม่ได้ส่ง

“มีสเตอร์กอระกิด เพื่อนไปไหน” อาจารย์สอนภาษาอังกฤษถาม เพราะจะมีแค่ยิ่งใหญ่ที่คอยตอบคำถามอาจารย์ในวิชานี้ ส่วนคนที่เหลือต่างพากันเงียบราวกับไม่ได้พกปากมาเรียนด้วย

“อะ เอ่อ” แต้มอึกอัก เพราะกำลังตะโกนบอกอาจารย์ในใจว่าเขาชื่อกรฤต ไม่ใช่ กอระกิด

“ยิ่งใหญ่ไม่สบายครับ” เขานึกถึงความเป็นไปได้ถึงเหตุผลที่เพื่อนของเขาจะขาดเรียนโดยที่ไม่บอกล่วงหน้า รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ลืมไปว่าเมื่อวานยิ่งใหญ่ซื้อยาแก้ไข้มาด้วย

“งั้นฝากชีทให้เพื่อนด้วยนะ” อาจารย์ดูเหมือนจะเอาใจใส่ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ “แล้วอย่าลืมให้เพื่อนเขียนใบลาด้วยล่ะ ไปเอาฟอร์มใบลาที่ห้องธุรการนะ”

แต้มไม่มีทางเลือกนอกจากตอบรับว่าครับ

                การติดต่อกับที่บ้านค่อนข้างลำบากสำหรับแต้ม เพราะที่บ้านไม่มีเพจเจอร์ และอย่าได้ถามถึงโทรศัพท์ มันช่างห่างไกลจากชีวิตเขาเหลือเกิน แต่การนั่นก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเพียงแค่ไปที่ตู้โทรศัพท์ กดเบอร์ 17 และสอบถามหมายเลขของตู้โทรศัพท์ที่อยู่หน้าปากซอยบ้าน เขารอยสายอยู่นานจนหมดไปสามเหรียญ ท่องเบอร์ที่ได้รับมา ต่อสายไปที่ตู้โทรศัพท์นั้น และหวังว่าจะโชคดีมีคนผ่านมาได้ยินและรับสาย

เสียงรอสายดังอยู่นาน ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยง หน้าปากซอยเป็นร้านขายของชำที่ไม่ค่อยมีคนดูแล ปกติวันเสาร์และอาทิตย์จะมีลูกของป้านวลช่วยขายของหน้าร้าน แต่วันนี้วันจันทร์ลูกของแกก็มาเรียน แถมอยู่ในโรงเรียนนี้เหมือนกันอีก แต้มรอสายจนแทบจะถอดใจ จนกระทั่งเสียงเหรียญตกลงไป เขาถึงรีบพูดทันที “ฮัลโหล นั่นใครครับ”

“ป้านวล นี่ใคร” ป้าเจ้าของร้านขายของชำตอบ

“สวัสดีครับป้านวล ผมแต้มครับลูกแม่เติม พอดีผมมีธุระด่วนจะคุยกับแม่ ป้านวลช่วยไปตามแม่มาให้หน่อยได้ไหมครับ” แต้มขอร้องอย่างเกรงใจ

“ได้ เดี๋ยวป้าตามให้ เดี๋ยวโทรมาใหม่นะ” แต้มรับคำอย่างยินดี นี่แหละเสน่ห์ของคนบ้านนอก น้ำใจคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีไม่ขาดสาย

แต้มโทรไปอีกทีเมื่อเวลาผ่านไปห้านาที เมื่อไม่มีใครรับสาย เขาก็โทรไปอีกทุกๆหนึ่งนาที จนเกือบจะบ่ายโมงแม่ถึงจะมารับสาย

“โหแม่ ทำไมนานขนาดนี้” แต้มบ่นอุบ

“แม่ลืม” แม่ตอบง่ายๆ แต้มขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่านิสัยแบบนี้จะตกทอดมาถึงเขาไหม “ว่าไงลูก ป้านวลบอกว่ามีธุระด่วน”

ขนาดบอกว่าด่วน แม่ยังลืม... แต้มบ่นในใจ “ใหญ่ไม่สบายน่ะแม่ วันนี้ไม่ได้มาเรียน ผมว่าจะไปหาหน่อยตอนเย็น อาจจะกลับค่ำๆ”

“อ๋อ ไปดูเพื่อนก่อนก็ได้ คงป่วยเพราะไปหาปลาวันก่อนนั่นแหละ” แต้มฟังแล้วรู้สึกผิดในทันที “ถ้ากลับไม่ทันก็ค้างที่นั่นก็ได้นะไม่ต้องห่วงทางนี้”

(-“-) >>> หน้าของแต้ม

แม่บอกออกมาโดยที่เขาไม่ต้องขออนุญาต และเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองไม่มีความจำเป็นต้องค้างหรอก แค่จะไปดูอาการ เอาการบ้านไปให้และเอาใบลาไปให้เซ็น รีบไปรีบกลับ...พวกเขาคุยกันสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

                ตลอดทั้งบ่าย แต้มเรียนอย่างไม่มีสมาธิ พอที่นั่งข้างๆมันว่างเขาก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่ปกติเขามักจะรำคาญเวลาที่นายใหญ่คอยแต่จะชวนคุยตลอดทั้งคาบ เขานั่งเหม่อจนไม่รู้ว่ามีใครบางคนมายินข้างๆ

“แต้ม” เสียงเรียกชื่อทำให้เขารู้สึกตัว

“อ้าวอาร์ท มาตอนไหน” แต้มขานรับคนที่มาหา ตอนนี้คนในห้องเริ่มคุ้นเคยกัน แต่แต้มไม่แน่ใจว่าคนอื่นไปรู้จักชื่อเล่นเขาตอนไหน

“คือเราจะมาขอโทษเรื่องวันก่อนอะ ที่เราเข้าใจผิดนายไป” อาร์ททำหน้าจ๋อยแบบรู้สึกผิด แต้มรู้สึกเคอะเขินพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มกลับไป ในหัวกำลังประมวณผลว่าควรจะตอบกลับยังไงดี

“ไม่เป็นไร” สุดท้าย แต้มก็ตอบสั้นๆ และส่งยิ้มแหยๆให้อีกที

“อื้อ เราขอโทษจริงๆนะ เราไม่สบายใจเลยที่คิดแบบนั้น”

“ไม่เป็นไร อย่าคิดมากนะ” แต้มตอบ ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าหนักแน่นที่สุด

“ขอบใจมากนะ” อาร์ทยิ้ม ใบหน้าเปิดเผยดูดีใจสุดขีด

หลังจากอาร์ทเดินกลับไป แต้มก็ได้แต่มองเวลา อีกสองชั่วโมงจะถึงเวลาเลิกเรียน....

***********************************************************************

                นับตั้งแต่โรงแรมเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ต้องตาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนคือ คุณยอดเยี่ยมนั้นมีความใกล้ชิดกับพนักงานมากขึ้น ถ้าพูดอย่างเข้าข้างตัวเอง หมายความว่าเขากำลังรุกเธออย่างหนัก ที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างคือ ระบบการเช็คอินเปลี่ยนไป รวมไปถึงระบบการจอง ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ต และการฝากข้อมูลโรงแรมไว้กับเว็บไซต์สำหรับจองโรงแรมโดยเฉพาะอีกด้วย

“เว็บนี้กำลังได้รับความนิยมจากต่างประเทศ ผมเลยอยากเอามาปรับใช้” เขาชี้แจงกับหน่วยงานการตลาด ซึ่งข้อมูลนี้กำลังเป็นที่วิพากย์วิจารณ์กันอย่างออกรสจากพนักงานรุ่นเก่าและยังไม่เคยชินกับการทำงานผ่านวิธีนี้มาก่อน

“มันจะเป็นไปได้ไง ให้ใครก็ไม่รู้มาจองผ่านคอม มันจะปลอดภัยเหรอ”

“ใช่ แล้วอีกอย่าง จะรู้ได้ไงว่าแขกจะเข้าจริงๆ จองหลอกๆมาก็ได้”

“คุณยอดคงประสาทกลับไปแล้ว จองทางโทรศัพท์แบบนี้ก็ดีแล้ว ทำไมต้องสร้างงานเพิ่มด้วยนะ”

                ต้องตารับฟังข้อมูลและคำโต้แย้งแบบลับๆจากพนักงานปากต่อปาก เธอไม่ได้ตอบโต้อะไรกับความขัดแย้งเล็กๆนี้ ในฐานะที่เป็นลูกจ้าง เจ้านายสั่งมาก็ต้องทำตาม และเธอกำลังเหนื่อยหน่ายอยู่ ณ เวลานี้ เพราะความต้องการของทุกคนดูเหมือนจะไปกันคนละทิศคนละทาง

“ผมหวังว่าการอบรมวันนี้ ทุกคนจะสามารถนำไปปรับใช้กับงานของเรานะครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังยอดเยี่ยมพูดจบ เขาต้องการให้โรงแรมนี้ยกระดับไปอีกขั้น จึงจัดให้มีการอบรมเรื่องระบบการจองผ่านเว็บไซต์และการใช้อีเมล์ขึ้น พนักงานต่างทะยอยเดินออกไป ต้องตาเก็บเอกสาร และข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋า

“คุณตาครับ” เสียงหนึ่งเรียก

“คะ” ต้องตาหันตัวกลับไปตามเสียงเรียกนั้น

“ผมอยากได้ฟีดแบ็คจากคุณเรื่องการอบรมวันนี้ คุณพอจะคอมเม้นต์หน่อยได้ไหมครับ”

“เอ่อ” ต้องตาลังเลและหลบสายตากับบุรุษหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า “ในแง่ไหนคะ”

“แง่ไหนก็ได้ครับ ขอแค่เป็นความคิดเห็นของคุณ” ชายหนุ่มพูด พลางส่งยิ้มหวานมาให้

ต้องตารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่ชอบวิธีการแบบนี้เลย ชายหนุ่มเปลี่ยนจากคนที่เข้ามาหาแบบโต้งๆ เป็นการพูดคุยแบบค่อยเป็นค่อยไปภายในข้ามวันได้อย่างไรกัน

“ในแง่ของความรู้ ตา เอ่อ ดิชั้นคิดว่า” ต้องตาติดเรียกชื่อตัวเองในบทสนทนาเสมอ

“แทนตัวเองว่าตาก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาใช้สะโพกพิงกับโต๊ะนั่ง สองแขนล่ำยันไว้ ปล่อยไหล่สบายๆ

“ค่ะ” ต้องตาปรับเสียงให้เป็นการเป็นงาน “ในส่วนของความรู้ ตาคิดว่ามันยังใหม่สำหรับพนักงานหลายๆคนในโรงแรมนี้นะคะ” เธอตอบตามข้อมูลที่ได้ยินมา “สำหรับตาเอง ไม่ขัดข้องหากจะใช้ระบบนี้ แต่กับพนักงานคนอื่น คุณยอดจะต้องทำให้พวกเขาเห็นว่า ระบบใหม่มันดีกว่าระบบปัจจุบันนี้ และไม่ได้เป็นการเพิ่มงานให้พวกเขาค่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขารู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆที่ถามหญิงสาว “แล้วผมจะต้องทำอย่างไรล่ะครับ เพื่อให้ทุกคนยอมรับระบบนี้”

“อันที่จริงแล้ว พนักงานก็ควรจะเปิดใจด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่คุณพยายามฝ่ายเดียว” ต้องตาตอบตามที่เขาคิดเป๊ะ “อย่างที่ตาบอก ของมันยังใหม่ คนก็แค่อาจจะไม่คุ้นชินกับมัน ถ้าให้ตาเสนอนะคะ ก็ควรใช้สองระบบไปก่อน และให้มีพี่เลี้ยงสักคนหรือสองคนมาเรียนงานกับคุณยอดหรือใครก็ได้ที่รู้เรื่องระบบนี้ แล้วให้เป็นเหมือนพี่เลี้ยงไปคอยสอนหน้างานตอนรับจอง สรุปงานอีกที”

ชายหนุ่มทำหน้าทึ่ง “คุณคิดได้ยังไงเนี่ยประเด็นนี้ ผมยังคิดไม่ตกเลย”

ต้องตาเผลอยักไหล่โดยไม่รู้ตัว เธอมักจะมีอาการแบบนี้เวลาพึงพอใจและแสดงออกในกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น “คงเพราะดิชั้นทำงานมาหลายที่มั้งคะ”

“แทนตัวเองว่าตาก็ได้ครับ” เขายืนยัน “ถ้าอย่างนั้น คุณตาไปหาคนที่พอจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆได้ง่ายแบบคุณตาอีกสักสองคนนะครับ ผมว่าผมจะให้คุณเป็นคนนำทีมในงานนี้”

ต้องตาหน้าเหวอ รู้สึกหงุดหงิดตัวเองอย่างที่สุด ที่ให้คำแนะนำไปแบบนั้น ***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-01-2018 08:18:37
Thanks krab!
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 06-01-2018 14:32:37
Thanks krab!


ขอบคุณที่มาติดตามครับ อิอิ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-01-2018 21:22:15
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 06-01-2018 22:46:20
:L2: :L1: :pig4:


มาแอบอ่านเหรอครับ อิอิ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-01-2018 02:47:33
ชอบแต้มจัง คนกตัญญูแบบแต้มอยู่ที่ไหนก็เจริญ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-01-2018 20:25:31
ชอบแต้มจัง คนกตัญญูแบบแต้มอยู่ที่ไหนก็เจริญ


ดีใจที่ชอบนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต – ตอนที่ 15 (UP:: 6 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2018 09:24:53

(http://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/538376699-member.jpg)


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 16. สุนัขจิ้งจอก




  คาบสุดท้ายเป็นวิชาแนะแนวที่อาจารย์ไม่ค่อยเข้าสอนอยู่แล้ว แต้มดูเวลาว่าผ่านไปครึ่งทางเมื่อไม่มีอาจารย์มาก็เก็บของใส่กระเป๋าและเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ข้อดีของการไม่เป็นจุดสนใจของเพื่อนๆคือ ไม่มีใครมามองหรือตั้งคำถามว่าเขาจะไปไหน ทำอะไร เขาเดินลงจากชั้นสี่สังเกตว่าแทบทุกชั้นเรียนกำลังอยู่ระหว่างการเรียนการสอน ช่วงนี้ประตูโรงเรียนเปิดแล้ว เพราะเด็กชั้นม.ต้นเลิกตั้งแต่บ่ายสามครึ่ง ผู้ปกครองที่มีเวลามารับบุตรหลานไปบางส่วน รถขายลูกชิ้นทอด น้ำหวาน ขนมต่างกรูกันเปิดขายเรียงไปตับเลาะตามถนนที่ข้างโรงเรียน เขาลัดไปทางประตูนั้น มองโรงอาหารที่อยู่ด้านซ้ายมือกำลังคลาคล่ำไปด้วยเด็กนักเรียนหลายระดับชั้น เสียงหัวเราะ พูดคุยดังอื้ออึงรอบทิศ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะจะเดินออกมาโดยที่รปภ.ไม่ถามและอาจารย์เวรไม่ตรวจตราขอใบอนุญาตออกก่อนเวลา

 เมื่อเลี้ยวขวาออกจากประตู แต้มก็เดินมาเรื่อยๆประมาณสี่ร้อยก้าว อพาร์ตเม้นหรูก็ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม มันอยู่ใกล้โรงเรียนจนแทบไม่มีความจำเป็นจะต้องมาสาย หรือขาดเรียนโดยไม่มีใบลาแบบนี้ เขามองซ้ายมองขวา พอถนนโล่งก็เดินข้ามฝั่งและตรงเข้าไปในตึก

  โชคดีที่คนเฝ้าตึกเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ไม่เรื่องมาก เขาแค่บอกว่ามาหาใครเพื่อจะเอาของมาให้เพราะขาดเรียน คุณลุงคนนั้นก็บอกเลขห้องเสร็จสรรพ แถมยังเปิดประตูใหญ่ให้อีกด้วย คงเพราะเห็นการแต่งตัวในชุดนักเรียนกระมัง เลยไม่ต้องกังวลให้มากมายเรื่องมิจฉาชีพ อันที่จริงเชียงรายก็เป็นเมืองที่มีอัตราการโจรกรรมต่ำอยู่แล้ว ทำให้คนที่นี่ไม่ค่อยกังวลกันเท่าไร

 แต้มเดินอย่างช้าๆแทนการใช้ลิฟต์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่ห้องของยิ่งใหญ่ ยิ่งคิดยิ่งประหลาดใจในตัวเองว่าทำไมมาจับพลัดจับผลูสนิทกับผู้ชายคนนี้เสียได้ อาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นเด็กใหม่กันทั้งคู่ ต่างมารู้จักกันที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ด้วยนิสัยแบบเขา ที่สนิทกับผู้คนค่อนข้างยากแล้ว การที่ปล่อยให้ยิ่งใหญ่ไปค้างที่บ้าน หรือการมาหายิ่งใหญ่ถึงที่นี่ มันผิดวิสัยอย่างที่สุดเช่นกัน

 แต้มเคาะประตูอยู่นาน ไม่มีเสียงใดๆตอบรับ ระหว่างยืนคิดว่าจะทำอย่างไรต่ออยู่เงียบๆเพราะจำเบอร์เพจเจอร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาลองจับลูกบิดประตู ก่อนจะพบว่ามันไม่ได้ล็อค

“ใหญ่” แต้มเรียกด้วยเสียงที่คิดว่าไม่ดังจนเกินไป แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจนต้องดันประตูและพาตัวเองเข้าไปในนั้น

ห้องนอนของยิ่งใหญ่กว้างกว่าห้องนอนบ้านของเขาเสียอีก  ภายในห้องมืดสนิทด้วยผ้าม่านสีทึบหนา ความอบอ้าวปกคลุมไปทั่วจนแต้มอึดอัด คนขี้ร้อนแบบยิ่งใหญ่ทนอยู่ได้อย่างไรกับสภาพห้องแบบนี้ เมื่อไม่มีสัญญาณสิ่งมีชีวิตตอบรับ เขาเลยตัดสินใจเดินเข้ามาในห้อง ที่นั่นเองแต้มได้เห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งนอนตัวงอภายใต้ผ้าห่มหนา แค่เห็นแต้มถึงกับเหงื่อย้อยแทน เพราะอากาศด้านนอกมันร้อนแสนสาหัส สงสัยว่าคืนนี้ฝนคงจะเทลงมาอย่างหนักแน่ๆ

“ใหญ่” แต้มนั่งลงข้างเตียง ใช้มือเขย่าที่แขน มีแต่เสียง อือ อือ  ตอบรับมาเท่านั้น พอแตะที่คอก็พบว่ายิ่งใหญ่ยังตัวร้อนอยู่

 แต้มเปิดโคมไฟที่โต๊ะญี่ปุ่นที่วางกลางห้อง คงจะเป็นที่นั่งทำการบ้านของคนป่วย แสงไฟสลัวพอให้มองอะไรได้บ้าง ก่อนจะหาอุปกรณ์ที่ต้องการและกลับมาที่เตียง ถ้านี่เป็นฉากในละคร คงเป็นละครที่สุดแสนโรแมนติก แต่อาจจะดูผิดที่ผิดทางไปหน่อยที่ตัวเองเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต้มกำลังใช้ผ้าขนหนูซับน้ำเย็นเช็ดใบหน้า และตามคอของยิ่งใหญ่ อีกฝ่ายตัวสั่นร้องครวญครางว่าหนาว หนาว ไม่ขาดปาก

“อดทนหน่อยนะ นายตัวร้อนมาก” แต้มเช็ดต่อ เมื่อเริ่มคุ้นกับความมืดในห้องนี้แล้ว ก็สังเกตได้ว่ายิ่งใหญ่เป็นคนค่อนข้างมีระเบียบ ถุงยาที่ซื้อมาวันก่อนถูกวางไว้บนหัวเตียง แต่ยังไม่พร่องลงไปเลย “กินยาหน่อยนะ ไข้จะได้ลด”

“ม่าย” ยิ่งใหญ่ตอบทั้งๆที่ไม่ได้สติ กลิ่นความเจ็บป่วยโชยหึ่ง แต้มต้องบีบกระพุ้งแก้มให้อีกฝ่ายเผยอปาก ยัดยาก่อนจะกรอกน้ำลงไป

“แค่ก แค่ก” ยิ่งใหญ่สำลัก แต่ก็กลืนยาลงคอไปอย่างยากลำบาก แล้วบ่นงึมงำฟังไม่ออกและนอนหลับต่อ

แต้มถือวิสาสะเปิดไฟดวงใหญ่ เพื่อเช็คว่าน้ำดื่มไม่ได้หกตามที่นอน เขาเช็ดตัวเพื่อนอีกรอบหนึ่ง คราวนี้ด้วยน้ำอุ่น แต่อีกฝ่ายยังคงบ่นหนาวไม่ขาดปาก แต้มนั่งลงกับพื้นปิดไฟให้เหลือแต่แสงสลัว พิงตัวติดกับเตียง มองคนป่วยที่หลับไปอย่างไม่ได้สติ ยิ่งใหญ่หล่อมากจนเขายังรู้สึกอิจฉา แม้แต่ในสภาพที่โทรมที่สุดเช่นตอนนี้ รังสีความโดดเด่นยังไม่จางไปด้วยซ้ำ

ยิ่งใหญ่ตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อย รู้สึกหิวจนแสบไส้ ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานเท่าไร รู้แค่เพียงเขาหนักหัวมากจนลุกไม่ไหวหลังจากกลับมาจากบ้านแต้ม เมื่อดันตัวเองขึ้นก็พบว่ามีใครก็ไม่รู้นอนฟุบอยู่ข้างเตียง

“หืม ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” แต้มสะดุ้งตื่นเพราะแรงขยับบนเตียง เขาเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

“นายมาไงเนี่ย” ถึงแม้จะป่วย แต่แววตานั้นดูดีใจจนปิดไม่มิด

“ก็เดินมา”

“ขอบใจนะที่ยังตอบ” ยิ่งใหญ่พูดด้วยเสียงขัดใจ พ่นลมหายใจฟึดฟัด อีกฝ่ายไม่สนใจ แต่เอามือมาแตะๆตามตัว

“ไข้ลดแล้วนี่นา รู้สึกไงบ้าง”

ยิ่งใหญ่โยกหัวซ้ายขวา เสียงลั่นเปรี๊ยะบอกว่านอนมานานมากแล้ว “หิว” เขาบอกตามตรง

“งั้นเดี๋ยวเราไปซื้ออะไรมาให้กินนะ” แต้มกุลีกุจอ

“ไปด้วยกันดิ”

“ได้ไง นายป่วยอยู่นะ”

“หายแล้ว” ยิ่งใหญ่ทำท่าเบ่งกล้าม “สบายมากแล้วด้วย”

“เหอะ”

“เราหิวมากอ่า ออกไปหาอะไรกินเถอะ กว่านายจะไป กว่านายจะมาเราหิวตายพอดี”

แต้มไม่ตอบโต้ เพราะเสียงท้องของตัวเองก็ร้องออกมาเช่นกัน เขาดูเวลาจากนาฬิกาตั้งโต๊ะ ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ... นี่เขาพลาดรถเที่ยวสุดท้ายอีกแล้วสินะ “ได้ นายอยากกินอะไร”

“ก๋วยเตี๋ยว”

“กินหนักขนาดนี้ได้ไง นายยังป่วยอยู่นะ”

“ก็เราหิวนี่นา” ยิ่งใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนลูกแมว “นะนะนะ หิวละ ไปเถอะ”

 ครั้งนี้แต้มเป็นคนขับ ด้วยความที่ไม่ชำนาญถนนหนทางเพราะไม่ใช่คนในเมือง ที่ผ่านมาเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน ไปไร่ไปนาหรือไม่ก็ดูแลพ่อที่ป่วย เวลาที่จะเข้ามาในเมืองจะต้องมีธุระปะปังเช่น พาพ่อมาตรวจร่างกาย หรือไม่ก็มาเรียนหนังสือ ยิ่งใหญ่เลยเป็นคนบอกว่าจะทางให้ แต้มขับช้าๆลัดเลาะไปเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่ถึงร้านเสียที

“ร้านอยู่ไหนเนี่ย ทำไมไกลจัง” เขาถามเสียงดังแข่งกับเสียงลม

“จะถึงแล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบ พลางขยับตัวมาใกล้จนแต้มรู้สึกถึงแผ่นอกร้อนผ่าวที่แนบชิด

“ขยับไป อย่าเบียด” แต้มบ่น แต่เหมือนคนซ้อนจะไม่สนใจ แถมยังเอาคางมาเกยที่ไหล่จนเขาสะดุ้ง “ทำไรเนี่ย”

“ขอเกาะหน่อย รู้สึกเพลีย” คนซ้อนทำเสียงอ่อย จนคนขับต้องใจอ่อน

“เห้อ รู้ว่าไม่สบายจะลากสังขารมาทำไมวะ” แต้มบ่นอุบ

“ก็มันอยากมาอะ” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยเสียงชวนน่าสงสาร แต่ใบหน้ากลับยิ้มแพรวพราวอย่างน่าหมั่นไส้ “นอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อนี่นา”

แต้มไม่รู้จะเถียงยังไง ได้แต่ตั้งใจขับ ใครเห็นภาพตอนนี้คงแปลกตา วัยรุ่นชายในชุดนักเรียนเต็มยศขี่มอเตอร์ไซค์มีคนซ้อนท้ายเป็นผู้ชายตัวสูงนั่งตัวชิดติดกันแถมยังเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ซ้าย “ใกล้ถึงยังเนี่ย”

“จะถึงแล้ว เลี้ยวซ้ายนี้ก็ถึงละ” แต้มเลี้ยวซ้าย ร้านก๋วยเตี๋ยวไฟสว่าง

“นี่มันร้านถัดจากหอนายนี่” แต้มส่งสายตาพร้อมกับคำถาม “ให้เราขับวนตั้งไกลทำไม”

“เหย อย่าทำหน้าดุสิ ก็เราป่วยอยู่อะ สมองเลยเลอะเลือนชั่วคราว”

“นายนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ” แต้มบ่นอุบ มองผู้ชายตัวโตกว่าเดินจ๋อยเข้าร้านไป แต่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มราวกับจิ้งจอกจอมวางแผน

***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 16 (UP:: 8 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2018 09:52:00
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 16 (UP:: 8 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-01-2018 10:21:38
ใหญ่ก็จอมวางแผนนะเนี่ย ฟินเลยดิซ้อนท้ายแต้ม ให้อ้อมมาตั้งไกล
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 16 (UP:: 8 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2018 21:33:17
:3123: :pig4: :3123:


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 16 (UP:: 8 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2018 21:33:46
ใหญ่ก็จอมวางแผนนะเนี่ย ฟินเลยดิซ้อนท้ายแต้ม ให้อ้อมมาตั้งไกล

สมฉายาสุนัขจิ้งจอกเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 10-01-2018 09:03:05


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 17. แข็งแกร่ง ดุดัน อบอุ่น



“ร้อน” ยิ่งใหญ่บ่น เขาใช้เมนูที่ร้านก๋วยเตี๋ยวพัดตลอดเวลาที่กิน

“ฝนคงจะตกมั้ง หรือไม่ก็เพราะยากำลังออกฤทธิ์”

“ยังไม่อยากกลับห้องเลยอะ มันอึดอัด”

“แล้วนายจะไปไหน” แต้มขมวดคิ้ว ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงการบ้าน

“ไปเล่นเกมที่อภิพลาซ่ามั้ย”

“ไม่” แต้มปฎิเสธเสียงแข็ง อภิพลาซ่าคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเชียงราย มีตู้เกมเอาไว้หลอกล่อนักเรียนเต็มไปหมด

“งั้นไปเดินไนท์บาซ่าร์มั้ย” ยิ่งใหญ่เสนอ

“นี่นายไม่สบายจริงปะเนี่ย” แต้มเสียงดุ

“ถามยังกะไม่เห็นสภาพ” ยิ่งใหญ่บ่นอุบ “ก็คนมันเบื่อนิ อุดอู้อยู่แต่ในห้อง”

“นายก็ต้องรักษาตัวให้หายสิ อีกไม่นานก็จะสอบละ ไม่รีบทำการบ้านอ่านหนังสือ ต่อให้พ่อขุนก็ช่วยอะไรนายไม่ได้นะ”

“เออ ไปไหว้พ่อขุนเม็งรายกัน”

แต้มถอนหายใจยาว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่บ่นไปยิ่งใหญ่เข้าใจบ้างหรือเปล่า

แต่สุดท้าย พวกเขาทั้งคู่ก็มายืนไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผู้สถาปนาเมืองเชียงรายและเชียงใหม่ คืนนี้ฟ้าปิด เมฆฝนก่อตัวมาแต่ไกล อากาศยังอบอ้าว ทั้งสองไม่มีดอกไม้ธูปเทียน ได้แค่นั่งพนมมือไหว้มือเปล่า

“เราเพิ่งมาไหว้พ่อขุนเป็นครั้งแรกเลยนะ”

“หะ นายไปอยู่ไหนมาตั้ง 16 ปี” ยิ่งใหญ่ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “มิน่าล่ะไหว้ขอพรท่านนานเชียว”

“อยู่บ้าน” แต้มตอบเรียบๆ เพราะไม่รู้ว่านั่นคือคำถากถาง “จริงๆ 17 ปีนะ”

“หืม” ยิ่งใหญ่นั่งยองๆอยู่ที่ฟุตบาทข้างถนนหลังอนุสาวรีย์ มือข้างหนึ่งถือบุหรี่ อีกข้างหนึ่งเขี่ยลงกับพื้น

“ทำไมนายไม่นั่งดีๆเนี่ย” แต้มนั่งกับพื้น สองขาเหยียดออกไปจนเกือบสุด คืนนี้รถราไม่มากเท่าไร “เราบอกว่าอายุเราอะ 17 แล้ว”

“อ้าว นายเรียนหลังเกณฑ์เหรอ” เกณฑ์ปกติคือเข้าเรียนชั้น ป.1 คือ 7 ขวบ (บางคนก็ 6 ขวบ) ถ้านับไล่มาพวกเขาต้องอายุ 16 ปี

“เปล่า” แต้มมองที่พื้นถนน “เราหยุดเรียนไปปีนึงอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาและขาดความมั่นใจ อาจเพราะกำลังงุนงงกับตัวเองอยู่ว่าทำไมถึงคุยกับยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้

“งั้นนายก็เป็นพี่เราอะดิ” ยิ่งใหญ่ยิ้มล้อเลียน “คนแก่”

“เชี่ย” แต้มด่า ความอึดอันพลันหายไป รู้สึกดีใจที่ยิ่งใหญ่ไม่ถามหาเหตุผล และคิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้เหตุผลนั้นเป็นอย่างดี

“นายมีพี่น้องไหม” แต้มเป็นคนเริ่มตั้งคำถามบ้าง

ยิ่งใหญ่ทำท่าแคะหู ราวกับไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังถูกถาม “นายว่าไงนะ พอดีได้ยินไม่ชัด”

“โอย เลิกกวนสักพักจะตายไหม” แต้มดุ แต่ด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

“ฮ่าๆๆๆ” ยิ่งใหญ่หัวเราะแทนคำตอบ “เรามีพี่ชายสองคน ทำงานกันหมดแล้ว”

“หืม นายนี่ก็อายุห่างจากพี่ๆเหมือนกันเนอะ”

“เราเป็นลูกหลง” ยิ่งใหญ่ตอบ

“เหมือนกันเลย” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ดูแม่กะพ่อเราสิ แก่ขนาดนี้ละ เราเพิ่ง 17 เอง”

“ไม่ ‘เอง’ นะ นายแม่งโคตรแก่” ยิ่งใหญ่เน้นที่คำว่า เอง อย่าจงใจล้อเลียนจนแต้มต้องใช้มือดันตัวยิ่งใหญ่จนล้มไปกองกับพื้น “โอ๊ย ไอ้คนแก่ รังแกเด็กเหรอ” ยิ่งใหญ่หัวเราะ แต้มทำเสียงฟึดฟัดและลุกขึ้น ปัดฝุ่นที่กางเกง มองคนที่นอนแอ้งแม้งที่กำลังหัวเราะชอบใจ

“นายนี่มันน่าโดนถีบซ้ำ” แต้มพูด

“โอย เราป่วยอยู่นะ” ยิ่งใหญ่เสียงอ่อย “ไม่สงสารเราเหรอ”

“หึ” แต้มค่อนแคะในลำคอ “นายมันหมาจิ้งจอก”

“อะไร” ยิ่งใหญ่งง “ทำไม อย่างไร เพราะอะไร”

“คำถามนี้จะออกสอบรึไง ถามเป็นชุดเชียว”

“ไม่ออก แค่อยากรู้ว่าทำไมเราเป็นหมาจิ้งจอก”

“ก็นายเจ้าเล่ห์ ชอบหลอกล่อ” แต้มมองไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่กับพื้น

“ใส่ร้ายว่ะ” ยิ่งใหญ่พ่นควันบุหรี่รอบสุดท้ายก่อนบี้มันลงกับพื้น พลางยื่นมือขึ้นมา

แต้มมองอย่างเหลืออดกับท่าทางอวดดีของอีกฝ่าย แต่มันไม่ได้กวนใจเขาจนต้องเกลียดชังได้ลงคอ เพียงแต่การแสดงออกของอีกฝ่ายดูคล้ายจะจงใจยั่วยุให้เขาโมโหเสียมากกว่า “ลุกเองสิ” แต้มเสียงดุ

แต่สุดท้ายแต้มก็ยื่นมือไปดึงอีกคนขึ้นมาจนได้ ...

แข็งแกร่ง ดุดัน แต่อบอุ่น ... ยิ่งใหญ่นิยามวินาทีแรกที่สองมือได้สัมผัสกันในใจอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีค่าของชีวิต

               คืนนั้น พวกเขาเกือบจะสิ้นชีพเพราะกองการบ้าน ของเดิมที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ส่ง ต้องลอกใส่สมุดเล่มเก่า บวกกับของใหม่ที่ขาดไปวันนี้ เขาถึงขั้นโอดครวญราวกับว่ามันคือบทลงโทษของคนป่วย

“ฮือออออออออออออ ทำไมมันเยอะจัง”

“ทำไป อย่าบ่น”

“นายทำถึงไหนละ”

“จะเสร็จละ”

“ขอลอกหน่อย”

“ไม่ได้ นายทำเองสิ”

“ไม่เอา อย่างก ดึกแล้ว เรานอนน้อยเดี๋ยวไข้กลับอีกนะ”

แต้มถอนหายใจฟืดแรง “เอออออออ” ไม่รู้จะตอบยังไงจริงๆ “ต้องให้ช่วยเขียนด้วยปะ”

“ไม่เอาอะ ตัวหนังสือนายสวยเกิน เดี๋ยวอาจารย์รู้”

กว่าการบ้านจะเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน แต้มนอนหลับไปแล้วตอนที่ยิ่งใหญ่ขีดเส้นใต้คำตอบเสร็จ หัวของแต้มตกหมอน ยิ่งใหญ่จัดท่าให้ดีขึ้น ลมหายใจราบเรียบบอกว่าแต้มหลับลึกไปแล้ว เปลือกตาปรือนั้นปิดสนิท แต้มมีจมูกที่สวยได้รูป ริมฝีปากบางนั้นปิดสนิท เขาไม่เคยเห็นใครมีริมฝีปากบางได้รูปขนาดนี้เลยจริงๆ

ยิ่งใหญ่กินยา ตั้งนาฬิกาปลุก ปิดไฟ และล้มตัวลงนอนใกล้กับแต้ม ก่อนจะใช้แขนสอดไปที่ใต้ลำคอของคนที่หลับลึกอยู่ แต้มขยับตัวเล็กน้อย แขนยาวสอดไปได้จนสุด ยิ่งใหญ่ยกแขนขึ้นนิดหน่อยให้คอแต้มลอยขึ้น และใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงหมอนออกอย่างทุลักทุเล แต่สุดท้าย แต้มก็หนุนแขนของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้

สายฝนกำลังกระหน่ำอยู่ด้านนอกตั้งแต่พวกเขาเริ่มทำการบ้านส่งไอเย็นแทรกซึมเข้ามาทั่วถ้วน ยิ่งใหญ่เปิดแอร์ไว้ก่อนหน้านี้เนื่องจากอากาศก่อนหน้านี้อบอ้าวจนเขาทนไม่ไหว แต่ตอนนี้แต้มดูเหมือนจะหนาวจนขดตัวงอ ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้างในความมืดเมื่อหัวของแต้มไหลเลื้อยมาหยุดที่ไหล่เขาเพื่อเสาะหาความอบอุ่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวตื่นเลยตลอดคืนนั้น...

***********************************************************************



สาส์นจาก Writer
หวังว่าจะถูกใจกันนะครับ ชอบก็กด Like + คอมเม้นต์ พูดคุยกันนะครับทุกคน


 :-[ :o8: :impress2: :mew1:

(http://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1713239557-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 10-01-2018 12:00:51
รออ่านตอนหน้าจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-01-2018 18:28:32
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-01-2018 08:59:56
รออ่านตอนหน้าจ้า :pig4:


อดใจรอแพ๊พนะครับ  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-01-2018 09:40:11
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-01-2018 10:50:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-01-2018 19:21:34
:L2: :pig4:


 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 17 (UP:: 10 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 12-01-2018 09:17:53
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 12-01-2018 10:53:41
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 18. คะแนนไม่ดี



หนึ่งในวิชาที่ยากที่สุดของปีการศึกษานี้(และตลอดทั้งสามปี) นั่นคือคณิตศาสตร์

อาจารย์ที่สอนห้อง ม.4/8 ชื่ออาจารย์จิราพรผู้มีบุคลิกเหมือนทอมบอย ไว้ผมสั้น ตาตี่ ผิวสีแทน และรูปร่างอวบ เสียงแหบแห้งตลอดคาบการสอนและมีความดุดัน ทำให้นักเรียนค่อนชั้นกลัวเธอเป็นอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับ การสอบย่อยทุกครั้งหลังจบบทเรียน

“ไหน นายได้คะแนนเท่าไหร่” ยิ่งใหญ่ชะเง้อดูใบคะแนนของแต้ม

“อย่ายุ่ง”

“ได้น้อยล่ะสิ ถึงอาย” ยิ่งใหญ่ยิ้มเยาะ “ไม่ต้องเขิน เราก็ได้แค่นี้” พูดพลางยื่นคะแนนมาให้

“นายพกสมองมาเรียนด้วยรึเปล่าเนี่ย” แต้มถาม

“ไหนเอาของนายมาดู” ยิ่งใหญ่ไม่สนใจคำด่าสำหรับเขามันก็เหมือนคำพูดทั่วๆไปเท่านั้น แต้มยื่นข้อสอบของตัวเองให้ดูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย แต่ยิ่งใหญ่กลับตกตะลึง “นายได้เต็มเหรอ”

“ชวู่ เบาๆสิ จะตะโกนทำไม” แต้มเตือนเพราะกลัวว่าจะเป็นจุดสนใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว

“หะ ใครได้เต็ม”

“นี่ไง แต้มได้เต็ม” เพื่อนๆต่างกรูกันมาที่โต๊ะพวกเขาอย่างตื่นเต้นโดยไม่สนใจว่าอาจารย์ก็ยืนอยู่หน้าห้อง

“นายทำได้ยังไงอะแต้ม” เพื่อนคนหนึ่งถาม แต้มพอจะรู้แล้วล่ะว่าคนในชั้นรู้จักชื่อเล่นเขาได้อย่างไร

“นั่นสิ เจ๋งอะ ดูคะแนนเราสิ ได้แค่สามคะแนนเอง”

“นักเรียนชื่นชมเพื่อนพอรึยังคะ” อาจารย์เป็นฝ่ายพูดเสียงเอง “ใครที่ได้คะแนนเยอะก็อย่าเหลิง ใครได้น้อยก็ตั้งใจเรียนหน่อยนะ” เสียงแหบๆของอาจารย์พูดเตือนสติ “ครูจะสอบแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นคะแนนเก็บ ยังจำได้มั้ยว่าคะแนนเก็บเท่าไหร่”

“70 ค่ะ/ครับ” นักเรียนในชั้นตอบ

“ช่ายยยย แบ่งเป็นสอบย่อยสามสิบ การบ้านสิบ คะแนนกลางภาคยี่สิบ และคะแนนเข้าเรียนอีกสิบ” อาจารย์เดินไปมาหน้าห้อง ท่าทางขึงขัง “ใครไม่อยากติดศูนย์วิชาครู ก็ตั้งใจเรียนเข้าไว้นะคะ”

“ครูพูดเหมือนง่ายเลย” ยิ่งใหญ่บ่น ใบคะแนนในมือสั่น

“นายควรตั้งใจเรียนเหมือนที่อาจารย์จิบอกนะ” แต้มพูดโดยไม่สนใจคนข้างๆ

“โหย เราโง่วิชานี้จะตาย” ยิ่งใหญ่ดูคะแนนอีกครั้ง ใครจะเชื่อว่าคนที่หน้าตาดูฉลาดอย่างเขาจะได้คะแนนแค่นี้ “แต้ม นายติววิชานี้ให้เราหน่อยสิ”

เติมเลิกคิ้ว “หุบปากแล้วตั้งใจเรียนก่อน”

“ไม่ จนกว่านายจะตกลง”

แต้มไม่ตอบ ใช้มือหยาบของตัวเองลูบหน้าของเพื่อนแทนการบอกให้เงียบ

“อี๋ มือเค็มปี๋เลย”

“เออ เมื่อกี้ไปฉี่มา ไม่ได้ล้าง”

“เชี่ยยยย จริงปะเนี่ย”

“นี่ อย่าพูดคำหยาบสิ ระวังโดนปรับนะ” กฎของโรงเรียนบอกไว้ชัดเจนว่า ห้ามนักเรียนพูดคำหยาบคาย มิเช่นนั้นจะถูกปรับคำละ 10 บาท ... ราคานี้ในปีพ.ศ. 2542 มันช่างแพงแสนแพงเสียนี่กระไร

“พูดกันสองคนไม่มีใครรู้หรอก”

“ไม่ เดี๋ยวติดเป็นนิสัย นายมีตังจ่ายค่าปรับ แต่เราไม่มี”

“เดี๋ยวเราออกให้”

“เงียบก่อน จะเรียน” แต้มบ่น น้ำเสียงดุดันขึ้น

“เออ นายอะชวนคุย” แต้มหันไปมองยิ่งใหญ่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ใครกันแน่ที่ชวนคุยฟระ!

“...” หมดคำจะพูด

“เรากำลังคุยเรื่องที่นายจะมาติวเราอยู่นี่นา นายอะมาเปลี่ยนเรื่องจนเราเขว”

“ถ้านายไม่หุบปาก เราจะไม่ติวให้นาย”

“...”

แต้มหันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างช้าๆ รู้สึกพลาดอย่างที่สุด ยิ่งใหญ่เขียนลงบนกระดาษข้อสอบของตัวเอง

“เงียบละนะ อย่าลืมติวให้ด้วย”

แต้มอยากจะตะโกนลั่นห้อง แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้ขำ ไม่รู้ว่าเพราะความเจ้าเล่ห์ของยิ่งใหญ่ หรือคะแนนที่โชว์บนกระดาษข้อสอบนั้น

2/10 คะแนน



***********************************************************************



               ต้องตากำลังงุงงงกับสิ่งที่ตัวเองได้พบเจอ เธอหยิกแขนตัวเองเบาๆเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝัน ซองขาวในมือของเธอสั่นระริก ทุกอย่างมาเร็วจนตั้งตัวไม่ติด เธอทำงานนี้มาไม่นานก็จริง แต่มันก็เป็นงานที่เธอรัก แต่วันนี้ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปเสียหมด หญิงสาวตั้งสติ มองซองสีขาวที่เพิ่งได้รับจากฝ่ายบุคคลด้วยสายตาที่แน่วแน่ก่อนกำมือแน่นจนซองนั้นเปลี่ยนสภาพ

“ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ” ต้องตาคิดในใจ ถ้าตะโกนออกมาได้เธอก็คงตะโกนไปแล้ว เดือนกรกฎาคมที่ฝนตกไม่ขาดสายแบบนี้ไม่ได้ทำให้จิตใจสงบลงได้เลยแม้แต่น้อย เธอกร่นด่าทุกสรรพสิ่งในใจ ก่อนที่จะหยุดเดินและเคาะห้องที่คุ้นเคย

“เข้ามา” เสียงตอบรับดังมาจากด้านใน

“คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคะคุณยอด” ต้องตาวางซองขาวยับยู่ยี่ลงกับโต๊ะ ยอดเยี่ยมไม่ได้หยิบมันมาดูด้วยซ้ำ มีแต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นแทน

“ใจเย็นๆนะครับคุณตา นั่งลงคุยกันก่อน” ต้องตานั่งตามคำเชิญด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด

“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ต้องตาเจาะเข้าประเด็น

“ทำไมผมจะทำไม่ได้” ยอดเยี่ยมเอ่ยปาก “เรื่องนี้ผมเอาเข้าที่ประชุมผู้บริหารและทุกคนเห็นชอบแล้ว”

“แต่คุณไม่ได้ถามความสมัครใจของชั้นเลยนะคะ” ต้องตาเถียง

ยอดเยี่ยมไม่ตอบ หยิบหนังสือสัญญาเข้าทำงานของต้องตาขึ้นมา “อ่านตรงนี้ดูสิครับ”

“...ข้าพเจ้ายินดีปรับเปลี่ยน/โยกย้ายตำแหน่งตามที่ทางบริษัทเห็นว่าเหมาะสม...” ต้องตาหน้าเจื่อน “คุณ...”

“ทีนี้ คุณจะใจเย็นๆและคุยกันได้หรือยัง”

ต้องตาใช้ความเงียบตอบคำถาม ทั้งสองเงียบอยู่สักพัก และสุดท้ายก็เป็นฝ่ายหญิงสาวเองที่ทนไม่ได้

“ทำไมต้องเป็นดิชั้น”

“แทนตัวเองว่าตาดีกว่าครับ”

“คุณยอด” ต้องตาใช้โทนเสียงสูง

“โอเค” ยอดเยี่ยมยิ้มพลางหยิบซองขาวขึ้นมา “ผมอยากให้คุณมาเป็นเลขาส่วนตัวของผมแทนคนเก่าที่ลาคลอดไป”

“เหตุผลค่ะ ตาอยากรู้เหตุผลว่าทำไมต้องเป็นตา คนอื่นที่มีความสามารถเยอะแยะทำไมคุณยอดต้องเลือกตา”

“เพราะ” ยอดเยี่ยมทำสายตากรุ้มกริ่ม ต้องตาถลึงตาทำหน้ายักษ์ใส่ “เพราะผลงานของคุณในช่วงก่อนมันเข้าตาไงครับ”

“คะ” ต้องตาสงสัย

“ทั้งเรื่องการทำงาน เรื่องการสอนงาน การปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ของบริษัท เดือนที่ผ่านมานี้ถ้าไม่ได้คุณตาช่วยเหลือ ผมคงเหนื่อย” ยอดเยี่ยมพูดเป็นการเป็นงาน

“แต่ตา” หญิงสาวเสียงอ่อน “ตาไม่เคยเป็นเลขามาก่อน กลัวจะทำได้ไม่ดี”

“คุณเคยเป็นฟร้อนท์มาก่อนไหม”

“ไม่เคยค่ะ”

“ก่อนหน้านั้น ที่คุณเป็นแอร์ คุณเคยทำงานสายการบินมาก่อนไหม”

“เอ่อ..ไม่เคยค่ะ”

“นั่นสิ แล้วทำไมคุณจะต้องกลัวกับแค่การมาเป็นเลขาของผม”

ต้องตาเพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนคำถามต้อนจนตัวเองจนมุม

“คุณเป็นคนมีความสามารถครับ คุณตา ผมรับรองได้”

“แต่”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ถือว่าเป็นการโปรโมตกลางปีก็แล้วกัน”

ต้องตาไม่รู้จะเถียงอย่างไร เพราะผลตอบแทนต่างๆดีขึ้นจากตำแหน่งเดิมมากเอาการ

“ทีนี้... พร้อมจะเริ่มงานรึยังครับ”

“คะ” ต้องตาตั้งตัวไม่ติด

“อีกสามวันผมต้องบินไปเชียงราย ดูโครงการสร้างโรงแรมใหม่ คุณตาช่วยดูและสรุปมาให้ผมด้วย”

“สรุป” ต้องตางุงงง “สรุปอะไรบ้างคะ”

“ไฟลท์บิน ที่พัก รถรับส่ง สถานที่ประชุม เวลาไปดูไซต์ก่อสร้าง นัดประชุมกับเจ้าของที่ดิน อ้อ ทำเป็นกำหนดการมาได้เลยนะครับ รายละเอียดเบื้องต้นมีทำไว้แล้ว วางไว้ที่โต๊ะด้านนอก”

ยอดเยี่ยมยิ้มขันที่ได้เห็นหน้าตาของหญิงสาว เธอเดินออกไปก่อนกลับเข้ามาอีกครั้ง

“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ ไวดีจัง”

“ไม่ตลกนะคะคุณยอด ทุกอย่างมันเสร็จหมดแล้วต่างหาก” ต้องตาทำเสียงดุ

ยอดเยี่ยมยิ้ม “ใช่ครับ”

“คุณยอด” ต้องตาเสียงสูง และกำลังปรับอารมณ์ตัวเองอย่างมาก นี่เธอต้องมาเป็นเลขาของผู้ชายคนนี้จริงๆเหรอ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะยังไม่โตเอาเสียเลย มีอย่างที่ไหน มาแกล้งกันตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่ง

“คุณตามเรื่องนี้ต่อนะครับ อ้อ แล้ววันนี้มีประชุมนอกสถานที่ คุณเตรียมตัวให้พร้อมนะ เราจะออกไปในอีกครึ่งชั่วโมง”

ต้องตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่ชีวิตเธอต้องเจอกับอะไรอีกบ้างเนี่ย



จบตอน


***********************************************************************

สานส์จากไรต์ :
จบไปอีกตอนแล้วนะครับสำหรับเรื่องราวน่ารักๆของยิ่งใหญ่กับแต้ม
หากชื่นชอบผลงานเรื่องนี้ อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจกันได้นะครับ
ไรต์จะนำมาลงให้อ่านกันได้เรื่อยๆ

สำหรับผลงานอื่นๆของไรต์เอง สามารถติดตามได้ที่ Facebook นะครับ >> https://www.facebook.com/Begintillanend

ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับทุกคน ^_^

***********************************************************************



(http://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/857706800-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-01-2018 11:03:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 12-01-2018 11:46:25
:pig4: :pig4: :pig4:


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-01-2018 12:36:51
น่ารักทั้งคุณยอด และยิ่งใหญ่เลย ทำเอาต้องตากับแต้มไปไม่เป็นเลย 555
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-01-2018 16:44:39
รู้สึกตะหงิด ๆ ว่า  ยอดเยี่ยมกับยิ่งใหญ่  น่าจะเป็นพี่น้องกัน  จากข้อมูลที่ว่ายิ่งใหญ่มีพี่ชาย 2 คน  แต่สำหรับต้องตากับแต้ม ก็อาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้ แต่ก็ยังไร้ซึ่งข้อมูลสนับสนุนอยู่

รอตอนต่อ ๆ ไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-01-2018 18:10:20
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-01-2018 12:46:05
น่ารักทั้งคุณยอด และยิ่งใหญ่เลย ทำเอาต้องตากับแต้มไปไม่เป็นเลย 555

เจ้าเล่ห์ดุจสุนัขจิ้งจอก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-01-2018 12:46:31
รู้สึกตะหงิด ๆ ว่า  ยอดเยี่ยมกับยิ่งใหญ่  น่าจะเป็นพี่น้องกัน  จากข้อมูลที่ว่ายิ่งใหญ่มีพี่ชาย 2 คน  แต่สำหรับต้องตากับแต้ม ก็อาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้ แต่ก็ยังไร้ซึ่งข้อมูลสนับสนุนอยู่

รอตอนต่อ ๆ ไปดีกว่า



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
จัดไปครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 18 (UP:: 12 ม.ค. 2561) #หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-01-2018 12:51:13
:L2: :pig4: :L2:


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 14-01-2018 13:10:09
คุยกับไรต์

สวัสดีแฟนๆ Only You ทุกท่านนะครับ ก็มาถึงตอน 19 กันแล้วสำหรับนิยายเร่ืองนี้

บอกได้เลยว่า ถึงแม้จะตอนสั้นๆ แต่ไรต์ก็อัดความน่ารักของสองหนุ่ม แต้มกับยิ่งใหญ่เต็มเปี่ยมแน่นอน

เรื่องนี้ยังมีปมสองสามปมที่รอคลี่คลาย ...

ทุกคนคงสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างแต้มกับต้องตา และ ยิ่งใหญ่กับยอดเยี่ยม ใช่มั้ยครับ

อีกไม่นานเกินรอแน่นอนครับ



อย่างไรแล้ว ก็ขอให้ทุกคนติดตามจนสองหนุ่มนี้จบม. 6 กันด้วยนะครับ

หากรักหรือชอบเรื่องนี้ ขอกำลังใจกด + กด LIKE หรือคอมเม้นต์เป็นเพื่อนไรต์หน่อยนะครับ

อ้อ... อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องอื่นๆของไรต์ด้วยน้าาาาาาาาาา มีหลายแนวเลยล่ะ อิอิ

***********************************************************************


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 19. กลั่นแกล้ง



“ไปยัง” ยิ่งใหญ่ถาม แต้มกำลังปั่นการบ้านยิกๆ

“อีกนิด จะเสร็จแล้ว”

“นายค่อยกลับมาทำหลังเลิกเรียนได้มะ”

“โอย นายจะรีบไปไหน นี่ยังไม่บ่ายโมงเลย”

“รีบสิ หิว” ยิ่งใหญ่ดึงสมุดแต้มออก “คนอื่นไปกันหมดแล้วนะ เหลือแต่เรานี่แหละ เร้ว”

“อะไรฟะ” แต้มหงุดหงิด อากาศร้อนแถมโดนยิ่งใหญ่กวนอีก ชุดรด.ก็หนาน่าอึดอัด

“ไป ช้าเดี๋ยวโดนซ่อมอีกนะ” ยิ่งใหญ่เดินนำแต้มไปที่ลานจอดรถข้างโรงเรียน เด็กนักเรียนต่างมองตามกันเป็นแถว แต้มเดินตามอย่างอึดอัด นี่เขากำลังเดินกับหนุ่มฮ็อตตัวท็อปของโรงเรียนเชียวนะ

“พี่แต้มคะ” เสียงหนึ่งทัก

“ครับ” เขามองแล้วน่าจะไม่เกินม. 2

“ฝากจดหมายให้พี่ใหญ่ด้วยนะคะ” อีกฝ่ายทำหน้าเขินอาย แต้มรับมาแบบเสียไม่ได้ เด็กคนนี้คงรอจังหวะที่ยิ่งใหญ่จ้ำไปที่รถก่อนถึงมาหาเขา การที่เขาเป็นเพื่อนสนิทของคนดังและหล่อที่สุดในโรงเรียนด้วยแล้ว ชื่อของแต้มก็เลยเป็นที่รู้จักของเด็กผู้หญิงทั้งโรงเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ช้าจังวะ” ยิ่งใหญ่บ่น

“อะ ของนาย” แต้มยิ่นจดหมายรักให้

“นายเขียนเองเหรอ”

แต้มมองหน้าคนพูดด้วยอารมณ์สุดกลั้น “หึ ไม่มีทาง”

“โหย นึกว่านายเขียนให้”

“เลิกเพ้อซะที” แต้มดุ “จะอ่านก่อนหรือจะไปเลย”

“ไปเลยก็ได้” ยิ่งใหญ่ยัดจดหมายนั้นที่กระเป๋าเสื้อโดยไม่หยิบมาอ่านเลยแม้แต่น้อย มันไม่ใช่จดหมายฉบับแรกที่เขาได้รับ และไม่ใช่ฉบับสุดท้ายแน่นอน กระดาษสีหวานแหวว มีกลิ่นหอมมาพร้อมบทกลอนเลี่ยนๆกับตัวหนังสือวัยรุ่นที่กำลังนิยม หัวโต ตัวอักษรโย้ๆ ... เขาทิ้งจดหมายพวกนั้นอย่างไม่ใยดีสักฉบับ

                สุดท้ายพวกเขาก็ไปสาย เพราะกว่าจะกินข้าว กว่าจะเอาของไปเก็บ รอบนี้มีคนไปสายสี่ห้าคน เป็นนศ.วิชาทหารของโรงเรียนเขาทั้งนั้น

“มาแล้วเรอะ” ครูฝึกเสียงเข้ม “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว...” หลังจากนั้นพวกเขาก็โดนร่ายยาว ก่อนที่จะถูกซ่อมโดยวิ่งรอบสนาม และปิดท้ายที่ดันพื้น

“นายก็มาสายเหมือนกันเหรอ” อาร์ทถามแต้ม พอไม่มีเรื่องหมางใจหรือเข้าใจผิด อาร์ทก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง

“ช่ายยย รอคุณชายน่ะสิ” แต้มโบ้ยไปทางยิ่งใหญ่ที่วิ่งเหยาะๆอยู่ข้างกัน

“พวกนายนี่สนิทกันจังเนอะ” อาร์ทพูด “ถ้าไม่บอกว่าเพิ่งย้ายมา เราคงคิดว่าโตมาด้วยกัน”

ยิ่งใหญ่ยิ้มกริ่ม “มันแน่นอนอยู่แล้ว” ประโยคนี้เขาตอบทุกคนในใจ

“ไม่ได้อยากสนิทเลย” แต้มพูด

ผลัก! ยิ่งใหญ่เตะเข้าที่ตูดของคนพูด “หรา” เขาลากเสียงดุๆและวิ่งนำไป

“ฮ่าๆๆ สงสัยงอน” อาร์ทตั้งข้อสังเกต

“ปล่อยไปก่อน เดี๋ยวก็หาย รีบไปเถอะ เดี๋ยวมีดันพื้นต่อ”

                กลุ่มนักศึกษาที่มาสายต่างเข้าแถว พวกเขาโดนครูฝึกสั่งให้ตะโกนดังๆเรื่องวินัยและรับโทษ “ดันพื้น 50 ที ปฏิบัติ!” แล้วทุกคนก็ดันพื้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งใหญ่ดันพื้นรัวๆ แต้มเหลือบมองเพื่อนอย่างสงสัย ว่าทำไมต้องรีบอะไรขนาดนี้ ก่อนที่จะได้ทักอะไรไป ของบางอย่างก็กระเด็นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

“นี่อะไร” ครูฝึกหยิบมันขึ้นมาดู

“เอ่อ” ยิ่งใหญ่อึกอัก เขาลืมไปเสียสนิทว่ามีจดหมายรักอยู่ในกระเป๋า

“นาย ออกมานี่” ยิ่งใหญ่เดินออกมาช้าๆ ไม่เหลือมาดขึงขัง บริเวณที่พวกเขาซ่อมนั้นเป็นสนามหญ้า ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาวิชาทหารครบทุกนายของชั้นปีที่ 1

“ที่มาสาย เพราะมัวไปจีบสาวงั้นรึ” ครูฝึกเสียงดุ แต่คนที่เหลือหัวเราะครืน ยิ่งใหญ่กำลังโดนแกล้ง

“ไหน นาย” ครูฝึกชี้มาที่แต้ม “มาอ่านให้เพื่อนฟังซิ”

ทำไมต้องกูวะ ... แต้มคิดในใจ มองไปที่ยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเยาะ แต้มอ่านปากที่ขยับแบบไม่มีเสียงได้ว่า สมน้ำหน้า

“ถึงพี่ยิ่งใหญ่” เสียงโห่ร้องเริ่มมา นอกจากทุกคนจะมองว่ายิ่งใหญ่กับแต้มเป็นเพื่อนที่สนิทกันแล้ว บางส่วนก็ยังคิดว่าพวกเขาเป็นคู่จิ้นกันอีกด้วย

“มองดาวบนฟ้าแล้วคิดถึง

จากคนหนึ่งซึ่งเธอไม่รู้จัก

แค่อยากบอกให้รู้ว่าเธอเป็นที่รัก

อยากรู้จักให้มากขึ้นทุกคืนวัน”

                แต้มอ่านกลอนที่คิดว่าน้องผู้หญิงคนนั้นคงแต่งเองอย่างสุดฝีมือ แต่มันกลับเลี่ยน เอียนและไม่เพราะเอาเสียเลยในความรู้สึก เสียงโห่ ผิวปากและแซวดังก้อง ครูฝึกช่างเลือกคนอ่านได้พอเหมาะจริงๆ

“แหม่ นี่ถ้าไม่คิดว่าเป็นผู้ชายจะคิดว่านายสองคนนี่กำลังจีบกันนะ” ครูฝึกแซว เสียงโห่ดังขึ้นอีก

“ครู คู่นี้เค้าเป็นแฟนกันครับ” เสียงแซวดังมาแต่ไกล

“เห้ย ไม่ใช่” แต้มปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ยิ่งใหญ่กลับลอยหน้าลอยตาอย่างอารมณ์ดี

นี่แต้มอายจนไม่รู้จะต้องทำหน้ายังไงแล้วจริงๆ ส่วนยิ่งใหญ่ก็รีบฉกจดหมายฉบับนั้นคืน หลังจากนั้นเขาก็เอาไปใส่กรอบอย่างดีวางไว้ที่ห้องนอนของตน

***********************************************************************

                สุดท้ายแล้ว ครูฝึกก็ปล่อยกลับบ้านตอนบ่ายสาม เพราะวันนี้ไม่มีฝึกอะไรนอกจากเช็คชื่อ อากาศร้อนน่าหงุดหงิดจนยิ่งใหญ่แดงไปทั้งตัว แต้มมองอีกฝ่ายอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า เพราะจดหมายนั่นทำให้โดนใครต่อใครล้อไม่ขาดปาก ยิ่งตอกย้ำกระแสคู่รักของพวกเขาเข้าไปอีกขั้น พรุ่งนี้คงดังไปทั้งระดับชั้นแน่ๆ แค่คิดก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปตั้งไว้ที่ไหนละ

“ไปเปลี่ยนชุดมั้ย” แต้มชวนยิ่งใหญ่กลับ

“แล้วนายล่ะ”

“ก็ให้นายไปส่งที่ท่ารถ เดี๋ยวกลับเอง”

“ไม่เอา วันนี้วันศุกร์ เดี๋ยวพาเที่ยวก่อน”

“ได้ไง จะรีบไปดูพ่อ” ยิ่งใหญ่ฟังแล้วไม่ตอบ เหตุผลนี้มันหนักแน่นจนไม่มีอะไรมาหักล้างได้

“ได้ รอแป๊บ เข้าห้องน้ำก่อน” แต้มมองร่างสูงเดินไป เดินนั่งในชั้นเรียนรอ

“ยังไม่กลับเหรอแต้ม”

“จะไปละ รอใหญ่ก่อน” แต้มตอบ

“อ๋ออออ ไปไหนกันต่อมั้ยละ”

“ไม่อะ จะรีบกลับบ้าน นายล่ะอาร์ท”

“ว่าจะไปเที่ยวพัทยาน้อยซะหน่อย” อาร์ทตอบ “ไปด้วยกันมั้ย”

“หืม น้ำไม่ล้นเหรอตอนนี้เหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่มีอะไรทำไงเลยหาที่เที่ยวซะหน่อย” อาร์ทตอบ

“อ๋อ” แต้มรับคำ พัทยาน้อย เป็นชื่อที่คนท้องถิ่นใช้เรียก หาดเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ซึ่งไม่ใช่หาดทรายจากทะเลจริงๆ แต่เป็นหาดทรายของแม่น้ำกกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับทะเล เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศ การไปพักผ่อนที่พัทยาน้อย ก็ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการไปเที่ยวทะเลได้เหมือนกัน

“นายนี่สนิทกับยิ่งใหญ่จังเลยเนอะ” อาร์ทพูดประโยคเดิมเป็นครั้งที่สองของวันนี้

“ฮ่าๆๆ” แต้มได้แต่หัวเราะแก้เก้อ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร จากที่โดนครูฝึกแกล้งวันนี้ก็มากพอแล้ว

“จริงๆนะ ตอนแรกที่เห็นนาย นายเงียบ ไม่ค่อยพูด มีแต่คนคิดว่านายแปลก”

แต้มเลิกคิ้ว “ก็คงงั้นแหละ”

“ไม่เลย” อาร์ทพูด “นายน่ะสดใสขึ้นมากนะแต้ม ยิ่งช่วงที่อยู่กับใหญ่ นายดูมีชีวิตชีวายังกะไม่ใช่แต้มคนที่เราเคยเห็นตอนแรกเลย”

“เพราะออร่าของเรามันแรงไง” ยิ่งใหญ่ตอบแทน “รัศมีความหล่อของเรามันแผ่ขจรขจาย”

“หลงตัวเอง” แต้มโพล่ง

“เออใหญ่ ไปเที่ยวพัทยาน้อยกันมั้ย” อาร์ทเป็นฝ่ายชวนแทน หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนเปิดเทอม ยิ่งใหญ่ดูท่าจะไม่ชอบอาร์ทอย่างชัดเจน ผิดกับแต้มที่ไม่เก็บเรื่องนั้นมาเป็นกังวลอีก

“ถ้าแต้มไป เราก็ไป” อ้าว...ไหงโยนมาให้กันแบบนี้ล่ะ

“แต้ม ไปนะ ไปด้วยกัน นี่ไปกันหลายคนเลย” แต้มรู้สึกว่ากำลังถูกกดดัน มองไปที่ยิ่งใหญ่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์รู้นิสัยเขาดีว่าลึกๆแล้วแต้มเป็นคนที่ขี้เกรงใจ

สุดท้ายพวกเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์กันไปที่พัทยาน้อย โดยที่แต้มยังงุนงงกับตัวเองไม่หาย

***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-01-2018 13:39:56
ขอบคุณครับ

ถึงจะมาสั้น ๆ แต่มาบ่อย ๆ ก็โอเคแล้วคับ

ดีกว่ามายาว ๆ แต่ต้องรอคอยเป็นชาติ  อันนี้ไม่ไหว

อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-01-2018 16:12:15
 :L2: :pig4:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ เย้ๆ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-01-2018 21:05:21
ใหญ่น่ารัก หยอดเข้าไปซักวันแต้มต้องตกหลุมที่ใหญ่ขุดไว้แน่นอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2018 09:17:20
ขอบคุณครับ

ถึงจะมาสั้น ๆ แต่มาบ่อย ๆ ก็โอเคแล้วคับ

ดีกว่ามายาว ๆ แต่ต้องรอคอยเป็นชาติ  อันนี้ไม่ไหว

อิอิ



ฮ่าๆๆ ครับ จะมาบ่อยๆ กลัวแฟนๆคิดถึง
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2018 12:52:23
:L2: :pig4:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ เย้ๆ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านเช่นกันครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-01-2018 16:16:12
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-01-2018 20:44:07
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไป :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2018 22:37:00
ใหญ่น่ารัก หยอดเข้าไปซักวันแต้มต้องตกหลุมที่ใหญ่ขุดไว้แน่นอน

มาล้นให้ถึงวันนั้นกันนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 19 (UP:: 14 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2018 09:18:34
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไป :katai2-1:

ขอบคุณมากครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 20 (UP:: 16 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2018 17:26:44
​ตอนนี้จะดราม่าหน่อยๆ แฟนๆยิ่งใหญ่กับแต้มเอาใจช่วยด้วยนะครับ

เหมือนเดิมครับ โดนใจก็เม้นต์ กดบวกถ้าถูกใจ กดไลค์ถ้าชื่นชอบนะครับ

***********************************************************************

จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 20. น้ำตา





พัทยาน้อยน้ำเยอะเนื่องจากฝนตกไม่ขาดสาย ชายหาดที่เคยคลาคล่ำด้วยผู้คนเฉกเช่นช่วงสงกรานต์หายวับไปกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด อยู่ได้ครู่เดียวฝนก็ทำท่าจะตก ทุกคนต้องรีบแยกย้ายกันกลับ ยิ่งใหญ่พาแต้มไปที่หอ เปลี่ยนชุดและเก็บข้าวของไปนอนบ้านแต้มด้วยความเคยชิน ก่อนที่จะขับเลาะมาเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงฟ้าร้องดังมาแต่ไกล เมื่อถึงฝั่งตรงข้ามกับบิ๊กซีเชียงราย ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ยิ่งใหญ่ต้องกลับรถเข้าในนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

“กินเคเอฟซีมะ” ยิ่งใหญ่ชวน

“อยากกินไอติม” แต้มเป็นคนออกปาก

“ได้เลย เดี๋ยวป๋าจัดให้” ยิ่งใหญ่จอดรถไว้ในร่ม พากันเดินเข้าไปด้านใน แต้มเดินตามยิ่งใหญ่ที่กำลังแวะร้านเสื้อผ้าทีละร้านอย่างใจเย็น รายนั้นเอาเสื้อมาทาบๆที่ตัวแต้มก่อนที่จะถามว่าเอาไหม และแต้มก็ตอบชัดเจนว่าไม่

 พวกเขากินเคเอฟซีอย่างหิวจัด ก่อนที่จะเปลี่ยนร้านไปกินไอติมตามที่แต้มเสนอ ข้าวของที่ห้องไม่ขาด พวกเขาเลยเดินเล่นฆ่าเวลาอย่างเรื่อยเปื่อยเพราะสายฝนยังเทกระหน่ำ เมื่อเดินดูของทั่วบิ๊กซีแล้วฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทั้งคู่จึงมาเดินด้านล่างที่จัดเป็นโซนขายเสื้อผ้า มือถือและร้านจิปาถะ ยิ่งใหญ่เดินไปอีกไม่นาน ก็หยุดชะงัก แต้มหยุดกึกด้วยความสงสัย “แม่”

“ใหญ่” หญิงวัยกลางคนมีท่าทางตกใจไม่น้อยที่เจอลูกชายคนเล็กโดยบังเอิญที่นี่ วันนี้

“แม่มาได้ไง” ยิ่งใหญ่ทักอย่างห่างเหิน แต้มยกมือไหว้ก่อนที่จะขอตัวไปที่อื่น

 “ลูกสบายดีมั้ย”

“แม่อยากรู้ด้วยเหรอว่าผมสบายดีจริงๆไหม” ยิ่งใหญ่เสียงกร้าว “แม่ทิ้งผมไปสิบกว่าปี แล้ววันนี้เกิดอยากรู้ว่าผมสบายดีงั้นเหรอ” เด็กหนุ่มตอบอย่างปวดร้าว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เจอผู้เป็นแม่ นอกจากจะไม่เคยห่วงหาอาทรลูกคนนี้แล้ว แม่ก็ดูสุขสบายดี

“ใหญ่ อย่าเข้าใจแม่ผิดสิ” เธอพูดอย่างปวดร้าว นึกเสียใจที่ลูกชายไม่มีท่าทีอ่อนให้แม้แต่น้อย

“เข้าใจผิดเหรอ แม่ทิ้งพ่อ ทิ้งพี่ ทิ้งผมและหายไปเป็นสิบๆปี แม่โผล่มาวันนี้แล้วมาถามว่าผมสบายดีไหม งั้นเหรอ” ยิ่งใหญ่ตวาดโดยไม่แคร์ว่าเสียงเขาดังลั่นจนทุกคนหันมามอง

“ใหญ่ เป็นอะไร” แต้มเดินมาจับตัวเพื่อนไว้

“ไม่มีอะไร” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยเสียงกระด้าง แต่สงบกว่าตอนพูดกับผู้เป็นแม่

“ใหญ่ ค่อยๆคุยกัน คุยกันดีๆก่อน” ผู้เป็นแม่ร่ำร้อง แต่กลับเปล่าประโยชน์

“ไม่” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยเสียงเย็นชา “ผมไม่มีทางคุยกับแม่ดีๆแน่ ถือว่าวันนี้เราไม่ได้เจอกันละกัน”

แต้มกำลังจะอ้าปากพูด แต่ถูกอีกฝ่ายกระชากแขนให้เดินจ้ำอ้าวออกมาอย่างงุนงง ยิ่งใหญ่สตาร์ทรถ เขากระโจนนั่งซ้อนท้ายอย่างเสียไม่ได้ ทั้งคู่บึ่งออกจากบิ๊กซีโดยไม่สนใจว่าฝนกำลังเทกระหน่ำ

“แม่ เป็นอะไรครับ”

“ไม่มีอะไรลูก” ผู้เป็นแม่ตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง

“ไม่เป็นไรได้ไง แม่หน้าซีดขนาดนี้”

“แม่...” เธอกำลังประมวลผลว่าควรจะพูดดีหรือไม่ และในที่สุด “แม่เจอกับตาใหญ่”

“หะ จริงเหรอครับ น้องไปไหนละ”

“ไปแล้ว” หญิงแก่นัยน์ตาแดงก่ำ “ไปแล้ว”

“แม่” ชายหนุ่มโอบไหล่ผู้เป็นแม่ “สักวันน้องจะเข้าใจ”

“แม่ก็หวังอย่างนั้น”

“เราหนีความจริงไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มพูด ราวกับว่าไม่ได้พูดกับคนที่อยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย

“กลับกันเถอะ แม่อยากพักผ่อน”

“ครับ” ชายหนุ่มพาผู้เป็นแม่เดินไปช้าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอัดอั้น และรู้สึกย่ำแย่ไม่ต่างกัน

“กลับโรงแรมครับ” เขาส่งเสียงบอกคนขับรถ ก่อนจะปิดปากเงียบตลอดทาง

***********************************************************************

สุดท้ายพวกเขาก็กลับมาที่หอพักด้วยสภาพเปียกปอน ยิ่งใหญ่ดูย่ำแย่มากกว่าแค่เปียกฝน แต้มโยนผ้าเช็ดตัวให้ แต่อีกฝ่ายนิ่งงัน “เช็ดตัวก่อนสิ” แต้มถือวิสาสะเปลี่ยนชุดโดยใส่ชุดลำลองของเจ้าของห้อง “เดี๋ยวจะป่วยอีกนะ”

“...” ยิ่งใหญ่เงียบ ซึ่งผิดวิสัยอย่างที่สุด

แต้มถอนหายใจ ไม่รู้ว่าระหว่างยิ่งใหญ่กับผู้หญิงคนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่พอจะเดาได้ลางๆว่านั่นคือแม่ของเพื่อนคนนี้ เพราะด้วยหน้าตาที่สละสวยราวกับยิ่งใหญ่โขลกมาจากพิมพ์เดียวกับเธอไม่ผิดเพี้ยน

 สุดท้าย ยิ่งใหญ่ยังนิ่งเงียบ แต้มเลยต้องเช็ดหัวให้ จนเกือบแห้งสนิท มองดูอีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆราวกับซากศพ “หิวมั้ย” แต้มถามเพราะไม่รู้จะปลอบอย่างไร “เดี๋ยวเราไปซื้อข้าวมาให้ เอาหมูกระเทียมไข่เจียวของโปรดนายมั้ย” แต้มทำท่าจะออกไปข้างนอก แต่กลับถูกอีกฝ่ายจับไว้

“อย่าไป” ยิ่งใหญ่พูดเสียค่อย นัยน์ตาแดงก่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับกำลังจะสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้

“เราไปไม่นานหรอก เดี๋ยวก็มา”

“อย่าไป” ยิ่งใหญ่พูดซ้ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม แต้มมองด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแอได้เพียงนี้

ยิ่งใหญ่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เสียงสะอื้นไห้ดังโอดโอยน่าสังเวช แต้มทรุดตัวลงอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร จะปลอบอย่างไร ได้แต่ใช้ฝ่ามือแตะที่หลังเบาๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายสะอื้นไห้ออกมาอย่างทะลักทะลาย คุณชายที่ดูมีความสุขตลอดเวลา คุณชายที่ทุกคนต่างอยากอยู่ใกล้เพราะรอบๆตัวมีแต่รัศมีแห่งความสุข ตอนนี้กำลังปลดเปลื้องความเศร้าโศกราวกับว่าชีวิตหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง “อย่าไปนะ” ยิ่งใหญ่พูดคำเดิม แต้มนั่งพิงกับเตียง มือยังแตะที่หลังของยิ่งใหญ่อย่างแผ่วเบา อีกฝ่ายซุกใบหน้าที่เข่าและร้องไห้จนเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้....

“แม่ทิ้งเราไปตั้งแต่เราอยู่ชั้นอนุบาล” ยิ่งใหญ่ตั้งต้นเล่า “อยู่ๆแม่ก็ไป พ่อก็ไม่พูดอะไร แม่พาพี่ชายเราไปคนนึง แค่นั้น สั้นๆง่ายๆ เราตื่นมาอีกทีแม่ก็ไม่อยู่แล้ว เราได้แต่คิดว่าทำไมแม่ต้องไป ทำไมแม่ไม่เอาเราไปด้วย ทำไมพ่อถึงยอมให้แม่ไป ทำไมเราต้องถูกแม่ทอดทิ้ง”

“แม่นายอาจจะมีเหตุผลก็ได้นะ”

“เหตุผลงั้นเหรอ เหตุผลอะไรล่ะ อะไรมีเหตุผลมากมายซะจนแม่ทอดทิ้งลูกอย่างเราไปได้ล่ะ” ยิ่งใหญ่สูดน้ำมูก

แต้มจนปัญญา ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน “ตอนที่พ่อเราล้มนะ เราเพิ่งหกขวบเอง”

ยิ่งใหญ่หันมามองเพื่อน “ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องอะไรหรอก รู้แต่ว่าพ่อป่วย ต้องนอนโรงพยาบาล ยายพาเราไปเยี่ยม เราก็ยังเล่นอยู่ข้างๆเตียงพ่อ ดูพ่อที่หัวยุบนอนไม่ได้สติ แต่เราก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก คิดว่าอีกไม่นานพ่อก็คงหาย แล้วพ่อจะให้เราขี่คอ พาเราไปตกปลาที่หนองหลวง*แบบที่เคยทำ”

ยิ่งใหญ่เช็ดคราบน้ำตาของตัวเอง “แต่พ่อก็ไม่ดีขึ้น จากวันนั้นถึงวันนี้ สิบเอ็ดปีแล้ว แต่เราก็ยังหวังนะ ยังอยากให้พ่อกลับมาเป็นพ่อคนเดิม มานั่งคุยกับเรา พาเราไปเตะบอล พาเราไปเที่ยวเล่นได้เหมือนเดิม” ยิ่งใหญ่เปลี่ยนมานั่งข้างเตียง ตัวติดกับแต้มโดยมีหัวไหล่ชนกัน

“นายยังโชคดีนะใหญ่ อย่างน้อยพ่อกับแม่นายก็ยังเดินได้ ยังคุยได้” แต้มเสียงอ่อนระโหย “ถ้านายคิดว่านายไม่เหลือใคร นายดูเราสิ” แต้มชี้ที่ตัวเอง “เรามีทุกคนก็จริง” เสียงนั้นเริ่มสั่นเครือ “แต่เราก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”

ยิ่งใหญ่สะท้อนใจที่มัวแต่จมอยู่กับความเศร้าของตัวเอง จนลืมมองว่าคนข้างๆก็มีความทุกข์มากกว่าเขามากมายนัก

“นายยังมีเรานะ” ยิ่งใหญ่พูด

“นายก็ยังมีเราเหมือนกัน” แต้มพูด ทั้งคู่มองหน้ากัน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความเศร้าแปรเป็นรอยยิ้ม ยิ่งใหญ่ยกแขนขึ้นมากอดไหล่แต้ม อีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขานั่งพิงกับเตียงติดกันโดยมีแขนของแต่ละคนกระชับที่ไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่น ราวกับว่ากลัวว่าใครคนหนึ่งจะจากไป

“ขอบใจนะ ไอ้ขี้แย” แต้มพูดก่อน

“ไหน ใครขี้แย” ยิ่งใหญ่ตอบ

“หึ” แต้มพูด สายตามองไปที่ประตูห้อง “ไม่คิดเลยนะว่าเรากับนายจะสนิทกัน”

“เราคิด”

“หืม”

“จำได้มั้ย วันแรกที่เราทักนายตอนเปิดเทอม”

“โห ต้องย้อนไปไกลเลย”

“นั่นแหละ เราทักนายเรื่องของแม่”

แต้มพยักหน้า นึกขึ้นได้ทันที

“เราเจอนายตอนวันลงทะเบียน เราเห็นนายดูแลแม่ ไม่แคร์สายตาคนอื่นที่มองเลย”

“แคร์ทำไม นั่นแม่เรา”

“ใช่” ยิ่งใหญ่ขยับเลื่อนตัวให้สูงขึ้น แผ่นหลังยังติดกับเตียง แต่ตอนนี้ไหล่สองข้างของคนสองคนแนบชิดมากกว่าเดิม “ตอนนั้นเราชื่นชมนาย เราอิจฉานาย”

“อิจฉา” แต้มทวนคำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ใช่ เราอิจฉาที่นายมีแม่ที่รักนาย ถึงแม้พวกนายจะ...”

“จะแต่งตัวมอซอ”

“ตอนนั้นพวกนายดูร่ำรวยมากเลยนะแต้ม” ยิ่งใหญ่กระแอม “นายร่ำรวยความรักจนเราอิจฉา”

แต้มถึงบางอ้อ

“และ...” ยิ่งใหญ่กระชับวงแขน “เราก็อยากรู้จักกับนายตั้งแต่วันนั้น”

“สมมุตินะ” แต้มพูดขึ้น “ถ้าเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน นายจะมารู้จักกับเราได้ยังไง”

ยิ่งใหญ่เข้าใจในคำถาม แต้มหมายความว่า ถ้าอยู่คนละห้อง แต้มก็ยังคงเป็นนายเย็นชา ไม่สนใจคนรอบข้างแล้วยิ่งใหญ่จะเข้าหาได้อย่างไร

“เอ่อ...” ยิ่งใหญ่ตอบ “เอาจริงๆไม่ได้คิดว่ะ”

แต้มถอนหายใจ

“แต่เราก็อยู่ห้องเดียวกันนี่นา” ยิ่งใหญ่พูดต่อ

“ซวยจริงๆ” แต้มพูด

“อะไร” ยิ่งใหญ่ถามเสียงแข็ง

“เปล๊าาาาาาาาา” แต้มลากเสียง

ทั้งคู่มองหน้ากัน ไม่พูดอะไร ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะ จนลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้ต่างก็มีน้ำตา....

***********************************************************************

* หนองหลวง อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ประมาณเก้าพันไร่ ตั้งอยู่ในเขตของอำเภอเวียงชัย และอำเภอเมือง โดยทั่วไปจะเป็นที่เก็บน้ำเพื่อทำการเกษตรของประชาชนในพื้นที่ และใช้ประโยชน์สำหรับเป็นที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ บ้างก็มาตกปลา แต่ปัจจุบันหนองหลวงทรุดโทรมลงไปมากเนื่องจากขาดการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังจากส่วนท้องถิ่น

***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 20 (UP:: 16 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-01-2018 20:51:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 20 (UP:: 16 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2018 23:51:49
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 20 (UP:: 16 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-01-2018 15:16:15


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 21. มันใช่เรื่องซะที่ไหน



 เสียงฝนเงียบไปแล้ว แต้มงัวเงียตื่นมาในอ้อมกอดของยิ่งใหญ่อีกครั้ง ทั้งคู่นอนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต้มตกใจผละตัวเอง ลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะปลุกเพื่อนที่กำลังนอน

“ใหญ่ จะทุ่มแล้ว ไปส่งบ้านหน่อย”

“นอนนี่ไม่ได้เหรอคืนนี้อะ” ยิ่งใหญ่ประท้วง คว้าตัวเพื่อนไปกอดด้วยความเคยชิน

“พอแล้วอึดอัด” แต้มเขยิบตัวหนี “ไม่ได้บอกแม่ เดี๋ยวเป็นห่วง”ไม่เคยชินกับการถูกกอดแบบนี้เลยจริงๆ

“โทรไปบอกป้านวลก็ได้นี่” ยิ่งใหญ่ยื่นข้อเสนอ ป้านวลเจ้าของร้านขายของชำหน้าปากซอยบ้าน

“ป่านนี้คงปิดบ้านเงียบกันหมดละ”

“ขี้เกียจขับรถอ่า” ยิ่งใหญ่บ่นอุบ หน้าซุกกับหมอนราวกับถูกดูดกลืนให้จมไปในนั้น

“เดี๋ยวเราชับเอง” แต้มยื่นข้อเสนอ “พรุ่งนี้วันเสาร์นะ เดี๋ยวพาไปตกปลาที่หนองหลวง”

ยิ่งใหญ่ลืมตา “จริงนะ”

“อืม” แต้มกอดอกด้วยความเบื่อ ต้องให้เอาอะไรแบบนี้มาล่อ “เปลี่ยนชุดได้แล้ว เดี๋ยวจะดึก”

***********************************************************************

ต้องตาเคาะห้องเจ้านาย เปิดเข้าไปโดยไม่ต้องรอคำตอบเนื่องจากอีกฝ่ายติดสายอยู่ หลังวางเอกสารลงที่โต๊ะ ยอดเยี่ยมก็ชี้มือมาที่หญิงสาวกับเก้าอี้ ให้นั่งรอก่อน ไม่นานเขาก็วางสายและทำหน้าเครียด

“ผมมีเรื่องไร้สาระให้คุณช่วย”

“อะไรคะ” ไร้สาระ ทำไมจะต้องถึงมือเรา...

“คือ” ยอดเยี่ยมถอนหายใจ “เอาไงดี มันไร้สาระจนไม่กล้าจะรบกวนคุณ แต่นอกจากคุณผมก็ไม่เห็นใครแล้ว”

“ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ตาก็ช่วยได้ค่ะ”

“คือ” เขาอ้ำอึ้ง และสุดท้ายก็ยอมเล่าให้ฟัง “ผมกับเพื่อนสนิทพนันกันไว้ ว่าภายในปีนี้จะต้องพาแฟนไปเปิดตัว ถ้าใครพาไปไม่ได้จะต้องเสียเงินห้าหมื่น”

“ห้าหมื่น!” วิถีคนรวยสินะ เงินเดือนของเธอยังไม่ถึงครึ่งของมันเลย... ต้องตากร่นด่าในใจ

“ใช่ครับ ห้าหมื่น ในกลุ่มมีอยู่แปดคน ถ้าไม่มีใครมีแฟนเลยก็รอดไป แต่เท่าที่ผมรู้ๆมา หลายคนมีแฟนแล้ว ยกเว้น...”

“ยกเว้นคุณเอง”

“ใช่” ยอดเยี่ยมยอมรับโดยดุษฎี

“แต่เงินแค่นี้ คุณยอดคงไม่สะเทือนมั้งคะ”

“ใครบอกว่าแค่นี้”

“คุณยอดบอก” ต้องตาโพล่งตอบ

“อ่อ ผมคงสื่อสารผิด ผมหมายถึง ถ้าใครไม่มีแฟน จะต้องจ่ายให้คนที่มีแฟนห้าหมื่นบาทต่อคน ถ้าในกลุ่มมีแฟนไปเจ็ด แต่ผมไม่มีอยู่คนเดียว เท่ากับว่าผมต้องจ่ายเงินสามแสนห้า”

“คุณพระ!”

ยอดเยี่ยมพยักหน้า “นี่เป็นเหตุผลที่ผมอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ”

ต้องตาสบตาชายผู้อยู่ตรงหน้า “ทำไมคุณไปรับพนันอะไรบ้าๆแบบนี้คะ”

“ตอนนั้นผมยังเด็กไง ยังเรียนม.ปลายกันอยู่เลยมั้ง เพื่อนๆท้ากันสนุกปาก ไอ้ผมก็คิดว่าอีกตั้งนาน ถึงตอนนั้นคงมีแฟนไปแล้วล่ะ”

“แต่คุณก็ไม่มี” ต้องตาอมยิ้ม

“คุณกำลังเยาะผมอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“เปล่าค่ะ ตาแค่ขำ อยากรู้จังอะไรที่ดลใจให้คุณรับปากแบบนั้น”

“ผมก็อยากรู้ตัวเองเหมือนกัน”

แล้วทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ

“ตกลงว่าคุณตารับปากหรือเปล่าครับ”

“ทำไมตาจะต้องรับปากคุณยอดด้วยคะ”

ยอดเยี่ยมหน้าเหวอ “ก็ผมขอร้องคุณไง พลีสสสส” เขาทำเสียงเหมือนเด็ก ไร้มาดเจ้านายอย่างสิ้นเชิง

“ไม่” ต้องตาตอบเสียงแข็ง

“ผมไม่ให้คุณเหนื่อยฟรี” ยอดเยี่ยมยื่นข้อเสนอ “50% ของเงินที่ได้จากเพื่อนที่โสด”

“คุณบอกเองว่าเพื่อนคุณมีแฟนหมดแล้ว” ต้องตาพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

“ถ้าทุกคนมีแฟนหมด คุณได้จากผมหมื่นนึง” ยอดเยี่ยมมองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่เปื้อนรอยยิ้ม

“นี่คุณแกล้งผมสินะ”

“คุณเสนอให้ตาเอง ห้ามคืนคำนะคะ” หญิงสาวหัวเราะ ยอดเยี่ยมยิ้มและส่ายหัว เขาคงตามผู้หญิงคนนี้ไม่ทันจริงๆ

“ผมหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

“แต่เอกสาร...”

ยอดเยี่ยมไม่ตอบ หยิบขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดก่อนจรดปากกาลงไป สุดท้ายทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องทำงานในสามสิบนาทีให้หลัง “คุณตาอยากทานอะไรครับ”

“ถ้าตาบอก คุณยอดจะทานได้เหรอคะ”

“ได้สิ ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก”

“งั้นไปทานก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของตากันเถอะ” ยอดเยี่ยมพยักหน้า ต้องตาพาเขาเดินออกมาจากโรงแรม เลาะเลียบตามถนนสีลม เข้าตรอกหนึ่งที่คนกำลังพลุกพล่าน ช่วงเวลาพักเที่ยงเลยไปนานแล้ว คนในร้านเลยบางตา ทั้งคู่สั่งก๋วยเตี๋ยว นั่งเงียบจนกระทั่งมันถูกนำมาเสิร์ฟ

“อร่อยจัง” ยอดเยี่ยมบอก

“ใช่ค่ะ ร้านนี้ถูกปากตามาก”

“ไม่ยักกะรู้ว่าแถวโรงแรมเรามีอะไรอร่อยๆแบบนี้ด้วย”

“รอบๆโรงแรมเรามีของอร่อยเยอะแยะค่ะ ไว้ว่างๆตาจะพามาทานอีก” ต้องตาเม้มปาก พลาดแล้ว

ยอดเยี่ยมส่งสายตาเจ้าชู้มาหาอย่างปิดไม่มิด “ออกปากแล้วห้ามคืนคำนะครับ”

***********************************************************************

หลังจากส่งสรุปรายงานการประชุมเรื่องโครงการใหม่ที่ไปสำรวจสถานที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ต้องตาก็ว่างพอสมควร เนื่องจากงานของยอดเยี่ยมไม่ได้เต็มตารางเหมือนนายคนอื่นๆ คงเพราะเจ้านายเธออายุยังน้อย แถมยังมีญาติคนอื่นๆกุมบังเหียนอยู่อีกหลายทอด งานส่วนใหญ่จึงเป็นในส่วนระบบการทำงาน การขยายโอกาสทางการตลาด เน้นหนักไปที่งานขายและโปรโมชั่นมากกว่า

“คุณตา เข้ามาในห้องผมหน่อยครับ” ต้องตาปัดผม ก่อนลุกไปในห้องเจ้านาย

“ศุกร์นี้ อย่าลืมนะ” ยอดเยี่ยมย้ำ

“ค่ะ ตาจำได้”

“ดีแล้ว ก่อนไปเอานี่ไปอ่านก่อน”

“อะไรคะ” ต้องตาหยิบกระดาษ A4 ที่เขียนโดยลายมือโย้ๆของผู้เป็นนาย

“ประวัติของผม ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร” ยอดเยี่ยมยิ้ม นั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ปล่อยขายาวเหยียดแกว่งไกว

“ตาต้องทำของตาด้วยไหม”

“ไม่ต้องหรอก ผมมีคำถามอยู่แล้ว คุณตาบอกผมมาละกัน”

“คะ” ต้องตารู้สึกไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน

“อายุ” ยอดเยี่ยมโพล่ง

“น่าเกลียด มาถามอายุสุภาพสตรี” ต้องตาบ่นในใจ แต่เธอตอบความจริงไป “32 ค่ะ” พลางดูในกระดาษนั้น

“ห่างกันหกปี” ยอดเยี่ยมยิ้ม “การศึกษาล่ะครับ”

“บัญชี ม.เชียงใหม่ค่ะ”

“หืมมมมมม น้องชายผมก็อยากเรียนที่นั่น บัญชีนี่เป็นคณะเลยรึเปล่าครับ”

“เปล่าค่ะ บัญชีเป็นสาขาหนึ่งของคณะบริหารธุรกิจ”

“อ่อ” ยอดเยี่ยมจดยิกๆ ต้องตาอ่านคำตอบของอีกฝ่าย ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโทจากเท็กซัส อเมริกา

“ทำไมตรงนี้บอกว่า ดร็อปปี 4 ไว้ล่ะคะ”

“อ่อ” ยอดเยี่ยมอึกอัก “แม่ผมอยากให้เรียนน่ะครับ แต่ผมเรียนไม่ไหว”

“น่าเสียดายนะคะ อีก 2 ปีก็ได้เป็นนายแพทย์แล้ว” เธอบ่นแกมเสียดาย แต่ก็น่าทึ่งที่ยอดเยี่ยมเรียนปริญญาตรีสองที่พร้อมๆกันได้

“มีแฟนเป็นนักธุรกิจกับนายแพทย์ อันไหนเท่ห์กว่ากันอะครับ”

ต้องตาครุ่นคิด ยอดเยี่ยมรอลุ้นกับคำตอบ “แล้วทำไมตาต้องตอบคุณยอดด้วยคะ”

“โธ่ อุตส่าห์รอฟัง” เขาบ่น ก่อนเปลี่ยนคำถาม “เวลาว่างคุณตาชอบทำอะไรครับ”

“เอาความจริงใช่มั้ยคะ” ยอดเยี่ยมพยักหน้าแทนคำตอบ

“ตาไม่ค่อยมีเวลาว่างหรอก เลิกงานก็ไปทำขนมขายต่อ วันหยุดตาก็รับงานสอนพิเศษบ้าง”

ยอดเยี่ยมรู้สึกทึ่งในตัวของผู้หญิงคนนี้ขึ้นทุกที “ทำไมคุณตาต้องขยันขนาดนี้ด้วยล่ะครับ”

“ตาไม่ได้อยากขยันหรอกค่ะ แต่ตามีความจำเป็นของตา”

“ครับ” เขาเลือกที่จะไม่ถามต่อ พอนึกถึงการใช้เวลาว่างของตัวเองที่เขียนไปว่า “ร้องเพลง” ก็รู้สึกอายอย่างที่สุด

“คุณยอดชอบร้องเพลงอะไรคะ” ต้องตาถาม

ยอดเยี่ยมตั้งตัวไม่ติด “เผื่อเพื่อนๆคุณยอดถามตาจะได้ตอบได้”

“คุณตาตอบว่า ความลับละกันนะครับ”

***********************************************************************



จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 21 (UP:: 19 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 19-01-2018 15:30:12
 :o8: :o8: :o8: สนุก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 21 (UP:: 19 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2018 15:32:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 21 (UP:: 19 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-01-2018 18:21:33
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 21 (UP:: 19 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-01-2018 23:10:56
:o8: :o8: :o8: สนุก

ขอบคุณครับ อิอิ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 21 (UP:: 19 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-01-2018 23:11:22
:pig4: :pig4: :pig4:


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 21 (UP:: 19 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-01-2018 23:11:52
:L2: :pig4:

รอตอนต่อไปแป๊ปนะครับ ไม่นานแน่นอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 22 (UP:: 22 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 22-01-2018 17:27:23
​จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 22. งานปาร์ตี้เล็กๆ



แต้มนั่งจากจนตรอกที่ห้องกิจกรรมของโรงเรียน สาเหตุก็เพราะอาจารย์ภาคกิจกรรม ต้องการนักแสดงประกอบแสงสีเสียงของโรงเรียน ซึ่ง...ซึ่ง...ซึ่ง...คนที่ถูกเลือกคือ นายยิ่งใหญ่ นั่นเอง แต่วิบากกรรมกลับมาตกอยู่กับแต้ม เมื่อกิจกรรมที่ต้องแสดง มีนักแสดงชายตัวหลัก 2 คน

คุณรู้ใช่ไหม ว่ายิ่งใหญ่จะเสนอใคร “หน่วยก้านไม่เลวนะ ถึงจะไม่สูงเท่าใหญ่ แต่ยืนคู่กันก็ไม่มีปัญหาอะไร”

แต้มพยายามอ้าปากจะค้าน “เห็นมั้ยครับจารย์ ผมบอกแล้วว่าเพื่อนผมหน่วยก้านดี”

“กรฤต ถือว่าครูขอร้องนะ งานนี้เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนเลย ทั้งจังหวัดเรามีแค่โรงเรียนเราเท่านั้นที่ได้รับเลือก”

“เอ่อ” แต้มจนปัญญา หนึ่ง....เขาปฏิเสธคนไม่เป็น สอง...เขาไม่กล้าแสดงออก สมองครุ่นคิดอยู่นาน ทั้งห้องกิจกรรมเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจของคนที่กำลังลุ้นอยู่ดังสอดแทรกมาเท่านั้น

“ก็ได้ครับอาจารย์”

“ต้องอย่างนี้สิ” อาจารย์ภาคกิจกรรมปรบมือเกรียว หลังจากที่ทาบทามนักเรียนชายระดับชั้นม.ปลายไปหลายคนก็ได้รับคำตอบว่าไม่สะดวกจนแทบจะถอดใจ “เอาเป็นว่าครูจะออกจดหมายขออนุญาตผู้ปกครองให้ เริ่มซ้อมตอนเปิดเทอมสองนะครับ หลังเลิกเรียนถึงสองทุ่ม”

สองทุ่ม! แล้วเขาจะไปนอนที่ไหน.... แต้มหันหน้าไปมองที่เพื่อนสนิท ส่งสายตาดุดันเป็นคำถามว่า “นาย จง ใจ ให้ เรา ตก ลง เพราะ แบบ นี้ ใช่ ไหม” สิ่งที่ได้รับกลับมาคือหน้าตาที่แสนทะเล้นของยิ่งใหญ่

“เอาล่ะ ไปเรียนได้ละ ขอบใจมากนะกรฤต”

แต้มอยากจะบอกว่าสาเหตุที่ตนเองตกปากรับคำเพราะว่าอาจารย์ท่านนี้เรียกชื่อเขาถูกเป็นคนแรก

“นี่มันแผนของนายใช่ปะ”

“เปล๊า” ยิ่งใหญ่ผิวปาก พวกเขาเดินออกจาประตูห้องกิจกรรมก่อนมาหยุดที่แป้นบาส

“เล่นบาสมั้ย” แต้มชวน

“เราไม่ชอบบาส นายก็รู้”

“มา เดี๋ยวสอน”

“ไม่เอา ไปเตะบอลดีกว่า”

“โหย ขี้เกียจวิ่ง”

“ไปเตะบอลๆๆๆ” ยิ่งใหญ่ดึงแขนแต้ม อีกฝ่ายวิ่งเหยาะๆตามไปที่สนาม “เล่นด้วยยย” ยิ่งใหญ่ตะโกน นอกจากกลุ่มสาวๆแล้ว ยิ่งใหญ่ก็โด่งดังในหมู่นักเรียนชายไม่น้อย

“มาๆ กำลังจะเริ่มเกมใหม่” เพื่อนคนหนึ่งพูด “ประตูแรกนะ โดนยิงถอดเสื้อ”

นักฟุตบอลทุกคนใส่ชุดนักเรียน บ้างก็ใส่ชุดพละ เกมนี้มีแต่ม.ปลาย เพราะระดับม.ต้นพักเที่ยงก่อนครึ่งชั่วโมง และตอนนี้ต่างก็ทะยอยเข้าห้องเรียนไปหมดแล้ว นักเรียนหญิงชี้ชวนกันมานั่งเกาะขอบสนามตามใต้ต้นไม้และม้าหินอ่อน

“แก ยิ่งใหญ่เตะบอล แอร๊ย หล๊อหล่อ” เสียงกรี๊ดกร๊าดนั้นปิดไม่มิด เกมในสนามกำลังเริ่ม ก่อนที่ทีมของแต้มกับยิ่งใหญ่ถูกยิงประตูนำไปก่อน

“แกๆๆๆ ถอดเสื้อแล้ว” นักเรียนหญิงกรีดร้อง “หูย หุ่นดีอะ” ทุกคนต่างพยักเพยิดไปมองหุ่นของยิ่งใหญ่ “ขาวมาก”

               ยิ่งใหญ่รับบอลต่อจากเพื่อนในทีม ส่งมันไปยังแต้มที่รออยู่ ทั้งสองต่อบอลกันไปมาราวอย่างคล่องแคล่วกับซ้อมกันมาก่อน “แกๆคนนั้นใครอะ”

“คนไหน”

“นั่นไง ที่เข้มๆ ต่อบอลกับใหญ่น่ะ”

“อ่อ แต้ม เพื่อนสนิทของใหญ่ไง ไม่รู้จักเหรอ”

“อุ๊ย แต้มคนนั้นอะนะ” นักเรียนหญิงนึกได้ “ทำไมตอนนี้ดูดีกว่าอยู่ในห้องอะ”

“จริงด้วยนะแก ชั้นว่าเค้ามีเสน่ห์มากเลยนะ หุ่นก็ดี กีฬาก็ได้ แถมนิ่งๆเงียบๆอีก”

“พอๆๆๆๆ สรุปพวกแกจะดูบอลหรือดูผู้ชาย”

“แกจะถามทำไมยะ” เสียงตุ๊ดคนหนึ่งตอบ “ต้องผู้ชายอยู่แล้วเสะ”

“แต้ม” ยิ่งใหญ่ส่งเสียงเรียก เดาะบอลขึ้น เตะโด่งไปที่คนถูกเรียกที่กำลังยกมืออยู่ ฝั่งตรงข้ามสะกัดแต่วืดถึงแม้แต้มโดนบังแต่ก็เอี้ยวตัวรับบอลที่เพิ่งส่งมาได้ ก่อนส่งต่อไปที่เพื่อนที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างเหมาะเหม็ง ยิ่งใหญ่พลิกข้อเท้าตวัดลูกกลมๆนั้นเต็มแรงก่อนที่มันจะลอยเข้าไปตุงตาข่าย

“กรี๊ดดดดดด” เสียงกรี๊ดดังสนั่นเมื่อยิ่งใหญ่ทำประตูตีเสมอได้

“เจ๋ง” ยิ่งใหญ่วิ่งวนมายังแต้ม กอดคออีกฝ่ายอย่างดีใจ เพื่อนร่วมทีมต่างกรูมากอดก่าย

“เชี่ย อึดอัด” แต้มบ่นกับยิ่งใหญ่

“เห้ยๆ พวกนายปล่อยๆ ใครให้มากอดแต้ม” ยิ่งใหญ่เสียงดุ แต้มกรอกตา เพราะเขาหมายถึงยิ่งใหญ่ ไม่ได้หมายถึงคนอื่น

“ไอ้เชี่ย หวงแฟนเหรอวะ” เพื่อนที่เรียนวิชารด.ด้วยกันแซว ตามด้วยเสียงหัวเราะร่วน แต้มกับยิ่งใหญ่หัวเราะตาม มองว่าเป็นเรื่องน่าขันมากกว่าจะจริงจังกับแค่คำแซว

***********************************************************************

               หญิงสาวรู้สึกประหม่า และตื่นเต้นตลอดทางตั้งแต่ที่ทำงานจนถึงคอนโดหรูส่วนตัวแถวสุขุมวิทของยอดเยี่ยม เธอแต่งกายกึ่งลำลอง เนื่องจากเขาบอกเองว่าไม่ต้องมากพิธี เนื่องจากเป็นปาร์ตี้ส่วนตัว มีแต่เพื่อนๆคนสนิท เลยตัดสินใจสวมเดรสสั้นสีพีช ขับผิวสีน้ำผึ้งของเธอให้ดูสวยยิ่งขึ้น ต้องตาไม่เคยหวั่นเรื่องใช้สีอ่อนกับผิวสีเข้มของตัวเอง แต่กลับมั่นใจมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะมันยิ่งทำให้ตัวเองเป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น

               แต่ใครจะคิดว่า มันเป็นปาร์ตี้ที่หรูหราเสียเหลือเกิน และไม่ได้มีแค่กลุ่มเพื่อนสนิทของยอดเยี่ยมเท่านั้น สระว่ายน้ำของคอนโดถูกเนรมิตให้เป็นผับเฉพาะกิจ บูธดีเจตั้งตระหง่าน มีดีเจชาวต่างชาติ หัวฟูสีทองถอดเสื้อโชว์รอยสักและแผงอกล่ำบรรเลงแผ่นเสียงอย่างเอาเป็นเอาตาย งานเลี้ยงเริ่มตั้งแต่หนึ่งทุ่ม เมื่อเธอมาถึง ทุกคนดูจะเมาได้ที่กันหมดแล้ว

“ไหนคุณบอกว่าเป็นงานเล็กๆ” ต้องตาตาเขียวปั๊ด

“นี่เล็กละนะ” ยอดเยี่ยมแก้ตัว ก่อนจับมือหญิงสาวคล้องแขน เดินควงเข้างาน

“ขอเสียงปรบมือให้กับเจ้าภาพหน่อยครับ” ดีเจหน้าฝรั่งแต่พูดไทยชัดแจ๋วส่งเสียงผ่านไมโครโฟน แขกในงานปรบมือส่งเสียงเกรียวกราว ต้องตารู้สึกว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เธออย่างประหลาดใจ แสงแฟลชสาดมาที่ทั้งคู่ ผู้หญิงหลายคนจับจ้องมาที่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“คุณสร้างศัตรูให้ตาทั้งเมืองแล้วนะคะ” ต้องตาใช้มือข้างที่ควงบีบแขนชายหนุ่มอย่างแรงไปหนึ่งที

“หืม ยังไงอะครับ” ยอดเยี่ยมถาม

“ก็ดูสายตาสาวๆพวกนั้นสิ จ้องตาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ”

“ฮ่าๆๆๆ พวกเค้าคงอิจฉาคุณมั้ง ที่เป็นแฟนผม”

“คุณนี่ ขี้ตู่” ต้องตาตีแขนล่ำ “นี่เป็นแผนการของคุณใช่มั้ย”

“แผนอะไร” ยอดเยี่ยมแสร้งทำหน้าซื่อ

“ก็แผนการพาตามางานเลี้ยง เล็กๆ” ต้องตาเน้นคำว่าเล็กๆ “แต่มีนักข่าวสังคมมาถ่ายรูป มีดาราชื่อดังรูปหล่อนั่งอยู่ตรงนั้น มีนางแบบ และคนดังมากันเพียบขนาดนี้”

“เปล๊า”

“คุณยอด” คราวนี้เธอหยิก

“โอ๊ย ทำไมคุณรู้ทันผมหมดเลยเนี่ย” ยอดเยี่ยมโอยครวญยอดแพ้

“ทำไมตาจะต้องแกล้งโง่ด้วยล่ะคะ”

“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ผมถึงอยากจีบคุณ”

ต้องตารู้สึกว่าตัวเองต้องไปเข้าคอร์สแกล้งโง่ในเร็ววันนี้

“ว่าไงไอ้เสือ” เพื่อในกลุ่มยอดเยี่ยมทัก “สวัสดีครับ นี่คงเป็นคุณต้องตาแฟนไอ้เสือยอด ผมมิกซ์นะครับ”

ต้องตายิ้มหวาน มิกซ์เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ไว้ผมยาวเป็นลอนสีดำสนิทประบ่า สวมเสื้อลายตารางสีเขียวสลับแดง กางเกงขาสั้นยาวเหนือเข่าสีน้ำเงินเหมือนนักเรียนม.ปลาย สวมหมวกสีเทาอ่อนดูไม่เข้ากันอย่างแปลกๆ นัยน์ตาเป็นประกายขี้เล่น ส่อแววเจ้าชู้ “สวัสดีค่ะคุณมิกซ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”ต้องตาเดาว่ายอดเยี่ยมคงเล่าเรื่องเธอให้เพื่อนในกลุ่มไปแล้ว ไม่มากก็น้อย

“ให้ผมแนะนำตัวทีละคนให้นะครับ” มิกซ์อาสา “เห้ยทุกคน นี่คุณต้องตา แฟนไอ้เสือยอดมัน”

“สวัสดีค่ะ เรียกตาเฉยๆก็ได้” เธอโบกมือแก้เก้อ ในกลุ่มมีแต่เด็กๆอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้านายของตน

“คนที่นั่งข้างผม ตัวอ้วนๆนี่ไอ้เม้ง” เม้งแต่งตัวธรรมดาค่อนไปทางเชยเฉิ่มด้วยกางเกงยีนส์ตัวหลวม เสื้อโปโลสีซีดเก่า ไม่เข้ากับงานอย่างร้ายกาจ “เจ้าของร้านทองแถวเยาวราช” ยอดเยี่ยมกระซิบ

“ส่วนถัดจากไอ้เม้ง คือไอ้สัน” ต้องตามองคนชื่อสันต์ เขาใส่ยีนส์ทั้งชุด ผมหยักศกยาวชี้ฟูไม่มีทิศทางที่แน่นอนลู่ถึงกลางหลัง สำหรับผู้หญิงแบบเธอแล้ว ช่างน่าอิจฉาคนที่ไว้ผมยาวได้ขนาดนี้เสียจัง “ไอ้นี่พ่อเป็นทหาร เปิดร้านซ่อมรถ งานอดิเรกคือเป็นนักร้องตามผับ โคตรอินดี้”

“คนนี้” ต้องตาเบิกตาโพลง “คุณตาคงรู้จักอยู่แล้ว ไอ้ภัทรดาราหนุ่มชื่อดังของเมืองไทย”

“ไม่ต้องบอกค่ะ คนนี้ตารู้จัก” ยอดเยี่ยมค้อนหญิงสาว

“ถัดจากไอ้ภัทร คือ เอ้ หญิงสาวคนเดียวของกลุ่ม”

“สวัสดีค่ะ” ทั้งคู่ทักทายอย่างเป็นกันเอง

“ไอ้เสือยอด ตาถึงมาก สวยมาก” เอ้ชม ต้องตามองไม่เห็นแววร่องรอยแห่งความเสแสร้ง “เอ้เป็นเออีบริษัทโฆษณา ที่พ่อเป็นเจ้าของ ตัวจริงเป็นคนตรง ปากแรง”

“งั้นที่ชมว่าตาสวย ก็จริงสินะ” ยอดเยี่ยมไม่ตอบ เพราะยังงอนที่ต้องตาจ้องไอ้ภัทรตาเป็นมัน

“อีกคนตรงนี้” มิกซ์ผายมือไป “เห้ย ไอ้กานต์หยุดหม้อก่อน นี่คุณตาแฟนไอ้เสือยอดมัน”

“ไอ้กานต์เพิ่งกลับไทย มันไปเรียนที่ออสมา” ต้องตาร้องอ๋อ

“มีมิกซ์ เม้ง สัน คุณภัทร เอ้ กานต์ ยอด” ต้องตานับใจใน รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อทวนชื่อดาราหนุ่ม

“หายไปไหนคนนึงคะคุณมิกซ์ เห็นคุณยอดบอกว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มมี 8 คน”

“อ๋อ เจ้านั่นน่ะเหรอ สายตลอดอยู่แล้วครับ” มิกซ์ตอบอย่างอารมณ์ดี “นั่นไงมาโน่นละ”

ต้องตาจับไปที่ร่างสูงในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามาราวกับดาราอีกคนหนึ่ง ใบหน้านั้นหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ยอดเยี่ยมที่ว่าหน้าตาดี ยังไม่ได้ครึ่งของเขา ความหล่อนั้นไม่เป็นรองดาราดังอย่างภัทรเลย ต้องตาลอบมองสลับไปที่ดาราหนุ่มที่กำลังทำหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด

“ไงมึง มาช้าตลอด” เพื่อนๆในกลุ่มทัก

“เออ ขอโทษทีเพิ่งลงเครื่อง รีบบึ่งจากสนามบินมาสุดๆแล้วนะ”

“มาก็ดีแล้ว รู้จักนี่ไว้ คุณต้องตา แฟนไอ้เสือยอด” หนุ่มหล่อมองเธอราวกับประเมิน ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง   

“สวัสดีครับคุณตา ผมบั๊มพ์นะครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มชวนใจละลายมาให้ ต้องตาตอบรับอย่างเคอะเขิน

“คนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เชียงใหม่ น่าจะเพิ่งบินมาวันนี้”

“ไหน ใครพาแฟนมาเปิดตัวอีกบ้าง” ยอดเยี่ยมถาม

“เรา” เอ้ยกมือ “แฟนเราเป็นดีเจอยู่โน่น งานนี้ดิชั้นสนับสนุนเสียงเพลงค่า”

อดไปแล้วสองหมื่นห้า... ต้องตาคิดในใจ

“กูไม่มีว่ะ” เสี่ยเม้งตอบเสี่ยงอ่อย

“เห้ย อย่าคิดมาก กูก็ไม่มี” มิกซ์ทำเสียงอ่อยแกมทะเล้น

“ส่วนแฟนกู” บั๊มพ์พูดขึ้นมาชำเลืองสายตาไปยังเพื่อนคนหนึ่ง “ไม่มีว่ะ”

“กูก็ไม่มีเหมือนกัน” ดาราหนุ่มตอบ “ที่คนกูรัก เค้าไม่ได้รักกูนี่หว่า”

“มึงรู้ได้ไงว่าเค้าไม่รักมึง” มิกซ์ถาม “ดาราหนุ่มรูปหล่อแบบมึงใครจะไม่สนวะ”

“มีดิ” ภัทรยกไวน์มาจิบ “ช่างแม่งเหอะ ดื่มๆๆๆ”

“เออ ชนแก้ว” บั๊มพ์พูด ก่อนลุกพรวดออกไป

 “เป็นไรวะไอ่บั๊มพ์ ใจร้อนจริง” เพื่อนๆในกลุ่มบ่นราวกับเคยชินกับอาการนี้

“มึงไปตามเมียมึงซิไอ้ภัทร”

“เมียพ่อง” ภัทรด่า แต่ก็เดินตามออกไป ทิ้งให้ต้องตางงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น

“อันนี้ผมไม่รู้” ยอดเยี่ยมตอบโดยที่ไม่ต้องให้เธอถาม

“แล้วมึงล่ะสัน”

“ตอบยากว่ะ” พิสันต์พูด “มีเหมือนไม่มีนี่นับว่ามีปะวะ”

“มึงแอบไปมีแฟนตอนไหน” เสียงเพื่อนๆในกล่มฮือฮา

“เห้ย กูมีแฟนแปลกตรงไหนวะ”

“คนอย่างพิสันต์ ผู้ชายอินดี้ผีเข้าผีออกเนี่ยนะจะมีแฟนได้” เสียงมิกซ์คาดคั้น

“ก็บอกแล้วว่ามีเหมือนไม่มี พวกมึงนับว่ามีปะล่ะ”

“เออๆ กูหยวนให้ก็ได้” เอ้พูด “คนอื่นว่าไง ตามนี้มั้ย ถ้าไม่มีใครค้าน งานนี้ไอ้มิกซ์ ไอ้เม้ง ภัทร บั๊มพ์ กานต์ ห้าคนนะ”

“เห้ยๆๆๆ เดี๋ยว กูมีแฟนแล้ว” กานต์รีบผละจากนางแบบสาวมาโวยวาย “แล้วที่กูมาวันนี้” เขาโชว์แหวนที่นิ้วก้อย

“เห้ย” เพื่อนๆร้องเสียงหลง “อะไร ยังไงวะ ทำไมอยู่ๆ”

“กูว่าท้อง ไม่งั้นไม่รีบหมั้นขนาดนี้เพิ่งกลับไทยแท้ๆ” มิกซ์โพล่งขึ้นมา

“กูเห็นด้วยกะไอ้มิกซ์”

“แล้วไหนแฟนมึงวะ”

“ใจเย็นๆครับคุณพวกมึง ทีละคน ทีละคำถาม ยิงมาเป็นชุดแบบนี้กูตอบไม่ทันครับ” กานต์นั่งที่โต๊ะ หยิบแก้วไวน์ของตัวเองมาจิบอย่างมีความสุข ก่อนที่หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งจะเดินมาข้างๆและถูกแนะนำว่าเป็นว่าที่ภรรยาของตัวเอง

 ต้องตานั่งฟังทุกคนคุยกันอย่างออกรสและกระหยิ่มยิ้มย่องกับผลตอบแทนที่จะได้รับ ถึงแม้จะต้องแกล้งเป็นแฟนกับเจ้านายก็ตาม เงินครึ่งแสนที่เป็นส่วนแบ่งมันเป็นเงินที่ไม่น้อย นับจากวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อสองปีที่แล้ว การหาเงินยิ่งฝืดเคืองไปทุกวัน เธอมองไปที่วงสนทนา เพื่อนของยอดเยี่ยมอัธยาศัยดีแทบทั้งนั้น แต่ละคนพื้นเพต่างกัน แต่กลับสนิทกันอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาราหนุ่มชื่อภัทร ที่เธอพยายามชะเง้อหา เพราะว่าหายออกไปนานเกินไปแล้ว

***********************************************************************



จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 22 (UP:: 22 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-01-2018 18:10:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 22 (UP:: 22 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-01-2018 19:04:34
มาแล้ว

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 23 (UP:: 26 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-01-2018 19:07:14


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 23. ไม่ต่างกัน



 บั๊มพ์หลบมาที่มุมเงียบๆของงาน ดาดฟ้าคอนโดหรูมีกระจกกั้นระหว่างดาดฟ้าที่ว่ายน้ำกับด้านนอกแค่คอเท่านั้น ทำให้สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพที่สว่างไสวในความมืดอย่างเด่นชัด เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แค่อึกเดียว บุหรี่นั้นก็ถูกฉกไปโดยชายคนหนึ่ง “ทำไมมาหลบมุมตรงนี้วะ”

“เรื่องของกู”บั๊มพ์ตอบกวนๆ

“งอนกูเหรอ”

“เปล่า” บั๊มพ์ไม่ตอบ ดึงบุหรี่ที่อยู่ในปากนั้นมาสูบ

“แบบนี้ถือว่าจูบทางอ้อมปะ”

บั๊มพ์ชะงัก “เชี่ย พูดอะไรเนี่ย”

“กูคิดถึงมึงนะ” ความเงียบปกคลุมทั้งคู่อย่างกระทันหัน ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย นอกจากหยิบยื่นบุหรี่สลับกันสูบจนหมดมวน

“อย่าทำแบบนี้สิ” บั๊มพ์พูดในที่สุด “มันเป็นไปไม่ได้มึงก็รู้”

“อือ กูรู้” บั๊มพ์สบตาคนที่กำลังพูด สายตาหวานเยิ้มส่งผ่านความรู้สึกอย่างแท้จริง ราวกับที่ตรงนี้มีเพียงพวกเขาภายใต้ความมืดของกรุงเทพ “แต่กูก็ยัง...”

“ภัทร” บั๊มพ์ขัดจังหวะ ราวกับกลัวคำพูดถัดไปจะทำให้ใจอ่อน “มึงเป็นดารา ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นคนของประชาชน มึงก็รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” ภัทรถามกลับด้วยน้ำเสียงปวดร้าว “มึงก็รู้ว่ากูรักมึง”

“กูก็รักมึง” บั๊มพ์ตอบผู้ชายตรงหน้าในใจ ความเจ็บปวดนี้ร้าวลึกไม่ต่างกัน

“กูขอโทษภัทร” เขากลับตอบออกไปได้เพียงแค่นี้

“นี่เป็นเหตุผลให้มึงย้ายไปเชียงใหม่ใช่มั้ย เพื่อไปให้ไกลจากกู” ภัทรถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน ผู้ถูกถามไม่ตอบ มีแต่ความนิ่งงั้นอย่างน่าเศร้า

 ภัทร ดาราหนุ่มหล่ออนาคตไกลของวงการบันเทิงไทยวัยยี่สิบหกปี ความหล่อเหลาและความสามารถทางการแสดงผลักดันให้ดังเป็นพลุตั้งแต่ละครเรื่องแรกจวบจนทุกวันนี้ ดาราสาว เซเลปหรือผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างจับจ้องที่จะได้เขาเป็นคนรัก ที่ผ่านมา เขาไม่มีใครเลย นอกจากผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้า ภัทรกลั้นความรู้สึก มองใบหน้าหล่อเหลาที่แสนรักนั้นอย่างโหยหา ป้องเป็นรักเดียวในชีวิตที่เขาจะมอบความรู้สึกนี้ให้ใครได้ พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าต่างรู้สึกอย่างไรต่อกัน แต่เมื่อเขามายืนตรงจุดนี้ ความเป็นไปได้ที่จะมีความรักอย่างเปิดเผยลดน้อยจนกลายเป็นติดลบ

“เห้ย” บั๊มพ์สะดุ้งเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายโผเข้ามากอด “อย่าทำแบบนี้ นักข่าวเต็มเลยนะ”

“ขอกูอยู่แบบนี้สักพัก” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “กูคิดถึงมึง คิดถึงมาก”

บั๊มพ์อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน

ทั้งภัทรและบั๊มพ์ รู้จักกันครั้งแรกตอนม.ปลาย ภัทรเป็นคนหล่อประจำโรงเรียน แต่พอบั๊มพ์ย้ายมาอย่างกระทันหันเมื่อตอนม.ห้า สาวๆก็เกิดอาการเสียงแตก ว่าใครจะหล่อกว่ากัน ทั้งคู่หล่อที่เรียกได้ว่าเป็นเทพบุตรของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ในกลุ่มเพื่อนแปดคนนั้น จะมีจตุรเทพหน้าตาหล่อเหลาที่สุดสี่คนได้แก่บั๊มพ์ ภัทร สันและยอด ที่ต่างเป็นที่หมายปองของสาวๆ

แต่ทั้งภัทรและบั๊มพ์ ต่างไม่ถูกใจใครเลย พวกเขาทั้งคู่สนุกสนานโลดแล่นไปกับกิจกรรมของโรงเรียน การเจอกันตอนวันหยุด และสุดท้ายมันก็จบที่พวกเขารักกัน ... ความรู้สึกมันง่าย แต่การซื่อตรงต่อความรู้สึกที่มีมันช่างยากเหลือเกิน

“ภัทร พอเถอะ” บั๊มพ์ใช้สองแขนดันผู้ชายคนนี้ออก ภัทรปล่อยตัวเขาอย่างง่ายดายราวกับเตรียมใจไว้แล้ว

“มึงคิดถึงกูบ้างปะวะ”

“มึงอยากรู้ไปทำไมวะ” บั๊มพ์แกล้งถาม มองไปที่อีกฝ่ายที่ส่งสายตาที่ปวดร้าวมาให้

“กูแค่อยากรู้ว่ามึงยังเป็นบั๊มพ์คนเดิมของกูรึเปล่า”

“กู” บั๊มพ์นิ่งงัน เขาอยากตอบเหลือเกินว่าเขาไม่เคยเปลี่ยนไป แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นการฉุดรั้งอีกฝ่ายไว้

“ขอร้อง พูดความจริงกับกูเถอะ” ภัทรสะกิดใจเขา “มึงไม่ต้องคิดมากว่าจะเป็นตัวถ่วงชีวิตกูหรอก ถึงมึงบอกว่าไม่ ยังไงกูก็คิดกับมึงเหมือนเดิมอยู่ดี”

ก่อนจบม.หก ภัทรเอาสมุดมาให้บั๊มพ์เขียนเป็นคนสุดท้าย เขาเปิดอ่านของคนอื่นที่เขียนไว้อย่างมากมาย และใช้เวลากลั่นกรองถ้อยคำต่างๆถึงสามวันกว่าจะเขียนมันเสร็จ “ทำไมนานจังวะ” ภัทรถาม เมื่อวันที่ได้รับสมุดเฟรนด์ชิพคือวันสุดท้ายของการจบการศึกษา

“มึงจะได้รู้ไง ว่าการรออะไรบางอย่างมันเย้ายวนแค่ไหน”

“พูดยังกะคนแก่” ภัทรพูด ก่อนเปิดสมุด

“อย่าเพิ่ง” บั๊มพ์ปิดและจับมันใส่ในกระเป๋าสะพายของภัทร “เอาไปอ่านที่บ้านนะ”

“เออ” ภัทรตอบแบบงงๆ ก่อนที่ทุกคนจะไปรวมตัวในพิธีปัจฉิมนิเทศน์

ค่ำคืนนั้นเองที่ภัทรหยิบสมุดเฟรนด์ชิพของเพื่อนๆขึ้นมาอ่าน เขาเก็บหน้าสุดท้ายไว้ให้ป้องโดยการเขียนว่า “จอง” ตัวใหญ่เบิ้มด้วยดินสอไว้ ภัทรบรรจงอ่านถ้อยคำของเพื่อนที่เขียนอำลาอย่างมีความสุข จนสุดท้ายมาถึงหน้าที่เขาเก็บไว้อ่านทีหลังสุด

 มันถูกเขียนด้วยลายมือที่สวยที่สุดที่ใครคนหนึ่งจะเขียนได้ เขาอ่านทวนซ้ำๆจนจำขึ้นใจ

“ภัทร

มิตรภาพของกูกับมึงมันคือสิ่งมีค่า มึงคือเพื่อนที่กูรักมากที่สุด

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม มึงคือคนที่กูรักที่สุด

บั๊มพ์”

“ภัทร” บั๊มพ์เรียกโดยที่สายตาจับจ้องไปที่ความมืดด้านนอก

“หืม” ภัทรจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ พ่นควันอย่างไม่กลัวว่าจะมีนักข่าวมาดักถ่ายรูปเอาไปลงหนังสือพิมพ์

“มึงกับกูรู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ววะ”

“ตั้งแต่ม.ห้า” ภัทรยื่นบุหรี่ให้อีกฝ่าย “แปดเก้าปีแล้วมั้ง”

“แล้ว” บั๊มพ์พ่นควันบุหรี่ไปในความมืด “มึงคิดว่ากูเป็นคนยังไง”

“สำหรับกู” ภัทรพิงตัวหันหลังให้วิวกรุงเทพ สายตาจังจ้องไปยังคนใส่สูทขาว “มึงคือคนที่จริงจัง จริงใจ”

“อืม” บั๊มพ์ตอบสั้นๆ “แล้วไงอีก”

“ไม่มีแล้ว”

“กูคิดว่าจะมีเยอะกว่านี้ซะอีก”

“มึงคิดถึงกูไหม” ภัทรทวงถาม “มึงอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”

“กูเปล่าเปลี่ยนเรื่อง” บั๊มพ์ตอบ “กูแค่อยากรู้ว่ามึงรู้จักกูดีแค่ไหน”

“การที่มึงคิดถึงหรือไม่คิดถึงกูมันเกี่ยวอะไรกับการที่กูรู้จักมึงดีหรือเปล่าด้วยวะ” ภัทรถามอย่างงุนงง

“เพราะ” บั๊มพ์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและจริงใจ “ถ้ามึงรู้จักกูดี มึงจะรู้ว่าข้อความที่กูเคยเขียน มันคือความจริงตลอดไป”

ภัทรนิ่งงัน ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความตื่นตันใจ “ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม มึงคือคนที่กูรักที่สุด” เขาพูดประโยคนี้ที่ยังจดจำไม่เสื่อมคลาย

“ใช่” บั๊มพ์หันมาสบตา ส่งยิ้มที่ดูเปราะบางมาให้ ภัทรน้ำตาเอ่อ ที่ผ่านมาเขาต้องอยู่บนทางที่ “ประชาชน” หรือ “แฟนคลับ” ต้องการอยากให้เขาเป็นมาโดยตลอด มันเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่ความอ้างว้างทิ่มแทงเท้าของเขาราวกับหนามของดอกไม้ที่ถูกปูทางให้เดิน “อย่าขี้แยสิวะ มึงเป็นดาราดังนะเห้ย”

“ขอบคุณนะ” ภัทรส่งยิ้ม

“ขอบคุณกูทำไมวะ”

“ขอบคุณที่ทำให้กูยังรู้สึกว่าตัวเองมีค่า”

“มึงมีค่าที่สุดสำหรับกูอยู่แล้วเว้ยภัทร” บั๊มพ์ตอบอย่างไม่ปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง “ไม่ว่ามึงจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ถึงแม้พวกเราจะอยู่ห่างไกลกัน แต่มึงรู้ไว้นะ ว่ากูคือบั๊มพ์ คนเดิมตลอดไป”

 ทั้งคู่ไม่มีใครส่งเสียงใดๆอีก มีเพียงสายตา รอยยิ้ม ความเจ็บปวด ความเหงาและความโดดเดี่ยวส่งผ่านสลับไปมาภายใต้ค่ำคืนไร้ดาวนี้ ไม่รู้ว่านานเท่าไร แต่พวกเขายินดีที่จะอยู่แบบนี้ ราวกับมีกันแค่สองคน...

***********************************************************************

จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 23 (UP:: 26 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-01-2018 21:02:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 23 (UP:: 26 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 27-01-2018 14:26:30
  :z10: อ่านแบบไหลลื่นมากเลย

ขอบคุณนักแต่งมากครับ  จิ้ม  :z13:

ติดตามและขอเป็น FC นะคับ  ปูเสื่อรอ

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 23 (UP:: 26 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 30-01-2018 13:43:31
  :z10: อ่านแบบไหลลื่นมากเลย

ขอบคุณนักแต่งมากครับ  จิ้ม  :z13:

ติดตามและขอเป็น FC นะคับ  ปูเสื่อรอ

ขอบคุณมากครับ กำลังจะเอาตอนใหม่ลง
อย่าลืมติดตามอ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 23 (UP:: 26 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 30-01-2018 13:43:55
:pig4: :pig4: :pig4:

มาส่งจูบ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 24 (UP:: 30 ม.ค. 2561) #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 30-01-2018 13:44:36


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 24. เกิดเรื่อง



“แต้มมมมมมม”

“อะไรวะ” แต้มงุนงงที่วันนี้ยิ่งใหญ่มาดักรอที่หน้าโรงเรียนแต่เช้า พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเสาร์อาทิตย์ที่บ้าน

ก่อนยิ่งใหญ่จะถูกเตะกลับมาที่หอเพื่อซักผ้าเตรียมตัวไปโรงเรียน “เรียกยังกะไม่เจอมานานงั้นแหละ”

“ลอกการบ้านหน่อย”

แต้มส่งสายตาเอือมระอาไปให้ “แล้วทำไมไม่ทำตอนที่บอกให้ทำ” เสียงนั้นบ่นอุบ

“ก็เรานวดให้พ่อนายอยู่ไง” ยิ่งใหญ่แถ

ไม่ว่าจะบ่นแค่ไหน แต้มก็หยิบสมุดของตัวเองออกมาจากเป้ให้อีกฝ่ายอยู่ดี

“ปะๆๆๆไปที่ห้องเร็วๆ จะได้รีบลอก รีบกินข้าวที่โรงอาหาร”

“ไม่ต้อง วันนี้แม่ซื้อข้าวผัดมาเผื่อด้วยอยู่ในเป้”

“เจ๋ง” สายตาของยิ่งใหญ่เป็นประกาย

“ทำการบ้านให้เสร็จก่อน ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว” แต้มยื่นคำขาด

“โหย ไหงเป็นแบบนี้ไปได้”

“หยุดงอแงวอแวได้ละ จะทำไม่ทำการบ้านน่ะ ไม่ทำอดกินนะ”

“เออๆ ทำ” ยิ่งใหญ่ส่งเสียงตัดพ้อ “น่าฟ้องแม่จังเลยคนอะไร”

“บ่นไร ได้ยินนะ”

“เปล๊า” อีกฝ่ายส่งเสียงสูง ก่อนจับที่สายเป้ที่พาดที่หน้าอกแต้มและจูงไปที่ห้องโดยไม่แคร์สายตาสาวๆที่มองมายังทั้งคู่อย่างน่าอิจฉา ยิ่งใหญ่ตั้งใจลอกการบ้านจนเสร็จ บิดตัวอย่างขี้เกียจ

“ทำไมตอนเรียนไม่ตั้งใจแบบนี้บ้าง”

“นายนี่ขี้บ่นจัง ไหนอะข้าวผัด” แต้มหยิบถึงข้าวผัดให้ พลางควานหาช้อนที่อยู่ในเป้ ยิ่งใหญ่ตักกินอย่าหิวโหย รสชาติที่คุ้นเคย ถึงแม้ไม่ใช่ฝีมือแม่ของแต้ม แต่ก็ทำให้เขาเจริญอาหารได้เช่นกัน

“เย็นนี้ไปไหนปะ” ยิ่งใหญ่ถามทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก

“กินเสร็จค่อยถามก็ได้มั้ย” แต้มบ่น

“อายอี้อั๊กอะเอื๋อนอ้อเอาไออุ๊กอันอะอ๊ะ” (นายนี่ชักจะเหมือนพ่อเราไปทุกวันละนะ) แต้มกรอกตาเพราะฟังไม่ออก

“กลับบ้านแหละ นายล่ะ”

“ไปซ้อม” ยิ่งใหญ่ตอบเป็นภาษาคนแล้ว หลังจากกำจัดข้าวผัดไปได้ภายในไม่กี่นาที

“เลิกดึกเลยสิ จะแข่งวันไหน” ยิ่งใหญ่เป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของโรงเรียน ชายคนนี้เก่งกีฬาทุกอย่างยกเว้นลูกบาส ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ชอบเสียงลูกบาสกระทบพื้นเวลาเลี้ยงมัน แต่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะวิ่งไล่ลูกบอล และการตีปิงปองก็น่าเบื่อเกินไป สุดท้ายก็จบด้วยวอลเล่ย์บอล โดยที่แต้มเองไม่ได้เลือกอะไรทั้งนั้นเพราะบ้านอยู่ไกล ถึงแม้บ้านเขาจะไม่ไกล ก็ไม่มีเวลามาซ้อมอยู่ดี

“ก่อนสอบสองวัน”

“เห้ย” แต้มทำหน้าตกใจ

“จริง” ยิ่งใหญ่พับสมุดนำไปวางไว้ที่โต๊ะครูหน้าห้องรอหัหน้าชั้นรวบรวมไปส่งและกลับมาที่เดิม

“แล้วจะอ่านหนังสือทันเหรอ”

“นั่นสิ” น้ำเสียงนั้นกังวล

“ถ้าไม่ทันจะทำยังไง สอบลางภาคก็สำคัญนะ” แต้มคิดอย่างร้อนรน

“นายก็ติวให้เราสิ”

“อืม แต่นายซ้อมกีฬาเลิกดึกนี่นา”

“นายก็ขอแม่มานอนหอเราได้นิ แม่ไม่ว่าหรอกมาอ่านหนังสือ”

“เออ ไอเดียนายก็เข้าท่าดีนะ”

“ตกลงตามนี้นะ” ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้าง แต้มมองใบหน้าที่มีความสุขจนปิดไม่มิดนั้นพลางหลับตาและส่ายหัว

“นี่ นาย จง ใจ หลอก ล่อ ให้ เรา รับ ปาก ว่า จะ มา ค้าง หอ นาย เหรอ” แต้มพูดช้าๆเน้นทีละคำ

“เปล๊า” ยิ่งใหญ่ตอบ แต่น้ำเสียงนั้นยังร่าเริงปิดไม่มิด

“นายนี่มัน” แต้มรู้สึกพลาดอีกครั้ง “โอ๊ย ไอ้หมาจิ้งจอก”

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ได้แต่ขยับปากแบบไร้เสียงว่า “นายรับปากแล้วนะ”

***********************************************************************

               ต้องตานับเงินส่วนแบ่งอย่างดีใจ ห้าหมื่นบาท... แค่คิดจิตใจเธอก็โลดเต้นไปไกลแล้ว เงินมากขนาดนี้สามารถเอาไปทำอะไรได้หลายๆอย่าง หลังจากฝากเข้าธนาคารตัวเองส่วนหนึ่งและไปซื้อโทรศัพท์มือถือ เธอก็รีบกลับมาทำงานเงินสดบางส่วนที่ยังไม่ได้ส่งให้ที่บ้านก็ถูกเก็บไว้ในกระเป๋า ที่บ้านไม่มีบัญชีธนาคาร การส่งเงินไปต่างจังหวัดต้องอาศัยการส่งธนาณัติทางไปรษณีย์ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงปลายทาง ปลอดภัยและไว้ใจได้ โทรศัพท์มือถือที่ซื้อมาในราคาแพง ก็เพื่อต้องการให้การติดต่อกับแม่กับพ่อนั้นสะดวกยิ่งขึ้น

เธอตอกบัตรเลิกงานอย่างอิ่มเอมใจ เดินออกทางหลังโรงแรมด้วยความปิติ วันนี้เธอฮัมเพลงทั้งวันจนเจ้านายยังแปลกใจ การก่อกวนของเขาไม่สามารถลบล้างความดีใจที่ได้เงินส่วนแบ่งของเธอได้ จังหวะที่เธอกระโดดโลดเต้นนั้นเอง ใครคนหนึ่งกระชากกระเป๋าเธออย่างแรงจนมันขาด หญิงสาวกรีดร้องอย่างตกใจ เวลาค่ำมืดเช่นนี้ทำให้มองเห็นคนร้ายไม่ถนัด ต้องตาวิ่งตามคนร้ายด้วยความเสียดายของที่อยู่ในนั้น และที่สำคัญ เงินสดส่วนหนึ่งที่เธอคิดว่าจะเอาไปส่งให้ที่บ้านถูกใครก็ไม่รู้ฉกเอาไปหน้าตาเฉย

“ช่วยด้วยค่ะ ขโมย” ต้องตาตะโกนเรียกเสียงดังไปทั่ว รองเท้าส้นสูงวิ่งกระแทกพื้นคอนกรีตจส้นหักจนล้มหน้าคว่ำ รปภ.วิ่งกรูมาแต่ก็ไม่สามารถจับใครได้

“เป็นอะไรมั้ยครับ” ต้องตารู้สึกว่าหน้าเธอชาเล็กน้อยจากแรงกระแทก คลำแล้วไม่มีเลือดแสดงว่าไม่มีบาดแผล นอกจากขาจะเคล็ดก็ไม่มีอะไรน่าเจ็บใจไปกว่าการที่ถูกฉกเงินไปไม่น้อย

               สุดท้ายต้องตาก็ถูกพาตัวมาที่โรงพัก แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ข้อเท้าซ้ายบวมช้ำตอนหกล้มส่งถ่ายความเจ็บแปลบขึ้นมาเรื่อยๆ ยอดเยี่ยมวิ่งหน้าตื่นเข้ามาทันทีหลังจากได้รับข่าว

“คุณตาเป็นยังไงบ้างครับ”

“ตาไม่เป็นไรค่ะ” ต้องตาตอบด้วยเสียงเรียบเฉย แต่ในใจยังเต้นรัวราวกับมีคนบรรเลงกลองชุดในนั้น

ยอดเยี่ยมสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าสวยนั้นซีดเผือดด้วยความตกใจ เท้าซ้ายเปลือยเปล่า ผิดกับเท้าขวาที่มีรองเท้าส้นสูงอยู่ “ผมพาไปส่งที่บ้านนะครับ”

“...”

“ไม่ต้องค้านนะครับ ไปเถอะ” ชายหนุ่มถือวิสาสะจับมือที่เย็บเฉียบนั้นให้เดินหน้า

“อุ๊ย”

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

ต้องตาไม่ตอบ แต่ขาที่กระเผลกก็ทำให้อีกฝ่ายรู้

“งั้น” ยอดเยี่ยมถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น “ผมขออนุญาตนะครับคุณตา”

หญิงสาวตาเบิกโพลงก่อนที่จะถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นราวกับเป็นเด็กทารก ยอดเยี่ยมยิ้มกว้าง ส่งถ่ายความเจ้าชู้มาอย่างร้ายกาจ ต้องตาเรียบเรียงสติยังไม่เข้าที่ จึงไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรดี พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในรถ ถูกพามาที่โรงพยาบาล ทำแผลจนเสร็จแล้ว

“แค่ข้อเท้าเคล็ดน่ะค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทายาและทานยาให้ครบ ไม่กี่วันก็จะดีขึ้น อ้อ ช่วงนี้อย่าให้แฟนใส่ส้นสูงนะคะ” คุณหมอบอกกับยอดเยี่ยม ที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ

“อะ คะ” ต้องตารู้สึกว่าสติของตัวเองเริ่มจะกลับมาแล้ว

“คุณหมอบอกให้ผมดูแลแฟนให้ดี อย่าให้ใส่ส้นสูงนะช่วงนี้”

“หืม” ต้องตามองไปที่คนพูด ก่อนที่จะถูกพามานั่งที่รถเข็น นี่เธอต้องถูกทำให้ตกใจอีกกี่รอบกันแน่วันนี้....

***********************************************************************

จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 24 (UP:: 30 ม.ค. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-01-2018 14:42:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

สุดท้ายต้องตาก็ถูกพาตัวมาที่โรงพัก แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ข้อเท้าซ้ายบวมช้ำตอนหกล้มส่งถ่ายความเจ็บแปลบขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งใหญ่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาทันทีหลังจากได้รับข่าว

น่าจะเป็น  ยอดเยี่ยม  หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 24 (UP:: 30 ม.ค. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 30-01-2018 14:46:24
:pig4: :pig4: :pig4:

สุดท้ายต้องตาก็ถูกพาตัวมาที่โรงพัก แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ข้อเท้าซ้ายบวมช้ำตอนหกล้มส่งถ่ายความเจ็บแปลบขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งใหญ่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาทันทีหลังจากได้รับข่าว

น่าจะเป็น  ยอดเยี่ยม  หรือเปล่า?

อุ๊ย ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 24 (UP:: 30 ม.ค. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 02-02-2018 09:04:24
มารอๆๆ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 24 (UP:: 30 ม.ค. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 03-02-2018 15:50:02
มารอๆๆ

รอแป๊บนะครับ อิอิอิิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 24 (UP:: 30 ม.ค. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-02-2018 18:04:06
มารอๆๆ

รอแป๊บนะครับ อิอิอิิ

รอเช่นกันครับ

ว่าแต่.....แป๊ปเนี่ย นานเท่าไรครับ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 25 (UP:: 5 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 05-02-2018 17:13:49
​​

จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 25. ความอ่อนแอ

 

ยอดเยี่ยมจอดรถใต้อพาร์ตเมนต์เก่าและโทรมย่านประดิพัทธ์ หญิงสาวหลับด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าซีดนั้นนอนนิ่งราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆเกิดขึ้น เขาแตะตัวคนข้างๆแผ่วเบา แต่หญิงสาวกลับสะดุ้งตื่นพลางกรีดร้อง

“ใจเย็นๆครับคุณตา ผมเอง” ยอดเยี่ยมคุมน้ำเสียง “ผมเอง”

“เอ่อ ตาขอโทษค่ะ พอดีฝันร้าย” ต้องตาใช้สองมือลูบใบหน้าและสางไปที่ผมอันแสนยุ่งเหยิง สายตาจับจ้องไปนอกรถ “ถึงแล้วเหรอคะ”

“ใช่ครับ”

“ทำไมคุณไม่รีบปลุกตาล่ะ”

“ผมเห็นคุณหลับอยู่ ก็เลย...”

“ขอบคุณค่ะ” ต้องตาพูดเสียงอ่อนก่อนถอนหายใจแผ่วเบา

“คุณตา” ยอดเยี่ยมกลั่นกรองถ้อยคำ

“ตาไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวออกรับ “ตาสบายดี...ฮึก!” น้ำตาหยดใหญ่ไหลรินอย่างเหลืออด ความอ่อนแอถาโถมอย่างหนักหน่วง เคราะห์ดีที่โทรศัพท์มือถือถูกทิ้งไว้ที่โต๊ะทำงานรอการส่งพรุ่งนี้พร้อมกับเงินสด แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้ฉกไปอย่างง่ายดาย

 ยอดเยี่ยมพินิจร่างบางนั้นอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มร้อนรนจนนั่งไม่ติดเมื่อเห็นความปวดร้าวและอ่อนแอฉายแววโรจน์ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่อย่างเก้ๆกังๆด้วยความเกรงใจ หญิงสาวสะอื้นไห้หอบโยน ก่อนที่เขาตัดสินใจโน้มตัวไปใกล้ยิ่งขึ้น และดึงร่างน้อยมากอดอย่างแผ่วเบา “ไม่เป็นไรนะครับ” แค่คำพูดนี้ หญิงสาวกลับร้องไห้ออกมาอย่างท่วมท้นอีกครา

 เมื่อเสียงสะอื้นหยุดไป ยอดเยี่ยมก็พบว่าหญิงสาวในอ้อมอกหลับตาพริ้มด้วยความอ่อนเพลีย เสื้อเชิ้ตของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจ ชายหนุ่มพลิกตัวหญิงสาวให้นอนพิงเบาะรถอย่างเบามือ เนื้อตัวของคนร่างบางอุ่นกว่าปกติจากพิษไข้ ชายหนุ่มมองไปที่อพาร์ตเมนต์เก่ากลางซอย ราคาเช่าคงไม่แพงเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของกรุงเทพ แต่ความเสื่อมโทรมนั้นกลับไม่น่าอยู่อย่างร้ายกาจ เขาครุ่นคิดวิธีการที่จะพาหญิงสาวไปที่ห้อง ก่อนพบว่าไม่มีข้อมูลว่าเธออยู่ห้องไหน อีกทั้งกระเป๋าก็ถูกกระชากไป กุญแจห้องก็คงอยู่ในนั้นเช่นกัน

ชายหนุ่มตัดสินใจเลื่อนรถออก การปล่อยให้เธออยู่คนเดียวตอนนี้ ในสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้มันจะเป็นที่อยู่ประจำของเจ้าตัวเองก็ตาม มันก็น่าเป็นห่วงเกินไป รถหรูเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ โดยมิได้สนใจเงาตะคุ่มที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบที่รอคอยบางอย่างอย่างหงุดหงิดใจ

***********************************************************************

แต้มนอนทำการบ้านอยู่ด้านนอก อากาศหนาวเนื่องจากฝนตกหนักทำให้ต้องห่มผ้าบางๆ แสงไฟสลัวให้ความสว่างพอประมาณ แต่ก็ไม่ทำให้เด็กหนุ่มขุ่นมัวเท่ากับยุงที่กำลังรุมกัดเขาอย่างบ้าคลั่ง

การจุดยากันยุงนั้นทำได้ แต่ไม่เหมาะกับสุขภาพของคนป่วยในห้อง เนื่องจากบริเวณบ้านไม่มีประตูหรือผนังที่แน่นหนา มีเพียงผ้าม่านบางๆและตู้เสื้อผ้าเท่านั้นกั้นเป็นห้อง หากเขาจุดยากันยุงตอนนี้กลิ่นของมันจะคลุ้งลอยวนเข้าไปด้านในอย่างเลี่ยงไม่ได้

“กางมุ้งมั้ย เดี๋ยวแม่กางให้”

“ไม่ต้องหรอกแม่ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“หึ คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้แหละ เป็นไงล่ะตีหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอ” แม่แซวอย่างรู้ทัน

“งั้นเดี๋ยวแต้มกางเอง แม่ไปนอนเถอะ ยุงเยอะ อากาศเย็นแล้วด้วย”

“ไม่ต้องหรอก ทำการบ้านไป แม่กางให้ ไม่ยากซะหน่อย” แต้มมองแม่ใช้สายมุ้งมัดกับตะปูที่ถูกตอกไว้กับเสาปูนเมื่อนานมาแล้วอย่างคล่องแคล่ว ทุกอย่างเสร็จภายในสองนาที

“ขอบคุณครับแม่”

แม่ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มและนั่งลงข้างๆในมุ้งเดียวกัน “พรุ่งนี้อยากกินอะไร ข้าวผัดอีกมั้ย”

“ไม่ต้องก็ได้แม่ ใหญ่มันบอกจะเลี้ยงข้าว”

“อุ๊ย จะกินของเค้าทำไม ใหญ่มันก็ยังหาตังเองไม่ได้ ไม่ต้องไปกวนใหญ่หรอก”

“กวนอะไรล่ะแม่ มันบอกเองว่าจะพาไปกินข้าวที่โรงอาหารตอนเช้า”

“แล้วตอนเที่ยง แต้มจะห่ออะไรไปมั้ย”

เขาส่ายหัว “ไม่ต้องก็ได้ครับ ใหญ่มันบอกว่าพรุ่งนี้มันจัดการเอง”

“เออ แม่ครับ”

“ว่าไง” ผู้เป็นแม่ลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่

“เดี๋ยวแต้มจะขอไปนอนติวหนังสือที่หอใหญ่นะครับ”

“เอาสิ”

“ทำไมแม่ตอบไวจัง” แต้มถาม

“ก็ลูกไปติวกับใหญ่ แม่จะห้ามทำไม เด็กคนนั้นนิสัยดีจะตาย แม่ชอบ” แต้มมองไปอีกทาง รู้สึกค้านใจในแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา “ติวให้ใหญ่มันด้วยนะลูก วันก่อนเห็นบ่นๆว่าคะแนนไม่ค่อยดีไม่ใช่เหรอ”

“ดูแม่จะห่วงเจ้าใหญ่มากกว่าลูกตัวเองซะอีกนะเนี่ย”

“ว่าไปเจ้าเด็กคนนี้” เสียงนั้นเปื้อนความสุข “ลูกแม่แม่ก็รักแหละ แต่เจ้าใหญ่มันก็น่ารัก ช่างพูด ช่างเข้าหาผู้ใหญ่..”

“นี่แม่หมายถึงใหญ่ไหนเนี่ย” แต้มขัด ราวกับกำลังฟังเรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของตัวเอง

ยิ่งใหญ่จามอย่างหนักก่อนที่จะใช้ผ้าขนหนูผืนบางเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อย

“ไม่สบายเหรอใหญ่” เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งถาม

“เปล่า คงเพราะตากฝนเมื่อกี้แหละ”

“ใครใช้ให้มาซะค่ำเลยล่ะ” เพื่อนคนอื่นแซว

“ใครจะไปรู้ว่าจะเปลี่ยนที่ซ้อมวะ ไม่มีใครบอกซักคน” ใหญ่บ่น

“สมน้ำหน้า มัวแต่ไปยืนส่งเพื่อนขึ้นรถตู้กลับบ้าน เพื่อนหรือแฟนวะ สาวคนไหน ห้องไหนเนี่ย” เสียงหลายคนแซวมา วันนี้เขาไปยืนส่งแต้มขึ้นรถเพราะลืมไปว่าโค้ชนัดคุยหลังเลิกเรียน จนเป็นเหตุให้พลาดเรื่องการเปลี่ยนสถานที่ซ้อม กว่าเขาจะรู้เรื่องก็ปาเข้าไปเกือบค่ำ ยังโชคดีที่มีคนส่งข้อความมาให้

“ฮ่าๆๆ ไม่มีใครหรอก แค่เดินผ่านแถวนั้น” ใหญ่ตอบแกนๆ “ฮัด เช้ยยย” ก่อนที่จะจามอีกครั้ง

“แหม่ เจ้าลูกชายขี้อิจฉา แม่จะรู้จักคนชื่อยิ่งใหญ่สักกี่คนเชียว แล้วนี่การบ้านเหลืออีกเยอะมั้ย”

“ไม่เยอะละครับ อีกสองวิชาก็เสร็จแล้ว”

“การบ้านเยอะขนาดนี้ ยังบอกไม่เยอะอีก คราวหน้ากลับมาถึงบ้านก็ทำการบ้านก่อนเลยนะ งานบ้านเดี๋ยวแม่ทำเอง”

“ไม่เป็นไรครับแม่ สบายมาก แม่จะได้ไม่เหนื่อย”

“เหนื่อยอะไรกันเชียว”

“แค่แม่ออกไปรับจ้างก็เหนื่อยแล้วนะครับ พวกงานบ้านแม่ไม่ต้องทำหรอก ตักน้ำใส่ตุ่ม ซักผ้า เนี่ยงานสบาย” บ้านของแต้มไม่มีปั๊มน้ำ พวกเขาต้องตักน้ำจากบ่อใส่ตุ่มสำรองไว้วันต่อวัน เสื้อผ้าต้องซักเพราะไม่มีเครื่องซักผ้า ฝนตกทุกวันแบบนี้ยิ่งต้องรีบซักและผึ่งไว้รอวันแห้ง ถ้าหมักหมมไว้หลายวันจะทำให้แห้งไม่ทันใช้  “แล้วถ้าแต้มไปนอนหอใหญ่ แม่ก็เหนื่อยอีก ช่วงนี้ก็ให้แต้มทำไปก่อนก็ได้”

“อะ ตามใจ” ผู้เป็นแม่ไม่เถียง เพราะรู้ว่าลูกชายคงไม่ยอม “แล้วอย่านอนดึกนักล่ะ รีบทำรีบนอนซะ แม่ไม่กวนละ”   

“ครับ” แต้มรับคำ

“ถ้าไม่ทัน ก็เอาไปทำที่โรงเรียนพรุ่งนี้ก็ได้นะ” แม่แนะนำ

“ทันครับแม่” แต้มตอบ มันต้องทัน... เขาคิดในใจ เพราะไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ยิ่งใหญ่จะไม่มีอะไรให้ลอกตอนเช้า...

***********************************************************************


จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 25 (UP:: 5 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-02-2018 18:59:51
ตัวละครปริศนานี้คือใครหว่า?

"...เงาตะคุ่มที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบที่รอคอยบางอย่างอย่างหงุดหงิดใจ"
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 25 (UP:: 5 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-02-2018 21:24:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 25 (UP:: 5 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-02-2018 22:43:23
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 25 (UP:: 5 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 15-02-2018 15:58:31
รออยู่นะครับ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-02-2018 16:38:49


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 26. ติว



เช้านี้แต้มต้องเอาของมาเก็บไว้ที่ห้องของยิ่งใหญ่ก่อน ถึงแม้จะมีน้อยชิ้นเพราะเจ้าตัวคิดว่าจะทะยอยซักเอา แต่เมื่อมารวมๆกันก็ทำให้เป้ตุงอย่างผิดสังเกตได้เหมือนกัน เจ้าของห้องกำลังแต่งตัวอยู่ตอนที่แต้มมาถึง

“หืม นี่นายเหม็นถึงขั้นต้องรมน้ำหอมเยอะขนาดนี้เลยเหรอ” แต้มทักคนที่ยังไม่ได้ใส่เสื้ออยู่หน้ากระจก

“นายก็รู้ว่าเราไม่มีกลิ่นตัว ดมออกบ่อยจำไม่ได้เหรอ” ยิ่งใหญ่ชูรักแร้ขึ้นเอามาแนบใบหน้าแต้มจนต้องเบือนหนี

“หึ” แต้มเค้นคำตอบ แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะที่ผ่านมายิ่งใหญ่ก็เข้ามาใกล้เขาแทบทุกระยะอยู่แล้ว “จะเสร็จยัง หิวแล้ว”

“เสร็จแล้วๆๆๆ” ยิ่งใหญ่หวีผม

“เหอะ ผมก็สั้นเต่อทรงรด. จะหวีเพื่อ” แต้มส่งเสียงหงุดหงิดใส่

ยิ่งใหญ่ยิ้มเจื่อนๆ “เคยชินน่ะ”

                แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อทั้งสองคนเดินไปที่โรงเรียน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาอย่างเปิดเผย

แต่ก็ไม่รู้ว่าแต่ละสายตานั้นมีความคิดอย่างไรบ้าง

เพราะวันนี้ฝนตก และสองหนุ่มเดินมาอย่างอ้อยอิ่ง อยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน

“ใครใช้ให้นายลืมเอาร่มมาล่ะ” ยิ่งใหญ่บ่นเมื่อเห็นแต้มมีท่าทางอึดอัดเพราะถูกสายตาจับจ้อง

“เค้าคงคิดว่านายเป็นแฟนเราแน่ๆ”

“ไม่ตลก” แต้มตอบสั้นๆ รู้สึกหวิวใจอย่างประหลาด

“กินอะไรดีวันนี้” สองคนเดินมาถึงโรงอาหาร ยิ่งใหญ่สะบัดร่มให้น้ำฝนกระเด็นออกก่อนพับมันและหิ้วไปด้วย

“โห ของขายเยอะจัง” แต้มรู้สึกตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ที่ตัวเขามากินข้าวที่โรงอาหารตอนเช้า เพราะปกติจะห่อข้าวมาจากบ้าน ไม่มาซื้อขนมกินตอนพักเที่ยง นักเรียนทุกระดับชั้นขวักไขว่ โต๊ะนั่งถูกจับจองแทบทุกตัว นักเรียนจับกลุ่มกันอยู่ที่ใครที่มัน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้บรรยากาศภายนอกจะชื้นแฉะ แต่ในนี้กลับร้อนอบอ้าวเพราะไออุ่นจากร่างกายผสานกับเสียงหัวเราะร่วน บ้างก็เสียงโหวกเหวกโวยวายเพราะแกล้งกัน

  แต้มเดินไล่ดูทีละร้าน และมาจบที่ร้านข้าวแกง เขาสั่งอาหารง่ายๆและไปหายิ่งใหญ่ที่โต๊ะ น่าแปลกที่มีโต๊ะนั่งในช่วงคนที่เยอะขนาดนี้ แต่แต้มก็เลิกแปลกใจ เพราะว่าตรงนั้นมีกลุ่มเพื่อนในห้องหลายคน ยิ่งใหญ่เป็นคนดังอยู่แล้ว หน้าตาที่หล่อเหลายิ่งทำให้มีคนอยากเข้าหา การที่เราคบกับคนระดับนี้ก็เท่ากับยกระดับของตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อแต้มเดินไป ที่นั่งก็ถูกปล่อยว่างอย่างอัตโนมัติ

“หวัดดีแต้ม” เพื่อนคนหนึ่งส่งเสียงทัก แต้มยิ้มแหยๆตอบไปด้วยความไม่ชิน

“หวัดดี”

“เพิ่งเคยเห็นแต้มมากินข้าวเช้านะเนี่ย” เพื่อนอีกคนทัก

“ใช่ๆ ปกติเห็นแต่ใหญ่”

“เอ่อ ปกติเรากินข้าวเช้ามาจากบ้านน่ะ”

“อ้าว แล้วทำไมวันนี้มาที่นี่ได้ล่ะ” อาร์ทถาม แต้มเพิ่งสังเกตเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้างุดด้วยความไม่คุ้นชิน

“อ่อ พอดีเราบอกจะเลี้ยงข้าวน่ะ” ยิ่งใหญ่ตอบแทน วางจานและนั่งแหมะลงข้างๆ

แต้มตักข้าวเข้าปากอย่างเงียบๆ ตอบคำถามเพื่อนสั้นๆตามนิสัย ได้แต่คิดในใจว่าถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนกับยิ่งใหญ่ จะมีคนอยากเข้าหาตนแบบนี้ไหม “แต้มขอการบ้านหน่อย”

“อยู่ในเป้ เปิดเอา” แต้มยื่นเป้ให้ ยิ่งใหญ่จ้วงอาหารอย่างว่องไวและเปิดกระเป๋าเพื่อน หยิบสมุดการบ้านขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว

“นี่นายรู้เลยเหรอว่าสมุดเล่มไหนวิชาอะไร” เพื่อนคนอื่นถามด้วยความงุนงง

“รู้สิ ลอกทุกวัน” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยเสียงที่ฟังดูปกติสำหรับตัวเอง แต่คนอื่นได้แต่อึ้ง เพราะคิดว่ายิงใหญ่จะทำการบ้านเองกันหมด “แถมแต้มนะ จะใช้สมุดต่างสีกันในแต่ละวิชา เช่นสีเหลืองเล่มนี้ สำหรับครูจิ สีเขียววิชาภาษาอังกฤษ น้ำเงินวิชาสังคม”

“อุ๊ย แบบนี้ไม่ต้องใช้สมุดสิบกว่าสีเลยเหรอเนี่ย”

“อื้อ” แต้มตอบง่ายๆ “ก็ตอนซื้อสมุดโรงเรียนมันมีเป็นสีๆให้เลือก เลยคิดไอเดียนี้น่ะ”

“เออ เข้าท่าดีนะ” อาร์ทเสริม

“ดีกับเรามากเลยล่ะ” ยิ่งใหญ่พูดแต่สายตาจับจ้องไปที่การบ้าน “พวกนายทำการบ้านเสร็จละเหรอ”

“เออยังว่ะ” หลายเสียงตอบ

“วิชาแรกครูจินะ ไม่รีบทำเดี๋ยวไม่มีส่งนะเว้ย” ยิ่งใหญ่กระตุ้น

“งั้น แต้ม พวกเราขอลอกของนายด้วยได้มั้ย บทนี้มันยากอะ เราทำไม่ได้”

แต้มไม่ตอบ เพราะสมุดการบ้านของเขาถูกกระจายไปในกลุ่มหมดแล้ว

***********************************************************************

ยิ่งใหญ่ซ้อมวอลเลย์บอลตั้งแตหกโมงเย็น เลิกประมาณสองถึงสามทุ่ม หลังจากนั้นก็จะโดนแต้มลากตัวมาติวก่อนโดยเฉพาะวิชาคณิศาสตร์ที่ดูเหมือนจะไม่เข้าหัวเป็นอย่างมาก ยิ่งใหญ่โอดครวญทุกครั้งที่แต้มให้ลองแก้โจทย์ พยายามบ่ายเบี่ยงแต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเพราะสายตาของแต้มไม่ได้เป็นมิตรเท่าไรนัก

“ทำไมนายต้องเคี่ยวเข็นเราด้วยล่ะ ก็มันยากนี่”

“ถ้านายไม่ทำโจทย์แล้วเจอข้อสอบจริงจะคิดออกมั้ย” แต้มถามดัก

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบโต้ เพราะรู้ว่าไม่มีทางเถียงชนะ หันไปหยิบข้อสอบวิชาอื่นมาแทน รู้สึกว่าวิชาเลขมันตีกันในหัวจนมึนงงไปหมด

“นี่ๆโจทย์ข้อนี้คิดยังไงอะ ‘ครอบครัวหนึ่งผู้เป็นพ่อเลือดกรุ๊ปเอบี แม่เลือดกรุ๊ปโอ ลูกออกมามีความเป็นไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นคนเลือดกรุ๊ปโอ’”

“นายตอบข้อไหน” แต้มถาม

“ค.ควาย 50%”

“หืมมมมมม ทำไมตอบข้อนี้ล่ะ”

“ก็พ่อเอบี แม่โอ อย่างละครึ่งไง ลูกออกมาก็มีสิทธิ์กรุ๊ปโอห้าสิบเดะ”

แต้มกุมขมับ กางหนังสือและอธิบาย “นี่เลือดคนเราน่ะ จะมี 4 กรุ๊ป คือ เอ บี เอบีและโอ สามกลุ่มแรกจะเป็นเลือดกลุ่มเด่น” เขาพยายามใช้คำที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด

“ส่วนที่เหลือคือโอ มันเป็นพวกกลุ่มด้อย”

“ด้อยยังไง”

“ด้อยยังไง เดี๋ยวบอก” แต้มอธิบายต่อ “ทีนี้ จำได้มั้ยว่าคนเรามีโครโมโซมจับกันเป็นคู่ๆ ที่แยกเพศก็เป็นคู่สุดท้ายเอ็กซ์เอ็กซ์ กับ เอ็กซ์วาย”

“จำได้ โครโมโซมอยู่เป็นคู่ๆ”

“นั่นแหละ เลือดก็เหมือนกัน มันอยูกันเป็นคู่ๆ”

ยิ่งใหญ่คิดตาม

“บางคน เลือดกรุ๊ปเอ หมายถึง ในตัวมีเลือดคู่เป็นแบบ เอเอ หรือ เอโอ”

“แล้วทำไมไม่เรียกว่าเอโอล่ะ ทำไมต้องเออย่างเดียว”

“นั่นแหละ เพราะโอมันเป็นกลุ่มด้อยไง ด้อยจะโดนเด่นกลบ จำง่ายๆแบบนี้”

“อ๋อออออออออ”

“ทีนี้ กลับมาที่โจทย์ ถ้าพ่อเลือดเอบี แม่โอ เลือดพ่อเป็นคู่เด่น ทั้งเอทั้งบีเห็นปะ เลยไม่มีใครกลบใคร แต่แม่จะเป็นกลุ่มด้อย จับคู่กับเองคือ โอโอ”

ยิ่งใหญ่มองแต้มเขียนชาร์ต “นี่เขียนออกมาตามนี้ เอาเลือดแต่ละตัวจับกันเป็นคู่ๆจากฝั่งพ่อกับแม่”

พ่อ           แม่

AB          OO

ลูก AO AO BO BO

“เห็นยังว่าลูกมีกลุ่มโอกี่คน” แต้มถาม

ยิ่งใหญ่ก้มมองข้อสอบเก่าและมองชาร์ตที่แต้มเขียนไป “ข้อนี้ตอบ ก.ไก่สินะ ศูนย์เปอร์เซ็นต์”

“ถูกต้อง”

“นายนี่เก่งชะมัด”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ”

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ได้แต่นั่งทำโจทย์ข้ออื่นต่อด้วยรอยยิ้ม

“แต้ม นายเลือดกรุ๊ปอะไรอะ”

“หืม โอ”

“เราบีนะ”

“เราไปถามนายตอนไหน”

“ไม่ถาม ก็แค่อยากบอก” แต้มส่ายหัว นั่งอ่านหนังสือต่อด้วยอาการเหม่อลอย

“พรุ่งนี้นายแข่งกี่โมง”

“สายๆอะ มีหลายโรงเรียนมาแข่ง”

“วันเดียวเลยเหรอ”

“ใช่” ยิ่งใหญ่ตอบและพยักหน้าไปพร้อมกัน จิตใจจดจ่อกับโจทย์วิชาวิทยากาพชีวะภาพ

“ทำไมโหดจัง”

“ขำๆ เล่น 15 แต้มเอง สามเซ็ต” ยิ่งใหญ่ตอบ การแข่งวอลเล่ย์บอลจะใช้กติกาคือ นับแต้มจากฝ่ายผู้เสิร์ฟ ใครได้ 15 คะแนนก่อนได้เซ็ตนั้นไป จะไม่นับคะแนนแบบไหลที่นับจากฝั่งที่ไม่ได้เสิร์ฟที่เป็นบอลดี

“ไม่เหนื่อยเหรอ”

“อึ๊” ยิ่งใหญ่ทำเสียงสูง “นายเชียร์ด้วย ไม่เหนื่อยหรอก”

แต้มไม่ตอบ ยิ่งใหญ่นอนแผ่หราที่พื้นอย่างขี้เกียจ “โอ๊ย อ่านหนังสือจนปวดหัวละเนี่ย”

“อย่าบ่นน่า ใครใช้ให้นายอ่องออน้อยเอง” อ่องออ หมายถึง สมอง เป็นภาษาเหนือ

“ว่าใคร” ยิ่งใหญ่ผุดนั่ง “อ่องออน้อย แต่หล่อมากนะคร้าบบบบบบบบ”

แต้มครางหึ ไม่รู้จะต่อล้อต่อเถียงอย่างไรดี

“พรุ่งนี้ สู้ๆนะ” แต้มบอกเสียงค่อย

“หืม อะไรนะ ไม่ได้ยินอะ” ยิ่งใหญ่ยื่นหน้าเข้าใกล้ เงี่ยหูไปหา

แต้มเบ้ปาก ขยับหน้าออกมา เท้าคางไว้กับโต๊ะญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยกองสมุดและหนังสือ

“บอกอีกทีนะนะ”

“บอกไร ยุ่งจริง จะอ่านหนังสือ” แต้มทำเสียงเข้ม

“งั้นไม่ต้องอ่าน” ยิ่งใหญ่กวนเป็นเด็กโดยการดึงหนังสือออก กวาดของบนโต๊ะญี่ปุ่นโยนไปที่เตียง

“ทำไมงอแงแบบนี้ เป็นเด็กแปดขวบรึไง” แต้มบ่น เดินไปที่เตียง เกลี่ยหนังสือวางไว้ที่หัวเตียงก่อนจะนอนคว่ำอ่านหนังสือ เพราะตรงนี้โล่งกว่าข้างล่างนั้นเยอะ

“สิบหกเหอะ จะสิบเจ็ดแล้ว” ยิ่งใหญ่ยังไม่เลิกป่วน น้ำเสียงน่ารักผิดปกติบวกกับแววตาที่เสแสร้งเป็นออดอ้อนไม่ได้ช่วยให้แต้มรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย แต้มทำหูทวนลม เพื่อที่จะแกล้งคนเอาแต่ใจที่กำลังงอแงเป็นเด็ก เขาทำท่าทีตั้งใจอ่านหนังสือแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มที่มุมปาก

“บอกอีกทีนะๆ เมื่อกี้เสียงมันเบาไปอะ”

“นายนี่ตื๊อไม่เลิกจริงๆ”

“นะนะนะ ถ้าบอกเสียงดังๆคืนนี้จะไม่นอนกอด”

“จริงนะ” แต้มตาลุกวาว แบบนี้ก็ไม่ต้องทนอึดอัดตอนนอนอีกแล้ว

“อื้อ”

“พรุ่งนี้สู้ๆนะ” แต้มบอกเต็มเสียง คนฟังยิ้มแป้น

“ไม่กอดนะคืนนี้” แต้มถามย้ำ

“อื้อ” ยิ่งใหญ่รับคำหนักแน่น

คืนนั้นเอง เมื่อแต้มหลับสนิท ลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอ มือหนึ่งค่อยๆซุกไปใต้คอดึงร่างผอมแห้งมาระยะประชิดอย่างแผ่วเบา เพราะเขารู้ดีว่า คนที่นอนในอ้อมกอดตอนนี้ เป็นคนที่หลับง่ายและพอได้นอนแล้วจะหลับลึกตื่นยากที่สุด เมื่อจัดท่าที่ถูกใจที่สุดแล้ว เขาก็กดจมูกลงที่แผ่นหลังแคบนั้นและหลับไหลไปด้วยความอิ่มเอม

 ***********************************************************************



จบตอน...

#ทีมยิ่งใหญ่
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-02-2018 18:56:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-02-2018 08:37:05
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-02-2018 10:23:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2018 12:47:09
:pig4: :pig4: :pig4:


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2018 14:41:09
:L2: :pig4: :L2:


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 26 (UP:: 15 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2018 01:51:35
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 27 (UP:: 21 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-02-2018 12:46:25


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 27. วันแข่ง



และแล้ววันแข่งมาก็ถึง ยิ่งใหญ่ใส่เสื้อกีฬาสีขาวแขนสีน้ำเงินเบอร์เก้า ซึ่งเป็นเลขที่แต้มชอบ กางเกงสีขาวเข้าชุดกันดูสั้นเต่อ สายรัดข้อมือทำจากผ้าสีเหลืองแทนสีของโรงเรียนคาดไว้ มีจุกหรืออะไรก็ไม่รู้เหมือนยางรัดผมพันไว้ที่ข้อนิ้วเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ พอแต่งครบชุดแบบนี้ยิ่งใหญ่ยิ่งดูมีเสน่ห์ สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงรายเหงาหงอย เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลแข่งกีฬา ไม่มีงานรื่นเริงอะไรจัดช่วงนี้ มิหนำซ้ำยังเป็นช่วงที่นักเรียนใกล้สอบ ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบๆอัฒจันทร์วังเวงไปกันใหญ่

 เมื่อแต้มไปถึงพร้อมยิ่งใหญ่ ทุกคนในทีมต่างก็มองเขาแบบแปลกๆ เนื่องจากยิ่งใหญ่เป็นคนดัง ปกติแต้มก็ไม่เคยตามไปดูตอนที่ยิ่งใหญ่ซ้อมมาก่อน เพราะต้องทำการบ้านและทบทวนบทเรียนรอติวตอนดึกหลังซ้อมเสร็จ คนในทีมจึงไม่คิดว่าแต้มจะมาดูวันนี้ ถึงแม้จะมีบางคนที่รู้ว่ายิ่งใหญ่กับแต้มสนิทกันก็ตามที

“อ้าวใหญ่ มาๆโค้ชกำลังบรี๊ฟ” เพื่อนร่วมทีมบอก ยิ่งใหญ่ฝากกระเป๋าสะพายใส่ของส่วนตัวไว้กับแต้มที่มานั่งมองปริบๆอยู่นอกสนาม ยิ่งใหญ่เวลาพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมดูขึงขังจริงจัง ผิดกับตอนที่ติวหนังสือกันสองคนลิบลับ

ไม่นานนักก็มีเสียงโหวกเหวก ก่อนตามมาด้วยกลุ่มกองเชียร์ที่แต้มคุ้นหน้าคุ้นตาประมาณสิบกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมห้องที่ชื่นชอบยิ่งใหญ่ บางส่วนที่มาเพิ่มภายหลังเป็นรุ่นน้องม.ต้นที่มากันมาโดยมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนคือ ดูยิ่งใหญ่แข่ง

“เดี๋ยวแข่งเสร็จ จะพาไปกินไอติมนะ” ยิ่งใหญ่บอก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มกว้าง โรงเรียนเขาแข่งเป็นคู่แรก ถ้าแพ้ก็ตกรอบไปเลยไม่ต้องรอเจอทีมอื่นอีก

“ไม่เอา เปลือง รีบกลับไปอ่านหนังสือดีกว่า”

“นายนี่ทำไมชอบขัด” ยิ่งใหญ่บ่น “จะแข่งแล้วนะ ขอกำลังใจหน่อย”

“พูดอะไรเนี่ย” แต้มดุ “กำลังใจอะไร”

“ก็เหมือนเมื่อคืนไง ที่บอกว่าสู้ๆน่ะ” ยิ่งใหญ่ทำหน้าเว้าวอน

“ไม่” แต้มเสียงเข้ม “นายผิดคำพูดแอบมากอดเราตอนดึก”

“เปล่าน้า นายนั่นแหละนอนดิ้นมาซุกเราเอง”

แต้มส่ายหัว ไม่กล้าตอบโต้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า “ไปแข่งได้แล้ว”

“ไม่ ขอกำลังใจก่อน”

แต้มมองยิ่งใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่อีกฝ่ายกลับส่งยิ้มและใบหน้าออดอ้อนที่แสนจะขัดกับรูปร่างมาให้

สุดท้าย แต้มก็ต้องยอมแพ้ “สู้ๆนะ”แล้วพยักหน้าให้เพื่อแทนคำว่า.... ดูอยู่ตรงนี้

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ยิ้มที่มียิ่งฉีกกว้างขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะวิ่งไปรวมกับคนในทีม



                 ***********************************************************************

เสียงนกหวีดในสนามดังขึ้นพร้อมกับเสียงเชียร์ข้างสนาม แต้มเขยิบไปด้านบนอีกชั้นหนึ่งเพื่อดูการแข่งขันให้ทั่วถึงมากขึ้น นักกีฬาสองทีมต่างผลัดกันทำคะแนนกันอย่างน่าสนุก เมื่อยิ่งใหญ่เสิร์ฟ เสียงเชียร์จากสาวๆก็ดังขึ้น ยิ่งตอนที่เขาเป็นคนตบลูกกลมๆตกลงในพื้นที่คู่แข่ง จังหวะลอยตัวสูงตบลูกวอลเลย์เฉียดบล็อกของอีกฝั่งดูสวยงามไม่แพ้กับใบหน้านั้น ถึงแม้จะดูขึงขัง แต่กลับชวนมองและน่าหลงไหล

“เก่งจังเนอะ” แต้มมองไปตามเสียงที่พูด

“อื้อช่าย มาตอนไหน”

“มาสักพักละ เห็นนายนั่งอยู่คนเดียวเลยมานั่งด้วย”

“...” แต้มไม่ตอบ เพราะว่ากำลังเทความสนใจไปที่สนาม

“อ่านหนังสือจบแล้วเหรอ”

“ยังอะ อีกหลายวิชาเลย นายล่ะอาร์ท”

“จบไปรอบนึงละ แต่ไม่ค่อยเข้าหัว” อาร์ทในชุดอยู่บ้านธรรมดาดูผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้คุยกับแต้ม

ที่เคยคิดว่าแต้มเป็นคนเข้าถึงยากนั้นไม่เป็นความจริงเสียทีเดียว

ใช่ แต้มเป็นคนเงียบๆ แต่ความเงียบนั้นน่าจะมาจากที่คนๆนี้เป็นคนขี้อายมากกว่าจะเป็นเพราะเย่อหยิ่ง

เห็นได้จากความสนิทสนมระหว่างแต้มกับยิ่งใหญ่ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าที่จริงแล้วแต้มเป็นคนที่น่าคบมากคนหนึ่ง เวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เสียงหัวเราะลั่นของยิ่งใหญ่จากโต๊ะหลังห้องทำให้พวกเขายิ่งมีเสน่ห์ แต้มไม่ใช่คนที่หล่อเหลา แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเวลาที่แต้มนิ่งๆด้วยใบหน้าเรียบเฉยนั้นน่าดึงดูดมากแค่ไหน

“นายเรียนเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก” แต้มพูดให้กำลังใจ

“อย่าพูดแบบนี้สิ ยิ่งพูดยิ่งกดดัน” อาร์ทสารภาพ “มีแต่คนกดดันเราก็ยิ่งไม่มั่นใจ”

แต้มหันไปมองเพื่อนที่สนทนาด้วยสลับกับการแข่งในสนาม ยิ่งใหญ่หันมองแต้มเป็นระยะ สายตาทั้งคู่สบตากันก่อนที่แต้มจะส่งท่าทางไปบอกว่าให้ตั้งใจกับการแข่งมากกว่านี้ ยิ่งใหญ่นิ่งหน้าตาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“นายทำได้ เรามั่นใจ” แต้มยืนยัน

“เรากลัวว่าถ้าคะแนนไม่ดี เราจะโดนย้ายห้องอะ”

“ไม่หรอก เชื่อเถอะ นายไม่น่าเป็นห่วงเท่าใหญ่หรอก” แต้มตอบ สิ่งที่กวนใจแต้มคือกฎของโรงเรียนที่จะต้องมีการย้ายเด็กเก่งกับไม่เก่งออกจากกัน ถ้าพ้นหนึ่งปีการศึกษาแล้วใครได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.75 จะต้องถูกย้ายไปอยู่ห้องที่ระดับล่างกว่า มันไม่ยุติธรรมเท่าไรนักในความคิดของแต้ม แต่เจตนาของโรงเรียนก็เพื่อให้เด็กที่มีระดับการรับรู้ที่เท่ากันอยู่ด้วยกัน การสอนจะทำได้ง่ายกว่า เพราะถ้าเด็กหัวไวอยู่กับเด็กที่เข้าใจอะไรได้ช้า จะทำให้ครูไม่รู้ว่าเด็กที่หัวช้าจะเข้าใจเทียบเท่ากับคนหัวไวเพียงไหน

“ใหญ่เนี่ยนะ” อาร์ทถามแบบไม่เชื่อ

“ใช่ นายยิ่งใหญ่นี่แหละ น่าเป็นห่วง”

“แต่เรารู้มาว่า ตอนสอบเข้าม.ปลาย คะแนนของใหญ่อยู่อันดับต้นๆเลยนะ”

“ห๊ะ” แต้มตกใจ “นายว่าอะไรนะ”

“เราว่า คะแนนสอบเข้าม.ปลายของโรงเรียนมันมีประกาศแปะบอร์ดหน้าโรงเรียนด้วยไง คนที่สอบได้จะเรียงตามคะแนนนะ ไม่ใช่ตามรายชื่อหรือตามหมายเลขผู้สอบ”

แต้มจำได้ เขามีชื่อเป็นคนที่สามจากด้านบนของสายการเรียนนี้

“นายแน่ใจนะ”

“เรามั่นใจกว่าเรื่องสอบอีก”

แต้มเก็บความคาใจไว้เท่านี้ ก่อนที่จะพาอาร์ทเปลี่ยนเรื่องไปดูการแข่งที่สนาม ไม่นานก็จบเกม โรงเรียนเขาแพ้ไปด้วยคะแนน 9 ต่อ 15

                 ***********************************************************************

สุดท้ายโรงเรียนของเขาก็แพ้ไปหนึ่งต่อสองเซ็ต ยิ่งใหญ่ไม่เปลี่ยนชุดในขณะเดินออกไปข้างสนาม เด็กผู้หญิงที่ตั้งตัวเองเป็นแฟนคลับยิ่งใหญ่ก็รายล้อมหยิบยื่นทั้งขนมและผ้าเช็ดหน้ามาให้ แต้มนั่งอยู่ที่เดิมมองภาพนั้นอย่างไร้ความรู้สึก อาร์ทขอตัวกลับไปก่อนหน้านี้สักพัก ภาพแฟนคลับกำลังห้อมล้อมยิ่งใหญ่ทำเอาแต้มขัน ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนายยิ่งใหญ่จะมีคนชื่นชอบมากเพียงนี้ ถ้าตัดเรื่องหน้าตาออกใบ ยิ่งใหญ่ก็แค่เด็กติดบุหรี่ ขี้เกียจ หัวช้า ไม่ชอบทำการบ้าน กินจุ ชอบนอดเบียดคนหนึ่งเท่านั้น

“คิดอะไร ดูเพลิน” แต้มสะดุ้งหลังจากที่ยิ่งใหญ่ทักมา

“มาตอนไหน”

“ตอนที่นายทำหน้าพริ้มๆเหมือนคิดอะไรลามกในหัวแหละ”

“เห้ย ไม่มี” แต้มปฎิเสธเสียงแข็ง “ใครจะหมกมุ่นแบบนาย นี่กลางสนามกีฬานะ”

“ฮ่าๆๆ ใครจะไปรู้ เห็นทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มแก้มปริจนตาหายไปหมด”

“อะไร ยิ้มตอนไหน” แต้มเอามือลูบหน้า ขยี้ตา “เกิดมาตาเล็กผิดตรงไหน” อันที่จริงแต้มไม่ใช่คนตาเล็ก แต่ตาของเขามักจะปรือเหมือนคนง่วงตลอดเวลา จนมันเหมือนคนตาหยีต่างหาก

“ปะ ไปยัง อยากกินไอติม”

“เดี๋ยว” แต้มรั้ง “พาไปอีกที่นึงก่อน”

“ที่ไหน” แต้มไม่ตอบ ลากยิ่งใหญ่ไปที่รถและอาสาขี่ออกไปจนถึงที่หมายในอีกยี่สิบนาทีต่อมา

“นายพาโรงเรียนทำไมเนี่ย” ยิ่งใหญ่ถามหลังจากปลดหมวกกันน็อกออก

“มาค้นหาความจริง” แต้มตอบ รถมอเตอร์ไซค์ถูกจอดทิ้งไว้ที่ริมฟุตบาทหน้าโรงเรียนที่เงียบเชียบเพราะหยุดให้นักเรียนพักอ่านหนังสือ ร้านถ่ายเอกสารหน้าโรงเรียนยังเปิดอยู่ แต่ก็ร้างไม่ผิดกับบรรยากาศของโรงเรียนแม้แต่น้อย

แต้มเดินเข้าไปในโรงเรียน ยิ่งใหญ่เดินตามด้วยความงุนงง พวกเขาเดินผ่านป้อมยาม ศาลพระภูมิ โรงอาหารก่อนที่แต้มจะหยุดที่บอร์ดหน้าห้องกิจกรรม เขากวาดตาดูประกาศ ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่กระดาษขนาดเอสี่แผ่นหนึ่ง

“ไหนอธิบายมาซิคุณยิ่งใหญ่ ว่าทำไมคนที่สอบติดเป็นอันดับที่สี่ ถึงได้บอกว่าเรียนอะไรก็ไม่เข้าหัว”

ยิ่งใหญ่สะอึก ใช้แววตาลูกแมวมองไปที่อีกฝ่ายที่จ้องมาราวกับจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ

“ไปกินไอติมกันเถอะ” ยิ่งใหญ่เฉไฉ

“เดี๋ยว ตอบคำถามก่อน” แต้มไม่ละความพยายาม

“อะไร ฟลุ๊ก”

“โกหก”

“เอาน่า เดี๋ยวเลี้ยงไอติม”

“เหอะ”

“เดี๋ยวเลี้ยงเคเอฟซีด้วยอะ”

“อย่าเอาของกินมาล่อนะ ไม่ได้ผลหรอก”

“ตามด้วยบัวลอยไนท์ น้ำเต้าหู้เจ็ดยอด”

แต้มชอบบัวลอยที่ขายตรงไนท์บาซ่าร์มากๆ ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องไปกินตลอด

“ไม่” แต้มยืนยันเสียงแข็ง

“พรุ่งนี้พาไปกินน้ำเงี้ยวหนองบัวด้วย”

แต้มมองหน้ายิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้วยังชวนปวดหัวอีกต่างหาก

“น้ำเงี้ยวหนองบัวของโปรดนายนะ เลี้ยงอาทิตย์นึงเลยก็ได้”

แต้มไม่ตอบ ก่อนจะลากคอเสื้อของเพื่อนรักกลับไปที่รถ

“งั้นไปกินน้ำเงี้ยวกัน” แต้มยื่นกุญแจให้เจ้าของรถ รู้สึกเกลียดตัวเองที่พ่ายแพ้แก่ของอร่อย



***********************************************************************



จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 27 (UP:: 21 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2018 14:18:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงเนอะ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 27 (UP:: 21 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 22-02-2018 08:49:38
:pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงเนอะ

มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 27 (UP:: 21 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-02-2018 09:13:00
:pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงเนอะ

มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ทำให้นึกถึง  กู้ไห่ ไป่ลั่วอิน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 27 (UP:: 21 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 22-02-2018 16:27:09
:pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงเนอะ

มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ทำให้นึกถึง  กู้ไห่ ไป่ลั่วอิน


เรื่องนั้นขึ้นหิ้งเลยครับ ไม่กล้าเทียบเลยอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 27-02-2018 16:16:05


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 28. สอบวันสุดท้าย



ช่วงสอบเป็นช่วงที่สาหัสของนักเรียนทุกระดับชั้น บางชั้นสอบสามวันติด บางชั้นสอบวันเว้นวัน ในแต่ละวันสอบกันสามถึงสี่วิชาจนอ่านหนังสือกันแทบไม่ไหว กว่าจะผ่านวันสอบมาได้ยิ่งใหญ่กับแต้มก็สะบักสะบอมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน

“สาวๆอ่านอะไรกัน” ยิ่งใหญ่สอบเสร็จก่อนเลยลงมารอแต้มตรงม้าหินอ่อนด้านล่างที่คราคร่ำไปด้วยนักเรียนที่สอบเสร็จแล้ว บางส่วนก็รอสอบวิชาต่อไป เพราะแต่ละระดับชั้น แต่ละแผนการเรียนมีตารางสอบที่ไม่เหมือนกัน

“อ่านข่าวนี่ไงกำลังดังเลย” ยิ่งใหญ่ถือวิสาสะนั่งลงที่โต๊ะของเพื่อนร่วมห้อง ด้วยความที่เป็นเขา จึงสามารถเข้ากับคนอื่นได้ไม่ยาก

“ข่าวอะไรอะ” ยิ่งใหญ่ถาม เพื่อนคนเดิมส่งนิตยสารบันเทิงมาให้

“ข่าวแพทย์หญิงน่าไม่อายย่องเงียบเข้าไปกินพี่ภัทรพระเอกช่องหก” หนึ่งในนั้นตอบ

“เออ ช่าย น่าเกลียดมากเป็นผู้หญิงแท้ๆน่าไม่อาย” อีกคนสมทบ

“นั่นสิ พี่ภัทรของพวกเรา ไม่สบายแท้ๆยังไม่วาย” ยิ่งใหญ่มองเพื่อนแบบระอาแก่ใจ พวกเธอตั้งใจเรียนแบบนี้กันมั้ยเนี่ย

“แล้วนักข่าวรู้เรื่องได้ไงนิ” ยิ่งใหญ่ถามแบบขอไปที

“ไม่รู้นักข่าวเหมือนกัน แต่...” ก่อนที่บทสนทนาจะออกรสไปกว่านี้ แต้มก็เดินมาแต่ไกล ยิ่งใหญ่รีบขอตัวและพุ่งไปหาแทบจะทันที ปล่อยให้เพื่อนที่กำลังคุยออกรสทำหน้าเก้อ

“นายว่าเกรดเทอมนี้จะได้เท่าไหร่” ยิ่งใหญ่ถามตอนที่เดินไปถึง

“ไม่รู้” แต้มตอบตามประสา

“นายนี่รู้อะไรบ้างเนี่ย”

“รู้แค่ว่าคนแถวนี้จะพาไปกินบะหมี่เชียงราย”

“ทีงี้จำแม่นจังนะ”

“หึ” แต้มตอบด้วยเสียงเจ้าเล่ห์ “เรื่องที่นายปกปิดว่าตัวเองเรียนเก่งยังไม่จบง่ายๆหรอกนะ”

“กินเสร็จแล้วนายรีบกลับบ้านปะ” ยิ่งใหญ่ถามไม่ได้มีท่าทีสลดแม้แต่น้อย

แต้มไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะเตรียมตัวสอบ “ไม่รีบนะ ทำไมเหรอ”

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ พวกเขาไปกินบะหมี่ที่ร้านบะหมี่เชียงราย ซึ่งเป็นร้านชื่อดังและเก่าแก่ของจังหวัดตั้งอยู่แถววงเวียนนาฬิกา ใช้เวลาไม่นานก็กลับไปที่หอ ยิ่งใหญ่บอกให้แต้มเก็บเสื้อผ้า เขาก็ทำเช่นกัน

“อ้าว ไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเหรอ” แต้มถามเมื่อเห็นยิ่งใหญ่หอบกระเป๋าใบใหญ่ลงมาและเมินรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดใกล้ๆ

“ไม่อะ เอารถยนต์ไป” รถเก๋งฮอนด้ารุ่นเก่าครางเสียงดังเมื่อถูกสตาร์ทเครื่อง ยิ่งใหญ่เข้าเกียร์อย่างชำนาญพาเจ้าเหล็กนี้ออกไปถนนใหญ่ แต้มคิดจะอ้าปากถามเมื่อรถไม่ได้เลี้ยวไปทางกลับบ้าน แต่ก็เงียบไป

“ต้องซื้อของเข้าไปหน่อยนะ”

“อื้อ” แต้มรับคำ พวกเขาแวะบิ๊กซีซื้อของสดสองสามอย่างไม่ลืมน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว

“นายไม่ยักกะถามว่าเราจะไปไหนกัน”

“ต้องถามเหรอ” แต้มย้อนถาม

“นายไม่คิดจะอยากรู้อะไรสักหน่อยเหรอ ถ้าเราพานายไปฆ่าหมกป่าจะทำไง”

“นายไม่ทำหรอก”

“...” ยิ่งใหญ่หมดคำจะเถียง



ยิ่งใหญ่ขับรถอย่างนิ่มนวลออกจากถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ก่อนเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 118 ที่สามแยกอ.แม่สรวย – เชียงใหม่ รถส่งเสียงครางเมื่อขึ้นเนินและเข้าโค้ง วิวสองข้างทางเขียวชะอุ่มปะปนกับต้นไม้แห้งเฉา ทางเริ่มคดเคี้ยวเรื่อยๆจนแต้มรู้สึกเวียนหัว ยิ่งใหญ่เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

“โอ๊ย บ้านนอกจัง นั่งรถแค่นี้เวียนหัว”

แต้มไม่ตอบโต้ ได้แต่ถลึงตาใส่ สายตาจ้องเขม็งไปที่กระจกหน้ารถ ไม่วอกแวกมองข้างทางเหมือนที่ทำมา ยิ่งใหญ่ยิ้มเยาะก่อนที่จะพารถเดินทางไปอีกไม่นาน บ้านของยิ่งใหญ่อยู่ต.แม่พริก อ.แม่สรวย แต้มรู้เพราะยิ่งใหญ่เคยเล่าให้ฟังมาบ้าง แต่ไม่เคยมาเยือนสักทีจนกระทั่งวันนี้



 บ้านของยิ่งใหญ่จะอยู่เลยออกจากตัวอำเภอแม่สรวยประมาณ 7-8 กิโลเมตร ทางเข้าไม่งุนงงแต่ซอยค่อนข้างแคบ รั้วใหญ่ทำจากซีเมนต์สูงกว่าระยะสายตาทำให้ยากจะเห็นว่าภายในเป็นอย่างไร ประตูรั้วทำจากเหล็กกล้า เจ้าของบ้านลงไปเปิดและพารถเข้าไปข้างใน บ้านของยิ่งใหญ่ใหญ่สมชื่อ เป็นบ้านปูนสองชั้นตามแบบฉบับคนมีเงิน ตัวบ้านซีดเซียวตามกาลเวลา ระเบียงชั้นสองผุกร่อนมีเศษปูนลอกร่อน น้ำพุหน้าบ้านแห้งกรัง บ้านเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอาศัยอยู่ ยิ่งใหญ่จอดรถที่โรงรถขนาดพอดีกับสามคัน อาณาเขตบ้านกว้างประมาณสองไร่ ข้างหลังปลูกต้นไม้ร่มรื่น แต้มเห็นทั้งมะม่วง ลำไย มะละกอ กล้วย แก้วมังกรและแม้กระทั่งต้นมะนาวปลูกสะเปะสะปะ เขาลงจากรถและเดินตามเข้าไปข้างใน

 สัมผัสแรกคือความว่างเปล่า บ้านไม่มีกลิ่นอับ แต่กลิ่นความเหงาอบอวลไปหมด นี่สินะบ้านที่ยิ่งใหญ่เติบโตมา แต้มมองภาพถ่ายครอบครัวที่วางบนตู้เก็บของ พ่อแม่และลูกชายทั้งสามคน ยิ่งใหญ่หน้าเหมือนแม่ราวกับแกะ แต่พี่ทั้งสองหน้าตาค่อนไปทางผู้เป็นพ่อมากกว่า รอยยิ้มสดใส แต่นั่นก็เป็นภาพที่เก่ามาก เพราะยิ่งใหญ่ยังเด็กมากเมื่อเทียบกับตอนนี้

 รูปของผู้เป็นพ่อแขวนที่ผนัง ตามด้วยรูปรับปริญญาของพี่ชาย แต้มเดาว่าเป็นคนโต “คณะแพทยศาสตร์” แต้มอ่านตัวอักษรที่แกะสลักใต้ภาพ เขาไม่แปลกใจแม้แต่น้อยเพราะรูปถัดไปที่เห็นคือรูปพ่อของยิ่งใหญ่แต่งชุดทำงานเต็มยศ

“นายแพทย์ยิ่งยง” แต้มอ่านที่ป้ายชื่อจากในรูป ถึงแม้มันดูเลือนลาง แต่ก็พอจะอ่านออก

“นศ.แพทย์ ยิ่งยศ” แต้มอ่านชื่อจากรูปพี่ชายคนโตที่ยิ้มร่าในชุดนักศึกษา โชว์ฟันขาวกับสีผิวที่ขาวจัดจนซีด แววตาขี้เล่นไว้ผมแสกกลางตามสมัยนิยมดูหล่อเหลา บ้านนี้ลูกชายหน้าตาดีเสียทุกคน แต่แต้มเข้าข้างเพื่อนตัวเองว่าดูดีที่สุดในบรรดาลูกชายทั้งสามคน

“เราหล่อสุดว่าปะ” เสียงนั้นดูมั่นใจ แต่กลับแฝงไปด้วยความหงอยเหงา

“บ้านนายน่าอยู่ดีนะ”

“ไม่เท่าบ้านนายหรอก” ยิ่งใหญ่ตอบ “ทางนี้ ชั้นสอง”

แต้มเดินตามเจ้าของบ้านไปหยุดที่ห้องหนึ่ง ก่อนเดินเข้าไปในอาณาจักรของยิ่งใหญ่ เตียงขนาดสามฟุตชิดติดขอบผนังทางใน มีโต๊ะอ่านหนังสือที่มีหนังสือการ์ตูนวางทับกันไว้บนนั้น พื้นห้องเป็นแบบหินอ่อนลายไม้เก่าตามสภาพแต่สะอาดวับ ตู้เสื้อผ้าสองตู้ติดผนังใกล้ห้องน้ำ ชั้นหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนที่เจ้าตัวน่าจะอ่านหลายรอบแล้ว กีตาร์ตัวเก่าวางไว้ที่หัวเตียง กรอบรูปเล็กๆวางไว้ที่โต๊ะหนังสือ ไม่มีโปสเตอร์ดาราหรือหนังเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ ในห้องมีกลิ่นอับกว่าด้านนอก แต้มรู้ได้ทันทีว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในนี้มานานมากแล้ว

“ห้องน่าอยู่จัง”

“นายว่าเราจะเชื่อคำพูดเมื่อกี้มั้ยเนี่ย”

แต้มก้มตัวลงนอน “นายไม่กลับมาบ้านนานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

“ตั้งแต่เปิดเทอม” ยิ่งใหญ่นั่งลงข้างๆ ใช้มือลูบหัวแต้มที่กำลังนอนอยู่

“ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ”

“มีลุงมั่นกับป้ามีเฝ้าบ้านให้ ส่วนพ่อเราก็ทำงานที่เชียงใหม่ นานๆจะกลับมาที”

“แล้วพี่ชาย...”

“พี่ๆอยู่กรุงเทพ” เสียงยิ่งใหญ่ดูหงอย แต้มลุกขึ้นนั่ง เข้าใจหัวอกคนที่นั่งข้างๆว่าจะเหงาเพียงไหน ไม่แปลกใจเลยที่ยิ่งใหญ่จะคุยกับคนโน้นทีคนนี้ เพราะเขาไม่อยากให้ตัวเองต้องทนเหงาแบบที่อยู่บ้านนี้

“ทำอะไรกินกันดีกว่ามั้ย หิวละ” แต้มชวน “เราอยากกลับบ้านแล้วอะ พรุ่งนี้ไปนอนบ้านเรากัน”

ยิ่งใหญ่หันมองแต้ม รู้สึกตื้นตันที่ใครคนหนึ่งจะรู้ใจได้มากขนาดนี้ เขาฉีกรอยยิ้มกว้างแผ่เต็มใบหน้าแทนคำว่าตกลงและขอบคุณ



***********************************************************************



จบตอน



#แต้มน่ารักจัง >_<

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-02-2018 22:41:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-02-2018 22:59:48
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 28-02-2018 10:45:05
:pig4: :pig4: :pig4:


:L2: :pig4: :L2:



ขอบคุณที่ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 28-02-2018 11:36:00
แต้มน่ารัก เป็นเด็กมองโลกในทางบวก ดีจัง
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-02-2018 22:51:54
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-03-2018 04:19:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 28 (UP:: 27 ก.พ. 2561) #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-03-2018 00:38:34
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 29 (UP:: 26 มี.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-03-2018 15:48:02


จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 29. ข่าวร้าย



ต้องตาหอบเอกสารชุดใหญ่มาให้เจ้านายของเธอลงนามก่อนกลับมานั่งที่โต๊ะ ระยะหลังมีโครงการใหม่มากเสียจนยอดเยี่ยมไม่ค่อยมีเวลาว่างมาวุ่นวายกับเธอ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะต้องปวดหัวมากกว่านี้แน่ๆ หลังจากที่รู้สึกตัวในคอนโดของเขาวันก่อนก็ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อผู้เป็นนายเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะดูแลอย่างดีแล้ว เขายังเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งการดูแลเธอที่ป่วยเพราะพิษบาดแผลก็ยิ่งทำให้กำแพงในใจของเธอพังทะลายอย่างยับเยิน

แต่เธอจะต้องหักห้ามใจ มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ต้องคิดแบบนี้ ประเด็นแรกคือความแตกต่างทางฐานะ ก่อนหน้านี้ต้องตาคิดว่ามันมีแต่ในละครเท่านั้น ทว่าตอนนี้เธอเองเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ การที่เรามาจากต่างสังคมกัน การปรับตัวเข้าหายิ่งยากกว่าเก่า ทั้งฐานะทางการเงิน หน้าที่การงานและฐานะทางสังคม เธอไม่มีอะไรที่เชิดหน้าชูตาเขาได้เลย ไม่มีเลย

“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” ยอดเยี่ยมทัก ใช้มือใหญ่โบกผ่านใบหน้าหญิงสาว

“เปล่าค่ะ” ต้องตาตอบเรียบๆ “คุณยอดตามข่าวคุณภัทรอยู่รึเปล่าคะ”

“อืม ตามอยู่ครับ”

ต้องตาพยักหน้าหงึกๆ พระเอกหนุ่มถูกแอบถ่ายตอนที่แพทย์หญิงดอดเงียบกินกันในห้องผู้ป่วย เป็นข่าวใหญ่ทุกสื่อ เธอเคยเจอภัทรแค่ครั้งเดียว ความหล่อเหลาของเขายังตรึงใจเธอจนทุกวันนี้ ไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนมากหน้าหลายตาเข้าหา แต่เรื่องที่สื่อกำลังเล่นข่าวอยู่นี้ออกจะเหลือเชื่อหน่อยๆ แต่กระนั้นก็ต้องเชื่อ เพราะโรงพยาบาลต้นสังกัดแถลงข่าวและถอดนศ.แพทย์คนดังกล่าวออกจากโปรแกรมอินเทิร์นและไม่มีใครเห็นเธออีกเลย

“น่าสงสารจังที่ตกเป็นข่าวแบบนี้”

“คุณตาดูเป็นห่วงเพื่อนผมมากกว่าผมเสียอีกนะครับ” ยอดเยี่ยมส่งเสียงไม่พอใจ ต้องตายิ้ม

“ก็เพราะเค้าเป็นเพื่อนคุณยอดไงคะ ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นตาคงไม่เป็นห่วงหรอก”

ยอดเยี่ยมยังคงขึงขัง “เดี๋ยวเรื่องมันก็ซา คนไทยลืมง่ายจะตาย อีกอย่างไอ้ภัทรมันก็ไปอยู่เชียงใหม่กับไอ้บั๊มพ์แล้ว พอทุกอย่างเงียบก็คงกลับมาเอง”

ต้องตาแอบขัน “เราควรไปเยี่ยมที่เชียงใหม่ดีมั้ยคะ”

“คุณตา” ยอดเยี่ยมพ้อ ก่อนจะนึกทวนประโยคก่อนหน้านี้ได้และทำหน้าแดง

“คุณนี่ความรู้สึกช้าจัง” ต้องตาพูด ก่อนรับสายที่โต๊ะทำงาน

“คะ...” หญิงสาวรับสาย ใบหน้าซีดเผือดก่อนน้ำตาจะหยดออกมาจากช่วยไม่ได้

“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณตา” ยอดเยี่ยมถามอย่างร้อนรน และตกใจที่จู่ๆคนเบื้องหน้าก็ปล่อยน้ำตาออกมา

“คุณปู่ค่ะ คุณปู่เสีย น้องชายตาเพิ่งโทรมาบอก” หญิงสาววางสายอย่างไร้พลัง รู้สึกถึงความเศร้าที่ถาโถม

“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ คุณตากลับตอนนี้เลยก็ได้นะครับ”

“แต่ว่างาน...” ต้องตาสองจิตสองใจ

“ไม่ต้องห่วง ยังไงครอบครัวก็สำคัญกว่า เดี๋ยวผมไปส่งคุณตาเก็บของที่ห้องและเราไปซื้อตั๋วที่สนามบินกัน”

ต้องตารู้สึกมวนท้องกับคำว่าตั๋วเครื่องบิน เพราะมันราคาแพงมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนของเธอ

“คุณตาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถือว่าเป็นความช่วยเหลือของบริษัท”

หญิงสาวไม่ตอบ รู้สึกราววิญญาณออกจากร่าง เธอรู้สึกตัวเป็นพักๆเมื่อถึงห้อง เก็บของและรู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่สนามบินดอนเมืองแล้ว ตั๋วที่เร็วที่สุดคือเวลา 11.15 น. ด้วยราคาห้าพันหกร้อยบาท

“ขอบคุณคุณยอดมากนะคะที่ช่วยเหลือ”

“อย่าคิดมากเลยครับ ผมเต็มใจ แล้วถ้ารู้กำหนดการยังไงแล้วโทรบอกผมด้วยนะครับ”

“แต่ตา...” เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบากไปร่วมงาน ไม่ใช่เพราะอายในฐานะทางบ้าน แต่เกรงใจที่เขาช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้

“ไม่มีแต่ครับ ผมยินดีและเต็มใจ” ยอดเยี่ยมยิ้มมุมปาก เขาดูหล่อเหลายิ่งขึ้นเมื่อแสดงความอบอุ่นแบบนี้ “เพื่อคุณ”

ต้องตาไม่สบตา รู้สึกแค่ว่าใบหน้าร้อนผ่าวราวกับว่านี่คือฤดูร้อนที่มีฝนตกโครมครามเท่านั้น



***********************************************************************

แต้มขนเก้าอี้ลงจากรถอีแต๋น ชายฉกรรจ์หลายต่อหลายคนต่างช่วยกันกางเต็นท์และโต๊ะสำรับสำหรับรองรับแขกเหรื่อ บ้านของปู่เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ชั้นเดียวยกสูง มีใต้ถุนบ้านเอาไว้นั่งพักหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น ปู่มีลูกห้าคนรวมพ่อของเขา ลุงๆป้าๆต่างก็มีครอบครับแยกไปอยู่บ้านใกล้เคียงรั้วติดกัน มีแต่ครอบครัวเขาที่อยู่ไกลที่สุด ปู่อยู่กับย่าแค่สองคน ด้วยวัยเกือบเก้าสิบปี อยู่ๆปู่ก็เป็นลมต่อหน้าย่าที่กำลังตำหมาก ท่านสิ้นใจไปง่ายดายราวกับเป็นผักปลา

 ตามประเพณีของคนเหนือ เวลามีงานศพจะเก็บศพไว้ที่บ้านสองหรือสามคืนแล้วแต่ฐานะ หรือแล้วแต่ฤกษ์เผาที่ต้องปรึกษาอาจารย์วัด(มัคทายก)อีกที โดยปกติจะไม่เผาวันศุกร์เพราะพ้องเสียงกับคำว่า สุก หมายถึงศพจะสุกเหมือนทำกับข้าวถือว่าเป็นวันไม่ดี ปู่ของเขาเสียวันอังคารตอนค่ำ คืนนั้นก็เตรียมงานสวดไม่ทัน ฤกษ์เผาที่ใกล้ที่สุดคือวันพฤหัสบดี แต่ญาติหลายคนอยากให้ประกอบพิธีวันเสาร์ เพราะถ้าเผาวันพฤหัสบดี ก็หมายความว่าเก็บร่างปู่ทำพิธีแค่คืนเดียว

  แต้มโทรไปบอกพี่สาวเมื่อตอนเช้า เมื่อคืนที่บ้านค่อนข้างวุ่นวายกับการเตรียมการ ลูกหลานทุกคนมารุมอยู่ที่บ้านปู่ย่า ทุกคนนอนเฝ้าร่างปู่เป็นครั้งสุดท้าย ยกเว้นแม่ของเขาที่ต้องเฝ้าผู้เป็นพ่อ ลุงป้าพากันวางแผนการจัดงาน ทั้งเรื่องอาหาร บัตรเชิญแขก นิมนต์พระ ดอกไม้สด ดอกไม้จันทน์ ปราสาทสำหรับบรรจุหีบศพสำหรับเคลื่อนขบวนไปสุสานและอื่นๆอีกจิปาถะ กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็บ่ายแก่ๆแล้ว แต้มเห็นพี่สาวเดินลงจากรถสองแถวหน้าบ้านปู่ หอบข้าวของหลายชิ้นรีบวิ่งข้ามฝั่งมาทางนี้

“แต้ม”

“พี่ตา สวัสดีครับ” หากเป็นเวลาอื่นเขาคงดีใจเป็นลิงโลด แต่ตอนนี้คงไม่เหมาะสมเท่าไร พี่ตาเดินขึ้นบ้านไปไหว้ศพ บนเรือนโล่งเพราะข้าวของเสื้อผ้าถูกย้ายไปซ่อนไว้มุมหนึ่งของใต้ถุนบ้าน เสื่อน้ำมันและเสื่อสานปูไว้สำหรับเป็นที่นั่ง ห้องนอนปู่อยู่ทางทิศเหนือของตัวบ้าน ภายในโล่ง หน้าต่างถูกเปิดกว้าง หีบไม้บรรจุศพตั้งตะหง่านพร้อมดอกไม้สดที่ปักประดับประดาราวกับเป็นพิธีสวยงาม ต้องตาจุดธูปหนึ่งดอกไหว้บอกลาผู้เป็นปู่

“มาแล้วเหรอตาเอ๊ย”

“ค่ะย่า” ต้องตากอดย่า ครอบครัวของเธอสนิทกันมาก ปู่เป็นคนใจดีที่เข้าใจเธอทุกอย่าง ครั้งหนึ่งปู่ก็เคยเป็นหลักให้ชีวิตที่เป๋ไปมาของเธอ แม้กระทั่งตอนที่พ่อล้ม ปู่ยังยืนกรานจะให้เอาพ่อมาไว้ที่นี่ แต่ตอนนั้นบ้านของปู่ยังแออัด เลยไม่สามารถทำอะไรได้

“ไปหาแม่มายัง” ย่าถาม

“ยังเลยค่ะ ลงรถมาตาก็มานี่เลย”

“ไปหาแม่ก่อนไป ฝากเอาข้าวไปให้ด้วย ไม่รู้ป่านนี้ได้กินอะไรรึยัง” ต้องตารับคำ ก่อนที่จะเดินลงเรือนไป

ยามบ่ายแขกเหรื่อยังไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาญาติมิตรที่สนิทกันเสียมากกว่า แต้มง่วนอยู่กับการติดไฟสำหรับส่องกลางคืน ข้างๆแต้มมีวัยรุ่นหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่ไม่ห่าง ต้องตาเดินไปที่ห้องแม่ครัวที่ใช้พื้นที่ของคนบ้านติดกัน กางเต็นท์และวางหม้อ กระทะและอุปกรณ์ทำกับข้าวเต็มไปหมด แม่ครัวทักต้องตาอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะปล่อยให้เจ้าตัวตักสำรับ

“พี่จะเอาข้าวไปให้แม่นะ” ต้องตาเดินมาหาน้องชายที่กำลังติดไฟง่วงอยู่หน้าประตูบ้าน

“ครับพี่ตา” แต้มตะโกนรับคำ ต้องตารับไหว้เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่เห็นไกลๆก่อนหน้านี้

“ผมใหญ่ครับ เป็นเพื่อนแต้ม”

“สวัสดีจ้ะใหญ่ ยังไงก็ตามสบายนะ แต้มอย่าใช้งานเพื่อนหนักเกินไปล่ะ”

“แหมพี่ไม่หรอกน่า” แต้มมองยังเพื่อนที่กำลังทำหน้ายียวน

“แล้วพี่ตาจะไปยังไงครับ” ยิ่งใหญ่ถามอย่างสุภาพ เพราะเพิ่งเคยเจอพี่สาวแต้มเป็นครั้งแรก พี่ตาเป็นคนสวยจัด ใบหน้าคมคายราวกับเป็นคนใต้มากกว่า ผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย ดวงตากลมโตฉายแววใจดีเป็นกันเอง การแต่งตัวและท่าทางผิดแผกจากคนในละแวกนี้อย่างชัดเจน แต้มกับพี่สาวมีสีผิวที่คล้ายกัน เพียงแต่แต้มจะคล้ำกว่าเพราะทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำ ความสวยของพี่สาวเพื่อนทำให้แทบลืมหายใจ

“คงเดินไปแหละ”

“งั้นผมเอารถเครื่องไปส่ง ติดไฟเสร็จละ” แต้มกระโดดลงจากบันไดอลูมิเนียมแบบพับได้

“นายอยู่นี่รอแป๊บนะใหญ่” แต้มบอกเพื่อนที่ตอนนี้เข้ากับญาติทุกคนของเขาได้ดีราวกับว่าเป็นลูกอีกคนหนึ่งของแม่

“ไม่มีปัญหา”

“ปะพี่ตา” แต้มเดินนำโดยมีพี่สาวเดินไปติดๆ หากมองเผินๆด้วยวัยที่ห่างกันไม่มาก พี่น้องคู่นี้ยิ่งเหมือนแฟนกันมากกว่าด้วยซ้ำ

***********************************************************************




จบตอน....



#ขอโทษที่หายไปนานนะครับ พอดีช่วงนี้ไรต์ยุ่งมากๆ แต่ไม่ลืมกันนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 29 (UP:: 26 มี.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-03-2018 16:46:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง  ทายถูกด้วยว่า ครอบครัวตัว "ต." เป็นพี่น้องกัน

รอเฉลยครอบครัวตัว "ย."  อยู่นะ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 29 (UP:: 26 มี.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 27-03-2018 00:56:41
เรื่องนี้ให้5ดาวคาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 29 (UP:: 26 มี.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-03-2018 09:50:56
:pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง  ทายถูกด้วยว่า ครอบครัวตัว "ต." เป็นพี่น้องกัน

รอเฉลยครอบครัวตัว "ย."  อยู่นะ

รออีกแป๊บนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 29 (UP:: 26 มี.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 29-03-2018 10:21:39
ขอบคุณที่มาต่อจ้า  ครอบครัวตัว ต มาพร้อมหน้ากันแล้ว
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 29 (UP:: 26 มี.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-03-2018 21:40:23
เรื่องนี้ให้5ดาวคาาาาาาาา


อุ๊ย ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 30 (UP:: 8 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-04-2018 14:06:11
ไรต์มาอัพต่อแล้วจ้า....
ใครชื่นชอบนิยายไรต์ อย่าลืมนะ ไรต์มีเรื่อง บังเอิญรักโดยตั้งใจ อีกเรื่องนึง
ตามอ่านได้ที่ลิงค์เลยน้า

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0


***********************************************************************

ตอนที่ 30. กลับบ้าน

                พิธีสวดคืนแรกเริ่มประมาณทุ่มครึ่งและจบประมาณสามทุ่ม หลังจากนั้นจะมีการเสิร์ฟพวกของร้อนเช่น โกโก้ร้อน กาแฟร้อน ชาร้อน สำหรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ตามปกติแล้ว เจ้าภาพจะต้องจัดแจงมื้อเย็นด้วย มีสำรับถวายพระ วางหน้าโลงและเลี้ยงญาติหรือผู้มาร่วมงานตั้งแต่หัววัน แต่ละงานจะทำอาหารตามที่คนจากไปชอบ อย่างปู่ของแต้มชอบลาบเลือด แม่ครัวก็ทำเตรียมไว้ ยิ่งใหญ่ถึงขั้นเบือนหน้าหนีเมื่อแต้มจ้วงลาบเลือดเข้าปาก ตับไตเครื่องในสดๆถูกเคี้ยวกรุบๆ

“นายก็กินลาบคั่วเอาสิ” ยิ่งใหญ่รู้สึกโชคดีที่แม่ครัวยังมีเมตตาเอาลาบเลือดมาปรุงสุกโดยการคั่ว ลาบเลือดนี้เป็นหมูเอามาลาบ คลุกกับพริกที่ตำไว้ผสมเครื่องเทศน์หลายอย่างที่แต้มไม่รู้จัก แต่ที่พอจะคุ้นก็มีตะไคร้ซอยเอามาทอดกรอบ ไว้หมูหั่นเป็นแว่นทอดกรอบ แคบหมูชิ้นเล็กกว่านิ้วก้อยโรย สำหรับคนที่กินดิบๆ ก็แค่คลุกทุกอย่างลงไป พวกตับ เซี่ยงจี๊หั่นชิ้นหนาจัดใส่ถ้วยแยกโปะด้วยน้ำแข็งเป็นเหมือนเครื่องเคียง แต่ถ้าใครที่กินลาบคั่ว ก็แค่คลุกมันลงไป คั่วในน้ำเปล่า ผัดจนมันงวด เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำเข้ม ผัดให้แน่ใจว่าสุกแล้วก็เอามาเสิร์ฟ

“น้ำพริกข่าอร่อยดีจัง” ยิ่งใหญ่จิ้มน้ำพริกข่าคั่วแห้ง วันนี้มีลาบหมู จอผักกาดและน้ำพริกข่า

“เดี๋ยวกินเสร็จไปอาบน้ำที่บ้านกัน” แต้มชวน เพราะยิ่งใหญ่ขับรถยนต์มาจอดที่บ้านแต้มตามที่เจ้าบ้านแนะนำ เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีรถจากที่อื่นมาจอดขวางจนไปไหนมาไหนไม่ได้ในชั่วโมงเร่งด่วนหรือเปล่า

“เอาดิ” ยิ่งใหญ่มีความสุขกับมื้ออาหารต่อไปเงียบๆ

“คืนนี้นอนที่นี่ได้ไหม” แต้มถาม

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบพลางจ้วงลาบคั่ว รสชาติมันก็อร่อยดีเหมือนกันแฮะ... ถึงแม้เขาจะเป็นคนเหนือ แต่ที่บ้านก็ไม่ยอมปล่อยให้กินของอะไรแบบนี้แน่ โดยเฉพาะพ่อที่แสนจะเจ้ากี้เจ้าการเรื่องอาหารการกินของลูก นายแพทย์ยิ่งยง ที่ไม่ได้เจอหน้ามาหลายเดือนแล้ว

  แต้มพายิ่งใหญ่กลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน จุดประสงค์หลักคือเอามื้อเย็นมาให้แม่ที่เฝ้าพ่ออยู่ โชคดีที่พ่อเหมือนจะทำใจได้กับการจากไปของปู่ อาการเลยไม่ทรุด แม่ให้พี่ตาไปช่วยงานตอนกลางคืนแทน เดิมแต้มอาสาจะดูพ่อเผื่อแม่อยากไปช่วยงาน แต่แม่บอกให้เขาไปจะดีกว่า ถ้าอาการพ่อไม่มีปัญหา แม่คงจะไปคืนถัดไปแทน

  สองหนุ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มร้อน ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้อากาศค่อนข้างเย็น ยุงและแมลงบินวนเยอะจนน่ารำคาญ ยิ่งใหญ่ถูกคนที่มางานแซวเรื่องความหล่อยกใหญ่ หลายบ้านที่มีลูกสาวถึงขั้นทาบทามเป็นคู่หมั้นคู่หมาย ทุกคนต่างขำขันถึงแม้จะอยู่ในงานศพ แต่มันก็เป็นเหมือนเสียงหัวเราะน้อยๆในยามที่เรากำลังขมขื่น

“ยุงกัดเยอะมั้ยเนี่ย”

“พอไหว” ยิ่งใหญ่พูดปด เพราะท่าเกาของเขาแรงจนแต้มกลัวว่าผัวหนังจะถลอก

“ใส่เสื้อแขนยาวหน่อยไหม” แต้มยื่นเสื้อแขนยาวตัวเก่าให้ “อย่างน้อยมันก็ป้องกันได้บ้าง”

คืนนี้อากาศเย็น กลางเดือนตุลาคมอากาศเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ บางวันฝนตก กลางคืนร้อนอบอ้าว แต่วันนี้กลางวันฝนไม่มี ตอนเย็นหมอกลงและกลางคืนหนาว แขกเหรื่อหลายคนแต่งตัวเต็มยศ ทั้งเสื้อกันหนาว กางเกงขายาว สวมถุงเท้าคีบรองเท้าแตะ ใครที่ขี้หนาวมากๆก็จะมีหมวกไหมพรมและผ้าพันคอครบชุด

แต่แต้มคิดว่าคืนนี้มันก็ไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้นนะ...

“นี่อะไรอะ” ยิ่งใหญ่จบที่กระเป๋ากางเกงของแต้มที่มันตุงผิดปกติ

“อ๋อ มือถือน่ะ พี่ตาบอกว่าถูกหวยเลยซื้อมาให้”

“หืม นายมีเบอร์แล้วแต่นายไม่ยอมบอกเราเนี่ยนะ”

แต้มส่งเสียงฟึดฟัด “นายจะเอาไปทำอะไรในเมื่อนายตัวติดกับเราทั้งวัน”

“หึ” ยิ่งใหญ่กระฟัดกระเฟียด “ตามใจนายละกัน”

ยิ่งใหญ่เดินเก็บแก้วที่แขกเหรื่อวางไว้ ไม่สนใจเพื่อนที่เดินไปฝ่ายตรงข้ามและทำแบบเดียวกัน แก้วเปล่าถูกวางซ้อนในถาดพลาสติกสำหรับใส่แก้วจนเต็ม ยิ่งใหญ่เอาไปวางไว้ที่ห้องแม่ครัวแล้วมือถือของเขาก็ส่งเสียงดังลั่น

“ครับ” ยิ่งใหญ่รับสาย

“นี่เบอร์เรานะ”

“หืม ใคร” ยิ่งใหญ่แกล้งจำไม่ได้

“อย่างี่เง่าน่า นี่เบอร์เรา” ปลายสายตอบ

“ไหนบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้ก็ได้ ตัวติดกันขนาดนี้” ยิ่งใหญ่ขยี้

แต้มถอนหายใจ แต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้ม “บอกนายคนแรกเลยนะเบอร์นี้อะ”

ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้าง แต้มวางสายก่อนเขาจะได้ตอบอะไร

“งอแงเป็นเด็กไปได้” แต้มบ่นอุบหลังจากที่เดินเอาแก้วเปล่ามาสมทบ

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ แต่ลอยหน้าลอยตาไปมา

“ใหญ่ๆ มีแฟนยังอะ” หญิงสาวในห้องครัวทัก ท่าทางเอียงอาย ผู้คนตามชนบทบางทีก็แต่งงานไว คนที่ทักยิ่งใหญ่ก็เช่นกัน เธออายุเพียงสิบเก้าปี แต่ก็เป็นแม่ลูกสองแล้ว

“ยังครับพี่”

“โหย อายุเท่านี้ทำพันธุ์ได้แล้ว ยิ่งหล่อๆแบบนี้ด้วย ไม่นานหรอก เชื่อพี่ เดี๋ยวก็ไม่โสด” เสียงแม่ครัวพากันหัวเราะครืน ยิ่งใหญ่ได้แต่เกาหัวแก้เก้อ การถูกแซวซึ่งๆหน้าแบบนี้ทำให้ไปไม่เป็นเหมือนกัน เสน่ห์ของที่นี่ก็ดีแบบนี้แหละ คนพูดจากันซื่อๆ จนบางทีก็ทำให้เราอึ้งจนพูดไม่ออก

“พี่อ้ออย่าแซวเพื่อนผมเยอะ ดูสิเขินหมดละ”

“อุ๊ยละอ่อนสมัยนี้ แซวนิดแซวหน่อยทำเขิน” พี่อ้อแซวต่อ (ละอ่อน แปลว่าเด็ก)

“ไปเก็บแก้วต่อดีกว่า ขืนอยู่นานกว่านี้นายคงโดนแทะโลมไม่เลิก” แต้มลากตัวเพื่อนออกมาจากวงสนทนา

“ตลกดีนะ” ยิ่งใหญ่ว่า “เราอยากสูบบุหรี่อะ”

“หืม ไหนบอกว่าจะไม่สูบตอนอยู่บ้านเราไง”

“ก็ใช่ แต่ที่นี่ไม่มีพ่ออยู่อะ ขอเราสูบหน่อยนะ” แต้มกลอกตา อยากจะห้าม แต่ก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร

“ไปหลบมุมตรงโน้นหน่อยดีกว่าปะ อย่างน้อยก็ลับสายตาคนอื่น”

ยิ่งใหญ่ตามไปอย่างว่าง่าย แต้มพาเดินเลาะมาหลังบ้านของป้า ยุ้งฉางข้าวปลูกยกสูงขนาดเท่าบ้านหลังย่อมบังทั้งคู่ไว้มิด ยิ่งใหญ่จุดบุหรี่มาสูบด้วยท่าทางสดชื่น แต้มยืนอยู่ห่างๆ

“ขอบใจนะที่ไม่ว่าอะไรเรา”

“ก็อยากว่าแหละ แต่ไม่รู้ว่าแล้วจะได้อะไร เลยไม่ว่าดีกว่า”

“นายเป็นคนแรกนะที่ไม่พยายามบอกให้เราเลิกสูบ”

“ทำไมเราต้องให้นายเลิกด้วยล่ะ”

“ก็” ยิ่งใหญ่คิดหาคำตอบ “ไม่รู้สิ ทำเหมือนคนอื่นทำมั้ง”

“ไม่หรอก” แต้มพูด “ถ้านายจะเลิกสูบ ก็เพราะนายเป็นห่วงและรักตัวเอง ไม่ใช่เพราะเลิกสูบเพราะเราบอกให้ทำ”   

“แล้วเราไม่รักตัวเองตรงไหน” ยิ่งใหญ่เถียงข้างๆคูๆ

“แล้วคนที่รักตัวเองคนไหนเค้าอัดควันเข้าปอดบ้าง” แต้มตอบช้าๆชัดๆ

“เรานี่ไง” ยิ่งใหญ่พ่นควันสีขาวขุ่นออกจากปาก แต้มรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ที่จะพูดต่อจึงเงียบไป

ยิ่งใหญ่สูบบุหรี่จนหมดมวน เสียงจิ้งหรีดร้องระงมช่วงกลางคืนที่มืดมิด น้ำค้างเริ่มตกเป็นเม็ด ไอหนาวประพรมใบหน้า

“ถ้านายขอให้เราเลิก เราก็จะทำนะ” ยิ่งใหญ่พูด แต้มไม่ตอบอะไร แค่พยักหน้าให้และพากันเดินเข้าไปในงาน...

               

***********************************************************************

​โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 30 (UP:: 8 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-04-2018 14:28:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 30 (UP:: 8 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-04-2018 16:09:32
ไปสูบบุหรี่ใกล้ยุ้งฉางข้าวเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 30 (UP:: 8 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-04-2018 07:12:22
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 30 (UP:: 8 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-04-2018 09:43:47
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 30 (UP:: 8 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 14-04-2018 15:17:45
ไปสูบบุหรี่ใกล้ยุ้งฉางข้าวเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก


ก็ยังเด็กกันอยู่น้อ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 31 (UP:: 21 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-04-2018 16:51:10


ตอนที่ 31. พิธีศพ



คืนนี้น้ำค้างลงหนัก แต่กลุ่มคนที่นั่งสุมไฟอยู่ลานหลังบ้านไม่มีใครสนใจว่าอากาศจะหนาวเย็นเพียงใด พวกเขากำลังง่วนอยู่กับการทอยไฮโล เสียงเฮส่งมาเป็นระยะ แม้ในยามดึกป่านนี้ก็ตามที บนเรือนไฟสว่างพร้อมคนอีกกลุ่มหนึ่งที่นั่งนับเลขบนพลาสติกสีขาว วงไพ่มีมากกว่าหนึ่งวงเล่นทั้งเก้าเก ป๊อกเด้งและรัมมี่แต่เสียงกลับเงียบเชียบกว่าวงไฮโลด้านล่าง ห้องใหญ่มีย่าและพี่ตานอนเฝ้าโลงอยู่ แต้มกับใหญ่นอนที่ห้องเล็กที่เดิมเป็นห้องเก็บของ บ้านย่ามีสามห้อง เลยสามารถจุผู้คนได้พอสมควร

“นายโอเคมั้ย” ยิ่งใหญ่ถามแต้มในความมืด แม้เสียงรบกวนด้านนอกจะพอมีบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการนอนของพวกเขา

“เรื่องอะไรเหรอ”

“เรื่องที่ย่า พี่ตาคุยกับแม่นายเมื่อตอนเย็น”

แต้มไม่ตอบในทันที รู้สึกหงอยเหงา แต่ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าแปลก “ไม่รู้สิ ถ้าแม่กับพี่ตาคิดว่าดี ก็คงดีมั้ง”

“แล้วนายล่ะ”

“ทำไมนายต้องอยากรู้ว่าเราจะคิดยังไงด้วยล่ะ”

ยิ่งใหญ่พลิกตัว ตะแคงไปทางเพื่อนที่นอนหันหลังให้ ขยับตัวเข้าไปประชิด “อย่ามาใกล้ร้อน”

“ร้อนที่ไหน คืนนี้น้ำค้างลงหนาวจะตาย”

“หึ” แต้มทำเสียงฟึดฟัด ยิ่งใหญ่กวาดมือไปวางไว้ที่หน้าอกเพื่อนอย่างจงใจ “ไม่เอาไม่กอด”

“ที่เราถาม ก็เพราะเราเป็นนห่วงความรู้สึกของนายไง” ยิ่งใหญ่ตอบโดยไม่คลายอ้อมกอด

“แม่กับพี่นายอาจจะโอเค แต่เราไม่รู้ว่านายรู้สึกยังไง เราเป็นห่วง”

แต้มเงียบงัน การจากไปของคุณปู่นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ครอบครัวเขา เมื่อตอนเย็น ย่า แม่กับพี่ตานั่งปรึกษากันเรื่องจะย้ายพ่อมาอยู่ที่บ้านย่าถาวร ลูกหลานย่าคนอื่นเห็นด้วย ไม่มีใครอยากมาอยู่กับย่าเพราะว่าต่างก็มีบ้านเป็นของตัวเองกันหมด แม่เขาเสียอีกที่ต้องดูแลคนป่วยในบ้านแทบจะเป็นกระต๊อบจนพี่น้องพ่อไม่มีใครกล้าค้านอะไรถ้าย่าจะยกบ้านหลังนี้ให้พ่อ แทนที่จะขายแบ่งเป็นเงินมรดกหลังจากย่าหมดบุญ

เด็กหนุ่มไม่ได้โต้แย้งอะไร ในเมื่อผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงาม เพราะพ่อจะได้อยู่ใกล้ชิดย่า แม่จะได้ย้ายมาใกล้บ้านญาติคนอื่นๆ เพราะบ้านของเขาค่อนข้างจะไกลจากบ้านหลักหลังนี้ไม่น้อย แต่ที่น่าใจหายคือ หลังจากที่ย้ายพ่อมาแล้ว บ้านของเขาจะถูกขายเพื่อใช้หนี้ พี่ตาทำหน้าเศร้าเมื่อต้องยอมรับความจริงว่าเธอก็ไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ลำพังเงินเดือนพี่ตาก็แทบจะไม่พอกับค่ายารายเดือนของพ่อ แต่รายนั้นก็ไม่เคยบ่นให้ใครได้ยิน ในฐานะลูกชายคนเล็กแบบเขา ยิ่งต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาหรือภาระอื่นเพิ่มอีก

“เราไม่เป็นไรหรอก”

ยิ่งใหญ่กระชับอ้อมกอด “โกหก”

แต้มไม่ตอบ ปล่อยน้ำตาไหลรินอย่างเงียบเชียบในความมืดโดยมีอ้อมกอดอุ่นกระชับแน่นอยู่ข้างหลัง

***********************************************************************

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยอด ตาเข้าใจ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดี” ต้องตาวางสายเจ้านายก่อนที่จะเหไปช่วยรับแขกเหรื่อ ชายหนุ่มติดงานมาไม่ได้ แต่ส่งพวงหรีดขนาดใหญ่และเงินค่าทำศพมาก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้คนค่อนข้างเยอะ หลังจากที่เคลื่อนโลงมาใส่ปราสาทเมื่อวานตอนเย็น เตียงพ่อก็ถูกขนมาไว้ที่บ้านปู่ในเวลาไล่ๆกันโดยรถของโรงพยาบาลประจำอำเภอที่ตัวเองไปทำเรื่องไว้ตั้งแต่วันก่อน การย้ายผู้ป่วยติดเตียงแบบพ่อทำเองไม่ได้ เพราะมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด

“พี่ตา”

“ครับใหญ่ ว่าไง”

“ญาติกลุ่มนี้มาจากเทิง ให้นั่งตรงไหนครับ” ต้องตาหันไปทางกลุ่มญาติ ต้นตระกูลของเธอมาจากเชียงของและร่นมาอยู่ที่อำเภอเทิงและบางส่วนก็มาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ งานศพปู่จึงกลายเป็นงานรวมญาติอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เธอพาญาติไปไหว้ศพก่อนหาที่นั่งให้ แขกเหรื่อวันนี้น่าจะร่วมสามร้อยชีวิต ส่วนใหญ่สวมชุดดำและมาจากต่างถิ่น

“แต้มไปไหนละครับใหญ่”

“แต้มไปรับพระครับพี่”

“งั้นพี่วานใหญ่ไปอยู่หน้าโต๊ะรับซองทีนะครับ เดี๋ยวพี่ต้องไปดูในครัวอีก”

“ครับพี่” ยิ่งใหญ่รับคำก่อนมานั่งที่หน้าตู้ไม้สำหรับรับซองสมทบทุนงานศพ หากใครไม่มีซองก็สามารถหย่อนเงินสดและเขียนชื่อลงสมุดแยกต่างหากได้ วันนี้อากาศอบอ้าวเหมือนฝนจะตก เหงื่อไหลท่วมตัวจนคันยิบ แต่ยิ่งใหญ่ไม่บ่นสักนิด

แต้มกลับมาพร้อมกับพระที่บวชใหม่สองรูปที่น่าจะเป็นคุณลุงและอาของเขาเอง ยิ่งใหญ่ยิ้มให้กับเพื่อน ใบหน้านั้นยิ้มกลับก่อนจะแหวกฝูงชนพาพระขึ้นไปบนบ้าน การบวชหน้าไฟที่นี่ไม่ยาก แค่ไปปลงผมกับพระตอนเช้า นุ่งห่มผ้าเหลืองรอเวลาเดินนำขบวนจูงศพไปที่ป่าช้า นั่งทำพิธี ตกเย็นก็ไปสึกถือเป็นอันจบพิธี

ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปป่าช้า คนเหนือจะมีพิธีตัดความสัมพันธ์กันก่อน โดยที่ย่าจะต้องมาทำพิธีหน้าโลง เป็นความเชื่อว่าคนที่ตายไปจะไม่มาตามรบกวนหรือมาพาไปอยู่ด้วย มันดูเป็นความเชื่อที่ล้าหลังแต่สำหรับผู้เฒ่าผู้แก่แบบย่าก็ยึดถืออย่างเคร่งครัด อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของญาติโกโหติกาที่มีอายุ หลังเสร็จพิธีย่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และอยู่ที่บ้านห้ามไปที่ป่าช้า ลูกหลานจึงถ่ายรูปรวมญาติกับคุณย่าก่อนทำพิธีนี้ และหลังจากนั้นเวลาคล้อยบ่าย ขบวนจูงศพก็เริ่มเคลื่อนออกจากบ้าน โลงศพปู่ถูกบรรจุลงในปราสาทที่ทำจากไม้ ตกแต่งเหมือนปราสาทหรือวังในสรวงสวรรค์ ประดับประดาด้วยกระดาษสีสันสวยงาม มีดอกไม้สดวางบนโลงและมีพวงหรีดแขวนตกแต่งไว้ทั่ว ปราสาทถูกยกขึ้นรถลากเลื่อน มีเชือกเส้นใหญ่สองเส้นผูกหน้ารถ ด้านหน้าสุดมีสายสิญจน์ที่ให้พระใหม่เป็นคนจับนำขบวนโดยมีสัปเหร่อเดินนำหน้าสุด บรรดาแขกเหรื่อที่มางานต่างก็จับเชือกสองเส้นนั้นเดินเท้าจากบ้านออกไป เสียงคุยกันจอแจ เสียงรถโทรโข่งเปิดเพลงธรรณีกรรแสงตลอดทาง

“พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง 

 โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี 

 นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ 

 สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา”*

เสียงมัคทายกส่งผ่านไมโครโฟนชวนเศร้าสร้อย แดดในยามบ่ายร้อนแรง แต่ไม่มีใครบ่น ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายเพื่อคุณปู่ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงกับการเดินร่วมสองกิโลเมตรขบวนก็มาถึงป่าช้าที่แสนเงียบเหงา มีเมรุเผาศพตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยว เมรุเผาศพของที่นี่ทำอย่างง่าย เป็นปูนทำเป็นบันไดสามขั้นความสูงไม่น่าเกินเมตรครึ่งยาวประมาณสองเมตร มีจำนวนสองอันวางขนานกันบนพื้น หลังจากเคลื่อนมาถึงต่างก็พากันถ่ายรูปคู่กับศพเป็นครั้งสุดท้ายโดยญาติคนหนึ่งที่เป็นตากล้องรับอาสาถ่ายรูปให้แบบไม่คิดเงิน แต้ม ยิ่งใหญ่และลูกหลานปู่ต่างก็ช่วยกันเสิร์ฟน้ำดื่มและน้ำหวานเพื่อดับร้อน พี่ตาง่วนอยู่กับพิธีอีกฝั่งหนึ่งในฐานะหลานคนโต

พิธีศพดำเนินไปด้วยดี หลังจากที่พระสวดส่งศพ เสียงพลุไฟก็ดังปึงปังไปทั่ว เสียงหวูดแหลมคล้ายเสียงช้างร้องดังกึกก้องก่อนที่ประทัดจะส่งเสียงสำทับ พลุไฟพุ่งจากศาลาไปจบที่โลงศพ ไฟลุกพรึ่บร้อนแรง แต้มน้ำตาซึมเมื่อร่างของปู่เริ่มมอดไหม้ แขกเหรื่อทะยอยเดินทางกลับ ลูกหลานปู่ต่างร้องไห้ระงมไม่เว้นแต่พี่ตา

“ปู่ไปดีแล้วนะครับพี่” แต้มกอดพี่สาว ทั้งคู่ไม่พูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น ก่อนที่จะพากันเดินไปที่รถยนต์ของยิ่งใหญ่ที่ฝากญาติคนหนึ่งขับมา ยิ่งใหญ่สตาร์ทรถและพุ่งทะยานออกจากป้าช้าโดยมีผู้โดยสารสี่คนนั่งซึมน้ำตาไหลกันตลอดทาง

พี่ตาดูเหมือนจะทำใจกับการจากไปของปู่ได้ช้าสุด เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เด็ก พี่ตาเป็นหลานคนโปรด ไม่ว่าจะทำอะไรปู่ก็จะเข้าข้างพี่ตาเสมอ แม้กระทั่งการเรียนมหาวิทยาลัย ปู่เองนั่นแหละที่เป็นคนกัดฟันส่งเสียจนจบ แต่พอกลับมาถึงบ้าน พี่ตาก็ปาดน้ำตาและเดินเข้าไปช่วยงานหลังจากนี้ ที่แม่ครัวส่วนหนึ่งทำน้ำเงี้ยวไว้รอรับคนที่มาอยู่ต่อหลังพิธี ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่หมู่บ้านและญาติสนิท ส่วนญาติต่างอำเภอต่างพากันกลับบ้านไปแล้วบางส่วน แต่ก็พอมีบ้างที่มาร่ำลาย่าก่อนจะกลับ งานนี้แต้มดูเหมือนจะเป็นหลานที่ญาติโปรดปรานเรียกหามากที่สุด หลายคนยิบยื่นเงินให้บ้างก็ยี่สิบห้าสิบตามกำลังทรัพย์ เพราะลูกหลานย่าไม่ได้มีแต้มคนเดียว ลูกๆของพวกลุงป้าน้าอาต่างก็ได้รับอานิสงส์ตามๆกัน แต้มนับเงินในมือที่มีอยู่ร่วมห้าร้อยบาท นี่สินะข้อดีของการที่มีญาติเยอะ

***********************************************************************

*(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส : กฤษณาสอนน้องคำฉันท์)

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 31 (UP:: 21 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2018 17:33:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 32 (UP:: 23 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 23-04-2018 15:40:42


ตอนที่ 32. รอยยิ้มที่ไม่มีใครมองเห็น



                แต้มใช้เวลาทั้งวันในการทำความสะอาดบ้าน งานศพผ่านไปอาทิตย์นึงแล้ว แต่ยิ่งใหญ่ก็ยังตัวติดเป็นกาวอยู่ที่นี่ ย่านอนห้องเดิมที่เคยนอนกับปู่ แม่กับพ่อนอนอีกห้องที่อยู่ติดกัน สองหนุ่มก็นอนที่ห้องเก็บของดังเดิม การมาอยู่ของครอบครัวแต้ม ทำให้ต้องมีการจัดระเบียบบ้านใหม่ทั้งหมด ต้องตากลับไปทำงานต่อแล้วเมื่อสี่วันก่อน อัฐิของคุณปู่ก็ถูกเก็บและเอาไปฝากไว้ที่วัดตามความต้องการของย่า บ้านเงียบเหงา แต้มเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่กับพี่ตาถึงตกลงปลงใจมาอยู่กับย่า ความเหงามันเป็นความรู้สึกที่ร้ายกาจ การอยู่คนเดียวมันกรีดแทงความสุขจนแทบขาดวิ่นได้ การปล่อยให้ย่าต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี้โดยลำพังจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แล้วที่ผ่านมายิ่งใหญ่ทนได้อย่างไร แต้มได้แค่คิดว่าการเติบโตโดยลำพังมันจะเจ็บปวดแค่ไหนกันหนอ เขาได้แต่ขบคิดจนปวดสมอง

“บ้านนายจะขายเมื่อไหร่” ยิ่งใหญ่ถามแต้มช่วงหนึ่งของบทสนทาของทั้งคู่

“ไม่รู้ แม่บอกว่าพี่ตากับญาติๆช่วยประกาศขายไปแล้ว มีคนมาดูบ้างแต่ก็ยังไม่มีใครตกลง”

“นายโอเคจริงๆใช่มั้ย”

“อืม” แต้มตอบสั้นๆ แต่ในใจมันหวิวโหวง

“เออ เกรดออกแล้วนะ”

“หะ” แต้มเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน “รู้ได้ไง” ยิ่งใหญ่ตอบว่าเพื่อนในห้องคนหนึ่งโทรมาบอก

“นี่บอกเกรดหรือบอกว่าใครติดศูนย์” แต้มถามต่อ

“เกรดออกเลย” ยิ่งใหญ่ตอบ “อยากรู้มั้ยนายได้เท่าไหร่”

“อยากสิ ดูได้ที่ไหน”

“บอร์ดหน้าโรงเรียน”



ยิ่งใหญ่ขับรถออกจากบ้านย่าแทบจะทันทีที่แต้มได้ฟังว่าเกรดออกแล้ว การติดต่อแต้มลำบากมากสำหรับคนอื่น เพราะความที่เป็นคนค่อนข้างเก็บตัว มือถือใหม่ที่ได้ก็ไม่ได้บอกใคร ในนั้นมีแต่เบอร์ของแม่ พี่ตาและยิ่งใหญ่เท่านั้น

“เห้อ กว่าจะเจอตัวพวกนาย” อาร์ทเป็นคนพูด เพื่อนร่วมชั้นหลายคนต่างมองมาที่สองหนุ่มที่กำลังเดินมา

“ขอโทษที พอดีบ้านแต้มวุ่นๆน่ะ” ยิ่งใหญ่ตอบแทน

“หืม ทำไมเหรอ” อาร์ทถามซ้ำ

“ปู่เราเสียน่ะ” แต้มตอบเสียงเรียบ ไม่สนใจคนอื่นเพราะพุ่งความสนใจไปที่บอร์ด นักเรียนหลายระดับชั้นมาออกันอย่างคับคั่ง บอร์ดมีความสูงในระดับสายตาของแต้มแทบจะพอดี มีทั้งหมดหกบอร์ดไล่เรียงตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งถึงหก แต่ละระดับชั้นมีจำนวนห้องไม่เท่ากัน แต่ก็แยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน

“ชั้นได้ที่สิบหกว่ะแก” เด็กชั้นม.ต้นพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างผิดหวัง

“เราจะได้ที่โหล่มั้ยแต้ม” ยิ่งใหญ่ถาม

“ถ้านายได้ที่โหล่จริง เราจะไม่แย่ไปกว่านายเรอะ” ฟ้าใส เพื่อนในชั้นคนหนึ่งพูด

แต้มมองยิ่งใหญ่พลางส่ายหน้า

"พวกนายคุยอะไรกัน” อาร์ทถาม

“คุยเรื่องที่โหล่” ยิ่งใหญ่ตอบ

“อย่าพูดสิ เรายิ่งใจคอไม่ดีๆอยู่ด้วย” ฟ้าใสพูดอีกรอบ แต่ราวกับเป็นอากาศธาตุ

“นั่นสิใหญ่ พอเถอะ” แต้มบ่น

“พวนายอย่าปอดแหกสิ เอางี้ ในบรรดาเราสี่คน ใครได้เกรดน้อยที่สุดคือคนที่ได้ที่โหล่ และต้องเลี้ยงไอติม ตกลงมั้ย” ยิ่งใหญ่ท้า

“ทำไมนายดูมั่นใจจัง” แต้มถาม

“เอาปะล่ะ” ยิ่งใหญ่ย้ำ

“เราไม่เอาด้วยได้ปะ” ฟ้าใสออกตัว ก่อนที่จะเลี่ยงไปหาเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มแทน

“ได้ เอาสิ” อาร์ทรับคำท้าก่อน ยิ่งใหญ่ยิ้มมุมปาก แต้มมองด้วยความระแวง

“นายมีแผนอะไร” แต้มกระซิบ เขาคิดว่ายิ่งใหญ่ไม่ได้ท้าเพราะความสนุกแน่ๆ การที่เจ้าตัวมั่นใจขนาดนี้ต้องรู้อะไรมาก่อนแล้ว “นายรู้เกรดแล้วใช่มั้ย”

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ กลับแหวกฝูงชนเข้าไปข้างใน

การที่ชื่อของแต้มขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ เกรดของเขาเลยรู้ก่อนคนแรก

“แต้ม 3.96 ไม่เลว” ยิ่งใหญ่บอก

“เราล่ะๆๆๆ” อาร์ทถามด้วยความตื่นเต้น

“แป๊บ กำลังไล่ลงมา” ยิ่งใหญ่ยิ้มมุมปาก

“อาร์ท 3.64”

“แล้วนายล่ะใหญ่” อาร์ทลุ้น เพราะคิดว่ายังไงยิ่งใหญ่ก็ได้ไม่ถึง 3.50 แน่ๆ

“ไม่บอก”

“ทำไมล่ะ นายไม่อยากเลี้ยงไอติมใช่ไหม”

“เฮ้ใหญ่ เห็นเกรดยัง” เพื่อนร่วมชั้นที่แหวกฝูงชนมาตั้งคำถาม อาร์ทหน้ามุ่ย แต้มไม่พูดอะไรเพราะรู้อยู่แล้ว

“เห็นแล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบเพื่อนคนนั้น

“ได้เท่าไหร่เหรอ”

“ไม่บอก”

“เออ ดูเองก็ได้” อาร์ทและเพื่อนคนเดิมไล่ชื่อจนเจอ

อาร์ทดูตกใจไม่น้อย

“ยิ่งใหญ่ เกรดนาย...” อาร์ทหน้าซีด แต้มไม่พูดอะไรเช่นเคย

“ปะ เราได้เจ้ามือล่ะนะ”

“นายทำได้ไงวะเนี่ย ลอกการบ้านแต้มทุกวัน ซ้อมกีฬาอีก กิจกรรมแน่นขนาดนี้” อาร์ทถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“คนหล่อก็งี้แหละ”

“จะอ๊วก” แต้มตอบ

“อะไร” ยิ่งใหญ่มองค้อน

แต้มไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองอย่างเงียบเชียบในใจ

นี่สินะ เขาถึงเรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว... พ่อและพี่ชายเป็นหมอ นายก็คงรู้อยู่แล้วแน่ๆ

“แก ใครได้ที่หนึ่งของระดับชั้น” เสียงนักเรียนชั้นม.สี่พูดคุยและกระซิบกระซาบ ก่อนที่จะมองมาทางชายหนุ่มทั้งสามคน

“จะใครล่ะแก โน่นไงยิ่งใหญ่ห้องแปด”

“ห๊ะ ใหญ่คนที่หล่อๆนั่นน่ะนะ”

“ช่ายยยย”

“โอ๊ย คนอะไร หน้าตาก็หล่อ กีฬาก็เด่น เรียนก็เก่งอีกต่างหาก” นักเรียนหญิงต่างพากันชื่นชมคนที่กำลังเดินผ่านด้วยสายตาเทิดทูน

“นี่นายรู้อยู่แล้วใช่มั้ย” อาร์ทถามตอนที่นั่งกินไอติมอยู่ที่บิ๊กซี

“รู้อะไรเหรอ” ยิ่งใหญ่ทำหน้านิ่งและถามกลับ

“รู้ว่านายได้เกรดเท่าไหร่น่ะ” อาร์ทไม่ยอมแพ้

“เปล๊า”

แต้มกระทุ้งสีข้าง “นายพลาดแล้วล่ะอาร์ท”

“น้องครับ ขอเมนูหน่อย” ยิ่งใหญ่โบกมือยิ้มร่า อาร์ทมองถ้วยไอติมสองถ้วยที่หมดไปก่อนหน้านี้อย่างอ่อนล้า

“ใครจะไปคิดวะว่านายจะได้เกรดตั้ง 4.00” อาร์ทบ่นอุบ ยิ่งใหญ่ไม่พูดอะไร ยิ้มและสั่งไอติมถ้วยที่สาม

แต้มละเลียดไอติมถ้วยที่สองของตัวเองเงียบๆ เพราะกำลังใช้ความคิดว่าจะสั่งถ้วยที่สามตามใหญ่ดีหรือเปล่า ใจหนึ่งก็สงสารอาร์ท แต่ใจหนึ่งก็นึกขัน ความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิทของตนนี่พร้อมจะถูกใช้กับทุกคนจริงๆ

“ไอ้จิ้งจอกเอ๊ย” แต้มพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีใครมองเห็น



***********************************************************************





จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 32 (UP:: 23 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-04-2018 15:54:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องเก่งสิ  เคยเผยออกมาแล้วรอบนึง 

ที่ทำให้คิดว่าอิมเมจของยิ่งใหญ่ไปค้ายคลึงกับกู้ไห่ 
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 32 (UP:: 23 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 23-04-2018 23:02:22
:pig4: :pig4: :pig4:

ต้องเก่งสิ  เคยเผยออกมาแล้วรอบนึง 

ที่ทำให้คิดว่าอิมเมจของยิ่งใหญ่ไปค้ายคลึงกับกู้ไห่


นายยิ่งใหญ่ของเราไม่ร้ายแบบกู้ไห่หรอกครับ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 33 (UP:: 25 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-04-2018 12:02:38
มาแล้วครับตอนใหม่ อิอิ ไม่ได้หายไปไหนนะครับ
ถ้ามีเวลาก็มาอัพเดตให้กันเสมอ

อย่าลืมติดตามเรื่องอื่นของไรต์ด้วยนะครับ เรื่อง บังเอิญรักโดยตั้งใจ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0


และขอเชิญติดตามไรต์ทางเพจ facebook ตามลิงค์ที่ลายเซ็นนะครับ

ขอบคุณครับ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:






ตอนที่ 33. ที่เรามีให้นายคือความรัก

เชียงใหม่ในยามนี้ถนนค่อนข้างโล่ง ชายหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าขนาดหนึ่งร้อยสิบแรงม้าสีแดงคลุมด้วยผ้าคาดจมูกและทับด้วยหมวกกันน็อคขนาดครึ่งหัวที่ดูอย่างไรก็ไม่สามารถป้องกันคนขับได้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน รถเลี้ยวไปตามทางในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประตูหน้าลัดเลาะมาจนถึงวงเวียนนาฬิกาหน้าหอพักสี่ชายตรงข้ามกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ รถเลี้ยวซ้ายขับผ่านคณะศึกษาศาสตร์ สระว่ายน้ำ สนามกีฬา คณะเกษตรศาสตร์ และพุ่งตรงไปตามทางทะลุออกที่ถนนนิมมานเหมินทร์

เสียงรถดังราวกับคนไอก่อนที่จะดับเองทั้งที่ยังไม่ได้ดับเครื่อง สงสัยมันจะถูกใช้งานมาหลายปีเกินไปแล้ว นอกจากเสียงโซ่ที่ดังกึกกักแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง (ถ้าไม่นับว่ารถจะดับเองตอนไม่ได้เร่งเครื่องนะ)

“มาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” เสียงหนึ่งถามโดยที่ไม่มองมาทางนี้ เจ้าตัวกำลังรดน้ำต้นไม้และตกแต่งร้านก่อนจะเปิดในช่วงเย็น

“ก็ดี แต่ร้อนไปหน่อย”

“กินน้ำก่อนสิ” แล้วเขาก็สั่งพนักงานยกน้ำมาให้ “ใจคอจะไม่ถอดหน้ากากออกเลยเรอะ”

“แหะๆ ลืม” เจ้าตัวยิ้มเจื่อนพลางถอดผ้าคลุมหน้าออก เผยเห็นความหล่อเหลาที่เปล่งประกายชนิดที่ว่าใครเห็นจะต้องเหลียวมองตาเป็นมัน

“นายไปอาบน้ำก่อนปะ เดี๋ยวลงมากินข้าว”

“แล้วนายล่ะ”

“ขอรดน้ำต้นไม้เสร็จก่อน”

“งั้นมา เดี๋ยวช่วย”

“ใครจะกล้าใช้พระเอกหนุ่มรูปหล่อมารดน้ำต้นไม้ได้ล่ะ”

“ทำไมจะไม่ได้ เอามานี่” ชายหนุ่มแย่งสายฉีดน้ำมาปล่อยให้เพื่อนสนิทมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ทั้งคู่เล่นกันเหมือนเด็ก ยื้อแย่งสายฉีดน้ำไปมาจนตัวเปียกโชก เสียงหัวเราะสอดประสานกันราวกับทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง

“นายโอเคขึ้นแล้วใช่ไหมภัทร”

ภัทรหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ คำถามที่แฝงไปด้วยความจริงใจและสงสารทำให้เขารู้สึกอ่อนแอลงกระทันหัน จากที่ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใคร แต่ตอนนี้เขากลับหนีเรื่องราวบ้าๆและมาพักใจอยู่ที่เชียงใหม่อย่างเงียบเชียบ

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน เขาป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะได้สติก็กลายเป็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่ข้างๆ จนสุดท้ายก็มีข่าวหลุดออกมาและกระทบหน้าที่การงาน ใบหน้าเขาออกข่าวทุกสำนัก หนังสือซุบซิบดาราขุดคุ้ยจนตัวเขาเองหวั่นใจว่าจะกระทบต่อคนอื่น ภัทรเป๋ไปเลยในตอนนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อโฆษณาหลายชิ้นได้โทรมาขอยกเลิก และละครที่ถ่ายทำไว้สองสามเรื่องก็ถูกดองไว้จนกว่าเรื่องจะซาลงไป

ภัทรตัดสินใจมาเชียงใหม่ เมืองนี้ไม่ใช่เมืองที่ดีที่สุด เขาเกิดที่อ.สองพี่น้อง จ. สุพรรณบุรี แต่ไม่รู้จะกลับไปทำไม เมื่อผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้เป็นเสาหลักให้ครอบครัว แม่ของเขาเป็นหนึ่งในบรรดาเมียน้อยที่สนองความเจ้าชู้ของพ่อก็เท่านั้น เขาคือผลผลิตของความมักมากนี้ และไม่อยากให้มันลุกลามไปไหนอีก เพราะเขารู้ดีกว่าไม่มีทางจะถ่ายทอดเชื้อร้ายไปให้ผู้หญิงคนไหนได้อีก

และที่เขามาที่นี่ เพราะมีใครคนนี้อยู่...

“เราโอเค” ภัทรยิ้มแบบที่คิดว่าจริงใจที่สุด อีกฝ่ายยิ้มกลับด้วยแววตาที่เจ็บปวด

“ไปอาบน้ำกันเถอะ วันนี้มีของโปรดนายด้วยนะ”

บนเรือนไม้แบบยกสูงตามแบบฉบับคนเหนือ สองหนุ่มทานอาหารกันแบบง่ายๆที่โต๊ะอาหารที่วางไว้ตรงศาลาขนาดย่อมบนเรือน ในถาดมีกับข้าวสองสามอย่าง แต่เมนูโปรดของภัทรคือน้ำพริกข่ากับจอผักกาดใส่หมูสามชั้นและมะขาม เป็นอาหารเหนือขนานแท้ที่เขาเรีกร้องหาทุกวันแบบไม่มีเบื่อ ภัทรตักหมูชิ้นหนึ่งวางที่จานของอีกฝ่าย

“กินเยอะๆ นายดูผอมไปนะ”

“ขอบคุณ” รอยยิ้มสดใสนั้นฉีกกว้าง

“นายอย่ายิ้มแบบนี้สิบั๊มพ์ เราเขิน”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ” สำหรับบั๊มพ์แล้ว ภัทรคือผู้ชายที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว อยู่ใกล้แล้วใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความหล่อเหลาของภัทรไม่ได้ส่งผลกับความรู้สึกนี้เท่ากับนิสัยใจคอและความจริงใจที่เคยมีให้ตลอดมา

“ไม่ซะที” ภัทรตอบด้วยความเขิน “แต่เราชอบรอยยิ้มนี้นะ”

“งั้นเรายิ้มให้ทุกวันเลยเป็นไงล่ะ” ภัทรไม่ตอบ เขาส่งยิ้มหวานกลับไปให้ เขี้ยวเสน่ห์เป็นประกายใต้แสงไฟ ฟันขาวเรียงระยับน่ามองพอๆกับใบหน้าที่ไร้ที่ตินั้น

“ขอบใจนายมากนะ”

“ขอบใจเรื่องอะไร” บั๊มพ์ถาม

“ทุกเรื่อง” ภัทรหมายความตามนั้น เขาคงไม่ก้าวผ่านเรื่องแย่ๆมาได้ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้

บั๊มพ์ยิ้ม ส่ายหน้า และตักอาหารให้อีกฝ่าย “นายจะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ก็ได้นะ ให้คิดว่ามันคือบ้านของนาย”

ภัทรไม่ตอบ ความตื้นตันบีบเค้นในจิตใจจนแทบคลั่ง

“เรารู้จักกันมากี่ปีแล้วนะ”

“ตั้งแต่มอปลาย ตอนนี้ก็เจ็ดแปดปีแล้วล่ะ”

“นายไม่คิดว่าเราเป็นคนแบบในข่าวมั้ยบั๊มพ์”

บั๊มพ์ตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่เลย”

“ขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไม”

“ก็ที่ถามนายซ้ำๆทุกวันน่ะสิ นายคงเบื่อ”

“ไม่หรอก” บั๊มพ์สบตาคู่สวยนั้น “เราไม่เคยเบื่อนาย”

“บั๊มพ์”

“หืม”

“ดูดาวสิ คืนนี้ดาวสวยจังเลยเนาะ” ภัทรแหงนมองฟ้า พวกเขาอยู่ชั้นสองบนเรือนไม้ที่ด้านนอกเป็นชานวางโล่ง ทำให้สามารถมองเห็นความสวยงามยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี ตัวบ้านปลูกอยู่ด้านในของเนื้อที่ทั้งหมด โดยมีอีกฝั่งหนึ่งเป็นร้านอาหารเหนือที่บั๊มพ์หลงไหลและมาเปิดกิจการจนปักหลักอยู่ที่นี่

“อืม สวย” บั๊มพ์ตอบ

“เราอยากอยู่ที่นี่กับนายตลอดไปจัง” ภัทรเอ่ยขึ้น

บั๊มพ์ไม่ตอบ เสียงลมพัดกรูปะทะตัวผ่านไป ทั้งคู่ปล่อยให้ความสงบเข้ามาแทนที่บทสนทนา

“เรา...” บั๊มพ์มองไปที่ท้องฟ้าและหันมาสบตาผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ” มันเป็นแบบนี้มาตลอด ภัทรคิดในใจ บั๊มพ์ไม่เคยให้เขาเข้าใกล้เกินระยะของคำว่าเพื่อน ถึงแม้ว่าต่างก็รู้กันเต็มอกว่าทั้งคู่รู้สึกอย่างไรก็ตาม

“ไม่ นายไม่เข้าใจ”

“ยังไงล่ะ” ภัทรถาม

“ครอบครัวเรา พี่เรา น้องเรา” บั๊มพ์พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“อย่ากลัวหรืออายที่จะบอกคนอื่นว่าเราเป็นหรืออยากเป็นอะไร เราต้องเคารพตัวเองให้มาก ถ้าวันนี้เรายังยืนหยัดต่อสู้เพื่อตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะมาทำให้เรา” ภัทรพูดแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิดเงียบๆ

“แต่พวกเราเป็นผู้ชายนะ นายมองไปรอบๆสิ นี่มันปี 2542 นะ ไม่มีใครยอมรับเรื่องนี้”

“มันไม่สำคัญว่าใครจะยอมรับหรอกบั๊มพ์” ภัทรพ่นควันสีขุ่นออกมาอย่างใจเย็น “มันอยู่ที่นายเองต่างหาก”

“แล้วถ้าวันหนึ่งพวกเราไปไม่รอดล่ะ” ภัทรเอื้อมมือมาจับมือใหญ่นั้น ส่งสายตาจริงจังมาประสาน ความอ่อนแอนั้นไม่ได้เกิดมาจากครอบครัวหรือคนอื่น แต่เป็นเพราะบั๊มพ์รู้สึกว่าตัวเองกลัวจะสูญเสียผู้ชายคนนี้ไปต่างหาก และนั่นก็มีเหตุผลมากพอที่จะทำให้เขาหวาดกลัวมาตลอด

“เราก็ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่เรารู้คือวันนี้เรารักนาย” ภัทรวางบุหรี่บนที่เขี่ยก่อนเดินมาโอบลำคอหนาของอีกฝ่ายโน้มใบหน้าชิดกับใบหูพ่นลมหายใจที่มีแต่กลิ่นนิโคตินวนเวียน บั๊มพ์หายใจขัด ความเร่าร้อนของภัทรไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่จะต้องรับมือ แต่เป็นชื่อเสียงของอีกฝ่ายต่างหาก

“แต่นายเป็นดารานะ...” ภัทรใช้นิ้วปิดปากฝ่ายนั้นไว้

“ชวู่... เราคือภัทร คนที่นายรู้จักมาตั้งแต่สมัยมอปลาย นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

บั๊มพ์พยักหน้า

“บั๊มพ์...” ภัทรหมุนเก้าอี้ของอีกฝ่ายให้มาประจัญหน้าและนั่งคุกเข่าให้ได้ระยะสายตา

“หืม”

“เป็นแฟนกันนะ เราอาจจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อม แต่ที่เรามีให้นายคือความรัก และเราจะสัญญาว่ามันจะเป็นความจริงตลอดไป”

บั๊มพ์ไม่ตอบ ได้แต่จับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเนิ่นนานจนไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้ว ทุกอย่างดูเงียบสงัดเมื่อภัทรโน้มใบหน้ามาหา ริมฝีปากได้รูปประกบความลึกเข้ากับปากของเขา ความอบอุ่นเนิบนาบเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน บั๊มพ์ไม่รูตัวเลยว่าถูกอุ้มมาตอนไหน ถูกวางลงเตียงตอนไหน เมื่อสายตาที่ส่งผ่านมานั้นช่างเปี่ยมไปด้วยความรักและหื่นกระหาย บั๊มพ์ยอมถูกกัดกินจนไม่เหลือซาก เมื่อความใหญ่แน่นส่งผ่านสุดทาง บั๊มพ์ถึงได้แน่ใจว่าชีวิตนี้คงจะไม่รักใครได้เท่านี้อีกแล้ว....

***********************************************************************



จบตอน....




วันนี้จะขอแนะนำตัวละครอีกตัวหนึ่ง ที่มีบทบาทในเรื่องนี้ไม่มาก
แต่จะเป็นปมไปสู่อีกเรื่องหนึ่ง (ถ้าเป็นแฟนไรต์จริงจะรู้ว่าเรื่องไหนเนอะ)
คนนั้นก็คือ ดาราของเราครับ นายภัทร
ภัทรเป็นคนสุพรรณบุรี เป็นลูกจากเมียคนที่สามของพ่อ แม่เขาเสียนานแล้ว
เลยไม่ได้ติดต่อทางพ่อเลย
ภัทรรักกับบั๊มพ์ ตั้งแต่สมัยเรียน แต่พวกเขาก็ปกปิดไว้ แม้กระทั่งจบมาแล้ว
ภัทรเป็นดาราดัง บั๊มพ์หนีมาเปิดร้านอาหารที่เชียงใหม่ เรื่องราวของทั้งคู่เลยยากจะบรรจบกัน
แต่วันนี้ หลังจากที่รอมา 8 ปี นายภัทรของเราก็สมหวังเสียที
นี่คือ นายภัทรในจินตนาการของผมครับ
​หวังว่านายภัทรในความคิดของผมจะถูกใจแฟนๆนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 33 (UP:: 25 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-04-2018 13:45:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

เลือนลางเต็มที

บัมพ์  นี่น่าจะใช่พี่น้องตะกูล "บ."  บัมพ์  เบสต์  ไบรต์   สินะ
หรืออาจจะไม่ใช่  เพราะเหตุการณ์มันปี 2542 เลยนะนั่น
แต่...อยากรู้ว่า  คิง มีปูมหลังกับ ไบรต์ อย่างไรมากกว่า  อิอิ   อ้าว...คนละเรื่องนี่หว่า 555

ป.ล.  บัมพ์กับภัทร  นี่คุ้นมากแต่จำไม่ได้ว่าเคยโผล่ที่เรื่องไหน  555
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 33 (UP:: 25 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 25-04-2018 19:13:53
ขอบคุณ คนแต่ง ^^
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 33 (UP:: 25 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-04-2018 22:54:07
ขอบคุณค่ะ  ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 34 (UP:: 30 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 30-04-2018 16:05:17


ตอนที่ 34. คำถามเดียว



“อ่านอะไรอยู่เหรอ” ยิ่งใหญ่เดินมายืนข้างแต้มที่กำลังหยิบหนังสือพิมพ์ในร้านหนังสือมาอ่านอย่างใจจดจ่อ

“ข่าวใหญ่นี่ไง เสี่ยใหญ่ฆ่าตัวตายหนีความผิด” แต้มยื่นให้ยิ่งใหญ่อ่าน ตอนเช้าแบบนี้แต้มจะแต่งตัวเสร็จก่อนและลงมารอเพื่อนข้างล่างเพื่อเป็นการฆ่าเวลา เขามักจะมาอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านหนังสือแถวหอพักเป็นประจำ ลุงคนขายก็ใจดีไม่ว่าอะไร เพราะหลายครั้งแต้มก็มาช่วยขายและนับเงินทอนให้ เปิดเทอมสองมาได้ไม่กี่วัน แต้มก็ต้องมาพักที่หอยิ่งใหญ่ เพราะต้องมาซ้อมกิจกรรมที่เขาโดนหลอกล่อโดยฝีมือไอ้สุนัขจิ้งจอกตัวนี้

“หูย ข่าวใหญ่จริง หน้าหนึ่งทุกฉบับเลย”

“เห็นว่ามีตำรวจตายด้วยนะ เขาเลยประโคมข่าวขนาดนี้”

“ประโคมแปลว่าอะไรอะ” ยิ่งใหญ่ถาม แต้มได้แต่ทำหน้าอึ้งเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้จักคำนี้

“ก็เหมือนนายทาครีม ทากันแดด ใส่น้ำหอม ปะแป้งก่อนแต่งตัวนั่นแหละเขาเรียกประโคม”

“หึ” ยิ่งใหญ่ไม่พูดอะไร ได้แต่แค่นเสียงประชด

“ไปยัง ไม่ลืมอะไรแล้วใช่มั้ย”

“ไม่ลืม” ยิ่งใหญ่ตอบ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจมากนัก ครั้งที่แล้วเขาก็ลืมกุญแจห้อง “คิดว่านะ”

แต้มขมวดคิ้วด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่ก็ไม่บ่นอะไร “หิวแล้วอะ ไปกินข้าวกันเถอะ”

แล้วสองหนุ่มก็เดินไปที่โรงเรียน ผ่านสายตาสาวๆที่มองมาเป็นระยะ แต้มทำใจให้ชินกับสายตาคนอื่นเสียแล้ว

ยกเว้นการเดินแล้วกอดคอไปด้วยของไอ้คนข้างๆ มันทำให้รู้สึกไม่ชินอยู่ดี

“นายเอาสมุดพกให้พ่อเซ็นหรือยัง” แต้มถาม ยิ่งใหญ่ทำหน้านึกขึ้นได้เป็นคำตอบให้แต้มแทนการส่งเสียง

***********************************************************************

ต้องตาสะดุ้งเฮือกเมื่อยอดเยี่ยมโผล่มาด้วยใบหน้าที่ดูตกใจสุดขีด น้ำเสียงสั่นเครือละล่ำละลักจนเธอจับใจความแทบไม่ได้ ตัวเขาสั่นแบบไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าซีดราวกับกระดาษ แต่เหงื่อกาฬไหลย้อยดูขัดกันเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นอะไรคะคุณยอด เกิดอะไรขึ้น ใจเย็นๆค่ะ” เธอพยายามระงับสติอารมณ์ของเขา นี่คงเป็นเรื่องร้ายแรงมาก มิเช่นนั้นเจ้านายคงไม่แสดงอาการตื่นตระหนกแบบนี้

“คุณได้ดูข่าวมั้ยครับช่วงนี้”

“คะ...” ต้องตาขานรับเสียงสูงด้วยความสงสัย “ก็ติดตามหลายข่าวอยู่ค่ะ”

“ดูข่าวนี้สิครับ” เธอแทบไม่สังเกตว่าในมือเขามีหนังสือพิมพ์อยู่ มันถูกกางหน้าแรกโดยมีเนื้อข่าวว่า...

เสี่ยใหญ่จ่อหัวดับหลังยิงชายหนุ่มนิรนามแน่นิ่ง ตำรวจคาดเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ***

“แล้ว...” ต้องตาอยากรู้สาเหตุว่าทำไมยอดเยี่ยมถึงตื่นตระหนกเช่นนี้

“เสี่ยนิพนธ์ เป็นเจ้าของธุรกิจค่ายเพลงที่โดนไฟไหม้ จำได้ไหมครับ”

ต้องตาพยักหน้า เธอจำภาพข่าวได้ เหตุการณ์เกิดบริเวณโกดังของเสี่ยนิพนธ์แถวหนองจอก นอกจากนั้นยังมีระเบิดที่บ้านหลังหนึ่งอีกด้วย “จำได้ค่ะ”

“คุณจะต้องตกใจแน่ถ้าผมบอกคุณ”

ต้องตาสูดหายใจเต็มปอดเพื่อแสดงออกว่าเธอพร้อมแล้ว

“คนที่ถูกเสี่ยนิพนธ์ยิงน่ะ คือพิสันต์เพื่อนสนิทผม”

“อะไรนะคะ” ต้องตาตกใจยิ่งกว่า เพราะเธอรู้จักเพื่อนคนนี้ในงานปาร์ตี้ครั้งก่อน หลังจากนั้นชายที่ชื่อพิสันต์มาเยี่ยมเจ้านายเธอไม่ขาด หลายครั้งที่ซื้อขนมมาฝากจนเธอยังเกรงใจ ต้องตายังจำได้ถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดและเคราที่ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากับบุคลิกของยอดเยี่ยมเป็นที่สุด แต่ภายใต้ความรกรุงรังนั้น เธอคิดว่าพิสันต์เป็นคนดีคนหนึ่ง

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ได้เจอมันเลยตั้งแต่งานปาร์ตี้ มันหายไปสามสี่เดือน พอรู้ข่าวก็โดนยิงเสียอย่างนั้น”

“ละ แล้ว อาการเป็นยังไงบ้างคะ”

“ผมโทรไปถามน้องชายมันละ อาการปลอดภัย แต่หมอยังให้อยู่ในห้องไอซียูดูอาการก่อน โชคดีที่วิถีกระสุนไม่โดนจุดสำคัญเห็นบอกว่าโดนจ่อยิงระยะเผาขนเชียว”

“คุณพระคุณเจ้าช่วย” ต้องตาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของตน “แล้วคุณยอดจะไปเยี่ยมเมื่อไหร่คะ”

“ผมว่าจะไปเลย คุณตาว่างมั้ยครับ ผมอยากได้คนไปช่วยเลือกของฝากคนไข้”

“ได้ค่ะ” ต้องตาคว้ากระเป๋าถือก่อนเดินตามยอดเยี่ยมไปทันที่ที่เธอตอบตกลง

***********************************************************************

ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรหลังกลับจากเยี่ยมพิสันต์ อาการของเขาค่อนข้างสาหัส แต่หมอบอกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เหลือแต่แผลที่ต้องเฝ้าดูอาการว่าจะมีการติดเชื้อหรือไม่ พวกเขาไม่ได้เข้าไปเยี่ยมในห้อง เจอครอบครัวของพิสันต์ที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ผู้เป็นแม่ร้องไห้แทบจะตลอดเวลาโดยมีพิชิตผู้เป็นน้องชายคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง

“หมอบอกว่าน่าจะเป็นแผลเป็น” ช่วงหนึ่งของการสนทนา พิชิตบอกพวกเขา “กระสุนมันเจาะไม่ลึก เพราะวิถีกระสุนไม่ได้ ถ้าเป็นปืนชนิดอื่นที่วิถีกระสุนระยะใกล้ พี่สันคงไม่รอดแล้ว”

ต้องตาใจหาย

“แล้วทำไมไอ้สันมันไปพัวพันเสี่ยคนนี้ได้ล่ะ”

“เรื่องมันยาวครับพี่ ตอนนี้ตำรวจกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมอยู่” ทั้งคู่หยุดชะงักเมื่อพยาบาลเดินมาทางนี้

“คุณตำรวจคะ เราติดต่อญาติผู้เสียชีวิตไม่ได้เลยค่ะ”

“ครับ เดี๋ยวผมแจ้งหน่วยผมให้ช่วยจัดการ”

“มีคนตายด้วยเหรอคะ”

“ใช่ครับ เป็นตำรวจชื่ออิทธิ เขาทำคดีหนึ่งเกี่ยวกับเสี่ยนิพนธ์อยู่ แต่เคราะห์ร้ายที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกับภรรยา”

ต้องตาหลับตา เธอเพิ่งสูญเสียคุณปู่ไปเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเห็นภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องดับจิตยิ่งทำให้จิตใจเธอห่อเหี่ยว ยอดเยี่ยมลอบมองหญิงสาวที่ใบหน้าสลดก่อนละมือหนึ่งจากพวงมาลัยไปกุมมือน้อยนั้นไว้ หญิงสาวลืมตาอย่างช้าๆหันมาส่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ” ต้องตาพูดเหมือนคนปลงตก

“ใช่ครับ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะจากโลกนี้ไปวันไหน”

“ตาจะไม่ยอมตายง่ายๆหรอกค่ะ ตาจะต้องรอให้น้องเรียนจบ แม่กับพ่อมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ให้ได้ก่อน”

ชายหนุ่มมองหญิงสาวสลับกับมองถนน เขารู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างมากที่ได้ฟังความคิดนี้ ต้องตาเป็นคนสวย แต่จิตใจนั้นกลับสวยงามมากกว่า มากเสียจนเขาไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว

“คุณตาครับ”

“คะ”

“เราก็รู้จักกันมานานแล้ว คุณตาคิดว่าผมเป็นคนยังไงครับ”

“ถามในฐานะเจ้านายหรือเพื่อนล่ะคะ”

“ทั้งสองอย่าง”

“คุณยอดเป็นเจ้านายที่เก่ง มีวิสัยทัศน์ ใจดี ที่สำคัญ หล่ออีกต่างหาก”

“ฮ่าๆๆๆ แล้วในฐานะเพื่อนล่ะครับ”

“ตา...” หญิงสาวหลบตามองที่ตักของตน “ตาไม่รู้จะตอบยังไงดี”

“งั้น คุณตาตอบคำถามผมอีกสักคำถามได้ไหมครับ”

“ได้ค่ะ ถ้าตาตอบได้ตาจะตอบ”

“คำถามนี้คุณตาตอบได้แน่นอน” ยอดเยี่ยมยิ้ม

หญิงสาวสบตาชายหนุ่มพลางสงสัยว่าเขาจะถามอะไรที่ยากๆอีกหรือเปล่า

“คุณตาจะเป็นแฟนกับผมได้มั้ยครับ”

ต้องตาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ยอดเยี่ยมกระชับมือที่จับไว้พลางส่งสายตาหวานหยดมาให้จนต้องตารู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าวราวกับถูกไฟไหม้

แล้วเสียงโทรศัพท์ของยอดเยี่ยมก็ดังขึ้น.....

***********************************************************************

ชายหนุ่มนั่งไม่ติดเมื่อเห็นข่าว เขาวิ่งเท้าเปล่าจากเรือนไม้จนถึงในร้าน กวาดสายตามองหาใครคนหนึ่งโดยไม่สนใจว่าผู้คนจะจำได้ เมื่อพบเป้าหมาย เขาก็เดินไปอย่างรวดเร็ว

“อ่านข่าวนี่สิ” ภัทรยื่นหนังสือพิมพ์ที่เขาพับหน้าข่าวเตรียมไว้แล้วให้บั๊มพ์ได้อ่าน

“นี่มันอะไรกัน” บั๊มพ์ตกใจหลังจากอ่านข่าว เขากดมือถือโทรออกทันที เสียงดังอยู่สองจังหวะก็มีคนรับสาย

“เห้ยยอด รู้ข่าวไอ้สันยัง”

“รู้แล้ว” ปลายสายตอบ “เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อกี้เอง”

“อยู่โรงบาลไหนรู้ปะ”

“อยู่ xxx ที่พระรามเก้าน่ะ นายรู้จักไหม”

“รู้ แล้วอาการเป็นไงบ้าง”

“ปลอดภัยแล้ว แต่หมอยังดูอาการอย่างใกล้ชิดอยู่”

“ขอบใจมาก เดี๋ยวเรากระจายข่าวต่อเอง ถ้าเคลียร์ทางนี้เสร็จจะลงไป”

“ได้ เออแล้วได้ข่าวไอ้ภัทร...” โทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งก่อนที่ยอดเยี่ยมจะถามจบ เขาหันมามองหญิงสาวที่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

“ผมยังรอคำตอบอยู่นะครับคุณตา”

“เอ่อ คือ” เธออึกอัก ต้องตาไม่ใช่คนดีอะไรแบบที่เขาคิด เธอเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังหวาดกลัวกับความคาดหวังของผู้ชายที่ขับรถอยู่

“ตาขอบคุณนะคะที่คุณยอดชอบตา” หญิงสาวกล่าวความจริง “แต่คุณยอดไม่อายเหรอคะที่ตาฐานะยากจน แถมยังแก่กว่าคุณยอดตั้งหกปี”

ยอดเยี่ยมอมยิ้ม เพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอจะถามแบบนี้

“คุณตาคิดว่าผมไม่รู้เรื่องนี้อย่างนั้นเหรอครับ”

ต้องตาไม่ตอบ รู้เต็มอกว่ายอดเยี่ยมรู้เรื่องของเธอพอสมควรจากการเล่นเกมยี่สิบคำถามครั้งก่อน

“ถ้าคุณตากังวลสองเรื่องนี้ ผมยืนยันได้เลยนะครับว่าไม่มีผลใดๆกับความรู้สึกผมแน่นอน”

หญิงสาวอมยิ้ม นั่นสินะ

“ถ้าคุณยอดไม่รังเกียจ...” ต้องตาเว้นช่องว่าง ลมหายใจหอบถี่ด้วยความเขินอายราวกับว่าตัวเองเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่น

“ตกลงค่ะ”

ยอดเยี่ยมตะโกนวู้เสียงดังด้วยความดีใจ เขาอยากจะจอดรถตรงนี้แล้วอุ้มหญิงสาววิ่งโชว์และตะโกนบอกใครต่อใครว่าผู้หญิงคนนี้แฟนผมเอง....

***********************************************************************

จบตอน...

***เหตุการณ์จากเรื่องหากย้อนเวลาได้ (If I could Turn Back Time)
สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊คของไรต์ตามลายเซ็นนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 34 (UP:: 30 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-04-2018 16:35:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอิ่ม...เริ่มสับสนกับ timeline จากตัวละครสองเรื่อง

เด๋วกลับไปอ่านแล้วทำ timeline ประกอบก่อน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 34 (UP:: 30 เม.ย. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-04-2018 18:00:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 35 (UP:: 7 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-05-2018 09:39:44




ตอนที่ 35. กินหมูกระทะ



เปิดเทอมมาแล้วหนึ่งอาทิตย์ ยิ่งใหญ่กับแต้มต่างต้องไปซ้อมงานแสดงหลังเลิกเรียนทุกวันจนถึงดึก อาจารย์แจ้งว่าจะมีการ “ซ้อมจริง” ที่งานฤดูหนาวเชียงรายก่อน เผื่อวันจริงที่ไปแสดงที่กรุงเทพจะไม่ตื่นเวที

แค่ได้ยินคำว่ากรุงเทพ แต้มก็ตาเป็นประกาย ส่วนยิ่งใหญ่ยังคงสับสนกับท่าทางอยู่ไม่น้อย

“ใหญ่อย่าเร่งจังหวะ ฟังเสียงดนตรีด้วย” อาจารย์บ่น เสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีจังหวะล้านนาดังราวกับเสียงโหยหวน จังหวะก้าวขาต้องสัมพันธ์กับทำนองที่ดังมาด้วย เมื่อเสียงฉิ่งดังกริ๊ง ก็ต้องเปลี่ยนจังหวะอีก

ไม่เข้าใจกันล่ะสิ

นี่แหละเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ยังเก้ๆกังๆและทำผลงานออกมาไม่ค่อยดี

 งานแสดงจะต้องมีของประกอบ ได้แก่ซออู้ขนาดใหญ่และมีชุดไทยล้านนาประยุกต์ที่ต้องถอดเสื้อ ใส่ผ้าคล้ายผ้าถุงแต่นุ่งแบบโจงกระเบนรั้งเลยหัวเข่าขึ้นมาอวดเรียวขา ตอนที่ได้ลองชุดสาวๆแอบกรี๊ดกันใหญ่เมื่อเห็นต้นขาแน่นๆขาวเนียนของยิ่งใหญ่ แต่เจ้าตัวนั้นไม่ได้สนใจอะไรเพราะแค่จังหวะซ้อมยังไม่เข้าใจเลย

ยิ่งใหญ่ถือซอไว้ที่มือ พวกเขาต้องแนบซอไว้กับตัวและทำท่าสีซอไปด้วยท่าทางเก้ๆกังๆไปจนหมดเวลาซ้อม

“สีให้นายฟังคงจะดี” แต้มแซวระหว่างเดินกลับหอ

“อะไร เราไม่ใช่ควายนะ มอออออ...”

“หึ ร้องซะเหมือนเชียว” แต้มเดินนำ พวกเขาเดินกลับหอยิ่งใหญ่หลังจากซ้อมเสร็จ

“ระวังนะ ควายจะขวิดแล้ว” ไม่พูดเปล่า ยิ่งใหญ่วิ่งก้มตัวใช้หัวโขกแผ่นหลังแต้มดังลั่น

“โอ๊ย ไอ้บ้า เล่นไรเนี่ย”

“มอ มอ”

“ไม่เอาไม่เล่น นี่มันเสียงวัวไม่ใช่เหรอ” แล้วแต้มก็เริ่มวิ่ง

“มอ มอ” ยิ่งใหญ่วิ่งตาม ทั้งสองคนวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนานจนลืมไปว่า

“เห้ย รอเราด้วยสิ” อาร์ทวิ่งตาม วันนี้เขาไม่กลับบ้านเพราะจะไปกินหมูกระทะด้วยกัน

 สองหนุ่มวิ่งไล่กันไปมาโดยมีอาร์ทวิ่งตามมาติดๆ จนกระทั่งหยุดที่หน้าหอพักยิ่งใหญ่พาเพื่อนขึ้นไปเก็บของก่อนที่จะลงมาที่รถมอเตอร์ไซค์

“ซ้อนสามเคปะ” ยิ่งใหญ่ถาม

“ไม่โอเค” แต้มตอบ

“ก็ขี้เกียจขับรถยนต์อะ” ยิ่งใหญ่โยเย “มันไม่ค่อยมีที่จอด”

“แต่มันอันตรายนะ ยิ่งเวลากลางคืนแบบนี้ด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอก” อาร์ทตอบแทน “สบายๆ”

“ใช่ ดีกว่าเดินไปนะ” ยิ่งใหญ่ตอบ ก่อนจะพาเพื่อนทั้งสองไปร้านหมูกระทะ

“ทำไมช่วงนี้นายดูตัวติดกะแต้มจัง” ยิ่งใหญ่ถามอาร์ทที่กำลังตักหมูเข้าปาก

“หืม อะไร” อาร์ทถามกลับด้วยสีหน้างุนงง แต้มย่างหมูโดยไม่สนใจอากัปกริยาของเพื่อนทั้งคู่

“เราถามว่าทำไมช่วงนี้นายตวติดกับแต้มจัง”

“โอย นายจะถามเอาอะไรเนี่ยใหญ่” แต้มห้ามทัพ ยิ่งใหญ่นั่งเงียบหน้าบูด อาร์ทกลั้นขำแทบไม่ไหว

“นายรู้ตัวมั้ยใหญ่ ว่านายเหมือนลูกหมาเลยเวลาอยู่กะแต้ม”

“หึ เราไม่ใช่หมา”

“ลูกหมา ตัวเล็กๆน่ารักทำตัวหงอๆเวลาอยู่กับแต้มน่ะ”

แต้มแอบยิ้มมุมปาก

“เรา ไม่ ใช่ หมา” ยิ่งใหญ่พูดเน้นทีละคำพลางกรอกตา หยิบหมูขึ้นมาใส่ปาก

“พอๆกินๆ” เพื่อนคนอื่นเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามศึก

“ดีจังที่แต้มมาด้วย ปกติเราไม่กล้าคุยกับแต้มเลยนะ” เพื่อนคนหนึ่งทัก แต้มได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้

วันนี้เพื่อนในชั้นนัดกันมากินหมูกระทะเพื่อเป็นการฉลองอะไรสักอย่างที่แต้มไม่ได้ใส่ใจ ปกติเขาไม่เคยได้ทานอะไรแบบนี้เพราะราคามันค่อนข้างแพง ก่อนที่จะมาเขาก็อิดออดอยู่นานจนกระทั่งยิ่งใหญ่บอกว่าจะเลี้ยงนั่นแหละ แต้มถึงตัดสินใจมา

และไม่คิดว่าเพื่อนๆจะมายกห้องขนาดนี้...

“กินเสร็จไปเที่ยวกันต่อไหม” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งชวน แต้มจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร แต่ดูภายนอกแล้วเป็นคนที่ท่าทางเอาเรื่องไม่เบา เสียงดังฟังชัด ตัวใหญ่เหมือนนักกีฬาซูโม่ หน้าตาแดงก่ำคงเพราะความร้อนจากเตาย่าง เหงื่อไหลผุดเม็ดใหญ่ย้อยหยด

“ไปไหน” ยิ่งใหญ่ถาม

“พาคลับ”

แต้มทำหน้ามุ่ย เขาไม่เคยไปอีกเช่นกัน พาคลับคือผับที่ใหญ่ที่สุดของเชียงราย เปิดยันเช้า

ยิ่งใหญ่หันหน้ามาเหมือนขอความเห็น แต้มส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ

“เราไม่ไปนะ พรุ่งนี้มีเรียน การบ้านยังไม่ได้ทำ” ยิ่งใหญ่ตอบเพื่อนคนนั้นไป แต่หลายเสียงคะยั้นคะยอเสียงเซ็งแซ่

“แต้ม ไปนะ ถ้านายไป ใหญ่ไปแน่” นั่นไง...งานเข้าซะแล้ว

“เรา เอ่อ...” แต้มอึกอัก

“แต้มไปไม่ได้หรอก การบ้านยังไม่ได้ทำ เดี๋ยวไม่มีให้ลอกนะ” ยิ่งใหญ่ตอบแทนอีกครั้ง

“เออ ก็จริงนะ” อาร์ทสมทบ “ถ้าแต้มไม่ได้ทำการบ้านพวกเราก็ไม่มีอะไรให้ลอกนะ”

แต้มแอบยิ้มที่อาร์ทเข้ามาช่วยอีกเสียง

“เออ เหตุผลฟังขึ้น งั้นใหญ่พาแต้มกลับเลยนะ ส่วนนาย..” เพื่อนคนเดิมหันมาทาอาร์ท “นายต้องไป ไม่ไปเราจะบอกก้อยห้องสี่ว่านายคุยกับสาวอื่น”

“อ้าว เห้ย ไหงงั้น” อาร์ทบ่น ก้อยเป็นผู้หญิงที่อาร์ทกำลังจีบอยู่

“ไม่รู้แหละ ใหญ่ไมได้ไป แต่นายต้องไป ใครไปอีกบ้าง” เพื่อนผู้ชายอีกหลายคนยกมือว่าไป ยิ่งใหญ่มองแต้มที่กำลังง่วนอยู่กับการกิน และหันมากระซิบ

“อึดอัดเหรอ กลับเลยมั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก โอเค”

อาร์ทมองเพื่อนทั้งคู่ที่กระซิบกระซาบกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันมากจนไม่มีช่องว่างให้ใครเข้าไปแทรกได้

“เออนี่ ใครส่งสมุดพกแล้วบ้าง” หัวหน้าห้องส่งเสียงถาม

เสียงเซ็งแซ่เงียบกริบ หลายคนบอกว่าส่งแล้ว หลายคนบอกว่ายัง “อาจารย์ให้ส่งวันไหน”

“พรุ่งนี้วันสุดท้าย”

“ตายล่ะ” ยิ่งใหญ่หันมาคุยกับแต้ม

“ทำไม อย่าบอกว่านายลืม”

ยิ่งใหญ่พยักหน้าแทนคำตอบ

“นายนี่น้า” แต้มทำท่าจะบ่น

“ส่งอาทิตย์หน้าได้มั้ย” ยิ่งใหญ่ถามเพื่อนคนอื่นๆ

“ได้มั้ง แต่อาจจะโดนบ่นหน่อย”

“ก็ยังดี” ยิ่งใหญ่พูดกับตัวเอง

“ทำไมนายไม่เอาให้พ่อเซ็นซะทีล่ะ” อาร์ทถาม แต้มมองหน้ายิ่งใหญ่อย่างเข้าใจ เพราะรายนั้นขลุกอยู่บ้านเขาตลอดปิดเทอม

“พ่ออยู่เชียงใหม่ว่ะ” แต้มหันหน้ามามองเพื่อน ประเด็นนี้เขาลืมไปจริงๆว่าบ้านของยิ่งใหญ่ไม่มีคนอยู่ พ่อของยิ่งใหญ่เป็นหมอแต่ไม่ได้ประจำที่เชียงราย ตอนนี้แต้มเริ่มเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมบ้านหลังนั้นมันถึงดูร้างผู้คน

“งั้น” ยิ่งใหญ่ยิ้มหน้าตาเจ้าเล่ห์หันมาทางแต้ม “พรุ่งนี้ไปเชียงใหม่กัน”

นั่นไง...ซื้อหวยคงจะถูกละงวดนี้

แต้มย่างหมูและตักเข้าปากไปเงียบๆหลังจากนั้น เพื่อนในห้องคุยกันเสียงดังลั่นร้าน ยิ่งใหญ่คีบหมูสามชั้นมาให้เขาเป็นระยะ อาร์ทมองทั้งคู่ด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ ไม่คิดว่าคนแบบยิ่งใหญ่จะดูแลหรือเอาใจใส่ใครได้ขนาดนี้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่หน้าตาเย่อหยิ่ง ยิ่งท่าทางไม่สนใจคนอื่นแบบแต้ม เหมือนสองคนนี้เป็นผ้าขาวดำอย่างละผืนที่กำลังผสมผสานกันด้วยความเป็นเพื่อน ให้ความใกล้ชิดหล่อหลอมให้ความต่างอยู่ด้วยกันอย่างไม่เคอะเขิน

“อาร์ท นายโดนพ่อบ่นมั้ย” ยิ่งใหญ่ถาม

“อืม นิดหน่อย” อาร์ทตอบหน้าเจื่อน “พ่อบอกว่าไปเรียนพิเศษแล้วทำไมได้แค่นี้”

“ไม่เป็นไรนะอาร์ท เทอมหน้าเอาใหม่ เดี๋ยวให้ใหญ่ช่วยติวให้” แต้มเป็นคนบอก อาร์ทรู้สึกแปลกๆที่ได้ยินประโยคยาวๆจากแต้ม แต่มันกลับแฝงไปด้วยความหนักแน่นและน่าเชื่อถือ

“นายนั่นแหละต้องติว” ใหญ่แย้ง

“ใช่ๆ นายสองคนนั่นแหละต้องติว” เพื่อนคนอื่นเข้ามารุม “ใครจะคิดวะว่าคนลอกการบ้านแต้มทุกวันจะได้สี่จุดศูนย์ศูนย์”

“ฟลุ๊กน่า” ยิ่งใหญ่ตอบพลางยัดหมูเข้าปาก

“ฟลุ๊กอะไรได้ขนาดนี้ นายอย่ามาถ่อมตัว”

“เดี๋ยวรอดูเทอมหน้า ถ้ายังได้เท่าเดิมนะ พวกเราจะแบนนาย”

“อ้าว ไหงงั้น” ยิ่งใหญ่ทำเสียงอ่อย

“ก็นายมันน่าหมั่นไส้อะ” เพื่อนๆตอบ หลายคนผสมโรง

“แต้ม ช่วยเราด้วย” ยิ่งใหญ่หันไปขอความช่วยเหลือ แต้มเหลือบมองเพื่อนก่อนเมินอย่างไม่ใยดี

“ไม่มีใครช่วยนายได้แล้วล่ะใหญ่ หึ” เสียงประชดดังลั่น แต่ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องจริงจังเพราะหลังจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะตามมา

“พรุ่งนี้ไปเชียงใหม่กันนะ” ยิ่งใหญ่หันมากระซิบกำชับแต้ม ที่ตอนนี้มีท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นท่ามกลางคนหมู่มาก

แต้มยิ้ม แต่ก็ไม่ตอบอะไร เพราะไม่ว่าจะตอบอะไร สิ่งที่ต้องทำคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่บอกมาแล้ว....


โปรดติดตามตอนต่อไป....


FB:: https://www.facebook.com/Begintillanend
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 35 (UP:: 7 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-05-2018 10:39:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

อาร์ท.....โผล่มาทำไรหว่า  จำไม่ได้แระ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 35 (UP:: 7 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-05-2018 10:49:39
:pig4: :pig4: :pig4:

อาร์ท.....โผล่มาทำไรหว่า  จำไม่ได้แระ



อาร์ทมาตั้งแต่ตอนที่ 3 ครับ

หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 35 (UP:: 7 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-05-2018 15:54:13
 :L2: :pig4:
กดบวกไม่ได้ :ling1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 36 (UP:: 11 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-05-2018 09:54:31
​ตอนใหม่มาแล้วครับ ก่อนอ่านกัน ขอฝากนิยายอีกเรื่องของไรต์ด้วยนะครับ
บังเอิญรักโดยตั้งใจ >>> https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0
เรื่องนี้สนุกมาก ไรต์รับประกัน



ตอนที่ 36. เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อ



เช้านี้แต้มตื่นก่อนเหมือนทุกครั้งเพราะรู้สึกหนักบริเวณลำตัว เขาพลิกตัวและยกแขนขนาดใหญ่ของเพื่อนที่พาดมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ออกช้าๆ ทั้งที่เมื่อคืนเอาหมอนข้างคั่นไว้แล้ว แต่กลายเป็นว่าเช้ามาต้องโดนกอดอีกจนได้ ยิ่งใหญ่นอนอุตุขดตัวอย่างอัตโนมัติเมื่อแต้มยกแขนออก หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแต้มก็ปลุกยิ่งใหญ่ราวกับเป็นกิจวัตร

“เช้าแล้วเหรอ ยังไม่อยากตื่นเลย” ยิ่งใหญ่เสียงงัวเงีย

“ไม่ได้ เดี๋ยวสาย ไป๊” แต้มดึงผ้าห่มออก ยิ่งใหญ่ยื้อแย่งเอามารัดตัวเอง

มันเป็นแบบนี้ทุกเช้า

“ถ้านายช้า หรือเข้าเรียนสายเราไม่ไปเชียงใหม่ด้วยนะ” แต้มยื่นคำขาด

“ไม่สายหรอก โรงเรียนอยู่แค่นี้เอง” ยิ่งใหญ่งอแง

“ตามใจ งั้นไปเจอกันตอนเข้าแถวนะ”

แค่นั้นเอง ยิ่งใหญ่ก็เด้งตัวทันทีส่งสายตางัวเงียมาที่เพื่อนด้วยอาการค้อนขึ้ง ขยี้ตาเบาๆไปมา ผมสั้นเกรียนเป๋ไปตามทิศทางที่นอนทับ แต้มนึกขันในสภาพยิ่งใหญ่ยามเช้า ปลายกางเกงบ็อกเซอร์สั้นเต่อม้วนจนแทบติดขอบขาอ่อน ยิ่งใหญ่บิดตัวด้วยความขี้เกียจก่อนลากสังขารไปเข้าห้องน้ำ

“ไม่ต้องไปอ่านหนังสือพิมพ์นะ รอตรงนี้เลย”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ เดินไปเปิดประตูและหยิบบางอย่างมาให้ “เราสั่งให้ลุงเอามาให้แล้วทุกเช้า ตอนนี้นายไม่ต้องลงไปอ่านหน้าร้านแกอีก”

“โหย ได้ไงเนี่ย” แต้มบ่น “เปลืองเงินนาย แถมนายจะมาบังคับเราแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ไม่ได้บังคับ แต่เวลานายไปอ่านหนังสือพิมพ์ร้านแกทีไร เราก็สงสารแกไง นายอ่านฟรีทุกวันแกก็ไม่ได้ขายพอดี”

“เออ” แต้มคิดขึ้นได้ “ก็จริงนะ” แล้วก็รับหนังสือพิมพ์ในมือยิ่งใหญ่มานั่งอ่านบนเตียง

“จะไปกี่โมงวันนี้”

“เลิกเรียนรด.เสร็จก็ไปเลย” ยิ่งใหญ่ตอบทั้งๆที่ฟองยาสีฟันเต็มปาก

“โหย จะไปถึงกี่โมงเนี่ย กว่าจะซื้อตั๋ว กว่ารถจะออก”

“ใครบอกจะนั่งรถเมล์ไป” ยิ่งใหญ่มาเซ็ตผมหน้ากระจก แต้มกรอกตาเพราะว่าผมสั้นเหมือนทหารเกณฑ์กันทั้งคู่

“อย่าบอกนะว่าจะขับรถไป นายมีใบขับขี่เหรอ”

“อย่าบ่นน่า” ยิ่งใหญ่ใส่เสื้อ แต้มมองเพื่อนแต่งตัวอย่างใจเย็น

“ไม่บ่นได้ไง ใบขับขี่ก็ไม่มี ระยะทางก็ไกล ถ้าโดนตรวจขึ้นมาจะเป็นยังไง...”

แต้มดูเหมือนจะบ่นเยอะ แต่สุดท้ายคืนนั้นพวกเขาก็ถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย

“บ้านพักพ่อนายอยู่แถวไหนเนี่ย” แต้มมองสองข้างทางที่เต็มไปด้วยแสงไฟ เชียงใหม่เป็นเมืองที่ดูเจริญหูเจริญตา แต่ในขณะเดียวกันก็มีธรรมชาติรายล้อม สองสิ่งนี้ผสมผสานกันอย่างลงตัว

"อยู่หลังโรงพยาบาล แต่เดี๋ยวไปกินข้าวก่อน พ่อรอที่ร้านละ”

“หะ อะไรนะ” แต้มเหมือนโดนหมัดชกที่เบ้าตาอย่างแรงเพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะพบพ่อของยิ่งใหญ่ที่อื่นนอกเหนือจากบ้านพัก

“พ่อจะพาไปเลี้ยงข้าว เราบอกว่านายชอบอาหารเหนือ พ่อก็เลยบอกพิกัดมาละ”

“ทำไมนายชอบมัดมือชกจัง”

“อย่าบอกนะว่านายไม่ชอบ”

แต้มไม่ตอบ คนๆนี้รู้ใจเขาเกินไปละ

ยิ่งใหญ่ขับรถเลียบไปตามทางจนถึงแยกรินคำ การจราจรขวักไขว่และรถค่อนข้างเยอะเนื่องจากเป็นแยกที่มีตลาดขายของตอนกลางคืน แต้มมองไปนอกหน้าต่างด้วยความสนใจ วัยรุ่นเชียงใหม่ต่างพากันขี่รถจักรยานยนต์กันเป็นส่วนมาก บ้างก็ซ้อนสอง บ้างก็ซ้อนสาม บางคันนั่งกันถึงสี่คนก็มี

“กาดรินคำ” ยิ่งใหญ่บอก “นายอยากมาเดินไหม”

“ไม่ดีกว่า นายขับรถมาไกล คืนนี้พักผ่อนดีกว่า”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“นี่นายอยากมาเองหรือเปล่าเนี่ย” แต้มถามกลับ

“ชิ” ยิ่งใหญ่ส่งเสียงออกมาอย่างขัดใจ รถยนต์เคลื่อนตัวข้ามแยกรินคำไปสักพักก็เลี้ยวเข้าซอยหนึ่งและหยุดที่หน้าร้านอาหาร แต้มมองการตกแต่งร้านที่ทำออกมาดูทันสมัย แต่มองเข้าไปด้านในมีเรือนไทยหลังใหญ่ตั้งอยู่ คนในร้านมีมากพอสมควร แต่ก็ยังมีโต๊ะว่าง ยิ่งใหญ่ลากแขนเขาเข้าไปในร้านทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจ ภาพของเด็กหนุ่มในชุดรด.สองคนจูงแขนกันเข้าไปพอจะเรียกความสนใจจากคนอื่นได้พอสมควร

“สวัสดีครับพ่อ” ยิ่งใหญ่ไหว้ผู้เป็นพ่อที่มีรูปร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาถึงแม้จะดูแก่มากก็ตามที แต่รูปร่างยังดูดีอยู่ แต้มยกมือไหว้ทันทีก่อนที่จะได้รับรอยยิ้มอันอบอุ่นนั้นกลับมา

“นั่งสิลูก” พ่อของยิ่งใหญ่บอก บนโต๊ะมีเบียร์หนึ่งขวดพร้อมกับแกล้ม “จะกินอะไรสั่งได้เลยนะ”

“ครับ ขอบคุณครับคุณลุง”

“เรียกพ่อก็ได้” ปกติคนเหนือจะเรียกพ่อแม่เพื่อนว่าพ่อหรือแม่ ไม่เรียกว่าลุงหรือป้า เนื่องจากเป็นการให้ความคุ้นเคยในเวลาที่รวดเร็ว

“ครับพ่อ”

“ใหญ่ขับรถเร็วมั้ยแต้ม”

“อ๋อ ไม่ครับ ค่อยขับมา” แต้มโกหก พ่อเหมือนจะรู้แต่ก็ไม่พูดอะไร

“ขอบใจนะที่ดูแลใหญ่”

“ไม่ได้ดูแลอะไรเลยครับ ก็แค่..”

“นั่นแหละ พ่อไม่ค่อยมีเวลาไปหาเจ้านี่เลย ยังดีที่มันมีเราเป็นเพื่อน ถ้ามันทำตัวไม่ดีแต้มก็ว่ามันได้เลยนะ”

“โหพ่ออะ” ยิ่งใหญ่ส่งเสียงก่อนหยิบเมนูขึ้นมา

“ไหนสมุดพก เอามาก่อนเดี๋ยวพ่อลืม”

แต้มมองนายแพทย์ยิ่งยงอย่างประหม่า ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกับผู้เป็นพ่อของตนแล้ว พ่อของยิ่งใหญ่ยังดูเป็นคนที่มีราศี การแต่งกายและบุคลิกชวนมอง ใบหน้าดูมีอำนาจแต่แฝงไว้ด้วยความใจดี เสี้ยวหนึ่งแต้มคิดว่ายิ่งใหญ่มีโครงหน้าคล้ายพ่อมากกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก

“ขอบใจมากนะแต้ม ถ้าไม่ได้เราเจ้านี่คงไม่ได้เกรดดีแบบนี้”

“อ้าวพ่อ ฝีมือผมล้วนๆเลย ทำไมไม่ชมผมบ้าง”

ยิ่งยงใช้สมุดพกตีหัวบุตรชายเบาๆอย่างรักใคร่ “ก็ใครกันล่ะโทรมาเล่าให้ฟังว่า วันนี้แต้มติวให้ วันนี้แต้มให้ลอกการบ้าน วันนี้อยู่บ้านแต้ม”

แต้มหันขวับไปทางเพื่อนด้วยสายตาเป็นคำถามว่า นี่ นาย เล่า ให้ พ่อ นาย ฟัง หมด เลย เหรอ

“สั่งอาหารก่อนลูก เดี๋ยวจะหิวแย่” ผู้เป็นพ่อกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ ชายหนุ่มหน้าตาดีร่างสูงใหญ่เดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและทักทายอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับคุณพ่อ ขอโทษทีนะครับเมื่อกี้ผมยุ่งๆ”

“อ้าว สวัสดีบั๊มพ์ ไม่เป็นไร เห็นมีลูกค้าเยอะขนาดนี้พ่อก็ดีใจด้วย”

“วันนี้ผมขอบริการคุณพ่อเป็นพิเศษเลยนะครับ”

ยิ่งยงหัวเราะ ดูแลเป็นพิเศษหมายถึงได้กินเบียร์เรื่อยๆในราคากันเอง “นี่เจ้าใหญ่ลูกชายคนสุดท้อง นี่แต้มเพื่อนใหญ่”

ยิ่งใหญ่เงยหน้ามาไหว้ แต้มไหว้ตาม “ดีครับ โห ไม่เคยเจอใหญ่เลย รู้แค่ว่าไอ้ยอดมีน้องชาย ไม่น่าเชื่อว่าจะหล่อผิดพี่ชายขนาดนี้”

ยิ่งใหญ่ยืดตัวอย่างเสียไม่ได้ แต้มเห็นแล้วก็นึกขำไม่หยุด

“มีแฟนยังเนี่ยเรา หล่อขนาดนี้ไม่น่ารอด”

“ยังครับพี่ พ่อบอกให้ตั้งใจเรียนก่อน”

แต้มแทบสำลักน้ำหลังได้ยินคำตอบจากยิ่งใหญ่

“ช่วงนี้ได้เจอเจ้ายอดบ้างรึเปล่าบั๊มพ์” ยิ่งยงถาม

“เจอครั้งล่าสุดเมื่อสามสี่เดือนก่อนครับ รายนั้นพาแฟนมาเปิดตัว”

“อะไรกัน มีแฟนแล้วไม่บอกพ่อบ้างเลย” น้ำเสียงนั้นดูน้อยใจ

“เดี๋ยวคงพามาหาพ่อที่เชียงใหม่แหละครับ แฟนไอ้ยอดสวยมากเลยนะครับ ชื่อต้องตา”

แต้มหันขวับ “ต้องตาเหรอครับ”

บั๊มพ์หันไปมองเด็กหนุ่มที่ตั้งคำถาม ใบหน้านั้นรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา “ใช่ครับ ชื่อน่ารักดี แถมสวยอีกต่างหาก”

“อย่าบอกนะว่านายก็คิดเหมือนเรา” ยิ่งใหญ่หันมาคุยกับแต้ม

“คิดอะไรเหรอ” ผู้เป็นพ่อถาม

“คือ” ยิ่งใหญ่ตอบ “พี่สาวแต้มก็ชื่อต้องตาครับ แต้มนายมีรูปไหม”

แต้มเปิดกระเป๋าสตางค์สีดำเก่าเก็บ ควานตามซอกก่อนจะควักรูปขนาดสี่พีออกมาหนึ่งใบยื่นให้ยิ่งใหญ่

“คนนี้หรือเปล่าครับพี่บั๊มพ์” ผู้ถูกถามรับรูปมาดูและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ใช่ คนนี้แหละ โหย ทำไมโลกกลมขนาดนี้” ชายหนุ่มส่งรูปให้กับนายพทย์ยิ่งยงดู

“สวยจริงๆ” เขาพึมพำ “เป็นพี่สาวเราเองเหรอไอ้ลูกชาย”

แต้มหันไปสบตาด้วยความรู้สึกงุนงง “ชะ ใช่ครับพ่อ”

“เออ ดีเลย” ยิ่งยงหัวเราะร่วน “คนพี่ก็แฟนลูกคนรอง คนน้องก็เพื่อนลูกคนเล็ก”

บั๊มพ์หัวเราะด้วย พลางคิดว่านี่มันเรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ต้องตา สืบใจ...นายแพทย์ยิ่งยงอ่านชื่อและนามสกุลแต้มจากชุดรด. คิดว่าพี่สาวก็ต้องนามสกุลนี้และพึมพำในใจ

เขารู้สึกคุ้นกับคนในครอบครัวนี้อย่างน่าประหลาด เมื่อพิจารณาจากเพื่อนลูกชายคนเล็กยิ่งรู้สึกถูกชะตา คงเป็นเพราะได้ฟังเรื่องราวต่างๆจากยิ่งใหญ่มาบ้างแล้ว พอมาเจอตัวจริงก็พอจะรู้ได้ ว่าทำไมลูกชายตนถึงได้ถูกใจเพื่อนคนนี้มากนัก แต้มไม่ใช่คนที่โดดเด่นอะไร ออกจะค่อนไปทางธรรมดาด้วยซ้ำ แต่บุคลิกที่ดูนิ่งและท่าทางที่ดูน่าไว้ใจต่างหากที่ทำให้เด็กคนนี้น่าคบหาน

“ฮัดเช้ย”

“คุณยอดไม่สบายหรือเปล่าคะ” ต้องตาถาม เมื่อคนข้างๆจามไม่หยุดสามครั้งติด

“ไม่เป็นไรครับ สงสัยจะมีคนคิดถึง”

“นั่นสินะคะ คงมีแต่คนคิดถึงคุณยอดเต็มบ้านเต็มเมืองแน่ๆ”

“โอ๋ คุณตา ผมล้อเล่น ใครจะมาคิดถึงผมกันล่ะ ผมมีแฟนอยู่แล้วทั้งคน”

“ไม่ต้องเลย” ต้องตาก้มหน้า หลบสายตาเจ้าชู้ที่ส่งมาออดอ้อน

“ใกล้ถึงแล้วนะครับ คุณตาจะแวะซื้ออะไรก่อนเข้าห้องมั้ยครับ”

“ไม่แล้วค่ะ แค่เย็นนี้ก็กินไปเยอะแล้ว ดูพุงตาสิ” หญิงสาวลูบท้องน้อยราวกับว่ามันปูดโปนดั่งคนท้อง ทั้งๆที่เธอเป็นคนผอมมากก็ตาม

“โหย คุณตาไม่อ้วนหรอก ผมต่างหาก” ต้องตายิ้ม เธอสังเกตว่ายอดเยี่ยมตัวใหญ่ขึ้นหลังจากที่พวกเขาประกาศตัวคบกันและพากันไปกินข้าวแทบทุกเย็น

“ไม่หรอกค่ะ อ้วนนิดอ้วนหน่อย ตาว่าน่ารัก”

ยอดเยี่ยมยิ้มจนตาหยี ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้านทานความน่ารักของแฟนตัวเองได้อย่างไร

ยิ่งใหญ่ดันตัวแต้มเข้าบ้าน พ่อของเขาไม่ได้กลับมาด้วยเนื่องจากมีงานเลี้ยงต่อ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม บ้านไม้สองชั้นสีฟ้าขุ่นทะมึนในความมืดดูน่ากลัว บรรยากาศยิ่งวังเวงเมื่อมันตั้งอยู่หลังโรงพยาบาลอีก

“นี่นายกลัวผีใช่มั้ย ถึงดันเราขนาดนี้”

“เปล่า ไม่ได้กลัว”

ไอ้หมาจิ้งจอก...แต้มคิดในใจ ก่อนเดินนำเข้าไปในบ้านที่มืดมิด

***********************************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป....



*** อ่านแล้วชอบ ถูกใจ กด + และคอมเม้นต์ให้กำลังใจไรต์ด้วยนะครับ

อย่าลืมกดติดตามที่เฟซบุ๊คแฟนเพจที่ https://www.facebook.com/Begintillanend/ กันด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 36 (UP:: 11 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-05-2018 18:53:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องนี้ "บัมพ์" ยังอยู่

อีกเรื่องนึง "บัมพ์" เสียชีวิตไปแล้วสิบปี

อืมมมม  คนละไทม์ไลน์สินะ  เรื่องนี้ก็คืออดีตของอีกเรื่องนึง
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 36 (UP:: 11 พ.ค. 2561) #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 14-05-2018 09:35:24
:pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องนี้ "บัมพ์" ยังอยู่

อีกเรื่องนึง "บัมพ์" เสียชีวิตไปแล้วสิบปี

อืมมมม  คนละไทม์ไลน์สินะ  เรื่องนี้ก็คืออดีตของอีกเรื่องนึง


ใช่ครับ เรื่องนี้โฟกัสที่แต้ม ยิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยมและต้องตา
แต่มีบั๊มพ์อยู่เพราะว่าเป็นเพื่อนของยอดเยี่ยม
ไรต์เลยเขียนเรื่องของบั๊มพ์กับภัทรควบคู่กันไปด้วย
เรื่องนี้ยังมีพิสันต์อีกคนหนึ่งที่เป็นพระเอกในเรื่อง หากย้อนเวลาได้ ที่ไรต์แต่งจบไปแล้วด้วย
้ถ้าอย่างไรแล้ว อย่าลืมไปหาอ่านด้วยนะครับ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 37 (UP:: 17 มิ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-06-2018 12:00:56


ตอนที่ 37. มนต์อ่างแก้ว

                บั๊มพ์ดูรายการบัญชีประจำวันก่อนที่จะนับเงินทั้งหมดและเก็บไว้ในตู้เซฟ ไม่นานนักก็มานั่งที่ระเบียงหน้าบ้านอย่างอารมณ์ดี นึกถึงใบหน้าของน้องชายเพื่อนพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เด็กคนนี้หน่วยก้านไม่เลว มีความเป็นผู้ใหญ่แต่แฝงไปด้วยความเป็นเด็กเอาแต่ใจชวนให้คิดถึงตัวเองในอดีต ทั้งผองเพื่อน บรรยากาศในห้องเรียน คนสนิทที่รู้จักกันมานาน เขาไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่ยิ่งใหญ่มีบุคลิกที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ที่น่าแปลกคือเพื่อนที่มาด้วย ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากัน แต่เวลาอยู่ด้วยกัน กลับมีเคมีบางอย่างที่คอยดึงดูดสายตาจนเขาละไม่ได้ ไม่ประหลาดใจที่คนบ้านนั้นจะรู้สึกดีด้วย ทั้งยอดเยี่ยมที่กำลังปลูกต้นรักกับคนพี่ คนน้องก็ยังสนิทสนมกันอีก

“คิดอะไรอยู่” ภัทรโผล่พรวดมากอดจนเขาตกใจ

“ตกใจหมด” บั๊มพ์ตอบ “คิดถึงน้องชายไอ้ยอดที่เจอเมื่อกี้”

“แหม่ คิดถึงผู้ชายคนอื่นนอกจากเราซึ่งๆหน้าเลยนะ”

“นี่” บั๊มพ์ตีแขนล่ำ “คิดอะไรเนี่ย นั่นน้องชายเพื่อนนะ”

“แต่หล่อผิดไอ้ยอดจริงๆเนอะ” ภัทรตั้งข้อสังเกต

“หล่อคนละแบบ ใหญ่หน้าเหมือนฝรั่ง แต่ยอดหน้าออกไทยๆมาทางพ่อ”

“แล้วใครหล่อกว่ากัน” ภัทรหยอกถาม

“อืม เลือกยากจัง เลือกไม่ถูก” บั๊มพ์กวน ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดแต่ถูกบั๊มพ์คว้าแขนไว้

“ที่ว่าเลือกไม่ถูก เพราะมีคนที่หล่อที่สุดในสายตาแล้วต่างหาก” ภัทรไม่ตอบ แต่รอยยิ้มที่ฉีกกว้างนั้นตอบทุกอย่างหมดแล้ว ชายหนุ่มอุ้มคนรักด้วยอาการดีใจ เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่างจะราบเรียบสม่ำเสมอเมื่อทั้งคู่ก่ายกอดกันบนเตียง

***********************************************************************

                ยิ่งใหญ่ลากแต้มออกมาสูบบุหรี่หน้าบ้าน พ่อของยิ่งใหญ่ไม่สูบบุหรี่เลยไม่มีที่เขี่ยบุหรี่ในบ้าน เด็กหนุ่มเลยต้องระเห็จออกมาสูบข้างนอก ไกลจากตัวบ้านประมาณหนึ่งร้อยเก้าเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต “ถามจริง พ่อนายไม่ว่าเหรอที่นายสูบบุหรี่”

“ไม่รู้สิ”

“นายไม่รู้ หรือพ่อนายไม่รู้”

“เรา” ยิ่งใหญ่สูดควันและพ่นออกมา

“เราเคยถามนายมั้ยว่าทำไมนายสูบบุหรี่”

“ไม่เคยมั้ง” แต้มเงียบ...

“นายอยากถามก็ได้นะ” ยิ่งใหญ่พูดขึ้นมา

“ไม่ดีกว่า ถ้านายอยากเล่า นายก็เล่าเองแหละ” แต้มเงยหน้า ท้องฟ้าเชียงใหม่ไม่เหมือนที่บ้าน มันเต็มไปด้วยแสงไฟที่สะท้อนไปทั่ว

“นายอยากเที่ยวเชียงใหม่ตอนกลางคืนไหม”

“หืม”

“ปะ เดี๋ยวเราพาไปขี่มอไซเที่ยวคูเมือง”

“จริงดิ”

“อื้อ เราเคยโกหกนายเหรอ” แต้มไม่ตอบ แต่ใบหน้าที่ฉาบร้อยยิ้มนั้นเสียงดังกว่าคำพูดทั้งหมดเสียอีก

                ยิ่งใหญ่พาแต้มขี่รถจักรยานยนต์ลัดเลาะคูเมือง ตั้งแต่ประตูเชียงใหม่ วนถึงประตูท่าแพ และวกกลับมาจุดเดิม รถแดงเชียงใหม่ยังวิ่งประปราย การสัญจรยังถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับเวลาที่ค่อนข้างดึกขนาดนี้ แต้มตื่นเต้นที่ได้เห็นตัวเมืองเชียงใหม่จนความหิวกลับมาอีกครั้ง

“ใหญ่ เราหิวอะ”

“หะ เพิ่งกินมาไม่ใช่เหรอ”

“เออ หิวอีกละ จอดๆๆๆ ร้านนี้ดูน่ากิน”

ยิ่งใหญ่จอดรถในแทบจะทันทีเมื่อแต้มพูด เขาอ่านชื่อร้านก่อนจะร้องอ๋อ “ร้านนี้บะหมี่ไก่อบอร่อยนะ”

“จริงดิ” แต้มลงจากรถ ยิ่งใหญ่ดับเครื่องและเดินตามเข้าไปในร้าน

“นายมาเชียงใหม่บ่อยเหรอ”

“ก็บ่อยนะ ก่อนหน้านี้เราก็เรียนเชียงใหม่”

“อ้าว ไหนบอกว่าเรียนเชียงราย โรงเรียน xxx”

“เปล่า เราขี้เกียจตอบคำถามน่ะ เลยบอกไปแบบนั้น”

“นายนี่ความลับเยอะเนอะ” ยิ่งใหญ่ชูสองนิ้วทำหน้าแป้นแล้นเพื่อเป็นการบอกว่าไม่มีอะไร

“ร้านนี้เรามากินบ่อย พ่อเราชอบ”

“พ่อนายชอบกินโจ๊กเหรอ”

“ทำนองนั้นแหละ เวลาคิดอะไรไม่ออก พ่อก็พาเรามาร้านนี้แหละ”

แต้มอ่านในเมนู ก่อนที่จะสั่งรายการที่ยิ่งใหญ่แนะนำ

“ราคาเอาเรื่องเหมือนกันนะ”

“แต่รสชาติดีอยู่” ยิ่งใหญ่แย้ง

“อืม ไม่เถียง” สองหนุ่มนั่งรถหลังจากที่จัดการทั้งอาหารและติ่มซำเสร็จแล้ว

“ครั้งหน้าพาเรามาอีกนะ” แต้มบอก

“เราพามาทุกวันเลยยังได้” ยิ่งใหญ่พูด ลึกๆแล้วตนไม่ค่อยชอบร้านนี้ แต่พอเห็นแต้มชื่นชอบ เขาต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองเสียใหม่

“โจ๊กสมเพ็ช”

“ว่าไงนะ” ยิ่งใหญ่ถามเพราะได้ยินไม่ชัดเนื่องจากขี่รถอยู่

“เปล่า ไม่มีอะไร ทวนชื่อร้านเฉยๆ”

“นายอยากไปไหนอีกมั้ย” ยิ่งใหญ่ตะโกนถาม

“อืม... กาดรินคำได้มั้ย” ยิ่งใหญ่ยิ้ม รู้ว่าแต้มตอบเพราะรู้ว่าเขาอยากไป แต่พอทั้งคู่ไปถึง บรรยากาศก็เริ่มเงียบเหงา กาดรินคำยามนี้เริ่มร้างผู้คน ยิ่งใหญ่มีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา

“ไปที่อื่นแทนมั้ย”

“ที่ไหนอ่า เราไม่เคยมาเชียงใหม่”

“งั้นเดี๋ยวพาไป” แต้มนั่งมองวิวตลอดทางที่ยิ่งใหญ่ขับมา มองป้ายบอกทางที่เขียนไว้ว่า ดอยสุเทพและมีลูกศรตรงไป

“อย่าบอกนะว่านายจะพาเราไปดอยสุเทพ”

“อยากไปอยู่แหละ แต่ดึกขนาดนี้คงไม่เสี่ยง”

แต้มถอนหายใจ เกาะเอวคนขับไว้จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไป “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

“ใช่แล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบ “เราอยากเรียนที่นี่ เราอยากให้นายเรียนที่นี่กับเราด้วย”

“หืม ทำไมนายอยากเรียนที่นี่ล่ะ”

“ไม่รู้สิ อยากมาอยู่ใกล้พ่อมั้ง”

“พี่ตาก็จบที่นี่นะ ไม่แน่หรอกถ้าเราตั้งใจอาจจะติดที่นี่ก็ได้”

“จริงๆนะ นายจะมาเรียนที่นี่กับเรา”

แต้มไม่ตอบ เพราะไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะสอบติด ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาไม่รู้ว่าจะได้เรียนต่อหรือเปล่า ลมเย็นยามค่ำคืนปะทะใบหน้า ความหนาวลอยวนอ้อยอิ่งในอากาศ เชียงใหม่เริ่มหนาวแล้วในยามนี้ แสงจันทร์ที่สาดสลัวถูกหมอกเมฆบดบังเสียแทบมิด แต่ใบหน้าของเด็กหนุ่มต่างทอประกายเจิดจ้ามากเสียกว่า ยิ่งใหญ่จอดรถไว้ริมทาง สองหนุ่มเดินอย่างเงียบเชียบตามทาง มองดูผืนน้ำยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่นจากลมที่พัดกรูและแมลงที่มองไม่เห็นกระโดดโลดเต้นราวกับเริงระบำในความเย็นเยียบของค่ำคืนนี้

“เราอยากมาที่นี่นานแล้ว” ยิ่งใหญ่พูด “อยากรู้ว่าถ้าเราลงไปว่ายมันจะลึกแค่ไหน น้ำจะเย็นมากไหม”

แต้มมองเพื่อนจากด้านข้าง ยิ่งใหญ่สูงกว่าเขาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคในการมองเลยสักครั้ง

“นายโอเคหรือเปล่า”

ยิ่งใหญ่จุดบุหรี่ ควันขุ่นลอยวนไปปะปนกับสายหมอกที่ลอยโอบล้อมอ่างแก้วในค่ำคืนนี้ ดูสวยงามราวกับต้องมนต์   

“เราอยู่ตรงนี้นะ” แต้มย้ำ

“เรารู้”  ทั้งคู่นั่งลงกับพื้น เหยียดขายาวตามพื้นหญ้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำค้าง กลิ่นบุหรี่ลอยคลุ้งปนเปกับไอดิน เสียงน้ำไหลจากอ่างลงเบื้องล่างผุดดังราวกับเสียงกระซิบ ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรเลยจนบุหรี่มวนนั้นดับมอด ยิ่งใหญ่ขยับตัวมาทางแต้ม แขนซ้ายเย็นเฉียบแนบกับแขนขวาของแต้มที่นั่งมองไปในความมืด “ทำไมนายถึงคิดว่าเราไม่โอเคล่ะ”

“สัญชาติญาณมั้ง”

“นายมีด้วยเหรอ”

“ปกติก็ไม่นะ แต่นายเป็นคนเดาง่าย”

“เราเนี่ยนะ” ยิ่งใหญ่ถามด้วยเสียงงุนงง “ปกติมีแต่คนบอกว่าเราเข้าถึงยาก”

“ใครวะ” แต้มค้าน เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมามีแต่คนเข้าหายิ่งใหญ่เสมอ

“นายไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” แต้มพูด “แต่ถ้าอยากระบายอะไร เราก็อยู่กับนายเสมอ”

“ซึ้ง”

“อะไรนะ ไมได้ยิน” แต้มนิ่วหน้า

“เปล่า” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงดังฟังชัด “คืนนี้หนาวเนอะ” เขาขยับนิ้วมือ กระดกไปเรื่อยราวกับกดคอร์ดกีตาร์ ในใจฮัมเพลงที่ขัดแย้งกับความรู้สึกที่แท้จริงอยู่มากโข นิ้วก้อยของเขาแตะที่ปลายนิ้วของแต้มอย่างแผ่วเบา แววตาของอีกฝ่ายก้มมองแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน ยิ่งใหญ่รู้สึกสบายใจ ปลอดโปร่งที่ได้อยู่ตรงนี้ กับเพื่อนคนนี้ ความหนักอึ้งลอยหายไปในอากาศอย่างง่ายดายถึงแม้จะไม่ได้จัดการแก้ไขอะไรเลยสักอย่าง เขาหยุดกระดกนิ้ว ปล่อยให้นิ้วก้อยของตนเกี่ยวที่ปลายนิ้วก้อยของอีกฝ่าย ความอบอุ่นไหลผ่านหัวใจอย่างท่วมท้น ความหนาวจืดจางไปแทบไม่รู้สึก

“แม่ของเราไม่สบาย” ยิ่งใหญ่พูดในที่สุด ความเงียบงันของอ่างแก้วถูกปกคลุมด้วยเสียงแมลงอยู่ไกลๆ พวกเขาอยู่นี่มานานแล้วแต่คืนนี้กลับไร้ผู้คนสัญจรผ่าน “เราไม่รู้ว่าควรจะไปเยี่ยมดีไหม”

 “พี่ยอดบอกว่าแม่เป็นมะเร็ง ตอนนี้พี่ยศดูแลอยู่ แม่อาการไม่ค่อยดีมาสักพักแล้ว”

“แม่ทิ้งเราไปตั้งแต่เราจำความได้ ทำไมเราจะต้องไปเยี่ยมด้วยล่ะ” ยิ่งใหญ่หยุดพูด แต้มไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้ยิ่งใหญ่นั่งคิดเองเสียก่อน เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน แต้มก็พูดขึ้นมาว่า

“นายอยากคุยกับแม่ตอนนี้ หรือคุยกับแม่แบบที่เราคุยกับพ่อเราล่ะ”

ทั้งสองสบตากันในความมืด แม้จะเห็นแค่ความดำมืดในแววตานั้น แต่ต่างเข้าใจอย่างสุดซึ้งว่ากำลังเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย...

***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 37 (UP:: 17 มิ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-06-2018 13:33:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

เคมีเข้ากันดังที่บัมพ์คิด

สำหรับแต้มมันเป็นเซนส์ที่เพียงแค่สังเกตก็รู้ว่าใหญ่รู้สึกอย่างไร  แต่เชื่อว่าเซนส์นี้ไม่ได้เกิดกับทุกคนยกเว้นเกิดแค่กับใหญ่เท่านั้น
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 38 (UP:: 19 ก.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-07-2018 16:25:12


ตอนที่ 38. หัวชนกัน

                ต้องตาเก็บสำรับอาหารใส่รถเข็นก่อนจะเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ เตียงผู้ป่วยในห้องนี้หรูหราผิดแผกจากช่วงที่ผู้เป็นพ่อเข้าโรงพยาบาลมากนัก อาการของพ่อหนักหนา แต่หลังจากออกมาจากห้องไอซียู ห้องที่ดีที่สุดของพ่อคือเตียงรวมที่แสนแออัด พัดลมเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดส่งเสียงรบกวนจนพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ สายตาของพ่อตอนที่เพิ่งฟื้นกรอกกลิ้งไปมา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกปลายหางตาอย่างน่าสงสาร ราวกับพ่อรับรู้แล้วว่าทุกอย่างจะไม่มีทางกลับมาเป็นแบบเดิมอีก

                ยอดเยี่ยมนั่งเอนกายที่โซฟาในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ผู้เป็นแม่หลับสนิทเนื่องจากอ่อนเพลียจากการฉายรังสี แม่ถูกโกนผมหมดแล้ว ทุกวันนี้แม่ฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก ก้อนเนื้อร้ายมันลุกลามไปมากแต่ยังอยู่ในระยะที่เยียวยาได้ – พี่หมอบอกเขาแบบนั้น  การผ่าตัดไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แม้กระทั่งการฉายรังสีเองก็ตาม หากแต่ในความวังที่ดูริบหรี่ ไม่ว่าจะวิธีไหนเขาก็จะทำเพื่อยื้อชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักที่สุด

“คุณยอดจะกลับไปอาบน้ำก่อนมั้ยคะ ทางนี้เดี๋ยวพยาบาลพิเศษจะมาดูแลแล้ว”

“ครับ” ยอดเยี่ยมส่งยิ้มให้คนรัก ท่าทางที่เหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้รับกำลังใจจากเธอคนนี้ “เดี๋ยวผมไปส่งคุณตาก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตากลับเอง”

“ไม่ได้ครับ”

“แต่คุณยอด...”

“ครับ ผมเหนื่อย แต่ถึงแม้จะเหนื่อยขนาดไหนผมก็ไม่ยอมให้คุณกลับเองเด็ดขาด”

หญิงสาวส่งสายตาอ่อนโยน ไม่อาจทัดทานเมื่อเขายืนกรานหนักแน่นเพียงนี้ เธอหยิบกระเป๋าเล็กมาสะพายก่อนที่จะพยักหน้าบอกว่าพร้อมแล้ว ยอดเยี่ยมมองไปที่เตียงนอนด้วยสายตาที่มองไม่ออก

“ทุกอย่างจะต้องโอเคค่ะ” หญิงสาวแตะที่แขนล่ำของชายหนุ่มแผ่วเบา “เชื่อตานะคะ”

ยอดเยี่ยมมองหญิงสาวที่ชื่อว่าเป็นคนรักอย่างอ่อนโยน ในวันที่เขาอ่อนแอที่สุดกลับเป็นวันที่เห็นชัดที่สุดว่าใครอยู่เคียงข้าง

“คุณยอดคะ ตาลืมบอกไป เมื่อกี้คุณหมอยิ่งยศแวะมาบอกว่าให้คุณยอดแวะไปหาก่อนกลับบ้านน่ะค่ะ”

ยอดเยี่ยมรับคำ ก่อนจะจับมือหญิงสาวเดินออกจากห้องไปตามทางเดิน

**********************************************************************

เป็นแต้มที่ตื่นก่อน ซึ่งเป็นปกติของเด็กหนุ่มที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เขาเผลองีบไปตอนตีหนึ่งและก็ลืมตาโพลงมาอีกทีตอนตีสาม ข้างนอกยังมืดสนิท บรรยากาศหนาวเย็นลอยละล่อง ยิ่งใหญ่นอนอุตุขดตัวใต้ผ้าห่มอุ่น ลมหนาวเดือนพฤศจิกายนพัดโชยเอื่อย แต้มขยี้ตาก่อนที่จะตื่นเต็มที่ จัดแจงแปรงฟันและเก็บข้าวของที่ยังเหลืออีกสองสามชิ้นก่อนปลุกยิ่งใหญ่ที่งัวเงียไม่ยอมลุก

“ขออีกห้านาที” น้ำเสียงนั้นออดอ้อนในที

“ไม่” แต้มกระชากผ้าห่ม เผยให้เห็นเรือนร่างสูงใหญ่ที่นอนขดด้วยความหนาว

“อ๋อยยยยย นายมันคนใจร้ายยยย” ยิ่งใหญ่ลากเสียง เปลือกตาข้างหนึ่งขยับเพียงนิดหรี่มองต้นเรื่อง

“ไปเร้ว ครูนัดตีสี่นะ นี่ตีสามกว่าแล้ว”

“นายจะรีบทำไมอ่า จากหอเราเดินไปแค่สองนาทีก็ถึงแล้ว”

แต้มหน้ามุ่ย “แต่กว่านายจะแปรงฟัน เซ็ตผม พรมน้ำหอม แต่งตัว ก็เกือบชั่วโมงแล้วนะ”

“งั้นเราไม่ทำก็ได้ ขอเรานอนอีกห้านาทีนะ”

“ไม่” แต้มเสียงดุ

สุดท้ายพวกเขาก็ออกหอกันตอน 04.20 น. และเป็นสองคนสุดท้ายที่มาถึง

“แหม คุณชายกว่าจะเสด็จมานะคะ” อาจารย์บ่น

“ขอโทษค้าบบบบ” ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้เสียงออดอ้อน แต้มไหว้ตามเพราะรู้ดีว่าควรเงียบดีกว่าจะพูดอะไรแต่ส่งสายตาเขียวไปทางเพื่อนตัวดีที่แต่งตัวนานจนพากันมาสายจนได้

“เอาล่ะ มาครบแล้วเลือกที่นั่งกันเลยนะคะเด็กๆ เดี๋ยวเราจะไปไหว้พ่อขุนก่อนและจะเดินทางยาวเลยค่า”

“คร้าบบบ / ค่ะ” เสียงนักเรียนงัวเงียตอบ

“พวกนายมาซะสายเลย เนี่ยอาจารย์บ่นกันอุบ” อาร์ทเปิดประเด็นเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ ยิ่งใหญ่นั่งติดหน้าต่างแถวที่แปดเอ แต้มนั่งข้างๆ รสบัสขนาดสามสิบสองที่นั่งมีที่เหลือเฟือให้กับทุกคน อาร์ทนั่งแถวที่เจ็ดเอไม่มีใครนั่งด้วยเพราะที่เหลือมาจากต่างห้องต่างระดับชั้นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง มีเพื่อนและรุ่นพี่ที่ออกอาการตุ้งติ้งนั่งอยู่แถวหลังถัดไปอีกสามสี่แถว อาร์ทเลยใช้ที่ว่างนี้สำหรับวางเสบียงอันได้แก่ ขนมต่างๆ น้ำอัดลม ลูกอม ผลไม้อบแห้งและข้าวกล่องที่อาร์ทบอกว่า “แม่บังคับให้เอามาด้วยเพราะกลัวหิว”

“ก็จะเพราะใครล่ะ” แต้มตอบและพยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนตัวดีที่ทำหน้าทะเล้นตอบรับ

“ฮ่าๆๆ นายยังไม่ชินอีกเหรอแต้ม”

“ไม่อยากชิน” แต้มตอบอาร์ท ยิ่งใหญ่ไม่ต่อปากต่อคำเพราะยังง่วงจัด ได้แต่กอดอกและพิงหัวไปกับเบาะอย่างหงอยเหงา

นักแสดงทุกคนรวมถึงอาจารย์ผู้คุมชมรมนาฏศิลป์ต่างพากันจุดธูปเทียน แต่ละคนถือดอกไม้สีเหลืองสำหรับไหว้สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายอย่างเรียบร้อย อาจารย์ให้ยิ่งใหญ่เป็นต้นเสียงในการนำสวดมนต์ขอพร แต้มแอบขันเมื่อเห็นท่าทางหงอยๆของเพื่อนที่ต้องพยายามเปล่งเสียงออกมานำสวดมนต์ เมื่อสวดเสร็จก็นำดอกมูปเทียนไปปักเมื่อขอพรกันจนหนำใจแล้วก็ถ่ายรูปรวมกันไว้ แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสาดจ้าจนแต้มแทบจะหยีตา ยิ่งใหญ่มาหลบข้างหลังเขา เอาคางเกยที่ไหล่ด้วยท่าทีเกียจคร้าน

“แหม อ้อนแฟนไม่เลิกเลยนะใหญ่” รุ่นพี่ชั้นมอหกที่ออกอาการตุ้งติ้งชื่อแม็คแซวมาจากกลุ่มรุ่นพี่ เสียงโห่ดังครึกครื้นจนแต้มหน้าแดงไม่อาจตอบโต้อะไรได้

“โหยพี่ ปกติผมนอนกอดกันจนถึงเช้า เห็นใจผมเถอะ” ยิ่งใหญ่สวนกลับ เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนแต้มหูร้อนผ่าว

“ไอ้บ้า แทนที่จะสงบปากสงบคำ” แต้มบ่นเพื่อนที่ดันหลังเขาไปที่รถบัส

“สงบทำไมอ่า เค้าอยากแซวเราก็เล่นด้วยขำขำ”

“ไม่ขำ เดี๋ยวพวกนั้นคิดจริงจะทำไง”

“ให้พวกนั้นคิดไปสิ”

“หืม” แต้มพูดไม่ออก ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ด้วยเพราะเขายังซื่อบื้อเกินไปในเรื่องพรรค์นี้กระมัง

“เปล่า ไม่มีอะไร ขึ้นรถเถอะ ง่วงแล้ว”

 เมื่อออกเดินทาง เสียงดนตรีในรถก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงจอแจไม่ขาดสาย ยกเว้นที่นั่งแถวที่แปดเอและแปดบีที่ขณะนี้ชายหนุ่มสองคนพากันหลับอย่างเอาเป็นเอาตาย แต้มนอนหลังตรงทาบท้ายทอยไปที่เบาะนั่ง ลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอ ผ้าห่มผืนบางคลุมกายไว้ และข้างๆเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีนอนนิ่งอยู่โดยแนบศีรษะไว้กับไหล่ซ้ายของแต้มที่รองรับอย่างพอเหมาะ สองขาเหยียดยาวพาดเขาของแต้มไว้ราวกับเป็นที่พักเนื่องจากเขาไม่อาจจะเหยียดลงกบพื้นได้เพราะช่วงขาที่ยาวทำให้อึดอัดและคับแคบ ทั้งคู่หลับสนิทไม่สนใจแม้กระทั่งเสียงกล้องถ่ายรูปที่ลั่นชัตเตอร์จับภาพที่แสนหวานของทั้งคู่ไว้หลายสิบภาพ....


โปรดติดตามตอนต่อไป....
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 38 (UP:: 19 ก.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-07-2018 22:14:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

แต้มคงคิดกับใหญ่แค่เพื่อนสนิทมากคนนึง

ในขณะที่ใหญ่คงจะคิดกับแต้มมากกว่าเพื่อนไปนานแล้ว
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 38 (UP:: 19 ก.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-07-2018 08:21:45
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 39 (UP:: 4 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 04-09-2018 10:45:14
​หายไปนานเลย วันนี้กลับมาต่อให้แล้วนะครับ หวังว่าคงจะยังไม่ลืมกัน

มาติดตามอ่านความสัมพันธ์ของสองเพื่อนสนิท ยิ่งใหญ่กับแต้มได้เลยนะครับ

**********************************************************************

ตอนที่ 39. ไกลบ้าน

               แต้มรู้สึกปวดและชาที่ต้นขาลามไปถึงปลายเท้า ที่ไหล่ซ้ายก็หนักอึ้งจากการถูกกดทับ เมื่อลืมตาขึ้นจมูกก็ชนกับผมยิ่งใหญ่ที่เอนมาซบและสองขายาวพาดมาทับเขาจนดิ้นไม่หลุด ไม่รู้เสียด้วยว่าตั้งแต่ตอนไหน

“ตื่นแล้วเหรอแต้ม”

“อื้อ” แต้มรับคำด้วยเสียงในลำคอ รู้สึกกระหายน้ำอย่างแรง

“อะนี่ ครูแจกตอนพวกนายหลับไปแล้ว” อาร์ทยื่นขวดน้ำ แต้มซดจนเกือบครึ่งขวด พลางใช้มือเขย่าเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่ ยิ่งใหญ่ขยับตัวงัวเงียแต่ยังไม่ลืมตา

“เราถึงไหนแล้วเหรอ”

“อุตรดิตถ์มั้ง” อาร์ทตอบแบบไม่มั่นใจ “เมื่อกี้แวะปั๊มแถวแพร่ครั้งนึงแต่พวกนายไม่ตื่น”

“กี่โมงแล้วเนี่ย”

“สิบเอ็ดโมงแล้ว เดี๋ยวคงแวะจอดกินข้าวที่ไหนสักที่”

“อ้าวตื่นแล้วเหรอแต้ม แหมกอดกันกลมเชียวนะ” รุ่นพี่ที่เดินไปมาแซว เขามองไปทางคนที่ส่งเสียง ริมฝีปากทาลิปติกสีแดงสด ใบหน้าขาวผ่องด้วยแป้งเด็กราคาถูกกระปุกเล็กสีชมพู น้ำหอมกลิ่นฉุนกึกในมือถือพัดจีนสีชมพูดูขัดตา

“ไม่ขนาดนั้นครับพี่แม็ค” แต้มตอบรุ่นพี่ที่ถาม รูปร่างพี่แม็คกำยำสูงเกือบเท่าเขา ร่างใหญ่หนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะเป็นหนึ่งในนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน ทำให้พี่แม็คและเขารู้จักกันเป็นอย่างดีถึงขั้นที่สามารถแซวได้โดยที่ไม่มีใครเคอะเขิน

“แหม่ ภาพมันฟ้องขนาดนี้” พี่แม็คหยิกแก้มเขา อาร์ทหัวเราะร่วน เพื่อนรุ่นพี่อีกหลายคนมารุมตรงที่นั่งของเขากันหลายคนแล้วตอนนี้

“ใช่ สวีตหวานกันขนาดนี้ แล้วมาบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไงก็ไม่เชื่อ”

“เนอะ โอย น้องแต้มทำบุญด้วยอะไรเนี่ย ถึงได้เทพบุตรอย่างยิ่งใหญ่มาครอบครอง”

“ทำไม อิจฉาเขาเหรอ” อาจารย์ส่งเสียงแซว

“แหม จารขา หนูก็อยากรู้บ้างจะหมั่นไปทำบุญ เผื่อจะได้แฟนหล่อขนาดนี้”

“พวกหล่อนควรทำบุญโดยการหยุดแซวคนอื่นก่อน แบบนี้ได้ผลบุญสูง”

“จารไม่เข้าใจพวกหนูอะ” พวกพี่แม็คและผองเพื่อนพากันเดินกลับที่นั่ง แต้มถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นยิ่งใหญ่พิงหัวกับหน้าต่างรถยิ้มยิงฟันขาวมาทางเขา

“ตื่นตอนไหนเนี่ย”

“สักพักแล้ว”

“แล้วทำไมไม่ช่วยแก้ข่าวกับพวกพี่แม็ค”

“จะแก้ทำไม ปล่อยให้เค้าคิดไปสิ” คนตอบฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์

“อ้าว ทำไมงั้นอะ” อาร์ทถามแทน พลางหันตัวมาทางด้านหลังเผชิญหน้ากับทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ในคราวเดียวกัน

“ยุ่งน่า” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ใช้มือปัดที่ไหล่แต้มก่อนที่จะเอนมาซบและปิดตาลง

“เห้ยๆๆๆ หนัก ออกไป๊” แต้มบ่น

“ไม่” ยิ่งใหญ่ไม่ยอมขยับทั้งๆที่โดนแต้มผลักออก

“อะไรกัน รู้มั้ยเนี่ยปวดไหล่ไปหมดแล้วนะ แถมเหน็บกินอีก”

“บ่นยังกะคนแก่” ยิ่งใหญ่ตอบ ก่อนยกขาลงไปเหยียดกับพื้น ขยับตัวลงจนระดับไหล่ต่ำกว่าแต้ม ลำคอพิงที่พนัก “มานี่”

แต้มรู้สึกบอกไม่ถูกเมื่อถูกมือใหญ่กระชากต้นคอให้มาซบที่ไหลกว้างนั้น แถมขาสองข้างยังถูกขาของยิ่งใหญ่ช้อนขึ้นมาจนเขาต้องจัดแจงท่าให้มันพาดยาวเลยขายิ่งใหญ่ส้นเท้าพักที่ขอบหน้าต่างรถแทน

“ท่านี้สบายกว่าว่ามั้ย”

แต้มไม่ตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะตอนนี้พี่ๆเพื่อนๆร่วมรถหลายคนต่างส่งเสียงโห่กันอีกครั้ง ทางที่ดีเขาควรจะปิดตาลงและรีบนอนอีกรอบ

“วิวสวยนะว่ามั้ย” เสียงนั้นกระซิบ แต้มไม่ขยับตัว แต่ตาข้างหนึ่งค่อยๆเปิด ตาเม็ดเล็กของเขาสามารถอำพรางตัวได้เป็นอย่างดีในยามที่ไม่อยากให้ใครเห็น ฝนเม็ดเล็กปรอยปรายอยู่นอกหน้าต่าง ลมจากช่องแอร์ด้านบนดังหึ่งลดระดับอุณหภูมิจนหนาว ยิ่งใหญ่ขยับตัวแต้มให้ชิดยิ่งขึ้น เสียงหัวใจเต้นตึกตักแม้คนซบจะอยู่ไหล่ขวายังได้ยินอย่างชัดเจน

“แหม ไม่ปล่อยแต้มเลยเนาะ” เสียงใครบางคนแซวขึ้นมา แต้มหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเสียดายบรรยากาศนอกหน้าต่าง แต่ความอายทำให้เขาหูแดงจนคนที่อยู่ใกล้เห็นได้ชัด

“ปล่อยได้ไงพี่ ผมก็หวงของผม” แต้มไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรดี ได้แต่นิ่งเงียบเพื่อสยบทุกความเคลื่อนไหว เขาไม่ได้เขินอาย นั่นคือสิ่งที่แต้มคิด แต่การที่เขาไม่โตบโต้ ยังดีกว่าการสาดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งความสนุกสนาน รถเคลื่อนที่ไปด้วยจังหวะช้าเร็วแตกต่างกัน ฝนข้างนอกเทกระหน่ำ เสียงลมหายใจของยิ่งใหญ่ราบเรียบและสม่ำเสมอ เสียงเพลงบนรถดังขึ้นในจังหวะที่คนอื่นบนรถลดเสียงลงเหลือเพียงการกระซิบกระซาบของคนที่นอนไม่หลับเท่านั้น แต้มลืมตาขึ้นช้าๆ เงยหน้าขึ้นและพบว่าดวงตากลมโตของอีกฝ่ายจ้องมองเขาอย่างมีความหมาย....

**********************************************************************

               ยอดเยี่ยมถอดเนคไทออก ล้มตัวอย่างอ่อนล้าบนเก้าอี้ในห้องทำงาน มองเอกสารกองเต็มโต๊ะเพื่อรอการอนุมัติอย่างเหนื่อยล้า เขาค่อยๆหยิบจากล่างสุดขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดก่อนเซ็นลงไป เอกสารขออนุมัติบางฉบับที่ไม่เร่งด่วนและสามารถแก้ไขได้ก็ถูกตีกลับเนื่องจากพิมพ์ผิด หรือบ้างก็มีการขออนุมัติในงบประมาณที่ค่อนข้างสูงแต่กลับเขียนมาอย่างห้วนสั้นจนเกินไป ขอบเขตที่เขาสามารถอนุมัติได้คือสองแสนบาท หากมากกว่านั้นเอกสารจะต้องไปถึงบอร์ดบริหารตามจำนวนที่ต้องการใช้ซึ่งโดยส่วนใหญ่พนักงานในสังกัดจะส่งมาเพื่อขอให้พิจารณาในเรื่องการโฆษณากรอบเล็กของหนังสือพิมพ์ฉบับต้นเดือนและกลางเดือนที่มูลค่าไม่สูงนัก ยังไม่นับรวมการลงสื่อในนิตยสารที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการท่องเที่ยว แต่กับการโฆษณาทางสื่อใหญ่อย่างโทรทัศน์นั้นยังไม่จำเป็นเนื่องจากไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย การที่มีผู้ช่วยที่มีความสามารถทางด้านบัญชีอย่างต้องตานั้นทำให้งานของเขาง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก แต่ในระยะหลังมานี้ การที่เขาต้องเทียวไปมาระหว่างโรงพยาบาลกับที่ทำงานนั้นได้สูบพลังงานชีวิตไปเกือบหมด

               อาการของแม่ยังทรงตัว การรักษามะเร็งสำหรับผู้สูงวัยนั้นต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป การฉายรังสีเป็นไปด้วยดีจากการรักษาโดยลูกชายคนโตของครอบครัว พี่หมอที่ครองความโสดมานานยังเป็นที่พึ่งพาของทุกคนได้แม้ในยามนี้ ยอดเยี่ยมอาจจะไม่ใช่ลูกชายที่แม่รักที่สุดในยามที่แม่ครางครวญอย่างเจ็บปวด ถวิลหาแต่ยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหุนหันและความโกรธขึ้งครอบงำจิตใจตลอดระยะเวลานับทศวรรษที่แม่พาเขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ยอดเยี่ยมจำเหตุการณ์นั้นได้ลางเลือน ยิ่งทิ้งระยะให้นานขึ้นเท่าไร ความทรงจำต่อบ้านหลังนั้นก็จางหายไปทีละน้อย

“คิดอะไรอยู่เหรอคะ” หลังจากเคาะประตูอยู่หลายทีและไม่มีการตอบรับ หญิงสาวเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

“เปล่าครับ” ยอดเยี่ยมไม่ตอบความจริง แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรับรู้ได้

“เอกสารที่ให้แก้ไขได้แล้วนะคะ” หญิงสาววางแฟ้มงานที่เขาตีกลับเมื่อครู่ใหญ่ไว้ที่โต๊ะ ไม่มีการถามอะไรเพิ่มเติมอีก

“คุณตาครับ”

“คะ”

ยอดเยี่ยมทิ้งช่วงอยู่นานจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างเงียบไปครู่ใหญ่ การที่ต่างฝ่ายต่างจับจ้องอย่างไร้สรรพเสียงนั้นกลับทำให้ความรู้สึกปะทุดังยิ่งกว่าคำพูดใดๆเสียอีก ต้องตายิ้มให้ยอดเยี่ยมอย่างอบอุ่น ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าชายหนุ่มเลือนหายไปช้าๆโดยมีความอิ่มเอมใจเข้ามาแทนที่

“ไม่มีอะไรครับ คุณตาไปพักเถอะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ต้องตาพยักหน้าและเดินออกไปโดยที่ไม่ตอบอะไร

**********************************************************************

               กว่ารถบัสจะจอดอีกครั้งก็มืดสนิทแล้ว บรรดานักเรียนและอาจารย์พากันเดินลงจากรถทีละคนช่วยกันถือสัมภาระกันอย่างมีไมตรีจิต เสียงอึกทึกดังก้องจนอาจารย์ผู้คุมต้องดุเพื่อให้ลดเสียง เวลานี้สองทุ่มกว่า บรรยากาศของที่นี่มืดมิด มีรถบัสจอดอยู่หลายคันในบริเวณที่จอดรถ เป็นรถของนักแสดงจากโรงเรียนอื่นทั่วประเทศที่ต่างทะยอยเดินทางเพื่อมาเตรียมการก่อนวันแสดงจริงในอีกสองวันข้างหน้า เด็กๆต่างเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่บรรยากาศยิ้มแย้มยังมีอยู่ประปราย

               โรงเรียนที่พวกเขาเข้าพักอยู่ในตัวจังปวัดปทุมธานี เป็นโรงเรียนใหญ่ประจำจังหวัด อาคารเรียนสูงใหญ่หลายตึกเรียงราย แสงไฟยามค่ำคืนยากต่อการบอกให้รู้ว่ามีทั้งหมดกี่ตึก ยิ่งใหญ่ดันหลังแต้มให้เดินนำเข้าไปในอาคาร พวกเขาพักห้องรวมชั้นสอง อาจารย์บอกให้แยกห้องพักชายหญิง แต่พวกนักวอลเลย์บอลชายหลายคนทักท้วง

“แหม จารขา พวกหนูก็ผู้หญิงนะคะ”

“อะไรของพวกเท้อ” อาจารย์ตอบเสียงสูง “ผู้หญิงมีไข่ครูไม่นับย่ะ ไปนอนห้องข้างๆ”

“อาจารย์ขา ให้พวกเขามาพักรวมกะพวกหนูได้ค่ะ พวกหนูไม่ถือ”

“ช่ายๆๆๆ จารขา นะคะๆ ให้หนูไปรวมกับพวกนั้นหนูไม่โอ”

แต้มหาวจนตาปิด ไม่ได้สนใจบทสนทนาดังกล่าวแม้แต่น้อย ยิ่งใหญ่เดินเข้าไปในห้องพักนักเรียนชาย มีฟูกนอนกองที่ฝั่งหลังห้องกองใหญ่ เขาดึงออกมาสองอันและปูตรงมุมห้อง วางเป้ของแต้มไว้ด้านในและเอาข้าวของตัวเองไว้อีกด้านหนึ่ง อาร์ทเดินตามมาและปูฟูกข้างที่นอนของยิ่งใหญ่

“เดี๋ยวพากันไปอาบน้ำนะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ครูนัดแปดโมงเช้านะทุกคน เดี๋ยวจะพาไปทานข้าวและเข้าไปดูสถานที่ซ้อม”

“คร้บ / ค่ะ” เสียงนักเรียนขานรับพร้อมๆกัน

แต้มล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า ยิ่งใหญ่หยิบซาวด์อะเบ๊าท์มาเสียบที่หู ไม่สนใจอาร์ทที่กำลังชวนไปอาบน้ำ

“นายไปก่อนเลย เมื่อกี้เห็นโรงเรียนอื่นอาบอยู่ คนอย่างเยอะ”

“โอเค งั้นเราไปก่อน” อาร์ทตอบเสียงอ่อย และเดินออกไปกับเพื่อนอีกสองสามคน

“นายไม่อาบน้ำเหรอ”

“ง่วงอ่า” แต้มตอบ

“เห้ยไปอาบหน่อยมั้ย”

“อีกแป๊บได้มั้ย” แต้มต่อรอง

“ตามสบาย” ยิ่งใหญ่นอนลงข้างๆ นักเรียนชายจากอีกโรงเรียนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยอาการงัวเงียเนื่องจากเพิ่งมาถึง ไม่มีใครทักทายใคร ต่างก็พากันปูที่นอนและลงไปอาบน้ำ

อาร์ทกลับมาในอีกชั่วโมงถัดไป

“นานจัง” ยิ่งใหญ่ถาม

“คนเยอะมาก ดีนะที่ได้อาบเร็ว ไม่งั้นรอนานกว่านี้อีก”

“ยังไง” ยิ่งใหญ่ถามสั้นๆ

“ก็อาบห้องละสองคนไง เรากะโบ๊ท”

“อ่อ” แล้วยิ่งใหญ่ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“แต้ม ไปอาบน้ำกัน” เขาเขย่าตัวเพื่อนที่นอนหลับเป็นตายอยู่ข้างๆ

“อื้อ” แต้มงัวเงียตอบ

“เร็วๆ เมื่อกี้ผู้หญิงมาบอกว่ามืดมาก น้องแก้วเห็นเงาตะคุ่มๆกรี๊ดใหญ่เลย” ยิ่งใหญ่ใส่ไฟ

“หืม จริงดิ” แต้มลืมตาโพลง ขนลุกชันด้วยความกลัว

“นายก็รู้ว่าน้องแก้วมีเซ้นส์”

“หยุด” แต้มห้าม “จะอาบก็ไป” เขาดูเวลาที่นาฬิกาติดผนังในห้อง 21.45 น.

แล้วเสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบ

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” นักเรียนชายผุดลุกผุดนั่ง บ้างก็วิ่งไปตามเสียงกรีดร้องก่อนจะมีเสียงฝีเท้าวิ่งกันอุตลุด

“เกิดอะไรขึ้น” อาจารย์วิ่งออกมาถาม

“ผี หนูเห็นผี” น้องแก้ว นักเรียนชั้นม.ต้นของโรงเรียนหวีดร้องอย่างผวา แก้วเป็นคนที่เพื่อนๆจะรู้ว่ามีประสาทสัมผัสด้านนี้ดีเป็นพิเศษ จนบางคนถึงขั้นออกปากว่ามันออกจะเหลือเชื่อเกินไป

“บ้าน่า ผีเผอที่ไหน” อาจารย์ปลอบขวัญลูกศิษย์ นักเรียนมุงต่างจับจ้องอย่างจดจ่อ

“ไปๆๆๆ แยกย้าย ไม่มีอะไรหรอก น้องเค้าแค่ตาฝาด” ถึงอาจารย์จะพูดแบบนี้ แต่แต้มก็อดใจเสียไม่ได้ เวลานี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ถ้าเป็นที่บ้านคงปิดไฟนอนกันจนหมดแล้ว ความมืดด้านนอกครอบคลุมไปทั่ว นักเรียนชายหลายคนที่กำลังจะไปอาบน้ำต่างหยุดชะงัก บ้างก็เข้านอนไปเลยก็มี

“นายจะไปอาบน้ำจริงเหรอ” แต้มถาม

“อืม ไปสิ เหนียวตัวจะตาย”

“แต่...”

“ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวอาบด้วยกันก็ได้” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงเรียบๆ แต่ในใจนึกขอบคุณน้องแก้วที่เจออะไรๆในจังหวะที่ลงตัวพอดี



 **********************************************************************
จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 39 (UP:: 4 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-09-2018 14:26:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงนะจ๊ะ  ย.ย.
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 39 (UP:: 4 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-09-2018 20:43:59
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 40 (UP:: 17 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-09-2018 18:19:32


ตอนที่ 40. เติบโตขึ้นทีละน้อย

บั๊มพ์เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบโดยมีภัทรเดินตามหลัง อาการของพิสันต์คงตัวแต่ยังต้องพึ่งยาแก้ปวด ถึงแม้จะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว รอยแผลที่ถูกยิงนั้นเริ่มแห้ง แต่ความเศร้าในแววตาของเพื่อนยังไม่จางหาย พิสันต์เป็นคนที่เงียบอยู่แล้วในเวลาปกติ แต่ยิ่งนิ่งงันขึ้นไปอีกหลังจากเหตุการณ์นี้ ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่องราวที่ชัดเจน ถึงแม้ยอดเยี่ยมจะถามต้นสายปลายเหตุจากนิสาลูกพี่ลูกน้องของพิสันต์แล้วก็ตามที เหมือนดังว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นความลับตลอดไป

“ไปทางไหนต่อ” ภัทรถาม บั๊มพ์ไม่ตอบแต่ชี้ในทางที่จะไป พวกเขาเดินตามทางก่อนหลุดเข้ามาในลิฟต์ด้านหลังโรงพยาบาลเพื่อลงมาที่ลานจอดรถ

“ลำบากเหมือนกันเนาะ นักข่าวนี่ก็หูตาไว้เป็นสัปปะรดเชียว”

“ปกติ” ภัทรตอบอย่างไม่ใยดีกับเรื่องพรรค์นี้ เขาอยู่ในวงการบันเทิงมานานพอที่จะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก ยิ่งอะไรที่ขายได้ยิ่งหอมหวานชวนให้ฝูงไฮยีน่ามารุมทึ้ง เขาถอดวิกออกยีผมที่พันกันยุ่งเหยิงให้พ้นสายตา ขยับแว่นกันแดดราวกับมันจะเลื่อนหลุดออกจากจมูกโด่งนั้นเพื่อแก้เก้อที่สภาพทรงผมดูไม่ดีเท่าที่ควร

“นายรู้ใช่ไหมว่าแม่ของไอ้ยอดอยู่ที่ไหน”

“อืม ไอ้ยอดบอกแล้ว” ภัทรพยักหน้า ก่อนที่จะเคลื่อนรถออกจากลานจอดมุ่งไปยังทิศทางที่ต้องไป

ยอดเยี่ยมอยู่ในห้องพักผู้ป่วยตั้งแต่เช้า มือหนึ่งกุมมือที่แสนเปราะบางของผู้เป็นแม่ไว้ อีกมือหนึ่งจับโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทีที่ลังเล

“คุณยอด...” ต้องตาไม่รู้จะปลอบอย่างไร ผู้เป็นแม่ของแฟนหนุ่มร้องขออย่างน่าสงสารเพื่อต้องการจะพบกับลูกชายคนเล็กสักครั้ง ที่ผ่านมายอดเยี่ยมโทรหาน้องชายหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ตลอดเวลา

“ตาขอช่วยคุณยอดในเรื่องนี้นะคะ”

“คุณตาจะทำยังไงครับ ในเมื่อผมเป็นพี่ชายแท้ๆขอร้องให้มายังไม่มาเลย”

“ตามีวิธีค่ะ เชื่อมือตานะคะ”

 เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาก่อนที่ยอดเยี่ยมจะได้ตอบอะไรไป ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาของสองหนุ่มเดินมาอย่างมีออร่า ในมือถือกระเช้าของฝากราคาแพง ชายหนุ่มต่างทักทายกันเองอย่างคุ้นเคย และทักทายต้องตาอย่างให้เกียรติ

“ตาขอตัวก่อนนะคะ” ต้องตาเอ่ยปากเพื่อเลี่ยงออกมาด้านนอกเพื่อให้เพื่อนๆได้สนทนากันอย่างไม่เคอะเขิน หญิงสาวเดินผ่านห้องพักออกมานั่งรอที่โซฟารับแขกของอาคารผู้ป่วยระดับวีไอพี เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรออกที่คุ้นเคย

**********************************************************************

รถบัสเคลื่อนออกจากโรงเรียนที่พักตั้งแต่เช้า นักแสดงทุกคนแต่งกายในชุดนักเรียนถูกระเบียบเนื่องจากทางอาจารย์ได้ขอไว้ กำหนดการของพวกเขาคือช่วง 10.00 น.ถึงเที่ยง เพื่อซ้อมคิว บล็อกกิ้งและซ้อมเสมือนจริง ถึงแม้ว่าการแสดงทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น แต่พวกเขาต้องจัดแจงทุกอย่างเพื่อให้การแสดงออกมาดูดีที่สุด

“เราได้ซ้อมจริงแค่วันนี้นะคะ เพราะมีหลายโรงเรียนต้องต่อคิวซ้อม เราจะแสดงจริงวันมะรืน แสดงว่าพรุ่งนี้เราว่าง ครูจะพาไปเที่ยว” เสียงนักเรียนร้องเฮตอบรับกันอย่างดีใจเมื่ออาจารย์พูดจบ รถจอดที่อาคารศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พวกเขาทะยอยเดินลงอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะไปนั่งทานมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่แถวนั้น

“อาจารย์ครับ” แต้มอยู่หลังสุด ทิ้งช่วงให้ยิ่งใหญ่และทุกคนเดินไปก่อน

“ว่าไงคะแต้ม” การที่อาจารย์เรียกชื่อเล่นนักเรียนเป็นการแสดงความเป็นกันเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการละลายพฤติกรรม

“คือ...” แต้มพูดในสิ่งที่ตนต้องการ และคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นก็คือ

“ได้ค่ะ แต่อย่ากลับดึกเกินไปนะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์” แต้มไหว้อย่างดีใจ ก่อนที่จะวิ่งไปนั่งเก้าอี้ที่ยิ่งใหญ่จองไว้ให้แล้ว

“นายไปพูดอะไรกับอาจารย์” ยิ่งใหญ่ถาม

“นายเป็นพ่อเรารึไง ถามจริง”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ยิ่งใหญ่นิ่วหน้า แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าถ้าแต้มไม่บอก ต่อให้ง้างปากก็ไม่มีคำตอบ

“คิดอะไรอยู่เหรอ” แต้มถาม

“คิดถึงเรื่องเมื่อคืน”

“เรื่องอะไร”

“อาบน้ำ” คนตอบทำหน้าแป้นแล้น ผิดกับแต้มที่หุบปากเสียสนิทถึงแม้พยายามจะสลัดให้ออกไป แต่เรื่องราวเมื่อคืนกลับเด่นชัด

 หลังจากที่น้องแก้วหวีดร้อง บรรยากาศของโรงเรียนดูเงียบสงัดขึ้นในทันใด นักเรียนชายหลายคนต่างพากันนอนโดยที่ไม่อาบน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นคือไฟตามทางเดินปิดมืดราวกับมีคนแกล้งขู่ให้นักเรียนที่เข้ามาพักเงียบเสียงลง แต่ยิ่งใหญ่กลับเดินนำลิ่วโดยมือข้างหนึ่งลากแขนเพื่อนสนิทอย่างไม่หวาดวั่น ถึงแม้ว่ายามปกติเขาจะเป็นคนที่กลัวความมืดมากก็ตาม

“นายแน่ใจนะว่าจะอาบ” แต้มถามซ้ำ

“แน่ใจสิ” ยิ่งใหญ่ตอบ ห้องอาบน้ำอยู่ชั้นล่างหลังอาคารเรียน ห่างจากที่พักไม่ไกลนัก เป็นห้องที่เพิ่งกั้นด้วยไม้อัดเนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีห้องอาบน้ำสาธารณะ ห้องอาบน้ำในโรงยิมมีน้อยจึงถูกจัดแจงให้เป็นที่อาบน้ำของนักเรียนหญิงและอาจารย์เสียแล้ว นักเรียนชายจึงต้องมาอาบกลางแจ้งที่แหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน

“ครับ” ยิ่งใหญ่รับสายที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไม่ ยังไงก็ไม่” แต้มมองอาการของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ยิ่งใหญ่กดวางสายทันทีที่พูดจบ ใบหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีคำพูดใดๆออกมาอีก สองขายาวก้าวไปในมุมที่มืดมิด ก่อนจะควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ

แต้มนั่งลงที่ม้านั่งติดกับเพื่อนที่กำลังนิ่งเงียบอัดควันบุหรี่เข้าปอด สายตายิ่งใหญ่เลื่อนลอย แต้มเท้าแขนลงบนม้าหินอ่อนเย็นเยียบ พิงแผ่นหลังไปกับโต๊ะปล่อยให้ความเงียปกคลุมโดยปราศจากคำพูดใดๆจนกระทั่งยิ่งใหญ่เสร็จจากการสูบบุหรี่มวนที่สอง เจ้าตัวจึงเปิดปาก

“พี่ยอดโทรมา” น้ำเสียงของเขายังตึงเครียด แต่ก็ไม่เท่ากับเมื่อสักครู่ “บอกว่าแม่อยากเจอเรา”

“แล้วนายโอเคไหม”

“อื้อ” ยิ่งใหญ่ก้มหน้า “มั้ง” เสียงสูดลมหายใจหอบแรงทำให้แต้มจับจ้องไปที่เพื่อนสนิท

“ถ้าไม่ไหวก็ร้องออกมา เราอยู่ตรงนี้”

“อื้อ” ยิ่งใหญ่ปล่อยน้ำตาให้ไหลริน เขารู้สึกว่าสามารถปลดปล่อยความอ่อนแอได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้

“ขอบใจนะ”

“ขอบใจอะไร” แต้มถาม แต่ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา

“เราขอพิงนายได้ไหม”

“ได้ดิ ทำยังกะนายไม่เคย” ยิ่งใหญ่ยังก้มหน้า แต่ใช้หน้าผากพิงกับไหล่ของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ความเปราะบางเกาะกินใจเริ่มจางหาย มีแต่ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่ามันมาตั้งแต่ตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าการได้อยู่กับคนๆนี้ทำให้ความรู้สึกของตนไม่เหมือนเดิม

“นายรู้มั้ยว่าทำไมเราถึงสูบบุหรี่”

แต้มส่ายหน้า “ไม่รู้”

“ทำไมนายไม่ถามเราล่ะ ไม่อยากรู้เหรอ”

“ถ้าเราอยากรู้แต่นายไม่อยากบอก เราจะถามไปทำไมล่ะ”

“ใครบอกว่าเราไม่อยากบอกล่ะ”

“อยากบอกก็บอกมาสิ”

“นี่คือนายถามเราแล้วใช่ไหม”

“เปล่า” แต้มตอบสั้นๆตามแบบของตัวเอง

“อ้าว เออ ช่างเหอะ” ยิ่งใหญ่ปาดน้ำตา รู้สึกปวดแสบไปทั้งสองข้าง “เราเริ่มสูบตอนม.ต้น”

“หืม”

“ใช่ ตอนนั้นเราเพิ่งเป็นวัยรุ่นไง พ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน เราเลยใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับเพื่อนๆ ทั้งเที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่”

“เป็นหนักนะเนี่ย”

“อืม ก็ใช่ ตอนนั้นเราเหงา นายเข้าใจใช่ปะว่ามันเหงา ไม่รู้จะกลับบ้านไปทำไม บ้านหลังเบ้อเริ่มแต่ไม่มีใครอยู่ กลับไปก็มีแต่ความว่างเปล่า มันเหงาจนอยู่ไม่ได้ เราเลยต้องไปเจอเพื่อน”

“แล้วพวกนั้นก็ชวนนายสูบบุหรี่”

“เปล่า ไม่มีใครชวน เราสูบเอง เราอยากเป็นอย่างคนอื่น การที่เราทำแบบนั้นมันทำให้เรารู้สึกสนิทใจกับพวกเพื่อนๆ เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม”

“แล้วตอนนี้พวกเขาไปไหนแล้วล่ะ”

“ไม่รู้” ยิ่งใหญ่ตอบเรียบง่าย “อยู่ๆทุกอย่างมันก็หายไป”

“นายก็เลยย้ายโรงเรียนมาที่นี่งั้นเหรอ”

“ทำนองนั้น” ยิ่งใหญ่สะบัดหัวไปมาอย่างแรงพลางผุดลุกทันที “ไปอาบน้ำเถอะ ดึกละ”

แต้มบิดตัวอย่างขี้เกียจ มองร่างสูงนั้นอย่างยากที่จะบอก แววตาที่เศร้าสร้อยช่างสวนทางกับท่าทีที่คนทั่วไปมองมาเป็นอย่างยิ่ง เกราะกำบังที่โอบอุ้มนั้นกระเทาะออกมาทีละน้อยเหมือนกับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เติบโตอย่างช้าๆแต่ทว่ามั่นคง “นายจะอาบห้องเดียวกันจริงเหรอ”

“จริงสิ หรือนายจะอาบแยก ถ้าเจออะไรอย่าวิ่งหนีก่อนละกัน” ยิ่งใหญ่ขู่ แต้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำห้องเดียวกัน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 40 (UP:: 17 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-09-2018 18:37:51
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 40 (UP:: 17 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2018 20:12:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องตาใช้วิธีใดหนอ?  โทรหาน้องชายหรือป่าว?
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 40 (UP:: 17 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-09-2018 15:25:12
:pig4: :pig4: :pig4:

ต้องตาใช้วิธีใดหนอ?  โทรหาน้องชายหรือป่าว?


ทำไมเดาถูก เอิ๊ก เอิ๊ก  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 41 (UP:: 30 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 30-09-2018 15:20:22


ตอนที่ 41. สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

ต้องตากอดรัดน้องชายราวกับว่าเป็นเด็กอายุห้าชวบก็ไม่ปาน แต้มมีท่าทีเก้ๆกังๆเนื่องจากไม่คาดคิดว่าพี่สาวของตนจะแสดงอาการดีใจขนาดนี้ กลิ่นน้ำหอมเบาบางโชยกระทบจมูก พี่ต้องตาเป็นผู้หญิงที่สวยจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน เพราะว่าหน้าตาที่ค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าดูดีของตนเองมักจะถูกคนอื่นเปรียบเปรยเสมอ ว่าเขาเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง

“พอแล้วพี่ตา อายเค้า”

“แหม ก็ได้จ้ะ ลืมไปว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว จะให้มากอดรัดฟัดเหวี่ยงเหมือนตอนเป็นเด็กคงไม่ได้”

“ไอ้ได้มันก็ได้หรอกครับ ถ้าพี่ไม่ทำกลางห้างแบบนี้” แต้มกวาดสายตาเป็นสัญลักษณ์ให้พี่สาวมองตาม ต้องตาหัวเราะร่วนก่อนที่จะเปลี่ยนบทสนทนา

“ขอบใจมากนะที่พาใหญ่มาด้วย”

“รายนั้นเค้ายังไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงอยากเจอ”

“ใหญ่จ๊ะ วันนี้อยากทำอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

“ไม่มีครับพี่ตา” ยิ่งใหญ่ตอบอย่างเกรงใจ

“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วพี่จะพาเที่ยว” สองหนุ่มหูผึ่งกับคำว่า กิน และ เที่ยว เป็นอย่างมาก วันนี้ทั้งคู่ออกจากโรงเรียนที่พักแต่เช้าเพื่อมาพบต้องตาตามที่แต้มได้ขออนุญาตไว้ อาจารย์กำชับให้พากันกลับก่อนสองทุ่ม เนื่องจากระยะทางที่ค่อนข้างไกล แต่ดีที่ยอดเยี่ยมให้คนขับรถไปรับสองหนุ่มถึงโรงเรียน

“กินอันนี้เนอะ” ต้องตาชี้ไปร้านสุกี้ ผู้คนในร้านพลุกพล่านไม่น้อย

“กิน” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด

“เห็นแก่กิน” แต้มแซว

“ก็อยากกินอยู่พอดีนี่นา หรือนายจะไม่กิน เป็ดย่างของชอบของนายด้วยนะ”

“หึ รู้ดี”

“งั้นเราบอกพี่ตานะว่านายไม่กิน”

“ไม่ต้อง” แต้มดุก่อนจ้ำอ้าวตามพี่สาวเข้าไปในร้านโดนไม่สนใจเพื่อนที่กำลังหัวเราะอยู่ด้านนอก

พวกเขาสั่งอาหารมาเยอะ ต้องตาไม่แปลกใจที่เห็นภาพนี้เพราะทั้งคู่ต่างอยู่ในวัยกำลังโต ระบบการเผาผลาญยังดีอยู่เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ในวัยของตน สองหนุ่มสนิทกันมาตั้งแต่งานศพของปู่ ต้องตาเห็นแววตาชื่นชมของยิ่งใหญ่ที่มีต่อน้องชายของเธอก็รู้สึกดี และรู้สึกดีใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดของแฟนตนเอง

“พี่ตาไม่ทำงานเหรอครับวันนี้” แต้มตักเป็ดย่างให้พี่สาวก่อนจะถามออกมา

“จริงๆก็ทำ แต่คุณยอดอนุญาตให้พาพวกเรามาเที่ยวก่อนได้”

“แล้วพี่ยอดไปไหนอะครับ” ยิ่งใหญ่เป็นคนถามถึงพี่ชาย

“คุณยอดทำงานจ้ะ ตอนเย็นก็ไปโรงพยาบาล” ยิ่งใหญ่กำตะเกียบแน่นเมื่อพูดถึงคำว่าโรงพยาบาล “ไม่ต้องคิดมากนะครับใหญ่ คุณยอดเค้าเข้าใจความรู้สึกใหญ่ดี”

“พี่ยอดน่ะเหรอ” คำนี้เหมือนประชดประชันอยู่ในที

“ใช่สิจ๊ะ” ต้องตายิ้มอย่างจริงใจ ความสวยงามบนใบหน้ากับคำพูดอ่อนหวานละลายหัวใจใครมานักต่อนักแล้ว “คุณยอดเคยบอกว่าอยากขอโทษใหญ่มาก”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ทุกเรื่อง” ต้องตาตอบชัดเจน “คุณยอดบอกว่าเสียใจที่แม่พาเค้ามาอยู่ที่นี่ เสียใจที่ไม่ได้เล่นกับน้องชาย เสียใจที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนที่ผ่านมา”

ยิ่งใหญ่กำตะเกียบแน่นกว่าเดิม แต้มใช้มือข้างหนึ่งแตะไหล่เกร็งนั้นแผ่วเบา

“พี่ขอโทษนะจ๊ะที่พูดเรื่องนี้ ทั้งๆที่พี่ไม่ควรพูดเลย” ต้องตารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“ขอบใจมากนะ” ต้องตายิ้มให้ยิ่งใหญ่ “พี่อิจฉานะที่ใหญ่มีพี่ชายดีๆอย่างคุณยอด”

“ครับ”

“แล้วพี่ก็อยากจะขอบใจด้วยที่ดูแลแต้มเป็นอย่างดี”

“ไม่จริงอะ ผมต่างหากเป็นคนดูแล” แต้มแก้คำพูดพี่สาว

“หึ นายน่ะเหรอมีแต่บ่น บ่น บ่น” ยิ่งใหญ่เถียง

“เอาล่ะพอก่อนค่ะพอก่อน ใจเย็นๆไม่เถียงกันนะหนุ่มๆ” ต้องตากลั้นขำ “ไปจัดการอาหารก่อนเดี๋ยวพี่พาเที่ยว”

สองหนุ่มกำจัดอาหารทั้งหมดจนเกลี้ยงและตามด้วยของหวานอีกคนละสองอย่าง ต้องตามองดูเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างตะลึงกับภาพที่ได้เห็น รอยยิ้มของสองหนุ่มสวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่ส่งผ่านให้กันและกัน มันคือเสน่ห์แห่งวัยหนุ่มสาวที่เราสามารถพบเจอได้ง่ายๆแต่น้อยคนนักที่จะสังเกตและตักตวงเอาความรู้สึกดีเหล่านี้มาเติมเต็มความสุขในใจ

“เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะไปไหว้พระกันก่อน” ต้องตาแจงแผน “วัดที่เราจะไปคือวัดพระแก้ว จากนั้นพี่จะพาเรานั่งเรือเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามบ่าย ถ้ามีเวลาจะพาไปเที่ยวต่อที่เขาดิน”

“งั้นเราข้ามไปที่เขาดินเลยได้มั้ยครับ” แต้มเสนอ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยไปเที่ยวสวนสัตว์เลยสักครั้ง

“ที่เราอยู่ตอนนี้ใกล้กับวัดพระแก้วมากกว่า งั้นหลังจากไหว้พระก็ไปเขาดินกันเลย ดีมั้ยหนุ่มๆ” เมื่อสองหนุ่มเห็นด้วยกับแผนนี้เป็นอย่างมาก ต้องตาจึงแจ้งคนขับรถให้พาไปสถานที่แรกและที่ที่สอง พวกเขาจบจากเขาดินก็เกือบบ่ายสามโมงเย็นแล้ว แต้มตื่นตากับบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ในกรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิปโปโปเตมัสขนาดมหึมาที่ยื่นหน้ารอกินอาหารจากนักท่องเที่ยว ยิ่งใหญ่ถูกอกถูกใจกับหมีควายตัวใหญ่ที่ดำผุดดำว่ายในสระน้ำเล็กๆในกรงของมันสลับกับการขึ้นมานั่งบนหินก้อนใหญ่เพื่อเล่นกับเพื่อน ก่อนกลับลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำอีกครั้งราวกับว่าเป็นกิจวัตรที่ทำไม่รู้จบ

“หนุ่มๆร้อนมั้ย มาดื่มน้ำกันก่อน” ต้องตายื่นน้ำอัดลมให้คนละกระป๋อง ทั้งคู่ดื่มรวดเดียวเกลี้ยงด้วยความกระหาย อากาศวันนี้ร้อนอบอ้าวเสียจนเสื้อยืดเปียกปอนด้วยเหงื่อ

“สนุกมั้ย”

“สนุกครับพี่ตา ขอบคุณนะครับที่พามา” ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายตอบ

“อยากไปที่ไหนกันอีกรึเปล่า” ต้องตาถามพลางลูบศีระษะน้องชายอย่างรักใคร่ ยิ่งใหญ่มองภาพนี้อย่างประทับใจในความรักที่ทั้งคู่มีให้กันอย่างสุดซึ้ง ถึงแม้มันไม่ใช่การแสดงกระทำที่น่าซาบซึ้ง แต่การดูแลกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆตั้งแต่การตักอาหารให้กัน แต้มปัดกางเกงเปื้อนฝุ่นของพี่สาว ต้องตาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้น้องชาย ต่างเป็นภาพที่สะท้อนให้ยิ่งใหญ่รู้สึกตื้นตันและอ่อนแอไปในคราวเดียวกัน

“ไม่แล้วล่ะครับ แค่นี้ก็รบกวนพี่ตามากแล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบอีกครั้ง

“ไม่มีที่อยากไปจริงๆเหรอใหญ่” ต้องตาถามย้ำอีกที ราวกับกำลังลองใจเด็กหนุ่ม

“นั่นสิ นายไม่มีที่ที่อยากไปแล้วจริงๆเหรอ” แต้มช่วยเสริม

ยิ่งใหญ่มองที่เพื่อนสนิทด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความกังวลใจมากมายในนั้น แต้มใช้มือดันหัวของเพื่อนก่อนจะถามซ้ำอีกที “แน่ใจนะว่าไม่อยากไปที่ไหนอีก”

**********************************************************************

ยอดเยี่ยมรู้สึกแปลกใจที่ต้องตามั่นใจเรื่องที่จะพาน้องชายของเขามาเยี่ยมผู้เป็นแม่อย่างมาก แต่ไม่มีโอกาสถามว่าแฟนสาวของเขาจะทำอย่างไร ในเมื่อตัวเองที่เป็นพี่ชายแท้ๆของยิ่งใหญ่ทั้งโทรไปขอร้อง ส่งข้อความไปหายังไม่มีการตอบรับจากน้องชายตัวดีเลยสักครั้ง

“ยิ่งใหญ่น่ะเป็นเด็กดีนะคะคุณยอด” ต้องตากล่าว “ถึงปากจะแข็งแต่ลึกๆแล้วเค้าเป็นห่วงแม่เค้ามากนะคะ”

“เป็นห่วงแล้วทำไมไม่คิดจะมาเยี่ยมล่ะ นี่มากรุงเทพแท้ๆยังไม่คิดจะมา”

“คุณยอดต้องใจเย็นสิคะ พูดยังกับตัวเองไม่เคยเป็นวันรุ่นมาก่อนอย่างนั้นแหละ” ต้องตาพูดอย่างใจเย็น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการเอาน้ำมันก๊าดราดบนกองไฟ มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

“ผมขอโทษครับที่ใจร้อน แต่..”

“เชื่อเถอะค่ะ ตามีวิธีของตา จากที่ตาเคยเจอใหญ่ตอนงานศพคุณปู่ ตารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนนิสัยดีมาก” ต้องตาจับมือใหญ่ที่วางอยู่ข้างตนอย่างไม่เคอะเขิน “ยังไงตาก็มั่นใจค่ะ ว่าน้องใหญ่จะต้องมา”

“ผมก็หวังว่าอย่างนั้นนะครับคุณตา” ยอดเยี่ยมหลับตาพลางครุ่นคิด นี่ก็ผ่านไปค่อนวันแล้วแต่ยังไม่มีใครมาเยี่ยม หรือว่าวันนี้คุณตาจะทำไม่สำเร็จนะ ชายหนุ่มได้แต่คิด แล้วก็ผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย

ยิ่งใหญ่ยืนเก้ๆกังๆหน้าห้องพิเศษ เขาอ่านชื่อบนกระดาษสีขาวที่สอดไว้ในช่องที่เตรียมไว้หลายสิบรอบ แข้งขาสั่นไม่มีแรงเอาเสียดื้อๆ ข้างหลังมีพี่ต้องตาและแต้มเพื่อนสนิทคอยลุ้นอยู่ไม่ห่าง ยิ่งใหญ่จำได้ว่าไม่มีคำชวนจากทั้งต้องตาและแต้มให้มาที่นี่ ไม่มีใครบังคับเขาด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้เห็นสายสัมพันธ์ระหว่างแต้มกับพี่สาวที่ดูราวกับแม่ลูกกันแสดงความรักความห่วงใยต่อกันในช่วงวันนี้ทั้งวัน ทำให้ยิ่งใหญ่รู้สึกสะท้อนในใจ เขาต้องการแม่ที่คอยดูแลแบบนี้บ้าง อยากได้ไออุ่นของแม่มาปลอบโยนในยามที่ตนอ่อนแอและกำลังจะร้องไห้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเสียใจเพราะตอนนี้แม่กำลังป่วยแต่เขาไม่คิดจะไปเยี่ยมเลยเพราะคำว่าทิฐิ

“แน่ใจนะว่าไม่อยากไปที่ไหนอีก” คำถามของแต้มทำให้เขาคิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุด

“แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไร” แต้มถาม “คือ...”

“นายจำได้ไหม คืนก่อนที่นาย...”

“จำได้” ยิ่งใหญ่ไม่ต้องการให้เพื่อนพูดว่าตนเองร้องไห้เพราะอายพี่ตาที่อยู่ตรงนี้เลยรีบตัดบท

“แล้วนายจะรออะไรอีกล่ะ”

นั่นสิ เขาจะรออะไรอีกล่ะ เมื่อคิดได้ ยิ่งใหญ่เลยเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอย่างช้าๆ

แม่นอนอยู่บนเตียงที่ยกสูงประมาณเอวของเขา สายท่อต่างๆวางเรียงรายไว้ด้านข้าง มีถังอ๊อกซิเจนที่ดูระเกะระกะตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง แม่ไม่มีผมแล้ว เขาสังเกตจากหมวกผ้าที่แม่สวมอยู่เพื่อกันหนาวหรืออย่างไรไม่รู้ปิดทับ พี่ยอดนอนหลับที่โซฟา พี่ชายที่ดูแก่ลงไปราวสิบปีเนื่องจากต้องโหมทั้งงานและมาดูแลผู้เป็นแม่ ยิ่งใหญ่ก้าวไปช้าๆ โดยมีแต้มให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง

แม่พลิกตัวไปมาก่อนที่จะลืมตาทีละนิด แม่หรี่ตาราวกับหลบแสงสะท้อน หรือสายตาแม่อาจจะยังปรับไม่ทันก็เป็นได้ วินาทีที่แม่ลืมตาและยิ้มนั้น ยิ่งใหญ่เห็นน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลเอ่อออกมาจากสองตาที่อยู่อ่อนล้า แม่รีบยกมือมาปาดมันทิ้งโดยเร็ว เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวรอบดวงตา เขาพยายามสะกดกลั้นไม่ให้มันไหลริน แต่วินาทีที่แม่อ้าแขนออกมารอยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจสะกดกลั้นมันได้แล้ว

 ยอดเยี่ยมตื่นขึ้นมาเห็นภาพสองแม่ลูกกอดกันด้วยความดีใจ เขาขยับปากเป็นคำว่าขอบคุณกับต้องตาที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ ก่อนที่จะกดส่งข้อความหาใครคนหนึ่งว่า “ใหญ่มาแล้วนะครับพี่”

 ไม่นาน หมอหนุ่มที่หน้าตาคล้ายยิ่งใหญ่ในเวอร์ชั่นอายุขึ้นเลขสามก็ปรี่เข้ามา ยิ่งยศรู้สึกดีใจไม่ต่างกับผู้เป็นแม่และยอดเยี่ยมที่ได้เห็นภาพน้องชายของตนมาอยู่กับผู้เป็นแม่

“ว่าไงไอ้เสือ กว่าจะมาได้นะ” ยิ่งยศแซวน้อง

“อะไรพี่ยศ มาก็มาว่า”

“เห้ย พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” หมอหนุ่มใช้มือยีหัวน้องชายคนเล็กอย่างสนิทสนม

“เออนี่พี่ยศ พี่ชายคนโตของเรา ส่วนนี่แต้มเพื่อนสนิทผม น้องชายพี่ต้องตา” ยิ่งใหญ่แนะนำทั้งสองฝ่าย แต้มยกมือไหว้ ยิ่งยศรับไหว้พร้อมกับส่งยิ้มกว้าง

“ขอบใจมากนะแต้ม อ้อต้องตาด้วย ที่ลากไอ้เสือใหญ่มาได้” ยิ่งยศที่อยู่กับครอบครัวช่างมีบุคลิกแตกต่างกับตอนที่อยู่กับคนไข้มากนัก ต้องตาลอบสังเกตท่าทางมาพักใหญ่ ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งมั่นใจว่ายิ่งยศนั้นเหมือนยิ่งใหญ่มากกว่ายอดเยี่ยมเสียอีก

“ใหญ่อยากมาเองครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” แต้มตอบตามจริง

“ยังไงก็ช่างเหอะ ขอบใจจริงๆ”

“งั้นตาขอตัวก่อนนะคะ ให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันก่อน” สองพี่น้องตัว ต. เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย แต้มเดินตามหลังพี่สาวที่เดินเฉิดฉายราวกับนางแบบ

“ไปไหนกันดี” พี่ตาถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยมากรุงเทพเลยนะพี่”

“เออ นั่นสิ” หญิงสาวฉุกคิด ตอนนี้ก็ประมาณห้าโมงเย็นแล้ว หากไปที่อื่นคงจะกลับโรงเรียนไม่ทัน

“งั้นไปกินข้าวแถวนี้มั้ย ระหว่างรอยิ่งใหญ่” แต้มพยักหน้าและเดินตามพี่สาวไปอย่างว่าง่าย

ทั้งยิ่งใหญ่และแต้มกลับมาถึงโรงเรียนเกือบสองทุ่ม ต้องตาต้องปลุกทั้งสองให้ตื่นเมื่อถึงที่หมายแล้ว สองหนุ่มงัวเงียบอกลาและเดินเข้าไปในโรงเรียนที่มืดมิดนั้น บรรยากาศวังเวงไม่น้อย รถเคลื่อนตัวออกมาจากโรงเรียนและใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อมาที่คอนโดของเธอ

“ตาใกล้ถึงแล้วค่ะ” ต้องตาบอกปลายสาย

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหา”

“ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณยอด กลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ตาค่อยไปเอาที่ออฟฟิศเอง”

“ผมขึ้นทางด่วนมาแล้วครับคุณตา กลับรถไม่ทันแล้วล่ะ เดี๋ยวเจอกันนะครับ” ต้องตาวางสาย เธอลืมนาฬิกาไว้ในห้องน้ำที่โรงพยาบาลตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ช่วงหลังมานี้หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยและล้าจากทั้งการทำงานและการเยี่ยมคนไข้

คนขับเลื่อนรถออกไปไกลแล้วในตอนที่ต้องตาวางสาย หน้าคอนโดของเธอเปิดโล่ง มีรถเข้าออกตลอดเวลา และไม่มีรปภ.เฝ้าเนื่องจากเป็นคอนโดเก่าสร้างมากว่าสามสิบปี สีของมันผุกร่อนจืดจางจนไม่อาจบอกได้ว่าเดิมทีคอนโดนี้ทาสีอะไร ทางเดินไปลิฟต์ต้องผ่านลานจอดรถด้านล่างที่ไฟติดๆดับๆ หญิงสาวไม่ชอบสถานที่แห่งนี้มากนัก แต่ก็ย้ายไปไหนไม่ได้เพราะค่าเช่านั้นถูกแสนถูกในทำเลแถวนี้

ต้องตารู้สึกตัวหมุนคว้าง แรงกระชากบิดตัวเธอกระเด็นกลิ้งกับพื้น ข้อศอกเจ็บจี๊ดจากการกระแทกรับน้ำหนัก หญิงสาวหันมองไปทางต้นตออย่างหวาดหวั่น ตัวของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

“มาแล้วเรอะ นังกากี” ต้องตาจำเสียงนั้นได้ มันเป็นเสียงที่เธอไม่เคยลืม หญิงสาวเคลื่อนตัวไปชิดผนังก่อนดันตัวให้ลุกมาเผชิญหน้ากับคนที่เรียกเธอว่า กากี

“พี่ต้องการอะไรจากฉัน พี่อ๊อด”

**********************************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 41 (UP:: 30 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2018 16:07:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าว...อดีตของต้องตาโผล่มาอีก

เอาหล่ะสิ  แทนที่จะแฮปปี้  ดันมีมาม่าชามโตโผล่มาซะงั้น
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 41 (UP:: 30 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-10-2018 22:35:48
 :katai1:  :katai1:   :katai1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 41 (UP:: 30 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2018 00:07:44
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 41 (UP:: 30 ก.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 06-10-2018 18:14:23
:pig4: :pig4: :pig4:

อ้าว...อดีตของต้องตาโผล่มาอีก

เอาหล่ะสิ  แทนที่จะแฮปปี้  ดันมีมาม่าชามโตโผล่มาซะงั้น


อิอิ ไม่อยากบอกเลยว่าตอนหน้าเข้มข้นมาก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 42 (UP:: 8 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-10-2018 17:39:16


ตอนที่ 42. ความรัก มิตรภาพ และความเกลียดชัง



ชายหนุ่มถอยรถเข้าที่จอดอย่างระมัดระวังเนื่องจากความมืดในโรงรถ บ้านช่องเงียบเชียบเป็นปกติถึงแม้ไม่ได้มานานหลายเดือนแล้วก็ตาม พี่ชายของตนคงโหมงานหนักอีกเช่นเคยจนไม่ใส่ใจบ้านช่องเช่นนี้ เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วจังหันไปปลุกคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆเจ้าตัวหาวและบิดขี้เกียจอย่างไม่เคอะเขิน ราวกับว่ามันเป็นกิจวัตรที่ทำจนชินตาซึ่งกันและกันไปแล้ว

“ไบรต์ครับ ตื่นเร้ว ถึงแล้ว” หลังจากขยี้ตาและบิดขี้เกียจเต็มที่แล้ว ผู้เป็นพี่ก็ปลุกน้องชายตัวเล็กที่หลับอยู่บนเบาะด้านหลังและไม่มีวี่แววว่าจะตื่น

“มาเดี๋ยวเราอุ้มไปเอง”

“ไม่ต้องหรอก เราจัดการเอง นายไปเปิดประตูบ้านก่อนไป” ผู้ตอบเดินออกไปเปิดประตูที่นั่งเบาะหลังอุ้มน้องชายตัวเล็กอย่างทุลักทุเล

“โอเค” หนุ่มหล่อยิ้มหวานก่อนเดินก้าวเท้าไปทางประตูบ้าน ไฟในบ้านมืดมิดไม่ต่างจากด้านนอก เขาใช้มือคลำผนังด้วยความเคยชินเพื่อหาสวิชต์เปิดปิด ไม่นานแสงสว่างก็เข้ามาแทนที่ เสียงประตูปิดปังเพราะลมพัดชวนขนลุกไม่น้อย

“พาตัวเล็กไปนอนในห้องก่อนก็ได้ เราไปขนของก่อนเดี๋ยวตามขึ้นไป” ชายหนุ่มอุ้มน้องชายขึ้นบันไดอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นบ้านของตน ประตูไม่ได้ล็อกเป็นปกติ เขาเอื้อมไปเปิดไฟอย่างลำบากเนื่องจากต้องรับน้ำหนักของน้องชายวัยซนไว้ เมื่อไฟสว่างจึงค่อยโละของที่รกบนเตียงนอนออกและวางคนที่นอนหลับสนิทบนที่นอน

“หิวมั้ย” เสียงตะโกนดังมาจากชั้นล่าง คนถูกถามเดินออกไปที่หน้าห้องก่อนตะโกนตอบคำถาม

“ไม่ กินมาขนาดนี้แล้วจะกินอะไรอีกเยอะแยะ”

“งั้นกินของหวานมั้ย” เสียงนั้นตะโกนถามซ้ำ

“ของหวานอะไร”

ไม่มีคำตอบจากคนที่อยู่ด้านล่าง มีเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นบันไดไม้อย่างรีบร้อนและมาหยุดตรงคนที่ถาม

“นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าของหวานอะไร” ชายหนุ่มใบหน้าหล่อราวกับรูปแกะสลักฉีกยิ้มและใช้มือทั้งสองโอบที่เอวแกร่งของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีความหมาย

“ใครจะรู้ล่ะ ถ้านายไม่บอก”

“หืม ไม่รู้จริงเหรอ แต่นี่มันบอกว่านายรู้อยู่เต็มอกเลยนะ” คนถูกแซวหน้าร้อนผ่าวเพราะท่อนล่างของทั้งคู่ต่างเสียดสีกันไปมาจนไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่แท้จริงได้

“ทะลึ่ง”

“เรารู้ว่านายก็ชอบนะบั๊มพ์”

“ก็ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับว่าของหวานนายอร่อยแค่ไหน” บั๊มพ์ยั่วยวนอย่างไม่อายสายตาที่จับจ้องอย่างกรุ้มกริ่ม เขาแพ้สายตาเจ้าชู้ที่จับจ้องมาอย่างจาบจ้วงเป็นอย่างมาก สายตาที่สามารถเผาผลาญทุกอย่างให้มอดไหม้ได้เพียงได้สบตาแค่ชั่วขณะ   

“นายก็รู้ว่ามันหวานจนนายถอนตัวไม่ขึ้น” ภัทรเชยค้างของอีกฝ่ายขึ้น ประกบริมฝีปากเบียดคลึงอย่างเร่าร้อน เสียงหอบหายใจดังถี่ราวกับคนใกล้สิ้นลม เปลวไฟแห่งความต้องการถาโถมอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง หนุ่มหล่อสองคนโลมเลียกอดจูบกันราวไฮยีน่าผู้หิวโหยเจอเหยื่ออันโอชะ ประตูห้องเปิดอย่างเร็วมือหนึ่งรีบปิดไฟเพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กเห็นภาพในตอนนี้ เมื่อเสื้อผ้าถูกดึงทึ้งถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี เหลือเพียงกล้ามเนื้อแน่นขนัดของวัยหนุ่มที่บดเบียดก่ายกอดพัลวันกันอย่างหิวกระหาย เสียงครางครวญปริ่มจะขาดใจดังสอดแทรกมาเป็นระยะ ความหอมหวนของรสรักพวยพุ่งถึงขีดสุดอีกครั้งเมื่อถูกปรนเปรอด้วยของหวานที่รสชาติละเมียดละไม

“เรารักนายนะบั๊มพ์” เสียงนุ่มทุ้มพร่ำบอก พลางดันซอกเข่าของอีกฝ่ายให้ทบขึ้นมาที่ทรวงอก

“เราก็รักนาย” ภัทรรู้สึกตื้นตันแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินคำนี้จากปากของคนรัก บั๊มพ์รับความรู้สึกทั้งหมดที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันและกำลังสอดผ่านเข้าไปภายในกายของตนอย่างช้าๆ ครางเสียงในลำคออย่างยากลำบาก ความอิ่มเอมลอดทะลวงสู่ภายในจนสุดทาง ความรักเบ่งบานเคลื่อนไหวภายในด้วยจังหวะวอลซ์ในช่วงแรก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะรุนแรงถาโถมดังจังหวะช่ะช่ะช่า

***********************************************************************

คืนนี้เงียบและวังเวงกว่าคืนก่อนเป็นอย่างมาก อากาศก็เหมือนจะลดลงจนเย็นเยียบยิ่งกว่าเก่า ไม่มีเสียงจอแจอึกทึกราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไร้ผู้คน สองหนุ่มขึ้นบันไดด้วยความรู้สึกประหลาด

“นายว่าคืนนี้มันเงียบเกินไปมั้ย”

“นั่นสิ” แต้มเห็นด้วย คนอื่นไปไหนหมดนะ

พวกเขาเดินตามทางสลัวอย่างหวั่นหวาด มันไม่ควรเงียบเชียบขนาดนี้ เพราะจำนวนของนักเรียนที่มาพักมีไม่น้อย หรือว่าทุกคนหลับไปแล้ว...มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่มีใครนอนหลับพร้อมกันในตอนสองทุ่มแบบนี้หรอก เมื่อคืนยังมีคนนอนคุยกันจนถึงเที่ยงคืนอยู่เลย

ยิ่งใหญ่เปิดประตูเข้าไปในห้องพักนักเรียนหญิง ก่อนพบว่าว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ในนั้น

“ยังไม่กลับกันอีกเหรอ”

“บ้าน่า สองทุ่มกว่าแล้ว ไม่กลับมาได้ไง พรุ่งนี้มีงานแสดงตั้งแต่เช้า”

“นั่นสิ แล้วคนไปไหนหมด” ยิ่งใหญ่ยังไม่หายข้องใจ

“ไม่รู้เหมือนกัน เราก็อยู่กับนายเนี่ย” ยิ่งใหญ่ใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่ชายโครงเพื่อนรักดังปึก! แต้มกุมจุดที่โดนนั้นด้วยท่าทางจุกเต็มประตู

“เห้ยๆ เจ็บเหรอขอโทษๆไม่ได้ตั้งใจ ใครใช้ให้นายกวนบาทาเราล่ะ” ยิ่งใหญ่ใจคอไม่ดีที่เห็นอาการของเพื่อนรัก

“หายแล้ว” แต้มทำหน้าทะเล้น นี่เป็นครั้งแรกที่แต้มแกล้งยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ เพราะคนโดนแกล้งหน้าเจื่อนจ๋อยไม่น้อย

“นาย...” ยิ่งใหญ่กัดฟันด้วยความหงุดหงิดที่โดนแต้มหลอกอย่างจัง อีกฝ่ายกลับหัวเราะอย่างสะใจ

“เออ ตลกมากใช่มั้ย”

“ฮ่าๆๆ นายไม่เห็นหน้านายตอนจ๋อยเหรอ มันเหมือนไอ้ตูบข้างบ้านเรามากเลยนะ” ไอ้ตูบคือหมาของลุงข้างบ้านที่ชอบทำหน้าเจื่อนค่อนข้างกลัวคน หูของมันจะพับและก้มหน้านิ่งทุกครั้งที่โดนเจ้าของดุ

“เราไม่ใช่หมา” ยิ่งใหญ่ประท้วง แต่แต้มก็หัวเราะและไม่สนใจอาการของเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งใหญ่ฟึดฟัดกว่าเดิม แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ยิ่งได้เห็นแต้มหัวเราะอย่างมีความสุข ในใจกลับพองโตราวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาคืนชีพเมื่อถูกรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย หากเขาคือต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวต้นนั้น แต้มก็เหมือนคนสวนที่มาดูแลมันจนกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งอย่างมหัศจรรย์

“หัวเราะ หัวเราะ” ยิ่งใหญ่แค่นเสียง ทั้งคู่เดินไปที่ห้องตรงข้ามที่มืดสนิท แต้มเปิดประตูโดยมียิ่งใหญ่ตามหลังมาติดๆ

“เซอร์ไพรส์!!!!!” สองหนุ่มแทบกระโดหนีเพราะเสียงตะโกนดังลั่นนั้น

“อะ อะไร” แต้มถามทั้งที่ยังไม่หายตกใจ

“สุขสันต์วันเกิดนะแต้ม มีความสุขมากๆ” อาจารย์เป็นคนอวยพร

“เรารู้ว่ายังไม่ถึงวันเกิดนาย แต่วันนั้นพวกเราคงไม่ได้มารวมตัวกันตรงนี้แล้ว ก็เลยรวมตัวกันมาจัดงานให้” อาร์ทบอก

“แล้วนายรู้ได้ไง” แต้มถาม อาร์ทไม่ตอบพลางพยักเพยิดหน้าไปทางคนที่อยู่ข้างหลัง เจ้าของวันเกิดหันไปมองใบหน้าที่กลมกลืนกับความมืดนั้นอย่างสุขใจยิ่งกว่าเดิม “ขอบใจนะ”

“ไม่ต้องขอบใจเราหรอก ขอบคุณอาจารย์และเพื่อนๆทุกคนดีกว่า” ยิ่งใหญ่ฉีกยิ้มกว้าง

“ขอบคุณครับอาจารย์ ขอบคุณครับทุกคน” แต้มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนเสียงเพลงอวยพรจะดังขึ้นโดยมีอาร์ทเป็นต้นเสียง ทุกคนต่างปรบมือและอวยพรเมื่อแต้มเป่าเทียนที่ปักบนเค้กวันเกิด เขาไม่เคยคิดเลยว่ามิตรภาพมันจะอิ่มเอมถึงเพียงนี้ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างและมองไปยังเพื่อนรักอย่างขอบคุณ

ยิ่งใหญ่อมยิ้มอย่างปลื้มปริ่มในอก รู้สึกซาบซึ้งกับภาพรอยยิ้มของเพื่อนสนิทที่กระจายเต็มหน้า เรื่องวันเกิดเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความช่วยเหลือของแต้ม ทั้งเรื่องแม่ เรื่องการเรียนและเรื่องมิตรภาพที่แสนอบอุ่น เขาไม่รู้เลยว่า ถ้าชีวิตไม่รู้จักกับคนที่ชื่อแต้ม วันนี้เขาจะเป็นอย่างไร

***********************************************************************

ต้องตาตัวสั่นเทา เธอไม่ได้กลัวคนที่อยู่ตรงหน้า แต่การกระทำของเขามันยิ่งตอกย้ำว่าการตัดสินใจของตนเองว่ามันถูกต้องแล้ว ไม่มีทางที่จะหวนกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป

“ต้องการอะไรน่ะเหรอ หึ” ชายหนุ่มร่างกำยำตอบโต้ด้วยน้ำเสียงดุดัน ดวงตาแดงก่ำและลมหายใจหอบแรงบ่งบอกว่าเขากำลังเมาจัด

“พี่อ๊อดกลับบ้านเถอะ พี่เมาอยู่นะ” ต้องตาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำเรื่องให้มันลุกลามไปมากกว่านี้

“ไม่กลับ ยังไงกูก็ไม่กลับ วันนี้กูต้องเอาเลือดหัวมึงออก”

“หยุดนะพี่อ๊อด พี่จะมาทำอย่างนี้กับชั้นอีกไม่ได้”

“ทำไมจะทำไม่ได้ กูเป็นผัวมึงนะ”

 ต้องตาโกรธจัดจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่ที่ได้ยินคนที่เธอเรียกว่าพี่อ๊อดโพล่งคำนี้ ภาพในอดีตมันไหลย้อนกลับมาในหัว สองมือบางกุมแน่นเมื่อหวนไปนึกถึงเรื่องราวครั้งที่เธอยังไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก เด็กสาวจากหมู่บ้านห่างไกลความเจริญเติบโตมาเป็นผู้หญิงที่สวยสะพรั่งเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทุกวัยที่ได้พบ ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านของวัยหนุ่มสาวเป็นต้นเหตุให้เพื่อนพ้องหรือคนรู้จักของเธอแต่งงาน หรือมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยราวกับเป็นประเพณีนิยมที่ทำสืบต่อกันมาในละแวกนั้น เพื่อนสนิทเธอหลายคนท้องโย้ตั้งแต่ปีกลายและกลายเป็นแม่คนตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้คำว่านางสาวนำหน้า ทุกคนต่างลาออกจากโรงเรียนและกลับมาเลี้ยงลูกที่บ้าน เมื่อลูกโตพอแล้วก็ออกไปทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่ว่าจะงานก่อสร้าง งานปลูกข้าว เกี่ยวข้าว เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและลูกที่กำลังเติบใหญ่

พี่อ๊อดอายุมากกว่าเธอสามปี เป็นชายหนุ่มรูปงามชั้นม.6 ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทุกระดับชั้น ด้วยใบหน้าที่หล่อ(ในสายตาของนักเรียนหญิง) การเรียนปานกลางแต่เก่งด้านกีฬาแทบทุกชนิด เป็นตัวแทนระดับชั้นในกิจกรรมของโรงเรียนนับไม่ถ้วน ทั้งการถือคฑางานกีฬาสี เป็นประธานชมรมฟุตบอลที่เป็นกองหน้าตัวบุกทำประตูทีมคู่แข่งอย่างขาดลอย จึงไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่เนื้อหอมมากขนาดไหน

“พี่อ๊อดพอเถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น”

“ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ” ชายหนุ่มเดินมาอย่างโงนเงน “งั้นให้กูรื้อฟื้นความจำครั้งเก่ามั้ย”

“พี่อ๊อด หยุดนะ ไม่งั้นชั้นจะเรียกให้คนมาช่วย”

“เอาสิ ร้องเลย เรียกมาช่วยเลย เค้าจะได้รู้กันทั่วว่ามึงมันผู้หญิงสำส่อน”

ต้องตาเลือดขึ้นหน้าจึงตบหน้าเขาฉาดใหญ่ อ๊อดไม่สะทกสะท้านกับแรงแค่นี้ หญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความโมโหผู้ชายคนนี้ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาตัดสินว่าตนเป็นคนแบบไหนทั้งนั้น เพราะทุกอย่างที่ผ่านมามันจบลงแล้ว ตอนนั้นเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตกหลุมพรางเปลือกนอกที่สวยหรูของเขา แต่ยิ่งนานวันเข้า อ๊อดยิ่งเผยตัวตนที่แย่เสียจนเธอไม่อาจทนได้ อดีตคนรักของเธอเป็นคนเสเพล รักการดื่มและสังสรรค์ เมื่ออยู่ด้วยก็ยิ่งแสดงอำนาจ ต้องตาไม่สามารถห้ามปรามได้เลย แต่ละครั้งจะจบที่เธอเป็นคนที่ถูกทำร้าย จากคนที่เอ่ยปากว่ารักเธอมากแค่ไหน

“อ๋อ เดี๋ยวนี้ว่าไม่ได้เหรอ เอะอะลงไม้ลงมือใช่มั้ย”

“โอ๊ย” ต้องตาร้องด้วยความเจ็บจากแรงกระชากที่แขนจนหน้าเกือบล้มคว่ำ ราวกับว่าไหล่จะหลุดออกจากตัวก็ไม่ปาน

“เห้ย จะทำอะไรวะ” ยอดเยี่ยมกระชากไหล่หนาของอ๊อดอย่างแรงจนเซไปกองกับพื้น

“คุณยอด” ต้องตาตกใจกับภาพที่ได้เห็น ยอดเยี่ยมผู้แสนดีมีแววตาดุดันราวกับเจ้าป่า

“คุณตาไม่เป็นอะไรนะครับ” ชายหนุ่มจับไหล่อันสั่นเทาของหญิงสาวอย่างหวงแหน พลันความห่วงใยแปรเปลี่ยนเป็นโทสะเดือดดาล เขาโผตัวเพื่อจะเข้าไปทำร้ายคนที่นอนแผ่กับพื้น แต่ถูกหยุดไว้

“อย่าค่ะคุณยอด”

“ไม่ได้นะครับ ไอ้นี่มันทำร้ายคุณตา...”

“มึงเป็นใคร” อ๊อดทะลึ่งตัวเองลุก สองขาง่อนแง่นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “อ๋อ ผัวใหม่สินะ” อ๊อดแค่นหัวเราะหยาม

“ถ้ามึงไม่หยุดดูถูกคุณตา เรื่องไม่จบแค่นี้แน่”

“แล้วมึงจะทำไม นี่ไม่ใช่เรื่องของมึง”

“พี่อ๊อด พอเถอะ” ต้องตาตะโกนลั่น เสียงเอะอะของพวกเขาทำให้คนในคอนโดเข้ามามุงประปราย

“กูไม่หยุด ทำไม แค่นี้ทำหน้าบางเหรอ” อ๊อดแหกปากอย่างเหลืออด

“พี่ไม่อายคน แต่ตาอาย”

“แหม คุณต้องตาครับ แค่นี้ทำหน้าบางนะครับ” อ๊อดพูดสุภาพด้วยน้ำเสียงประชด “ทุกคนครับ เข้ามาดูเลยครับ มาดูผู้หญิงสำส่อน มั่วผู้ชา...”

ผลั่ก!

ยอดเยี่ยมเสยปลายคางอ๊อดด้วยกำปั้นจนเซล้มอีกครั้ง เขาถลาตัวเพื่อจะทำร้ายอีกฝ่ายให้สาสมกับคำพูดที่ไร้สตินั้น แต่ถูกแฟนสาวรั้งไว้

“อย่าค่ะคุณยอด นะคะ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตไปกว่านี้เลย” หญิงสาวขอร้อง

“แต่มัน..” ยอดเยี่ยมยุติเมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอ

อ๊อดถุยน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดกับพื้นอย่างน่ารังเกียจ ก่อนโพล่งหัวเราะเหมือนคนขาดสติ “กูคิดไว้ไม่มีผิด ผู้หญิงอย่างมึงมันมั่ว เอาผู้ชายไม่เลือกหน้า”

“มึงไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับคุณตานะเห้ย” ยอดเยี่ยมตะโกนอย่างเดือดพาล

“ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์ มึงต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์”

“พี่อ๊อด พอซะทีเถอะ กลับไปซะ” ต้องตาไล่

“มึงหุบปาก” อ๊อดด่ากราด “กูเห็นมานานแล้วว่ามึงกับไอ้นี่ไปมาหาสู่กันตลอด”

ต้องตาเลือดขึ้นหน้า “พี่หมายความว่ายังไง พี่เห็นได้ยังไง” ก่อนจะได้คำตอบ เธอก็ฉุกคิดได้ ทั้งเรื่องโดนกระชากกระเป๋าครั้งก่อน และการที่เธอรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลานั้นไม่ใช่เรื่องโชคร้าย แต่มันเป็นฝีมือของใครบางคน

....และคนนั้นก็อยู่ตรงนี้

“หลบไปครับคุณตา” ยอดเยี่ยมบอกหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ไทยมุงต่างสังเกตการณ์อย่างสนอกสนใจ

“มึงต่างหากที่ต้องหลบไอ้หน้าอ่อน”

“ถ้าขืนมึงเข้าใกล้คุณตาอีก กูไม่เอามึงไว้แน่”

“นี่มึงคงหลงเสน่ห์อีนี่มากสินะ” อ๊อดพูดจาหยาบคายอย่างที่สุด หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองหน้าชาไปหมด “มึงรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงมาหามัน” อ๊อดตั้งคำถาม “มึงคิดเหรอว่าอีนี่มันบริสุทธิ์ผุดผ่อง มึงคิดเหรอว่าท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานของอีนี่มันเป็นเรื่องจริง”

“มึงพูดอะไรของมึง”

“นี่มันเรื่องของผัวเมีย มึงแค่คนนอกมึงอย่าเสือก” ต้องตาตัวแข็งทื่อ แขนขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงไปหมดสิ้น สายตามองไปยังแฟนหนุ่มที่มีท่าทีเปลี่ยนไป สิ่งที่เธอกลัวที่สุดได้มาถึงแล้ว...

***********************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 42 (UP:: 8 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-10-2018 19:04:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...มันก็แค่ "อดีต"

คิดมากไปป่าวอิหนู  การเก็บเป็นความลับมันยิ่งทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจถดถอยนาจา

ประกาศไปเลย อย่าได้แคร์สื่อ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 42 (UP:: 8 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 08-10-2018 19:43:06
 :mew5: ชั่วเนอะ ผู้หญิงเลิกเพราะเลวเอง แต่โทษผู้หญิงท :m16:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 42 (UP:: 8 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-10-2018 21:04:25
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 42 (UP:: 8 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 08-10-2018 23:14:28
เรื่องนี้น่ารักจังเลย พึ่งได้มาอ่านขอบคุณมากๆนะคะกับนิยายสนุกๆแบบนี้  o13 o13 พี่ตาอย่าคิดมากเลยนะคะอดีตก็คืออดีตนั้นแหละ 
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 42 (UP:: 8 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 09-10-2018 10:55:08
เรื่องนี้น่ารักจังเลย พึ่งได้มาอ่านขอบคุณมากๆนะคะกับนิยายสนุกๆแบบนี้  o13 o13 พี่ตาอย่าคิดมากเลยนะคะอดีตก็คืออดีตนั้นแหละ

ขอบคุณที่ชื่นชอบนะครับ
ถ้ายังไงแล้วขอฝากเรื่องอื่นๆของไรต์ด้วยนะครับ
1. สัญญาธนาการ (Eternity bondage) - จบแล้ว
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52913.0

2. อยากให้ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง... -  จบแล้ว(เรื่องสั้น)
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54100.0
 

3. One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ - ใกล้จบแล้ว
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0


และอย่าลืมกดติดตาม FB ของไรต์ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/Begintillanend/

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 43 (UP:: 20 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 20-10-2018 20:58:45


ตอนที่ 43. ทองเนื้อเก้า

ผู้หญิงในพ.ศ.นี้ไม่ใช่ช้างเท้าหน้า และผู้ชายก็ไม่ใช่ช้างเท้าหลัง พวกเขาคือผู้กุมอำนาจและเป็นใหญ่ ไม่มีความเท่าเทียมกันในสังคมอย่างแท้จริง ผู้หญิงถูกสั่งสอนให้รักนวลสงวนกายไว้เพราะถูกผู้ชายตีคุณค่าจากความบริสุทธิ์ผุดผ่อง สังคมในยุคก่อนหลังและระหว่างปี 2540 ถูกกล่อมเกลาให้เป็นเช่นนี้ ละครหลายต่อหลายเรื่องจะนำเสนอคุณงามความดีของผู้หญิงผ่านความสวยและบอบบางอ่อนหวาน นางเอกจะถูกปกป้องโดยพระเอกในยามคับขัน จะรอดพ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายได้เสมอ หากนางเอกคนไหนถูกล่วงเกินจากชายที่ไม่ใช่พระเอก เปรียบเสมือนเป็นผู้หญิงไร้ราคาเพราะมีมลทิน

ต้องตาไม่ใช่นางเอก และยอดเยี่ยมก็ไม่ใช่พระเอกสำหรับเธอในครั้งที่ยังอยู่ในวัยเรียน อ๊อดต่างหากคือพระเอกที่คอยปกป้องดูแลเอาใจใส่จนเธอหลงใหลได้ปลื้ม ฉากความรุนแรงที่ปรากฎในละครเสริมสร้างอำนาจให้ผู้ชายอย่างกู่ไม่กลับ นางเอกที่ถูกพระเอกข่มขืนจะตกหลุมรักและอยู่ด้วยกันไปตราบนานเท่านาน แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีใครที่จะอยู่จีรังยั่งยืนกับเราได้ตลอดไป ถึงไม่จากเป็นวันนี้ก็ต้องจากกันอย่างไร้ลมหายใจในวันหนึ่ง

“มึงว่าอะไรนะ” ยอดเยี่ยมถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ต้องตาตัวสั่นทรุดกองกับพื้น น้ำตาแห่งความอดสูไหลนองหน้า ผู้ชายที่เธอเคยรักกำลังทำลายทุกอย่างให้ย่อยยับลงไปต่อหน้าตาต่อตา ยิ่งเธอหนีเท่าไรก็ไม่อาจหนีความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ มันคือสิ่งที่ต้องยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอพร้อมจะป่าวประกาศมันออกมา

“หูหนวกเหรอ” อ๊อดจงใจก่อกวน “กูบอกว่ากูเป็นผัวอีนี่ อีต้องตาแฟนมึงไงล่ะ” ไทยมุงกระซิบกระซาบกันอย่างออกรส ไม่มีใครคิดว่าเรื่องราวมันจะสนุกไม่แพ้ละครหลังข่าวเช่นนี้ ยอดเยี่ยมกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาหันมามองหญิงสาวที่นั่งไร้เรี่ยวแรงกับพื้น

“จริงเหรอครับคุณตา” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

“คุณยอด” เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ถ้าตอบว่าไม่ก็กลายเป็นคนโกหก แต่ถ้าตอบความจริงก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่ไร้ราคาในสังคมตอนนี้ไปทันที

“ตอบไปสิ ตอบความจริงสิวะ” อ๊อดตะโกนอย่างบ้าคลั่งไม่สนใจน้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ยามนี้เขามีแต่ความโกรธขึ้ง ความหึงหวงและความมึนเมาเป็นนายของตน

“คุณตาครับ...” ยอดเยี่ยมก็เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

“ถ้าคุณยอดจะรังเกียจ ตาก็ยอมรับ ตาแค่อยากบอกว่าไม่เคยมีเจตนาจะโกหกหรือปกปิดอะไรทั้งนั้น” หญิงสาวเม้มปากแน่น ความอัดอั้นบีบเค้นอย่างเจ็บปวด เสียงของแม่ที่เคยสอนเธอไว้เมื่อนานมาแล้วดังก้องในหัวว่า อย่าไปยึดติดกับใครหรือของอะไรมากไป ถ้าคนคนนั้นหรือสิ่งๆนั้นมันเป็นของเรา ไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่ไปไหน ต้องตารู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของยอดเยี่ยม เมื่อมันจะต้องจบเธอก็ต้องทำใจและยอมรับกับผลลัพธ์ที่ตามมา “ตากับพี่อ๊อดเคยแต่งงานกัน”

น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลอาบแก้มบางนั้น หญิงสาวก้มหน้ายอมรับความจริงที่เธอต้องเผชิญ “ตาขอโทษนะคะ ถ้าคุณยอดจะรังเกียจหรือจะเลิกกับตา ตาก็ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น”

***********************************************************************

ยอดเยี่ยมคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ถึงแม้ครอบครัวของเขาจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวอื่น แต่สิ่งที่ผู้เป็นแม่หยิบยื่นให้เสมอมาคือความรักและโอกาสทางสังคมที่เปิดกว้าง ทั้งการศึกษาและทรัพย์สิน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกขาดแคลนมาตลอดคือ ความจริง ความจริงที่ว่าทำไมแม่ถึงพาตัวเขาออกมาจากบ้านหลังนั้น มันทำให้สมดุลพื้นฐานที่ควรจะมีลดลง ชายหนุ่มพยายามนึกย้อนว่าเพราะอะไร แต่คำตอบมันช่างลางเลือนเหลือเกิน เมื่อรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่จุดนี้แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมยึดถือมาโดยตลอดคือคำสอนของผู้เป็นแม่ ชีวิตของเขาถูกเติมเต็มตามแบบอย่างที่ควรจะเป็นถแม้จะไม่มีพ่อเป็นพื้นฐานของความแข็งแกร่ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงเป็นแบบอื่น ยอดเยี่ยมยังคงเป็นผู้ชายที่ยึดถือในคำพูดของตนเอง มีความคิดที่ถูกบ่มเพาะมาจากคำว่าอิสระเสรี ไม่มีอะไรถูกต้องไปเสียทั้งหมด แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้ แม่ของเขาก็เฉกเช่นกัน แม่เป็นผู้หญิงที่รักและปกป้องลูกเท่าชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องคนรัก

“นี่คือประวัติของผู้หญิงคนนั้น” แม่ยื่นกระดาษขนาดเอสี่จำนวนสามแผ่นที่เขียนรายละเอียดอะไรบางอย่างให้เมื่อครั้งที่เขากำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์กับเลขาส่วนตัว

“แม่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่ครับ”

“อ่านดูสิ” แม่พูดแค่สั้นๆ ยอดเยี่ยมรับเอกสารและอ่านมันอย่างตั้งใจ

“นี่หมายความว่า...”

“ใช่” มารดาของเขายังนิ่ง เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เจ้ากี้เจ้าการบงการชีวิตของใคร ถึงแม้คนข้างหน้าจะเป็นลูกในไส้ของตนก็ตาม

“ผมไม่รู้มาก่อน” ยอดเยี่ยมกอดอก นึกถึงใบหน้าสวยหวานของคนรักอย่างคาดไม่ถึง

“เรื่องนี้แม่ให้เราตัดสินใจเองนะ ลูกน่าจะรู้จักเธอดีกว่าใคร”

ยอดเยี่ยมยิ้ม “ขอบคุณครับแม่”

“ไว้ว่างๆก็พามาแนะนำให้แม่รู้จักด้วยละกัน” ผู้เป็นแม่เดินออกไปทันทีที่พูดจบ เลขาหน้าห้องของบุตรชายยืนขึ้นยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เธอมองกลับด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา รู้สึกคุ้นตากับผู้หญิงคนนี้ราวกับเคยเห็นมาก่อน แค่แว้บเดียวเท่านั้นเธอก็เดินออกไปและไม่หันหลังมามองอีกเลย

 สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของมลฤดีคือ การที่เธอพาลูกชายคนรองออกมาจากบ้านหลังนั้น และการที่เธอตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ในช่วงแรกของการรักษา มันค่อนข้างที่จะเป็นไปได้ลำบาก ด้วยร่างกายและวัยที่ไม่พร้อมจะรับกับสารเคมีต่างๆ ถึงแม้จะมีบุตรชายคนโตคอยดูแลอย่างใกล้ชิดก็ตาม ความตายก็ยังเป็นสิ่งที่เธอกลัวอยู่เสมอ เพราะมันเป็นเรื่องที่เราไม่มีทางรู้ว่าหลังจากนั้นเราจะพานพบกับอะไร แต่มันคือสิ่งที่เราทุกคนต้องเจอในสักวัน

“แม่รู้สึกยังไงบ้างครับวันนี้” ลูกชายคนโตดูหล่อเหลาเสมอในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแล็กสีดำเรียบกริบ ผมดำหยิกนั้นตัดสั้นช่างเหมือนกับลูกชายคนสุดท้องยิ่งนัก ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาอ่อนโยนนั้นบ่งบอกว่าเป็นห่วงตัวเธอมากเพียงใด

“เวียนหัว” เธอตอบสั้นๆ มือไม้สั่นเทาคงมาจากผลข้างเคียงของยา หมอหนุ่มสั่งพยาบาลก่อนจะขอตัวออกไปตรวจคนไข้อื่น

“ทานมื้อเช้านะคะคุณป้า”

“เอาไว้ก่อนได้มั้ย ชั้นยังไม่หิวเท่าไหร่” มลฤดีมองแฟนสาวของบุตรชายคนรองอย่างเอ็นดู เด็กคนนี้มาเยี่ยมตลอดไม่เคยขาด

“ทานนิดนึงก่อนนะคะ เพราะคุณยศกำชับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นร่างกายจะไม่ไหวเอา”

“เธอนี่น้า” มลฤดีตัดพ้ออย่างอ่อนโยน ไม่แปลกใจเลยที่ยอดเยี่ยมจะหลงรักผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำ การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของต้องตาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นบทพิสูจน์ว่าลูกชายของเธอเลือกคนไม่ผิด

“นะคะคุณป้า ทานนิดนึง ทานเสร็จแล้วตาจะอ่านหนังสือให้ฟังนะคะ”

“ขอเรื่องทองเนื้อเก้านะ” มลฤดีออกปาก ก่อนจะจัดการกับมื้อเช้า หลังจากทานเสร็จต้องตาก็เรียงภาชนะที่ใส่สำรับไว้เพื่อรอให้พนักงานของโรงพยาบาลมาเก็บไปล้าง มลฤดีบอกให้หญิงสาวไปหาอะไรทานก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านหนังสือให้ฟัง สองตาของผู้ป่วยเริ่มหนักแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูและเสียงกระทบของส้นรองเท้าหนังที่คุ้นเคย

“แม่รู้สึกยังไงบ้างครับวันนี้”

“ถามเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยลูกชั้น”

“ฮ่าๆ ก็ผมเป็นห่วงแม่นี่นา”

“ห่วงชั้นแต่กว่าจะมาหาได้นะ ดูแม่หนูต้องตาสิมาหาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง”

“ขอโทษครับ ลูกชายคนนี้ขี้เซาไปหน่อย แล้วคุณตาไปไหนแล้วครับแม่” ยอดเยี่ยมชะเง้อไปที่ประตู

“แม่ให้ไปหาอะไรกินก่อนน่ะ แล้วเรากินอะไรมารึยัง”

“ยังเลยครับ”

“งั้นก็ตามหนูตาไปสิ น่าจะเพิ่งถึงโรงอาหาร”

“ครับ” ยอดเยี่ยมรับคำ ก่อนจะลุกออกไป

“เออ ตายอด”

“ครับ”

“เรื่องหนูตาน่ะ เราคิดว่ายังไง”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็เรื่องที่เค้าเคยแต่งงานมาก่อนน่ะ”

“แม่จะให้ผมคิดยังไงเหรอครับ”

“ถามแม่เหรอ แม่ถามเราอยู่นะ” มลฤดีทำเสียงเข้ม แต่น้ำเสียงนั้นกลับอ่อนโยนมากกว่าจะจริงจัง “ผู้หญิงที่ดีไม่ได้วัดที่อดีต แต่วัดการกระทำปัจจุบัน”

ยอดเยี่ยมยิ้มกว้าง เขาไม่ใช่คนหัวโบราณหรือมีจิตใจคับแคบ และยิ่งไปกว่านั้นต้องตาคือผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยพบพานมาทั้งชีวิต ตอนแรกที่รับรู้เรื่องนี้เขาก็คิดไม่ตก แต่ยิ่งนานวันเขาก็ได้รับรู้ ว่าเขาเลือกคนไม่ผิด

***********************************************************************

“ถึงคุณตาว่าผมก็ไม่เลิก” ยอดเยี่ยมตบกลับทันควัน หญิงสาวเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ “เคยแต่งงานมาแล้วไง ยังไงผมก็รักคุณตา” ยอดเยี่ยมย่างสามขุมไปทางผู้ชายที่ชื่ออ๊อด

“เรื่องของมึงกับคุณตาจบไปแล้ว มึงออกจากชีวิตคุณตาซะ ไม่อย่างนั้นกูไม่รับประกันว่าชีวิตมึงจะเป็นสุข”

“ฮ่าๆๆๆๆ ขู่กูเหรอไอ้หน้าอ่อน แน่จริงมึงก็อย่าแค่ขู่สิ เอาสิ จะทำอะไรกูเอาสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นของกู กูจะทวงทุกอย่างที่เป็นของกูคืนมา”

“คุณยอดพอเถอะค่ะ” ต้องตาห้ามทัพ “ตาไม่ใช่สิ่งของนะพี่อ๊อด และตาไม่ใช่ของพี่” ต้องตาพูดเสียงดัง

“ตำรวจมา” เสียงไทยมุงดังแทรกขึ้นเมื่อเห็นรถสายตรวจแล่นผ่านตึก “คุณตำรวจ...”

อ๊อดไม่รอให้ไทยมุงพูดจบ เขารีบผุดลุกและวิ่งหายไปในความมืดของยามค่ำคืน...



โปรดติดตามตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 43 (UP:: 20 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-10-2018 21:24:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 43 (UP:: 20 ต.ค. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-10-2018 21:31:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

ุึุคุณแม่นี่ไม่ธรรมดา  ไปสืบประวัติมาอย่างละเอียดหมดจด
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 44 (UP:: 12 พ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 12-11-2018 11:18:47


ตอนที่ 44. เช้าวันใหม่



เช้านี้พวกนักเรียนต้องตื่นกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมตัวและซักซ้อมการแสดงเป็นครั้งสุดท้าย อาจารย์พาลูกศิษย์ทุกคนมาไหว้ที่ศาลพระภูมิของโรงเรียนเพื่อเสริมกำลังใจก่อนเดินทางไปที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเพื่อแต่งหน้าและตรวจสอบการแต่งตัว

“โห คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”

“นายคิดว่างานนี้เป็นงานประจำจังหวัดรึไง” แต้มตอบเพื่อนสนิทที่กำลังสาละวนกับการโพกผ้าที่ศีรษะ

“เราก็นึกว่ามีเฉพาะนักเรียน ที่ไหนได้” แต้มมองลอดออกไปที่ด้านนอกผ่านรูของผ้าม่านที่กั้นห้องแต่งตัวนักเรียนชายซึ่งเป็นห้องรวมสำหรับนักแสดงชายทั่วประเทศที่มาแสดงงานนี้ ข้างนอกอึกทึกไม่น้อย ยิ่งเวลาผ่านไปคนก็เริ่มทยอยมากันมากขึ้น หนำซ้ำยังมีนักข่าวจับจองพื้นที่กันยาวเหยียดหน้าเวที ทั้งกล้องถ่ายวีดีโอที่วางเรียงกันและสายไฟที่กองสุมอีรุงตุงนังน่ากลัวจะมีคนไปสะดุดล้ม

“นายแต่งตัวเสร็จยัง เดี๋ยวต้องไปแต่งหน้าด้วยนะ” แต้มเร่งเพื่อน

“ยัง ไอ้ผ้านี่ก็โพกยากชะมัด” ยิ่งใหญ่ทำเสียงหงุดหงิด

“เออ มาเดี๋ยวโพกให้ สอนกี่ทีไม่เคยจำ” แต้มทำเสียงหงุดหงิด แต่ยิ่งใหญ่กลับทำหน้ายิ้มแป้น

“เราไม่เก่งเรื่องแต่งองค์ทรงเครื่องนี่นา”

“พวกนายสองคนเสร็จยัง เร็วเข้าอาจารย์เร่งแล้ว” อาร์ทแหวกผ้าม่านและเดินมาทักทั้งคู่ แต้มอดขำไม่ได้ที่เห็นเพื่อนโดนแต่งหน้าจนกลายเป็นคนละคน คิ้วของอาร์ทดูหนาเป็นแพเรียงตัวสวย หน้าขาวระเรื่อด้วยรองพื้น ขอบตาถูกเขียนให้ดำโดยรอบ ปากที่มันด้วยลิปสติกทำให้ดูเหมือนคนเพิ่งกินหมูย่างมาหมาดๆ

“ไม่ต้องขำ เดี๋ยวนายก็ต้องโดนแต่งหน้าแบบนี้”

“ขอโทษที แต่มันอดตลกไม่ได้” แต้มพยายามหยุดหัวเราะจนลืมเรื่องที่จะทำไปเสียสนิท

“นี่ หัวเราะเสร็จยัง เมื่อไหร่จะมาช่วย” ยิ่งใหญ่ประท้วง แต้มหันไปมองเพื่อนที่ทำตาโตใส่พลางถอนหายใจและเข้าไปโพกผ้าให้

 ชุดแต่งกายของนักแสดงชายจะมีน้อยชิ้น ท่อนบนจะมีแค่ผ้าโพกศีรษะ ของยิ่งใหญ่เป็นสีขาวเข้ากับชุดที่เป็นกางเกงมัดคล้ายกับกางเกงชุดราชปะแตน ต่างกันที่พวกเขาไม่ต้องใส่เสื้อ และผูกเอวด้วยเชือกประดับก่อนปิดทับด้วยเข็มทัดทองคล้ายเครื่องประดับของคนล้านนา ที่คอมีสร้อยคอทำจากทองเหลืองหรือไม่ก็เป็นเงินแท้ชุบสีทองที่ค่อนข้างเก่าและสีกำลังลอกร่อน ตัวสร้อยคอเป็นพวงระย้าคล้ายกับอุบะ มีน้ำหนักพอสมควรแต่ก็ไม่เกะกะเวลาแสดง ทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ต่างก็เพิ่งเคยแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้

“เราตื่นเต้นว่ะ” อาร์ทเป็นคนเปิดประเด็น

“ใจเย็นๆนะอาร์ท ทำให้เต็มที่ ไม่มีใครรู้จักเราหรอก”

“ใช่แต้มพูดถูก” ยิ่งใหญ่เห็นดีเห็นงามกับผองเพื่อน

“พวกนายมันพวกไร้ความรู้สึก” อาร์ทบ่นเมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของทั้งสองคน

“นายมันพวกกระต่ายตื่นตูม” แต้มสวนทันใด

“ใช่ๆ”

“ใจคอนายจะเห็นดีเห็นงามกับแต้มทุกอย่างเลยรึไง” อาร์ทแขวะ

“ก็แต้มพูดถูก” ยิ่งใหญ่ตอบอย่างไม่ใส่ใจอาร์ทที่กำลังหงุดหงิด

“เออ จำไว้ รุมเรา”

“เราไปรุมนายตอนไหน” แต้มถาม ยิ่งใหญ่ยักไหล่ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

“แหม หนุ่มๆกว่าจะมาได้นะคะ” พี่ที่เป็นตุ๊ดออกปากแซวเมื่อเห็นสามหนุ่มเดินมา พวกเขาไม่สามารถไปแต่งหน้าในห้องแต่งตัวผู้หญิงได้ ต้องเดินออกมาที่ลานจอดรถบัสและแต่งหน้าที่นี่

“ก็สองผัวเมียนี่น่ะสิ ช้า” อาร์ทฟ้อง

“หืม ใครผัวใครเมียคะ” พี่แม็กซ์ทำตาโตถามเสียงดังลั่นรถจนคนอื่นหันมามองตรงนี้อย่างสนใจ แต้มหน้าเจื่อนเพราะคิดคำตอบไม่ทัน แต่ยิ่งใหญ่คว้าคอเขาและตอบไปว่า

“ยังไม่รู้เลยพี่ ต้องรอให้เรียนจบก่อน พ่อขอไว้ว่าอย่าเพิ่งมีแฟน” สิ้นเสียงตอบเสียงกรี๊ดของเพื่อนๆก็ดังลั่นรถ บ้างก็หัวเราะ บ้างก็ส่งเสียงแซว

“แต่งเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญด้วยนะ” แต้มก้มหน้างุด ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกอาร์ทเอาคืนได้ไวขนาดนี้

“ใครเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ใครเป็นเพื่อนเจ้าสาวล่ะ”

“พอครับพี่” แต้มส่งเสียงดุ ยิ่งใหญ่กลับหัวเราะชอบใจ

“หนุ่มๆสาวๆแต่งหน้าเสร็จยังคะ เอาหน้ามาให้ครูดูก่อนลงไปรอหลังเวทีนะคะ”

“ครับ / ค่ะ” นักเรียนตอบโดยพร้อมเพรียงกัน

               แต้มรู้สึกไม่ชินกับการถูกแต่งหน้า รองพื้นสีขุ่นละเลงทั่วใบหน้าและถูกเกลี่ยทับด้วยแป้งพัฟที่ตกทอดมาจากคนที่แล้ว ขนตาของเขาถูกแปรงที่มีความยาวขนาดไม้บรรทัดเหล็กขนาดเล็กปัดไปมา ดวงตาถูกแต่งแต้มด้วยดินสอสีดำกรีดไปตามร่องของดวงตา แต้มกระพริบตาปริบๆเพื่อให้ชินกับสิ่งใหม่บนใบหน้า

“โห แต้ม แต่งเต็มแล้วสวยมาก” เพื่อนที่อยู่ในคณะแสดงคนหนึ่งเอ่ยปาก

“เออ จริงด้วยว่ะ หน้าแต้มตอนไม่แต่งคือธรรมดามาก ใครจะคิดว่าเจอแปรงเจอแป้งแล้วจะดีขนาดนี้”

“เห็นมั้ยว่าผมตาถึง” แต้มที่กำลังเคลิ้มต้องหยุดชะงักเพราะเสียงใครบางคน

“ตาถึงยังไงไม่ทราบ”

“ต้องให้พูดอีกเหรอ” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงกวน

“แหม พอค่ะพอ ไม่ต้องหวานออกสื่อ” พี่แม็กซ์ห้ามด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

“แต่ยิ่งดูยิ่งหล่ออะ เอ๊ะหรือสวยดี คือแต่งมาแล้วดีงามมาก” พี่แม็กซ์ยังคงชมแต้มไม่หยุด

“โหพี่ ไม่เห็นชมผมบ้างเลย” ยิ่งใหญ่ประท้วง

“เธอมีคนชมเยอะแล้ว อีกอย่างแต่งออกมาเธอก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่” แต้มหันไปมองเพื่อนที่แต่งหน้าเสร็จแล้วต้องกลั้นขำสุดแรง ยิ่งใหญ่เป็นคนผิวขาวจัด เมื่อแต่งออกมาเลยยากที่จะเกลี่ยให้แป้งเข้ากับสีผิวถึงแม้จะใช้เบอร์ที่สว่างที่สุดก็ตาม ดวงตาที่ถูกเขียนขอบตาเป็นสีดำทำให้เหมือนแพนด้ามากกว่าจะเป็นการแต่งหน้าเพื่อการแสดง

“เราว่าพี่แม็กซ์พูดถูกนะ” แต้มพูดต่อ ยิ่งใหญ่หันมาค้อนขวับ

“ว้าย คุณพระ ใครแต่งหน้ายิ่งใหญ่เนี่ย ตายๆๆๆๆ แต่งแบบนี้ได้ไงคะลูก” อาจารย์ที่ดูแลถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นผลงานของลูกศิษย์ “ยัยแม็กซ์ พายิ่งใหญ่ไปแก้หน้าด้วย โอย ครูจะเป็นลม”

“ฮ่าๆๆๆๆ” แต้มหัวเราะลั่น ที่ได้ยินอาจารย์พูด และเมื่อได้เห็นใบหน้าของเพื่อนที่กำลังเจื่อนเลยกลั้นความขำต่อไปไม่ไหว

“หัวเราะสนุกไปมั้ยนายน่ะ” ยิ่งใหญ่ประชดเพื่อน

“โห ใครแต่งให้แต้มเนี่ย” อาจารย์คนเดิมเชยค้างแต้มขึ้นมาดู “ไม่น่าเชื่อว่าแต่งเต็มแล้วจะดีแบบนี้”

แต้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนเพื่อนสนิทหมั่นไส้ “นายจะดีใจออกนอกหน้าเกินไปละ”

“ทำไมล่ะ คนมันหล่อนี่นาช่วยไม่ได้” ยิ่งใหญ่ที่ต้องอยู่นิ่งๆให้รุ่นพี่ลบหน้าเพื่อแต่งใหม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้ขาเตะไปที่เพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์

“นายมันหมาบ้า” แต้มขำ หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นขวัญใจสาวๆทั้งคันรถที่แวะเวียนมาขอถ่ายรูปด้วยอย่างไม่ขาดสาย

***********************************************************************

               สองหนุ่มตื่นขึ้นมาข้างกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่า รอยยิ้มของทั้งคู่ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดให้กันราวกับว่าโลกนี้ไม่มีใครจะมาแทนที่คนตรงหน้าได้อีกแล้ว ภัทรใช้มือเขี่ยไรผมที่ปรกหน้าของอีกฝ่าย จ้องตาเล็กหยีนั้นอย่างรักใคร่ นิ้วใหญ่ไล้ตามโหนกแก้มและหยุดที่ริมฝีปากบางก่อนจะไล้จากซ้ายไปขวาราวกับกวาดต้อนความหวานให้หลุดร่อน

“เฮ้ๆหนุ่มๆ ตื่นกันรึยัง” เสียงเรียกของใครบางคนดังหน้าห้องพร้อมเสียงเคาะประตู

“ครับ ตื่นแล้ว”

“พี่ทำกับข้าวไว้ให้อยู่ในครัวนะ รีบอาบน้ำแต่งตัวมาซะที ไบรต์บ่นอยากไปเที่ยวแล้ว”

“คร้าบบบบบ” ภัทรตอบลากเสียงก่อนจะสบตากับแฟนหนุ่มและพ่นเสียงหัวเราะออกมา

“นายสัญญากับเจ้าไบรต์นะว่าจะพาไปเที่ยว อย่าลืมล่ะ”

“แต่เมื่อวานก็ไปมาแล้วนี่นา” ภัทรทำเสียงอ่อยเพื่อออดอ้อน

“นายจะมาต่อรองเราทำไม ไปต่อรองน้องชายเราโน่น” บั๊มพ์ตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปห้องน้ำด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่า ภัทรแทบคลั่งเมื่อเห็นมัดกล้ามและส่วนเว้าส่วนโค้งที่แน่นขนัด บั้นท้ายกลมเต่งเต็มไปด้วยพลังแห่งวัยหนุ่มยั่วยวนเขาทั้งๆที่อีกฝ่ายแค่เดินธรรมดาเท่านั้น บางอย่างในกายลุกผงาด ชายหนุ่มพุ่งตัวตามไปติดๆ

“เห้ยออกไป จะอาบน้ำ” บั๊มพ์ไล่

“ก็อาบด้วยกันสิ” ภัทรใช้บางอย่างถูไถด้านหลังของอีกฝ่ายดุนดันตัวจนแนบชิด “รับรองว่าเราจะอาบให้นายจนสะอาดเลย”

***********************************************************************

“เหนื่อยมั้ย” ยิ่งใหญ่ถามเพื่อนทันทีที่ขึ้นบนรถ การแสดงผ่านพ้นไปด้วยดี เสียงปรบมือยังดังกึกก้องในโสตประสาท เมื่อแสดงเสร็จทุกคนก็เปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนและขึ้นมาลบหน้าที่รถเช่นเคย

“ไม่อะ สนุกมากกว่า” แต้มตอบอย่างไม่สนใจเหงื่อเม็ดใหญ่ที่กำลังไหลอาบแก้ม ยิ่งใหญ่เห็นแล้วหงุดหงิดใจจึงใช้มือของตนปาดมันทิ้งให้

“นี่พวกนายจะสวีตกันอีกนานมั้ย มาลบหน้าได้แล้ว” อาร์ทเป็นคนเรียกทั้งคู่ รายนี้ไม่ค่อยสบอารมณ์เนื่องจากเขาเกือบจะลืมท่าบนเวที ยังดีที่แต้มพยักเพยิดหน้าให้ดูพี่แม็กซ์เป็นแบบ การแสดงจึงผ่านไปได้ด้วยดี

“เอาล่ะค่ะนักเรียน วันนี้ทำได้ดีมากนะคะ ทางผู้จัดชมกันใหญ่เลย” เสียงเฮและเสียงปรบมือดังลั่นรถเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “อย่างที่รู้กันเนอะ นี่เป็นงานสดิวเด้นท์เอ็กซ์โปร์ งานสำหรับนักเรียนโดยเฉพาะ ใครที่ลบเครื่องสำอางค์หมดแล้วก็ลองไปเดินดูงานได้ เราจะออกจากที่นี่บ่ายโมงนะคะ”

“ครับ / ค่ะ” นักเรียนต่างตอบพร้อมกัน

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งลบหน้าแต้มนะ ครูยังไม่ได้ถ่ายรูปด้วยเลย” แต้มยักคิ้วให้ยิ่งใหญ่ราวกับเป็นคนชนะในเกมนี้ก่อนที่จะถ่ายรูปคู่กับอาจารย์และได้ลบเครื่องสำอางค์ออกเป็นคนสุดท้าย

“หิวมั้ย” แต้มถามยิ่งใหญ่ที่กำลังเดินชมงาน

“ไม่ค่อย นายล่ะ”

“หิว” เป็นเรื่องปกติของคู่นี้ที่แต้มจะเป็นคนเรียกร้องหาอาหาร ตอนเช้าพวกเขาไม่ได้ทานอะไรเลยเพราะง่วนกับการเตรียมตัว เมื่อการแสดงผ่านพ้นไป ท้องของทั้งคู่จึงโอดครวญกันเสียงดัง

 ***********************************************************************

               ต้องตาตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอีกทั้งยังมีอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นมาอีกเพราะปกติแล้วเธอเป็นคนที่ตื่นแต่เช้า เมื่อนอนเยอะจนผิดเวลาร่างกายจึงปรับไม่ทัน หญิงสาวลุกขึ้นบนเตียงนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบก็พบว่าเป็นห้องของแฟนหนุ่ม เมื่อเก็บที่นอนเสร็จจึงเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดเดิมที่ยอดเยี่ยมส่งไปซักรีดและแขวนไปก่อนจะออกไปทำงาน

               หญิงสาวมาที่ห้องนี้หลายครั้ง จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อเดินออกไปที่ห้องครัวก็พบว่ามีอาหารวางอยู่ตรงนั้นพร้อมโน้ตแปะไว้ด้วยลายมือที่สบายตาว่า เห็นคุณนอนอยู่ท่าทางสบายเลยไม่อยากปลุก ทานอะไรก่อนออกไปนะครับ ต้องตายิ้มรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน

“คุณยอดรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว คุณยอด...” หญิงสาวเม้มปากสองมือขย้ำเนื้อผ้าที่ตักตัวเองขณะที่นั่งรถกลับ

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ อย่าคิดมากด้วย”

“แต่...”

ยอดเยี่ยมเอื้อมมือซ้ายมาจับมือหญิงสาว ส่งผ่านไออุ่นที่ไม่อาจเสแสร้งว่าเป็นแค่คำปลอบโยนมาให้ มือของเธอคลายออกเมื่อได้รับสัมผัสที่ยังเหมือนเดิมนี้ “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาแล้ว”

“แต่ตาก็ผิดกับคุณอยู่ดี”

“ผิดยังไงล่ะครับ”

“ก็ตาไม่เคยบอกคุณ”

“นั่นเป็นเพราะผมไม่ถาม” ยอดเยี่ยมตอบ

“แต่ถ้าตาอยากเล่า คุณยอดจะฟังไหมคะ” ต้องตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมความกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนในมุมที่เธอไม่เคยบอกใครมาก่อน

“สิ่งที่ผมอยากฟัง” ยอดเยี่ยมหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับแฟนสาว กำมือน้อยแน่นขึ้น ต้องตาผ่อนคลายความตึงเครียดลง ความเจ็บจากการกระแทกลัดเลาะมาสะกิดตามตัว เธอตั้งใจฟังว่าแฟนหนุ่มจะพูดว่าอะไรต่อแต่เขากลับนิ่งเฉย

“คะ..”

“ผมได้ยินแล้ว” สิ่งที่ยอดเยี่ยมพูดทำให้เธองงหนักว่าเก่า

“คุณยอดได้ยิน ได้ยินอะไรเหรอคะ”

“ก็” ยอดเยี่ยมดึงมือเธอไปจุมพิต ก่อนวางลงที่หน้าขาของตน “ได้ยินแล้วว่าคุณรักผม”

ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมไปคิดมุขนี้มาจากไหน แต่มันทำให้ต้องตาหน้าแดงซ่านอย่างช่วยไม่ได้ บทจะหวานเขาก็ทำมันออกมาจนเธอตั้งตัวแทบไม่ติดเลยทีเดียว

ต้องตาเก็บจานชามไปล้างและเตรียมตัวออกไปทำงานด้วยความรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง

***********************************************************************



โปรดติดตามตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 44 (UP:: 12 พ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-11-2018 16:09:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 44 (UP:: 12 พ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-11-2018 21:04:27
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 44 (UP:: 12 พ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-11-2018 21:48:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่า...แต้มสวยสินะ  มิน่าหล่ะ   อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 44 (UP:: 12 พ.ย. 2561) #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 03-12-2018 08:54:42
 :L2:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 44 (UP:: 14 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 14-12-2018 15:34:35


ตอนที่ 45. วันพ่อแห่งชาติ

สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากกลับมาจากรุงเทพคือ มีคนทักแต้มเยอะขึ้น นั่นเป็นเพราะรูปที่ทางอาจารย์และรุ่นพี่อัดไว้ติดที่บอร์ดกิจกรรมของโรงเรียน มิหนำซ้ำอาจารย์ใหญ่ยังประกาศรายชื่อนักแสดงทุกคนและให้ออกมายืนเรียงกันที่หน้าเสาธงเพื่อชื่นชมผลงานของคณะทำงานที่มีทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ชายหญิงถ้วนหน้าเนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ระดับประเทศ การแสดงของคณะทำงานชุดนี้เรียกว่าโดดเด่นจนมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐมาเชิญนักแสดงไปเปิดงานพ่อขุนเม็งรายที่จะมีในสิ้นปีอีกด้วย

เมื่อกลับจากกรุงเทพทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ทุกคนกลับเข้าสู่โหมดดำเนินตามกิจวัตรประจำวัน ชีวิตของนักเรียนชั้นม.ปลายเดินอย่างเชื่องช้าจนถึงเทศกาลสอบกลางภาค เมื่อคะแนนออกมาปรากฎว่ายิ่งใหญ่กินรวบตามคาด แต้มมีวิชาที่ทำได้เยอะที่สุดคือภาษาไทยแต่ก็ยังสู้เพื่อนสนิทไม่ได้ ทุกอย่างเริ่มลงตัว ตื่นเช้าไปเรียน ตอนเที่ยงเล่นกีฬา ตอนบ่ายเรียน ตกเย็นก็กลับหอชีวิตในวัยเรียนดูเหมือนจะเป็นไปอย่างเรื่อยเปื่อยและเงียบสงบราวกับชีวิตไม่มีสีสันอะไร เว้นเสียแต่ว่าต้นเดือนธันวาคม ยิ่งใหญ่ก็ยิ้มร่าและพูดกับแต้มอย่างรื่นเริงว่า

“พรุ่งนี้ย้ายหอนะ”

แต้มได้ฟังก็ตาลุก ไม่รู้มาก่อนว่ายิ่งใหญ่จะย้ายออกจากที่นี่ “ทำไมย้ายอะ นายไปติดต่อหอใหม่ตอนไหน”

“ก็ติดต่อไปสักพักละช่วงใกล้สอบ”

“แล้วทำไมถึงคิดจะย้าย แล้วมัดจำไปรึยัง แล้ว...”

“พอ” ยิ่งใหญ่ยกมือมาห้าม “เราจัดการทุกอย่างแล้ว หน้าที่ของเราก็คือเก็บของให้เสร็จก่อนรถมารับพรุ่งนี้”

“เดี๋ยวสิ” แต้มปรามเพื่อน “แล้วนายจะย้ายไปไหน ทำไมถึงอยากย้าย”

“เอาน่า ห้องนี้มันแคบไปสำหรับเราสองคนนายไม่รู้สึกเหรอ” แต้มกวาดตามองรอบห้องที่กำลังรกรุงรังได้ที่

“นายไม่ต้องห่วงนะ เราจ่ายเงินมัดจำแล้ว”

“นั่นแหละที่เราห่วง เพราะเรายังไม่ได้ออกเลยสักบาท”

“นายจะออกทำไมล่ะ” ยิ่งใหญ่ทำท่าครุ่นคิด “เราเป็นคนอยากให้นายมาอยู่ด้วยจะให้นายออกทำไม คิดมาก”

“มันก็ควรจะช่วยกันไม่ใช่เหรอ” แต้มแย้ง

“ถ้านายอยากจะช่วย” ยิ่งใหญ่มาโอบคอเพื่อนที่มีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “นายก็แค่อย่าย้ายกลับบ้านก็พอ”

“หึ นายพูดเหมือนไม่ได้พูด”

“นี่” ยิ่งใหญ่ถอนหายใจ “นายจะคิดมากทำไม ที่ผ่านมาเราก็ไม่คิดค่าห้องนายอยู่แล้ว แค่นายช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ นอนให้เรากอดทุกคืนมันก็โอเคแล้วไง”

“ใจคอนายจะให้เราเป็นหมอนข้างไปตลอดงั้นเหรอ” แต้มบ่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

“ยังไงเราก็ไม่ให้นายจ่าย เราพอใจแบบนี้”

“พูดเองเออเองตลอด” แต้มบ่นไม่เลิก

“นายจะหยุดบ่นได้ยัง” ยิ่งใหญ่ถาม “ถ้าหยุดแล้วก็มาช่วยกันเก็บของ”

แต้มกลอกตา ไม่เคยเถียงเพื่อนคนนี้ชนะเลยถ้าเขายืนกรานอะไรมาแล้ว “ขอบใจนะ”

“หืม ขอบใจอะไร”

“ช่างมันเหอะ เก็บของๆ” แต้มรวบหนังสือที่กองระเกะระกะบนโต๊ะญี่ปุ่นให้เป็นระเบียบ ยิ่งใหญ่ง่วนกับการติดเทปกาวที่กล่องกระดาษ แต้มเพิ่งสังเกตว่ามันกองสุมอยู่ที่ระเบียงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่เคยเอะใจถาม

กว่าพวกเขาจะจัดของเสร็จก็เกือบค่ำ เดิมทีแต้มตั้งใจจะกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่เมื่อมีกิจกรรมนี้เข้ามาแทรกจึงต้องเลื่อนความคิดออกไปก่อน ทั้งคู่นอนแผ่หราบนเตียงมองดูกล่องกระดาษเจ็ดกล่องใหญ่และกระเป๋าเดินทางที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าอย่างเหนื่อยล้า

“นายจะไปเยี่ยมแม่อีกทีเมื่อไหร่” แต้มถาม เมื่อตอนปิดเทอมยิ่งใหญ่ไปหาแม่อยู่เป็นสัปดาห์ก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าที่อิ่มเอมใจอย่างชัดเจน

“คงไปอีกทีช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูญอะ พ่อก็จะไปด้วย นายจะไปด้วยกันไหม”

“ไม่อะ แม่บอกว่าใกล้จะเกี่ยวข้าวแล้ว เราคงกลับไปช่วยแม่”

“จริงดิ” ยิ่งใหญ่ตาลุกวาว “ให้เราไปเกี่ยวข้าวด้วยนะ”

“หึ นายจะไปทำไม นายเคยเกี่ยวข้าวเหรอ”

“ไม่เคยอะ แต่อยากลอง”

“คุณชายขอรับ คิดว่าการเกี่ยวข้าวมันง่ายเหรอ เกี่ยวไม่ดีเคียวบาดมือไม่รู้ด้วยนะ”

“ไม่ต้องมาขู่ แม่บอกมั้ยว่าจะเกี่ยววันไหน”

“อืม คงกลางๆเดือนแหละ รอให้ข้าวมันเหลืองกว่านี้หน่อย”

ยิ่งใหญ่ยิ้มแป้น “ดีเลย เราอยากเกี่ยวข้าว”

แต้มมองเพดานอย่างหมดคำพูด แล้วก็ยิ้มให้กับมันอย่างลืมตัว

***********************************************************************

วันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ หลังจากที่จัดข้าวของเข้าห้องใหม่ลงตัวแล้ว แต้มก็ออกปากชวนยิ่งใหญ่กลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมพ่อเสียหน่อย ถึงแม้ระยะทางจากหอพักกับที่บ้านจะไม่ไกลมาก แต่พวกเขากลับไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมที่บ้านเท่าใดนักเนื่องจากมุแต่การเรียน บางครั้งก็ทำกิจกรรมเสียมืดค่ำ ยิ่งช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ อาจารย์ฝ่ายนาฎศิลป์ก็รับงานแสดงในเทศกาลฤดูหนาวเชียงราย หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีว่า งานพ่อขุน และเพื่อให้การแสดงออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด พวกเขาเลยถูกเคี่ยวเข็ญให้ซ้อมท่าทางท่วงท่าให้ดูสวยงามอ่อนช้อยราวกับว่าไม่เคยออกแสดงมาก่อนเสียอย่างนั้น

จบจากงานพ่อขุนก็จะเป็นงานกีฬาสีในช่วงเดือนมกราคม ที่โรงเรียนแบ่งออกเป็น 6 สี ตามเลขที่ห้อง พวกเขายังโชคดีที่ยังไม่ต้องทำอะไรมากเพราะยังใหม่สำหรับที่นี่ รุ่นพี่ม. 6 ก็ต้องเรียนหนักและเตรียมสอบเอ็นทรานซ์ ภาระหนักจึงตกเป็นของรุ่นพี่ชั้นม. 5 ที่ต้องเป็นแกนนำในการจัดงาน ทั้งจัดหาเชียร์ลีดเดอร์ ซุ้มเชียร์ จัดหานักกีฬา และอื่นๆจนนับไม่หวาดไม่ไหว

“ฟุตบอลสี ลงชื่อใหญ่กับแต้มแล้ว”

“วอลเลย์บอลชายปีนี้ลงชื่อแต้มกับใหญ่แล้วนะ”

“ปีนี้ใหญ่เป็นคฑากรนะ”

“บาสปีนี้ใหญ่ลงชื่อให้แต้มแล้ว อย่าลืมไปซ้อมนะ”

ฯลฯ

“นายจะลงชื่อเราคู่กับนายทุกกีฬาเลยรึไง” แต้มถามเพื่อนสนิทที่กำลังร่าเริงในการวิ่งไปลงชื่อสมัครการแข่งขันกีฬาของสีตัวเอง แต้มที่เดินอยู่ด้วยกันก็พลอยโดนหางเลขไปด้วยอย่างโต้แย้งไม่ได้

“นายจะไม่ลงเล่นกับเราจริงดิ” ยิ่งใหญ่ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ

“นี่ ไม่ต้องลงชื่อเป็นหลีดนะ เราเต้นไม่เป็น” ยิ่งใหญ่ชะงักและถอยออกมาจากแถวผู้สมัครคัดเลือกเชียร์ลีดเดอร์

“นายไม่เคย จะรู้ได้ไงว่าทำไม่เป็น” ยิ่งใหญ่พยายามหาข้อโต้แย้ง

“นายลงชื่อแข่งไปกี่รายการแล้วล่ะ ถ้าคัดหลีดแล้วเกิดได้อีก นายจะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อม”

“เออว่ะ มันก็จริง” ยิ่งใหญ่ฉุกคิดได้

“น้องใหญ่ น้องแต้ม มาลงชื่อเร้ววววว ปีนี้พี่จะให้น้องๆเป็นหลีด” รุ่นพี่ท่าทางตุ้งติ้งรีบฉุดแขนยิ่งใหญ่ไปที่หัวแถว ถึงแม้จะมีนักเรียนทุกระดับชั้นมายืนออ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่มีใครเทียบรัศมียิ่งใหญ่ได้เลยสักคน

“ขอโทษทีครับพี่ ต้องขอบาย พวกผมลงกีฬาไป 6 รายการแล้ว ถ้าลงหลีดอีกคงไม่ได้ซ้อมแน่ๆ” ยิ่งใหญ่ออกตัว

“แหม ทำไมรีบไปลงชื่อจังเลยล่ะ ยังไงก็ต้องคัดตัวนักกีฬาอยู่ดี มาลงชื่อไว้ก่อนมั้ย” รุ่นพี่คนเดิมยังไม่ละความพยายาม

“ปีนี้ผมถือคฑาด้วยนะครับพี่ จะเอาเวลาที่ไหนมาซ้อมล่ะ”

“อ้าว ตายจริง พี่ไม่รู้ งั้นโอเคค่ะ ใหญ่ไม่ต้องคัดหลีดแล้ว แต้มล่ะ” แต้มหันขวับ ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนด้วย

“คือ...”

“เอางี้มั้ย ใหญ่ถือคฑาแล้ว แต้มถือธงไง หน่วยก้านก็ไม่เลวนะ”

“...” แต้มจนปัญญาที่จะโต้แย้ง เพราะยิ่งใหญ่ลงชื่อให้เขาเรียบร้อยแล้ว

***********************************************************************

ยิ่งใหญ่สตาร์ทรถและออกตัวจากคอนโดใหม่ตอนเกือบเที่ยง พวกเขาหิวโซกันหนักหน่วงเพราะต้องรีบจัดของให้เสร็จ เพราะแต้มยืนยันว่าจะต้องกลับบ้านให้ได้ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ยิ่งใหญ่ก็ได้แต่อยู่บ้านหรือไม่ก็หอพัก ตอนเย็นก็แค่โทรไปหาพ่อที่ทำงานจนลืมวันลืมคืน ทั้งคู่แวะร้านบะหมี่เชียงรายตรงแยกหอนาฬิกาเพื่อจัดการตัวเองก่อนที่จะสั่งใส่ถุงกลับบ้านเอาไปฝากแม่และย่าโดยไม่ลืมกำชับให้แม่รอก่อน อย่าเพิ่งเตรียมมื้อเที่ยง

 เมื่อถึงบ้านก็บ่ายแล้ว อากาศร้อนระอุราวกับไม่ใช่เดือนธันวาคม แต่แม่กลับเดินออกมาเปิดประตูด้วยชุดเสื้อกันหนาวแบบเต็มยศ ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้และเดินขึ้นเรือนอย่างคุ้นเคย แต้มแกะห่อบะหมี่จัดใส่ชามให้แม่กับย่าก่อนเข้าไปในห้องนอนของพ่อ

หลังจากแม่ย้ายพ่อมาอยู่บ้านย่าก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างไปได้ดี พ่อไม่มีอาการหอบเหนื่อยเนื่องจากเจอฝุ่นเกาะเหมือนบ้านหลังเก่าแล้ว ห้องนอนสะอาดเอี่ยมเพราะแม่มาปัดกวาดเช็ดถูไม่ได้ขาด ย่าทานมื้อเที่ยงเสร็จก็คุยจ้อกับยิ่งใหญ่ที่ห้องนั่งเล่น ย่าชอบดูมวยเป็นชีวิตจิตใจ แกชอบวันอาทิตย์เพราะมีรายการมวยให้แกดู วันนี้มีหลานชายคนโปรดกลับมาพ่วงด้วยยิ่งใหญ่ที่คุยเก่งอยู่แล้ว ทั้งคู่เลยดูเหมือนย่าหลานกันมากกว่าแต้มเสียอีก เพราะเมื่อนักมวยต่อยเข้าเป้า ทั้งย่าและยิ่งใหญ่ก็ร้องเฮลั่นบ้าน รอยยิ้มไม่เห็นฟันของย่าช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก

“พ่อครับ สุขสันต์วันพ่อนะครับ ขอให้พ่อแข็งแรงนะครับ” แต้มไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรให้สละสลวยไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เขามองสภาพพ่อที่นอนราบกับเตียง ดวงตากลมโตจับจ้องมาที่ลูกชายอย่างไม่อาจตีความหมายได้ทำให้แต้มยิ่งสะท้อนใจ ยิ่งมองนานเท่าไรก็ยิ่งรู้ว่า พ่อไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

"”เออจริงด้วย พี่ตาฝากของมาให้พ่อด้วยนะครับ นี่ไง” แต้มหยิบหมวกไหมพรมสีครีมมาสวมที่ศีรษะของพ่อ รอยบุบยุบเข้าไปเกือบครึ่งกะโหลกเย็นเฉียบ ความอุ่นของหมวกไหมพรมคงจะช่วยให้พ่อไม่ต้องทนหนาว ต้องตาตั้งใจถักทอหมวกใบนี้ในช่วงที่ตัวเองว่าง ถึงแม้จะมีหน้าที่รับผิดชอบมากเพียงใด แต่เธอก็ยังปลีกเวลามาทำให้ผู้เป็นพ่ออย่างเต็มใจ

“เดี๋ยวผมเอาโถไปทิ้งก่อนนะครับ พ่อนอนเถอะ” ผู้เป็นพ่อหลับตาอย่างว่าง่าย ลมหายใจแผ่วเบาโรยรินจนน่าใจหาย แต้มสะกดกลั้นความหวิวโหวงในใจก่อนหยิบโถใต้เตียงพ่อไปเทและล้างทำความสะอาด แม่นั่งร่วมวงดูมวยกับย่าโดยมียิ่งใหญ่อยู่ด้วยตลอดเวลา

“วันนี้จะกลับกันกี่โมงนิ” แม่ถามตอนที่แต้มลงไปนั่งร่วมวง

“คงไม่เกินห้าโมงเย็นอะแม่ ช่วงนี้มืดเร็วไม่อยากให้ใหญ่ขับรถมืดๆ”

“ดีแล้ว แม่ตัดกล้วยไว้ให้แล้ว อย่าลืมเอาไปด้วยนะ แล้วก็มีอ้อยที่แม่ตัดใส่ถุงไว้ เอาไปกินได้เลย”

“โหยแม่ ของโปรด” ยิ่งใหญ่ยิ้มอย่างร่าเริง เพราะเขาชอบกินอ้อยสดที่ควั่นเป็นชิ้นแล้วแช่ตู้เย็น หยิบมาเคี้ยวเล่นทีละชิ้นตอนอากาศร้อนๆ ความหวานและเย็นของมันช่วยให้สดชื่นเป็นอย่างมาก

“แล้วแม่อาการเป็นไงบ้างล่ะใหญ่”

“แม่เหรอครับ อาการดีขึ้นแล้วนะครับ ตอนนี้รอผลตรวจเลือดว่าดีหรือยัง คิดว่าเชื้อมะเร็งคงไม่ลุกลามแล้วล่ะครับ”

“ดีแล้ว อย่าลืมหมั่นไปเยี่ยมท่านนะ ยังไงก็แม่ลูกกัน”

“ครับแม่” ยิ่งใหญ่รับคำอย่างว่าง่าย แต้มคงเล่าเรื่องที่บ้านให้กับแม่ตัวเองไม่น้อย การที่แม่ของแต้มออกปากเช่นนี้ก็คงเพราะเป็นกังวลว่าเขาจะหมางเมินกับแม่อีก

“แล้วนี่หอใหม่เป็นไงบ้างล่ะ”

“หอใหม่กิ๊กเลยแม่ ห้องใหญ่กว่าเดิมด้วย” แต้มบรรยายแทนเพื่อน

“ดีแล้ว เดี๋ยวแม่ช่วยค่าห้องนะลูก”

“ไม่ได้ครับแม่ แค่แม่ให้แต้มไปอยู่เป็นเพื่อน ช่วยติวหนังสือก็มากพอแล้วครับ” ยิ่งใหญ่ออกตัว

“ได้ยังไงล่ะ ค่าห้องไม่ใช่ถูกๆ จะให้แต้มไปอยู่ฟรีได้ไง”

“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะครับ แต้มน่ะช่วยผมไว้เยอะ แค่นี้จิ๊บจ๊อยมากๆ”

“เอาน่าแม่ อย่าไปขัดมันเลย ตามใจเจ้าของห้องไป” แต้มห้ามทัพก่อนที่แม่จะพูดอะไรต่อ

“ที่ห้องมีหม้อหุงข้าวมั้ย แม่จะได้ไปตักข้าวสารให้ไปหุงกันด้วย”

“มีครับแม่ แต่ไม่ต้องหรอกครับ ที่เอาไปครั้งก่อนยังไม่พร่องเลย พวกผมไม่ค่อยได้ทำกับข้าวกินกันอะครับ เลิกเรียนก็เย็นแล้ว แถมมีซ้อมนั่นซ้อมนี่อีก”

“แล้วนี่กินข้าวตรงเวลากันหรือเปล่าเนี่ย” แม่ถามทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง ยิ่งใหญ่รู้สึกตื้นตันกับความห่วงใยนี้เสียนัก บทสนทนาทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องของการอยู่กินของพวกเขาแทบจะทั้งสิ้น ถึงแม้แม่จะถามแต้มเสียมากกว่า แต่ยิ่งใหญ่ก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงที่แผ่วงกว้างมาล้อมรอบตัวเขาไว้ด้วย มันเป็นความอบอุ่นที่แสนบริสุทธิ์ ไม่ต่างจากความห่วงใยของแม่แท้ๆของตนเลยแม้แต่น้อย

“พูดถึงข้าว ใหญ่มันจะขอมาช่วยแม่เกี่ยวข้าวด้วยอะครับ”

“หืม จริงเหรอ เคยเกี่ยวมั้ยล่ะนั่น”

“ไม่เคยครับ แต่ผมอยากลองดู”

“มันร้อนนะลูก เหนื่อยด้วย ต้องคอยก้มๆเงยๆ ยิ่งเกี่ยวไม่เป็นยิ่งต้องระวังคมเคียวบาดมือด้วยนะ” ยิ่งใหญ่หันมามองหน้าแต้ม พลางคิดในใจว่า พวกนายนี่สมเป็นแม่ลูกกันจริงๆ พูดจาเหมือนกันเป๊ะ

“ผมไหวครับ ครั้งก่อนผมยังไปจับปลาได้เลย ตอนปลูกผมก็ไม่ได้มา ขอผมไปช่วยเกี่ยวด้วยนะครับ”

“แหม น้ำเสียงจะอ้อนไปไหน” แต้มแซว

“ถ้าใหญ่อยากทำ แม่ก็ไม่ขัดหรอก ไว้แม่จะเกี่ยวแล้วจะโทรบอกแต้มนะ”

“ครับแม่ ขอบคุณนะครับ” ยิ่งใหญ่ยิ้มร่า เข้าไปกอดผู้เป็นย่าที่กำลังเฮกับเชิงมวยในทีวีอย่างสนุกสนาน แต้มพิงหลังกับผนังบ้านมองเพื่อนที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยความสุขใจ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายอย่างยิ่งใหญ่จะเข้ามาในชีวิตของตนได้ไกลถึงเพียงนี้....

***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 45 (UP:: 14 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 14-12-2018 15:43:39

ขอฝากผลงานเรื่องที่เพิ่งจบไปด้วยนะครับ
บังเอิญรัก โดยตั้งใจ (One More Night)
ทั้งหมด 53 ตอนจบ สามารถเข้าไปอ่านได้เลยตามลิงค์นี้นะครับ


https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 45 (UP:: 14 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-12-2018 16:07:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอบนี้คู่น้องชายออกคู่เดียว

คู่พี่สาวไม่มา  สงสัยพี่สาวจะลืมเพราะหายไปนาน  อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 45 (UP:: 14 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-12-2018 21:18:29
+1
 :L2: :pig4:

ขอบคุณที่มาต่อแล้ว เย้
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 45 (UP:: 14 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-12-2018 00:04:00
 :hao3: ใหญ่ก็เข้าทางผู้ใหญ่ตลอด
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 46 (UP:: 16 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-12-2018 14:30:01
ตอนที่ 46. ทางเดินที่ต่างกัน

   ภัทรเพิ่งเห็นข้อดีของข่าวของเขากับแพทย์ฝึกหัดคนนั้นในวันที่สื่อยักษ์ใหญ่รายหนึ่งเขียนสกู๊ปเกี่ยวกับตัวเขา เนื้อหาทั้งหมดล้วนลบภาพลักษณ์ที่ “ไม่แมน” ของตนในสายตาของคนอื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ โฆษณาและละครที่หดหายไปเริ่มมีการติดต่อกลับมา การที่เขาอดทนและไม่พยายามแก้ต่างกับข่าวก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้ดูเหมือนเป็น “สุภาพบุรุษ” ที่ไม่พาดพิงถึงบุคคลที่สาม บั๊มพ์วางหนังสือพิมพ์ลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นเดียวกัน แต่แววตาของอีกฝ่ายเป็นกังวลมากกว่าจะมีความสุข แม้มันจะแสดงออกมาแค่เสี้ยววินาที แต่เขาก็สังเกตได้

“นายโอเคมั้ย”

“อืม โอเคสิ นี่คือโอกาสเหมาะที่นายจะกลับไปทำงานเลยนะ”

“นายโอเคจริงปะเนี่ย” ภัทรย่างสามขุมไปหาคนรักที่นั่งฝั่งตรงข้ามบนโต๊ะอาหาร ไข่ดาว เบคอน และกาแฟหมดไปแล้วเหลือเพียงจานเปล่าวางอยู่ตรงหน้า น้ำส้มคั้นสดยังเหลือเกือบครึ่งแก้วและมีหยดน้ำเกาะรอบจากความเย็นที่ปะทะกับอากาศที่แตกต่างกันของยามเช้า เขายืนอยู่ข้างหลังของผู้ชายที่รักที่สุด บั๊มพ์ไม่หันหน้ามามองด้วยซ้ำ ชายหนุ่มจึงนั่งบนโต๊ะไม้โดยโน้มตัวไปสบตาแทน

“โอเคสิ” บั๊มพ์ยืนยัน ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆของตัวเองก็ตาม แต่ในสถานะของทั้งคู่ บางทีการกลับไปทำงานของภัทรน่าจะดีกว่าตกมาหลบๆซ่อนๆแบบนี้ บางครั้งเขาก็อยากจะเห็นแก่ตัวและตะโกนบอกไปว่า ไม่โอเค เราไม่อยากให้นายไปเป็นดาราอีกแล้ว เราอยากอยู่กับนายแบบนี้ตลอดไป ไม่ต้องมีใครมาตามล้วงลับเรื่องของนาย แต่มันก็เป็นได้แค่ความต้องการที่แสนน่าเกลียด “แต่ว่าตอนนั้นนายยังไม่บอกเราเลยนะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“หืม เรายังไม่ได้บอกเหรอ เราคิดว่าบอกแล้วนะ”

“ยัง หรือว่าบอกแล้วแต่เราลืมก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ ถ้านายไม่อยากเล่า เราก็ไม่เซ้าซี้” บั๊มพ์ใช้นิ้วชี้เขี่ยปากแก้วน้ำส้มคั้นตามเข็มนาฬิกา สายตาหลุบมองขอบใสอย่างจงใจเลี่ยงสายตาของอีกฝ่าย

“เราจำได้ว่าชื่อนิชานะ”

“ทำไมนายจำได้ล่ะ ตอนนั้นนายบอกว่านายมึนยานอนหลับไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ แต่เราจำใบหน้านั้นได้ เธอเคยเข้ามาคุยกับเรากับอาจารย์และกลุ่มนักศึกษาคนอื่น”

“นิชา” บั๊มพ์ทวนคำ

“นายรู้จักเหรอ” ภัทรถามเมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของอีกฝ่าย บั๊มพ์ปฏิเสธอย่างรวดเร็วและเก็บจานเปล่าออกไปล้างเพื่อหวังจะสลัดความคิดในสมองตอนนี้ออกให้หมด แต่เมื่อฟังภัทรบอกชื่อและนามสกุลเต็มๆของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เขาก็รู้สึกชาไปทั้งตัว

***********************************************************************

   ห้องผู้ป่วยสะอาดสะอ้านแต่ดูทึมเทาชวนให้หม่นหมอง ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ต้องตายังไม่เคยเห็นญาติคนไหนของคนป่วยมาเยี่ยมดูอาการอย่างจริงจังสักคน เธอเปลี่ยนน้ำและดอกไม้ในแจกันก่อนที่จะนั่งบนโซฟายาวที่ทั้งแข็งและเย็น ผู้ป่วยนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาแต่อีกไม่นานคงฟื้น อาการทางร่างกายปลอดภัยและฟื้นฟูไปเยอะแล้ว แต่อาการทางจิตใจดูเหมือนจะหนักหนากว่า

“คุณตาหิวหรือยังครับ” ยอดเยี่ยมถามแฟนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าปลดกระดุมสองเม็ดดูเซ็กซี่ ผมเผ้ายาวถูกหวีเรียบเป็นทรงแปลกตาแต่รับกับความหล่อเหลาบนใบหน้าจนไม่อยากละสายตา

“นิดหน่อยค่ะ แต่รอคุณยอดคุยธุระก่อนก็ได้” ชายหนุ่มดูนาฬิกาที่ข้อมือ พวกเขามีเวลาแค่สองชั่วโมงก่อนจะเข้าประชุมเรื่องการเลือกพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของโรงแรมกับทางผู้บริหาร เมื่อมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวที่เตียงผู้ป่วยจึงตัดสินใจชวนแฟนสาวออกไปหาอะไรทานเพื่อไม่ให้เสียเวลารอ

“เหนื่อยหน่อยนะคะคุณยอด” ต้องตาตักอาหารใส่จานคนรักอย่างเอาใจใส่ ช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว งานโรงแรมก็วุ่นวายจนแทบไม่มีเวลาพัก ไหนจะเรื่องคุณแม่ที่ยังรักษาตัวอยู่ ยอดเยี่ยมยังต้องปลีกตัวมาจัดการธุระของเพื่อนรักในตอนนี้อีก

“ผมไม่เหนื่อยหรอก แต่คุณตาสิเหนื่อยแย่ ถูกผมลากไปนั่นมานี่จนแทบไม่ได้พัก”

“ตาชินเสียแล้วค่ะ หญิงเหล็กแบบต้องตาซะอย่าง สบายมาก” หญิงสาวตอบพลางอมยิ้มราวกับว่าเป็นเรื่องขบขันมากกว่า

“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม”

“ทำไมต้องเกรงใจด้วยล่ะคะ ตาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลซะที่ไหนล่ะ”

“ถึงยังไงผมก็เกรงใจอยู่ดี ไหนจะเรื่องงาน เรื่องแม่ นี่ยังเรื่องไอ้สันต์อีก”

“ตาไม่เหนื่อย” ต้องตาวางช้อนและจับมือใหญ่นั้นแทน “และตาเต็มใจช่วยค่ะ”

   ยอดเยี่ยมไม่ตอบ ยิ่งนับวันยิ่งรักผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเสียเหลือเกิน ความรู้สึกมันวิ่งพล่านจนแทบทะลักล้นออกตามรูขุมขนแล้วตอนนี้ ความอิ่มเอมใจเฉิดฉายบนใบหน้าอย่างปิดไม่มิด อาหารมื้อนี้อร่อยยิ่งกว่าอร่อย ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก

“คุณยอดอ่านเอกสารครบแล้วใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ” ยอดเยี่ยมนึกถึงคำขอของพิสันต์เพื่อนสนิทที่ถูกยิงเมื่อสองเดือนก่อน* ถึงแม้อาการบาดเจ็บจะไม่หายดีแต่พิสันต์กลับมีเรี่ยวแรงไหว้วานเขาหลายอย่าง หลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เช่น การให้นายทหารของพ่อพิสันต์รับเด็กคนหนึ่งเป็นบุตรบุญธรรม ทั้งเรื่องการใช้เงินเก็บส่วนตัวแทบจะเกลี้ยงบัญชีเพื่อบูรณะตึกแถวเก่าย่านปิ่นเกล้าให้เป็นเหมือนบ้าน พิสันต์เป็นคนพูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะไม่ออกปากขอร้องใครหากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ

“คุณสันต์ไม่บอกรายละเอียดอะไรเลยเหรอคะ”

“ใช่ครับ เป็นปกติของมันเลยแหละ ชอบเก็บงำทุกอย่างไว้ไม่ยอมบอกใคร ขนาดเรื่องของเสี่ยนิพนธ์ผมยังไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

“แต่คุณสันต์ก็ไว้ใจคุณยอด” ต้องตาย้ำความจริงข้อนี้ ซึ่งเธอรู้ว่าอีกฝ่ายก็รู้ดีอยู่แล้ว

“ผมควรจะดีใจใช่ไหมครับ”

“มีอะไรที่น่าดีใจไปมากกว่านี้อีกล่ะคะ” หญิงสาวถามก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

“ก็...การได้เป็นแฟนคุณตาไง” คำตอบที่ได้ทำให้ต้องตาแทบสำลัก ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเกี้ยวพาราสีกลางโรงอาหารของโรงพยาบาลเสียได้

***********************************************************************

   นิสัยที่แก้ไม่หายอย่างหนึ่งของยิ่งใหญ่คือต้องทาครีม ตามด้วยใช้เจลจัดแต่งทรงผมทั้งที่ตัดผมทรง รด. แต้มแต่งตัวและนอนรอเพื่อนจนแทบจะหลับไปอีกครั้งหนึ่งก่อนที่คุณชายจะจัดแจงตัวเองจนเรียบร้อย

“นายจะ..”

“...จะเซ็ตผมทำไมทั้งที่ผมก็มีแค่นี้” ยิ่งใหญ่แย่งเพื่อนพูด “นายก็รู้ว่าเราชิน ทำทุกวัน นายก็รอทุกวันและถามทุกวัน ไม่เบื่อเหรอ บ่นไปเราก็ยังทำ”

“คือเราหน้าด้าน ที่ถามทุกวัน ว่างั้น”

“หรือไม่จริงล่ะ” ยิ่งใหญ่กวน

   แต้มที่นอนอยู่ผุดลุกขึ้นไปเตะก้นเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ยิ่งใหญ่จะสวนกลับโดยการล็อคคอเขาไว้กับซอกแขน ทั้งคู่ดิ้นสู้กันไปมาจนชุดนักเรียนยับตั้งแต่เช้า ผ้าปูที่นอน หมอนและผ้าห่มกระเจิงไปคนละทิศเมื่อคนสองคนปล้ำกันไปมาราวกับนักมวยอย่างไม่มีใครยอมใคร เมื่ออีกฝ่ายเผลอก็ถูกกดหน้าเข้ากับที่นอน สองมือโดนจับไขว้หลังและใช้ข้อศอกตรึงท้ายทอยไว้ สองขาที่ดิ้นสู้ถูกตรึงไว้กับสองขาของอีกฝ่าย

คราวนี้ยิ่งใหญ่พลาดโดนกดในท่านี้

“ยอมแพ้ยัง”

“ไม่” คำตอบเสียงดังฟังชัดเล็ดลอดออกมา ใบหน้าของยิ่งใหญ่จมกับเตียง เขาพยายามดิ้นฮึดสู้แต่ก็ต้องเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเมื่อแต้มเปลี่ยนมานั่งที่เอว สองขายาวพยายามดีดพับมาตีหลังคนที่นั่งทับแต่ก็ไม่ถึงเพราะแต้มนั่งสูงกว่าระยะกระทบ แต้มใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบที่หลังยิ่งใหญ่ อีกข้างหนึ่งยันที่เตียงก่อนดึงสองแขนเพื่อนที่นอนคว่ำอยู่ให้อยู่ในท่าฤาษีดัดตน

“โอ๊ยยยยยยยยยย ยอม ยอม ยอมแล้วค้าบ ยอมแล้ว” แต้มฉุดแขนยิ่งใหญ่ให้ทิ้งตัวลงและดึงกลับอีกสามสี่ครั้งก่อนจะปล่อยเป็นอิสระ ศึกในวันนี้เขาชนะอย่างใสสะอาด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเหงื่อที่ท่วมกาย เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่จนต้องเริ่มต้นอาบน้ำและแต่งตัวใหม่อีกครั้ง...

***********************************************************************

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวสวมแว่นตากรอบใหญ่ที่ขัดกับใบหน้าอันหล่อเหลานั่งสบตาอีกฝ่ายอยู่ราวกับส่องกระจก พวกเขาเป็นฝาแฝดแท้ที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ แต่บุคลิกและนิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใบหน้ารูปไข่เรียวยาวรับกับสีผิวขาวราวหยวกกล้วย ตาชั้นเดียวคมกริบบ่งบอกว่ามีเชื้อสายคนจีนอย่างแน่แท้ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางได้รูป คิ้วหนายาวเป็นแพขมวดเป็นปมเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากแฝดผู้น้อง

“ไร้สาระ” เขาพูดพลางขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งให้สบายตัวขึ้น เก้าอี้ขนาดย่อมไม่เหมาะกับผู้ชายที่สูง 185 เซนติเมตรอย่างพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง สองหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาและเหมือนกันขนาดนี้ย่อมเป็นที่ดึงดูดของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี สายตาคนในร้านกาแฟจับจ้องพวกเขาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาจนกระทั่งตอนนี้ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับความรู้สึกที่ได้ฟังเรื่องราวในตอนนี้

“นายคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอเบสต์”

“หรือไม่จริงล่ะ ที่นายเรียกเรามาเพื่อจะพูดเรื่องบ้าๆแค่นี้เหรอ” เขาขยับแว่นตา การเรียนเฉพาะทางหนักหนาแสนสาหัสอยู่แล้ว เมื่อคืนก็นอนไปได้แค่สี่ชั่วโมง ตอนนี้ต้องมานั่งฟังน้องชายฝาแฝดเล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก

“ถ้านายไม่เชื่อ ก็ถือซะว่าไม่ได้ยินละกัน”

“เราคงเชื่อหรอก ถ้าไม่ติดว่าดาราคนนั้นเป็น...”

“มันไม่เกี่ยวว่าภัทรจะเป็นอะไรนะเบสต์ ประเด็นมันอยู่ที่แฟนของนายทำเรื่องอะไรมากกว่า”

“ฟังนะบั๊มพ์” แฝดผู้พี่ขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนกับกำลังส่องกระจก “นิดไม่ใช่คนแบบนั้น อีกอย่างพวกเราก็กำลังจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ ไม่มีทางที่นิดจะทำแบบนั้นได้”

“แล้วทำไมนิดถึงจะย้ายไปเรียนที่อังกฤษกะทันหันแบบนี้ล่ะ อีกแค่ปีเดียวก็จะจบแล้วไม่ใช่เหรอ”

“นิดวางแผนจะไปที่โน่นตั้งนานแล้ว...”

“พอเถอะเบสต์ ถ้านายไม่เชื่อเรื่องที่เราพูด ก็ขอโทษด้วยละกันที่ลากนายมาฟัง”

“ไม่เอาน่าบั๊มพ์ นายไม่ชอบนิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะอะไรนายก็รู้”

“การที่เราไม่ชอบผู้หญิง ไม่ได้หมายความว่าเราจะเกลียดผู้หญิงทุกคนนะเบสต์ แต่กับนิดเราไม่ได้มีอคติอะไร แค่เราไม่ชอบคนแบบนั้น” บั๊มพ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ เพราะคำว่าไม่มีอคตินั้นไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย

“แบบนั้นของนายนี่แบบไหนเหรอ” บั๊มพ์หัวเสีย ยิ่งพูดก็ยิ่งหลงทาง นิชาหรือนิดเป็นแฟนของพี่ชายฝาแฝดเขามานานแล้ว ผู้ชายทั้งแท่งคงมองไม่ออก แต่สำหรับตน ท่าทางและคำพูดของผู้หญิงคนนั้นมันดูปลอมจนรู้สึกดีด้วยไม่ได้ เมื่อความชังบ่มเพาะมาเป็นเวลานานก็แปรเปลี่ยนเป็นอคติส่วนตัวต่อคนๆนี้ไปเสียแล้ว ยิ่งได้เห็นกิริยาของผู้หญิงคนนั้นตอนที่แอบมองพ่อของตนด้วยท่าทางยั่วยวนอยู่บ่อยครั้งก็ยิ่งชวนให้ขยะแขยง

“ช่างเหอะ เราไปดีกว่า”

“เดี๋ยวสิบั๊มพ์” แฝดผู้พี่รั้ง “นายไม่คิดว่าชีวิตนายจะ แบบว่า”

“กลับมาชอบผู้หญิงน่ะเหรอเบสต์” คนถามไม่ตอบ แต่พวกเขาก็ผ่านบทสนทนานี้มาหลายต่อหลายคราแล้ว “เราเป็นเกย์นะ ไม่ได้ป่วยทางจิต นายเรียนหมอ นายก็น่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ไม่ยากนะ”

“...”

“พอเถอะ เราพอใจที่เป็นแบบนี้ ชีวิตเราก็มีความสุขดีแล้ว”

“แต่นายควรจะเรียนหมอ นายควรจะมีชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้นะถ้านายเชื่อคำพูดของพ่อ”

“เราเป็นน้องนายนะไม่ใช่ลูก การที่เราไม่ต้องการอยู่ในกรอบของพ่อไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะถึงจุดจบซะเมื่อไหร่ ขอร้องล่ะเบสต์ ถ้านายไม่ยอมรับรสนิยมเรา ไม่ชอบภัทร อย่ายกเรื่องเก่าๆมาพูดอีกเลย เราไม่ได้อยากเป็นหมอ เราไม่ได้อยากสืบต่องานอะไรของพ่อ”

“นายไปเถอะ” เบสต์ไม่พูดอะไรต่อ มองแผ่นหลังของแฝดผู้น้องอย่างเสียดาย เส้นทางที่เขาไม่เข้าใจและไม่คิดจะทำความเข้าใจขีดให้เกิดเส้นขนานระหว่างทั้งคู่มาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่น้องชายที่หัวดีกว่าเขาเลือกจะไม่เรียนต่อและหันไปจับธุรกิจ ก่อนจะเปิดตัวกับที่บ้านว่าชอบผู้ชาย ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าการเลือกทางเดินที่ผิด

***********************************************************************

*พิสันต์ ตัวละครหลักจากเรื่อง หากย้อนเวลาได้
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 46 (UP:: 16 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-12-2018 16:55:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

เริ่มมีรายละเอียดของนังนิชา ตัวร้ายจากเรื่องนู้น 

หมอเบสต์ในอดีตนี่โง่จริงเนอะ ดูไม่ออกว่าแฟนตัวเอง เน่าเฟะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 46 (UP:: 16 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2018 19:38:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 46 (UP:: 16 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-12-2018 11:21:21
:pig4: :pig4: :pig4:

เริ่มมีรายละเอียดของนังนิชา ตัวร้ายจากเรื่องนู้น 

หมอเบสต์ในอดีตนี่โง่จริงเนอะ ดูไม่ออกว่าแฟนตัวเอง เน่าเฟะขนาดไหน


อย่าว่าหมอเบสต์เลย ตอนนั้นยังเด็ก ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 47 (UP:: 24 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 24-12-2018 11:03:35
มาต่อแล้วนะครับ แฟนๆจะได้ไม่รอนาน
อย่าลืมติดตามเพจของไรต์ด้วยนะครับ จะพยายามอัพเดตนิยายใหม่ๆในนั้นครับ
บางเรื่องก็ไม่ได้เอามาลงที่นี่นะครับ เลยขออนุญาตฝากด้วยเด้อ
ลิงค์ >> https://www.facebook.com/Begintillanend


​ตอนที่ 47. เกี่ยวข้าว



อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวแล้วก็ตาม เหงื่อไหลท่วมตัวทันทีที่แต่งตัวเสร็จแม้เพิ่งจะแปดโมงเช้า แต้มขยับผ้าคลุมหน้าให้แน่นก่อนจะสำรวจดูเพื่อนสนิทที่กำลังสาละวนกับการโพกผ้า

“นายเป็นอะไรกับการโพกผ้ามากมั้ย”

“นายจะมาช่วยหรือจะยืนบ่นตรงนั้น” ยิ่งใหญ่ถาม แต้มมาช่วยเพื่อนทันทีที่พูดจบ การโพกผ้าทำได้ง่ายมากเพราะมันแค่เสื้อแขนสั้นผืนบางตัวหนึ่งที่สวมลงที่หน้าให้ส่วนที่จะสวมคอครอบใบหน้าเราแทนและใช้ผ้าส่วนที่เหลือมามัดให้แน่น ที่ต้องแต่งแบบนี้ก็เพื่อป้องกันแดดเผาในตอนที่ต้องลงนา เมื่อมัดผ้าเสร็จแต้มก็สวมหมวกสานใบใหญ่ให้เพื่อนเกี่ยวคางยาวเรียวนั้นไว้ด้วยเชือกฟางสีสดไม่ให้ปลิวตอนที่ลมหนาวพัดแรง

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว อย่าลืมใส่นี่ด้วย” แต้มโยนถึงมือผ้าเนื้อหยาบสีขาวขอบเหลืองให้เพื่อน ยิ่งใหญ่สวมและลองขยับนิ้วไปมาราวกับยังไม่ชิน

“หนุ่มๆเสร็จยังลูก”

“เสร็จแล้วครับแม่” สองหนุ่มตอบก่อนจะลงเรือนไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่แต้มเป็นคนขับ ระยะทางจากบ้านไปที่นานั้นไม่ไกลแต่ด้วยทางที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ อีกทั้งยังต้องลัดเลาะไปมาข้ามแม่น้ำแคบๆกว่าพวกเขาจะมาถึงก็ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง

“โห สวยจัง” ยิ่งใหญ่ตาลุกวาวทันทีที่เห็นบรรยากาศ ทุ่งนาเวิ้งว้างติดกันเป็นแพผืนใหญ่เต็มไปด้วยต้นข้าวออกรวงสีเหลืองทองอร่ามสุดลูกตาตัดกับสันเขาสีเขียวทะมึนกระชากใจเขาได้ไม่ยาก

“เดี๋ยวก็รู้ว่านายจะยังชอบมันอยู่รึเปล่า” แต้มวางย่ามใส่ข้าวของบนกระท่อมกลางนาหลังคามุงสังกะสีสีสนิม แผ่นไม้บ่นกระท่อมสีน้ำตาลเข้มเก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกย่ำ ยิ่งใหญ่มองชาวนาข้างเคียงกำลังลงแรงเกี่ยวข้าวอย่างตั้งใจ แม่ของแต้มเพิ่งตามมาถึงและมีเหล่าญาติมาช่วยอีกหลายคน

“ใหญ่เคยเกี่ยวข้าวมั้ยลูก” ญาติคนหนึ่งของแต้มทักมา

“ไม่เคยครับน้า”

“ระวังคมเคียวดีๆล่ะ อย่าเกี่ยวเข้าตัว” ผู้ที่ยิ่งใหญ่เรียกว่าน้ามาสอน “กำต้นข้าวทั้งกอไว้ให้แน่นอย่าให้สูงหรือต่ำเกินไป กะระยะที่พอก้มแล้วไม่ปวดเอวแล้วใช้เคียวเกี่ยวกระหวัดคมออกด้านข้างแบบนี้” รวงเข้าทั้งกำหลุดออกจากกันอย่างง่ายดาย ยิ่งใหญ่ทำหน้าทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็นก่อนจะลองทำอย่างเก้ๆกังๆ

“จะรอดมั้ยเนี่ย”

“ปล่อยไปเถอะแม่ อยากจะดื้อด้านตามมาทำไมล่ะ” แต้มปลอบใจแม่ แต่ยิ่งพูดแม่ก็ยิ่งกังวลใจมากกว่า

“เอาน่าเพื่อนอยากมาช่วยก็อย่าไปว่าเค้าเลย เราน่ะดูเพื่อนดีๆละกันไม่ต้องรีบตามพวกแม่ไป”

แต้มรับคำก่อนจะที่พาเพื่อนสนิทลงนาจริง ชาวนาจะเริ่มเกี่ยวข้าวกันเป็นไปแถว ระยะแถวหนึ่งพอดีกับระยะแขนของแต่ละคนเอื้อมถึง เมื่อเกี่ยวเสร็จก็เอาไปกองไว้ด้านหลังเป็นระยะ คนที่เกี่ยวเป็นจะรุดหน้าไปไวมาก แต่กับมือใหม่อย่างยิ่งใหญ่โดนญาติๆของแต้มน็อครอบไปหลายครั้ง เหงื่อเม็ดโตไหลเข้าตาจนแสบ กลิ่นดินระอุขึ้นมากระทบจมูกหอมกรุ่น แสงแดดแผดเผาพร้อมกับลมหนาวปะทะจนอยากจะบอกว่ามันหนาวหรือร้อนกันแน่ และเมื่อก้มๆเงยๆไปจนสุดแถว ยิ่งใหญ่ก็พบว่ามันยากและปวดเอวมากเพียงไหน

“ไง เหนื่อยละเหรอ” แต้มแซว

“ไม่เหนื่อย” ยิ่งใหญ่กัดฟันตอบ รู้สึกเกะกะไปหมดเนื่องจากต้องสวมเสื้อแขนสั้นก่อนคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาว สวมกางเกงขายาวตัวโคร่งและรองเท้าบู๊ตสีดำที่ทำจากพลาสติก เมื่อโดนแดดไปสักพักก็ร้อนแนบกับหน้าแข้ง ยังดีที่แต้มยืนกรานให้เขาสวมถุงเท้าไม่อย่างนั้นคงต้องถอดมันทิ้ง

“เกี่ยวอีกสองแปลงก็คงพักแล้วล่ะ น้ำอยู่ในกระติกตรงโน้นนะ หิวน้ำก็ไปดื่มก่อน”

ยิ่งใหญ่พยักหน้าแทนคำตอบ รู้สึกอยากประหยัดพลังงานมากกว่าจะต่อปากต่อคำ และเมื่อเกี่ยวไปได้อีกหนึ่งแถวก็ได้เวลาพัก แม่ของแต้มและญาติๆนั่งบนคันนาล้อมวงที่กระติกน้ำพลางตักส่งให้แต่ละคนแก้วแล้วแก้วเล่า ยิ่งใหญ่มองภาพนี้อย่างมีความสุข ถึงแม้มันจะเหนื่อยแต่เมื่อเห็นความเอื้ออาทรของคนเบื้องหน้าก็ทำให้อิ่มเอมใจไม่น้อย เขาเผลอคิดไปถึงตอนที่ไปเยี่ยมแม่ที่กรุงเทพ แม่มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลเลือดของแม่เป็นปกติ พี่ยศบอกว่าการรักษาเป็นไปด้วยดี แม่ก็มีสีหน้าที่เป็นสุข

“หืม แต้มกับต้องตาเป็นพี่น้องกันจริงๆเหรอ”

“ใช่ครับแม่”

“โอย ดีจัง แม่ถูกชะตากับทั้งสองคนนี้มาก นี่ถ้าไม่ได้หนูตามาช่วยดูแลช่วงที่ตายอดยุ่งๆป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครมาดูแล มีลูกชายสามคนไม่ได้เรื่องสักคน” แม่พูดพลางสบตากับต้องตาที่นั่งอยู่บนโซฟา

“โหแม่ มาเป็นชุด ผมก็มาแล้วนี่ไง” ยิ่งใหญ่ประท้วง

“กว่าจะมาได้ ถ้าไม่ได้แต้มกับต้องตาช่วยเราจะมาหาแม่มั้ยล่ะ” แม่บ่นอย่างน้อยใจ

“โอ๋” ยิ่งใหญ่โผเข้ากอดแม่ที่นั่งบนเตียงคนไข้ “ผมขอโทษนะครับที่ทำตัวไม่ดีใส่แม่มาตลอด”

“จ้า” แม่รับคำอย่างอบอุ่น “แม่แค่ล้อเล่น แค่ลูกมาเยี่ยมแบบนี้แม่ก็ดีใจแล้ว” ยิ่งใหญ่รู้สึกดีและอบอุ่นใจที่สุดที่แม่ลูบผม รู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ไม่มีอ้อมกอดใครอุ่นเท่าแม่อีกแล้ว ถ้าไม่นับการกอดใครอีกคนที่ทำเป็นประจำ

“นี่จะกินมั้ยน้ำน่ะ ใจลอยไปไหนแล้ว” แต้มเขย่าตัวเพื่อนที่กำลังเหม่อ

“กินๆๆ” ยิ่งใหญ่รับแก้วน้ำพลาสติกขึ้นมาดื่มจนหมด “ขออีกแก้วสิ”

แต้มตักน้ำและส่งให้เพื่อนอีกครั้ง “เออ เดี๋ยวนายไม่ต้องเกี่ยวละนะ”

“อ้าวทำไมล่ะ เราเกี่ยวไม่ดีเหรอ”

“เปล่า มันเกี่ยวได้เยอะแล้ว วันนี้คนมาช่วยเยอะคงจะไวกว่าที่คิด แม่ให้เรากับนายไปช่วยน้าเอาข้าวที่เกี่ยวแล้วไปกองแบบนั้น” แต้มชี้ให้ยิ่งใหญ่ดูกองข้าวที่เอามากองพะเนินสุมกันไว้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะกองก็จะใช้ตอกมัดแทนเชือกและเอามากองสุมเรียงกันไว้ ตอกเป็นไม้ไผ่ที่เอามารีดเป็นเส้นคล้ายบะหมี่เส้นแบนยาวประมาณ 30-50 เซ็นติเมตร เอามาตากแดดและมัดรวมกันไว้เพื่อใช้ในการมัดข้าวหรือของใช้อื่น แต้มสอนวิธีมัดและเรียงข้าวบนกองอย่างละเอียดก่อนที่จะช่วยกันลงมือทำงาน ยิ่งใหญ่รู้แล้วว่าทำไมต้องให้เขามาช่วย เพราะในที่นี้เขาสูงที่สุดและกองข้าวที่กองเสร็จก็จะสูงกว่าคนอื่นๆเสียอีก

“วันนี้จะเกี่ยวเสร็จมั้ย” ยิ่งใหญ่ถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะมืดๆเลยแหละ ดีที่วันนี้คนมาช่วยหลายคนและนาเราก็ไม่เยอะ ถ้าเกี่ยวให้เสร็จก็คงทำได้”

“งั้นเราไปช่วยเค้าเกี่ยวกันต่อมั้ย”

“ไม่ต้อง นายน่ะมาช่วยเราตรงนี้” แต้มลากเพื่อนไปช่วยทำงานอย่างไม่สนใจคำโอดครวญที่อยากจะเกี่ยวข้าวเลยสักนิด

***********************************************************************

ช่วงพักเที่ยง ทุกคนจะมารวมกันที่กระท่อม บ้างก็ก่อไฟหุงหาอาหารที่เพิ่งขุดมาจากท้องนา ญาติแต่ละคนจะพกกับข้าวมาจากบ้าน ยิ่งใหญ่มองอาหารที่วางเรียงรายเต็มกระท่อมด้วยความตื่นตา วันนี้แม่ของแต้มทำยำหน่อไม้ใส่น้ำปูสีดำกลิ่นแรงมาพร้อมกับปลาดุกย่าง เดิมทียิ่งใหญ่ไม่เคยลองมาก่อนเพราะไม่ชอบกลิ่นของมัน แต่เมื่อปั้นข้าวเหนียวและจิ้มลงไปคำหนึ่ง ฉีกเนื้อปลาดุกย่างสีขาวเข้าปากกลับกลายเป็นว่าหยุดไม่ได้ เสน่ห์ของอาหารเหนือคือความกลมกล่อม มันอร่อยลิ้นและรับรู้ได้ถึงความเป็นกันเองของสมาชิกร่วมวง ญาติของแต้มเด็ดมะละกอจากไร่ที่อยู่ติดกันมาตำให้กินกันสดๆตรงนี้ ปูนาตัวโตที่ถูกขุดมาเอามาลวกแบ่งก้ามปูกันคนละหนึ่งหรือสอง อาหารที่ดูพื้นๆกลับทำให้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถหยุดได้

หลังจากอิ่มหนำจากมื้อเที่ยง ก็ได้เวลาพักผ่อนเอาแรงโดยการนอน ลมหนาวพัดกรูมาจนตัวเย็นตัดกับแสงแดดที่แผดเผาจนผิวแทบไหม้ ยิ่งใหญ่เลือกที่จะไม่นอนกับญาติๆของแต้ม แต่ตามแม่ไปขุดหน่อไม้ในกอไผ่ริมแนวสันเขาในไร่ที่อยู่ติดกัน หน่อไม้ที่ปลายแหลมโผล่มาจากพื้นดูเหมือนจะเล็ก แต่พอขุดลงไปกลายขนาดเป็นเท่าฝ่ามือก็มี

“หน่อแบบนี้ต้มแล้วหวาน ใหญ่เคยกินมั้ย”

“เคยครับแม่ แต่กินแบบผัด” ยิ่งใหญ่ผู้เติบโตมาแบบคุณหนูตอบความจริง

“จะให้แม่เอาไปผัดให้มั้ยล่ะ”

“ไม่เอาดีกว่าครับแม่ ทำแบบที่แม่ทำปกติเถอะครับ ผมอยากลองอะไรใหม่ๆด้วย”

“แกงหน่อไม้ก็ได้ครับแม่ ใส่ปลาและน้ำปู อร่อยดี” แต้มเดินตามมาสมทบทีหลังออกความเห็น “หน่อมันหวานเอาไปผัดก็เสียดาย”

“ไอเดียดีนะครับแม่” ยิ่งใหญ่สนับสนุน

“ได้ๆ เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำแกงหน่อไม้ใส่ปลาย่างนะ” ทั้งสามคนใช้เวลาหาหน่อไม้อีกครู่ใหญ่ก็กลับไปเกี่ยวข้าวกันต่อ ยิ่งใหญ่สนุกกับวันนี้มากเพราะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เหงื่อที่ไหลโทรมกายทำให้ยิ่งคึกคัก ความร้อนของไอแดดกระตุ้นความคะนอง จนเมื่อเย็นย่ำพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไอหนาวก็ทำงานทันทีอย่างรู้หน้าที่ แต่ละคนต่างก็เก็บข้าวของและเดินทางกลับบ้าน ข้าวเกี่ยวเสร็จพอดีในวันนี้ ยิ่งใหญ่ แต้มและญาติอีกสองคนสาละวนกับการกองข้าวจนเสร็จก็ตามไปสมทบแม่ที่นั่งรอในกระท่อม เมื่อกองข้าวเสร็จยังไม่ตีข้าวในทันทีต้องรอเวลาให้ข้าวแห้งก่อน ระหว่างนี้แม่ของแต้มก็จะไปช่วยญาติคนอื่นๆที่มาเกี่ยวข้าววันนี้ เป็นการลงแรงชดเชยที่ทุกคนมาช่วยกัน ยิ่งใหญ่เพิ่งรู้ว่ากว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดมันแสนยากลำบาก ต้องใช้แรงก้มๆเงยๆเกี่ยว เอามากองรวมกันเป็นกองใหญ่ตากแดดไว้รอแห้งแล้วค่อยมาตีข้าวโดยใช้อุปกรณ์เฉพาะอีกทีหลัง จากที่เคยกินข้าวไม่หมด เขาสัญญากับตัวเองว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่

ยิ่งใหญ่ปลดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นรอยแดดเผาสีแดงทั่วหน้า ผิวขาวเนียนที่เป็นที่น่าอิจฉาของใครหลายคนดูหมองไปเล็กน้อย แต้มไล่ให้เขาไปอาบน้ำแทบจะทันทีที่เหยียบขึ้นบนเรือน ย่าเอาหน่อไม้ที่ขุดมาได้ไปล้าง ดึงเปลือกออกและหั่นเป็นชิ้นบางก่อนเอาไปต้มในน้ำร้อน หลังจากมื้อเย็นที่แสนอร่อย แต้มไม่ยอมให้เขาช่วยล้างจาน แม่ก็ไปดูแลพ่อ ส่วนย่าก็เข้านอนแต่หัวค่ำ ยิ่งใหญ่ที่เมื่อยขบไปทั้งตัวเนื่องจากไม่คุ้นกับการทำงานแบบนี้เลือกที่จะมานั่งเงียบบนระเบียงหน้าบ้าน มองดูความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว หมอกลอยอ้อยอิ่งไปมา ท้องฟ้าเปิดมีดาวประดับระยิบระยับ

“มาทำอะไรตรงนี้ เสื้อแขนยาวก็ไม่ใส่ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” แต้มเดินออกมาด้วยชุดนอนเต็มยศ เสื้อแขนยาวสีดำตัวใหญ่โคร่ง กางเกงวอร์มตัวเก่งที่เป็นกางเกงพละของโรงเรียน สวมถุงเท้าสีขาวที่ใส่ไปโรงเรียนเช่นกัน

“มาสูดอากาศ ยังไม่ค่อยหนาวน่ะ” ยิ่งใหญ่ตอบเพื่อนที่กำลังหย่อนตัวลงมานั่งข้างกัน

“เหนื่อยมั้ย”

“ไม่” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบความจริง ทั้งๆที่วันนี้เหนื่อยตัวแทบขาด แต้มไม่พูดอะไรแต่ใช้มือใหญ่กดที่แผ่นหลังของเพื่อนที่นั่งชิดกัน

“โอ๊ย” ยิ่งใหญ่สะดุ้งร้อง แรงกดพอดีกับจุดที่ปวด

“ไหนบอกไม่เป็นอะไรไง”

“เราบอกว่าไม่เหนื่อย ไม่ได้บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ปากดี หันมา” แต้มปรับท่านั่งให้ขนานกับเพื่อนก่อนจะจับตัวอีกฝ่ายให้นั่งหันหลังมาให้สองมือกดนวดแผ่นหลังกว้างที่พยายามปัดออก “อยู่เฉยๆ เดี๋ยวนวดให้”

“ไม่เอา เราโอเค นายก็เหนื่อยเหมือนกัน”

“จะนวดดีๆหรือจะให้ทุบ” แต้มยกขาขึ้นมาขู่ ยิ่งใหญ่หัวเราะกับท่าทางของเพื่อนรักตอนนี้

“จะนวดก็นวด ตามใจนายละกัน” ยิ่งใหญ่ไม่อยากขัดจึงนั่งนึ่งให้อีกฝ่ายใช้มือกดนวดไปตามแผ่นหลัง แรงกดส่งผ่านความรู้สึกแปลกประหลาดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่อนคลาย อบอุ่นและสงบในคราเดียวกัน ยิ่งใหญ่กอดสองแขนราบกับราวระเบียงเกยคางยาวเพื่อมองไปด้านนอก เสียงจิ้งหรีดร้องระงมในความมืด โชคดีที่วันนี้ยุงไม่เยอะ จึงไม่ถูกกัดมากนัก

แต้มลงแรงกดอย่างเบามือเพื่อแทนคำขอบคุณเพื่อนคนนี้ที่มาช่วยจนเมื่อยขบ เขามองศีรษะเพื่อนที่แนบกับระเบียงค่อยๆเอียงซบแขนล่ำ ลมหายใจแผ่วเบาราบเรียบบ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว ปกติยิ่งใหญ่จะเป็นคนหลับยาก แต่ถ้าได้นอนแล้วจะหลับลึก ความหนาวคลืบคลานมาเรื่อยๆ ไอเย็นปกคลุมไปทั่วชื้นจมูก แต้มลองปลุกเพื่อนที่นอนหลับสนิทแต่ไม่ได้ผล ท้ายที่สุดผู้ชายตัวสูงใหญ่ก็ถูกอุ้มไปวางบนที่นอนอย่างทุลักทุเล แต้มมองใบหน้าที่หลับไหลนั้นอย่างหมั่นไส้ เวลาปกติพวกเขาจะกวนกันไปมา แต่ในยามนี้ ใบหน้านั้นดูบริสุทธิ์ราวกับเป็นคนละคน

***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 47 (UP:: 24 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-12-2018 11:58:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 47 (UP:: 24 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-12-2018 21:03:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนสองหนุ่มอยู่ด้วยกันมันช่างละมุนละไมเสียนี่กระไร
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 47 (UP:: 24 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-12-2018 10:29:32
:pig4: :pig4: :pig4:

ตอนสองหนุ่มอยู่ด้วยกันมันช่างละมุนละไมเสียนี่กระไร

เคมีเข้ากั๊น เข้ากัน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 48 (UP:: 26 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-12-2018 11:16:22
ตอนที่ 48. เรื่องที่ยังไม่เคยบอก



เป็นอีกคืนหนึ่งที่ต้องตาต้องกลับบ้านดึก หลังจากเคลียร์งานที่กองสุมให้เสร็จก่อนลากลับบ้านสิ้นปีฟ้าก็มืดแล้ว รถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนส่งเสียงดังอื้ออึงไม่ชินหู แต่มันก็ทำให้ชีวิตของเธอสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องไปยืนรอรถเมล์หรือต้องเสียค่ารถแท็กซี่ในราคาแพงหูฉี่อีกต่อไป หลังโรงแรมไฟสว่างจากการปรับปรุงของส่วนกลาง ถนนสีลมยามนี้ยังไม่หลับไหล ผู้คนยังขวักไขว่ราวกับมดงานที่ต้องแข่งกันทำงานเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอด

หญิงสาวถอดรองเท้าส้นสูงเก็บในตู้ล็อกเกอร์ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยลำลอง อาการปวดฝ่าเท้าบรรเทาแทบจะทันทีที่ได้สวมคู่ใหม่ เธอเดินออกทางประตูหลังเช่นเคย

“ตา” เสียงทักนั้นแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวหันขวับไปตามเสียงเรียก

“พี่อ๊อด” ต้องตาทักอย่างตกใจ สภาพของอดีตคนรักผ่ายผอมอย่างเห็นได้ชัด เค้าโครงความหล่อเหลาสมัยก่อนเลือนหายไปกับกาลเวลา “พี่มาทำอะไรที่นี่”

“ตาต้องช่วยพี่นะ พี่ไม่รู้จะบากหน้าไปหาใครแล้วจริงๆ”

“พี่จะให้ตาช่วยอะไร ครั้งล่าสุดที่พี่มาหา พี่ก็ทำร้ายตา”

“พี่ขอโทษ พี่รู้ว่าพี่ทำผิด แต่พี่ขอร้องล่ะตา ช่วยพี่ด้วย พี่ไม่มีที่ไป ไม่มีงานทำ” ต้องตามองเนื้อตัวมอมแมมของอีกฝ่ายอย่างสังเวชใจ เธอตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้จนลืมไปแล้วว่าเคยรู้จักกัน หากจำไม่ผิด พี่อ๊อดเคยโดนจับหลายครั้งในคดีค้ายาเสพติด รวมไปถึงการทำร้ายร่างกายผู้หญิงอีกหลายคดี

“ฉันเห็นใจพี่นะพี่อ๊อด” ต้องตาสงบจิตใจ เอื้อมมือไปกดโทรศัพท์ในกระเป๋า กดหมายเลข 2 บนปุ่มโทรศัพท์ที่ทำเป็นปุ่มลัดสำหรับโทรหาคนสนิท ก่อนจะทำใจเย็นตอบ “แต่เราเลิกกันไปนานแล้ว เกือบสิบแปดปีแล้ว พี่จะดิ้นรนกลับมาหาฉันทำไม”

“เพราะใครล่ะ” อ๊อดเค้นเสียง ความอ่อนเพลียทำให้แทบล้มคว่ำ “ไม่ใช่เพราะมึง ครอบครัวมึงเหรอที่ทำกูแบบนี้”

“พี่จะมาโทษชั้น โทษครอบครัวชั้นได้ยังไง” ต้องตาหมดความอดทน

“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พวกมึงแจ้งความจับ กูก็ไม่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้หรอก”

“พี่อ๊อดจะฟื้นฝอยเรื่องเก่าอีกทำไม” ต้องตาเสียงแข็ง “พี่ก็รู้ว่าที่บ้านตาต้องทำแบบนั้นเพราะพี่เอาแต่ทุบตีชั้น พี่ไม่เคยมองเห็นความผิดตัวเองเลย มองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น คนอย่างพี่มันก็สมควรแล้วที่จะต้องเป็นแบบนี้” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของต้องตาสะกิดปมในใจของอีกฝ่ายอย่างจัง ท่าทีอ่อนแรงเลือนหายกลายเป็นไฟโกรธที่สุมทับ

“มึง นังผู้หญิงแพศยา” ร่างใหญ่ถลาหวังจะกระชากร่างบาง แต่กลับถูกผลักกระเด็นจนล้มคว่ำ

“กูบอกมึงแล้วใช่ไหม ว่าอย่าให้กูเจอมึงอีก” ยอดเยี่ยมมีนัดมารับต้องตาหลังเลิกงานได้รับเบอร์โทรเข้าแต่ไม่มีคนพูด แต่บทสนทนาจากแฟนสาวกับใครอีกคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่เป็นมิตรนั้นทำให้เขารีบจอดรถและวิ่งตามหา จนมาพบว่าทั้งคู่มาอยู่ตรงนี้

“หึ เรียกมาสิ เรียกพวกมึงมาเลย ไอ้พวกหมาหมู่ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้”

“มึง”

“อย่าค่ะคุณยอด” ต้องตาฉุดแขนล่ำไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะหดขากลับมา “ไม่คุ้มหรอกค่ะ คนแบบนี้”

“แต่ถ้าเราปล่อยไป เขาจะกลับมาอีกเรื่อยๆนะครับ” ยอดเยี่ยมให้ความเห็น

“พี่อ๊อด พี่ต้องการอะไรจากฉัน” ต้องตาถามด้วยอาการข่มใจไม่ให้แสดงความโกรธขึ้ง “เงินเหรอ”

“หึหึ พอได้ผัวรวยก็จะเอามาฟาดหัว” ยอดเยี่ยมได้ยินก็แทบฉุนขาดแต่หญิงสาวก็คล้องแขนไว้เพื่อไม่ให้ทำร้ายกันไปมากกว่านี้

“หยุดประชดเถอะ พี่ต้องการอะไรจากฉันกันแน่”

“มึงรู้มั้ย ตอนที่กูโดนจับ แม่กูต้องตรอมใจแค่ไหน พ่อกูต้องขายที่ดินมาช่วยต่อสู้คดี” ชายหนุ่มรำพันถึงความหลังที่ตัวเองได้รับ “พอกูออกมาไม่นานแม่กูก็เสีย พ่อกูก็ล้มป่วย สมบัติทุกชิ้นโดนขายเรียบ กู ไอ้อ๊อด ต้องกลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไร้ที่พึ่ง เพราะใครกันล่ะ”

“พี่อ๊อด” ต้องตาพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจ “พี่อย่าลืมสิว่าตอนที่จับเรื่องชั้น พ่อกับแม่ชั้นไม่เอาเรื่อง แต่เรื่องที่พี่โดนจับแล้วพ่อกับแม่พี่ต้องขายสมบัติพัสถานน่ะเพราะพี่ค้ายา” ต้องตาไม่อยากอดทนกับคนๆนี้อีกแล้ว

“พี่จะเหมารวมทุกอย่างที่พี่โดนมาที่ชั้นไม่ได้ ชั้นไม่เคยติดใจอะไรอีกแล้ว ที่ผ่านมาชั้นก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ มีชีวิตที่ดีขึ้น เราต่างคนต่างเดินคนละเส้นทางแล้ว พี่จะตามฉันมาอีกทำไม”

“ฮ่าๆๆๆ ทำไมน่ะเหรอ ถามมาได้ มึงยังไม่ได้บอกแฟนมึงใช่ไหม” อ๊อดหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนแนบชิดกับอดีตคนรัก

“บอกอะไร” ต้องตาถาม

“กูไม่ได้ตามมึง แต่ที่กูตามหา คือลูกของกู” ต้องตาหน้าซีด มือที่จับแขนยอดเยี่ยมอ่อนยวบในทันที

***********************************************************************

เสียงโทรศัพท์ดังปลุกชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับไหลให้สะดุ้งตื่น สายตากวาดไปดูเวลาที่นาฬิกาปลุกที่หัวเตียงบอกว่าเที่ยงคืนสิบห้านาทีแล้ว

“โหล”

“นอนแล้วเหรอ” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“อืม นอนแล้ว”

“ขอโทษทีน้า พอดีวันนี้ต้องไปโน่นนี่หลายที่เลย เพิ่งว่างนี่แหละ”

“อืม หนาวมั้ยที่โน่น”

“หนาว แต่ทนได้ นายล่ะเป็นไงบ้าง”

“ก็” ชายหนุ่มเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ขยับหมอนให้สูงขึ้นและพิงหลังในท่าที่สบายกว่าเดิม “คิดถึงนาย”

“แน่ะปากหวาน เพิ่งแยกกันแค่สองวันเอง”

“จะกี่วันก็คิดถึง แปลกตรงไหน”

“จ้า คิดถึงเหมือนกัน วันนี้ถ่ายละครเป็นไงบ้าง”

“ก็ดี นางเอกหน้าใหม่สวยเชียว แล้วนายล่ะเป็นไงบ้าง เรื่องที่บ้าน เรื่องน้องไบรต์อีก”

“ก็เหนื่อยหน่อยอะ พ่อเรายืนยันจะให้ไบรต์ย้ายมาเรียนที่นี่”

“แล้วไอ้ตัวเล็กว่าไงบ้าง”

“ก็งอแงใหญ่ แต่คงขัดพ่อไม่ได้หรอก แกคิดจะมาตั้งรกรากที่ลอนดอนตั้งนานแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีแล้วล่ะ”

“แล้วนายล่ะบั๊มพ์”

“เรา เราทำไมเหรอ” ปลายสายถามด้วยความเคลือบแคลง “เรามีบ้านอยู่เชียงใหม่ไง”

“และมีแฟนอยู่ที่ไทยด้วย”

“เรื่องนี้ต้องพูดด้วยเหรอ”

“นายคิดว่าพ่อนายจะยอมรับพวกเราไหม” ภัทรตัดสินใจถามคำถามที่ต่างก็รู้คำตอบ

“ไม่รู้สิ” บั๊มพ์เลี่ยงที่จะตอบความจริง ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบมันจะเป็นแบบไหน ยิ่งตอนที่พ่อได้ยินเรื่องของตนกับภัทรผ่านน้องชายคนสุดท้องที่มองพวกเขาราวกับฮีโร่ พ่อก็ยิ่งยืนกรานให้ย้ายน้องชายมาเรียนที่อังกฤษเสียโดยไว ทริปนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว ทั้งพี่ชายฝาแฝดและแฟนก็มาด้วย บั๊มพ์นึกถึงใบหน้าสวยหวานคมเข้มแต่ฉาบไปด้วยความปลิ้นปล้อนของนิชาแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ เบสต์ยังยึดมั่นในความรักและไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น บั๊มพ์ถอนหายใจเบาๆ นิชาเป็นเหตุผลหลักที่เขาจะไม่ยอมบอกเรื่องที่มีพี่ชายฝาแฝดให้กับภัทรฟังอย่างเด็ดขาด

“แล้วนายจะกลับเมื่อไหร่ จะทันฉลองคืนข้ามปีด้วยกันไหม”

“นายอยากให้เราไปฉลองกับนายเหรอ” บั๊มพ์ถามกระเซ้า

“ถ้ามาได้ก็ดี อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องทนเหงา”

“นายเปิดกระเป๋าตังค์ของนายดูสิ ช่องที่มีซิปน่ะ” ภัทรเอื้อมกระเป๋าสตางค์ของตัวเองมาเปิดอย่างงุนงง นึกสงสัยว่าปลายสายจะเล่นอะไร

“เปิดแล้วทำไมเหรอ” เขาคลี่ดูอะไรบางอย่างในนั้น

“ไม่เจออะไรเลยเหรอ” บั๊มพ์ถามอย่างรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหน

“นาย...” ภัทรไม่มีคำพูดอะไรหลุดออก

“เราแอบดูตารางงานนายแล้วนะ นายว่างช่วงสิ้นปีพอดี แถมเราก็เบื่อลอนดอนแล้วด้วย” ภัทรหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านช้าๆอย่างไม่เชื่อสายตา ตั๋วเครื่องบินไปกลับระบุชื่อตนเองและวันเดินทางพร้อมจุดหมายปลายทางอย่างชัดเจน

“นายเคยบ่นว่าอยากไป เราก็อยากไปพอดี”

“นาย” ภัทรยังคิดคำพูดไม่ออก

“ขอโทษนะที่ไม่ได้ฉลองด้วยที่ไทย แต่มาเจอกันที่โน่นนะ”

“อืม” ภัทรไม่มีคำพูดใดจะสื่อถึงความดีใจอย่างท่วมท้นในตอนนี้ สองมือกระชับตั๋วใบนั้นไว้ราวกับกลัวมันจะลอยหายไป เขาอ่านมันช้าๆ จุดหมายปลายทางที่อยากไปมาแสนนาน

กรุงโรม อิตาลี

***********************************************************************

แต้มลืมตาโพลงในความมืดเพราะความอึดอัดจากแรงกอดรัดของเพื่อนสนิทที่หลับลึกไปแล้ว ยิ่งใหญ่ละเมอพร้อมกับรัดแขนแรงขึ้นจนแต้มสะดุ้ง พยายามจับคำพูดที่พ่นออกมาก็ไม่รู้เรื่อง ยิ่งใหญ่ดิ้นแรงขึ้นจนน่าตกใจ ถึงแม้แต้มจะชินกับการที่ยิ่งใหญ่ละเมอเพราะฝันร้าย แต่ครั้งนี้กลับดูรุนแรงกว่าที่ผ่านมา นั่นคงเป็นเพราะความอ่อนเพลียที่ไปเกี่ยวข้าวมาก็เป็นได้

“ใหญ่ ตื่นสิ” แต้มขยับตัวให้หลุดจากอ้อมกอดแน่นนั้นและหันมาปลุกเพื่อนที่กำลังหอบหายใจแรง

“อ๊ะ แต้ม มีอะไรเหรอ” ยิ่งใหญ่ตื่นมาด้วยท่าทางงัวเงีย

“นายละเมอดังมาก แถมยังรัดจนเราสะดุ้ง ฝันร้ายเหรอ” ยิ่งใหญ่เปลี่ยนท่าเป็นนอนหงายใช้มือลูบใบหน้าคิดถึงความฝันเมื่อครู่

“ใช่ ฝันร้าย ฝันเหมือนเดิม ฝันเห็นลูกบอลกลมๆลอยเด้งไปมา ฝันเห็นมันตกลงมาแตกต่อหน้าเราแล้วมีเลือดมาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด”

“มันแค่ฝันน่า นายฝันแบบนี้มาตลอดนี่นา” แต้มพูดเพื่อให้กำลังใจ ยิ่งใหญ่ผุดลุกขึ้นมาใช้ข้อศอกดันตัวมองเพื่อนรักในความมืด

“ขอบใจนะ นอนเถอะ มันก็แค่ฝันร้าย” ยิ่งใหญ่ล้มตัวลงนอน ถึงแม้คำพูดจะดูสงบนิ่งแต่ภายในใจกำลังเต้นอย่างหนัก เด็กหนุ่มหลับตาลงและไม่หันไปกอดร่างที่นอนชิดกันเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงโครมครามในทรวงอก

***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 48 (UP:: 26 ธ.ค. 2561) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-12-2018 22:10:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

อา...อย่าบอกนะว่า  แต้มคือลูกต้องตา?
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 06-01-2019 13:06:20
ตอนที่ 49. ผู้หญิงคนที่เข้ามาทักยิ่งใหญ่



ต้องตามองร่างผ่ายผอมของอดีตสามีอย่างสังเวชใจ นึกโทษความเขลาในวัยเยาว์ยิ่งนักที่นำพาให้พบพานกับผู้ชายเช่นคนชื่ออ๊อด นอกจากจะไร้จิตสำนึกแล้ว เขายังเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ไม่ยอมให้ผู้ใดมีความมสุขสบายเหนือตน ไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้ในเรื่องเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นคนเจ้าอารมณ์ เจ้าคิดเจ้าแค้นจนเป็นสาเหตุให้ความรักของเธอผุกร่อนลงทุกขณะที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่ครอบครัวของต้องตามีจิตใจที่ประเสริฐกว่านั้น พวกเขายอมให้อภัยกับคนที่ทำร้ายทุบตีลูกสาวภายใต้เงื่อนไขว่าห้ามเข้ามาใกล้อีก หลังจากนั้นหญิงสาวก็หันไปทุ่มเทกับการเรียน ไม่นานนักก็ติดปีกทะยานสู่โลกกว้างและฝังความทรงจำเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ไปเสียสิ้น ไม่คาดคิดว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกในช่วงเวลานี้

“ลูก... พี่อ๊อดพูดอะไรกัน”

“มึงอย่าตอแหล กูรู้ว่ามึงมีลูกกับกู” อ๊อดยังไม่ลดละ ถึงแม้อีกฝ่ายจะยืนกรานแล้วก็ตาม

“พี่อ๊อด” ต้องตาตวาดลั่น “ไหนล่ะลูกชั้น พี่เคยเห็นลูกชั้นเหรอ พี่เคยเห็นชั้นอุ้มท้องเหรอ พี่เข้ามาพูดให้คุณยอดเข้าใจผิดเรื่องชั้นไปแล้วทีนึง คราวนี้พี่กุเรื่องลูกเลยเหรอ คนอย่างพี่ไม่สมควรที่จะได้รับความสงสารสักนิด ไปให้พ้น ไป๊” เสียงหวีดสูงของหญิงสาวสร้างความตกใจให้ทั้งยอดเยี่ยมและอ๊อดเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลอดเวลาที่ทั้งคู่รู้จัก เธอคือผู้หญิงที่อ่อนหวาน พูดน้อยและแฝงไปด้วยความฉลาด ไม่เคยสักครั้งที่จะตะเบ็งเสียงด้วยความเกรี้ยวกราดสุดกำลังเช่นตอนนี้

“คุณตาครับ ใจเย็นๆนะครับ” ต้องตาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ น้ำตาไหลพรากเต็มสองแก้ม ความอัดอั้นระบายผ่านกระเป๋าถือใบเล็กที่ถูกบีบจนไม่เหลือเค้าเดิมในมือเล็ก ตัวสั่นงันงกด้วยความโกรธา

“ไปซะ ต่อไปนี้อย่ามาให้ตาเห็นหน้าอีก ที่ผ่านมาตายกโทษให้พี่ได้ แต่ครั้งนี้พี่ทำเกินไปแล้ว ถ้าพี่ไม่หยุด ตาสัญญาว่าตาไม่ปล่อยพี่ไว้แน่”

“มึง มึงขู่กูเหรอ” อ๊อดที่ยืนอึ้งอยู่นานรวมสติเพื่อตอบโต้ กิริยาของหญิงสาวดุดันยิ่งกว่าเสือร้ายที่กำลังขาดสติ

“ไป๊!” ต้องตาตวาดซ้ำ อ๊อดขนลุกซู่ รับรู้ถึงความหวาดเกรงทั่วร่าง เขามองใบหน้าดุดันอีกครั้งก่อนจะเดินกระเผลกไปในความมืดมิด ทิ้งไว้แค่ร่างของสองชายหญิงที่กำลังปลอบประโลมกันอยู่ ณ จุดเดิม

 ต้องตาทรุดตัวลงนั่งที่ขอบฟุตบาทอย่างไม่สนใจความสกปรกหรือรถราที่กำลังวิ่งในตอนนี้ ความอัดอั้นตันใจที่มีกระตุ้นให้เธอต้องปกป้องตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกตามรังควานไปอีกอย่างไม่มีสิ้นสุด อ๊อดคิดว่าเขารู้จักตัวเธอดี แต่หญิงสาวมั่นใจว่าตนก็รู้จักผู้ชายคนนั้นดีไม่แพ้กัน ถึงแม้ภายนอกจะดุร้าย แต่เขาคือคนขี้ขลาดคนหนึ่ง ความรุนแรงที่แสดงออกมาก็เพื่อกลับเกลื่อนตัวตนที่อยู่ข้างใน ถ้าเรายังโอนอ่อนและหวาดกลัว ก็จะไม่มีวันหลุดพ้นจากเงามืดนั้น ต้องตาใช้สองมืดปิดหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินจนสาแก่ใจ

 ยอดเยี่ยมมองคนรักด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย ใจหนึ่งก็สงสาร อีกใจหนึ่งก็ชื่นชมในความเด็ดขาด ยิ่งตอนที่ได้เห็นความดุดันของต้องตาแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคนๆนี้มีสิ่งที่น่าค้นหาอีกมายนัก ผู้หญิงตัวคนเดียวไม่น่าจะฮึดสู้กับผู้ชายหรืออดีตที่โหยร้ายได้ถ้าไม่เข้มแข็งมากพอ คิดได้เช่นนั้นยอดเยี่ยมจึงเลือกที่จะเงียบและนั่งลงข้างๆโดยปราศจากคำพูด ปล่อยให้แสงไฟไหววิบกระทบกระจกรถราที่วิ่งขวักไขว่ ปล่อยให้รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวผ่านด้วยเสียงดังระงม ปล่อยให้สายลมพัดพาน้ำตาที่อาบใบหน้าให้เหือดแห้งพร้อมกับตัวตนใหม่ที่เขาต้องทำความรู้จัก

                ***********************************************************************

เวลามักจะผ่านไปไวราวกับโกหก พวกเขารู้สึกว่าเพิ่งก้าวเข้าปีพุทธศักราช 2542 มาไม่นานนี้ ยังรู้สึกถึงความสนุกสนานของช่วงเวลาต่างๆที่เดินทางเข้ามาไม่ขาดสาย แต่อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีแล้ว ฤดูหนาวของเชียงรายยามนี้เสียดแทงลึกถึงกระดูก แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มสาวก็ยังต้องปากสั่น คณะนักเรียนเดินลงด้านหลังเวทีหลังจากจบการแสดง ในค่ำคืนนี้คนเข้าชมไม่มาก เพราะต่างสนุกกับคอนเสิร์ต หรือไม่ก็เดินเที่ยวงานพ่อขุน หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่างานฤดูหนาวเชียงรายที่มีสิ่งยั่วยวนอยู่ตลอดทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นขายอาหาร ของหวาน ร้านปาลูกโป่ง ปาเป้า บิงโก รวมไปถึงการแสดงหวาดเสียวของรถไต่ถัง

ยิ่งใหญ่ล้างหน้าเสร็จก่อนและเดินมาสมทบกับคณะนักแสดงที่หลังเวทีก่อนที่แต้มจะตามเข้ามา อาจารย์แบ่งเงินค่าแสดงให้นักเรียนทุกคนก่อนปล่อยให้แยกย้าย นักเรียนหญิงจะมีผู้ปกครองมารอรับ บ้างก็กลับพร้อมกับรถโรงเรียน แต่ยิ่งใหญ่นั้นขับรถยนต์มาเอง พวกเขาจึงตัดสินใจเดินเล่นในงานก่อนเนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดและต่างก็ทำการบ้านเสร็จแล้ว

“พวกนายจะไปเล่นชิงช้าสวรรค์มั้ย” เพื่อนคนหนึ่งถาม กลุ่มเพื่อนสนิท(ของยิ่งใหญ่)ตามมาสมทบกันอีกหลายคน แต้มเริ่มชินกับการถูกรายล้อมด้วยผู้คนทีละน้อย ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าทั้งเขาและยิ่งใหญ่ตัวติดกันแทบจะตลอดเวลาก็ตาม แต่เวลาไปเรียน กินข้าว เล่นกีฬาตอนพักเที่ยง พวกเขาจะไปกันเป็นกลุ่มใหญ่มากกว่าตามประสาวัยรุ่นที่ไปไหนมาไหนหรือทำอะไรจะต้องเกาะกลุ่มกัน อาร์ทเริ่มแทรกซึมเข้ามาสนิทกับทั้งคู่อย่างมีชั้นเชิง จากคนที่ยิ่งใหญ่เคยไม่ชอบขี้หน้าก็กลายมาเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ร่วมหัวจมท้ายกันแทบจะทุกเรื่อง

“โหย ชิงช้าอันเท่ามด มึงดูตัวพวกเราสิจะยัดเข้าไปได้ไงวะ”

“ก็จริง มึงนี่พูดไม่คิด” อันที่จริงแล้วเด็กมัธยมไม่มีใครพูดจาเพราะพริ้งกันได้ตลอด การที่พวกเขาสุภาพภายในโรงเรียนหรือต่อหน้าอาจารย์ก็เพราะเกรงว่าจะถูกรายงานความประพฤติเสียมากกว่า แต่เมื่อรวมกลุ่มกันเองก็จะมีแต่คำหยาบโลนและมุขตลกที่ไม่น่าฟังดังเข้าหูเสมอ วัยนี้เปรียบเหมือนกิ้งก่า ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม ต่อหน้าพวกเขาอาจจะเป็นนักเรียนที่เรียบร้อย แท้จริงแล้วพวกเขาเก็บงำตัวตนไว้ภายใต้ข้อบังคับของโรงเรียนทั้งนั้น แต่กับแต้มและยิ่งใหญ่กลับเคยชินกับการแทนตัวเองว่า เรา และแทนอีกฝ่ายว่า นาย มากกว่าจะใช้ศัพท์สมัยพ่อขุนเฉกเช่นคุยกันในกลุ่มยามนี้

“นายอยากทำอะไรรึเปล่าแต้ม” ยิ่งใหญ่มักจะถามความเห็นของเพื่อนคนนี้เสมอ และส่วนใหญ่จะทำตามโดยไม่ลังเล

“หะ ไม่อะ อืม อยากดูรถไต่ถัง” แต้มฉุกคิดได้ว่าตนชื่นชอบการแสดงหวาดเสียวนี้ไม่น้อย เพื่อนๆในกลุ่มเห็นด้วยว่าควรไปดู วัยคะนองเช่นนี้ช่างเหมาะกับโชว์แนวนี้ที่สุด

การแสดงรถไต่ถังนั้นมีทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ พื้นที่การแสดงจะมิดชิดและปลูกขึ้นจากไม้มีลักษณะเป็นวงกลมเหมือนถังเบียร์แต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า สามารถจุรถยนต์ได้มากกว่าสองคันและปิดสูงเกินระยะที่คนทั่วไปจะยื่นคอมองเห็น ผู้ชมจะต้องซื้อบัตรและเดินขึ้นที่นั่งด้านบนก่อนที่รถยนต์จะวิ่งช้าๆและทะยานความเร็วให้ได้ระดับเพื่อวิ่งวนบนถังในแนวนอน ต้องอาศัยความเร็วเป็นอย่างมากเพื่อให้มีแรงส่งและแรงเหวี่ยงให้รถวิ่งวนเป็นวงกลมในถังต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงที่อาจจะฉุดให้มันตกลงไปเบื้องล่างได้ตลอดเวลา

“เจ๋ง แม่งทำได้ไงวะ”

“มึงอยากทำบ้างเหรอไอ้เอก”

“เออสิ หรือมึงไม่อยากลองขับแบบนี้ดูวะไอ้ต้น”

“หึ ไม่อะ กูไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงหรอก แล้วไอ้อาร์ทไปไหนละวะ”

“ลงไปโน่น แฟนมันมา”

“อิจฉาชิบคนมีแฟน” ต้นมองตามหลังเพื่อนที่ไปหาผู้หญิงหน้าคุ้นตาคนหนึ่ง

“นั่นใช่คนที่นายเขียนจดหมายจีบให้ปะ” ยิ่งใหญ่กระทุ้งสีข้างแต้มและถามขึ้นมา คนถูกถามเพ่งไปด้านล่างพยายามปรับสายตาเพื่อให้เห็นชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้

“คิดว่าใช่นะ ไม่คิดเลยว่าจะจีบติดแล้ว”

“มิน่าล่ะ อาร์ทถึงไม่มาขอให้นายช่วยเขียนจดหมายรักให้อีก” ยิ่งใหญ่ตั้งข้อสังเกต

“ก็ดีแล้ว รู้มั้ยว่ากว่าจะเขียนแต่ละคำได้มันต้องใช้สมองหนักแค่ไหน”

“เอาน่า นายมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่แล้ว” ยิ่งใหญ่ชม

“ไอ้ใหญ่ ไอ้แต้ม พวกกูจะไปสูบบุหรี่ จะไปมั้ย” เพื่อนที่ชื่อเอกถามหลังจบการโชว์ในรอบนี้ ยิ่งใหญ่พยักหน้าแทนคำตอบและลากแต้มไปโดยไม่ต้องรอให้พูดอะไรทั้งนั้น ในกลุ่มนี้จะมีผู้ชายทั้งหมด เอก ต้น ยิ่งใหญ่ แต้มและอาร์ทต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ที่เหลืออีกสองสามคนต่างก็แยกย้ายไปดูคอนเสิร์ตที่ต้องเสียค่าเข้าหนึ่งร้อยบาท แต้มตัดสินใจไม่ดูเพราะไม่ต้องการใช้เงินที่เพิ่งได้มาจากค่าแสดงคืนนี้ไปกับเรื่องนี้จึงชวนเพื่อนๆที่เหลือเดินในงานซึมซับบรรยากาศให้ได้มากที่สุด ให้สมกับที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก

 สิงห์บุหรี่พ่นควันโขมงเป็นไอในความมืดมิด ความหนาวปกคลุมแผ่เป็นวงกว้างที่ลานด้านหนึ่งของงาน ภายในงานนั้นมีขนาดใหญ่หลายสิบไร่ จะมีประตูที่ปิดล้อมด้วยผ้าใบผืนใหญ่หลายผืนติดๆกันเพื่อกั้นไม่ให้คนแอบเข้างาน ใครก็ตามที่จะเข้ามาในนี้จะต้องซื้อตั๋วก่อน สนนราคาไม่แพง แต่กับพวกนักแสดงของโรงเรียนนั้นได้อภิสิทธิ์เข้าฟรี จึงไม่ต้องควักเงินมาจ่าย ผู้คนในงานขวักไขว่ บ้างก็เดินหิ้วขนม ของกิน ของใช้ที่หาซื้อติดมือไม่ขาดสาย ทุกคนจะสวมเสื้อกันหนาวหลากสีสันเพื่อป้องกันความหนาวของค่ำคืนนี้

“คืนนี้พวกนายไปไหนต่อปะ” แต้มเป็นคนตั้งคำถามกับคนในกลุ่ม

“ว่าจะไปต่อที่พีคลับ จะไปด้วยกันมั้ย” หนึ่งในกลุ่มเป็นคนตอบ พีคลับคือผับที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีเพลงและแอลกอฮอล์ขายตลอดคืน เพลงจะเป็นเพลงสำหรับนักเต้นโดยเฉพาะ ที่สำคัญกฎหมายในช่วงเวลานี้ยังไมเคร่งมากนัก จึงไม่จำเป็นต้องพะวงเรื่องอายุไม่ถึงเกณฑ์

“นายจะไปมั้ยใหญ่” แต้มเป็นคนเอ่ยปากถาม ในใจภาวนาให้ตอบว่าไม่

“อืม นายอยากไปปะ” อีกฝ่ายถามกลับ แต้มส่งสายตาแทนคำตอบ ยิ่งใหญ่สบตาและอ่านท่าทางของเพื่อนก็พอจะเดาออก “พวกนายไปเลย คืนนี้ขอตัวว่ะ พ่อยังไม่โอนเงินมาให้” ยิ่งใหญ่ตอบโดยอ้างเหตุผลสุดคลาสสิค ทุกคนเข้าใจและไม่เซ้าซี้ เพราะต่างก็มีงบจำกัดในช่วงก่อนสิ้นปีแบบนี้ ถ้าเป็นช่วงต้นเดือนคงจะมีคนออกปากว่า จะเลี้ยง เพื่อดึงทั้งคู่ให้ไปด้วย สำหรับเด็กมัธยม การไปเที่ยวเป็นกลุ่มย่อมดีกว่าการไปกันไม่กี่คน แต่ไม่ใช่สำหรับคืนนี้

เมื่อได้เวลา กลุ่มเพื่อนที่จะไปต่อก็แยกย้ายกันออกไป ยิ่งใหญ่กับแต้มยังเดินอยู่ในงานเพื่อเก็บตกบรรยากาศ ทั้งสองพากันเดินเข้าไปในซุ้มการละเล่นทีละซุ้ม เริ่มตั้งแต่ซุ้มปาลูกโป่งที่ต้องปาลูกโป่งให้แตกหกลูกจะได้ของรางวัล สามดอกแรกแต้มปาแม่นราวกับจับวาง แต่พอถึงลูกดอกที่สี่ ความกดดันก็มีมากขึ้น ทำให้พลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย แถมยังพลาดอีกสองดอกที่เหลือด้วย เขาบ่นเสียดายตลอดทาง เพราะทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ต่างก็ไม่มีใครปาลูกโป่งแตกหกดอกรวด

“นายแม่งอ่อน” แต้มแซวเพื่อนที่ปาเข้าไปแค่สามดอก

“หึ ไม่ต่างกันไหม ก็ปาได้เท่ากัน” ยิ่งใหญ่สวนกลับ

“ไปเล่นยิงเป้าต่อปะ” แต้มลากเพื่อนสนิทไปที่ซุ้มยิงเป้า ปืนทำจากไม้วางอยู่โดยมีเป้าเป็นกระป๋องนมข้นหวานที่ภายในไม่รู้ว่าบรรจุอะไรลงไป เพราะต่อให้ยิงโดนมันก็ไม่ค่อยจะล้ม

“แม่ม ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ล้ม” ยิ่งใหญ่บ่นอย่างหัวเสีย วางปืนอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกไปที่ซุ้มอื่นแทน

ราวกับว่าคืนนี้เทพเจ้าแห่งโชคชะตาจะไม่เข้าข้างพวกเขาทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งบิงโก และสอยดาวต่างก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ทั้งคู่ตัดสินใจจะเอาเงินที่มีไปหาซื้อของกินแทนที่จะเอาไปถลุงกับซุ้มพวกนั้น

เสียงเพลงในเวทีคอนเสิร์ตดังแว่วมา แต่ก็ปะปนมากับเสียงลำโพงภายในงาน ลำโพงและโทรโข่งของแต่ละซุ้มทำให้เป็นการยากที่จะแยกแยะได้ว่าเพลงไหนมาจากไหน มันกลายเป็นเสียงเซ็งแซ่มากกว่าจะไพเราะเพราะพริ้ง

“จะกลับเลยไหม หรือนายอยากจะไปต่อที่พีคลับกับพวกนั้น”

“หึ ไม่อะ คืนนี้ไม่อยากเมา พรุ่งนี้มีซ้อมอีก” ยิ่งใหญ่ตอบ นึกขี้เกียจที่ต้องไปซ้อมกีฬาเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งคู่เดินผ่านประตูเวทีคอนเสิร์ต ฝ่าฝูงชนที่เบียดเสียดกันเดินไปมาภายในงาน รู้สึกอึดอัดมากกว่าจะสนุก เมื่อหลุดจากกลุ่มฝูงชนก็เดินกันต่อจนใกล้จะถึงประตูทางออก

“ใหญ่ ใหญ่ ทางนี้” เสียงหนึ่งตะโกนเรียกดังขึ้นมา ยิ่งใหญ่ไม่ได้ยินในครั้งแรกเพราะเสียงเพลงรอบงานดังลั่น แต้มหันไปมองที่ต้นเสียง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน สวมเสื้อไหมพรมสีขาว กางเกงขายาวธรรมดาแต่ดูดีไม่น้อย ผมยาวถึงกลางหลังมัดไว้และมีหมวกไหมพรมสวมทับ ใบหน้าจิ้มลิ้มเป็นเอกลักษณ์ของคนเหนือ ผิวขาวราวกับหยวกกล้วยแม้จะอยู่ในความมืด จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง

ยิ่งใหญ่หันกลับไปมองคนที่ส่งเสียงเรียกชื่อตนด้วยใบหน้าค่อนไปทางตกใจมากกว่าจะประหลาดใจ เขายืนทื่ออยู่จุดเดิมก่อนจะถูกเพื่อนสนิทดันตัวให้เดินเข้าไปหา ทั้งสามต่างเดินฝ่าฝูงชนเข้าหากัน เมื่ออยู่ระยะประชิด แต้มก็พบว่าผู้หญิงคนนี้สวยกว่าที่ตนมองเมื่อสักครู่เสียอีก คะเนความสูงทางสายตาไม่น่าเกิน 155 เซนติเมตร ใบหน้าขาวผ่องไร้เครื่องสำอางแต่กลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งใหญ่ยกมือทักทายคนที่เรียกชื่อตนเองอย่างเก้ๆกังๆ รอยยิ้มที่ปรากฏคล้ายกับเป็นรอยแสยะ แต่ก่อนเขาไม่เชื่อในความบังเอิญเท่าไรนัก แต่ทุกอย่างมันต้องมีจุดเริ่มต้นเสมอ เฉกเช่นเหตุการณ์ในครานี้ แต้มมองรอยยิ้มของผู้หญิงคนนั้นและมองใบหน้าที่กระอักกระอ่วนของเพื่อนสนิทแล้วก็พอจะเดาได้ว่าทั้งคู่รู้จักกันมาก่อน และคงไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดาเสียด้วย

“โอย ใหญ่จริงๆด้วย แต่งตัวแบบนี้เราแทบจำไม่ได้แน่ะ ทีแรกคิดว่าไม่น่าใช่ แต่พอลองเรียกแล้วก็ใช่จริงๆด้วย ดีใจจังเลยที่ได้เจอกันอีก เป็นไงบ้างสบายดีมั้ย”

ยิ่งใหญ่ดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการพูดทักทายคนที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้ แต้มยิ้มให้กับคนสวยและอยู่อย่างเงียบๆรอดูอาการของเพื่อนรักมากกว่า และในที่สุด คนที่นิ่งเงียบมาสักพักก็เอ่ยปากขึ้นจนได้

“ก็ดี แล้วนี่มาทำอะไรล่ะ เบล”

***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-01-2019 14:08:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

she is yai's ex-girlfriend กระมัง
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 06-01-2019 19:09:30
เรื่องนี้อ่านแล้วนึกถึงสมัยมัธยม
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-01-2019 17:37:32
เรื่องนี้อ่านแล้วนึกถึงสมัยมัธยม


ขอบคุณครับ ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ไปเรื่อยๆด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-01-2019 20:37:57
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2019 10:27:53
:pig4: :pig4: :pig4:

she is yai's ex-girlfriend กระมัง


ต้องตามอ่านกันต่อไปนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2019 10:43:55
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2019 10:54:47
:3123: :pig4: :3123:


ขอบคุณที่ติดตามครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 49 (UP:: 6 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2019 13:49:13
:L2: :pig4:


มาต่อแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 50 (UP:: 8 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-01-2019 13:51:42
ตอนที่ 50. ก่อนสิ้นปี



สามเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีงานรื่นเริงไม่ขาดสาย เริ่มตั้งแต่การเดินทางไปแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพ เดือนต่อมาก็เป็นเทศกาลลอยกระทง ซึ่งทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ต่างก็จดจ่อกับรายงานจนลืมไปว่ามีงานนี้ มารู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ทั้งคู่ได้แต่พากันขี่รถจักรยานยนต์ไปแถวชุมชนเกาะลอย วนหาอยู่หลายรอบจนเจอร้านขายกระทงเล็กๆ สภาพกระทงเริ่มเหี่ยว ดอกไม้มีรอยช้ำและเหลือให้เลือกไม่มาก ทั้งคู่ตัดสินใจซื้อแค่ 1 อันและนำไปลอยแถวฝั่งแม่น้ำก่อนจะกลับห้องไปพักผ่อน

ส่วนเดือนนี้ นอกจากจะมีกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ วันรัฐธรรมนูญ ทั้งยิ่งใหญ่และแต้มจะต้องลงซ้อมกีฬาเพื่อคัดตัวในการแข่งขันกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน ไหนจะต้องไปซ้อมวอลเลย์บอลที่จะต้องไปแข่งกับโรงเรียนอื่นทำให้แต้มที่ไม่ได้แข่งด้วยต้องวุ่นวายเพราะเพื่อนรักหนีบตนไปเสียทุกที่เหมือนเงาตามตัว ยังไม่พอ ทั้งคู่ต้องหาเวลามาซ้อมการแสดงในงานพ่อขุนช่วงปลายเดือน ยิ่งใหญ่ยิ่งหัวหมุนเมื่อต้องไปซ้อมควงคฑา ทั้งหมดเป็นกิจกรรของทั้งคู่ ยังไม่รวมการบ้านและเตรียมอ่านหนังสือสำหรับการสอบกลางภาคกลางเดือนมกราคมอีก

“ใหญ่ นายว่ากิจกรรมเราเยอะไปมะ” แต้มถามตอนกำลังปั่นรายงานด้วยลายมือโย้เย้ เขาไม่มีเวลาพิถีพิถันมากนักกับรายงานที่ต้องเขียนแทนที่จะพิมพ์เหมือนวิชาอื่น อาจารย์ต้องการอ่านลายมือของแต่ละคนมากกว่าจะให้พิมพ์และเอาไปปริ๊นท์ให้เสียเงิน

“ไม่หรอก ปกติ” ยิ่งใหญ่ก็กำลังง่วนกับการบ้านที่กองสุม ส่วนใหญ่จะใช้วิธีลอกแต้มเหมือนเคย เด็กหนุ่มที่กิจกรรมรัดตัวแทบไม่มีเวลาทำการบ้าน วันหยุดทีไรก็ต้องมานั่งทำให้เสร็จ แต้มมองสีหน้าเพื่อนที่กำลังจดจ่ออย่างปลงตก ถึงแม้จะเหนื่อยเพียงไหน แต่ยิ่งใหญ่ก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำกิจกรรม ได้พบปะผู้คน

“ใหญ่ ทำไมนายไม่เรียนสายวิทย์”

“หืม อยู่ดีๆทำไมถาม” ยิ่งใหญ่ลอกการบ้านต่อและตอบโดยไม่มองอีกฝ่าย “เรากลัวเลือด”

“บ้าน่า เรียนวิทย์ไม่ได้มีแต่เลือดซะหน่อย”

“เลือดกบ เลือดสัตว์ทดลองไง” ยิ่งใหญ่เถียง

“บ้า กบมีเลือดด้วยเหรอ”

“ไม่มีได้ไงล่ะ อย่ากวนสิทำการบ้านก่อน” ยิ่งใหญ่ประท้วง

“ที่นายกลัวเลือด เพราะความฝันนั้นด้วยรึเปล่า” คนถูกถามหยุดมือกึก หันมาสบตาแต้มเป็นครั้งแรกตั้งแต่นั่งทำการบ้าน สายตาที่บ่งบอกถึงความทึ่งปิดไม่มิด

“อืม แล้วนายรู้ได้ไง” แต้มแทบจะหัวเราะเพราะถูกถามกลับ การที่อยู่ร่วมห้องกันมาหลายเดือนนั่นแหละคำตอบ และไม่ใช่ครั้งเดียวที่ยิ่งใหญ่นอนละเมอเพราะฝันร้าย

“ถ้าไม่รู้เราคงตาบอดแล้วล่ะ”

“แล้วทำไมนายไม่เรียนสายวิทย์ล่ะ” ยิ่งใหญ่ถามกลับบ้าง

“เอาจริงๆนะ เรากลัวว่ามันต้องเสียเงินเยอะ ค่าอุปกรณ์โน่นนี่ ถ้าจบม.ปลายก็ไปเรียนต่อคณะที่แพงๆทั้งนั้น”

“เรียนคณะอะไรก็แพงทั้งนั้นแหละ” ยิ่งใหญ่พูดสวน

“อืม นั่นสิ” แต้มนั่งนิ่ง นึกถึงตัวเองในครั้งที่หยุดเรียนไปหนึ่งปี ช่วงนั้นได้แต่ทำงานเพื่อหารายได้มาจุนเจือตัวเองแทบจะไม่ได้คิดถึงการกลับมาต่อชั้นม.ปลายอีกครั้ง การกลับมาเรียนอีกครั้งจึงเหมือนความฝันที่เป็นจริง แต่การไปต่อนั้นช่างเกินเอื้อมเหลือเกิน

“นายคิดจะเรียนต่อคณะอะไร” ยิ่งใหญ่ถามต่อ คนถูกถามอึกอักว่าจะต้องตอบความจริงหรืออย่างไร แต่เมื่อคิดไปคิดมา ถ้าตอบไม่จริง ไม่ช้ายิ่งใหญ่ก็ต้องรู้อยู่ดี สู้บอกความจริงไปเสียจะดีกว่า

“เราเหรอ เราคงไม่เรียนต่อแล้วล่ะ”

“ทำไมล่ะ” ยิ่งใหญ่วางปากกาและหันมาประจัญหน้ากับแต้ม สีหน้านั้นดูเจ็บปวดและตกใจไม่น้อย

“เรียนในมหาลัยมันแพง พี่ตาก็ภาระเยอะ ไหนจะค่าหมอค่ายาพ่ออีก” แต้มตอบในสิ่งที่เขามีตอนนี้อย่างไม่ปิดบัง “อีกอย่าง เราไม่รู้ด้วยว่าเราอยากเรียนอะไร”

“นายเก่งขนาดนี้” ยิ่งใหญ่คิดก่อนพูดนานพอสมควร “ยังไงเราก็จะต้องหาทางช่วยนายให้ได้”

“อีกตั้งสองปีแน่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะ” แต้มกลายเป็นคนที่ต้องมาปลอบใจเพื่อนเสียได้

“เราพูดจริงๆนะ นายจะต้องได้เรียน นายจะต้องมีอนาคต จบมานายจะมีการงานมีเงินเอามาช่วยดูแลแบ่งเบาพี่ตาไง” แต้มฟังโดยไม่ตอบอะไร เพราะยิ่งใหญ่คงไม่ฟังตนแล้วในตอนนี้ ได้แต่นั่งนิ่งและใจลอยไปไกล สุดท้ายเขาก็คิดได้ว่าโอกาสที่จะได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นมันก็ยากดังเดิม

“แต้ม แต้ม” เสียงเรียกและเสียงอึกทึกรอบตัวปลุกแต้มจากภวังค์ เขาหันไปมองโดยรอบพบว่าตนเองอยู่ในงานพ่อขุน “ใจลอยไปไหนเนี่ย เรียกตั้งนานไม่ตอบ นี่เบลเพื่อนเรา เบลนี่แต้มเพื่อนสนิทเรา”

“สวัสดีเบล” แต้มดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบัน

“สวัสดีแต้ม ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เบลหันมายิ้มทักทายอย่างจริงใจ “เราขอตัวก่อนนะใหญ่ แต้ม แม่เรียกแล้ว”

ทั้งคู่โบกมือลาสาวสวยที่เดินกึ่งวิ่งไปทางหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไกลๆ ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้ทักทายอยู่ตรงนี้โดยอีกฝ่ายรับไหว้และยิ้มรับ แต้มมองแผ่นหลังบางจนเดินลับไปกับฝูงชน

“นายจะถามอะไรปะ” ยิ่งใหญ่เปิดทาง

“ถามอะไร” แต้มตอบซื่อๆตามประสา

“นายจะไม่ถามเลยเหรอว่าเบลเป็นใครมาจากไหน”

“หึ ไม่อะ นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบถามอะไรแบบนี้ ถ้านายอยากเล่านายก็เล่าเองแหละ” แต้มตอบยาวยืด

“อืม ก็จริง กลับห้องกันเถอะ” ยิ่งใหญ่ดูร่าเริงน้อยลงแทบจะทันทีที่ได้พบผู้หญิงคนนั้น แต้มได้แต่เก็บความสงสัยไว้กับตัว ไม่อยากจะถามเพราะกลัวว่ายิ่งใหญ่จะอึดอัด ความเป็นเพื่อนบางทีก็ไม่ต้องรับรู้ทุกเรื่องก็ได้ เฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะพูดก็พอแล้ว

“นายหิวมั้ย” แต้มเปลี่ยนเรื่อง

“อย่าบอกนะว่านายหิว” ยิ่งใหญ่ยิ้มออก

“นิดหน่อย”

“นายเพิ่งกินสายไหม ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกย่าง ขนมครก ไส้กรอกอีสาน ผัดไทไปนะ”

“ก็ชั่วโมงกว่าแล้วนะ” แต้มแก้ตัว

“เห็นแก่กิน” ยิ่งใหญ่หัวเราะที่เห็นแต้มขมวดคิ้ว

“เออ ไม่กินก็ได้ กลับหอๆ”

“อะๆ ไปๆ หาอะไรกินกัน ป๋าจะพาไปเองอิหนู” ยิ่งใหญ่พูดจบ แต้มก็เตะก้นเพื่อนหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้

“อีหนูเหรอ” และประเคนศอกเข้าที่ชายโครงอีกครั้ง

“โห ทำร้ายป๋าเหรอ มันต้องเอาคืน” ยิ่งใหญ่ไม่พร้อมแพ้ ทั้งคู่ต่างไล่เตะกันราวกับเด็กประถม เสียงหัวเราะดังปะปนกับเสียงเพลงในยามค่ำคืนทำให้ทั้งคู่ลืมผู้หญิงที่ชื่อเบลไปสนิทใจ

***********************************************************************

ต้องตาง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของ หลังจากทะเลาะกับยอดเยี่ยมอยู่หลายวันเรื่องการย้ายที่อยู่ซึ่งหญิงสาวไม่ต้องการจะเปลี่ยนไปไหนเนื่องจากค่าใช้จ่ายของคอนโดนี้ค่อนข้างถูก อีกทั้งรถไฟฟ้าก็เพิ่งสร้างเสร็จสามารถเดินไปถึงในเวลาสิบนาที แต่ยอดเยี่ยมยืนกรานว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่เหมาะ ทั้งซอยที่มืดและคดเคี้ยว สภาพคอนโคเก่าเก็บผุผังที่ควรจะโดนรื้อถอนสักที

 “ขอร้องล่ะครับคุณตา อยู่ที่นี่ผมไม่สบายใจจริงๆ ผมเป็นห่วงคุณตานะครับ ไหนจะสภาพคอนโด ไหนจะไอ้อ๊อดนั่นอีก”

“ถ้าตาย้ายไปก็เท่ากับว่าตาหนีเค้านะคะ ตาจะต้องหนีไปเรื่อยๆอย่างนั้นเหรอ”

“คุณตาอย่าลืมสิครับว่าเขารู้จักที่ทำงานของคุณตา ผมขอแค่ให้คุณตาย้ายที่พักไม่ได้ขอให้คุณตาลาออกไปหางานใหม่เลยนะครับ มันไม่เกี่ยวกับว่าหนีไม่หนี แต่มันเกี่ยวที่ความปลอดภัยของคุณตาเองทั้งนั้น ผมจะยอมให้แฟนตัวเองอยู่ในห้องเก่าคอนโดโทรมแบบนี้ต่อไปได้ไงกัน” ยอดเยี่ยมพูดแทบจะไม่หายใจ

“แต่ว่า ค่าเช่าห้องสมัยนี้มันก็แพงอยู่นะคะ อีกอย่างคอนโดนี้ก็ไปไหนมาไหนสะดวก”

“ผมจะจ่ายค่าเช่าให้” ยอดเยี่ยมพูดแทรก

“ไม่ต้อง ตาจ่ายเองได้ คุณยอดอย่าทำให้ตารู้สึกว่าดูแลตัวเองไม่ได้เลยนะคะ” หญิงสาวเถียงในช่วงหนึ่งของบทสนทนา

“โอเค ผมไม่จ่ายก็ได้ ขอเพียงคุณตาย้าย เอางี้ ผมให้คุณตาเช่าคอนโดที่ผมมีราคาเท่ากับห้องนี้ ตกลงไหมครับ”

“ถ้าตาไปเช่าแล้วคุณยอดจะไปอยู่ไหนคะ”

“ผมก็มีบ้านนะครับคุณตา แม่ผมก็ยังป่วยอยู่ ถึงเวลาที่นายยอดเยี่ยมจะต้องทำตัวเป็นลูกกตัญญูเสียที”

“แหม พูดอย่างกับว่าที่ผ่านมาคุณยอดไม่ใช่งั้นแหละค่ะ”

“เอาเป็นว่าคุณตาตกลงแล้วนะครับ” ยอดเยี่ยมอาศัยทีเผลอ

“ห๊ะ คะ อะไรนะคะ” ต้องตางงเป็นไก่ตาแตก คร้านจะต่อความยาวสาวความยืด คอนโดนี้เก่าเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว ถึงแม้จะอยู่ในละแวกชุมชนแถวสะพานควายก็ตาม คอนโดของยอดเยี่ยมนั้นยังใหม่และใกล้ที่ทำงานกว่ามาก ต้องตารู้สึกเกรงใจไม่น้อยที่ต้องรับข้อเสนอนี้ แต่แฟนหนุ่มทั้งบังคับและกดดันแกมขอร้องจนเธอต้องใจอ่อน

“คุณตาเก็บของเสร็จรึยังครับ” เสียงปลายสายถามขึ้นมา

“ยังค่ะ คงเสร็จช่วงบ่าย คุณยอดคะตามีสายเข้าแค่นี้ก่อนนะคะ” หญิงสาวกดรับสายซ้อน เสียงที่คุ้นเคยทักทายมา “ค่ะแม่ ก็ยุ่งนิดหน่อย ตากำลังจะย้ายห้อง”

“อ๋อ ย้ายไปไหนล่ะ”

“ย้ายไปเช่าคอนโดคุณยอดค่ะ”

“หืม”

“ไม่ใช่แบบนั้นแม่ ไม่ได้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน คุณยอดเค้ามีคอนโดว่างอยู่ให้ตาเช่าราคาไม่แพงค่ะ”

“อ๋อ แม่ก็นึกว่าจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน”

“ไม่หรอกค่ะแม่ หนูไม่หลงกลผู้ชายหล่อๆง่ายๆหรอก” เสียงปลายสายหัวเราะร่วนดังเข้ามา “แม่โทรมามีอะไรคะ หรือว่าพ่อ”

“เปล่าๆ พ่อสบายดี ย่าสบายดี แม่ก็สบายดี” ผู้เป็นแม่ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “แม่ก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกเรามั้ยนะ แต่ไหนๆก็คนรู้จัก”

“คะแม่”

“วันก่อนตาอ๊อดกลับมาที่บ้าน หน้าตาทรุดโทรมแทบจำไม่ได้”

“เค้าไปหาแม่เหรอคะ” ต้องตาถามอย่างตกใจ

“เปล่าๆ แม่เจอโดยบังเอิญน่ะ หมู่บ้านเราก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น ใครไปใครมาก็รู้กันหมด” ต้องตาเห็นด้วยในใจ

“แล้วพี่อ๊อดทำไมเหรอคะ”

“อ๋อ เกือบลืม เมื่อเช้านี้มีคนไปพบตาอ๊อดผูกคอใต้ต้นมะขามใหญ่ท้ายหมู่บ้านน่ะ”

“ห๊ะ” ต้องตาหัวใจหล่นวูบ ความสงสาร ความตกใจปนเปจนแยกไม่ออก

“อโหสิกรรมให้พี่เค้าด้วยนะลูก เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว แม่โทรมาบอกแค่นี้แหละ”

“หนูควรกลับไปร่วมงานศพพี่อ๊อดมั้ยคะแม่”

“ไม่ต้องหรอก ทางญาติเก็บศพไว้แค่สองคืน มะรืนก็เผาแล้ว เทียวไปเทียวมาเสียเวลาเปล่าๆ”

“...”

“ไม่ต้องคิดมากนะตา แม่จะไปช่วยงานเอง”

“แต่ว่า หนู...”

“ทำใจให้สบายเถอะ ไม่ต้องคิดมาก พี่เขาคงทำบุญมาแค่นี้ อโหสิกรรมให้เขาไปก็พอ”

“ค่ะแม่ ขอบคุณมากนะคะที่บอกข่าว”

“แล้วจะให้แม่...”

“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูโอนเงินใส่ซองไป อาจจะไม่มากแต่ก็คงช่วยสมทบได้บ้าง” สองแม่ลูกคุยกันอีกสักครู่ก่อนวางสาย ต้องตาทรุดตัวนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง รู้สึกหวิวโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะเกลียดชังมากเพียงใด แต่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่พูดจาไม่ดีกับอดีตสามีของตนไปแบบนั้น

***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 50 (UP:: 8 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-01-2019 15:25:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 50 (UP:: 8 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-01-2019 19:04:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตัดสินใจตายง่ายนะ ตาอ๊อดเนี่ย
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 50 (UP:: 8 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2019 21:11:54
เพิ่งเข้ามาอ่าน  ชอบบบบบบบบบบ  :mew1:

เบล แฟนเก่ายิ่งใหญ่ใช่ไหม  :hao3:
ยิ่งใหญ่ สมกับที่แต้มเรียกจริงๆ "ไอ้(หมา)จิ้งจอก"
อยากให้แต้มได้มีทางที่จะเรียนต่อ เพราะแต้มก็เรียนดี แบบได้ทุนเรียนน่ะ  :mew2:

อ๊อด ทำตัวไม่ดี ไปที่ตัวเองชอบ ก็หมดเวรหมดกรรมกับต้องตาซะที  :bye2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 50 (UP:: 8 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-01-2019 09:18:27
เพิ่งเข้ามาอ่าน  ชอบบบบบบบบบบ  :mew1:

เบล แฟนเก่ายิ่งใหญ่ใช่ไหม  :hao3:
ยิ่งใหญ่ สมกีบที่แต้มเรียกจริงๆ "ไอ้(หมา)จิ้งจอก"
อยากให้แต้มได้มีทางที่จะเรียนต่อ เพราะแต้มก็เรียนดี แบบได้ทุนเรียนน่ะ  :mew2:

อ๊อด ทำตัวไม่ดี ไปที่ตัวเองชอบ ก็หมดเวรหมดกรรมกับต้องตาซะที  :bye2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ขอบคุณที่ติดตามครับ ชื่นใจจังที่ได้รู้ว่าคนอ่านชอบ ^___^
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 50 (UP:: 8 ม.ค. 2562) #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-01-2019 21:42:24
ตาอ๊อดคิดถูก
วิถีคนเลวจุดจบแบบนี้
จะได้ไม่เป็นภาระสังคม
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2019 14:27:59
​ตอนที่ 51. ส่งท้ายปีเก่า



แต้มนั่งที่ระเบียงหน้าบ้านฟังบทสนทนาของแม่กับพี่ต้องตาตั้งแต่ต้นจนจบแต่ไม่ได้ออกความเห็นว่าอย่างไร เขารู้จักกับลุงอ๊อดตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน ไม่เคยพบเจอกันตามที่ต่างๆมาก่อน อีกทั้งยังไม่รู้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างพี่สาวของตนอีกด้วย ผู้ใหญ่บ้านนี้ไม่ค่อยเล่าเรื่องสมัยก่อนมากนักราวกับว่าจะปล่อยให้มันเลือนหายไปกับสายลม



ตามธรรมเนียมของคนแถบชนบทของเชียงราย จะเก็บศพไว้ที่บ้านเพื่อทำพิธีสวดพระอภิธรรม หลังจากนั้นเคลื่อนศพเผาที่สุสานประจำหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านที่เป็นญาติสนิท บ้านใกล้เรือนเคียงหรือคนรู้จักมักจี่ก็จะพากันไปบ้านของผู้ตาย บ้างก็ใช้รถอีแต๋นขนเต็นท์เหล็กขนาดใหญ่ บ้างก็ช่วยกันลำเลียงอุปกรณ์ทำอาหาร อันได้แก่ เตาแก๊ซ หม้อ ไห ทัพพี กระทะ ถ้วย ช้อน จาน ชาม กะละมัง ถังน้ำ ถาด ตะกร้าและของอีกจิปาถะเพื่อนำมาใช้ทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาช่วยงานตั้งแต่หัววัน



ผู้เฒ่าผู้แก่รวมไปถึงคุณย่าและคุณยายของแต้มก็จะมานั่งเตรียมดอกไม้ ธูป เทียนและของเซ่นไหว้ตามความเชื่อ เนื่องจากทางเจ้าภาพเก็บร่างไร้วิญญาณไว้แค่สองคืนเท่านั้น กิจกรรมต่างๆจึงค่อนข้างรวบรัดไปเสียหมด แต้มและยิ่งใหญ่ถูกแม่ใช้ให้มาช่วยงานตามที่พอจะช่วยได้ในฐานะเพื่อนร่วมหมู่บ้าน ยังดีที่ทั้งคู่ทำการบ้านตั้งแต่ก่อนกลับมา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะไปช่วยขนเต็นท์ จัดเก้าอี้หรืองานใช้แรงอื่นๆ



อากาศหนาวของวันสิ้นปีเริ่มทรงอานุภาพมากขึ้นในช่วงเย็น หลังจากช่วยจัดสถานที่และอิ่มหมีพีมันกับอาหารเย็นที่งานแล้วสองหนุ่มรีบกลับอาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำ ถึงแม้จะมีน้ำที่แม่ตักจากบ่อน้ำหน้าบ้านใส่ถังขนาดใหญ่และตากแดดไว้ตั้งแต่เช้าก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก ทั้งคู่ตกลงใจว่าจะอาบด้วยกันเพื่อประหยัดเวลา แต่กลายเป็นว่ามาแย่งกันอาบเสียมากกว่า ยิ่งค่ำอากาศก็ยิ่งเย็น



“ใหญ่ ขันน้ำ ขันน้ำ แชมพูเข้าตา เร็วเข้า” เสียงแต้มเอะอะลั่นเมื่อควานหาขันน้ำในถังไม่เจอสักที



ซ่า....



เสียงน้ำราดตัวแทนที่จะเป็นส่วนหัวทำให้แต้มขนลุกซู่ เพราะในห้องนำถึงแม้จะมีน้ำอุ่นที่ตากแดดไว้ทั้งวันก็ยังมีถังน้ำที่เปิดน้ำเย็นทิ้งไว้ทั้งวันตั้งอยู่เช่นกัน



“อ๊าก เย็น เล่นอะไรเนี่ย” แต้มร้องเสียงดัง ความเย็นเยียบของน้ำที่ราดทำให้หนาวจนตัวสั่น



“อ้าว ผิดถัง โทษทีๆๆ” ยิ่งใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงมากกว่าจะสำนึกผิดจริงตามที่เอ่ยปาก



“อย่าเพิ่งแกล้งสิ เร็ว แชมพูเข้าตา” แต้มที่หลับตาอยู่พยายามหรี่ตามองเพื่อนที่ถือขันน้ำไว้ ห้องน้ำมีขนาดกว้างมากพอที่จะวิ่งเล่นได้ พื้นห้องน้ำค่อนข้างลื่นเพราะไม่ได้ปูกระเบื้องปูพื้น แต้มยื้อแย่งขันน้ำจากเพื่อนอย่างทุลักทุเล ยิ่งใหญ่ยิ่งสนุกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือคว้าสะเปะสะปะ



“ทางนี้ๆ”



“โอ๊ย จะแกล้งอีกนานมั้ยเนี่ย” แต้มบ่นอุบ



“สองหนุ่ม อย่าสนุกเพลินนะ ค่ำแล้วระวังเป็นหวัด” เสียงแม่ตะโกนมาจากบนเรือน นึกยิ้มที่ลูกชายทั้งสองเล่นกันเหมือนเด็กสิบขวบ



“คร้าบ” สองเสียงตอบประสานก่อนที่แต้มจะคว้าขันน้ำจากมือเพื่อนมาได้ แรงสะบัดทำให้ยิ่งใหญ่ถลาชนแต้มจนลื่นติดผนัง



ทั้งคู่มีแต่กางเกงในผืนบางกางกั้นแทบจะแนบลำตัวชิดกันจนได้ยินเสียหัวใจเต้นเป็นจังหวะ เสียงลมหายใจที่หอบถี่จากความเหนื่อยจากการแกล้งกันเมื่อครู่ดังชัดขึ้น แต้มชะงักมือเพราะแผ่นหลังชนกับกำแพงห้องน้ำแรงพอที่จะทำให้จุก และยิ่งอึดอัดมากขึ้นเมื่อมีร่างที่สูงกว่าชนเข้ามาอย่างจังในจังหวะที่ถูกสะบัดขันน้ำออกจากมือ หัวของยิ่งใหญ่ชนที่ไหล่ของเพื่อนรักพอดี ไหปลาร้าแหลมกระแทกหน้าผากราวกับชนก้อนหินก็ไม่ปาน จมูกโด่งชนกับแผ่นหน้าอกสีแทนหากเลื่อนลงอีกนิดจะเห็นหัวนมสีน้ำตาลที่ชูชันจากการโดนราดน้ำเย็นเมื่อก่อนหน้านี้ ยิ่งใหญ่กระชับสองมือเข้ากับใต้ราวนมเพื่อนจนลำตัวอีกฝ่ายแนบชิดจนแทบจะกลายเป็นท่ากอด



“ออกไป จะราดน้ำ” ทั้งหมดนี้เป็นเวลาเพียงชั่วครู่ แต่ดูเหมือนจะแสนยาวนานสำหรับใครบางคนที่กำลังยิ้มอย่างพึงพอใจ



“มา เดี๋ยวราดให้” ฝ่ายที่แกล้งเพื่อนยื่นข้อเสนอ แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก



“ไม่ต้อง เมื่อกี้ก็ราดมาจนขนลุกไปหมดละ” แต้มห้าม เพราะยังไม่เชื่อใจอีกฝ่ายได้เต็มที่ หากพลั้งเผลออาจจะถูกราดน้ำเย็นอีก



“นายมันอ่อน” ยิ่งใหญ่เยาะ



“เหรอ ลองดูไหมล่ะ นี่” แต้มสาดน้ำเย็นโครมใหญ่ไปที่ลำตัวของอีกฝ่าย ยิ่งใหญ่รู้สึกเย็นเยียบถึงกระดูก



“พอๆๆๆ ยอมแล้วๆ ไม่แกล้งแล้ว นายอาบไปเถอะ” ร่างสูงสั่นสะท้าน ความหนาวเหน็บนี่มันกรีดลึกลงกระดูกเลยทีเดียว



“เอาขันมาให้แต่แรกก็จบ” แต้มบ่นพลางตักน้ำรดตัวจนสะอาด



“คืนนี้จะไปงานศพไหม” ยิ่งใหญ่ถาม



“ไปแหละ แต่คงไม่กลับดึกมาก”



“โอเค งั้นจะได้รีบอาบ”



“ให้ไวเลยไอ้คุณชาย ตั้งแต่เข้ามาเนี่ยนายเพิ่งจะล้างหน้าเองมั้ง”



แต้มบ่นเพื่อนสนิทพลางเช็ดตัวให้แห้ง เริ่มตั้งแต่เช็ดผมลงมาถึงลำตัว ก่อนจะถอดกางเกงในเผยเห็นแก้มก้นกลมกลึงแน่นขนัด ยิ่งใหญ่มองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันมานาน แต้มก็ไม่เคยจะเปลือยกายต่อหน้าเขามาก่อน แผ่นหลังกว้างสมส่วนกำลังเช็ดตัวอย่างขะมักเขม้น ยิ่งใหญ่ซึมซับภาพเรือนร่างของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบและหวังว่าจะไม่ถูกสังเกตว่าทำไมถึงได้เงียบและอาบน้ำอย่างว่าง่ายเช่นตอนนี้



เมื่อแต้มพันผ้าเช็ดตัว ยิ่งใหญ่กำลังเอาน้ำราดศีรษะหลังการสระผม เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นมัดกล้ามเบื้องหน้าที่คุ้นเคยของเพื่อนรักที่พร้อมจะออกไปแต่งตัวบนเรือน ยิ่งใหญ่ราดน้ำอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีแชมพูหลงเหลืออยู่แล้ว แต้มฮัมเพลงและเดินออกไปข้างนอกอย่างเคยชินปล่อยให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่เกาะผนังห้องน้ำด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป ลมหายใจร้อนแรงคุกรุ่น ภาพแผ่นหลังเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรักยังติดตรึง บั้นท้ายที่สวยงามนั้นกระตุ้นความรู้สึกซ่อนเร้นบางอย่างให้ตื่นขึ้นมา แม้นพยายามสะกดกลั้นมันไว้เต็มกำลังในช่วงที่อยู่ด้วยกันเมื่อกี้ แต่ตอนนี้บางอย่างในตัวกำลังลุกโชน ยิ่งใหญ่ถอดกางเกงในตัวบางออก จับจ้องบางอย่างที่ชูชันอย่างโหยหา มือใหญ่ของวัยรุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่วันผู้ใหญ่เกาะกุมบางอย่างนั้นไว้ ภาพอันสวยงามในหัวกำลังยั่วยวนเสียจนแทบบ้าพร้อมกับแรงเคลื่อนไหวที่ทำให้ลมหายใจของเขาหอบโยนอย่างคลุ้มคลั่ง



***********************************************************************



คืนสิ้นปีอากาศหนาวจนต้องใช้ผ้าห่มผืนใหญ่ซ้อนกันถึงสองผืน บ้านไม้ของคุณย่าสร้างมานานจนฝาบ้านหดตัวจนมีรูให้ลมหนาวเล็ดลอดเข้ามาเหยียบย่ำให้ต้องพึ่งเสื้อกันหนาวตัวใหญ่และความอบอุ่นของผ้าห่ม หลังจากฟังสวดพระอภิธรรมแล้วสองหนุ่มก็คอยช่วยเสิร์ฟน้ำและของว่างยามดึก วงไพ่และไฮโลเปิดทำการทันที่เมื่อพระสงฆ์เดินทางกลับวัด แต้มและยิ่งใหญ่ที่ท้าลมหนาวโดยการสวมแค่เสื้อยืดคอกลมก็พากันยอมแพ้และกลับบ้านในที่สุด



“ไงล่ะหนุ่มๆ แม่บอกแล้วว่าให้ใส่เสื้อกันหนาวไปก็ไม่เชื่อ”



“ก็ตอนนั้นมันร้อนนี่นา” แต้มเป็นคนตอบคำถาม ด้วยความที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ จึงทำให้ไม่รู้สึกหนาวเช่นเคย แต่นั่นกลับทำให้ทั้งคู่ต้องทนนั่งหนาวตอนที่อยู่ในงาน



“ไปแปรงฟันล้างหน้าล้างตาแล้วรีบเข้านอนล่ะ แม่วางผ้าห่มไว้ให้ละคนละผืน”



แต่เมื่อพวกเขาแยกกันห่ม กลับพบว่ายังคงหนาวอยู่ไม่น้อย จึงตัดสินใจเอามาซ้อนและยัดตัวเองไปนอนเบียดกันในนั้นแทน แต้มใช้สองเท้าเสียดสีกันเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เมื่อเหยียดเท้าไปชนของอีกฝ่ายจึงได้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังท้าทายความหนาวอยู่



“นายไม่สวมถุงเท้าเหรอ”



“ไม่ใส่อะ ไม่ได้เอามาด้วย”



“อ้าว แล้วทำไมไม่บอก เดี๋ยวลุกไปเอามาให้”



“ไม่ต้องหรอกแต้ม นอนเถอะ หนาว” ยิ่งใหญ่ดึงแขนเพื่อนไว้ เพราะไม่อยากให้ไออุ่นจากการนอนเบียดกันหายไป



“เดี๋ยวนายก็นอนดิ้นอีก สวมถุงเท้าหน่อยก็ดี” แต้มลุกไปเปิดไฟและรื้อในชั้นวางชุดชั้นในและรองเท้าของตู้เสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ปลายเตียงก่อนจะกลับมาพร้อมกับถุงเท้านักเรียนที่ข้างหนึ่งเป็นสีน้ำตาลและข้างหนึ่งเป็นสีขาว



“ทำไมมันมีสองสีล่ะ” ยิ่งใหญ่ถามอย่างแปลกใจ



“หาคู่มันไม่เจออะ สงสัยเอาไปไว้ที่หอหมดละ ใส่ๆไปก่อนละกัน กันหนาว”



“ขอบใจนะ” ยิ่งใหญ่รับมาสวมก่อนมุดตัวใต้ผ้าห่มอุ่นอีกครั้ง



“นายฟังอะไรอยู่อะ” แต้มนอนทับอะไรบางอย่างจึงทักออกมา



“หืม อ๋อเนี่ยเหรอ ฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย” ยิ่งใหญ่หยิบซาวด์อะเบาท์ที่เพิ่งไปซื้อมาล่าสุดขึ้นอวด



“ใครสอนให้นายเสียบหูฟังตอนนอนเนี่ย”



“ไม่มี ก็แค่อยากฟัง นายนี่ขี้บ่นไม่หายเลยนะ”



“เก็บก่อน รู้อยู่ว่าเห่อ แต่ก็ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้”



“แป๊บนึงสิ ยังไม่อยากหลับตอนนี้อะ”



“ทำไมอีกล่ะ” แต้มถาม



“ก็วันนี้วันสิ้นปีนะ ถ้าหลับตอนนี้ก็ไม่ได้สวัสดีปีใหม่อะดิ”



“นายจะพูดกับใครล่ะ เดี๋ยวเราก็หลับแล้ว”



“เออ จริงด้วย นายยิ่งนอนหลับง่ายๆอยู่ งั้นเอางี้ ใส่หูฟังไว้ข้างนึงและห้ามนอน”



“อ้าว ไหงมาบังคับกันแบบนี้ล่ะ” แต้มบ่น



“ก็เราอยากสวัสดีปีใหม่กับนายเป็นคนแรกนิ” ยิ่งใหญ่พูด ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูปกติ แต่ภายในใจกลับสั่นรัวเพราะคิดว่าไม่น่าพูดทำนองนี้ออกไปเลย มันฟังแล้วเหมือนคนรักกำลังออดอ้อนกันไม่มีผิด



***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-01-2019 14:50:48
ใหญ่มันขี้อ้อน

แถมเจ้าเล่ห์

แต้มตามมันไม่ ทันหรอก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2019 15:24:11
ใหญ่มันขี้อ้อน

แถมเจ้าเล่ห์

แต้มตามมันไม่ ทันหรอก


ใช่ๆ สงสารแต้ม ไม่ทันไอ้หมาจิ้งจอกหรอก
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-01-2019 20:07:08
จิ้งจอกใหญ่ แอบชอบแต้ม   :-[

รู้ซึ้งความเย็นของน้ำทางเหนือเลย  :เฮ้อ:
เหมือนน้ำละลายน้ำแข็ง   :katai1: :katai1: :katai1:
เนี่ย....เป็นใหญ่จะนอนกอดแต้มไปเลย  อุ่นดีออก    :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-01-2019 21:52:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ก็อยากจะหวีดบ้างไรบ้าง  ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทั้งทีนะ  ใช่ป่ะตาใหญ่
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 15-01-2019 22:43:20
ใหญ่จะนอนกอดแต้มไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2019 14:06:00
จิ้งจอกใหญ่ แอบชอบแต้ม   :-[

รู้ซึ้งความเย็นของน้ำทางเหนือเลย  :เฮ้อ:
เหมือนน้ำละลายน้ำแข็ง   :katai1: :katai1: :katai1:
เนี่ย....เป็นใหญ่จะนอนกอดแต้มไปเลย  อุ่นดีออก    :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


จริงครับ น้ำเย็นตอนหน้าหนาวของทางเหนือคือที่สุดจริงๆ
หนาวถึงกระดูกดำเลยครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2019 14:06:57
:pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ก็อยากจะหวีดบ้างไรบ้าง  ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทั้งทีนะ  ใช่ป่ะตาใหญ่


ตาใหญ่คือจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ของแท้และแน่นอน อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2019 14:16:03
ใหญ่จะนอนกอดแต้มไหมเนี่ย


จากในเรื่องที่ผ่านมา ... กอดตลอดเลยครับ >___<
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 16-01-2019 15:42:07
มาต้อเร็วๆ เลย รอยถ นะจร้า
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-01-2019 16:08:42
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 51 (UP:: 15 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-01-2019 10:57:31



มาต้อเร็วๆ เลย รอยถ นะจร้า



อีกไม่นานครับ รอแป๊บนึงงงงงงง อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-01-2019 14:13:06
​จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 52. ต้อนรับปีใหม่



ยอดเยี่ยมเพิ่งถึงบ้านหลังจากที่ไปส่งแฟนสาวกลับคอนโดเมื่อชั่วโมงที่แล้ว การจราจรของกรุงเทพยามใกล้สิ้นปีนั้นโล่ง แต่งานที่โรงแรมกลับแน่นจนน่าปวดหัว ลูกค้าจากต่างชาติทะยอยกันมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้พิษของวิกฤติต้มยำกุ้งจะลุกลามไปหลายต่อหลายภาคส่วน แต่ยังไม่กระทบถึงภาคธุรกิจนี้เท่าไรนัก อย่างน้อยก็ในตอนนี้

ถึงแม้ต้องตาจะทำงานเสร็จแล้ว ยอดเยี่ยมก็ยืนยันที่จะให้แฟนสาวรอเพื่อตนจะได้ไปส่ง เมื่อยกข้ออ้างสารพัด สุดท้ายต้องตาก็ยอมนั่งรอในห้องทำงานของเขาจนมืดค่ำ

ร่างกายอ่อนล้าจากการขับรถกำลังประท้วงให้รีบพักผ่อน ชายหนุ่มจอดรถคันงามไว้ที่โรงรถก่อนเปิดประตูและฮัมเพลงเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี ไฟในห้องครัวปิดสนิท มือใหญ่ควานหาสวิตช์และเปิดเอาน้ำในตู้เย็นมาดับกระหาย มื้อเย็นง่ายๆของร้านอาหารตามสั่งละแวกคอนโดยังเต็มกระเพาะ บางครั้งต้องตาก็ทำกับข้าวไปที่ทำงานด้วย แต่ช่วงนี้ลูกค้าเยอะ ทำให้ไม่มีเวลาดังเดิม ยอดเยี่ยมจึงฝากท้องไว้กับอาหารของโรงแรมที่แสนอร่อย แต่ก็รู้สึกว่ามันอร่อยเกินไปจนบางครั้งก็เริ่มเบื่อ

ภายในบ้านค่อนข้างเงียบเพราะมีแต่ผู้เป็นแม่อยู่เท่านั้น พี่ชายคนโตคงจะเข้าเวรหรือไม่ก็ยังไม่ถึงบ้าน เสียงแว่วดังเล็ดลอดมาจากที่ไกลๆ แม่บ้านคงจะพากันดูละครในห้องนั่งเล่น และเป็นอย่างที่คิดเมื่อเขาเดินไปสมทบกับผู้เป็นแม่ที่นอนพิงโซฟาดูโทรทัศน์กันอยู่กับแม่บ้านทั้งสองคน

“อ้าว ตายอดกลับมาแล้วเหรอ มานั่งนี่สิแม่รออยู่”

“ครับแม่ มีอะไรหรือเปล่า” ยอดเยี่ยมนั่งลงข้างกาย แม่ร่างกายผ่ายผอม มีผ้าโพกศีรษะสีชมพูอ่อนพันรอบถึงแม้จะใกล้เวลาเข้านอนก็ตาม ใบหน้าดูมีเลือดฝาดมากขึ้นหลังจากที่ได้กลับมาพักที่บ้าน

“จริงๆก็มีแหละ เรื่องที่แม่คุยกับเราตอนนั้น ยังจำได้ไหม เรื่องหนูตา” ผู้เป็นแม่ตั้งคำถาม ยอดเยี่ยมคิดว่าต้องเป็นเรื่องที่เขายังค้างคำตอบเมื่อคราวนั้นอย่างแน่นอน

“จำได้สิครับ”

“แล้ว ได้คำตอบรึยัง”

“ยังครับแม่”

“ยิ่งช้าเท่าไรก็ยิ่งไม่ได้การนะตายอด” ยอดเยี่ยมถอนหายใจหนักหน่วง รู้สึกหนักใจกับท่าทีคาดคั้นของผู้เป็นแม่ ใจหนึ่งก็อยากจะคิดเรื่องนี้ให้ตก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองพร้อมรับความจริงได้แค่ไหน

“พวกเธอไปดูกันในห้องนะ” ผู้เป็นแม่สั่งแม่บ้านให้ไปดูละครต่อในห้องพักหลังบ้าน ชายหนุ่มเริ่มเดาทางออกว่าแม่คงต้องการคำตอบแล้วตอนนี้

“ผมไม่รู้จริงๆครับแม่” ยอดเยี่ยมตอบเสียงค่อย นึกย้อนไปถึงเอกสารที่ผู้เป็นแม่ยื่นให้ในตอนนั้น ข้างในเป็นรายละเอียดของผู้หญิงที่เขากำลังคบหาอยู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน

...อย่างละเอียดถี่ถ้วน...

“ผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร”

“อ๊อดครับ” ยอดเยี่ยมนึกถึงสภาพมอซอของคนในอดีต รู้สึกขยะแขยงปนเปกับความเวทนา

“ลูกรู้ใช่ไหม ว่า...” ผู้เป็นแม่สบตาลูกชายอันเป็นที่รัก นานแค่ไหนแล้วที่เธอปกป้องชายหนุ่มคนนี้ ถึงแม้ร่างกายจะกำยำสูงใหญ่ แต่เขาก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาของเธออยู่เสมอ

“รู้ครับ แม่เป็นคนบอกเขาว่าคุณตาทำงานที่ไหน พักที่ไหน” ยอดเยี่ยมตอบโดยน้ำเสียงอ่อนระโหย

“แม่ขอโทษ” น้ำเสียงนั้นสำนึกผิดอย่างจริงใจ

“โธ่แม่ครับ”

“ถ้าแม่ไม่โง่ ไม่เขลา มันคงจะดีกว่านี้” ยอดเยี่ยมกอดร่างผ่ายผอมของผู้เป็นแม่อย่างเศร้าใจ “แม่รู้ว่าเรารักหนูตามาก ยิ่งรักมากเท่าไรแม่ก็ยิ่งรู้สึกผิด แม่ไม่น่าจ้างนักสืบไปทำแบบนั้นเลย”

“ผมเข้าใจครับ แม่อย่าคิดมากเลยนะ” ยอดเยี่ยมปลอบ

“แล้วผู้ชายคนนั้น ตอนนี้ยังมาเกาะแกะหนูตาอยู่ไหม”

“ไม่แล้วครับ”

“เฮ้อ โล่งอกไปที แม่รู้สึกไม่ดีเลยที่ทดสอบอะไรแบบนั้น หนูตาเป็นคนดีมากจริงๆ”

“ใช่ครับ คุณตาเป็นคนดี” ยอดเยี่ยมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“แม่ควรจะบอกความจริงหนูตาไหม”

ยอดเยี่ยมขบคิด ก่อนจะได้คำตอบที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตอนนี้ “อย่าเพิ่งเลยครับแม่ ผู้ชายคนนั้นเพิ่งเสียเมื่อเช้านี้เอง เอาไว้ให้อะไรๆมันเข้าที่ก่อน ผมจะเป็นคนบอกทุกอย่างเอง”

“ตายจริง ผู้ชายคนนั้นตายแล้วเหรอ”

“ใช่ครับ ฆ่าตัวตาย” ยอดเยี่ยมตอบคำถามที่ผู้เป็นแม่สงสัยแต่ไม่ได้ถามมาตรงๆ ใบหน้าของเธอสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“คุณตาโอเคครับแม่ ทำใจได้ แม่อย่าคิดมากเลย”

“แม่ก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีแหละ ถ้าแม่ไม่เจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นคงไม่คิดสั้น” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คราวนี้เธอทำเกินไปจริงๆ ความรักของผู้เป็นแม่ที่ต้องการทดสอบอะไรบางอย่างเลยเถิดจนทำให้ใครอีกคนต้องจบชีวิตลง

“คุณตาจะต้องเข้าใจ” ยอดเยี่ยมพูดอย่างไม่มั่นใจ

“แต่เราก็ไม่น่าทำแบบนั้นกับผู้หญิงดีๆแบบหนูต้องตาเลยนะ”

“คุณตาเขาจะต้องเข้าใจ คุณตาเป็นผู้หญิงใจกว้าง ไม่เก็บมาคิดมากหรอกครับ” ชายหนุ่มพูดซ้ำ แต่ยิ่งเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็ยิ่งรู้สึกเคว้งคว้าง มันเหมือนประโยคปลอบใจตัวเอง มากกว่าจะเป็นความจริง

“เราคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ” ยอดเยี่ยมไม่กล้าตอบ ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบพูดแทนความในใจทั้งหมดตอนนี้

ผมก็หวังเช่นนั้นเหมือนกันครับแม่....

***********************************************************************

“เห้ย พรุ่งนี้เช้าค่อยบอกก็ยังทัน นอนละ” แต้มยัดหูฟังใส่คืนที่หูเพื่อนแล้วล้มตัวลงนอนใต้ผ้าห่มอุ่น ปล่อยให้อีกฝ่ายนอนลืมตาโพลงในความมืด ลมหายใจของคนที่นอนอยู่ด้านข้างราบเรียบอย่างรวดเร็ว ยิ่งใหญ่ขยับให้ตัวชิดกันมากขึ้น ไออุ่นไหลวนไปมาใต้ผ้าห่ม ลมหนาวพัดกรูด้านนอกมีเสียงหยดน้ำเปาะแปะกระทบใบไม้และยอดหญ้า ยิ่งดึกเท่าไรไอเย็นก็มากขึ้นเท่านั้น คนที่ยังไม่นอนดูเวลา...อีกห้านาทีจะเที่ยงคืน

“แต้ม แต้ม ตื่นก่อน” ยิ่งใหญ่เรียกอีกฝ่ายในความมืดมิด แต้มนอนขดตัวอย่างสงบเงียบในความมืดไม่มีท่าทีตอบรับ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงเขย่าตัวเพื่อนรักอยู่ครู่ใหญ่

“อะไรของนายเนี่ย” เสียงนั้นยานยืดเต็มไปด้วยความง่วงงุน

“จะเที่ยงคืนแล้ว”

“โอย จะนอนนนนนน” แต้มพลิกตัวตะแคงหันหลังให้ ยิ่งใหญ่เดาะปากอย่างขัดใจที่เพื่อนรักไม่สนใจทั้งที่ตนอยากจะพูดสวัสดีปีใหม่ด้วยเป็นคนแรก

“อีกนาทีเดียวเองน่า” เสียงมือถือสั่นไหวในความมืดเป็นระยะ ข้อความส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จากเพื่อนๆส่งมาไม่ขาดสาย เหตุผลที่หลายคนต้องรีบส่งมาก่อนเพราะว่าตอนเที่ยงคืนคู่สัญญาณจะเต็มเนื่องจากมีคนจำนวนมากพร้อมใจกันระดมส่งข้อความและโทรออกทำให้เครือข่ายมือถือจะทำงานหนักมาก บางทีก็เครือข่ายล่มไม่สามารถส่งข้อความหรือโทรออกไปหาใครได้เลย คนหลายแสนหลายล้านคนกำลังตื่นเต้นกับคืนสิ้นปี... แต่ไม่ใช่กับนายกรฤต

ยิ่งใหญ่นับย้อนหลังใจใน เมื่อเหลืออีกไม่กี่วินาทีก็โน้มหน้าไปประชิดหูเพื่อนรักในความมืด ส่งเสียงปลุกพลางเขย่าตัวให้อีกฝ่ายพอจะรู้สึกตัวตื่น แต้มสะลึมสะลือเพราะความง่วงงุนหันหน้ามาอย่างกระทันหันทำให้ใบหน้าที่แนบชิดอยู่แล้วกลายเป็นประกบกันอย่างไม่คาดคิด

ยิ่งใหญ่ถลึงตาในความมืดอย่างตกใจเมื่อริมฝีปากของตนเลื่อนไปชนกับริมฝีปากอุ่นของอีกฝ่าย เสียงหัวใจเต้นตึกตักดังทะลุทรวงอก ลมหายใจอุ่นของคนที่นอนหลับพ่นเป็นจังหวะสม่ำเสมอกระทบใบหน้าจนร้อนผ่าว ริมฝีปากบางปิดสนิทแน่นิ่งภายใต้รสสัมผัสที่หอมหวาน กลิ่นเฉพาะของแต้มโชยแตะจมูก มันเป็นกลิ่นที่บ่งบอกตัวตนเฉพาะบุคคลที่ไม่ใช่กลิ่นเหม็น มันอบอวล ร้อนผ่าว ทรงพลังแต่อ่อนโยนในที ยิ่งชิดใกล้ ยิ่งเย้ายวนและน่าเชยชมให้มากขึ้น ยิ่งใหญ่รีบผละตัวออกและหันไปมองเพื่อนที่นอนหลับไหลอย่างไม่รู้สึกตัวอย่างโล่งใจ

โทรศัพท์ของยิ่งใหญ่สั่นไหวไปทางยาวปลุกเขาจากภวังค์ หัวใจเต้นโครมครามจากเหตุการณ์เมื่อครู่ยังไม่หายไป ลมหายใจของแต้มแผ่วเบาและราบเรียบทำให้เขาโล่งอก ไม่กล้าคิดว่าถ้าอีกฝ่ายรู้สึกตัวจะเอะอะโวยวายหรือต้องทำตัวอย่างไร มันจะต้องเคอะเขินหรือไม่ก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติดเลยก็เป็นได้ ยิ่งใหญ่หยิบมือถือที่ยังไม่หยุดสั่นขึ้นมาดูเบอร์ที่ไม่คุ้น นึกแปลกใจและนับถือในความพยายามของคนที่โทรมาเป็นอย่างมาก เพราะต้องแย่งชิงสัญญาณจากคนมากมายในช่วงที่ช่องสัญญาณเต็มแน่นเช่นตอนนี้ เขารับสายเพราะสงสัยว่าเป็นใครหนอที่โทรเข้ามาในยามนี้

“ฮัลโหล ใหญ่เหรอ สวัสดีปีใหม่นะ”

“สวัสดีปีใหม่” ยิ่งใหญ่ตอบไปเช่นนั้น เสียงปลายสายไม่คุ้น เขาระงับความตื่นเต้นก่อนตั้งคำถาม“นั่นใครน่ะ”

“อ๋อ ขอโทษทีลืมบอก เราเอง เบล”

***********************************************************************

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-01-2019 17:48:06
ยิ่งใหญ่ได้จูบปากแต้ม.......แม้แตัมไม่รู้เรื่อง
แต่ได้รับสายคนสวัสดีปีใหม่คนแรกเป็น  เบล .....  o22
ก็ใจใหญ่ชอบแต้ม....แล้วจะอยากรับสายคนอื่นอีกทำไม ยังไง   :เฮ้อ: :really2: :serius2:

หากต้องตา รู้...รู้เรื่องที่ทางบ้านยอดเยี่ยมสืบ ค้น เรื่องอดีต ตัวตนของตัวเอง  :m16:
จะเข้าใจ แล้วไม่คิดอะไรแน่รึ คิดง่ายไปหรือเปล่า  :z3:

ใหญ่  แต้ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2019 21:14:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยเบลนี่จะอะไรนักหนา  ว่าแต่...นางคือใคร?  คนในอดีตของใหญ่?
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-01-2019 23:13:09
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 20-01-2019 13:33:37
ยิ่งใหญ่ได้จูบปากแต้ม.......แม้แตัมไม่รู้เรื่อง
แต่ได้รับสายคนสวัสดีปีใหม่คนแรกเป็น  เบล .....  o22
ก็ใจใหญ่ชอบแต้ม....แล้วจะอยากรับสายคนอื่นอีกทำไม ยังไง   :เฮ้อ: :really2: :serius2:

หากต้องตา รู้...รู้เรื่องที่ทางบ้านยอดเยี่ยมสืบ ค้น เรื่องอดีต ตัวตนของตัวเอง  :m16:
จะเข้าใจ แล้วไม่คิดอะไรแน่รึ คิดง่ายไปหรือเปล่า  :z3:

ใหญ่  แต้ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


จับรายละเอียดเก่งมากครับ ไรต์ชื่นชม อิอิ
ต้องรอติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-02-2019 17:22:33
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 05-02-2019 04:07:30
อ่านมา7ตอนล่ะ...รู้สึกว่าพล็อตเรื่องน่าสนใจ...เลยเข้ามาเม้นขอบคุณและให้กำลังใจไรท์ก่อน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 11-02-2019 21:47:38
อ่านทันแล้วนะคะ....ชอบเนื้อเรื่องผูกกันไปมาน่าติดตามน่าลุ้นมากๆ...มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-02-2019 08:57:43
สู้ๆนะทุกคน

คงไม่มีเรื่องร้ายๆอะไรอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 14-02-2019 21:12:25
รอยุจร้า^^
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 52 (UP:: 19 ม.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2019 00:38:44
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-03-2019 16:47:20
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 53. ความเจ้าเล่ห์แบบแพ็คคู่



ต้องตาต้องออกแรงแทบทั้งหมดเพื่อฉีกลังกระดาษที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา สองมือสั่นเทาเอื้อมหยิบบางอย่างออกมา ร่างบางขยับนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง สมุดปกแข็งสีซีดบ่งบอกว่าผ่านกาลเวลามามากกว่าสิบปีนอนแน่นิ่งบนตักดวงตากลมโตกลิ้งกลอกไปมาด้วยความร้อนแสบ มือสวยนั้นเปิดไล่ทีละหน้า แผ่วเบา แต่กลับหนักหน่วงในความรู้สึก



รูปถ่ายจำนวนมากผ่านตาทีละหน้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งเริงร่าชื่นชมความหอมหวนของห้วงอดีต รูปทั้งคู่สวมชุดนักเรียนยืนชิดกันโดยมีร่างเล็กกว่าเกาะแขนล่ำอย่างสนิทสนม ใบหน้าอ่อนโยนของผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเป็นดังดวงใจนั้นเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความสุขที่ล้นปรี่ ต้องตาลูบภาพถ่ายนั้นอย่างอ่อนโยน นึกย้อนไปถึงความหลังที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้อีก น้ำตาไหลรินอาบใบหน้าอย่างเงียบเชียบ มองไปนอกหน้าต่างคอนโดอย่างไร้จุดหมาย ความเศร้าจับใจจนไม่อาจหักห้ามไว้ได้ส่งผ่านไปอย่างมีความหวัง ว่ามันจะต้องส่งไปถึงคนที่จากไป...



ไม่รู้ว่านานเท่าไร ต้องตาลูบใบหน้าอย่างแรงก่อนขยี้สองตาที่แดงก่ำเพื่อสลัดความรู้สึกที่หม่นหมอง บรรยากาศของท้องฟ้าดูสดใสแตกต่างกับจิตใจเธอเป็นอย่างยิ่ง หากย้อนเวลาไปได้...หญิงสาวก้มเก็บรูปถ่ายและความทรงจำเก่าๆและปิดผนึกมันด้วยเทปกาวอย่างหนา แววตาไม่สดใสก้มมองลังกระดาษนั้นอย่างเลื่อนลอย เมื่อสูดหายใจขึ้นเต็มปอดเธอก็ยกมันไปเก็บไว้ที่เดิม ทีแรกต้องตาอยากจะเอาทุกอย่างไปทิ้ง เพราะไม่อยากเห็นอดีตที่เคยผ่านมาอยู่ในห้องนอนที่เป็นของแฟนคนปัจจุบัน หากย้อนเวลาได้ เธอคงจะตรึกตรองเรื่องต่างๆให้มากกว่านี้ ภาพความหลังมันมากเสียจนไม่อาจจะทนรับมันได้อีก แต่ไม่มีใครทำได้ อีกทั้งตัวเธอก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขเรื่องที่ผ่านมาได้ เราก็ควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะบทเรียนจากอดีตไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำสอง

***********************************************************************



ชีวิตหลังปีใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็วดังลมหนาวที่พัดกรูอยู่ในตอนนี้ เด็กนักเรียนต้องเตรียมตัวสอบกลางภาคและซ้อมงานกีฬาสี ทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ต่างก็ไม่ได้พักเพราะต้องอ่านหนังสือ ทำรายการและการบ้านกองโต ต้องไปซ้อมกีฬาอีกสารพัดรายการที่นายยิ่งใหญ่เป็นคนลงชื่อไว้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ใบหน้าของแต้มไม่ต่างอะไรกับผีดิบ เพราะต้องรับมือกับเพื่อนสนิทตัวดีที่ทำท่าแกล้งโง่ให้ช่วยสอนหนังสือ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำรายงานคู่ที่คนทั้งห้องพร้อมใจยกให้เขาคู่กับยิ่งใหญ่อย่างมิได้นัดหมาย ไหนจะต้องไปซ้อมโน่นนั่นนี่ที่พรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย หากรอดชีวิตไปได้ก็คงกลายเป็นคนเหล็กแน่นอน



แล้วการสอบกลางภาคก็ผ่านพ้นไปด้วยดี แต้มน้ำหนักลดไปประมาณ 3 กิโลกรัม จากที่ผอมอยู่แล้วกลับดูผ่ายผอมลงไปจนเพื่อนๆพากันรุมทัก ผิดกับยิ่งใหญ่ที่เหมือนหุ่นยนต์ นอกจากรับมือกับการเรียนและการซ้อมกีฬาแล้ว ก็ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนใดๆอีก น้ำหนักไม่ได้เพิ่ม แต่ส่วนสูงเหมือนจะพุ่งพรวดจนแตะหลัก 180 เซนติเมตร แต้มลองวัดส่วนสูงของตนก็ยังไม่พ้น 176 เซนติเมตรอยู่ดี เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามปีแล้วที่จะเพิ่มส่วนสูง แม้จะพยายามดื่มนมทุกวันก็ไม่มีทีท่าว่าจะสูงขึ้นได้ทันใจ



“ใจคอนายจะดื่มนมแทนน้ำแบบนี้ทุกวันเลยรึไง” ยิ่งใหญ่โยนผ้าขนหนูไว้ที่เตียงนอนแทนที่จะพาดมันไว้กับราวตากผ้า นิสัยที่แก้ไม่หายอย่างที่ทำให้แต้มรู้สึกหงุดหงิดใจได้พอสมควร ก่อนหันไปรื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดที่จะมาใส่วันนี้ กางเกงในสีขาวยังดูหมองเมื่อเทียบกับสีผิวของผู้ชายคนนี้



“แขวนผ้าเช็ดตัวดีๆ” แต้มไม่ตอบเรื่องที่โดนถามกระแซะ แต่บอกสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต้องทำก่อนจะดื่มนมที่เหลือจนหมดกล่อง

“นายมันขี้บ่น” ยิ่งใหญ่สวมกางเกงวอร์ม เสื้อพละและไปหวีผมด้วยความเคยชิน

“วันนี้ซ้อมอะไรบ้าง” แต้มทิ้งกล่องนมลงในถังขยะ หยิบรองเท้าผ้าใบสีขาวขุ่นมาสวมและนั่งรอที่ปลายเตียง

“บอล บาส วอลเล่ แค่นี้มั้ง”

“แล้วนายไม่ต้องไปซ้อมควงคฑาเหรอ”

“ไม่ซ้อมแล้ว ควงจนเซียนแล้วเนี่ย” ยิ่งใหญ่โอ้อวด

“เออ ขอให้จริง ไม่ว่าควงแล้วหลุดมือมาตกใส่หัวใครเค้าล่ะ”

“เราจะพยายามเล็งที่หัวนายนะ” ยิ่งใหญ่ตอบล้อเลียน “ไปเถอะ สายละ”

“เดี๋ยว นายไม่เอานี่ไปเหรอ” แต้มหยิบซาวด์อะเบ๊าท์ที่วางแผ่บนเตียงขึ้นมา ยิ่งใหญ่ส่ายหัวเป็นคำตอบ “อ้าว ของรักของหวงนายไม่ใช่รึไง”

“ก็บอกแล้วไงว่าซื้อให้”

“ไม่เอา บอกตอนไหนว่าอยากได้”

“นายไม่ได้บอก แต่ท่าทางเสียใจตอนที่จับสลากงานวิ่งแล้วพลาดรางวัลวิทยุของนายมันบอก”

“เราอยากได้วิทยุ ไม่ได้อยากได้ไอ้นี่ซะหน่อย”



แต้มเถียงพลางนึกย้อนไปตอนช่วงก่อนปีใหม่ที่ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมวิ่งมินิมาราธอนสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้น มันเป็นกิจกรรมที่ทำกันทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บรรดาอาจารย์และลูกศิษย์ทุกระดับชั้นจะมารวมตัวกันที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่ตีสามในช่วงที่อากาศกำลังหนาว หมอกปกคลุมไปทั่วจนแทบมองไม่เห็น อีกทั้งถนนหนทางต่างก็มืดมิด หากไม่มีแสงไฟตามเสาไฟฟ้าก็คงน่ากลัวไม่น้อย



“เร็วสิ นายนี่ช้าตลอดอีกละ”

“จะบ่นอะไรนักหนานายกรฤต” ยิ่งใหญ่ผูกเชือกรองเท้าบ่นประชด

“เค้านัดตีสาม นี่จะตีสี่แล้วนะ”

“ก็คนมันง่วงนี่นา”

“ใครใช้ให้นายไปเที่ยวล่ะ แทนที่จะนอนหลับพักผ่อน เก็บแรงไปวิ่ง”



“โห ไม่ไปก็โดนรุมอะดิ มีแต่คนโทรตามนายก็เห็น”  แต้มไม่ตอบ เพราะตอนหัวค่ำเมื่อวานมีแต่คนโทรตามยิ่งใหญ่ให้ไปเที่ยวที่ผับ มันเหมือนเป็นธรรมเนียมของเด็กที่นี่เสียแล้วที่จะต้องหาเรื่องออกมานอนที่ห้องเพื่อนเพื่อจะเที่ยวในคืนก่อนงานวิ่ง ห้องของพวกเขาก็มีเพื่อนมาพักอีกสองคน เตียงแคบไปทันทีที่สี่หนุ่มนอนเบียดกัน สองคนนั้นล่วงหน้าไปแล้วเกือบชั่วโมง เหลือแต่พวกเขาที่ต้องรอยิ่งใหญ่อาบน้ำและแต่งตัวราวกับจะไปเดินแบบ



“หนาวชะมัดเล้ย” ยิ่งใหญ่พูด พวกเขาสวมชุดพละของโรงเรียน กางเกงวอร์มยาวถึงตาตุ่มท่อนบนปิดทับด้วยเสื้อกันหนาวอีกชั้น เพราะไม่มีใครต้องการจะต่อกรกับความหนาวของเดือนธันวาคมเช่นนี้ เสียงตามสายของโรงเรียนดังเป็นระยะเป็นสัญญาณบอกว่าใกล้จะปล่อยตัวแล้ว



สองหนุ่มเดินตีคู่กันมาในความมืดโดยมียิ่งใหญ่พยายามเดินเบียดเพื่อนสนิทและบ่นหนาวไม่ขาดปาก แต้มที่เดินกอดอกต้องเอามือมาผลักหัวไหล่ของอีกฝ่ายให้เว้นระยะห่างมากขึ้น ทางเดินแคบกับถนนที่มืดไม่น่าจะต้องเบียดกันขนาดนี้ และยิ่งใหญ่เหมือนจะไม่ใส่ใจพยายามเบียดชิดจนแต้มต้องรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้น อาการปวดหัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังคงอยู่ กลิ่นของมันยังพวยพ่นออกมาจากลมหายใจ ถ้าไม่โดนลากเขาไม่มีทางไปเที่ยวอย่างแน่นอน นอกจากอาการเมาค้างแล้วยังมีความง่วงที่กำลังรุกรานอยู่ทุกเสี้ยวนาที



เวลาตีห้า สัญญาณออกตัววิ่งก็เริ่มขึ้น ในช่วงแรกพวกเขาวิ่งเกาะเป็นกลุ่มใหญ่ พอผ่านไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร บางคนก็แอบย่องกลับไปนอนที่ห้องเพราะเป็นทางผ่าน ผ่านไปอีกไม่นานคนที่ขี้เกียจก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆ แต้มกับยิ่งใหญ่รักษาความเร็วเกาะกลุ่มกับนักกีฬาของโรงเรียน ไม่นานนักกำลังวังชาก็เริ่มถดถอย ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายบอกให้หยุดและพากันเดินในช่วงสองกิโลเมตรที่เหลือ ก่อนจะพากันเร่งความเร็วในระยะสองร้อยเมตรสุดท้าย แต้มเข้าเส้นชัยเป็นคนที่ 145 ของโรงเรียน เป็นคนที่ 72 ของระดับชั้นม.ปลาย ยิ่งใหญ่นั้นเข้าเส้นชัยห่างจากเขาไม่กี่วินาที แต่เข้าเป็นคนที่ 148 ของโรงเรียน เป็นคนที่ 75 ของระดับชั้น เมื่อถึงเส้นชัยหมดทุกคนก็สายแล้ว แสงแดดยามเช้าสาดส่องราวกับอยู่ในฤดูร้อน ทางโรงเรียนแจกข้าวกล่อง น้ำดื่ม นม และขนมอีกหลายอย่าง นักเรียนที่ได้รับแจกของรางวัลจากการวิ่งและอาหารแล้วต่างพากันไปนั่งรวมที่ลานกิจกรรม



 ลานกิจกรรมที่พวกเขานั่งอยู่ในอยู่ระหว่างสองอาคารที่ไม่มีแสงแดดผ่าน ลมหนาวพัดโชยมาเป็นระยะทำให้ไม่มีใครถอดเสื้อกันหนาวออก ยกเว้นพกบ้าพลังอย่างยิ่งใหญ่ ชายหนุ่มนั่งหลับพิงกำแพงอาคารก่อนที่จะเลื้อยมาซบไหล่ของแต้มอย่างเคยชิน ลมหายใจอุ่นรดแขนเพื่อนสนิทจนนอนไม่หลับ เมื่อได้เวลาจับรางวัล แต้มก็ได้แต่ตาลุกวาว เพราะเขาอยากได้วิทยุเอเอ็มเอฟเอ็มที่สามารถเล่นเทปได้เอาไปให้แม่เวลาต้องออกไปทำงานที่นา ยิ่งใหญ่ลอบสังเกตอาการของเพื่อนที่ผิดหวังจนน่าหดหู่ที่ชื่อของตนไม่ถูกประกาศตอนจับรางวัลวิทยุสามรางวัลก็สงสาร หลังจากวันงานเขาก็แอบไปเดินที่ห้างและซื้อซาวด์อะเบ๊าท์มาอย่างที่เห็น

***********************************************************************



อาร์ทเป็นคนตะโกนเรียกยิ่งใหญ่กับแต้มจากสนามฟุตบอล นักกีฬาของแต่ละสีกำลังซ้อมกันครั้งละสองทีม เกมละสามสิบนาที อาร์ทเป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลของสีน้ำเงิน ยิ่งใหญ่กับแต้มลงชื่อด้วยแต่ถูกให้เป็นตัวสำรองเนื่องจากไม่มีเวลาซ้อม ทั้งคู่เดินมายืดเส้นยืดสายข้างสนามรอเวลาซ้อม

“หลังจากนี้นายไปซ้อมอะไรต่อ” อาร์ทถาม เมื่อเห็นกระเป๋าใบใหญ่ของยิ่งใหญ่วางกับพื้น

“ซ้อมบาส ต่อด้วยวอลเล่”

“พวกนายไม่ใช่คน” อาร์ทพูด “นายไหวแน่นะแต้ม ช่วงนี้นายดูซูบลงตั้งเยอะ ยิ่งใหญ่แย่งกินเหรอ”

“เหอะ” ยิ่งใหญ่แค่นเสียงโดยที่กำลังบิดตัวไปมา

“นายลงกี่อย่างล่ะอาร์ท” แต้มถามขึ้นมาบ้าง

“ทีแรกก็บาส ปิงปอง ตะกร้อ แต่พอโดนให้มาเป็นหัวหน้าทีมแค่ฟุตบอลอย่างเดียวก็ปวดหัวแล้ว” อาร์ทบ่น “ไหนจะต้องเกณฑ์คน ประชุมโน่นนี่ ของบจากประธานสีอีก”

“สนใจไปเล่นบาสด้วยกันมั้ย” ยิ่งใหญ่ทาบทาม

“ไม่อะ ไม่มีเวลาซ้อม”

“ข้ออ้าง” ยิ่งใหญ่พูดในตอนที่ทำท่ายืดแขนไปข้างหน้า โดยยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาให้ฝ่าเท้าแนบกับบั้นท้ายคล้ายท่าหนึ่งของโยคะ

“เอาน่า อาร์ทไม่ว่างนี่นา เนอะ” แต้มเข้าข้าง

“ใช่ๆ” อาร์ทยิ้มร่าเมื่อมีทีมสมทบ

“แต่ถ้านายมาเล่นบาสด้วย ก็คงจะสนุกกว่านี้นะ”

“นั่นสิ นายเล่นเข้าขากับพวกเราจะตาย” ยิ่งใหญ่พูดสนับสนุน

“แต่ไม่เป็นไรหรอก นายไม่ค่อยว่างนี่นา” แต้มกำลังวิ่งเหยาะๆรอบตัวอาร์ท

“น่าเสียดายเนอะ นายก็เล่นบาสออกจะเก่ง” ยิ่งใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายอย่างเสแสร้ง

“อืม วันก่อนนะซ้อมบาสสนุกมาก ก้อยเป็นผู้จัดการทีมบาสสีเหลืองใจดีมาก แจกเกลือแร่กันทุกคนเลย”

“หืม นายว่าอะไรนะ” อาร์ทหูผึ่ง

“เปล่านี่ แค่บอกว่าผู้จัดการทีมบาสสีเหลืองใจดี แถมสวยด้วย” แต้มหันไปยิ้มกับยิ่งใหญ่ที่ทำหน้าเคร่งขรึมให้เพราะหันหน้าไปทางอาร์ท

“เห็นว่านักบาสรุ่นพี่พากันรุมจีบใหญ่เลยนะ” ยิ่งใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“โหย ก้อยห้องสี่สวยจะตาย ใครบ้างจะไม่จีบ” อาร์ทฟังด้วยอาการจ๋อยสนิท สาวต่างห้องที่พยายามจีบมาเป็นเทอมไม่ได้บอกว่าจะไปเป็นผู้จัดการทีมนักบาส

“ไปเถอะ ได้เวลาซ้อมแล้ว ซ้อมเสร็จก็ไปต่อที่สนามบาส วันนี้ซ้อมกับสีเหลืองนะ” แต้มตบไหล่อาร์ทและแตะไหล่ยิ่งใหญ่วิ่งไปที่สนาม สาวๆที่เป็นกองเชียร์ส่งเสียงเรียกชื่อยิ่งใหญ่ไม่ขาดปาก คนดังและหน้าตาดีเป็นที่หมายปองของทุกคนขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่มีแฟน ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้างและโบกมือให้กับสาวๆที่ส่งเสียงกรี๊ดกันอย่างหนัก นี่แค่วันซ้อมยังมีกองเชียร์เยอะขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าวันจริงจะมีมากขนาดไหน

“พวกเธอไปซ้อมเชียร์ได้แล้วค่า นี่ไม่ใช่สีของพวกเธอซะหน่อย” สาวๆข้างสนามตะโกนบอกกันเอง

“เดี๋ยวสิ ขอดูยิ่งใหญ่ซ้อมฟุตบอลก่อน คนอะไร หล๊อ หล่อ” สาวๆต่างพากันเห็นด้วย ไม่มีใครอยากจะลุกจากที่นั่งเพื่อไปซ้อมร้องเพลงกันเลยสักคน

“นายว่า อาร์ทมันจะเปลี่ยนใจปะ” ยิ่งใหญ่กระซิบถามแต้มตอนที่วิ่งไปในสนาม

“นายว่าไงล่ะ” แต้มถามกลับ พลางพยักหน้าและยิ้มอย่างผู้มีชัย



แล้วหลังจากนั้น อาร์ทก็มาลงชื่อสมัครเป็นนักบาสของสีน้ำเงินอีกคน...



จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-03-2019 20:13:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจ้าเล่ห์ทันกันทั้งคู่  วางเหยื่อตกเจ้าอาร์มเข้าทีมบาส
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 17-03-2019 20:16:09
 แต้มซึมซับนิสัยใหญ่มาแล้วสิ รึว่ามันคือนิสัยเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่แล้วถูกใหญ่ปลดปล่อยออกมา
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-03-2019 20:26:01
ไรท์ มาต่อแล้ว เย้ๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ยิ่งใหญ่ เจ้าเล่ห์  o18
เนียนเอาเปรียบแต้มตลอด  :-[
ใหญ่  แต้ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 18-03-2019 10:16:23
:pig4: :pig4: :pig4:

เจ้าเล่ห์ทันกันทั้งคู่  วางเหยื่อตกเจ้าอาร์มเข้าทีมบาส

เข้าขากันดีจนน่ากลัวนะคู่นี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 18-03-2019 10:17:05
แต้มซึมซับนิสัยใหญ่มาแล้วสิ รึว่ามันคือนิสัยเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่แล้วถูกใหญ่ปลดปล่อยออกมา

สงสัยเจ้าใหญ่จะสอนมาดีครับ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 18-03-2019 10:17:53
ไรท์ มาต่อแล้ว เย้ๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ยิ่งใหญ่ เจ้าเล่ห์  o18
เนียนเอาเปรียบแต้มตลอด  :-[
ใหญ่  แต้ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอโทษที่หายไปนานครับ ช่วงนี้ไนต์เดินทางเยอะ + ติดซีรี่ย์ด้วย อิอิ
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-03-2019 12:42:50
 :pig4:
 :L1:
:3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 53 (UP:: 17 มี.ค. 2562) #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-03-2019 17:35:42
เจ้าเล่ห์

จริงๆเด็กพวกนี้

ยอมใจ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 54 (UP:: 4 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 02-04-2019 14:52:25
​จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 54. กีฬาสี



งานกีฬาสีของโรงเรียนเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ยิ่งใหญ่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาแต่งหน้าแต่งตัวและซ้อมควงคฑาเป็นครั้งสุดท้ายโดยมีแต้มพ่วงมานอนสัปหงกอยู่ไม่ห่างเพราะโดนหางเลขให้มาถือป้ายเปิดงาน สนามกีฬาของโรงเรียนคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนที่แต่งตัวตามสีของตน กองเชียร์ถูกเกณฑ์ขึ้นบนอัฒจรรย์จนไม่เหลือที่ว่าง กองเชียร์ส่งเสียงเชียร์คึกคักดังแข่งกับเพลงจากเครื่องขยายเสียงของโรงเรียนที่มีรุ่นพี่ชั้นม.5 คอยกำกับ

เมื่อเวลาคล้อยสาย ขบวนนักกีฬาและตัวแทนของแต่ละสีเข้าแถวเดินขบวนตั้งแต่ถนนหน้าโรงเรียนที่นำหน้าด้วยยิ่งใหญ่เดินควงคฑาอย่างสง่าผ่าเผย ตามด้วยขบวนของวงดุริยางค์ของโรงเรียนที่แต่งตัวกันครบชุด มองแล้วน่าเห็นใจนักดนตรีเป็นอย่างยิ่งที่ต้องประคองและบรรเลงเครื่องเล่นของตนไปตามทาง รอบด้านรายล้อมด้วยผู้คนละแวกใกล้เคียง บ้างก็เป็นผู้ปกครองที่พยายามถ่ายภาพบุตรหลานของตนขณะที่เดินขบวน เมื่อเข้าเขตรั้วโรงเรียน ผู้ชมจากภายนอกก็ไม่สามารถเข้ามาด้านในได้ด้วยเหตุผลของความปลอดภัย

ยิ่งใหญ่อยู่ในชุดสีสันสดใส ขับผิวขาวให้ดูหล่อเหลาเป็นที่สะดุดตาต่อผู้พบเห็น ใบหน้าถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางค์ของรุ่นพี่ที่ตั้งใจแต่งอย่างสุดฝีมือ ยิ่งทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมีเสน่ห์ รอยยิ้มกว้างฉาบใบหน้าผสานอย่างลงตัวให้ยิ่งหล่อเหลาราวเทพบุตร เสียงเชียร์ดังกระหึ่มเมื่อเขานำขบวนพาเหรดเดินผ่านอัฒจรรย์ของแต่ละสี จังหวะควงคฑาไม่มีพลาด หนักแน่นและสวยงามในคราเดียวกัน เสียงกองเชียร์หวีดร้องเมื่อคฑาถูกโยนขึ้นฟ้าและตกมาที่ฝ่ามืออย่างสวยงาม ยิ่งใหญ่ทำอย่างนี้อีกสองครั้ง เสียงกรีดร้องของกองเชียร์ผู้หญิงและเพศที่สามดังขึ้นจนพิธีกรในสนามต้องแซวเป็นการใหญ่ เขาหยุดการควงและยกไม้ขึ้นเมื่อผ่านประธานในพิธี เมื่อจัดขบวนที่กลางสนามเป็นที่เรียบร้อยก็เป็นการเปิดงาน และงานกีฬาก็ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ



                ***********************************************************************



ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียหลังกลับจากกองถ่ายเมื่อคืน ก่อนหน้านี้ภัทรไม่เคยเป็นคนขี้เซามาก่อน แต่เมื่อโหมรับงานแสดงเจ็ดวันติดก็ย่อมหมดแรงเป็นธรรมดา หลังจากสลัดความง่วงงันจนสิ้นก็ลุกขึ้นมาสูบบุหรี่ ทั้งบ้านเงียบเชียบราวกับไม่มีใครอาศัยมานานแล้ว พี่ชายของเขาคงไปทำงานแต่เช้าตรู่ พวกเขาไม่ค่อยได้สนทนากันเลยเป็นอาทิตย์เนื่องจากเวลาการทำงานไม่ตรงกัน ภัทรดับบุหรี่และคว้าผ้าเช็ดตัว หลังจากอาบน้ำเสร็จชายหนุ่มจึงเก็บของและเดินทางไปที่สนามบิน ปลายทางคือจังหวัดเชียงใหม่

บั๊มพ์เปิดกระบะท้ายรถเพื่อจะเก็บของ แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนพกสมบัติติดตัวมาน้อยชิ้นจึงต้องปิดมันอย่างเบื่อหน่าย อากาศยามนี้ร้อนเหมือนไม่ใช่ฤดูหนาว ทั้งที่ตอนเช้าหมอกยังลงจัดและอากาศเย็นอยู่มาก เขาใช้เวลาขับรถจากร้านมาที่สนามบินเพียง 10 นาที เนื่องจากมีบัตรผ่านกองบินที่อยู่ใกล้กัน

“นึกยังไงมาปุบปับ”

“คิดถึงนาย” ภัทรตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย หลังจากลงเครื่องก็มีแฟนคลับมาขอลายเซ็นอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจึงปลีกตัวมาได้ ยังดีที่เครื่องบินไม่ดีเลย์ ไม่อย่างนั้นบั๊มพ์คงบ่นไม่ขาดปาก

“คิดถึงก็โทรมาก็ได้ ไม่เห็นต้องลงทุนนั่งเครื่องมาหาเลย”

“ก็เราอยากมานี่นา ใครใช้ให้นายน่ารักน่าคิดถึงขนาดนี้ล่ะ” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าชู้ อีกฝ่ายไม่ตอบทันทีแต่มีใบหน้าเขินอายและรีบเข้าไปนั่งในรถ

“พูดอะไรไม่ระวัง เดี๋ยวมีคนได้ยินนายจะซวยอีก”

“ช่างเถอะ ว่าแต่ไอ้ตัวเล็กกลับมายัง”

“ใคร ไบรต์เหรอ ยังหรอก พ่ออยากให้เรียนภาษาที่โน่นสักสามเดือน”

“ใจคอจะให้เรียนตั้งแต่เด็กเลยรึไง”

“ก็เห็นว่างั้น เค้าว่าเรียนตั้งแต่อายุน้อยๆ เด็กจะเรียนรู้ได้ไวกว่าเรียนตอนโตนะ” บั๊มพ์คาดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเคลื่อนรถออกจากลานจอด เขาต้องเสียเงินค่าที่จอดรถแพงพอสมควรเพราะมารอค่อนข้างนาน เดิมทีตั้งใจจะบ่น แต่เมื่อเห็นใบหน้าอิดโรยของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนใจ “นายอยากไปไหนปะ”

“ตอนนี้น่ะเหรอ กินข้าว”

“นายไม่กินบนเครื่องมารึไง”

“เปล่า รอกินอาหารฝีมือนาย”

“เสียใจด้วย วันนี้ร้านปิด ไม่ได้ลงของไว้ด้วย”

“โห เสียใจนะเนี่ย” ภัทรทำหน้าบูด แต่อีกฝ่ายกำลังขำ “หัวเราะทำไม”

“ก็ใครใช้ให้นายมาปุบปับล่ะ เมื่อคืนกว่าจะเลิกกองก็ดึกไม่ใช่เหรอ แทนที่จะพักผ่อน”

“มาหานายก็คือการพักผ่อนอย่างนึงนะ” ภัทรจับมือของแฟนหนุ่มมาจุมพิตก่อนถูกดึงกลับ “งั้นกินนายแทนได้มั้ย”

“อย่ารุ่มร่าม กระจกรถใสแจ๋วขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง”

“เห้อ โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้” ภัทรบ่นตามเรื่อง

“นี่” บั๊มพ์เอื้อมมือมาจับที่ต้นขาแน่นที่อยู่ใต้กางเกงยีนส์สีซีด รอยขาดที่หัวเข่าเหมือนกับจงใจให้ดูเป็นแฟชั่น แต่สำหรับเขามองว่าเป็นการฟุ่มเฟือยที่ต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่นเช่นนี้ “เดี๋ยวถึงบ้านก่อน นายอยากทำอะไรก็ตามสบาย”

“จริงนะ” ภัทรยิ้มกว้าง ดวงตาหยีเล็กจนแทบไม่เห็นแววตาเปี่ยมสุข คนขับรถไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้มและขับรถต่อโดยไม่พูดอะไรออกมา



***********************************************************************



แต้มนั่งอยู่ข้างสนามเป็นตัวสำรองของทีมในการแข่งฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ เขามาไม่ทันตอนที่ผู้จัดการขานชื่อเป็นตัวจริงเนื่องจากติดแข่งบาสเก็ตบอล ผลคือทีมได้ที่สามเพราะยิ่งใหญ่และอาร์ทต้องออกจากการแข่งขันก่อนเนื่องจากต้องรีบมาจัดแจงเรื่องการแข่งรอบนี้  แต้มที่ต้องแบกทีมไว้ทำได้ดีที่สุดแค่ 15 แต้มก่อนจะแพ้ไปแค่สี่คะแนน ตารางการแข่งขันติดกันจนกลายเป็นว่าเขาและยิ่งใหญ่ต้องวิ่งกันหัวหมุน หลังจากจบฟุตบอลก็จะมีการแข่งวิ่งผลัด 4x100 ที่ยิ่งใหญ่เพิ่งมาบอกเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วว่านักกีฬาตัวจริงบาดเจ็บจากการวิ่งหนึ่งพันห้าร้อยเมตร

เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มเมื่อกรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน ยิ่งใหญ่สวมเสื้อหมายเลข 6 ซึ่งเป็นเลขโปรดของเจ้าตัววิ่งวอร์มในสนามและตัดบอลเร่งทำเกม อีกฝ่ายก็มีฝีมือไม่ต่างกันเพราะเป็นทีมนักกีฬาของโรงเรียนแทบจะยกทีม แม้จะวิ่งไปมาและส่งบอลด้วยจังหวะที่ดีแค่ไหนก็ตาม คู่ต่อสู้ก็เหมือนอ่านเกมได้เก่งกว่าวิ่งเข้ามาตัดบอลไปได้เสียทุกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปจนหมดครึ่งแรก ทีมของเขาที่เหมือนไก่รองบ่อนก็ยังรักษาประตูไว้ได้

“แต้ม เดี๋ยวนายลงครึ่งหลังนะให้ไผ่พักก่อน เกมนี้หินพอดู” อาร์ทกำลังซักซ้อนแผนสำหรับครึ่งหลัง แต้มสวมเสื้อเบอร์ 10 กำลังอบอุ่นร่างกายข้างสนามโดยมียิ่งใหญ่กำกับอยู่ไม่ห่าง

“นายคิดว่าเราจะชนะเกมนี้มั้ย” แต้มเป็นคนถาม

“ชนะสิ พนันกันมั้ยล่ะ”

“หึ นายพนันว่าเราชนะ ให้เราพนันว่าทีมตัวเองแพ้ เหมือนให้เราแช่งทีมตัวเองเลยนะ” แต้มต่อรอง

“หรือนายคิดว่าจะพนันว่าทีมเราชนะ” ยิ่งใหญ่ถามกลับ “ให้นายเลือกก่อนก็ได้นะ”

“พนันแล้วได้อะไร” แต้มบิดตัวไปมาถามเพื่อนรัก

“ตกลงนายพนันฝั่งไหน”

“บอกมาก่อนสิว่าคนชนะจะได้อะไร”

ยิ่งใหญ่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบออกมา “อะไรก็ได้ที่อยากได้ โอเคมั้ย”

“อะไรก็ได้ที่อยากได้นี่อะไรล่ะ” แต้มถามด้วยความงุนงง

“ก็อะไรก็ได้ที่นายอยากให้เราทำ เช่น แขวนผ้าขนหนูเป็นที่ ไม่ใส่เจลก่อนออกจากห้อง หรือไม่ทำห้องรก”

“อะไรก็ได้จริงดิ” แต้มถามย้ำอีกครั้ง

“จริง” ยิ่งใหญ่รับคำ “นายพนันฝั่งไหนล่ะ”



***********************************************************************



ภัทรแทบจะอุ้มอีกฝ่ายลงจากรถ แต่ต้องหยุดความคิดเมื่อคนรักรีบวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนที่เขาจะไปถึงตัวเสียอีก

“เจ้าเล่ห์นักนะ” ภัทรวิ่งตามไปในระยะกระชั้นชิดก่อนจะพุ่งไปโอบตัวจากด้านหลัง ซุกจมูกโด่งที่ลำคอหอมกรุ่นที่คุ้นเคยอย่างมูมมาม

“เบาๆก็ได้ ไม่หนีไปไหนหรอกน่า”

“ขนาดไม่หนี นายยังวิ่งยังกับนักกีฬาโอลิมปิคเลยนะ”

“ขืนอยู่รอหน้าบ้านนายคงอุ้มเราขึ้นมาแล้วล่ะสิ”

“ไม่ให้อุ้มงั้นเหรอ”

“ไม่ เดี๋ยวชาวบ้านมาเห็น”

ภัทรยิ้มกับคำตอบที่ได้ฟัง ชายคนนี้เป็นห่วงเขาก่อนตัวเองเสมอ ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกรุกรานด้วยริมฝีปากอวบอิ่มนั้นระทวยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เสื้อยืดสีซีดถูกถกขึ้นจนเผยราวนมและแผงกล้ามหน้าอกสวยงามราวกับรูปสลัก ภัทรจุมพิตที่ไหปลาร้าอย่างแผ่วเบาพลางไล้มือใหญ่ตั้งแต่รักแร้เรื่อยลงมาที่เอวหนา กล้ามหน้าท้องกระเพื่อมอย่างหนักหน่วงเมื่อถูกดูดดุนที่หน้าอก ลิ้นสากเลียวนที่หัวนมสีน้ำตาลอ่อน บั๊มพ์สบตาอย่างมีความหมายก่อนจะถอดเสื้อของภัทรอย่างรวดเร็ว ผิวเนื้อขาวเต็มไปด้วยมัดกล้ามแกร่งของสองหนุ่มแนบประสานจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกันก่ายกอดนัวเนียด้วยรสจูบที่หอมหวานและรุนแรง ภัทรดึงกางเกงขาสั้นสีกรมท่าให้เผยจุดซ่อนเร้นที่ถูกกระตุ้นจนอารมณ์เตลิดก่อนดอมดมอย่างไม่รังเกียจและซอกไซร้มันอย่างโหยหา เสียงครางกระเส่าของอีกฝ่ายสั่นเครืออย่างเป็นใจ บั้นท้ายแกร่งเปิดทางพร้อมรับกับบทรักที่ถาโถม ภัทรเปิดทางและดุนดันตัวเองเข้าไป แรงดันกดแทรกลึกลงไปอย่างไม่รีบร้อนกระตุ้นเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมของเจ้าของบ้าน บทรักที่หอมหวานเร่งเร้าโรมรันจนพาทั้งคู่ไปสู่ความสุขสมท้ายที่สุด...



***********************************************************************



นักกีฬาฟุตบอลยืนกลางสนามหลังจบการแข่งขัน ยิ่งใหญ่แลกเสื้อกับเพื่อนต่างสี จังหวะที่ถอดเสื้อออกนั้นเสียงกรี๊ดจากกองเชียร์ดังลั่นจนแทบจะกลบทุกสรรพเสียง แต้มก็แลกเสื้อกับนักกีฬาเบอร์เดียวกัน กลิ่นฉุนของเสื้อตัวนั้นแรงจนเขาไม่กล้าใส่ ต้องเอามาพาดไว้ที่ไหล่เช่นเดียวกับเพื่อนสนิท อาร์ทวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยความยินดี

“นายสุดยอดมากอะใหญ่ ลูกสุดท้ายในตำนาน”

“ไม่บอกก็รู้ เรามันเก่ง”

“ถ่อมตัวบ้างก็ได้เหอะ” แต้มห้ามเพื่อน

“นายไม่ดีใจเหรอที่เรายิงลูกโทษให้ทีมเราชนะน่ะ”

“ดีใจสิ ไม่ดีใจได้ไง”

“พวกนายจะไปแข่งอะไรต่ออีกมั้ย”

“ไม่ล่ะ” แต้มพูด พวกเขาไม่มีเวลาไปรายงานตัวในการวิ่งผลัดจึงต้องให้คนอื่นไปแทน

“ไม่อะไร เหลือวอลเลย์บอลอีกนะ”

“หา ไหนบอกว่าแข่งไปแล้ว” แต้มอุทาน

“แข่งรอบคัดเลือกแล้ว ตอนนี้เหลือแข่งที่สาม”

“นายอย่าบอกนะว่านายจะลงแข่งด้วย”

“แหงสิ เราเป็นนักกีฬาโรงเรียนนะ ไม่ลงคงโดนด่า”

“นายเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน”

“นายยังไม่ชินอีกเหรอ”

แต้มนิ่วหน้า มองคนที่เดินข้างๆอย่างไม่เชื่อสายตาและหูตัวเอง หลังจากบาส ฟุตบอล ยังมีวอลเลย์บอลอีก ไม่นับพวกปิงปอง กระโดดไกลที่ตกรอบไปแล้ว ยิ่งใหญ่ยังเหลือเรี่ยวแรงลงแข่งได้อีก “ชินไม่ลงจริงๆ”

“นายไปไหนต่อล่ะอาร์ท”

“ไปที่สแตนเชียร์สิ เดี๋ยวพวกหลีดจะเต้นแล้วหลังจากที่เราพลิกล็อกชนะทีมนักกีฬาโรงเรียน”

“เออ เดี๋ยวเจอกัน เราไปเปลี่ยนชุดก่อน แต้มมานี่” ยิ่งใหญ่ลากแขนแต้มที่กำลังจะเดินไปทางเดียวกับอาร์ทไว้

“เดี๋ยวๆๆๆ จะพาเราไปไหน”

“ไปเชียร์เราแข่งไง”

“เหย พอก่อนมั้ย ขอพักแป๊บ”

“ไปดูเฉยๆไม่ได้ออกแรง นายจะพักทำไม” ยิ่งใหญ่ยียวน แต้มต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างทางก็มีรุ่นพี่รุ่นน้องแวะมารุมขอถ่ายรูปกับยิ่งใหญ่ไม่ขาดสาย จังหวะนี้ยิ่งดีใหญ่ เพราะเขาไม่ได้ใส่เสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อและผิวพรรณที่ขาวผ่องจนเป็นที่น่าอิจฉา แต้มเดินตามอย่างเงียบๆ นึกในใจว่าจะเอาอย่างไรดีกับของรางวัลที่พนันกันไว้...

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 54 (UP:: 4 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-04-2019 21:38:41
ใหญ่ นักกีฬา ตัวจริง แมนมาก ...........  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลงแข่งทุกประเภทซะ....คนอ่านเหนื่อยแทนเลย  :เฮ้อ:

ภัทร  บัมพ์  :กอด1:

ใหญ่  แต้ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 54 (UP:: 4 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2019 21:50:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสร็จแน่เจ้าแต้ม
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 54 (UP:: 4 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-04-2019 00:56:51
 :katai2-1:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 55 (UP:: 19 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-04-2019 11:38:21
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 55. ของขวัญวาเลนไทน์



ช่วงเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วหลังจากงานกีฬาสี บรรยากาศในโรงเรียนที่อึมครึมเนื่องจากเป็นช่วงเตรียมสอบของนักเรียนทุกระดับชั้นยังรวมไปถึงการเตรียมตัวสอบเอ็นทรานซ์ของรุ่นพี่ชั้นม.6 อีกด้วยกลับดูสดใสและมีชีวิตชีวาเพราะวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์



ที่ฟุตบาททั้งด้านหน้าและด้านข้างโรงเรียนต่างมีพ่อค้าแม่ค้าขาจรมาจับจองพื้นที่กันจนแน่นขนัด แต่ละร้านจะมีตะกร้าใส่ดอกไม้หลากชนิด แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงจะหนีไม่พ้นดอกกุหลาบสีแดงที่เป็นนางเอกของเทศกาลนี้ ร้านขายของกิ๊ฟต์ช็อปต่างประดับด้วยกระดาษเขียนจดหมายสีหวาน มีการกักตุนสติกเกอร์รูปหัวใจแผ่นบางเอาไว้เพื่อวันนี้โดยเฉพาะออกมาขาย ก่อนที่โรงเรียนจะมีการเข้าแถว บรรดานักเรียนทุกระดับชั้นต่างก็มาเดินจับจ่ายเลือกซื้อของกันดูอลหม่าน



เด็กนักเรียนทั้งชายหญิงต่างหอบดอกไม้และของขวัญพะรุงพะรัง มีสติกเกอร์รูปหัวใจหลากสีแปะไว้ที่ชุดนักเรียนคล้ายเป็นลวดลายใหม่ที่สร้างสรรค์มาเพื่อช่วงนี้โดยเฉพาะ ห้องเรียนชั้น ม.4/8 คลาคล่ำไปด้วยบรรดาสาวๆตั้งแต่ชั้นม.1 จนถึงม.6 ที่ต่างแวะเวียนนำของขวัญและจดหมายรักที่เขียนจากกระดาษสีสันสดใส บ้างก็เป็นกระดาษพร้อมกลิ่นหอม บ้างก็เทแป้งฝุ่นกลิ่นพิเศษไว้ข้างใน บ้างก็ใช้ปากกาที่มีกลิ่นเขียน แทบทุกแผ่นจะมีลายมือใกล้เคียงกันเนื่องจากตัวอักษรวัยรุ่นที่กำลังนิยมอยู่จะเขียนโดยให้หัวของพยัญชนะเป็นรูปตัวโอ(หรือเลขศูนย์)กลมใหญ่กว่าส่วนอื่น บทกลอนจากหนังสือกลอนของสำนักพิมพ์ต่างๆขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เนื่องจากเด็กหญิงที่ไม่สันทัดเรื่องนี้ก็จะนิยมอ่านและคัดลอกลงจดหมายรักของตนเอง มาวางไว้ที่โต๊ะเรียนหลังห้อง



เมื่อยิ่งใหญ่เดินมาที่ห้องก่อนเวลาเคารพธงชาติก็ตกใจไม่น้อยเนื่องจากโต๊ะเรียนของตนเต็มไปด้วยกล่องของขวัญ จดหมายและดอกกุหลาบสีแดงหลายขนาด บ้างก็เป็นช่อ บ้างก็เป็นดอกสีแดงสดดอกเดียวในช่อพลาสติกสีหวาน ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวขนาดความสูงจากพื้นถึงเข่ามานั่งที่เก้าอี้อยู่อย่างโดดเด่น



“โห ทำไมนายได้ของขวัญเยอะขนาดนี้อะ” แต้มแกล้งทำหน้าตาตกใจราวกับนักแสดงละครมืออาชีพ



“เว่อไป” ยิ่งใหญ่มองของเหล่านั้นอย่างหนักใจ ทั้งขนมเอย ของขวัญเอย เขาจะหอบหิ้วกลับอย่างไรไหว ถ้าเอาไปทิ้งเลยก็เกรงว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจของคนที่เอามาให้ตั้งแต่เช้า ยังไม่รวมเสื้อนักเรียนของเขาที่โดนแปะสติกเกอร์จนเต็มตัวไปหมดแล้วระหว่างทางที่เดินมา



“นายช่วยเราขนกลับหน่อยนะแต้ม”

“ขนยังไงล่ะทีนี้ นายกลับไปเอารถยนต์มาใส่มั้ย”

“เออ ความคิดนี้เข้าท่าดี”

“เราประชดมั้ย” แต้มนั่งลงที่เก้าอี้ของตน มันว่างเปล่าแตกต่างจากคนข้างๆอย่างสิ้นเชิง



“โห ใหญ่ ทำไมได้เยอะขนาดนี้เนี่ย” อาร์ทเป็นอีกคนที่เข้ามาทัก ตอนนี้เขาย้ายมานั่งด้านหน้าของทั้งคู่แล้วเนื่องจากตัวสูงขึ้น และรู้สึกสนิทชิดเชื้อกับทั้งยิ่งใหญ่และแต้มมากกว่าเดิม



“ปกติของคนหล่อ”

“ถ่อมตัวบ้างก็ได้เถอะ” อาร์ทแซว แต้มพยักหน้าเห็นด้วย มีแต่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่กำลังหาที่ทางวางตุ๊กตาตัวใหญ่ไม่ให้เปื้อน



“นั่นของขวัญจากใครเหรอ” ยิ่งใหญ่แซวอาร์ทกลับเมื่อเห็นเขาถือของขวัญในมืออย่างทะนุถนอม คนถูกถามอายจนหน้าแดงแม้แต่แต้มที่ไม่ค่อยจะสังเกตยังมองเห็น

“หืม มีเลศนัยนะเนี่ย”

“เลศนัยอะไร แหม่” อาร์ทเขินจนเก็บอาการไม่ได้แล้วตอนนี้

“เห้ยทุกคน ไอ้อาร์ทได้ของขวัญจากสาวไหนก็ไม่รู้”

“เบาๆสิวะไอ้ใหญ่” อาร์ทลุกลี้ลุกลนจนเพื่อนร่วมชั้นหันมองและมีบางส่วนกรูเข้ามา

“เห้ย นี่มันคุ้นๆว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งคว้ากล่องของขวัญไปและตั้งข้อสังเกต

“คุ้นยังไงวะ” เพื่อนอีกคนถาม

“ก็เมื่อเช้าเราเห็นก้อยห้องสี่ถือกล่องนี้มาด้วย”

“จริงดิ นายไปเห็นได้ไง”

“เราขึ้นรถคันเดียวกับก้อยนะ เมื่อเช้าเรายังทักอยู่เลย”



“แหมๆๆๆๆ ร้ายนะอาร์ท” เสียงเพื่อนๆโห่แซวอาร์ทที่ตอนนี้หน้าแดงจนถึงใบหู เขาคว้ากล่องของขวัญจากเพื่อนคนนั้นมากอดไว้แนบอกอย่างหวงแหนพลางส่งสายตาเกรี้ยวกราดไปยังไอ้ตัวต้นเรื่องชื่อยิ่งใหญ่ เช้านี้มีแต่คนแซวอาร์ทจนไม่มีเวลาเปิดดูว่าข้างในเป็นอะไร อีกทั้งยังมีผู้หญิงและผู้ชายต่างห้องแวะเวียนมาติดสติกเกอร์กันจนเสียงกริ่งเข้าแถวดังขึ้น



***********************************************************************



“นายว่าอาร์ทกับก้อยจะเป็นแฟนกันยัง” แต้มเป็นคนสะกิดถามยิ่งใหญ่ตอนที่เดินจากสนามหญ้าหน้าเสาธงมาที่ห้องเรียน

“มีความเป็นไปได้สูง”

“คืบหน้าไวจังแฮะ”

“ไม่คืบสิแปลก มันเทียวไปเทียวมาซะขนาดนั้น แถมยังขอให้นายเขียนจดหมายอีกไม่ใช่เหรอ”

“ก็จริงของนายนะ อาร์ทนี่ลงทุนน่าดู”

“นี่พวกนาย ถ้าจะนินทาเราก็อย่าให้เราได้ยินได้มั้ย” อาร์ทที่เดินอยู่ข้างหน้าแต้มส่งเสียงมา

“อ้าว ได้ยินด้วยเหรอ ฮ่าๆๆๆ” ยิ่งใหญ่แซว อาร์ทหน้าแดงอีกครั้ง

“เออสิ ไปๆนั่งที่”

“คาบแรกอะไรนะ” ยิ่งใหญ่ถามแต้มที่ปกติจะจัดหนังสือเผื่ออยู่เสมอ

“อังกฤษสองคาบรวด”

“โอยตาย ทำไมเช้าวันจันทร์มันช่างโหดร้ายเช่นนี้” อาร์ทบ่นอุบ แต้มไม่สนใจเสียงของเพื่อนพลางหยิบหนังสือออกมาจากใต้โต๊ะ

จดหมายรักฉบับหนึ่งตกลงพื้นพร้อมกับช็อกโกแล็ตกล่องขนาดฝ่ามือ แต้มโน้มตัวไปหยิบพลางวางไว้ที่กองของขวัญของยิ่งใหญ่

“อ้าว ของเราเหรอ” ยิ่งใหญ่ผู้เห็นเหตุการณ์ถาม

“มั้ง สงสัยเจ้าของจะส่งผิดโต๊ะ” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปแกะจดหมายที่แต้มเพิ่งวางรวมกับจดหมายฉบับอื่นๆ

“แต้ม”

“หืม” แต้มกำลังตั้งใจอ่านเนื้อหาที่จะเรียนล่วงหน้า

“ไอ้ของขวัญเมื่อกี้น่ะ...” ยิ่งใหญ่เว้นวรรค

“นายจะพูดก็พูดให้จบสิ ฟังอยู่” แต้มบ่น

“คือ ของขวัญนี้” ยิ่งใหญ่หยิบมาวางที่หนังสือภาษาอังกฤษของแต้ม “ของนาย”

“หะ”

“จดหมายนี่ด้วย” ยิ่งใหญ่วางกระดาษแผ่นน้อยบนโต๊ะเสียงฝ่ามือกระทบโต๊ะดังปัง

“มีอะไรกัน” อาร์ทหันมาถามเมื่อได้ยินเสียง

“เปล่า” ยิ่งใหญ่ตอบเสียงเข้ม ก่อนที่จะนั่งเงียบไปตลอดคาบเรียน



 ***********************************************************************
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 55 (UP:: 19 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-04-2019 20:26:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครให้ของขวัญแต้มอ่ะ   ส่งผลให้ยิ่งใหญ่ออกอาการลมเพชรหึงขึ้นหน้าเลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 55 (UP:: 19 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 19-04-2019 20:40:23
จบตอนแบบนี้เลย....T^T
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 56 (UP:: 21 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-04-2019 15:41:23
​จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 56. เจ้าของจดหมายรักที่ส่งถึงแต้ม



ต้องตาถึงที่ทำงานตั้งแต่เช้า เนื่องจากมีประชุมประจำเดือนในวันนี้ ทำให้ยอดเยี่ยมไม่ได้ไปรับที่คอนโดเหมือนเช่นเคย หญิงสาวเดินเข้าประตูด้านหลังออฟฟิศอย่างคุ้นเคย ถึงแม้ไม่มีล็อกเกอร์ส่วนตัวเหมือนพนักงานคนอื่นแล้ว แต่เธอก็ยังคงแวะเวียนมาที่ห้องพักพนักงานเสมอ ครัวของโรงแรมจัดเตรียมอาหารเช้าสำหรับลูกค้าที่มาพักรวมไปถึงสำหรับพนักงานที่เข้ากะดึกและกะเช้าด้วย วันไหนที่ต้องมาคนเดียว ต้องตาจะต้องแวะมาทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเสมอ

“โหย วันนี้แม่นางฟ้ามาได้เว้ย”

“โอยพี่จ๋า อย่าแซวกันเองสิ” ต้องตานั่งเก้าอี้ว่างติดกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อจ๋า

“คุณยอดประชุมเช้าใช่ปะ”

“ใช่ค่ะ” ต้องตาตอบอย่างสุภาพ บนโต๊ะมีพนักงานอีกสองสามคน ที่สนิทกับเธอที่สุดคือพี่จ๋า และอีกคนหนึ่งชื่ออร ซึ่งเพิ่งออกกะไป

“ยัยอรบ่นอุบเลยว่าไม่ค่อยได้เจอเรา”

“หนูงานยุ่งมากเลยพี่ วันๆมีแต่ประชุม รายการและตัวเลข” ต้องตาตั้งต้นสาธยาย “ไหนจะเรื่องงบประมาณ กำไรขาดทุน เรื่องเงินเดือนค่าจ้างต่างๆ ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์อีก...”

“โอย พอๆ แค่ฟังก็เหนื่อยละ เป็นเลขาเจ้านายนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” ต้องตาพยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่...” พี่จ๋าฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนกระซิบถาม “คุณยอดให้ของขวัญวาเลนไทน์รึยัง”

ต้องตาเงียบอย่างเขินอาย ความสัมพันธ์ของเธอกับผู้บริหารหนุ่มนั้นยังไม่ได้เปิดเผยกับคนอื่นสักเท่าไรเนื่องจากต้องการจะรักษาวัฒนธรรมการทำงานอันดีไว้ อีกทั้งเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกหรือหน่วยงานอื่นมีข้อครหาว่าการได้มาซึ่งตำแหน่งของเธอนั้นโดยวิธี “เต้าไต่”

“วันนี้วันวาเลนน์เหรอ” หญิงสาวถาม

“อื้อ ใช่สิ อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้”

หญิงสาวส่ายหน้า “โอย ยัยตาเอ๊ย” พี่จ๋าทำท่าปวดหัวก่อนจะปล่อยให้เธอไปตักอาหารเช้ามานั่งทานด้วยกันที่โต๊ะ

***********************************************************************

วันนี้ทั้งวันยิ่งใหญ่เงียบจนน่ากลัว เนื่องจากปกติเขาเป็นคนที่ร่าเริงและเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนทั้งห้อง อาการเงียบที่ชวนวังเวงนี้ทำให้หลายคนไม่กล้าจะเข้ามาใกล้มากนัก แม้กระทั่งอาร์ทเองก็ตามที มีแต่แต้มที่ยังเดินไปไหนมาไหนด้วยกันและยังไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนรักอารมณ์บูดอย่างไม่มีสาเหตุ

“แต้ม ใหญ่เป็นอะไรอะ” อาร์ทสะกิดถามด้วยเสียงค่อนข้างเบาตอนที่แต้มมาลบกระดานระหว่างช่วงพักระหว่างคาบเรียน

“เป็นไรเหรอ ไม่นี่”

“ไม่จริงนะ ดูเงียบๆแถมทำตาขวางตลอดเวลาด้วย” แต้มหันไปมองใบหน้าเรียบเฉยนั้นก่อนจะตอบกลับไป

“ปกตินี่”

“ไม่ปกติ นายดูดีๆสิ” อาร์ทเป็นอีกคนที่มายืนยัน เนื่องจากมีผู้หญิงหลายคนพูดกันว่ายิ่งใหญ่ไม่รับของขวัญแถมยังบึ้งตึงใส่คนที่เข้าใกล้เพื่อมาแปะสติกเกอร์อีกด้วย

“พวกนายคิดมากน่า” แต้มลบกระดานต่อโดยไม่เก็บคำพูดของบรรดาเพื่อนร่วมชั้นมาคิด อย่างใหญ่น่ะเหรอจะมีเรื่องอะไรให้โมโห

“นายนี่น้า” อาร์ทหมดคำพูดก่อนกลับไปนั่งที่ของตัวเอง แต้มตามหลังมานั่งและเอาหน้าทาบกับโต๊ะเรียนอย่างง่วงงันโดยไม่สนใจอาการนิ่งเงียบของเพื่อนสนิทแม้แต่น้อย

***********************************************************************

ยิ่งใหญ่ใช้เวลาที่นั่งเงียบไปกับการอ่านจดหมายที่แฟนคลับส่งมาให้ ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจอ่านแต่ก็ต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงสำหรับทั้งหมดที่ได้รับ นอกจากนั้นยังต้องคัดแยกของขวัญที่ได้มาให้เป็นหมวดหมู่ ได้แก่ จดหมาย ช็อกโกแล็ต ดอกไม้ ตุ๊กตา เสื้อผ้าและอื่นๆ เขาต้องไปขอซื้อกล่องกระดาษจากร้านขายของชำหน้าโรงเรียนเพื่อเอามาใส่ของพวกนี้ และต้องใช้ถึง 3 กล่องจึงจะบรรจุของทั้งหมดได้ ยกเว้นแต่ตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้มาที่ไม่รู้ว่าจะเก็บอย่างไรดี

“เย็นนี้กินอะไร” แต้มเป็นคนยิงคำถามกับยิ่งใหญ่ที่นั่งหลับตาเอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้

“....”

“ไม่ตอบงั้นเราเลือกเองนะ”

“....”

“หืม ไม่สบายเหรอ” แต้มใช้มือแตะแขนเพื่อน “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”

ยิ่งใหญ่เปรยตามองคนถามและไม่มีคำตอบอะไร

“นี่ เรื่องที่พนันกันไว้ตอนงานกีฬาสีอะ” แต้มเป็นคนเอ่ย ยิ่งใหญ่หันมามองเพื่อนรักอีกครั้ง

“เอาไว้ก่อน” ยิ่งใหญ่ตอบสั้นๆ

“ปะ กลับบ้านกัน”

“วันนี้มีซ้อม”

“ก็เอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมา” แต้มเก็บกระเป๋าและหอบกล่องกระดาษสองกล่องซ้อนกันเดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้าบูดอยู่กับที่

ตลอดทางเดินกลับ บรรดานักเรียนทั้งหญิงและชายต่างก็มองที่ยิ่งใหญ่อย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะนอกจากจะต้องถือกล่องกระดาษที่เต็มไปด้วยช่อดอกไม้แล้ว ยังมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่โดดเด่นอยู่ในอ้อมกอด ยิ่งใหญ่รู้สึกแปลกๆเพราะไม่รู้ว่าควรจะต้องรู้สึกอย่างไร โดยปกติแล้วเขาไม่ชอบเป็นที่ถูกมองอยู่แล้ว แต่เพราะบุคลิกหรือองค์ประกอบหลายๆอย่างทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นเป้าสายตาของคนอื่น แต่ตอนนี้ยังมีไอ้ตุ๊กตาที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาให้มาเป็นจุดเด่นเพิ่มขึ้น นอกจากจะเขินแล้วยังหงุดหงิดใจเป็นอย่างมากเรื่องของขวัญและจดหมายที่แต้มได้รับจนไม่อยากจะพูดคุยกับใครเลยทั้งวัน

ก่อนที่จะเดินออกประตูด้านข้างโรงเรียน ยิ่งใหญ่ก็ยังโดนแฟนคลับนำของขวัญมาใส่ในกล่องที่เขาถือเพิ่มเติมอีกเป็นระยะ ทำให้แต้มต้องเดินนำไปก่อนเนื่องจากถือของหนักกว่า ระยะทางที่เคยคิดว่าไม่ไกลแต่กลับเดินแล้วเหนื่อยกว่าเดิมเป็นเท่าตัว นักเรียนชายหญิงแทบทุกระดับชั้นที่ยังไม่กลับบ้านต่างก็มาเล่นกีฬากันคับคั่ง บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน ติวบทเรียนกัน มีส่วนหนึ่งที่เดินจับคู่กันและเปิดตัวในวันวาเลนไทน์นี้คุยกันอย่างออกรส แต้มหลบออกมาจากฝูงชนที่กรูกันเพื่อจะซื้อขนมจากรถเข็นข้างทางเพื่อตรงไปที่หอพัก ก่อนได้ยินเสียงหนึ่งเรียกมาแต่ไกล

“แต้ม” คนถูกเรียกหันไปมองร่างผอมบางนั้นอย่างคุ้นตา เด็กหนุ่มยิ้มให้อย่างอายๆ

“สวัสดี”

“แหม อุตส่าห์ได้เจอกันพูดแค่นี้อะนะ” ฝ่ายหญิงชวนคุยราวกับสนิทสนมกันมานาน

“คือ” แต้มรู้สึกเหงื่อออกไปทั้วตัว ใจสั่นและหายใจไม่ทั่วท้อง

“เราแซวเล่น” ฝ่ายหญิงใบหน้าสวยหวาน ผมดำขลับยาวประบ่าปลิวตามแรงลมหนาวที่ปะทะช่างน่าจับจ้อง ดวงตากลมที่เหมาะเจาะกับรูปหน้าถูกขับให้ดูเด่นขึ้นด้วยผิวพรรณที่ขาวผ่องตามแบบฉบับเด็กเหนือ “กลับแล้วเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” หญิงสาวหัวเราะคิกคักจนแต้มรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม

“คือ..” แต้มอยากจะวางกล่องลงแล้วเกาหัวแกรกๆ แต่ก็ทำไม่ได้

“ได้รับจดหมายจากเราแล้วใช่มั้ย”

“ดะ ได้รับแล้ว ขอบคุณนะ” แต้มนึกถึงจดหมายและขนมที่เจอใต้โต๊ะและนึกออกทันที

“ได้รับก็ดีแล้วล่ะ เราตั้งใจเขียนสุดฝีมือเลยนะ” หญิงสาวยิ้มจนแต้มรู้สึกมวนท้อง ใบหน้าหวานนั้นยิ่งน่ามองเข้าไปอีก “อุ๊ย ขอโทษทีแต้มน่าจะหนัก เราไม่กวนแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ”

ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปในโรงเรียนแทนที่จะเดินออกไปทางอื่น แต้มยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะดึงสติกลับมาและหอบร่างที่เหมือนไร้ความรู้สึกไปที่ห้องพัก เวลาผ่านไปสี่สิบห้านาทีหลังจากที่เขาถึงห้องยังไร้วี่แววของเพื่อนรักที่ปกติจะต้องเดินมาด้วยกันเสมอ แต้มหยิบมือถือขึ้นมากดโทรเบอร์ที่ประวัติการโทร 9 จาก 10 สายเป็นของเบอร์นี้ ปลายสายดังอยู่นานจนตัดไปเนื่องจากไม่มีคนรับสาย หลังจกพยายามโทรอีกสองครั้งก็ไม่มีคนรับ แต้มจึงตัดสินใจปีนขึ้นเตียงและหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

ยิ่งใหญ่เดินหอบข้าวของออกมาจากวงล้อมแฟนคลับและพยายามเดินตามเพื่อนสนิทให้ทัน แต่เมื่อใกล้ถึงตัว กลับเห็นภาพที่ทำให้ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งขึ้น มือข้างที่ถือตุ๊กตาหนีบมันแน่นเพื่อระบายความอัดอั้นที่ไม่สามารถตะโกนร้องในตอนนี้ ดวงตาแดงก่ำราวกับเด็กถูกขัดใจร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ แผ่นหลังที่คุ้นเคยยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนเดินไปในทิศทางเดิมที่คุ้นเคย ยิ่งใหญ่มองแผ่นหลังนั้นด้วยความหวีดหวิวในใจ และมองคนที่เดินมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะใหญ่” หญิงสาวใบหน้าสวยหวานนั้นทักทายอย่างสนิทสนม เมื่อทั้งคู่ยืนด้วยกันยิ่งเป็นคู่ที่โดดเด่น สายตาหลายคู่ต่างมองมาที่ทั้งสองคนอย่างประหลาดใจ

“เธอๆดูนั่นสิ แฟนใหญ่รึเปล่า” บรรดานักเรียนมุงต่างพากันกระซิบกระซาบ

“ไหนๆ ต๊าย ใครอะไม่คุ้นหน้า”

“น่าจะมาจากโรงเรียนอื่น แต่สวยนะ” ผู้ชายคนหนึ่งชม

“นี่ อย่าชมสิ สวยตรงไหน ธรรมดาจะตาย”

“แต่พอยืนด้วยกัน สมกันจังเลย” นักเรียนหญิงเนิร์ดสวมแว่นตาหนาเตอะออกความเห็น

“นังนี่ ชั้นบอกว่าห้ามชม”

“แต่ชั้นเห็นผู้หญิงคนนี้คุยกับแต้มก่อนหน้านี้นะ” ใครบางคนพูดออกมา

“นั่นไง แสดงว่าเป็นแฟนใหญ่แน่ๆ ไม่งั้นไม่รู้จักกับแต้มหรอก”

“แต้มไหนอะ” นักเรียนหญิงเนิร์ดคนเดิมถาม

“โหยยยยย ไปอยู่ไหนมายะหล่อน”

“อย่าไปสนใจมันเลย โอย ชั้นอกหักเหรอเนี่ย ยิ่งใหญ่มีแฟนแล้ว” เสียงผู้ชายกระตุ้งกระติ้งคนหนึ่งโอดครวญอย่างน่าขันดังขึ้นมา

เสียงซุบซิบจากบรรดาแฟนคลับและคนที่เดินผ่านไปมาแผ่วเบาจนผู้ถูกเอ่ยถึงไม่อาจรู้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เด็กหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลากำลังตัวสั่นอย่างอัดอั้น สองตาจับจ้องร่างบางนั้นอย่างไม่เป็นมิตรเนื่องจากภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ “มาทำอะไร”

“โหย อย่าทำเสียงเข้มแบบนี้สิ เรากลัวนะ”

“เราถามว่ามาทำอะไร”

“ใจเย็นๆสิ เราก็แค่มาทักทาย”

“ทักทายเหรอ แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกับแต้ม”

“เปล่านี่” ฝ่ายหญิงฉีกยิ้มกว้าง ใบหน้าสละสวยนั้นดูเป็นมิตรแต่กลับเพิ่มระดับความโกรธให้อีกฝ่าย “แค่มาถามว่า...”

“ถามอะไร” ยิ่งใหญ่เพิ่มระดับเสียงแทบจะกลายเป็นตะโกน อีกฝ่ายยังยิ้มหวานให้ไม่เปลี่ยนแปลง

“แหม อย่าโกรธสิ เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่มาถามแต้มว่าได้รับจดหมายจากเรารึยัง”

“จดหมาย” ยิ่งใหญ่นึกทบทวน “จดหมายอะไร”

“ก็จดหมายที่เราเขียนถึงแต้มวันนี้ไง” ยิ่งใหญ่แทบคลั่งเมื่อได้ยินเสียงหวานนั้นพูด ชายหนุ่มแทบจะพุ่งตัวไปชนผู้หญิงคนนี้ให้ล้มไม่เป็นท่า แต่ต้องยืนนิ่งสูดลมหายใจเพื่อผ่อนความคับข้องใจ

“เธอทำแบบนี้ทำไม”

“ทำอะไรเหรอ”

“ก็เขียนจดหมายให้แต้ม”

“ทำไม หึงงั้นเหรอ” ฝ่ายหญิงฉีกยิ้มยิ่งกว่าเดิม “ถ้าหึงก็กลับมาคบกันสิ”

ยิ่งใหญ่มองใบหน้านั้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ความสับสนพวยพุ่งตบตีกันในสมองของเขาอย่างหนัก ข้อเสนอที่ไม่คาดคิดนี้กลับมากวนใจเขาอีกระลอกทั้งๆที่ไม่คิดถึงมานานแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตอบไปได้ในทันที







“ทำไมเราจะต้องกลับไปคบเธอด้วยล่ะ...เบล”



จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 55 (UP:: 19 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-04-2019 15:47:58
จบตอนแบบนี้เลย....T^T

โอ๋ๆ มาต่อแล้วจ้า....  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 55 (UP:: 19 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-04-2019 15:48:42
:pig4: :pig4: :pig4:

ใครให้ของขวัญแต้มอ่ะ   ส่งผลให้ยิ่งใหญ่ออกอาการลมเพชรหึงขึ้นหน้าเลย  อิอิ

เฉลยไปแล้วนะครับ อิอิอิ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 56 (UP:: 21 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2019 15:53:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ยัยเบลนี่เอง

แต่ไอ้ที่ยัยเบลเข้าใจว่าหึงอ่ะนะ  ยิ่งใหญ่มันหึงจริงแต่มันหึงแต้มนะ  ไม่ใช่หึงแกยัยเบลอย่าสำคัญตัวผิด  อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 56 (UP:: 21 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-04-2019 18:42:53
:pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ยัยเบลนี่เอง

แต่ไอ้ที่ยัยเบลเข้าใจว่าหึงอ่ะนะ  ยิ่งใหญ่มันหึงจริงแต่มันหึงแต้มนะ  ไม่ใช่หึงแกยัยเบลอย่าสำคัญตัวผิด  อิอิ

ใช่เลย...........  :m20:
ใหญ่ โมโหแต้มที่ได้รับจดหมาย
แล้วที่ตัวเองได้รับของเป็นสามหอบ สี่หอบล่ะ   :เฮ้อ: :really2: o22
พูดให้ชัดเจนทั้งเบล ทั้งแต้มไปเลยสิ จะได้ไม่โมโหหึงอยู่คนเดียว   o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 56 (UP:: 21 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 22-04-2019 14:53:11
:pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ยัยเบลนี่เอง

แต่ไอ้ที่ยัยเบลเข้าใจว่าหึงอ่ะนะ  ยิ่งใหญ่มันหึงจริงแต่มันหึงแต้มนะ  ไม่ใช่หึงแกยัยเบลอย่าสำคัญตัวผิด  อิอิ


ฮ่าๆๆๆ ท่าจะจริง
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 56 (UP:: 21 เม.ย. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 22-04-2019 14:53:57
:pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ยัยเบลนี่เอง

แต่ไอ้ที่ยัยเบลเข้าใจว่าหึงอ่ะนะ  ยิ่งใหญ่มันหึงจริงแต่มันหึงแต้มนะ  ไม่ใช่หึงแกยัยเบลอย่าสำคัญตัวผิด  อิอิ



นายใหญ่คงมีเหตุผลน่ะครับ

ใช่เลย...........  :m20:
ใหญ่ โมโหแต้มที่ได้รับจดหมาย
แล้วที่ตัวเองได้รับของเป็นสามหอบ สี่หอบล่ะ   :เฮ้อ: :really2: o22
พูดให้ชัดเจนทั้งเบล ทั้งแต้มไปเลยสิ จะได้ไม่โมโหหึงอยู่คนเดียว   o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57 (UP:: 11 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-05-2019 16:21:33
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You
ตอนที่ 57. การตัดสินใจของยิ่งใหญ่
   ยิ่งใหญ่ยืนนิ่งหน้าประตูห้องอยู่อย่างนั้น ไม่รับแม้กระทั่งเบอร์ที่โทรเข้ามา เด็กหนุ่มนั่งพิงผนังห้องอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก นึกถึงคำตอบที่ได้รับจากคนที่รู้จักกันมานานอย่างหนักใจ
“ก็ถ้าใหญ่ไม่คบกับเรา เราก็จะจีบแต้มต่อ”
“แต่เธอไม่ได้ชอบแต้มนี่”
“แล้วไงล่ะ” เบลส่งยิ้มหวานที่ชวนคลื่นไส้มาอีกครั้ง “อยู่ที่เธอแล้วล่ะว่าจะเอายังไง”
   เสียงโทรศัพท์ปลุกแต้มให้ตื่นขึ้นมาอย่างง่วงงัน รู้สึกปวดศีรษะไปหมดเนื่องจากการนอนหลับในช่วงเย็นเช่นนี้ เขากดรับสายด้วยน้ำเสียงชวนง่วง ก่อนที่จะลืมตาโพลงในความมืด “ไม่นะครับ ยังไม่กลับมาเลย นึกว่าไปซ้อม”
“ไม่นะ เรานึกว่าอยู่ด้วยกัน” คำตอบชวนให้เป็นกังวลจนแต้มตื่นเต็มตาแล้วตอนนี้
“เดี๋ยวเราโทรให้นะ” แต้มกดวางสายและกดเบอร์คุ้นเคยอีกครั้ง เพื่อนร่วมทีมของยิ่งใหญ่โทรมาหาเนื่องจากตัวต้นเรื่องไม่ไปซ้อมวันนี้ เมื่อไม่มีคนรับสาย แต้มจึงลุกจากที่นอนก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วเดินออกไปและพบกล่องของขวัญและตุ๊กตาตัวใหญ่วางอยู่หน้าห้อง ไปไหนนะ ทำไมไม่เข้าห้อง เด็กหนุ่มคิดก่อนจะหอบหิ้วข้าวของทุกอย่างเข้าไปวางที่โต๊ะญี่ปุ่น มองตุ๊กตาตัวใหญ่นั้นอย่างกังวลใจ
   ยิ่งใหญ่ไม่ได้บอกใครเลยว่าจะไปไหน ได้แต่เดินเท้าตั้งแต่หอพักตามทางมาเรื่อยเปื่อย สองข้างทางเริ่มมืดมิด ถึงแม้ลมหนาวจะเริ่มเบาบางแต่ก็ยังทำให้รู้สึกเย็นเยือกได้ บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าจุดจนมอดไหม้คล้ายกับเป็นยาระบายความเครียด แต่หากมันแค่ช่วยได้เพียงชั่วครู่ เมื่อสูบไปจนหมดมวนแล้ว ความหนักอึ้งในใจก็ยังไม่หายไปไหน มันลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอกคล้ายกับเป็นหนามตำใจให้ต้องจุดบุหรี่มวนต่อไป
   แต้มหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์และพุ่งตัวออกจากห้องอย่างไร้จุดหมาย หากในยามปกติ เขากดโทรยังไม่ทันจะได้ยินเสียงตื๊ดแรกในโทรศัพท์ยิ่งใหญ่ก็ชิงรับสายก่อนแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะติดต่อไปกี่ครั้งก็ไม่รับ นับว่าผิดวิสัยจนน่าเป็นห่วง แต้มรีบจนลืมหยิบเสื้อกันหนาวออกมา เด็กหนุ่มไม่มีเวลามากพอที่จะพะวงเรื่องอื่นนอกจากการหาตัวคนเจ้าปัญหาคนนี้ให้เจอเสียก่อน
      ***********************************************************************
   ต้องตาสะดุ้งตื่นทันทีที่เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์จนกระเทือนไปทั้งลำ ตัวเครื่องสั่นอย่างแรงพร้อมกับเสียงลมหวีดหวิวปะทะกับแรงเบรคของเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานอยู่ วิสัยทัศน์ค่อนข้างแย่จากหมอกที่ก่อตัวหนาในยามนี้ เครื่องบินหยุดสั่นก่อนจะวิ่งบนรันเวย์อย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าจอด หญิงสาวใช้มือปิดปากตอนที่กำลังหาวอย่างง่วนงัน ชายหนุ่มที่นั่งติดกันยิ้มให้อย่างอบอุ่นใจ ทั้งคู่รอเวลาไม่นานหลังจากเครื่องบินจอดสนิทและประตูเปิดให้สามารถออกจากเครื่องบินได้
“เหนื่อยมั้ยครับคุณตา” ยอดเยี่ยมถามแฟนสาวอย่างรักใคร่ น้ำเสียงนั้นอ่อนหวาน
“ไม่เหนื่อยค่ะ “ ต้องตาไม่ได้ตอบความจริง แต่คงไม่จำเป็น เพราะอีกฝ่ายคงรู้อยู่แล้วจากที่เธอหลับสนิทตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนถึงตอนนี้
“ความจริงมาพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ ไม่น่ารีบมาเลย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ พรุ่งนี้มีประชุมตั้งแต่เช้า ตากลัวจะฉุกละหุก”
“ครับ” ยอดเยี่ยมไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด เขามีประชุมที่เชียงใหม่จึงพาต้องตามาด้วยในฐานะเลขาส่วนตัว แต่อีกใจหนึ่งเขาอยากจะขอลาหยุดสักสองวันและพาเธอไปเที่ยวตามประสาคนรักมากกว่า
“แล้วเราจะไปยังไงคะ คุณยอดไม่ให้ตาเช่ารถไว้ก่อน”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวมีคนมารับ” หญิงสาวไม่ทันตอบอะไรก็ถูกชายหนุ่มโอบเอวบางอย่างหวงแหนจนลืมไปแล้วคำที่จะพูด ยิ่งตอนที่เดินออกไปด้านนอก เอวบางก็ถูกกระชับแน่นจนน่าแปลกใจที่ยอดเยี่ยมมีอาการเช่นนี้
“คุณยอด จะกอดอะไรตาขนาดนี้คะ”
“ไม่กอดได้ไง แฟนผมสวย มีแต่คนมองเต็มไปหมดเลยดูสิ” ต้องตามองไปรอบๆ สายตาที่เคยจับจ้องมาทางตนหลุบต่ำจนเข้าใจได้ว่าทำไมยอดเยี่ยมถึงได้ออกอาการเช่นนี้
“พอแล้ว ตาเขิน”
“ไม่ได้ ขืนปล่อยคุณไปมีหวังมีแต่คนมารุมจีบคุณน่ะสิ” ยอดเยี่ยมตอบอย่างไม่เคอะเขินด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง หญิงสาวหน้าแดงเนื่องจากความหล่อเหลาอของยอดเยี่ยมนั้นก็ไม่เป็นรองใคร เมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นจนเป็นที่จับจ้องของคนทั่วไป เมื่อห้ามไม่ได้ เธอจึงปล่อยเลยตามเลย...
   อากาศของเชียงใหม่กลับร้อน ผิดกับหมอกที่ลงหนาจัด ความเย็นภายในอาคารผู้โดยสารแตกต่างกับบรรยากาศด้านนอกลิบลับ ชายหนุ่มจับมือแฟนสาวไว้อย่างหวงแหนโดยมือข้างที่เหลือลากกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมไปด้วย ต้องตาเป็นผู้หญิงที่แปลกและสามารถทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจได้เสมอ เพราะข้าวของที่เธอเตรียมมานั้นน้อยนิดไม่เหมือนกับแม่หรือญาติๆที่เป็นผู้หญิงของเขา ที่ต้องขนกระเป๋าไม่ต่ำกว่า 2 ใบสำหรับการออกเดินทางที่แม้จะใช้เป็นทริปสองวันหนึ่งคืนก็ตามที
“คันนี้แหละ” ยอดเยี่ยมปล่อยมือจากหญิงสาวเคาะกระจกรถ ต้องตาสงสัยมาตั้งแต่ยอดเยี่ยมพาเธอเดินออกมาที่ลานจอดรถมากกว่าจะรอภายในอาคาร ว่าทำไมคนที่มารับจะต้องทำตัวลึกลับขนาดนี้ และเมื่อกระจกรถลดระดับลงมา เธอก็เข้าใจในทันที
“คุณภัทร”
“สวัสดีครับคุณต้องตา ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องให้ลำบากเดินมา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตาต่างหากที่ทำให้คุณต้องลำบากมารับ”
“โอ๊ย มันไม่ลำบากหรอกครับคุณตา” ยอดเยี่ยมเดินมาสมทบหลังจากเก็บกระเป๋าที่กระบะท้ายรถ “ให้มันทำงานบ้างเถอะครับ ช่วงนี้ยิ่งไม่มีงานอยู่”
“บ้าน่าคุณยอด ละครคุณภัทรยังฉายอยู่เลย” ยอดเยี่ยมเปิดประตูหลังฝั่งคนขับให้หญิงสาวเข้าไปนั่งก่อนจะวิ่งอ้อมมาเปิดประตูอีกฝั่งเพื่อมานั่งติดกัน ต้องตาไม่ได้สังเกตว่าในรถมีคนอื่นนอกจากดาราหนุ่มหล่อด้วยตั้งแต่แรก เมื่อเธอมองใบหน้าที่หล่อเหลา ลักษณะคล้ายคนจีนมากจนเป็นเอกลักษณ์ แต่กลับมีเสน่ห์ยิ่งกว่ายอดเยี่ยมเสียอีก
“อุ๊ย คุณบั๊มพ์ สวัสดีค่ะ ขอโทษทีนะคะเมื่อกี้ตาไม่ทันสังเกต”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ผมเอนหลังนอนครับ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างเป็นกันเอง “เหนื่อยมั้ยครับวันนี้”
“คงเหนื่อยแหละ ไอ้ยอดไม่ยอมปล่อยให้ว่างแน่ๆ” ดาราหนุ่มแซวอย่างทะเล้น จนต้องตาอายหน้าแดงอีกครั้ง เพราะคำพูดนี้มันสามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้อีก
“นี่ๆ น้อยๆหน่อย ให้เกียรติแฟนกูบ้าง”
“คร้าบบบบ คุณพ่อ แหม่ หวงจริงๆ” ภัทรตอบแบบไม่สำนึกผิด แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ถือโทษแต่อย่างใด กลับอบอุ่นใจมากกว่า หากเธอรู้ว่าใครเป็นคนมารับ คงจะแต่งตัวให้สวยกว่านี้
   การเดินทางจากสนามบินมาที่บ้านของบั๊มพ์ใช้เวลาไม่นานนัก หญิงสาวรู้สึกหิวจนท้องกิ่วแต่ก็สงวนท่าทีไว้ หากไม่เหนื่อยจนหลับตลอดทางเธอคงได้ทานอะไรสักอย่างบนเครื่องบินมาแล้ว แต่จากการทำงานและต้องเดินทางมันก็ค่อนข้างหนักหนาสำหรับผู้หญิงตัวเล็กอยู่ไม่น้อย เจ้าของบ้านนำทางไปที่ห้องพักที่อยู่ด้านบน ห้องหับที่ทำมาจากไม้ทาแล็กเกอร์เงาแปลบออกแบบมาในสไตล์ล้านนาผสมผสานแนวโมเดิร์นดูลงตัว ภายในห้องฉาบปูนมิดชิดผิดจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง เตียงใหญ่ขนาดห้าฟุตวางเด่นอยู่กลางห้อง พื้นปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลคล้ายกับเป็นพื้นไม้เย็นเฉียบจากแอร์ที่น่าจะเปิดทิ้งไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกไปรับทั้งคู่ที่สนามบิน
“ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกเดินออกไปแล้วซ้ายนะครับ คุณตาอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปทานข้าวกัน วันนี้ผมขอให้แม่ครัวทำกับข้าวหลายอย่างเลย”
“ขอบคุณมากนะคะ ไม่น่าลำบากเลยวันหยุดของร้านแท้ๆ...” หญิงสาวพยายามพูดต่อ แต่เจ้าของบ้านก็ชิงตัดหน้าเสียก่อน
“ไม่ต้องเหรงใจนะครับคุณตา คิดเสียว่าเป็นบ้านคุณตานะครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกไอ้ยอดมันได้”
“ขอบคุณค่ะ” ต้องตายิ้มกว้าง มองแผ่นหลังใหญ่เดินออกจากห้องไป ยอดเยี่ยมกระโจนบนเตียงกว้างแผ่หราอย่างไม่เกรงใจสายตาเธอแม้แต่น้อย “นี่คุณยอด จะนอนเลยไม่ได้นะคะ มาเก็บของก่อน” หญิงสาวเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อนำข้าวของออกมาจัดแจงเข้าที่
“ยังไม่ต้องหรอก” ยอดเยี่ยมลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน “มาให้ผมกอดก่อน” ร่างใหญ่ฉุดหญิงสาวให้เดินมาที่เตียงอย่างไม่ขัดขืนก่อนจะล้มตัวลงกอดกันกลม “อุ่นจัง” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี
“ขี้อ้อนจังนะคะ” ต้องตาแซว
“ผมก็อ้อนแฟนผมคนเดียวนี่แหละ” มือใหญ่ที่กอดกุมเรือนร่างบอบบางกระชับความอบอุ่นให้แนบแน่นกว่าเดิม
“ใครจะเชื่อว่าผู้บริหารหนุ่มจะอ้อนแฟนอย่างกับเด็กน้อย”
“ใครใช้ให้คุณตาน่ารักขนาดนี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มใช้จมูกโด่งหอมที่ท้ายทอยของหญิงสาวก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพื่อสูดกลิ่นที่หอมหวานให้หนำใจ หญิงสาวหัวเราะคิกเนื่องจากจั๊กจี้ แต่กลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุดเช่นกัน
      ***********************************************************************
   ยิ่งใหญ่นั่งเหม่อบนฟุตบาทอย่างไร้จุดหมาย หลังจากครุ่นคิดจนบุหรี่ซองที่สองเกือบจะหมดซองก็ตกลงใจได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แม้ว่ามันเป็นเรื่องที่ชวนให้ลำบากใจอยู่ไม่น้อย แต่มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เมื่อเบลได้เดินกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง มันก็ยิ่งตอกย้ำอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา ยิ่งใหญ่เคยคิดว่าการที่ตนย้ายมาเรียนที่เชียงรายนั้นจะทำให้เรื่องราวเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นเป็นแค่อดีต ไม่นานก็ลืมเลือนไปได้ แต่วันนี้มันไม่เป็นอย่างที่คิดไว้แล้วเพราะการที่เบลเข้ามาใกล้เขาได้ขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนัก
   เด็กหนุ่มร่างสูงนั่งริมฟุตบาทเลิกมองเหม่อไปที่ท้องฟ้ามืดนั้นแล้ว เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กเท่าฝ่ามือออกมากดเบอร์โทรที่เขาจำได้ขึ้นใจ 053xxxxxx
   เสียงตื๊ดดังอยู่หลายครั้ง ยิ่งนานเท่าไรจิตใจของเขาก็ยิ่งเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่ได้ นานเท่าไรแล้วหนอที่เขาไม่ได้โทรไปที่หมายเลขนี้ ครั้งสุดท้ายที่คุยกันมันเมื่อไรกันนะ ... แล้ววันนี้เขาจะต้องเริ่มต้นอย่างไรดีหากคนทางโน้นรับสาย
แกร็ก
“สวัสดีค่ะ ต้องการพูดกับใครคะ” เสียงเด็กหญิงที่โตขึ้นตามลำดับทำให้เขายิ่งคิดถึงวันวานที่จากมา ยิ่งใหญ่กระแอมก่อนจะตอบไปอย่างคุ้นเคย
“น้องชัญญ่าเหรอ พี่ใหญ่เอง พี่ชัดอยู่มั้ยคะ”

จบตอน...
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57 (UP:: 11 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-05-2019 17:20:59
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57 (UP:: 11 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-05-2019 17:30:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชัญญ่าคือลูกสาวของยิ่งใหญ่กับเบล?
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57 (UP:: 11 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 12-05-2019 07:14:55
ต้องย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าด่วนๆ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57 (UP:: 11 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-05-2019 08:50:18
ยังไงๆ.......  :z3:
ใหญ่เอ๋อและ  :really2: :เฮ้อ: :serius2:
ตัดนังเลวเบลทิ้งไปเลย  :z6:
จะกลับมาคบกับใหญ่แบบมีเงี่ยน ....เอ๊ยเงื่อนไข  เลววววววว   :m16: :fire: :angry2:
รู้ใจตัวแล้วนี่ว่าชอบใคร รักใคร หึงใคร  :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57-58 (UP:: 12 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 12-05-2019 14:52:59
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 58. การตัดสินใจของยิ่งใหญ่ (2)



              มันไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กหนุ่มที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ แต่หากไม่ทำ สิ่งที่เขากังวลจะเป็นจริงเหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แววตาและใบหน้าที่สดใสของเด็กสาวที่ชื่อเบลนั้นช่างขัดกับนิสัยอย่างลิบลับ ทั้งสองคนเติบโตจากครอบครัวที่คล้ายคลึงกัน บ้านของทั้งคู่อยู่ใกล้กันเมื่อตอนที่เขาย้ายไปเชียงใหม่ช่วงแรก พ่อของเขาเป็นหมอ แม่ของเบลก็เป็นหมอ ต่างฝ่ายต่างเป็นคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กทั้งสองจึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่นั้น ความสนิทสนมก่อให้เกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น เมื่อเติบโตขึ้น ยิ่งใหญ่กลับพบว่าทั้งเขาและเบลต่างมีความบิดเบี้ยวที่ไม่อาจเข้ากันได้



              เบลนั้นเติบโตเป็นเด็กสาวหน้าตาดี แต่เป็นคนที่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่เคยมี เคยได้ เนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ เธอจึงเป็นคนที่หวงแหนทุกอย่างที่ตนมีและไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนเพียงเพราะไม่อยากกลายเป็นคนอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว และกับยิ่งใหญ่ เด็กหนุ่มที่เติบโตด้วยกันมาก็ยิ่งเปรียบเสมือนของรักของหวงที่เธอไม่ยอมมอบให้ใครอย่างเด็ดขาด



              ยิ่งใหญ่นั้นเติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว แต่ไม่ใช่ทางอารมณ์และความรู้สึกเฉกเช่นเพื่อนสนิทคนนั้น ความรู้สึกที่ถูกครอบครองราวกับเป็นสิ่งของทำให้เขาหันไปเข้ากลุ่มเพื่อนผู้ชายในห้องมากขึ้น เลิกขลุกตัวอยู่กับเด็กสาวที่เรียกร้องเอาเวลาจากตนอยู่เสมอนั้นเสีย รอยร้าวที่เพิ่มพูนขึ้นนั้นเองทำให้ความรู้สึกที่ดีแปรเปลี่ยนไป หากครอบครองไม่ได้...ก็ไม่ควรมีใครได้ไปเช่นกัน



แกร็ก

“สวัสดีค่ะ ต้องการพูดกับใครคะ” เสียงเด็กหญิงที่โตขึ้นตามลำดับทำให้เขายิ่งคิดถึงวันวานที่จากมา ยิ่งใหญ่กระแอมก่อนจะตอบไปอย่างคุ้นเคย



“น้องชัญญ่าเหรอ พี่ใหญ่เอง พี่ชัดอยู่มั้ยคะ”



“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่เหรอ พี่ใหญ่อยู่ไหน ไม่มาเล่นกับหนูเลย” เด็กหญิงร้องถามอย่างน้อยใจ ก่อนที่จะถูกแย่งโทรศัพท์ไปจากชายคนหนึ่งแทน



“ใหญ่ นายเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มนั้นดังเข้ามาอีกครั้ง ยิ่งใหญ่สะกดความตื่นเต้นเอาไว้อย่างเงียบเชียบ

“ใช่ เราเอง พอดีเรามีเรื่อง...”

“เบลใช่มั้ย” ปลายสายเอ่ยชื่อนี้ทันทีราวกับว่ารู้เรื่องมาก่อนหน้านี้แล้ว



“อืม”



“ใหญ่ นายอยู่ไหน นายมาคุยกับเราได้ไหม”

“เรายังไม่สะดวกน่ะ” ยิ่งใหญ่สูดควันพิษเข้าปอดอย่างไม่รีบร้อน “นายสบายดีนะ”

“เราสบายดี ชัญญ่าก็สบายดีถามหานายใหญ่เลย”



“...”



“ใหญ่ นาย...”

“เราโอเค” เขาตอบอย่างไม่เชื่อคำพูดของตนเท่าไรนัก

“ไม่จริงหรอก ถ้านายโอเคจริงๆนายจะโทรมาหาเราทำไม”

“คงงั้น” ยิ่งใหญ่สารภาพ “เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง”

“เรากับเบลเลิกกันแล้วนะ” อีกฝ่ายหนึ่งพูดทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น

“เรารู้แล้ว” ยิ่งใหญ่ไม่หยุดประโยคที่คิดว่า ไม่อย่างนั้นคงไม่มาหาเราหรอก เอาไว้



“เราถามไปถามพ่อนายว่านายไปที่ไหน”

“นายทำอย่างนั้นเหรอ” ยิ่งใหญ่ดูดบุหรี่เฮือกใหญ่ “นายทำแบบนั้นทำไม”



“เรา” เด็กหนุ่มที่ชื่อชัดกำลังกลั้นลมหายใจ ความอึดอัดของการสนทนาทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ “เราแค่อยากบอกนาย”

ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรกับเรื่องนี้ ภาพความหลังมันชัดเจนเสียจนรับไม่ไหว “อือฮึ”



“ตอนนั้น เราไม่ได้ตั้งใจ” ชัดคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติอย่างยากลำบาก “เราไม่พูดนะว่าเราแย่งเบลมา แต่เราก็ไม่คิดว่า...”

“พอเถอะ” ยิ่งใหญ่ตัดบท “มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะพูดมันอีก”

“แต่เราทำให้นายเสียใจ”

“ช่างมันเถอะ”

“เราไม่น่าเลย ไม่น่าคบกับเบลเลย”

“เราบอกว่าพอเถอะไง!” ยิ่งใหญ่ตวาดดังลั่น “พูดไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”



“ถ้าไม่ได้อะไรขึ้นมา นายจะโทรหาเราอีกทำไม”

“อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกันไง” ยิ่งใหญ่ใช้คำว่า เคย



“เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่...” ชัดพูดด้วยน้ำเสียงลังเล “ไม่ใช่เหรอ”



ปี๊น ปี๊น ปี๊น



              เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ดังมาจากด้านซ้าย แสงไฟสาดส่องมาจนแสบตา ยิ่งใหญ่ลุกขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนสลัดความรู้สึกกระอักกระอ่วนในตอนนี้ทิ้งไปจนเกลี้ยง เขากดวางสายแทบจะทันทีที่รถคันนี้มาจอดเทียบ



“นายรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่”



“...” ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากคนที่จับแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์นอกจากสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ คือ” ยิ่งใหญ่ทิ้งก้นบุหรี่ในมือ ใช้เท้าขยี้มันจนดับ เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตว่าก้นกรองบุหรี่สุมเป็นกองใหญ่กับพื้น

“ขึ้นรถ” ยิ่งใหญ่เก้ๆกังๆ เพราะแต้มนั้นมีท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ขึ้น..”



“โอเคๆขึ้นแล้ว” เด็กหนุ่มกระโจนนั่งเบาะหลังอย่างว่าง่าย แต้มขี่ไปตามถนนอย่างคุ้นเคย ตลอดทางกลับนั้นเงียบเชียบและน่าอึดอัด ยิ่งใหญ่รู้สึกว่าควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สถานะการณ์ตอนนี้คลี่คลาย แต่ก็ไม่อาจคิดคำพูดที่จะทำให้แต้มใจเย็นลงได้ ความรู้สึกหนักอึ้งนี้มากกว่าตอนที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่เสียอีก



              แต้มเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบงัน ถึงแม้จะเป็นบุคลิกที่คุ้นเคยกันอย่างดี แต่มันกลับมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมจนรับรู้ได้ ยิ่งใหญ่ยืนอยู่กลางห้องมองข้าวของที่ถูกเก็บมาอย่างไร้ความหมาย แต้มนั่งหันหลังที่โต๊ะเรียนท่าทางง่วนกับการบ้านที่ทำเสร็จไปแล้วตั้งแต่บ่าย ยิ่งใหญ่รู้ดีว่านี่คือการแสดงออกว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ



“นี่ ของโปรดนายเลยนะ” ยิ่งใหญ่หยิบช็อกโกแล็ตแท่งยี่ห้อโปรดของเพื่อนสนิทและทำหน้าทะเล้น แต่ไม่เป็นผล

“แต้มมมมม ดูนี่ นายน่าจะชอบ” หนังสือเพลงเล่มใหม่ล่าสุดที่แต้มบ่นอยากได้ หนึ่งในของขวัญวาเลนไทน์จากแฟนคลับ

อีกฝ่ายเมินเฉย...

“นี่ๆๆๆ บัตรเล่นเกม มีคนรู้ด้วยว่าเราชอบ” ท่าทางทะเล้นของยิ่งใหญ่ถูกมองด้วยหางตาจนเก้อเขิน

“แต้ม” ยิ่งใหญ่นั่งลงบนเตียงที่อยู่ติดกันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “นายอย่าเป็นแบบนี้สิ”



“...”



“นะ”



“เราไม่ได้คิดอะไรกับเบล” แต้มพูดเสียงค่อย



“อะไรนะ”



“เรา เอ่อ” แต้มฟุบหน้าลงกับโต๊ะ “เราไม่ได้คิดอะไรกับเบล เราไม่คิดจะแย่งเบลมาจากนาย”



              ยิ่งใหญ่อ้าปากหวอกับคำพูดที่ได้ยิน ที่เขาคิดว่าแต้มโกรธที่ตนหายไปนั้นผิดถนัด กลับกลายเป็นว่าแต้มรู้สึกผิดที่เบลเข้าหาจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรมากกว่า “นายอย่าคิดมากสิ” ยิ่งใหญ่กลับเป็นคนปลอบใจเสียเอง



“เห้ย เรารู้สึกไม่ดีจริงๆนะ เราไม่รู้ด้วยว่า...”

“แต้ม หยุดก่อน” ยิ่งใหญ่ห้าม “ใจเย็นๆ ไม่ต้องคิดมาก เราเข้าใจ”

“นายเข้าใจ จริงๆนะ” แต้มหันมาสบตาด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความโล่งอกอย่างชัดเจน



ยิ่งใหญ่มองใบหน้านั้นอย่างอิ่มเอมใจ ความหนักใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นบางเบาจนกลายเป็นเม็ดฝุ่นที่ปลิดปลิวไปตามลม ความกังวลที่เกาะกินใจก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น “จริง”



“เราไม่ได้ตั้งใจทำให้นายคิดมาก” แต้มพูดย้ำอีก

“เรารู้”

“เราไม่คิดจะจีบเบลเลยนะ เราไม่แย่ง...”



“เออ พอแล้ว เรารู้” ยิ่งใหญ่รู้สึกชื่นชอบแต้มเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว “แค่นายยืนยันแบบนี้เราก็เชื่อใจนายแล้ว”

“จริง เรายืนยัน” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าเรื่องนี้ทำให้นายคิดมากจนหนีไปเหมือนเมื่อกี้เราก็ขอโทษนะ”

“เห้ย ไม่เกี่ยวกับนายหรอก” ยิ่งใหญ่พยายามตอบความจริง แต่ดูเหมือนแต้มจะไม่เข้าใจอย่างนั้น



“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ นายจะหายไปไม่บอกแบบนี้เหรอ”



“ไม่ใช่เรื่องนี้ จริงๆ” ยิ่งใหญ่ยืนยัน แต่แต้มดูเหมือนไม่เชื่อเท่าไร



“ทีหลังจะไปไหนบอกกันด้วยนะเว้ย หายไปเฉยๆแบบนี้มันไม่ดี”

“ทำไม นายเป็นห่วงรึไง” ยิ่งใหญ่ถามยั่ว

“เออสิ ไม่ห่วงจะออกไปตามหามั้ย”

“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นั่น”



แต้มจ้องหน้าคนที่ถามอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก “ก็มันเป็นที่ที่นายร้องไห้กับเรา”



“โคะ นายยังจำได้อีกเหรอ” คำว่า โคะ เป็นคำอุทานเวลาที่ตกใจมากๆของคนเหนือ มักจะใช้กันทั่วไป บางทีก็ออกเสียงว่า โคว้ ตามสำเนียงและบริบทการใช้



แต้มพยักหน้าแทนคำตอบ...

“นายจะรู้ทันเราขนาดนี้ไม่ได้” ยิ่งใหญ่พูดทีเล่นที่จริง

“ทำไมจะไม่ได้ นายน่ะอ่านง่ายจะตาย”

“หืม จริงดิ” ยิ่งใหญ่ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถึงแม้บุคลิกของตนจะดูเข้าถึงง่าย แต่ก็ไม่เคยมีใครพูดว่าเขาเป็นคนที่อ่านง่ายมาก่อน “ไหนนายลองอ่านเราให้ฟังหน่อยสิ”



“นายมันคนขี้ใจอ่อน ขี้แย เจ้าเล่ห์ มีอะไรชอบไม่ปรึกษา บางทีก็ทำเหมือนเฮฮา แต่จริงๆคิดมาก”



“เดี๋ยวๆ ไอ้คนที่นายพูดถึงมันเป็นใคร”

“ให้บอกชื่อจริงๆเหรอ” แต้มถามกลับ



“ไม่ต้องก็ได้” ยิ่งใหญ่รู้สึกจนมุม เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าแต้มให้ความสำคัญกับตนไม่น้อยไปกว่าที่เขาทำ ยิ่งใหญ่ล้มตัวลงนอนบนตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่ได้เป็นของขวัญในวันนี้ เขากอดมันแน่นและจับมันมาฟัดอย่างสุขใจก่อนจะสังเกตเห็นว่ามันมีการ์ดแผ่นเล็กติดอย่างแน่นหนาที่ก้นตุ๊กตา



แต้มคว้าการ์ดแผ่นนั้นก่อนที่เขาจะได้อ่าน “เห้ย เอามา”



“เอาไปทำไม” แต้มถามกวนๆพลางกำกระดาษแผ่นน้อยนั้นแน่น ยิ่งใหญ่ต้องใช้เวลาคลุกวงในไม่น้อยเพื่อยื้อแย่งกลับมา หากแต้มไม่ออกอาการขนาดนี้เขาคงไม่อยากรู้เท่าไรว่ามาจากไหน การที่อีกฝ่ายปกปิดแสดงว่าต้องรู้แน่ๆว่าใครเป็นคนส่งตุ๊กตาหมีตัวนี้มา และยิ่งใหญ่จะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมแต้มจะต้องไม่อยากให้เขารู้



“เอามา” ยิ่งใหญ่ดึงขอบกางเกงแต้มที่กำลังวิ่งหนี แรงปะทะลากร่างคว่ำลงกับเตียง วินาทีนั้นยิ่งใหญ่ใช้สองมือจี้ที่รักแร้ของเพื่อนสนิทจนหัวเราะลั่น แต้มจะบ้าจี้หรือมีอาการเช่นนี้ในเวลาที่มีความผิดอะไรบางอย่าง แต้มบิดตัวพลิกนอนหงายพยายามดิ้นให้หลุดจากแรงจี้จากนิ้วมือ ยิ่งใหญ่นั่งทับหน้าท้อง ละมือจากบั้นเอวมายื้อแย่งกระดาษในมือ แต้มบีบมือแน่น แต่แรงงัดของอีกคนก็มีไม่น้อย



   ในที่สุดยิ่งใหญ่ก็ได้กระดาษแผ่นน้อยนั้นมา แต้มนอนแผ่หรายอมแพ้โดยมียิ่งใหญ่นั่งบนตัว ทั้งคู่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แรงปลุกปล้ำทำให้เหนื่อยหอบจนตัวโยน ยิ่งใหญ่เปิดการ์ดที่ยับย่นอย่างรวดเร็ว ลายมือโย้เย้นั้นเขียนแค่ประโยคสั้นๆประโยคเดียว



สุขสันต์วันเกิด

 

 

 

จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57-58 (UP:: 12 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-05-2019 15:43:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว  วิเคราะห์ผิด   ชัญญ่าไม่ใช่ลูกใหญ่

แต่ยัยเบล  มีลูกจนโตแล้ว  อุต้ะ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57-58 (UP:: 12 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-05-2019 17:35:47
แต้ม พูดให้ใหญ่ฟังว่า ไม่คิดอะไรกับเบล.....
เพราะคิดว่าใหญ่คิดมากเรื่องเบลจีบตัวเอง แล้วตัวเองจะชอบเบลตอบ  :เฮ้อ:
แต้มให้ความสำคัญกับใหญ่ขนาดนี้  :z3:
ใหญ่มีอะไร คิดอะไร ทำไมไม่พูดไปสักที  :mew2:
อ้ำๆอึ้งๆ อยู่นั่นแหละ ไม่ได้อย่างใจเล้ย    :m16: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57-58 (UP:: 12 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-05-2019 14:53:58
:pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว  วิเคราะห์ผิด   ชัญญ่าไม่ใช่ลูกใหญ่

แต่ยัยเบล  มีลูกจนโตแล้ว  อุต้ะ

รอติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57-58 (UP:: 12 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-05-2019 14:54:39
แต้ม พูดให้ใหญ่ฟังว่า ไม่คิดอะไรกับเบล.....
เพราะคิดว่าใหญ่คิดมากเรื่องเบลจีบตัวเอง แล้วตัวเองจะชอบเบลตอบ  :เฮ้อ:
แต้มให้ความสำคัญกับใหญ่ขนาดนี้  :z3:
ใหญ่มีอะไร คิดอะไร ทำไมไม่พูดไปสักที  :mew2:
อ้ำๆอึ้งๆ อยู่นั่นแหละ ไม่ได้อย่างใจเล้ย    :m16: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


เจ้าใหญ่มันคนป๊อด อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 57-58-59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-05-2019 16:52:18
จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You
ตอนที่ 59. ผู้ร้ายปากแข็ง

   ต้องตากลายเป็นแม่ครัวจำเป็นเมื่อแม่ครัวหลักของร้านถูกมีดบาดเป็นแผลลึกและต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน บั๊มพ์ต้องรีบขับรถออกไปส่งโดยทิ้งภาระไว้ข้างหลัง นั่นคือ ยอดเยี่ยม ภัทร และอาหารที่ยังไม่ได้ทำ ยังโชคดีที่มีการตระเตรียมวัตถุดิบไว้หมดแล้ว หญิงสาวจึงไม่ลำบากมากนักในการทำทุกอย่างภายในเวลาสองชั่วโมง หลังจากเจ้าของบ้านกลับมาจากโรงพยาบาลก็ได้เวลามื้อค่ำพอดี

“โห กลิ่นหอมฉุยเลยครับคุณตา” ภัทร ดาราหนุ่มรูปหล่อนั่งเป็นคนแรก แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“ต้องลำบากคุณตาเลย ขอโทษด้วยนะครับ” บั๊มพ์พูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลองทานดูนะคะไม่รู้ว่าจะทานได้หรือเปล่า” ต้องตาถ่อมตัว “คุณภัทรบอกว่าคุณบั๊มพ์ไม่ทานมะระ คุณภัทรไม่ทานอาหารมันๆ ตาเลยทำเมนูพวกนี้แทน หวังว่าจะพอทานได้นะคะ”
“อร่อยครับ ใครบอกไม่อร่อยเดี๋ยวผมจัดการเอง” ยอดเยี่ยมพูดขึ้นก่อนที่จะตักอาหารเข้าปากเสียอีก

   บนโต๊ะกับข้าวเป็นเมนูที่ต้องตาทำเองทั้งหมด นอกจากทำขนมแล้ว หญิงสาวก็พอมีฝีมือทางด้านทำอาหารคาวอยู่บ้าง วันนี้แม่ครัวเตรียมพวกชะอมและอาหารทะเลไว้ เธอจึงทำแกงส้มชะอมกุ้งรสเปรี้ยวหวานตามด้วยเผ็ด ตัดเลี่ยนด้วยเมนูปลากระพงนึ่งมะนาว ซึ่งยอดเยี่ยมบอกว่าอยากทานเป็นแบบทอดน้ำปลามากกว่า แต่ก็แพ้ภัทรที่ยืนกรานว่าไม่อยากทานของมันเกินพิกัด อีกสองเมนูคือผัดคะน้ากุ้งที่ใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืช ต้องตาจึงไม่มั่นใจว่ารสชาติมันจะออกมาแบบไหน แต่ก็เพราะเสียงเรียกร้องจากดาราหนุ่มเช่นเคย แต่เมนูสุดท้ายยอดเยี่ยมต้องบังคับให้ภัทรเงียบปากไปก่อน เพราะเขาอยากทานหมูแดดเดียวทอดกระเทียม

“หืม อร่อยมากเลยครับ” ภัทรตักปลากระพงเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ใช่ครับ อร่อยมาก” บั๊มพ์ชมไม่ขาดปาก “อร่อยกว่าป้าแม่ครัวของร้านทำซะอีก”
“แหมคุณบั๊มพ์ก็ชมเกินไป” ต้องตาเขิน
“ไม่เกินไปนะครับ ผมเป็นพยานได้ อร่อยจริงๆ มิน่าไอ้ยอดมันถึงอ้วนเอาๆ” ภัทรชมอีกเสียง ต้องตามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเขินอาย ไม่ชินเสียทีกับการนั่งร่วมโต๊ะกับคนมีชื่อเสียงที่เธอดูทุกคืนผ่านโทรทัศน์ ยอดเยี่ยมนั่งยักคิ้วให้เพื่อนอย่างน่าหมั่นไส้
“ชมแบบนี้ตาก็เขินแย่สิคะ”
“ถ้าเบื่อไอ้ยอดเมื่อไหร่ มาสมัครเป็นแม่ครัวร้านผมได้นะครับ”
“นี่ไอ้บั๊มพ์ กูนั่งหัวโด่อยู่นี่”
“แล้วไงวะ มึงจะครอบครองคุณตาไว้คนเดียวไม่ได้ ฝีมือการทำอาหารระดับนี้”

“ระดับไหนก็ไม่ได้ คนนี้กูหวง” เสียงหัวเราะดังครืนจากผู้ร่วมโต๊ะกับท่าทีหึงหวงของยอดเยี่ยม ต้องตาพอจะเข้าใจได้ถึงความสัมพันธ์ของดาราหนุ่มกับเจ้าของบ้าน แต่ดูเหมือนยอดเยี่ยมจะยังไม่เข้าใจและคิดว่าตนกำลังถูกเกี้ยวพา
“พอเถอะค่ะคุณยอด ทานหมูทอดดีกว่านะคะ ตาทำสุดฝีมือเลย” ภัทรทำท่าเหมือนคนจะอาเจียนเมื่อเห็นท่าทีอ่อนลงของยอดเยี่ยม ฝ่ายที่โดนล้อไม่พอใจเท่าไรนักจึงขว้างหัวกุ้งที่แกะแล้วเข้าใส่ อาหารมื้อนี้นับว่าเป็นมื้อที่ดีที่สุดอีกมื้อหนึ่งสำหรับทุกคน

      ***********************************************************************

“สุขสันต์วันเกิดเหรอ” ยิ่งใหญ่อ่านการ์ดนั้นซ้ำอีกรอบ “แสดงว่าตุ๊กตาตัวนี้” นิ้วชี้จิ้มไปที่พุงของตุ๊กตาหมีตัวใหญ่
“...” แต้มไม่ตอบ ได้แต่หอบหายใจหนักจากความเหนื่อย “ลงไป หนัก”
“ไม่ลง” ยิ่งใหญ่สบตาคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง “นายไปซื้อตุ๊กตาตัวนี้ตอนไหน”
“เราไม่ได้ซื้อ” แต้มตอบเสียงดังฟังชัด แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ปักใจเชื่อ
“โกหก ถ้านายไม่ได้ซื้อใครจะซื้อ ไม่มีใครรู้นะว่าเราเกิดวันนี้”
“เราก็ไม่รู้” แต้มโกหก
“หึ” ยิ่งใหญ่เขกที่หน้าผากแต้มดัง โป๊ก “นายโกหกไม่เนียนนะ นายก็รู้”
“จะยังไงก็ช่าง ลงไป มันหนัก”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ยิ่งใหญ่ไม่ยอมลงจากตัวเพื่อน สีหน้าและแววตายังคาดคั้นความจริง “ตอบคำถามมาเดี๋ยวนี้”
“ตอบอะไรอี๊ก” แต้มเสียงสูง พยายามดิ้นให้คนที่นั่งทับร่วงลงมา ยิ่งใหญ่จึงกดน้ำหนักตัวลงไปอีก พร้อมทั้งตรึงสองแขนของแต้มไว้ด้วยแขนของตัวเอง
“นายนี่มัน” แต้มพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ผิดกับอีกคนที่กำลังสนุกในการยั่วยุ
“เราทำไม” แต้มไม่ยอมละสายตาที่โดนจับจ้อง ยิ่งใหญ่ก็เช่นกัน
“ปากแข็ง”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องตุ๊กตา” ยิ่งใหญ่ย้ำ
“ก็เราไม่ได้ซื้อ” แต้มยืนยัน
“งั้นใครซื้อล่ะ” ยิ่งใหญ่ถามอีกครั้ง
“ฝากอาร์ทซื้อ” แต้มทำหน้าเจื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดปาก
“ไอ้อาร์ทก็รู้ด้วยเรอะ”
แต้มพยักหน้าอย่างจำนน “ลงไปได้แล้ว หนัก”
“เดี๋ยวสิ แล้วที่มันพยายามแซวคืออะไร” ยิ่งใหญ่ยังไม่ยอมเลิกรา พวกนี้รวมหัวกันตอนไหนกันนะ
“เราบอกว่ามีสาวฝากเงินมาให้ไปซื้อ แต่เราไม่มีเวลาไปซื้อ” แต้มตอบ
“แล้วทำไมนายไม่บอกไปล่ะว่าเงินนั้นเป็นของนาย” ยิ่งใหญ่ยังคาดคั้นไม่เลิก
“บอกไปจะได้อะไร ถ้าผู้ชายให้ตุ๊กตาหมีกับนาย นายจะรับเหรอ”
“แล้วทำไมต้องตุ๊กตาหมีล่ะ”
“ลงไปก่อน หนัก” แต้มดิ้น
“ตอบมาก่อน” ยิ่งใหญ่ยังตรึงกำลังไว้แน่น “ไม่งั้นเราจะจี้รักแร้นายนะ”
“นายก็ตอบเรามาก่อนสิ ว่านายจะรับตุ๊กตาหมีจากผู้ชายเหรอ” แต้มถามกลับเป็นคำตอบ
“ไม่” ยิ่งใหญ่ตอบทันที “แต่ถ้าจากนาย เราจะรับ”
“ลงไป”
“ไม่ลง” ยิ่งใหญ่โวยวาย “แล้วทำไมต้องตุ๊กตาหมีล่ะ ตัวไม่ใช่เล็กๆ”
“ลงป๊าย” แต้มดิ้นพล่านจนยิ่งใหญ่ต้องตรึงไว้แน่นกว่าเดิม
“ตอบมาเดี๋ยวนี้” สายตาของทั้งคู่จับจ้องกันอย่างไม่ลดละ คราวนี้แต้มต้องเป็นคนหลบสายตาเนื่องจากแววตาที่ส่งมานั้นมันทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง มันไม่ใช่สายตาของเพื่อนที่มองกัน ไม่ใช่สายตาแบบเดิมที่เคยรู้จัก
“ก็แค่อยากแกล้ง” แต้มสารภาพ
“ห๊ะ”
“เออ ก็แค่อยากแกล้งไง” แต้มตอบความจริง “ก็แค่อยากให้นายเขินเวลาอุ้มตุ๊กตาตัวใหญ่ขนาดนี้เดินไปมาในโรงเรียน”
“นายนี่มัน” ยิ่งใหญ่ถอนหายใจฟึดฟัดอย่างไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ระหว่างโกรธกับขำ
“ลงไปได้ยัง หนัก” แต้มโอดครวญ
“ยัง จนกว่านายจะอวยพรวันเกิดให้เรา”
“ก็อวยไปแล้วไง”
“ตอนไหน” แต้มพยักหน้าเป็นนัยว่าที่การ์ดยับย่นแผ่นนั้น “ไม่นับ”

“นี่นายเป็นเด็กสิบขวบรึไง ลงไป๊ หนัก”

“ไม่” ยิ่งใหญ่โน้มใบหน้าลงมาทีละนิด แววตาทั้งสองต่างมองสลับไปมาอย่างขาดความมั่นใจ ลมหายใจที่ร้อนระอุประสานกันอย่างหนักหน่วง จมูกโด่งแทบจะแตะใบหน้าของคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง ทั้งคู่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สายตาประสานกันอย่างมีความหมาย ยิ่งใหญ่ใจเต้นโครมคราม ใจหนึ่งเขาอยากจะบดริมฝีปากลงไปใจจะขาด แต่อีกใจหนึ่งก็ห้ามไว้ เพราะคนเบื้องหน้าคือผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่มีใจให้เขานอกจากแค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น

“นายจะไม่ลงจริงดิ จะอยู่ท่านี้จริงๆดิ” แต้มถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขออยู่ท่านี้อีกแป๊บได้มั้ย”
“...” แต้มไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“แต้ม”
“หืม”
“ที่เราพนันกันตอนงานกีฬาสีน่ะ นายจะได้ใช่ปะ”
“อืม จำได้”
“ถ้าเราจะขอใช้ตอนนี้ ได้ไหม”

“นายจะขออะไร”แต้มสบตาคู่นั้นอย่างเดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ออก เขาไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้ หรือมีใคร หรือมีเพื่อนผู้ชายมานั่งทับบนหน้าท้องและใช้สองมือจับข้อมือของตนไว้ให้ดิ้นไม่หลุดเช่นนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

จบตอน
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 13-05-2019 22:19:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-05-2019 23:05:34
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยิ่งใหญ่จะขออะไรน้อ?

ขอจูบ?  ขอเป็นแฟน?  อิอิ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 14-05-2019 05:58:41
 :z3:ตัดจบแบบนี้ไม่ได้นะ....มันทำร้ายใจคนอ่านที่สุด
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-05-2019 06:24:11
กรี๊ดดดดดดดดด ........  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จะขออะไร......ยิ่งใหญ่ ขอให้มันยิ่งใหญ่สมชื่อตัวเองนะ
ไหนๆ ก็พาตัวเองมาอยู่ในภาวะที่ได้เปรียบเชิงรุกแล้ว   :z3:
อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ รออยู่นะ  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-05-2019 10:05:13
กรี๊ดดดดดดดดด ........  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จะขออะไร......ยิ่งใหญ่ ขอให้มันยิ่งใหญ่สมชื่อตัวเองนะ
ไหนๆ ก็พาตัวเองมาอยู่ในภาวะที่ได้เปรียบเชิงรุกแล้ว   :z3:
อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ รออยู่นะ  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ใจเย็นๆนะครับ เด็กมันยังไม่เคย 555
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-05-2019 10:05:46
:z3:ตัดจบแบบนี้ไม่ได้นะ....มันทำร้ายใจคนอ่านที่สุด


อิอิ ไม่ตัดแบบนี้ เดี๋ยวคนอ่านไม่ฉนจัย  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2019 13:24:58
 :pig4:
ติดตามค่ะ
รออ่านนะค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 20-05-2019 15:47:35
:pig4:
ติดตามค่ะ
รออ่านนะค่ะ
 :3123:


อดใจรออีกไม่นานนะครับ ตอนจบของ Season 1 จะมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 59 (UP:: 13 พ.ค. 2562) #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-05-2019 07:18:52
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 09-06-2019 14:29:40
คุยกันก่อน...

ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ติดตามผลงานเรื่องนี้

เป็นเรื่องราวที่ผมค่อนข้างจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เนื่องจากมันเป็นเรื่องราวที่น่ารัก

ซึ่งตอนนี้ ผมขอตัดจบภาค 1 ก่อนนะครับ

ไม่ต้องห่วง ผมกำลังร่างพล็ตอภาค 2 และจะเอามาให้อ่านกันเร็วๆนี้

ยังไงแล้ว ก็ฝากติดตามผลงานเรื่อง จะรักนายเท่าชีวิต ภาค 2 กันด้วยนะครับ

ผมจะเปิดกระทู้ใหม่เพื่อภาคต่อไปเลย...

ขอบคุณทุกกำลังใจที่ติดตามกันมาโดยตลอดครับ

#จากต้นจนอวสาน

              ***********************************************************************



จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You

ตอนที่ 60. เรื่องที่จะขอ



               คืนนี้พระจันทร์เกือบจะเต็มดวงทอแสงสว่างทั่วท้องฟ้าจนแทบมองไม่เห็นหมู่ดาวน้อยใหญ่ ท้องฟ้าโปร่งใสราวกับทั้งผืนฟ้าเป็นของดวงจันทร์แต่ผู้เดียว อากาศข้างนอกยังหนาว มีลมหนาวพดกรูเป็นระลอก ถึงแม้จะอยู่ใต้ชายคาบ้านก็ไม่อาจต้านลมที่พัดแผ่วเย็นได้เลย สองหนุ่มถือโอกาสเข้าไปล้างจานและเก็บโต๊ะ เหลือแต่คู่รักหนุ่มสาวที่ยืนมองแสงจันทร์อยู่ที่ระเบียงบ้านยามนี้

“คุณตาคิดอะไรอยู่เหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงรักใคร่ แม้แสงไฟจะไม่อาจสาดส่องให้เห็นชัดเจน แต่ใบหน้าที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลกลับสวยราวกับภาพเขียนชั้นเอก หญิงสาวลูบแขนไปมาด้วยความหนาวเย็น เสื้อแขนสั้นสำหรับใส่นอนบางเกินกว่าจะให้ความอบอุ่น

“เปล่าค่ะ คิดไปเรื่อยเปื่อย” หญิงสาวไม่ตอบความจริง มีควันสีขุ่นพวยพุ่งออกจากปาก

“คิดเรื่องคุณพ่อผมอยู่หรือเปล่าครับ” ยอดเยี่ยมชิงถามเสียก่อน หลังมื้อเย็นไม่นานนายแพทย์ยิ่งยงก็แวะมาทักทาย ระหว่างการรักษาตัวของผู้เป็นแม่นั้นน้อยครั้งที่พ่อจะว่าง ต้องตาก็เป็นอีกคนที่มักจะคลาดกับนายแพทย์รูปร่างสูงใหญ่คนนี้ การมาเยี่ยมของเขา จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่ใช่น้อย

“ปะ เปล่าค่ะ” ต้องตาไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร แต่ระหว่างที่ได้สนทนากัน ฝ่ายที่มาเยี่ยมมีท่าทางที่หนักใจจนเห็นได้ชัด ราวกับว่าไม่พอใจที่เธอและบุตรชายคบหาดูใจกัน

“อย่าคิดมากเลยนะครับ คุณพ่อเป็นคนพูดน้อย มาดนิ่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ แต่ก็ยังไม่อาจสลัดความกังวลใจไปได้

“ท่านจะต้องชอบคุณ เหมือนที่คุณแม่ชอบ”

“คุณยอดคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงประหม่า ชายหนุ่มยิ้มพลางขยับตัวมาใกล้ยิ่งขึ้น สองแขนล่ำโอบกอดร่างบาง กรุ่นกลิ่นละมุนกระทบจมูกอย่างยวนเย้า ลำคอเนียนสวยน่าจูบทำให้บุรุษหนุ่มต้องกลืนน้ำลายก่อนตอบคำถาม

“ผมมั่นใจ” ถึงแม้ต้องตาจะรู้ว่าคำตอบนี้มันไม่จริง แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อชายคนนี้อย่างหมดใจ หญิงสาวเงยใบหน้ามองสันกรามที่เต็มไปด้วยเคราจางๆก่อนจะจุมพิตริมฝีปากลงบนนั้นอย่างแผ่วเบา

            ***********************************************************************

               ยิ่งยงขับรถเร็วกว่าปกติด้วยอาการร้อนใจ ทุกอย่างมันคือความบังเอิญอย่างนั้นหรือ การที่ลูกชายคนรองคบกับผู้หญิงคนนั้น และลูกชายคนเล็กเป็นเพื่อนสนิทกับเด็กหนุ่มนั่นอีก มันไม่น่าเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย หากทุกคนรู้ความจริงขึ้นมา ความสัมพันธ์ทั้งหมดนั้นจะเป็นอย่างไร มันต้องมีคนที่เจ็บปวดอย่างแน่แท้ เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้สิ่งที่คิดเป็นจริงในสักวัน

“มีอะไรคะคุณโทรมาดึกดื่นป่านนี้”

“คุณมล คุณรู้เรื่องตายอดกับหนูต้องตามาตั้งแต่เมื่อไหร่” ยิ่งยงเข้าประเด็นทันที ปลายสายเงียบเสียงไปราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

“คุณ...”

“ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่นะคุณมล แต่การที่คุณยอมให้ยอดเยี่ยมคบกับแม่หนูต้องตานั้นไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องสนับสนุนนะ”

“ก็เด็กมันรักกัน ชั้นก็แค่...”

“คุณอย่าลืมสิคุณมล ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และถ้าหนูต้องตารู้ความจริงขึ้นมา คนที่เจ็บก็คือตายอดลูกชายเรานะ”

“แล้วคุณจะให้ชั้นทำยังไง” มลฤดีถามเสียงแหลม เธอก็ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่ความดีของหญิงสาวและความรักของลูกชายที่มีให้มันทำให้เธอใจอ่อน

“คุณเป็นคนก่อเรื่อง คุณต้องจัดการต่อให้มันจบ”

“ชั้นไม่รู้ว่าชั้นจะทำได้หรือเปล่า” ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“เราต้องตัดไฟแต่ต้นลม”

“ทำไมคุณถึงยกเรื่องนี้มาคุยกับชั้นวันนี้ล่ะ” มลฤดีถามอดีตสามีที่ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดถึง

“วันนี้ผมไปหาตายอดมา” ยิ่งยงนึกถึงภาพของทั้งสามคนนั่งคุยกันอย่างน่าอึดอัด ยอดเยี่ยมกุมมือหญิงสาวยิ้มร่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ล้นใจ ต้องตาผู้แสนอ่อนหวานนั่งอยู่ข้างกายดูสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก นั่นยิ่งทำให้ยิ่งยงหนักใจกว่าเดิม ชายแก่ถอนหายใจ ความหนักหน่วงถาโถมจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

“ตายอดบอกว่าจะแต่งงานกับต้องตา”

                                             ***********************************************************************

               สองหนุ่มออกมาสูบบุหรี่ในมุมมืดของบริเวณรั้วบ้านเนื่องจากไม่ต้องการไปขัดจังหวะของเพื่อนและคนรักที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ แสงจันทร์นวลเกือบจะเต็มดวงส่องสว่างไปทั่วบวกบรรยากาศหนาวเหน็บของค่ำคืนนี้ยิ่งทำให้คนที่หัวใจมีรักอิ่มเอมและอยากจะตักตวงช่วงเวลาที่สุดแสนโรแมนติกเช่นนี้ บั๊มพ์แหงนมองฟ้าอย่างไร้จุดหมาย พ่นควันออกจากปากอย่างไม่อาจแยกออกได้ว่านี่คือควันบุหรี่ คือควันจากร่างกายของตนกันแน่

“โห นายพลาดจังหวะดีๆแล้วนะบั๊มพ์” ภัทรสะกิดที่หลังพลางชี้ไปตรงระเบียงบนบ้าน

“หืม ทำไมรึ” ชายหนุ่มหันขวับไปตามเสียงก่อนจะหันไปตามนิ้วที่ชี้ ร่างของคนสองคนกอดกันแนบชิดก่อนที่ริมฝีปากจะประกบพรมจูบอย่างอ่อนหวาน

“น่าอิจฉาเนอะ” ภัทรเป็นคนพูด

“นายจะอิจฉาทำไมล่ะ” อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย

“ก็อิจฉาที่คู่นี้ใกล้จะร่วมหอกันแล้วไง ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ยอดจะยอมหยุดที่ผู้หญิงคนนี้จริงๆ”

“เราควรดีใจกับทั้งคู่ต่างหาก หรือนายไม่ดีใจ”

“ดีใจสิ แค่ความอิจฉามันมากกว่า”

“โอย นายจะอิจฉาเค้าทำไม” บั๊มพ์ทำน้ำเสียงหงุดหงิดเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายหยุดพูด

“ก็คนมันอิจฉาอะ อยากแต่งงานบ้าง” สองหนุ่มหันมาสบตากันแทบจะทันที่ที่ภัทรพูดจบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากทั้งสองคนอีก มันช่างยากเหลือเกินที่จะมีวันนั้นสำหรับทั้งคู่ได้ คนหนึ่งเป็นดาราที่มีชื่อเสียง อีกคนหนึ่งก็มีครอบครัวที่ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย

“หนาวแล้ว ขึ้นข้างบนกัน” บั๊มพ์เปลี่ยนเรื่อง แต่ถูกมือใหญ่ฉุดแขนไว้

“เดี๋ยวสิ” ภัทรส่งเสียงสั่นเครือ “ขออยู่แบบนี้อีกแป๊บก่อนได้ไหม” ร่างใหญ่โอบสองแขนเกี่ยวกันอย่างแนบแน่น ความอบอุ่นส่งผ่านวนเวียน เสียงหัวใจเต้นโครมครามบ่งบอกว่าพวกเขายังมีกันและกันอยู่เสมอ

“ไม่ต้องแต่งงานก็ได้ แค่มีนายแค่นี้เราก็พอใจแล้ว” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่บั๊มพ์ได้ยินชัดเจน ชายหนุ่มเชื่อว่าคำพูดนี้มันจะเป็นจริงเหมือนกับความอบอุ่นจากอ้อมกอด ณ ตอนนี้

              ***********************************************************************

               ยิ่งใหญ่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมครามเสียงดังผิกปกติ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆคงจะหัวใจวายเป็นแน่ แต่มันก็เป็นการยากที่จะห้ามหัวใจตัวเองหรือทำให้มันเต้นช้าลง เมื่อคนที่นอนอยู่เบื้องล่างส่งสายตาที่คาดเดาไม่ออกมาให้ ท่าทางที่ขัดขืนนั้นมันช่างขัดแย้งกับเรี่ยวแรงที่มี ทั้งคู่เคยเล่นกันแรงกว่านี้ ถึงแม้โดยส่วนใหญ่แต้มจะเป็นคนออมแรง แต่เรี่ยวแรงมันก็เยอะกว่าครั้งนี้ เด็กหนุ่มไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ท่าทีที่เห็นมันก็ชวนให้คิดอยู่ไม่น้อย

“นายจะขออะไร” แต้มถามย้ำ ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ แต่ใจเต้นรัวเป็นจังหวะกลองแล้วตอนนี้

“ก่อนจะขอ นายตอบคำถามเรามาก่อน” เขาเล่นตัว

แต้มถอนหายใจ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “อะไรอีก”

ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้างเมื่อแต้มเปิดทาง “นายไม่ได้ชอบ เอ่อ เบลจริงใช่ไหม”

“อื้อ” แต้มตอบด้วยเสียงในลำคอ ใบหน้ายิ่งใหญ่ยิ่งแป้นแล้นจากรอยยิ้มยิ่งกว่าเดิม ลมหายใจหอบแรง

“ละ แล้ว นายมีคนที่ชอบรึยัง”

แต้มนิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาจับจ้องร่างใหญ่ที่คร่อมร่างตนไว้ก่อนเอ่ยออกไป “ยังไม่มี”

“ยังไม่มี” ยิ่งใหญ่ทวนคำ นึกเสียใจกับคำตอบที่ได้รับ

“อื้อ ยังไม่มีผู้หญิงที่ชอบ” แต้มตอบอีกครั้ง

“ที่ผ่านมาล่ะ นายเคยมีแฟนไหม”

“ไม่เคย” แต้มตอบทันที ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ลำบากของชีวิต เด็กหนุ่มจึงไม่สนใจจะหาความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับใคร

“แสดงว่า นายยังไม่เคย” ยิ่งใหญ่เงียบเสียง สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถาม “ยังไม่เคยจูบกับใครใช่ไหม”

“นายถามทำไมเนี่ย” แต้มหน้าแดงเพราะโดนจี้ใจ ที่ผ่านมานอกจากไม่เคยมีแฟนแล้ว เขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว (ถ้าไม่นับกับพี่ตา แม่ หรือหลานๆ) “อย่าบอกนะว่านายจะขอ...” แต้มทำหน้าตกใจ และพยายามดิ้นหนี แต่ยังเพลี่ยงพล้ำให้อีกฝ่ายอยู่ดี

“หยุด” แต้มส่งเสียงห้ามเมื่อยิ่งใหญ่เลื่อนใบหน้ามาระยะประชิด

“เรายังไม่ได้ขออะไรนายเลยนะ นายคิดอะไรน่ะ” ยิ่งใหญ่ยิ้มกวน

“บอกคำขอของนายมาแล้วก็รีบๆลงจากตัวเราได้แล้ว” แต้มพยายามดิ้น

“แล้วทำไมนายต้องทำท่ากลัวเราด้วยล่ะ” ยิ่งใหญ่กวนอีก แต่ลึกลงไปในใจคือเจ็บจี๊ด

“”ก็ดูนายสิ อยู่ๆก็ถามเรื่องจูบ แถมยังมาตรึงเราไว้อีก แล้วก็เลื่อนหน้ามาอีก” แต้มตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น

“นายกลัวเราจูบนายจริงๆเหรอ” น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความน้อยใจ แต่แววตาที่ส่งไปนั้นกลับเต็มไปด้วยความนัย แต้มที่เป็นคนซื่อกลับไม่สามารถอ่านได้ว่ามันหมายความว่าอะไร

“เออสิ เกิดมายังไม่เคยจูบใคร แต่จะโดนนายจูบเนี่ยนะ”

“นี่” ยิ่งใหญ่ยิ้มยั่ว “เรายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะขอจูบนาย”

“แล้วนายจะขออะไรล่ะ” แต้มดิ้นพล่าน “แล้วก็เลิกทับได้แล้ว หนัก” เด็กหนุ่มรู้สึกเสียหน้าที่ทึกทักไปเองว่าอีกคนจะจูบเขา

“นายอยากรู้จริงๆอะ”

“เออสิ” แต้มหงุดหงิด แต่ยิ่งใหญ่กลับยิ้มกว้างยิ่งขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ไร้ที่ไร้ทางสู้ของอีกคน

“แต้ม” อยู่ๆยิ่งใหญ่ก็เรียกชื่อนี้ขึ้นมา

“อะไร” แต้มรับคำเสียงขุ่นเข้ม

“เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว”

“ตั้งแต่วันรายงานตัว ก็เกือบปีแล้วล่ะ”

“ที่ผ่านมา นายมีความสุขมั้ยที่อยู่กับเรา”

“อยู่กับนายเหรอ ก็ดีนะ ถ้านายไม่ขี้เกียจ ไม่โยเย ไม่เรื่องเยอะ”

“นี่ ตอบดีๆก็ได้ ไม่ต้องขุด”

“อ้าว ก็นายถามนี่”

“ตอบมา” ยิ่งใหญ่ลากเสียง

แต้มนึกย้อนไปในวันแรกที่ได้เจอกัน วันแรกที่ยิ่งใหญ่มานั่งกับตนในห้องเรียน วันแรกที่พายิ่งใหญ่ไปที่บ้าน และวันแรกของอีกหลายๆเหตุการณ์ เป็นช่วงเวลาที่ดี “อืม ก็ดี”

“นายสัญญาได้ไหมว่าถ้าเราขอนายไปแล้ว นายจะไม่ว่าไม่เกลียดเรา”

“ถ้าไม่ใช่จูบ ก็คงได้”

“ต้องได้”

“เออ ได้ก็ได้” แต้มดิ้น แต่ก็ไม่เป็นผล “แล้วนายจะขออะไร”

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเบล และก็เราด้วยนะ”

“หืม เกี่ยวกับเบลด้วยเหรอ” แต้มงงหนัก

“ใช่” ยิ่งใหญ่หม่ยิ้มแล้ว “สมัยก่อนเรากับเบลสนิทกันมาก”

“สนิทกัน คือเป็นแฟนกันเหรอ”

“เปล่า” ยิ่งใหญ่หลับตา มีแต่แต้มที่ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้

“ทำไมล่ะ เบลออกจะเป็นคนสวยขนาดนั้น”

“ตกลงนายอยากรู้เรื่องไหน เรื่องที่เราจะขอ หรือเรื่องเรากับเบล” ยิ่งใหญ่ถามอีกครั้ง

“เอ่อ” แต้มลังเล เพราะโดนจุดชนวนความอยากรู้ทั้งสองอย่างไปแล้ว “ทั้งคู่”

“เอาเรื่องไหนก่อน”

“เรื่องที่สั้นที่สุดก่อนละกัน นายจะได้ลงไปจากตัวเราซะที” แต้มโวยวาย

“งั้นก็เป็นเรื่องที่เราจะขอนายละกัน”

“ว่ามา ลีลาเยอะ ยึกยักเล่นตัว” แต้มบ่น

“แต้ม” ยิ่งใหญ่ลืมตาขึ้น

“หืม” ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง

“นายจะให้เราทุกอย่างที่เราขอใช่ไหม”

“ถ้าเราทำได้หรือให้ได้ แน่นอน” แต้มรับคำ

“เรื่องนี้นายให้ได้แน่นอน” ยิ่งใหญ่ปัดความกังวลทั้งหมดทิ้งไปเหลือเพียงรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าและแววตาที่ไม่มั่นใจ

“ว่ามา” ทุกอย่างดูเงียบสงบ แม้แต่เสียงหัวใจของยิ่งใหญ่ เวลามันเดินช้าราวกับโลกหยุดหมุนไปแล้ว เด็กหนุ่มกลั้นลมหายใจ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูง่ายๆ แต่การขอออกไปมันช่างยากกว่าที่คิดไว้มากมายนัก

“นายรู้ใช่มั้ยว่าเราทำดีกับนาย สนิทกับนายที่สุด” แต้มพยักหน้าแทนคำว่า รู้

“นายรู้เหตุผลมั้ย ว่าทำไม”

“นายบอกว่านายประทับใจที่เห็นเราแสดงออกกับแม่”

“ใช่ แต่มันมีเหตุผลอื่นด้วย”

“เหตุผลอะไร” แต้มถามด้วยความไม่มั่นใจเช่นกัน

“เรา เอ่อ” น้ำเสียงนั้นตะกุกตะกักและแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“เราชอบนายแต้ม ชอบมาก ยิ่งเห็นตอนที่เบลมาเกาะแกะนายเราก็ยิ่งรู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าเราชอบนาย” ยิ่งใหญ่มองใบหน้าของแต้มที่เหมือนจะตกใจไม่น้อย

“นายจะให้เราได้มั้ยถ้า...” เขาเว้นช่องว่าง แต้มนั้นสบตาเพื่อนรักอย่างไม่อาจบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร ก่อนจะได้ยินเรื่องที่ขอของเพื่อนสนิทคนนี้



“...เราจะขอให้เราชอบนายแบบนี้ไปเรื่อยๆได้ไหม”





จบ ภาค 1
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2019 19:21:50
โอ๊ะ.....โอ.....  :serius2:
มาเจอหัวข้อเรื่องว่าจบ ย้ายแล้วด้วย ตกกะใจเลยยยยย  :a5: o22

แต้ม  ให้ใหญ่ได้แน่ๆ ก็ขอให้แต้มชอบใหญ่เหมือนเดิม    :m20:
หลังจากใหญ่บอกว่าชอบแต้ม  :impress2:
ใหญ่  แต้ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รอภาค ๒ นะ  :mew1: :mew1: :mew1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 12-06-2019 09:10:28
เรื่องนี้ควรเป็นเรื่องของแต้มกับยิ่งใหญ่ไม่ใช่เหรอตะ.  สร้างตัวละครคู่. ต้องตา กับยอดชาย. สร้างขึ้นมาเพื่อฆ่าคู่วายอย่าง แต้มกับใหญ่ชัดๆ. คู่แต้มใหญ่ไม่เกิดแน่ๆ. ถ้ายังมีต้องตามากลบบดบังหมดทุกสิ่ง. อ่านแล้วรู็สึกเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของแต่มกับใหญ่. อ่ายแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของต้องตามากกว่า   เพิ่งเคยอ่าน. สร้างตัวละครผู้หญิงมาฆ่าผู้ชายในแนว. วาย.  มาอ้านช้าไม่รู้ทันไหม. ไม่รู้จะทนอ่านจนจบไหมค่ะ  น้องคนเขียนคงมีแนวแบบนี้
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-06-2019 06:34:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 17-06-2019 22:17:49
รอแบบค้างคา :t3:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-06-2019 16:43:13
อ่านยาวรวดเดียวเลยค่ะ สนุก น่าติดตามมาก
เรื่องดูซับซ้อนนะ จากความฝันของยิ่งใหญ่ ดูมีอะไร

แต้มเป็นคนดีพอสมควรเลยค่ะ น่าเอ็นดู แต่ความใสซื่อก็มีเยอะ
ยิ่งใหญ่จะทำใจได้ไหมล่ะ ถ้าแต้มไม่ตกลง หรือขอห่างกันไป

ต้องตามีลูกจริงไหมคะ แล้วเป็นใคร ทำไมคบกับยอดไม่ได้

แล้วทำไมแม่ก็รู้ แต่ไม่แก้ไข ยิ่งสนับสนุนให้เป็นไปด้วยดีอีก

สงสารยิ่งใหญ่นะ โชคดีที่โลกยิ่งใหญ่ไม่บิดเบี้ยวมากจนเกินไป

เบลเป็นคนน่ากลัว ตามมาหาถึงที่นี่ ขนาดหนีมาแล้วนะ ไม่ปกติ
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-11-2019 10:25:41
อ่านยาวรวดเดียวเลยค่ะ สนุก น่าติดตามมาก
เรื่องดูซับซ้อนนะ จากความฝันของยิ่งใหญ่ ดูมีอะไร

แต้มเป็นคนดีพอสมควรเลยค่ะ น่าเอ็นดู แต่ความใสซื่อก็มีเยอะ
ยิ่งใหญ่จะทำใจได้ไหมล่ะ ถ้าแต้มไม่ตกลง หรือขอห่างกันไป

ต้องตามีลูกจริงไหมคะ แล้วเป็นใคร ทำไมคบกับยอดไม่ได้

แล้วทำไมแม่ก็รู้ แต่ไม่แก้ไข ยิ่งสนับสนุนให้เป็นไปด้วยดีอีก

สงสารยิ่งใหญ่นะ โชคดีที่โลกยิ่งใหญ่ไม่บิดเบี้ยวมากจนเกินไป

เบลเป็นคนน่ากลัว ตามมาหาถึงที่นี่ ขนาดหนีมาแล้วนะ ไม่ปกติ


ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
อย่าลืมไปอ่านซีซั่น 2 ด้วยนะครับ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71132.0
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:51:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต (Y) – ตอนที่ 60 จบภาค 1 (UP:: 09/06/62) #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-05-2020 19:24:05
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: