TISHA’s PARTผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยอย่างแสนสาหัส อุปทานว่าได้ยินเสียงกระดูกตัวเองลั่นเปรี๊ยะเหมือนเวลาบิดน้ำแข็งออกจากถาด บ่งบอกว่าสิ่งที่เกิดเมื่อคืนนี้เกินคำว่าขีดจำกัดไปมาก.... พูดก็พูดเหอะ ตั้งแต่ตอนอายุสิบเจ็ดที่นอนกับแฟนคนแรกจนถึงเมื่อวาน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะโดนเล่นจนแขนขาเปลี้ยแทบอยากอยู่นิ่งๆ เป็นผักไปอีกสักสามวันขนาดนี้
ผมยันร่างลุกขึ้นมานั่งสะลึมสะลือต่ออีกสักพัก นอกจากจะปวดหัวปวดตัวแล้วยังรู้สึกเหมือนเป็นไข้อีกต่างหาก แต่ช่างแม่งก่อนเหอะ.... ห้องที่ผมอยู่ตอนนี้สภาพเหมือนหอพักรวมราคาถูกยังไงชอบกล มีทั้งเตียงและฟูกวางอยู่ปนๆ กัน ตู้เสื้อผ้าแบบตู้ล็อกเกอร์ตั้งชิดผนัง ข้าวของ หนังสือ เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์กีฬาวางระเกะระกะเกลื่อนไปหมด ผมเจอโทรศัพท์มือถือตัวเองวางอยู่ข้างหมอน พร้อมด้วยกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ใส่มาเมื่อคืนซึ่งปัจจุบันคงต้องเรียกว่าเศษผ้าถึงจะถูก
แต่แลกเสื้อผ้าหนึ่งชุดกับศักดิ์ศรีอีกนิดหน่อยก็ถือว่าคุ้ม
เพราะในที่สุด ผมก็ได้เกียร์ของพี่โรมมาแล้ว....
ดีที่มือถือยังมีแบตเหลืออยู่พอควร ผมเปิดกล้องหน้าไอโฟนแล้วสำรวจสภาพตัวเอง.... หน้าผมยังโอเคอยู่ถึงจะตาบวมนิดหน่อย ปากที่โดนขยี้จูบซ้ำๆ ยังเจ็บอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงเนื้อตัว รอยฟันรอยดูดเต็มไปหมดจนแทบไม่เหลือที่ว่าง.... ผมว่าผมคุ้มแล้วนะแต่บางทีพี่โรมอาจจะคุ้มกว่า เพราะเฮียแกแม่งทั้งจับทั้งจูบไปทั่วตัวผมไม่เว้นแม้กระทั่งซอกขา
แต่ไม่ต้องถามนะว่าชอบหรือเปล่า ผมถ้าไม่ชอบผมก็คงไม่เซลฟี่สารรูปตัวเองเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรอก ถ้าโพสต์ขิงลงไอจีก็คงใส่แคปชั่นประมาณว่า....
‘โดนพี่โรมเอาครั้งแรก.... รู้สึกดีชะมัด!’ผมได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมาจึงรีบวางมือถือแล้วนอนลงตามเดิม พอดีกับที่ประตูเปิด พี่โรมเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำขวดและข้าวต้มร้านสะดวกซื้อ
ผมแกล้งทำเป็นงัวเงียเพิ่งตื่น ส่งเสียงครางงึมงำเหมือนไอ้มิลค์เวลาบิดขี้เกียจก่อนจะหันไปทำตาปรือใส่เจ้าของเกียร์.... มันเป็นท่าทางแบบที่ผมมักจะทำบ่อยๆ เวลาตื่นนอนหลังจากมีเซ็กส์ ผู้ชายทุกคนชอบให้ผมทำเพราะคิดว่ามันดูน่ารัก ซึ่งผมก็หวังว่าพี่โรมจะคิดไม่ต่างจากคนอื่น
“ทิชา มึงเป็นไงบ้าง?” พี่โรมนั่งลงบนที่ว่างด้านข้างก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ “จะบ่ายสองแล้วเนี่ย มึงหลับยาวซะจนกูนึกว่าจะไม่รอดแล้ว”
“ก็ไม่น่าจะรอดอะพี่ ระบมทั้งตัวเลย..........”
ว่าพลางขยับแขนขาให้อีกฝ่ายเห็นว่ามันบอบช้ำแค่ไหน ดูจากสายตาพี่โรมก็พอเห็นว่าเขาค่อนข้างละอายใจที่หงี่จนทำเอาผมแทบปางตาย แต่ผมจะไม่บอกเขาหรอกว่านานๆ ครั้งเจอคนเยดุๆ สักทีก็สนุกดีเหมือนกัน
“ว่าแต่เรื่องเมื่อคืน........มึงจำได้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนพยายามเค้นความทรงจำจากสมองเบลอๆ ทั้งพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าคล้ายยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรกันแน่
“หมายความว่ายังไงวะ?”
ผมก้มลงมองมือตัวเองที่จิกเข้าหากันอยู่บนตัก เม้มปากเป็นเชิงว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี แต่ผมก็คงต้องพูดแหละ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียวก็ตาม
“ก็.......ชาจำได้ว่ามาหาพี่โรม เราคุยกันอยู่แปบนึงแล้วพี่โรมก็ออกไปธุระข้างนอก......มีผู้ชายที่เป็นเจ้าของร้านเข้ามาคุยกับชา เขาเอาเบียร์มาให้ดื่ม........หลังจากนั้น ชาก็จำอะไม่ได้อีกเลย รู้ตัวอีกทีก็เห็นพี่โรมที่นี่แล้ว............”
ผมถอนหายใจเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก แค่นยิ้มให้กับสภาพน่าทุเรศทุรังของตัวเอง ร่างกายช่วงล่างยังเจ็บระบมจนต้องเบ้ปาก คราบรักของพี่โรมยังแห้งเกรอะกรังอยู่ในช่องทาง จะให้ทำแบ๊วถึงขนาดไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าโดนผู้ชายเอาก็ออกจะเกินเบอร์ไปหน่อย
“สงสัยชาคงเมาแล้วก็โดนใครสักคนแถวๆ นั้นหิ้วไปสินะ......แย่จัง........ถ้าชารีบกลับบ้านไปตั้งแต่ตอนที่พี่โรมบอกก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้..........”
เห็นทีที่พวกปากหอยปากปูชอบด่าผมกันว่า ‘เลือดแม่มันแรง’ คงไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องชอบแย่งแฟนชาวบ้านแล้วมั้ง เพราะเรื่องเล่นละครตอแหลให้ตัวเองดูน่าสงสารก็ ผมทำได้ดีเช่นกัน
น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงเหมือนสั่งได้ ยิ่งพี่โรมทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ผมก็ยิ่งบิ้วท์อารมณ์เศร้าได้ง่ายขึ้น
“เมื่อคืนนี้......กี่คนเหรอ?”
“อะไรของมึง?”
“ที่ชานอนด้วยน่ะ กี่คนเหรอ? ใช่เพื่อนพี่โรมหรือเปล่า?”
ผมใช้หลังมือปาดน้ำตา ถามเสียงสั่นพยายามกลั้นแรงสะอื้นเอาไว้ พี่โรมรีบดึงตัวผมไปกอดแล้วลูบหัวลูบหลังปลอบเป็นการใหญ่ ผมทิ้งตัวเองให้ร้องไห้กระซิกอยู่ในอ้อมอกพี่โรมอย่างไม่อาย.... ที่ตรงนี้มันอบอุ่นมากเหลือเกิน ลำพังแค่ท่อนแขนที่โอบรอบร่างกายผม ผมก็รู้สึกว่าได้รับการปกป้องทะนุถนอมและจะไม่มีสายตาหรือคำพูดใครสามารถทำร้ายผมได้อีก
แล้วมันผิดตรงไหนถ้าผมจะอยากเก็บพี่โรมเอาไว้คนเดียว?
“มึงไม่ได้โดนใครหิ้วไปหรอก.....ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ........”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกผม มือหนาที่ลูบหลังสั่นเล็กน้อยระหว่างที่ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนค่อยๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัวสมองของเราทั้งคู่
“......แค่กูคนเดียวที่ได้มึง ทิชา.........”
“พี่โรม............” ผมผละตัวออกจากอ้อมอกกว้าง ใช้แววตาแดงก่ำชุ่มน้ำตามองร่างสูงราวกับว่าเขาคือแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของชีวิต “พี่พูดจริงเหรอ?”
ในขณะที่พี่โรมมองผมประหนึ่งว่าผมคือคนที่ดับแสงสว่างในชีวิตเขา....
“กูขอโทษ”
ปลายนิ้วใหญ่ลูบแก้มชื้นของผมก่อนจะปัดปอยผมที่ปรกหน้าออกให้ ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ผมต้องการ แม้ผมจะเป็นเด็กเวร เป็นตัวซวยที่ทำให้เขาต้องเจอเรื่องยุ่งยากกับพวกเพื่อนและรุ่นพี่วิศวะฯ แต่พี่โรมก็ไม่ได้ใจร้ายกับผมเหมือนอย่างที่กลัวเลยสักนิด
“อันที่จริงกูก็ไม่รู้ว่ากูต้องขอโทษมึงมั้ย หรือใครต้องขอโทษใครกันแน่.... ห่าเอ๊ย”
พี่โรมสบถก่อนจะเสยผมตัวเองแรงๆ คล้ายว่ากำลังจัดระเบียบความคิดเสียใหม่ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไร จะกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ของเราหลังจากนี้หรือคิดจะบอกเลิกบีบี๋ด้วยวิธีไหน ผมไม่เห็นแคร์ สิ่งที่ผมสนใจในตอนนี้ก็มีแค่ผลลัพธ์ที่ตัวเองจะได้เท่านั้นแหละ
“มึงไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วกินข้าวเหอะ..... กูเอามือถือกับกุญแจรถมึงขึ้นมาให้แล้ว เดี๋ยวกูขับไปส่งบ้าน ยังไงวันนี้ก็ไปเรียนไม่ทันแล้ว”
ผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วลุกขึ้นจากเตียง แต่ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น อาการเจ็บจี๊ดจากช่องทางด้านหลังก็เล่นเอาผมเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งแหมะพร้อมกับเสียงร้องอุทธรณ์ลั่น
“โอ๊ย..........!”
“เฮ้ย ถึงขนาดเดินไม่ไหวเลยเหรอวะ?”
พี่โรมเข้ามาประคองผมให้ลุกขึ้นยืน พอเห็นว่าไม่น่าจะไหวเขาก็ทำท่าจะอุ้มผมไปที่ห้องน้ำเอง แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อบางสิ่งบางอย่างไหลย้อยออกมาเปรอะต้นขาด้านในของผม
“พี่โรม..........” ผมมองหน้าเจ้าของคราบรักสีขาวที่เป็นหลักฐานว่าผมกับเขาได้เสียกันแล้ว “เมื่อคืน.....พี่ปล่อยข้างในตัวชาเหรอ?”
ผมแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้จะด่า ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายแฮปปี้กับการเอากันครั้งแรกของเรา แต่พี่โรมกลับทำท่าเหมือนโคตรรู้สึกผิดและไม่ค่อยสบายใจนัก ผมก็เลยอยากช่วยให้เขาอารมณ์ดีขึ้นหน่อย
“มันล้างออกยาก ปกติชาไม่ยอมให้ใครสดหรอก ต่อให้ขอยังไง ถ้าไม่ใส่ถุงก็ไม่ต้องมายุ่งกัน.......”
ผมกระซิบบอกในตอนที่พี่โรมอุ้มผมเดินไปยังห้องน้ำที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันกว่าครึ่งค่อนคืน เสียงครางในลำคอด้วยความกระสันของพ่อเสือร้ายยามที่กำลังขย่มโยกอย่างดุเดือดใส่ลูกกวางน้อยแบบผมยังแล่นอยู่ในหัวชัดยิ่งกว่าดูหนังโรงไอแม็กซ์ และผมก็แน่ใจด้วยว่าพี่โรมไม่ได้รังเกียจสิ่งที่เราทำร่วมกัน
“พี่โรมเป็นคนแรกเลยนะที่ได้ปล่อยข้างใน..........”
“โทษทีว่ะ กูไม่ได้ตั้งใจ”
“จะขอโทษทำไม?”
ผมหัวเราะก่อนยกจะแขนขึ้นคล้องคอชายหนุ่ม ยิ้มหวานออดอ้อนพลางเอียงคอซบเจ้าของอ้อมแขนอย่างมีความสุขที่สุด
“ไม่ต้องขอโทษชาหรอก.... แค่ช่วยเอาของตัวเองออกให้หมดก็พอแล้ว”
ผมยืนซุกหน้ากับอกกว้างเกาะต้นแขนพี่โรมเอาไว้แล้วปล่อยให้เขาจัดการกับตัวผมได้ตามใจชอบ น้ำจากฝักบัวกระทบเข้ากับผิวเนื้อช่วงล่างที่เปลือยเปล่า ความเย็นไหลซึมผ่านปากแผลบังคับให้ผมต้องนิ่วหน้าจิกปลายนิ้วเข้ากับเสื้อยืดของร่างสูง มันทั้งเจ็บแล้วก็แสบจนไม่กล้าจินตนาการเลยว่าถึงขั้นได้เลือดหรือเปล่า พอนิ้วยาวสอดล้วงเข้าไปข้างในรอยแยกทางด้านหลัง ผมก็รู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้
“อื้อ....!”
“เจ็บมากมั้ยวะ ทิชา?” พี่โรมถามพลางชะงักการเคลื่อนไหวที่ทำให้ผมเหงื่อซึมขาสั่นระริก “ถ้าไม่เอาออกเดี๋ยวมึงจะไม่สบาย กูจะพยายามเบามือนะ........”
“ไม่เป็นไร......พี่โรมทำต่อเถอะ...........”
ผมกลั้นหายใจฮึบไว้ระหว่างที่ปลายนิ้วแกร่งสอดแทรกเข้าไปชำระล้างคราบรักที่ตกค้างมาหลายชั่วโมง พี่โรมก็ทำอย่างที่พูดจริงนั่นแหละ เขาโคตรอ่อนโยนแล้วก็ทะนุถนอมผมผิดกับความร้อนแรงที่โถมเข้าใส่จนหัวสั่นหัวคลอนเมื่อคืนนี้.... ถึงจะเจ็บน้ำตาคลอแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่ชอบ จะหาว่าบ้าก็ได้มั้ง แต่ขอแค่เขาดีกับผมแบบนี้ ต่อให้เจ็บมากกว่านี้อีกสิบเท่าร้อยเท่า ผมก็ทนได้
แต่ถ้าเขาใจร้ายเมื่อไร ผมก็พร้อมจะทำให้ทุกอย่างฉิบหายไปด้วยกัน....
“พี่จ๋า.....ให้น้องจูบพี่หน่อยนะ.......”
ผมโน้มคอพี่โรมให้เขาก้มลงมาหา แตะริมฝีปากเข้ากับสันคางได้รูป ผิวแก้มสากก่อนจะไปหยุดตรงที่ปากรูปกระจับที่ผมคิดว่ามันเซ็กซี่แบบไม่ไหวแล้ว ผมยั่วพี่โรมให้จูบตอบแล้วก็ได้สมใจอยาก
จากที่เพียงแค่ประกบปากเข้าหากันก็กลายเป็นจูบหนักหน่วงฉกชิงลมหายใจคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมสอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อทักทายให้พี่โรมกระหวัดเกี่ยวตอบรับกลับมา เสียงครางครึมในลำคออีกฝ่ายยั่วเย้าให้ผมยิ่งตื่นเต้น จากที่แค่ขอให้พี่โรมจูบปลอบให้ลืมความเจ็บก็เลยเถิดเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ.... ผมอยากได้พี่โรมขึ้นมาอีกแล้ว
“พี่โรม.... ตรงนี้ของน้องมันบอกว่าอยากได้พี่ล่ะ.......”
ผมอ้อนเสียงหวานพลางเบียดตัวเข้าหาพี่โรมจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้อากาศแทรกผ่าน ส่วนกลางลำตัวซึ่งตื่นขึ้นเพราะรสจูบวาบหวามเมื่อครู่ชี้ชนกับหน้าขาชายหนุ่มบ่งบอกว่าผมยินยอมพร้อมใจจะให้เขาทำเลอะแค่ไหนก็ได้
“แต่ไม่เอาที่นี่นะ ไปบ้านน้องกัน.... ที่ห้องน้องมีอ่างอาบน้ำด้วยล่ะ”
แล้วผมก็รู้ด้วยว่าพี่โรมเองก็อยากได้ผมเหมือนกัน
พี่โรมไม่ใช่คนใจแข็ง มีแต่ไอ้นั่นอย่างเดียวแหละที่แข็งใส่ผม....!
ผมยิ้มกริ่มเมื่อเอื้อมมือไปแตะต้องโดนความเป็นชายของคนตรงหน้าภายใต้กางเกงบอล ผมชอบอ้อนและเขาก็ชอบตามใจ ดูท่าทางเราสองคนจะเข้ากันได้ดีทุกเรื่อง ผมยังคงคิดเพ้อฝันถึงอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าพี่โรมจะเป็นคนรักที่แสนวิเศษแค่ไหน.... เขาเป็นคนแรกที่ผมชวนไปเล่นด้วยกันที่บ้าน อยากให้เขารู้จักผมให้มากขึ้นว่าทิชา ทิชนันท์คนนี้จริงๆ แล้วเป็นยังไง และเพราะอะไรผมถึงได้ต้องการความรักจากเขามากถึงขนาดนี้
แต่พี่โรมกลับดึงมือผมออก ก่อนจะก้าวถอยหลังไปจนกระทั่งไม่มีส่วนไหนของเราสัมผัสถูกกันอีก
“ทิชา..........” น้ำเสียงทุ้มฟังดูห่างเหินชะมัด ผมไม่ชอบเลย “กูว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันให้เคลียร์ว่ะ”
“มีอะไรเหรอ พี่จ๋าของน้อง?”
มุมปากผมยกยิ้มบ้าบอก็จริง แต่ในใจเริ่มรับรู้ว่าเหตุการณ์จะไม่เป็นไปอย่างที่คิด.... พี่โรมมองหน้าผมแล้วก็เงียบไป เอาตรงๆ เลยนะ ผมว่าเขาก็ไม่อยากพูดถึงความอัปรีย์จัญไรของเพื่อนฝูงพี่น้องของตัวเองนักหรอก ใช้กฎหมู่จับเด็กต่างคณะมามอมยาแล้วผลัดกันลงแขกนี่แม่งนอกจากจะไม่เท่แล้ว ยังบ่งบอกความฟอนเฟะเลวสัดหมาของพวกวิศวะฯ อีกต่างหาก
ถ้ามันพูดยากนักก็ไม่ต้องพูดสิ แกล้งลืมมันไปก็ได้ ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องนั้นสักคำ.... แค่กอดผมแล้วก็มีความสุขด้วยกันเท่านั้นมันยากนักหรือไง?
“มึงไม่ได้เมาหรอก เบียร์ที่เฮียรุจเอาให้มึงกินเมื่อคืนนี้มันใส่ยานางรำลงไป.... พวกเพื่อนๆ พี่ๆ กูเขาคิดว่ามึงตั้งใจจะมาชิงเกียร์ก็เลยจับมึงมอมยาแล้วแก้ผ้าประจานกลางบาร์เหล้า ถ้ากูไม่ถอดเกียร์ให้มึงใส่แล้วลากขึ้นมาบนนี้ มึงก็คงโดนรุมโทรมไปแล้ว”
ในที่สุด พี่โรมก็สารภาพโชว์สันดานเห็นแก่ตัวออกมาจนได้ แน่นอนว่าผมไม่โอเคที่จะรับฟังความจริง เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนว่าพี่โรมไม่ได้ชอบผม เขาแค่เอาเล่นขำๆ ก็เพราะเห็นว่าผมโดนยาแล้วร่านผู้ชายจนน่าสมเพช และเมื่อฤทธิ์ยาหายไป เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบอะไรในตัวผมอีก
“เรื่องเมื่อคืน กูทำไปก็เพราะจะช่วยมึง เพราะฉะนั้นกูขอให้มันจบแค่นี้ เราจะไม่ถลำลึกไปไกลกว่าที่เป็นอยู่และเราจะไม่พูดถึงมันอีก.... มึงเข้าใจกูใช่ไหม ทิชา?”
“ชาไม่เข้าใจ”
ผมส่ายหน้ามองพี่โรมด้วยแววตาตัดพ้อ ทว่าข้างในอกร้อนรุ่มโกรธจัดที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะเขี่ยผมทิ้งหลังจากได้กันแล้ว
“ชารู้แค่ว่าเมื่อคืนเราสองคนมีอะไรกัน แล้วพี่โรมก็ชอบมากด้วย”
“กู......ไม่ได้ชอบ”
เขาปฏิเสธไม่เต็มปาก ในดวงตาสีเข้มมีร่องรอยของความไม่แน่ใจในคำพูดตัวเอง
“ไม่จริงสักหน่อย”
ผมจ้องตาพี่โรม รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่เหมือนเดิมในขณะที่แววตาเริ่มฉายชัดถึงอารมณ์ขุ่นเคือง
“พี่โรมมีอะไรกับชาก็เพราะว่าชอบ อย่ามาอ้างเหตุผลอื่นเลย ชาไม่อยากทะเลาะกับพี่เหมือนคราวก่อนนะ”
“กูมีอะไรกับมึง ก็เพราะว่ามึงโดนยา!”
“แล้วยังไงล่ะ.... ถึงชาจะโดนมอมยา แต่พี่โรมไม่ได้โดนด้วยสักหน่อย!”
พี่โรมขึ้นเสียงใส่ผม ผมก็เลยขึ้นเสียงคืนใส่เขาบ้าง ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังคิดจะเขี่ยผมทิ้ง.... บอกแล้วนี่นะว่าถ้าเขาใจร้ายกับผมเมื่อไร ผมก็พร้อมจะดึงเขาให้เจ็บไปกับผมด้วย ในเมื่อชอบพูดความจริงนักก็ขอให้ทุกคนแม่งตายห่าไปกับความจริงสุดสกปรกโสโครกให้หมด
“เมื่อคืนนี้พี่โรมคนดี๊คนดีเย่อน้องทิชาที่พี่พูดนักพูดหนาว่าไม่ได้รักไปกี่ครั้ง? แตกในใส่คนที่ตัวเองบอกว่าเป็นได้แค่น้องชายไปกี่หน? ได้นับบ้างหรือเปล่าล่ะ หรือว่าเอามันส์จนความจำเสื่อมสมองเจ๊งจำเหี้ยอะไรไม่ได้เลย?”
“...................”
“ต้องไล่ให้ฟังตั้งแต่แรกเลยมั้ยว่าพี่จ๋าทำอะไรกับน้องบ้าง.... ทีแรกพี่ก็บอกว่าไม่เอาๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นพูดอะไรปล่อยให้ชาอมของพี่จนเกือบเสร็จ ตอนชาขึ้นข้างบนให้ พี่โรมก็ดูแฮปปี้ออกจะตาย.... อ้อ แล้วยังมีตอนที่พี่โรมหอมแก้มชาอีกนะ เราเล่นกันตั้งหลายท่า พี่โรมจับน้องพลิกไปพลิกมาอย่างกับตุ๊กตายาง เย่อเอาๆ จนนึกว่าตายอดตายอยากมาจากไหน พอจะนึกออกบ้างหรือยังครับ.... หื้ม พี่โรมคนดี พี่จ๋าสุดหล่อของน้อง?”
“ทิชา!?”
พี่โรมดูตกใจยิ่งกว่าโดนผีหลอกที่ผมจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้แม่น เขามองผมอย่างไม่อยากเชื่อก่อนที่แววตาคู่นั้นจะแสดงออกถึงความผิดหวัง
“ที่แท้มึงก็..........เชี่ยเอ๊ย!”
ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่โรมผิดหวังเรื่องอะไร ผิดหวังที่ผมไม่ได้น่ารักใสซื่อหลอกง่ายแบบที่เขาคิดว่าผมเป็น ผิดหวังที่ตัวเองไม่สามารถเยแล้วทิ้งได้อย่างที่ตั้งใจ หรือผิดหวังที่กลายเป็นฝ่ายเสียหมาโดนผมกินเรียบตั้งแต่หัวจรดหาง.... แต่ก็ได้ตรงตามคอนเสปท์ที่วางเอาไว้เป๊ะ ถ้าจะสุขก็สุขด้วยกัน ถ้าจะฉิบหาย คนที่คิดจะรังแกผมก็ต้องฉิบหายกันให้หมดทุกตัว....!
“เบียร์ใส่ยาปลุกเซ็กส์นั่นน่ะ ชาแค่จิบๆ ไปนิดหน่อยจะให้เมาเป็นหมาตัวเมียขนาดนั้นก็คงไม่ใช่มั้ง.... สมน้ำหน้าแล้ว คิดว่าพวกตัวเองเจ๋งมากนักงั้นสิจะมาหลอกคนอย่างทิชา พวกไอ้เหี้ยพี่รุจนั่นแหละที่หน้าโง่! โง่ยิ่งกว่าควาย! โดนชาหลอกมาตั้งแต่แรกยังไม่รู้ตัวกันสักคน!”
“โอเค ไอ้ทิชา.........”
พี่โรมสูดหายใจลึกจนอกกระเพื่อมแรง เขาเองก็คงโกรธไม่แพ้กันแต่ก็ยังพยายามแสดงความเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม
“ที่มึงพูดเมื่อกี้ กูจะถือว่ามึงพูดเพราะโกรธที่กูปฏิเสธมึง กูจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน”
เขาลูบหัวผมปลอบให้ใจเย็นลง ทั้งที่ใจจริงคงอยากจะชกผมให้ตายคามือก่อนจะเลื่อนลงมาดึงสายสร้อยสีดำที่มีจี้รูปเฟืองโลหะ
“เอาเกียร์กูคืนมาได้แล้ว..........”
“ไม่คืน!”
ผมกุมจี้ที่ซ่อนอยู่ข้างในคอเสื้อเอาไว้แน่น แววตาเกรี้ยวกราดไม่ต่างจากแม่เสือที่กำลังปกป้องลูกอ่อนเมื่อตัวพ่อคิดจะแย่งมันไป
“แต่มันไม่ใช่ของมึง.... เกียร์กูเป็นของบีบี๋ มึงเองก็รู้ดี!”
“ของไอ้บี๋แล้วไง ในเมื่อพี่โรมเป็นคนใส่ให้ชาเองกับมือ.... ตอนนี้มันเป็นของทิชา ไอ้ทิชาที่ได้เสียตัวเป็นเมียพี่โรมตัดหน้าไอ้บี๋คนนี้นี่แหละ!”
ในหัวผมมีแค่คำว่ากูไม่ยอมๆๆๆ ลอยวนเวียนราวกับแผ่นเสียงตกร่อง.... ผมก้าวเข้ามาในเบอร์ลิคทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอันตรายและผู้ชายใจหมานับสิบ แต่ผมก็เลือกที่จะเสี่ยงเข้ามาเพื่อของเล็กๆ แต่มีคุณค่าทางใจมหาศาลชิ้นนี้ ผมไม่สนหรอกว่าก่อนหน้านี้พี่โรมจะเปิดตัวบีบี๋เป็นสะใภ้วิศวะฯ เอาไว้กับใครบ้าง ผมรู้แค่ว่าในเมื่อพี่โรมสวมเกียร์ให้ผมแล้ว ผมก็คือเมียเขา และผมก็มีสิทธิ์ที่จะหวงทั้งเกียร์และทั้งผัวของตัวเองด้วย
ก็เหมือนๆ กับที่พี่มีนา เมียพี่เอกเคยทำกับผม แต่หนนี้มันถึงคราวที่ผมจะทำกับคนอื่นบ้าง.... คอยดูเถอะ ผมจะเอาคืนแม่งให้หมดทั้งโลกเลย!
“ตกลงว่ามึงตั้งใจจะมาชิงเกียร์จริงๆ สินะ?”
“ก็แล้วแต่จะคิด...........”
ผมยักไหล่โนสนโนแคร์ คุณคงอยากด่าว่าผมหน้าด้านแย่งได้แม้กระทั่งแฟนเพื่อนสินะ แต่นี่มันก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่บีบี๋ทำกับผมสักเท่าไร มันปาดหน้าเค้กผมด้วยการแอบคุยกับพี่โรมทั้งที่ก็รู้ว่าผมอาจจะชอบพี่เขา ผมก็แค่ปาดคืนด้วยการแอบชิงเกียร์ของพี่โรมมาซะก็เท่านั้น
“ถ้าพี่โรมอยากเอาเกียร์ให้ไอ้บี๋มากขนาดนั้น พี่ก็คงให้ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่ที่ยังไม่ให้ก็เพราะพี่ไม่แน่ใจว่าตัวเองรักมันจริงหรือเปล่าใช่ไหมล่ะ?”
เรื่องผัวๆ เมียๆ แบบนี้ตบมือข้างเดียวให้ตายก็ไม่มีทางดัง ถ้าหากพี่โรมเอาเกียร์ให้ไอ้บี๋ไปแล้วหรือถ้าหากเขาไม่ได้มีใจให้ผมเลยสักนิด มีหรือว่าผมจะแย่งเกียร์มาได้ง่ายๆ....?
“เราสองคนเข้ากันได้ดีจะตาย.... พี่โรมให้ชาเก็บเกียร์พี่เอาไว้ดีกว่าน่า เราจะได้เอากันได้ทุกเมื่อโดยที่ไม่มีใครมาเสือกไง”
ผมเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มพี่โรม น้ำเสียงระรื่นบ่งบอกถึงชัยชนะเล็กๆ ของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำความผิดพลาดของพี่โรมไปด้วย
“มึงนี่แม่งบ้าชัดๆ!” พี่โรมผลักผมออก แรงจนผมกระเด็นหัวโขกเข้ากับผนังห้องน้ำอย่างจัง “ต้องให้ย้ำกี่ครั้งวะว่ากูไม่ได้ชอบมึง!?”
ความเจ็บแล่นร้าวเข้าไปข้างในกะโหลกศีรษะ ทำเอาผมตาพร่ามองไม่เห็นภาพตรงหน้าไปชั่วขณะ เจ็บฉิบหาย เจ็บจนน้ำตาเล็ดอยากจะแหกปากร้องออกมาดังๆ ผมยกมือแตะสำรวจตรงที่กระแทกโดนก่อนจะพบว่ามันไม่ได้เป็นแผลแตกอย่างที่อยากให้เป็น.... น่าเสียดาย ถ้าพี่โรมมือหนักกว่านี้อีกนิด ผมจะได้เล่นบทเด็กน้อยผู้อ่อนแอและน่าสงสารได้สะดวกใจขึ้นหน่อย
แต่ก็เอาเถอะ เพราะถึงยังไง ผมก็จะให้พี่โรมรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเอาไว้กับผมอยู่ดี....
“ไม่ได้ชอบเหรอ.... แต่ชาได้ยินที่พี่โรมพูดกับพี่รุจหมดแล้วนะ พี่โรมชอบชาก่อนที่จะชอบไอ้บี๋ และถ้าพี่ไม่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนใจไปหามัน เราก็คงได้รักกันไปแล้ว!”
“ทิชา มึงฟังกูนะ..........”
“ไม่ฟัง แล้วพี่โรมก็ไม่มีสิทธิ์จะมาด่าชาด้วย ถ้าจะด่าก็ด่าตัวเองเหอะที่เที่ยวให้ความหวังคนอื่นเขามั่วซั่ว!”
ผมตะโกนสุดเสียง ความทรงจำแสนหวานกับสัมผัสแสนอ่อนโยนที่ได้รับเมื่อคืนภายในห้องแคบๆ แห่งเดียวกันนี้กลายเป็นเหมือนความฝันที่หลุดลอยไปไกลจนเกินเอื้อมมือคว้า
“ชารักพี่โรมไปแล้ว รักๆๆๆๆๆๆ รักพี่โรมมากกว่าไอ้บี๋ล้านเท่า! รักมากกว่าใครทั้งหมด เข้าใจมั้ย!?”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ทิชา!”
“ชาไม่หยุด.... ชาจะไม่เปลี่ยนใจจากพี่โรมเด็ดขาด แล้วก็จะไม่ยอมผิดหวังด้วย ถ้าจะมีใครสักคนที่ต้องเสียใจเพราะเรื่องนี้ คนๆ นั้นต้องไม่ใช่ทิชา!! คนที่ร้องห่มร้องไห้เจียนตายเพราะถูกทิ้งจะต้องไม่ใช่ทิชาอีกต่อไป!!!”
“กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ มึงถอดเกียร์คืนกูมาซะ”
“ไม่!”
“ทิชา มึงอย่าบังคับกู.........”
“ไม่คืน! ให้ตายก็ไม่คืน!!”
ผมไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวยิ่งกว่าโดนทอร์ชพ่นไฟใส่ ลมหายใจหอบหนักจนสั่นโยกไปทั้งตัว อาการของคนที่กำลังจะขาดใจตายมันเป็นแบบนี้นี่เอง.... ทรมานสัดๆ ทรมานเหี้ยๆ ทว่า สิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่ทรุดลงไปก็คือความหวังว่าพี่โรมจะกลับมากอดผมอีกครั้ง เขาต้องรู้สิว่าผมก็แค่เด็กงอแงเอาแต่ใจและผมไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการทะนุถนอมจากพี่โรม แม้ว่าผมจะเป็นคนขยี้ความหวังของตัวเองจนพังย่อยยับไปพร้อมกับหัวใจดวงนี้ก็ตาม
พี่โรมกำมือแน่นก่อนจะเงื้อมือขึ้นคล้ายจะตบหน้าผม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำอะไร.... เขาไม่ทำร้ายร่างกายผมแล้ว ไม่แตะต้อง ไม่กอด ไม่แม้แต่จะชายตามองคนที่ตัวเองสวมเกียร์ให้กับมือเพื่อปกป้อง
มีเพียงคำพูดร้ายกาจที่สามารถฆ่าผมให้ตายเป็นทั้ง....!
“บางที เหตุผลที่ทุกคนเขาทิ้งมึงไปหมดอาจจะไม่ใช่เพราะเขาแค่อยากฟันมึงแล้วทิ้งก็ได้.... แต่เป็นเพราะเขาขยะแขยงคนอย่างมึงต่างหาก ทิชา”
“ทีแรกกูก็คิดนะว่ามึงก็ส่วนมึง แม่มึงก็ส่วนแม่มึง.... แต่ตอนนี้กูเริ่มคิดแล้วว่ามึงกับแม่ก็คงไม่ได้ต่างกันนักหรอก.....”
“พ่อกับพี่สาวมึงเขายังรังเกียจเลย ก็สมควรแล้วที่จะไม่มีใครรักมึง!”
“อยากได้เกียร์กูนักก็เอาไป.... พอใจแล้วก็รีบๆ ไสหัวไปซะ แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้ามึงอีก!”.
.
.
ผมเดินลงมาจากห้องพักโกโรโกโสนั่นด้วยสภาพที่เหมือนศพไร้วิญญาณ โชคยังพอเข้าข้างอยู่บ้างเพราะจากที่ตรงนี้สามารถเดินทะลุไปลานจอดรถได้โดยไม่ต้องย่างกรายเข้าไปข้างในตัวร้านซึ่งมีพวกนักดนตรีมาทดลองซาวน์เช็คเตรียมขึ้นเล่นสดตอนหัวค่ำ.... น้ำตาผมแค่คลออยู่ตรงเบ้าตาแต่ไม่ไหลออกมา มันเหมือนโดนตีหัวจนหมดความรู้สึกไปแล้ว ผมช็อกหนักมาก ช็อกรุนแรงจนคิดว่าตัวเองอาจจะขับรถพุ่งอัดเสาไฟฟ้าแถวนี้เพื่อให้เรื่องมันจบๆ ไปเสียก็ได้
อุตส่าห์ได้เกียร์ของพี่โรมมาแล้ว แต่หัวใจกลับถูกแทงทะลุเป็นรูโหว่
ผมพยายาม ‘บอก’ ตัวเองว่ามันคุ้มแล้ว มาถูกทางแล้ว อย่าเสียใจไปเลย
อา.... ไม่ใช่บอกตัวเองสิ
ต้องเรียกว่าพยายาม ‘หลอก’ ตัวเองถึงจะถูก....
โทรศัพท์มือถือผมส่งเสียงแจ้งเตือนว่ามีไลน์เข้า ผมยังไม่มีแก่ใจจะหยิบมันขึ้นมาอ่านในตอนนี้ แต่ผมก็พอรู้แล้วว่าคนที่ส่งข้อความมาคือใคร
และแน่นอนว่าผมจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปอีกมาก เช่นเดียวกับที่พี่โรมยังต้องชดใช้ให้ผม
Mr.Dan : ได้ข่าวว่าชิงเกียร์สำเร็จแล้วนี่ ยินดีด้วยนะ
กูบอกแล้วว่าพี่ชายกูแม่งเป็นคนดี เสียแต่โง่ไปหน่อย
ยังไงก็ไม่มีทางที่เฮียโรมจะปล่อยให้คนสวยๆ อย่างมึงโดนยำหรอก
แล้วก็อย่าลืมข้อตกลงเรื่องออดิชั่นละครของเราล่ะ
กูรอวันที่มึงจะมาเป็นเมียกูอยู่นะ *สติ๊กเกอร์จุ๊บ* TO BE CONTINUEพบกันได้ที่แท็ก #ขอให้พรุ่งนี้ไม่มีสายฝน ในทวิตเตอร์นะคะ ขอบคุณค่ะ
