15
~สุดแค้นกับแสนรัก ~
ROME’s PARTครั้งสุดท้ายที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคนตัวเล็กนอนขดตัวซุกเข้าหาอกผมเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมากแล้วจนแทบจำไม่ได้.... ถ้ารู้ว่าช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันมันจะแสนสั้นและแสนมีค่ามากขนาดนี้ ผมจะไม่เสียค่าโง่ทำอะไรอย่างที่เคยทำเลย แต่จะกอดทิชาเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
ผมควานมือถือที่วางไว้เหนือหมอนมากดดูนาฬิกา ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว อีกเดี๋ยวทั้งผมและน้องก็ต้องตื่นจากความฝันแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ผมขยับตัวนิดหน่อยเพื่อที่จะได้มองร่างในอ้อมแขนได้ถนัดขึ้น.... อาจจะฟังดูแปลกๆ ที่ผู้ชายชมผู้ชายด้วยกันแบบนี้ แต่ผมก็ไม่รู้จะใช้คำไหนอธิบายถึงคนตรงหน้าได้ดีเท่ากับคำว่าสวย เพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อยเลยทำให้ใต้ตาช้ำไปบ้างแต่ทิชาก็ยังสวยอยู่ดี ทั้งสวยและน่ารักจนผมอดนึกหวงไม่ได้ อยากจะจับขังไว้ในห้องกระจกปิดตายไม่ให้พบเจอใครเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
ยอมรับตรงๆ ว่าแวบแรกที่เห็นก็ถูกใจทิชาตรงหน้าตา ถึงจะมอมแมมเนื้อตัวหัวหูเต็มไปด้วยคราบโกโก้ก็เถอะ แต่ที่ทำให้ผมหลงรักหัวปักหัวปำจริงๆ กลับเป็นนิสัยซึ่งผิดจากรูปลักษณ์ภายนอกและเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากผู้คนรอบข้างลิบลับ.... ใครจะไปคิดว่าคุณหนูลูกดารา ท่าทางหยิ่งเข้าถึงยากแถมยังไม่ค่อยพูดค่อยจากับคนแปลกหน้าจะกลายเป็นลูกแมวน้อยเวลาที่อยู่กับแฟน ทิชาทั้งอ้อนเก่งแล้วก็เอาใจเก่ง จากที่เคยกังวลว่าจะรับมือกับอารมณ์แปรปรวนของเจ้าตัวไม่ได้ก็กลับกลายเป็นว่าทิชาต่างหากที่ต้องจัดการโน่นนี่ให้ผมตั้งมากมาย แม้จะยังอ่อนไหวง่ายหากก็เข้มแข็งเด็ดขาดในเวลาที่จำเป็น ที่สำคัญก็คือการกระทำซึ่งแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่ารักผมนั่นแหละ
ก่อนหน้านี้ ผมเคยตั้งสเป็คเอาไว้ว่าคนที่จะมาเป็นแฟนจะต้องใสๆ ไร้เดียงสา คุยง่ายยิ้มง่าย แค่อยู่ด้วยก็อารมณ์ดีไปทั้งวัน แต่สุดท้ายผมก็มาแพ้ทางทิชาเข้าจนได้ พอรู้ตัวอีกทีก็หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
“อืม............”
เสียงแหบหวานครางงึมงำเมื่อโทรศัพท์ส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องตื่นนอนแล้ว ผมเอื้อมมือไปกดปิดให้ก่อนจะแนบรับอรุณจูบลงกลางหน้าผากเนียนเพื่อช่วยปลุกคนขี้เซาอีกแรง ทิชาหยีตาสู้แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาก่อนจะลุกขึ้นนั่งสะลึมสะลืออีกพักใหญ่ พอเห็นผมนั่งยิ้มรออยู่แล้วก็เอ่ยถามทั้งที่ยังไม่หายเมาขี้ตาดี
“พี่โรมตื่นนานแล้วเหรอ?”
“สักพักแล้วครับ”
ผมตอบพลางยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มร่างบาง หากแทนที่จะตาสว่างก็ดันหาวหวอด ไม่ได้มีวี่แววว่าจะอยากตื่นเลยสักนิด
“งั้นพี่โรมไปอาบน้ำก่อนไป ผ้าเช็ดตัวหยิบเอาในลิ้นชักเลย แปรงสีฟันอันใหม่อยู่ในห้องน้ำ ชาจะนอนต่อ ออกมาแล้วค่อยปลุกนะ........”
ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนแหมะตามเดิม แต่ก็ยังมิวายชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางไหนก็ไม่รู้พร้อมกับสั่งงานผมยาวเหยียด
“ฝากเอาข้าวให้มิลค์ด้วย อยู่ในตู้ข้างล่างตรงไมโครเวฟอะ”
คนสั่งผลอยหลับไปอีกรอบง่ายดายเหมือนปิดสวิตช์ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ปกติทิชาก็เป็นพวกเด็กอนามัยต้องนอนอย่างต่ำวันละแปดชั่วโมงอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีทั้งเรื่องเรียน ทั้งเวิร์คช็อปเตรียมถ่ายซีรีส์อะไรนั่นอีก เดี๋ยวพอเปิดกล้องก็คงจะได้นอนน้อยกว่านี้อีกหลายเท่าเชียวล่ะ
“แง้ว.............”
“อือ แม่ชาบอกพ่อแล้ว หนูรอแปบนึงนะลูก”
ผมหันไปบอกยัยมิลค์ซึ่งมายืนไซโครออยู่ตรงชามข้าวในส่วนแพนทรีครัว ก่อนจะเปิดหาถุงอาหารแมวในตู้ชั้นล่างตามที่เจ้าของห้องบอก ผมจัดแจงเทข้าวเปลี่ยนน้ำให้ลูกสาวขนฟูจนเรียบร้อยแล้วจึงค่อยกลับมารื้อหาผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ ส่วนเสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึงเลย ผมใส่ของทิชาไม่ได้แน่ๆ ก็คงต้องใส่ตัวเดิม ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแล้วเอาเสื้อช็อปทับกันตายไปวันหนึ่ง
ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาปลุกแม่แมวขี้เซาที่จนป่านนี้ยังหลับอุตุอยู่
“ตื่นได้แล้ว ทิชา”
“อือ.............”
ลองว่าง่วงขนาดนี้ แค่เรียกอย่างเดียวคงไม่มีทางสะดุ้งสะเทือน ผมก็เลยดึงผ้านวมที่ทิชาซุกตัวอยู่โยนไปอีกทาง แต่ก็ทำได้แค่เรียกเสียงอืออาเหมือนรำคาญแล้วคว้าสะเปะสะปะหยิบหมอนมาปิดหัวตัวเองเพื่อหนีจากความโหดร้ายของเช้าวันจันทร์ เดือดร้อนผมต้องโน้มลงไปเขย่าตัวปลุกอีกแรง
“เรามีเรียนแปดโมงครึ่งไม่ใช่เหรอ.... นี่จะเจ็ดโมงแล้วนะ ตื่นเร็ว”
“ออกแปดโมงก็ทันน่า”
“ไปบีทีเอสน่ะทัน แต่พี่เอารถยนต์มานะครับ คุณหนู”
ไม่อยากจะคิดถึงสภาพการจราจรเส้นทางจากทองหล่อไปมหา’ลัย ไม่ว่าจะฝั่งสุขุมวิทหรือเพชรบุรีก็น่าจะติดสาหัสพอๆ กัน แถมวันนี้ผมมีเรียน Automotive Measurement ที่ห้ามขาด ห้ามสาย ห้ามป่วย ห้ามตาย เสียด้วย
“ลุกนะ คนเก่ง.... ถ้าไม่ยอมลุก พี่โดดทับจริงๆ นะ ยิ่งตัวบางๆ แบบนี้ ซี่โครงหักไม่รู้ด้วย”
พอได้ยินผมขู่ ลูกแมวน้อยถึงได้ยอมโผล่หัวออกมาจากใต้หมอน แต่แทนที่จะรีบลุกตามที่บอกก็กลับมานอนตาปรือจ้องผมอย่างกับจะจับกลืนลงท้อง
“ทำไมพี่โรมหล่อจัง.......?”
น้ำเสียงฟังดูคล้ายละเมอฝันเห็นเทพบุตร แต่ผมรู้ว่าทิชาน่ะตื่นเต็มตาแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนที่เห็นแผงอกแน่นๆ กับกล้ามท้องของผมนั่นแหละ
“ผมเปียกๆ แบบนี้โคตรเซ็กซี่เลย.......แถมยังไม่ใส่เสื้อผ้ามาปลุกชาอีก......เห็นแล้วคิดดีไม่ได้เลยอะ.......”
คำพูดคำจาน่าหมั่นเขี้ยวทำเอาผมรู้สึกจักจี้แปลกๆ ยิ่งสายตาปรือปรอยอย่างที่ไม่บอกก็รู้ว่าจงใจจะยั่วนั่นอีกล่ะ.... มันน่านักเชียว ทิชนันท์!
“พี่รู้นะว่าคิดอะไร แต่นี่มันใช่เวลาเหรอครับ”
ผมข่มน้ำเสียงให้ฟังดูห้วนดุเข้าไว้ แต่ก็แอบคิดในใจว่าถ้าวันนี้ไม่ใช่วันจันทร์ล่ะก็ รับรองว่าต้องมีใครบางคนได้เสียน้ำจนแห้งคาเตียงแน่ เสียดายที่เวลาไม่ค่อยเป็นใจเอาเสียเลย
“ตื่นไปเรียนก่อน ไว้ตอนเย็นค่อยทำ”
“ตอนเย็นไปเวิร์คช็อป จะเสร็จกี่โมงก็ไม่รู้.... กลับมาบ้านก็คงไม่เจอพี่โรมแล้วปะ”
เมื่อโดนปฏิเสธ ร่างเล็กก็หน้างอเป็นจวักอย่างเอาแต่ใจทันที.... นิสัยนี้ตอนที่คบกันแรกๆ ก็ไม่เคยเป็นหรอก หากพอทิชาเริ่มจับจุดได้ว่าผมรักผมหลง ความดื้อดึงร้ายกาจก็ค่อยๆ แง้มออกมาทีละน้อยพร้อมกับความน่ารักซึ่งดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด
“ของแบบนี้มันเก็บไว้ทำทีหลังได้ที่ไหนกัน.....อยากตอนนี้ก็ต้องทำตอนนี้สิ หรือจะให้ชาไปนั่งตาเยิ้มใส่คนทั้งมหาลัยล่ะ?”
มีขู่ด้วย.... แต่แค่นึกภาพตามก็แทบจะบ้าตาย ปกติก็มีไอ้พวกหื่นไม่ดูทิศทางลมจ้องจะงาบแฟนผมอยู่ทุกที่ ขืนปล่อยทิชาออกไปข้างนอกในสภาพล่อแหลม ปล่อยฟีโรโมนไปทั่วนี่มันอันตรายชัดๆ!
“นะ....พี่โรมเก่งจะตาย.....ทำให้น้องแปบเดียวก็เสร็จแล้ว”
ไม่พูดเปล่าแต่ยังแต่ยื่นมือตัวเองมาคว้าหมับเข้าที่ส่วนกลางลำตัวผม สัมผัสจู่โจมผ่านผ้าขนหนูเนื้อนุ่มเล่นเอาผมสะดุ้งโหยงขนลุกเกรียว หากพอก้มลงมองอวัยวะส่วนเดียวกันของคนเรียกร้องก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เพราะตรงหว่างขาทิชานั้นทั้งแฉะทั้งชื้น มิหนำซ้ำยังยังแข็งปั๋งชี้ชนกางเกงนอนจนเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวมีอารมณ์มากแค่ไหน และผมเองก็ดูท่าทางจะตามไปติดๆ
คงเพราะเราทั้งคู่ยังวัยรุ่นอยู่ล่ะมั้งก็เลยเครื่องฟิตสตาร์ทติดง่ายพอกัน
“เราน่ะ อ้อนเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ขอนึกก่อนนะ........”
ทิชาแกล้งทำท่านึกโดยที่ยังไม่ปล่อยมือจากน้องชายผม ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง ผมก็คงไม่เชื่อหรอกว่าไอ้ท่าทางแสนเซี้ยวซุกซนแบบนี้ มันจะออกมาจากเด็กที่ครั้งหนึ่งเคยอมทุกข์มีแต่รอยน้ำตา
“สงสัยว่าจะตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าพี่โรมรักล่ะมั้ง.... มีแฟนหล่อแสนดีขนาดนี้ก็ต้องอ้อนให้คุ้ม”
“อย่าให้ถึงทีพี่บ้างก็แล้วกัน”
“ก็ถึงแล้วนี่ไง.... รีบทำเร็วๆ สิ เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”
ใบหน้าสวยยิ้มพราย ในดวงตากลมโตฉายแววยั่วยวนเว้าวอนแบบที่คนอย่างผมไม่น่าจะทนไหว ยิ่งผมห่างเรื่องนี้มาหลายวันเพราะแทบไม่ได้เจอทิชาเลย เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนเสือหิวโซผ่านมาเจอเนื้อชิ้นใหญ่นั่นแหละ
“แล้วอย่ามาหาว่าโดนพี่รังแกทีหลังล่ะ”
ผมรูดกางเกงขาสั้นลงไปกองอยู่ตรงปลายเท้าร่างบาง สิ่งแรกที่กระแทกเข้ามาในประสาทส่วนการมองเห็นก็คือผิวกายขาวจัดซึ่งบ่มด้วยเลือดฝาดจนกลายเป็นสีอมชมพูไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงจุดที่ไวสัมผัสที่สุด แกนเนื้อขนาดแค่พอกำมือได้รอบตั้งแข็งชูชัน ส่วนปลายยอดแดงก่ำมีน้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มชโลมอยู่จนเปียกไปหมด
จากที่ตอนแรกคิดว่าจะรีบทำรีบเสร็จเพราะไม่มีเวลา แต่พอเห็นดอกไม้บานอยู่ตรงหน้าก็ชักอดใจอยากจะเด็ดมาเชยชมนานๆ ไม่ได้....
“อืม..........ดีจัง.............”
เสียงหวานครางอย่างมีความสุขแทบจะทันทีที่ผมครอบริมฝีปากลงไปบนแก่นกายสีสด เอวบางบิดเกร็ง แผ่นหลังแอ่นโค้งจนเสื้อยืดตัวหลวมเลิกขึ้นไปอยู่ใต้อกในขณะที่ลมหายใจของทิชาหอบกระชั้นจากความวาบหวามรัญจวนที่ผมป้อนให้.... ยิ่งได้ยินเสียงร้อง ผมก็ยิ่งเล่นหนักเล่นแรง มือข้างหนึ่งล็อคเรียวขาขาวขึ้นพาดบ่า ส่วนอีกข้างกดให้ติดกับฟูกไม่ยอมให้คนซึ่งกำลังเสียวซ่านได้ที่เคลื่อนไหวได้ จากนั้นก็ตวัดลิ้นโลมเลียอย่างไม่ปรานี เน้นหนักตรงรูเล็กตรงยอดปลาย เพียงแค่ผมแหย่ปลายลิ้นสะกิดเบาๆ ทิชาก็ดิ้นพล่านร้องเสียงหลงเหมือนจะขาดใจ
“อ๊ะ.....อื้อ........พี่โรม.......พี่จ๋าของน้อง.............”
ร่างเล็กเอื้อมมือมาขยุ้มหัวผมระบายความเสียว หน้าท้องแบนราบเกร็งเสียจนยุบเป็นแอ่งลงไป กลีบปากอิ่มเผยอหอบครางไม่หยุดหย่อนก่อนจะร้องสั่งอย่างเอาแต่ใจเมื่อรู้ว่าผมเต็มใจจะตอบสนองในสิ่งที่ตนปรารถนา
“ดูดอีก......ดูดตรงปลายแรงๆ เลย......พี่จ๋า.........”
“ทำไมเมียพี่ถึงได้หอมหวานไปทั้งตัวแบบนี้นะ........โดยเฉพาะตรงนี้ หวานที่สุดเลย........”
ผมหมายถึงเจ้าแท่งเล็กที่ถูกผมดูดเลียราวกับเป็นไอติม คล้ายกับถูกมอมเมาด้วยฟีโรโมนที่หลั่งออกมาจากร่างกายของทิชา ไม่ใช่แค่น้องที่ถูกใช้ปากแล้วมีความสุข แต่ผมเองก็โคตรฟินเหมือนกันที่ได้ครอบครองตัวตนที่แท้จริงของน้อง.... จะว่าเคมีเราสองคนตรงกันก็คงไม่ผิด มีแค่อุปนิสัยบางอย่างที่ต้องปรับเข้าหากัน แต่กับเรื่องเซ็กส์นั้นไม่เคยมีปัญหาเลย ผมให้ทุกอย่างที่ทิชาต้องการได้ ทิชาก็ให้ทุกอย่างที่ผมต้องการได้เช่นกัน
“อ๊า........อ๊ะ...........พี่โรม......จะเสร็จแล้ว......อ๊ะ...........”
สะโพกกลมกลึงส่ายหนักจนผมต้องเพิ่มแรงล็อคขาทั้งสองข้างของร่างบางเอาไว้ น้ำเหนียวหนืดซึ่งเคล้าอยู่ในปากไม่ต่างจากน้ำเมาที่ทำให้ผมยิ่งลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น.... เสียงร้องครางกับแรงจิกขยุ้มจากคนรักเหมือนโหมกระพือเลือดหนุ่มในตัวผมให้ร้อนระอุประหนึ่งราดน้ำมันลงบนกองไฟ ริมฝีปากและลิ้นทำงานประสานกันส่งทิชาให้ไปถึงฝั่งฝัน และอีกเพียงไม่กี่อึดใจถัดมา อาการเหยียดเกร็งครั้งสุดท้ายก็มาพร้อมกับเสียงหวานกระเส่าและคราบรักขุ่นขาวที่รดหลั่งมากยิ่งกว่าคราวไหนๆ
“อ๊า........!”
ผมถอนปากออกเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัดเต็มสองตา ร่างบอบบางบิดสะท้านไปมาเมื่อความซาบซ่านตรงกลางลำตัวแล่นทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ใบหน้าน่ารักเหยเกอย่างมิอาจควบคุมในขณะที่แก่นกายเล็กปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาเป็นสายยาวจนเปรอะหน้าท้องเนียนขาว รวมถึงมือและปากของผมด้วย
“.............พี่โรมเก่งจริงๆด้วย......ดูสิ ชาเสร็จเร็วอีกแล้ว.........”
คนตัวเล็กเอ่ยทั้งที่ยังหอบเหงื่อซึม พลางลูบมือไปตามคราบรักบนหน้าท้องของตัวเอง แววตาที่มองผมยังคงเต็มไปด้วยความออดอ้อนออเซาะ ก่อนจะไล้ปลายนิ้วดูดเลียแบบเดียวกับที่ผมทำกับเจ้าตัวน้อยของทิชาก่อนหน้านี้
“ทำไมออกเยอะจัง.... ตอนที่อยู่คนเดียวไม่ได้ทำเองบ้างเลยเหรอ?”
ผมถามอย่างนึกสงสัย เพราะปกติแล้วเวลามีอะไรกันก็ไม่ได้เปื้อนเยอะขนาดนี้ พาลเดาเอาว่าตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ทิชาคงไม่ได้แตะต้องปลดปล่อยอารมณ์ด้วยตัวเองเลย
“เดี๋ยวนี้ชาทำเองไม่เป็นแล้ว..........”
ร่างเล็กยิ้มร้ายก่อนจะเบียดตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผม ผิวแก้มใสซบลงบนผืนอกเปลือยเปล่า
“รอพี่โรมมาทำให้มันอิ่มกว่าตั้งเยอะนี่นา อย่างนี้แล้วใครจะไปอยากทำเองกันล่ะ”
“เดี๋ยวนี้พูดเก่งนักนะ”
ผมจัดการกำราบแม่แมวแสนซนด้วยการประกบจูบเข้าหากลีบปากสีระเรื่อ ดูดดึงควานหารสหวานกำซาบจนพอใจ ทิชาเองก็ตอบสนองด้วยการตวัดปลายลิ้นตอบโต้เย้าหยอกคืนอย่างมีลูกล่อลูกชน.... รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายก็จูบเก่งไม่แพ้กัน เมื่อได้มาผลัดกันรุกไล่ลองเชิงก่อนจะเริ่มบทรักขั้นสุดท้ายก็สนุกดีไม่หยอก
“นอนลงแล้วแยกขาออกกว้างๆ เลย”
“เอากว้างแค่ไหนดี?”
ถามยอกย้อนน่าดีดแต่ก็ยอมนอนลงไม่อิดออด แค่พริบตาเดียว ผ้าเช็ดตัวสีเข้มที่ผมใช้พันท่อนล่างก็หายวับไปกองรวมอยู่ตรงที่เดียวกับกางเกงขาสั้นของทิชา.... ความเป็นชายของผมผงาดตั้งลำพร้อมรบ ทำเอาร่างบางถึงกับห่อปากหัวเราะคิก
“แต่ใหญ่เบอร์นี้ ดูท่าทางชาคงต้องแหวกทางเข้าให้ด้วยมั้งเนี่ย”
“ก็บอกแล้วว่าห้ามบ่น ห้ามหาว่าโดนพี่รังแกด้วย”
เราทั้งคู่ต่างก็มีอารมณ์จนไม่มีใครสนใจเรื่องเจลหล่อลื่นหรือเรื่องเจ็บไม่เจ็บอะไรทั้งนั้น.... ผมแทรกกายเข้าไปอยู่ตรงกลางหว่างขาคนรัก ท่อนเนื้อสีสดซึ่งเพิ่งคลายความตึงแน่นไปเมื่อครู่เริ่มแข็งชันขึ้นอีกรอบ แต่ก็ยังน้อยกว่าลูกชายผมซึ่งขยายใหญ่เต็มความยาวและกำลังปวดระบมร่ำร้องจะหาที่ฝังตัวลงไป
ผมจับแท่งร้อนซึ่งเต็มไปด้วยความปรารถนาจ่อเข้าที่เป้าหมาย โดยมีร่างเล็กช่วยอำนวยความสะดวกแอ่นสะโพกขึ้นแล้วใช้สองมือบิแก้มก้นให้แยกห่างจากกันเพื่อขยายปากทางเข้า ผมจึงค่อยๆ กดความแข็งแรงของตัวเองลงไป
“อื้อ.............”
ทิชาครางเหมือนเจ็บ ดูจากความต่างไซส์ตัวผมกับน้องก็น่าจะเจ็บอยู่หรอก ทุกทีผมจะทำโดยใช้สามนิ้วขยายขนาดทางเข้าเตรียมไว้ก่อน แต่ก็อย่างที่เห็นว่าวันนี้เราสองคนรีบมาก.... แล้วก็หื่นมากด้วย
“เจ็บเหรอ........พี่เพิ่งเข้าไปแค่ครึ่งเดียวเอง............” ผมบอกสถานการณ์ให้ทิชาฟัง น้องพนักหน้าให้ผมพลางสูดหายใจลึกๆ ลดอาการเกร็ง “หรือจะชโลมเจลให้มันลื่นๆ ก่อนดี......ทิชาจะได้ไม่เจ็บไง.........”
“มะ.....อึก........ไม่ต้อง...........”
“เอาจริงเหรอ?”
“อือ.......พี่โรมเสียบเข้ามาเลย........”
น้องสั่งผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ช่องทางรักเบื้องล่างตอดรัดผมถี่ยิบราวกับคำเชิญชวน
“เสียบเข้ามาแล้วขย่มแรงๆ........อื้อ........เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว...........”
ได้ยินแบบนี้ ผมก็อดใจไม่ไหว แทบจะพรวดเข้าไปในตัวคนรักทีเดียวให้มิดถึงโคน
“อ๊ะ.......ซี้ด..............”
ร่างบางซี้ดปากด้วยความเจ็บผสมกับความเสียวหลังจากที่ผมตัดสินใจกดแท่งร้อนทั้งหมดที่เหลือเข้าไปจนลึกสุด มือเล็กผละจากแก้มก้นตัวเองมาจิกไหล่ผมทันทีที่เส้นประสาททั่วกายตึงเปรี๊ยะเสมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่าน.... รอยน้ำตาจางๆ เอ่อคลอเบ้าบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงทั้งเจ็บทั้งจุกไม่น้อย ทว่า รอยยิ้มแห่งความสุขกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย พลอยให้ผมต้องยิ้มตามไปด้วย
“อืม............”
ผมส่งเสียงพร่าในลำคออย่างพึงใจ ข้างในตัวทิชาทั้งอุ่นแล้วก็นุ่ม ยิ่งเวลาที่ผนังหยุ่นโอบรัดท่อนเอ็นแล้วตอดรัวๆ นี่แม่งโคตรฟิน พอได้เข้าแล้วก็ไม่อยากจะเอาออกเลย เพราะอย่างนี้แหละผมถึงได้กอดน้องตั้งแต่สี่ซ้าห้าทุ่มยันฟ้าเหลืองอยู่บ่อยๆ
“พี่โรมรู้ปะ.... ชาอยากมีอะไรกับพี่บนเตียงตัวเองมาตั้งนานแล้ว”
อยู่ดีๆ ทิชาก็พูดออกมา เรียวแขนผอมบางยกขึ้นคล้องคอผมก่อนที่เราจะสบสายตากัน
“ทำไมล่ะ?”
ผมย้อนถาม เห็นผิวเนื้อช่วงอกของแฟนโล่งๆ ไม่เหลือรอยจูบที่ทำทิ้งเอาไว้คราวก่อนก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปดูดเล่นให้ขึ้นเป็นรอยกลีบดอกไม้แล้วจึงค่อยพูดต่อ
“เตียงห้องพี่โยกไม่มันส์เท่าเตียงนี้เหรอครับ คนสวย?”
“บ้า!”
กำปั้นน้อยๆ ทุบไหล่ผมเสียงดังปึ้ก ริมฝีปากอิ่มยื่นเหมือนเป็ดก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานจับหัวใจเช่นเดิม
“ชาจะบอกว่าพี่โรมเป็นแฟนคนแรกที่ชายอมให้เข้ามานอนค้างที่บ้านนะ.... แล้วก็เป็นคนแรกที่มีเซ็กส์กันบนเตียงที่ชานอนมาตั้งแต่เด็กด้วย”
“.....................”
“ชาพูดจริงนะ”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่งกับสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน.... ผมรู้ดีมาตลอดว่าตัวเองไม่ใช่คนแรกของทิชา เป็นคนที่เท่าไรก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ น้องเองก็ไม่เคยเล่าถึงคนเก่าๆ ให้ฟังเพราะผมไม่ได้สนใจอยากรู้อยากถาม แต่ทิชาไม่เคยพาใครเข้าบ้านเลย ผมคือคนแรก ถึงจะไม่ใช่คนแรกที่ได้เวอร์จิ้นแต่ก็เป็นคนแรกที่ได้รักกันในสถานที่ที่ทิชาคุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัยที่สุด
ให้ตายเถอะ มันเหมือนกับว่าผมคือคนแรกที่ก้าวเข้ามาในโลกของทิชา ทิชนันท์ ได้อย่างเต็มตัว
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมปลื้มปริ่มภูมิใจได้ยังไงเล่า....?
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อสักหน่อย.........”
ผมว่าพลางเกลี่ยปลายนิ้วไล้ไปตามแก้มใสแล้วฝังปลายจมูกตามลงไป ข้างในอกพองโตคล้ายมีคนเอาลูกโป่งมายัดไว้ ถ้าไม่ติดว่ามีภารกิจสำคัญรออยู่ตรงหน้า ผมอาจจะมีความสุขจนตัวลอยติดเพดานไปแล้วก็ได้.... ความรักของผมกับทิชาคือสิ่งสวยงามและล้ำค่าเกินกว่าจะหาความรู้สึกอื่นใดมาเทียบเท่า ผมไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลย
“พี่ขอสัญญาว่าเซ็กส์ครั้งนี้จะน่าจดจำพอๆ กับครั้งแรกหลังจากที่เราคบกันเลย”
“งั้นชาก็ฝากพี่โรมด้วยนะ.... เอาให้ขาเตียงโยกไปเลยก็ได้”
สิ้นเสียงฝากฝัง ผมก็เริ่มขยับสะโพกสาวเข้า-ออกช้าๆ แต่เน้นหนักจังหวะตอนที่กระแทกลึกสุด พาลให้ร่างข้างใต้ผวาเฮือกกอดผมแน่นในยามที่จุดกระสันภายในช่องทางโดนท่อนเนื้อใหญ่ยาวเสียดสีกดย้ำหนแล้วหนเล่า.... ข้างในท้องน้อยผมก็หน่วงๆ ตึงๆ เช่นกัน ความเสียวที่ได้รับจากคนตัวเล็กเล่นเอาแข้งขาอ่อนแรง แต่ก็ยังอยากจะทะลวงหาความหฤหรรษ์ให้มากเท่าที่จะมากได้
“อ๊ะ........อา..............”
ทิชาร้องครางอยู่ข้างหูผม ร่างอ้อนแอ้นบอบบางโยกคลอนไปตามการชักนำ เสียงฟูกนอนหนากระทั้นกับหัวเตียงและเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดจากขาเตียงยิ่งเร้าใจเราทั้งคู่มากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่ายัยมิลค์จะตกใจเสียงจนวิ่งหนีไปแอบดูอยู่ตรงใต้โต๊ะทำงานแล้วก็เถอะ
“อา........ทิชา........น่ารักมาก........รัดพี่แน่นเชียว..........”
ผมกระซิบบอกคนรักขณะการะแทกความเป็นชายใส่อยางหนักหน่วงต่อเนื่อง
“.....อื้อ..........เสียวจัง........พี่จ๋า........เข้ามาอีก......ลึกๆ....แรงๆ............อา..........”
ผมผ่อนความเร็วลงนิดหน่อยแล้วหันมาเน้นแบบที่น้องอ้อนขอแทน ทิชาแยกขาออกกว้างขึ้นอีกเพื่อให้ผมกดแก่นกายเข้ามาจนหมด ท่อนเนื้อเล็กแกว่งไกวไปตามจังหวะการเคลื่อนไหว น้ำขาวขุ่นปริ่มย้อยยั่วสายตาจนผมต้องส่งนิ้วโป้งไปขยี้ตรงรูกะจิดริดที่ปลายยอด
แค่นั้นแหละ แมวน้อยยั่วสวาทก็ดิ้นทุรนทุราย ร้องหาผมพร้อมทั้งกระดกตัวขึ้นมากอดอย่างสุดจะอดกลั้น
“อื้อ.......พี่จ๋า.........อย่าแกล้งน้อง.....มันเสียว........ไม่ไหวแล้ว.............”
“ถ้าทำไม่เสียวแล้วเมียพี่จะสนุกเหรอครับ?”
ผมรูดแท่งรักของทิชาอย่างเมามัน เอวก็ไม่หยุดขยับโจนจ้วงเข้าหาโพรงรักที่แสนนุ่มนิ่มอุ่นร้อน ปรนเปรอทั้งข้างหลังและข้างหน้าให้เราได้อิ่มเอมกันทั้งคู่
“เวลาทิชาเสียว......ตรงนี้ของทิชาจะกอดพี่แน่นมาก.......โคตรดีเลย.........”
“อ๊ะ......อา...........อื๊อ.............”
ร่างบางยังคงส่งครวญครางกระเส่าไม่หยุด ในขณะที่ผมโถมกายกระแทกเข้าหาช่องทางด้านหลังถี่ยิบ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังแทรกขึ้นท่ามกลางความสุขสมของเราสองคนซึ่งพร่างพรูเอ่อล้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงง่ายๆ
เมื่อเครื่องร้อนเต็มพิกัด ผมก็เร่งกระหน่ำโยกเอวสอดใส่ไม่ยั้ง ความรู้สึกเบาหวิวแล่นจากท้องน้อยขึ้นสู่ก้านสองแล้วดิ่งลงสู่ปลายเท้า ทิชาจิกปลายนิ้วข่วนหลังผมก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเกร็งแล้วปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สอง ผมเองก็ปล่อยมือจากท่อนเนื้อเล็กให้มันได้ดีดตัวคายน้ำรักจนครบทุกหยาดหยด แล้วก็ถึงเวลาหน่วงจังหวะส่งท้ายเพื่อที่จะได้เสร็จตามคนรักไปติดๆ
“อืม........พี่ขอปล่อยในนะครับ คนดี..........อา.........”
ผมกระซิบบอกเสียงพร่าก่อนจะถอนตัวออกจนเกือบสุดความยาวแล้วอัดเข้าไปเน้นๆ อีกสี่-ห้าครั้ง แล้วปล่อยความต้องการให้ทิชาได้ครอบครองทั้งหมด
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงพลางดึงตัวทิชาเข้ามากอด อุตส่าห์เพิ่งอาบน้ำมาแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับเหงื่อโชกอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมา จะผิดก็ตรงที่เหนียวเหนอะเป็นพิเศษตรงลูกชายสุดที่รักของผมนี่แหละ.... เราสองคนประกบปากจูบกันอ้อยอิ่งอยู่อีกพักใหญ่เพราะไม่มีใครยอมลุกจากเตียงก่อน คงเป็นเพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าเวลาแห่งความสุขแบบนี้จะคงอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงจะรักกันแค่ไหนแต่เราก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบรอคอยอยู่ ซึ่งผมก็คาดหวังว่าอีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบลง แล้วผมกับทิชาก็จะได้อยู่ด้วยกันให้มากที่สุดตราบเท่าที่หัวใจต้องการ
.
.
.
กว่าจะลุกไปอาบน้ำได้ก็ล่อไปเจ็ดโมงกว่า ผมกับทิชาอาบน้ำพร้อมกันด้วยความเร็วแสงแล้วจึงออกมาแต่งตัวแล้วโบกวินมอเตอร์ไซค์ไปมหาวิทยาลัยตอนแปดโมง โชคดีที่ผมทิ้งอุปกรณ์การเรียนทั้งหลายแหล่เอาไว้ในรถก็เลยแค่หยิบๆ แล้วก็ไปเข้าคลาสได้ แต่ก็ต้องฝากรถออดี้สุดรักสุดหวงไว้ที่บ้านน้องจนถึงตอนเย็น.... ก่อนจะแยกย้ายไปคณะใครคณะมัน ทิชาให้กุญแจบ้านไว้กับผมสำหรับมาเอารถคืนแล้วก็รับยัยมิลค์กลับไปคอนโดฯ
เพื่อชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและสานต่อเลิฟซีนเมื่อครู่ ผมกับน้องก็เลยตกลงกันว่าเย็นนี้จะมาเจอกันที่ห้อง ถึงจะเป็นวันจันทร์ที่สุดแสนจะวุ่นวายแต่เราก็ยินดีที่จะเหนื่อยเพื่อกันและกัน
Bee-Bee
18 missed calls ผมเพิ่งมาเห็นว่าโทรศัพท์ตัวเองมีมิสคอลจากบีบี๋ก็ตอนที่อาจารย์เดินเข้ามาแล้ว ดูจากเวลาก็คิดว่าฝ่ายนั้นคงโทรมาตอนที่ผมกำลังเมคเลิฟกับทิชาเลยไม่ทันได้ยิน แบตก็ดันเหลือไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เลยค่อนข้างลังเลว่าจะโทรหรือไม่โทรกลับดี จะขอยืมพาวเวอร์แบงก์จากใครก็ไม่ได้ ไอ้ห่าแจ็คก็เสือกโดดเรียนไม่บอกไม่กล่าว
แต่คนอย่างไอ้แจ็คน่ะเหรอจะโดดเรียน....?
ลางสังหรณ์ร้ายคืบคลานเข้ามาในหัวสมอง เมื่อวานนี้ผมวานให้เพื่อนสนิทช่วยไปเฝ้าบีบี๋ที่โรงพยาบาล คิดว่าก็แค่เฝ้าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นภายในชั่วระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่จนแล้วจนรอด ไอ้แจ็คก็ดันหายหัวไม่มาเรียนเสียอย่างนั้น
ผมส่งข้อความไลน์ไปหาทั้งไอ้แจ็คและบีบี๋ แต่ไม่มีใครตอบกลับมา ผมจึงต้องแอบมุดหัวหลบสายตาอาจารย์ลงใต้โต๊ะไปโทรศัพท์หาทั้งคู่หากก็ยังไม่มีใครรับสายอีก
ระหว่างที่ผมสองจิตสองใจว่าจะลุกออกจากห้องเรียนไปดูเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอันตรายจากบุคคลไม่พึงประสงค์ โทรศัพท์ผมก็สั่นเตือนว่ามีข้อความตอบกลับมาพอดี
Im_BeeBeE : บี๋โอเคแล้ว
ไม่ต้องโทรมาอีกนะ