เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{27}
“เป็นไง? ไหวไหม?” พอร์ชเอ่ยถามคนรักที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนที่นอนอย่างหมดแรง
เพราะโดนเขาสูบพลังไปแล้วสามรอบ แถมเจ้าตัวยังต้องทำคำพูดที่ให้เขาไว้เมื่อตอนบ่ายด้วย
ว่าถ้าเขาแตะลูกฟุตบอลเข้าประตูฝั่งตรงข้าม เจ้าตัวจะออนท็อปให้ลูกละสองรอบ นี่ผ่านไปแล้ว
สามก็เท่ากับลูกครึ่ง เดี๋ยวให้เจ้าตัวพักเหนื่อยอีกหน่อย เขาจะทวงครึ่งลูกที่เหลือต่อ ส่วนอีกหนึ่ง
ลูกหรือสองรอบที่เหลือเก็บไว้ไปทบต้นทบดอกคราวหน้า เพราะถ้าฝืนเก็บรวดเดียวหมด มีหวัง
เครื่องล่างเมียเขาได้พังก่อนเสียวแน่ ลำพังแค่สามรอบที่ผ่านมาน้องโซ่ของเราก็หืดขึ้นคอแล้ว
“อือ…ขอน้ำหน่อย” พยักหน้าบอกเสียงสั่นๆ แค่จะลืมตายังทำได้ยาก บอกเลยว่าครั้งก่อนๆ
ที่ผ่านมานั้น ไอ้หมาพอร์ชมันตอแหล มันแค่หลอกให้เราเชื่อว่าตัวเองเป็นแค่หมาเชื่องๆ สั่งให้ทำอะไร
ก็ทำ แต่พอมาถึงวันนี้มันกลับจัดเต็ม ทำเอาเขาแทบไปไม่เป็นเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
หนักหนา มาถึงก็ใส่เอาๆ ทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตายางไร้ความรู้สึก บอกให้ทำเบาๆ มันก็ยิ่งหนักมือ ยิ่งว่ายิ่งยุ
ทำเอาเขาครางเสียงหลงยิ่งกว่าตอนที่เขาจัดให้คู่นอนเก่าๆ ที่เป็นผู้หญิงของเขาร้องซะอีก พูดแล้วก็…อายฉิบหาย
ตั้งแต่หกโมงเย็นยิงยาวยันเที่ยงคืน…มึงทำไปได้ไง?
“กินดีๆ เดี๋ยวสำลัก” พอร์ชว่าเสียงดุๆ ในขณะที่จับหลอดป้อนน้ำให้คนรักดื่ม
ปึก!
“ไปไกลๆเลยแมร่ง!” ต่อยปักเข้าไปที่กลางอกด้วยความหมั่นไส้ เห็นกูอ่อนให้เข้าหน่อยทำเป็นข่ม รอหายดีก่อนเถอะ…พ่อจะเล่นให้!
ว่าแล้วก็สะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปง แล้วก็หลับลงไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาพอร์ชถึงกับเหวอ เพราะ
เจ้าตัวกะจะทวงอีกรอบที่เหลือไง
“เออ…นอนก็นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูพาไปตรวจเลือดแต่เช้าเลย” ไม่ได้หงุดหงิดอะไรหรอกนะ ก็แค่
อยากบ่น เพราะเท่าที่เก็บมาสามแต้มจากก่อนหน้าก็เต็มอิ่มแล้วเหมือนกัน แต่เสียดายก็ตรงที่ว่า โซ่ไม่ยอม
ให้รักสดแบบเนื้อแนบเนื้อ ถ้าหากว่ายังไม่ได้ตรวจเลือด จึงจะเป็นต้องรักกันแบบปิดไฟใส่หมวกเพื่อความ
ปลอดภัยเหมือนที่ผ่านมาไปก่อน เพราะเจ้าตัวอยากจะแน่ใจ ว่าทั้งเขาและตัวมันเอง ปลอดภัยไร้โรค
เช้าวันต่อมา…
วันนี้โซ่ตื่นแต่เช้าทั้งที่ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แถมยังโดนพอร์ชสูบพลังชีวิตไปจนสลบคาเตียง
แต่ก็สามารถตื่นขึ้นมาเดินเหินได้เหมือนอย่างปกติ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บๆขัดๆที่บั้นท้ายไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าครั้ง
ก่อนๆที่ต้องนอนซมเพราะพิษไข้เสียทุกครั้งที่โดนพอร์ชรังแก แถมยังรู้สึกสดชื่น(?) กระปรี้กระเปร่า(?) มาก
กว่าที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ สงสัยว่าเขาจะกลายเป็นพวกมาโซคิสม์เต็มตัวไปแล้ว
“ถ้าจะหลับลึกขนาดนี้นะไอ้หมา” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังอุตส่าห์เดินเข้าไปขยับผ้าห่มคลุมให้
คนรักจนถึงคอ เพราะพอร์ชชอบเปิดแอร์เย็นจัดเวลานอน ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่วางอยู่บน
หัวเตียงขึ้นมาถือไว้และเดินออกจากห้องไป
ตุบ!
โซ่รีบวิ่งลงไปดูทันทีเมื่อได้ยินเหมือนมีเสียงของใครหกล้มอยู่ไม่ไกลจากชั้นสี่ที่ตนยืนอยู่นัก วิ่งแบบ
ที่เรียกได้ว่าลืมเจ็บไปเลย
“เป็นไรมากไหม?” เขาช่วยพยุงพี่ชายของคนรักขึ้นมายืนดีๆ เมื่อเห็นว่าออดี้นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น
บริเวณหน้าห้องของเจ้าตัวเอง
“อย่ามายุงกับกู” ออดี้พยายามจะผลักโซ่ออก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเรี่ยวแรงที่ต่างกัน
“ก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก” โซ่ขืนตัว เปิดประตูพาคนเจ็บเดินเข้าห้องไปท่ามกลางเสียงกร่นด่าสารพัด
ที่เจ้าตัวจะนึกได้
ตุบ!
“โอ้ย! แมร่งเอ้ย! มึงจะฆ่ากูรึไงไอ้เด็กเหี้ย” ออดี้โวยวายออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกโซ่เหวี่ยง
ลงเตียงอย่างแรง ทำให้ร่างกายที่บอบช้ำกระทบกระเทือนไปด้วย
“แค่นี้ไม่ตายหรอก แต่ถ้าไม่เอา ‘ไอ้นั่น’ ออกพี่มึงปวดท้องยาวแน่” โซ่บอกหน้าตาย ส่งสายตามอง
ไปยังน้ำสีขาวขุ่นที่กำลังไหลรินลงมาตามเรียวขาของออดี้ช้าๆ สภาพแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนอะไรมา
“เสือก!” สะบัดเสียงว่าโซ่ด้วยถ้อยคำที่เจ็บแสบ จนโซ่เริ่มจะรู้สึกตึงๆขึ้นมาบ้างแล้ว
“กูจะไม่แลมึงพี่เลย ถ้ามึงไม่ใช่พี่ของไอ้พอร์ช ไม่ใช่ลูกชายที่แม่กับป๋ารัก เพราะฉะนั้น ต่อให้พี่
ต่อต้านกูสักแค่ไหน กูก็จะเสือก” โซ่กระชากคอเสื้อของออดี้ขึ้นมา มองหน้า จ้องตา แล้วเลือกที่จะพูด
ความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรง เพราะอย่างที่บอก ต่อให้ออดี้จะปฏิเสธตัวตนของเขาสักแค่ไหน
แต่เขาก็ไม่อาจมองข้ามความสำคัญของเจ้าตัวไปได้
“กูเกลียดมึง” คนโตกว่าจ้องมองคนรักของน้องชายด้วยสายตาสั่นๆ ความเข้มแข็งที่พยายาม
สร้างมาทั้งหมดเป็นอันต้องพังทลาย เมื่อโดนความจริงใจเข้าจู่โจม
“เออ…เกลียดให้ตายห่าไปเลย แต่ตอนนี้ไปอาบน้ำเอาไอ้ที่อยู่ข้างในออกก่อน จะได้ไม่ปวดท้อง
เดี๋ยวตายห่าขึ้นมาเดือดร้อนผัวกูไปบวชหน้าไฟให้อีก” ว่าจบก็พยุงพี่ชายของคนรักที่ตัวโตกว่าตนเองเข้าไป
ในห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ แล้วจัดยัดลงอ่างอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนที่จะหันหลังเดินออกมา
ท่ามกลางเสียงด่าทอของอีกฝ่าย
“มะ…มึง! ไสหัวไปให้ไกลส้นตีนกูไอ้เด็กเหี้ย ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู…ฮึก! ไม่ต้องมาสนใจกูเลยแมร่ง…”
โซ่หยุดยืนหลับนิ่งอยู่หน้าห้องของออดี้อยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะถอนหายใจทิ้งหนักๆอีกทีเพื่อเรียกสติกลับมา
แล้วลงไปหามื้อเช้าของตนที่ตั้งใจไว้แต่แรกว่าอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่คงต้องเปลี่ยนไปกินโจ๊กแทน เพราะมัน
ดีต่อไอ้คนป่วยน่ารำคาญคนนั้นแทน
ก็อย่างที่บอกว่าเขาจะไม่แลเลยถ้าหากว่าออดี้ไม่ใช่คนสำคัญของครอบครัวที่เขารักและศรัทธา และต่อให้
ออดี้เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน เขาก็จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือ เพราะสภาพของเจ้าตัวที่เขาเห็นนั้น มันไม่ใช่แค่
การมี SEX หรือร่วมหลับนอนธรรมดา เพราะรอยมัด รอยขบกัดตามลำคอและร่างกายของเจ้าตัวมันกำลังฟ้อง ว่าโดน
ทารุณมาอย่างหนัก แต่จะใช่การข่มขืนอย่างที่เขาคิดหรือไม่ ก็ต้องรอฟังจากเจ้าตัวเอา ถ้ามันยอมเปิดปากบอกใครละนะ
“อ้าว! น้องโซ่…ลงมาทำอะไรแต่เช้าลูก” คุณนายปลื้มจิตเอ่ยทักเสียงหลง เมื่อเดินเข้ามาเห็นโซ่ยืนเทโจ๊ก
ใส่ถ้วยอยู่ในครัว ทั้งฟ้ายังมืดอยู่เลย
“ไปซื้อโจ๊กมาครับ…มีของแม่กับป๋าด้วยนะ” โซ่ว่าพลางวางถ้วยโจ๊กใส่ถาด แล้วหันไปค้นหายาในตู้ที่ตั้งวาง
อยู่ไม่ไกล ท่ามกลางความสงสัยของคุณนายปลื้มจิตที่มองตามไปอย่างไม่ละสายตา
“พี่พอร์ชไม่สบายหรอลูก” เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าลูกชายจะเจ็บหนักจากการแข่งขัน
ฟุตบอลอย่างที่เคยเป็นมาแล้วครั้งนึง
“เอาไปให้พี่ออดี้ครับ” หันไปยิ้มบอกพร้อมกับยกถาดขึ้นมาถือเตรียมพร้อม
“ออดี้กลับมาแล้วหรอลูก? พี่เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนถึงไม่บอกแม่” ยิ่งรู้ว่าลูกชาย
คนกลางที่หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ที่มีปากเสียงกันวันนั้นแล้ว กลับมาด้วยสภาพที่เจ็บไข้ได้ป่วย เธอก็ยิ่งร้อนรน
เป็นกังวลไปหมด
“มีไข้นิดหน่อย แต่แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ เดี๋ยวโซ่ดูแลให้เอง พี่เขาเป็นผู้ชายที่โตมากแล้ว มันอาย
นะครับที่ต้องนอนให้ผู้หญิงแก้ผ้าเช็ดตัวให้ ต่อให้เป็นแม่ก็เถอะ…แต่กับผมที่เป็นผู้ชายมันต่างกันครับ ตีกันให้ตาย
ยังไง…สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่ดี” เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันแล้วโซ่พูดยาวเหยียดใส่กันแบบนี้ โดยเฉพาะ
การขยิบตาสุดเท่อย่างคนเจ้าชู้ทิ้งท้ายไว้นั่น ทำเอาแม่ย่าที่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายอย่างคุณนายปลื้มจิตแทบไป
ไม่เป็น แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที โซ่ก็เดินหายขึ้นบันไดไปแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดจะตามไป เพราะเชื่อใจว่าโซ่สามารถดูแล
ออดี้ได้ ถึงแม่ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงทั้งสองคนเรื่องที่ไม่ค่อยลงรอยกันก็ตาม
“เฮ้ย! ตายยัง? ตื่นขึ้นมากินข้าว” ไม่ใช่แค่ร้องเรียกธรรมดา แต่โซ่กระชากให้ออดี้ที่เผลอนอนหลับไป
ด้วยความอ่อนเพลียลุกขึ้นมาอย่างไม่มีการทะนุถนอมใดๆทั้งสิ้น
“อย่ามายุงกับกู!” ออดี้สะบัดแขนออกจากมือของโซ่ที่จับกุมตัวเองอยู่เท่าที่แรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
ของตัวเองจะเอื้ออำนวย
“ทำอย่างกับกูอยากจับนัก…กูเอาโจ๊กกับยาขึ้นมาให้ ถ้าไม่อยากตายก็แดกให้หมด หรือถ้ามึงอยากก็
ต้องแดกให้หมด เพราะถ้าแดกไม่หมดกูจับกรอกปากแน่” โซ่ว่าพลางยกถาดอาหารมาวางลงบนที่นอนตรงหน้าออดี้
“…..” ออดี้กัดฟันกำหมัดแน่น เพราะนอกจากจะเจ็บตัวและเจ็บใจแล้ว ในหัวของเขายังเต็มไปด้วย
ความสับสนในสิ่งที่โซ่ปฏิบัติต่อตนเองอีกด้วย
“กูไม่ใช่คนใจดี เลยอยากจะเตือนอีกครั้ง ว่ามึงควรแดกข้าวแดกยาให้หมดก่อนที่กูจะกลับลงมา ไม่อย่างนั้น
กูละเลงเละแน่” โซ่พูดแล้วทำท่าจะหันหลังกลับขึ้นไปดูพอร์ชที่ยังคงนอนหลับอุตุอยู่ในห้องต่อ
"หยุดเสือกเรื่องของกูสักที” ออดี้พูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แต่แววตากลับสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด
โซ่เดินก้าวเดินเข้าไปติดชิดเตียงนอน คว้าคอของออดี้เข้ามา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วกลางข้างเดียวกันบีบล็อค
กรามออดี้ไว้แน่น ทำให้เจ้าตัวขยับหนีไปไหนไม่ได้
ก่อนที่จะพูดบอกออกมาว่า…
“ลุกเดินให้ได้ก่อเถอะ แล้วค่อยมาปากเก่งกับกู ถึงเวลานั้นกูจะจัดให้พี่มึงอย่างสวยงามเลย ต่อให้มึงเป็น
พี่ที่ผัวกูรักมากก็เถอะ”
..
..
..
แอ๊ด…
โซ่ค่อยก้าวเดินเข้าห้องนอนไปอย่างระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจนทำคนรักที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงตื่น
ขึ้นมาก่อนที่ตนจะเข้าไปถึงเตียงนอน
“พอร์ช…พอร์ชจ๋า~” โซ่คลานเข่าเข้าไปกระซิบเรียกข้างๆหูคนรักเบาๆ
“อือ~” แลบลิ้นน้อยๆออกมาเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างชอบใจ เมื่ออีกคนตอบรับงึมงำแต่ยังไม่ยอม
ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างที่ตั้งใจ
“พอร์ช…พี่พอร์ชจ๋า~” จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองทิ้งแล้วขึ้นไปนอนทาบทับอยู่บนอกแกร่งของคนรัก
นิ้วเรียว ลูบไล้ร่างกายของคนรักเล่นตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยที่ไม่ลืมแวะจับมือทักทายกับเจ้าพอร์ชน้อยที่กำลัง
พองตัวขู่ฟ่ออยู่ในมืออย่างไม่เกรงกลัว
“จ๋า~” โซ่หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินพอร์ชตอบรับกลับมาด้วยถ้อยคำน่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม
เจ้าตัวถึงชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยนัก ทั้งที่อายุก็เท่ากัน จะห่างกันก็แค่ไม่กี่เดือน แต่พอร์ชกลับยกตัวเองขึ้น
เป็นพี่ แล้วขานเรียกเขาว่า ‘น้องโซ่’ หรือไม่ก็ ‘หนูจ๋า’ อยู่ร่ำไป ทั้งยังทำท่าทางเหมือนปลื้มมากซะอีก ถ้าหากวันไหน
เขายอมตามน้ำไปกับเจ้าตัว
“มาเล่นกับน้องโซ่หน่อยน้า~” พูดไปในขณะที่สองมือก็กำลังเปลื้องผ้าคนรักอย่างขะมักเขม้น จนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่าเหมือนกันทั้งคู่
“จ้า~” ตอบรับด้วยรอยยิ้มแม้ว่าจะยังนอนหลับตาแน่น สงสัยว่าเวลานี้ เจ้าตัวจะยังแยกความฝันกับ
ความเป็นจริงไม่ออก เพราะเมื่อคืนเสียพลังงานไปมากโข แถมการฝันเฟื่องเรื่อง SEX ยังคงเป็นปกติของคนวัยรุ่น
กลัดมันอย่างพอร์ชที่นอกจากเรื่องเพื่อนกับเรื่องเรียนแล้ว ก็มีเรื่องความอยากรู้อยากลองเกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
นี่แหละที่เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต
“หึหึ…เก่งนักนะมึง เรื่องเอาเปรียบกูเนี่ย ได้…เดี๋ยวน้องโซ่จัดให้” โซ่ผละออกจากร่างกายของคนรัก
ก่อนที่จะคลานไปหยิบถึงยางอนามัยของพอร์ชที่วางอยู่ในลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาหนึ่งกล่อง แล้วซีกซองสวมใส่
ให้คนรักหนึ่งชิ้น ก่อนที่จะดึงกลับออกมา เมื่อขยายได้รูปตามที่ต้องการ ก่อนที่จะหยิบออกมาอีกหนึ่งชิ้นแล้วสวม
ใส่ให้เข้าที่หัวเรือรบของพอร์ชที่เจ้าตัวภูมิใจเป็นหนักหนาอีกหน แต่ครั้งนี้โซ่ปล่อยคาไว้อย่างนั้น ไม่ได้รูดออก
เหมือนตอนแรก แล้วเอื้อมไปหยิบเครื่องป้องกันชิ้นสุดท้ายมาสวมใส่ให้ตนเอง
“อา…เสียวสัส!” กัดปากร้องครางออกมาได้อย่างยากลำบาก ในขณะที่พยายามจะกดตัวลงทับอาวุธลับ
ของพอร์ชที่ตัวเองใช้มืออีกข้างหนึ่งจับตั้งไว้อย่างระวัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่ากลัวตนเองจะเจ็บหรอกนะ แต่เป็น
เพราะว่า ไม่อยากให้พอร์ชรู้ตัวตื่นขึ้นมาขัดขวางแผนการอันดีงามของตัวเองต่างหากล่ะ ที่เขาเป็นกังวล เพราะ
ลำพังแค่โดนพอร์ชแกล้งเมื่อคืน ก้นเขาก็แทบจะหุบไม่ลงแล้ว วันนี้เลยไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่ หากเขาจะนำเข้า
ด้วยตนเอง โดยที่ไม่เบิกช่องทาง
“อืม~” พอร์ชครางออกมาเหมือนถูกใจ เมื่อรู้สึกถึงความเสียวที่ทำเอาขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า โซ่จึงจำ
เป็นต้องหยุดภารกิจออนท็อประดับโลกของตัวเองไว้ชั่วคราว เพราะกลัวว่าพอร์ชจะตื่นขึ้นมาทำให้เสียฤกษ์
“นี่ถ้าไม่ใช่กู แต่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่ไหนมาทำให้มึงแบบนี้แล้วยังเสือกคิดว่าฝันเปียกอยู่อย่างนี้นะ…
พ่อจะจับหักคอให้! เสียวแต่เสือกไม่ตื่น! อื้อ~” ปากก็พูดว่าคนรักไปในขณะที่สะโพกก็ค่อยๆ โยกขยับ ไม่เร็ว
ไม่แรงอย่างตอนที่มีพอร์ชช่วยทำ แต่เน้นหนัก แม่นยำ และตรงจุดทุกครั้งที่กดสะโพกลง เล่นเอาเสียวจนปากสั่น
แต่จะร้องครางออกมาดังๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะทำให้พอร์ชตื่น แล้วโซ่ก็เล่นโต้คลื่นอยู่บนตัวของคนรักอยู่
อย่างนั้นเกือบชั่วโมง จนกระทั่งความสุขของเขากับคนรักแตกกระจายจนเต็มเครื่องป้องกัน เขาถึงได้ค่อยๆ ยกตัว
ออกมาจากพอร์ชด้วยความเสียดาย
,,
,,
,,
“อันนี้ลูกพี่พอร์ช อันนี้ลูกน้องโซ่ แบ่งออกมาใส่ถุงนี้อย่างละหนึ่งส่วนสาม แล้วก็บึ้ม!
กลายเป็นโกโก้ครั้น…ฮ่าๆ” เล่นเอง คุยเอง ขำเอง แล้วก็สนุกเองอยู่คนเดียว ประหนึ่งว่าได้กลับ
ไปเรียนผสมสารละลายลงในหลอดทดลองในชั่วโมงวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก เมื่อเจ้าตัวได้จัดการ
ผสมน้ำรักสีขาวขุ่นของตนเองกับคนรักที่มีอยู่คนละถุง เทใส่ถุงยางอันแรกที่ขยายเตรียมรอไว้ตั้งแต่
ตอนแรก เสร็จแล้วก็วางผลงานชิ้นเอกของตนเองไว้ที่ปลายเตียง เพื่อเป็นของขวัญรับวันใหม่ให้กับ
คนรัก ก่อนที่จะเดินผิวปากเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ
,,
,,
,,
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
“โซ่! โซ่! อยู่ไหน! โซ่!” เสียงร้องเรียกชื่อของตนเองที่ดังมาพร้อมกับเสียงตึงตังในการวิ่ง
ลงบันไดของคนรัก ไม่ได้ทำให้โซ่ที่นั่งทานโจ๊กอยู่ในครัวอย่างใจเย็น เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาได้เลย
แม้แต่น้อย ต่างจากเสี่ยใหญ่และคุณนายปลื้มจิตที่ชะโงกหน้าออกมาเอ็ดลูกรักตั้งแต่เจ้าตัววิ่งผ่านหน้า
ห้องทำงานของพวกเขาแล้ว
“เสียงดังทำไม?” โซ่ใช้หางตาเหลือบมองคนรักที่มายืนหอบอยู่ข้างๆ เหมือนไม่สนใจ ในขณะ
ที่สอดมืออีกข้างที่ว่างจากการตักโจ๊กเข้าปากก็ลงไปหยิกต้นขาของตัวเองไว้แน่น เพื่อที่จะไม่ให้หลุด
หัวเราะออกมา เพราะเห็นแล้วแหละว่าพอร์ชหยิบผลงานชิ้นเอกทั้งสามถุงของเขาติดมือลงมาด้วย
“ไอ้นี่…คืออะไร?” หยิบยื่นออกไปจนถุงยางที่เต็มไปด้วยน้ำรักสีข่าวขุ่นแทบจะกระแทกตาคนรัก
อย่างโซ่ที่กำลังจะตักโจ๊กเข้าปากพอดี…สีเหมือนกันเลยครับไอ้ห่า!
“ก็ถุงยางไง บ้าป่ะ? ใช้เองแท้ๆ เสือกจำไม่ได้…ไปๆ เอาไปทิ้ง แล้วมากินข้าว” โซ่บอกปัดๆ
ทำเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่ข้างในกำลังยิ้มร่า สะใจที่ได้เห็นหน้าแปลกประหลาดของพอร์ช
“เออ…รู้แล้วว่ามันเป็นถุงยาง แต่ที่กูงงคือ มันมีไอ้สามถุงนี้มาเพิ่มได้ไง ทั้งที่เมื่อคืนเราทำกัน
ไปแค่สามรอบเอง” พอร์ชถามออกมาด้วยสีหน้าและท่าทางที่เต็มไปด้วยความสับสน เพราะก่อนหน้าที่
จะวิ่งลงมาหาโซ่ เขาก็ตรวจดูถังขยะในห้องแล้วว่าสามถุงที่เขาใช้เมื่อคืนยังอยู่ดีในถังขยะ แต่ที่สงสัยก็คือ
ไอ้สามถุงนี้มันมาได้ไง? เพิ่มมาตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่อง ที่สำคัญเลยคือ…ทำไมเขาถึงได้อยู่ใน
สภาพแก้ผ้าท้าลมอยู่แบบนั้น?
“เมื่อคืนมึงปล้ำกู” ก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์ แต่เป็นอารมณ์ขันนะ
ไม่ใช่พายุอารมณ์ของความโมโหโกรธาอย่างที่พอร์ชเข้าใจผิดไป
“ห้ะ? กูเนี่ยนะปล้ำมึง?” พอร์ชร้องถามออกมาเสียงหลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่คนรักบอก
“เออ! ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นหมาตัวไหนห้ะ? ที่บังคับปลุกกูขึ้นมาใช้หนี้สามรอบที่เหลือกลางดึกน่ะ”
โซ่ว่าตวัดเสียงว่าอย่างเหวี่ยงๆ พยายามแสดงให้แนบเนียนที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามของคนรักอีก
เพราะขืนปล่อยให้เจ้าตัวซักถามอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวได้มีหลุดกันบ้างล่ะ
“โอเคๆ ใจเย็นๆน้า~ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่รู้ตัวเลย เพื่อเป็นการไถ่โทษ เดี๋ยววันนี้ป๋าพอร์ช
จะตามใจเมียจ๋าทั้งวันเลย…ดีไหมครับ?” แม้ความสงสัยจะยังไม่หายออกไปจากใจ แต่พอร์ชก็เลือกที่จะมอง
ข้ามไปก่อน แล้วค่อยไปนึกทบทวนทีหลังก็ยังไม่สาย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การหาคำตอบเรื่องนั้น
แต่เป็นความรู้สึกและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของคนรักต่างหากล่ะที่เขาไม่ควรจะเอามาเสี่ยง เพราะรู้ดีว่าโซ่เอาใจยาก
แค่ไหน ถ้าหากปล่อยเจ้าตัวหงุดหงิดขึ้นมา
“เออ” โซ่ตอบพร้อมดึงให้พอร์ชลงมานั่งกินโจ๊กด้วยกัน แต่พอร์ชขืนตัวไว้ ก่อนที่จะเดินเอาผลงาน
ชิ้นเอกของโซ่ที่หยิบติดมือมาไปทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่จะล้างมือให้สะอาดเรียบร้อย แล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบน
เก้าอี้ว่างข้างๆ คนรัก อ้าปากรอให้โซ่ตักโจ๊กป้อนจนอิ่ม ก่อนที่จะพากันจูงมือเดินกลับขึ้นห้องไป
แต่ในระหว่างนั้นเอง ถ้าหากพอร์ชเอะใจ แล้วหันกลับมามองคนรักสักนิด เขาก็จะได้เห็นว่าโซ่
ไม่ได้หน้าบึ้งตึงอย่างที่ควรจะเป็น แต่กำลังฉีกยิ้มร้ายออกมาอย่างชอบใจต่างหากล่ะ
TBC.
หลังจากจบตอนนี้ไป เราอาจจะต้องติดแท็ก #นายเอกสุดโต่ง หรือไม่ก็ #น้องโซ่คนจริง2018 แล้วล่ะ
ถ้ามันจะเกรียนขนาดนี้ คนห่าไร จะมีความย้อนแย้งในตัวเองสูงขนาดนี้
อ่อ! แล้วที่อ่านๆ กันอยู่เนี่ย รู้ยัง? ว่าคู่รองของเรื่องนี้คือ #โซ่ดี้ (โซ่xออดี้) อ่ะ? กร๊ากกกกกก...