40
พยัคฆ์ตื่นแต่เช้า เพราะได้ยินเสียงประตูห้องข้าง ๆ เปิดออก หลังจากเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เขาก็เดินตามเจ้าของห้องนั้นลงมา เขาเดินวนอยู่ไปภายในบ้านก็ไม่พบ จนกระทั่งได้ยินเสียงเจ้ากล้าดังออกมาจากในครัว
“เฮ้ย!!...นางฟ้า!!”
“ไอ้กล้า เสียงดัง เสียมารยาท คุณเขาเป็นแขกของคุณกร”
“เอ่อ........อ่า......”
“ไป!! จะไปไหนก็ไป อย่ามาเกะกะแม่กับคุณหยก”
“เอ่อ.....”
“ยังอีก!!...เดี๋ยวแกได้โดนดี”
เขาเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าครัว ก็เห็นเจ้ากล้าเดินหน้าจ๋อยออกมา เมื่อเห็นเขาเข้า พยัคฆ์ก็ส่งสัญญาณให้กล้าเงียบไว้ ก่อนกระซิบบอกไปว่า
“ถ้าแกเอารูปแฟนของฉัน ในบ้านหลังนี้ ไปลงอินสตราแกรมเมื่อไร แกได้โดนดีแน่”
“ห๊ะ!!...คุณเสือหมายความว่า...นางฟ้า...” กล้าพูดไม่ออก ได้แต่ชี้นิ้วไปยังอีกร่าง ที่ยืนทำอาหารเช้าอยู่ในครัว
“ใช่...เรื่องที่หยกอยู่บ้านหลังนี้ จะไม่มีการหลุด เล็ดรอดออกไปไม่ว่ากรณีใดใดทั้งสิ้น”
“คะ...คะ...ครับ” ต้นกล้าดูตกใจและประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก
“แล้วก็หยกน่ะ...เขาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น จะชื่นชมอะไรเขา ฉันไม่ว่า แต่แกต้องจำคำฉันไว้ดีๆ”
“ครับ ๆ”
ต้นกล้าเดินออกจากครัวไปแล้ว เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ขนาดนี้หยกคงจะรับรู้ได้ถึงการมาของเขา หยกยังคงคนข้าวต้มในหม้อ ร่างบางในเสื้อยืดเข้ารูปสีเข้มกับกางเกงขาสั้น มองจากด้านหลังไม่ต่างจากผู้หญิงเลย
“พี่เสือ”
“ครับ?”
“...” หยกไม่พูดอะไร คงเป็นเพราะมีแม่บ้านอยู่ด้วย เขาจึงไม่คิดจะแกล้งหยกต่อ
“เช้า ๆ อย่างนี้พี่กับอากรไม่ค่อยทานข้าวต้มนะครับ”
“แต่เจ็กลู่ทานนี่”
“เอ้...ตั้งแต่อาชาติมาอยู่ที่นี่ พี่ไม่เคยเห็นอาทานข้าวต้มเลย”
“คงเป็นเพราะคุณหลิวทานตามคุณกรล่ะมั้งค่ะ” แม่บ้านเอ่ยแทรกขึ้นมา
“หลังจากนี้คงเป็นอากรที่จะเอาใจอาชาติแล้วล่ะมั้งครับ” เขาพูดพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อนึกว่าอาของเขาน่าจะเกรงใจอาชาติขนาดไหน
“แซนวิชของพี่เสือเสร็จแล้วนะ แต่หยกยังไม่ได้ชงกาแฟให้ ไม่คิดว่าพี่เสือจะลงมาเร็ว”
“ไม่เป็นไรพี่รอได้”
“ป้าขอตัวไปจัดโต๊ะก่อนนะคะ”
“ครับ” พยัคฆ์ตอบ ก่อนเดินเขาไปหาหยก “พี่ไม่เคยเห็นหยกใส่เสื้อแบบนี้เลย”
“ตั๋นให้ยืมมา หยกไม่มีเสื้อเขารูปแบบนี้หรอกครับ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะซื้อให้หยกอีกหลาย ๆ ตัวเลย หยกใส่แบบนี้แล้วน่ารักมากรู้ตัวไหมครับ”
“ใส่แล้วเหมือนผู้หญิง” หยกพูดไม่มองหน้าเขา
“ไม่ใส่แบบนี้ก็เหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว” หยกตวัดสายตาค้อนเขาวงใหญ่ จนเขาต้องยิ้มออกมา “พี่อยากให้หยกอยู่แบบนี้กับพี่นาน ๆ จัง เสร็จงานของโบตั๋นแล้ว อยู่ต่อได้ไหมครับ”
“ไม่เอาหรอก หยกเกรงใจอากร”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย อาชาติเองก็ยังอยู่ได้เลย”
“มันไม่เหมือนกันนี่นา อากรกับอาชาติ...เขาเป็นคนรักกันนี่นา”
“ถ้าอย่างนั้น ระหว่างนี้....ถ้าพี่ทำให้หยกเป็นคนรักของพี่ได้ หยกก็จะยอมอยู่ต่อใช่ไหมครับ”
“พี่เสือ!!”
“พี่ล้อเล่นครับ พี่เคยบอกว่าจะไม่เร่งรัดหยก พี่ก็จะทำตามที่พี่พูด”
“ขอบคุณครับ” หยกก้มซ่อนหน้าตัวเองไว้ แต่ใบหูกลับแดงระเรื่อ พยัคฆ์วางฝ่ามือลงบนหัวทุยนั้นก่อนโยกไปมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ไปนั่งที่เก้าอี้หน้าไอซ์แลนด์โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เขามองดูหยกทำงานในครัวไปโดยละสายตาจากร่างนั้นไม่ได้สักวินาที
........................................................................
ลตาเดินออกจากลิฟท์ตรงเข้ามายังห้องทำงานของวรากร เธอเห็นวรรณาเพิ่งจะมาถึง ยังไม่ได้เก็บกระเป๋าถือให้เข้าที่เลยด้วยซ้ำ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของเลขาคู่ใจของวรากร
“โชคดีจังเลยนะคะ ที่คุณวรรณมาแต่เช้าแบบนี้”
“แหม๋...เป็นลูกจ้างก็ต้องเข้างานตามเวลาสิค่ะ ว่าแต่คุณลตามาแต่เช้าแบบนี้ ไม่เห็นคุณกรบอกวรรณไว้เลย”
“ตาไม่ได้มีธุระอะไรกับคุณกรหรอกค่ะ ตามาหาคุณวรรณต่างหาก”
“หาวรรณ? ไม่ทราบว่าคุณตามีอะไรให้วรรณรับใช้หรอค่ะ?”
“ใครจะกล้าใช้งานเลขามือหนึ่งของคุณกรล่ะคะ พอดีตาเอาของมาเปลี่ยนน่ะคะ”
“ของ?”
“ใช่ค่ะ เครื่องสำอางค์ที่ตาให้คุณวรรณเมื่อวาน ตาหยิบผิดไปน่ะคะ พอดีเพื่อนที่ตาจะเอาของฝากไปให้ ผิวเขาบอบบางมาก ตาจะเอาสูตรธรรมดาไปให้ เพื่อนตาต้องไม่พอใจแน่ ๆ เลยค่ะ”
“อ่อ โชคดีจริง ๆ ด้วยนะคะ ที่วรรณยังไม่ได้เอาถุงของฝากกลับบ้านเมื่อวาน”
“ถ้าคุณวรรณไม่ว่าอะไร ตาขอสลับของเลยได้ไหมค่ะ?”
“เอาสิค่ะ” วรรณาหยิบถุงของฝากที่อยู่หลังโต๊ะของเธอขึ้นมาส่งคืนให้กับลตา ก่อนรับถุงใหม่มา
“ขอบคุณคุณวรรณมากนะคะ ตาขอตัวก่อนนะคะ ตานัดเพื่อนไว้ เดี๋ยวไปไม่ทัน”
“ค่ะ”
ลตาเดินออกมาพร้อมถุงของฝากในมือ หลังจากเธอเดินกลับขึ้นรถมาแล้ว เธอก็เปิดถุงหยิบเอาเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วที่สอดไว้ใต้ริบบิ้นออกมา ก่อนจะมองเข้าไปยังหน้าประตูบริษัทฯ อย่างใช้ความคิด
.........................................................................
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ เดินออกจากลิฟท์ไปยังห้องที่ลุงของเขาให้มาพักอาศัยชั่วคราวระหว่างทำงานอยู่ที่นี่ เมื่อมาถึงห้องเป็นจุดหมาย เขาก็ใช้การ์ดที่ได้มาเปิดประตูเข้าไปในห้อง ลูกน้องของเขา 2-3 คนเดินตามเข้ามาภายในห้อง เดินสำรวจรอบ ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนด้านในสุด
จุ้ยเถิง(最疼) ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เพราะได้เชื้อสายชาวอเมริกันมาจากแม่ มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพอใจ ติดก็ตรงที่ว่า ห้องนี้ค่อนข้างรกและสกปรกไปหน่อย
“เฮ้ย!! แกเป็นใคร เขามาในห้องฉันได้ยังไง?” จุ้ยเถิงได้ยินเสียงโวยวายเป็นภาษาจีนมาจากห้องด้านใน ห้องที่ลูกน้องของเขาเพิ่งเข้าไปสำรวจเมื่อครู่นี้ ลูกน้องของอะไรกับเจ้าของห้องเข้าล่ะ? เขาจึงเดินตามเข้าไปพร้อมกับลูกน้องที่เหลือ
จุ้ยเถิงพบชายคนหนึ่งท่าทางสำอางค์ เปลือยอก ใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว ผลุนผลันลงจากเตียงนอนเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้อง
“พะ...พวกแกเป็นใคร!! เข้ามาในห้องฉันทำไม คงไม่ใช่มาตามทวงหนี้ของเตี่ยหรอกนะ บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่มี พะ...พะ...พวกนายตามไปเอากับเตี่ย...ที่ๆๆ ฮ่องกงโน่นเลย” เกรียงไกรคว้าหมอนมาปิดช่วงอกก่อนออกปากไล่ น้ำเสียงตะกุกตะกัก จุ้ยเถิงฟังแล้วขมวดคิ้ว
“คุณคงจะเป็นคุณเกรียงไกร ลูกชายของคุณเซียงสินะ”
“ถึงจะใช่ ฉันก็ไม่มีเงินให้พวกแกหรอกนะ” จุ้ยเถิงส่ายหน้าระอาเล็กน้อย ก่อนโบกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องของเขาออกไปจากห้อง
“คุณทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกัน ผมจะรออยู่ข้างนอก” จุ้ยเถิงพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
.........................................................................
เกรียงไกรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พยายามหาทางหนีเอาตัวรอดจากกลุ่มชายชุดดำที่มาตามทวงหนี้เตี่ยของเขา คราวนี้เตี่ยไปสร้างหนี้ไว้อีกเท่าไร เจ้าหนี้ถึงได้ส่งคนหน้ากลัวอย่างนั้น บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาตามทวงหนี้ถึงที่นี่ ที่สำคัญพวกมันรู้ที่อยู่และเข้ามายังคอนโดของเขาได้อย่างไร
ระหว่างที่เกรียงไกรกระวนกระวายใจอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัทพ์ที่มีมิสคอล 16 สาย เตี่ยของเขาโทรมาตั้งแต่เมื่อคืน เขาจึงรีบโทรกลับ เผื่อว่าเตี่ยจะสามารถหาทางออกให้เขาได้ แต่โทรไปก็มีแต่บอกให้ฝากข้อความ สายไม่วางสักที จนกระทั่งคนข้างนอกเคาะประตูเรียก ทำให้เขาสะดุ้งจนต้องรีบวางสาย
“คุณเกรียงไกร พวกผมรู้นะว่าคุณเสร็จแล้ว รีบ ๆ ออกมาเถอะ อย่าให้คุณจุ้ยรอนาน” เกรียงไกรได้ยินเสียงพูดภาษาไทยสำเนียงแปร่งหูดังอยู่หน้าประตู เขาได้แต่ใจดีสู้เสือค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป อย่างน้อยท่าทางนั้นจะทำร้ายเขา เขาก็ยังสามารถโทรแจ้งตำรวจได้ทัน คิดได้ดังนั้นเขาจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง
เมื่อเกรียงไกรออกมายังห้องโถงด้านนอก เห็นชายที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า ยืนหันหลังคุยโทรศัทพ์อยู่ ชายคนนั้นพูดคุยเป็นภาษาจีนซึ่งใช้คุยกับเขาในตอนแรก จึงได้แต่ค่อย ๆ เดินออกไปช้า ๆ แต่คนที่หันหลังอยู่กลับหันมามองที่เขา
“เตี่ยของคุณจะคุยด้วย” ชายคนนั้นยื่นโทรศัพท์ส่งให้เขา
“อาเกรียง ลื้อหายหัวไปไหนมา เมื่อคืนอั๊วโทรหาลื้อไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”
“เตี่ย!!”
“เออ อั๊วเอง แล้วนี่ทำไมเพิ่งจะตื่นเอาป่านนี้ โอ้ยๆๆไม่ได้ดังใจ นี่ลื้อคงไม่ได้อ่านข้อความที่อั๊วส่งไปสินะ”
“ข้อความอะไร” เกรียงไกรพูดพร้อมดูโทรศัพท์ของตัวเอง
“ลื้อนี้น้า...มือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีก...”
“เตี่ย...แล้วคนพวกนี้เป็นใคร แล้วทำไมอั๊วต้องยกห้องให้พวกมัน”
“อีก็มาช่วยอั๊วทำงานน่ะสิ ระหว่างนี้ลื้อก็ไปอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่อยากอยู่บ้านอั๊วก็ไปอยู่บ้านแม่ลื้อ”
“ไม่เอาอ่ะ”
“ไม่เอาอะไร ถ้าลื้อไม่ยอมออกจากคอนโด อั๊วจะให้อาเถิงโยนลื้อออกไป”
“ไม่ใช่ อั๊วหมายความว่าอั๊วจะไม่ไปอยู่บ้านแม่ เออๆๆ เดี๋ยวอั๊วจะเก็บของกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ” ถึงเขาจะไม่พอใจเตี่ยแค่ไหน แต่เพื่อความปลอดภัย เขาควรจะต้องอยู่ห่าง ๆ จากคนพวกนี้ไว้
“ดี แล้วลื้อโทรตามอาลตา ให้อีมาหาอาเถิงด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จัดการไอ้วรากรไปถึงไหนแล้ว”
“คุณลตากลับมาแล้วหรอ? แล้วเตี่ยล่ะ จะอยู่ที่นั่นอีกนานแค่ไหน”
“ก็อยู่จนกว่างานที่นี่จะเสร็จนั่นแหละ ลื้อก็มีอะไรที่พอจะช่วยอาเถิงได้ก็ช่วยกันไป แต่ถ้าช่วยไม่ได้ก็อย่ามายุ่มย่ามกับอี”
“รู้แล้วๆ แค่นี้ใช่ไหม”
“ลื้อฟังอั๊วให้ดี ๆ นะ สิ่งที่อั๊วพยายามทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อลื้อทั้งนั้น”
เกรียงไกรวางสาย และส่งโทรศัพท์คืนชายร่างใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนเข้าห้องไปเก็บของ
.........................................................................
วันนี้พี่เสือมาส่งผมที่สถาบันเหมือนอย่างเคย พอผมสอนเสร็จน้องกั๊มก็เข้ามาหา อยากให้ผมเพิ่มเวลาสอน จนพี่ศักดิ์ต้องมาช่วยพูด น้องกั๊มเปลี่ยนมาเรียนเทควันโดแทนการเรียนมวยไทย ตั้งแต่ผมไม่ได้ไปสอนที่ค่ายมวยนั่น แรก ๆ พี่ศักดิ์เป็นไปสอนเอง แต่น้องกั๊มดื้อมาก จนพี่ศักดิ์พามาเรียนเทควันโดที่นี่ จึงว่านอนสอนง่ายขึ้น
“พี่ชักจะหึงแล้วสิ” พี่เสือเปรยขึ้นในขณะที่ผมก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย
“กับน้องกั๊มน่ะหรอครับ”
“เฮ้อ...หยกนี่เสน่ห์แรงจัง ไม่ว่าหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เพื่อนร่วมงาน”
“ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“นี่พี่ยังมีคู่แข่งอีกเยอะไหม?”
“พี่เสือ...ไร้สาระใหญ่แล้วนะ”
“ก็พี่แค่อยากเป็นคนพิเศษสำหรับหยกนี่”
“แค่นี้พี่เสือก็พิเศษกว่าคนอื่นแล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรอ?”
“หึ...ไม่เห็นรู้เลย พิเศษยังไงครับ”
“ก็ที่...หยกแทนตัวเองด้วยชื่อนี่ไง ถ้าไม่สนิท ไม่ใช่คนในครอบครัว หยกไม่เรียกแทนตัวเองอย่างนี้หรอกนะ”
“แต่พี่อยากได้อะไรพิเศษกว่านี้นี่ ที่ไม่เหมือนคนอื่นไม่ได้หรอครับ” พี่เสือโน้มตัวเข้ามาใกล้ผม...อีกแล้ว ผมจึงรีบเอามือขึ้นปิดปากและดันใบหน้าของพี่เสือออกไป “นี่หยกคิดว่าพี่จะทำอะไรหยกหรอครับ” พี่เสือจับมือที่ผมดันใบหน้าของพี่เขามากุมไว้ แล้วกลับไปนั่งในท่าปกติ
พี่เสือยกมือของผมขึ้นมาจูบเบา ๆ แล้วก็ออกรถ ตลอดระยะทางที่ไปยังร้านพี่กันต์ พี่เสือไม่ได้ปล่อยมือของผมเลย พี่เสือไม่รู้จริง ๆ หรือ ว่าเขาเป็นคนพิเศษสำหรับผม พิเศษมากกว่าคนอื่น ๆ
.........................................................................
ลตามาพบกับจุ้ยเถิงที่ห้องของเกรียงไกร เธอไม่คิดว่าจุ้ยเถิงจะทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ เธอเพิ่งจะกลับมาจากประเทศไทยได้เพียง 2 วันเท่านั้น เขาก็ตามเธอมาซะแล้ว
“คุณลตา ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี”
“ตาไม่ทราบว่าคุณจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ตาต้องขอโทษนะคะที่ทำให้คุณจุ้ยเถิงมารอตาแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ เรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่า” ลตาวางซองเอกสารลงตรงหน้าชายหนุ่ม จุ้ยเถิงหยิบซองเอกสารมาเปิดดู
“คนในภาพนี้เป็นใครกัน” จุ้ยเถิงถามทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องภาพตรงหน้า ตาไม่กระพริบ
“คนใดคนหนึ่งน่าจะเป็นฝู่หยง”
“คนใดคนหนึ่งอย่างนั้นหรอ เป็นไปไม่ได้ ตระกูลฝู่ไม่มีฝาแฝด แต่นี่...”
“เท่าที่ตาได้ข้อมูลมา 2 คนนี่เป็นพี่น้องกัน อายุห่างกัน 1 ปี ไม่ใช่ฝาแฝดกันหรอกค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นอีกคนคงเป็นลูกคนเล็กของฝู่หลิน”
“ตกลงฝู่หลินมีลูกกี่คนกันแน่ ตารู้จากเจ้าสัวว่ามีแค่ 2 คนเท่านั้น”
“ไม่แปลกหรอกที่คนนอกจะไม่รู้เรื่องลูกคนเล็กของฝู่หลิน”
“แล้วเด็กคนนี้ชื่ออะไร พวกคุณต้องการตัวด้วยไหม?”
“ผมก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร และพวกเราไม่ต้องการหรอก แล้วคนไหนล่ะ ฝู่หยง?”
“เรื่องนี้ตายังไม่มีความคืบหน้าให้คุณ”
“ทำไมคุณเซียงไม่เห็นเอ่ยถึงฝู่หยงเลย หรือว่าคุณยังไม่ได้รายงานคุณเซียงเรื่องนี้”
“...”
“คุณเซียงต้องการจะปิดบังพวกเราสินะ”
“เรื่องที่เจ้าสัวคิดอะไร ฉันไม่รับรู้หรอก ฉันก็แค่ทำงานตามคำสั่ง”
“แล้วคุณเอารูปพี่น้องคู่นี้มาให้ผมทำไม”
“ก็ฉันยังไม่เจอฝู่หงส์นี่ แล้วจะให้ฉันเอาข้อมูลที่ไหนมาให้คุณ”
“คุณนี่รู้จักเอาตัวรอดนะ”
“ขอบคุณที่ชม ว่าแต่คุณจะให้ฉันทำยังไงต่อไป”
“เจ้าสัวสั่งอะไรคุณไว้บ้างล่ะ”
“บอกแค่ว่าให้ฉันช่วยซัพพอร์ตคุณ เมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น คุณสืบเรื่องของฝู่หยงมาให้ผม”
“แล้วฝู่หงส์ล่ะ?”
“ผมมีหน้าที่รับทายาทของตระกูลฝู่กลับไปเท่านั้น ส่วนคนอื่น ก็แล้วแต่พวกเขาสมัครใจ”
To Be Continue