{End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}  (อ่าน 85634 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{36}







            “เย็นนี้จะกินอะไร”



            เพราะโดนพ่อแม่อย่างคุณนายปลื้มจิตและเสี่ยใหญ่ทิ้งให้อยู่บ้านกันสองคน
กับแมวอย่างพี่มณีอีกหนึ่งตัว  ส่วนป้าแม่บ้านที่เคยเป็นลูกมือช่วยคุณนายปลื้มจิตดูแล
ทุกอย่างในบ้านนั้นก็มาขอลาหยุดไปอีกคน หน้าที่จัดสรรอาหารการกินก็ตกมาอยู่ในมือ
ของพอร์ชไปโดยปริยาย



            “ไม่กิน จะไปวิ่ง” กลืนน้ำลายพูดบอกในขณะที่เหลียวหลังมองร้านน้ำปั่นเจ้าโปรด
ที่กินประจำหลังเลิกเรียนด้วยความเสียดายจนสุดสายตา



            ไม่ได้*…ตั้งใจไว้แล้ว อดทนหน่อยโซ่…ฮึบไว้…ฮึบ!*



            “นึกไงจะไปวิ่ง” เอ่ยถามออกมาเพราะไม่รู้มาก่อนว่าคนรักเคยมีกิจวัตรประจำวันคือ
การออกกำลังกายทุกเช้าเย็น ต่างจากตอนที่ย้ายมาอยู่กับพอร์ชที่เจ้าตัวมักจะพาโซ่ออกไป
ขี่รถเล่นกินลมชมวิวดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นแทน ส่วนตอนเช้านั้นไม่ต้องไปพูดถึง เพราะ
ทุกวันนี้โซ่ตื่นสายแทบจะทุกวันด้วยสาเหตุที่ว่าเจ้าตัวนั้นมักจะโดนพอร์ชก่อกวนยามดึกจนหมดแรง



            “ไม่เสือกสิ” พูดจบก็กระโดดลงรถและหันหลังเดินหนีเข้าร้านทันทีไม่ทัน เพราะถึง
ที่หมายปลายทางซึ่งก็คือบ้านหรือร้านขายรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวพอร์ชพอดี



            “อะไรของมันวะ” สุดท้ายแล้วก็ได้แต่บ่นพึมพำคนเดียว เพราะโซ่หายขึ้นชั้นบนไปแล้ว



            “น้องพอร์ชคะ”



            “ครับ?”



            “มีแขกมารอพบค่ะ”



            ยังไม่ทันที่จะทำอะไร เพียงแค่ก้าวขาเข้าร้าน พนักงานขายในร้านก็เดินมาตามให้ไป
ห้องรับรองลูกค้าเสียแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะมีหลายครั้งหลายคราที่เขาจำ
ต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีต้อนรับลูกค้าในยามที่พ่อแม่ไม่อยู่เช่นนี้



            “ถ้าไอ้โซ่ลงมาบอกให้มันรอผมก่อนนะ” ฝากกระเป๋าสะพายกับหมวกกันน็อคที่หยิบ
ติดมือมาส่งให้พนักงานสาวรุ่นพี่ไปวางเก็บไว้บนโต๊ะทำงานของตนเองที่อยู่ในห้องทำงานชั้น
สองของพ่อแม่ที่ตอนนี้มีโต๊ะทำงานของโซ่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งชุด ทำเอาห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่
ดูโล่งกว้างดูอบอุ่นและน่าอยู่ขึ้นทันตาเห็น



            แอ๊ด*…*



            “พอร์ช!”



            “อ้าว...กูนึกว่าใคร ไง…มาไงวะ” เอ่ยทักออกไปด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิด
ว่าคนที่มาหาตนจะเป็นเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาเรียนด้วยกันเป็นวันแรก



            “เราจะซื้อรถอ่ะ เลยมาดูๆ ไว้ เห็นว่าเป็นร้านของพอร์ชด้วยก็เลยว่าจะรอทักทาย
สักหน่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องรอนานขนาดนี้” หัวเราะแหะๆ พูดบอกไปตามความจริง เพราะ
เป็นเวลากว่าชั่วโมงที่มานั่งรอพอร์ชหลังจากฟังการแนะนำรถรุ่นต่างๆจากพนักงานขายในร้านเสร็จ



            “โทษทีวะ วันนี้เมียกูเลิกช้าเลยต้องไปรอมันก่อน ว่าแต่มึงเถอะ สนใจรุ่นไหน
บอกกูได้นะ เดี๋ยวกูจัดพิเศษให้เลย”



            “เราสนใจรุ่น…”



            “พี่หญิงเห็นไอ้พอร์ชไหมครับ” โซ่ที่เพิ่งลงมาจากห้องหลังจากอาบน้ำเปลี่ยน
เสื้อผ้าเสร็จเอ่ยถามถึงคนรักทันที เพราะปกติแล้วพอร์ชจะต้องตามตนเองขึ้นห้องไปติดๆ
แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าสี่สิบนาทีแล้วก็ตาม



            “เห็นว่าจะออกไปส่งเพื่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคงกลับมา” เธอพูดบอกออกไปตามที่รู้



            “อ่า…แล้วมีใครเห็นพี่มณีไหมครับ ตั้งแต่มาโซ่ยังไม่เห็นเลย” ก็ออกจะแปลก
ไปนิดสำหรับโซ่ที่กลับบ้านมาแล้วจะไม่เห็นลูกรักอย่างพี่มณีวิ่งหน้าเริ่ดร้องหม๊าวๆ มา
ต้อนรับกลับบ้านประหนึ่งว่าเป็นหมาน้อยขนฟูรอรับเจ้านายกลับบ้าน



            “เสี่ยกับเจ้กลับมารับไปแล้วค่ะ เห็นบ่นๆ ว่าไม่มีใครดูแลพี่มณีให้เลยกลัวว่า
จะวิ่งออกไปเล่นนอกถนนแล้วโดนรถชนเอา”



            เหอะ…เชื่อเขาเลย ใครจะคิดละว่าพ่อกับแม่ของพอร์ชะจะตีรถกลับมารับแมว
แค่ตัวเดียวทั้งที่พากันขับรถออกไปตั้งแต่เช้า เพราะคุณนายปลื้มจิตต้องกลับไปเยี่ยมแม่
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือคุณยายของพอร์ชไกลถึงเชียงใหม่



            “มณีมันกล้าออกจากบ้านที่ไหนพี่ก็รู้” ก็นั้นแหละ…ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครที่
ทำงานอยู่ในร้านแห่งนี้ต่างก็รู้ดีว่าพี่มณีเป็นแมวรักสะอาดแค่ไหน อย่าว่าแต่ก้าวขาออก
ไปนอกร้านที่พื้นเต็มไปด้วยฝุ่นเลย ขนาดแค่โซนอู่เอาไว้ตรวจเช็คและซ่อมรถให้ลูกค้า
มันยังไม่กล้าย่างกายเข้าไปให้อุ้งมันเปื้อนคราบน้ำมันเครื่องเลย ถ้าคุณนายปลื้มจิตไม่
เอาถุงเท้ามาใส่ให้



            “คุณนายเขารักของเขาค่ะ” นินทาเจ้านายพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะขอตัว
กลับไปทำงานต่อ เพราะทั้งร้านถ้าไม่นับโซ่กับพอร์ชที่เป็นเจ้าของร้านก็เหลือแค่เธอ
คนเดียวที่ยังทำงานไม่เสร็จ เพราะเป็นผู้จัดการร้านเลยต้องอยู่เขียนรายงานสรุปใน
แต่ละวันส่งให้เจ้านาย



            Tru Tru Tru



            “ครับแม่” เอ่ยปากทักทายปลายสายที่นานๆ จะได้คุยกันผ่านโทรศัพท์สักที
เพราะแม่หรือแม้ที่จริงแล้วคือยายของโซ่นี้มีโทรศัพท์แค่รับสายเพราะโทรออกไม่เป็น
 นี่ก็คงไม่พ้นจะไหว้วานให้เด็กในค่ายกดให้



            //มาดูไอ้จุกมันหน่อยสิโซ่ มันไม่ยอมไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว พ่อกับแม่
บ่นแล้วบ่นอีกมันก็เอาแต่บอกจะว่าชกมวย…ไม่รู้มันคิดอะไรของมันอยู่// คำบอกเล่า
จากปลายสายทำเอาโซ่รู้สึกไม่ดี เพราะการที่เด็กรักเรียนอย่างจุกบอกว่าจะเลิกเรียน
นั่นเป็นอะไรที่ถึงที่สุดแล้ว



            “เดี๋ยวผมเข้าไปครับ พ่อกับแม่จะเอาอะไรรึเปล่า มีกับข้าวแล้วรึยัง ของใช้
ในบ้านละขาดเหลืออะไรไหม ผมจะได้ซื้อเข้าไปทีเดียวเลย”



            //มาแต่ตัวก็พอแล้วโซ่เอ้ย เอ็งก็เก็บเงินเก็บทองไว้ใช้เองบ้างเถอะ ที่เลี้ยง
ก็เพราะรักจริงๆ อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นที่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรเลย แต่ถ้าอยากตอบ
แทนพ่อกับแม่จริงๆ ก็ตั้งใจเรียน แล้วเอาใบปริญญามาอวดก็พอ//



            “แม่”



            //เรียกแล้วไม่พูดวะไอ้ลูกคนนี้//



            “แม่รู้รึเปล่าว่าตอนที่อยู่กับแม่กับแม่ ชีวิตตอนนั้นโซ่ลำบากที่สุดแล้ว”



            //รู้// ก็เพราะรู้นี่แหละ เธอถึงไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากโซ่นัก เพราะที่ผ่านมา
แม้ว่าจะไม่ได้รังแก แต่เธอก็ไม่เคยจะปกป้องโซ่จากลูกสาวหรือแม่แท้ๆ ของโซ่ได้เลย
 เพราะยิ่งเธอกับสามีทำทีว่าจะช่วยช่วยโซ่ ลูกสาวของเธอก็จะลงมือหนักขึ้น เพื่อประ
ชดประชัน ท้ายที่สุดแล้ว เธอกับสามีก็ทได้เพียงนั่งทำแผลให้หลานชายด้วยน้ำตา



            “แล้วแม่รู้รึเปล่าว่าโซ่รักพ่อกับแม่มากที่สุดแล้ว อะไรที่ทำให้พ่อแม่สบายได้
โซ่ก็จะทำ” พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที ไม่รอให้ปลายสายได้โต้เถียงอะไรอีก เพราะนี่ไม่ใช่
ครั้งแรกที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่มันเป็นครั้งที่ร้อยหรือครั้งที่พันแล้วโซ่ก็จำไม่ได้
 เพราะทุกครั้งมันจะจบลงด้วยถ้อยคำที่อีกฝ่ายเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
แต่โซ่ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเขารู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในบ้านไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์



            เมื่อก่อนบ้านเขาไม่ได้มีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ เพราะค่ายมวยก็เป็นเพียงที่พักพิง
ของนักมวยล่าฝันที่มีอนาคตลิบหรี่ และพ่อแม่ก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ไม่มีสมบัติเก่า
ครอบครัวไม่ได้มีกิจการร้านค้าให้ต้องสืบทอดเหมือนอย่างบ้านอาม่า แต่เขาก็ยังได้เรียน
โรงเรียนเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าค่าเทอมแพงที่สุดในจังหวัด ด้วยการที่พ่อต้องออกไปรับจ้าง
แบกข้าวสาร ส่วนแม่ก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน ช่วงที่แย่ที่สุดคือ แม่ต้องออกจากบ้านตอน
ตีสองเพื่อไปทำน้ำเต้าหู้ และขายข้าวเหนียวหมูปิ้งในตอนตีห้า กว่าจะเก็บร้านก็แปดโมง
ถึงเวลาไปส่งเขาที่โรงเรียนพอดี เสร็จแล้วก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกมา
เข็นรถขายน้ำแข็งใสจนถึงเย็นย่ำ แต่ใช่ว่าถึงบ้านแล้วก็จะนอนพักผ่อนได้หรอกนะ เพราะ
แม่ยังต้องทำกับข้าว และเตรียมเครื่องน้ำแข็งใส จำพวกมันเชื่อม รากบัวเชื่อม รวมถึงต้มน้ำชา
 กาแฟเย็นไว้ขายต่อในวันรุ่งขึ้นอีก ยิ่งถ้าช่วงพีคๆ ตอนปิดเทอมก็ต้องทำลอดช่องรวมมิตรเพิ่มอีก
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย วันๆ หนึ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเหนื่อยแค่ไหนโซ่รู้ดี เพราะเขาเอง
ก็ติดสอยห้อยตามไปกับแม่ทุกที ช่วยทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพราะทั้งหมดที่พ่อกับ
แม่ทำก็เพื่ออนาคตของเขาทั้งนั้น



            หมับ



            “แล้วมึงรู้รึเปล่าว่ากูก็รักมึงไม่น้อยไปกว่าใครเลยนะ” เพราะมัวแต่หวนคิดถึง
เรื่องความลำบากในอดีตที่สอนให้รู้จักความมานะอดทนจนได้ผลตอบแทนเป็นประสบการณ์
ชีวิตที่มีค่าเลยไม่ทันได้รู้ว่าพอร์ชกลับมาแล้ว และมาทันได้ยินทุกคำพูดของโซ่พอดี



            “ไม่รู้ เพราะพี่หญิงบอกว่ามึงออกไปส่งชู้”



            “ชู้บ้านป้ามึงสิ นั่นเพื่อนใหม่ในห้องกู เพิ่งย้ายมาเมื่อเช้านี้ แล้วมันก็จะมาซื้อรถ
ที่ร้านเราด้วย แต่แม่มันยังหาหมอไม่เสร็จกูก็เลยอาสาไปส่งมันก็เท่านั้น”



            แม้จะพอเดาได้จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนรักว่าเจ้าตัวแค่ต้องการจะแหย่เล่น
แต่พอร์ชก็ยินดีที่จะอธิบายให้เข้าใจถึงความเป็นมาเป็นไป



            “ไม่ต้องรีบแก้ตัวขนาดนั้นก็ได้ กูรู้ว่ามึงยังไม่รีบตาย…ไม่กล้านอกใจกูหรอกเนอะ!”



            “จ้า…” ตอบรับพร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปบีบปากเล็กๆ ของคนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว
ก่อนที่จะก้มหน้าตามลงไปมอบจูบแสนหวานเป็นการทิ้งท้ายได้อย่างสวยงาม



            “ยังไม่พออีกหรอเนี่ย” พอร์ชบ่นอุบเมื่อโซ่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดช็อปปิ้งเลยแม้แต่น้อย
หลังจากต้องเดินตามเจ้าตัวเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ตั้งเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว



            “ยัง”



            เพราะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของยายตนเองพอดี โซ่ก็เลยคิดว่าจะ
กลับไปจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่บ้าน เพราะที่บ้านหลังนั้นไม่มีการจัดงานรื่นเริงมาสักพักแล้ว
ตั้งแต่สองแม่ลูกนั่นหวนกลับมา แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะมีการจัดเลี้ยงอะไรมากมายหรอกนะ
อย่างมากก็ลุกขึ้นมาจัดบ้านติดสายรุ้งในวันปีใหม่เท่านั้น เพราะแม่ชอบของสวยงาม
แต่ก็ลืมวันสำคัญวันอื่นๆ หมด แม้แต่งานวันเกิดครั้งแรกของชีวิตโซ่ก็เพิ่งจะมามีตอน
ที่ได้คบกับพอร์ชนี่แหละ



            “เหลืออะไรอีกละ” ที่ต้องถามแบบนี้ก็เพราะว่าทั้งสองแขนของตัวเองมันเต็ม
ไปด้วยขนมและของฝากมากมายที่โซ่ขนซื้อกลับไปให้คนที่บ้านด้วยเงินของเจ้าตัวเอง
แม้ว่าเขาพยายามที่จะจ่ายให้เพราะอยากมีส่วนร่วมด้วยก็ตาม



            ทุกวันนี้พอร์ชยังงงอยู่เลยว่าโซ่จะเก็บเงินที่ป๋าของเขาให้เป็นรายสัปดาห์ไปทำ
อะไร เพราะตั้งแต่ได้มาเจ้าตัวก็จะเอาส่วนที่เป็นของตนเองยัดใส่กระปุกหมูที่ตั้งคู่กันกับ
กระปุกหมาของพอร์ชทั้งหมด ส่วนเงินที่ใช้ๆ อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินที่ได้มากจากเงินปันผล
โรงสีของอาม่าที่ยังใช้ระบบการบริหารงานแบบกงสีตามปณิธานดั้งเดิมของอากงที่แบ่งจ่าย
กำไรรายเดือนและปันผลรายปีให้ลูกหลานในครอบครัวเท่าๆ กันทุกคน ซึ่งตรงนี้โซ่เองก็ได้
หุ้นในส่วนของพ่อและตนเองมาถือไว้ในมือ อีกทั้งยังมีทรัพย์สินที่ได้จากการขายเทธุรกิจ
ส่วนตัวบวกเงินประกันชีวิตก้อนใหญ่ที่พ่อผู้ให้กำเนิดระบุพินัยกรรมทิ้งไว้ให้อีก จะจัดกลุ่ม
อยู่ในพวกอายุน้อยร้อยล้านก็ว่าได้ แต่พอร์ชก็ไม่เห็นว่าคนรักจะทำตัวร่ำรวยอู้ฟู่เหมือน
อย่างใครเลย ใช้ชีวิตปกติเสียจนไอ้พวกขาเผือกชอบเสือกรู้ไม่จริงทั้งหลายเอาไปนินทา
หาว่ามาเกาะเขามั่งขายตัวให้เขาเพราะอยากยกระดับตัวเองมั่ง ซึ่งเป็นอะไรที่พอร์ชอยาก
จะยกตีนขึ้นเตะปากมาก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเมียห้ามไว้พร้อมทั้งยังกำชับด้วยว่า
‘เล่นกับหมา…หมาเลียปาก ถ้าทนไม่ได้เดี๋ยวกูกระทืบเอง’



            “รองเท้า”



            “ของใครอีกละ”



            “แฟน” พูดตอบโดยที่ไม่หันกลับมามอง แล้วเดินนำเข้าร้านรองเท้าแบรนด์
โปรดของพอร์ชทันที ทำเอาพอร์ชที่หน้ามุ่ยในตอนแรกยิ้มกว้างขึ้นมาทันที แต่ก็ใช่ว่า
จะดีใจที่ได้รองเท้าใหม่อย่างเดียวหรอกนะ เหนือสิ่งอื่นใดคือความสุขที่ได้รับรู้ว่าคนรัก
ไม่หลงลืมและให้ความสำคัญกับตนเองอยู่เสมอต่างหากละ



            ในสายตาคนนอกที่มองมาอาจจะเห็นว่าพอร์ชเอาอกเอาใจโซ่อยู่ฝ่ายเดียว
แต่สำหรับพอร์ชแล้วความเอาใจใส่อย่างเสมอต้นเสมอปลายที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
อย่างที่โซ่ทำต่างหากละที่เรียกว่าของจริงและเป็นสิ่งที่เขาต้องการตลอดไป

..

..

..

            “พี่โซ่”



            “ไง…ยายบอกกับพี่ว่าเราไม่ยอมไปเรียน” ปล่อยให้พอร์ชเข้าไปช่วยพ่อแม่
ทำอาหาร ส่วนตนเองก็แยกออกมาคุยกับจุก…เด็กชายตัวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันกับ
หลานชายอย่างจอมซน คนที่ตนรักและเลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก…ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก



            “จุกอยากชกมวย” ก้มหน้าพูดบอกไม่ยอมสบตา



            “แล้วเรื่องเรียนล่ะ อยากเป็นหมอไม่ใช่หรอ ถ้าไม่เรียนแล้วจะเป็นหมอได้ยังไง”
โซ่ยังคงเอ่ยถามไปเรื่อยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่กดดันอะไร ต่างจากเด็กน้อยที่พอถูกถาม
แทงใจดำเข้าก็สะอึกทันที



            “จุก…”



            “ไปฟังอะไรใครเขามาอีกละ”



            ไอ้อาการหลบหน้าหลบตาไม่พูดไม่จามีหรอที่โซ่จะมองไม่ออก สำหรับโซ่แล้ว
ความรู้สึกที่มีให้จุกกับจอมซนมันต่างกัน กับจอมซนคือหลานชายที่ตนเองพร้อมจะช่วย
เหลือในยามเดือดร้อนหรือคับขัน เพราะจอมซนมีพ่อมีแม่มีครอบครัวที่พร้อมจะซับพอร์ต
ต่างจากจุกที่ไม่มีใคร มีแค่ตากับยายและตัวโซ่เองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
ถ้าจะให้พูดตรงๆ จุกก็แค่เด็กคนหนึ่งที่ยายบังเอิญไปเจอตอนแม่มันกำลังจะวางทิ้งไว้
ข้างกองขยะ เพราะรักสนุกแต่ไม่มีปัญญารับผิดชอบดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ยายเลยเอากลับมาเลี้ยงทั้งที่ตัวเองก็ใช่ว่าจะร่ำรวย ออกจะขัดสนเสียด้วยซ้ำ เพราะ
คิดแค่ว่าเลี้ยงไว้เอาบุญ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเขาที่หมอบอกว่ามีภาวะซึมเศร้าในตอนนั้น



            “จุกไม่อยากทำให้พ่อแม่เดือดร้อน” พอโดนจี้ถามมากเข้าเด็กน้อยก็ยอมปริปากในที่สุด



            “แล้วพ่อแม่จะเดือดร้อนเรื่องอะไรล่ะ” โซ่ถามต่อ



            “ป้าส้มบอกว่าโรงเรียนจุกค่าเทอมแพง ค่าเรียนพิเศษก็แพง ค่ากิจกรรมก็แพง
ไหนจะค่าขนมรายวันของจุกอีกละ…จุกไม่ใช่ลูกหลานยายแต่จุกทำให้ยายเดือนร้อน”
พอได้พูดเข้าก็เหมือนว่าจะลืมตัวเผลอระบายความในใจออกมาทั้งหมดพร้อมหยดน้ำตา
ต่างจากโซ่ที่แค่นหัวเราะออกมาด้วยความสมเพสเมื่อได้ยินชื่อมารดาผู้ให้กำเนิดจาก
หลุดออกจากปากน้องชาย



            ตลกดีแท้…คนอะไรอิจฉาได้แม้กระทั่งเด็กไร้ที่พึ่ง ลำพังแค่โดนเพื่อนล้อเรื่อง
ชาติกำเนิดก็แย่แล้ว ทำไมเด็กอย่างจุกยังต้องมาตกเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ให้คน
ขี้อิจฉาพรรค์นั้นด้วย ในเมื่อคนที่รับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตจุกอย่างเต็มใจมันคือเขา
ผิดด้วยหรือที่เขาอยากจะแบ่งปัน ให้เด็กที่เกิดมาเพื่อบำบัดจิตใจของเขาจากดำเป็นขาว
ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดอย่างที่ยายเคยทำเพื่อเขา อยากให้
เด็กที่ช่วยสร้างสีสันในชีวิตของเขาได้มีอนาคตที่ดี ได้ทำตามความฝันอย่างที่ตั้งใจ
เพราะเขามั่นใจว่าจุกเป็นเด็กดี กตัญญู รู้หน้าที่ รักและเคารพตายายไม่แพ้หลานแท้ๆ อย่างเขา



            “เลยหยุดเรียน แล้วจะมาชกมวยเพื่อตอบแทนตายายเนี่ยนะ?”



            “จุกไม่อยากเรียนแล้ว” ปากบอกว่าไม่อยากเรียน แต่หยดน้ำใสที่ไหลออกมา
จากดวงตากลมที่ทอแสงหม่น แสดงความเสียใจออกมาชัดเจนแบบนี้นี่คืออะไร?



            “ถ้าอย่างนั้นก็ลุก…ลุกขึ้นมา” พูดบอกในขณะที่ออกแรงลากร่างของเด็กชาย
ที่มีขนาดตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างหลานชายแบบจอมซนขึ้นเวทีซ้อมมวยด้วยกัน



            “พี่โซ่…” เอ่ยเรียกชื่อพี่ชายเสี่ยงสั่นเมื่ออีกฝ่ายขว้างนวมสีแดงใส่หน้าเต็มแรง



            “มึงทำบ้าอะไรเนี่ยโซ่!” เพราะได้ยินเสียงเด็กในค่ายโวยวายเสียงดังแว่วชื่อคนรัก
พอร์ชที่ช่วยยายของโซ่ทำอาหารอยู่ในครัวหลังบ้านก็รีบวิ่งออกมาดูทันที เพราะเกรงว่าคนรัก
จะได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไป



            “ใส่นวม…ต่อยพี่ได้เมื่อไหร่ค่อยคิดจะชกมวย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปเรียนซะ!”
โซ่ที่ใส่นวมเตรียมพร้อมพูดบอกจุกที่นั่งกอดนวมอยู่บนพื้นเวที แบบที่ไม่สนใจเสียงห้าม
ปรามของใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นคนรักอย่างพอร์ชหรือคนที่เคารพมากที่สุดอย่างยายก็ตาม



            “มึงจะบ้ารึไงโซ่! น้องมันตัวแค่นั้นจะสู้มึงได้ยังไง…มึงจะฆ่ามันรึไง!” แม้ว่าจะ
ไม่เคยได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของคนรัก แต่พอร์ชก็มั่นใจว่าเด็กตัวผอมแห้งแรงน้อยบนเวที
ไม่สามารถสู้ชนะโซ่ได้อย่างแน่นอนในเมื่อเจ้าตัวคว่ำนักเทควันโดสายดำอย่างปกป้อง
ได้ภายในหมัดเดียว



            “ปล่อยมันไปเถอะพอร์ช ไอ้โซ่มันก็แค่จะช่วยเตือนสติน้อง” ตาของโซ่ช่วยพูด
หยุดพอร์ชไว้เสียก่อนที่พอร์ชจะปีนขึ้นไปลากตัวคนรักลงมา



            “รีบใส่นวมแล้วลุกขึ้นมาจุก! ถ้าเอาชนะพี่ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะไปชนะใครใน
สนามจริง เพราะทุกคนเขาสู้ด้วยความฝัน สู้เพราะอยากได้รับโอกาส สู้เพราะอยากมีอนาคต
 สู้เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่”



            ในเมื่อน้องไม่ลุกไม่ยอมใส่นวม โซ่ก็ล็อคคอขึ้นมาต่อยทั้งอย่างนั้นไม่มีการออมแรง
ทำเอาคนข้างเวทีถึงกลับหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นน้องน้อยที่น่ารักประจำค่ายเจ็บตัวแบบนี้



            “…..”



            “แต่เชื่อเถอะ ถ้าพวกเขามีหนทางที่ดีกว่านั้น เขาจะไม่ทำ เพราะไม่มีใครอยาก
เจ็บตัว ทุกๆ ครั้งในการชกมันมีแต่ความเสี่ยง…เสี่ยงเจ็บตัว ตับแตก ม้ามฉีก สมองพิการ
แต่เขาต้องทำ…ทำเพื่อครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง และลูกเมียของเขา”



            ลากคอขึ้นมาชกจนน้องหงายหลังเซไปติดมุม แต่โซ่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น
เขาก้าวตามเข้าไปแทงเข่าใส่ท้องจนน้องทรุดลงไปนอนกองกับพื้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปห้าม



            “กลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิมนะจุก พ่อกับแม่เขาไม่เดือดร้อนหรอก
เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างของจุกพี่เป็นคนออกเอง ตอนนี้พี่เงินพอที่จะละลายเล่น
ไปยันตาย ถ้าพี่ไม่เอาออกมาทำประโยชน์บ้างได้โดนธนาคารสาปแช่งเพราะดอกเบี้ยบานแน่”



            “แต่…”



            “ไม่มีแต่หรอก จุกเป็นน้องพี่ เป็นครอบครัวของพี่ ถ้าอยากตอบแทนก็เรียนให้จบ
ขาดเหลือก็บอก พี่พร้อมจะเปย์ให้คุณหมอจุกคนเก่งอยู่แล้ว ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขาเถอะ…
มุ่งมั่น ตั้งใจ เอาใบปริญญากับใบประกอบโรคศิลป์มาอวดตายายกับพี่ก็พอ”



            หยิบยกเอาคำพูดของยายมาบอกต่อกับน้องชาย เพราะสุดท้ายแล้วความคาดหวัง
ในตัวจุกสำหรับเขาก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการที่ได้เห็นเจ้าตัวมีชีวิตที่ดีประสบความสำเร็จ
เหมือนดั่งที่ตายายเองก็คาดหวังให้สิ่งเหล่านี้เกิดกับเขาในอนาคต



            “จุกรักพี่โซ่ที่สุดเลยฮะ” ฝืนความเจ็บหอบเอาร่างสะบักสะบอมของตัวเองคลาน
เข้าไปกอดพี่ชายสุดที่รัก พี่ที่มีความหมายต่อชีวิตและความรู้สึกมากกว่าคำพูด



            “เออ…รักเหมือนกัน แต่ถ้าจุกมองดีๆ จุกก็จะรู้ว่ามีอีกหลายคนที่รักจุก ที่ตรงนี้มี
ทั้งตามีทั้งยาย มีพี่ๆ น้องๆ ในค่ายทุกคนต่างก็รักจุกทั้งนั้น อย่าลืมสิว่าเราจับมือกันผ่าน
อะไรมาด้วยกันตั้งมากมาย” รับร่างของน้องเข้ามาซบอก ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มีไป
ในอ้อมกอด เพื่อปลอบประโลมและย้ำเตือนให้รู้ว่าเจ้าตัวสำคัญกับชีวิตเขาและครอบครัวมากขนาดไหน



            “จุกขอโทษฮะ ต่อไปนี้จุกสัญญาว่าจุกจะตั้งใจเรียน จะไม่ทำให้พี่โซ่กับตายายผิดหวัง”



            “เออจะทำอะไรก็ทำ ขอแค่อย่าทำร้ายตัวเองแบบวันนี้ก็พอ เพราะสำหรับพี่แล้ว…
คำว่า ‘ครอบครัว’ บางทีมันก็มีความหมายมากกว่าสายเลือดที่ติดตัวมา”









TBC.

           

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
 :monkeysad:
ซึ้งเลยน้องโซ่.... คนดีเมียพี่พอร์ช

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3

ซอโซ่… นายหล่อมากอะ     :m3:


เป็นกำลังใจให้นุ้งจุกฮะ     :a1:

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชอบนิยายเรื่องนี้
อ่านสนุก
อ่านได้เรื่อยๆ
อยากจะแนะนำให้คนอื่นมาอ่านด้วยจัง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ปรบมือ~

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :katai2-1: น้องโซ่คนดีศรีสังคมไทย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องโซ่พูดได้ดีมาก :monkeysad:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{37}






            “เอาจริงกูนึกว่ามึงจะฆ่าน้องมันแล้วนะเมีย ทำลงได้ไงเด็กตัวแค่นั้น
ดีแค่ไหนแล้วที่มันแค่ฟกซ้ำ ไม่มีแตกหักตรงไหน” พอร์ชพูดขึ้นในขณะที่
พากันขี่รถเล่นก่อนกลับบ้าน



            “กับคนบางคน แค่พูดคงไม่พอ ต้องชี้ให้มันดู ต้องทำให้มันเห็นถึงจะเข้าใจ”
ซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง กระชับวงแขนโอบกอดคนรักให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อเติม
แรงใจ หลังจากที่สู้ทนกับความเหนื่อยล้าติดต่อกันมาหลายวัน นับตั้งแต่เรื่องวุ่นวาย
ของหลานชายอย่างจอมซนจนมาถึงเรื่องความรู้สึกอ่อนไหวของจุกในวันนี้



            “เฮ้ย…อย่าหลับนะเว้ย เดี๋ยวตกรถ” กระตุกไหล่เป็นเชิงบอกเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนัก
ตัวของคนรักที่โถมเข้ามาซบบนแผ่นหลัง



            “ช่วงนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆ กูก็เลยจิตตกนิดหน่อย พาไปกินชานมไข่มุกหน่อยสิ”
พยักหน้างึมงำเป็นคำพูดทำเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเห็นสีหน้าและท่าทางของตนทั้งที่จริง
แล้วพอร์ชก็ทำได้แค่เพียงเอียงหูตั้งใจฟังคำขอร้องอู้อี้ของคนรักที่นั่งหลับตาซบ
หลังของตนเองอยู่ก็เท่านั้น



            ห๊ะ??? พอร์ชละอยากจะสบถคำว่าห๊ะให้ดังไปถึงดาวอังคาร เผื่อจะมีมนุษย์
ต่างดาวใจดีช่วยส่งคู่มือการเลี้ยงดูเมียแปดมิติอย่างไอ้ห่าโซ่กลับมาให้บ้าง เขาจะได้
เดาอารมณ์มันถูกสักที บอกตรงๆ เลยว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มีเรื่องมาให้ปวดหัวทุกวัน เกี่ยว
กับตรรกะแปลกๆ และอาการติสท์แตกของมัน แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อ ‘รัก’ ไปแล้ว



            “เกี่ยวอะไรกับชานมไข่มุกวะ?”



            “ไม่เกี่ยวแต่กูอยากกิน…จบนะ” ตบตุบลงไปบนไหล่ขวาของคนรักเป็นการปิด
ประเด็นการพูดคุยได้อย่างสวยงาม(?) ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดอ้อนแฟนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ด้วยการซุกหน้าถูไถไปมาบนแผ่นหลังกว้างของพอร์ชอย่างเพลิดเพลิน



            “พาขี่รถเล่นก็แล้ว ชาไข่มุกก็ได้กินแล้ว ทำไมยังหน้างออยู่อีกละเมีย” พูดพลาง
เอื้อมมือเข้าไปบีบแก้มป่องทั้งสองข้างของโซ่เล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว



            ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนยังไงที่คนเคยผอมอย่างโซ่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากจนมอง
ไปทางไหนก็น่าจับ น่าบีบ น่าหยิกเล่นไปหมด



            “พอร์ช” โซ่เอ่ยเรียกคนรักทั้งที่ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เหมือนเดิม



            “ว่า?”



            “เหมือนลืมอะไรว่ะ แต่ก็คิดไม่ออกว่าลืมอะไร” พูดจบก็อ้าปากงับหลอด
ดูดชานมไข่มุกในมือไปอีกอึกใหญ่



            แต่ในระหว่างนั้นเอง…



            ‘โอ้ย…กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้ตี้ว่าให้รีบออกมา แม่งก็มัวแต่เล่นเกมอยู่ได้
ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีดอกไม้ไปร่วมทำพานกับเขานะ…หัวหน้าห้องแดกหัวกูแน่’



            เด็กหนุ่มคนหนึ่งบ่นเสียงเครียด ในขณะที่อีกคนก็ตีหน้านิ่งแต่แววตาวิบวับ
โคตรกวนตีนเดินผ่านหน้าพอร์ชกับโซ่ไปเหมือนมองไม่เห็น ทั้งที่คนหนึ่งเป็นรุ่นน้อง
ในแผนกโซ่ ส่วนอีกคนพอร์ชก็จำได้ดีว่ามันคือไอ้รุ่นน้องตัวแสบในแผนกตนเองเช่นกัน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพราะประเด็นสำคัญมันอยู่ที่…



            “ฉิบหายแล้วครับเมีย”



            “ลืมพาน/กูลืมซื้อดอกไม้”



            แล้วนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้พ่อและแม่พี่มณีตารีตาเหลือกแว๊นน้องแมนกลับ
ไปที่บ้านยายของโซ่อีกครั้ง เพราะโซ่รับปากกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะเอาพานที่บ้านไป
ช่วยงานเหมือนปีที่ผ่านมา ในขณะที่พอร์ชเองก็ได้รับหน้าที่ซื้อดอกไม้ตามรายการที่
เพื่อนจดใส่โพยมาให้ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านอยู่ใกล้ตลาดแค่ไม่กี่ก้าว



            “ดอกไม้มึงซื้อพรุ่งนี้ก็ทัน แต่ตื่นเช้าหน่อยนะ กูว่าพรุ่งนี้ดอกไม้น่าจะขายดี”



            โซ่ที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงเตรียมพร้อมที่จะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์พูดบอกกับ
คนรักที่กำลังยืนเป็นชีเปลือยนิ่งค้างอยู่หน้าทีวีเพราะเจ้าตัวกำลังเลือกไม่ถูกว่าจะทำอะไร
ก่อนดีระหว่างเช็ดตัวกับการเชียร์การแข่งขันฟุตบอลในทีวี



            “เมียจ๋าอย่าเพิ่งนอน พี่พอร์ชขอจุ๊บก่อน…มาจุ๊บๆ กัน” พอหันไปเห็นว่าคนรัก
พร้อมนอนเต็มที่พอร์ชก็รีบหอบหิ้วเอาร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองเข้าไปคลอเคลีย
หอมแก้มซ้ายขวา หน้าผาก จมูก คาง ปิดท้ายด้วยริมฝีปากจนหนำใจ



            “ดูแค่คู่เดียวพอนะพอร์ช” ชี้นิ้วพูดเตือนทั้งที่ยังคงหลับตา เพราะกลัวคนบ้าบอล
อย่างพอร์ชจะอยู่รอดูบอลจนจบครบสองคู่ที่มีตารางแข่งขันในคืนนี้



            “รับทราบครับเมีย!” พยักหน้ารับปากเสียงขันทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่แต่หน้าจอทีวี



            “รีบไปใส่เสื้อผ้านะพอร์ช เดี๋ยวไม่สบาย” เพราะเป็นคนขี้ร้อนกันทั้งคู่ เวลานอนจึง
เปิดแอร์ค่อนข้างเย็นถึงเย็นมาก โซ่ก็เลยอดห่วงชีเปลือยตรงหน้าไม่ได้ กลัวว่ามันจะแข็งตาย
ไปซะก่อนถ้ายังขืนยืนแก้ผ้าท้าลมหนาวอยู่อย่างนี้



            “คร้าบๆ ไปแล้วคร้าบ…” ตกปากรับคำเป็นอย่างดี แต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มี
การขยับเขยื้อนไปไหนอย่างที่ปากบอก



            35 นาทีผ่านไป



กึก กึก



            เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่ที่เกมการแข่งขันฟุตบอลในทีวี พอร์ชจึงไม่ทันได้ยินเสียง
แปลกๆ ที่ดังแทรกเสียงผู้บรรยายฟุตบอลขึ้นมาเบาๆ



ปุ*!*



            “โอ้ย…เหี้ย! อะไรวะ?”



            พอร์ชที่กำลังดูการแข่งขันฟุตบอลอย่างเพลิดเพลินเจริญใจถึงกับร้องเสียง
เมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่กลางหลัง



            “มึงสิเหี้ย กูบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ไปแต่งตัว มายืนแก้ผ้าเป็นชีเปลือยอยู่ได้
สงสารเจ้าที่เจ้าทางเขาบ้างสิ ป่านนี้ไม่เป็นตากุ้งยิงกันหมดแล้วรึไง…ไปใส่เสื้อผ้า!”



            โซ่ที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงมองดูพอร์ชด้วย
สายตาดุๆ พร้อมอาวุธในมือ ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่เป็นปืนบีบีกันของเล่นใหม่ของ
พอร์ชที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงยังไงล่ะ



            “มันเจ็บนะโซ่!” หันไปกระเง้ากระงอดใส่คนรัก



            “ก็ทำให้เจ็บไง กูบอกให้มึงไปใส่เสื้อผ้าตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้วนะพอร์ช”



            “ก็ขอดูแปปเดียว”



            “แปปเดียวของมึงนี่จะรอให้ครบสี่สิบห้านาทีแล้วต่อด้วยทดเวลาอีกรึเปล่าพอร์ช
กับอีแค่เดินไปเอาเสื้อผ้ามาใส่นี่มึงจะตายรึไง…ตู้เสื้อผ้าก็อยู่แค่เนี้ย”



            “พลาดแค่วินาทีเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดีไม่ดีเฮียเมสของพี่อาจจะยิงประตูเข้าก็ได้”



            พอร์ชยังคงเถียงข้างๆ คูๆ ต่อโดยที่ไม่คิดจะไปใส่เสื้อผ้าหรือแม้แต่จะหยิบผ้าขนหนู
ขึ้นมาห่อตัวแก้หนาวหรือกันโป้แม้แต่นิดเดียว โซ่ถึงกับกัดฟันกรอดยกบีบีกันในมือขึ้นเล็งอีกครั้ง
ด้วยเป้าหมายที่ลงต่ำกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำเอาพอร์ชถึงกับเสียววาบ



            “แต่ถ้ามึงยังไม่ไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่อีกละก็…ลูกมึงไม่ได้เกิดแน่ไอ้พอร์ช”



            “ใจร้าย…เมียใครไม่รู้ใจร้ายที่สุด!” พูดจบก็เดินสะบัดสะบิ้งออกไปยังโซนห้องแต่งตัว
ที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสิบก้าว แต่เดินไปได้แค่สองสามก้าวก็เป็นอันต้องรีบหันกลับมามองทีวี ส่วนโซ่
เองก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอา พอร์ชก็เป็นแบบนี้ เถียงไม่ได้ก็ทำตลกเข้าสู้ทุกที



            “หึ…เนียนดูจบครบสองคู่จนได้สินะไอ้หมาพอร์ช”



            โซ่ที่กำลังหลับสบายถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่คนรักตั้งเตือนไว้
ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำ ในขณะที่เจ้าของโทรศัพท์อย่างพอร์ชกำลังนอนฉีกแข้งฉีกขานอนหลับสบาย
อยู่บนพื้นพรมตรงหน้าเตียงพร้อมกับซากซองขนมอีกจำนวนหนึ่งที่โซ่เห็นแล้วโมโหจนแทบ
อยากจะกระชากหัวคนรักที่กำลังม้วนตัวเปลี่ยนท่านอนขึ้นมาโบกสักทีสองทีให้สาแก่ใจ
แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ลง เห็นหน้างอยหมาของมันทีไรก็เป็นต้องใจอ่อนทุกที



            จัดการห่มผ้าให้คนรักเสร็จโซ่ก็เดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนที่จะออกมาหา
โพยรายการดอกไม้ของพอร์ชที่วางล่อตาอยู่บนโต๊ะหนังสือและใช้เวลาอีกนิดหน่อยในการ
หากระเป๋าสตางค์ของพอร์ชที่วางอยู่ไม่ไกล หลับตาตั้งสตินึกทวนอีกครั้งว่าในส่วนของตนเอง
มีอะไรที่จะต้องซื้อด้วยหรือเปล่า จนกระทั่งหันไปเห็นเสื้อคลุมของคนรักที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
ที่อยู่ไม่ไกลเลยคว้าเอามาใส่ทับปิดชุดนอนที่เป็นเสื้อกล้ามคว้านลึกของตนเอง เสร็จแล้วก็มุ่ง
ตรงสู่ตลาดสดที่อยู่ห่างจากบ้านไม่ถึงสิบเมตร



            “ห้องมึงใครถือพานวะเมีย”



            ดูเหมือนการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างทานมื้อเช้าเหมือนทุกวัน
แต่สถานการณ์วันนี้มันต่างไปและพอร์ชเองก็กำลังหยั่งเชิงเช็คอารมณ์ของคนรักว่า
กลับมาเป็นปกติหรือยัง หลังจากที่โดนคนรักปลุกด้วยด้ามไม้กวาดอันแสนหวานฟาด
เข้าที่กลางหลังด้วยเหตุที่ว่านอนดึกแล้วยังเสือกตื่นสาย แถมยังเป็นภาระให้คุณเมีย
ที่เคารพและโคตรรักเหนื่อยปลุกแต่เช้า



            “กูกับใครสักคน แล้วห้องมึงล่ะ?” ไม่ได้ตั้งใจจะกวนนะ แต่โซ่จำไม่ได้จริงๆ
ว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจากอาจารย์ที่ปรึกษาให้มาถือพานคู่กับตนเองอีกคนคือใคร



            “โธ่เมีย…ผัวหล่อขนาดนี้จะเป็นใครที่ไหนได้ ก็ต้องเป็นพี่กับไอ้เด็กใหม่หน้าขาว
จั๊วะสิจ้ะที่รัก” ว่าแล้วก็งับหมูปิ้งของโปรดเมียเข้าไปอีกหนึ่งคำใหญ่ ตั้งแต่มีโซ่เข้ามาอยู่ในชีวิต
 ไม่มีวันไหนเลยที่หมูปิ้งเพื่อนรักจะหายไปจากมื้อเช้า เพราะพี่ท่านเล่นกินหมูปิ้งกับทุกสิ่งอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวสวย ข้าวเหนียว ขนมปัง หรือแม้กับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋พี่ท่านก็สามารถ



            “ดูเหมือนมึงจะสนิทกับเด็กใหม่นี่จังเลยนะ” ไม่ได้หึงนะ แค่อยากจะเช็คให้ชัวร์



            “แหม…แม่มึงก็! ไม่ต้องหึงหรอกน่า พี่รู้ว่าพี่โคตรหล่อ โคตรรวยและ…โคตรใหญ่
แต่พี่ก็รักเมียคนเดียวน้า…” ยิ้มตาหยีหยอดคำหวานส่งให้คนรักอย่างเอาอกเอาใจ เพื่อปลอดภัย
ในชีวิตและความสงบสุขของครอบครัว



            “เพ้อเจ้อ…รีบกินให้เสร็จแล้วเอาจานไปล้างด้วย สายมากแล้ว” เพราะทางวิทยาลัย
ยกให้เป็นวันทำพานและต่อด้วยกิจกรรมวันไหว้ครูในวันถัดไป วันนี้พวกเขาทั้งสองจึงไม่ต้อง
เร่งรีบนัก แม้ว่าพอร์ชจะตื่นเอาตอนแปดโมงตรงก็ตาม

..

..

..

            “อรุณสวัสดิ์พอร์ช!”



            “กูว่ากูมาสายมากแล้วนะ ไหงมึงมาสายกว่ากูอีกวะไอ้เด็กใหม่” พอร์ชหันไปทักทาย
กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนใหม่ที่เดินเข้ามานั่งข้างกัน



            “เมื่อคืนเราดูบอลดึกเลยตื่นสาย” หัวเราะแหะๆ แล้วเปลี่ยนมายิ้มเจื่อนส่งให้แก้เขิน
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพอร์ชเป็นหัวหน้าห้องและมีหน้าที่คอยเช็คชื่อเพื่อนในวันนี้



            “เฮ้ยอย่าคิดมากน่า สายตอนเช้าไม่ว่า เพราะบางคนก็ขอออกไปซื้อของเพิ่ม แต่ถ้า
ตอนบ่ายไม่กลับมาช่วยกันทำพานกูเล่นแน่” ก็อย่างที่บอกไปว่าวันนี้งดการเรียนการสอนทั้งหมด
เพื่อให้เวลานักเรียนและครูช่วยกันทำพานในแผนก และมีบางส่วนที่ต้องไปช่วยกันจัดสถานที่
และทำบายศรีประกอบพิธีพราหมณ์ในตอนสาย



            “แต่อีกเดี๋ยวเราก็ต้องไปซ้อมถือพานแล้วนะ”



            “เออวะ” ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วนึกขึ้นได้ว่าตนเองมีนัดซ้อมถือพานรอบสุดท้าย
ตอนสิบโมงถึงเที่ยง ถ้าเดินสวยถูกใจตามที่ครูฝึกสอนต้องการก็คือจบ แต่ถ้าไม่ก็ต้องซ้อมต่อ
ในตอนบ่าย ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน



            “ไงไอ้เพื่อนยากมัวมานั่งจู๋จี๋กับชู้อยู่นี่เอง โน้น…เมียมึงเดินมาตามแล้วครับ” เป้รีบเดิน
เข้ามาตามเพื่อนรักทันทีที่เห็นโซ่เดินตรงมาแต่ไกล เพราะไม่ไว้ใจในอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือน
พายุของโซ่ที่ไม่รู้ว่าจะหึงรึเปล่า ถ้าเดินมาเห็นคนรักของตัวเองนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับใครอีกคน
ที่เจ้าตัวยังไม่มีโอกาสได้รู้จัก เพราะเท่าที่ซีเล่าวีรกรรมเก่าๆ ของโซ่ให้ฟัง เป้ว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก
เลยถ้าใครจะไปล้อเล่นกับลมเพชรหึงที่ไม่สามารถวัดระดับความรุนแรงของโซ่ได้



            พอร์ชรีบลุกเดินออกมารอรับคนรักที่ประตูทางเข้าแผนกด้วยความเป็นห่วง เพราะถ้าไม่มี
เรื่องหรือเดือดร้อนจริงๆ ไม่มีทางเสียหรอกที่โซ่จะโผล่หน้ามาให้พวกเพื่อนๆ ในแผนกของเขาเป่า
ปากร้องแซวถึงที่แบบนี้



            “พอร์ช”



            “โซ่…” โซ่เรียกพอร์ชน่ะถูกแล้ว แต่คนที่เรียกโซ่ไม่ใช่พอร์ช กลับเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งจะ
เดินออกมายืนขั้นกลางระหว่างโซ่กับพอร์ชไว้ต่างหากละ



            “ไอ้เหี้ยทอย”









Facebook : Peera_Porsche​

เมียใคร...ทำไมหล่อ?

#พอร์ชอวดแฟน​ #คนอวดเมีย2018







TBC.

​เขาเป็นใครหนอ? เขามาจากไหน? ใครมาทำอะไร...ยังไง...และเมื่อไหร่?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอบหน้า จากปืนบีบี เป็นอาก้าแน่นอน  :hao4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอจ้า  :impress2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น่าจะเป็นศัตรูคู่แค้้้นของนุ้งโซ่

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{38}





[Ps. ตอนนี้กรุณาอ่านช้าๆ อย่างใช้สติ อย่าอ่านข้าม ไม่เช่นนั้นคุณจะงง]





“ไอ้เหี้ยทอย” เอ่ยเรียกด้วยเสียงเรียบนิ่งแล้วกระโจนเข้าขย้ำใส่อีกฝ่ายด้วย
ท่าทางรุนแรงเสียจนคนรอบข้างตกใจอ้าปากค้าง เพราะไม่มีใครเลยนอก
จากบุญล้อมจะเคยเห็นโซ่ในมุมนี้ แม้ว่าจะเป็นคนรักที่อยู่ข้างกายแทบจะ
ตลอดเวลาอย่างพอร์ชก็ตาม



“คุณโซ่อย่า / เฮ้ยไอ้โซ่!” มีมากกว่าสิบเสียงที่ร้องห้ามโซ่ แต่คนที่ไวที่สุด
ก็คือพอร์ชที่พุ่งเข้าไปคว้าตัวคนรักไว้ได้ทัน ก่อนที่ทอยจะโดนโซ่หักคอเข้าจริงๆ



“ใจเย็นก่อนครับคุณโซ่…เราพลาดไม่ได้แล้วนะครับ” บุญล้อมที่เดินตามเพื่อน
มาเห็นฉากสำคัญพูดบอกเสียงดังในตอนแรก ดึงโซ่ออกจากพอร์ชเข้ามากอด
รัดไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะกระซิบเสียงเบาในประโยคสุด



โซ่หลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาล
ของตนเองไว้ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับใครทั้งนั้น



“เกิดอะไรขึ้นวะล้อม” แวนที่เพิ่งจะหายจากอาการตกใจรีบเอ่ยถามคนรัก



“ไม่มีอะไรหรอกครับ สงสัยช่วงนี้พิษสุนัขบ้ามันระบาดมากเกินไปจนคุณโซ่เกิดคลั่ง
อยากจะกัดกับ ‘หมา’ ขึ้นมา” ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่สายตาเอาเรื่องของบุญล้อม
ที่จดจ้องไปที่ใบหน้าทอยอย่างเอาเรื่องในยามที่พูดถึง ‘หมา’ แบบเน้นคำนั้น มันทำ
กำลังให้ทุกคนเกิดความสงสัยเพราะตั้งแต่รู้จักกันมา อย่าว่าแต่จะหาเรื่องคนเลย
ลำพังแค่จะตบยุงพ่อมหาคนดีแกยังห้ามเพราะกลัวเกรงในบาปกรรม



“มึงรู้จักพวกไอ้โซ่ด้วยหรอวะเด็กใหม่?” เป้เอ่ยถามหลังจากที่บุญล้อมกับเพื่อนรัก
อย่างพอร์ชวิ่งตามโซ่ไปติดๆ



“ยิ่งกว่ารู้จักอีกครับ” ทอยที่มองตามหลังพอร์ชไปจนสุดสายตาหันมายิ้มหวานส่งให้เป้
พร้อมตอบคำถามด้วยสีหน้าและท่าทางดูเจ้าเล่ห์ต่างจากบุคลิกขี้อายในตอนแรกของเจ้าตัว



“ลองได้ทำให้คนที่นิ่งเป็นหินเย็นเป็นน้ำเหมือนไอ้โซ่คลั่งทันทีที่เจอหน้ากันอย่างนี้
ได้กูว่าไม่ธรรมดาแล้ววะเพื่อนเป้ งานนี้กูขอฟังธงเลยว่า…บรรลัยแน่นวล”



“ไปไหนแล้ววะ” พอร์ชหันไปถามบุญล้อมที่ยืนหอบอยู่ข้างกัน



“ไม่รู้เหมือนกันวะ” เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่บุญล้อมหลงลืมความสุภาพไปชั่วขณะ
ส่วนพอร์ชเองก็เป็นห่วงโซ่จนไม่ได้สนใจอะไร



“เฮ้ยไอ้ล้อม! เพื่อนมึงมันรีบไปไหนของมันวะ กูเห็นปีนกำแพงหลังออกไป ดีนะวันนี้
เขาปล่อยฟรีไม่อย่างนั้นได้โดนพ่อมึงเรียกไปด่าแน่” ก็เหมือนว่าจะเป็นการทักทายกัน
ธรรมดาตามประสาเพื่อนต่างแผนกที่นานๆจะได้เจอกันสักที ถ้าไม่บังเอิญว่าบุญล้อม
กับพอร์ชกำลังตามหาโซ่อยู่พอดีละนะ เพราะทันทีที่รู้ว่าโซ่อยู่ไหน พวกเขาก็พุ่งตรง
ไปทางนั้นทันที



“คงไปไกลแล้วละ” บุญล้อมทิ้งตัวนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเหนื่อย หลังจากที่วิ่ง
ตามหาโซ่มาแล้วรอบสนามกีฬากลางจังหวัดที่อยู่ติดกันกับวิทยาลัย



“มันจะไปไหนได้ยังไงในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่กันทุกคน” พอร์ชพูดบอกอย่างไม่ยอมถอดใจ
ในเมื่อบุคคลที่สามารถเป็นสารถีรับส่งโซ่ได้อย่างเขากับบุญล้อมหรือเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ 
ต่างก็ยังทำงานกันอยู่ในวิทยาลัยครบทุกคน



“ครบกันมาเป็นปี ผมคิดว่าคุณพอร์ชจะรู้จักคุณโซ่ได้มากกว่านี้ซะอีก สุดท้ายแล้วก็ได้แค่
เปลือกนอก” เมื่อตั้งสติได้บุญล้อมก็กลับมาใช้คำสุภาพพูดคุยกับพอร์ชเหมือนเดิม จะต่าง
ก็ตรงสีหน้าและท่าทางของเจ้าตัวที่กำลังแสดงถึงการดูถูกออกมาอย่างชัดเจน



ก่อนจะพูดออกมาอีกว่า…



“คุณโซ่ไม่ใช่คนที่ดีเลิศหรือว่าวิเศษวิโสมาจากไหนหรอกนะครับ แต่การที่ใครสักคนจะ
คบหากับคุณโซ่ได้ ผมว่าแค่ความรักกับความชอบคงไม่พอ” พูดจบก็ปีนกำแพงกลับเข้า
ไปในรั้ววิทยาลัยเช่นเดิม ทิ้งให้พอร์ชนั่งจมอยู่กับความรู้สึกสับสนของตนเองแต่เพียงลำพัง



ครืด ครืด

1 message From… ‘ผัวไอ้แวน’

‘ Facebook : Soh_ Aisoon / IG : family_manee.ps ’



‘ผมรู้นะครับว่าคุณพอร์ชรักคุณโซ่มาก เพราะคุณโซ่เองก็รักคุณมาก…มากจนคุณคาดไม่ถึงเลยละ’



ยังไม่ทันได้เปิดอ่านข้อความแรก ข้อความที่สองก็ถูกส่งต่อเข้ามาในเวลาติดๆกัน



ครืด ครืด



‘อาจจะฟังดูเหมือนคนเห็นแก่ตัวไปนิด แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณยืนอยู่คุณโซ่
คอยปกป้องคุณโซ่ อย่าลังเล อย่าเอนเอียง และอย่าเข้าข้างใคร’



ยิ่งอ่านข้อความของบุญล้อมมากเท่าไหร่ คิ้วพอร์ชก็ยิ่งขมวดเป็นปมมากขึ้นเท่านั้น


จนกระทั่ง…



‘เพราะพื้นหัวใจของคุณโซ่ไม่มีเหลือให้บาดแผลใหม่เกิดอีกแล้ว…โชคดีนะครับ’



พอร์ชกดปดโปรแกรมแชทที่ใช้ติดต่อพูดคุยกับบุญล้อม โดยไม่ลืมที่จะคัดลอกชื่อ
account Social Media ต่างๆ ของโซ่ไว้ค้นหาตามโปรแกรม



สารภาพตรงๆ เลยว่าตั้งแต่คบกันมาพอร์ชไม่เคยรู้เลยว่าคนรักเล่น Social Media
อย่าง IG หรือ Facebook เหมือนกันมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้เขายังเคยแซวเจ้าตัว
อยู่เลยว่า ชอบพกกล้องถ่ายรูปไปไหนมาไหน เก็บภาพความทรงจำมากมาย แต่ไม่
เคยเห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันของเจ้าตัวเลยสักครั้ง จนกระทั่ง…



Facebook : Soh_ Aisoon

เพื่อน 5 คน

มีผู้ติดตาม 618,694 คน



Instagram : family_manee.ps

2,863 posts     570k followers     4 following



“เหี้ย! กูมีเมียเป็นเซเลบหรอวะเนี่ย? อะไรจะติดตามกันเยอะขนาดน้าน…”



พอร์ชตกใจอ้าปากค้างเมื่อเห็นยอดคนติดตามใน Facebook และ Instagram ของ
คนรักที่มีมากกว่าตนเองหลายเท่าทั้งที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบๆ มีโลกส่วนตัวสูงซะจน
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ในช่องทางออนไลน์ต่างๆ กลับมีคนติดตามมากมายถึงหลักแสนคน

..

..

..

“ไง…ไหนว่าเลิกแล้ว กลับมาหากูอีกทำไมครับมึง?”



ชายหนุ่มเจ้าของร้านที่กำลังยืนเช็ดแก้วอยู่หน้าเคาน์เตอร์ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นรุ่นน้อง
คนสนิทเดินเข้ามาในโกดังร้านนมซึ่งจะกลายสภาพเป็นร้านเหล้าทันทีเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน



“เรื่องไม่เศร้า ขอเหล้าแก้ว” นั่นคือประโยคแรกที่โซ่ใช้ทักทายกับรุ่นพี่หลังจากที่เดิน
ตรงเข้าไปหามุมสงบสุดทางที่เคยเป็นโต๊ะประจำของตนเองและเพื่อนๆ ในอดีต



กึก



แก้วเหล้าสีเข้มถูกนำมาวางตรงหน้าโซ่ด้วยความอภินันทนาการจากเจ้าของร้านสุดหล่อ
ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างตรงหน้าโซ่



“เอาจริงนะโซ่ กูไม่รู้หรอกว่ามึงไปเจอเรื่องเหี้ยอะไรมาแต่มึงก็น้องที่กูรักไง เอาตรงๆ เลยนะ
ถ้าเป็นไปได้กูไม่อยากให้มึงก้าวกลับเข้ามาในร้านกูเลยวะ ไม่อยากให้มึงวกกลับเข้าวังวนเดิมๆ
ที่เคยทำให้มึงตกนรกทั้งเป็น…ไอ้แยมเองก็คงคิดเหมือนกันกับกู”



พูดสิ่งที่อยู่ในใจจบก็เตรียมที่จะลุกหนี แต่โดนโซ่เรียกไว้ซะก่อน



“พี่เค้ก”



“?” เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



“ไอ้ทอย…กูไปเจอไอ้ทอยมา”

..

..

..



‘โซ่ไปมีเรื่องกับเด็กใหม่มาหรอ ไม่เอาได้ไหม เลิกยุ่งกับเขาได้หรือเปล่า เพื่อนแยมบอกว่าคนนั้น
เป็นลูกผู้กำกับที่เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งใหม่…เดี๋ยวได้เป็นเรื่องใหญ่อีก’



แยมโรลเด็กหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักน่าเอ็นดู บุคคลผู้ซึ่งชนะในการโหวตให้เป็นดาวประจำรุ่น
ด้วยเพราะรูปร่างหน้าตาหรือผิวพรรณที่ดูขาวเนียนสดใสและเปล่งปลั่งเกินหน้าเกินตาความเป็น
บุรุษเพศของตนเอง



‘ลูกผู้ชายเขาไม่วิ่งแจ้นไปฟ้องพ่อเพราะมีเรื่องต่อยตีกับใครหรอก ตัวเองไม่ต้องห่วง’



ด้วยศักดิ์ศรีของหัวหน้าแก๊งกางเกงขาสั้น มีหรือที่ไอ้โซ่คนนี้จะยอมให้ไอ้เด็กใหม่มาหยามกัน
ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาเรียนด้วยการทำกร่างตบหัวลูกน้องในปกครอง



‘ไม่ให้ห่วงตัวเองแล้วจะให้เค้าห่วงใคร รักมากขนาดเน้…’ โผเข้ากอดคนรักด้วยรอยยิ้มพร้อม
หัวใจที่เป็นกังวล



จะให้บอกโซ่ได้ยังไงว่าเมื่อกี้ตนเองเพิ่งจะโดนไอ้บ้านั่นลวนลามในห้องน้ำมาหมาดๆ ในเมื่อ
โซ่เองก็เป็นคนใจร้อน ส่วนไอ้ห่านั้นก็บ้าอำนาจทำกร่างเกรียนตั้งแต่เข้ามาเรียนวันแรก ไหน
จะอิทธิพลของพ่อมันที่ค้ำคออยู่อีกละ ถ้ามีเรื่องกันจริงๆ โซ่มีแต่เสียเปรียบแน่ๆ



‘ไงวะไอ้โซ่ได้ข่าวว่าเป็นขาใหญ่ที่นี่หรอวะ? แต่สงสัยจะใหญ่ไม่จริง เพราะเก่งจริงมึงคงตาม
เช็คบินตั้งแต่กูล้วงตูดเมียมึงเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้วม้าง…’





โซ่ตวัดสายตาถามหาคำตอบจากคนรัก ส่วนทอยหัวเราะร่าอย่างสะใจโดยมีลูกน้อง
ของทอยคอยสมทบ



‘อ้าวๆ เงียบอย่างนี้แสดงว่ามึงไม่ได้บอกผัวมึงเรื่องในห้องน้ำหรอวะอีตุ๊ด!’



โซ่กำหมัดแน่นในขณะที่แยมโรลเองก็กอดแขนคนรักไว้แน่นเช่นกัน เพราะไม่อยาก
ให้โซ่มีเรื่องกับคนแบบนี้



‘กูจะบอกอะไรให้นะไอ้โซ่ เมียมึงน่ะ…เวลาอยู่ในห้องก็ไม่ต่างจากกระหรี่นักหรอก
เพราะพวกกูจับมันแก้ผ้ากลางห้องมาแล้วโว้ย’



ตุบ! ผัวะ!



สิ้นเสียงเหยียดหยามของทอยก็กลายมาเป็นเสียงฝ่ามือและส้นเท้าของโซ่แทน
เพราะทันทีที่ทอยพูดจบโซ่ก็จัดหมัดเท้าเข่าศอกประเคนให้ทอยและลูกสมุนอีก
สี่ห้าตัวของทอยแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ เอาแบบไม่ต้องมีเวลาพักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว



‘เค้าบอกแล้วไงว่าอย่าไปมีเรื่องกับพวกมัน เห็นไหมว่าพ่อมันบ้าอำนาจขนาดไหน
นี่ดีนะที่พ่อเค้าไม่สั่งพักการเรียนอ่ะ ไม่อย่างนั้นเราสองคนจะต้องเรียนไม่ทัน
เรียนไม่รู้เรื่อง และก็อาจจะไม่ได้เป็นหมอหมาอย่างที่ฝันกันไว้แน่เลยตัวเอง’



ความจริงแล้วทั้งสองคนก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันนั่นแหละ แต่ถูกพ่อของแยมโรลที่
ใช้สิทธิ์ในการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนจับแยกห้องออกจากกัน ด้วยเกรงว่าถ้าปล่อย
ให้คู่รักสนั่นโลกสองคนนี้นั่งเรียนห้องเดียวกันมีหวังจะพากันเรียนไม่จบ เพราะมัวแต่
คุยเล่นกันจนทำเกรดตกมาแล้วในเทอมแรก



‘ก็ใครใช้ให้มันมารังแกตัวเองละ เค้าไม่ฆ่ามันตายห่าก็บุญหัวแล้ว’ แม้ว่าจะโกรธแค่ไหน
 แค่สรรพนามมุ้งมิ้งน่ารักก็ยังคงอยู่



‘ใช่ซะที่ไหนเล่า…พวกมันก็แค่พูดโม้ไป ใครจะบ้าอยู่เฉยให้มันจับแก้ผ้า ตัวเองนั่นแหละ
หูเบาซอโซ่!’ ว่าแล้วก็งับหูเข้าเต็มแรง เผื่อว่าเจ้าตัวจะหูหนักเชื่อคำเตือนจากเขาบ้าง



พรึ่บ!



‘จะทำอะไร ปล่อยเค้าเลยนะ คนนิสัยไม่ดี’ แยมโรลร้องโวยออกมาทันทีเมื่อถูกคนรัก
รวบลงเตียง ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อมตัวลงมาทาบทับ



‘จะ…ปล้ำ’



‘งื้อ…ไอ้คนบ้า!’

​..

..

“อะไรมันจะรักกันขนาดนั้นวะ รักจนกูหมั่นไส้!” พอร์ชเหมือนเป็นคนบ้าที่ต้องมานั่ง
อิจฉาแมวอย่างพี่มณีลูกรักที่ไม่ว่าจะเปิดดู account ไหนของโซ่ก็จะได้เห็นรูปถ่าย
พี่มณีในมุมต่างๆ วันๆ หนึ่งอัพลงกันเป็นสิบรูป นานๆทีก็จะมีรูปของเขาหลุดมาให้ชื่นใจสักที



จนกระทั่ง…



If I could turn back time, I would’ve promised to look after you better.

(ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันสัญญาจะดูแลคุณให้ดีกว่านี้



Not a day goes by that I don’t think of you.

(ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ)





Without you, the world has no meaning

(โลกมันไม่มีความหมายแล้วถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย)





ข้อความอาลัยพร้อมหลักฐานรูปคู่ระหว่างโซ่กับใครสักคนที่เขาไม่รู้จักมากมาย
เต็มกระดานข่าวหน้าหลักใน Facebook ของโซ่ที่ไม่ต้องมีใครบอกพอร์ชก็สามารถ
รับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าทั้งสองคงเป็นแฟนกันและคงจะรักกันมาก…มากกว่าเขาคนนี้เสียด้วยซ้ำ



หัวใจที่เคยฟูฟ่องในตอนแรกกลับมาลีบแบน รู้สึกหน่วงจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็น
คำพูดยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้เขากำลังอิจฉา กำลังน้อยใจ กำลังรู้สึกแย่กับความโศกเศร้า
ที่กำลังกัดกินหัวใจของตัวเองให้ตายทั้งเป็น





“มึงเคยรักกูจริงๆ รึเปล่าวะโซ่...รักเหมือนที่กูรักมึงจนแทบบ้าแบบนี้!!!!!!”









TBC.

 เพราะในตอนนี้และตอนหน้ามีการย้อนอดีตไปยังวันวานอันแสนหวาน(รึเปล่า?)ของโซ่
เพราะฉะนั้นกรุณตั้งสติก่อนสตาร์ทนะคะ ถ้างงก็ลองอ่านซ้ำอีกที แต่ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ IB
เข้ามาหาคนเขียนในเพจได้จ้า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง #ด้วยรัก #คิดถึงม๊าก!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2018 16:51:07 โดย เขียนสือ »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แหนะ!!! อิพอร์ชน้อยใจอีกแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอา fb  ไปถามบุญล้อมดีกว่ามานั่งถามตัวเอนะ  :hao4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตั้งใจอ่านอย่างดีเลยจ๊ะ  :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดราม่ามา...

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{39}







            “ปล่อยมันไปเถอะวะ เดี๋ยวเวรกรรมแม่งก็ตามทันแหละ คนจัญไรแบบนี้
อยู่ได้ไม่นานหรอก…เชื่อกูเถอะ”



            “เจ้ากรรมนายเวรของมันก็กูนี่ไง” ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเตือนด้วยความหวังดี
แต่จิตใจที่ร้อนรุ่มของโซ่มันกำลังร้องบอกว่าเวลาของการแก้แค้นมันได้มาถึงแล้ว



            “ถ้าไม่นึกถึงอนาคตตัวเอง ไม่คิดถึงความรู้สึกของไอ้พอร์ชก็ลองย้อนกลับ
ไปมองความรักความห่วงใยของน้องกูที่พยายามจะปกป้องมึงจนถึงวินาทีสุดท้าย
ของชีวิตมันด้วยก็แล้วกัน”



            เค้กเดินออกไปแล้ว แต่โซ่กำลังโดนจิตใต้สำนึกพาย้อนกลับไปยังวันวาน

..

..

            ‘เป็นห่าไรอีกมึงนั่งทำหน้าเป็นส้นตีน’



            ‘หน้ามึงสิเหมือนส้นตีนไอ้เหี้ยเพชร! กูกำลังรอแยม ไม่รู้มัวทำห่าอะไรอยู่
โทรไปก็ไม่รับ’ ด้วยความที่หงุดหงิดคนรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโซ่จึงสวนกลับทันที
เมื่อโดนเพื่อนรักแซว



            ‘มันไปหาพ่อมันรึเปล่ามึง เมื่อกี้กูเพิ่งเดินผ่านห้องมันมาเห็นปิดประตูล็อค
กุญแจไปแล้ว’ ยศตามมาสมทบเป็นคนสุดท้ายหลังจากทำเวรเสร็จพูดบอกกับเพื่อน
ทั้งสอง เพราะเขาเพิ่งจะเดินผ่านหน้าห้องของแยมโรลมาเมื่อกี้นี้เอง



            ‘ไปไหนของมันวะ’ ถ้าวันนี้ไม่มีนัดไปดูหนังด้วยกันโซ่จะไปเป็นห่วงอย่างนี้เลย
เพราะปกติแล้วคนรักจะกลับบ้านพร้อมกันกับพ่อที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ถ้า
วันไหนเขาสองคนมีนัดจะไปไหนด้วยกันความรับผิดชอบก็จะตกมาอยู่ที่เขา
เพราะแยมโรลไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้ง



            ครืด ครืด



            ‘ตัวเองอยู่ไหน!’ แม้ว่าสรรพนามจะอ่อนหวานคงเดิมแต่น้ำเสียงเข้มขรึมไปแล้ว



‘ตัวเอง...เกษตร…แปลงเกษตร’



            ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ โซ่รีบวิ่งพุ่งตรงไปยังแปลงเกษตรที่อยู่ทางด้าน
หลังโรงเรียนทันทีด้วยหัวใจที่ร้อนรนเหมือนสัญชาตญาณกำลังบอกว่าคนรักไม่ปลอดภัย



            ‘แยม…แยม!’



            หัวใจของโซ่แตกสลายเมื่อได้มาเห็นคนรักที่กำลังนอนคุดคู้อยู่กลางแปลงผัก
แปลงสุดท้ายที่เป็นจุดอับสายตาในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าโดยมีเสื้อผ้าที่ถูกฉีก
ขาดกระจัดกระจายรายล้อมอยู่รอบตัว



            ‘โซ่…’ ฝ่ามือเรียวเล็กที่เคยช่วยคอยกุมมือโซ่ในยามเหงากำลังสั่นเทาเหมือน
ลูกนกตกรัง ในหน้าเนียนใสเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ตามร่างกายที่เคยผุดผ่องก็เต็มไป
ด้วยร่องรอยการทำร้าย หนักสุดคงจะเป็นช่วงล่างที่เลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำกาม



            ‘ตัวเองซุ่มซ่ามเดินหกล้มอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเค้าช่วยทำแผล
ให้เอง  คราบดินสกปรกพวกนี้ก็เหมือนกัน…เค้าจะทำความสะอาดมันให้เอง’ ลูบไล้มือไป
ตามร่องรอยความบอบช้ำบนร่างกายของคนรักอย่างไม่นึกรังเกียจ ใช้สายตาจ้องมองและ
จดจำคราบเลือด คราบไคลเหล่านี้แล้วทดไว้ในใจ…สักวันหนึ่งกูจะขยี้พวกมึงด้วยส้นตีนของกูเอง!



            ‘พาแยมกลับบ้านก่อนดีกว่าวะโซ่’

            เพชรยื่นเสื้อคลุมตัวนอกของตนเองให้เพื่อนรักใช้คลุมร่างกายแยมโรล โดยที่
ไม่ก้มลงไปมองภาพนั้นซ้ำอีก บอกตรงๆ ถึงใครจะมองพวกตนว่าเป็นอันธพาลเพราะชอบ
มีเรื่องต่อยตีกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย แต่อย่างหนึ่งคือพวกขาจะไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ยิ่งได้มาเห็นคนรักของเพื่อนในสภาพแบบนี้ ก็ยิ่งรับไม่ได้…
มันสะเทือนใจเกินไป โดยเฉพาะกับโซ่ที่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรในขณะที่หัวใจร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟเผา



            ‘เป็นเหี้ยอะไรของพวกมันวะมองหน้ากวนส้นตีนฉิบหาย’ ยศบ่นงึมงำเป็นรอบที่ร้อย
หลังจากที่ต้องทนมองพวกทอยทำสีหน้าเยาะเย้ยใส่ด้วยเหตุอันใดก็ไม่สามารถคาดเดาได้



            ‘พ่อมันใกล้ตายแล้วมั้ง…ช่างแม่งเหอะ’ เพราะให้คำสัตย์และรับปากกับคนรักอย่าง
แยมโรลไปแล้วว่าจะไม่มีเรื่องกับพวกทอย และเพื่อความสบายใจของคนรักโซ่จึงทำเป็นเอา
หูไปนาเอาตาไปไร่ทำเหมือนพวกทอยเป็นแค่เศษฝุ่นไร้ค่าไปวันๆ แม้ว่าทางนั้นพยายามจะ
ปั่นประสาทของตนเองอยู่เรื่อยก็ตาม



            ‘เฮ้ยพวกมึงดูห่าอะไรวะเสียงดังไปถึงข้างนอก…เดี๋ยวแม่มึงก็เข้ามายึดโทรศัพท์
เอาอีกหรอก’ เพชรเอ่ยแซวเพื่อนๆ ในห้องที่รวมหัวมุงดูหนังอย่างว่าอยู่กลางห้องแบบไม่
คิดปิดบังจนเสียงดังออกไปนอกห้อง ก่อนที่จะแหวกกลุ่มเพื่อนแล้วมุดเข้าไปอยู่กลางวง
หวังจะไปร่วมดูด้วยแบบขำๆ อย่างทุกที แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรทันทีเมื่อได้เห็นบุคคลในคลิป



            ‘ฉิบหายแล้ว…ไอ้โซ่!’



            เพชรหันมาเรียกเพื่อนด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ทัน เพราะโซ่วิ่งไปไกลแล้ว
สิ่งเดียวที่พอทำได้คือการวิ่งตามไปห้าม ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมาจริงๆ



            ‘ไอ้เหี้ยทอย!’



            ‘โอะโอ…ดูสิว่าใครมาหา’



            ‘โซ่!’



            แยมโรลร้องเรียกชื่อคนรักเสียงหลงเมื่อเห็นคนรักมายืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าประตูห้อง



            ‘ไงวะ? ลองได้เหมือนหมาบ้ามาอย่างนี้คงเห็นคลิปลับที่กูกับเพื่อนๆลงทุน
เปลืองเนื้อเปลืองตัวเป็นพระเอกให้สุดที่รักของมึงแล้วซินะไอ้พี่โซ่ขาใหญ่…ฮะฮะฮ่า’



            ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรือเก็บกดมานาน พอได้เห็นสีหน้าสะใจของอีกฝ่าย
โซ่ก็ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงคว้ากรรไกรตัดกระดาษในมือของคนแปลกหน้าที่กำลัง
จัดบอร์ดอยู่แทงเข้าตรงบริเวณหน้าท้องข้างซ้ายของทอยมิดด้าม ก่อนที่จะออกแรงง้าง
ด้ามกรรไกรออกจากกันแล้วหมุนควงเป็นวงกลมท่ามกลางความตื่นตนกตกใจของผู้ร่วม
เหตุการณ์มากกว่าสี่สิบคน



            ‘ก่อนตายก็อย่าลืมวิ่งกลับไปฟ้องพ่อมึงนะว่ากูเป็นคนทำ’ พูดจบกระชากกรรไกร
ออกจากหน้าท้องของทอยได้อย่างเลือดเย็น ทิ้งให้ทอยยืนตาเหลือกอยู่กับที่โดยที่ไม่มี
ใครกล้าเข้าไปช่วยเลยสักคน



            ‘ตัวเองระวัง!’



            แยมโรลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่แรกหลุดจากภวังค์ความตกใจทันที
เมื่อเห็นคนรักตกอยู่ในอันตราย เพราะคนที่โซ่คิดว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้วอย่างทอยฝืน
ความเจ็บหยิบมีดพกของตัวเองขึ้นมาทำท่าจะจ้วงแทงโซ่ที่กำลังยืนหันหลังให้



            ‘แยมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!’



            โซ่ร้องเรียกคนรักสุดเสียงเมื่อหันหลังกลับมาพบความจริงที่ว่าแยมโรลวิ่ง
เอาตัวเข้ามารับคมมีดจากทอยแทนตนเอง



            ‘โรงพยาบาล! พาแยมไปโรงพยาบาลก่อนไอ้โซ่!’ คนที่มีสติที่สุดอย่างเพชร
ร้องบอกกับเพื่อนด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นบาดแผลของแยมโรลที่อยู่ระดับหน้าอกพอดี



            ‘ทนก่อนนะแยม…ทนก่อน’ ไม่ต้องรอให้เพชรพูดซ้ำ โซ่รีบช้อนตัวคนรักอุ้มออก
จากจุดเกิดเหตุแล้วมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลทันที ด้วยฝีเท้าการเหยียบคันเร่งแบบมิดไมล์
ของผู้อำนวยการซึ่งก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของแยมโรลนั่นเอง ก่อนที่จะบอกให้รถพยาบาล
ออกไปรับทอยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่โรงเรียนอีกคน หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
จากการบอกเล่าของเพชรที่กระโดดขึ้นรถตามมาด้วย

..

..

            “เมาแล้วก็กลับบ้านสิวะ ป่านนี้น้องกูชะเง้อหาจนคอหักแล้ว”



            “แล้วมึงเสือกอะไรวะ?” โซ่หันไปเลิกคิ้วถามคนแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงคางยาน
เพราะเมามากแล้ว หลังจากที่นั่งดื่มคนเดียวมาตั้งแต่เช้ายันค่ำด้วยชุดช็อปปักแถบโชว์
ความเป็นเด็กช่างเต็มยศที่แบบว่าถ้าบังเอิญเจอตำรวจเข้าคงได้มีเรื่องบันเทิงเริงใจกัน
อีกเยอะเลย และคนที่จะซวยที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้าของร้านอย่างเค้กที่อนุญาตให้โซ่เข้า
มาดื่มจนเละแบบนี้



            “กูจะไม่เสือกเลย ถ้ามึงไม่ใช่เมียน้องกู” ออดี้หยิบยกคำพูดที่โซ่เคยใช้ตอก
หน้าตนเองในวันวานขึ้นว่าเจ้าตัวบ้าง



            “ใครวะ?” พยายามจะลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าแต่ก็ยากเต็มทน



            “ไม่เสือกสิ” เป็นอีกครั้งที่ออดี้ยกคำพูดของโซ่กลับมาว่าเจ้าตัว



            “อ๋อ…กูรู้แล้ว…มึง…ออดี้อ่อ? ใช่ไหม? กูจำได้ๆ พี่ไอ้พอร์ชมีสองคน…
มีพี่โฟล์ค…มีมึง…ไอ้เหี้ยดี้”



            “ปกติกูก็ว่ามึงกวนตีนสุดๆ แล้วนะ แต่พอเมาแล้วจะเรียกหมากูยังสงสารมาเลย…
ไอ้เด็กเหี้ยลามปามฉิบหาย” ออดี้ได้แต่ส่ายหน้าอย่างละอาเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับคนเมา
ที่ขืนตัวสุดแรงในยามที่เขาพยายามจะประคองมันขึ้นมาจากโต๊ะเพื่อที่จะพากลับไปส่งบ้าน



            “โทรให้ไอ้พอร์ชมันมาจัดการกันเอาเองเถอะพี่ อย่างไอ้โซ่น่ะปกติว่าพูดยากแล้ว
ตอนเมานี่โคตรงี่เง่าเลย น้อยคนนักจะเอามันอยู่” เค้กทีเพิ่งว่างจากการดูแลลูกค้าพูดบอก
ไปตามที่รู้



            ออดี้พยักหน้ารับคำแล้วทำตามคำแนะนำของเค้กโดยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
โทรหาน้องชายให้มารับตัวคนรักของเจ้าตัวกลับไป

..

..

            ‘โซ่…ยิ้ม’



            แยมโรลที่เพิ่งฟื้นตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับไปสามวันเต็มๆ พยายามพูดบอก
ให้คนรักที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียงยิ้มด้วยความลำบากเต็มทนเพราะติดเครื่องช่วยหายใจ



            ‘เค้าขอโทษนะตัวเอง เค้าผิดเอง ตัวเองรีบหายนะ’ จะให้โซ่ยิ้มได้อย่างไรใน
เมื่อคนรักอาการสาหัสขนาดนี้ จะมาอยู่เฝ้าก็เพราะแยมโรลยังคงต้องนอนดูอาการใน
ห้องปลอดเชื้ออยู่ แม้ว่าหมอจะทำการเย็บปอดที่ฉีกไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังวางใจไม่ได้



            แยมโรลยิ้มตาหยี ส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า…



            ‘รัก’



            ‘อื้อ…รักเหมือนกัน รักที่สุด จบเรื่องนี้แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ เค้าจะไม่
ใจร้อนแบบนี้อีกแล้ว’ โซ่เองก็ยังมีเรื่องคดีที่ต้องเคลียร์ แต่ไม่กล้าบอกกับแยมโรล
เพราะกลัวว่าคนรักจะคิดมากจนเกิดภาวะช็อกที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต



            พยักหน้ารับก่อนที่จะยื่นนิ้วก้อยข้างที่ไม่ติดสายน้ำเกลือส่งให้โซ่



            ‘สัญญาครับ’ ยื่นนิ้วเข้าไปเกี่ยวก้อยด้วย ก่อนที่จะก้มลงไปจูบหลังมือของ
คนรักอย่างแผ่วเบาเป็นการบอกลาเพราะพยาบาลเข้ามาเตือนเรื่องหมดเวลาเยี่ยมแล้ว

..

..

            “ทำไมไม่รับสายวะโซ่!” พอร์ชเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่กลางบ้านอย่าง
ไม่รู้จะทำอะไร หลังจากที่เที่ยวไปตระเวนตามหาคนแล้วมาทั้งวัน ไปมาแล้วทั่วทุก
สารทิศที่คิดว่าคนรักจะไป แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเป็นทุกครั้ง เพราะที่เหล่านั้นไม่มีแม้แต่ร่องรอยของโซ่



            Tru Tru Tru



            “ถ้าจะโทรมากวนตีนกูไม่ว่างทะเลาะกับมึงหรอกนะเฮีย” เพราะครั้งสุดท้าย
ที่ได้คุยกันมันจบได้ไม่สวยนัก พอร์ชจึงเอ่ยทักไปอย่างนั้นเมื่อเห็นเบอร์พี่ชายคนรองโทรเข้ามา



            /// ก็ไม่ได้อยากจะโทรนักหรอก ถ้าเมียมึงไม่มาเมาเป็นหมาให้กูรำคาญสายตา
ตั้งแต่เช้าอะนะ มารับมันด้วยที่…///



            กว่าจะรู้ตัวออดี้ก็วางสายไปแล้ว ยังดีที่พอร์ชมีสติมากพอจะจำชื่อร้านที่เป็น
สถานที่บันเทิงซึ่งเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นยามค่ำคืนของยุคนี้ไว้ได้ ก่อนที่จะคว้ากุญแจ
รถยนต์ของโซ่ที่แขวนไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลมาถือไว้แล้วพุ่งตัวออกจากบ้านทันทีด้วยความร้อนใจ

..

..

            ‘เกิดอะไรขึ้น?’ โซ่เอ่ยถามกับเค้กซึ่งเป็นพี่ชายของแยมโรลที่กำลังยืนทำ
หน้าอมทุกข์อยู่หน้าประตูห้องปลอดเชื้อของแยมโรล โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลวิ่ง
เข้าวิ่งออกแลดูวุ่นวายไปหมด



            ‘ความดันเลือดต่ำ ชีพจรแผ่วลง’



            โซ่ถึงกลับทรุดเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่ชายของคนรัก เพราะสิ่งเหล่านี้คือ
หนึ่งในหลายสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตามที่หมอเคยเตือนไว้
ในตอนแรก ซึ่งโซ่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น



            ‘หมอ!’



            แม้ว่าจะมีเพื่อนๆ และญาติพี่น้องของแยมโรลยืนอยู่ตรงนั้นอีกหลายคน
แต่คนที่ถึงตัวหมอเป็นคนแรกกลับเป็นโซ่ที่นั่งอยู่ห่างออกไป



            ‘หมอเสียใจด้วยครับ’



            หมอและทีมผู้ช่วยไปหมดแล้วเหลือทิ้งไว้แต่กลุ่มคนที่มีน้ำตาเพราะความเสียใจ
เมื่อต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีทางหวนกลับคืนมา



            ‘ขอโทษแยม เค้าขอโทษ กลับมาก่อนได้ไหม กลับมาหาเค้าก่อนนะ จะด่าจะว่า
หรือจะตบจะตียังไงก็ได้ กลับมาบ่นเค้าก่อนนะตัวเอง…เค้ายังบอกรักตัวเองไม่ครบพันครั้งเลย’



            นอกจากเพื่อนๆ ของโซ่แล้วก็มีพ่อแม่พี่น้องของแยมโรลนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่าย
หันหน้าหนีไปคนละทางเพราะไม่อาจทนมองภาพนี้ได้ แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาวะโศกเศร้า
เสียใจไม่แพ้กัน แต่การที่ต้องมาเห็นหัวแข็งที่เข้าใจผิดคิดมาตลอดว่าเจ้าตัวน่าจะมีนิสัย
หยาบกระด้างอย่างโซ่วิ่งตามเตียงเข็นศพคนรักไปด้วยน้ำตานองหน้าแบบนี้ก็สะเทือนใจไม่น้อย



            ‘อย่าทิ้งเค้าไปแบบนี้สิแยม!’



            ‘กลับมาก่อน…แยม!’



            'แยม'

,,

,,

            “แยม…”



            “โซ่…โซ่…ได้ยินที่กูพูดไหมโซ่!” พอร์ชตบหน้าคนรักเบาๆ เพื่อเรียกสติ
หลังจากที่พยายามเรียกอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตอบรับ แถมเอาแต่เพ้อหา
แฟนเก่าให้เขาช้ำใจเล่นอีก



            เกิดเป็นไอ้พอร์ชนั้นแสนลำบาก มีเมีย…เมียก็ไม่รัก!



            “ใครวะ? ทำไมเสือกกับกูจัง” โซ่พยายามที่จะผลักพอร์ชออกห่างจากตัว



            “กูพอร์ชผัวมึงไงครับเมีย” พอร์ชเองก็พยายามที่จะแบกโซ่กลับบ้านอย่างไม่ยอมแพ้



            “กูไม่เคยมีผัวชื่อพอร์ช!”



            พอร์ชถึงกับใจหายวาบ อ้าปากค้างชะงักค้างกลางอากาศ หยุดทุกอย่างที่กำลังทำ
ปล่อยให้โซ่ได้มีโอกาสกลับไปกอดขวดเหล้าได้ต่อ



            ในตอนนั้นจู่ๆ โซ่ก็เด้งตัวลุกขึ้นมาชูแล้วเหล้าขึ้นเกว่งไปมากลางอากาศ แล้วพูดขึ้นว่า…



            “แต่…ผัวกูชื่อไอ้หมาพอร์ชต่างหากล่ะ…ไอ้ควาย! วะฮะฮ่า…” คนเมาหัวเราะร่า
ในขณะที่คนสติสัมปชัญญะครบถ้วนอย่างพอร์ชเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน



            พอร์ชทรุดตัวนั่งลงข้างคนรักด้วยใบหน้าแดงก่ำที่เกิดจากความขวยเขินแบบกะทันหัน



            “ถ้ามันทำให้มึงกล้าบอกกับคนอื่นว่าเป็นอะไรกับกูได้แบบนี้ กูจะยอมเป็นหมาให้ก็ได้”
คว้าตัวคนรักเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงเป็นการใหญ่ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าก่อนนี้ตนเองได้น้อยใจอะไรไปบ้าง



            “กอดไม? ไม่กอดๆ ห้ามกอดกูนะ…กูหวง” ใช้สองแขนกอดรัดตัวเองแล้วหมุด
ตัวไปมาทำเหมือนหวงแหนเสียเต็มประดา



            “มึงจะหวงทำไม มากกว่ากอดกูก็ทำมาแล้ว” จัดการหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่
ให้รู้กันไปเลยว่าอะไรเป็นอะไร



            “ทำพ่อง! มึง…มึง…กูจะฟ้องไอ้พอร์ช…มึงแกล้งกูอีกแล้วใช่ไหมไอ้เหี้ยดี้”
คนเมาก็คือคนเมา สติไม่มี สตางค์ก็หาย ไม่รู้หรอกว่ากำลังคุยกับใคร เพราะมันเกินขีด
จำกัดของร่างกายแล้ว



            แต่เขาว่ากันว่า*…คนเมามักจะพูดความจริงนะ*



            “ไงวะ…หนักเลยใช่ไหม?” ออดี้ที่เพิ่งจะสังเกตเห็นน้องชายรีบเข้ามาทักทาย



            “เออ…เอาเรื่องอยู่ ว่าแต่หมดทั้งหมดนี่เท่าไหร่ ยังไม่ได้คิดเงินใช่ไหม” ชี้โบ้ชี้เบ้
ไปที่กองขวดเหล้าและโซดาบนโต๊ะที่เหลือแต่ขวดเปล่า เพราะไหลลงท้องโซ่ไปหมดแล้ว



            “พามันกลับได้เลย ญาติมันเคลียร์ให้หมดแล้ว”



            “ญาติ?” พอร์ชถามเสียงหลง ไอ้เรื่องเพื่อนเก่าหรือแฟนเก่าของโซ่เขาอาจจะยังรู้
ไม่หมด แต่สิ่งหนึ่งที่พอร์ชมั่นใจมากคือ เขาได้รู้จักกับญาติทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ของโซ่
ครบหมดทุกคนแล้วแน่นอน ไม่มีพลาดหรอก



            “หรือมึงจะให้กูบอกว่าพี่ชายเมียเก่ามันเคลียร์ให้ดี?” ก็ไม่ได้อยากจะตอกย้ำหรอกนะ
แต่เขายังมีปัญหารอให้จัดการต่ออีก จึงไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้



            “กวนตีนกูสินะ…มัวแต่เสือกเรื่องของกู หางของมึงน่ะเก็บไว้ให้มิดแล้วกัน ถ้ายัง
ไม่อยากให้คุณนายปลื้มจิตตามมาฉีกอก ‘ลูกเขยคนรอง’ ถึงที่นี่ โทษฐานที่เอาลูกชาย
สุดที่รักของเขามากกไว้โดยไม่บอก…ไม่กล่าว”



            ลอยหน้าลอยตาพูดบอกเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ตั้งใจให้มันรู้ไปเลยว่าตัวเขานั้น
เริ่มระแคะระคายเรื่องของมันตั้งแต่ที่มันเดินเข้าไปบอกกับป๋าและแม่ว่าจะไม่กลับไปเรียน
 แต่จะร่วมหุ้นทำร้านอาหารกับเพื่อนแทน ทั้งที่ปกติแล้วคุณชายอย่างมันเกลียดงานครัว
จะตายไป แถมก่อนหน้านี้เขายังเคยเห็นมันเดินกอดคอหยอกล้อกันอยู่หน้าโรงหนังโดย
บังเอิญอีกด้วย แต่ติดที่ว่าตามไปทักไม่ทัน เพราะมันเดินหายเข้าโรงหนังไปซะก่อน



            “ไปๆ รีบพาเมียมึงกลับไปเลยไอ้น้องเวร กูอุตส่าห์ช่วยดูเมียให้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ
ยังเสือกมากวนตีนอีก รู้งี้ปล่อยให้ไอ้พวกห่านั่นคาบไปแดกซะก็ดีหรอก” ออดี้เอื้อมมือไป
ผลักหัวน้องชายอย่างแรงโทษฐานที่มันรู้มากเกินไป ไม่วายที่จะพยักพเยิดหน้าไปทางด้าน
หลังที่มีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่นั่งอยู่เป็นเชิงบอกว่า ‘ไอ้พวกห่านั่นแหละที่จะสอยเมียมึง’



            “เออไปแล้ว มึงก็อย่าลืม…รีบพา ‘ผัวเด็ก’ ไปให้แม่รับขวัญด้วยล่ะ” จะไปอยู่แล้ว
ยังไม่วายที่จะหันกลับมากวนประสาทพี่ชายอีกหนึ่งดอก



            “ไอ้เหี้ยพอร์ช!” กว่าจะรู้ตัวพอร์ชถอยรถหนีไปแล้ว เลยได้แต่ชี้หน้าอาฆาตอยู่ไกลๆ



            “ดี้!” พอร์ชถอยรถกลับมาเปิดกระจกชะโงกหน้าเรียกพี่ชาย



            “จะเอาอะไรจากกูอีก” ยืนกอดอกถามด้วยความเซ็งเพราะไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อ
พูดเถียงอะไรไปก็สู้ความกวนประสาทของขั้นสูงสุดของน้องชายไม่ได้อยู่ดี



            “กูเคยบอกมึงรึยัง?” เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม



            “อะไร?” เลิกคิ้วถามอย่างงงๆ



            “มึงเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของกูเลยนะ…รักนะเว้ยไอ้…เฮีย” พูดจบ ไม่สิ ตะโกนบอกรัก
เสร็จมันก็มุดหัวกลับเข้าไปในรถแล้วขับหนีออกไปทันที ทิ้งให้ออดี้ยืนเหวออยู่ที่เดิมคนเดียว



            “มึงนี่มันห่ามเกินคนจริงๆไอ้พอร์ช แต่ก็…รักเหมือนกันวะไอ้น้องบ้า”









TBC.
ให้พื้นที่พี่น้องเขาเคลียร์กันหน่อย

ตอนหน้าเตรียมเนื้อเพลงจันทร์เจ้าไว้ให้พร้อม #นุ้งโซ่พร้อมเปิดทำการแสดง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทอยโผล่ทำไมฟะ  :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
น้องโซ่ยังมีเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนเลย สู้ๆนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ยังไงต่อ?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ลูกคุณนายปลื้มจิต ฮาร์ดคอ ทุกคนเลยนะ5555

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{40}






             “จอด…จอด…จอด!”



            “ทำบ้าอะไรโซ่! อยากตายรึไง!” พอร์ชเกือบจะหลุดมือฟาดหน้าคนรักไปแล้ว
ถ้าไม่ติดที่ว่าหันกลับไปแล้วเห็นว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้อยู่ หลังจากที่อีกฝ่ายเอี้ยวตัวมา
แย่งพวงมาลัยทำให้รถเสียหลัก แต่ดีที่ถนนว่างจึงไม่มีใครเป็นอะไร



            “ดุ! คุณหมา…คุณหมาดุน้องโซ่ทำไม” เบะปากน้ำตารื้นขอบตา



            “โอ้ย…กูจะบ้า! อารมณ์ไหนของมึงอีกครับน้องโซ่” แม้ว่าจะถอนหายใจทิ้งไปแล้ว
ประมาณสิบรอบ แต่พอร์ชก็ไม่เคยคิดรำคาญอารมณ์แปรปรวนของคนรักเลยสักนิด
ออกจะเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ



            “จะหาไอ้หมาพอร์ช คุณหมาตามไอ้หมาพอร์ชให้หน่อย หมากับหมาคุยกันยู้เยื่อง! คิคิ”
เอียงคอหัวเราะคิกคักเรียกหาคนรักจากอีกฝ่ายที่คิดว่าเป็นคนแปลกหน้า



            “โอ้ย…กูขอซื้อได้ไหมไอ้คำว่ายู้เยื่องกับคิกคิกกิกกิกอะไรของมึงเนี่ย!” พูดเหมือนจะ
ไม่ชอบแต่มุมปากกลับฉีกยิ้มกว้าง เมื่อได้เห็นมุมน่ารักแบบแปลกๆ ของคนรัก



            “พอร์ชหรอ? พอร์ช…คุณหมาไปตามพอร์ชมาแล้วใช่ไหม” เอื้อมมือเข้าไปสัมผัส
ใบหน้าของพอร์ช ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปช้อนตามองใกล้ๆ ดูให้แน่ใจว่าใช่คนรักหรือเปล่า



            “เออกูเอง” พอร์ชเองก็เล่นตามน้ำ



            “อยากเดินเล่น” บอกถึงความต้องการในส่วนลึกของจิตใจที่ไม่อาจทำได้ในยามมี
สติครบถ้วนสมบูรณ์ความ



            “ที่ไหน?” ใจจริงแล้วพอร์ชอยากจะพาโซ่กลับไปนอนหลับพักผ่อนที่บ้านมากกว่า
แต่อย่างที่รู้กันว่าคนเมาฤทธิ์มากกว่าตอนปกติขนาดไหน เขาจึงเลือกที่จะตามใจอีกฝ่าย
มากกว่า เผื่อความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจะดีขึ้น เพราะเขาว่ากันว่า…คนเมาไม่โกหก



            “น้ำ…ริมน้ำ”



            เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วพอร์ชก็เลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทาง มุ่งตรงไปยังสวนสุขภาพ
ริมแม่น้ำน่านซึ่งจุดเริ่มต้นความรักระหว่างเขากับโซ่ ในตอนที่โซ่ไข้ขึ้นสูงจนเขาต้องแบก
กลับบ้านไปเจอกับแม่อย่างคุณนายปลื้มจิตที่เปรียบเสมือนนางฟ้า(วัย)ชราที่คอยสอนสั่งให้
เขาเข้าที่เข้าทางเปลี่ยนจากหมา(ที่กินไม่เลือก)กลายเป็นคน(ที่รักเดียวใจเดียว)ได้อย่างทุกวันนี้



            “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า…ขอแล้วต้องให้” แบสองมือชูขึ้นเหนือหัวทำเหมือนกับว่า
กำลังขอพรจากพระจันทร์อยู่จริงๆ



            “ขอแหวนทองแท้…ให้น้องโซ่ใส่” ใช้สองแขนอ้อมมากอดคอคนรักไว้ ก่อนจะทำ
ท่าสวมแหวนกลางอากาศ ทำเอาพอร์ชถึงกับหัวเราะลั่น รับรองเลยว่าเขาจะไม่มีทางได้เห็น
โซ่ในสภาพเด็กน้อยไร้เดียงสาแบบนี้ได้ในยามมีสติแน่ๆ



            “ขอพี่พอร์ช…ให้น้องโซ่ขี่” ออกแรงรัดคอเสียแน่นจนพอร์ชแทบจะหายใจไม่ออก
แต่ดีที่เจ้าตัวคลายแขนออกทัน แล้วเปลี่ยนมาใช้ต้นขารัดเอวเขาแทนเมื่อถึงท่อนที่ว่า…



            “ขอตักอุ่น…ให้น้องโซ่นั่ง”



            “ขออกกว้าง…ให้น้องโซ่นอน” โครงหัวไปมาก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกเวียนหัว
แล้วเอียงหน้าซบลงบนบ่ากว้างของพอร์ชพร้อมกับที่ท่องกลอนวรรคสุดท้ายจบลงที่ว่า…



            “ขอให้พี่พอร์ช…อย่าทิ้งน้องโซ่ ~ กิกิกิ”



            “เมาแล้วหมดสภาพเลยนะพี่โซ่คนแมน” พอร์ชบ่นใส่คนเมาบนหลังอย่างไม่จริงจัง



            “ม่ายมาว~ น้องโซ่ไม่มาว~ มั่ว! ไอ้หมาพอร์ชมั่ว!” คนเมาพูดเถียงคางยาน



            “เออไม่เมาก็ไม่เมา แค่เดินไม่ไหวเท่านั้นเองตกลงไหม?” ตบตูดคนบนหลังแปะๆ
ด้วยความหมั่นไส้ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ยังเสือกร้องจะขี่คอ แถมยังโยกตัวไปมาไม่ยอมอยู่นิ่งเป็น
การเพิ่มภาระในการเดินให้เขาซะอย่างนั้น



            “ตก…ลง…เอิ้ก~ คึคึ” ก็อย่างที่เขาว่ากันว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา เพราะแค่
ขนาดเสียงเรอของตัวเองมันก็ยังหัวเราะขำออกมาได้อย่างสนุกสนาน



            “รั่วฉิบหาย” บนกับตัวเองเบาๆ แต่คนเมาเสือกได้ยิน!



            “นิสัยไม่ดี! ไอ้หมาพอร์ชนิสัยไม่ดี! ชอบทำให้คนอื่นเขาปวดหัว!” ตะโกนด่าว่า
คนที่เป็นม้าให้ขี่พร้อมทั้งขย่มตัวไปมาเหมือนเด็กเอาแต่ใจ



            “อยู่เฉยๆ เดี๋ยวแม่งก็ล้มไปเจ็บตัวทั้งคู่นี่แหละ!” เขย่าตัวตบตูดให้คนเมาหยุดพยศ



            “นิสัยไม่ดี! เกลียด! เกลียดไอ้หมาพอร์ช!” ตะโกนว่าออกมาอีกครั้ง



            “เออ! อยากเกลียดก็เกลียดไป เดี๋ยวกูรักมึงเอง”



            ฟิ้ว~



            ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีหลังจากที่พอร์ชพูดจบ หรือว่าโซ่จะหลับไปแล้ว?



            “เน้…” ยังจ้า…มันยังไม่หมดฤทธิ์อีกครับท่าน!



            “อะไร?” เอ่ยถามออกไปพร้อมกับหยุดเดิน



            “รู้ไหมว่ากูรักใคร?” เอ่ยถามออกมาแม้ว่าจะอ้อแอ้เต็มทน



            “คนชื่อแยมมั้ง” พูดไปก็เจ็บไป ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นแม่งพร้อมกับลูกลิงบนหลังนี่แหละ
ถ้ามันเมื่อยเดี๋ยวมันก็ปล่อยเองแหละ แต่ถ้ามันอยากเกาะก็ให้มันเกาะต่อไปไม่ว่ากัน



            “ใช่…กูรักแยม รักมาก รักจนไม่คิดจะรักใครอีก” หลับตามองขึ้นฟ้าเพราะไม่อาจลืมตา
สู้แสงได้ แม้ว่าอยากจะเห็นแสงจันทร์ส่องใจดวงใหม่อย่างพอร์ชมากก็ตาม



            ‘เจ็บสมใจมึงไหมไอ้พอร์ช…ไอ้โง่!’ เมื่อได้ยินคำตอบพอร์ชก็เอาแต่ก้มหน้าเม้มปากแน่น
พยายามบังคับไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายของตัวเองไหลออกมา



            “จนได้มาเจอไอ้หมาพอร์ช” พอร์ชถึงกับต้องหยิกตัวเองดูเพื่อทดสอบความรู้สึกว่า
ตัวเองไม่ได้เพ้อไปเอง



            “คนบ้าอย่างมันที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่กูขาด มาเยียวยาในจุดที่กูบอบช้ำ
และช่วยรักษาบาดแผลในหัวใจของกู”



            “โซ่…”



            “หัวใจ…ที่เคยช้ำเลือดช้ำหนองรอวันตายของกู”



            “…..”



            “บอกกูหน่อยสิว่ากูควรจะทำยังไง ต้องทำแบบไหน ไอ้พอร์ชมันถึงจะรู้ว่ากูรักมัน
รักมาก จนบางครั้งกูก็กลัวที่จะต้องเสียมันไปอีกคน”



            “…..”



            “ช่วยบอกมันแทนกูทีได้ไหมว่าตอนนี้กูรักมัน รักมันคนเดียว มันที่เป็นมัน…มันที่กู
ไม่เคยคิดจะเอามาแทนที่ใคร มันที่มีความหมายต่อหัวใจ…กูโคตรรักมันเลย…รักที่สุด”



            “โซ่…โซ่…โซ่…” พอร์ชสะกิดเรียกคนรักจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบผิดปกติ
พอเอี้ยวหน้าไปดูถึงได้รู้ว่าโซ่นอนหลับน้ำลายไหลยืดไปแล้วมีแค่เสียงงึมงำตอนกลับมา



            “อือ…”



            “โธ่…จะให้กูซึ้งต่ออีกสักสองวิก็ไม่ได้…เมียนะเมีย”



            “ฮึบ! อ่า…นี่ถ้าหลังกูยอกมึงต้องนวดให้กูนะเมีย” พอร์ชพูดบ่นพลางทิ้งร่างไร้เรี่ยวแรง
ของคนรักลงบนเตียงเบาๆ หลังจากที่ต้องแบกคนเมาไม่รู้เรื่องอย่างโซ่ขึ้นบันไดมาถึงสี่ชั้น
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็แบกเจ้าตัวเดินเล่นริมน้ำมาแล้วเป็นชั่วโมง
แถมโซ่ก็ไม่ได้เป็นพวกตัวเล็กน่ารัก แต่จัดอยู่ในหมวดเนื้อนมไข่ที่จับตรงไหนก็แน่นไป
หมดต่างหากล่ะ



            "อึก...อึก...อุก...”



            “อย่านะโซ่!”



            “อุ...แหวะ!"



            พอร์ชที่เข้าหายเข้าไปในห้องน้ำเผื่อหาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้คนรักรีบวิ่งออกมาร้องห้าม
ทันทีเมื่อได้ยินเสียงไอแปลกๆ จากคนรัก แต่ก็ช้าไป เพราะสุดท้ายแล้วโซ่ก็อาเจียนเต็มที่นอน



            “เฮ้อ…หางานให้กูอีกจนได้…ไอ้โซ่นะไอ้โซ่!” ฟาดตุบลงไปที่ก้นงอนๆ ของคนขี้เมา
เป็นการลงโทษหนึ่งที ก่อนที่จะลงมือทำความสะอาดคราบสกปรกที่เกิดจากฝีมือของคนรักอย่าง
ไม่รังเกียจแล้วปิดท้ายด้วยการอุ้มโซ่ไปลงอ่างอาบน้ำแปลงฟันทั้งสภาพเมามายไร้สติอย่างนั้นแหละ
กว่าจะได้นอนก็ปาไปค่อนคืน



            “อื้อ…หนาว~” โซ่ม้วนตัวกับผ้าห่มจนเป็นก้อนกลมๆก่อนแล้วค่อยๆ กลิ้งมาหาความอบอุ่น
จากอ้อมแขนของพอร์ชอย่างเคยชิน



ฟอด*!*



            “นอนได้แล้วครับเมีย วันนี้มึงดื้อเกินไปแล้ว” พอร์ชเองก็กางแขนคว้าตัวคนรักเข้ามา
ในอ้อมกอดแล้วปิดท้ายด้วยการจูบหน้าผากอย่างที่ทำเป็นประจำทุกคืน



            06:00 น.



            “จะมามัวนั่งอึนอะไรอีก ไปอาบน้ำเลย…สายแล้วนะ” พอร์ชที่กำลังยืนเซ็ตผมอยู่หน้า
กระจกในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเตรียมพร้อมที่จะไปร่วมงานวันไหว้ครูพูดบอก เมื่อโซ่เอาแต่นั่ง
ทำหน้าอึนอยู่บนเตียง แม้ว่าเจ้าตัวจะตื่นมามานานแล้วก็ตาม



            โซ่ค่อยคลานลงจากเตียงไปแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ เพราะอาการเมาค้าง
แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าพอจะระลึกชาติขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตนเองทำอะไรบ้าๆ ลงไปบ้าง ถึงได้เกิด
อาการน้ำท่วมปากเพราะความรู้สึกผิดอยู่อย่างนี้



            พอร์ชได้แต่มองตามไปด้วยรอยยิ้มเพราะพอจะเดาได้ว่าโซ่เป็นอะไร แต่เขาก็เลือกที่
จะปิดปากเงียบ รอให้โซ่เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน



            “เอ้า! กินเยอะๆ หัวจะได้โล่ง” พอร์ชยกสารพัดอาหารและเครื่องดื่มแก้แฮงก์มาเสิร์ฟ
ให้โซ่ถึงที่ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้ม น้ำขิง เกลือแร่ วิตามิน รวมถึงกาแฟดำรสเข้มที่อาจจะทำให้โซ่ตา
แข็งไปอีกสามวันถ้าหากกินทั้งหมดนี้ไปพร้อมกัน



            “พอร์ช” นี่คือคำแรกที่โซ่ยอมเปิดปากพูดกับพอร์ชหลังจากตื่นนอนมาเกือบสองชั่วโมง



            “หืม…ว่าไงครับ?” ขานรับในขณะที่ก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเพลิดเพลิน บอกตรงๆ
เลยว่า ตั้งแต่ที่ได้ยินคำบอกรักจากปากโซ่เมื่อคืนนี้ เขาก็ไม่อยากจะกดดันหรือคาดคั้นอะไรจากคนรักอีกแล้ว



            อดีตจะเป็นยังไงพอร์ชไม่สน เพราะปัจจุบันโซ่เป็นคนที่เขารัก…เท่านั้นพอ



            “ขอโทษ” เบะปากพูดบอกน้ำตาคลอ



            ถ้าเป็นคนอื่นโซ่อาจจะไม่คิดอะไร ไม่แม้แต่จะรู้สึกผิดเสียด้วยซ้ำ แต่พอมาเป็นพอร์ชแล้ว
…โซ่รู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นใส่คนรัก



            “ขอโทษเรื่องอะไร?” เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าพร้อมถามเสียงเข้ม



            “ก็…” เส้นเลือดในสมองโซ่ตอดตุบๆ เพราะไม่รู้จะเริ่มพูดที่เรื่องไหนก่อนดี



            “เรื่องที่ตัวเองบอกว่าตัวเองรักเค้ามากนะหรอ…ตัวเอง” ถามลากเสียงยาวพร้อมรอยยิ้ม
กว้างจนตาหยี ทำให้โซ่รู้สึกโล่งใจ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก อะไรเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่อย่าง
น้อยพอร์ชก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดอย่างที่เขากำลังกลัว ถ้าดูจากแววตาสดใสของเจ้าตัวละนะ



            “ไอ้บ้า!”



            “อ้าว…ด่ากันซะงั้น! รู้งี้แกล้งดึงหน้าต่อนิดก็ดีหรอก เผื่อจะได้ดูเด็กเป่าโป่งก่อนไปวิลัย”
 เอียงคอซ้ายขวาแกล้งทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่โซ่เป็นการล้อเลียน



            “รีบกินเลย! สายแล้ว!” ว่าแล้วพี่โซ่คนแมนก็แก้เขินด้วยการตักข้าวต้มร้อนๆ เข้าปาก
ตัวเองโดยที่ไม่ยอมเป่าให้เย็นก่อน เพราะอยากจะหนีสายตากริ่มกริ่มของคนรัก แต่หนีไม่พ้น
เพราะท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นพอร์ชที่รีบลุกขึ้นมาดูอาการลิ้นพองให้ กลับกลายเป็นว่าต้อง
อยู่ใกล้กันมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก…เอ๋อจริงๆ ไอ้โซ่เอ้ย!



            “สดใสกว่าที่คิดแฮะ” คนแรกที่เข้ามาทักทายโซ่คือบุญล้อมที่กำลังรอการมาของ
คู่รักพอร์ชโซ่ด้วยความหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีตามที่คาดการณ์ไว้



            โซ่เบะปากยักไหล่ใส่เพื่อนรักอย่างบุญล้อมทำเหมือนไม่มีอะไร ก่อนจะเดินเลยเอา
ของที่เตรียมมาทำบุญไปวางเรียงบนโต๊ะว่างที่เพื่อนจองไว้ให้



            “ไปได้สวยใช่ไหมครับ” เมื่อพลาดคำตอบจากเพื่อนรักเป้าหมายต่อไปจะเป็นใครไปไม่ได้
ถ้าไม่ใช่พอร์ช



            “เออ…ขอบใจมากว่ะ” พอร์ชเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาแท็ก
กันกลางอากาศอย่างรู้งาน



            “จัดของมาไม่ครบหรอพอร์ช”



            “ได้ไง…พี่จัดมาครับ 9 ชุดแล้วนะ” เพราะโซ่เมามากหน้าที่จัดข้าวสารอาหารแห้งมา
ตักบาตรในวันนี้จึงตกไปอยู่ที่พอร์ชแทน



            “โอ้ย…” เป็นอาการของคนคันปากอยากด่าแต่ก็กลัวจะย้อนเข้าตัวเพราะความจริงแล้ว
หน้าที่นี้มันเป็นของเขา แต่เสือกเมาเป็นหมาไง พอร์ชเลยต้องเป็นฝ่ายจัดการแทน ซึ่งก็จะขาดๆ
เกินๆ อย่างนี้เป็นปกติของพี่เขาแหละ



            “จากเดิมมีแค่ 9 รูป แต่ผู้ใหญ่เขานิมนต์พระเกจิมาร่วมพิธีอีก 3 รูป รวมแล้วเป็น
12 รูปครับคุณพอร์ช” เพราะสงสารเพื่อนที่เกิดอาการน้ำท่วมปากอย่างกะทันหันบุญล้อม
จึงเป็นฝ่ายช่วยชี้แจงให้พอร์ชเข้าใจแทนโซ่ที่หน้าเหวี่ยงไปแล้ว



            “ไปซื้อเพิ่มก็ได้ พระยังไม่มาหรอก สหกรณ์ก็อยู่ใกล้แค่นี้…ฝากดูของหน่อยนะมหา
เดี๋ยวกูพาลูกพี่เขาไปซื้อของเพิ่มก่อน” ว่าแล้วก็จัดการลากโซ่ไปยังสหกรณ์ร้านค้าที่อยู่ฝั่ง
ตรงข้ามกับโต๊ะตักบาตรของตนเอง เพราะบุญล้อมเลือกจองโต๊ะใส่บาตรในช่วงท้ายของขบวน



            “ไหนว่าจะมาซื้อของใส่บาตรเพิ่ม แล้วไอติมในมือคืออะไรครับเมีย?” พอร์ชหรี่ตา
ถามอย่างจับผิด เมื่อโซ่เดินผ่านขนมและอาหารแห้งต่างๆ ไปยังตู้ไอศกรีมที่อยู่ด้านในสุดของร้านค้า



            “ก็แค่…อยากกิน” สุดท้ายก็ได้แต่แก้ตัวออกมาแบบน้ำขุ่นๆ จะให้บอกได้ยังไงว่ายัง
ไม่หายจากการแฮงก์เลยอยากจะได้ไอศกรีมรสมะนาวเปรี้ยวๆ เย็นๆ มาอุดปากระงับอาการ
คลื่นไส้ของตัวเองสักหน่อย เพราะถ้าขืนพูดออกไปตรงๆว่าปวดหัว มีหวังถ้าไม่โดนด่าเขาก็
จะต้องถูกไอ้บ้าพอร์ชแบกกลับบ้านจนอดเข้าร่วมพิธีไหว้ครูอย่างแน่นอน



            เพราะสำหรับเด็กช่างแล้วการได้เข้าร่วมพิธีบูชาองค์พ่อพระวิษณุกรรมซึ่งเป็นบรมครู
แห่งช่างก็ถือว่าได้รับพรอันสูงสุดแล้ว

            “ยังแฮงก์อยู่ก็บอกสิ มีเมียขี้เมาพี่เข้าใจ” พอร์ชทำเป็นพยักหน้าเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา
ในขณะที่สายตาคมของมันวาววับทำเหมือนกับว่ากำลังสมน้ำหน้าเขาอยู่อย่างนั้น



            สุดท้ายคนที่มีชะงักติดตัวอย่างโซ่ก็ไม่รู้จะโต้ตอบด้วยวิธีใด จึงได้แต่ชูนิ้วกลางพร้อมกับ
อวยพรให้คนรัก(_วย)รวยไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่จะเดินหนีออกจากร้านค้าเพราะทนความกวนประสาท
ของอีกฝ่ายไม่ไหว



พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส

แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง

ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง

มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู

            “พี่พอร์ชคนนี้ขออนุญาตถือพานคู่กับน้องโซ่ได้ไหมครับ” โซ่ที่กำลังเซ็งจากการจะ
โดนอาจารย์ฝึกสอนบ่นมาหมาดๆ เรื่องที่ไม่ยอมไปซ้อมถือพานรอบสุดท้ายถึงกับสะดุ้งตกใจ
เมื่อจู่ๆ พอร์ชที่โผล่มากจากไหนไม่รู้มานั่งแหมะอยู่ข้างกัน แถมยังเนียนยกพานคู่ที่ว่างของตน
ขึ้นมาถือเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปนั่งเข้าแถวในพิธีอีกต่างหาก



            “เล่นบ้าอะไรพอร์ช เดี๋ยวพ่อมึงก็ตบกระบาลแยกหรอก กลับไปนั่งแถวห้องตัวเองเลย”
จะมีสักกี่คนที่จะไม่รู้ถึงกิตติศัพท์เรื่องความโหดของหัวหน้าแผนกช่างยนต์ที่พ่วงตำแหน่งอาจารย์
ที่ปรึกษาของห้องพอร์ชด้วย มาทำเป็นเล่นในงานพิธีการแบบนี้เดี๋ยได้โดนตบหัวแตก



            “ไม่ว่าหรอก กูขอเขาแล้ว” เพราะการไหว้ครูรอบแรกนี้เป็นการเคารพครูบาอาจารย์ทุกคน
ในวิทยาลัย ไม่มีการแบ่งแยกเป็นแผนกใครแผนกมันดังนั้นพอร์ชจึงกล้าเข้าไปขออนุญาตอาจารย์
ที่ปรึกษาเปลี่ยนคู่ถือพานกับช่างไฟ เพื่อหนีจากทอยมาหาโซ่แทน แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้อย่าง
เขานะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าพ่อใหญ่ในแผนกเขาโหดมาก แต่เพราะเขาเป็นนักฟุตบอลทีมตัวแทน
วิทยาลัยพ่วงด้วยตำแหน่งลูกรักของพ่อใหญ่ที่เป็นครูผู้ฝึกสอนไงเรื่องมันเลยง่าย



            “ห้ะ…ขอ?” โซ่ละไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คนรักพูดนัก



            “อือ…แค่บอกว่าอยากถือพานคู่กับเมียเขาก็ปล่อยมาแล้ว” ตอบด้วยท่าทางสบายๆ ชิลๆ
ต่างจากโซ่ที่เหวอจนอ้าปากค้างไปแล้ว



            “มึงนี่มัน” โซ่ละหมดที่จะหาคำมาเปรียบเปรยกับความห่ามของคนรักที่ใจกล้าหน้าด้าน
ไปบอกอาจารย์พ่อที่มีอายุห้าสิบปลายว่ามีเมียเป็นผู้ชาย



            ก็รู้ว่ารัก แต่มึงไม่ต้องไปป่าวประกาศชาวบ้านเขารับรู้ก็ได้ครับ…ไอ้คุณผัว!



            “เอาน่า…อย่าคิดมากสิ สนใจเรื่องตรงหน้าก่อน เดี๋ยวเรียนไม่จบหรอก” พยักพเยิดหน้า
ไปทางปะรำพิธีที่มีพราหมณ์กำลังสวดมนต์อยู่หลังจากที่จบพิธีสงฆ์ช่วงครึ่งแรกไปแล้ว



            “อืม” เพราะเคยได้ยินไงถึงได้คันปากอยากด่าไอ้หมาพอร์ชที่มันเล่นไม่รู้เรื่องอย่างนี้
โรงเรียนอื่นจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่ที่วิทยาลัยของเขามีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า…จะเรียนไม่จบ
ถ้าหากไม่ตั้งใจทำพิธีในวันไหว้ครู



            “นี่!”



            “ไอ้พอร์ช”



            โซ่หันมาถลึงตาใส่คนรักหันมาสะกิดเอวเรียกเขายิกๆ ทั้งที่เป็นคนบอกให้เขาตั้งใจแท้ๆ
แต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายก่อกวนแทน



            “น่า…อย่าเพิ่งดุสิ แค่จะบอกว่าเสร็จจากงานนี้แล้วเราไปริมน้ำกันนะ”



            “ไปทำไม?” เพราะว่าเมามากโซ่จึงไม่อาจจะจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทั้งหมด
เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนพอร์ชจับลงอ่างอาบน้ำแปลงฟันให้ไม่ต่างจากเด็กน้อยนั่นแหละ
ส่วนที่เหลือก็เลือนรางเต็มทน



            “เมื่อคืนมีคนร้องเพลงจันทร์เจ้าบอกรักกู เย็นนี้กูเลยจะกลับไป…แขนเค้าเป็นฟอ”



            “แขนเค้าเป็นฟอ?” 



            เพราะสมองยังไม่โล่งเท่าที่ควรโซ่จึงไม่อาจเข้าใจในคำผวนที่พอร์ชยิงใส่ได้
แม้ว่ามันจะเป็นแค่มุกเก่าที่โคตรกากก็ตาม



            “ก็…ขอเขาเป็นแฟน…ไง” หันซ้ายแลขวาดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่จริงๆ
พอร์ชจึงรีบชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของคนรักให้ได้ยินกันแค่สองคน



            “ไอ้บ้าพอร์ช…”



            แม้จะโดนด่าแถมโดนหยิก แต่พอร์ชก็ว่าคุ้ม เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะมีโอกาส
ได้เห็นเจ้าชายน้ำแข็งอย่างโซ่แก้มแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความเขินอายอย่างนี้ เพราะส่วนมาก
โซ่จะหน้าแดงจากการด่าเขาติดต่อกันเป็นเวลานานจนเหนื่อยไปเองเสียมากกว่า







TBC.



​Facebook : Peera_Porsche

❤​ เมียใครไม่รู้ ยิ่งเมายิ่งน่ารัก ❤​



​ผิดไหม...ถ้าจะบอกว่าหมั่นไส้ลูกชายตัวเอง? #เหม็นฟามรัก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดูแลเมียดีมาก~

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เมาแล้วน่ารักดีอ่ะน้องโซ่

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด