3.
“ตาๆ เมื่อกี้ไผ่เห็นดาวตกตรงนู้นด้วยล่ะ”
เสียงใสๆของเด็กชายตัวน้อยตะโกนอย่างตื่นเต้นพลางชี้ชวนชายชราที่จูงมือตนอยู่ให้มองไปยังทิศที่เห็นแสงผีพุ่งใต้เมื่อครู่
ผู้เป็นตาหัวเราะเสียงดังก่อนกุมมือเล็กป้อมกระชับขึ้น เพราะเกรงเจ้าตัวดีจะตื่นเต้นแล้วออกวิ่งจนสะดุดจนหกล้มได้แผลอย่างที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แล้วพาก้าวเดินเอื่อยๆต่อไปบนทางเดินเลียบไหล่เขาในขณะที่อีกมือถือตะเกียงน้ำมันส่องทาง
“จุ๊ๆ โบราณเขาว่าอย่าไปทักดาวตก ว่าแต่เมื่อกี้ไอ้หน่อไม้ของตาอธิษฐานขอพรอะไรไปรึเปล่า”
ไผ่ หรือสมญาไอ้หน่อไม้ที่ตาชอบเรียกเงยหน้าเล็กๆขึ้นฉีกยิ้มกว้างให้กับชายชราที่เลี้ยงดูตนเองมาตั้งแต่แบเบาะ มือเล็กแกว่งไกวไปมาในอุ้งมือหนาอบอุ่นตามประสาเด็กอยู่ไม่สุข นัยน์ตาโตดำขลับเป็นประกายเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนอ้อนวอนต่อดาวตกไปเมื่อครู่
“ไผ่ขอพรว่า.........”*************
“ฮู่ววววว”
ชายหนุ่มร่างเพรียวเป่าลมเข้าฝ่ามือที่ยกขึ้นมากุมไว้อย่างหลวมๆเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ตนเอง จุดชมวิวบริเวณที่ชายหนุ่มทั้งสองยืนอยู่ต้องขับรถเลยเกสต์เฮ้าส์ของเขาขึ้นมาประมาณ 20 นาที มีศาลาไม้ขนาดไม่ใหญ่นักและชุดโต๊ะเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่สำหรับให้ผู้มาชมวิวได้แวะพักก่อนขับรถขึ้นเขาต่อ สายลมที่พัดกรูช่วยปัดเป่าสายหมอกจางๆที่หลงเหลือหลังพายุฝนให้คลายออก และเมฆก็สลายตัวมากพอจะเผยให้เห็นหมู่ดาวต่างๆเปล่งแสงระยิบระยับล้อมรอบจันทร์เสี้ยวได้อย่างชัดเจน
อากาศยามหัวค่ำบนที่ราบสูงในปลายฤดูฝนเย็นลงอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ถึงกับหนาว แต่สายลมที่พัดล้อปลายหญ้าจนไหวเอนก็ทำให้พรพฤกษ์ต้องกระชับเสื้อแจ็กเกตผ้าฝ้ายที่สวมทับเสื้อยืดข้างในเข้าหาตัวแน่นขึ้น เขาเป็นเด็กเหนือโดยกำเนิดก็จริงแต่ก็ไม่เคยชินกับอากาศหนาวได้เลย ผิดกับร่างหนาสูงใหญ่ของคนข้างๆที่เพียงสอดมือเข้าในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตที่ไม่ได้รูดซิปไว้ด้วยท่าทางสบายๆ คงเพราะเคยชินกับการใช้ชีวิตในเมืองหนาวที่หนาวเย็นกว่านี้หลายเท่ามานานกระมัง
“วิวสวยจริงๆครับ”
แม้ท่าทางและสีหน้าของตระการจะไม่แสดงอารมณ์จนสังเกตได้ชัดเจน แต่น้ำเสียงที่แสดงความชื่นชมอย่างจริงใจก็ทำให้ร่างบางที่กำลังจุดไฟตะเกียงน้ำมันที่เขาพกติดตัวมาด้วยอมยิ้ม
“จุดชมวิวตรงนี้มองลงไปเห็นตัวเมืองได้กว้างขวางดี แล้วก็เป็นจุดที่มองพระอาทิตย์ตกได้สวยด้วย ปกติเวลามีแขกมาพักที่บ้านนฤมิตรผมจะแนะนำให้ขับรถหรือเดินขึ้นมาชมวิวบนนี้ทุกราย ตาผมเป็นคนสร้างศาลาหลังนี้เอง ตอนเด็กๆท่านพาผมขึ้นมาบนนี้บ่อย บางทีผมก็แอบหนีขึ้นมาวิ่งเล่นคนเดียว”
ตระการมองเจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์ที่บางมุมก็ดูหวานกว่าผู้ชายทั่วไปยิ้มๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ดูไม่ออกเลยนะครับว่าคุณไผ่จะเคยเป็นเด็กซน”
คนถูกพูดถึงนัยน์ตาเป็นประกายและย่นจมูกนิดๆ กริยาเช่นนั้นทำให้ใบหน้าที่ดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่แล้วยิ่งดูเด็กลงไปอีกราวกับเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ประกอบกับเจ้าตัวชอบใส่กางเกงยีนส์ขายาวกับรองเท้าผ้าใบและเสื้อยืดง่ายๆเลยยิ่งดูเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่
“ตอนเด็กๆก็ซุกซนไปตามประสาละครับ ตาค่อนข้างจะตามใจผม เพราะทั้งครอบครัวมีกันแค่ตาหลานสองคน เพื่อนเล่นวัยไล่ๆกันก็ไม่ค่อยมี”
“แล้ว เอ่อ...คุณพ่อคุณแม่?”
น้ำเสียงที่ตระการใช้ถามดูจะกระอักกระอ่วนนิดหน่อย แต่พรพฤกษ์ตีความว่าเพราะชายหนุ่มเกรงใจที่ถามละลาบละล้วงจึงโบกมืออย่างไม่ถือสา
“พ่อผมเสียไปตั้งแต่เด็กๆ ส่วนแม่รู้สึกว่าจะไปหางานทำที่กรุงเทพตอนผมเริ่มเรียนชั้นประถม แล้วก็ขาดการติดต่อไปเลย ยายก็เสียตั้งแต่ก่อนผมเกิด ญาติๆคนอื่นก็อยู่กันคนละจังหวัด ผมเลยโตมากับตาคนเดียว”
“คงลำบากสินะครับ”
พรพฤกษ์เอียงคอทำท่าคิด “จะว่าไงดี ก็...ไม่ถึงกับลำบากอะไรมากหรอกครับ โชคดีว่าตาพอมีเงินเพราะแกรับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้ากับรับจ้างทั่วไป ผมเองตอนเด็กๆถ้าไม่เล่นซนข้างนอกก็นอนอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน เราไม่ได้อยู่กันแบบฟุ่มเฟือยก็เลยไม่ลำบาก”
ชายร่างสูงพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ถามอะไรต่อ พรพฤกษ์ชี้ชวนให้เขาดูสถานที่ต่างๆจากแสงไฟที่เห็นจากในตัวเมือง และออกปากรับเป็นไกด์นำชายหนุ่มเที่ยวในวันรุ่งขึ้น
ระหว่างเดินกลับไปที่รถของพรพฤกษ์ ร่างบางเดินคุยกับแขกเพลินจนไม่ทันมองทางเดินจึงสะดุดหินก้อนใหญ่เกือบล้มหัวทิ่ม โชคดีที่แขนแข็งแรงของคนข้างๆคว้าตัวไว้ทันเหมือนคอยสังเกตเขาอยู่แล้ว พอร่างบางทรงตัวได้จากอาการเสียศูนย์ก็พบว่าอ้อมแขนคนข้างๆยังโอบเอวเขาอยู่เลยยิ้มแหยๆให้
“ขอบคุณครับคุณต้น โทษทีบางครั้งผมก็ซุ่มซ่ามงี้แหละ”
ความใกล้ชิดทำให้พรพฤกษ์รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย พอๆกับจมูกโด่งที่ดูจะได้ระดับกับขมับของเขาพอดี ร่างบางเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่
“คุณต้น”
ตระการกระพริบตาเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว “เอ้อ ขอโทษ ทางเดินมันมีก้อนหินเยอะ ยังไงเวลาเดินระวังหน่อยนะ”
ร่างสูงผละจากเขาก่อนจะเดินนำไปที่รถ ใบหน้าหวานมองตามแล้วขมวดคิ้ว รู้สึกประหลาดๆที่คนท้องถิ่นอย่างเขากลับเป็นฝ่ายโดนตักเตือนจากแขกเสียเอง พรพฤกษ์ส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเร่งฝีเท้าตามพร้อมกับล้วงพวงกุญแจจากกระเป๋ากางเกงเพื่อไขเปิดประตูรถ
*************
ง่วงแระ ป้าไปนอนก่อนดีกว่า (โดนยัดเยียดให้เป็นป้า เป็นป้าก็ได้ฟระ)
ขี้เกียจเข้างานวันเสาร์ง่า กรรรรร