แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษที่หน้า 21จ้า [28/02/13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษที่หน้า 21จ้า [28/02/13]  (อ่าน 233049 ครั้ง)

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
วะฮะฮ่า bellbomb ตัวเอง ฟิต มากๆ วะฮะฮ่า สามตอนรวด เค้าชอบ เค้าชอบ  :m1:

รีบให้ต้นมาหาไผ่เร็วๆนะ มาให้ความอบอุ่นกับไผ่แทนผ้าห่มอันเหน็บหนาวที่แสนเดียวดายนี้ที  :o8:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
วะฮะฮ่า bellbomb ตัวเอง ฟิต มากๆ วะฮะฮ่า สามตอนรวด เค้าชอบ เค้าชอบ  :m1:

รีบให้ต้นมาหาไผ่เร็วๆนะ มาให้ความอบอุ่นกับไผ่แทนผ้าห่มอันเหน็บหนาวที่แสนเดียวดายนี้ที  :o8:



 :o  เจี๊ยก! ทำไมรู้ตอนต่อไปแล้วล่ะ

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
ชิ ๆ เชียร์ย่ามกะปาล์มดีก่า ท่าทางมันส์กว่ากันเยอะ  :laugh:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป


*************
คงสะใจแฟนๆต้น-ไผ่นะจ๊ะ มานั่งนับจำนวนหน้าดูแล้วก็ปาดเหงื่อ ทำไมยิ่งเขียนแต่ละตอนมันยิ่งยาวขึ้นๆเรื่อยๆก็ไม่รู้ หวังว่าตอนนี้คู่รองคงไม่ขโมยซีนมากไปนะ :m29:

สะใจมากมายคับ
ว่าแต่ .... คู่รองนี่ก็น่าสนใจมิใช่น้อย
 :laugh:

juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
ป้าแน่จริงมาต่ออีกสักสามตอเด๊ :m14:



แล้วที่ไปตอบรีในกระทู้ผม ว่าจะดองนิยายละก็ อย่าได้แม้แต่จะคิดเชียวนะ o12

ไม่งั้นไอ้เอจะแสกหนังควายเข้าท้องนะเอ้อ :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

กี๊ดๆ

เค้าชอบเพลงนี้อ่ะ

ชอบมากถึงมากที่สุดเลย

ความหมายมันช่างโดนใจ


 :m1: :m1: :m1: :m1:


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
14.

“ลูกเรือและผู้โดยสารทุกท่าน ผมกัปตันฉัตรชัย ขณะนี้ผมได้นำทุกท่านมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพแล้ว ขอขอบพระคุณที่ใช้บริการของเรา และหวังว่าจะได้รับใช้ทุกท่านอีกในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ”

ชายร่างสูงแข็งแรงหยัดตัวขึ้นจากเบาะที่นั่งแคบๆพลางคว้าสายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งขึ้นพาดบนไหล่ก่อนจะออกเดินตามผู้โดยสารที่พากันทยอยออกจากเครื่องบิน ร่างสูงเดินฝ่ากลุ่มผู้เดินทางที่แออัดอยู่ในห้องรอรับสัมภาระออกสู่บริเวณโถงรอรับผู้โดยสารอย่างเร่งรีบแล้วก็มองหาผู้ที่ตนนัดไว้ เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยลุกขึ้นจากแถวเก้าอี้เดินตรงมาที่ตนใบหน้าคมคายก็ยิ้มกว้างพลางสาวเท้าเร็วๆไปยังร่างนั้นทันที

“เฮ้ย!”

เสียงทุ้มใสร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนคนตัวใหญ่กว่ารวบเข้าไปกอดแน่นชนิดไม่สนใจสายตาใคร ผู้คนในบริเวณห้องรอผู้โดยสารมองมาที่คนทั้งสองเป็นจุดเดียว บ้างยิ้ม บ้างมองด้วยสายตาแปลกๆจนคนถูกกอดต้องทุบหลังอีกฝ่ายเรียกสติ พอวงแขนคลายมือเรียวก็ยกขึ้นตะปบริมฝีปากของคนที่ทำท่าจะก้มลงหาทันทีจนเจ้าตัวหน้ามุ่ยแล้วก็ส่งสายตาดุให้ทั้งที่แก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อ

“ถ้าทำตรงนี้โกรธจริงๆด้วย”

นัยน์ตาคนโดนดุยิ้มพราวก่อนจะยกมือที่ปิดปากตัวเองออกแล้วก็กุมไว้

“ไม่ทำตรงนี้ก็ได้ งั้นไปที่อื่นกัน”

มือใหญ่กุมกระชับมือบางของอีกคนแน่นแล้วจูงเดินออกจากสนามบิน คนถูกจูงรู้สึกเขินๆกับสายตาของผู้คนที่มองตามมาแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายพาเดินนำไปแต่โดยดี

“แล้วกระเป๋าใหญ่ล่ะ พรุ่งนี้กลับไปกรุงเทพแล้วต้องบินต่อไปเกาหลีเลยไม่ใช่เหรอ”

“ฝากไว้ที่สนามบินแล้ว เอามาด้วยก็เกะกะ”

ร่างสูงใหญ่หมุนเดินตามทางที่อีกฝ่ายชี้บอกไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ในลานจอดด้านนอกอาคาร พอปลดล็อคประตูเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยคนตัวใหญ่กว่าก็จับไหล่ของอีกคนไว้แล้วโถมตัวลงจูบแบบไม่ให้ตั้งตัวทันที

“อื้อ!”

ใบหน้าหวานหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกถึงการจู่โจมอย่างกะทันหัน กลีบปากที่เผยอเพราะความตกใจถูกครอบครองโดยริมฝีปากและปลายลิ้นร้อนที่ก้มลงตักตวงความหวานอย่างไม่รู้จักอิ่มด้วยแรงคิดถึง มือแข็งแรงอีกข้างที่ไม่ได้ยึดบ่าผอมบางไว้ยกขึ้นลูบแก้มเนียนเบาๆขัดกับการจุมพิตอย่างเร่าร้อนจนอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนต้องยกแขนทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอคนตรงหน้าไว้

ใบหน้าคมคายค่อยๆถอนริมฝีปากออกแล้วไล่ระสัมผัสแผ่วเบาไปบนสันจมูกโด่งและหยุดประทับลงที่หน้าผากของคนในอ้อมแขนก่อนจะถอยออกยิ้มให้ คนถูกจูบค่อยปรือตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายผละไปแล้ว แก้มเนียนสองข้างเป็นสีแดงเรื่อ

“คิดถึงไผ่ที่สุดเลย”

นัยน์ตาหวานคมมีน้ำตารื้นขึ้นมาก่อนจะยิ้มตอบแล้วยื่นตัวเข้าไปกอดคอแข็งแรงไว้แน่น
 
“คิดถึงต้นเหมือนกัน”


*************


รถยนต์สีน้ำเงินเข้มเลี้ยวเข้าสู่ถนนโรยกรวดแล้วก็ดับเครื่องเมื่อเข้าเทียบในโรงจอดรถ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เปิดประตูฝั่งผู้โดยสารลงจากรถแล้วก็กวาดตามองโดยรอบอย่างคิดถึง เสียงทุ้มเอ่ยกระเซ้าเมื่อมองไปที่สนามด้านหน้าและข้างตัวบ้าน

“หญ้ารกจัง”

พรพฤกษ์ปิดประตูล็อครถแล้วก็หัวเราะเขินๆก่อนเดินนำเข้าบ้าน

“ก็ตอนขับรถกลับมาจากที่ร้านเมื่อคืนก็ดึกแล้ว กว่าจะทำความสะอาดห้องนอนเสร็จก็ตีสามกว่า เมื่อเช้าตื่นมาว่าจะจัดการอยู่เหมือนกันแต่กลัวเสียเวลา”

ตระการทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกแล้วก็ดึงแขนอีกคนมาใกล้ก่อนจะกอดเอวไว้ “มิน่าตาแดงๆ นอนไปนิดเดียวเองล่ะสิ บอกแล้วให้ต้นขับมาเองก็ไม่เชื่อ”

มือเรียวสางนิ้วเข้าในเรือนผมของคนที่แนบแก้มกับหน้าท้องตัวเองเบาๆก่อนจะเอ่ยตอบ

“ถึงไม่ขับรถเองก็คงนอนไม่หลับอยู่ดี”

...ก็ไม่ได้เห็นหน้าต้นนานแล้วนี่... พรพฤกษ์เอ่ยประโยคนั้นในใจแต่ไม่เปล่งเป็นเสียงออกมา

ใบหน้าคมเงยขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มส่องประกายซุกซนพลางรัดเอวอีกฝ่ายแน่นเข้า “เดี๋ยวนี้ไผ่เต็มไม้เต็มมือขึ้นนะเนี่ย ว่าแต่ทีนี้กลับถึงบ้านแล้ว แล้วจะทำอะไรกันดี?”

คนโดนแซวหน้าแดงแล้วก็หยิกแขนคนที่กอดตัวเองอยู่จนอีกฝ่ายร้องโอดโอย “ก็บ้านนอเลี้ยงดี โดนสั่งให้กินข้าวครบสามมื้อทุกวันก็อ้วนสิ ว่าแต่เมื่อคืนคุยกันแล้วนี่ว่าต้นจะมาช่วยทำความสะอาด ปิดมาหลายเดือนฝุ่นเขรอะไปหมดแล้ว พูดไว้แล้วนะว่าจะช่วย ห้ามงอแงด้วย”

ชายหนุ่มร่างสูงแกล้งถอนหายใจจนอีกฝ่ายหัวเราะ ก่อนจะเดินตามขึ้นไปบนห้องนอนที่ชั้นสองเพื่อเก็บกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อผ้า แขนแข็งแรงดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าสวมกอดจากด้านหลังขณะอีกฝ่ายเปิดตู้จะหยิบผ้าขนหนูให้แล้วก็ก้มหอมแก้มฟอดใหญ่

“เมื่อกี้ต้นไม่ได้บอกว่าไผ่อ้วนนะ แบบนี้แหละดีแล้ว เมื่อก่อนผอมไป จะกอดแรงๆก็กลัวช้ำ”

 คนในอ้อมแขนแกล้งถองข้อศอกใส่ไม่แรงนัก “ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย นี่ยังดีนะไม่ถึงขั้นต้องซื้อกางเกงใหม่ เดี๋ยวต้นเปลี่ยนชุดแล้วพร้อมเมื่อไหร่ก็ตามขึ้นไปชั้นสี่แล้วกัน”

ใบหน้าคมยิ้มให้แล้วก็ยกมือทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งจนอีกฝ่ายหัวเราะก่อนผละออกจากห้อง ใบหน้าหวานมองไปทางประตูห้องนอนที่ปิดอยู่ก่อนเดินขึ้นชั้นบนแล้วก็ยิ้ม ในใจรู้สึกพองโตอย่างประหลาดเมื่อคิดว่าทั้งสองได้กลับมาที่บ้านนฤมิตรอีกครั้ง หลังจากได้คุยปรับความเข้าใจกันเมื่อคืนตระการก็บอกว่าจะจับเครื่องบินเที่ยวแรกของวันอาทิตย์มาเชียงใหม่ทันที แม้จะดูฉุกละหุกไปบ้างแต่พรพฤกษ์ก็ไม่ทัดทานเพราะตนเองก็อยากพบอีกฝ่ายเช่นกัน

ชายหนุ่มยอมรับว่าในตอนแรกตนรู้สึกกระวนกระวายตลอดเวลาที่นั่งรอที่สนามบิน ตอนที่เห็นอีกฝ่ายในแวบแรกเขาทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว แต่ปฏิกิริยาของตระการก็ช่วยลดความกังวลนั้นให้คลายลงเพราะทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันได้เหมือนความร้าวฉานที่เคยเกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ถึงแม้ว่าด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปจะทำให้พรพฤกษ์สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายมีประกายตากร้าวขึ้นดังคนที่เติบโตและต้องแบกรับความรับผิดชอบมากกว่าแต่ก่อน แม้เจ้าตัวจะพยายามทำตัวร่าเริงให้เหมือนตอนที่รู้จักกันครั้งแรกก็ตามที   

ตระการเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนแล้วก็ตามขึ้นไปช่วยเจ้าของบ้านนฤมิตรทำความสะอาดห้องพักทั้งหกห้องบนชั้นสามและชั้นสี่ เนื่องจากพรพฤกษ์ปิดบ้านไว้หลายเดือนทำให้บางห้องมีกลิ่นอับ ต้องเปิดประตูหน้าต่างให้ลมระบายและช่วยกันเอาฟูกออกผึ่งแดดจากนั้นจึงเริ่มลงมือปัดกวาดเช็ดถูตามห้องต่างๆ แม้แต่ละห้องจะมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่การทำความสะอาดก็กินเวลาล่วงไปจนบ่ายคล้อย

“พวกปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอนไว้ซักวันหลังก็ได้ต้น เดี๋ยวเอาฟูกเข้ามาเก็บในห้องแล้วไปหาอะไรทานในเมืองกันดีกว่า”

ร่างสูงพยักหน้ารับ ขณะกำลังช่วยอีกฝ่ายลากฟูกกลับเข้ามาวางตามห้องก็รู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นแต่ก็ทำเฉย ชายหนุ่มรอจนจัดการกับฟูกที่นอนครบทุกห้องแล้วจึงหันไปขอตัวกับเจ้าของบ้าน

“เดี๋ยวต้นลงไปโทรศัพท์แป๊บนะ ไผ่อาบน้ำแต่งตัวก่อนเลยแล้วกัน”

ตระการเดินลงจากชั้นบนแล้วก็เปิดประตูออกไปที่ชานหน้าบ้าน มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่ออกมากดรับ

“ครับพ่อ”

“นี่แกอยู่ที่ไหนของแก แล้วทำไมต้องเลื่อนไฟลท์ไปโซล!”

น้ำเสียงโมโหฉุนเฉียวดังมาตามสาย ชายหนุ่มถอนหายใจ พ่อของเขาคงไปคาดคั้นจากเลขาฯของเขาแน่หลังจากได้เห็นอีเมล์ที่เขาส่งไปเลื่อนประชุมพาร์ทเนอร์ที่เกาหลี

“พอดีผมมีธุระด่วนก็เลยติดต่อคุณคิมขอเลื่อนประชุมไปหนึ่งวันครับ ส่วนเรื่องเอกสารสำคัญสำหรับประชุมผมให้เอ๋ดูแลเตรียมไว้ให้หมดแล้ว”

“แกอยากจะยั่วโมโหฉันนักรึไง ธุระอะไรแกถึงต้องไปเชียงใหม่วันที่แกมีกำหนดบินไปประชุมสำคัญกับพาร์ทเนอร์แบบนี้!”

ตระการพยายามข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเอาไว้ บิดาของเขาเป็นคนเด็ดขาด ทุกอย่างต้องทำตามแผนที่เตรียมไว้แล้วห้ามออกนอกลู่นอกทาง จนบางครั้งเขาเหนื่อยใจกับการต้องพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองผู้สูงวัยกว่าให้ยอมรับความยืดหยุ่นและการเปลี่ยนแปลงบ้าง

“พอดีเพื่อนสนิทผมป่วย ผมเลยอยากมาเยี่ยมด่วนเพราะจะไม่ได้เจอกันอีกหลายเดือน”

ชายหนุ่มเลือกทางออกที่ง่ายที่สุดคือการโกหก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการบอกความจริง แต่ก็เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเขากับพรพฤกษ์ไม่ใช่เรื่องที่สามารถนำมาอธิบายได้ในสถานการณ์เช่นนี้ และยิ่งถ้าบิดารู้ว่าคนที่ตนกำลังคบหาอยู่คือลูกแท้ๆของภรรยาคนที่สองย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องผ่านไปง่ายๆแน่นอน

“หึ เพื่อนป่วย ฉันหวังว่าเพื่อนแกคงไม่ได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงด้วยหรอกนะ เดี๋ยวแกจะมีปัญหาโดนกักตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง”

มุกที่นานครั้งบิดาจะเล่นไม่ได้ฟังน่าขันเลยเพราะตระการรู้ว่าอีกฝ่ายพูดด้วยอารมณ์ไหนจึงรีบตัดบท “ยังไงผมก็เลื่อนไฟลท์ไปแล้วและทางนั้นก็รับรู้แล้วด้วย รับรองว่าผมบินไปทันประชุมกับบอร์ดที่นั่นวันถัดไปแน่นอนพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่มีอะไรอีกผมขอตัวไปดูเพื่อนก่อน”

ชายหนุ่มตัดสายทิ้ง นึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายชอบคอยตรวจตราพฤติกรรมของเขาเหมือนเป็นเด็กๆทั้งที่ตนเองก็พยายามจะวางมือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจบิดาที่เป็นห่วงธุรกิจที่ตนเป็นคนสร้างขึ้นมา แต่เขาก็ต้องการความไว้วางใจและพื้นที่สำหรับหายใจในชีวิตส่วนตัวบ้าง

“ต้น ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว จะได้เข้าเมืองกัน”

ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนหันมายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วก็คว้ามือข้างหนึ่งมาบีบเบาๆ “โอเค งั้นไผ่รอแป๊บนึง รับรองไม่เกินสิบนาที”

ตระการเดินเข้าบ้านไปแล้ว พรพฤกษ์มองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงชานหน้าบ้านแล้วก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่ 



*************

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2009 22:27:30 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
14. [อีกหน่อยน่อ]

ตระการนำรถเข้าจอดในลานจอดหลังร้านอาหารที่พรพฤกษ์บอกว่าจะพามาแนะนำ ชายหนุ่มเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในร้านแล้วก็มองไปรอบๆ

“ร้านแต่งน่ารักดี ท่าทางจะเน้นอาหารญี่ปุ่นสิเนี่ย”

พรพฤกษ์เดินตรงไปที่โต๊ะริมหน้าต่างแล้วก็เลื่อนเก้าอี้ออกนั่ง “ก็แนวกึ่งไทยกึ่งญี่ปุ่น เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านเค้าเคยไปช่วยญาติทำร้านอาหารที่โตเกียว พอกลับมาเลยเปิดร้านเอง แต่ที่บ้านเค้าจริงๆทำร้านข้าวซอย”

ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูง นัยน์ตายาวรีเดินออกมาจากห้องด้านในหลังเห็นรถยนต์ที่คุ้นตาจากหน้าต่าง แต่แล้วก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ตนตั้งใจเดินออกมาหาไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว พรพฤกษ์หันมาเห็นอีกฝ่ายจึงโบกมือให้

“ไงอ้น วันนี้พาลูกค้าใหม่มาแนะนำให้แน่ะ”

พรพฤกษ์แนะนำชายทั้งสองให้รู้จักกัน ชายหนุ่มเจ้าของร้านมองหน้าผู้มาใหม่แล้วก็ยิ้มจืดๆพลางหยิบเมนูออกมาให้ ตระการมองตามสายตาที่จับจ้องใบหน้าของคนรักตอนที่อีกฝ่ายขอความเห็นเรื่องอาหารที่จะสั่งแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“เป็นไรต้น? หน้าดุเชียว”

 ตระการรีบยิ้มกลบเกลื่อน “ไผ่มาร้านนี้บ่อยเหรอ เห็นเมื่อกี้ทักเด็กเสิร์ฟตรงเคาน์เตอร์ด้วย”

“ก็บ่อยอยู่ พอดีอ้นเค้าเพิ่งเปิดร้านนี้ได้ไม่นานเลยขอให้มาช่วยวิจารณ์อาหารให้ ตอนเด็กๆก็เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันนะแต่ไม่ได้สนิทเท่าไหร่”

งั้นก็ไม่ต้องสนิทกันต่อไปแหละดีแล้ว ตระการคิดในใจก่อนจะคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่ตนเองเคยให้ไว้บนข้อมือข้างนั้น

“ดีใจจังที่ยอมใส่ นึกว่าไผ่จะโยนทิ้งหรือเก็บใส่ลิ้นชักขังลืมไปเลยซะอีก”

“ก็เคยคิดอยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะตอนที่เห็นข่าวต้นกับนางแบบคนนั้นน่ะ”

พรพฤกษ์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย “ล้อเล่นน่า ให้ทิ้งก็เสียดายแย่ ยังไงก็เป็นของที่มีคนให้มา”

“ต้นไม่ได้คบกับเค้าจริงๆนะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำให้นักข่าวคิดกันไปแบบนั้น แค่เคยไปไหนมาไหนในกลุ่มเดียวกันตอนอยู่ต่างประเทศเท่านั้นเอง…”

แวบหนึ่งตระการคิดไปถึงช่วงเวลาสั้นๆที่ชายหนุ่มจับพลัดจับผลูต้องดูแลลลิตาโดยไม่ตั้งใจตอนที่อยู่เรียนอยู่แคมปัสเดียวกัน แล้วได้ล่วงรู้ความลับที่หญิงสาวปรารถนาจะปกปิด หรือสาเหตุที่อีกฝ่ายติดเขาแจจะสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ตอนนั้น

พรพฤกษ์มองหน้าอีกฝ่ายที่เงียบไปขณะกำลังใช้ความคิด แล้วก็เหลือบตาลงมองมือตัวเองในอุ้งมือใหญ่ บทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่ระหว่างตระการกับบิดายังก้องซ้ำไปมาอยู่ในหัว เขาไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงที่บินขึ้นมาเชียงใหม่ออกไป แต่กระนั้นสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่าความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ดีแน่แล้วหรือเปล่า

พนักงานเสิร์ฟสาวเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารพลางทำหน้าเขินๆที่เหมือนมาขัดจังหวะทั้งคู่ พรพฤกษ์จึงชักมือตัวเองกลับแล้วก็ก้มลงทำทีสนใจอาหารตรงหน้า ในหัวพยายามคิดหาหัวข้อสนทนาแล้วก็หัวเราะออกมา

“จริงสิต้น อย่าลืมไปขอบคุณปาล์มด้วยล่ะที่มาช่วยเป็นทูตเกลี้ยกล่อมให้ แต่ไม่รู้ตอนนี้เค้าจะดีใจที่มารึเปล่านะ”

ตระการทำหน้าสงสัย พรพฤกษ์จึงอธิบายให้ฟังถึงเรื่องที่เพื่อนตัวเองจีบหญิงสาวกลางงานเลี้ยงที่ร้านเมื่อคืนก่อนแล้วก็หัวเราะตาม

“ไม่น่าเชื่อ แต่มองอีกแง่ถ้าคบกันจริงๆคู่นี้ก็เหมาะกันดีนะ”

“แล้วต้นไม่อยากหาผู้หญิงที่เหมาะกับตัวเองซักคนเหรอ?”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่หลบสายตามองจานข้าวตัวเองนิ่ง “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ ไผ่พูดเหมือนอยากไล่ต้นให้ไปให้พ้นๆอย่างงั้นแหละ”

อีกฝ่ายเงยหน้าที่ซีดเผือดขึ้นทันที

“ไม่ใช่นะต้น ที่ถามน่ะ....”

พรพฤกษ์อ้ำอึ้ง เขาจะพูดได้อย่างไรว่าที่จริงแล้วตนเองเริ่มหวั่นใจกับความผูกพันที่กำลังก่อตัวมากขึ้น อดีตที่ไม่เคยมีใครทำให้ไม่รู้สึกว่าตัวเองพลาดหรือสูญเสียอะไร แต่หลังจากที่ได้สัมผัสความรู้สึกว่าเสียความรักไปแล้วครั้งหนึ่งแม้จะเป็นแค่การเข้าใจผิดก็ทำให้รู้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน เขากลัวทนไม่ได้ขึ้นมาถ้าต้องรับความรู้สึกนั้นซ้ำอีกครั้งหลังจากที่หัวใจตัวเองถลำลึกไปยิ่งกว่านี้

“ช่างมันเถอะไผ่ คิดซะว่าเมื่อกี้ไม่ได้ถามอะไรไว้ก็แล้วกัน”

เสียงขุ่นๆเหมือนกำลังข่มอารมณ์ของอีกฝ่ายทำให้พรพฤกษ์ยิ่งใจแป้ว ทั้งสองนั่งทานอาหารต่ออย่างแกนๆ สักพักตระการก็ยกมือขอคิดเงินเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพียงเขี่ยอาหารในจานไปมา ร่างเพรียวเหลือบสายตาขึ้นมองคนตรงข้ามตัวที่ไม่ยอมสบตากลับแล้วก็หลบสายตาลงอย่างเดิม   

อภิสิทธิ์เป็นคนเดินเอาเงินทอนพร้อมกับลูกอมออกมาให้ด้วยตัวเอง แล้วก็สังเกตเห็นพรพฤกษ์นั่งตาแดงๆเลยเอาหลังมืออังหน้าผากแล้วถามอย่างเป็นห่วง

“ไผ่เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?”

ตระการแสดงสีหน้าไม่พอใจทันที ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามาโอบไหล่อย่างเป็นเจ้าของ

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แฟนผม ผมดูแลเองได้”

พรพฤกษ์อ้าปากค้าง เช่นเดียวกับอภิสิทธิ์ที่มองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา คนในอ้อมแขนหน้าแดงขึ้นแล้วก็รีบหลบสายตาเพื่อน

“ขอบคุณนะอ้น ยังไงวันนี้เรากลับก่อนแล้วกัน”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยังคงกอดไหล่อีกฝ่ายไว้แน่นพลางพาเดินออกจากร้านโดยไม่นำพากับสายตาที่มองมาจากโต๊ะอื่นๆ พอทั้งคู่กลับเข้าไปนั่งในรถตระการก็สตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดทันที แต่ทว่าแทนที่จะขับออกถนนใหญ่ชายหนุ่มกลับลัดเลาะเข้าซอยนั้นออกซอยนี้วนอยู่ในย่านเดิมจนพรพฤกษ์ต้องออกปากถามอย่างสงสัย

“ต้น ตกลงจะขับไปไหนกันแน่?”

คนขับหักรถเข้าจอดข้างทางแทบจะทันทีที่ถูกทัก พอดึงเบรกมือขึ้นแล้วชายหนุ่มก็เท้าศอกลงพิงพวงมาลัยแล้วจ้องไปข้างหน้า สีหน้ายังมีริ้วรอยแห่งความไม่พอใจจนพรพฤกษ์เริ่มหวั่นๆเพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายแสดงอารมณ์แบบนี้มาก่อน

ในที่สุดตระการก็ถอนหายใจยาวก่อนจะเอนพิงเบาะที่นั่งแล้วยกหลังมือข้างหนึ่งขึ้นปิดตา “ไผ่ ต้นเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หัวใจพรพฤกษ์กระตุกวูบเมื่อได้ยินคำถาม เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายอุตส่าห์ตั้งใจเลื่อนไฟลท์ไปประชุมธุรกิจสำคัญที่ต่างประเทศแล้วก็จับเครื่องบินมาหาเขาทั้งที่อยู่ได้แค่คืนเดียว เพราะอยากย้ำให้มั่นใจว่าทั้งสองจะสานต่อความสัมพันธ์ที่เคยได้เริ่มไว้เมื่อหนึ่งปีก่อนจริงๆ แต่ทว่าความหวาดหวั่นต่ออนาคตที่เริ่มก่อตัวกลับทำให้เขาไม่มั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มนิ่งเงียบพลางกัดริมฝีปากล่างอย่างอับจนด้วยคำตอบ

มือใหญ่จับมือของคนที่นั่งข้างตัวขึ้นบีบเบาๆ “ต้นรู้ว่ามันทำใจยากที่เราจะคบกันโดยที่นานๆทีถึงจะมีเวลาได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับไผ่ต้นมีความสุข จนไม่คิดว่าจำเป็นต้องไปหาคนอื่นมาชดเชยช่วงที่เราต้องห่างกัน”

ใบหน้าคมหันกลับมามองคนข้างๆ พรพฤกษ์ลมหายใจสะดุดเมื่อเห็นขอบตาแดงช้ำของอีกฝ่ายและรู้สึกได้ถึงแรงบีบของมืออุ่นที่แน่นขึ้น

“ต้นเคยบอกแล้ว ถ้าไผ่อยากได้ยินคำว่ารักอีกกี่ครั้งก็จะพูด ถ้าจะทำให้ไผ่มั่นใจว่าต้นหมายความอย่างนั้นจริงๆ”

“ขอโทษต้น ขอโทษ” พรพฤกษ์ผวาเข้าไปกอดคอคนตรงหน้าไว้แล้วก็ลูบผมอีกฝ่ายไปมา “ขอโทษ จะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว ขอโทษจริงๆ”

ร่างเพรียวพยายามกลืนก้อนแข็งที่แล่นขึ้นมาจุกที่คอ รู้สึกเต็มตื้นที่อีกฝ่ายเปิดเผยความรู้สึกให้ตนเองรู้ถึงขนาดนี้ ทั้งสองนั่งกอดกันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยปลอบเสียงเบา

“พี่ชายเชื่อแล้วนะ ต้นอย่าร้องไห้นะ”

“ยังไม่ได้ร้องซักหน่อย”

ตระการค่อยๆผละออกจากอ้อมแขนแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะหอมแก้มคนตรงหน้าฟอดหนึ่ง “แดดร่มแล้ว ไปแวะถนนคนเดินกันหน่อยมั้ย แล้วเดี๋ยวคืนนี้ไปดูวิวบนเขาด้วยกัน”

ใบหน้าหวานยิ้มแล้วก็บีบมือตอบอีกฝ่ายที่กุมมือตนเองไว้

“อื้อ”



*************


แถมท้ายขำๆสำหรับคนที่ติดใจคู่รอง  :m32:


ตอนพิเศษ: แอบฟังคนเขาจีบกัน

“หยุดโทรมาซะทีไอ้หน้าหนวด!”

“โหย ทำไมปากจัดเงี้ยอะ นี่ถ้าผมโกนหนวดปาล์มจะเหลืออะไรให้เรียกเนี่ย”

“อ้วนดำเป็นไง เห็นภาพพอกัน”

“อ้าว พูดงี้ไม่เคยเห็นไอ้ย่ามตอนฉุเบียร์ซะแล้ว นี่ผมหุ่นสเลนเดอร์กว่าเมื่อก่อนเยอะแล้วคร้าบที่รัก”

“ใครคือที่รัก อย่ามามั่วนะ ไอ้โรคจิต!”

“ใจคอจะไม่เรียกชื่อผมบ้างเลยเหรอ จะบินกลับกรุงเทพไฟลท์กี่โมงก็ไม่ยอมบอก แล้วนี่เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีกล่ะครับที่รัก”

“*#$%%**#%!!!!!!!”



คิดถึงผู้อ่านทู้กกกกคนนะจ๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2009 22:29:58 โดย bellbomb »

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
ไหนเนี่ย บทคลุกวงในใต้ผ้าห่มที่ตัวเองสัญญาเอาไว้อ่ะ  :serius2:

ว่าแต่ ด้วยความเคารพ คุณพ่อ จะยังงี้อีกนานไม๊ค้าาาาา

เดี่ยวจะส่ง ปาล์มมี่ ศิษย์จีจ้าไปจัดการ หลังจากฟันศอกไอ้โรคจิตหน้าหนวดเสร็จแล้ว วะฮะฮ่า

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
เกลียดคุณพ่อชะมัดเลย  มีโรคประจำตัวมั่งมั้ยเนี่ย เช่น โรคหัวใจ อะไรทำนองเนี้ย :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :jul3: ชอบตอนพิเศษของคู่รองนี้จัง แต่ก็แอบสงสารอ้น งืดๆๆ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

น่าสงสารต้นเนอะ

ท่าทางอึดอัดแย่

 o7


pickki_a

  • บุคคลทั่วไป

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แฟนผม เดี๋ยวผมดูแลเอง”


ชอบอันเนี๊ยะ  :m1: ถ้าใครมาพูดกับเรา ก็คงรู้สึกดีอ่ะเนอะ ป้าเนอะ

juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
ป้าคับ ถ้าไอ้เอจะบอกว่า  :m13:

เอาตอนพิเศษของไอ้หนวดกะปาล์ม มาลงอีก


ป้าจะทำเพื่อไอ้เอได้มั้ย :m13:



( :angry2:เมิงเป็นใครห่ะไอ้เอ เค้าถึงจะทำไรเพื่อเมิง :เตะ1:)





ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
แวะมารีพลาย ขณะตอนใหม่ยังไม่มา (งานนอกเริ่มเคลียร์ได้แล้ว แต่งานหลักไหงมันเยอะขึ้นเนี่ย  o7 )

ไหนเนี่ย บทคลุกวงในใต้ผ้าห่มที่ตัวเองสัญญาเอาไว้อ่ะ  :serius2:

ว่าแต่ ด้วยความเคารพ คุณพ่อ จะยังงี้อีกนานไม๊ค้าาาาา

เดี่ยวจะส่ง ปาล์มมี่ ศิษย์จีจ้าไปจัดการ หลังจากฟันศอกไอ้โรคจิตหน้าหนวดเสร็จแล้ว วะฮะฮ่า

ต้นกับไผ่มวยคนละรุ่นนะ จะคลุกวงในกันยังไงล่ะเนี่ย เหอๆ ขอไปคิดก่อนน้า

เกลียดคุณพ่อชะมัดเลย  มีโรคประจำตัวมั่งมั้ยเนี่ย เช่น โรคหัวใจ อะไรทำนองเนี้ย :m16:

อ่า จริงๆป่าป๊าแกช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่ขออมพะนำไว้ก่อนว่าเป็นโรคอะไร เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น  :a1:

:jul3: ชอบตอนพิเศษของคู่รองนี้จัง แต่ก็แอบสงสารอ้น งืดๆๆ

แหะๆๆ ก็ต้นรุกก่อน


น่าสงสารต้นเนอะ

ท่าทางอึดอัดแย่

 o7



เกิดเป็นลูกคนรวยต้องอดทน  :a2:


“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แฟนผม เดี๋ยวผมดูแลเอง”


ชอบอันเนี๊ยะ  :m1: ถ้าใครมาพูดกับเรา ก็คงรู้สึกดีอ่ะเนอะ ป้าเนอะ

นั่นสิ เห็นด้วยสุดๆ แล้วเมื่อไหร่จะมีใครมาพูดกับป้าซักทีเนี่ย  :freeze:

ป้าคับ ถ้าไอ้เอจะบอกว่า  :m13:

เอาตอนพิเศษของไอ้หนวดกะปาล์ม มาลงอีก


ป้าจะทำเพื่อไอ้เอได้มั้ย :m13:


( :angry2:เมิงเป็นใครห่ะไอ้เอ เค้าถึงจะทำไรเพื่อเมิง :เตะ1:)



ถามเองตอบเอง เลิศ... :jul3:  ถ้าคิดมุกได้เดี๋ยวใส่ให้ละกัน อุๆๆ



The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
คิกคิก bb ตัวเองจัดต้นกับไผ่ชกรุ่นเดียวกันนั่นแหละ คู่นี้ไม่เกี่ยงน้ำหนัก คิกคิก  :o8:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
มาละคร้าบ รู้สึกว่าแต่งตอนนี้ได้เข้ากับหน้าฝนยังไงบอกไม่ถูก อิเว้นท์ลูกค้าป้าจะเป็นหมันก็เพราะฝนนี่แหละ เฮ้อ  :a6:


15.

“พี่นอ แนนอยากกินขนมครก ซื้อนะๆ”

เด็กหญิงตัวน้อยในชุดเครื่องแบบนักเรียนประถมดึงแขนเสื้อพี่ชายที่กำลังก้มเก็บเครื่องเขียนกับสมุดลงกระเป๋านักเรียนสีดำ เด็กชายผมสั้นเกรียนมองไปทางรถเข็นขายขนมครกที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วก็ก้มมองน้องสาวตัวจ้อยที่ทำตาวิบวับรออยู่

“เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว ขืนแนนกินขนมอิ่มแล้วไม่ยอมกินข้าวพี่ก็โดนดุสิ”

เด็กชายที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะม้าหินรีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กหญิงเริ่มเบะปาก

“งั้นเดี๋ยวน้องแนนเอาเงินพี่ไผ่ไปซื้อแล้วมากินด้วยกันก็ได้ แต่ห้ามกินอิ่มนะ จะได้กลับไปกินข้าวที่บ้านต่อ”

เด็กหญิงรับเหรียญเงินจากเพื่อนพี่ชายแล้วก็กระพุ่มมือไหว้อย่างดีใจก่อนจะวิ่งตื๋อไปอย่างรวดเร็วจนพี่ชายตัวจริงส่ายหน้า

“ให้มันได้งี้สิ น้องใครกันแน่เนี่ย ไผ่ตามใจยังงี้แนนเสียเด็กหมด”

เด็กชายพรพฤกษ์ยิ้มแหย “เอาน่า แนนก็มานั่งรอพวกเราตั้งนานแล้ว ถือว่าให้รางวัลน้องไปแล้วกัน”

“ช่วยไม่ได้ ไม่งั้นไผ่ก็ต้องนั่งรอตาอยู่คนเดียวน่ะสิ ว่าแต่วันนี้ตามารับช้าจัง นั่งทำการบ้านครบทุกวิชาแล้วเนี่ย”

“ก็วันนี้ตาต้องไปงานบวชหลานเพื่อนที่แม่ฮ่องสอน ที่จริงนอจะพาน้องกลับก่อนก็ได้นะ เราไม่ว่า” พอได้ฟังดังนั้นเพื่อนสนิทก็รีบโบกมือทันที

“เฮ้ย! ไม่ได้! รอมาจนป่านนี้แล้ว ถ้าบอกที่บ้านว่าเรารอตาเป็นเพื่อนไผ่เค้าไม่ว่าหรอก”

“พี่นอ พี่ไผ่ ได้ขนมแล้วจ้า...โอ๊ย!”

เสียงร้องอย่างตกใจและเสียงหกล้มดังตุ้บทำให้เด็กชายทั้งสองวิ่งเข้าไปหาเด็กหญิงที่เพิ่งสะดุดก้อนหินหกล้มทันทีด้วยความตกใจ

“แนน!  เป็นอะไรมากมั้ย วิ่งไปถือขนมไปแบบนี้ก็มองไม่เห็นทางสิ เอ้า ไม่ร้องนะไม่ร้อง” นรพัฒน์อุ้มน้องสาวขึ้นแล้วพากลับมานั่งที่โต๊ะม้าหินข้างสนามขณะที่เด็กหญิงยังคงร้องไห้ด้วยความเสียดายขนมและเจ็บแผลที่หัวเข่า

“นอ เดี๋ยวเราเอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำมาให้เช็ดแผลดีกว่า แล้วเดี๋ยวไปซื้อพลาสเตอร์ยาจากร้านอาแป้ะหน้าโรงเรียนให้”

“ขอบใจนะ เอ้าแนน คนเก่งไม่ร้องนะคะ เดี๋ยวพี่เป่าให้ก็หายเจ็บแล้วนะ โอมเพี้ยง!”

พรพฤกษ์หันมองภาพเพื่อนที่กำลังปลอบน้องสาวตัวน้อยที่ทำหน้าแปลกๆก้ำกึ่งระหว่างหัวเราะกับร้องไห้แล้วก็ยิ้ม ในใจก็รู้สึกอิจฉา ถ้าเขามีพี่น้องบ้างก็คงดี...



*************


“ไผ่ขำอะไร?”

เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่นั่งหันหลังพิงอกตัวเองอยู่ หลังจากออกจากร้านของอภิสิทธิ์ตระการกับพรพฤกษ์ก็แวะไปเดินเล่นดูร้านขายของต่างๆที่ถนนคนเดินบริเวณประตูท่าแพ แต่พอฟ้าเริ่มมืดและมีนักท่องเที่ยวมาเดินเที่ยวกันมากขึ้นก็ตัดสินใจขับรถกลับ ตอนนี้ทั้งคู่นั่งมองแสงไฟในเมืองอยู่ที่ศาลาชมวิวระหว่างทางขึ้นเขาตรงจุดที่เจ้าของบ้านนฤมิตรเคยพาอีกฝ่ายขึ้นมาตั้งแต่ตอนพบกันครั้งแรก

“คิดถึงตอนเด็กๆน่ะ มีครั้งนึงเคยขึ้นมาเดินเล่นกับตาแล้วเห็นดาวตก ตอนนั้นตื่นเต้นน่าดู ตาเลยถามว่าอธิษฐานขออะไร”

อีกฝ่ายเงียบเหมือนรอให้เล่าต่อ พรพฤกษ์เลยหันหน้ากลับมาหา

“อะไรกัน ไม่เดาหน่อยเหรอว่าตอนนั้นไผ่ขออะไร”

ชายหนุ่มอายุน้อยกว่ากล่าวเสียงเบาเหมือนเกรงใจ “ขอให้...แม่กลับมาหาล่ะมั้ง?”

“ผิด ขอให้มีน้องต่างหาก”

ตระการขมวดคิ้ว อีกฝ่ายจึงยิ้มตาเป็นประกาย

“ฟังแล้วอาจแปลกๆนะ แต่ตอนเด็กไผ่จะอิจฉาเพื่อนๆที่มีพี่น้องมากเลย เพราะว่าบ้านอยู่ไกลคนอื่นก็เลยไม่มีเพื่อนเล่นด้วยช่วงวันหยุด แต่เรื่องพ่อแม่กลับไม่ค่อยคิดถึงเพราะมีตาอยู่แล้ว”

“มิน่าถึงได้ชอบเรียกตัวเองว่าพี่ชาย”

ตระการดึงอีกฝ่ายให้เอนซบตัวเองมากขึ้นแล้วก็เอาคางเกยศีรษะไว้ คนในอ้อมแขนหัวเราะ

“ก็ต้นเป็นลูกเลี้ยงของแม่ เป็นน้องก็ถูกแล้วนี่นา”

มือใหญ่ลูบหลังมือของอีกคนเบาๆ “ให้เป็นน้องก็ได้ถ้าเป็นแล้วได้กอดได้จูบไผ่ แต่ห้ามไปมีน้องชายคนอื่นอีกนะ น้องคนนี้ขี้หวง”

“ทะลึ่ง!” 

ตระการยิ้ม แม้จะไม่ก้มลงมองแต่ก็มั่นใจว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ

“เปล่าทะลึ่งซักหน่อย คนรักกันอยากทำอะไรกุ๊กกิ๊กกันก็เรื่องธรรมดาจะตายไป ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ด้วย...”

ทั้งสองเงียบไป ความจริงที่ว่าพอวันรุ่งขึ้นทั้งคู่จะต้องห่างกันอีกนานหลายเดือนทั้งที่เพิ่งจะได้ใช้เวลาปรับความเข้าใจกันทำให้อดรู้สึกยอกในอกไม่ได้ ตระการก้มลงจูบไหล่อีกฝ่ายแล้วก็โยกตัวเบาๆเหมือนปลอบเด็ก ส่วนพรพฤกษ์ก็ถอนหายใจยาวแล้วนั่งเงียบปล่อยความคิดไปเรื่อยๆเหมือนยังไม่อยากคิดถึงวันพรุ่งนี้

เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาปลุกทั้งคู่จากภวังค์ พรพฤกษ์ดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรงทันทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“ต้น ก่อนออกมาจากบ้านเราได้ปิดหน้าต่างห้องนอนกันรึเปล่าน่ะ?”

ตระการกลอกตาทบทวนความจำ “ไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ งั้นกลับบ้านกันดีกว่า ขืนฝนสาดเข้าห้องล่ะแย่เลย”

ทั้งสองวิ่งฝ่าสายฝนที่จู่ๆก็เทกระหน่ำลงมาไปยังรถที่จอดไว้แล้วขับกลับไปที่บ้าน พอตระการจอดรถในโรงจอดเสร็จพรพฤกษ์ก็รีบวิ่งเข้าบ้านทันทีโดยมีตระการตามไปติดๆ ชายหนุ่มได้ยินเสียงเปิดปิดประตูที่ชั้นบนสุดจึงเข้าไปเช็คดูที่ห้องนอนใหญ่ชั้นสองแทน โชคดีว่าเขารีบงับหน้าต่างปิดได้ทันก่อนที่ฝนจะเริ่มหันทิศสาดมาทางหัวเตียง

พรพฤกษ์เดินตัวเปียกเข้ามาในห้องนอนเนื่องจากต้องยื่นตัวออกไปปิดหน้าต่างในห้องพักบางห้อง  หน้าหวานแดงเรื่อและหายใจหอบเบาๆหลังจากวิ่งขึ้นลงบันไดหลายชั้น

“โอเค บางห้องโดนฝนสาดลงพื้นนิดหน่อย แต่เช็ดน้ำไปแล้ว”

คนตัวใหญ่พยักหน้าแล้วก็หยิบผ้าขนหนูจากตู้ยื่นให้

“ไผ่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เปียกทั้งฝนเปียกทั้งเหงื่อเดี๋ยวไม่สบายกันพอดี”

พรพฤกษ์รับผ้ามาแล้วก็ซับผมตัวเองลวกๆขณะเปิดตู้หาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน “ต้นก็ไปอาบด้วยสิ ตัวเองก็เปียกเหมือนกันนี่”

“จะให้อาบด้วยจริงเหรอ?”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววซุกซน พรพฤกษ์เงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายหมายความอย่างไร

“เฮ้ย! ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ ต้นก็ไปใช้ห้องข้างบนสิ ตรงนี้ห้องน้ำเล็กจะตายจะอาบด้วยกันได้ไง”

เจ้าของบ้านว่าแล้วก็รีบคว้าเสื้อผ้าเดินหนีเข้าห้องน้ำเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนวูบขึ้น แต่แล้วก็โดนมือใหญ่คว้าแขนไว้แล้วดึงกลับเข้าหา ชายหนุ่มรู้สึกถึงแผ่นอกแน่นของอีกฝ่ายที่เบียดแนบกับแผ่นหลังเปียกโชกของตัวเองแล้วก็หยุดยืนตัวแข็ง มือใหญ่จับบ่าของอีกฝ่ายไว้ก่อนก้มลงกระซิบข้างใบหูเสียงเบา

“อาบด้วยกันเถอะนะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เจอไผ่อีกตั้งนาน”

ประโยคนั้นทำให้คนฟังที่ยืนตัวแข็งทื่อไหล่ลู่ลงแทบจะทันที ชายหนุ่มยอมให้อีกฝ่ายจูงมือเข้าไปในห้องน้ำ ตระการเปิดฝักบัวแล้วก็ดันร่างคนตัวเล็กกว่าเข้าไปยืนใต้กระแสน้ำอุ่น มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกก่อนจะเอื้อมถอดเสื้อยืดที่เปียกแนบเนื้อคนตัวเล็กกว่าออกทางศีรษะ พรพฤกษ์ตัวสั่น ไม่กล้าสบสายตาคมที่มองมาเมื่อร่างเปลือยท่อนบนของอีกฝ่ายเคลื่อนเข้าใกล้ ตระการใช้มือข้างหนึ่งรวบเอวบางเข้าหาแล้วก็ก้มหน้าลงจูบอย่างเร่งเร้าจนฝ่ายที่โดนจู่โจมกะทันหันหายใจสะดุด ร่างกายท่อนล่างใต้กางเกงยีนส์บดเบียดกันแนบแน่น นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงมือข้างหนึ่งที่ไล้ต่ำเข้าไปในขอบกางเกงด้านหลัง  ใบหน้าหวานคมสะบัดหนีอีกฝ่ายทันทีด้วยความตกใจ

“เดี๋ยวก่อน...ต้น!”

ตระการคำรามเสียงต่ำในคอโดยที่ริมฝีปากยังคงจูบคางของอีกฝ่ายและไล่ลงไปดูดเม้มที่ลำคอและช่วงบ่าขาวเนียน มือสองข้างยังคงไม่หยุดล้วงต่ำลงไปสัมผัสเนินเนื้อหยุ่นใต้กางเกงราวกับไม่ได้ยินเสียงทัดทานของอีกฝ่าย

“ต้น! หยุด!!”

เสียงตวาดของอีกฝ่ายทำให้ตระการชะงักทันที ชายหนุ่มถอยออกแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าเม้มปากกลั้นสะอื้นตัวสั่น อ้อมแขนแข็งแรงรวบอีกฝ่ายเข้ากอดทันทีแล้วลูบแผ่นหลังบางไปมา

“ไผ่! ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจแบบนี้ ขอโทษ”

พรพฤกษ์สะอื้นแล้วก็พยายามขืนตัวออก “ปล่อยนะ ถ้าเมื่อกี้ไผ่ยอมแล้วต้นจะทำอะไร ถ้าพอใจแล้วไม่กลับมาอีกจะให้ทำไง ไม่อยากรู้สึกเหมือนโดนทิ้งอีกแล้วนะ”

คราวนี้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่ยอมปล่อยอีกคนจากวงแขนง่ายๆ แต่เปลี่ยนเป็นจับข้อมือเรียวทั้งสองข้างไว้แล้วดันไปตรึงไว้กับผนังห้องน้ำแทน พรพฤกษ์หลับตาแน่นหันหนีอีกฝ่ายที่พยายามจะจูบจนตระการถอนหายใจ ริมฝีปากอุ่นจึงก้มลงจูบขมับแล้วปล่อยข้อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระเพื่อกอดเอวอีกฝ่ายไว้แทน ใบหน้าคมโน้มลงซุกซอกคอขาวของคนที่ยังคงไม่ยอมหันมาสบตา

“ขอโทษ ต้นไม่ได้ตั้งใจจะฝืนใจ ไผ่อย่าโกรธเลยนะ”

พรพฤกษ์สะกดกลั้นอาการสะอื้นไว้ ทั้งสองยืนแนบชิดกันใต้สายน้ำอุ่นจากฝักบัวโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ร่างเพรียวรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากผิวกายของอีกฝ่ายและเสียงหัวใจเต้นของตัวเองที่เริ่มสงบลง มือบางยกขึ้นวางทาบกับต้นแขนแกร่งช้าๆและค่อยแนบแก้มตนลงกับแผ่นอกตึงแน่น ใช่ว่าเขารู้สึกไม่ดีกับการถูกสัมผัส แต่อีกใจก็ยังไม่พร้อมจะเตลิดไปกับความต้องการชั่ววูบ

“ไผ่เข้าใจว่าต้นต้องการ แต่ไผ่ยังไม่พร้อมจริงๆ อย่าเพิ่งได้มั้ย?”

ร่างสูงใหญ่ถอนหายใจแต่ไม่ได้คลายวงแขนออก

“งั้นต้นขอแค่อาบน้ำด้วยกันเฉยๆก็ได้ แค่นั้นได้หรือเปล่า?”

พรพฤกษ์หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ แต่เมื่ออีกฝ่ายผละออกแล้วมองสบตาตนนิ่งด้วยแววตาจริงจังชายหนุ่มก็พูดอะไรไม่ออก และไม่กล้าหันหนีใบหน้าคมที่ก้มลงมาหาอีก



*************


เสียงฝนตกกระหน่ำภายนอกดังก้องสลับเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะ ร่างสองร่างนอนเบียดถ่ายเทไออุ่นแก่กันใต้ผ้านวมผืนใหญ่บนเตียง ตระการนอนหงายโดยมีพรพฤกษ์นอนหนุนไหล่ข้างหนึ่งอยู่ มือใหญ่ลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ

“ไผ่ เมื่อกี้ไม่โกรธต้นนะ?”

นัยน์ตาหวานคมเหลือบขึ้นมองคนที่ตัวเองนอนหนุนอยู่แล้วก็ลดสายตาและหน้าที่ซับสีเลือดลงเหมือนเดิม สุดท้ายทั้งที่คิดว่าจะแค่อาบน้ำด้วยกันแต่แล้วก็เลยเถิดไปจนได้ ทว่าพรพฤกษ์ก็ยังอุ่นใจที่ตระการไม่ฝืนความรู้สึกตนให้มีความสัมพันธ์ด้วยจนถึงที่สุด เสียงทุ้มใสเอ่ยตอบงึมงำในคอ

“ก็ไม่ได้โกรธ แต่ถ้ายังไม่เลิกถามอีกล่ะก็ไม่แน่”

ตระการพลิกตัวนอนตะแคงแล้วกอดอีกฝ่ายแน่นเข้า พรพฤกษ์เบี่ยงตัวออกเล็กน้อยแล้วก็ปัดผมที่ปรกหน้าผากอีกฝ่ายออก

“พรุ่งนี้ต้องไปสนามบินแต่เช้านะต้น รีบนอนเถอะ”

“เดี๋ยวตอนบินไปเกาหลีก็ได้นอนยาวแล้วน่า”

คนตัวใหญ่ตบท้ายประโยคด้วยการหาว ทำเอาคนในอ้อมแขนหัวเราะ ไม่แปลกที่ตระการจะเหนื่อยเพราะภายในวันนี้วันเดียวทั้งคู่ใช้พลังงานไปกับกิจกรรมมากมาย มือเรียวลูบแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายเบาๆ

“พี่ชายบอกให้นอนก็นอนสิ ถ้าดื้อเดี๋ยวทำโทษนะ”

“งั้นก็ร้องเพลงกล่อมก่อนสิ โอ้ย! ทำไมพี่ชายชอบเล่นเจ็บๆจัง”

ตระการแกล้งร้องอุทานหลังโดนอีกฝ่ายตุ๊ยท้องไม่แรงนักก่อนจะพลิกตัวหันหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มหัวเราะแล้วก็ดึงร่างอีกฝ่ายกลับมาแล้วซ้อนตัวเข้ากอดจากด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นก้มจูบต้นคอขาวแผ่วเบา

“ไปถึงที่โน่นแล้วจะโทรกลับมาทุกวันเลยนะ”

“อื้อ”

“กลับมาคราวหน้าเมื่อไหร่จะรีบมาหาไผ่ก่อนเลยนะ”

“อื้อ”

“รักไผ่นะครับ ไผ่รักต้นมั้ย?”

ไม่มีเสียงตอบ แต่คนในอ้อมแขนหันกลับมาแล้วซุกหน้าเข้ากับอกกว้างแทน

“ยังไม่ตอบ ถ้าอยากฟังก็กลับมาเร็วๆ แล้วจะบอก”

“โหย~ใจร้าย”

พรพฤกษ์เงยหน้าขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ให้จนคนตัวโตกว่าจนอีกฝ่ายต้องก้มลงถูจมูกตัวเองเข้ากับจมูกโด่งนั้นอย่างมันเขี้ยว อ้อมแขนใหญ่กอดกระชับร่างเพรียวแน่นขึ้นก่อนทั้งสองจะหลับไหลในอ้อมกอดของกันและกันท่ามกลางเสียงกล่อมจากพายุฝน



*************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2009 22:38:11 โดย bellbomb »

juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^



มาจิ้มป้าไว้ก่อน



เดี๋ยวไอ้เอค่อยกลับมาอ่าน ไปหาไรกินก่อน

ป้าอยากกินไร

เดี่ยวซื้อมาฝาก   :laugh: :laugh:

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
น่าหยิกต้นที่สุด หยุดทำไมเนี่ย แหม จริงๆเลย ไผ่ก็ จวนตัวแล้วอย่างนี้ จูบุจูบุ ไปเถอะ  :a1:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: หวานได้อีกนะคู่นี้ แต่แอบเสียดายฉาก(เกือบ)ได้เสีย  :m19:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ไผ่เล่นตัวมากไปหรือเปล่าจ๊ะ จนขั้นนี้แล้วจะกลัวอะไรกันอีก  :o เป็นนายเอกทั้งทีมันต้องกล้วได้กล้าเสียหน่อยนะ :laugh:
เดี๋ยวต้นรอไม่ไหวไปมีคนใหม่แล้วจะรู้สึก  o7

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

ระหว่างไปเกาหลีหวังว่าจะไปเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกนะ
แบบว่าไปนานจัง

 :serius2:


pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
โหป้า
หวานซะ....
 :m29: :m29:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ตามมาอ่านด้วยคน  :oni1:

เนื้อเรื่องน่ารักและหวานมาก ๆ เลยค่า  :m1:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ขอเป็นแฟนคลับ ไผ่-ต้น ด้วยนะ

ดำเนินเรื่องได้สนุกน่าติดตามมากๆ

 คู่ของปาล์ม-ย่ามก็น่ารัก

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ป้าหายนานไปป่ะ เด๋วเข้าเล้าไม่ถูกนะป้านะ

ป้าอับเมื่อไหร่ อีกสามวัน ใหญ่จะอับตาม  :laugh: :laugh: คับ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
แวะเข้ามาตอบรีก่อน เดี๋ยวค่ำๆจะมาลงตอนใหม่เน้อ (หวังว่า...  :m29: )

Ju!_Ju!   ไหนอะของกินอะ ป้านั่งแทะมันแกวรอเลิกงานจนจะจุกแล้วเนี่ย  :laugh:

The Living Rive   อนุญาตให้หยิกต้นได้ แต่อย่ามาหยิกเค้านะ ว่าแต่ให้ไผ่แค่จูบุจูบุจะพอเหรอตะเอ๊ง

ที่รักของ...  ไผ่อาจต้องเขียนไปปรึกษาเจ๊สุวรรณมาลีเรื่องการเตรียมใจ  :t2:

BeePed   สงสัยต้องให้แมนดี้มาติวเข้มให้ไผ่ซะละมั้งนี่ ดูซิน้องอาร์มวิ่งเข้าเส้นชัยไปซะละ

krappom    :m32: หึๆ (หัวเราะเพื่อ???)

nOn†ღ     :pig4: มากๆจ้า ติดตามกันต่อไปเน้อ

patee       ขอบคุณคับ จะใส่คู่นี้มาเอาใจพ่อยกแม่ยกบ่อยๆแล้วกันนะ (จริงๆตอนเริ่มเขียนไม่ได้มีแพลนคู่นี้ในหัวเลยนะเนี่ย)

pickki_a    เกือบหล่นไปหน้าสองแล้ว มามะมาให้ป้าฟัดแน่นๆที :man1:   ว่าแต่ไม่ต้องรอสามวันค่อยอัพเรื่องของตัวเองก็ได้นะ บอกแล้วว่าป้าอยากกินกาแฟร้อน!



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2008 17:36:42 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
16.

“โอเค พักกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยถ่ายต่อ”

เสียงบ.ก.ประกาศท่ามกลางเสียงถอนหายใจของทีมถ่ายภาพประจำนิตยสารหลังเช็ครูปบนจอสกรีนใหญ่จนเป็นที่พอใจ หญิงสาวร่างสูงระหงผู้เป็นนางแบบหลักคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายแบบลงไปยังห้องครัวที่ชั้นหนึ่งภายในบ้านที่ถูกใช้เป็นโลเคชัน นางแบบสาวเดินเข้าไปโอบเอวหญิงสาวร่างสูงผมซอยสั้นที่กำลังยืนค้นกล่องข้าวหลายใบบนโต๊ะในครัวแล้วก็ก้มลงเอาคางเกยไหล่

“เจ้ปาล์ม มีอะไรกินมั่ง?”

ปฏิมาหันมามองญาติผู้น้องแล้วก็หยิบกล่องข้าวจากถุงใกล้ตัวมาเปิดดูกล่องหนึ่ง “เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีข้าวผัดหมู ข้าวไก่กระเทียมไข่ดาว แล้วก็ผัดซีอิ๊ว ลี่จะกินอะไรล่ะ”

ลลิตายกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก “เอ...งั้นเอาข้าวผัดก็ได้”

“โอ๊ะตายๆๆอกกระเทยจะแหก เดี๋ยวนี้ลิลลี่เปลี่ยนมานิยมดนตรีไทยแล้วเหรอจ๊ะ”

หญิงสาวหันมาหัวเราะคิกกับสไตลิสต์ ‘สาว’ ใหญ่ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทานอาหารแล้วก็ทำเป็นแกล้งซบไหล่คนข้างๆ

“ช่าย…จริงๆแล้วเจ้ปาล์มนี่แหละตัวจริงของลี่”

ปฏิมากลอกตา ศศิ สาวนักเขียนคอลัมน์ประจำกองซึ่งมีหน้าที่ต้องสัมภาษณ์นางแบบสาวเดินตามเข้ามาในครัว พอได้ยินบทสนทนาของทั้งสามก็หัวเราะเสียงดัง

“โอ๊ย!!! ป้าแองจี้ไปตกเขาอยู่ที่ไหนมาเนี่ย สองคนนี้เค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันต่างหากเล่า!”

“อ้าวเหรอ แหม...เจ๊ก็นึกว่าจะได้คู่เม้าท์คู่ใหม่”

ทีมงานช่างภาพและนายแบบประกอบที่เหลือทยอยเดินตามเข้ามาเลือกกล่องข้าวและน้ำดื่มแล้วก็แยกย้ายไปนั่งทานในห้องนั่งเล่นบ้าง ด้านนอกระเบียงบ้างเพื่อจะได้สูบบุหรี่ ที่โต๊ะทานอาหารจึงเหลือเพียงปฏิมาซึ่งเป็นรองบ.ก. แองจี้สไตลิสต์ ศศิและลลิตาเท่านั้น

“ว่าแต่ลิลลี่ เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนกับท็อปที่เป็นลูกส.ส.อยู่เหรอ?”

“ข้อนี้รวมอยู่ในคำถามสัมภาษณ์เปล่าพี่ ถ้าใช่หนูไม่ตอบ”

ศศิรีบโบกมือ “เปล่าๆ ข้อนี้ถามเอง พอดีพี่เห็นรูปในหนังสือพิมพ์ว่าไปดูหนังด้วยกันมาเลยอยากรู้เฉยๆ รับรองไม่เอาไปเขียน”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกพี่ รู้จักกันผ่านเพื่อนในกลุ่ม วันนั้นเค้าชวนไปดูหนังแล้วลี่ว่างๆก็เลยไป ลี่ไม่รู้นี่ว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้ว พวกสื่อมาเขียนว่าลี่เป็นมือที่สามลี่ก็เสียหายเหมือนกันนะ”

สไตลิสต์สาวใหญ่ได้ยินคำปฏิเสธเสียงแข็งดังนั้นก็เอ่ยขึ้นบ้าง “เจ๊ก็เคยได้ยินเพื่อนเล่าว่าตานี่ร้ายจะตาย ถ้าเทียบกับลูกชายเจ้าของโครงการสุวรรณฤทธิ์แล้วคนนั้นดูน่างาบกว่าเยอะ เจ๊ชอบพวกนิ่งๆแต่แอบร้อนแรง”

พอจบประโยคทั้งโต๊ะก็หัวเราะครึกครื้นยกเว้นปฏิมาที่เสยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม นี่ถ้าคนพวกนี้ได้รู้ว่าคนที่กำลังพูดถึงมีคนที่คบอยู่แล้วเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์เล็กๆทางเหนือแถมเป็นผู้ชายคงได้เม้าท์กันสนุกปากยิ่งกว่าเดิม อาจยกเว้นก็แต่ญาติผู้น้องของตน หญิงสาวชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วก็ตัดสินใจลองเอ่ยถาม

“ว่าแต่ต้น...เอ่อ...คุณชายทายาทเศรษฐีนั่นน่ะ ทำไมเค้าไม่เห็นออกมารับข่าวเรื่องลี่บ้างเลยล่ะ?”

ผู้นั่งร่วมโต๊ะทุกคนหันมองคนถามด้วยสายตาแปลกๆ ศศิเอื้อมหลังมือมาแตะหน้าผากเพื่อนล้อๆ

“เฮ้ยปาล์ม วันนี้แกเป็นอะไรปะเนี่ย ปกติแกไม่สนใจเรื่องคนอื่นไม่ใช่เหรอวะ?”

หญิงสาวปัดมือเพื่อนออกอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ “ก็ไม่สนเรื่องคนอื่น แต่สนเรื่องญาติตัวเองแปลกตรงไหน?”

“สำหรับแก เจ๊ว่าแปลก แต่อะไรๆที่แกทำก็แปลกอยู่แล้วล่ะ” สไตลิสต์สาวใหญ่เสริม

ปฏิมาถลึงตาใส่คนแซวที่หันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนร่วมกอง แล้วก็ต้องเสียวสันหลังวาบเมื่อหันมาทันเห็นประกายตาไม่เป็นมิตรวูบหนึ่งของลลิตาก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยจะเปลี่ยนเป็นยิ้มจนตาหยี

“เจ้ไม่รู้อะไร ก็ลี่คบกับพี่ต้นมาตั้งแต่เรียนอยู่ที่บอสตัน พอดีพี่เค้าเป็นคนเงียบๆเลยไม่ออกมาให้ข่าวกระโตกกระตากก็แค่นั้น”

นางแบบสาวกล่าวแล้วก็หันไปหยิบชมพู่หั่นชิ้นจากถาดกลางโต๊ะ ปฏิมาอึกอัก นึกสงสัยขึ้นมาครามครันว่าตกลงระหว่างตระการกับลลิตาใครพูดความจริงเรื่องสมัยที่ทั้งคู่เรียนอยู่ต่างประเทศกันแน่ แต่อย่างไรสิ่งที่ตนมั่นใจก็คือ ณ ตอนนี้ตัวจริงของตระการคือพรพฤกษ์แน่นอน

เสียงโทรศัพท์มือถือของปฏิมาดังขึ้น พอหญิงสาวหยิบขึ้นดูหมายเลขโทรเข้าก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที

“ทำหน้ายังงี้ แฟนโทรมาแหงๆ”

นัยน์ตาคมตวัดสายตาดุมองเพื่อนก่อนจะรีบลุกหนีออกไปหน้าบ้านโดยคว้าโทรศัพท์ติดมือไปด้วย หูได้ยินเสียงโห่แซวจากด้านหลังแว่วๆจนนึกฉุนตัวต้นเหตุ

“โทรมาทำไม!?”

“หวา วันนั้นของเดือนหรือเปล่าเนี่ย ผมอยากได้ยินเสียงที่รักก็เลยโทรมาไม่ได้เหรอ อยากเห็นหน้าจะแย่แล้วนะ ว่าแต่ที่รักทำอะไรอยู่ครับ”

ปฏิมารู้สึกปวดศีรษะหนึบขึ้นมาหลังเริ่มสนทนาได้เพียงไม่กี่ประโยค ใจเย็นไว้...ทำไมเวลาคุยกับหมอนี่ทีไรต้องรู้สึกว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ทุกทีเลยนะ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าแล้วพยายามบังคับเสียงให้นิ่ง

“ที่นี่ไม่มีที่รักของใคร แล้วก็ถามจริงๆจะโทรมาทำไม เราติดงานถ่ายแฟชั่นสำหรับฉบับถัดไปอยู่”

“เหรอ...แล้วปาล์มเป็นนางแบบเองด้วยรึเปล่า?”

ปฏิมาหน้าหงิกมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในคอจากปลายสาย

“ล้อเล่นน่า ก็ที่ปาล์มเคยขอให้ผมช่วยหาบ้านสำหรับทำโฮมออฟฟิศให้ไง ผมจะโทรมาบอกว่าเจอที่ที่ปาล์มน่าจะชอบแล้วนะ”

“ได้แล้วเหรอ ลักษณะเป็นยังไง?”

เสียงห้าวของหญิงสาวแสดงความตื่นเต้นขึ้นจนคนที่คุยด้วยอดอมยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มติดใจปฏิมาก็เพราะท่าทางที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นคนนิ่งเฉยแต่กลับแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างไม่เสแสร้งต่อหน้าเขานี่แหละ

“ก็ว่าจะส่งอีเมล์บอกอยู่หรอก แต่พอดีเจ้าของเค้าบอกว่ามีคนอื่นดูๆอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่รีบตัดสินใจอาจหลุดไปซะก่อน”

“เข้าใจละ งั้นสุดสัปดาห์นี้จะขึ้นไปแล้วกัน เอ้อ...ว่าแต่ช่วงนี้ไผ่เป็นไงบ้าง?”

หลังบทสนทนาที่โต๊ะอาหารเมื่อครู่ หญิงสาวอดนึกถึงคนที่ตัวเองเคยช่วยปรับความเข้าใจกับตระการไม่ได้

“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่เพราะไผ่มันยุ่งๆกับแขกที่เกสต์เฮ้าส์อยู่ แต่โทรคุยกันครั้งล่าสุดก็ท่าทางสบายดี อะไรเนี่ย...คุยกันตั้งนานไม่เห็นถามสารทุกข์สุขดิบผมบ้างเลย ที่รักน้อยใจนะครับ”

“ก็เรื่องของนาย”

ปฏิมากะตอกให้อีกฝ่ายสะอึก แต่แล้วก็ต้องงงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจแทน

“ไม่ปฏิเสธว่าผมเป็นที่รักแล้วนี่ งั้นเดี๋ยวปาล์มได้รายละเอียดไฟลท์เมื่อไหร่โทรมาบอกด้วยแล้วกัน แล้วอย่าลืมคิดถึงที่รักคนนี้บ้างนะครับ บ๊ายบาย”

ปลายสายชิงวางหูก่อนที่ปฏิมาจะทันได้อ้าปากเถียงจึงได้แต่ทำท่าฮึดฮัดใส่โทรศัพท์ ปาริดาผู้เป็นน้องสาวซึ่งเข้ามาฝึกงานในกองบก.เล่มเดียวกันจูงน้องชายคนเล็กที่พ่วงติดมาด้วยพอดีจึงหยุดทัก

“ปลาพาป๊อกไปซื้อขนมมาเพิ่มแล้วนะเจ้ แล้วเป็นอะไรทำไมมายืนหน้าแดงอยู่หน้าบ้าน”

ผู้เป็นพี่สาวมองน้องตัวเองตาเขียวแล้วก็หมุนตัวเดินกระแทกเท้ากลับเข้าไปในบ้าน เด็กชายวัยห้าขวบกระตุกมือพี่สาวคนกลางแล้วก็เงยหน้าถาม

“เจ้ปาล์มเป็นไรอ้ะเจ้”

ปาริดายักไหล่  “เจ้ก็ไม่รู้แฮะ สงสัยวันนั้นของเดือน”



*************


รถยุโรปสีดำสนิทหักเลี้ยวผ่านรั้วเหล็กขนาดสูงแล้วถอยเข้าจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรระดับหรู ชายวัยปลายสามสิบรูปร่างท้วมในชุดสูทและแว่นกรอบเหลี่ยมก้าวลงจากรถแล้วก็แจ้งความประสงค์กับแม่บ้านที่ออกมาต้อนรับ

“ผมมาพบคุณตฤณจากสำนักงานนักสืบธเนศครับ ท่านรอผมอยู่แล้ว”

“เอ่อ งั้นเดี๋ยวนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวอิฉันไปเรียนคุณท่านก่อน”

แขกผู้มาเยือนถือกระเป๋าเอกสารสีดำก้าวเข้าไปนั่งรอในห้องรับแขก สักครู่แม่บ้านที่หายตัวไปชั้นบนก็เดินลงมาตาม

“คุณท่านรออยู่ที่ห้องทำงานค่ะ เดี๋ยวอิฉันพาไปนะคะ”

ชายในชุดสูทพยักหน้าแล้วก็เดินตามหญิงแม่บ้านไปหยุดอยู่หน้าประตูไม้แกะสลักบานหนา เมื่อก้าวเข้าไปก็พบชายวัยกลางคนที่ผมบางส่วนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาทว่ายังดูอายุไม่มากนั่งอยู่บนเก้าอี้บุกำมะหยี่พนักสูง นัยน์ตาที่ยากจะอ่านความรู้สึกละจากหนังสือที่อ่านอยู่ขึ้นสบตาผู้มาใหม่แล้วก็ผายมือให้นั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“สวัสดีคุณธเนศ เชิญ”

ธเนศหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อที่ซึมออกมาบนขมับแล้วก็ขยับตัวเข้าใกล้โต๊ะก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง แม้เขาจะได้พบลูกค้าผู้เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเครืออสังหาริมทรัพย์สุวรรณฤทธิ์เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็สัมผัสได้ถึงรังสีดุดันเอาจริงเอาจังที่ดูจะติดเป็นเงาของอีกฝ่ายตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้พบ แต่ถ้าไม่เพราะบุคลิกเช่นนี้ชายที่มีอดีตเป็นเพียงลูกชาวสวนธรรมดาๆคงไม่สามารถต่อสู้ชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคจนก้าวมาได้ถึงจุดนี้

“ขอโทษด้วยที่แอร์ห้องนี้ไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ หมอบอกว่าแอร์แรงๆมันไม่ดีกับสุขภาพผม”

นัยน์ตาคมของผู้พูดเปล่งประกายหยันเล็กน้อย ธเนศส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร

“ผมรวบรวมเอกสารตามที่ขอให้สืบย้อนหลัง เกี่ยวกับเรื่องที่คุณตระการไปเชียงใหม่เมื่อราวๆปีครึ่งที่ผ่านมา แล้วก็รวมกับตอนที่ไปที่นั่นอีกเมื่อครั้งล่าสุดมานะครับ”

เจ้าของบริษัทนักสืบหยิบแฟ้มรายงานจากกระเป๋าเอกสารวางลงกลางโต๊ะไม้สักขัดเงาขนาดใหญ่ แล้วก็เปิดแฟ้มออกพลางบรรยายรายงานที่ได้ทีละหน้า

“การไปเชียงใหม่ครั้งแรกนั้นเราสืบได้ว่าคุณตระการไปพักที่เกสต์เฮ้าส์นอกตัวเมืองชื่อบ้านนฤมิตรเป็นเวลาประมาณสองสัปดาห์ และการไปครั้งที่สองก็ไปพักที่นั่นเหมือนกัน ระหว่างนั้นไม่มีการติดต่อกับใครไม่ว่าในเชียงใหม่หรือที่กรุงเทพฯนอกจากเจ้าของที่พักนั่นคนเดียว”

นิ้วมือหนาพลิกไปยังหน้าที่มีประวัติพร้อมรูปถ่ายของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งและนัยน์ตาคมใต้คิ้วโก่งได้รูป ตฤณสะดุดใจกับใบหน้านั้นจึงหยิบประวัติขึ้นอ่านแล้วก็ขมวดคิ้ว ธเนศแอบชำเลืองมองปฏิกิริยาของผู้เป็นลูกค้าก่อนเอ่ยช้าๆอย่างเกรงใจ

“เอ่อ เท่าที่ผมสืบประวัติของเจ้าของเกสต์เฮ้าส์หนุ่มคนนี้มา พ่อของเขาเสียตั้งแต่เด็กเพราะสร้างหนี้ไว้มากจนฆ่าตัวตาย ส่วนแม่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯจึงโตมากับตาเพียงลำพัง...”

ตฤณเอ่ยตัดบทเสียงห้วนทันทีทั้งที่ยังจับจ้องรูปถ่ายไม่วางตา

“เรื่องต่อจากนั้นผมรู้แล้ว เพราะงั้นพอแค่นั้น”

“ครับ”

นักสืบหนุ่มใหญ่เข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายว่าทำไมอีกฝ่ายไม่ต้องการฟังต่อ เพราะเรื่องราวหลังจากนั้นเกี่ยวพันกับตฤณ สุวรรณฤทธิ์โดยตรง ชายวัยกลางคนไล่สายตาผ่านรายงานประวัติของเจ้าของบ้านนฤมิตรคร่าวๆก่อนจะโยนเอกสารลงกลางโต๊ะแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเดิม

“แล้วไง มีข้อมูลอะไรมากกว่านี้อีกที่ผมควรรู้?”

ธเนศหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหน้าผากอีกครั้ง ในฐานะที่เขาเองก็มีลูกชายแม้จะยังเรียนอยู่มัธยม เขาไม่กล้าจินตนาการว่าข้อมูลต่อไปที่เขากำลังจะบอกจะทำให้ลูกค้าของเขาเกิดปฏิกิริยาอย่างไร

“ตามข้อมูลที่ลูกน้องของผมรวบรวมมา คาดว่าคุณตระการและเจ้าของเกสต์เฮ้าส์รายนี้จะมีความสัมพันธ์ที่เกินกว่าเพื่อนธรรมดาอยู่ครับ”

นักสืบหนุ่มใหญ่พยายามเลือกคำอย่างระมัดระวังที่สุด แต่กระนั้นเมื่อเหลือบตาขึ้นก็อดเสียวสันหลังกับนัยน์ตาคมที่มีประกายกร้าวขึ้นไม่ได้

ภายในห้องเงียบจนธเนศได้ยินแต่เสียงครางแผ่วเบาของเครื่องปรับอากาศ มือหนายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหน้าผากไม่หยุดทั้งที่ไม่มีเหงื่อสักหยด สุดท้ายชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะจึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“ขอบคุณสำหรับข้อมูลการสืบของคุณกับรายงานที่เอามาให้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ติดต่อกับเลขาของผมแล้วกัน”

ธเนศลุกขึ้นแล้วก็ค้อมศีรษะให้ผู้เป็นลูกค้าก่อนก้าวออกจากห้องทำงานที่เป็นอาณาจักรส่วนตัวของตฤณ สุวรรณฤทธิ์ นิ้วมือผอมเกร็งของเจ้าของห้องเอื้อมหยิบรูปถ่ายและประวัติที่อยู่ในแฟ้มขึ้นดูอีกครั้ง ก่อนจะหันไปทางโทรศัพท์แล้วกดหมายเลขที่คุ้นเคย

“สวัสดีค่ะ โต๊ะคุณอารยาค่ะ”

“นี่ตฤณ เอ๋ไปไหน?”

ปลายสายเสียงละล่ำละลักขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่ากำลังคุยกับใคร “คุณตฤณ! สวัสดีค่ะ พี่เอ๋ไม่อยู่ที่โต๊ะค่ะ ยังไงหนูรับฝากข้อความไว้ให้ก่อนได้มั้ยคะ?”

“งั้นบอกเอ๋ว่าผมอยากให้จองตั๋วเครื่องบินให้ด่วน ให้เค้าโทรเข้ามือถือผมได้เลย”

ตฤณวางสายแล้วก็มองไปนอกหน้าต่าง ลูกชายของเขากับลูกชายของภรรยาคนที่สองงั้นหรือ ชีวิตนี้ยังมีเรื่องไม่น่าคาดคิดเหลือให้เขาแปลกใจอีกกี่เรื่องกัน!?



*************

 :m13: มาอัพแล้วจ้า หลังหายไปหลายวัน พอดีก่อนหน้านี้สองสามวันจะสภาพคล้ายซอมบี้เพราะอดหลับอดนอนเตรียมงานให้ลูกค้า ว่าแต่ตอนนี้คนเขียนจะโดนค้อนมั้ยเนี่ยตัวเอกไม่ได้ออกมาเลย แต่มันจำเป็นสำหรับเนื้อเรื่องนะ ยังไงอ่านแล้วอย่าเขวี้ยงของใส่เค้าน้า~  :oni1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2009 22:50:22 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

มาแล้วๆ

ลางไม่ดีมาแล้ว

เดาข้อสอบไม่แม่นอย่างนี้ว้า


 :serius2:


abcd

  • บุคคลทั่วไป
พ่อเดินทางมาจัดการเองเลย แย่แน่เลยนายเอกเรา  :sad2: สงสัยคงต้องรีบไปปรึกษาสุวรรณมาลีเจงๆแระ  :jul3:

 :laugh: เห็นยิงมาเลยเอาซะหน่อย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด