{End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}  (อ่าน 85808 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กลัวจัง กลัวอีพี่จับได้ น้องโซ่จะโดนคูณ 4 เท่า  :hao6:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ MissM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีใครกลัวเมียมากกว่าพระเอกเรื่องนี้ไหมคะเนี่ยะ 55555 แอบแย๊บๆอยากอ่านเรื่องพี่ออดี้จัง :hao3:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{28}






            “เอารถไปส่งกูให้หน่อยสิ” เสี่ยใหญ่พูดบอกพร้อมกับส่งคลิปบอร์ดสีดำสนิทที่มีเอกสาร
ส่งมอบรถอยู่สามสีแผ่นส่งให้กับลูกชายคนเล็กที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างกับลูกสะใภ้
อย่างโซ่ที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเรียงเอกให้กับคุณนายปลื้มจิตผู้เป็นภรรยา



            “อ้าว…ไหนเมื่อวานบอกว่าอาทิตย์นี้จะให้ผมหยุดไงป๋า” ก็ไม่ได้อยากจะโวยวายหรอกนะ
ที่ถามเนี่ยก็แค่คล่องใจเฉยๆ เพราะเมื่อวานเสี่ยใหญ่ผู้เป็นพ่อบอกกับเขาด้วยตนเองแท้ว่าจะให้หยุด
ทำงานหนึ่งวัน เพราะเห็นว่าเขาเหน็ดเหนื่อยจากการแข่งขันกีฬาสีมาทั้งสัปดาห์แล้ว



            “เออ…เอาไปส่งให้หน่อย เดี๋ยวกูให้พิเศษ เอาเจ้าโซ่ไปเป็นเพื่อนด้วย วันนี้ไอ้น้อยมันลา
เมียมันจะคลอดลูก…ลูกค้าแมร่งก็เร่ง ทั้งที่เพิ่งจะออเดอร์เข้ามาเมื่อวานตอนเย็น มันคิดว่ากูเป็น
ซุปเปอร์แมนมั้ง จะเอาเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ กูไม่ด่ากลับให้ก็บุญหัวแล้ว…ห่า” เขาพูดบ่นออกมาอย่าง
หัวเสียด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด เพราะเพิ่งจะวางสายจากลูกค้ารายนี้ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
ลำพังแค่สั่งของมาตามระเบียบการซื้อขายแล้ว เขาจะไม่อะไรเลย แต่นี้เพิ่งจะสั่งซื้อเข้ามาเมื่อเย็นวาน
ตอนที่ร้านจะปิดอยู่แล้ว กลับมาบอกว่าจะเอาของวันนี้เพราะทางนั้นเองก็ถูกลูกค้าคนใหญ่คนโตจี้เร่งมา
อีกที แต่จะไม่ส่งให้ก็ไม่ได้ เพราะตัวแทนย่อยรายนี้เป็นลูกค้าที่ทำการซื้อขายกันมานานหลายปี เพราะ
นอกจากจะขายรถจักยานยนต์แล้ว เสี่ยใหญ่พ่อของพอร์ชยังเป็นตัวแทนหลักของบริษัทกระจายสินค้า
ให้กับผู้ค้ารายย่อยในโซนภาคเหนือตอนล่างอีกด้วย



            “ให้ลูกขับไปเองหรอคุณ” แม่พอร์ชเอ่ยถามสามีที่กำลังนั่งทำหน้ายุ่งอยู่บนโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม
ซึ่งเป็นที่ประจำของเจ้าตัวด้วยท่าทางเป็นกังวล เพราะปกติแล้วพอร์ชจะไปกับคนขับรถอีกคนหนึ่ง



            “อือ แค่นี้เองให้มันไปเถอะ มีอะไรเดี๋ยวเคลียร์เอง…มึงก็อย่าประมาทล่ะ ตายห่าไปไม่คุ้ม
แถมยังเดือดร้อนชาวบ้านเขาอีก” บอกกับภรรยาก่อนที่จะหันไปพูดกับลูกชายในประโยคสุดท้ายด้วย
น้ำเสียงที่แตกต่างออกไป ฟังดูแล้วอาจจะขัดหูไปบ้าง แต่ทุกคำที่เขาพูดออกมานั้นก็เต็มไปด้วย
ความห่วงใยที่มีต่อลูกชาย และที่ยอมปล่อยให้พอร์ชไปกับโซ่สองคนแบบนี้ก็เพื่อจะทดสอบความ
สามารถและความรับผิดชอบของทั้งสองคน ก่อนที่ตนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป

..

..

..

            “กูเพิ่งจะรู้ว่ามึงมีบ้านอีกหลัง” โซ่เอ่ยขึ้นในขณะที่ทั้งสองคนขับรถออกจากตัวเมืองพิจิตร
มาแล้ว หลังจากที่พอร์ชพาโซ่ไปเปลี่ยนรถที่บ้านใหญ่หรืออีกนัยหนึ่งก็คือโกดังเก็บรถจักรยานยนต์
หลากหลายรุ่นแต่ยี่ห้อเดียวกัน ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าของที่ร้านทั้งสิ้น



            “เอาไว้สต๊อกของกับให้คนงานในร้านอยู่เท่านั้นแหละ อยู่ตลาดสะดวกที่สุดแล้ว” พอร์ชบอก
ไปตามความจริง เพราะตั้งแต่จำความได้เขาก็อยู่ที่ร้านมาโดยตลอด มีสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งของ
กินและของใช้ ก็สะดวกสบายดี



            “ไปกำแพงเพชรใช่ไหม?” อยู่ๆดีพี่ท่านก็เปลี่ยนเรื่องคุย ทำเอาพอร์ชแทบตามไม่ทัน



            “อือ…จะเอาอะไร” ด้วยความที่เริ่มจะคุ้นชินกับนิสัยใจคอของคนรัก พอร์ชก็จะรับรู้ได้ทันทีว่า
โซ่กำลังคิดจะทำอะไร หรือต้องการแบบไหนอย่างไร เพียงแค่เจ้าตัวพูดบอกออกมา เหมือนอย่างที่เป็น
อยู่ตอนนี้ ที่เจ้าตัวกำลังสนใจอะไรสักอย่างที่อยู่ในจอโทรศัพท์ของพอร์ช



            “เฉาก๊วย อยากกินเฉาก๊วย”



            “ชากังราว?”



            “อือ ที่มันหนึบๆอ่ะ…อยากกิน” พยักหน้าหงึกหงักแล้วคว้านมถุงรสรสช็อกโกแลตสุดโปรดที่
คุณนายปลื้มจิตซื้อใส่ตู้แช่ไว้ให้ขึ้นมากัดมุมดูดเข้าปาก ก่อนที่จะหยิบอีกถุงมากัดมุมแล้วยัดใส่ปากป้อน
ให้พอร์ชที่ขับรถอยู่ได้ดื่มเหมือนกัน…หวานป่ะล่ะ? อย่าอิจฉาสิครับ!



            “ที่ตลาดนัดก็มีขาย” พอร์ชบอก เพราะว่าเฉาก๊วยที่โซ่บอกว่าอยากกินนี้มีใส่แก้วขายอยู่ตาม
ตลาดนัดทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะมีขายอยู่ทุกวัน



            “อยากกินเยอะๆ” มันก็จริงอย่างที่พอร์ชบอกว่าตามตลาดนัดก็มีขาย แต่ใช่ว่าจะมีขายทุกวัน
หรือทุกครั้งที่อยากกินเสียเมื่อไหร่ จะมีก็แต่เฉาก๊วยธรรมดาที่แข็งๆ ร่วนๆ ไม่หอม ไม่หนึบ และไม่
อร่อยเหมือนกับยี่ห้อที่โซ่อยากกิน



            “อ้วน”



            “เรื่องของกู” ตอบปัดไปเหมือนไม่รู้สึกอะไร ขณะที่ในใจก็กำลังก่นด่าคนรักไม่หยุด
คนเขาออกจะหุ่นดี มาว่าอ้วนได้ไง บอกเลยว่ากูเคืองหนักมากครับไอ้พี่พอร์ช!



            หม๊าว~



            ก่อนที่พ่อจ๋ากับป๋าจ๋าจะทะเลาะกันมากไปกว่านี้ เจ้าเหมียวมณีลูกรักก็ส่งเสียงร้องขัดขึ้น
มาเสียก่อน หลังจากที่เล่นซนจนผล็อยหลับไประหว่างที่โซ่กับพอร์ชช่วยกันเช็คสินค้าขึ้นรถเมื่อชั่วโมงที่แล้ว



            “หิวแล้วละซิพี่มณี” โซ่ตบแปะลงบนหน้าตักตัวเองเบาๆ เป็นสัญญาณเรียกให้ลูกชายสุด
ที่รักเข้ามาหา ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบขวดนมในตะกร้าของใช้ส่วนตัวของพี่มณีที่มักจะ
หยิบติดมือมาด้วยทุกครั้งที่เจ้าเหมียวจอมแสบกระโดดเกาะหลังตามออกมาเที่ยวด้วย



            หม๊าว~



            นอกจากจะไม่ไปตามที่โซ่เรียกแล้ว เจ้ามณียังเดินเข้าไปคลอเคลีย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
ขดบนตักของพอร์ชที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถเสียอย่างนั้น



            ‘พี่มณีก็หิวนะพ่อจ๋า แต่ตักป๋าพอร์ชอุ๊นอุ่น…หม๊าว~’



            “หึหึ”



            “ตลกหรอ? พี่มณีมากินนมก่อนเร็วเดี๋ยวปวดท้องอีก” เพราะการทำงานของลำไส้และระบบย่อย
รวมถึงอวัยวะส่วนอื่นในช่องท้องของเจ้าเหมียวมณีได้รับผลกระทบมาจากการโดนยิงในคราวนั้น โซ่จึง
ดูแลเรื่องอาหารการกินและการขับถ่ายของมณีเป็นพิเศษ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นแมวที่ยังเด็กมาก เลยไม่รู้
หรอกว่าตัวเองมีปัญหาที่ตรงไหน จนกระทั่งปวดท้องเพราะลำไส้โป่งพองจนต้องกลับไปให้หมอรักษา
พร้อมทั้งตัดลำไส้ทิ้งอีกรอบนั่นแหละ โซ่จึงจำเป็นต้องฝึกให้พี่มณีกินและขับถ่ายเป็นเวลาไม่ต่างจากคน
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อตัวเจ้าเหมียวน้อยเอง



            หม๊าว~



            “มากินนมก่อนเร็ว ถ้าไม่ดื้อจะเอาบอลให้เล่น…สนเปล่า?” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่โซ่ยัง
หยิบลูกบอลกระดิ่งซึ่งเป็นของเล่นชิ้นโปรดของพี่มณีออกมาโชว์ให้ดูเป็นขวัญตา ว่าเอามาจริงๆ
ไม่ได้แกล้งหลอกแต่อย่างไร



            พอร์ชทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบอมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้เห็นท่าทางง้องอนของสองแม่ลูก
เอ้ย! พ่อลูกที่เป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอาหารของพี่มณี เพราะอย่างที่บอกไว้ว่าโซ่ต้อง
การที่จะฝึกให้ท้องของพี่มณีตรงเวลา ในขณะที่เจ้าเหมียวจอมแสบก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย



            หม๊าว~



            “ไปๆ อยากเล่นก็ไปกินนมก่อน เดี๋ยวแม่มึงโมโหแล้วพาลมาลงที่กูอีก” พอร์ชละมือออก
จากพวงมาลัยรถมาข้างหนึ่ง เพื่ออุ้มพี่มณีลูกรักส่งให้กับโซ่ เมื่อเจ้าเหมียวน้อยทำท่าสนใจลูกบอล
ของเล่นในมือโซ่ แต่ก็ยังไม่ยอมลุกออกจากตักตนเอง



            “แม่บ้านมึงสิ! กินดีๆ เดี๋ยวค่อยเล่น” หันไปว่าคนรักเสียงเขียว ก่อนที่จะหันกลับมาเอ็ด
เจ้าเหมียวลูกรักเสียงเข้ม เมื่อเจ้าตัวแสบทำท่าจะตะกายเอาลูกบอลในขณะที่นอนหงายดูดขวดนมอยู่บนตัก



            “หึๆ ฝึกไว้ ตอนมีลูกจะได้ไม่เขิน” พอร์ชอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวคนรัก เพราะท่าทางของ
โซ่กับเจ้าเหมียวมณีตอนนี้ไม่ต่างไปจากแม่ป้อนนมลูกสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยสีหน้า ท่าทาง หรือ
แม้แต่แววตาที่โซ่ใช้มองพี่มณีในยามที่เจ้าเหมียวแสบไม่ดื้อไม่ซน แถมยังใช้สองมือเกาะขวดนมเล็กๆ
ของตัวเองไว้แน่นอีกต่างหาก…เหมือนเด็กเลย…โคตรน่ารัก!



            “เพ้อเจ้อ” แม้ว่าปากจะพูดแบบนั้น แต่เจ้าตัวคงจะเขินอยู่ไม่น้อย ถึงได้หันไปแอบยิ้มอีก
ด้านหนึ่งเพื่อไม่ให้พอร์ชเห็น แต่ขอโทษเถอะครับ…ด้านนั้นมันเป็นกระจก! และพอร์ชเองก็ได้เห็น
รอยยิ้มหวานของโซ่ไปแล้วเรียบร้อย เพียงแต่เจ้าตัวไม่อยากจะแซวออกมาให้โซ่อารมณ์เสียเท่านั้นเอง
เพราะบรรยากาศตอนนี้มันละมุนดีอยู่แล้ว



            “นั่งรออยู่กับอีมณีนี่แหละไม่ต้องลงไปหรอก เอารถลงแป๊บเดียว” พอร์ชพูดบอกเมื่อมาถึง
จุดหมายปลายทางในการขนส่งสินค้าในครั้งนี้แล้ว โซ่ขยับท่าทางทำเหมือนว่าจะลงไปช่วยด้วย แต่
พอร์ชก็หวงเกินกว่าจะให้คนรักลงจากรถไปอวดต้นขาขาวๆ ที่แสนหวงแหนได้ เพราะวันนี้โซ่ใส่กางเกง
ขาสั้นเหนือเข่าที่เอาไว้ใส่อยู่บ้านมา และก่อนหน้านี้ก็โดนเร่งจนลืมเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวอย่างที่ควร



            “อือ” พอเห็นว่าโซ่พยักหน้าตอบรับในคำบอกกล่าวแล้ว พอร์ชก็กระโดดลงจากรถไปจัดการ
เคลียร์เรื่องเอกสารสินค้ากับทางลูกค้าว่าตรงตามที่สั่งหรือไม่



            หม๊าว~ หม๊าว~



            “เป็นอะไร ปวดท้องหรอ” โซ่ถามเจ้าเหมียวลูกรักที่นอนร้องโอดครวญอยู่ข้างๆ พลางใช้นิ้วชี้
กดๆคลำๆดูตรงข้างหางดูว่าเป็นอย่างที่ตนคิดหรือไม่



            หม๊าว~



            “อึไม่ออกอีกแล้วหรอพี่มณี รอเดี๋ยวนะจะไปซื้อยาคูลท์ให้” ยิ่งเห็นลูกรักโอดครวญด้วย
ความทรมานหนักๆ เข้าโซ่ก็รีบหันซ้ายแลขวามองหาร้านค้าที่น่าจะมีนมเปรี้ยวให้ตนได้ซื้อบ้าง
แล้วรีบคว้ากระเป๋าสตางค์ของพอร์ชที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมาถือ เมื่อเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล



            “ลงมาทำไมโซ่!” เพียงแค่เปิดประตูยังไม่ทันจะได้ก้าวขาลงรถ โซ่ก็ถูกคนรักอย่าง
พอร์ชเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงดุดันเข้าให้แล้ว



            “จะไปซื้อยาคูลท์ มณีปวดท้อง” เพราะกำลังเป็นห่วงเจ้าเหมียวลูกรักมาก โซ่เลย
ไม่ได้เก็บท่าทางฉุนเฉียวของคนรักเอามาใส่ใจ



            “นั่งอยู่ในนี้แหละ เดี๋ยวไปซื้อให้” พอร์ชพูดบอกพร้อมกับดันหลังให้คนรักกลับเข้า
ไปนั่งรออยู่ในรถเหมือนเดิม ส่วนตัวเองก็ข้ามถนนไปซื้อนมเปรี้ยวให้เจ้าเหมียวลูกรักแทน



            “พอร์ช…กิน” โซ่เรียกให้คนรักหันมาหา ก่อนที่จะส่งนมเปรี้ยวที่เหลือให้พอร์ชกินต่อ
เพราะเจ้าเหมียวมณีกินได้แค่ครั้งละสองซีซีก็เพียงพอต่อร่างกายแล้ว ขืนให้มากไปกว่านั้น จาก
ที่จะช่วยให้ขับถ่ายสะดวกขึ้นจะกลายเป็นช่วยทำให้ท้องเสียแทน



            “มานี่ดิ” พอร์ชกระดิกนิ้วเรียกให้คนรักเข้ามาหา เมื่อเห็นว่าโซ่จับเจ้าเหมียวมณีไปวาง
บนแผ่นรองซับสัตว์เลี้ยงที่เจ้าตัวนำไปปูวางไว้บนพื้นรถเตรียมให้ลูกรักได้ขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว



            “เพื่อ?” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่โซ่ก็ยอมขยับตัวเข้าไปหาตามที่พอร์ชเรียกอยู่ดี



            พรึ่บ!



            “เพื่อลงโทษเด็กดื้อที่ขัดคำสั่งพี่ไงครับ” ดึงตัวคนรักขึ้นมานั่งเกยตักแล้วก้มลงประกบ
ปากจูบในทันที ก่อนที่จะผลักให้โซ่นอนหงายไปตามความยาวของเบาะที่เชื่อมต่อกัน



            “ดื้อบ้านมึงสิ…อื้อ!” จากที่ว่าๆ อยู่ก็ต้องเปลี่ยนมาครางปากสั่น เมื่อพอร์ยก้มลงขบกัด
บริเวณต้นขาทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนเห็นรอยชัดเจน มิหนำซ้ำยังใช้มือที่ว่างจากการล็อคตัว
ของโซ่กดเน้นตรงกึ่งกลางร่างกายของคนรักจนขึ้นรูปนูนเด่นเป็นลำเต็มกางเกง



            ก๊อก ก๊อก ก๊อก



            แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น กระจกหน้าต่างของรถตรงฝั่งพอร์ชก็ถูกใครบาง
คนเคาะขัดจังหวะจากด้านนอกเสียก่อน



            จ๊วบ!



            “หวงฉิบหาย” พอร์ชจูบหนักที่ต้นขาด้านในข้างขวาของโซ่อีกครั้งเป็นการส่งท้าย
ก่อนที่จะลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เป็นปกติเสียก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถไป
ทิ้งให้โซ่นอนแผ่หลาอยู่กลางเบาะรถเหมือนเดิม เพราะยังไงก็ไม่มีใครมองเห็นอยู่แล้ว เนื่องจาก
ว่ารถติดฟิล์มมืดสนิท คนข้างนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ แต่คนด้านในสามารถมองเห็นข้างนอกได้
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงกลางคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิทก็ตาม



            “เฮ้อ! ไอ้หมาบ้า…หวงไม่เข้าเรื่อง” กว่าจะจัดการให้ความรู้สึกพลุ่งพล่านของตัวเองกลับมา
เป็นปกติได้ก็ทำเอาโซ่เกือบแทบแย่ เพราะร่างกายที่ถูกปลุกความต้องการจากมือคนรักอย่างพอร์ชมัน
ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ อย่างที่ใจคิด



            หม๊าว~



            “สบายตัวแล้วดิ? เสร็จแล้วก็ขึ้นมาเช็ดก้นมา” ตบตักเรียกให้เจ้าเหมียวที่เพิ่งจะถ่ายท้อง
เสร็จขึ้นมาหาตนเอง เพื่อที่จะเช็ดก้นให้อย่างทุกครั้ง ตามที่สัตว์แพทย์ผู้รักษาเจ้ามณีย้ำนักย้ำหนา
ว่าต้องช่วยทำให้สะอาดในทันที อย่างน้อยก็จนกว่าจะแน่ใจว่าระบบการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ
ในช่องท้องของเจ้ามณีจะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ



            หม๊าว~ หม๊าว~



            เช็ดก้นเสร็จแล้ว เจ้าเหมียวน้อยก็สะกิดขาร้องเรียกชวนให้โซ่หันกลับไปมองกองอึอึ๊ของ
ตัวเองที่ยังกองแผ่หลาโชว์สายตาอยู่กลางแผ่นซับบนพื้นรถ



            “ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ ไว้ให้ป๋ามึงเก็บ…ดีไหม?” โซ่จัดการเก็บของใช้ส่วนตัวของ
เจ้าเหมียวมณีที่วางเรี่ยราดอยู่บนเบาะรถใส่ตะกร้าจนเรียบร้อย ก่อนที่จะหันมาถามหาความเห็น
กับเจ้าเหมียวลูกรักที่นอนซบอยู่บนตักเป็นเรื่องเป็นราวประหนึ่งว่าคุยกันรู้เรื่อง



            เมี๊ยว~ 



            “ฮ่าๆ ตอบเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้แสดงว่าใจตรงกัน” พอได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว
สองพ่อลูกหนึ่งคนกับหนึ่งลูกแมวก็พากันหยอกล้อและเล่นลูกบอลกระดิ่งอย่างสบายใจในขณะ
ที่รอให้ป๋าพอร์ชคนดีที่กำลังยุ่งอยู่กับการเจรจาธุรกิจกับลูกค้ากลับมาเก็บกองอึกลิ่นนมแพะที่
พ่อโซ่จ๋ากับลูกมณีสุดที่รักเตรียมไว้รอ









TBC.
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนานเพราะคนเขียนส่งคอมซ่อม เพิ่งได้กลับมาสดๆร้อนๆเมื่อเย็นนี้เลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มีความครอบครัวสุขสันต์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แปลกคนนะโซ่นะ หอมไหมกลิ่นอึมณีนะ นั่งดมกลิ่นอยู่ได้เนอะ  o18

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มาแล้วๆ~

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
รอตอนหน้านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{29}











            “เข้าไปดูมันหน่อย” โซ่บอกกับพอร์ชในขณะที่กำลังจะเดินผ่านหน้าห้องของออดี้พี่ชายเจ้าตัว
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านได้สักพักแล้ว แต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพอร์ชคุยงานกับพ่อก่อน ตนจึงอาศัยจังหวะ
นั้นแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามคุณนายปลื้มจิตดูว่ามีใครเข้าไปวุ่นวายกับออดี้หรือไม่ เพราะก่อนออกไปตนเอง
ได้บอกเอาไว้แล้วว่าอย่าให้ใครเข้าไปกวนเพราะออดี้ต้องการพักผ่อน หลังจากที่ตนเองนำอาหารกลางวัน
ไปทิ้งไว้ให้เจ้าตัวแล้ว แต่อย่าคิดว่าเขาจะหลงเสน่ห์อะไรมันหรอกนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทำเพื่อความสบายใจ
ของทุกคนในครอบครัวทั้งนั้น โดยเฉพาะแม่กับป๋า เขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากต้องมารับรู้ว่าลูกชายตัวเอง
โดนขืนใจมาสาหัสเช่นนี้ แต่กลับพอร์ช เขาคงต้องบอกให้เจ้าตัวรู้ เพราะไม่อยากให้เป็นปัญหาทีหลัง



            “ออดี้? ทำไม? มันอยู่หรอ?” ในหัวของพอร์ชตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถาม เพราะครั้งสุดท้ายที่
ได้รับรู้เรื่องของพี่ชายคนกลางคือตอนที่ทะเลาะกันในวันนั้น ก่อนที่ออดี้จะหายออกจากบ้านไป และไม่กลับมาอีกเลย



            “เออ…เข้าไปคุยกับมันหน่อย เดี๋ยวกูขึ้นไปรอข้างบน” พูดจบก็ชิงเดินหนีขึ้นบันไดไปชั้นบนซึ่ง
เป็นที่ตั้งของห้องนอนของตนเองพร้อมกับพี่มณีลูกรักที่นั่งหน้าเชิดอยู่บนบ่า ทิ้งให้คนรักอย่างพอร์ชยืน
งงอยู่ที่เดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเปิดประตูห้องพี่ชายเข้าไปในที่สุด



            “ขอบคุณครับ” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังมาพร้อมกับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนข้างหลัง
 ทำให้โซ่ที่เผลอเคลิ้มหลับไปพักใหญ่หลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย แล้วใช้สองมือของตนเองวาง
ทาบทับสองแขนอันแข็งแรงของคนรักที่สอดเข้ามากอดรัดตนเองไว้ ก่อนที่จะพากันนอนหลับลึกลงไปอีกครั้ง

..

..

..

            “เอาจริง?” พอร์ชถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อโซ่บอกว่าจะเอาเงินไปให้ตากับยาย
ที่บ้านด้วยตัวเอง ก่อนที่จะต้องไปเข้าค่ายในวันพุธที่จะถึงนี้



            “อือ…ซื้อของใช้เสร็จแล้วค่อยเข้าไป” เพราะต้องเตรียมของใช้ส่วนตัวไปเข้าค่ายด้วย
โซ่จึงชวนพอร์ชมาซื้อของด้วยกันในห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และตั้งใจที่จะซื้อของ
ใช้ภายในบ้านเข้าไปให้ตากับยายที่ตนรักอย่างที่เคยทำมาตลอดด้วย หลังจากที่ไม่ได้เข้าไป
หาเลยตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมา จะมีก็แต่ฝากยศเอาเงินเข้าไปให้ทุกอาทิตย์



            “วันนี้หมอนัดให้ไปเอาผลตรวจเลือดนี่หว่า” พอร์ชพูดบอกออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่า
ตอนกลับบ้านหลังเลิกเรียนตนกับโซ่พากันแวะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
และหมอนัดให้ไปฟังผลวันนี้ เพราะตอนที่เข้าไปตรวจมันเย็นมากแล้ว



            “ทำไม? กลัวเจอเลือดบวกหรอ” โซ่อดไม่ได้ที่จะแซะคนรักด้วยถ้อยคำแสบๆคันๆ
ด้วยความหมั่นไส้ เพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะตื่นเต้นกับผลตรวจเลือดนี้เหลือเกิน



            “เปล่า แค่นับวันรอ…ทิ้งถุงยาง” แต่มีหรือที่เจ้าตัวจะสลด ฉีกยิ้มกว้าง บอกถึง
สาเหตุที่ทำให้ตนตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้ เพราะก่อนหน้าที่จะพากันไปตรวจเลือด พอร์ช
พยายามที่จะขอรักโซ่แบบเนื้อแนบเนื้อ แต่โซ่ไม่ยอม ทั้งยังบอกว่า ถ้ายังไม่ได้ตรวจ
คัดกรอง HIV ก็อย่าหวังว่าจะได้สัมผัสกันแบบไร้เครื่องป้องกัน เพื่อความปลอดภัย
และความสบายใจของตนเองและคนรักอย่างพอร์ชทั้งนั้น



            “หึๆ อีกนาน วันนี้จัดของ พรุ่งนี้เข้าค่าย วันศุกร์กลับมามึงก็นอนตายแล้วพอร์ช”
โซ่พูดบอกไปตามที่คิด เพราะทุกครั้งที่มีการเข้าค่าย ร่างกายก็จะได้รับผลกระทบเป็น
ความอ่อนเพลียติดตามกลับมาบ้านด้วยเสียทุกครั้งไป โดยเฉพาะครั้งนี้ที่น่าจะหนักหน่วง
กว่าที่แล้วมา ตามสไตล์เทคนิคเด็กช่างเขานั่นแหละ

..

..

..

            “อันนี้ของพ่อกับแม่นะ ส่วนอันนี้ฝากให้เขาด้วย แล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมเอาเข้า
มาให้อีก แต่ถ้าไม่ว่างก็จะฝากไอ้ยศมาให้เหมือนเดิม” โซ่บอกพร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่ง
เท่ากับที่เคยฝากให้เพื่อนสนิทอย่างยศเอาเข้ามาส่งให้ตากับยายหลังจากที่นั่งคุยกันมาได้สักพักแล้ว



            “ไปเข้าค่ายก็ดูแลตัวเองดีๆ อันไหนเล่นไม่ได้ทำไม่ได้ก็บอกเขาไป ไม่ต้องไปฝืน…
ฝากดูมันด้วยนะพอร์ช เจ้าโซ่มันชอบดื้อเงียบ” ยายของโซ่พูดเตือนหลานชายด้วยความเป็นห่วง
เหมือนอย่างที่เคยบอกมาตลอดเวลาที่โซ่จำเป็นต้องออกไปเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมกับโรงเรียน
ก่อนที่จะหันมาพูดฝากฝังกับพอร์ชอีกที เพราะรู้ดีว่านิสัยของหลานรักดี



            ก่อนหน้านี้สองตายายรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่หลานชายแนะนำเด็กหนุ่มอีกคนว่าเป็น
คนรักของเจ้าตัว เพราะปกติแล้วโซ่ไม่เคยมีเรื่องแฟนมาให้ตนเองเป็นกังวลสักนิด อย่าว่าแต่
ผู้ชายเลย ผู้หญิงสักคนยังไม่มีผ่านเข้ามาให้เห็น จนกระทั่งพาพอร์ชเข้ามาแนะนำให้รู้จักวันนี้
นี่แหละ แต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้หรอกนะ จะลูกใคร เพศไหน พวกเขาไม่เคยเกี่ยง ขอแค่รักและ
ดูแลโซ่ให้ดีกว่าที่พวกเขาพยายามทำมาตลอดชีวิตก็พอ เพราะหลังจากนี้พวกเขาคงจะปกป้อง
โซ่ได้ไม่ดีนัก ถ้าหากว่าโซ่กับแม่ผู้ให้กำเนิดของโซ่ยังคงตั้งแง่ใส่กันแบบนี้ เพราะนี่ก็หลาน
อีกฝ่ายก็ลูกพวกเขาเลยทำได้แค่เพียงมองและรอลุ้นให้ทั้งสองคนเข้าใจกันในเร็ววัน



            “อือๆ มีใครเข้าไปในห้องผมรึเปล่า?” ตอบรับในความห่วงใยของยายแล้วก็เอ่ยถามถึงสถานะ
ห้องนอนของตนเองที่อยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะยังเหลือสมบัติส่วนตัวอีกเยอะมากที่ตนยังไม่ได้ขนไป



            “ใครเขาจะเข้าไปยุ่งของเอ็ง” ตาของโซ่พูดบอกพร้อมกับส่งกุญแจสำรองของห้องโซ่
ให้เจ้าตัว เพราะตั้งแต่ที่โซ่ออกไป เขาก็ล็อกปิดตายเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่มย่าม
ในอาณาจักรส่วนตัวของหลานชาย เพราะใจก็ยังแอบหวังไว้ว่าหลานชายจะกลับมาอยู่ด้วยกัน



            “’งั้นผมขึ้นไปเอาของก่อนนะ ใกล้จะปิดเทอมแล้ว” พูดบอกเป็นนัยๆ ให้ตากับยายรับรู้



            “จะไปอีกแล้วหรอ” คุณยายเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะรู้ดี
ว่ากิจกรรมยามปิดเทอมของหลานชายคืออะไร หลังจากที่เจ้าตัวไปมาแล้วสองปีสี่ครั้ง



            “เอาน่า เดี๋ยวก่อนไป ผมจะแวะมาหาอีกที” พูดจบก็หันหลังเดินหนีขึ้นบันไดไป ทิ้งให้
พอร์ชต้องวเดินตามไปติดๆ หลังจากที่หันไปขออนุญาตตากับยายของโซ่เรียบร้อยแล้ว



            “ปิดเทอมนี้จะไปไหนอ่ะ ไม่เห็นบอกกันเลย” พอเข้ามาถึงในห้องแล้ว พอร์ชก็ยิงคำถาม
ใส่คนรักทันที เพราะคำพูดของคุณยายที่เอ่ยถามโซ่เมื่อครู่นั้นมันยังติดอยู่ในใจ



            “ถึงเวลาแล้วจะบอก…กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้พี่มณีรอแย่แล้ว” พอได้ของที่ต้องการครบ
หมดแล้ว ก็ชวนพอร์ชกลับทันที เพราะเป็นห่วงพี่มณีลูกรักที่ยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนห้อง หลังจาก
ที่พากันแอบย่องออกมากันสองคนโดยที่ไม่ได้บอกเจ้าตัว ใครว่าแมวพูดไม่รู้เรื่อง โซ่ขอเถียงขาดใจ
เพราะพี่มณีลูกรักของโซ่นั้น ทุกวันนี้มันทำตัวเหมือนเด็ก พูดรู้เรื่องยิ่งกว่าคนเสียอีก



            “มีความลับตลอด” ถึงปากจะบ่น แต่ก็ยอมทำตามที่โซ่บอก แล้วเอื้อมมือไปคว้าเอากล่อง
ใส่ของในมือคนรักมาถือไว้เอง ก่อนที่จะพากันออกมาจากห้องในที่สุด



            “กลับมาทำไม!” ยังไม่ทันได้ออกไปไหนไกล เสียงตวาดแว้ดของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาจาก
ทางด้านหลัง ในขณะที่โซ่กำลังจดจ่ออยู่กับการล็อกประตูห้อง



            “ที่นี่บ้านมันบ้านกู…จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นแค่คนอาศัย อย่าแผงฤทธิ์มากนัก
ไม่อย่างนั้น แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็จะไม่เหลือ” ถ้าเป็นคนอื่นโซ่คงจะคิดว่ามันเป็นแค่เสียงนก
เสียงกา เสียงหมาเห่าหอน ปล่อยผ่านอย่างที่แล้วมา แต่พอมาเป็นเด็กสาวคนนี้ เขาก็พร้อม
ที่จะสู้รบตบมือได้ทุกเมื่อ ด้วยความชังที่มีอยู่ล้นหัวใจ เด็กอะไร ไร้จิตสำนึก ทั้งที่เขาคอย
ป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลมันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เพราะแม่มันไม่ค่อยสนใจ แต่พอโตมามันกลับ
ยกตนข่มท่าน ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา ถ้าไม่อกตัญญูจริงๆคงทำไม่ได้ ฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าเขา
จะกลับไปเอ็นดูมันอีกครั้ง เพราะมาถึงตอนนี้แล้วความเป็นพี่น้องเขาก็ไม่มีให้ ต่อให้มานอน
ดีดดิ้นจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าเขาก็จะไม่แล



            “ไปเถอะ ลูกรอกินข้าว” พอเห็นท่าไม่ดี พอร์ชเลยหยิบยกพี่มณีลูกรักขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
เมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นของพี่มณีแล้ว อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่รู้
ต้นสายปลายเหตุอันแท้จริงที่ทำให้โซ่กับน้องสาวผิดใจกันจนถึงกับต้องปะทะกันทุกครั้งที่หน้า
อย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ และคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าหากโซ่มามีเรื่องกับน้องสาวในวันที่พาเขาเข้ามา
แนะนำตัวกับที่บ้านเป็นครั้งแรกอย่างนี้



            เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว โซ่ก็เลือกที่จะเลิกต่อปากต่อคำกับน้องสาวต่างพ่อ ก่อนที่จะหัน
หลังเตรียมตัวเดินหนีทันที เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้คนรักมากนัก ลำพังแค่พามา
ทำความรู้จักกับตายายที่บ้านโดยที่ไม่ได้บอกให้เจ้าตัวได้รับรู้ล่วงหน้าก็มากพอแล้ว



            “เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ เสือกไปเป็นตุ๊ดเป็นกระเทย” ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหนไกล ถ้อย
คำดูถูกเหยียดหยามของปากเด็กสาวก็ดังแหวกอากาศพุ่งเข้ามากระทบที่ข้างหูเข้าอย่างจัง



            โซ่ตวัดสายตามอง เตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่ทันที เมื่อได้ยิน แต่โชคดีที่พอร์ชไว คว้าตัว
คนรักไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นละก็…ไม่อยากจะนึกถึงสภาพของเด็กสาวตอนที่ถูกโซ่ตีเลย เพราะมัน
ทำให้เขาหวนนึกไปถึงน้ำหนักฝ่ามือฝ่าเท้าของโซ่ตอนที่เจอกันช่วงแรกๆ



            บอกเลยงานนี้…ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เพราะเขามั่นใจว่าโซ่กล้าที่จะตีน้อง แม้ว่าอีกฝ่าย
จะเป็นผู้หญิง ทั้งที่ปกติแล้วเจ้าตัวจะเป็นคนที่ให้เกียรติสุภาพสตรีมากก็ตาม



            “ทำไม? โกรธหรอ? จะโกรธทำไมละในเมื่อมันเป็นความจริง” ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมีคน
คอยห้าม เธอก็ยิ่งได้ใจ



            “อย่าไปสนใจเลยนิ่ง ก็แค่เด็กน้อย…ไม่รู้จักโต” ถึงเอ่ยห้ามคนรัก แต่พอร์ชอดไม่ได้จริงๆ
ที่จะเหน็บแหนมหญิงสาวกลับไปบ้าง ให้พอแสบๆ คันๆ แต่เหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลย เพราหลัง
จากที่จบคำพูดเขา เธอก็พูดบอกออกมาอีกว่า…



            “มึงกับพ่อมึงมันกัน…ชอบนอนอ้าขาให้ผู้ชาย…ว๊าย!” ยังไม่ทันได้พูดจบดี โซ่ก็พุ่งเข้า
ใส่หญิงสาวทันที พร้อมฝ่ามือเรียวของเจ้าตัวที่กระทบตบลงบนใบหน้าของหญิงสาว แบบไม่มี
ออมแรง นอกจากรอยแดงที่ข้างแก้มแล้ว มุมปากของหญิงสาวก็ยังมีเลือดซึมออกมาอีกด้วย



            “ก็ยังดีกว่าพ่อมึงที่ชอบทำตัวเป็นแมงดา เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ” เขาออกห่างจากหญิง
สาวพร้อมๆกับที่พอร์ชตามมารั้งตัวไว้ เพราะไม่อยากให้โซ่ทำร้ายหญิงสาวอีก



            “…..”



            “จำใส่กะโหลกหนาๆ ของมึงไว้ด้วยนะว่า ที่กูยอมให้มึงเห่าหอนมาได้จนถึงทุกวันนี้ได้
ก็เพราะกูขยะแขยงสายเลือดโสโครกของมึงจนไม่อยากแตะต้อง ไม่ใช่เป็นเพราะกูกลัวแม่มึง”
เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของคนรัก ก่อนที่จะโน้มตัว พูดบอกกับหญิงสาวที่นั่งหมดสภาพ
 กองอยู่บนพื้นด้วยเสียงราบเรียบ แล้วใช้นิ้วชี้ของตัวเองกดจิ้มแรงๆ ตรงกลางหน้าผากของ
หญิงสาวซ้ำๆ เพราะต้องการให้เธอได้จำคำพูดของตนเองไว้



            “…..”



            “พอแล้วโซ่ กลับบ้านกันเถอะ” พอร์ชพยายามที่จะดึงตัวคนรักให้ออกห่างจากหญิงสาว
แต่เจ้าตัวก็ยังขืนตัวไว้ จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาอาฆาต ต่างจากคนน้องที่นั่งตัวสั่นน้ำตาคลอ
อยู่ที่พื้น สิ้นสภาพคนเก่งปากกล้าเมื่อครู่ไปเลย



            “อย่าลำพองให้มากนัก…ครั้งหน้ามึงอาจจะไม่ได้โดนแค่มือ แต่จะโดนส้นตีนกูด้วย
เพราะกูยอมให้คนตราหน้าว่าเป็นพวกหน้าตัวเมีย ขอแค่ได้สั่งสอนเด็กปากดีอย่างมึงก็พอ”
พูดจบก็สะบัดตัวหันหลัง เดินหนีลงบันไดไปในทันที ทิ้งให้พอร์ชยืนเอ๋ออยู่ที่เดิม เพราะปรับ
ตัวตามอารมณ์คนรักไม่ทัน



            “ขอโทษแทนมันด้วยนะ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าน้องหัดใช้สมองในหัวให้เป็นประโยชน์
ช่างน้ำหนักความคิดดูว่าอะไรควรไม่ควร” พอร์ชพูดทิ้งท้ายไว้ให้เด็กสาวได้คิด เผื่อว่าเธอ
จะกลับตัวกลับใจ ก่อนที่จะรีบเดินตามโซ่ไปอีกคน

..

..

..

            “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอถามอะไรอีกสักอย่างได้ไหม” พอร์ชเอ่ยในขณะที่กำลัง
นอนกออดกันอยู่บนเตียง เตรียมตัวเข้านอน เพราะหลังจากที่กลับมาจากบ้านของโซ่ พวก
เขาทั้งสองคนก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกันเลย เพราะโซ่ก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของพี่มณีลูกรัก
และจัดอุปกรณ์ของใช้ของตนเองกับคนรัก ส่วนพอร์ชก็ลงไปดูพี่ชายอย่างออดี้พร้อมทั้ง
เคลียร์งานในส่วนของตัวเองที่ทำค้างไว้ให้เสร็จสิ้น



            “เรื่อง?”



            “เรื่องของน้องสาว…เด็กคนนั้นไง” เขาจำต้องรีบเปลี่ยนคำเรียกขานเด็กสาว
คนนั้นทันที เมื่อโซ่หันมามองหน้าด้วยสายตาเอาเรื่อง



            “ทำไม?”



            “ก็มึงบอกว่าได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ถึงตอนหกขวบใช่ไหมล่ะ กูก็เลยสงสัยว่า
เด็กคนนั้นมาได้ไง เพราะดูท่าแล้วเด็กคนนั้นน่าจะอ่อนกว่าเราแค่ปีหรือสองปีเองนะ”
พอร์ชพูดถามออกไปตามตรง เพราะสงสัยมาตั้งแต่ที่เจอกันครั้งก่อนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถาม



            “ก่อนหน้านั้นกูจำไม่ได้หรอก รู้ตัวอีกทีกูก็ต้องไปนั่งเป็นตัวตลกอยู่กลางศาลให้พวกเขา
แสดงละครฉากใหญ่เพื่อแย่งชิง เพียงเพราะอยากจะเอาชนะหลังจากยื่นเรื่องฟ้องหย่ากันด้วย
เหตุผลที่ว่า ต่างคนต่างก็มีชู้ แต่ติดที่ว่าชู้ของพ่อกูเป็นเด็กผู้ชาย ผู้หญิงคนนั้นเลยชนะคดี แถม
พ่อกูยังโดนเพิ่มข้อหาพรากผู้เยาว์เพราะมีชู้เป็นเด็กชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จากนั้นพวกเขาก็
แบ่งสินสมรสกัน ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้ตัวกูมาพร้อมกับค่าเลี้ยงดูทุกเดือนจนกว่ากูจะมีอายุครบสิบแปด”



            “…..” พอร์ชกระชับอ้อมแขน ดึงคนรักเข้ามากอดให้แน่นขึ้น แล้วหยุดฟังอย่างเงียบๆ
โดยที่ไม่พูดแทรกใดๆทั้งสิ้น



            “ตอนนั้นกูโคตรดีใจเลยที่ศาลตัดสินแบบนั้น เพราะกูรักแม่ และก็อยากอยู่กับแม่มาก
เพราะตอนนั้นกูเกลียดพ่อมาก…พ่อที่ร่วมหลับนอนกับพี่ชายที่กูไว้ใจ แต่ความคิดกูก็เปลี่ยนไป
หลังจากที่กูโดนผัวใหม่ของผู้หญิงคนนั้นตบปากแตก เพียงเพราะเรื่องลูกอมเม็ดเดียวที่ลูกสาว
เขาให้กู แต่มันเสือกไปฟ้องพ่อมันว่ากูขโมย แต่ที่หน้าเจ็บใจไปกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม?”



            เขาเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่พยายามจะลบเลือนมานานแสนนาน แต่ก็ไม่อาจ
ชำระล้างรอยแผลเป็นที่ติดอยู่ในใจออกไปได้เลย เพราะหญิงชายผู้ที่สร้างรอยแผลนี้ไว้คือพ่อแม่
ผู้ให้กำเนิดที่ไม่อาจละเลยหรือทำเมินเฉยใส่ได้



            พอร์ชหลับตาลงแนบนิ่ง นอนฟังคนรักเล่าเรื่องราวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่สิ่งที่
ทำให้พอร์ชรู้สึกแย่ที่สุดก็ตอนที่ได้เห็นความว่างเปล่าในแววตาของคนรักในยามที่เจ้าตัวพูดถึง
อดีตอันขื่นขมของตัวเองนั่นแหละ เพราะมันสื่อความหมายได้ถึงสองแบบ อย่างแรกคือ เจ้าตัวไม่
ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็…ความทุกข์ระทมมันสะสมจนกลายเป็นความชินชา



            “แม่…แม่ที่กูโคตรรักคว้าด้ามไม้กวาดมาตีซ้ำ ตอนที่กูยื่นมือออกไป หวังจะให้เขาช่วย”



            พอร์ชยกมือขึ้นลูบศีรษะคนรักเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เริ่มสั่น
คลอนของโซ่ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเล่าต่อไป



            “หลังจากนั้นชีวิตกูก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน เพราะเสือกไปได้ยินพวกเขาหัวเราะ
คิกคัก ด่าพ่อกูอย่างสนุกสนานว่าเป็นไอ้โง่ ที่ช่วยส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวของพวกเขาให้ได้อยู่อย่าง
สุขสบาย ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพ่อกู แต่เป็นลูกชู้อย่างมัน”



            “…..”



            “ผู้หญิงคนนั้น เป็นฝ่ายนอกใจพ่อกูก่อน ส่วนกูก็เป็นแค่หมาโง่ๆ ตัวหนึ่ง ที่จงรักภักดีต่อ
เจ้านายที่เรียกว่าแม่มาก จนเผลอทำร้ายจิตใจของพ่อไปแบบไม่รู้ตัว”



            สุดท้ายแล้วโซ่ก็ไม่อาจสะกดกลั้นหยดน้ำตาเอาไว้ได้ จนพอร์ชต้องจับพลิกตัวหันหน้า
มาหากัน เมื่อรับรู้ถึงอาการสั่นเทาของคนรัก ก่อนจะค่อยๆ บรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือของตัวเองเช็ด
น้ำตาออกเบาๆ แล้วดึงตัวคนรักให้กลับเข้ามานอนในอ้อมกอดดังเดิม



            “พอแล้วโซ่ ขอโทษที่ถาม แต่หลังจากนี้เรามาช่วยกันสร้างครอบครัวของเราด้วยกันดี
กว่าเนอะ…มีลูกเป็นอีมณีจอมเจ้าเรื่องก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอก”



            “หึ! หลอกด่าลูกกูอีกแล้วนะมึง” ในที่สุดพอร์ชก็ทำให้โซ่กลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง
แม้ว่าจะต้องดึงพี่มณีลูกรักของเจ้าตัวมาเป็นตัวช่วยก็เถอะ ดีกว่าปล่อยให้โซ่ต้องเสียน้ำตา
เพราะความทุกข์ เพราะเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องมาเห็นคนรักเป็นแบบนั้น ที่สำคัญ
เลยคือ…แววตาของโซ่กลับมาทอประกายอีกครั้ง ไม่ได้เลื่อนลอยไร้จุดหมายเมื่อก่อนหน้า









TBC.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นังปากดี คงเข็ดไปนาน เอ๊ะ หรือไม่เข็ด  :hao4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารน้องโซ่จัง :mew2:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ฟ้าหลังฝน
ต้องสดใสแน่นอน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดราม่า...

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
พอร์ชโตขึ้นมากเลย

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออยู่นะคะ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ MR.J

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{30}





            พอหมดสิ้นภาระการสอบปลายภาคที่จัดขึ้น หลังจากจบกิจกรรมเข้าค่ายไปได้สองสัปดาห์
ทั้งพอร์ชและโซ่จึงเข้าสู่โลกแห่งการปิดเทอมทันที เพราะไม่มีวิชาไหนที่จะต้องไปปรับแก้หรือไป
ซ่อมให้ผ่านอย่างใครเขา



            “ทำไรอยู่วะ?” พอร์ชชะโงกดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องที่โซ่กำลังใช้งานอยู่ หลังจากที่
ทำงานส่วนตัวของตนส่งให้กับพ่อแม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่โซ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากที่นั่งเลย
แม้แต่น้อย เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ



            “สั่งสี…กรอกเลขที่อยู่บ้านนี้ให้หน่อย” พูดบอกพร้อมกับขยับตัวออกให้พอร์ชลงมานั่งกรอก
ข้อมูลที่อยู่ในช่องผู้รับตามใบคำสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการ เพราะตนยังจำเลขที่บ้านของคนรักไม่ได้
จะกรอกที่อยู่บ้านตายายอย่างทุกทีก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเกรงว่าของจะไม่ถึงมือ



            “สั่งมาทำไมเยอะแยะ” ถึงปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่เขาก็ลงมือกรอกเลขที่บ้านลงไปใน
ช่องที่อยู่คนรับตามคำสั่งคนรักด้วยความเต็มใจ



            “เพ้นท์เสื้อ”



            “ใส่?”

            “ขาย” ดันตัวคนรักให้พ้นทาง แล้วคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างจอขึ้นมากดๆ จิ้มๆ โอนเงิน
ในบัญชีชำระค่าสินค้าที่ตนเองสั่งซื้อให้กับทางร้าน ส่วนพอร์ช แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจไปบ้างกับ
สิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่ถึงกลับตกใจอย่างทุกทีที่ได้เห็นหรือได้ยินคนรักพูดหรือทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง
เพราะค่อนข้างจะชินกับพฤติกรรมและความคิดแปลกประหลาดของโซ่แล้ว



            “เดี๋ยวเย็นนี้เอารถไปจัดบูธที่ขนส่งกันนะ” พอเห็นว่าโซ่จัดการธุระของตัวเองเสร็จสรรพ
จนถึงขั้นปิดคอมพิวเตอร์แล้ว พอร์ชเอ่ยชวนทันที เพราะคุยกับเสี่ยใหญ่ผู้เป็นพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ตั้งใจว่าจะชวนโซ่กับพนักงานขายในร้านอีกหนึ่งคนไปออกบูธจัดโปรโมชั่นเป็น
การช่วยเพิ่มยอดขายไปอีกหนึ่งทาง



            “หิว” พยักหน้ารับคำชวนของคนรักแล้วบอกถึงความต้องการของตนเอง



            “จะกินอะไรล่ะ” ลองได้อ้อน(?)ออกมาอย่างนี้แล้ว พอร์ชก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าตัวไม่
ยอมทานอาหารที่ทางแม่บ้านจัดทำไว้ให้ เพราะมีของที่รู้สึกอยากทานเป็นพิเศษอยู่แล้วแน่นอน



            “น้ำแข็งใส” เอียงคอสี่สิบห้าองศา ฉีกยิ้มหวานส่งให้คนรักอย่างเอาใจ ด้วยเหตุที่ว่ากลัว
โดนด่า เพราะวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวจนรู้สึกอยากจะทานแต่ของเย็นๆ เช่นน้ำแข็งใสหรือไม่ก็ไอศกรีม
ยกเว้นแต่ข้าวกับอาหารมื้อหลักหนักๆที่เริ่มเบื่อ



            “ข้าวล่ะ? กินข้าวก่อน แล้วจะพาไปกิน…บ้านน้ำแข็งใสใช่ม้ะ?”



            “เหอะ อันนั้นไว้กินพรุ่งนี้ แต่วันนี้อยากกินน้ำแข็งใสแบบโบราณของไทยสีแดงๆ
ใส่นมเยอะๆ หวานๆ เย็นๆ กับแดงโซดาซ่าๆ”



            “พอเลยๆ มึงจะกินให้หมดทุกอย่างที่พูดมาเลยก็ได้โซ่ แต่ต้องกินข้าวก่อน” พอร์ชรีบ
พูดขัดขึ้นมาเสียก่อนที่โซ่จะเพ้อไปไกล



            “ไม่เอาอ่ะ กินบ่อยแล้ว…เบื่อ” กอดอก สะบัดหน้าหนีทันทีที่ได้ยินสิ่งที่คนรักพูดบอก



            “…..” พอร์ชเองก็ยกสองมือขึ้นมากอดอก มองคนรักด้วยสายตากดดันไม่ต่างกัน



            “นะพอร์ช…น้า~” พอรู้ตัวว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล โซ่จึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนอ้อน หวังจะ
ให้พอร์ชตามใจเหมือนอย่างทุกที เพราะจุดอ่อนของคนรักดี



            “ไม่ต้องมาทำแบบนี้เลย กูไม่ยอมหรอก ไปกินข้าวก่อน นิดนึงก็ยังดี จะได้ไม่ต้องมา
ปวดท้องทีหลัง” ผลักหัวคนรักจนกระเด็นกระดอน แล้วลากคอคนดื้อเข้าครัวไปหาข้าวกินรอง
ท้องไปพลางๆ ก่อนที่จะพาแม่อีมณีไปตามล่าหาน้ำแข็งใสโบราณต่อ

..

..

..

            หม๊าว~



            “ร้อนหรอ? ลงมานี่มา…มานั่งข้างล่างกับพ่อจ๋าดีกว่า จะได้ไม่ร้อน” โซ่คว้าตัวเจ้าเหมียว
ลูกรักที่นั่งเชิดหน้าท้าลมอยู่บนบ่าของพอร์ชที่กำลังขี่รถอยู่ข้างหน้าให้ลงมานั่งตรงเบาะ ขั้นกลาง
ระหว่างตนกับคนรักไว้ จะได้ไม่ร้อน



            “สมน้ำหน้าดื้อดีนัก…ทั้งแม่ทั้งลูกเลยแม่ง” ประโยคสุดท้ายเขาพูดบ่นกับตัวเองเบาๆ
เพราะก่อนที่จะออกจากบ้านเขาก็เตือนแล้วว่าแดดมันร้อน ลำพังคนยังต้องพากันใส่ทั้งหมวก
ทั้งเสื้อคลุม แต่แมวอย่างอีมณีที่แม่มันเพิ่งสั่งเสื้อคลุมหน้าร้อนคอลเลคชั่นใหม่ไปให้เมื่อวาน
ยังมาไม่ถึง ก็มีแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ ที่เปลี่ยนทุกวันหลังเช็ดตัวเช้าเย็น สวมติดกายไว้ จะทนกับ
แดดจัดตอนบ่ายได้สักแค่ไหนกัน แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะนอกจากจะไม่มีใครฟังคำเตือนของ
เขาแล้ว อีมณีตัวแสบยังชิงกระโดดขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถเป็นคนแรกเลย เพราะรู้ว่ายังไงแม่มันก็
ตามใจ ยอมให้ไปด้วยกันอยู่ดี



            ตุบ!



            “อย่าว่าลูกกู” กำปั้นไม่มีรูทุบปักเข้าไปที่ไหล่ซ้ายของคนปากไม่ดีที่บังอาจมาว่า
ลูกชายสุดรักของตน



            “แตะไม่ได้เลยนะ อย่าเผลอแล้วกัน กูจะจับไปไถขนให้เกลี้ยงเลย”



            หม๊าว!



            “โอ้ย! อีมณี!”



            คราวนี้ไม่ใช่โซ่แล้วที่จัดการคนปากดี แต่เป็นพี่มณีเสียเองที่จัดการกางเล็บข่วน
สีข้างของคุณป๋าสุดที่รักเข้าให้ แต่ยังดีที่พอร์ชมีเสื้อคลุมกันแดดเนื้อบางช่วยลดแรงไว้
ไม่เช่นนั้นคงจะมีเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง



            “ฮ่าๆ สมน้ำหน้าปากหมาดีนัก” นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว โซ่ยังทำหน้าที่คนรักที่ดี
ช่วยซ้ำเติมให้พอร์ชเจ็บใจเล่นอีกต่างหาก



            “ร้านสุดท้ายแล้วนะ ถ้ายังไม่มีอีก กูจะพาไปหาซื้อเครื่องทำน้ำแข็งใสแทนแล้วนะโซ่”
พอร์ชพูดบ่นในขณะที่โซ่รีบวิ่งลงไปถามแม่ค้าในร้านทันทีที่รถจอด หลังจากที่สองคนหนึ่งแมว
พากันตะเวนหาน้ำแข็งใสสูตรโบราณตามฉบับไทยมาแล้วทั่วตัวเมือง แต่ก็ยังไม่เจอสิ่งที่ต้องการ
เพราะร้านค้าเหล่านั้นเปลี่ยนมาใช้น้ำแข็งบดที่เอาไว้ใช้กับน้ำอัดลมแทนน้ำแข็งใสจากเครื่องอย่าง
ที่ควรจะเป็น โซ่เลยเริ่มออกอาการงอแงขึ้นมาอีกครั้ง



            “กินไหม?” พอคุยกับป้าเจ้าของร้านรู้เรื่องแล้ว ว่าใช่แบบเดียวกันกับน้ำแข็งใสที่ตนตาม
หามากว่าชั่วโมง โซ่ก็รีบวิ่งออกมาถามหาความเห็นจากพอร์ชด้วยสีหน้าและแววตาที่สดใสร่าเริง
กว่าเดิม จะเรียกว่าไม่เหลือเค้าเด็กดื้อเอาแต่ใจจอมงอแงเมื่อครู่เลยแม่แต่น้อย นั่นคือสาเหตุที่ทำ
ให้ใบหน้าติดจะบึ้งตึงในตอนแรกของพอร์ชมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง เพราะทุกความรู้สึกของเขาล้วนขึ้น
ตรงกับความเป็นไปของโซ่ ถ้าโซ่เศร้าเขาก็จะทุกข์ ถ้าโซ่สุขเขาก็จะยิ้ม แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม



            “เอาเหอะ” พูดจบก็อุ้มเอาพี่มณีลูกรักเข้าไปในร้านเพ็ทช็อปที่ตั้งอยู่ข้างกัน



            “ปล่อยให้น้องเดินได้ไหมครั…”



            “ดูเหมือนว่าเจ้าของจะต้องแบกเองแล้วนะคะ…คิคิ”



            หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มขำออกมาด้วยความชอบใจ เพราะยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้พูดจบ
เจ้าเหมียวจอมแสบที่กำลังจะถูกเจ้าของวางลงกับพื้นก็รีบใช้สองเท้าเล็กๆ ของตัวเองปีนป่ายขึ้น
ไปนั่งเชิดหน้าบนไหล่หนาของพอร์ชทันที พอร์ชเลยได้แต่หันไปยิ้มเก้อแก้อายส่งกลับไปให้หญิงสาวเจ้าของร้าน



            กรุ๊งกริ๊ง~



            “เข้ามาทำไร?” โซ่ที่มองเห็นเหตุการณ์ระหว่างพอร์ชกับหญิงสาวเจ้าของร้านอยู่ข้างนอก
ตั้งแต่แรกเริ่มก็รีบเปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้เสียก่อนที่มันจะหวานหยดย้อยไป
มากกว่านี้...เหอะ! ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย



            “มาดูเสื้อคลุมให้อีตัวแสบนี่ไง กว่าเสื้อที่มึงสั่งไปจะส่งมาถึง คงได้มีแมวโดนแดดย่าง
จนไหม้เกรียมแน่…ติดเที่ยวซะขนาดนี้” พอร์ชพูดบอกพร้อมกับโอบเอวพาโซ่กับเจ้ามณีที่นั่งเชิดหน้า
อยู่บนบ่าไปตรงโซนเครื่องแต่งตัวของสัตว์เลี้ยงเพื่อเลือกเสื้อคลุมให้ลูกรักตามที่ตั้งใจไว้



            “เอาตัวนี้ไหมสวยดี” พอร์ชหยิบชุดลายขวางสีแดงธรรมดาๆ มาให้ดู เพราะคิดว่าน่าจะใส่สบาย
 หลังจากที่จับดูอยู่นาน แต่เหมือนว่าพี่มณีจะไม่เห็นด้วย ถึงได้ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่จะกระโดดหนีไป
ขี่หลังโซ่แทนทันทีที่เห็นพอร์ชหยิบชุดดังกล่าวขึ้นมา



            “มึงนี่มันเฉยจริงๆพอร์ช เสื้อผ้าแบบนี้เขาเลิกใส่กันไปนานแล้ว…มันต้องแบบนี้สิถึงจะอินเทรนด์”
โซ่พูดบอกพร้อมกับหยิบชุดเอี้ยมสีเขียวที่มีกระเป๋าสตางค์เล็กๆรูปกบติดอยู่ข้างหลังขึ้นมาให้พอร์ชดู แล้ว
ดูเหมือนว่าคราวนี้เจ้ามณีจะเห็นด้วยกับโซ่ ถึงได้ปีนไต่ขึ้นไปนั่งบนบ่าแทนที่จะเกาะอยู่ข้างหลัง

พร้อมกับร้องออกมาว่า…



            เหมี๊ยว~



            ทำเอาพอร์ชถึงกลับเบ้หน้า เพราะร้อยวันพันปี อีมณีจอมเจ้าเรื่องจะเปลี่ยนจากการร้อง
หม๊าวหม๊าวมาร้องเหมียวเหมียวเหมือนกับแมวตัวอื่นเขาบ้าง แล้วยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นไปอีก เมื่อเห็น
ว่าไอ้ตัวแสบมันหันไปเลียแก้มเอาใจแม่โซ่สุดที่รักของมัน…อีแมวซุงแหลเอ้ย!



            “ร้อนตายห่า” แม้ว่าเจ้ามณีจะถูกใจชุดเจ้าชายกบที่แม่…เอ้ย…พ่อจ๋าของมันเลือกให้
ขนาดไหน แต่พอร์ชก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี เพราะคิดว่าชุดนั้นมีเนื้อผ้าหนาเกินไป



            “ก็…ไว้ใส่ตอนนอนไง” โซ่เริ่มแถ เพราะชอบชุดเจ้าชายกบนี้จริงๆ แม้ว่าเสื้อนอนเจ้ามณี
ลูกรักจะมีมากกว่ายี่สิบชุดแล้วก็ตาม



            “แต่กูเข้ามาหาเสื้อบางๆให้มันใส่กันแดดตอนออกนอกบ้าน ไม่ได้พามาหาชุดนอน”



            “ลูกกูชอบชุดนี้ และกูจะซื้อชุดนี้ด้วย…จบนะ”



            พอร์ชที่รู้สึกว่าชุดนอนของเจ้ามณีมีมากเกินไปแล้วจึงพูดเถียงออกมาบ้าง แต่พอได้
ยินคำตอบซึ่งเป็นการตัดสิ้นใจสุดท้ายของโซ่แล้ว เขาก็ได้แต่ก้มหน้าถือตะกร้าเดินตามสองพ่อ
ลูกที่ช่วยกันเลือกซื้อเครื่องแต่ตัวกันอย่างสบายใจเฉิบด้วยความจำยอม เพราะสุดท้ายแล้วพ่อ
บ้านใจกล้าอย่างเขาก็มีหน้าที่แค่จ่ายเงินเพียงอย่างเดียว



            หลังจากที่ได้น้ำแข็งใสกับเสื้อผ้าพี่มณีตามที่หัวหน้าครอบครัวอย่างโซ่ต้องการแล้ว
สองคนหนึ่งแมวก็พากันมาเกือกกลิ้งเล่นอยู่บนผืนหญ้าในสวนสาธารณะริมแม่น้ำที่โซ่ชอบ
เพราะนอกจากจะร่มรื่นไร้แสงแดดแล้วก็ยังมีสายลมอ่อนๆ ช่วยพัดพาให้คลายร้อน



            “กินไหม?” โซ่ใช้ช้อนตักน้ำแข็งใสสีชมพูสวยขึ้นมาถาม



            “ป้อน” พอร์ชตอบพร้อมกับอ้าปากรอ ก่อนที่จะต้องหุบปากลงฉับพลันเมื่อโซ่พูดบอกออกมาว่า…



            “ไม่ได้ถามมึง กูถามลูกกู…กินไหมมณี?”



            หม๊าว~



            พอได้คำตอบรับจากลูกรักแล้ว โซ่ก็จัดการตักน้ำแข็งใสในถ้วยโฟมที่ขอซื้อแม่ค้ามาหนึ่งใบ
ให้พี่มณีไปห้าช้อนพูนๆ ซึ่งเจ้าเหมียวตัวแสบก็รีบก้มลงชิมในทันที ต่างจากพอร์ชที่หน้าบึ้งไปแล้ว



            “กินไหม?” โซ่เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยคำถามเดิม



            “ถ้าจะถามลูกมึงก็ไม่ต้องมามองหน้ากู” ถ้าคนเถื่อนโคตรห่ามอย่างไอ้พอร์ชจะงอนคุณเมีย
ที่เคารพบ้างก็ไม่แปลก เพราะพี่ท่านเล่นป่วนไอ้พอร์ชตั้งแต่เช้ายันบ่ายเช่นนี้



            “เปล่า…ไม่ได้ถามลูก แต่ถาม ‘แฟน’ เอาไง…จะกินไหม?” แม้ว่าจะเขินจนหน้าแดง แต่
น้องโซ่คนแมนยังคงตีเนียนเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ เพราะไม่อยากให้อีกคนได้ใจ



            ส่วนไอ้พอร์ชเองก็...



            “ไม่…ปฏิเสธหรอก…อ้า~”  รับตาพริ้ม อ้าปากรอรับน้ำแข็งใสด้วยหัวใจพองโต
เพราะนานๆ ทีโซ่จะมีมุมหวานอย่างคนอื่นบ้าง



            จุ๊บ!



            “กลับบ้านกันมณี คืนนี้ป๋ามึงจะนอนอยู่นี่” 



            โซ่อุ้มพี่มณีหนีไปรอที่รถ แต่พอร์ชยังคงนั่งหน้าเหวออ้าปากค้างอยู่ที่เดิม
เมื่อได้รับสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม



            เขายกสองมือขึ้นปิดหน้าตาตัวเองเหมือนเด็กสาวกระเตาะที่เพิ่งเคยมีรัก
สองแก้มกร้านแดงก่ำด้วยความเขินอาย



            ก็แหม…จะไมให้เขาเขินได้ยังไงในเมื่อคนต้นเรื่องอย่างโซ่กำลังยืนจ้องมอง
หน้าเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ไกลๆ โอ้ย…ไม่ไหวแล้วโว้ย!



            “คืนนี้โดนแน่แม่อีมณี!”









TBC.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แน่ใจนะว่าจะแตะมณีได้  :laugh:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เดี๋ยวคืนนี้จะไปแอบดูพ่อกับแม่น้องมณี

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แม่ของมณีเสร็จแน่งานนี้

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดูเป็นครอบครัว

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ชอบบบบบบบบบบบ
รอตอนต่อๆไปนะ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ครอบครัว สุขสันต์.. หรรษา

ออฟไลน์ Dangdang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบพี่มณี :mew1:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{31}




   “ไปไหนกันมะ…”


   อุบ!


   ยังไม่ทันที่จะได้ถามจบพอร์ชก็ได้พบกับคำตอบที่ต้องการทันที ในตอนที่โซ่เอา
ไอติมหลอดสีเขียวสดใสยัดใส่ปากเจ้าตัว


   “เล่นอะไรของมึงเนี่ยโซ่!” พอร์ชโวยออกมาเบาๆ เพราะไม่อยากให้ลูกค้าที่ดูรถ
อยู่ในบูธตกใจเสียงของตนเอง


   โซ่ทำหูทวนลม ทำเป็นไม่สนใจเสียงโวยวายของพอร์ช แล้วพาพี่มณีลูกรักที่นั่ง
อยู่บนบ่าออกไปช่วยพนักงานขายแจกใบปลิวให้ลูกค้าตรงหน้าบูธ


   “ช่วยพี่สาวเรียกลูกค้าหน่อยสิเฮียมณี” หญิงสาวซึ่งเป็นหัวพนักงานขายของร้าน
ที่สนิทสนมกับคนในครอบครัวเป็นอย่างดีพูดบอกกับเจ้าเหมียวน้อยจอมแสบที่นั่งเชิดหน้า
ชูคออยู่บนบ่าพ่อจ๋าของเจ้าตัวด้วยความเอ็นดู

   หม๊าว~

   ใช่ว่าเจ้าตัวแสบจะร้องเรียกลูกค้าตามที่พนักงานสาวบอก แต่ที่เห็นร้องออกมาแบบนี้
ก็เพราะว่าเจ้าตัวกำลังใช้ขาหน้าปัดมือพนักงานสาวออกจากหัวตัวเองอยู่ต่างหากล่ะ

   ถ้าไม่ใช่พ่อจ๋ากับป๋าพอร์อย่าได้มาแตะหัวเชียว…พี่มณีไม่ปลื้ม!

   “หวงตัวแบบนี้ อย่ามาขอขนมพี่สาวอีกน้า~” ยิ่งเห็นท่าทางหยิ่งยโสของหลานชาย
ตัวแรกของบ้านอย่างเฮียมณีเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหมั่นเขี้ยวมากขึ้นเท่านั้น เพราะปกติแล้ว
เจ้าตัวจะชอบหนีออกจากห้องทำงานคุณปู่คนย่าลงมาออดอ้อนขอขนมจากเธอ เวลาที่
พอร์ชกับโซ่มีเรียน แต่พอป๋าพอร์ชกับพ่อจ๋าเขาอยู่เมื่อไหร่ละ เฮียมณีเปลี่ยนสีหวงตัว
ขึ้นมาทันทีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอไม่ได้โกรธเคืองอะไรหรอกนะ ติดจะชอบซะด้วยซ้ำไป
เพราะคิดว่าการกระทำเหล่านี้ของพี่มณีมันน่ารักดี ตั้งแต่เกิดมาจนโตป่านนี้แล้ว เธอก็
เพิ่งจะเคยเจอแมวแสนรู้แบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะเจ้ามณีอยู่กับคนมากเกินไปก็ได้
เจ้าตัวจึงซึมซับความเจ้าเล่ห์แสนกลของมนุษย์ไป

   หม๊าว!

   “อย่า”โซ่ร้องห้ามลูกชายที่กำลังจะยกมือขึ้นตะปบพี่สาวคนสวยคนสนิทที่ปกติแล้ว
จะซี้กันมาก ถ้าหากว่าเขากับพอร์ชไม่อยู่บ้าน เท่าที่ฟังมาจากฝ่ายช่างที่ร้านอะนะ เพราะ
พนักงานสาวคนนี้เป็นขวัญใจเด็กช่างด้วยเพราะมีนิสัยและหน้าตาน่ารักไปทางเดียวกัน
จนกระทั่งมีเจ้ามณีมานั่งคุมโต๊ะทำงานของหญิงสาวนี่แหละ เด็กช่างเลยจ๋อยไป เพราะ
‘เฮียมณี’ ของพวกมันโหดสัตว์รัสเซีย เพราะเจ้าตัวแสบตามไล่ตะปบชายหนุ่มทุกคนที่
เฉียดเข้ามาใกล้หญิงสาว

   “นิสัยเสียแล้วมึง”พอร์ชเดินเข้ามาผลักหัวกลมๆ ของเจ้ามณีจากด้านหลังด้วย
ความหมั่นไส้ เพราะนั่งดูเหตุการณ์ระหว่างสองคนหนึ่งแมวอยู่นาน

   หม๊าว!

   “ถ้าข่วนอีกกูจะจับไปตัดไข่”

   แง๊ว!~

   “โอ้ย! อีมณี!”

   “หึ!”

   TruTruTru

   “ครับ…อืม ว่างๆ อือ…เสร็จงานแล้ว เดี๋ยวโซ่ให้พอร์ชพาไป…ครับๆ”

   “ใคร?”

   พอร์ชเริ่มแม่แน่ใจแล้วว่าการบังคับให้คนรักใช้โทรศัพท์ เพราะเขามักจะมีคำถาม
ให้กับตัวเองทุกครั้งเวลาที่ได้เห็นหรือได้ยินโซ่รับโทรศัพท์ แต่พอรู้ตัวอีกที ปากเจ้ากรรม
ก็เอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้เสียแล้ว

   “เฮียเซฟบอกว่าอาม่าให้กลับบ้าน…มีคนคิดถึง”

   “ยังมีรถไฟอยู่หรอ?” เพราะมันเลยเวลารถที่เคยไปครั้งที่ก่อนแล้ว อีกทั้งโซ่ยัง
บอกว่าจะไปในวันนี้ พอร์ชเลยอดไม่ได้ที่จะถาม

   “ขับรถไปเองก็ได้…ใกล้แค่นี้”

   “ไหนบอกขับรถไม่เป็น?” พอร์ชขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยในขณะที่นั่งเป็นตุ๊กตา
หน้ารถเป็นเพื่อนคนรักไปบ้านอาม่าของเจ้าตัว หลังจากที่โซ่พาพอร์ชขี่น้องแมนไปเปลี่ยน
กับรถยนต์ที่บ้านพ่อของเจ้าตัวที่ตอนนี้คุณทนายเป็นคนดูแลอยู่นั่นเอง แต่สิ่งที่พอร์ช
แปลกใจคือ โซ่บอกว่าจะขับเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบอกกับเขาว่าขี่จักรยานและ
จักรยานยนต์ไม่เป็น แต่พอเป็นรถยนต์ เจ้าตัวกลับบอกว่าจะขับเอง(?) ด้วยเหตุผลที่ว่า
เจ้าตัวนั้นคุ้นชินในการเดินทางไปบ้านอาม่าเป็นอย่างดี

   “สี่ล้อขับได้ แต่สองล้อขี่ไม่เป็น” นี้คือความจริง ตั้งแต่เด็กยันโตมาจนป่านนี้ ไม่ว่า
จะเป็นมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานเขานั้นแตะไม่ได้เลย เรียกได้ว่าจับเมื่อไหร่มีเจ็บตัว เพราะ
ไม่สามารถควบคุมวิถีการเดินทางได้ แต่พอเป็นรถยนต์เขากลับรู้สึกว่ามันมั่นคงกว่า แถมยัง
ง่ายต่อการควบคุม แค่เหยียบเบรก เหยียบคันเร่ง หมุนพวงมาลัยไปทางไหนรถก็ไปทางนั้น
แถมยังให้ความรู้สึกที่มั่นคงกว่ารถจักรยานยนต์อีกหลายเท่าตัวเพราะมีล้อทั้งสี่ข้างช่วยสร้างสมดุล

   “แม่มึงไม่ใช่คนสี่มิติแบบที่เขาพูดๆกันหรอกมณี มันมีมากกว่านั้นเยอะ!”พอร์ชพยาม
จะดึงเจ้าเหมียวมณีที่นั่งมองวิวสองข้างทางมาเป็นพวก แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะนอกจากจะ
ไม่คล้อยตามแล้วพี่มณีจอมแสบยังเหลียวหลังกลับมางับแขนป๋าพอร์ชจ๋าเข้าให้อีกหนึ่งดอก

   “ไปกรุงเทพฯกันม้ะ? อยากไปดูผ้าเพิ่มว่ะ แต่ไม่เอาดีกว่า…ขี้เกียจ” นั่น! พูดยังไม่ทัน
ขาดคำพ่อคนหลุดโลกก็พูดบ่นขึ้นมาอีก แต่คราวนี้พอร์ชเพียงแค่นั่งฟังเฉยๆ เพราะไม่อยาก
จะพูดแทรกสนม(ความคิด)ซ้ายขวาของเจ้าตัวที่กำลังเถียงกันอย่างไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะได้บทสรุป

   “หยิบแผ่นรองฉี่ของพี่มณีมาป่ะ?” โซ่ถามอย่างนึกขึ้นได้ ขณะที่กำลังจะขับรถผ่าน
หน้าคลินิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่งที่

   “มึงเอามาแล้วไม่ใช่หรอ” พอร์ชถามกลับอย่างเกร็งๆ เพราะเกรงว่าโซ่จะว๊ากใส่

   “กูคิดว่ามึงหยิบมาแล้ว” สุดท้ายแล้วโซ่ก็ต้องตบไฟเลี้ยวตีรถกลับไปยังคลินิกสัตว์ที่
ขับผ่านมาได้ไม่ถึงร้อยเมตร เพราะแมวรักสะอาดอย่างพี่มณีจะไม่ยอมขับถ่ายถ้าหากไม่มี
กระบะทรายหรือแผ่นรองฉี่สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างเด็ดขาด ครั้นจะให้ไปอึไปฉี่ตามพงหญ้า
ข้างทางเหมือนกับหมาแมวของคนอื่นนะหรอ บอกเลยว่าไม่มีทาง…ชายมณีรับไม่ได้

   “กินหมูสะเต๊ะป่ะ? ที่นี่ซื้อหมูแถมไม้ไม่ใช่ชื้อไม้แถมหมูแบบที่พิจิตรนะเว้ย…โคตรเด็ด
ขอบอก!” โซ่ร้องถามพร้อมกับโอ้อวดสรรพคุณของหมูสะเต๊ะเจ้าประจำของตนเองให้คนรักฟัง
ในขณะที่กำลังจะขับรถผ่านตลาดประจำอำเภอที่มีของอร่อยวางขายอยู่สองข้างทาง ซึ่งอยู่คน
ละฟากฝั่งถนนที่โซ่ใช้เดินทาง โดยมีสถานีรถไฟขั้นกลาง

   “เอาดิ”มีหรือที่พอร์ชจะปฏิเสธในมื่อสิ่งที่โซ่เสนอมามันเป็นเมนูโปรดของเขาทั้งคู่

   “อาโซ่วววววววว….”เสียงร้องเรียกชื่อโซ่ดังลั่นมาจากที่ไกลๆ ในขณะที่พวกเขาทั้งสอง
คนกำลังยืนชื้อน้ำปั่นข้างร้านหมูสะเต๊ะที่ต้องรอ

   “ใครวะ” พอร์ชเป็นคนแรกที่หันไปมองตามเสียงเรียกพร้อมๆกับที่เจ้าของเสียงนั้นวิ่งพุ่ง
เข้ามากอดโซ่จากทางด้านหลังอย่างเต็มแรง

   “อาโซ่!/ จอมซน!”พอรู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นใคร โซ่ก็กอดรับด้วยรอยยิ้มในทันที ทำเอาพอร์ช
หน้าตึง เพราะไม่ชอบใจ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆก็แต่หวงนิดๆ อิจฉาหน่อยๆ เท่านั้นแหละที่โซ่ยอม
ให้ไอ้เด็กหัวทองนี่กอดในที่สาธารณะแบบนี้ ถ้าเป็นไอ้พอร์ชคนนี้รึ? ป่านนี้ถ้าไม่โนด่าก็โดนถีบ
กระเด็นไปไหนต่อไหนแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ถูกกาลเทศะแต่ไหงไอ้เด็กนี่ถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะ?
เหอะ! โคตรไม่แฟร์เลยครับเมีย!

   “มาได้ไงจอมซน” โซ่พยายามที่จะขืนตัวออกจากของเด็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอาฆาต
ของคนรักที่ยืนอยู่ข้างกัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายกอดเขาไว้ซะแน่นหนา

   “ซนมากับที่รัก…คิดถึงอาโซ่ที่สุดเลย!งื้อ~” นอกจากจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงโซ่แบบไม่มีเกรงใจ
คนรักอย่างพอร์ชที่ยืนทะมึนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่ข้างๆแล้ว เจ้าพ่อหนุ่มน้อยผมทองตัวเรียวเล็กที่น่าจะ
เด็กกว่าพวกเขาสักสองสามปียังหาญกล้าทำหน้าออดอ้อนซุกหัวถูไถหน้าอกของโซ่ให้พอร์ช
ได้คลั่งอีกต่างหาก

   จะบ้า…ไอ้พอร์ชอยากจะบ้า! เพราะตั้งแต่ตอนยืนซื้อหมูสะเต๊ะที่ตลาดลากยาวมาจนถึงตอน
กินข้าว จนกระทั่งอาบน้ำเตรียมตัวนอนในตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถแยกไอ้เด็กฝรั่งดองออกจาก
โซ่ได้เลย! ไม่ว่าจะไปไหนจะทำอะไรมันก็เอาแต่ร้องเรียกอาโซ่จ๋าอาโซ่จ๋าอยู่นั่นแหละ มิหนำซ้ำ
ในตอนนี้มันยังมานอนกอดเมียเขาถึงในห้องนอนอีก…จะหยามกันเกินไปแล้วนะเว้ย

   “อาพอร์ชปิดไปให้น้องซนหน่อยฮะ…น้องซนจะนอน”

   ไง? ไอ้พอร์ช…บ่นไปแล้วได้อะไร? สองสามชั่วโมงที่ผ่านมานี่เคยทำอะไรมันได้ไหม
นอกจากแอบด่ามันในใจแล้วก้มหน้าทำตามที่มันสั่งทุกอย่างแบบนี้? หึ! โคตรเสียเชิงเลยแม่ง

   พรึ่บ!

   นอกจากจะก้มหน้าก้มตาปิดไฟตามคำสั่งของไอ้ฝรั่งดองแล้ว คืนนี้ไอ้พอร์ชยังต้องเสียสละ
นอนบนพื้นแข็งๆ เพื่อให้คุณอาคุณหลานและลูกนอกคอกอย่างอีมณีได้นอนอย่างสุขสบายอยู่บนเตียง
ด้วยข้ออ้างโง่ๆว่า ‘อาพอร์ชตัวใหญ่ เดี๋ยวดิ้นมาทับน้องซนแบนแต๊ดแต๋’ เหอะ! กูไม่อยากจะบอกเลยว่า
ตอนนี้กูอยากจะกระทืบมึงที่สู้ดดดดด….

   “อาพอร์ชช่วยเอาพี่มณีไปนอนด้วยได้ไหมครับ น้องซนนอนกอดกับอาโซ่ไม่ถนัด”

   เหมี๊ยว!

   ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้ขยับตัว เจ้ามณีลูกรักก็ถูกโยนลงมาหล่นตุบอยู่บนอก

   หม๊าว~ หม๊าว~

   ‘ป๋าจ๋าพี่เจ็บ! มันเหวี่ยงพี่มา…พี่โกรธ!’

   “เออ…รู้แล้วๆ ไม่ต้องร้อง นอนๆ”ความจริงแล้วพอร์ชก็ไม่รู้หรอกว่าพี่มณีมันบ่นอะไร
แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเคืองไม่น้อยที่ถูกเหวี่ยงลงมาข้างล่างอย่างนี้ แทนที่จะได้นอนแขน
พ่อจ๋าของมันอย่างทุกคืน

   หม๊าว~

   “เออๆ กูกอดเอง แถมเกาพุงให้ด้วยเลยเอ้า…หลับสักที” พอร์ชคว้าเอาตัวพี่มณี
ที่นั่งร้องหม๊าว

   เจ้าเหมียวมณีเป็นแมวที่ติดการสัมผัสจากคนมากกว่าแมวทั่วๆไปมาก เพราะเคยชิน
กับการเอาอกเอาใจจากโซ่ โดยเฉพาะตอนนอน ถ้าไม่มีใครคอยกอดคอยเกาพุงให้นี่อย่า
หวังเลยว่าพี่มณีจะอยู่เฉยๆ เพราะเจ้าตัวจะไม่ยอมนอนแล้วก็ร้องเหมียวๆหม๊าวๆจนกว่าจะ
มีคนมาเกาพุงให้นั่นแหละ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นๆของพ่อโซ่จ๋า
นั้นแหละ…ฟินเวอร์!

   “ทำพี่มณีเจ็บแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องซน”พอเสียงทางฝั่งของคนรักที่นอนอยู่บนพื้น
ข้างเตียงเงียบไป โซ่ก็เอ่ยว่าหลานชายทันที เพราะต่อให้เขาจะรักและตามใจหลานมากแค่
ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดุไม่ว่าเลยถ้าหากเจ้าตัวทำความผิด โดยเฉพาะกับพี่มณีซึ่งไม่สามารถ
โต้ตอบอะไรเจ้าตัวได้เลยเช่นนี้ เขาจึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

   “น้องซนขอโทษฮะ น้องซนแค่อยากนอนกอดอาโซ่แน่นๆ” จอมซนตัวน้อยแอทแทค
อาโซ่จอมโหดด้วยอ้อมกอดแน่นหนาที่มาพร้อมกับสายตาบ๊องแบ๊วของเจ้าตัว

   “อย่าทำอีกแล้วกันเด็กเกเรไม่น่ารัก”

   “น้องซนอยากเจอป๊ะป๋า…ป๊ะป๋าอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้าย ป๊ะป๋าไม่รักน้องซนป๊ะป๋ารักแต่แสนดี…ฟี้~”

   ยังไม่ทันที่โซ่จะพูดจบดีเด็กชายจอมซนตัวแสบก็ละเมอพูดความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกมา
ก่อนที่จะหลับลึกไปในที่สุด

   “นอนเถอะ อย่าคิดมากเลย มันก็แค่เกมโง่ๆของผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว”สุดท้ายแล้วโซ่ก็ได้แต่
คว้าตัวเจ้าเด็กแสบเข้ามากอดปลอบลูบหลังให้หลานได้นอนหลับสบาย

สี่ชั่วโมงต่อมา…

   “มาไม?” พอร์ชสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนดึกเมื่อรู้สึกถึงแรงกอดรัดจากทางด้านหลังแต่ทุกอย่าง
ก็กลับมาสู้สภาวะปกติทันทีเมื่อรู้ว่าเจ้าของอ้อมแขนนั้นคือคนรักที่ตนนอนรอมาตลอดค่อนคืน
น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมาเลยติดที่จะห้วนไปนิด เพราะยังคงงอนอยู่

   โซ่หลุดหัวเราะออกมาทันทีที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าเง้างอแบบเลือนรางของคนรักผ่านแสงจันทร์
ที่ฝ่าความมืดเข้ามาทางหน้าต่าง

   “คิดถึง...อยากกอด”ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูพอร์ช

   “ถ้าไม่มีไอ้หลานฝรั่งดองนอนอยู่บนเตียงมึงโดนกูปล้ำแน่โซ่!” สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ได้แต่
พลิกตัวหนีพี่มณีแล้วหันไปคว้าคนรักเข้ามากอดไว้แน่นให้สมกับความหมั่นเขี้ยวทั้งหมดที่มี




TBC.


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ลืมพี่มณีไปเลยนะพ่อโซ่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด