{End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}  (อ่าน 85617 ครั้ง)

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ฟินนนนนนนนนนนน
ชอบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{20}






            “ไหวไหมเนี่ย?” พอร์ถามย้ำเป็นครั้งที่สองเพื่อความแน่ใจ เมื่อสมาชิกคนอื่นๆพากันมาสมทบ
ตรงหน้าที่พักจนครบทุกคน เตรียมพร้อมที่จะกลับบ้านในช่วงสายของวันถัดมา เพราะดูเหมือนว่าโซ่จะ
มีไข้อ่อนๆ ผลจากความดื้อรั้นเอาแต่ใจของเจ้าตัวเมื่อคืนนี้



            “เออน่า” โซ่บอกปัด แล้วเดินไปค่อมรถรอเหมือนรำคาญ แต่ความจริงแล้วเขากำลังหงุดหงิด
กับอาการไข้หลบในที่มันหนาวๆร้อนๆของตัวเองอยู่ต่างหากล่ะ



            “ไม่ไหวก็บอกนะโซ่ อย่าดื้อให้มาก กูเป็นห่วง” พอร์ชเดินเข้ามาสวมหมวกกันน็อคให้คนรักอย่างอ่อนโยน
ไม่ได้ถือสาเอาความกับท่าทางเหวี่ยงวีนของคนรัก เพราะรู้ดีว่าร่างกายของโซ่ไม่แข็งแรงเต็มร้อย



            “รอบนี้ใครจะแวะตรงไหนตามใจเลยนะ แต่กูขอยิงยาวเลย พวกแม่งเหมือนจะไม่สบาย” พอร์ชนัดแนะ
กับพักพวก ที่เตรียมพร้อมออกเดินทางแล้วเช่นกัน เพราะตามกำหนดเดิมคือ พวกเขาจะแวะจอดตามสถานที่
ท่องเที่ยวที่หน้าสนใจตามสองข้างทางที่ต้องผ่าน แต่พอโซ่เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแวะเที่ยวที่ไหนแล้ว
ขอกลับบ้านให้เร็วที่สุดจะดีกว่า



            “กอดหน่อย” ออกเดินทางมาได้ซักพักโซ่ก็โน้มตัวเข้ากอดเอวพอร์ช พงศีรษะลงไปทาบทับแผ่นหลังกว้าง
ตรงหน้า ใช้เป็นหลักยึดร่างกายที่เริ่มจะหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ



            “อย่าหลับนะ เดี๋ยวตกรถ” พอร์ชขยับหลังดุกดิกเป็นการเตือนไม่ให้โซ่หลับ เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนเลี่ยง
เมืองที่มีรถวิ่งสวนไปมาด้วยความเร็วสูง คงจะไม่ดีนักถ้าโซ่เผลอหลับแล้วตกลงไปนอนกองอยู่กลางถนน



            “อือ!” รับคำในลำคอแล้วออกแรงกอดรัดเอวคนรักให้แน่นขึ้นกว่าเดิม



            “ได้ฤกษ์เปลี่ยนจากสองล้อเป็นสี่ล้อแล้วมั้งกูเนี่ย” พอร์ชบ่นเบาๆภายใต้หมวกกันน็อคของตัวเอง แข่งกับสายลมที่พัดเข้าปะทะหน้าเป็นระยะๆ แต่โซ่กลับหูดี ได้ยินสิ่งที่พอร์ชพูด



            “ไม่เอา…กูชอบไอ้แมน ถ้าอยากได้รถยนต์ก็ไปเอาของพ่อกูที่บ้านมาใช้โน้น ไม่ต้องขายไอ้แมนหรอก” โซ่หมายถึงรถคันหรูที่บิดาผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้เป็นมรดกตกทอดก่อนสิ้นใจ แม้ว่าอายุรุ่นของมันอาจจะมากไปหน่อย แต่อายุการใช้งานนั้นน้อยมากจนแทบจะไม่ต่างจากรถใหม่ ทุกวันนี้ก็จอดดักฝุ่นอยู่ที่บ้าน เพราะไม่มีใครขับ โดยที่มีคุณทนายดูแลรักษาให้เป็นอย่างดี



            “ครับๆ แม่ไอ้แมน กูไม่ขายลูกมึงแล้วครับ” ก็อยากจะแหย่ต่ออีกหน่อยละนะ แต่ติดว่าอีกคนไม่สบาย เลยปล่อยผ่านไปก่อน เอาไว้ค่อยไปแหย่ตอนหายดีน่าจะสนุกว่า เรื่อง ‘ไอ้แมน’ เนี่ย อยู่กับเขามาจะครบปี มันไม่เคยมีชื่อแซ่กับใครเขา เพราะพอร์ชคิดว่ามันเป็นอะไรที่ติ๊งต๊องไปหน่อยกับการที่ผู้ชายตัวควายๆอย่างเขาจะมาตั้งชื่อให้รถ แต่พอเป็นพี่โซ่คนแมนเขาตั้งให้ บอกตรงเลยว่า…น่ารักสัส!



            จากสี่ชั่วโมงนิดๆตอนไป ขากลับพอร์ชบิดมาด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิม จึงกลับมาถึงพิจิตรได้ โดยใช้เวลาแค่สามชั่วโมงกว่าๆ อาจจะเสี่ยงไปนิด แต่พวกเขาก็มาถึงหน้าบ้านหรือร้านขายรถของพอร์ชได้อย่างปลอดภัย ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมันตั้งแต่เข้าเขตตัวเมืองพิจิตรแล้ว



            “ทำไมถึงได้หิ้วปีกันมาแบบนั้นล่ะเจ้าพอร์ช ไปมีเรื่องมาอีกแล้วหรอ?” คุณนายปลื้มจิตร้องทักเสียงหลง เมื่อเห็นลูกชายหิ้วปีกลูกสะใภ้ที่เหมือนจะไม่รู้สึกตัวเดินเข้าบ้านมา ทำเอาเสี่ยใหญ่ผู้เป็นสามีที่ยืนสั่งงานลูกน้องอยู่ไม่ไกล ตกใจไปตามๆกัน



            “อย่าเสียงดังสิแม่ ลูกค้าตกใจหมดแล้ว โซ่มันแค่เป็นไข้หวัดเฉยๆ” พอร์ชเอ่ยปราม เมื่อเห็นว่าลูกค้าที่อยู่ในร้านพากันจ้องมาที่พวกตนเป็นตาเดียว



            “ถ้าเป็นแค่นั้นก็พากันไปพักข้างบน แม่ขอเคลียร์กับลูกค้าก่อน เดี๋ยวจะตามไปดู” เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็อดที่จะมองตามหลังลูกชายทั้งสองคนไปด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าโซ่จะไม่รู้สึกตัวเลย แม้ว่าเธอจะมาทำเสียงดังอยู่ข้างๆเจ้าตัวก็ตาม



            “ดื้อจนได้เรื่องไหมล่ะ” พอร์ชพูดบ่นในขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าของโซ่เพื่อที่จะเช็ดตัวให้



            “อื้อ!” นอกจากจะไม่ให้ความร่วมมือแล้ว คนป่วยจอมดื้อยังจะปัดมือของพอร์ชออก ทำเหมือนว่ารำคาญเต็มทน ทั้งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นเพราะนอนหลับตาแน่น



            “เมื่อไหร่จะเลิกดื้อสักที! เดี๋ยวตีเลยว่ะ!” ก็แค่บ่นไปตามเรื่องตามราว ไม่ได้โมโหหรือรู้สึกหงุดหงิดหรอกที่คนรักเป็นแบบนี้ เพราะเข้าใจดีว่าคนป่วยไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก



            “ตีน้องหรอ?” ปรือตาหวานช่ำเพราะพิษไข้ขึ้นมาถามอย่างยากลำบาก



            “ห้ะ! เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?” พอร์ชร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูแว่วหรือฟังผิดไปจริงๆ



            “ตีน้องหรอ…พี่พอร์จะตีน้องโซ่หรอ…คนใจร้าย!” ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียบวกพิษไข้



            “น้อง? โอ้พระเจ้า! ฝนจะตกฟ้าจะถล่ม ไอ้โซ่แทนตัวเองว่าน้อง! ตื่นมาพูดกับพี่อีกทีได้ไหมน้องจ๋า…กูอยากถ่ายคลิปเก็บไว้ดู!” ไม่บ้าก็ใกล้เคียง เพราะดูเหมือนว่าพอร์ชจะเสียสติไปแล้ว ถึงได้ตะโกนโวยวายเสียงดังลั่นห้องรบกวนคนป่วยแบบนี้



            “เป็นบ้าอะไรเจ้าพอร์ช! เสียงดังทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องหลับอยู่นะห้ะ” แม่ของพอร์ชที่เปิดเข้ามาเจอตอนลูกชายกำลังสติแตกอยู่พอดีก็เอ็ดเข้าให้



            “ก็เพราะมันหลับนี่แหละแม่ ผมถึงได้คลั่งขนาดนี้” ยอมรับออกมาตรงๆ แต่ไม่ขอบอกเหตุผลหรอกนะ จะเก็บไว้ฟินคนเดียวในใจ



            “บ้าบอ” คนเป็นแม่ส่ายหน้าอย่างระอา ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดี



            “ไหน…คนป่วยอยู่ไหนเอ่ย?” โต้ตอบกันได้ไม่เท่าไหร่ ใครบางคนที่พอร์ชกำลังคิดถึงก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็น หลังจากที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา



            “เจ้!” เด็กยักษ์กระโดดเข้ากอดพี่ชายคนโตของตนเองเหมือนตอนเด็กๆ โดยที่ไม่ห่วงสุขภาพของพี่ชายสักนิดว่าจะรับไหวไหม ในเมื่อตอนนี้พอร์ชไม่ได้ตัวเล็กเป็นเด็กน้อยที่ชอบเดินดึงชายเสื้อพี่ชายไปไหนต่อไหนแล้ว แถมยังตัวโตกว่าคนเป็นพี่กว่าครึ่ง เพราะโฟล์คตัวเล็กบอบบางเหมือนแม่ ไม่เหมือนพอร์ชกับออดี้ที่สูงใหญ่ได้พ่อมาเต็มๆ



            “พอแล้วพอร์ช พี่จะตายเอา” พลักตัวน้องชายออกเบาๆ เมื่อเริ่มที่จะหายใจไม่ออก เพราะโดนเจ้าเด็กตัวโตกอดเสียแน่นเหมือนโดนงูยักษ์รัดก็ไม่ปาน



            “โทษทีครับ คิดถึงมากไปหน่อย” หัวเราะแหะๆอย่างยอมรับผิด เพราะนานๆทีจะได้เจอกัน เนื่องจากว่าพี่ชายไปประจำการอยู่ไกล นานๆจะได้กลับบ้านสักที ตอนเจอกันครั้งที่แล้วเขาก็มัวแต่ยุ่ง มุ่งจีบโซ่ เลยเผลอลดความสำคัญของพี่ชายสุดที่รักไป



            “รู้แล้วน่า…พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน ว่าแต่คนไข้พี่อยู่ไหน?” เพราะว่าถูกความสูงใหญ่ของน้องชายบังทัศนียภาพตรงหน้าไปจนหมด คุณหมอโฟล์คจึงมองไม่เห็นคนไข้ที่นอนจมอยู่กลางเตียงที่อยู่ทางด้านหลังของพอร์ช



            “อยู่นี่ไง” พอร์ชจำต้องขยับตัวเบี่ยงไปซ้ายถึงสองก้าว โฟล์คถึงจะมองเห็นโซ่



            “ตายแล้วเจ้าพอร์ช! แกมือหนักขนาดนี้เลยหรอ? เดี๋ยวน้องก็ช้ำในตายกันพอดี” คุณนายปลื้มจิตที่ถึงตัวโซ่เป็นคนแรกร้องเสียงหลง เมื่อเปิดผ้าห่ามออกแล้วเห็นหน้าอกเปลือยเปล่าของโซ่ที่เต็มไปด้วยรอยจูบ แถมต้นแขนทั้งสองข้างยังเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของพอร์ชที่เจ้าตัวยั้งอารมณ์ไม่อยู่ เลยเผลอเค้นแรงไปหน่อย



            “โธ่แม่…เวลาอย่างนั้นใครเขาจะมานั่งคำนวณแรงเหวี่ยงแรงฟัดกันอีกล่ะครับ” ความจริงแล้วพอร์ชก็อยากจะตอบไปตามตรงหรอกนะว่าคุณชายคนโปรดของคุณนายเขาเรียกร้องเอง แต่ก็กลัวแม่จะตกใจจนหัวใจวายไปเสียก่อน ก็เลยยอมรับผิดเองซะ จะได้หมดเรื่องหมดราวไป เพราะคุณนายเขาคงจะรู้อยู่แล้วว่านิสัยของลูกชายแต่ละคนของตัวเองเป็นยังไง



            “โอ้ย…ฉันจะเป็นลม” ยกสองมือกุมหน้าอกอย่างตกใจ เรื่องนี้สอนให้เธอรู้ว่าการสนิทกับลูกชายมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก ถึงต้องมาฟังเรื่องจักจี้แบบนี้



            “อย่าเพิ่งตายแม่ รอเลี้ยงหลานก่อน” ระดับพี่พอร์ชแล้วไม่มีหรอกคำว่าสลด ขอแค่ให้มีจังหวะได้แกล้งคุณนายแม่สุดที่รักก็พอ



            “เลิกแกล้งแม่ได้แล้วพอร์ช นี่ดีนะที่คุณทศเขาติดงาน ไม่ได้ตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นบ้านแตกแน่ถ้าได้มาเห็นน้องชายสุดที่รักของตัวเองนอนซมเพราะเรื่องแบบนี้” เอ่ยปรามน้องชายให้เลิกเหย้าแหย่มารดาแล้วรีบเข้าไปดูอาการของคนป่วยทันที โฟล์คละไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าทศพลคนรักรู้เรื่องที่น้องชายสุดที่รักของตัวเองไม่สบายแบบนี้จะเป็นยังไง เพราะปกติเจ้าตัวก็ชอบมาบ่นให้เขาฟังอยู่แล้วว่าเป็นห่วงน้องอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มาเยี่ยมหาบ่อยไม่ได้ เพราะงานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาพัก บางทีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ยังต้องเข้าไปทำงานเลย



            “อย่าบ่นมากน่าเจ้” พอโดนบ่นมากเข้าพอร์ชก็หันหลังหนีแม่กับพี่ชายเดินเลี่ยงไปตรงโซนแต่งตัว เปิดหาเสื้อผ้าในตู้มารอเปลี่ยนให้โซ่แทน จนกระทั่งโฟล์คตรวจร่างกายให้โซ่เสร็จนั่นแหละ พอร์ชจึงได้ฤกษ์ไล่แม่กับพี่ชายออกจากห้องไป ทั้งยังยืนยันเป็นหนักแน่นว่าตนจะเป็นฝ่ายอยู่ดูแลโซ่เอง ไม่ต้องเป็นห่วง



            “หายเร็วๆนะครับแม่ไอ้แมน” จัดการเช็ดตัวให้โซ่เสร็จ พอร์ชก็ทิ้งตัวลงนอนข้างกัน วงแขนแกร่งคว้าตัวคนรักเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนที่จะนอนหลับลึกลงไป เพราะตัวพอร์ชเองก็เพลียกับการขี่รถเดินทางไกลไม่น้อย



            เพราะได้นอนพักถึงสองวันเต็ม ทั้งยังมีพยาบาลพิเศษตัวใหญ่ยักษ์คอยดูแลเป็นอย่างดี ร่างกายของโซ่จึงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จะก็แต่อาการของไข้หวัดที่ทำให้โซ่ต้องหงุดหงิดเพราะมันพาลให้ปวดหัว ตัวร้อนและก็เจ็บคอนี่แหละที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่หายไปสักที



            “กินเข้าไปอีกนิด งั้นกูไม่ให้ไปเรียนนะ” พอร์ชบังคับป้อนโจ๊กใส่ปากของโซ่อีกคำใหญ่เมื่อเจ้าตัวทำท่าจะอิ่มทั้งที่โจ๊กในชามยังพร่องไปไม่ถึงครึ่ง พอโซ่สะบัดหน้าหนี พอร์ชก็เอาถือช้อนตามไปจ่อปากพร้อมทั้งยกเรื่องเรียนออกมาขู่ เพราะแรกเริ่มเลย พอร์ชจะให้โซ่หยุดพัก แต่เจ้าตัวไม่ยอม จะไปเรียนให้ได้ เพราะวันนี้เจ้าตัวมีสอบเก็บคะแนนในช่วงเช้า ส่วนพอร์ชมีเรียนวิชาแรกของวันตอนเที่ยงครึ่ง…ครึ่งวันเช้าพอร์ชจึงว่างยาวสี่ชั่วโมงเต็ม



            “อิ่ม”



            “ยา” เพราะเห็นว่าคนรักทานได้มากเท่าที่ควร พอร์ชก็ส่งยาให้ทันที



            “แม่ไปส่งดีกว่าไหม ใส่ขาสั้นไปตากลมอย่างนี้ เดี๋ยวไข้พอดี” เพราะวันอังคารอย่างนี้เป็นวันเรียนลูกเสือวิสามัญของเด็กเทคนิคปีหนึ่งทุกคน ทั้งพอร์ชและโซ่จึงอยู่ในชุดลูกเสือขาสั้นทั้งคู่ คุณนายปลื้มจิตที่นั่งร่วมโต๊ะทานมื้อชาวอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็กจึงเสนอตัวขึ้นมา เพราะความกดอากาศลดฮวบตั้งแต่เมื่อวาน จึงทำให้อากาศเย็นลงมาก



            “เดี๋ยวผมไปส่งมันเอง แต่ขอยืมรถแม่ก่อนนะ เพราะวันนี้ผมมีเรียนตอนเที่ยงครึ่งโน่น” พอร์ชบอกพลางลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถของแม่ที่อยู่ในห้องทำงานชั้นสองทันที เมื่อคุณนายปลื้มจิตพยักหน้าอนุญาต



            “อ่ะ! ค่าขนมอาทิตย์นี้” เสี่ยใหญ่ที่เพิ่งกลับเข้ามาจากข้างนอก ยื่นซองเงินสีขาวจำนวนสองซองส่งให้โซ่จากทางด้านหลัง



            “ผมไม่…” โซ่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธเมื่อเห็นชื่อตัวเองโชว์หลาอยู่บนซองเงิน



            “เป็นลูกบ้านนี้แล้วอย่าดื้อ” เขาพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินหนีขึ้นห้องทำงานไป ทิ้งให้โซ่นั่งเครียดอยู่กับซองเงินเจ้าปัญหา ลำพังแค่มาอยู่กับพอร์ชในบ้านนี้เขาก็เกรงใจจะแย่แล้ว เพราะถ้านับกันจริงๆ เขาก็เป็นคนนอกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่พ่อกับแม่ของพอร์ชจะต้องมาดูแลเขาอย่างนี้เลยด้วยซ้ำ



            “รับไปเถอะนะน้องโซ่ ไม่ต้องคิดมากหรอก มาถึงวันนี้แล้วโซ่ก็ไม่ได้ต่างไปจากลูกของแม่ ความปรารถนาดีใดที่แม่กับป๋าหยิบยื่นให้กับเจ้าพอร์ช โซ่ก็จะได้รับด้วยเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่ความรักความห่วงใยที่มี…เพราะเราคือครอบครัว” คุณนายปลื้มจิตที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับโซ่ พูดบอกออกมาช้าๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น



            “…..” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการเจ็บป่วยหรืออย่างไรที่ทำให้โซ่มีน้ำตา เจ้าตัวรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความอ่อนแอของตัวเองไว้ แต่ก็ไม่อาจลอดพ้นสายตาของคุณนายปลื้มจิตไปได้ เห็นดังนั้น เธอจึงรีบลุกเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ก้มลงวาดแขนคว้าตัวลูกชายคนใหม่เข้ามาแนบอก กอดเต็มรัก



            “แม่ไม่รู้ว่าโซ่กลัวอะไร แต่แม่อยากให้โซ่ไว้ใจ เพราะแม่จะขอเป็นแม่ของโซ่อย่างนี้ตลอดไป แม้ว่าสิ่งรอบตัวของเราจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม” ก้มลงจูบกลางกระหม่อมบางของเด็กหนุ่มเบาๆ เพราะถ้านับเอาตามความเป็นจริงแล้ว โซ่ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับครอบครัวของเธอเลย เพราะก่อนหน้าที่พ่อผู้ให้กำเนิดของเจ้าตัวจะแยกทางกับภรรยาหรืออีกนัยหนึ่งก็คือแม่ผู้ให้กำเนิดของโซ่ ทั้งสองครอบครัวก็ไปมาหาสู่กันดี เพราะนอกจากจะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกันแล้ว พ่อของโซ่ก็เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป๋าของพอร์ช เพียงแค่อยู่คนละคณะเท่านั้นเอง แถมตอนเด็กๆเจ้าพอร์ชลูกชายคนเล็กของเธอก็ชอบร้องงอแง ขอให้พาข้ามไปฝั่งคลินิก เพื่อที่จะไปเล่นกับโซ่ ซึ่งก็เป็นเจ้าเด็กแก้มยุ้ยตัวอวบที่ชอบหิ้วกระติกน้ำหวานสีแดงลายแมวคิตตี้ในตอนนั้น ทำตัวติดกันเป็นตังเม เพียงแต่วันเวลาที่ขาดหายไปมันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความทรงจำในวันเก่าของเด็กหนุ่มทั้งสองคนเลือนหายไปเท่านั้นเอง



            “ของมึง” ขึ้นมานั่งบนรถของคุณนายปลื้มจิตได้โซ่ก็ส่งซองเงินในส่วนของพอร์ชส่งให้เจ้าตัวไป



            “เท่าไหร่?” พอร์ชไม่ได้รับไปทันที แต่เขาถามถึงจำนวนเงินที่อยู่ในซองแทน



            “พันสี่” โซ่เปิดซองออกมานับแล้วตอบกลับไป ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากันกับของเขา



            “เออครบ เอาออกมาร้อยนึง” พอรู้แน่แล้วว่าได้ครบตามจำนวนวันละสองร้อยเท่าเดิม เจ้าตัวก็พยักหน้า แบมือขอเงินจากโซ่เพียงแค่หนึ่งร้อยบาท



            “ที่เหลือ?”



            “ขอวันละร้อยพอ ถ้าไม่พอจะมาเบิก” พูดบอกพร้อมยิ้มหล่อให้คนรักเสร็จสรรพก็หันกลับไปสนใจการจราจรตรงหน้าต่อ



            “ตามใจ” เมื่อเจ้าตัวว่าอย่างนั้นโซ่เองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก เพราะตอนนี้สมองของเขาตื้อเกินกว่าจะคิดอะไรอีกแล้ว

            เพียงเดี๋ยวเดียวรถคันงามของคุณนายปลื้มจิตที่มีพอร์ชเป็นสารถีก็มาหยุดจอดที่ประตูข้างวิทยาลัย ซึ่งเป็นจุดที่สะดวกต่อการเดินไปเข้าแถวที่สุดแล้วสำหรับคนป่วยอย่างโซ่



            “เดี๋ยวตอนเที่ยงกูนั่งรอที่โรงอาหาร ถ้ารู้สึกไม่ดีตรงไหนให้มหามันโทรมาหากูเลยนะ” พอร์ชบอกกำชับด้วยความกังวล เพราะเป็นห่วง กลัวว่าโซ่จะเรียนไม่ไหว ต่างจากโซ่ที่แค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น ก่อนที่จะเปิดประตูรถลงไป พอร์ชอยู่มองจนแน่ใจแล้วว่าคนรักเดินเข้าประตูวิทยาลัยไปได้อย่างปลอดภัย เจ้าตัวถึงได้ฤกษ์ขับรถกลับบ้าน







TBC.
            Ps. ‘ไอ้แมน’ คือชื่อที่โซ่ใช้เรียกดูคาติของพอร์ช ย่อมาจากคำว่า ‘อุลตร้าแมน’ ซึ่งเป็นตัวละครในการ์ตูนยอดมนุษย์ตัวโปรดของพอร์ชนั่นเอง

            Ps.2 เรื่องราวในตอนนี้อยู่ในช่วงวันที่ 13-17 เป็นเหตุการณ์ต่อจากเนื้อเรื่องปกติ จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มีการให้เมียเก็บเงิน ฮา

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สองร้อยต่อวัน ไม่รวมวงเงินในบัตรเครดิตด้วยใช่ปะ ประหยัดเนอะอีพี่จะใช้วันละร้อย ที่เหลือให้อีน้อง เยี่ยม ๆ  o13 :กอด1:

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ให้เมียถือเงิน  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ใหญ่แค่ไหนก็ต้องยอมเมีย

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่พอร์ชให้น้องโซ่เก็บเงิน รู้เลยว่าบ้านนี้ใครใหญ่สุด

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :กอด1:น่ารักครอบครัวเดียวกันแล้ว

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ชอบๆ
รอตอนต่อๆไปนะครับ

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{21}







            12.30 น.



            “เป็นไร ทำหน้าเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง” พอร์ชถามพลางใช้หลังมือวัดไข้บริเวณหน้าผากและลำคอ
ของคนรักอย่างโซ่ที่เดินลงมาหย่อนก้นนั่งข้างกัน



            “เปล่า” บอกปัดเสร็จก็ซบหน้าลงนอนหนุนแขนตัวเองทันที



            “กินให้หมดแล้วอย่าลืมกินยานะ กูต้องไปเรียนแล้ว” พอร์ชบอกพลางคว้าชามเกี๊ยวน้ำที่ฝากแวนซื้อมา
พร้อมกับข้าวของบุญล้อมส่งให้กับโซ่ เพราะถึงเวลาเข้าเรียนของตนแล้ว



            “มึงล่ะ?” เงยหน้าขึ้นมาถามตาลอยๆ เพราะเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ได้หมดไปกับการสอบก่อนหน้าแล้ว



            “กูกินแล้ว” พอร์ชเอื้อมมือเข้าจัดเส้นผมที่กระจัดกระจายไม่เป็นทรงของคนรักให้เข้าที่



            “กินด้วยกัน กูกินไม่หมด” กระตุกชายเสื้อที่หลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงของพอร์ชเป็นสัญญาณบอกให้
พอร์ชนั่งลง เมื่อเจ้าตัวทำท่าลุกหนีไปเข้าเรียนตาที่ปากพูดจริงๆ



            “ครับๆอยู่กินข้าวกับที่รักก่อนเนอะ” คนที่เผลออ้อนไปโดยไม่รู้ตัวอย่างโซ่ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
เมื่อพอร์ชยอมนั่งลงตรงที่เดิมแล้วอ้าปากรอให้ตนป้อนอาหาร…ถ้าน้องโซ่จะน่ารักขนาดนี้ พี่ยอมใช้โควตา
สิบห้านาทีที่เข้าสายได้ให้คุ้มเลยก็แล้วกัน



            “มึงว่ากูควรจะแซวมันสองคนดีไหม” แวนกระซิบถามเป้ที่นั่งอยู่ข้างกัน เมื่อหันไปเห็นคนป่วย
อย่างโซ่นั่งป้อนเกี๊ยวน้ำให้พอร์ชเหมือนกับว่าเพื่อนรักของเขาเป็นฝ่ายไม่สบายแทนเสียอย่างนั้น และ
ถ้าพอร์ชยืนยันที่จะอยู่ทานมื้อกลางวันกับโซ่ต่อ พวกเขาสองคนก็ทำอะไรไปไม่ได้ นอกจากนั่งรอ จน
กว่าพอร์ชจะพร้อมเข้าเรียน เพราะสิบห้านาทีแรกครูปล่อยฟรีอยู่แล้ว



            “ถ้าไม่อยากมีแผลพลุพองเพราะโดนน้ำซุปร้อนๆในชามเกี๊ยวน้ำที่อยู่ตรงหน้าคุณโซ่ลวกก็อย่า
ได้อ้าปากเชียวครับ เพราะตอนที่คุณโซ่ไม่สบายอย่างนี้ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงเป็นประจำเดือน
ซะอีก…ถ้าไม่เชื่อที่ผมบอก คุณแวนจะลองดูก็ได้นะครับ” บุญล้อมที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงข้ามกับแวน เอ่ย
เตือนขึ้นมาเบาๆ เพราะรู้นิสัยของเพื่อนรักอย่างโซ่ดี ว่าอารมณ์ไหนเป็นยังไง จากประสบการณ์ที่ได้เห็น
และสัมผัสมาตั้งแต่เด็กจนโต



            “เลิกขู่กูสักทีเถอะไอ้หมา! กูละสยองแทนไอ้พอร์ชจริงๆที่มีเมียอย่างไอ้โซ่” แวนยักไหล่บอก
ด้วยท่าทางสยดสยอง ก่อนที่เป้เพื่อนรักจะพูดสวนออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า…



            “กูก็สงสารไอ้มหาเหมือนกันที่เสือกหลงผิดเอามึงทำเมีย” คำพูดที่ออกมาจากเพื่อนรักทำเอา
แวนอ้าปากค้าง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ



            “มะ…มึง…พูดเรื่องเหี้ยอะไรออกมาไอ้ห่าเป้!” แวนตะกุกตะกักถามออกมาแบบมีพิรุธอย่างเห็น
ได้ชัด ต่างจากบุญล้อมนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่ถ้ามองดูชัดๆจะเห็นว่ามุมปากทั้งสองข้างของท่านมหา
ผู้ที่ทรงศีลในสายตาคนนอกนั้นกำลังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ



            “ก็พูดเรื่องจริงไงห่า…มึงคิดว่าพนังห้องที่บ้านพักมันเก็บเสียงนักรึไง ทั้งมึงทั้งไอ้โซ่ทำเมียกู
นอนผวาทั้งคืน” แวนหมายถึงคืนที่พวกเขาพากันไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ซึ่ง
เจ้าตัวกับคนรักอย่างซีนอนพักอยู่ในห้องกลาง ห้องบุญล้อมกับแวนอยู่ทางด้านขวาติดทางขึ้นลงบันได
ส่วนพอร์ชกับโซ่พักอยู่ห้องทางซ้ายด้านในสุด และก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเขาที่กลับมาก่อน
คู่ของคนอื่น แต่พอปฏิบัติภารกิจตามประสาคนรักเสร็จ แต่พอเตรียมพร้อมที่จะนอนเท่านั้นแหละ เสียงร้อง
ครางของแวนกับโซ่ที่ขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวาก็ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ กว่าจะสิ้นสุดได้ก็เกือบเช้า ทำเอา
คนรักของเขาอย่างซีงอแงมาตลอดทางกลับบ้าน เพราะนอกจากจะเจ็บตัวแล้ว เจ้าตัวยังหงุดหงิดที่นอนไม่พออีกด้วย



            “ไม่แวะครับ ไม่สบายจะกินน้ำแข็งได้ยังไง” พอร์ชปฏิเสธทั้งไม่ได้หันกลับไปมอง ไม่ต้องให้โซ่
พูดเขาก็รู้ว่าการที่รักกระตุกเสื้อจากทางด้านหลังตอนกำลังจะขี่รถผ่านร้านน้ำปั่นเจ้าประจำของเจ้าตัวทำไม
เพราะปกติแล้วเขาจะแวะจอดซื้อให้ทุกวัน เพียงแต่วันนี้ตามใจไม่ได้จริงๆ เพราะอาการไข้ของเจ้าตัวยังไม่หายดี



            ตอนแรกพอร์ชกะว่าถ้าอากาศยังไม่หายหนาวเขาคงจะขอยืมรถแม่มาใช้รับส่งคนป่วยก่อน แต่พอ
สายๆเท่านั้นแหละ ร้อนตับแทบแลบ เขาจึงเอาไอ้แมนลูกรักออกมาซิ่งเหมือนเดิม



            “อยากกินยำมะม่วงหน้าบึง” คนป่วยซบหน้าลงบนแผ่นหลังแกร่งของคนรัก พูดอ้อนออกไปอย่างไม่รู้ตัว



            “กลับไปเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวจะพาไปซื้อ” พอถูกอ้อนมากๆเข้า พอร์ชก็ไม่อยากจะขัดใจคนป่วย
มากนัก เพราะยำมะม่วงปลากรอบร้านนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เจ้าตัวโปรดปราณ แต่ลองมานับๆ ดูแล้ว เขาก็เห็น
โซ่ชอบกินทุกอย่างนั่นแหละ ขอแค่อร่อย รสชาติถูกปาก



            “ไปบ้านพ่อด้วยนะ จะไปคุยกับอาทนายเรื่องตึก” เพราะเป็นทางเดียวกันกับทางไปบ้านบิดาผู้ให้
กำเนิดของตัวเอง โซ่เลยอาศัยทางผ่านนี้เข้าไปคุยกับทนายของพ่อเรื่องการปรับปรุงตึกแถวที่พ่อเคยเปิด
เป็นคลินิกเมื่อครั้งอดีต กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้กลายเป็นตึกร้างมานานหลายปี



            “พี่พอร์ชสุดหล่อกลับมาแล้วครับคุณนายปลื้มจิตสุดสวยแอนด์เสี่ยใหญ่ผู้ที่หล่อน้อยกว่าพี่…โฮ๊ะ!
 โฮ๊ะ!” พอถึงบ้าน พอร์ชก็รีบจูงโซ่วิ่งขึ้นบันได แวะชั้นสอง เปิดประตูห้องทำงานใหญ่เข้าไปทักทายพ่อแม่
ด้วยท่าทางร่าเริงจนหน้าหมั่นไส้



            “สวัสดีครับแม่…ป๋า” โซ่ชะโงกหัวลอดวงแขนพอร์ชที่กางเก้งก้างขวางประตูไว้เข้าไปยกมือไหว้
สวัสดีทักทายพ่อแม่ของคนรักที่กลายมาเป็นพ่อแม่ของตนเองด้วยแล้ว ตามมารยาทลูกที่ดี ไม่ทะลึ่งทะเล้น
เหมือนลูกแท้ๆอย่างพอร์ชที่ยังคงหัวเราะชอบใจเสียงดังไม่หยุด เพราะสะใจที่แกล้งแหย่ให้คนเป็นพ่อโมโหได้



            ก๊อก ก๊อก



            “มีคนมาหาน้องโซ่ค่ะ” คุยเล่นกันได้ไม่นาน ฤดีแม่บ้านก็มาเคาะประตูขัดขึ้นเสียก่อน



            “ใครครับ” โซ่ถาม



            “เห็นเขาบอกว่าชื่อทนายหรือเป็นทนายอะไรนี่แหละค่ะ พี่เองก็ฟังไม่ถนัด” เธอบอก



            “อ่อครับ…อาทนายเป็นคนดูแลพ่อฮะ” โซ่พยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปคลายความสงสัยให้กับพ่อแม่
ของพอร์ชที่แสดงอาการสงสัยออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน ก่อนที่ผงกศีรษะเป็นเชิงขอตัว แล้วเดินตาม
แม่บ้านลงไปชั้นล่าง



            “พอร์ชรู้เรื่องนี้รึเปล่าลูก เขาไว้ใจได้รึเปล่า” เพราะได้คำเฉลยที่ไม่ชัดเจนจากโซ่ คุณนายปลื้มจิต
จึงหันมาต้อนหาคำตอบจากลูกชายแทน เลยเป็นห่วง เกรงว่าโซ่จะถูกหลอกเอา



            “แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกชายสุดที่รักของแม่มันไม่โง่ให้ใครหลอกได้หรอก ฉลาดเป็นกรดเสีย
ขนาดนั้น” เพราะได้ใช้ชีวิตเรียนรู้อยู่ด้วยแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงมานานนับเดือน พอร์ชจึงได้รู้ว่าคนรักไม่ใช่
ไอ้นิ่งคนทึ่มแบบที่ตนคิดไว้ในคราแรก เพราะโซ่เป็นคนที่ชอบวางแผนการดำเนินชีวิตของตัวเองไว้ล่วงหน้า
อยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใด จะเล็กหรือจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม



            “ไปๆ ถ้าห่วงนักก็ลงไปดูหน่อย” เสี่ยใหญ่เองก็พอจะมองออกว่าโซ่เป็นเด็กมีความคิด ไม่น่า
เป็นห่วงเท่าไหร่ แต่เพื่อความสบายใจของภรรยา เขาจึงจำต้องไล่ต้อนให้ลูกและภรรยาเดินตามโซ่ลง
ไปชั้นล่าง ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงได้มีคนนอนไม่หลับเพราะมัวแต่เป็นห่วงลูกสะใภ้อย่างแน่นอน



            “โธ่…พิภพ! ป้าละห่วงแทบแย่ กลัวจะมีคนมาหลอกน้องโซ่ ที่ไหนได้ เรานั่นเอง” พอได้เห็น
แขกของลูกสะใภ้คุณนายปลื้มจิตก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดห่วง เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กที่คุณหมอพ่อ
ของโซ่ส่งเสียเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมัธยม แต่ก็ห่างหายจากสายตาไปตั้งแต่พ่อของโซ่เสียเช่นเดียวกัน



            “เป็นไงมาไงล่ะ หายหน้าหายตาไปเลยนะ” เสี่ยใหญ่เอ่ยทักบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้ภรรยา
โวยวายใส่อีกฝ่ายอยู่พักใหญ่



            “ครับ พอดีผมไปรับตำแหน่งที่อื่นมา เพิ่งจะได้ย้ายกลับบ้านเมื่อต้นปีนี้เอง” เขาบอกด้วยท่าทางอ่อนน้อม
ถ่อมตนไม่ต่างไปจากเดิม แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาอยู่ในจุดที่สูงจนมีคนเคารพนับถือมากมายแล้วก็ตาม



            “แล้วมาถึงนี่มีธุระเร่งด่วนอะไรรึเปล่าล่ะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก พ่อของพอร์ชจึงเป็น
ฝ่ายถามออกมาอีก



            “อาม่าท่านจะต้องการคุยกับคุณหนูครับ” เขาบอกพลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองที่ถืออยู่เขาบอก
พลางยื่นโทรศัพท์ โซ่เองก็รับมากดโทรออกทันที



            ‘ว่าไงอาทนาย’ เสียงรับสายด้วยสำเนียงแปร่งๆที่บ่งบอกถึงเชื้อสายดังลอดออกมาให้ได้ยินกัน
ครบทุกคนเพราะโซ่เปิดลำโพงให้พอร์ชที่นั่งอยู่ข้างกันได้ยินไปด้วย



            “ผมเอง…ม่า” โซ่กรอกเสียงกลับไปให้ฝ่ายนั้นรู้ตัวว่าตอนนี้คนที่คุยอยู่คือตนไม่ใช่เจ้าของเครื่องอย่างที่เข้าใจ



            ‘ไอ๊หยา! อาโซ่เองหรอ ลื้อทำม่าตกกะใจหมดน่า…’ หญิงชราที่อยู่ปลายสายอุทานเสียงดังด้วย
ความประหลาดใจ ต่างจากทางคนทางนี้ที่พากันกลั้นหัวเราะจนตัวงอ เพราะรู้สึกเอ็นดูความน่ารักเล็กของ
หญิงชราที่ส่งผ่านเสียงตามสายมา



            “ม่าโทรหาผมมีอะไรรึเปล่า” โซ่ไม่ได้รำคาญ แต่รู้สึกเกรงใจคุณทนาย ถ้าหากรบกวนเวลาของ
เจ้าตัวไปมากกว่านี้ เลยถามเข้าประเด็นเสียเลยจะได้จบๆไป



            ‘วันศุกร์นี้อาโซ่ขึ้นรถมาหาม่านา…มาให้เจ้าพ่อเจ้าแม่ เหล่ากงก็คิดถึง’ เพียงแค่ต้องการให้หลานชาย
กลับไปหา หญิงชราถึงกับต้องยกทุกอย่างที่อยู่รอบตัวขึ้นมาอ้าง



            “เดี๋ยวไปครับ…แค่นี้นะ” พูดจบก็รีบตัดสายทิ้งแล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของทันที ไม่รอฟังคำตอบจาก
ทางฝั่งนั้นสักนิดว่ามีธุระอะไรอีกรึเปล่า



            “ตัดสายทิ้งเฉย เสียมารยาทฉิบหาย” พอร์ชที่นั่งอยู่ข้างกันอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ เมื่อคนรักทำตัว
ไม่น่ารักกับญาติผู้ใหญ่ ทั้งที่ปกติแล้วโซ่จะเป็นคนที่วางตัวดีมากแท้ๆ



            “ไม่เสือกสิ…ขอบคุณนะครับ ส่วนเรื่องแปลนตึก ถ้าร่างเสร็จแล้ว ผมจะเอาไปให้ที่บ้านนะครับ” แยก
เขี้ยวใส่พอร์ชเสร็จ ก็หันไปพูดกับคุณทนายอีกนิดหน่อยก่อนที่จะหันหลังเดินหนีขึ้นบ้านไป นั่นเป็นอะไรที่พอร์ช
กับพ่อแม่ของพอร์ชแปลกใจเป็นอย่างมาก



            “ขอโทษแทนไอ้โซ่มันด้วยนะครับ สงสัยไข้จะขึ้น” กลับเป็นพอร์ชเสียเองที่ต้องออกหน้าขอโทษ
แทนคนรักที่ดูเหมือนจะจงใจทำตัวเสียมารยาทออกมาอย่างชัดเจน



            “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณโซ่ดี…ขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทนายหนุ่มฝืนระบาย
ยิ้มพูดบอกออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก



            “เจ้าโซ่มันเป็นอะไรของมัน” เสี่ยใหญ่เป็นคนเอ่ยออกมาคนแรก



            “นั่นสิ หรือว่าไข้จะขึ้นอย่างที่พอร์ชบอกจริงๆ” ตามมาด้วยคุณนายปลื้มจิตผู้ที่ขี้สงสัย



            “เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย” พอร์ชว่าพลางหันหลัง วิ่งขึ้นบันไดตามคนรักไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ชอบเลยจริงๆที่โซ่เป็นแบบนี้ กับคนรุ่นเดียวกันจะยังไงก็ได้ พอร์ชไม่แคร์หรอก แต่การทำตัวเสียมารยาทกับผู้ใหญ่หรือคนที่โตกว่าอย่างนี้พอร์ชรับไม่ได้จริงๆ



            ปึง!



            “มึงเป็นอะไรโซ่ ทำไมทำตัวเสียมารยาทแบบนั้นห้ะ! ไม่น่ารักเลยนะรู้ไหม!” พอร์ชกะชากแขน
โซ่ที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงนอนให้ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะพลาดไปตั้งแต่เขาคุมอารมณ์
ตัวเองไม่ได้แล้ว ถึงได้เผลอตวาดเสียงดังใส่หน้าคนรักแบบนั้น



            “กูแค่ไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากยุ่งกับเขาถ้าไม่จำเป็น” กลับเป็นโซ่เสียเองที่ตอบกลับมา
ด้วยเสียงนิ่งเรียบ แต่ใบหน้าเลอะไปด้วยหยาดน้ำตา



            “มะ..มึงเป็นอะไร…ร้องไห้ทำไม” ละล่ำละลักถามด้วยตกใจ อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่นี้หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนรัก



            “เขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงพ่อกู ได้ยินไหมพอร์ชว่าเขาไม่ใช่ลูก! แต่เขาเป็นเมียใหม่ของพ่อกู!” คำตอบ
จากความเป็นจริงที่ออกมาจากปากโซ่ไม่ได้สร้างความตกใจให้กับพอร์ชเพียงแค่คนเดียว แต่รวมไปถึงเสี่ย
ใหญ่กับคุณนายปลื้มจิตที่หวังว่าจะตามมาห้ามไม่ให้คนลูกชายอารมณ์ร้อนใส่ลูกสะใภ้จนเป็นเหตุให้ทะเลาะกันอีกด้วย



            “มึงพูดบ้าอะไรโซ่ อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้” พอร์ชภาวนาให้หูของตนเพี้ยนจนฟังผิดไป
เพราะถ้าเป็นอย่างที่โซ่บอกจริงๆ เขาละไม่รู้จะนิยามคำว่าน่าสงสารให้กับคนรักยังไงดี ถึงจะสาสมกับสิ่ง
ที่เจ้าตัวเผชิญมาตลอดเวลา กว่าที่จะเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้



            “ไม่! ถูกแล้ว…กูเข้าใจถูกแล้ว กูเห็นมากับสองตาตัวเอง ตอนที่เขาสองกำลังมีอะไรกัน เขาเป็น
เมียพ่อกูมึงเข้าใจไหมพอร์ชว่าเขาเป็นเมียพ่อกู! ไม่ใช่ลูกบุญธรรมอย่างที่ใครเข้าใจ” สะอื้นฮักแทบขาดใจ
อยู่ในอ้อมอกของคนรักอย่างพอร์ชซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ตนมีในตอนนี้



            “โซ่” พอร์ชเองก็ได้แต่กระชับอ้อมแขนที่โอบกอดคนรักไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
ออกมาจริงๆกับความรู้สึกในตอนนี้ เพียงแต่เขาอยากจะให้โซ่รับรู้ไว้แค่ที่ตรงนี้ยังมีเขา และข้างตัวโซ่ในตอนนี้
ไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว



            “โธ่…น้องโซ่ของแม่” คุณนายปลื้มจิตปาดน้ำตาของตัวเองทิ้งแล้วเดินเข้าไปกอดโซ่ ก่อนที่เสี่ยใหญ่
ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวจะเดินเข้ามากางแขนรั้งทุกคนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองเป็นชั้นสุดท้าย



            พอร์ชที่รับรู้ถึงแรงบีบเบาๆบริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้างจากฝีมือของคนเป็นพ่อที่ยืนซ้อนอยู่ทางหลัง
ของแม่หลับตาลงแน่น ภาวนาให้ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่จมอยู่ในจิตใจ คอยกัดกินให้ชีวิตของโซ่มืดมน
ได้หมดไป และก็ขอให้ความรักความหวังดีที่ตนและคนในครอบครัวมีเข้าไปรักษาเยียวยาหัวใจของโซ่ให้กลับ
มาเข้มแข็ง เป็นสีแดงสดใสดั่งทารกแรกเริ่มที่ไม่เคยพบพานในความทุกข์ระทมเหมือนที่ผ่านมา







TBC.
ช่วงน้องโซ่ไม่สบายอารมณ์ของนางก็จะสวิงนิดนึง ตามประสาคนไม่สบายตัว เช่นเดียวกับจิตใจที่ไม่ได้
แข็งแรงอย่างที่แสดงออกมาตั้งแต่แรก...อย่าได้ถือสา

ส่วนรายละเอียดเรื่องที่โซ่หลุดพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อและคุณทนายนั้น เดี๋ยวเราได้รู้กันแน่

#โปรดติดตามกันต่อไป #ด้วยรัก

Ps. นักอ่านท่านใดมีธุระหรืออยากพูดคุยกับคนเขียนแบบส่วนตัวสามามารถติดต่อคนเขียนได้ที่ Facebook - เขียน'สือ
ได้ตลอดเวลาเลยนะคะ เพราะกว่าที่คนเขียนจะเห็นข้อความที่หลายคนทิ้งไว้ให้ในเล้าก็ผ่านไปหลายวันแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น้องโซ่ หนูแกร่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องครอบครัว  :กอด1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ฮืออออ น้องโซ่

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นับถือโซ่ที่เก็บความรู้เก่งมาก สงสารน้อง

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
โอ้ยยยยยยยย
สงสารน้องโซ่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :oo1:วะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สงสารน้องโซ่ เข้มแข็งเร็วๆนะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เรื่องอย่างนี้มันก็พูดยาก
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอค่ะ หนุกมากกกกกกก ชอบบบบบบบบบบบ :katai5:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{22}









            “จะไปไหน?” พอร์ชเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาเห็นว่าคนรักกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก
 เพราะลืมไปแล้วกว่าก่อนหน้านี้ได้นัดแนะอะไรกับใครไว้บ้าง หลังจากที่ต้องวุ่นวายกับการสอบเก็บคะแนน
และจัดเตรียมกีฬาสีมาทั้งอาทิตย์



            “ชุมแสง” เดินไปหยิบขวดน้ำหอมที่ลืมไว้ เอามาใส่กระเป๋า พูดตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้แหงนหน้า
มองคนรักแม้แต่น้อย



            “แล้วกูล่ะ?” พอได้คำเฉลยจากปากคนรัก พอร์ชก็ตามต่ออย่างนึกขึ้นได้ เพราะที่อยู่ตรงหน้าของ
โซ่นั้นก็มีแต่เสื้อผ้าของเจ้าตัวเอง ไม่เห็นมีอะไรที่เป็นของเขาเลย ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วแท้ๆว่าจะไปด้วยกัน



            “จะรออยู่นี่ก็ได้นะ” โซ่พลิกกลับด้านกระเป๋า ยกตรงฝั่งที่เก็บเสร็จแล้วแต่พอร์ชไม่ทันได้มอง
รูดซิปเปิด ทำท่าว่าจะเอาเสื้อผ้าของพอร์ชที่ถูกจัดเก็บไว้อย่างดีออกมา



            “โอ๊ะๆ อย่าเพิ่งใจร้อนจ้ะที่รัก เอามันไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว ขอพี่พอร์ชไปด้วยคนเถอะ” พอร์ชรีบ
กดมือเรียวของโซ่ไว้เป็นเชิงห้าม ก่อนที่เจ้าตัวจะขนเสื้อผ้าของเขาออกจากกระเป๋าเดินทางแล้วให้เขานอน
รออยู่บ้านจริงๆตามที่ปากพูด เพราะหลังที่เจ้าตัวหายไข้ เขาก็ไม่ได้เจอกับน้องโซ่ผู้น่ารักบ๊องแบ๊วคนนั้นอีกเลย
เพราะไอ้นิ่งปากหนักคนเดิมมันกลับมาแล้วจ้า ~



            “จะไปก็ไปอาบน้ำสักที เดี๋ยวไม่ทันรถ” พูดไล่ให้คนรักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนตัวเองก็ลงมือ
จัดกระเป๋าต่อให้เสร็จ



            ฟอด…



            “จ้า~” ก็นะ…จะไปเฉยๆก็กระไรอยู่ ขอแวะหอมแก้มน้องสักหนึ่งที ก่อนจะโดนโจมตีด้วยหลังมือที่ว่องไว



            “เรื่องกวนตีนนี่ไม่ต้องบอก” โซ่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา กับความหน้ามึนของคนรักที่นับวับจะ
มีแต่เพิ่มมากขึ้นไม่มีลดลงแม้แต่น้อย



            “แม่จะไปไหนเนี่ย?” พอร์ชร้องถามเสียงหลง เมื่อลงมาเจอกับคุณนายปลื้มจิตที่นั่งหน้างออยู่กับ
กระเป๋าเดินทางใบโปรดของเธอ ตรงโซนนั่งเล่นติดกับทางขึ้นลงบันได



            “น้องโซ่จ๋าขอแม่ไปด้วยสิ แม่อยากไปเที่ยว” ลุกขึ้นมาจับมือ ขอร้องลูกสะใภ้ด้วยเสียงออดอ้อน



            “ป๋า! ป๋าอยู่ไหนมาเก็บแม่ไปหน่อย” ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดอะไร พอร์ชก็ตะโกนร้องเรียกคนเป็น
พ่อเสียงดังลั่นบ้าน ก่อนที่เสี่ยใหญ่จะเดินส่ายหน้าเข้ามาอย่างเหนื่อยใจ เพราะเขาเองก็นั่งสังเกตการณ์อยู่
ไม่ไกลจากนี้นัก หลังจากที่ถอยไปตั้งหลัก เพราะโดนภรรยาสุดที่รักเหวี่ยงใส่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ด้วยเหตุ
ที่ตนไม่ยอมให้เจ้าตัวตามลูกๆไป



            “ปล่อยลูกไปเถอะคุณ…ปล่อยให้ลูกๆไปสู้ด้วยตัวเองก่อนนะ เดี๋ยววันกลับค่อยไปรับ” เสี่ยใหญ่เดิน
เข้ามากอดคอภรรยา กระซิบประโยคสุดท้ายเบาๆที่ข้างหูของคุณนายปลื้มจิตสุดที่รักให้ได้ยินกันแค่สองคน
เพราะอยากให้ลูกชายอย่างพอร์ชไปทำความรู้จักกับญาติทางฝั่งพ่อของโซ่ด้วยตัวเองเสียก่อน ว่าจะทำได้ดี
สักแค่ไหน เพราะเท่าที่ทราบมาคือทางนั้นเป็นครอบครัวคนจีนของแท้ไม่มีเจือปนเชื้อชาติอื่น คงเหลือไม่กี่คน
จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดในครอบครัวที่จะต้อนรับหลานเขยอย่างพอร์ชแทนที่จะได้หลานสะใภ้เป็นผู้หญิงอย่าง
ที่ควรจะเป็น และคงจะดีไม่น้อย ถ้าพอร์ชสามารถทำให้คนในครอบครัวของโซ่เปิดใจยอมรับความรักที่ผิดแผกใน
สายตาของใครหลายคนได้ด้วยความพยายามของตนเอง



            “ถ้าอย่างนั้นแม่จะไปส่งที่สถานีรถไฟ แล้วเดี๋ยววันอาทิตย์แม่จะไปรับกลับ” พอได้ฟังเหตุผลของสามี
คุณนายปลื้มจิตก็ยอมปล่อยให้ลูกไปกันเอง แต่ก็ยังขอตามไปส่งถึงสถานีรถไฟ แถมยังวางแผนกำหนดการในวัน
ไปรับลูกเสร็จสรรพ แบบไม่เหลือช่องว่างให้ใครค้านได้อีก เพราะยังไงเธอก็ยืนยันที่จะไปเจอกับญาติทางฝ่ายพ่อ
ของโซ่ให้ได้ เพราะพอร์ชยังเด็กเกินกว่าที่จะทำให้ผู้ใหญ่เชื่อได้อย่างสนิทใจว่าการคบหาครั้งนี้จะยืนยาว ส่วนตัว
เธอนั้นเชื่อเกินร้อยว่าเด็กสองคนนี้จะไม่มีทางปล่อยมือกันกลางทางอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้พอร์ชคือทุกอย่าง
ในชีวิตโซ่ ส่วนโซ่เองก็คุมพอร์ชได้อยู่หมัดเปลี่ยนจากไอ้หนุ่มนักรักที่ล่าพรหมจรรย์สาวไปเรื่อยให้กลายมาเป็น
พ่อบ้านติดเมียตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ได้ ก็คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่าอนาคตข้างหน้าของพอร์ชจะเป็นยังไงต่อไป
ในเมื่อคนกุมบังเหียนอย่างโซ่ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือที่จะยอมลงให้พอร์ชง่ายๆ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป



            กว่าจะผ่านด่านความเป็นห่วงของคุณนายปลื้มจิตมาได้ ทำเอาพอร์ชกับโซ่แทบจะตกรถ ยังดีที่มีเสี่ยใหญ่
คอยช่วยรั้งตัวภรรยาสุดที่รักไว้ให้ลูกๆได้ปลีกตัวหนีมาขึ้นรถได้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย
ของการเรียนและการทำงาน จึงทำให้ที่นั่งบนรถไฟเต็มไปด้วยนักเรียนนักศึกษาและคนทำงานที่ขึ้นเต็มมาตั้งแต่
สถานีต้นทางอย่างจังหวัดพิษณุโลก ทั้งพอร์ชและโซ่จึงต้องยืนเกาะเสาเหล็กอยู่ตรงทางขึ้นลงประตู



            “เฮ้อ…แน่นฉิบหาย” พอร์ชพูดบ่นออกมาเบาๆ



            “ทนหน่อย…เดี๋ยวถึงตะพานหินคนก็ลงหมดแล้ว” โซ่บอกพลางขยับตัวหนีคนข้างหน้าที่ถอยมายืนเบียดกับตน
จนพอร์ชต้องยกแขนขึ้นมาคล้องเอวคนรักเอาไว้



            “ขอโทษครับ” คนข้างหน้าเอี้ยวตัวมาขอโทษ เมื่อรู้สึกถึงแรงดันจากฝ่ามือใหญ่ของพอร์ชที่ไม่ยอมให้ตน
ถอยหลังไปมากกว่านี้อีกแล้ว หนำซ้ำหน้าตาบึ้งตึงของพอร์ชก็แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด



            “ถ้ามันถอยมาอีกกูจะกระชากให้หัวหลุดเลยแม่ง” พอร์ชสบถเบาๆ ที่ข้างหูโซ่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปความ
ไม่ชอบใจ เพราะดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจถอยหลังมายืนเบียดโซ่โดยเฉพาะ



            “มันไม่กล้าหรอก หน้ามึงแน่นไปด้วยประสบการณ์ขนาดนี้” โซ่พูดเหน็บออกมาเบาๆ เขาไม่ได้สนใจ
ด้วยซ้ำว่าผู้ชายในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเมื่อครู่จงใจที่จะถอยหลังมาชนตนเองหรือไม่ เพราะตอนนั้นเขามัว
แต่เป็นห่วง กลัวว่าคุณชายอย่างพอร์ชจะทนยืนเบียดเสียดกับคนมากหน้าหลายตาบนรถไฟไม่ได้



            “สาบานสิว่ามึงกำลังชมกูอยู่?” ก้มหน้าถามเสียงเข้มเหมือนจะหาเรื่อง แต่เปล่าเลย เพราะมุมปากของ
พอร์ชยังมีรอยยิ้มประดับอยู่ให้เห็น



            “ก็ด่าอยู่เห็นๆ ไม่น่าโง่” โซ่แสร้งทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ก่อนที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แม้ว่าท่อนแขนของพอร์ช
ที่คล้องเอวตนเองอยู่จะรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมก็ตาม



            “คนที่บ้านโน้นเขาดีกับมึงใช่ไหมโซ่” พอผ่านพ้นสถานีตะพานหินซึ่งเป็นจุดที่ปล่อยคนลงรถไปเกือบหมด
คันขบวนรถแล้ว พอร์ชก็เอ่ยถามถึงปฏิกิริยาที่ญาติทางฝั่งพ่อของโซ่มีต่อเจ้าตัวทันที จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่แรก
 ถ้าหากจะต้องไปเจอศึกหนักปวดประสาทเหมือนอย่างที่เคยเจอน้องสาวต่างพ่อของโซ่ในวันนั้น



            “ดี…บางคนก็ดีมากเกินไป…ดีจนกูขนลุก” โซ่พยักหน้าบอกเสียงนิ่งเหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับคนฟังอย่าง
พอร์ชแล้วบอกเลยว่ามีเต็มๆ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน…ถ้าดีจริง โซ่จะขนลุกทำไม…จริงไหม?



            “ไปทางไหนต่อเนี่ย?” พอร์ชเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาทั้งสองคนมาถึงสถานีซึ่งคือจุดหมายปลายทาง
ในครั้งนี้



            “ลงสถานีไปก็ถึงแล้ว” ไม่ใช่แค่พูด แต่โซ่ยังเดินนำพอร์ชที่เป็นคนหิ้วกระเป๋าเดินทางใบกลางของเจ้าตัวลง
ทางฝั่งหลังสถานีรถไฟ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่ตั้งของตลาดสดประจำอำเภอ เดินลัดเลาะบริเวณส่วนท้ายของศาลเจ้าชั่วคราว
ไปทางฝั่งซ้ายอีกไม่กี่ก้าว พวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าร้านขายข้าวสาร



            โซ่พาพอร์ชข้ามถนนสองเลนที่ถูกร้านค้าในงานกินพื้นที่เกือบครึ่งไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีหญิงชราร่างท่วมนั่ง
สะบัดพัดขนห่านมองคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าร้าน เหมือนกับกำลังรอใครสักคนอยู่



            “ม่า!” โซ่ร้องเรียกเสียงดัง ก่อนที่จะโผเข้าไปเข้ากอดหญิงชราคนนั้นไว้แน่น



            “ไอ๊หย๋า! อาโซ่! ลื้อหายไปนานเลย ปล่อยให้ม่าคิดถึงอยู่ได้” หญิงชราจับหน้าหลานชายมองซ้ายแลขวา
สำรวจดูให้แน่ใจว่าใช่หลานชายที่ตนรอคอนอยู่จริงๆ



            “คิดถึงม่าเหมือนกันครับ…พอร์ช” โซ่ดันตัวออกจากอ้อมกอดของอาม่า แล้วเรียกให้คนรักอย่างพอร์ชที่ยืน
ทำหน้างงอยู่ทางด้านหลังก้าวขึ้นมายืนข้างกัน



            “สวัสดีครับ” พอร์ชยกมือขึ้นไหว้ทักทายอาม่าหรือคุณย่าของคนรักอย่างนอบน้อม ผิดกลับท่าทางกระโชก
โฮกฮากในเวลาปกติของตน



            “อ่า…อาโซ่พาเพื่อนมาด้วยหรอ ดีๆ มาเที่ยวหลายคนสนุกดี” เธอต้อนรับเพื่อนหลานชาย(ในความคิดของเธอ)
ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ก่อนที่จะนิ่งไปเมื่อโซ่พูดต่อออกมาว่า…



            “พอร์ชเป็นแฟนโซ่ฮะม่า…ไม่ใช่เพื่อน” เพราะหลานชายพูดบอกด้วยเสียงมั่นคงและชัดเจนเกินกว่าที่จะ
เป็นเรื่องล้อเล่นได้ เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความสงบ หญิงชราทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างหมดแรง เพราะตั้งตัว
ไม่ทัน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเรื่องผิดแผกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในครอบครัวของตนเองเช่นนี้



            “อาม่า! / อาม่าครับ!” โซ่กับพอร์ชช่วยกันพยุงหญิงชราไว้ทั้งสองข้าง เพราะเกรงว่าเธอจะล้มหงายเจ็บตัวไป



            “ไม่เป็นไรๆ ม่าไม่เป็นไรจริงๆอาโซ่ ส่วนลื้อชื่อ…อาพอร์ชใช่ไหม? ตามอาม่าเข้าไปข้างในหน่อยสิ” หญิงชรา
เธอพูดบอกเพียงแค่นั้น ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องกระจกสีทึบที่คนข้างนอกไม่สามารถมองทะลุเข้าไปอย่างที่คน
ข้างในมองออกมาได้



            “เชื่อใจกันหน่อย” พอร์ชพูดบอกด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทางกังวลอย่างที่โซ่กำลังหนักใจ ปลดฝ่ามือเรียว
ของคนรักที่ดึงรั้งแขนของตนเองออกเบาๆ ก่อนที่จะก้าวเดินตามอาม่าของโซ่ไป ระว่างนั้นเอง โซ่ก็เริ่มที่จะนั่ง
ไม่ติดที่เมื่อเห็นพวกคุณลุงคุณป้าพากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปในห้องนั้น เว้นแต่โซ่คนเดียวที่โดนสั่งห้าม
ไม่ให้เข้าไปข้างใน



            หายเข้าไปในห้องเชือดเกือบชั่วโมงพอร์ชก็เดินยิ้มหน้าระรื่นออกมาด้วยท่าทางสบายใจ ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน
อย่างที่โซ่เป็นกังวล หนำซ้ำอาม่าที่เดินหน้าบึ้งตึงเข้าไปในตอนแรกก็หัวเราะคิกคักตีคู่กันมา ทำเหมือนกับว่า
รู้จักกันมานานนับปี



            “ป่ะ! อาโซ่กลับบ้าน ป่านนี้ก๋งลื้อชะเง้อคอรอแย่แล้ว” อาม่าม่าใช้มือที่ว่างมาเกาะแขนหลานชายสุดที่รัก
อีกข้าง ในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ยังคล้องอยู่ที่แขนพอร์ชไม่ปล่อย



            พอมาถึงบ้าน โซ่ก็รีบตรงเข้าไปหาคนที่ตนรักมากที่สุดอีกหนึ่งคน ที่ตอนนี้เขาคนนั้นไม่สามารถไปเดิน
เหินไปไหนได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว



            “สวัสดีครับโกว…โซ่มาแล้วนะก๋ง” โซ่ทักทายกับอาหญิงของตัวเอง ก่อนที่จะก้มลงกราบปลายเท้าคุณปู่
หรือที่ทุกคนในบ้านพาเรียกขานกันว่า ‘ก๋ง’ บุคคลที่ทนกัดฟันต่อสู้กับความยากลำบากมาหลายสิบปี เพียงเพราะ
ต้องการให้ครอบครัวอยู่สุขสบาย



            “พออาม่าบอกว่าวันนี้น้องโซ่จะมา ก๋งก็กินข้าวได้เยอะเลย” อาหญิงผู้ที่รับหน้าที่ควบคุมดูแลพยาบาล
พิเศษของก๋งทำเป็นกระซิบบอก หลอกแหย่คนแก่ไปเรื่อย



            “เดี๋ยวโซ่ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะฮะ แล้วจะลงมาใหญ่” เพราะพึ่งลงจากรถไฟ ซึ่งเป็นแหล่ง
รวมเชื้อโรคชั้นดี โซ่จึงไม่อยากจะเอาตัวเปื้อนฝุ่นของตัวเองมาแพร่เชื้อในห้องของคนป่วยติดเตียงอย่างก๋งมากนัก
เพราะมันเสี่ยงเกินไป



            “บ้านมึงคนเยอะดีจัง” พอร์ชพูดบอกในขณะที่กำลังแต่งตัวเตรียมเข้านอน หลังจากที่โซ่กลับมาจากการหนี
ไปคุยกับก๋งเป็นรอบที่สองแล้ว



            “ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ พรุ่งนี้แหละของจริง” ทิ้งตัวนอนแผ่กลางเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่เหนื่อยกาย
แต่เหนื่อยใจ เพราะห้องนี้คือห้องนอนเก่าของพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาที่ไม่ว่าจะมาสักกี่ที อาม่าก็จะจัดให้เขานอน
ที่นี่เสียทุกครั้ง



            “แลดูวุ่นวาย เพราะอย่างนี้หรือเปล่ามึงถึงไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่มีแต่คนรักมึง” พอร์ชสะบัดผมเปียก
ของตัวเองต่ออีกสองสามที ก่อนที่จะทิ้งตัวหัวนอนหนุนพุงโซ่



            “ไปเป่าผมให้แห้งเลยมึง เดี๋ยวเป็นรังแค” โซ่ใช้มือจิกผมคนรักไว้แน่น กันไม่ให้เจ้าตัวทำเสื้อนอน
ของเขาเปียกไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะลุกตามขึ้นมาอีกคน



            “พัดลมก็ไม่มีไดร์เป่าผมก็ไม่มีจะให้กูใช้อะไรเป่าล่ะครับพ่อ” พอร์ชทำตีมึน พยายามเอนหลังใช้ตัวกดให้
โซ่นอนลงไปเหมือนเดิมให้ได้ แต่ติดตรงว่าโซ่ใช้มือที่สามและสี่ก็คือฝ่าเท้าทั้งสองข้างช่วยยันไว้นั่นเอง



            “กูเอามาไหม? แหกตาดูบ้างเหอะ ถ้าเป็นงูคงโดนฉกตาย” ใช้เท้ากระแทกเข้าไปตรงกลางหลังหนึ่งทีเต็มๆ
ข้อหาหมั่นไส้ ลำพังตัวเขาคนเดียวล่ะไม่จำเป็นต้องพกไดร์เป่าผมติดตัวไปไหนมาไหนอย่างนี้หรอก แต่คนผมหนาและ
ขี้ร้อนจนต้องสระผมทุกวันอย่างพอร์ชนี่สิคือปัญหา เพราะถ้าเจ้าตัวสระผมแล้วไม่ยอมเป่าให้แห้งรังแคได้มาเยือนแน่ๆ



            “ไม่ตายหรอก” พอร์ชส่ายหน้าปฏิเสธ



            “อะไรของมึง?” โซ่ถามเพราะมัวแต่ทะเลาะกับพอร์ชจนลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่นี้ตนเองได้พูดอะไรออกไปบ้าง



            “อนาคอนดาของกูฉกไม่ถึงตาย แต่พาขึ้นสวรรค์ได้ทั้งคืน” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่เจ้าตัวยังถกกางเกงลง
อวดเรือรบซุปเปอร์พอร์ชของตนเองที่กำลังนอนตัวลีบเพราะยังไม่พร้อมรบโชว์ให้โซ่ดูเป็นขวัญตา



            ปึก!



            “โอ้ย!”



            “เสื่อมฉิบหาย!” จากที่ตั้งใจช่วยเป่าผมให้ เพราะอยากจะนอนเต็มทน โซ่ก็เปลี่ยนใจ ขว้างไดร์เป่าผมไป
โดนตรงกลางลำตัวเจ้าพอร์ชน้อยอย่างจัง เมื่อเจ้าของมันทำทะลึ่งทะเล้นไม่เลือกเวลาและสถานที่แบบนี้



            “ใจร้ายตลอด ถ้ามันน้อยใจจนไม่อยากลุกขึ้นมาผงาด ก็อย่ามาเสียดายแล้วกัน” พอร์ชบ่นงึมงำเบาๆในขณะ
ที่นั่งเป่าผมให้ตัวเองไปด้วย



            “ไม่เสียดายหรอก เพราะของกูยังอยู่ดี ถึงเวลานั้น…มึงแค่นอนอยู่เฉยๆก็พอ” คำตอบจากปากโซ่ที่ดังลอด
ออกมาให้ได้ยิน ทำเอาพอร์ชเสียวสันหลังวาบ รีบถอดปลั๊กโยนไดร์เป่าผมเก็บใส่กระเป๋า กดปิดไฟในห้อง กระโดด
ขึ้นเตียง แล้วนอนกอดโซ่ไว้แน่น ก่อนที่จะพากันหลับลึกลงไปทั้งท่าทางแบบนั้น







TBC.
เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักของพอร์ชโซ่ ภาคแรกนี้จึงเน้นไปที่เรื่องของครอบครัวเสียเป็นส่วนใหญ่ ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ คนเขียนรับรองเลยว่า คุณจะหลงคู่รักฮาร์ดคอร์​ของเราไปจนหมดหัวใจ  #ด้วยรัก

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทะลึ่งใส่ไม่ได้เลยนะ โซ่พร้อมเสียบแทน ฮา

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คู่นี้ฮาร์ดคอร์จริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด