แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษที่หน้า 21จ้า [28/02/13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษที่หน้า 21จ้า [28/02/13]  (อ่าน 221771 ครั้ง)

kampanat02

  • บุคคลทั่วไป
ดีป้า เร่งสปีดอ่าน

ชอบๆๆ

อย่าลืมไปอ่านของผมน้า มาอัแล้ว จากพี่หนวด

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เบลบอมที่รักมาต่อแล้ว +1 ให้ จ้า

ตอนนี้มีแต่คุณพ่อไม่เป็นไร

แค่หวังว่าคุณพ่อของต้นจะเปิดใจบ้างเท่านั้น



รออ่านตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
+1 คืนให้สุดสวย ที่อายุเท่ากับเราเป๊ะ อิๆ

จะเร่งสปีดตอนต่อไปมาให้นะจ๊ะ ต้องพาป๊ะป๋าเข้าคอรส์ติวเข้มเรื่องการเปิดใจอย่างเร่งด่วนก่อง  :laugh:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
^
^

มาบวกคืนจ่ะ

เอ้า..ทำดีได้ดื่ม

ก๊ากกกกก

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
แอบย่องมาอ่านในนี้

+1 ให้นะคับ

ร๊ากกกกไผ่
แต่ก็แอบรักปาล์มด้วย
คริๆ

sun

  • บุคคลทั่วไป
:z13:   จิ้มๆ ในที่สุดก้อตามอ่านทันแย้ว ฮุฮุ

ลุ้นๆ คุนพ่อของต้น จะใจอ่อนลงอ๊ะป่ะ คึคึ



 :z2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
มาอัพแล้ว คิดถึงไผ่กับต้น

อย่าหายไปนานๆอีกนะจ๊ะ

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
ตามทันแล้ว เย้ๆๆๆ

ชอบๆๆ สนุกดี

ไผ่กับต้นก้อน่ารัก

ว่าแต่เมื่อไหร่ป้าจะมาต่อละค่ะ

 :call: :call: :call:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
มาดันค่า เปิดคอร์สติวคุณพ่อนานไปแว้วววววว  :z3:

 

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ดันให้ป้า
ฮา

มาต่อได้แร้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ลืมของเก่าไปแล้วคับป้า  :a5:

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
ดันมันขึ้นปายย

‘พี่’คร้าบ มาต่อด่วน ตอนที่ 21 อยากอ่านต่อๆๆๆๆ
ลงทุนเรียกขนาดนี้แล้วนะครับเนี่ย ฮะๆ  :call:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
กลับมาแล้นนนนนนนน ขอบคุณทุกเม้นต์และการดันที่ทำให้กระทู้นี้อุดมด้วยของเซ่นและควันธูปจ้า (มันน่าปลื้มตรงไหนเนี่ย) :serius2:

แอร๊ยย์ ดีใจน้อง turelight เรียกเค้าพี่ด้วยแหละ คริๆ แต่ไม่เป็นไรจ๊ะป้าชินกับการเป็นป้าไปแล้วละ ยังไงก็ไปอ่านตอนต่อกันเต๊อะ จากตอนนี้เรื่องจะเข้าสู่ช่วงสำคัญละคับ ตามลุ้นกันเลยนะ



*************

21.


หมอกสีขาวจางลอยระเรี่ยพื้นหญ้าสีเขียวสดรอบเกสต์เฮ้าส์ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมชายเขายามเช้าตรู่ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พลิกตัวหมายจะควานหาไออุ่นจากร่างที่นอนร่วมเตียงมาตลอดสองเดือน แต่แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็ปรือตื่นขึ้นทันทีที่สัมผัสได้เพียงความเย็นเฉียบบนที่ข้างตัวราวไม่มีใครนอนอยู่ตรงนั้นมานานแล้ว

เสียงกุกกักจากภายนอกห้องที่ลอยเข้ามาแว่วๆช่วยให้ร่างที่ผุดลุกขึ้นนั่งค่อยสงบลงเมื่อได้รู้ว่าใครอีกคนยังคงอยู่ในบ้าน มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าเพื่อขับไล่ความง่วงงุนก่อนจะคว้าเสื้อมาสวมทับแผ่นอกเปลือยเปล่าแล้วเดินลงไปยังชั้นล่าง

กลิ่นข้าวต้มและกระเทียมเจียวลอยกรุ่นในห้องครัวขนาดเล็ก คนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองร่างเพรียวที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาแก๊สโดยไม่รับรู้การมาถึงของตน ขายาวๆจึงก้าวเข้าไปยืนซ้อนหลังแล้วรวบเอวบางมากอดจนคนที่ถูกจู่โจมสะดุ้ง

“ต้น! ตกใจหมด!”

นัยน์ตาคมยิ้มพราวก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มของคนในอ้อมแขน “ตกใจอะไร ทำไมวันนี้ไผ่รีบตื่นจัง ยังเช้าอยู่เลย”

ตระการว่าแล้วก็ชำเลืองมองไปยังนอกหน้าต่างที่พระอาทิตย์สีส้มแดงเพิ่งโผล่พ้นเส้นขอบฟ้าจางๆ ใบหน้าหวานหันกลับมายิ้มให้เจ้าของอ้อมแขนอุ่นก่อนจะหันกลับไปปิดเตาแก๊ส

“ก็พอลืมตาขึ้นมาแล้วมันหลับต่อไม่ลง เลยลุกมาทำข้าวเช้าดีกว่า”

คนตัวใหญ่กว่ารีบคว้าถุงมือจับของร้อนมาสวมแล้วคว้าหูหม้อไว้เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมทำท่าจะยกหม้อลง ถึงแม้อาการบาดเจ็บของพรพฤกษ์จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายใช้งานร่างกายตัวเองเกินไปอยู่ดี

“มันหนัก ร้อนด้วย เดี๋ยวต้นจัดการเอง ไผ่นั่งเฉยๆเถอะ”

คิ้วเรียวเหนือดวงตาหวานคมขมวดมุ่นเมื่อโดนห้าม “แต่หมอเคยบอกนะว่าถ้าแค่ใช้งานนิดๆหน่อยๆไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้ออกกำลังเลยเดี๋ยวแขนไม่มีแรงกันพอดี”

“งั้นก็เอาไว้ทำอะไรที่ใช้แรงน้อยกว่านี้ วันนี้ไผ่เป็นคนทำข้าวเช้าแล้ว เรื่องเสิร์ฟให้ต้นทำเอง”

คนถูกเอาใจจนปัญญาจะเถียง บทคนตัวใหญ่จะเอาแสดงความเอาใจใส่ขึ้นมาใครก็ฉุดไม่อยู่ เจ้าของบ้านเลยเปลี่ยนไปหยิบตะแกรงรองของร้อนมาวางบนโต๊ะกับจัดถ้วยชามออกมารอแทน

ทั้งสองนั่งทานข้าวต้มในห้องครัวขนาดเล็กด้วยกันเงียบๆ นับแต่พรพฤกษ์ออกจากโรงพยาบาล ทั้งตระการและเพื่อนๆของเจ้าตัวได้ปรึกษากันว่าควรจะให้หยุดกิจการของบ้านนฤมิตรไปก่อนจนกว่าคนเจ็บจะหายดี ตอนแรกพรพฤกษ์เองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดนี้นักแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมื่อโดนห้ามจากหลายปากเข้า

ทว่าสิ่งหนึ่งที่เพื่อนทุกคนยกเว้นตระการคิดตรงกันแต่ไม่มีใครเอ่ยออกมาคือเรื่องความคลุมเครือของตระการเอง เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะอาสามาคอยดูแลเจ้าของบ้านนฤมิตรตลอดตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาล แต่กระนั้นก็ไม่เคยเอ่ยบอกใครให้ชัดเจนว่าตั้งใจจะย้ายมาอยู่กับพรพฤกษ์อย่างถาวรหรือว่าต้องไปๆกลับๆเพื่อสืบทอดธุรกิจครอบครัวอีก และทุกคนก็ดูจะเกรงใจคนเจ็บเกินกว่าจะยุให้ถาม

เจ้าของบ้านนฤมิตรตักข้าวต้มเข้าปากไปก็มองคนตรงข้ามที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย ถึงแม้ตระการจะไม่เคยปริปากเล่าอะไรให้ฟัง แต่ชายหนุ่มก็ยังจำได้ดีถึงข่าวเกี่ยวกับงานเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงหลักที่ควรจะปรากฏตัวหายไป ทว่าใครเลยจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้สืบทอดธุรกิจพันล้านที่ถูกจับตามองคนนั้นความจริงแล้วมาคอยดูแลเขาอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์นอกตัวเมืองที่ต่างจังหวัดแบบนี้

ปกติในทุกๆเช้าตระการจะเป็นคนไปรับหนังสือพิมพ์ที่กล่องรับหน้ารั้วบ้านแล้วเปิดอ่านก่อน หลังจากนั้นจึงจะนำไปวางบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นให้พรพฤกษ์ได้อ่านต่อ แต่วันนั้นเขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นคนรักทำสีหน้าแปลกๆหลังได้อ่านหนังสือพิมพ์ประจำวัน แล้วก็ต้องสงสัยมากขึ้นไปอีกเมื่อถึงเวลาที่เขาจะขออ่านข่าวบ้างอีกฝ่ายกลับลืมว่าวางไว้ที่ไหน ทำให้เขาต้องแอบเปิดเว็บค้นหาข่าวของวันนั้นเองและทำให้ได้รู้ว่าสาเหตุที่ตระการไม่อยากให้ตนอ่านข่าวคืออะไร

การได้สืบค้นข่าวครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกเช่นกันที่พรพฤกษ์ได้เห็นรูปและรับทราบเกี่ยวกับท่านประธานใหญ่แห่งเครือสุวรรณฤทธิ์ บิดาของตระการและสามีใหม่ของแม่ที่เขามีความทรงจำถึงเพียงเบาบาง ความละม้ายทางใบหน้าของบิดาและบุตรชายทำให้พรพฤกษ์ไม่สงสัยเลยว่าทั้งสองเกี่ยวพันกันทางสายเลือดแน่นอน เพียงแต่ตระการจะมีความหนุ่มแน่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตมากกว่า ขณะเดียวกันนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็ดูอ่อนโยนไม่กราดเกรี้ยวเท่ากับผู้ให้กำเนิด ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าแววตาโกรธขึ้งของตฤณ สุวรรณฤทธิ์ยามให้สัมภาษณ์สื่อนั้นเป็นเพราะมีเรื่องขุ่นเคืองเกี่ยวกับลูกชายโดยมีเขาเป็นสาเหตุหรือเปล่า

ตระการพลิกดูข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อย่างรวดเร็วราวไม่เห็นข่าวที่ควรค่าแก่การสนใจ มือใหญ่จึงพับหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารเช้าแทน แต่แล้วเมื่อเห็นคนตรงหน้านั่งเหม่อมองถ้วยข้าวต้มก็เอ่ยทักอย่างเป็นห่วง

“ไผ่เป็นอะไร ทำไมไม่กินข้าวเลยล่ะ”

น้ำเสียงถามอย่างห่วงใยทำให้พรพฤกษ์กระพริบตาก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองเผลอใจลอยไปพักใหญ่

“ไม่มีอะไรหรอก พอดีคิดอะไรเพลินๆ เดี๋ยววันนี้ต้นพาเข้าเมืองหน่อยได้มั้ย?”

“ได้สิ ว่าแต่ไผ่จะไปซื้อของเข้าบ้านเหรอ? เพิ่งซื้อไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนะ”

ตระการถามพลางเลิกคิ้ว ใบหน้าหวานจึงยิ้มบางก่อนจะส่ายหน้า

“อยากไปซื้อของถวายสังฆทานน่ะ วันนี้ครบรอบวันเสียของตาพอดี เดี๋ยวขอกินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวไปกัน”


*************


ทั้งสองใช้เวลาไม่นานในการเข้าเมืองและซื้อของเพื่อถวายสังฆทาน หลังจากการถวายสังฆทานเสร็จสิ้นพรพฤกษ์ก็เดินนำตระการไปยังสุสานด้านหลังของวัดและตรงดิ่งไปยังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของผู้เป็นตา ทั้งสองวางดอกไม้ลงแล้วทำความเคารพอนุสรณ์ของผู้สูงวัยที่ล่วงลับไปแล้ว

พรพฤกษ์ย่อตัวลงคุกเข่าไหว้เจดีย์อยู่นานก่อนจะลุกขึ้นยืนเคียงข้างร่างสูงใหญ่ ตระการทอดสายตามองรูปถ่ายขนาดเล็กที่ติดอยู่หน้าเจดีย์แล้วก็ยื่นแขนออกโอบไหล่ของคนที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ

“ไม่เป็นไรนะ ต่อจากนี้ต้นจะดูแลไผ่แทนตาเอง”

ร่างบางชำเลืองมองคนข้างตัวแล้วก็ยิ้ม น่าแปลกที่ตั้งแต่เขาสูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่มีเพียงคนเดียวไป ชายหนุ่มก็ใช้ชีวิตในบ้านซึ่งได้รับเป็นมรดกโดยลำพังมาตลอดจนเคยเผลอคิดว่าตัวเองชินกับการไม่มีใคร ทว่านับจากวันแรกที่ตระการก้าวเข้ามาเยือนที่บ้านนฤมิตร ชีวิตของเขาก็ถูกอีกฝ่ายทำให้คุ้นเคยและผูกพันกับการมีใครอีกคนอยู่เคียงข้างจนไม่อาจคิดถึงชีวิตที่โดดเดี่ยวได้อีก

ไม่น่าเชื่อว่าคนสองคนที่ไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกันมาก่อน แถมได้รับการเลี้ยงดูในครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันราวคนละโลกจะได้โคจรมาพบกันและผูกพันกันเช่นนี้ได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะจุดเชื่อมซึ่งก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับทั้งคู่เหมือนกัน บางทีตอนนี้เขาและตระการก็คงยังใช้ชีวิตแบบที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต่างมีตัวตนอยู่ในโลกต่อไปกระมัง

“น่าแปลกนะต้น พอมาคิดๆดูแล้ว มันเหมือนเราสองคนได้มาเจอกันเพราะแม่เลย”

ตระการละสายตาจากรูปของชายสูงวัยท่าทางใจดีขึ้นมองคนข้างตัว ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้หันกลับมามองเขา

“นั่นสินะ บางทีแม่อาจจะรู้ว่าเราจะได้คบกันก็ได้มั้ง”

พรพฤกษ์หันไปค้อนคนพูดยิ้มๆ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทำให้อารมณ์เขาดีขึ้น เพราะจะว่าไปตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคราวนั้นตนเองก็เงียบไปกว่าเมื่อก่อนมาก อาจเพราะการบาดเจ็บถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลทำให้ชายหนุ่มเริ่มนึกหวั่นกับความไม่แน่นอนในชีวิตมากขึ้นก็เป็นได้

การที่ได้มีคนที่รักคอยห่วงใยอยู่ใกล้ๆทำให้อบอุ่นใจแค่ไหนเขารู้ดี แต่ความสุขนี้จะยืนยาวได้ถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อตระการเองก็มีชีวิตอีกรูปแบบที่รออยู่ ถึงแม้ตั้งแต่กลับมาหาคราวนี้เจ้าตัวจะไม่เคยหลุดปากเรื่องงานหรือบิดาให้ได้ยินเลยก็ตาม ความสงบสุขของชีวิตที่มีเพียงเราสองในปัจจุบันจึงเหมือนกำลังลวงตาให้เขาทุกข์ล่วงหน้ากับอนาคตที่ไร้ความมั่นคงให้ไขว่คว้า

“ไผ่ ก่อนกลับแวะเยี่ยมร้านพี่นอกันมั้ย?”

คนถูกถามกระพริบตามองสีหน้าหล่อเหลาที่ฉายความเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยม ชายหนุ่มจึงฝืนยิ้มให้ แม้จะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนแสดงละครตบตาใครเก่ง แต่ขอแค่เขาสามารถทำให้คนที่รักหายกังวลเกี่ยวกับตัวเองได้ก็พอแล้ว ไม่ว่าอนาคตที่ยังมาไม่ถึงจะมีพวกเขาทั้งสองคนอยู่คู่กันหรือไม่ก็ตาม ณ ตอนนี้เขาก็จะขอตักตวงทุกช่วงเวลาแห่งความสุขให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เพื่อที่หากในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกันอย่างไม่มีวันหวนคืนจริงๆตัวเองจะได้ไม่เสียใจว่าชาติหนึ่งเคยได้รักคนคนนี้และเคยได้รับรักตอบ


ตระการเดินเคียงข้างพรพฤกษ์เพื่อกลับไปที่รถ ระหว่างทางก็คอยลอบสังเกตอีกฝ่ายเป็นระยะ แม้ใบหน้าหวานจะอมยิ้มน้อยๆแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเหมือนอีกฝ่ายกำลังฝืนสวมหน้ากากเพื่อให้เขาสบายใจอยู่ ความที่ชายหนุ่มคอยเฝ้ามองอีกฝ่ายมาตลอดตั้งแต่ได้เจอตัวจริงครั้งแรกทำให้ตระการรู้ว่าคนรักของเขาเปลี่ยนไปแค่ไหน พรพฤกษ์เคยร่าเริงและมีชีวิตชีวามากกว่านี้ ทว่าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลอีกฝ่ายดูขรึมและไม่ค่อยหัวเราะบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ตระการเดาเอาว่าอาจเป็นผลกระทบทางจิตใจที่เกิดหลังจากอุบัติเหตุในคราวนั้น และคิดว่าคงไมผิดจากความจริงมากนัก

ตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ตระการไม่เคยปริปากบอกคนที่นอนร่วมเตียงถึงเรื่องที่บางคืนเขาถูกปลุกให้ตื่นเพราะอาการละเมอและร้องไห้โวยวายของอีกฝ่ายเลย บางคืนเขาต้องอดนอนเพื่อคอยปลอบคนละเมอที่ไม่ยอมตื่นจากฝันร้ายและกอดอีกฝ่ายไว้นิ่งๆจนเหนื่อยหลับไปเองอยู่เป็นชั่วโมง ทว่าพอตื่นเช้าวันใหม่พรพฤกษ์ดูจะไร้ซึ่งความทรงจำโดยสิ้นเชิงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่หลับ เขารู้ว่าบางทีการพูดคุยกับอีกฝ่ายตรงๆอาจช่วยบำบัดอาการให้ได้ดีกว่า แต่ว่าเพราะในทุกๆวันพรพฤกษ์จะพยายามทำตัวแจ่มใสเหมือนไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นกังวล ชายหนุ่มจึงตะขิดตะขวงใจที่จะสะกิดปมในใจที่เจ้าตัวพยายามข่มไว้ออกมา

ตระการเชื่อว่าตัวเองคิดถูกว่าสาเหตุที่ทำให้พรพฤกษ์เปลี่ยนไปหลังออกจากโรงพยาบาลนั้น นอกจากความทรงจำเลวร้ายของอุบัติเหตุแล้วเรื่องของเขาเองก็คงจะมีส่วนด้วย เพราะแม้ระหว่างที่อีกฝ่ายร้องไห้ละเมอจะพูดเพ้อจนจับใจความได้ยาก แต่เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองหลุดออกมาบ่อยครั้ง ชายหนุ่มจึงเลือกจะไม่เอาเรื่องที่รู้ไปปรึกษาใครแม้แต่กับเพื่อนๆของพรพฤกษ์ เพราะรู้ดีว่าหากจะมีใครทำให้อีกฝ่ายหายจากอาการนี้ได้ก็คงต้องเป็นตัวเขาเอง

หลายครั้งที่เขานึกกลัวใจของคนรักที่ไม่ยอมบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และทั้งๆที่เขาเองก็มุ่งมั่นที่จะดูแลอีกฝ่ายมากขนาดนี้ แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกที่ส่งผ่านไปให้จึงสื่อไม่ถึงใจอีกฝ่ายได้เต็มที่เสียที ตระการนึกอยากเข้าไปนั่งในใจของพรพฤกษ์ได้เพื่อจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่ และเขาควรต้องทำอย่างไรเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจในตัวเขาว่านอกจากความรู้สึกที่มีให้แล้ว เขาเองก็ตั้งใจว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเจ้าตัวเด็ดขาดต่อให้ต้องแตกหักกับบิดาจริงๆก็ตาม

ทั้งคู่เดินผ่านเขตอุโบสถเคียงข้างกันอย่างเงียบเชียบ ตระการมองเสี้ยวหน้าหวานที่ทอดสายตามองทางข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยแล้วก็อยากคว้ามือบางมาบีบให้กำลังใจ ติดก็แต่ว่าทั้งสองอยู่ในเขตวัดซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม เขาจึงกะว่าไปที่ร้านของนรพัฒน์เมื่อไหร่จะขอคุยกับพรพฤกษ์ตามลำพังเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจเสียที

ขณะเดินเลี้ยวออกจากกำแพงวัดตระการกับพรพฤกษ์ก็เห็นหญิงสาวนักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังยืนทำท่าก้มๆเงยๆดูแผนที่ในมืออยู่ห่างออกไป ตอนแรกทั้งคู่ไม่ได้สนใจเพราะต่างไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเสวนากับบุคคลที่สาม แต่แล้วเหมือนหญิงสาวคนนั้นจะหันมาเห็นทั้งสองคนเข้าพอดีจึงส่งเสียงเรียก

“ขอโทษนะคะ ขอถามทางหน่อยค่ะ”

เสียงพูดภาษาไทยชัดจนตระการกับพรพฤกษ์หันมองหน้ากันก่อนจะหันไปทางหญิงสาวที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม เนื่องจากการแต่งกายกับท่าทางเก้ๆกังๆของเจ้าตัวทำให้ตอนแรกทั้งสองนึกว่าหญิงสาวคงเป็นชาวต่างชาติ พรพฤกษ์หันไปยิ้มให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นตามมารยาท ทว่าตระการกลับยืนตัวแข็งเมื่อได้เห็นผู้ถามทางเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เมื่อระยะห่างหดสั้นลงจนเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนขึ้น ฝ่ายหญิงสาวนักท่องเที่ยวที่สวมแว่นกันแดดกรอบใหญ่ก็เริ่มแสดงสีหน้าเอะใจเช่นกัน จนเมื่อหญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรและถอดแว่นกันแดดอันเขื่องออกแล้วริมฝีปากอิ่มก็เผยอค้างเช่นเดียวกับตาที่เบิ่งโตขึ้นราวไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า

“ต้น? ต้นใช่มั้ย? นี่เจนเองนะ”

ราวกับอากาศจะหยุดไหลผ่านทั้งสามไปครู่ใหญ่ พรพฤกษ์หันมองคนข้างตัวสลับกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยตรงหน้า สัญชาติญาณบอกเขาว่าคนทั้งสองไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักที่ไม่ได้พบกันนานธรรมดาๆแน่นอน ทว่าก่อนตระการจะทันตั้งตัวพรพฤกษ์ก็ยิ้มแล้วทักอีกฝ่ายเสียก่อน

“สวัสดีครับ เพื่อนของต้นเหรอ?”

หญิงสาวดูอึ้งกับการได้เจอชายหนุ่มร่างสูงจนเกือบลืมไปว่ามีคนอีกคนยืนอยู่จึงหันมากระพริบตาเมื่อถูกเรียก

“เอ่อ...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แล้วคุณ?”

หญิงสาวขมวดคิ้วมองชายใบหน้าหวานตรงหน้าสลับกับชายหนุ่มอีกคนที่ตัวเองคุ้นเคยเป็นอย่างดี พรพฤกษ์มองออกว่านัยน์ตาฉลาดเฉลียวของหล่อนจะพอเดาความสัมพันธ์ของเขากับตระการได้แม้ทั้งสองจะไม่ได้จับมือถือแขนกันอยู่ก็ตาม จึงชิงเอ่ยตอบก่อนคนข้างตัวจะทันได้พูดอะไรออกมา

“ผมชื่อไผ่ เป็นพี่ชายของต้นครับ”

“ไผ่!”

เหมือนตระการจะตั้งสติได้ทันทีที่ได้ยินคำจำกัดความสถานะของพวกตนจากคนรัก หญิงสาวฟังแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงงงวย

“พี่ชาย? แต่ว่า...ต้นเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม?”

“คือว่านะเจน”

“เราเป็นพี่น้องคนละสายเลือดน่ะครับ แต่ว่าแม่เดียวกัน”

พรพฤกษ์เอ่ยขัดตระการด้วยคำอธิบายที่ทำให้หญิงสาวยิ่งทำสีหน้าสับสนมากเข้าไปอีก ใบหน้าหวานคมหันกลับไปหาคนข้างตัวแล้วก็ยิ้มให้ แต่ชายหนุ่มรู้ว่านัยน์ตาสีนิลวาววับนั้นไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย

“ท่าทางทั้งสองคนคงไม่ได้เจอกันนานแล้ว งั้นเดี๋ยวต้นพาเพื่อนเที่ยวเถอะ เดี๋ยวพี่โบกรถแดงไปที่ร้านของนอเอง ทั้งสองคนคุยกันตามสบายเลยนะ”

พรพฤกษ์พูดจบก็ถือโอกาสโบกเรียกรถโดยสารรับจ้างที่วิ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว ตระการพยายามจะสบตากับร่างเพรียวที่เปิดประตูไปนั่งคู่กับคนขับแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหันมาสบตาด้วยจนรถเคลื่อนออกไป

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองตามหลังรถแดงไปด้วยความกระวนกระวายใจ สรรพนาม “พี่” ที่พรพฤกษ์ใช้เมื่อครู่ต่างกับ “พี่ชาย” ที่ทั้งสองใช้เรียกกันเล่นๆยามอยู่กันสองต่อสองอย่างเห็นได้ชัด และถึงแม้น้ำเสียงที่ใช้จะสงบนิ่งแค่ไหนแต่ตระการก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงวิธีที่อีกฝ่ายใช้เพื่อปิดบังความหวั่นไหวอย่างรุนแรงภายในใจ มือใหญ่จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมากดโทรออกทันที

“ฮัลโหล?”

“พี่นอครับ พอดีผมกับไผ่เข้าเมืองมาแต่ไผ่แยกไปหาพี่ก่อน ยังไงถ้าไผ่ไปถึงแล้วโทรบอกผมด้วยนะครับ”

“เอ๋? แล้วไหงไม่มาด้วยกันล่ะ? ทะเลาะกันรึไง?”

ปลายสายเอ่ยถามอย่างหยอกล้อ แต่ตระการหน้าซีดเพราะที่อีกฝ่ายพูดไม่ผิดจากความจริงแม้กระเบียดนิ้ว

“ยังไงถ้าไผ่ไปถึงบ้านแล้วผมฝากดูด้วยนะครับ แล้วถ้าเค้าจะไปไหนต่อพี่นอต้องห้ามไว้นะครับ ผมเสร็จธุระแล้วจะรีบตามไป”

เสียงที่เอ่ยขอร้องอย่างลนลานคงทำให้อีกฝ่ายเอะใจขึ้นบ้าง ปลายสายจึงเริ่มเสียงเครียดขึ้น

“ตกลงมีเรื่องกันจริงๆเหรอต้น แล้วตกลงไผ่เป็นอะไร?”

ตระการเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะหันหลังให้แล้วป้องปากพูดลงโทรศัพท์ด้วยเสียงเบาลง

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ แต่ผมกลัวว่าไผ่อาจจะคิดมาก ยังไงพี่นอช่วยดูให้ระหว่างผมยังไปไม่ถึงด้วยนะครับ”

“ได้ๆ เดี๋ยวยังไงพี่โทรเช็คไผ่มันเองด้วย ต้นก็รีบตามมาล่ะ”

“ครับ ขอบคุณมากครับ”

ตระการกดตัดสายก่อนจะถอนหายใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนแตะแขนเบาๆ ตัวคนแตะเองก็ดูจะตกใจกับท่าทางของชายหนุ่มเหมือนกันจึงหน้าเสียไปนิดหนึ่ง

“เมื่อกี้นี้...เจนไม่ควรทักต้นหรือเปล่า?”

ร่างสูงมองใบหน้าสวยคมเข้มของคนตรงหน้านิ่ง หญิงสาวไม่ผิดที่จะตกใจเมื่อได้เจอเขา และพรพฤกษ์ก็ไม่ผิดที่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนั้นออกมาเพราะท่าทางของเขาเองก็ส่อพิรุธจริงๆ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อจู่ๆอดีตหญิงสาวที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเมื่อหลายปีก่อนก็มาปรากฏตัวต่อหน้าคนรักปัจจุบันที่กำลังอยู่ในสภาวะไม่มั่นคงทางจิตใจ

“ไม่เป็นไรหรอกเจน แต่ว่าคนเมื่อกี้ไม่ใช่พี่ชายของต้นนะ”

แม้จะยอมรับว่าแวบแรกที่ได้เห็นหญิงสาวที่เคยคบกันระยะหนึ่งจะทำให้ตัวเองเผลอหวั่นไหวไปบ้าง แต่ตระการก็อยากบอกอีกฝ่ายให้ชัดเจนว่าตอนนี้คนที่เขารักคือใคร หญิงสาวมองตาของคนพูดแล้วก็หลบตาก่อนจะพยักหน้า

“อืม เจนพอดูออกอยู่ แต่ว่าแล้วที่ว่าเป็นพี่น้องแม่เดียวกันแต่คนละสายเลือดนี่มันยังไงน่ะต้น พอจะอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

ตระการถอนหายใจอีกรอบ เขาไม่อยากเสียมารยาทกับคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงสภาพจิตใจของคนที่เพิ่งหนีตัวเองไปหยกๆด้วย

“ก็ได้ แต่คงได้ไม่นานนักนะเจน ต้นให้ไผ่อยู่คนเดียวตอนนี้ไม่ได้”


*************


 o22 !!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2009 14:25:32 โดย bellbomb »

loveorlike

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ได้ไงเรื่องนี้ไม่เคยอ่าน


ย่องไปตามอ่านด่วนนนนนนนน

กอดพี่บีบี มัดจำไว้ก่อน :กอด1:


 :z2:

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
มาจิ้มไม่ทัน

เม้นไว้ก่อน แล้วค่อยอ่าน ฮะๆ
รู้สึกเหมือนเปิดมาช้าเกินไป  :t3:

ปล.ร๊ากกกป้าจัง

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ไผ่เป็นอะไรไปล่ะ คิดมากเหรอ สงสารจัง อย่าทารุณจิตใจไผ่มากนักนะป้า :กอด1:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ร้องไห้ละเมอกลางคืนนี่เกิดจากอะไรหว่า

คิดมากหรือไร

ป้า คิดถึงนะจ๊ะ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ย่องเบา ตามมาอ่าน

สงสารไผ่ :serius2:

ตั้งตารอตอนต่อไป

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
ไผ่เป็นไรหว่า

มันนานจนลืมไปแล้ว อิอิ

เด่วกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ

เอ... หรือให้bbแต่งให้จบก่อนดี :laugh:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
LOVEJUICE   หุๆ เป็นเรื่องที่อัพช้ากว่าเรื่องอื่นเลยนะนี่ ทั้งที่เขียนลงเล้าเรื่องแรกแท้ๆ -_-"

turelight   ขอบคุณจ้า แล้วติดตามต่อด้วยน้า

น้ำค้าง   ง่า....เอาเป็นว่าต้องอ่านต่อไปแล้วกันนะจ๊ะ (มัดมือชกซะเลย)

19NT   คิดถึงตาลด้วย ส่วนเรื่องที่สงสัยนี่ต้องอ่านไปเรื่อยๆเดี๋ยวรู้เอง

ภาณุเมศพลัง   ย่องมาได้กริบมากๆค่า แล้วจะรีบเข็นตอนต่อไปมาให้น้า

moonlight    สจ.กลับไปอ่านใหม่เลยม้าย พออ่านจบตอนใหม่ได้มาลงพอดี อิๆ


ปล. ด้วยความบ้าพลัง ป้ากลับไปอ่านตอนเก่าๆแล้วปัดฝุ่นเรียบเรียงใหม่นิโหน่ย (จริงๆก็หลายตอน) ยังไงระหว่างรอตอนใหม่สามารถย้อนกลับไปอ่านแต่แรกได้เพื่อความมีอรรถรสนะจ๊ะทุกคน :laugh:

มีกำลังใจกลับไปทำงานละ แล้วเจอกันตอนใหม่จ้า  :L1:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
 :really2: ดีใจนะที่ป้ากลับมาต่อแล้ว

คิดถึงนะ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ต้องย้อนกลับไปอ่านหลายตอนก่อนหน้านี้เลยนะเนี่ย
ไม่เอาแล้วนะ
ทีหลังไม่้ค้างนานๆ แบบนี้แล้วนะ

 o18

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
^
^
แล้ว บีบี จะทำได้หรอป๋อมแป๋ม  :laugh:
ถ้าไม่ดองนานก็เสียชื่อ บีบี หมดอ่ะจิ  :z1:

อ่ะล้อเล่นนะจ้ะ บีบี จะนานแค่ไหนรึจะมาต่อเมื่อไหร่ ก็จะรออ่านจ้า  :กอด1:




pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ป้าคร้าบบ
แต่ละตอนมันช่างทรมานอะไรเช่นนี้  :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
22.

“ชามะนาวร้อนกับกาแฟเอสเปรสโซตามที่สั่งได้แล้วค่ะ”

เด็กสาวบริกรร่างเล็กเอ่ยพลางวางถาดเครื่องดื่มลงบนโต๊ะไม้เนื้อหนาสีเข้ม ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งของโต๊ะหันไปยิ้มขอบคุณเด็กสาวที่โค้งน้อยๆให้ก่อนจะเบนสายตากลับมามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากบางที่เม้มสนิทและนัยน์ตาที่จดจ่อกับไอสีขาวเหนือปากแก้วทั้งสองบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ร่างบางจึงลอบถอนหายใจแล้วก็ลูบแขนตัวเองเบาๆ อดปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่รายล้อมรอบตัวทั้งสอง ยิ่งหล่อนมองคนตรงหน้านานขึ้นเท่าไหร่ก็อดจะยิ่งเห็นภาพซ้อนของเจ้าตัวในวันที่ทั้งสองพบกันเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อสามปีก่อนไม่ได้

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“ต้น เราเลิกกันดีกว่านะ”

น้ำเสียงเย็นใสเอ่ยอย่างสงบนิ่ง นัยน์ตาหวานซึ้งล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวทอดมองไปยังผืนน้ำใสเรียบดุจกระจกของทะเลสาบเบื้องหน้า ฤดูกาลที่เริ่มเปลี่ยนผันในมหานครใหญ่ทำให้อากาศที่เคยหนาวเหน็บเริ่มอบอุ่น  ยอดไม้สีเขียวอ่อนผลิแซมขึ้นบนกิ่งไม้สีน้ำตาลอมเทาทั่วสวนสาธารณะที่มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกองหิมะที่ยังละลายไม่หมดก็จับตัวเป็นกองเกล็ดน้ำแข็งแฉะๆตามโคนต้นไม้และสนามหญ้าไปทั่ว

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กับหญิงสาวสวยสะดุดตาคู่หนึ่งนั่งเคียงกันอยู่บนม้านั่งตัวยาวซึ่งตั้งเรียงรายตามทางเดินในสวน ความเหมาะสมกันดุจประติมากรรมคู่ที่ถูกสรรค์สร้างดึงดูดสายตาของผู้ที่เดินผ่านไปมาให้ลอบมองอย่างชื่นชม แต่ระยะห่างระหว่างร่างทั้งสองบนเก้าอี้ซึ่งดูราวกับถูกทิ้งไว้สำหรับใครอีกคนก็ประหนึ่งความว่างเปล่าที่ตอกย้ำความห่างเหินที่เขาและเธอมีให้กันตลอดเวลาแรมเดือนที่ผ่านมา

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มที่นั่งเงียบไม่ปริปากพูดอะไรมาตั้งแต่ต้นทอดตรงไปข้างหน้า ปลายคางได้รูปวางอยู่บนมือที่ประสานกันโดยแขนทั้งสองชันขึ้นเหนือหัวเข่า ใบหน้าคมไม่ได้แสดงความโกรธขึ้งหรือตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน และไม่มีคำพูดโต้ตอบใดหลุดจากริมฝีปากบางอยู่เป็นนานก่อนที่นัยน์ตาเฉียบคมจะหรุบลง

“ถ้าเจนต้องการอย่างนั้น ต้นก็คงห้ามไม่ได้”

น้ำเสียงที่เอ่ยราบเรียบราวเจ้าตัวได้เตรียมทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าทีท่าที่ไร้ซึ่งความหวั่นไหวนั้นกลับทำให้มือของหญิงสาวที่ประสานกันอยู่บนตักสั่นอย่างบังคับไม่อยู่ ดวงตาสวยหวานกระพริบถี่เพื่อไล่ไอร้อนที่เอ่อขึ้นมาคั่งในหน่วยตาออกไป

การตัดความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เคยคบกันมาเป็นปี....ง่ายดายเพียงใช้คำพูดบอกกล่าวแก่กันอย่างนั้นหรือ

“ใจคอต้นจะไม่ถามบ้างเลยเหรอว่าทำไมเจนถึงตัดสินใจแบบนี้?”

หญิงสาวเค้นเสียงถามผ่านลำคอที่แห้งผาก แม้แสงแดดอุ่นยามบ่ายของฤดูใบไม้ผลิจะสาดส่องผ่านเมฆหนาลงมาอาบไล้บนร่าง แต่ปลายนิ้วเรียวที่ประสานกันอยู่กลับเย็นเฉียบไม่ต่างจากกองเกล็ดหิมะบนพื้นหญ้า

“ต้นรู้ว่าเจนเป็นคนมีเหตุผลและคิดทบทวนทุกครั้งก่อนจะทำอะไร การที่เจนตัดสินใจแบบนี้แสดงว่าเจนก็คงคิดมาดีแล้วเหมือนกัน”

หญิงสาวตวัดสายตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งข้างกัน ทั้งที่ระยะห่างซึ่งกั้นขวางนั้นไม่มากเกินจะทำลายด้วยการเอื้อมมือออกไปหา หากคำพูดที่แสดงความเคารพในการตัดสินใจจากอีกฝ่ายกลับกรีดเฉือนสายใยบางๆที่เคยหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไปเรียบร้อยแล้ว

“นั่นสินะ ใครๆก็บอกกับเจนทั้งนั้นว่าเจนเป็นคนฉลาด เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล ไม่น่าเชื่อนะว่าเจนไม่เคยเกลียดเวลาได้ยินคำนี้จากใครเท่ากับที่ได้ยินจากต้นเมื่อกี้เลย”

น้ำเสียงสั่นเครือกระตุกคิ้วเข้มให้ขมวดมุ่นก่อนจะหันไปหาคนพูด แล้วนัยน์ตาคมก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นหยดน้ำใสกลิ้งลงจากหางตาเรียวสวยโดยปราศจากเสียงสะอื้น

“เจน....”

มือใหญ่ที่กำอยู่บนเข่ายกขึ้นหมายจะเอื้อมไปรั้งไหล่บางให้เข้ามาอิงกับอกตัวเอง แต่แล้วมือนั้นก็นิ่งค้างก่อนจะค่อยๆวางลงที่เดิม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบือนกลับลงมองพื้นหญ้าตรงหน้าราวจะพยายามตัดใจไม่มองภาพบาดตาข้างตัว

หญิงสาวเห็นอากัปกริยาทุกอย่างของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างทางหางตาโดยตลอด แม้จะเจ็บยอกในอกกับความเย็นชาที่อีกฝ่ายมอบให้ แต่แล้วหญิงสาวก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลงราวจะปิดกั้นทำนบน้ำตาไม่ให้หลั่งออกมาอีก

ดีแล้วที่จบกันไป ถ้าหากเธอไม่สามารถเป็นที่หนึ่งในใจของคนที่รักได้ก็สู้ไม่ต้องเป็นอะไรกันเสียเลยจะดีกว่า แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็อดถามคำถามสุดท้ายที่ติดค้างในใจมาตลอดไม่ได้

“ต้น ที่ผ่านมาเจนเคยมีความหมายกับต้นบ้างหรือเปล่า? หรือว่ามีใครที่อยู่ในใจต้นมาตลอดจนไม่มีที่ว่างให้เจนแทรกเข้าไปเลย?”

คำถามนั้นดูจะแทงใจดำคนถูกถามจนร่างสูงต้องเบนสายตาไปทางอื่น หญิงสาวชำเลืองมองคนข้างตัวที่ไม่ยอมตอบเป็นคำพูดแต่ท่าทางที่แสดงออกก็กระจ่างชัดในตัวเองจนเกินพอ แม้ความเสียใจจะกำลังล้นท่วมอกแต่หล่อนก็ยังอดนึกขันไม่ได้ คนข้างตัวเธอเคยซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองอย่างไรก็ยังคงเป็นคนแบบนั้นไม่เปลี่ยน

“ช่างเถอะต้น ลืมคำถามของเจนซะ ยังไงต่อให้เราไม่เลิกกันเจนก็ตั้งใจจะย้ายไปแคนาดาอยู่แล้ว ต่อจากนี้ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้เราได้มาเจอกันอีกอยู่ดี”

หญิงสาวเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นยืน เสียงขยับตัวทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าหวานยิ้มบางๆให้คนที่อีกไม่กี่นาทีต่อไปจะกลายเป็นเพียงตัวตนที่อยู่ในความทรงจำแล้วยื่นมือหนึ่งไปข้างหน้า

“ลาก่อนนะ ยังไงเจนก็ขออวยพรให้ต้นโชคดี”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสบกับนัยน์ตาเรียวสวยก่อนจะเบนสายตาลงมองมือที่ยื่นมาให้ มือใหญ่ยกขึ้นจับมือนั้นตอบก่อนชายหนุ่มจะลุกขึ้นแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอด

“ขอโทษด้วยถ้าหากที่ผ่านมาต้นทำให้เจนไม่มีความสุข ต่อจากนี้ขอให้เจนได้เจอคนที่ดีกว่าต้นและรักเจนจริงๆก็แล้วกันนะ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขณะมือใหญ่ลูบหลังบางขึ้นลงอย่างปลอบโยน ร่างในอ้อมกอดยิ้มน้อยๆก่อนจะหลับตาแล้วเอนลงซบอกกว้าง หญิงสาวไม่ได้ยกแขนขึ้นกอดตอบแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอ้อมอกที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้เช่นกัน ขอเพียงครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น แล้วต่อจากนี้เธอกับเขาก็คงกลับไปเป็นเพียงอดีตคนรู้ใจที่ไม่มีวันหวนคืนสู่ความสัมพันธ์เช่นนั้นได้อีกเป็นครั้งที่สอง  หยาดน้ำใสเอ่อขึ้นบนขอบตาที่ร้อนผ่าวอีกครั้งก่อนน้ำเสียงรื่นหูจะกล่าวอวยพรคืนให้แก่คนตรงหน้า

“ขอบใจนะ เจนก็ขอให้ต้นมีความสุขกับคนที่รักจริงๆเหมือนกัน”


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“สามปีแล้วสินะ เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เองยังไงไม่รู้”

เจนใจยกแก้วชาขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยเสียงเบาเป็นเชิงชวนสนทนา ไม่น่าเชื่อว่าเวลาที่ผ่านไปไม่ได้ทำให้ภาพความทรงจำที่หล่อนมีเกี่ยวกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามในตอนนี้ซีดจางลงเลยสักนิด หญิงสาวยังจำได้ดีถึงทุกรายละเอียดในวันที่ทั้งสองคนตัดความสัมพันธ์กันแม้กระทั่งว่าวันนั้นตระการใส่เสื้อสีอะไรถึงแม้ข้อมูลนั้นจะไม่ได้มีประโยชน์กับชีวิตของเธอเลยก็ตาม

คู่สนทนาไม่ได้เอ่ยตอบหญิงสาวและเสยกกาแฟขึ้นจิบ นัยน์ตาเรียวสวยมองตามมือใหญ่ที่ยกแก้วเซรามิกเนื้อหนาขึ้นจรดริมฝีปาก เวลาเพียงสามปีหากจะว่านานก็เหมือนนาน แต่สำหรับคนที่ยังจดจำเรื่องเมื่อช่วงเวลานั้นได้อย่างแม่นยำ เวลาสามปีก็ถือว่าสั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ชีวิตนักศึกษาที่ร่ำเรียนในต่างแดนทำให้คนที่โหยหาความคุ้นเคยของบ้านเกิดเมืองนอนสานความสัมพันธ์กันได้ไม่ยาก และไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเช่นกันหากความผูกพันนั้นจะพัฒนาต่อยอดไปเกินขอบเขตของความเป็นเพื่อน สำหรับหล่อนแล้ว ช่วงเวลาที่ได้คบหากับตระการซึ่งเป็นคนในฝันของสาวๆนักเรียนนอกหลายคนเปรียบได้กับความทรงจำล้ำค่าที่อัดแน่นด้วยความสุขราวกับฝันทีเดียว

แต่อาจเพราะความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้นผุดขึ้นจากความรู้สึกชั่ววูบจนเกินไปไม่ต่างจากความฝันในชั่วข้ามคืน...วันหนึ่งเธอจึงต้องจำใจตื่นเพื่อยอมรับความจริงที่ว่าตนเองยังไม่ใช่ "ใครคนนั้น" ที่ตระการต้องการ และเลือกที่จะหยุดความสัมพันธ์นั้นเสียก่อนด้วยตัวเอง

“เจนอยู่ที่โตรอนโตสนุกมั้ย?”

นัยน์ตาหวานกระพริบเมื่อถูกน้ำเสียงทุ้มต่ำฉุดให้กลับจากภวังค์ หญิงสาวคลี่ยิ้มบางขณะเอียงแก้วให้ของเหลวสีอำพันไหลวนไปมา ดูเหมือนว่าระหว่างช่วงเวลาที่ทั้งสองขาดการติดต่อกันไปจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันมากทีเดียว

“ก็เรื่อยๆนะ ที่นั่นทั้งเงียบทั้งสงบสุขจนบางทีเจนอิจฉาคนที่เมืองไทยเลยล่ะ มีแต่เรื่องให้ได้ตื่นเต้นกันตลอดเลย ทั้งการเมืองเอย เศรษฐกิจเอย ข่าวซุบซิบดาราเอยสารพัด”

หญิงสาวเอ่ยไปก็หัวเราะเบาๆ มุมปากของคนที่นั่งทำสีหน้าเรียบเฉยมาตลอดจึงยกยิ้มบ้าง ทำให้บรรยากาศเครียดเกร็งที่โอบล้อมรอบตัวคนทั้งสองเมื่อครู่เริ่มผ่อนคลายลง แต่ถึงกระนั้นเจนใจก็ยังสัมผัสได้ถึงระยะห่างที่คนตรงข้ามดูจะจงใจรักษาไว้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน

ตระการยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่ได้พบกับหญิงสาวที่เคยคบกันช่วงที่เรียนอยู่ต่างประเทศ และเป็นคนที่ตัวเองเคยพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นลึกซึ้งด้วยเป็นคนแรกก่อนที่จะกลับเมืองไทย ทว่าความที่ทั้งสองห่างเหินกันไปตั้งแต่หญิงสาวบอกเลิกกับเขาและย้ายไปเรียนต่อที่แคนาดาทำให้ชายหนุ่มไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก สาวน้อยที่เขาเคยคบหาบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวที่เปี่ยมเสน่ห์สมวัยจนเขายอมรับว่าถึงกับตะลึงตอนที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายในตอนแรก แต่กระนั้นความกังวลใจถึงคนอีกคนที่เพิ่งหนีตัวเองไปก็ทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ว่าแต่น่าแปลกนะที่ได้มาเจอกันที่เชียงใหม่ ต้นมาเที่ยวเหรอ?”

หญิงสาวพยายามชวนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบคุย ใช่ว่าหล่อนเองจะไม่รู้สึกประดักประเดิดที่ได้นั่งคุยกับอดีตคนรักที่ตัวเองบอกเลิกเมื่อสามปีก่อนโดยไม่คาดฝัน แต่ในเมื่อได้มาพบกันแล้ว ครั้นจะให้ทำทีท่าห่างเหินไปเลยก็จะดูเป็นว่ามีแต่ตัวเองที่มัวยึดติดอยู่กับอดีต แม้ในใจส่วนลึกจะยังคงหวั่นไหวที่ได้เห็นชายหนุ่มในระยะใกล้เช่นนี้ก็ตาม

“เปล่าหรอก มาดูแลแฟนน่ะ”

ตระการตอบเสียงนิ่งอย่างไม่อ้อมค้อมก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง เจนใจมองท่าทีของชายหนุ่มที่เบนสายตาออกไปนอกร้านแล้วก็รู้สึกเสียวยอกในอก จังหวะการตอบและคำพูดที่ไร้ซึ่งความลังเลราวจะย้ำว่าความสัมพันธ์ที่ทั้งสองเคยมีร่วมกันคืออดีตที่รื้อฟื้นไม่ได้อีกแล้ว ทว่าการที่หล่อนยังรู้สึกเจ็บกับเรื่องที่ได้รับรู้จะแสดงให้เห็นว่าตนยังไม่หมดเยื่อใยกับคนตรงหน้าเสียทีเดียวกระมัง

นัยน์ตาเรียวสวยมองตามนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่เหม่อมองด้านนอกแล้วก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่หล่อนได้พบเมื่อครู่ น่าแปลกที่ทั้งๆที่ทั้งสองไม่ได้แสดงทีท่าเฉกเช่นคนรักผ่านการถูกเนื้อต้องตัวกันเลย แต่สัญชาตญาณของหล่อนกลับบอกได้แทบจะทันทีแค่เพียงได้เห็นสายตาของตระการยามมองอีกฝ่ายเท่านั้นว่านัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนความห่วงใยที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แล้วยังไม่นับคำพูดแปลกๆของเจ้าตัวในทำนองว่าปล่อยให้คนคนนั้นอยู่คนเดียวไม่ได้นั่นอีกล่ะ

“แฟนต้นชื่อไผ่ใช่มั้ย? เป็นคนที่นัยน์ตาสวยมากเลยนะ แต่สงสัยเจนจะทำให้เค้าไม่ชอบขี้หน้าเข้าแล้วสิ”

หญิงสาวรำพึงแล้วก็เอาสองมืออังกับแก้วชาของตัวเอง ตระการหันกลับมาเมื่อได้ยินชื่อของพรพฤกษ์แล้วก็ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า

“ไผ่ไม่ใช่คนแบบนั้น พอดีมันมีเรื่องหลายอย่าง แต่เจนไม่ต้องคิดมากหรอก”

หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองคนพูดที่นั่งอยู่ตรงข้าม ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางรีบออกหน้าปกป้องคนที่พูดถึงซึ่งไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งที่คิดออกมา

คนแบบไหนกันนะที่ทำให้ผู้ชายที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกแม้แต่ตอนที่เคยคบกับเธอออกอาการร้อนรนได้ถึงขนาดนี้

“ต้น เล่าเรื่องของไผ่ให้ฟังหน่อยได้มั้ย? เจนอยากรู้ว่าคนที่กุมหัวใจต้นได้ถึงขนาดนี้เป็นคนยังไง”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่ง มือใหญ่ไล้หูแก้วกาแฟขึ้นลงราวไม่แน่ใจ

“เจนอยากรู้จริงๆเหรอ?”

ใช่ว่าตระการไม่ชอบการได้พูดถึงคนที่ตัวเองรักให้ใครฟัง แต่เพราะเขามีคนรู้จักที่จะรับฟังเรื่องนี้น้อยเหลือเกินจนชินไปแล้วที่จะไม่พูดถึง อีกอย่างเขาก็เคารพสิทธิของพรพฤกษ์ที่อาจไม่อยากให้ตัวเองเป็นที่รู้จักของคนที่ไม่คุ้นเคยด้วย และเจนใจก็เป็นอดีตหญิงสาวที่เขาเคยคบหา ชายหนุ่มจึงยิ่งไม่แน่ใจว่าเขาควรเล่าเรื่องของพรพฤกษ์ให้อีกฝ่ายฟังดีหรือเปล่า

เจนใจมองท่าทางเหมือนน้ำท่วมปากของอีกฝ่ายแล้วก็คลี่ยิ้ม ท่าทางแบบนั้นกระตุ้นให้หล่อนยิ่งอยากรู้เรื่องราวของชายหนุ่มหน้าหวานที่ตัวเองรู้จักเพียงชื่อเล่นมากเข้าไปอีก หญิงสาวพยักหน้าให้กับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มแล้วก็ยืนยันคำเดิม

“อยากรู้สิ ต้นเล่าเรื่องของไผ่ให้ฟังหน่อยนะ”

 
*************


พรพฤกษ์จ่ายเงินให้กับคนขับรถโดยสารที่พามาส่งยังจุดหมายที่ต้องการก่อนจะผลักเลื่อนประตูรั้ว คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนที่ตั้งใจมาหากำลังยืนกอดอกรออยู่หน้าบ้าน

“ไปไหนมาน่ะไผ่? ทำไมถึงมาช้านัก แล้วทำไมต้องปิดมือถือด้วย?”

“พอดีแบตเพิ่งหมดน่ะ แล้วนอรู้ได้ไงว่าเราจะมา?”

มือเรียวชูโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอดำสนิทให้ดูเป็นหลักฐานขณะนัยน์ตาสีนิลกระพริบมองคนที่รัวคำถามใส่อย่างงงๆ นรพัฒน์มองสีหน้างุนงงของคนตรงหน้าแล้วก็ขมวดคิ้ว ท่าทางของเพื่อนที่ดูเป็นปรกติดีทำให้ชายหนุ่มเริ่มคิดว่าบางทีตระการอาจวิตกกังวลเกินเหตุไปเองก็เป็นได้ตอนที่โทรหาเขา แต่ด้วยความที่เขาเองก็เล่นหัวกับพรพฤกษ์มาตั้งแต่เด็กทำให้ชายหนุ่มไม่คิดจะวางใจท่าทางที่ดูเหมือนไม่มีเรื่องอะไรของอีกฝ่ายอยู่ดี

“ไม่มีอะไรหรอก พอดีต้นโทรมาหาเราเมื่อกี้แล้วบอกว่าไผ่มาเมื่อไหร่ให้ช่วยโทรบอกด้วย เราก็นึกว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าเสียงต้นเลยฟังลนๆชอบกล”

นัยน์ตาสีนิลทอประกายเข้มขึ้นวูบหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อคนที่ตัวเองเพิ่งแยกจากมาก่อนจะปรับสีหน้าเป็นเหมือนเดิม ทว่าความเปลี่ยนแปลงชั่วเสี้ยววินาทีนั้นก็ไม่ได้รอดสายตาของคนที่คอยมองอยู่ไปได้

“ต้นคิดมากไปเองมั้ง พอดีเราชวนไปทำบุญที่วัดแล้วต้นเจอเพื่อนเก่า ท่าทางคงไม่ได้เจอกันนานแล้วเราเลยขอตัวออกมาก่อน เรื่องก็มีแค่นี้แหละ”

พรพฤกษ์ว่าแล้วก็เดินนำเข้าบ้านของนรพัฒน์ด้วยความคุ้นเคยราวอาศัยอยู่ที่นี่เอง ฝ่ายเจ้าของบ้านมองตามหลังคนที่เดินเข้าไปก่อนแล้วก็ยกมือขึ้นนวดขมับ เริ่มจะเข้าใจขึ้นมาว่าทำไมตระการถึงต้องโทรมาหาเพื่อให้ช่วยจับตาดูเอาไว้ให้ ก็เพื่อนเขาเป็นคนปากแข็งแถมยังชอบตีหน้าซื่อปิดบังความรู้สึกตัวเองอีก แบบนี้มันน่าห่วงน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่

ร่างเพรียวเดินตรงเข้าครัวแล้วก็เปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาเทดื่มอย่างถือวิสาสะ พอเห็นเจ้าของบ้านเดินตามเข้ามาก็หันไปมองรอบตัวเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“บอยไปไหนล่ะ? ปกติช่วงก่อนเปิดร้านชอบมางีบที่นี่ก่อนไม่ใช่เหรอ?”

พรพฤกษ์ถามถึงลูกจ้างในร้านที่สนิทกับนรพัฒน์มากจนเจ้าตัวแทบจะรับเป็นน้องบุญธรรมไปแล้ว คนถูกถามจึงมาหยุดยืนใกล้ๆก่อนจะยักไหล่

“วันนี้บอยลาหยุด เห็นว่าไม่ค่อยสบาย ก่อนต้นจะโทรมาเราก็ว่าจะไปเยี่ยมอยู่เหมือนกัน แต่ว่าคงรอให้ต้นมาก่อนแล้วถึงค่อยไปดีกว่า”

“อ้าว? แล้วจะรอทำไมล่ะ นออยากเยี่ยมก็ไปเลยสิ ยังไงไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยมั้ย?”

ชายหนุ่มร่างผอมสูงตกใจกับท่าทางของเพื่อนที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างกะทันหันจนต้องรีบยกมือห้าม บทเพื่อนเขาจะพลิกอารมณ์ขึ้นมาบางครั้งก็แทบตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน  “เฮ้ย! ไม่ต้องหรอกไผ่ ไปตอนนี้เจ้าตัวก็คงยังไม่ตื่นอยู่ดี ปล่อยให้มันนอนพักผ่อนไปเถอะ”

ชายหนุ่มกดบ่าทั้งสองของเพื่อนให้นั่งลงเหมือนเดิมก่อนจะขมวดคิ้วอีกครั้ง ความบอบบางของสัมผัสใต้ฝ่ามือทำให้เขาค่อนข้างตกใจกับความผ่ายผอมของคนตรงหน้า อาจเป็นเพราะเสื้อผ้าที่เจ้าตัวใส่อยู่ไม่ได้เข้ารูปนักทำให้เขาไม่ได้ทันสังเกตในตอนแรก แต่เมื่อได้มองใกล้ๆอย่างนี้ทำให้เขาได้เห็นว่าร่างเพรียวซูบลงจากที่ตอนเจอกันคราวก่อนมากทีเดียว

พรพฤกษ์เห็นสายตาที่มองตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วก็หลบตาก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีก อาจเพราะความที่คบกันมานานทำให้เขารู้ว่าเพื่อนคงพอจะเดาได้ว่าตัวเองกำลังมีเรื่องในใจ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่คิดจะเล่าให้อีกฝ่ายฟังต่อให้ถูกถามตรงๆอยู่ดี และท่าทางของคนที่อยากถามก็พอจะรู้เหมือนกันว่าถึงแม้จะคาดคั้นไปก็ไม่เกิดประโยชน์

“เอาเป็นว่า ไผ่รออยู่ที่นี่แหละดีแล้ว ยังไงต้นก็บอกแล้วว่าเสร็จธุระเมื่อไหร่จะรีบตามมา”

คนถูกฝากฝังหัวเราะเสียงเบาในคอ นิ้วเรียวปาดไล้หยดน้ำที่จับเป็นฝ้าอยู่นอกผิวแก้วขณะนัยน์ตาสีนิลเหม่อมองไปยังสวนนอกบ้าน

“จะรีบทำไมก็ไม่รู้ อุตส่าห์บอกแล้วแท้ๆว่าให้ตามสบาย ต้นนี่เป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง...”

สายตาของนรพัฒน์อ่อนลงเมื่อได้ยินเสียงรำพึงที่ฟังแล้วเศร้าอย่างบอกไม่ถูกนั้น มือผอมยื่นบีบไหล่บางอย่างให้กำลังใจ ทว่าพรพฤกษ์สูดหายใจเข้าลึกแล้วก็ยิ้มให้กับเพื่อนสนิทก่อนเอ่ยเสียงเบา

“โทษทีนะนอ เราเพลียๆไงไม่รู้ ขอไปนอนที่ห้องที่เราเคยนอนได้มั้ย?”

พรพฤกษ์หมายถึงห้องที่ตัวเองเคยมาอาศัยอยู่ช่วงที่เคยปิดบ้านนฤมิตรไปหนหนึ่ง คนถูกขอพิจารณาสีหน้าของเพื่อนแล้วก็พยักหน้า

“เอาสิ กำลังจะทักเหมือนกันว่าไผ่ดูหน้าซีดๆ บางทีได้นอนพักหน่อยอาจจะดีขึ้น”

ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเดินนำคนขอไปยังห้องบนชั้นสองของตัวบ้านแล้วก็ช่วยดูความเรียบร้อยให้ เนื่องจากห้องนี้ไม่ค่อยได้ถูกเปิดรับแขกทำให้เขาหรือน้องสาวจะเข้ามาทำความสะอาดแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น โชคดีว่าครั้งล่าสุดที่ห้องนี้โดนทำความสะอาดไปคือเมื่อสองวันก่อนทำให้ห้องอยู่ในสภาพค่อนข้างพร้อมสำหรับการใช้งาน

“ขอบใจนะ ยังไงถ้าเราตื่นแล้วต้นยังไม่มาเราอาจกลับก่อนเลยก็ได้”

นรพัฒน์ยืนกอดอกพิงประตูมองคนที่มาขอใช้ห้องอย่างเงียบๆ พรพฤกษ์เลือกหนังสือเล่มหนึ่งจากกองหนังสือบนหัวเตียงมาทำท่าจะนั่งพิงหมอนอ่านแล้วก็สบตากับเจ้าของบ้านเข้าจึงเอ่ยถาม

“มีอะไรอีกหรือเปล่า? เราไม่ได้เป็นคนป่วยแล้วนะ ไม่ต้องอยู่เฝ้ากันก็ได้”

คนถูกทักได้ยินประโยคไล่ทางอ้อมแบบนั้นก็ถอนหายใจแล้วกลอกตา ยิ่งเจ้าตัวออกปากมาอย่างนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าควรจะเฝ้าเข้าไปใหญ่ แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่าเพื่อนมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่คิดทำอะไรหุนหันพลันแล่นยามอยู่เพียงลำพัง ติดอยู่ก็ตรงที่เจ้าตัวไม่ชอบบอกใครว่าคิดอะไรอยู่ทำให้เขารู้สึกว่าต้องกระทุ้งให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเสียบ้าง

“ไผ่ เราไม่อยากจุ้นหรอกนะ แต่ว่าถ้ากำลังมีเรื่องอะไรกับต้นอยู่ก็เปิดอกคุยกันให้ชัดๆไปเลยดีกว่า ยังไงเราก็คงแนะนำได้แค่นี้ ที่เหลือไผ่ไปคิดเองก็แล้วกันว่าควรจะทำอะไร”

ชายหนุ่มพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป พรพฤกษ์มองตามหลังประตูที่ปิดลงแล้วรอยยิ้มที่ฝืนปั้นมาตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านก็จางหาย มือเรียววางหนังสือที่หยิบขึ้นมาลงที่เดิมเพราะไม่ได้ตั้งใจจะอ่านตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หมอนที่เมื่อครู่ถูกตั้งขึ้นพิงหัวเตียงถูกวางราบก่อนเจ้าตัวจะเอนลงนอนตะแคงแล้วโอบแขนกอดตัวเองไว้

นัยน์ตาสีนิลเพ่งมองลายไม้ข้างผนังที่เริ่มพร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาที่ถูกกลั้นไว้มานานไหลลงจากตาจนซึมเป็นวงกว้างบนปลอกหมอนสีขาวสะอาด ไหล่บางสั่นขณะขบปากตัวเองแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่ดูจะเกินการควบคุมขึ้นเรื่อยๆ

ที่เพื่อนทักเมื่อครู่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร นรพัฒน์คงพอปะติดปะต่อเรื่องได้เองจากการได้ฟังคำพูดของตระการและจากท่าทีของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ผิดหรือที่เขาหวั่นไหวเมื่อได้เห็นภาพคนรักยืนคู่กับหญิงสาวที่ดูสมกันจนเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน แล้วผิดหรือเปล่าที่จู่ๆจะคิดขึ้นมาว่าถ้าหากเขากับตระการไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน ตอนนี้ต่างคนก็คงต่างมีวิถีชีวิตของตัวเอง และคนที่เขารักก็คงได้แต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาๆและสร้างครอบครัวที่มีความสุขจนไม่เกิดปัญหากับพ่อของตัวเองไปแล้ว บางทีทุกอย่างอาจจะเริ่มผิดพลาดตั้งแต่ชายหนุ่มเริ่มก้าวเข้ามาในชีวิตเขาแล้วก็เป็นได้

ใบหน้าหวานซุกลงกับหมอนเมื่อเสียงสะอื้นแรกหลุดจากริมฝีปาก ถ้าเขาไม่ได้เจอตระการตั้งแต่แรกก็คงดี…


*************


เอิ๊กส์ เพิ่งจะสังเกตุว่าป้าลงนิยายในบอร์ดสามเรื่องพร้อมกันแต่ยังไม่จบสักเรื่อง (จริงๆน่านับเป็นสี่นะเพราะมีเรื่องนึงที่ซ้อนกันเป็นสองเรื่องอยู่) ตอนนี้เลยตั้งใจว่าพยายามจะเข็นเรื่องไหนให้จบให้ได้สักเรื่องละ ในเมื่อตอนนี้องค์เรื่องนี้กำลังมาเลยรีบปั่นซะก่อนจะหายไปอีก ยังไงก็ติดตามกันต่อหน่อยนะจ๊ะแฟนๆทุกคน

ปล. เสาร์อาทิตย์ที่แล้วไปเที่ยวเกาะล้านมา อากาศดี น้ำใส ไปก็ง่าย (ขึ้นเรือจากท่าที่พัทยา) พูดถึงแล้วอยากไปเที่ยวยาวๆอีกจัง
  :really2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2009 09:31:06 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z13:
จิ้มป้า เดี่ยวนิวจะเซฟไปอ่านวันนี้จะไปไหว้พระ อิๆ

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ป้าอ้ะ บอกว่าอย่าทำร้ายจิตใจไผ่ให้มากนัก สงสารจังเลย  :o12:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog

^
^
^
เป็นนายเอกของป้าต้องอดทน หุๆ
  :z1:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
จะให้อดทนถึงไหน เดี๋ยวนายเอกเป็นโรคหัวใจตายพอดี  :a5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด