Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Guy m y B o s s ✦ เจ้านาย ร้ายรัก ✦ CH27 [16|01|62] P13  (อ่าน 75197 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เอิ่มม อีกคู่นี่เขามีปัญหาเรื่องการแสดงความรักกันชิมิ
คือน่าจะเคลียร์กันนะ จะได้ไม่ลามมาหาเอรีสแบบนี้

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เรื่องมันเกิดเพราะแกคนเดียว นังเฟยหลง  :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
อีกคู่กำลังหวาน อีกคู่กำลังดราม่า

ออฟไลน์ tkung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่มาต่อแล้วเหรอ  :monkeysad:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หายไปนานจังเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 25

   {  ปั ถ ย์ }

   แม้จะผ่านไปนับชั่วโมง ความรู้สึกจากการสัมผัสอบอุ่น ชิดเชื้อ ยังคงอบอวลอยู่ในบรรยากาศ
    ผมอยากรักษาความสุขนั้นไว้ให้เนิ่นนานเท่าที่จะทำได้ แต่มันจะนานแค่ไหน ก็สุดปัญญาที่ผมจะหาคำตอบ
   การบังเอิญได้ยินเอรีสคุยโทรศัพท์กับอดีตคนรักเก่า ทำให้ผมเหมือนถูกก้อนหินก้อนมหึมาทับลงมาใจกลางหัวใจ
   ทั้งที่โดยนิสัยผมไม่ใช่คนประเภทขี้หึงขี้ระแวง แต่ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกหวงเขาจนแทบบ้า ถึงขั้นอยากเดินไปกระชากโทรศัพท์จากมือเขา ปาทิ้งลงพื้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
   ความรักกำลังทำให้ผมเป็นคนไร้สติใช่ไหม...
   ความรักกำลังทำให้ผมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่ประมาณขีดความสามารถของตังเอง
   ผมนั่งมองฝ่ามือตัวเอง หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้รู้สึกใจเย็นลง คิดไปคิดมาก็อยากรู้ว่าในใจเอรีสตอนนี้ รัน... ยังเป็นที่หนึ่งอยู่หรือเปล่า หัวใจทั้งสี่ห้องของเขาจะพอมีซอกเล็กๆ ให้ผมขยับเข้าไปได้หรือไม่ หรือผมจะเป็นได้แค่แขกแปลกหน้า มีสิทธิ์แค่ขอบประตู ที่ไม่มีทางย่างกลายเข้าไป
    ทำได้แต่ถอนใจ ประเมินสถานะที่มีตอนนี้ของตัวเอง  ว่ามีค่าสูงพอที่จะแสดงความหึงหวงออกมาหรือเปล่า
   ผมนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดสลัวอยู่ครู่ใหญ่ จนประตูห้องถูกเปิด และเอรีสก็เดินเข้ามา
   เขาดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมยังตื่น  ผมจ้องไปที่ดวงตาสีอ่อนคู่นั้นผ่านความมืด อยากรู้สิ่งซุกซ่อนอยู่ในใจของผู้ชายคนนี้ ความสงสัยกัดกินผมจนแทบสติเสีย
   “ฉันทำนายตื่นเหรอ”
   เอรีสที่สวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์เดินผมยุ่งแต่ก็ยังหล่อยั่วใจ ลอนหน้าท้องหกแพคขยับน้อยๆ ยามก้มลงเก็บหมอนที่ตกเกลื่อนอยู่บนพื้น แล้วเดินส่งยิ้มเล็กน้อยขณะกลับมาที่เตียง
   “ไปไหนมาครับ”
   ผมถามไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบอันแท้จริงอยู่แล้ว
   “หิวน้ำน่ะ” เอรีสหลบตาตอนที่ตอบคำถาม ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน
   เขากำลังโกหก... คำโกหกง่ายๆ แต่ก็สามารถสร้างรอยแตกขนาดใหญ่ให้กับหัวใจเล็กๆ ของผม การต้องสานความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เต็มไปด้วยภาพจำจากคนในอดีต มันช่างเจ็บปวดอย่างคาดไม่ถึง ต่อให้ผมจะแข็งแกร่งและมั่นคงในความรู้สึกเพียงใด แต่การต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ก็ทำให้ผมถึงกับใจบาง
   ในชีวิตผม ไม่เคยร้องไห้ให้กับความรัก
   ถ้าจะมีครั้งแรก มันก็อาจจะเป็นครั้งนี้ ถึงน้ำตาของผมจะไม่ได้ไหลผ่านสองตา แต่ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่า หัวใจดวงเล็กๆ นี้กำลังร่ำไห้

   ผมตื่นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกของคนที่กำเดินเข้าสู่หายนะทางอารมณ์ ใจก็ขุ่นมัว แม้แต่เสียงนาฬิกาก็ยังทำให้ผมรำคาญจนแทบอยากปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง ใช้เวลาครู่หนึ่งจึงตั้งสติได้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเสียง
   เมื่อหันไปข้างตัว ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นแนบชิดที่โอบกอดไว้ตลอดคืน ไม่มีถ้อยคำอรุณสวัสดิ์ยามเช้า นั่นยิ่งทำให้ผมจิตใจวูบโหวงห่อเหี่ยว
   เมื่อคืนผมนอนหันหลังเอรีส เพราะมัวจมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง แต่เขากลับขยับเข้าหาโอบผมไว้จากด้านหลัง เนื้อแนบเนื้อ ลมหายใจเป่ารดลมหายใจ แต่ความใกล้ชิดนั้นกลับทำให้หลับไม่ลง สมองพาลแต่จะคิดเตลิดไปในทางร้ายกาจ จนกระทั่งเกือบรุ่งสางถึงเคลิ้มหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
   ผมสลัดอาการสลึมสะลือออกไป ลุกขึ้นนั่งห้อยขากับเตียงอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะกดเช็คข้อมูลแจ้งเตือนแต่แอพลิเคชันต่างๆ อีกเล็กน้อย
   เมื่อเดินไปที่ยังห้องน้ำ ด้านในว่างเปล่า ผมเลยเดินเข้าไปจัดการกับกิจวัตรประจำวันของตัวเอง ผ่านไปราวสิบห้านาทีจึงออกมายังด้านนอก
   ในตอนนี้เอรีสที่แต่งตัวเรียบร้อย ผมของเขาเรียบแปร่ จะเหลือก็แค่ยังไม่ได้ผูกเนคไท ซึ่งเขาก็วางพาดไว้กับเก้าอี้ใกล้ๆตัว เท้าผมชะงักเมื่อตอนที่เขาหันมายิ้มให้ ชูกาแฟแก้วนั้นให้ดู
   “กาแฟของนาย”
   เอรีสเดินมาหา ยื่นแก้วกาแฟหอมกรุ่น ส่งรอยยิ้มอันเป็นแบบฉบับเฉพาะตัว ที่มองยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ
   ผมรับกาแฟแก้วมาโดยไม่อิดออด พึมพำขอบคุณเบาๆ แต่ความรู้สึกก็ยังเฉื่อยชาซึมเซา
   “นอนไม่หลับเหรอ ตานายคล้ำๆ อยากหยุดพักอีกวันไหม”
   เอรีสเดินมาจับหน้าผม ใช้นิ้วก้อยเกลี่ยใต้ตาอย่างอ่อนโยน ก่อนไล่ปลายนิวมาลูบสันจมูกผมอย่างเพลินมือ ใบหน้าหล่อบาดใจก้มลงมาและแตะริมฝีปากที่แก้มผมทีหนึ่ง ถ้าเป็นในเวลาปกติผมคงแก้เขินด้วยการหัวเราะ แต่ตอนนี้สมองของผมมีแต่การตั้งคำถาม
   นี่ใช่การกลบเกลื่อนตอนที่เขาทำอะไรผิดไว้หรือเปล่า?
   “ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี”
   “ดื่มกาแฟก่อน แล้วบอกทีนะ ว่ารสชาติผ่านไหม ตั้งใจชงให้นายชิมเลยนะเนี่ย พอนายบอกให้หัดชงเองฉันเลยลองดู จะได้ไว้ชงให้นายด้วยไง”
   ผมจิบตามคำขอ แต่ลิ้นกลับฝือเฝื่อนไม่รับรู้รสชาติ ต่อให้กาแฟแก้วนี้ขมเหมือนบรเพ็ช ปลายลิ้นก็ไม่รับรสไปแล้ว
   “รสชาติดีครับ”
   ตอบไปแกนๆ เบี่ยงตัวออกห่างเพราะความใกล้ชิดนี้ยิ่งทำให้ผมอยากร้องถามสิ่งที่ค้างคาในใจ
   “เป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อคืน ฉันรังแกนายหนักไปเหรอ?”
   “...”
   “ก็นายน่ารัก ฉันเลยอดใจไม่ไหว”
   “...”
   ผมไม่โต้ตอบ จนเอรีสรับรู้ได้ว่าผมไม่อยู่ในอารมณ์จะเล่นด้วย เขาเลยยักไหล่น้อยๆ แล้วทำหน้าขออภัย
   “วันนี้ฉันขับรถให้นะ นายดูเหนื่อยไม่ต้องขับหรอก จะงีบหลับก็ได้ พอถึงแล้วจะปลุก”
   เอรีสเอาใจ สีหน้าที่แสดงออกถึงความตั้งใจทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ
   “ก็ได้ครับ”
   ผมพยักหน้า ไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากเรื่องมากความ ก่อนจะกระดกกาแฟรวดเดียวหมดแก้ว แล้วเดินไปที่ซิงค์เพื่อล้างแก้วกาแฟของตัวเอง ระหว่างนั้นผมมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปยังด้านนอก รถราเริ่มจอแจแล้ว แต่ถ้าโชคดีวันนี้อาจจะรถไม่ติดก็ได้...
   “ผูกให้หน่อย”
   เอรีสยื่นเนคไทผ้าไหมสีน้ำเงินมาให้
   ผมลังเล ด้วยเพิ่งล้างแก้วเสร็จ มือทั้งสองข้างก็ยังเปียกซกอยู่ สายตาพลันเห็นผ้าเช็ดมือใกล้พับไว้อยู่ เลยจงใจเช็ดมือช้าๆ รอดูท่าทีว่าเอรีสจะยังรออยู่หรือเปล่า
   ซึ่งเอรีสก็แสดงสีหน้ารอคอยอย่างมีความหวัง เมื่อทนการรบเร้าจากสายตาคมไม่ไหว ผมจำใจรับมาตวัดรอบคอ เขาก้มลงเล็กน้อยเพื่อให้ผมทำงานได้สะดวก คางของเอรีสอยู่ในระดับสายตาของผม ซึ่งผมก็ตัดใจไม่เงยขึ้นไปมองเพราะไม่อยากจะให้ตัวเองใจสั่น... ต่อให้ใกล้ชิดกันมาหลายครั้งเพียงใด ผมก็ยังหวั่นไหวกับอะไรพวกนี้อยู่ดี
   มันอยากที่จะรักเอรีสโดยไม่เจ็บ แต่คนส่วนใหญ่มักชอบทำในสิ่งที่รู้ว่าอันตราย ต่อให้รู้ว่าเล่นกับไฟก็พร้อมกระโจนลงไป ไม่คำนึงถึงผลลัพท์ที่จะเกิด
   “เสร็จแล้วครับ”
   เอรีสจับมือผมที่ขยับเนคไทให้ค้างไว้ ก่อนจูบกลางหลังมือเบาๆ ริมฝีปากอุ่นทำให้ผมขนลุกซู่
   ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ เอรีสกลายเป็นคนขี้อ้อนที่อันตรายต่อหัวใจสุดๆ จากคนที่ดูเฉยชาไม่แสดงออกปากร้าย พอได้เข้าโหมดหว่านเสน่ห์ ก็เรียกอาการเขินจากผมได้ตลอด
   ผมชะงัก จะพูดก็พูดไม่ออก ต้องแก้เก้อด้วยการใช้มือข้างที่เหลือขยับปกคอเสื้อของเขาอีกครั้ง และถอนใจ
   “เรารีบออกเถอะครับ เดี๋ยวรถติด”
   เอรีสก้มลงอีกนิด กดริมฝีปากอุ่นหนาประทับบนปากเย็นชืดของผมช้าๆ หัวใจผมเต้นเร็ว ลมหายใจติดขัดจากความคาดหวังรอคอย ถ้าได้รอยจูบปลอบประโลมอาการของผมคงดีขึ้น...
   ถ้าเอรีสแสดงออกซ้ำๆ ว่าเขายังต้องการผม ผมอาจมีความมั่นใจ
   จูบของเอรีสอบอุ่น เรียกร้อง ลิ้นเกี้ยวกระหวัดกระตุ้นการสนองตอบ ผ่านไปครู่ใหญ่ที่ผมเป็นฝ่ายผลักเอรีสออก หากไม่รีบหยุดเราทั้งคู่คงได้ไปทำงานสายกันแน่ๆ เอรีสผละออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเสียดาย เราต่างจ้องตากัน และเอรีสใช้ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากล่าง และมุมปากของผม เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาเปล่งประกายวาววับ
   “...”
   “งั้น...ไปกันเลยนะ ก่อนที่เราจะต้องลางานกันทั้งคู่”

   เอรีสเป็นคนอาสาขับรถโดยผมไม่มีทางปฏิเสธความต้องการอะไรของเขาได้
   ระหว่างทางเขาคอยกุมมือผมไว้ ยิ่งเวลารถติดเอรีสหันมาจ้องมองผมตรงๆ ก่อนจะสรรหาเรื่องร้อยแปดมาชวนพูดชวนคุยสารพัด ราวกับว่าเราไม่ได้คุยกันมาทั้งปี
   อารมณ์ของผมดีขึ้นตามลำดับ ผมเช็คอีเมล์ ดูตารางการทำงานของเอรีสของสัปดาห์หน้าด้วยความเคยชิน ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่ได้จัดการธุระต่างๆ จะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ผมจัดการให้หมด ผมบอกตารางนัดหมายตลอดช่วงเช้าให้เอรีสฟังอย่างคร่าวๆ แล้วคุยเรื่องหน้างานอีกหลายเรื่องที่ผมคิดแผนงานไว้
   เอรีสงึมงำรับคำ แล้วจุ๊บลงเบาๆ ที่สันกรามผมทีหนึ่ง เขาก็เหมือนเดิม อะไรที่เป็นเรื่องงานเขาจะค่อนข้างเชื่อในเซ็นซ์ของผม
   “เย็นนี้คุณจะให้มานพขับรถไปส่งบ้าน หรือว่าจะขับกลับเองครับ”
   “กลับเอง เย็นนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงต้อนรับ” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี
   “เย็นนี้ผมต้องไปรับแมวที่คลินิค คงไม่ไปครับ”
   “ไปรับแมวนก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยไปกันต่อ” เขาเสนอความคิด ผมคิดเล็กน้อยก่อนตอบรับ
   “ครับ”
   ผ่านไปราวสามสิบนาที เราทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงออฟฟิศ เมื่อผมเดินคู่มากับเอรีส เหล่าขาเมาท์ประจำแผนก ต่างก็อ้าปากค้าง เงียบกริบ บ้างก็แอบเมียงมองมาด้วยความสงสัย จากนั้นต่างก็ล่าถอยกลับโต๊ะตัวเองไป ไม่มีใครกล้าแหยมกับบอสใหญ่
   “ไปนั่งในห้องด้วยกัน”    
   “ครับ”
   เพราะตำแหน่งและโต๊ะทำงานถูกฐิติครอบครองไปแล้ว เลยต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนเจ้าไม่มีศาล เอรีสเลยถือโอกาสให้ผมไปนั่งในห้องเป็นการชั่วคราว ใช้เวลาในช่วงเช้าดึงข้อมูลต่างๆ กลับมาจากฐิติ การที่ผมทำแบบนี้ เท่ากับเป็นการแย่งหน้าที่ แสดงตัวว่ามีอำนาจเหนืออีกฝ่าย
   ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าฝ่ายนั้นจะเกิดอาการไม่พอใจ แต่ผมไม่แคร์ งานย่อมสำคัญกว่าความรู้สึกของคนไม่ซื่ออยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเอรีสขอไว้ ผมคงเดินไปบอกเขาให้เก็บของ จะไม่ปล่อยให้มีโอกาสมาเดินลอยหน้าอยู่แบบนี้แน่
   เราทั้งคู่ต่างหมดเวลาไปกับตัวเลขและเอกสารกองพะเนิน เอรีสเลิกวอแวผมได้ร่วมชั่วโมงกว่า ตอนนี้เขากำลังขมักเขม้นกับงานที่กำลังสุมหัวอยู่
   ก่อนหน้านี้ เอรีสเทียวเดินมาถามว่า หิวไหม เหนื่อยหรือเปล่า ทุกๆ สิบนาที ผมก็ปฏิเสธไปในทุกครั้ง และพยายามเรียกสมาธิให้จดจ่อกับงาน ไม่วอกแวกไปกับลูกงอแง ทั้งที่หลายครั้ง เกือบจะใจอ่อนไปกับเขาเสียให้ได้
   “คุณเอรีสครับ มีแขกมาขอพบครับ”
   ฐิติรายงานด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ในหน้ากลับให้ความรู้สึกเหมือนว่าสาแก่ใจกับอะไรสักอย่าง
   “มีนัดเหรอ” เอรีสหันมาส่งเสียงถามผม ซึ่งผมก็ไม่เห็นตารางนัดหมายนั้นมาก่อน
   “ไม่มีครับ” ผมตอบเอรีส ก่อนมองฐิติอย่างสงสัย
   “เขาแจ้งว่าชื่อคุณรัน”
   ไส้ดินสอกดผมหักคากระดาษ ห้องทั้งห้องพลันเงียบกริบ ความรู้สึกที่ว่าแย่เมื่อคืนกลับมากระหน่ำซ้ำเหมือนพายุเข้าอีกระรอก
   เป็นเรื่องบังเอิญ หรือความจงใจ...
   “เขาอยู่ไหน”
   เอรีสหันมามองผมแวบหนึ่ง สีหน้านิ่งก็จริง แต่ดวงตามีความหวั่นไหว
   “รออยู่ด้านนอกครับ คุณเอรีสจะให้เตรียมห้องรับรอง หรือว่าเชิญที่ห้องนี้ดีครับ”
   ยังไม่ทันสิ้นเสียงของฐิติดี ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินออกจากห้องไปเงียบๆ หาเหตุผลให้ตัวเองว่าจะไปหากาแฟดื่ม ไม่ต้องอยากได้ยินสิ่งที่เอรีสจะตอบกลับไปแบบไหน
   จะพบที่ไหน ยังไงก็พบกันอยู่ดี... ถูกไหม
   “ปัถย์ เดี่ยวสิ ปัถย์ เฮ้!”
   เอรีสเดินตามผมที่เดินออกจากห้องมาติดๆ เขาจับข้อมือผมไว้แน่น ก่อนที่ผมจะเดินหายไปจากมุมของผู้บริหารนั้น
   “ผมขอไปหากาแฟดื่ม คุณอยากได้อะไรเหรอครับ”
   ผมถามกลับ แต่ไม่ยอมมองหน้าเขาตรงๆ จงใจเดินให้เร็วขึ้นเพื่อหนี แต่เขาก็เดินตาม
   “ปัถย์...”
   “ว่าไงครับ คุณมีอะไร”
   “เดี๋ยวก่อนสิ หันมาคุยกันก่อน” เสียงของเอรีสดูลำบากใจ “ฉัน...”
   เขาดูลังเล ท่าทางกระวนกระวายเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า
   “ถ้าคุณมีแขก ก็รีบไปเถอะครับ”
   “นายอย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฟังฉัน...”
   “ตริน”
   เสียงของใครสักคนดังขึ้น เราทั้งคู่หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน
   ตรงโถงทางเดินปรากฎร่างของผู้ชายร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง กำลังเดินตรงแหน่วเข้ามาหา เอรีสขยับเข้ามาหาผมในทันที เขากุมมือของผมไว้แน่น ซึ่งมันทำให้ผมไม่สติแตก
   “ตริน ฉันขอคุยกับนายหน่อย”
   “คุณมีอะไรหรือเปล่า ทำไม...”
   บนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นมีรอยฟกช้ำ ทั้งที่ดวงตาและโหนกแก้มคล้ายมีร่องรอยของการต่อสู้
   แต่ร่องรอยพวกนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนั้นหล่อเหลาน้อยลงเลย ดูรวมๆ ก็มีส่วนคล้ายคิมหันต์อยู่เหมือนกัน ขาว สูง และมีรูปเป็นทรัพย์ เอาเป็นว่ารสนิยมของเอรีสเลอเลิศเสมอ
   “ฉันจะรบกวนเวลานายไม่นานหรอก”
   ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ผม ก่อนจะก้มลงมองมือของเอรีสที่จับมือผมเอาไว้มั่น เอรีสขยับตัวเข้าใกล้ผมพยายามแสดงให้รู้ว่าผมยังสำคัญอยู่...
   “ฉันจะรีบพูด รีบไป”
   ใช้เวลาอยู่ครึ่งนาทีกว่าที่ผมจะรู้ตัว ผมค่อยๆ ดึงมือออกจากมือเขาช้าๆ เอรีสหันมามองหน้าผม โดยไม่สนใจแขกของตัวเอง
   “แล้วแต่นาย นายตัดสินใจ” พูดเสียงนุ่มที่ฝ่ายนั้นก็คงได้ยินเช่นกัน
   เอรีสให้สิทธิ์ขาดกับผม สิ่งที่เคยกลัวไปต่างๆ นาๆ ลดไปกว่าครึ่ง
   “ผมให้เด็กเตรียมห้องรับรองนะครับ หรือคุณอยากคุยในห้องทำงาน”
   ถามไปด้วยความเคยชิน แม้จะนิ่งตะลึงกับสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนอยู่ก็ยังเรียกสติกลับคืนมาได้ เอรีสก้มลงพูดกับผมเบาๆ ให้พอได้ยินกันสองคน
   “ห้องรับรองก็แล้วกันครับ รบกวนหน่อยนะ ไม่นานหรอก... โอเคไหม” เอรีสพูดจาค่อนข้างติดเกรงใจ ซึ่งผมก็พยักหน้าให้ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินผละออกมา
   “เข้ามาคุยก่อนก็ได้ แต่ผมมีเวลาไม่นาน”
   พอจบคำพูดของผม เอรีสจึงหันไปบอกอดีตคนรักด้วยสีหน้าเรียบเฉย

   { เ อ รี ส }

   ผมเกรงใจปัถย์มาก
   ทั้งเกรงใจ และกลัวใจ ที่โกหกไปเมื่อคืนก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว พอเช้าของอีกวันรันบุกมาถึงออฟฟิศ ยิ่งทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ความรู้สึกไม่ต่างจากถูกเมียเข้าใจผิด ว่ากำลังมีจะเมียน้อย แต่ด้วยสภาพของรันที่ฟกช้ำไปทั้งหน้า ทำให้ผมไม่กล้าบอกปัดไปตรงๆ บางทีรันอาจมีเรื่องลำบากที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ผมก็ต้องถามความยินยอมของปัถย์ก่อน
   ความรู้สึกของปัถย์เป็นสิ่งที่ผมโคตรแคร์ เรากำลังไปได้ด้วยดี ผมไม่อยากให้ใครก็ตามเป็นต้นเหตุให้คนสำคัญของผมรู้สึกไม่มั่นใจตัวผม
   “คุณมีอะไร” ผมรีบเข้าเรื่อง
   “ฉันมาเตือนเรื่องลอด์จ... อยากให้นายระวังเพราะเขามีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อธุรกิจของนาย”
   “เขาเป็นแฟนคุณ คุณควรเข้าข้างเขาสิ” ผมไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดในสิ่งที่ได้ยิน สุดท้ายแล้วรันเคยรักใครจริงบ้างไหม...
   “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน อย่างน้อยเราก็เคย...”
   “ขอบใจ แต่คุณไม่ต้องสนเรื่องของผมหรอก ว่าแต่...หน้าของคุณใช่ฝีมือลอด์จหรือเปล่า” ผมถามออกไปเพื่อเบี่ยงประเด็น ไม่ต้องการให้รับรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าๆ ให้มากความ
   ผมไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนเป็นยังไง แต่ลอด์จไม่ใช่คนใจเย็นนัก
   “ไม่ใช่หรอก ฉันมีเรื่องกับวัยรุ่นแถวร้านเหล้านิดหน่อย เลยได้แผลมา” รันยิ้มน้อยๆ เป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ผมเคยรัก รอยยิ้มนี้เคยเป็นสิ่งที่ผมหลงใหล แต่นั่นก็เป็นนอดีตไปแล้ว
   “…”
   “มีคนของลอด์จแฝงตัวอยู่ในบริษัทนาย” จู่ๆ รันก็โพล่งขึ้น “ฉันเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้ยินมาว่าเป็นคนที่ใกล้ตัวนายมาก ต้องระวังนะตริน”
   “คุณรู้ได้ยังไง เขาบอกคุณหรอ”
   “เปล่า ฉันได้ยินลอด์จคุยกับลูกพี่ลูกน้องนายน่ะ คนที่ถูกส่งมาเป็นคู่นอนของมัน ชื่อฐิติ...”
   ผมวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกว่าตัวเองรู้เรื่องนี้แล้ว บางทีรันอาจเป็นอีกคนที่ลอด์จส่งมาป่วนผมอีกคนก็ได้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แม้จะเคยนอนร่วมเตียงกันก็ใช่ว่าจะดีต่อกันเสมอไป
   “คุณไม่ควรทรยศแฟนตัวเอง ถึงยังไงผมก็เป็นคนอื่น คุณเอาเรื่องนี้มาบอกผม มันจะเสียผลประโยชน์ของแฟนคุณนะ”
   “ฉันไม่เคยมองว่านายเป็นคนอื่น... แล้วฉันก็แยกแยะได้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ฉันไม่ได้ทรยศลอด์จ แต่แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉันรู้ว่าทั้งหมดที่เขาทำ มันมาจากความโกรธ เรื่องที่เราสองคนเจอกันที่โตเกียวครั้งก่อน...”
   ผมไม่ได้สนใจคำพูดของรันมากนัก เพราะตอนนี้ผมเห็นปัถย์อยู่แวบๆ ตรงหน้าประตู ผมไม่แน่ใจว่าปัถย์ได้ยินอะไรบ้าง รู้แค่ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย
   “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะนะ เรื่องมันจบไปแล้ว ที่คุณมาบอกวันนี้ผมซาบซึ้งใจมาก”
   ผมคุยแบบเหินห่างกับรันอีกไม่ถึงสิบนาที
   รันเตือนผมหลายอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เฟยหลงจะทำ แต่ผมไม่ได้สนใจ คนอย่างเอรีส ตริน เบอร์ตันไม่ได้ต้องการเศษเสี้ยวความห่วงใยจากใคร เขามันเป็นไอ้คนโลภ ถ้าจะเอาก็ต้องเอาให้หมด



   {รัน}

   ทันทีที่ผมก้าวเท้าพ้นประตูของเพนต์เฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ เสียงเหน็บแนมก็ทะลุผ่านหูเข้ามาโดยไม่มีคำเกริ่นนำ
   “บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปไหน คำพูดของฉันนี่มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหมรัน”
   “...”
   “ถึงใจไหม ทักทายกันไปกี่น้ำ?”
   ผมเกลียดน้ำเสียงนี้ของเขา
   เกลียดคำพูดเย็นชาที่กัดเจ็บเข้าไปถึงกระดูก คำค่อนแคะที่คอยแต่จะพ่นใส่หน้าของผมทุกครั้งที่เขานึกได้...
   มีสักวันไหมที่ลอด์จจะไม่รื้อฟื้นความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในชีวิต แล้วเอากลับมาทิ่มแทงผมให้รู้สึกผิดและละอาย
   “…” ผมไม่เลี่ยงที่จะไม่พูดอะไร
   วันหนีผมเหนื่อยมาก กำลังรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะไข้ขึ้น ความรู้สึกร้อนผะผ่าวเริ่มลามไปทั้งตัว
   ผมจงใจเดินผ่านหน้าโดยแลตามอง เพราะรู้สายตาคู่นั้นมีเพียงความว่างเปล่าที่ไม่อาจเข้าถึง
   ทุกครั้งที่ผมมองดวงตาสีอ่อน มันมักจะทำให้ผมรู้สึกด้อยค่า และไร้ราคาลงไปทุกทีๆ ความรู้สึกเป็นที่รักควรค่าให้ปกป้องดูแลคือความรู้สึกแบบไหน... ผมจำมันไม่ได้แล้ว
   คำพูดดีๆ ฟังรื่นหูก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
   “ไม่ตอบ? แปลกนะ ปกติเห็นพูดไม่หยุด แล้ววันนี้เป็นอะไร เหนื่อยเพราะใช้แรงไปเยอะ หรือว่าปากนายไปทำงานหนักอะไรมา”
   “…”
   “พูดสิ ฉันบอกให้พูด!” เขากำลังโกรธ มากด้วย
   ลอด์จกระชากแขนจนผมเซ กริยาแบบนี้คือแสดงว่าเขากำลังอยากอาละวาด
   ในเวลาปกติ เฟยหลงจะโดนตัวผมน้อยมาก ถ้าไม่ใช่ตอนที่เขามีอารมณ์หรือต้องการเรื่องอย่างว่า เขาไม่เคยแตะต้องตัวผมเลย ผมเคยคิดว่าเขาขยะแขยง เกลียดสัมผัสของผม แต่ผมโหยหาการกอดจากเขาจนใจแทบขาด ทว่ายิ่งเรียกร้อง ผู้ชายตรงหน้าก็ยิ่งถอยห่างออกไป
   ผมพอใจที่เขาแสดงอารมณ์บางอย่างกับผมบ้าง ไม่ใช่แค่เพียงการอยู่ด้วยกันไปวันๆ แบบเย็นชา ไม่มีการสัมผัสตัวที่นอกเหนือไปจากเวลาที่มีเซ็กส์
   เฟยหลงบีบปากผมเสียจนเจ็บ บังคับให้ผมมองสบตาตรงๆ ทุกครั้งมันคือความทรมานที่ผมมองไปยังดวงตาคู่นี้ แบะได้รู้ว่าเขาได้หมดรักผมไปแล้ว ผมสูญเสียคนที่รักไป และได้ผู้ชายแข็งกระด้างที่มองผมเหมือนวัตถุทางเพศมาแทน
   “ที่อยากมาเมืองไทยนักหนา เพราะอยากตามมาเพื่อหาจังหวะไปเจอกับมันไม่ใช่เหรอ ห่วงมันนักนี่! คงคาบข่าวไปบอกมันแล้วสิ ว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับบริษัทระยำของมัน ได้บอกมันหรือเปล่าว่าฉันจะทำให้มันพินาศ”
   “…” ผมได้แต่ถอนใจ คำข่มขู่และเสียงตะคอกของลอด์จกำลังทำให้ผมปวดหัว
   ตอนนี้ผมไม่อยากต่อปากต่อคำ ผมอยากอาบน้ำ แล้วก็นอนหลับยาวๆ ตื่นมาผมอาจมีแรงพอให้คิดเรื่องยากๆ พวกนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอยกธงขาว
   “ถ้ามันเหลือแต่ตัว นายจะยังสนใจใยดีมันอยู่หรือเปล่า”
   “ฉันปวดหัว วันนี้ไม่อยากทะเลาะกับนาย”
   ผมสะบัดหน้าหนีฝ่ามือหนาที่บีบแก้มไม่ปล่อย ความเจ็บที่แทบจะร้าวไปทั้งสันกราม
   เวลาที่ลอด์จโกรธ เขาไม่เคยปราณีใคร ผมยังสงสัยจนทุกวันนี้ว่าทำไมเขาถึงไม่ฆ่าผมไปตั้งแต่ตอนนั้น คำถามนี้วนเวียนอยู่ในสมองของผมตลอด จนกระทั่งผมได้คำตอบว่าลอด์จต้องการให้ผมจนตรอก ไร้ทางไป เขาบีบผมในทุกๆ ทางเพื่อให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจบารมี และอำนาจเงินของเขา จนทุกวันนี้แม้แต่ลมหายใจของผมเขาก็เป็นเจ้าของ
   ถ้าเขาสั่งให้ผมไปตาย ผผมก็คงต้องตาย
   “ฉันจะทำยังไงกับนายดี... จะทำยังไงให้คนแบบนายรู้จักคำว่าซื่อสัตย์ การที่ทำตัวร่านไปทั่วมันทำให้ฉันสะอิดสะเอียด”
   เขาผลักหน้าผมเสียจนกระเด็น ความเจ็บปวดจากร่างกายเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางจิตใจ
   ผมไม่ไหวกับตัวตนของผมในตอนนี้แล้ว...
   ผมคิดว่าผมควรจะพอ
   “ถ้าอย่างนั้นเราก็พอเถอะ ฉันเองก็ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว เหนื่อยว่ะ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  ยกมือที่สั่นเทาของตัวเองลูบหน้าแรง “เหนื่อยที่ต้องโดนนายแดกดันอยู่ทุกวันเรื่อเอรีส เรื่องที่ฉันนอกใจ ใช่ ฉันมันเลวเองตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฉันก็บอกนายแล้วว่าจะไม่ทำอีก ฉันทั้งสัญญา ทั้งสาบาญว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่นายก็ไม่เคยรับรู้ในสิ่งที่ฉันทำมาตลอดเกือบสิบปี ไม่เคยสนใจว่าฉันกำลังไถ่โทษในสิ่งที่ฉันทำพลาดไป”
   “เพราะฉันไม่เชื่อไง สุนัขชอบกินอาจม... เหมือนนายไง”
   เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกหน้าชา ผมจะต้องทนให้เขาดูถูกผมไปทำไม...
   “ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว”
   “งั้นก็รอรับศพพี่นายที่อยู่ในคุกได้เลย การตายของไอ้เดนคุกสักคน มันไม่ใช่เรื่องที่ทำยาก ไม่ต้องตอบคำถามสังคม ว่ามันจะตายยังไง อาจจะสะดุดเท้าขาใหญ่แล้วโดนซ่อมในคุกจนตาย... หรืออาจตายเงียบๆ ด้วยโรคประจำตัว”
   ใจผมเริ่มสั่นทุกครั้งที่ลอด์จขู่ทำนองนี้ สามปีแล้วสินะที่พี่เรนติดคุกด้วยข้อหายักยอกทรัพย์ที่ฮ่องกง แล้วบริษัทที่พี่ชายของผมยักยอกไปก็เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของลอด์จ
   ถึงผมจะอยากเห็นแก่ตัวขนาดไหน ผมก็ไม่ทางทำให้พี่ชายของผมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ ถึงพี่เรนจะทำผิดจนต้องได้รับโทษ แต่การที่เขาติดคุก ก็เหมือนเป็นการชดใช้ในความผิดของตัวเองไปแล้ว พี่เรนไม่ควรถูกเป็นเครื่องต่อรองที่ลอด์จงัดเอามาใช้ทุกครั้งที่ผมทำให้เขาไม่พอใจ
   “นายจะเอาเรื่องนี้มาขู่ฉันทุกครั้งไม่ได้หรอกนะ ถ้าถึงจุดหนึ่งฉันอาจจะยอมเห็นแก่ตัว”
   “ลองดู” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมที่เขาชอบใช้กับลูกน้อง หรือใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม “ฉันก็กำลังว่างๆ อยู่พอดี” พูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสาย
   หน้าผมเริ่มเปลี่ยนสี มือของผมเย็นเฉียบ ตัวแข็งจนแทบขยับไม่ได้
   “เฟย!”
   ดวงตาคู่นั้นเย้ยหยัน รอยยิ้มมุมปากแสยะจนน่าขนลุก
   “ไอ้หยุ่นนั่น... ฉันอยากให้แกจัดการมันให้ฉันหน่อย ใช่ ขอแบบเละเทะก็ได้”
   ผมรีบปรี่ไปดึงข้อมือเขาไว้ ไม่รอให้เขาออกคำสั่งลูกน้องจนจบ
   “นายจะเอายังไง”
   “… เราก็รู้ๆ กันดี ว่าฉัน...ต้องการอะไร”


สวัสดีค่ะ
หลังจากหายไปนานก็กลับมา UP อีกครั้งนะคะ
มาพร้อมกับข่าวการตีพิมพ์รวมเล่มกับ สนพ. DEEP ด้วยค่ะ
ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อด้วย

แล้วก็ฝากเพจด้วยนะคะ


https://www.facebook.com/anin19story/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:37:57 โดย BaoBao »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ดาร์คสุดอ่า แงงงง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:37:13 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:36:54 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเฟยหลงนี่ก็แปลก  รักเขาแต่ปฏิบัติกับเขาเยี่ยงนางบำเรอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:36:37 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:36:15 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อือหือ อึมครึมสุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:35:56 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:35:39 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มีเงาดำๆบนหัวเลยจ้ะ มาคุสุดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:35:20 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
สถานการณ์อึมครึมสุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:35:05 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เหอะๆๆๆ เรื่องมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่นะเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:34:45 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:34:26 โดย BaoBao »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:34:07 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ความหวาดระแวงเป็นบ่อเกิดการทำลาย

สงสารปัถย์นะ อย่าคิดมากเลย เชื่อใจกันไว้
เอรีสก็เชื่อมั่นตัวเองมาก และซื่อตรงดี
คุยกันเยอะๆ นะ อย่าปล่อยทิ้งให้ลุกลาม
มันเป็นแผลใจที่จะช้ำอยู่ตลอดเวลา

อื้อหือ ฐิติกับธีรนัย คือตัวร้ายที่แท้จริง
สงสารฐิติที่ถูกหลอกนะ หวังว่าจะไม่ถูกทิ้ง

รันน่าสงสารนะ พลาดครั้งเดียว จบทุกสิ่ง
แต่ก็สมควรกับสิ่งที่ทำ ทุกคนเสียใจหมด
แต่อย่างน้อย รันก็แยกแยะได้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2018 01:33:42 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2018 14:17:53 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
โอ๊ยยยเคลียร์กันเห๊อะ ชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อนไปหมดละเนี่ย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หวานแป้บๆอึมครึมมาคุกันแล้ว คู่นี้จะตีกีนตาย อีกคู่นี่ทะเลาะกันแน่ๆ บอสจะแก้ตัวยังไง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2018 14:17:31 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
แจ้งเตือนครั้งที่ 1

ให้เจ้าของกระทู้ เปิดอ่าน PM ทันทีที่เห็นข้อความนี้

ผู้ดูแลห้อง Boy's love story

ออฟไลน์ anin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Chapter 26
   
   ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีเอรีสก็กลับมาที่ห้องทำงาน แต่ปัถย์กลับไม่ยอมเงยหน้ามองเขาเลย ผู้ช่วยหนุ่มจงใจใช้เอกสารและตัวเลขอันสับสนวุ่นวายเบนความสนใจจากเรื่องส่วนตัวที่ยังคิดไม่ตก

   จะว่าไม่สนใจ ไม่หวง ก็คงโกหก แต่หน้าที่การงานมันค้ำคอ จะให้หลุดมาดคนขรึม หรือแสดงอาการอะไรออกนอกหน้าก็คงไม่เหมาะนัก

   เอรีสจ้างมาทำงาน ไม่ได้จ้างให้มาหึง   

   เสียงฝีเท้าหนักๆ ของใครบางคนเดินมาหยุดข้างโต๊ะ ร่างสูงมาหยุดยืนซ้อนหลัง เท้าแขนทั้งสองข้างกับพนักเก้าอี้ แล้วโน้มตัวมาใกล้จนแก้มของทั้งคู่สัมผัสกัน

   “ทำอะไรอยู่”

   “ตรวจเอกสารเบิกงวดงานของผู้รับเหมาครับ”

   เอรีสชำเลืองมองเอกสารเล็กน้อย ก่อนกลับมาจ้องหน้าปัถย์อยู่ร่วมสองนาที แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูดอะไร

   ปัถย์ก็เอาแต่กวาดสายตาดูตัวเลขในเอกสารอยู่อย่างนั้น มีบ้างที่ใช้ดินสอเขียนตัวเลขและข้อความลงไปด้วย ลายมือของปัถย์อ่านง่าย ไม่มีทีท่าจะแยแสคนตัวโตที่กำลังจ้องมองอยู่เลยสักนิด นานเข้าคนที่ชอบเอาแต่ใจก็เริ่มออกอาการฮึดฮัด

   “สนใจฉันหน่อยสิ เอกสารพวกนั้นมันสำคัญขนาดไหนกันเชียว”

   เอรีสพึมพำข้างขมับ แถมยังทำเสียงเล็กเสียงน้อย ลืมภาพเจ้านายขาโหดในตำนานไปได้เลย

   “...”

   “ปัถย์” เอรีสลากเสียงยาว ถูจมูกกับหัวใหล่คนในวงแขน

   “มีอะไรครับ”

   ปัถย์แค่ชำเลืองมองด้วยหางตาแล้วขานรับเบาๆ แต่คราวนี้คนตัวสูงกลับเงียบกริบ มีก็แต่เสียงหายใจฟืดฟาดอย่างคนถูกขัดใจ

   “นี่มันเอกสารด่วน ถ้าช้าฝ่ายบัญชีจะตีเช็คไม่ทันรอบดีล”

   ปัถย์วางมาดขรึมบอกอย่างเป็นการเป็นงาน แม้ใจจะแกว่งแต่ก็รู้ตัวว่าออกอาการมากไม่ได้

   “แล้ว?” คนเป็นเจ้านายเลิกคิ้วน้อยๆ

   “ก็ต้องรีบไงครับ”

   ”...”

   จากนั้นคนทั้งคู่ต่างก็รอดูท่าทีว่าใครจะเป็นคนเปิดฉากเข้าประเด็นก่อน งานนี้คนที่นิ่งกว่าย่อมได้เปรียบ

   แต่คนที่ร้อนรนก็คงหนีไม่พ้นคนที่ชื่อเอรีส เพราะใจก็ภาวนาอยากให้ปัถย์ถามซักไซ้มากกว่าตีบทคนไร้ปากที่ทำให้เขาเดาทางไม่ถูก จะสุ่มสี่สุ่มห้าโพล่งออกไปก็กลัวคนเก่งคนนี้จะไม่พอใจ   

   “ปัถย์ครับ” ในที่สุดเอรีสก็ทนไม่ไหว

   “ครับ” ปัถย์ขานรับอย่างเสียไม่ได้

   ยามเมื่อคนหน้าหล่อส่งสายตารู้สึกผิดมาให้ ใจก็พานอ่อนยวบลงไปกว่าครึ่ง กับเอรีสนี่คำพูดไม่กี่คำก็มีอันทำให้เขาต้องใจอ่อน ยิ่งพูดอ้อนพูดหวานแบบนี้...ยังไงก็แพ้

   “เรื่องที่รันมาหาเมื่อกี้ ฉันอยาก...อธิบาย”

   เอรีสพูดเสียงดังฟังชัด กลั้นใจรอดูรีแอ็กของปัถย์ด้วยใจเต้นระทึก ตอนที่ชื่อรันออกมาจากปากเขาเห็นปัถย์ชะงักไปนิด ร้อนรนจนต้องดึงมือปัถย์มาบีบเบาๆ

   “รันน่ะ มาเพราะเรื่องลอดจ์ ก็แค่มาเตือน ก็เรื่องที่มันส่งคนเขามาป่วนในออฟฟิศเราไง...นี่ก็รีบคุยแล้วก็ให้เขารีบกลับเลยนะ”

   “เหรอครับ” ปัถย์กล่าวเสียงเรียบ ความไม่พอใจถูกซ่อนไว้ภายใต้ท่าทีสุขุมอย่างแนบเนียน

   ‘นี่เราทำตัวคล้ายสาวน้อยหึงแฟนเข้าไปทุกทีๆ เฮ้อ...อนาจตัวเองชะมัด’

   “ไม่มีอะไรจริงๆ นะ ไม่มากไปกว่าคนเคยรู้จักแล้ว...”
   
“ถ้าไม่มีอะไรจริง ทำไมคุณต้องโกหก”  เอรีสเริ่มหน้าซีดลง “เมื่อคืน...ตอนที่เขาโทร. มา คุณก็โกหก แล้วจะมีอะไรที่ผมเชื่อคุณได้บ้าง” คำพูดของเอรีสถูกขัดด้วยเสียงเรียบๆ ทว่าเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งขั้วโลก

   “นายเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว” คนตัวสูงรีบปฏิเสธทันควัน พอปัถย์สะบัดมือออกเขาก็ยิ่งยึดไว้แน่น

   “ผมว่าไม่ผิดมั้งครับ เอาตรงๆ นะบอส ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องมาโกหกผม เรื่องแฟนเก่าก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมรู้บทบาทของตัวเองดี รับรองได้ ผมจะไม่ล้ำเส้น”

   “โอ๊ย! ล้ำเส้นอะไรเล่า ไม่เอาๆ ไม่พูดแบบนั้น โธ่...ฉันขอโทษ ขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น ฉันแค่กลัวนายคิดมาก ไม่อยากให้นายรู้สึกไม่ดีที่รันติดต่อมา ไม่ได้ตั้งใจโกหกเลยสักนิด แต่ถ้านายถือเป็นเรื่องสำคัญต่อไปฉันก็จะไม่ทำอีก ฉันก็แค่...ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้นายไม่รู้สึกแย่”

   เอรีสบ่นพึมพำ น้ำเสียงของเขาฟังดูเว้าวอน และเสียใจ

   คนตัวสูงย่อตัวลงนั่งบนปลายเท้า หมุนเก้าอี้ให้ปัถย์หันมาเผชิญหน้า โน้มคอให้ก้มลงมาใกล้ ความที่ปัถย์ยังอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยเลยขืนตัวห่าง แถมเมินใส่เสียด้วย เอรีสจึงต้องใช้อีกมือหนึ่งกุมแก้มตอบไว้แล้วเป็นฝ่ายขยับเข้าหาแทน

   “ขอโทษครับ ผิดไปแล้ว อย่าเมินฉันเลย ถ้าโกรธก็ด่ามา แต่ห้ามหนีหน้า”

   “ไม่รู้ว่าผมมีสิทธิ์รู้สึกอะไรไหม” ปัถย์ตัดพ้อเสียงเอื่อย “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรที่ผมทำได้ หรือทำไม่ได้ ถ้าอะไรที่มันล้ำเส้น ผมก็พร้อมถอย ไม่อยากให้คุณอึดอัด”

   “พูดแบบนี้อีกแล้ว”

   เอรีสทำเสียงหนักใจ คนหล่อทำหน้ายู่พลางเขย่าหัวทุยเบาๆ ทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยวที่อีกฝ่ายชอบลดคุณค่าตัวเอง ก็แหมเขาออฟเฟอร์ปัถย์จะตาย ให้ปัถย์ชี้นกก็เป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ หรืออยากได้ดาวอยากได้เดือนเอรีสคนนี้ก็พร้อมจะสอยมาให้

   “ฉันไม่ได้อึดอัดใจ แล้วนายก็ไม่ต้องถอยไปไหนทั้งนั้นละ นายฉลาด นายต้องรู้สิว่าฉันเป็นคนยังไง ถ้าฉันไม่พอใจคงเตะโด่งนายไปนานแล้ว แต่นี่ฉันติดนายงอมแงม หายใจเข้าออกก็มีแต่เรื่องนาย โยนความคิดพังๆ นั้นทิ้งไปนะ เข้าใจไหม”

   ปัถย์หลบตา “ก็คุณทำให้คิดเองนี่ครับ”

   “เลิกคิด ความคิดแบบนั้นไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างเรา ฉันหลงนายขนาดนี้ ต่อให้นายออกปากไล่รันกลับไป ฉันก็เข้าข้างนาย ไม่มีใครสำคัญเท่านายอีกแล้ว”

   ปัถย์เกือบจะยิ้มอยู่แล้วเชียวแต่นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน

   “ถ้าผมทำจริง คุณอาจจะไล่ตะเพิดผมก็ได้ ใครจะรู้ เอาใจคนอย่างคุณมันยากจะตาย”

   “บ้าสิ ใครจะกล้าไล่มะ...นายเล่า”

   เอรีสเปลี่ยนคำว่า ‘เมีย’ ที่เกือบพลั้งปากพูดออกไปได้ในวินาทีสุดท้าย มันก็จะเขินๆ หน่อย กับความรู้สึกแบบเนี้ย

   ความรู้สึกพิเศษสุดๆ กับใครสักคน

   ความรู้สึกหวง ห่วง และเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ในเมื่อรู้สึกแบบนี้กับปัถย์แล้ว เอรีสก็อยากให้ปัถย์รู้สึกแบบเดียวกันกับเขาบ้าง

   “...”

   “ว่าแต่ไม่อยากรู้หน่อยเหรอว่าเมื่อกี้คุยอะไรกับเขาบ้าง” เอรีสหยั่งเชิง

   “...”

   “หรือที่จริงอยากรู้ แต่ต้องวางมาดคุณปัถย์ผู้เคร่งขรึม เอาน่า ถามมาเลย” เอรีสใช้มือตบปุๆ ที่อก เตรียมพร้อมสำหรับคำถาม

   “ไม่ถามครับ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยากรู้”

   “จริงดิ”

   “จะรู้ได้ไงว่าไม่โกหก ผมว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคุณสองคนดีกว่า”

   เอรีสถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อเจอปัถย์ในโหมดคนเหวี่ยง 2018

    เขาดึงอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัว ครั้งนี้เขาออกแรงเต็มที่ จนปัถย์เสียหลักกางขาออกน้อยๆ เพื่อทรงตัว จนตอนนี้เอรีสแทรกเข้ามาระหว่างขาอย่างสนิทชิดเชื้อ

   “งอนเหรอ” เอรีสถามเสียงอ่อนเสียงหวาน

   สายตาเจ้าเล่ห์เฝ้าประเมินอารมณ์ของปัถย์ว่าจะไปในทิศทางไหน มั่นใจพอสมควรว่าปัถย์คงไม่ได้โกรธจริงจัง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้เขาคงถูกผลักกระเด็นออกไปแล้ว ไม่ยืนทำหน้าง้ำ รอให้เขาง้ออยู่แบบนี้หรอก

   “ไม่ได้งอนครับ”

   “จริง?...”

   “...” ปัถย์นิ่ง วางท่าอย่างคนที่มีอำนาจเหนือกว่า

   “อย่างอนเลยนะ ฉันน่ะ จะไม่มีวันกลับไปเดินทางนั้นหรอก ถ้ามันจะเหลืออยู่บ้าง ก็คงเหลือแค่สถานะคนเคยเป็นเพื่อน และฉันให้ความสำคัญกับเพื่อนน้อยกว่าแฟน” เขาอ้อน แต่มีความหนักแน่นอยู่ในทุกคำพูด

   เอรีสกดจมูกโด่งลงที่แก้มฟอดใหญ่จนปัถย์ต้องเอี้ยวหน้าหนี แต่เอรีสก็ผละออกก่อนขยับใบหน้าลงต่ำจนไรหนวดแข็งๆ ของเขาเริ่มมาป้วนเปี้ยนที่ต้นคอแทน

   “…”

   “แถมแฟนของฉัน...ก็เก่งขนาดนี้ แสนดีขนาดนี้ ใครกลับไปก็เรียกว่าโง่บรม” ปัถย์เริ่มหน้าแดง การหยอดคำหวานของเอรีสได้ผลชะงัดนัก “ฉันน่ะกลับไปไม่ได้แล้ว...ที่ๆ ฉันยืนอยู่ตรงนี้อบอุ่นพอแล้ว ฉันจะไม่กลับไปสู่ความมืด แล้วนอนกอดความหนาวเหน็บจอมปลอมแบบนั้นหรอก ฉันจะอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับนาย ถ้าเรื่องงี่เง่าที่ฉันทำเมื่อคืน ทำให้นายรู้สึกแย่ ฉันก็ขอโทษ”

   “ผมรู้สึกแย่จริงๆ นั่นละครับ” ปัถย์ยอมรับ สีหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่เริ่มแสดงอาการโอนอ่อนมากขึ้น
ยามเมื่อเห็นแววตาวูบไหวของปัถย์ เอรีสก็ยิ่งร้อนใจ

   “มันจะไม่มีอีกแล้ว ต่อไปจะบอกทุกอย่าง สัญญา”

   ปัถย์พยักหน้า  ยอมให้เอรีสกอดเอวไว้แน่น หน้าคมเข้มถูกับช่วงอกจนเจ้าตัวเริ่มจะระทวยจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

   “ผมว่าคุณลุกขึ้นเถอะครับ มีเอกสารต้องเซ็นรออยู่บนโต๊ะและต้องส่งออกก่อนเที่ยง”

   “กำลังสบายเลย ขออีกนิดน่า”

   “ทำงานก่อนครับ อ้อ เอรีสครับ ผมจะไปไซต์ช่วงบ่าย แล้วตอนเย็นค่อยเจอกันนะครับ”

   “ไปทำไมอีก”

   “ซีอีโอของโรงแรมเข้าตรวจงานครับ แต่คุณมีนัด ผมเลยจะไปแทน”

   ปัถย์ได้รับแจ้งจากโพรเจกต์แมเนเจอร์ว่าทางคณะบริหารของโรงแรมจะเข้ามาหน้างานในวันนี้ เป็นการเข้าตรวจงานแบบไม่เป็นทางการ เนื่องจากซีอีโอใหญ่ที่มาดูงานเดินทางมาจากต่างประเทศและจังหวะเหมาะพอดี

   หากเป็นยามปกติในกรณีแบบนี้ทั้งคู่จะไปด้วยกันเสมอ แต่ถ้าผู้เป็นเจ้านายติดนัด ปัถย์ก็จะทำหน้าที่แทนจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดแผกอะไร ครั้งนี้ปัถย์จึงทำเหมือนเคยโดยการไปตรวจหน้างานหน้าไซต์เพียงลำพัง

   “โอเค เสร็จแล้วจะรีบไปรับ รอนะครับ”


   คนที่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานอย่างฐิติกำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ

   เมื่อคืนเขาคุยกับธีรนัยอีกครั้งเรื่องปัถย์ แล้วลงความเห็นกันว่า การที่อดีตผู้ช่วยคนสำคัญกลับเข้ามา ทำให้ดำเนินการตามแผนการต่างๆ ำได้ยากขึ้น

   ไม่อยากจะเชื่อว่าปัถย์จะกลับมาในตอนสำคัญ อาทิตย์หน้าก็จะถึงเวลายื่นซองประมูลโครงการสำคัญอยู่แล้ว การจะเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกก็ไม่ง่ายอีก เอรีสคงจะมอบหมายทุกอย่างให้หมอนั่นจัดการ ตัวเลขที่อยากได้ก็คงไม่กระเด็นผ่านตาเขาแน่

   ‘ถ้าไม่มีแกก็คงดี...’

   ฐิติคิดอยู่ในใจ ทั้งที่ตอนนี้เอรีสเริ่มจะไว้ใจเขาแล้ว เอกสารสำคัญก็ล้วนผ่านทางตัวเองหมด แต่เมื่อเช้า ปัถย์กลับมาเรียกเอกสารทั้งหมดคืนกลับไป นี่เท่ากับจงใจหยามหน้าเขา ข่มว่าตัวเหนือกว่า ซึ่งมันทำให้เขาทนไม่ได้

   ออกไปแล้วยังจะหน้าด้านกลับมาทำไมวะ

   ศักดิ์ศรีไม่มีหรือไง...

   บ้าเอ้ย!

   “คุณปัถย์ครับ คุณจะออกไปไซต์กับคุณเอรีสเหรอครับ” ฐิติรีบถามเมื่อปัถย์เดินเอาแฟ้มที่รอลายเซ็นของเอรีสมาให้ที่โต๊ะ

   “เปล่า ผมจะไปคนเดียว เอรีสมีนัดกับเจ้าสัวบุรินทร์ช่วงบ่าย คุณฐิติมีอะไรเหรอครับ”

   “ที่จริงผมไปแทนให้ก็ได้นะครับ คุณปัถย์จะได้อยู่เคลียร์เอกสารสำคัญให้เสร็จ”

   “ไม่เป็นไร ผมไปเองจะเหมาะกว่า อีกอย่างลูกค้าคงอยากเจอกับคนที่ตัดสินใจได้ด้วย ถึงคุณไปก็คงได้แค่รับเรื่อง ผมไปเองน่ะดีแล้ว”

   คำพูดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ฐิติอารมณ์ขุ่นมัว คำพูดว่าเขาเป็นได้แค่พนักงานรับเรื่อง เป็นการข่มให้เขายิ่งดูต้อยต่ำลงไปด้วย

   ทำไมกัน...ในเมื่อตำแหน่งก็เทียบเท่ากัน หมอนี่มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ มันเกินไปหน่อย

   “ผมเป็นผู้ช่วยเอรีสนะครับ โดยตำแหน่งแล้วผมก็เทียบเท่ากับอดีตตำแหน่งของคุณ หรือว่า...ยังไงครับ”

   “ก็ถ้าโดยตำแหน่ง ก็ได้ละครับ แต่ถ้าตามอาวุโสแล้ว ผมว่าผมไปเองคงจะง่ายกว่า”

   “โดยอาวุโส หรือว่าโดยความสัมพันธ์กันแน่ครับ ผมก็ประหลาดใจนะที่อยู่ดีๆ คุณก็กลับมา รู้ไหมคนทั้งบริษัทซุบซิบกันใหญ่ว่าคุณกลับมาในตำแหน่งอะไร ก็ในเมื่อผมเองก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีอยู่”

   ปัถย์วางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบโต้ เพราะอยากรู้ว่าคนคนนี้คิดเห็นอย่างไรต่อการกลับมาของเขา

   “...”

   “จู่ๆ คุณก็ไป แล้วจู่ๆ คุณก็กลับมา แต่การกลับมาของคุณ คงไม่ได้จะกลับมายึดตำแหน่งที่เป็นของผมกลับไปหรอกใช่ไหมครับ หรือว่าคุณมาในตำแหน่งพิเศษ ตำแหน่งลับที่ไม่มีอยู่ในระบบองค์กร”

   “ตำแหน่งลับ?” ปัถย์ย่นคิ้ว

   “ใช่ครับ มันก็เป็นอะไรที่คนเขาสงสัยกัน บางทีการทำงานในออฟฟิศอย่างเดียวคงไม่พอ มันอาจก้าวหน้าได้ไม่เร็วแบบติดจรวด แต่ถ้าทำงานบางประเภทได้ถูกอกถูกใจ คนที่ตั้งใจทำงานอย่างเดียวก็คงจะสู้ไม่ได้”

   “คุณอยากพูดอะไรกันแน่ครับ”

   “นี่คุณปัถย์ เราก็รู้ๆ กันนะว่าเอรีสเป็นยังไง และผมก็พอจะดูออกว่าคุณสองคน...ยังไง แต่ขอเถอะครับ ผมทำงานด้วยสมอง ผมคงสู้คุณที่ทุ่มเททั้งตัวไม่ได้”

   “ถ้าคุณซื่อสัตย์ ตั้งใจ และมีความสามารถ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เอรีสเป็นคนฉลาด เป็นคนตรงๆ ถ้าคุณดีจริงเขาจะเก็บคุณไว้ ต่อให้ผมกลับมาหรือไม่ ก็ไม่มีทางทำให้เก้าอี้คุณสั่นได้หรอก”

   “งั้นที่เขาว่ากันว่าคุณกับเอรีสไม่ใช่เจ้านายลูกน้องธรรมดา...”

   “ทำไมครับ” ปัถย์ยักคิ้วให้อย่างท้าทาย “คุณสงสัยว่าผมกับเอรีสมีความสัมพันธ์กันเหรอ”

   “ก็อาจจะ” ฐิติยอมรับ ท้าทายกลับไปเช่นกัน “ข่าวลือเสียๆ หายๆ มันไปเร็วนะครับ ยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงด้วย คงไม่ดีที่ข่าวลือจะกระฉ่อนออกไป เจ้านายกับลูกน้อง สมภารกินไก่วัด อะไรทำนองนี้”

   “ขอบคุณที่เป็นห่วง คุณฐิตินี่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนบริษัทได้น่าภูมิใจมาก เอาไว้ผมจะบอกกับเอรีสให้นะครับว่าผู้ช่วยอย่างคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ว่าตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน ไว้เรามาปรึกษากันอีกทีนะครับ”

   ปัถย์ทิ้งท้ายแล้วเดินล้วงกระเป๋าจากไป ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านที่ถูกฐิติพูดจากวนประสาท ก็ดี ในเมื่อจะหงายไพ่ให้เห็นว่าเป็นศัตรู ก็ทำกันให้เห็นซึ่งหน้าเลย

   ส่วนคนที่ยืนมองตามแผ่นหลังของร่างสูงโปร่งที่เดินผละไปด้วยแววตาอาฆาตโมโหจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหว
   “คอยดูเถอะ กูจะแก้เผ็ดทั้งมึงทั้งผัวมึงให้สะใจ พลาดโครงการหมื่นล้านเมื่อไหร่ อย่ามาเล่นบทโศกก็แล้วกัน!”


...

   
   ปัถย์ขับรถมาถึงไซต์ในหนึ่งชั่วโมงถัดมา เขาเดินตรวจนอกรอบกับทีมงาน เพื่อให้มั่นใจว่าซีอีโอของโรงแรมจะพอใจในความคืบหน้าของงาน จนกระทั่งเหล่าคณะผู้บริหารจากโรงแรมเดินทางมาถึง

   ชายหนุ่มเข้าไปต้อนรับและเป็นคนพาเดินตรวจด้วยตัวเอง มีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้างๆ แต่เขาก็รับปากว่าจะแก้ไขให้ในทันที ซึ่งฝ่ายนั้นก็ดูจะพอใจ ถึงขั้นออกปากชมในหลายๆ เรื่อง โดยที่ปัถย์ก็ได้ให้เครดิตแก่ฝ่ายโครงการที่ดำเนินงานได้ตามแผน ทั้งโพรเจกต์แมเนเจอร์และวิศวกรต่างก็หน้าบานเพราะได้รับคำชมไปตามๆ กัน

   “เสียดายนะครับที่วันนี้คุณเอรีสไม่มาด้วย“

   “ต้องขอโทษแทนคุณเอรีสอีกครั้งนะครับ คราวหน้าคุณเอรีสไม่พลาดแน่ หรือถ้ามีอะไรด่วน สามารถสายตรงถึงผมได้เลยครับ”

   “คุณปัถย์นี่อายุยังน้อยอยู่เลย แต่ทำงานเป็นระบบมาก นี่ถ้าเบื่อทำงานกับเบอร์ตันแล้วรีบโทร. มาหาผมเลยนะครับ ผมชอบคนทำงานเร็วและรอบคอบอย่างคุณปัถย์”

   “ขอบคุณครับ แต่ที่จริงระบบของเบอร์ตันดีต่างหากครับ ระบบดีการทำงานก็สะดวก”

   “เดี๋ยวจะมีโครงการที่ภูเก็ตอีก ตอนนี้กำลังให้ฝ่ายออกแบบร่างคร่าวๆ ไว้อยู่ รอใกล้ๆ แล้วจะโทร. หา ผมจะเชิญเบอร์ตันไปร่วมประมูล”

   “ขอบคุณครับที่ไว้ใจเรา”

   “วันนี้ก็ประมาณนี้แล้วกันนะ ไว้ผมจะให้ลูกน้องดูอีกทีว่าจะเข้ามาวันไหน ยังไงก็ต้องเจอคุณเอรีสสักครั้ง”

   “ครับ”

   เมื่อคณะผู้บริหารใหญ่ของโรงแรมกลับไป ปัถย์ก็อยู่ต่ออีกพักใหญ่ แต่ทว่าตอนที่กำลังเดินตรวจงานอยู่กับวิศวกรโครงสร้าง ปัถย์ก็เดินเข้าไปเห็นสิ่งที่ขัดตาเข้าเสียก่อน

   “คุณวิทย์ครับ ทำไมผู้รับเหมาถึงไม่เก็บรายละเอียดตรงผนังให้เรียบร้อยก่อนล่ะครับ นั่นน่ะครับ”

   “อ๋อ ครับ นิค คุณมานี่หน่อย” กรวิทย์หันไปเรียกโฟร์แมนที่รับหน้าที่คุมคนงาน

   “สวัสดีครับ”

   “คุณนิคใช่ไหมครับ ผมรบกวนคุณนิคช่วยดูตรงนี้หน่อย”

   ปัถย์อธิบายอย่างใจเย็นอยู่ครู่ใหญ่ ก็เดินไปใกล้ผนังสูงที่ตั้งนั่งร้านไว้จนสุดเพดาน

   “อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรครับ แต่ตรงนี้ผมอยากให้แก้ แล้วก็...”

ไม่ทันที่ปัถย์จะพูดจบ คนงานที่ยืนอยู่บนนั่งร้านสองสามคนก็ร้องโวยวาย ก่อนที่ท่อนเหล็กของนั่งร้านชั้นที่สามจะโค่นลงมา

   “เฮ้ย! ระวังโว้ย หลบเร็ว!”

   ตามมาด้วยเสียงโครมครามของท่อนเหล็กที่ร่วงหล่นกระทบพื้น

   “โอ๊ย!”

   “เฮ้ย ฉิบหายละ เรียกรถพยาบาลเร็ว คุณปัถย์ครับ คุณปัถย์”

   เกิดความชุลมุนขึ้นทันทีเมื่อนั่งร้านหล่นลงมาน กรวิทย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เพียงถูกท่อนเหล็กเฉียดใบหู ในขณะที่ปัถย์นั้นอยู่ตรงวิถีพอดี เลยโดนท่อนเหล็กหล่นทับเข้าอย่างจัง

   “พวกมึงไปตามเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยมา”

   “ห่าเอ้ย! นี่ผู้ช่วยนายใหญ่นะมึง ซวยกันหมดแน่ ตกงานกันก็คราวนี้ละ”

   “เรียกรถพยาบาลหรือยัง เร็วสิโว้ย!”




++++

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุบัติเหตุครั้งนี้  บังเอิญหรือตั้งใจ (โดยตัวร้ายนายฐิติ) ?

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เหมือนเป็นแผนการมากกว่า

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เหมือนได้กลิ่นตุๆจากเหตุการณ์นี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด