หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หยก 9-04-19 {{:::บทส่งท้าย:::}}  (อ่าน 45195 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: หยก 20-09-17 {{:::8:::}}
«ตอบ #30 เมื่อ20-09-2017 18:40:11 »

สนุกมาก เนื้อเรื่องน่าสนใจ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 21-09-17 {{:::9:::}}
«ตอบ #31 เมื่อ21-09-2017 21:20:01 »

9

   
   ผมกำลังเตรียมอาหารเย็นสำหรับเราสองคนพี่น้องอยู่ในครัว โบตั๋นขึ้นไปอาบน้ำข้างบน ตั้งแต่เธอออกจากโรงพยาบาลมาเธอดูอารมณ์ดีมากครับ ผมสัมผัสได้ถึงอาการตื่นเต้นเป็นเด็ก ๆ ของเธอ ก็ตั้งแต่ที่เจ๊หงส์บอกว่าจะสอนพวกเราให้สามารถสื่อสารทางจิตได้นั่นไงละครับ ที่ทำให้เธอตื่นเต้น ผมพอจะรู้ว่ามีหลายอย่างที่พวกเราสามารถใช้เซ้นส์หรือสัมผัสพิเศษของเราทำได้ แต่เจ๊หงส์ไม่เคยสอนพวกเรา นอกเสียจากการจับความรู้สึกของคนรอบข้างเท่านั้น เจ๊หงส์ให้เหตุผลว่า เราจะได้รับรู้ว่าใครคิดดีหรือไม่ดีกับเรายังไง แค่ไหน พวกเราจะได้ระมัดระวังตัวกันไว้ก่อน ส่วนเจ๊หงส์...ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอมีความสามารถแค่ไหน


   “หยก ทำอะไรกินน่ะ”


   “มียำวุ้นเส้น ต้มผักกาดดองซี่โครงหมู แกงส้มกุ้ง ตั๋นอยากได้อะไรเพิ่มไหม?”


   “ไม่เอาแล้วล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว แต่เพิ่มไข่เจียวก็ดีนะ”


   “ไหนว่าแค่นี้ไง” ผมยิ้ม “ตั๋นยกกับข้าวไปที่โต๊ะก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเฮียเจียวไข่ให้”


   “อืม” พอผมเจียวไข่เสร็จ รวบเก็บเครื่องครัวไว้ที่อ่างล้างจานก่อน จากนั้นค่อยยกไข่เจียวออกไป มาถึงโต๊ะทานอาหาร โบตั๋นก็ตักข้าวรอไว้แล้ว


   “หืม...หอมน่ากินจัง”


   “น่ากินรีบกินตอนที่ยังร้อน ๆ สิ”


   “หยกทำกับข้าวเก่งจัง ทำไมหยกไม่เข้าไปเป็นผู้ช่วยพี่แก้วล่ะ?”


   “ไม่เอาอะ เฮียชอบชงเครื่องดื่มมากกว่า” ผมทานข้าวอยู่ก็ต้องชะงัก เพราะอยู่ ๆ โบตั๋นก็เอาแต่จ้องหน้าผม


   “พรุ่งนี้หยุดงานนะ แล้วไปเที่ยวกับตั๋นกัน”


   “เจ่เจ้บอกอะไรตั๋นเหรอ?”


   “อืม...เจ่เจ้บอกแค่ว่าอยากคุยกับอีตาแมวหง่าว”


   “แค่นั้น?” โบตั๋นพยักหน้า แล้วเริ่มทานข้าวต่อ “แล้วเรื่องไปเที่ยว...”


   “ตั๋นเห็นสีหน้าหยกไม่ดี ไม่ชอบเลยอะ เลยคิดว่าหยกน่าจะพักบ้าง ไปเที่ยวบ้าง”


   “สีหน้าเฮียดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

   “ตั๋นว่าหยกควรตามคำขอของเจ่เจ้นะ แต่ไม่รู้จะไปไหนใช่ไหมล่ะ ตั๋นเลยชวนไปเที่ยวไง ฉะนั้น ทานข้าวเสร็จแล้วหยกขึ้นไปโทรบอกพี่กันต์นะ ส่วนในครัวเดี๋ยวตั๋นจัดการเอง”


   “แต่เฮีย”


   “ไม่มีแต่”

   
   “ไม่ใช่ เฮ้อ...เฮียไม่มาเก็บกวาดของพวกนี้อีกรอบน่ะ” ผมบอกพร้อมบุ้ยใบ้ไปบนโต๊ะอาหาร โบตั๋นหน้าง้ำทันทีเลยครับ ก็เธอเข้าครัวทีไรต้องมีของแตกทุกทีนะสิครับ


   “รู้แล้ว ๆ ครัวของหยกกับเจ่เจ้ ตั๋นไม่ยุ่งก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย”


.........................................................................

   พยัคฆ์ขับรถกลับถึงคอนโดก็เกือบ 3 ทุ่ม ตอนแรกเขาต้องการจะไปหาวรากรที่บ้าน แต่อาของเขาไปทำธุระกับคุณวรรณเลขาคู่ใจ และยังไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไร เขาจึงได้แต่เก็บคำถามที่คาใจเอาไว้ก่อน รอจนกว่าพรุ่งนี้...หงส์รู้จักกับอาของเขาอย่างนั้นเหรอ? ครอบครัวชูวนาสุวรรณ... ครอบครัวนี้มีเรื่องมาทำให้เขาแปลกใจได้ตลอด แต่ละคนมองผิวเผินหน้าตาคล้ายกัน แต่นิสัยใจคอต่างกัน ใครนะที่ช่างตั้งชื่อได้สมตัวคนทั้ง 3 นัก


   หงส์ (天鹅) สง่างาม สะโอดสะอง มีความอ่อนหวาน ราวกับหงส์สัตว์มงคลของจีน


   หยก (玉) สงบ บริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับหยกสีขาว มีจิตใจที่ใสสะอาด แต่กลับดูปราดเปรียว


   โบตั๋น (牡丹) ความรัก ที่มีให้กับคนในครอบครัว พร้อมจะปกป้องคนที่ตนรัก เหมือนราชาแห่งบุปผาตัวแทนของความรัก


   พยัคฆ์นั่งดื่มบรั่นดีไปเรื่อย ๆ อยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น เขาคิดถึงสามพี่น้องเพลินจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน? และที่สำคัญข้อตกลงระหว่างเขากับหงส์ ไอ้ข้อที่ต้องไปเจอซินแสอะไรนั่น เขาไม่กังวลหรอก ท้ายที่สุดแล้วถึงซินแสจะไม่ยอมรับเขา เขาก็ไม่สนใจ ในเมื่อเขาตัดสินใจเรื่องน้องหยกแล้วดังนั้นจะให้เข้าเปลี่ยนเพราะซินแสคนเดียว...ไม่มีทาง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหน้าจอแสดงชื่อวรากร


   “นี่อากลับถึงบ้านแล้วเหรอ”


   “ยัง เพิ่งออกจากนนฯ”


   “อาไปทำอะไรที่นนฯ”


   “ถ้าอยากรู้ พรุ่งนี้แกมาหาฉันที่ออฟฟิศ ว่าแต่ที่แกโทรหาฉันมีเรื่องอะไร”

   
   “ไว้พรุ่งนี่คอยคุยทีเดียวก็ได้ครับ” เขาวางสายจากผู้เป็นอา


   ตอนนี้พยัคฆ์ละความสนใจเรื่องหงส์แล้ว เขากังวลเรื่องคนของเขามากกว่า เขาอาจจะหน้าตาโหดจนทำให้น้องหยกกลัว อีกทั้งยังเป็นผู้ชาย เป็นเพศเดียวกันอีก คงไม่แปลกที่น้องกระโดดแมวจะกลัวเขา ไหนจะเมื่อตอนเย็นที่หลอกล่อพาน้องขึ้นรถมาด้วย น้องหยกยังไม่รู้จักพี่เสือคนนี้ด้วยซ้ำ เฮ้อ...ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม อยากจะปรับความเข้าใจ แต่ข้อตกลงที่ว่าห้ามเจอน้องหยกจนกว่าคนพี่จะออกจากโรงพยาบาลนี่น่ะ มันคือเมื่อไรกัน แล้วนอกจากไอ้หน้าฝรั่งที่เจอนั่น ยังมีใครมาเกาะแกะคนของเขาอีกไหม? นี่เขา...กำลังเพ้อ...ถึงผู้ชาย...หน้าหวาน...จมูกที่เขาเกือบจะได้งับแล้ว


.........................................................................



   ผมอยู่ที่ไหน?


   ผมควรจะอยู่บนเตียงกับโบตั๋นไม่ใช่เหรอ?


   ...


   ..

   
   .


   ทำไมรอบ ๆ ตัวผมถึงได้มืดสนิท แม้กระทั่งฝ่ามือตัวเอง...ผมก็ยังมองไม่เห็น


   ...


   ..


   .


   เสียงฝีเท้าของใครกันที่กำลังเดินเข้ามาหาผม?


   ทำไมผมถึงสัมผัสความรู้สึกอะไรไม่ได้เลย


   ...


   ..


   .


   ความรู้สึก...มันว่างเปล่า จนผมเริ่มกลัว


   ...


   ..


   .


   เสียงฝีเท้าดังขึ้น มันดังขึ้นเรื่อยๆ


   มันเข้ามาใกล้ทุกที ทุกที ทุกที


   ผมเริ่มเห็นเงาของใครบางคนราง ๆ ที่มาพร้อมแสงสว่าง มัน...อบอุ่น...


   ...


   ..


   .


   ผมรอคอยร่างตรงหน้าอย่างจดจ่อ เขาเป็นใคร?


   ...


   ..


   .


   นายแมวหง่าว? เป็นเขาได้ยังไง ผมที่กำลังตกใจจะขยับถอยหนี เขาก็รั้งแขนผมไว้ แล้วพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยิน ใช่ครับผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เขาดึงตัวผมเข้าไปกอด มือหนึ่งยังคงกุมมือผมไว้ มือที่โอบกอดผมก็ลูบหลังอย่างปลอบโยน


   ...


   ..


   .


   ผมสงบลงแล้วครับ เราผละออกจากกัน เขาจ้องตาผม ผมอ่านปากได้แค่ว่า ไม่ต้องกลัว ผมไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกของคนตรงหน้าได้ เซ้นส์ของผมสัมผัสความรู้สึกรุนแรงของเขาเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ในตอนนี้ ได้แต่มองการกระทำของเขาไปเรื่อย ๆ


   ...


   ..


   .


   หลังจากที่เขาแน่ใจว่าผมเข้าใจเขาแล้ว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของผม ทาบอยู่ที่แก้ม น้องหยก ดูเหมือนเขาจะเรียกชื่อผม


   ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง อยู่ๆ มันก็ดังขึ้นมา จากที่ก่อนหน้านี้ผมไม่รับรู้ถึงการมีมันอยู่ในร่างกาย คนตรงหน้าเขาจะได้ยินอย่างที่ผมได้ยินไหม?


   ผมมองเข้าไปแววตาดุของเขา ในนั้นในสะท้อนภาพผม เขายิ้มออกมาเหมือนพอใจอะไรสักอย่างเขาเกลี่ยไล้นิ้วโป้งบนแก้มผม รู้สึกได้ถึงแรงที่รั้งใบหน้าเข้าหาคนตรงหน้า ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแตะลงบนปลายจมูกของผม...อีกแล้ว เหมือนตอนอยู่บนรถ


   จากแตะเป็นขบเบา ๆ ผมตกใจกำลังจะผลักเขาออก มือข้างที่เขากุมมือผมอยู่ฉุดรั้งผมเข้าหาตัว แล้ววางฝ่ามือผมไว้กับสะโพกของเขา มือเขาก็รั้งอยู่ที่แผ่นหลังของผม ฝ่ามือที่ทาบอยู่ที่แก้มก่อนหน้านี้เลื่อนไปอยู่ที่ท้ายทอยของผม ผมยันหน้าอกเขาไว้แต่เหมือนจะไม่มีผลอะไร เรากลับใกล้ชิดกันมากขึ้น ร่างกายของผมสอดรับกับร่างกายของเขา จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง และเมื่อเขาก้มลงจูบผม


   ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ เสียงหัวใจของผมมันดังขึ้นเรื่อย ๆ


   สัมผัสจากริมฝีปากที่ขบเม้มอยู่ที่ริมฝีปากของผม...มันไม่ได้กลัว แต่ผมร่างกายมันเริ่มสั่นไปเอง


   ลิ้นร้อนเริ่มไล้เลียริมฝีปากผม ผมได้แต่เม้มปากแน่น ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร


   ฝ่ามือหนาที่โอบเอวผม เริ่มซุกเข้ามาใต้เสื้อนอนของผม


   ...


   ..


   .


   เดี๋ยวนะ...เสื้อนอน? ผมอยู่ในห้องนอนของผมเองอย่างนั้นเหรอ? แล้วเขามาได้ยังไง?


   เพราะมัวแต่ตกใจเลยเป็นโอกาสให้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามากวาดล้วงในโพรงปากของผม อยู่ๆ ผมรู้สึกเบาโหวง เหมือนกำลังจะลอยได้ ถ้าคนตรงหน้าไม่ได้โอบกอดผมไว้ มือที่อยู่ใต้เสื้อนอนผมก็ไล้ไปทั่วแผ่นหลัง


   ผม...กำลัง...หายใจไม่ออก


   คนตรงหน้า ถอนริมฝีปากร้ายนั่นออก ให้ผมได้โอกาสโกยอากาศเข้าปาก แต่ริมฝีปากนั่นยังไม่วายแทะเล็มไปตามติ่งหู ซอกคอ ไหลปลาร้า แม้จะเป็นสัมผัสผ่านเสื้อนอนเนื้อนุ่มก็ตาม แต่ผมก็ยังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวอยู่ดี แต่แปลกที่ผมไม่รู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้าเลย ได้แต่สั่นสะท้านไปหมด


   เขาวนกลับมาครอบครองริมฝีปากผมอีกครั้ง ครั้งนี้เขาดูดดุนลิ้นผมไปด้วย เขาทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น มันให้ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือหนานั่น ไล้นิ้วเกลี่ยไปมาอยู่ที่ยอดอกของผม


   “หยก ๆ ๆ” ผมได้ยินโบตั๋นเรียกผมมาจากที่ไกล ๆ ผมพยายามจะลืมตาขึ้นแต่สัมผัสจากริมฝีปาก กับฝ่ามือหนาฉุดรั้งผมไว้


   “หยก ๆ หยกทำให้ตั๋นกลัวแล้วนะ” เสียงโบตั๋นก้องอยู่ในสมองผม คนตรงหน้ายังคงจูบผมอยู่ ทุกสัมผัสมันช่างชัดเจน จนเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก


   “เฮือก!!”


   “หยกเป็นอะไร? ฝันอะไร?”


   “ฝัน?” ผมทวนเสียงแผ่ว


   “หยกทำตั๋นกลัว ตั๋นเรียกหยกตั้งนาน แต่หยกไม่ยอมตื่น ได้แต่นอนดิ้นขลุกขลักๆ ” ผมพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง มองไปรอบ ๆ นี่ห้องผม โบตั๋นเปิดไฟสว่างทั่วทั้งห้อง คงเพราะเพื่อจะปลุกผม


   “เฮีย...” ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ความรู้สึกที่ส่งออกมาโบตั๋นคงรับรู้อยู่บ้าง


   “สีหน้าหยก...เหมือนทรมานมาก มันน่ากลัวมากเลยเหรอ หยกถึงได้กระสับกระส่ายขนาดนี้ ดูสิ เหงื่อออกเติมตัวไปหมดเลย” ผมมองสภาพเนื้อตัวผม เหงื่อออกเยอะจริงๆ ครับ


   “...”


   “ความรู้สึกของหยกเหมือนตอนที่เจอไอ้แมวหง่าวนั่นเลย สับสน งุนงง หยกฝันว่าอะไรกันแน่ เล่าให้ตั๋นฟังได้ไหม”


   “ช่างมันเถอะ เฮียว่า เฮียไปอาบน้ำสักหน่อยดีกว่า” ผมลุกออกจากเตียงไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่เพราะถ้าไม่ได้อาบน้ำ คืนนี้ผมคงข่มตานอนไม่ได้แน่ๆ และผมก็ไม่กล้าเล่าฝันติดเรตให้ตั๋นฟัง กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ


   “หยกไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะ ตั๋นว่าหยกเครียดเกินไปแล้วนะ”


   “อืม เฮียไม่เป็นไรหรอก” ผมกำลังจะผ่านเข้าประตูห้องน้ำไปแต่ผมเริ่มอยากรู้เรื่องของเขา “ตั๋น แมวหง่าวของตั๋นเขาชื่ออะไรเหรอ”


   “ของตั๋นที่ไหน พูดให้มันดี ๆ นะ แล้วหยกจะรู้ไปทำไม เรียกแมวหง่าวน่ะดีแล้ว”


   “เฮียก็แค่...อยากรู้น่ะ” แล้วทำไมผมถึงต้องอยากรู้ล่ะ?


   “อือๆ ๆ อยากรู้ก็อยากรู้ หมอนั่นชื่อนายพยัคฆ์”


To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 23:01:34 โดย Amo »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 21-09-17 {{:::9:::}}
«ตอบ #32 เมื่อ21-09-2017 22:09:50 »

 :hao7:

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 21-09-17 {{:::9:::}}
«ตอบ #33 เมื่อ21-09-2017 22:34:00 »

น้องหยกมาแว้ววว  :-[ :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: หยก 21-09-17 {{:::9:::}}
«ตอบ #34 เมื่อ21-09-2017 22:43:23 »

ติดตามต่อไปป :z3:

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: หยก 21-09-17 {{:::9:::}}
«ตอบ #35 เมื่อ22-09-2017 10:39:53 »

มาต่อทุกวันนะ ชอบชื่อที่หยกตั้งให้พยัคฆ์  :mew4: :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: หยก 21-09-17 {{:::9:::}}
«ตอบ #36 เมื่อ22-09-2017 22:14:19 »

ชอบมว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
รออ่านหยก

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 22-09-17 {{:::10:::}}
«ตอบ #37 เมื่อ22-09-2017 23:24:14 »

10

   
   วันนี้พยัคฆ์มาที่ออฟฟิศก่อนเวลาที่นัดกับวรากรไว้ คงเป็นเพราะเมื่อคืนตอนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนโซฟาแล้วทำให้นอนไม่หลับอีกเลย เขาไม่แน่ใจนักว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน และที่สำคัญ...เขาไม่อยากตื่นด้วยซ้ำ...เขากำลังฝันดี แต่ร่างกายเจ้ากรรมนี่สิ แค่ความฝันกลางกายของเขาก็ยังปวดหนึบขนาดนี้ และมันก็ไม่ได้โดนสัมผัสอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่กลับปลดปล่อยออกมาซะได้ น่าอับอายจริง ๆ อายุจะเข้าเลขสามอยู่แล้ว ยังจะมาฝันเปียกเป็นเด็กเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มไปได้

   พยัคฆ์เดินผ่านหน้าโต๊ะของคุณวรรณ ซึ่งตอนนี้เจ้าของโต๊ะไม่อยู่ เขาเคาะประตูห้องของผู้เป็นอาก่อนเดินเข้าไปเอง ไม่มีเลขาหน้าห้องเดินเข้ามาส่งเหมือนทุกครั้ง

   “วรรณคอนเฟิร์มนัดท่านครรลองให้คุณกรบ่ายนี้แล้วค่ะ” ที่แท้เลขามาอยู่กับเจ้านายในห้องนี่เอง

   “แล้วลตาล่ะ?” อากรถามก่อนพยักหน้าทักทายผม

   “วรรณไม่ได้ยกเลิกนัดเธอค่ะ ตามที่คุณกรสั่งต้องการเลย”

   “อืม วันนี้คงต้องขอร้องให้คุณวรรณทำตัวเป็นเลขาขี้ลืมสักวันแล้วล่ะ”

   “ด้วยความยินดีค่ะเจ้านาย” คุณวรรณพูดจบก็เดินออกจากห้องไป มีหันมายิ้มทักทายพยัคฆ์เล็กน้อย

   “มาเร็วดีนี่ไอ้เสือ”

   “อากรให้ผมมาพบ นี่มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ”

   “เรื่องลตา”

   “ตอนนี้ผมยังไม่มีหลักฐาน แต่ผมว่าต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ครับ ที่คุณลตากับนายเกรียงไกรจะชอบไปยังสถานที่เดียวกันถึงแม้จะคนละเวลากันก็เถอะ ล่าสุดที่ผมได้ข้อมูลมา นายเกรียงไกรมีห้องชุดอยู่ที่คอนโดโครงการเดียวกับคุณลตา เพียงแต่อยู่กันคนละตึก”

   “นอกจากคอนโดแล้ว ยังมีที่ไหนอีก”

   “ก็มีฟิตเนต สนามกอล์ฟ สปาของโรงแรม XYZ ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวทองหล่อ อ่อแล้วร้านนั้น เป็นร้านที่คุณลตาชอบชวนอาไปกินน่ะครับ”

   “ร้านนั้นมีห้องส่วนตัวดี ห้องหับปิดมิดชิดสำหรับลูกค้า VIP ที่อยากเข้าไปคุยธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว”

   “ใช่ครับ”

   “ส่วนที่อื่น ๆ มีอย่างหนึ่งที่มีเหมือนกัน” พยัคฆ์เริ่มตามความคิดของอากรทัน ทุกที่มีล็อกเกอร์สำหรับฝากอุปกรณ์กีฬาอยู่ด้านนอก ที่ไม่ใช่ล็อกเกอร์เก็บของส่วนตัวแยกชายหญิงในห้องแต่งตัว

   “ไม่ใช่อย่างเดียวครับ มีอีกอย่าง” พยัคฆ์เหมือนจะนึกขึ้นได้

   “อะไร?”

   “สถานที่ทั้งหมดที่สองคนนั้นไป ไม่มีที่ไหนที่เป็นลูกค้าเราเลยสักรายครับ”

   “อืม...” วรากรครุ่นคิดอยู่สักพัก

   “แกลองไปสืบมานะไอ้เสือ ว่าสถานที่พวกนั้น ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยของที่ไหนบ้าง”

   “ได้ครับ”

   “ว่าแต่ เมื่อวานที่แกโทรจิกฉันแทบเป็นแทบตาย พอฉันโทรกลับดันไม่บอกตัดสายไปซะดื้อ ๆ ตกลงแกเป็นอะไรกันแน่”

   “พอดีผมรู้จักคนคนหนึ่ง เขาดูเหมือนจะรู้จักกับอา”

   “คนที่รู้จักฉัน ก็ใช่ว่าฉันจะรู้จักกับเขานี่”

   “ก็จริง แต่คนรุ่นอาก็ไม่ควรจะมีสาวๆ รุ่นราวคราวเดียวกันกับผม มารู้จักใช่ไหมครับ?”

   “ไม่รู้เหรอว่าอาแกคนนี้เสน่ห์แรง สาวน้อยสาวใหญ่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่”

   “ผมเห็นก็จะมีแต่คุณลตา กับคุณวรรณเท่านั้นแหละครับ”

   “เออๆ แล้วยังไง”

   “อารู้จักหงส์ ชูวณาสุวรรณไหมครับ”

   “หงส์? ไม่รู้จักนี่ แกสงสัยอะไร”

   “เธอถามผมว่า ผมเป็นอะไรกับอา?”

   “ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่ แล้วอะไรที่แกคิดว่าเขาจะรู้จักฉันล่ะ?”

   “ถ้าเขาไม่ถามว่าอาสบายดีไหม แล้วอาเป็นอะไรกับสาวสวยที่เป็นข่าวด้วยกันบ่อย ๆ ผมคงไม่สงสัย”

   “หืม...ฉันชักจะอยากเจอเด็กคนนั้นแล้วสิ แล้วเขาอายุประมาณเท่าไรล่ะ?”

   “ผมเดาว่าน่าจะ ประมาณ 26-27 นี่แหละครับ”

   “อืม...รุ่นราวคราวเดียวกับแก...หรือว่า...”

   ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมาในช่วงเวลาสำคัญ จนพยัคฆ์หงุดหงิด ส่วนวรากรนั้นก็ตีสีหน้าเรียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณวรรณเปิดประตูเข้ามา พร้อมร่างสาวใหญ่ที่เคยเป็นประเด็นสนทนาก่อนหน้านี้

   “คุณลตามาขอพบค่ะ” คุณวรรณบอกเสียงอ่อย ที่ดูผิดปกติสำหรับสาวมั่นอย่างเธอ

   “เห็นคุณวรรณบอกว่าคุณกรกำลังจะออกไปข้างนอก แล้วนัดตาละค่ะ?”

   “เอ่อ..เป็นความผิดของวรรณเองค่ะ วรรณเช็กตารางงานคุณกรไม่ดีเองเลย...” เลขาคู่ใจแทรกขึ้น

   “ไม่เป็นไร คุณลตาก็อย่าไปโกรธคุณวรรณเลยแล้วกัน พอดีผมร้อนใจอยากรีบนัดคนสำคัญน่ะ”

   “ถ้าสำคัญขนาดนี้ ตากลับก็ได้นะคะ” เธอทำท่าทางงอนได้อย่างมีจริตจะก้าน ถ้าไม่ติดว่าเธอออกจะ...สร้างภาพไปหน่อยและก็น่าสงสัย เขาคงจะเชียร์เธอให้อาของเขาไปแล้ว

   “ไม่เอาน่าครับ เอาแบบนี้ไหม พอดีผมนัดท่านครรลองไว้ที่ค่ายมวยบ่ายนี้ ถ้าคุณลตาไม่เบื่อไปซะก่อนก็ไปด้วยกันกับผม จะได้ร่วมทานมื้อเย็นกับท่านครรลองด้วยกัน” อากรส่งยิ้มหวานให้เจ้าหล่อน จนสาวใหญ่หน้าขึ้นสีทีเดียว บทว่าอาเขาจะหว่านเสน่ห์ก็ทำให้สาว ๆ ในห้องอายม้วนไม้เว้นแม้กระทั่งคุณวรรณเลขาคู่ใจ

   “ก็ได้ค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณวรรณพาลตาไปรอที่ห้องรับรองก่อนแล้วกันนะ” อากรบอกคุณวรรณก่อนหันหน้าไปหาสาวใหญ่

   “คุณลตาคงจะไม่ว่าอะไรนะครับ ถ้าผมจะขอเคลียร์งานกับเจ้าเสือมันสัก 15 นาที ผมขี้เกียจนะคะมันไปด้วย”

   “ไม่เป็นไรค่ะ ตาไปก่อนนะคะคุณเสือ” เธอหันมาหาผมยิ้มหวาน แล้วเดินตามคุณวรรณไป รอจนประตูห้องปิดลง

   “ค่ายมวยที่จะไปนี่ ที่คุณหลิวเป็นเทนเนอร์อยู่น่ะเหรอครับ”

   “อืม”

   “แล้วถ้าคุณลตาเป็นสายให้กับเจ้าสัวเซียงจริง ๆล่ะครับ”

   “นี่แหละจะเป็นวิธีที่จะทำให้นางจิ้งจอกโผล่หางของมันออกมา”

   “อ่อ อย่างนั้นที่ผมเข้ามาแล้วได้ยินอากรคุณกับคุณวรรณ...”

   “ใช่ และแกคงรู้แล้วนะ ว่าต่อไปแกต้องทำยังไง”

   “ครับ แต่อาไม่ห่วงคุณหลิวเหรอครับ”

   “ห่วงสิ แต่ไม่ใช่คุณหลิวคนนี้นะ”

.........................................................................

   ผมกับโบตั๋นมาที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้าครับ ตื่นเต้นกับการผ่าตัดของเจ๊หงส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้มาก เราเดินเข้าไปในห้องพักของเจ๊หงส์ ก็พบกับพี่ภา พี่กันต์ แล้วก็พี่แก้วมานั่งเป็นกำลังใจด้วยครับ พวกเราคุยกันสนุกสนานอยู่ในห้องจนกระทั่งพยาบาลมาเตรียมความพร้อมให้กับเจ๊หงส์ ระหว่างจะเข็นเตียงเจ๊หงส์ออกไป ผมก็เจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอเข้ามา โบตั๋นดีใจกระโดดตัวลอยพุ่งไปเกาะคนที่เข้ามาใหม่หนึบเลยครับ จนร่างร่างนั้นต้องพยายามแกะมือขอโบตั๋นที่คล้องคอเขาอยู่

   “อาตั๋นอ่า...ลื้อโตเป็นสาวแล้ว อย่ามากระโดดเกาะเจ็กเป็นเด็ก ๆ ได้ไหม ออกไปๆ อั๊วจะไปหาเจ่เจ้ของลื้อ” เจ็กลู่บอกกึ่งเอ็นดูกึ่งรำคาญ

   “ใครนะคะน้องหยก” พี่ภาสะกิดถามผมครับ เจ็กเดินไปให้กำลังใจเจ๊หงส์

   “เจ็กลู่น่ะครับ จะว่ายังไงดี...เจ็กแกเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของพวกเรานะครับ”

   “ต๊าย หล่อเชียวนะคะ ตาส๊วยสวย” ผมหัวเราะเล็กน้อยครับ พี่ภาแกชอบคนหน้าตาดี คงจะเหมือนเจ๊...เจ๊อะไรนะที่เจอผมแล้วเป็นลมคนนั่นแหละครับ

   “ไง ลื้อสองคนนี่เก่งนะ หาเงินมาผ่าตัดเจ๊ของพวกลื้อจนได้” เจ็กลู่เดินมาสมทบกับผมโดยมีโบตั๋นเกาะเป็นลิงอยู่ที่แขน

   “เจ็กจ๋าเจ็ก เจ็กอยู่กับตั๋นจนเจ๊ออกมาได้ไหม น้า...เจ็กนะ” โบตั๋นอ้อนเจ็กลู่ครับ เธออยากพบกลู่มาก สมัยเด็ก ๆ โบตั๋นชอบเรียกเจ็กว่าคุณกวางของโบตั๋น เห็นแบบหน้าตาแบบนี้ เจ็กแกเป็นพี่เลี้ยงให้ทั้งผมและโบตั๋นเลยนะครับ และเหรอคะก็แปลว่ากวางจริง ๆ

   “เสียมารยาทอ่ะตั๋น พี่กันต์ พี่แก้ว พี่ภาครับ นี่เจ็กลู่ ญาติผู้ใหญ่ของพวกเราครับ” พี่กันต์ พี่แก้ว พี่ภายกมือขึ้นไหว้เจ็กลู่ แต่ผมรู้สึกเหมือนพี่กันต์จะหลบตามเจ็กลู่นิด ๆ นะ

   “เจ็กครับ ที่พี่ภา เจ้าของห้องเสื้อที่โบตั๋นทำงานด้วย ส่วนนี่พี่กันต์กับพี่แก้ว เจ้าของร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่ครับ”

.........................................................................

   ผม โบตั๋น แล้วก็เจ็กลู่มานั่งคุยกันอยู่บนสวนหย่อมของโรงพยาบาลครับ ผมกับโบตั๋นมาเฝ้าเจ๊หงส์ตั้งหลายอาทิตย์ยังไม่เคยขึ้นมาเลย ที่นี่บรรยากาศดีมากครับ ร่มรื่น แถมอยู่สูงควันพิษบนท้องถนนด้านล่างคงลอยขึ้นมาไม่ถึง

   “อาหงส์อีว่าอย่างนั้นเหรอ?” ตั้งแต่ขึ้นมา โบตั๋นก็จองตัวเจ็กไว้ คุยกันอยู่สองคน ส่วนผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างครับ

   “ใช่ค่ะ เจ๊หงส์บอกว่าเรื่องซินแส เจ็กจะเป็นคนจัดการต่อเอง”

   “อือ อั๊วเข้าใจแล้ว”

   “แต่เจ็กจ๋า ทำไมต้องเป็นไอ้แมวหง่าวนั่นด้วยล่ะ ทีตั๋นอยากพบซินแสใจแทบขาด ยังไม่เคยได้พบเลย”

   “แล้วลื้อจะเจออีไปทำไมล่ะ”

   “ก็เผื่อซินแสท่านจะช่วยหาเนื้อคู่ของตั๋นไง” โบตั๋นหัวเราะคิกคัก ไม่ได้อายนะครับ ติดจะเล่นมากกว่า

   “เออ แล้วนายมง นายแมวนั่น ตกลงอีเป็นใครกัน” เจ็กลู่ไม่สนใจ เพราะรู้นิสัยโบตั๋นดี เรื่องอยากให้หาเนื้อคู่นั้นไม่แคล้วเป็นเรื่องไร้สาระที่โบตั๋นหยิบยกขึ้นมาคุยเล่นเท่านั้น

   “เขาเป็นคนที่จะมาจีบหยก” โบตั๋นพูดออกมาเต็มปากเต็มคำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าเอ่ยอะไรทำนองนี้ให้ผมไม่สบายใจเลย

   “ลื้อก็อย่าแหย่อาเฮียลื้อให้มากนักสิ” เจ็กปราม

   “จริง ๆ น้า...อีตานั่นสารภาพกับตั๋นเอง เขาขอโอกาส ตั๋นว่าตั๋นจะไม่ให้ แต่เจ่เจ้นี่สิ ไม่รู้คิดอะไร ให้เขาไปพบซินแสซะงั้น อย่างจะผูกดวงหาฤกษ์หมั่น ฤกษ์แต่ง”

   “ตั๋น เฮียกับเขาเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นะ จะแต่งกันได้ไง”

   “ใช่ไหมล่ะ ตั๋นถึงไม่เข้าใจเจ่เจ้ไง”

   “เอาน่า...โอกาสน่ะถ้ายิ่งมีมากมันก็ยิ่งดีน่า...”

   “โอกาสอะไรเหรอครับ?” ผมสงสัย

   “อีกไม่นานลื้อก็จะเข้าใจเองแหละ” เจ็กหันมาตอบผม ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ความกระจ่างเลยครับ

   “แล้วอาแมวของลื้อนี่ชื่อแซ่อะไรล่ะอาตั๋น แล้วลื้อจะนัดให้อั๊วได้เมื่อไร?”

   “ไม่ใช่ของตั๋นนะ ของหยกต่างหาก” โบตั๋นทำปากยื่น

   “อ่าว ก็ลื้อเรียกแต่มงแต่แมวของลื้ออยู่คนเดียว ไหนอาหยก อีชื่อแซ่อะไร”

   “หยกรู้แต่ว่าเขาชื่อพยัคฆ์ครับ”

   “หืม...พยัคฆ์” เจ็กทวนชื่อเสียเบา น้ำเสียงติดจะเครียดนิด ๆ

   “อืม ตาแมวหง่าวนั่นชื่อพยัคฆ์ คุณคุณารักษ์” เจ็กล่ะค่ะเงียบไปพักหนึ่งครับ ก่อนจะถอนหายใจ

   “เฮ้อ...โลกกลมจริง ๆ สงสัยอั๊วจะต้องไปก่อนละ คงอยู่รออาหงส์อีผ่าตัดเสร็จไม่ได้”

   “อ้าว ไหนเจ็กบอกจะอยู่เป็นเพื่อนตั๋นไงล่ะค่ะ”

   “อั๊วมีงานสำคัญต้องไปทำนี่ อยู่เล่นเป็นเด็กกับลื้อไม่ได้หรอก”

   “ตั๋นโตเป็นสาวแล้วนะ!! ไม่ใช้เด็ก ๆ สักหน่อย”

   “โตแต่ตัวน่ะสิไม่ว่า อ่อ!! ฝากบอกเจ๊ของลื้อด้วยแล้วกันนะว่า สิ่งที่อีอยากได้ไม่ได้หากันเจอง่าย ๆ”

   “เอ๋...เจ่เจ้ตามหาอะไรอยู่เหรอคะ ทำไมตั๋นไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

   “ก็อะไร เต็ดๆ ชั่นๆ นั่นแหละ”

   “ห๊า? ...” โบตั๋นถึงกับงงกับภาษาอังกฤษขาด ๆ ของเจ็กลู่

   “เจ็กลู่คงหมายถึง ลิมิเต็ดอิดิชั่น น่ะ”

   “อ๋อ...” ผมกับเจ็กลู่ได้แต่หัวเราะท่าทางของโบตั๋น

   “งั้นอั๊วไปก่อนล่ะ”

   “เดี๋ยวๆ ๆ เจ็กแล้วเรื่องอีตาแมวหง่าวล่ะจะว่ายังไง”

   “ลื้อไม่อยากเสวนากับอีงั้นก็ไม่ต้องนงต้องนัดอะไร ดีไหม?”

   “โหย...ตั๋นรักเจ็กที่สุดในโลกเลย หึ!! สมน้ำหน้าอีตาแมวหง่าวนั่นจริงๆ เชียว”

   “แล้วเจ่เจ้ จะไม่ว่าอะไรเหรอครับ ที่เราพร้อมใจกันขัดคำสั่งกันแบบนี้”

   “ถ้าเจ๊ของพวกลื้ออีจะว่า ก็ให้มาว่าอั๊วก็แล้วกัน”

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2018 23:18:12 โดย Amo »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 22-09-17 {{:::10:::}}
«ตอบ #38 เมื่อ23-09-2017 00:05:38 »

 :ruready

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 22-09-17 {{:::10:::}}
«ตอบ #39 เมื่อ23-09-2017 00:37:29 »

เอิ่มมม ไม่น่าจะลงเอยกันได้ง่ายๆ  :hao5: :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 22-09-17 {{:::10:::}}
« ตอบ #39 เมื่อ: 23-09-2017 00:37:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: หยก 22-09-17 {{:::10:::}}
«ตอบ #40 เมื่อ23-09-2017 00:56:47 »

 :katai1:ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: หยก 22-09-17 {{:::10:::}}
«ตอบ #41 เมื่อ23-09-2017 20:44:32 »

อ้าวเจ็ก ได้ข่าวว่า(อดีต)แฟนเจ๊กก็ผู้ชายไม่ใช่เรอะ
อย่ากีดกันหลานไปหน่อยเลยน่า

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 25-09-17 {{:::11:::}}
«ตอบ #42 เมื่อ25-09-2017 11:53:30 »

11

   พยัคฆ์ตื่นลงมาจากห้องก็ 11 โมงเกือบเที่ยง เมื่อวานเขากลับมานอนที่บ้าน พบว่าอาของเขายังคงนั่งรออยู่แม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบตี 2 แล้ว และกว่าสองคนอาหลานจะคุยเรื่องคุณลตากันเสร็จก็เกือบเช้าของอีกวัน

   “คุณเสือจะรับกาแฟไหมคะ หรือจะรอรับมื้อเที่ยงทีเดียวเลย” ป้าลัยเห็นเขาเดินลงมาถึงตีนบันได จึงเดินเข้ามาสอบถาม

   “ผมเอากาแฟก่อนดีกว่าครับ ช่วยยกไปให้ผมที่ศาลาด้านหลังบ้านนะครับ อ่อ! ขอหนังสือพิมพ์ด้วยนะครับ”

   “ค่ะ”

   “เออ แล้วอากรล่ะครับ”

   “คุณกรออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” ป้าลัยบอกกับเขาก่อนพาร่างอุ้ยอ้ายเดินจากไปเขาเดินออกจากประตูด้านข้างบ้าน ฝั่งโรงจอดรถ เดินเรียบหลบแดดตามเงาร่มไม้ไปยังหลังบ้าน ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่โรงรถ จึงเหลียวมอง

   “อ้าว ไอ้กล้า วันนี้ไม่มีเรียนเหรอไงว่ะ?” พยัคฆ์ตะโกนถามคนที่เพิ่งจอดมอเตอร์ไซด์

   “มีครับ แต่เป็นตอนบ่ายครับ” ต้นกล้าลูกของป้าลัยที่พักอาศัยพร้อมช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านของเขาเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม “คุณเสือมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ ถ้าจะให้ล้างรถให้ วันนี้ผมทำให้ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

   “ไอ้นี่ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”

   “อ่าว ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับ”

   “มีย้อนนะเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยู่หน่อยเดียว ปากดีขึ้นเป็นกอง”

   “โอ๊ย!! ไม่มี๊..ใครจะกล้า”

   “แล้วนี่หอบหิ้วอะไรมาเต็มมือเลย”

   “ขนมร้านหน้าปากซอยนะครับ ซื้อไปฝากเพื่อน” ต้นกล้าตอบเขิน ๆ

   “เพื่อนผู้หญิง?” พยัคฆ์แซว

   “ก็ด้วยแหละครับ ขนมร้านนี้เขาอร่อยนะครับ คุณเสือลองสักชิ้นไหมครับ เดี๋ยวผมให้แม่จัดไว้ให้”

   “ไม่เอาล่ะ ขอบใจ”

   “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พยัคฆ์เดินนำต้นกล้าไปยังศาลาหลังบ้าน ส่วนต้นกล้าค่อย ๆ เดินเลี่ยงออกไปทางเรือนพักของแม่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไป

   “อ้าวกล้า กลับมาเร็วเชียว แห้วอีกแล้วล่ะสิแก” พยัคฆ์ได้ยินเสียงคนในปกครองคุยกัน

   “โถ่แม่ อย่าซ้ำเติมกล้าดิ”

   “แกก็ไม่รู้อะไรนักหนา ไปเฝ้าเขาได้ทุกวัน”

   “แม่...กล้าไม่เจอนางฟ้าบาริสต้ามาสองวันแล้วนะ”

   “แล้วแกไม่ลองถามคนที่ร้านดูล่ะ?”

   “ใครจะกล้า?”

   “เฮ้อ...แกก็ได้แต่มองเขาเน๊อะ แล้วจะได้คุยกับเขาไหมล่ะชาตินี้”

   “เฮ้ย!! เคยคุยแล้วดิแม่!!”

   “จริงอ่ะ คุยเรื่องอะไร”

   “ก็... เอาชิ้นนี้ครับ...เท่าไรครับ และก็ขอบคุณครับ”

   “ห๊า? ...นั่นเขาไม่เรียกว่าคุยโว้ยเจ้ากล้า เฮ้อ...อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นลูกชายฉัน ฉันอายเขา” ป้าไหมคะเดินไปบ่นไป แล้วเดินตรงมาทางพยัคฆ์ ไม่คิดจะสนใจคนเป็นลูก

   “หนังสือพิมพ์ค่ะ พอดีว่าป้าเอาไปตรวจหวยที่ห้องนะคะ ส่วนกาแฟเด็กกำลังชงมาให้นะคะ”

   “ขอบคุณครับ แล้วถูกไหมครับ”

   “แหมะ งวดนี้ถ้าประตูดวงจะไม่เปิดให้ป้านะคะ”

   “ฮ่าๆ ๆ แล้วเจ้ากล้านี่มันขยันซื้อขนมนมเนยนะครับ ตอนแรกไอ้ผมก็นึกว่าเจ้ากล้ามันซื้อขนมไปจีบสาวที่มหา'ลัย ที่ไหนได้จีบคนขายนี่เอง แล้วเงินมันจะพอใช้ไหม”
   
   “โอ๊ย... ไม่ได้จีบหรอกค่ะ แค่หลงรูปชื่นชมไปอย่างนั้นเอง ส่วนเรื่องซื้อขนมน่ะมันเป็นฝ่ายขายของร้านนี้เขาค่ะ อาสาซื้อให้เพื่อน ไม่ค่อยได้เสียตังค์เองหรอกค่ะ”

   “นี่ขนาดแค่หลงรูปนะครับ” พยัคฆ์ชวนคุยฆ่าเวลา

   “ค่ะ ก็จะไปจีบได้ยังไงกันค่ะ ทางโน้นเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน”

   “อ่าว อย่างนั้นเหรอครับ” ช่วงนี้รอบตัวเขาเริ่มจะมีแต่...ผู้ชายชอบผู้ชาย

   “ค่ะ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกค่ะเด็กนั่นน่ารักจริงๆ คะ คุณเสือ ยิ่งเดี๋ยวนี้ไม่ว่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็แวะเวียนไปอุดหนุนร้านคุณแก้วกันทั้งนั้น ทั้งที่ตอนที่เธอจะเปิดร้านนะคะ เธอรับแต่พนักงานผู้ชาย ทำเหมือนซีรี่ย์เกาหลีเรื่องรักวุ่นวายของเจ้าชายกาแฟไงคะ คุณเสือเคยดูไหมคะ ที่พระเอกหล่อๆ อ่ะคะ เธอว่าจะเรียกลูกค้าสาว ๆ แต่ทำไปทำมาทั้งหนุ่มทั้งสาว พอๆ กันเลยค่ะ นี่ถ้าจะทานอาหารบางทีต้องโทรจองที่นั่งกันเลยเชียวนะคะ” ได้ทีคุณป้าลัยของเขาเม้าท์ซะยืดยาว

   “สงสัยผมต้องลองแวะไปดูนางฟ้านำโชคของที่ร้านนี้เขาบ้างแล้วสิ” เขาได้ยินต้นกล้าเรียกว่านางฟ้าอะไรสักอย่าง นึกครึ้มใจเลยเรียกตามบ้าง

   “ร้านคุณแก้วตรงปากซอยบ้านเรานี่เองค่ะ หาไม่ยาก”

   “นี่ป้าได้ค่าโฆษณารึเปล่าครับเนี๊ยะ”

   “คุณเสือก็หยอกคนแก่ อ่ะ..กาแฟมาพอดีเลย ป้าไม่กวนเวลาพักผ่อนของคุณเสือแล้วค่ะ”

.........................................................................

   วรากรกลับจากไปพบลูกค้าข้างนอกพร้อมกับวรรณา ถ้าไม่ติดที่เขามีนัดกับลูกค้าไว้ตั้งแต่เช้า เขาก็อยากจะนอนพักอย่างเจ้าหลานตัวดีของเขาเหมือนกัน วรรณรึเปล่าเดินนำออกจากลิฟต์ไปก่อนเธอเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของเธอเพื่อวางกระเป๋าสะพายและแฟ้มเอกสาร ก่อนทำหน้าที่เปิดประตูให้ผู้เป็นนาย เมื่อวรึเปล่ารึเปล่าผ่านตัวเธอไป เธอจึงปิดประตูตามหลัง

   “คุณกรจะรับอะไรไหมคะ เดี๋ยววรรณโทรสั่งเด็กมาให้”

   “เอาอะไรง่าย ๆ รองท้องหน่อยแล้วกันครับ ว่าแต่วันนี้มีงานที่ไหนอีกไหม?”

   “ไม่มีแล้วค่ะ จะมีก็แต่เอกสารที่คุณกรต้องเซ็นต์ เดี๋ยวรรณให้เด็กเอาไปให้คุณเซ็นต์ที่บ้านไหมคะ?”

   “ก็ดีเหมือนครับ ผมจะได้กลับไปพักสักหน่อย วันนี้ได้นอนไปสองสามชั่วโมงเอง”

   “รับทราบค่ะเจ้านาย” ถึงวรรณาจะอยากรู้เรื่องยัยลตานั่น แต่เมื่อนายไม่พูด เธอก็ไม่ควรถามแล้วเดินออกจากห้องไป

   วรากรเอนหลังลงบนเก้าอี้ทำงาน แล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตาสักเล็กน้อย เขายกมือขึ้นคลึงบริเวณหว่างคิ้วเพื่อบรรเทาความเหมื่อยล้า เสียงรินน้ำจากเหยือกลงในแก้วเปล่าทำให้เขายิ่งขมวดคิ้ว เขายังไม่ได้ยินเสียงใครเปิดประตูตั้งแต่วรรณาเดินออกไป เขาลืมตาขึ้นมองไปทางมินิบาร์ข้างๆ ชุดโซฟาพักค่อย ร่างนั้นสวมชุดซาฟารีสีเดียวกับพนักงานในบริษัทฯ ของเขา ร่างตรงหน้าเขามาตอนไหน ก่อนหรือหลังที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้กัน แต่ไม่ว่าจะเข้ามาตอนไหนวรรณาก็ต้องรับรู้ได้ในเมื่อเธอเดินนำเขาตั้งแต่ออกมาจากลิฟต์จนถึงห้องนี้ ยกเว้นว่าร่างตรงหน้าเขานั้น

   “หลิว” ไวเท่าความคิด ชื่อคนในความคำนึงก็หลุดออกมาจากปากเสียงแผ่ว

   ร่างนั้นหันมาพร้อมแก้วน้ำในมือ ก่อนเดินมาวางลงตรงโต๊ะหน้าคนที่เอ่ยชื่อของตนเอง วรากรไม่สนใจแก้วน้ำตรงหน้า ลืมความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ ลุกพรวดจากเก้าอี้ตรงเข้ามาสวมกอดคนที่เขาคิดถึง คนที่เขาตามหามาตลอด 20 กว่าปี หลิวลู่...กวางน้อยของเขา

.........................................................................

   ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่เจอนายแมวหง่าวนั่นเลยครับ เหมือนโลกใบเดิมของผมกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่เหมือนเดิมสักทีเดียวเพราะบางทีผมก็ยังฝันประหลาดเหมือนคืนนั้นอยู่บ้าง จะเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ มันน่าอายนี่ครับ อีก 2 สัปดาห์เจ๊หงส์ก็ออกจากโรงพยาบาลได้ แถมผมได้ข้อเสนอสำหรับงานพิเศษจากพี่ที่สถาบันเทควันโดเพิ่มด้วย อะไรๆ เหมือนจะดีขึ้น แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจหรอกครับ ผมไม่ค่อยชอบการเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวของใครสักเท่าไร ถ้าสอนรวม ๆ นะพอได้อยู่ครับ ผมกำลังเช็ดแก้วกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ ก็มาโทรศัพท์เข้ามา ผมเลยขออนุญาตพี่แหม่มออกไปรับโทรศัพท์ด้านหลังร้าน

   “ครับพี่ศักดิ์” ผมกรอกเสียงไปตามสาย

   “หยก วันนี้หยกเลิกงานจากร้านนั่น 5 โมงใช่ไหม?” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามแบบนี้คงมีเรื่องแน่นอนครับ อ่อ! เซ้นส์ของพวกเรารับรู้ผ่านโทรศัพท์ไม่ได้หรอกนะครับ

   “ครับ พี่ศักดิ์มีอะไรรึเปล่าครับ หรือมีปัญหาที่สถาบัน”

   “ที่สถาบันนะไม่เป็นมีอะไรหรอก แต่พี่โอ๊ตน่ะสิ ดันมอเตอร์ไซด์ล้ม ตอนกำลังไปค่ายมวย นี่พี่อยู่โรงพยาบาลกับมัน”

   “แล้วพี่โอ๊ตเป็นอะไรมากไหมครับ” พี่โอ๊ตคนที่ชวนผมไปช่วงงานเทรนเนอร์ส่วนตัวนั่นแหละครับ

   “ขาหักน่ะสิ งดสอนเทควันโดไปหลายเดือนเชียวล่ะ”

   “แล้ว พี่ศักดิ์จะให้ผมลงชั่วโมงแทนพี่โอ๊ตเหรอครับ” พี่ศักดิ์เป็นเจ้าของสถาบันเทควันโดแถมดีกรีลูกครึ่งเกาหลีครับ แต่ดันชื่อไทยจ๋ามาก สมศักดิ์

   “เรื่องนั้นก็ด้วย แต่ที่สำคัญกว่าก็เรื่องเทรนหนึ่งร์มวยนี่แหละ นัดของมันวันนี้ดันเป็นถึงลูกชายนักการเมือง ไอ้พี่โอ๊ตมันหาคนแทนไม่ได้ ครั้นพี่จะไปแทนก็ต้องเอามันไปส่งบ้านก่อน ย้อนไปย้อนมา ไปไม่ทันน่ะ เลยว่าจะวานหยกไปแทนพี่หน่อย เฉพาะวันนี้เท่านั้นแหละ” พี่ศักดิ์บ่นยาวเลยครับ

   “เออ...” ผมไม่อยากไปเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเลี่ยงยังไงดี คราวก่อนที่พี่โอ๊ตชวน ผมก็อ้างว่ายังไม่ได้คุยกับเจ๊หงส์

   “พี่รู้ว่าหยกไม่ชอบ พี่ก็ไม่ค่อยอยากให้หยกไปหรอก ไอ้ลูกนักการเมืองนั่นไม่รู้จะไว้ใจได้รึเปล่า ว่าไงห๊ะไอ้ต้นเรื่อง” ประโยคสุดท้ายเหมือนพี่ศักดิ์แกจะบ่นพี่โอ๊ตที่คงจะนั่นอยู่ข้าง ๆ กัน

   “หยก พี่โอ๊ตเองนะ พี่วานหน่อยนะๆ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกค้าเป็นลูกนักการเมือง พี่เบี้ยวงานไปแล้ว ไม่หาคนแทนแบบนี้หรอก” พี่โอ๊ตคงคว้าโทรศัพท์มาคุยขอร้องผม

   “พี่เองยังไม่เคยเจอลูกค้าเลย เพิ่งรับงานมาเมื่อวานนี้เอง ผิดนัดตั้งแต่วันแรกมันก็คงไม่ดีใช่ไหมล่ะ”

   “พี่โอ๊ตมีนัดกำลูกค้าตอนกี่โมงครับ” ผมถาม เริ่มใจอ่อนแล้วครับ

   “ทุ่มหนึ่ง เดี๋ยวพี่ใช้เครื่องพี่แชร์โลเคชั่นไปให้นะ ขอบใจมาก” วางหูไปแล้วครับ ผมแค่ใจอ่อนแต่ยังไม่ได้รับงานนะครับ สุดท้ายผมก็ได้แต่เดินคอตกเข้าร้าน

.........................................................................

   พยัคฆ์ขับรถออกมาจากบ้านอย่างหงุดหงิด เขาเคยแต่ทำงานคนเดียว อยากไปไหนก็ไป จะทำอะไรก็ทำ แต่นี่อยู่ ๆ อากรก็ให้ไอ้คนตาคมนี่ตามผมออกมาด้วย แล้วช่วงนี้นายนี่ก็อยู่ติดหนึบกับอากรยิ่งกว่าเลขาอย่างคุณวรรณจนเขาแปลกใจ เป็นแบบนี้มาเกือบอาทิตย์ พอเขามาที่บ้านทีไร ก็เห็นนายนี่อยู่ที่บ้านกับอากรเรียบร้อยแล้ว แถมดูอาปรากฏชอบให้นายนี่ติดหนึบซะด้วย

   พยัคฆ์พยายามถามเรื่องประวัติของนายตาคมคนนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องรู้ว่าคนที่มาทำงานกับเขามีเบื้องหน้าเบื้องหลังยังไงบ้าง ยิ่งไว้ใจให้เข้ามาถึงที่บ้านนี่แล้วล่ะก็ แต่อาของเขาก็แปลก ได้แต่บอกว่าไม่ต้องเช็ก นายนี่หรือนายชาติชายเป็นเพื่อนสนิทของอา แต่ไม่รู้ทำไมบางทีพยัคฆ์ดูเหมือนว่าอากรของเขาออกจะเชื่อฟังนายตาคมนี่ ทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้านายแท้ ๆ

   “คุณเสือมีอะไรจะถามผมรึเปล่าครับ” คงเพราะเขาจ้องมองคนข้าง ๆ บ่อยครั้ง

   “นายขับรถได้ไหม?”

   “ได้ครับ”

   “อ้าว ถ้าอย่างนั้นทำไมฉันต้องขับให้นายนั่งว่ะ?”

   “ก็ผมตามหลังคุณมา คุณขึ้นรถก่อน รถคุณ คุณขับ มันก็ถูกแล้วนี่ครับ อีกอย่างคุณไม่ได้สั่งให้ผมขับ”

   “...” กวนตีน เขาคิด

   “แล้วนายรู้จักอากรตั้งแต่เมื่อไร?”

   “ก็รู้จักมานานแล้วครับ จะว่าเป็นเพื่อนเก่าก็ได้ ถ้าจะเช็กประวัติผมก็ไม่ต้องหรอกนะครับ อาคุณรู้จักผมดี”

   “อากรรู้ แต่ฉันไม่รู้นี่ ทำไม ถามไม่ได้รึไง”

   “ไว้ถึงเวลา อาคุณคงเล่าให้คุณฟังเองล่ะครับ” ทำไมช่วงนี้เขาได้ยินแต่ว่าไม่ถึงเวลา ไม่ถึงเวลา จากคนนั้นที คนนี้ทีนะ

   “แล้วนายเข้าไปทำอะไรที่บ้านฉันทุกวัน งานอื่นในออฟฟิศไม่มีให้ทำแล้วหรือไง”

   “ผมคงได้เลื่อนตำแหน่งมั้งครับ ได้เป็นผู้ติดตามอาของคุณ หรือบางครั้งก็คุณ”

   “ฉันไม่ต้องการผู้ติดตาม”

   “คุณคงไม่รู้ตัวสินะว่า คุณและอาคุณกำลังเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อันตรายแค่ไหน?”

   “นายรู้หรือไง?”

   “...” คนนั่งข้างเขาไม่ตอบคำถาม เขาก็ขี้เกียจจะซักไซ้ เพราะดูท่าคงไม่ได้คำตอบง่ายๆ

   “แล้ววันนี้อากรให้นายตามฉันทำไม”

   “ไม่ได้ตาม แต่มาช่วยงาน”

   “ช่วย ช่วยอะไร กับแค่มาจับตาดูเป้าหมาย”

   “ก็ถ้าเป้าหมายไม่รู้จักคุณ อาคุณคงไม่ให้ผมมากับคุณด้วยหรอก”

   มันก็จริงอย่างที่นายชาติว่า ลตารู้จักเขาเป็นอย่างดี ทำให้เขาได้แต่เฝ้าอยู่แต่ด้านนอกเท่านั้น ส่วนนายชาติ นอกจากจะออกงานภาคสนามกับเขาครั้งหนึ่งที่งานเพชรของคุณเพ็ญนภาแล้ว ก็มีแต่เจอที่บ้านเขานั่นแหละ หรือถึงลตาเคยเจอนายชาติ ก็ใช่ว่าจะจำได้

   “แล้วอากรให้นายมาช่วยฉันยังไง นั่งเฝ้าอยู่ในรถเป็นเพื่อนฉันรึไง”

   “หึ!!” ไอ้นี่ พยัคฆ์หงุดหงิดกับท่าทีของนายชาติ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจาก...

   “เอา นายลงตรงนี้แล้วเดินต่อไปเองแล้วกัน ฉันจะไปจอดรถเลยค่ายมวยไปหน่อย จะได้ไม่มีใครสงสัย” เขาหมั่นไส้จึงจอดรถให้นายชาติลง

   “ผมว่าคุณไปจอดหลบในโรงแรมจิ้งหรีดข้างหน้านี้ดีกว่า รถคุณมันเด่น เยื้อง ๆ ค่ายมวยมีร้านกาแฟอยู่ คุยก็ไปนั่งที่นั่นแล้วกัน”

   นายชาติบอกก่อนเดินลงจากรถไป ทิ้งให้พยัคฆ์ได้แต่กัดฟันเข่นเขี้ยวอยู่คนเดียว

   
.........................................................................

   หลิวลู่ลงจากรถของคนที่เปรียบเสมือนหลานชายของเขาเองคนหนึ่ง เขาพอจะรับรู้ถึงความไม่พอใจของพยัคฆ์ที่มีต่อเขาได้ ก็ตั้งแต่เขาตัดสินใจเสี่ยงเพื่อปรากฏตัวต่อหน้าวรากรวันนั้น เฮียกรของเขาก็ไม่ยอมปล่อยเขาคลาดสายตาเลยทีเดียว สั่งเด็ดขาดให้เขาย้ายเข้าไปอยู่บ้านของหลานชาย ยังดีที่ตกลงกันได้ว่าวรากรจะยังไม่บอกพยัคฆ์เรื่องของเขาจนกว่าจะถึงเวลา

   ถึงแม้ตอนนี้เขาจะแน่ใจแล้วว่า วราการและพยัคฆ์จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าสัวเซียงและลูกชาย วรากรเพียงแต่ต้องการจะตีสนิทเจ้าสัวเซียงเพื่อสืบความเคลื่อนไหวจากทางนั้นเพราะระแคะระคายบางอย่าง และงานแรกที่เจ้าสัวให้แก่วรากรคือการตามหาเขา จงเก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวยิ่งกว่า วรากรบอกเขาอย่างนั้น ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับวรากร

   หลิวลู่เดินเข้าไปในค่ายมวย แกล้งทำทีเป็นเข้ามาติดต่อขอใช้บริการ และมีพนักงานพาเขาเดินดูรอบ ๆ ค่ายมวย เขาเป็นเป้าหมายกำลังซ้อมมวยอยู่ ดูท่าทางที่ค่ายนี้จะมีการผสมผสานมวยเข้ากับโยคะเพื่อเหมาะสำหรับผู้หญิง เพราะเห็นลูกค้าผู้หญิงหลายคนอยู่ เขาแกล้งมองนั่นมองนี่ไปรอบ ๆ พนักงานก็พูดบรรยายสรรพคุณของค่ายไปเรื่อย จนเขาก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง

   “เจ็กลู่” เขาหันไปมองก็ต้องตกใจ นายน้อยของเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ร่างนั่นสาวเท้าเข้ามายืนตรงหน้า “เจ็กลู่จริง ๆ ด้วย เจ็กมาทำอะไรที่นี่ครับ”

   “ก็ว่าจะมาใช่บริการที่นี่น่ะ ว่าแต่ลื้อเถอะ มาทำอะไรที่นี่”

   “มาสอนมวยแทนพี่ที่สถาบันน่ะครับ”

   “สอนใคร?”

   “ผมก็ไม่แน่ใจน่ะครับ รู้แต่ว่าเป็นลูกนักการเมือง”

   “ขอโทษครับ น้องมาสอนแทนคุณโอ๊ตเหรอครับ” พนักงานที่พาหลิวลู่เดินดูรอบ ๆ แทรกขึ้น

   “ครับ แล้วผมต้องสอนใครครับ”

   “คุณกั๊มครับ”

   “อั๊วไม่ให้ลื้อสอน ลื้อกลับไปกับอั๊วเดี๋ยวนี้” พยัคฆ์อยู่แถวนี้ด้วย ถ้าหยกสัมผัสความรู้สึกทางนั้นได้จนขาดความระวังตัวขึ้นมาจะทำยังไง เขาเสี่ยงไม่ได้ ไม่รู้ว่านอกจากลตาแล้ว ยังจะมีคนของเจ้าสัวเซียงอยู่แถวนี้อีกไหม?

   “ได้ยังไงครับเจ็ก หยกรับปากพี่เขาไว้แล้วนะ จะให้ผิดคำพูดได้ยังไง”

   “เอ่อ คุณลูกค้าครับ ให้น้องเขาสอนเถอะนะครับ แค่ชั่วโมงเดียวเอง”

   “นะ เจ็กนะ”

   “คุณกั๊มเขาสอนไม่อยากหรอกครับ แต่อย่าขัดใจแกเลยครับ เดี๋ยวเป็นเรื่อง”

   “เห็นไหมเจ็ก ลูกนักการเมืองเลยนะ”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นครับไม่ใช่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ท่านลองน่ะใจดี แต่คุณกั๊มแกยังเด็กน่ะครับ ถูกตามใจจนเคย ขัดใจขึ้นมาที่มีสิทธิ์ค่ายแตกได้ครับ”

   “คุณกั๊มนี่อายุเท่าไรครับ”

   “10 ขวบครับ”

   “เจ็ก เด็ก 10 ขวบเอง หยกรับมือได้น่า...”

   “เออ เรื่องของลื้อ อั๊วกลับล่ะ” หลิวลู่รีบเดินออกมาก่อนที่ลตาจะสังเกตเห็นเขา หรือจำเขาได้

   
To Be Continue

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2018 11:38:51 โดย Amo »

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 25-09-17 {{:::11:::}}
«ตอบ #43 เมื่อ25-09-2017 14:44:04 »

ยังไงน้ออ รออ่านต่อแบบใจจดใจจ่อ  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 27-09-17 {{:::12:::}}
«ตอบ #44 เมื่อ27-09-2017 11:18:50 »

12

    พยัคฆ์มานั่งที่ร้านกาแฟเยื้อง ๆ กับค่ายมวย เขาไม่ได้อยากจะเชื่อคำแนะนำของนายชาติสักเท่าไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความคิดที่เข้าท่า ตอนเขาเดินเข้ามาในร้านกาแฟ ก็เห็นนายชาติกำลังเดินเข้าไปในค่ายมวย เขาไม่รู้ว่านายนั่นจะทำอะไร หลังจากเขาสั่งเครื่องดื่มกับของว่างนิดหน่อย เขาก็ทำทีเป็นนั่งเล่นแท็บเล็ตไปเรื่อย ทั้งที่คอยสอดส่ายสายตามมองไปยังค่ายมวย

    พยัคฆ์เห็นนายชาติ ออกจากค่ายมวย เดินตรงมายังร้านกาแฟที่เขานั่งอยู่ เมื่อเปิดประตูเขามาแล้วนายชาติก็เดินไปสั่งเครื่องดื่ม ก่อนเหลือบมองเขานิดหน่อยแล้วเดินเลี่ยงไปยังโต๊ะด้านใน

    [Chartchai: คุณลตากำลังจะออกมา]

    [Chartchai: ผมว่าคุณควรหลบไปก่อน]


    หลิวลู่พยายามหาทางไล่พยัคฆ์ให้ไปห่างๆ นายน้อยของเขา ในเมื่อจัดการกับคนข้างในไม่ได้ ก็ต้องไล่คนที่อยู่ข้างนอก

แอปพลิเคชันสีเขียวเด้งขึ้นมาบนแท็บเล็ตของเขา

    [Payak : นายเข้าไปทำอะไรในค่าย]

    [Chartchai: ไปติดต่อขอใช้บริการ]

    [Payak : เนียนดีนี่]


    [Chartchai: คุณลตากำลังเดินมาทางนี้]

    [Chartchai: คุณน่าจะหลบเธอไม่ทันแล้ว]


    พยัคฆ์อ่านข้อความล่าสุดแล้วต้องเงยหน้าขึ้นมองตามไปทางค่ายมวย

    [Chartchai: คุณอยู่ก่อนไม่ต้องลุก]

    [Chartchai: ถ้าคุณลตาเห็นคุณ]


    [Chartchai: ก็อย่าแสดงพิรุธ]

    [Chartchai: แค่บอกว่ามาตามเป้าหมายแถวนี้]

    [Chartchai: หรือถ้าคุณจะเลี่ยงทำเป็นกลับไปก่อนก็แล้วแต่คุณ]


    ข้อความที่พิมพ์มารัวเร็วเหมือนสั่งเขา นายชาติคิดว่าเขาเป็นใครกัน สั่งเอา ๆ แล้วเสียงประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างของสาวใหญ่ที่ก้าวเข้ามา

    [Chartchai: จากนี้คุณกับผมแยกกันกลับ]

    [Chartchai: ทำเป็นไม่รู้จักกัน]


    “อ้าว คุณเสือมาทำอะไรแถวนี้ค่ะ” ยังไม่ทันจะเก็บแท็บเล็ตดี เสียงลตาก็ดังขึ้น “ตาก็ว่าอยู่ว่าคุ้น ๆ ตาเห็นคุณตั้งแต่ข้ามถนนมาแล้วล่ะค่ะ ตาขอนั่งด้วยนะคะ”

    “เชิญครับ” พยัคฆ์ผายมือไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ว่าแต่คุณลตามาทำอะไรแถวนี้ครับ?”

    “ลตาติดใจคอร์สมวยที่นี่ตั้งแต่วันที่ตามคุณกรมานะคะ”

    “อ๋อ...มาออกกำลังกายไกลจังน่ะครับ”

    “ของเขาดี ก็ต้องตามมาถึงที่สิคะ” หญิงตรงหน้าหัวเราะอย่างมีจริต “คุณเสือยังไม่ได้ตอบตาเลย ว่ามาทำอะไรที่นี่ค่ะ” เขาอุตส่าห์เลี่ยงไม่ตอบ คนตรงหน้าก็ยังกัดไม่ปล่อย

    "คนของผมรายงานว่า เป้าหมายที่ผมตามอยู่อาจจะอยู่ละแวกนี้น่ะครับ”

    “มิน่าล่ะ วันนี้คุณเสือแต่งตัวดูแปลกตาเชียว ปกติเห็นแต่คุณใส่สูท ว่าแต่ใครเหรอคะที่คุณเสือตามอยู่”

    “หึ!! เพิ่งจะทราบว่าคุณลตาสนใจงานของผมด้วยเหมือนกัน”

    “แหม๋...ตาก็ถามชวนคุณคุยไปอย่างนั้นแหละค่ะ แล้วเจอเป้าหมายของคุณเสือไหมคะ”

    “ยังไม่เจอเลยครับ”

    “ว้า...เสียดายจังนะคะ คุณเสือเลยมาเก้อ” เสียดาย? ลตารู้อะไรมาอย่างนั้นเหรอ?

    “นี่เพิ่งจะทุ่มกว่าเองครับ ยังสรุปอะไรไม่ได้หรอกครับ แล้วนี่คุณลตากลับยังไงครับ ผมไม่สะดวกไปส่งนะครับ”

    “ตามาเองได้ก็กลับเองได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณเสือทำงานหรอกค่ะ ตาเอารถมา จอดอยู่ที่ลานจอดรถด้านหลังของค่ายมวยนะคะ”

    “ถ้าอากรรู้ว่าคุณตาติดใจค่ายมวยนี้ อาผมคงปลื้มน่าดูเลยนะครับ”

    “จริงเหรอคะ นี่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คราวหน้าตาจะชวนคุณกรมาด้วย คุณเสือว่าดีไหมคะ?”

    “ไม่รู้สิครับ คุณลตาคงต้องลองถามอากรดูเอง” พยัคฆ์ต้องจำใจนั่งกับลตาไปเกือบร่วมชั่วโมง เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน มีบ้างที่มองไปยังค่ายมวย เขาทำทีเป็นมองไปรอบ ๆ อย่างสังเกตบ้าง นั่งเล่นแท็บเล็ตบ้าง จนกระทั่งได้ยินเสียงลากเก้าอี้จากคนที่นั่งด้านในลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป แต่แทนที่จะกลับอย่างที่เขาเข้าใจ นายชาติกลับข้ามถนนไปหน้าค่ายมวย

    “ตาคงต้องกลับแล้วค่ะ นั่งพักมานานแล้ว” อยู่ๆ คนที่นั่งตรงข้ามผมพูดขึ้น

    “ให้ผมเดินไปส่งที่รถไหมครับ” พยัคฆ์สงสัยว่าที่เธอนั่งอยู่เป็นนานสองนานนี่ แอบนัดใครไว้รึเปล่า? ถ้าเดินไปส่งเธอที่ลานจอดของค่ายมวย น่าจะพอเห็นอะไรบ้าง

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเสือทำงานต่อเถอะค่ะ” เธอพูดเสร็จก็เดินออกจากร้านไปทันที พยัคฆ์มองตามร่างสาวใหญ่ที่กำลังข้ามถนนไป มองเลยไปยังชาติและคนที่ยืนอยู่กับชาติ

    หยก!!

    ชาติรู้จักกับน้องหยกของเขา

.........................................................................

    ผมสอนน้องกั๊มเสร็จ พี่เจ้าของค่ายใจดี จ่ายค่าแรงให้ผมทันทีเลยครับ ส่วนน้องกั๊มก็ไม่ได้ดื้ออย่างที่พี่พนักงานว่าไว้จริงๆ แต่อย่าขัดใจแก ไม่งั้นเป็นเรื่องครับ ขนาดผมบอกน้องเขาว่าผมแค่มาแทนเทรนเนอร์ตัวจริงของเขาเท่านั้น น้องก็จะไม่ยอมท่าเดียว จะให้ผมสอนต่อให้ได้ กว่าจะตะล่อมจนยอม ค่ายแทบแตกจริง ๆ ครับ

    ผมเดินออกมาก็เจอเจ็กลู่วิ่งข้ามถนนมาหาผม ดูเจ็กรีบร้อนยังไงชอบกลครับ ยิ่งตอนที่จะไม่ยอมให้ผมสอนมวยน้องกั๊มผมว่าจะถามเหตุผลแก่สักหน่อย แกก็เดินออกไปแล้ว สัมผัสได้แค่ความรู้สึกกังวล

    “ทำไมลื้อแต่งตัวอย่างนี้ห๊ะอาหยก” ผมก้มมองตัวเองก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ เสื้อยืด ทำไมผมถึงสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงที่ดูจะมากเกินไปของอาเจ็กจนผิดวิสัย

    “มีอะไรผิดปกติเหรอครับ”

    “เสื้อเชิ้ตตัวที่ลื้อใส่มาอยู่ไหน เอามาสวมทับซะ”

    “อยู่ในกระเป๋าครับ เห็นว่าเหงื่อออกเยอะ ผมเลยตั้งใจรอเหงื่อแห้งก่อนค่อยสวมน่ะครับ”

    “ในค่ายเขาก็มีห้องอาบน้ำ ทำไมไม่รู้จักแต่งตัวให้มันเรียบร้อย ดูสิเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”

    ผมก้มลงมองตัวเองอีกครั้ง เสื้อยืดเนื้อบางสีฟ้าอ่อนของผมชื้นเล็กน้อย ก็พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง แต่ผมเป็นผู้ชายนะครับ ในค่าย บางคนยังเปลือยท่อนบนกันเลย

    “มันก็ไม่ได้โป๊อะไรมากมายนี่ครับเจ็ก”

    “อั๊วไม่ได้ว่าลื้อโป๊ แต่ที่ว่าเห็นอะไรต่อมิอะไรน่ะ อั๊วหมายถึง เมฆาขาว ของลื้อต่างหาก” ผมมองอีกครั้ง จริงด้วยครับ เสื้อชื้นเหงื่อลู่แนบลำตัวทำให้เห็นลอยนูนของเมฆาขาวชัดมากยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายหนังสีเข้มที่ร้อยคล้องคอผมอยู่ ผมได้แต่ยิ้มแหย๋ส่งไป “ไปๆ กลับบ้าน อั๊วจะไปส่ง”

    “คะ...ครับ” ผมสัมผัสได้ถึงนายแมวหง่าว ความรู้สึกรุนแรงแบบนี้มีคนเดียว

    “อาหยก ลื้อเป็นอะไร ทำไมถึงตัวสั่นขนาดนี้”

    “มะ...ไม่รู้คะ...ครับ” ตอนนี้ผมไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้ ผมรู้สึกอึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออกอีกแล้ว ได้แต่หันมองไปรอบ ๆ เขาอยู่ไหน?

    “ไป อั๊วพาลื้อกลับบ้านก่อน”

    “มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ ดูเหมือนน้องเขาไม่ค่อยสบาย” ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถาม ผมได้แต่ยืนนิ่ง ต้องบอกว่าพยายามยืนให้นิ่งที่สุดมากกว่า ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าผมตัวสั่นขนาดไหน

    “ไม่เป็นไรครับ” เจ็กลู่ตอบสำเนียงไทยเป๊ะ สำเนียงจีนเมื่อครู่หายไปอย่างสิ้นเชิง

    “ให้ดิฉันไปส่งที่โรงพยาบาลหรือคลินิกแถวนี้ไหมคะ”

    ผู้หญิงคนนั้นอาสา อ่อ...ผมจำเป็นได้แล้ว เธอเรียนมวยอยู่ที่ค่ายนี้ แล้วผมชนกับเธอเข้าตอนที่จะเข้าไปสอนน้องกั๊ม ผมนึกว่าเธอกลับไปนานแล้ว ผมพยายามจะจับความรู้สึกของเธอ แต่ความรู้สึกที่รุนแรงของอีกคน มันรุนแรงจนผมจับความรู้สึกอื่นไม่ได้เลย

    “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมกับหลานนั่งแท็กซี่กลับกันเองได้ ไม่รบกวนคุณผู้หญิงดีกว่า”

    เจ็กลู่เดินจูงมือผม พาข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม รออยู่ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาครับ ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นยืมมองพวกเราจนขึ้นแท็กซี่กัน รถแล่นตามถนนมาได้สักพัก ความรู้สึกรุนแรงนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไปตามระยะที่รถวิ่งห่างออกมาจากบริเวณนั้น แต่มันก็ทำให้ผมเหนื่อยมากอยู่ดี กับทุกครั้งที่ต้องรับมือกับความรู้สึกแบบนี้

    “เจ็ก ผู้หญิงคนนั้น”

    “ทำไม ลื้อเคยเจออีมาก่อนอย่างนั้นเหรอ?”

    “เปล่าครับ เพิ่งเจอกันวันนี้ แต่เจอหลังจากที่เจ็กออกไปครั้งหนึ่ง แล้วก็เมื่อกี้” ผมเห็นเจ็กลู่ขมวดคิ้ว “เจ็ก ผมจับความรู้สึก”

    “ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน ลื้องีบไปก่อนก็ได้ ดูลื้อเหนื่อย ๆ นะ ถึงแล้วอั๊วจะปลุกแล้วกัน”

.........................................................................

    พยัคฆ์อยากเข้าไปหาน้องหยกของเขา แต่ติดที่ข้อตกลงของหงส์ที่ยังค้ำคอเขาอยู่ ทำให้จากที่ลุกขึ้นมาแล้วก็ต้องกลับไปนั่งลงตามเดิม ถ้าชาติรู้จักกับน้องหยกจริงการที่เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าน้องหยก เรื่องต้องรู้ถึงหูหงส์แน่นอน

    เขาเห็นลตาเดินเข้าไปคุยกับสองคนนั้น ลตาคงไม่สงสัยนายชาติแน่ เพราะนายนั่นนั่งอยู่ในร้านเป็นนานสองนาน เป็นไปไม่ได้แน่ที่เธอจะไม่เห็น แต่เขาก็ไม่ควรประมาท จะเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจ ลตาลุกแทบจะทันที ที่นายชาติออกจากร้านไป

    ชาติพาน้องหยกของเขาข้ามถนนกลับมาฝั่งเขา ดูท่าทางน้องหยกคงจะไม่สบายอีกแล้วมันยิ่งทำให้เขาเป็นห่วง เขาอยากเป็นคนเข้าไปดูแล อยากเอาใจใส่น้องหยก จะไม่ยอมให้เจ็บป่วยหรือเป็นอันตรายใดๆ ทั้งนั้น เขาจับตามองลตาที่มองชาติกับหยกจนกระทั่งสองคนนั้นขึ้นรถแท็กซี่ไปอย่างสงสัย เธอเหลือบมองมาทางเขานิดหน่อย ยังดีที่เขายังคงแกล้งเล่นแท็บเล็ตอยู่ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีลตาก็เดินหายเข้าไปในค่ายมวยอีกครั้ง ก่อนเขาจะเห็นรถคุ้นตาขับออกมา

    เขาควรจะตามลตาต่อไหม หรือ กลับไปสมทบกับนายชาติ ระหว่างที่เขากำลังตัดสินใจอยู่นั้นเสียงเตือนแอปพลิเคชันก็ดังขึ้นมาจากแท็บเล็ต

    [Chartchai: คุณลตาขับรถรุ่นไหน]

    [Chartchai: สี ทะเบียนอะไร]

    [Payak : เลกซัส สปอต สีขาว]


    [Payak : ทะเบียน ลต xyz]

    [Chartchai: ดูเหมือนเธอจะตามผมอยู่]

    [Chartchai: แท็กซี่ไม่น่าจะสลัดเธอหลุดแน่]


    [Payak : ทำไมลตาถึงตามนาย]

    [Payak : เธอสงสัยนาย?]


    ชาติหายไปนานหลายนาที จนผมอดสงสัยไม่ได้ ว่าควรจะไว้ใจนายนั่นเหมือนที่อากรไว้ใจดีไหม?

    [Chartchai: คุณลตาไม่ได้ตามผม]

    [Chartchai: แต่ตามหยก]

    [Chartchai: หลานของผม]


    สองคนนี้รู้จักจริง ๆ ด้วย และไม่คิดว่าหยกจะเป็นหลานนายชาติ แล้วลตาตามหยกทำไม

    [Payak : ทำไม]

    [Chartchai: คุณต้องช่วยพาหยกหลบไปก่อน]

    [Chartchai: ผมจะล่อคุณลตาเอง]


    พยัคฆ์กำลังจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ว่าเขาไม่สามารถทำได้ หยกกลัวเขา และเพราะข้อตกลงระหว่างหงส์ ยังพิมพ์ไม่เสร็จเรียบร้อยดี

    [Chartchai: ผมรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างคุณกับหงส์]

    [Chartchai: ในเมื่อผมขอให้คุณช่วยหยก]

    [Chartchai: ดังนั้นไม่ถือว่าคุณผิดข้อตกลงกับเธอ]

    [Chartchai: เรื่องนี้ผมจะคุยกับหงส์เอง]


    [Payak : ผมไม่แน่ใจว่าหลานคุณจะยอมมากับผม]

    [Chartchai: คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น]

    [Payak : จะให้ผมช่วยยังไงว่ามา]


    หลังจากนายชาติบอกเล่าแผนการสลัดลตาคร่าว ๆ ผ่านตัวอักษรเรียบร้อย นัดแนะจังหวะเวลาอีกเล็กน้อย เขาก็เดินออกจากร้านเพื่อไปเอารถของเขาที่โรงแรมจิ้งหรีด ชาติให้เขาหาที่พาหยกไปหลบเฉพาะคืนนี้เท่านั้น เพราะยังไม่ไว้ใจให้พาหยกไปส่งที่บ้านหรือไปโรงพยาบาลเพื่อหาหงส์ แล้วเขาจะพาหยกไปหลบที่ไหนดี

.........................................................................

    หลิวลู่ให้แท็กซี่มาจอดหน้าร้านขายยาจีนแผนโบราณแห่งหนึ่ง นายน้อยมองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร คงพอจะสัมผัสความรู้สึกของเขาได้ การที่เขาอยู่ในตระกูลฝู่ (福) มาเป็นเวลาหลายปี เขาเรียนรู้ที่จะปกปิดความรู้สึกนึกคิดในจิตใจเพื่อความเป็นส่วนตัวของเขาเอง ยังดีที่นายน้อยไม่ได้เรียนรู้และฝึกฝนการสัมผัสจิตมาอย่างคุณหนูใหญ่ จึงสัมผัสได้เพียงผิวเผินเท่านั้น

    เขาเดินนำเข้าไปในร้าน สายตาก็คอยสอดส่องรถของลตาอยู่ เธอยังคงตามเขากับนายน้อยอยู่ หลังจากนี้คงต้องคุยกับเฮียกรสักที ลตาต้องเป็นคนของเจ้าสัวเซียงอย่างไม่ต้องสงสัย และเธอไม่ได้ตามหาแค่เขาแน่นอน

    “เหล่าฝู่อยู่ไหม” เขาถามเด็กหนุ่มที่กุลีกุจอกำลังจะปิดร้าน

    “อือ กงฝู่อยู่ข้างใน จะบอกว่าใครมาหา”

    “เผ่งอิ้ว” เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนเดินเข้าไปหลังร้าน

    “เจ็กหลิวแวะ มาทำอะไรที่นี่ ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะ”

    “อั๊วแวะมาดื่มชากับเพื่อนอั๊วแป๊บหนึ่ง นาน ๆ ผ่านมาสักที อยู่ไม่นานหรอก”

    “กงฝู่ให้พวกคุณเข้าไปข้างใน เชิญ” เด็กหนุ่มเดินออกมาจากประตู แล้วผายมือให้หลิวลู่และหยกเข้าไปหลังร้าน

    “อั๊วนึกว่าจะไม่เห็นลื้ออีกแล้วในชีวิตนี้” เหล่าฝู่เดินกระย่องกระแย่งเข้ามาจับไหล่เขา มือที่เหี่ยวย่นนั้นตบลงเบาๆ เป็นการทักทาย ก่อนมองเลยไปยังคนที่ตามหลังมา “นี่คงจะเป็น...”

    “อือ อั๊วมีเวลาไม่มาก อยากจะมาดื่มชา อาหยกลื้อก็มาดื่มด้วยกัน”

    “ได้ ๆ ๆ อั๊วเตรียมให้ ไล้ๆ ๆ” เหล่าฝู่จัดแจงหยิบใบยาในโหลกระเบื้องเคลือบใบหนึ่งใส่กาน้ำชาใบเล็ก ก่อนเทน้ำร้อนลงไป

    “อาหยก นี่เหล่าฝู่ อีเป็นเพื่อนกับอั๊ว” หลิวลู่แนะนำให้นายน้อยรู้จักพอเป็นพิธี

    “เอานี่ อาตี๋ ดื่มตอนร้อนๆ จะได้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า” เหล่าฝู่รินน้ำชาใส่จอกแก้วกระเบื้องเคลือบเนื้อดีส่งให้นายน้อย ท่าทางเอ็นดู เอ่ยน้ำตาคลอ

    “ขอบคุณครับกงฝู่”

    “ลื้อรินชาเอาเองนะ” เหล่าฝู่หันมาบอกเขา เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาดื่มชาจริง ๆ และชานี้ไม่ได้มีไว้สำหรับเขา

    “กงฝู่คิดถึงลูกหลานเหรอครับ” นายน้อยคงจับความรู้สึกเหลาฝู่ได้ หลิวลู่พยักหน้าให้เหล่าฝู่เล็กน้อย

    “อืม ไม่ใช่หรอก เพื่อนฝูงอั๊วน่ะก็ตาย ๆ กันไปหมดแล้ว พอมีคนมาหามาเยี่ยม อั๊วก็คิดถึงคนเก่า ๆ เป็นธรรมดา อาตี๋ไม่ต้องตกใจไป คนแก่ก็อย่างนี้แหละ”

    นั่งคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไปสักพัก นายน้อยของเขาก็หลับไป เหล่าฝู่เดินออกไปบอกให้เด็กปิดหน้าร้าน เพื่อนของเขาจะออกด้านหลัง หลิวลู่เองก็เดินไปทางประตูด้านหลัง เดินทะลุตรอกเล็ก ๆ ออกไป จนเจอรถสีดำคันใหญ่ที่จอดรอเขาอยู่แล้ว

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2018 22:30:32 โดย Amo »

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 27-09-17 {{:::12:::}}
«ตอบ #45 เมื่อ27-09-2017 11:43:53 »

ค้างมากกก สนุกมากค่ะ  :pig4:
หมั่นใส้นังลตา  :m31:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 27-09-17 {{:::12:::}}
«ตอบ #46 เมื่อ27-09-2017 11:54:19 »

 o13

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: หยก 27-09-17 {{:::12:::}}
«ตอบ #47 เมื่อ27-09-2017 18:39:50 »

แหม่..น้องหยกของเขา :hao7:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 29-09-17 {{:::13:::}}
«ตอบ #48 เมื่อ29-09-2017 08:38:07 »

13

   
   พยัคฆ์ขับรถวนมาจอดตามสถานที่ที่นายชาตินัดเขาไว้ ระหว่างทางเขาก็สอดส่ายสายตามมองดูรถของลตาไปด้วย เขานั่งรอในรถได้สักพักก็เห็นนายชาติเดินออกมาจากตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ่ง เขาจึงลงจากรถแล้วเดินตามนายชาติเข้าตรอกนั้นไปเขาเดินตามหลังนายชาติเข้ามาลึกพอสมควรแล้วมาหยุดอยู่หน้าประตูเล็ก ๆ ของตึกแถวหลังหนึ่ง นายชาติเคาะประตูก่อนเปิดนำเขาเข้าไป ภายในไม่มีช่องแสง อาศัยแค่ไฟนีออนดวงเล็กเท่านั้นทำให้บรรยากาศค่อนข้างมืด กว่าสายตาเขาจะชินกับแสงสลัวนี้ก็เมื่อเดินผ่านครัวเล็กๆ ไปจนจะถึงห้องกินข้าวแล้ว ห้องนี้มีโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กตั้งอยู่ มีชายชรานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เลยไปเป็นตั่งนอนไม้สีเดียวกัน บนตั่งร่างขาวเรืองแสงนอนหายใจสม่ำเสมออยู่

   “คุณไม่ควรพาหลานผมไปที่บ้านของคุณ” นายชาติบอกเขา “และคืนนี้ผมก็คงยังไม่ได้เข้าไปบ้านคุณ ผมจะโทรบอกคุณกรเอง”

   พยัคฆ์พยักหน้ารับ ยังไม่ละสายตาจากร่างที่นอนอยู่ตรงหน้า เสียงตึกตัก เหมือนคนลงบันไดมาทำให้เขาหันไปมอง เด็กหนุ่มคนหนึ่งลงบันไดมาหาพวกเขา

   “กงฝู่ ผมขึ้นไปดูมาแล้วนะ ปีนดาดฟ้าไปตึกข้าง ๆ 2 – 3 ช่วงตึกก็เห็น รถคันนั้นยังจอดอยู่”

   “รถคันนั้น” เขาทวนคำ

   “รถคุณลตา” นายชาติตอบเขา

   “ลื้อจะให้อาตี๋ไปกับอีอย่างนั้นหรอ แล้วอีเป็นใคร” แปะแก่ๆ คงจะเป็นกงฝู่ของเด็กหนุ่มถามนายชาติ

   “อืม” นายชาติเดินไปยังร่างที่หลับอยู่ ลวงมือลงไปยังคอเสื้อ ดึงเชือกหนังสีเข้มเส้นหนึ่งออกมาก่อนจะถอดมันส่งให้กับเขา

   “นี่ลื้อ!!” กงฝู่เหมือนมีท่าทีตกใจอะไรสักอย่าง “หรือว่าอี?” เขาเห็นเข้าใจว่าพยักหน้าเล็กน้อย

   “ระหว่างที่คุณอยู่กับหลานผม คุณต้องเก็บสร้อยนี่ไว้กับตัว ห้ามคืนหยกเด็ดขาด จนกว่าคุณจะเจอผมพรุ่งนี้”

   “ทำไม” พยัคฆ์ยื่นมือไปรับแต่ก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้

   “ผมไม่มีเวลาอธิบาย แล้วอีกอย่างอย่าให้หยกรู้ว่าสร้อยอยู่กับคุณ ให้แกเข้าใจว่าอยู่กับผม ถ้าเกิดหลานผมถามหามันขึ้นมา”

   “แล้วทำไมหยกถึงหลับไม่รู้เรื่อง ขนาดคนลงบันไดมาเสียงดังยังไม่ตื่นเลย คุณทำอะไรหยก”

   “เหล่าฝู่ให้ดื่มชานิดหน่อย ชาสมุนไพรน่ะ มันช่วยให้หยกผ่อนคลาย” นายชาติบุ้ยใบไปทางประตูอีกด้านที่เปิดค้างไว้ เขาจึงเห็นว่าหน้าบ้านของตึกหลังนี้คงเป็นร้านขายสมุนไพรจีน หรือยาจีนแผนโบราณอะไรสักอย่าง “ยิ่งเหนื่อยมาทั้งวัน เลยหลับง่ายเป็นพิเศษ” เขาพยักหน้าเข้าใจ

   “แล้วพรุ่งนี้จะให้ผมไปส่งหยกที่ไหน ผมไม่รู้จักบ้านหยก หรือแม้แต่บ้านนาย”

   “พาไปหาหงส์ ที่โรงพยาบาล ผมขอให้คุณช่วยย้ายหงส์ไปอยู่ห้องพิเศษ ที่เป็นส่วนตัวกว่านี้ แล้วคุณจะได้รู้ทุกอย่างที่คุณอยากรู้”

.........................................................................

   ผม...อยู่ที่ไหน?

   ...

   ..

   .

   อีกแล้วเหรอ?

   ...

   ..

   .

   ผมไม่แน่ใจว่าผมฝันอยู่รึเปล่า เพราะคราวนี้รอบ ๆ ไม่ได้มืดสนิทเหมือนทุกครั้ง ที่สำคัญผมได้ยินเสียงสิ่งแวดล้อมรอบด้านเสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงน้ำไหล ผมหันไปมองรอบ ๆ เพดานห้องสี่เหลี่ยมนี้ ก่อนยันตัวลุกขึ้น ผมนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว ตรงหน้ามีทีวีจอยักษ์แขวนอยู่บนผนัง ข้าง ๆ เป็นประตูกระจกขนาดใหญ่มองออกไปเห็นระเบียงด้านนอก ผมอยู่ที่ไหนกันแน่

   ผมได้ยินเสียงย่ำเท้าลงบนพรมนุ่มมาจากด้านหลัง เงาสะท้อนบนทีวีจอยักษ์นั่นเห็นเป็นแค่รึเปล่าตะคุ่ม ๆ เท่านั้น จึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใคร ผมถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย คนตรงหน้าชะงักเท้าทันที

   ...

   ..

   .

   ผมสัมผัสความรู้สึกอะไรกับคนตรงหน้าไม่ได้ ผมคงฝันอีกตามเคย ก้มมองตัวก็ยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ออกมาจากค่ายมวย ผมคงยังนอนอยู่ที่บ้านกงฝู่ แล้วเมื่อไรผมถึงจะตื่น หรือว่าผมกับเขาต้อง...

   “ปวดหัว หรือไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” นายแมวหง่าวถามผม เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงเขาในความฝันแบบนี้ ผมส่ายหน้า เขาจึงเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ผม ยกมือขึ้นมาแตะหน้าผาเหมือนจะวัดไข้

   “...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาจึงได้แต่เงียบ

   “น้องหยกครับ” เขาเรียกชื่อพร้อมจองหน้าผม หรือว่ามันจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ในฝันเขามักจะเรียกชื่อผมก่อน เหมือนจะขออนุญาตรึเปล่า? ก่อนจะทั้งหอมทั้งจูบ ผมคิดอะไรของผมอยู่กันแน่?

   “...”

   “เฮ้อ...ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้มาพักผ่อน พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เปลี่ยน อยู่ในห้องน้ำนะครับ” หืม..พูดอะไรยาว ๆ ได้ด้วย

   “คะ...ครับ” ผมเดินตามที่มือนายแมวหง่าวชี้ไปยังห้องน้ำ

.........................................................................

   พยัคฆ์เดินจากห้องน้ำออกมาก็เห็นน้องหยกของเขาตื่นแล้ว แต่ยังมีทีท่างุงงงอยู่ เป็นเขาก็คงไม่ต่างกัน ชาสมุนไพรของกงฝู่คงมีฤทธิ์เหมือนยานอนหลับ ตั้งแต่เขาอุ้มน้องหยกออกมาผ่านตรอกเล็ก ๆ นั่น จนมาถึงที่คอนโด ร่างโปร่งตรงหน้ายังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

   เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปหาช้า ๆ จนน้องหยกหันมามองแล้วสะดุ้งตกใจ เขาทำอะไรไม่ถูก คำพูดของหงส์ผุดขึ้นมา “เขาไม่เข้าใจ มันเลยทำให้เขากลัว เวลาคนเราไม่รู้จัก ไม่เข้าใจในสิ่งแปลกใหม่ที่อยู่ตรงหน้า ก็มักจะหวาดกลัวไปก่อนไม่ใช่เหรอคะ?”

   พยัคฆ์เฝ้ามองท่าทีของคนบนโซฟา จากที่ตอนแรกมีท่าทีตกใจ จนกระทั่งค่อยๆ ผ่อนคลายลง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วเล็กน้อยอีก ก่อนจะแก้มแดงลามไปทั้งจมูกทั้งหู จนเขากลัวว่าจะไปสบายขึ้นมาต้องเขาไปถาม ส่วนคนตรงหน้าได้แต่มองเขาตาแป๋ว จนอยากดึงตัวเข้ามากอดมาฟัดมาทำอะไรๆ อย่างที่เก็บเอาไปฝันแทบทุกคืน ก่อนความคิดเขาจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

   “เฮ้อ...ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้มาพักผ่อน พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เปลี่ยน อยู่ในห้องน้ำนะครับ”

   “คะ...ครับ”

   พยัคฆ์มองตามร่างโปร่งเดินไปยังห้องน้ำ ตามที่เขาชี้บอกไปทีแรก เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงเขาก็แทบทิ้งตัวลงให้จมหายไปกับโซฟา เขาต้องบังคับตัวเองมากแค่ไหนกันนะ นี่สินะที่โบตั๋นบอกว่าเขาอันตรายสำหรับพี่ชายของเธอ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกเขาจึงลุกขึ้นนั่ง

   “น้องหยกหะ...หิวไหม” เสียงของเขาเหมือนมันจะหายกลับเข้าไปในลำคอกับภาพตรงหน้า ชุดนอนผ้าแพรของเขา ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันคงตัวใหญ่ไปสำหรับคงตรงหน้า แต่เขาไม่คิดว่ากระดุมเม็ดแรก...มันจะลึก...มาจนเกือบเห็นอกขาว ๆ ของคนใส่

   “ไม่ครับ” เสียงเจ้าของร่างทำให้เขาต้องเสหน้าไปทางแพนทรีแทน

   “อย่างนั้นดื่มนมสักหน่อยนะครับ” เขาพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ก่อนเดินไปยังตู้เย็นเพื่อริมนมให้ คืนนี้เขาคงต้องนอนที่โซฟานอกห้องแน่ๆ

   “นายแมวหง่าว” หยกเดินตามมาหยุดตรงโต๊ะทานข้าวชุดเล็ก แมวหง่าว? เขาเหรอ?

   “น้องหยกเรียกพี่ว่ายังไงนะครับ” เขาถามพร้อมวางแก้วนมลงตรงหน้า

   “ก็...มันไม่ชิน...พยัคฆ์” น้องหยกพูดตะกุกตะกัก แสดงว่าน้องหยกเรียกเขาว่านายแมวหง่าวตลอดเลยสิ?

   “ครับ พี่ชื่อพยัคฆ์ แต่เรียกพี่ว่าพี่เสือก็ได้ครับ”

   “เสือ?”

   “ใช่ครับ พี่เสือ” หยกพยักหน้ารับก่อนยกนมขึ้นมาดื่ม พยัคฆ์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม อีกคนก็นั่งลงตาม เขาพยายามไม่มองส่วนอื่นนอกจากใบหน้า

   “นาย...ไม่คิดจะทำอะไรเหรอ?”

   “เรียกพี่เสือสิครับ” อยู่ๆ เขาก็อยากเรียกร้องให้คนตรงหน้าเรียกชื่อเขาขึ้นมา เขาเห็นน้องหยกลังเลอยู่สักพัก

   “เอ่อ...พี่เสือ..ไม่...”

   “ไม่อะไรครับ”

   “แล้วเมื่อไรจะตื่นล่ะเนี่ย” น้องหยกบ่นอะไรที่พยัคฆ์ไม่เข้าใจ แต่ดูท่าทางคนตรงหน้าคงจะหงุดหงิดไม่น้อย

   “น้องหยกครับ บอกพี่ได้ไหม ว่าหยกหงุดหงิดอะไรครับ”

   “ก็...ไม่ทำอย่างที่เคยเหรอ?” น้องหยกมองเขาตาแป๋ว

   “ทำอะไรครับ” พยัคฆ์เริ่มงุนงงกับคำพูดแปลกของคนแก้มแดงตรงหน้า หน้าขึ้นสีง่ายจริง ๆ

   “แล้วทุกทีชอบทำอะไรล่ะ?”

   “พี่น่ะเหรอ บางทีนั่งดูหนัง บางทีก็นั่งดื่มบรั่นดีไปเรื่อย”

   “อืม” น้องหยกตอบพร้อมกับยกแก้วนมขึ้นดื่มจนหมด แล้วก็นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่

   “เข้านอนเถอะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” พยัคฆ์เอ่ยอีกครั้งเพื่อทำลายความเงียบระหว่างพวกเขา “พี่พาไปที่ห้อง” เขาลุกขึ้นเดินนำไป หยกเองก็ลุกเดินตามเขาไปจนถึงหน้าประตูห้องนอน พยัคฆ์เปิดประตูให้แล้วเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้หยกได้เข้าไปก่อน ส่วนเขายืนอยู่หน้าห้องตามเดิม

   “ฝันดีนะครับ” เขาพูดก่อนเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูดึงปิด แต่ติดที่ร่างโปร่งตรงหน้ายืนขวางอยู่ “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขาเห็นสีหน้าลังเลของอีกฝ่าย “ไม่ต้องกังวลนะ พี่จะนอนตรงโซฟาด้านนอก น้องหยก” เขาพูดยังไม่จบประโยคคนตรงหน้าก็ก้าวเข้ามาเขย่งปลายเท้า ปากเล็กของน้องหยกแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนกลับไปยืนยังจุดเดิม

   ตึกๆ ตึกๆ

   “น้องหยกอ่อยพี่เหรอครับ”

   “เฮ้ย...ผมไม่ได้อ่อยนะ” หยกเสหน้าหนี แก้มแดงหูแดงไปหมด “ก็ทุกที ชอบทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” เขาน่ะเหรอ? พยัคฆ์ได้แต่งงกับคำกล่าวหานั้น จนต้องคว้าข้อมือเล็ก จูงเดินมานั่งลงบนโซฟา ต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว แต่จะคุยในห้องนอนคงไม่ดีแน่ก็มันอันตรายเกินไปต่อใจเขานะสิ

   “พี่ชอบทำแบบนี้ น้องหยกหมายความว่ายังไงครับ”

   “ก็ไม่ได้หมายความว่าไง ก็ชอบทำแบบนี้ทุกทีจริง ๆ” เขาคงต้องเปลี่ยนคำถาม ไม่อย่างนั้นน้องหยกคงได้แต่ย้ำคำเดิม ๆ

   “พี่ทำแบบนี้กับใคร” น้องหยกก้มหน้างุด หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม “กับน้องหยก?” คนตรงหน้าพยักหน้าน้อย ๆ

   เขาไปลวนลามน้องหยกตอนไหนกัน เจอกันที่ไหนไม่เป็นลม ก็หนีหน้ากัน จะมีก็แต่ตอนอยู่บนรถ แต่นั่นมันอุบัติเหตุชัดๆ ไม่ได้ลวนลามสักหน่อย แล้วเขาจุ๊บที่จมูกไม่ใช่ริมฝีปากนุ่ม ถึงจะอยากทำแค่ไหน ก็เก็บเอาไปทำได้แต่ในฝันเท่านั้นแหละ ฝัน อยู่ดีๆ ความคิดบ้าๆ ก็ผุดขึ้นในสมองของเขา

   “แล้วหยกโกรธพี่ไหม ที่พี่ทำแบบนั้น”

   “ทำไมเพิ่งมาถามล่ะ?”

   “ไม่รู้สิ”

   “...”

   “พี่ทำแบบนี้ใช่ไหม?” พยัคฆ์ถามพร้อมกับรั้งร่างบางเขามากอด เขามักจะอยากกอดคนตรงหน้าก่อนเสมอ เขาผละออกจากร่างโปร่งมองดูใบหน้าที่ขึ้นสี “แล้วก็แบบนี้” เขาเอามือลูบแก้มเนียนใสอย่างแผ่วเบา ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนจมูกเล็กน่ารักนั่น ที่เขาคิดเสมอว่ามันน่างับ “แล้วก็...” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากสีกุหลาบนั่น ร่างในอ้อมแขนเขาสั่นเล็กน้อย เขาจึงค่อย ๆ สัมผัสริมฝีปากนุ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไล้ลิ้นไปชิมริมฝีปากรสนม มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อนอนเพื่อสัมผัสแผ่นหลังเนียน ก่อนค่อยส่งลิ้นร้อนไปในโพรงปากเล็กกวาดชิมรสหวานภายใน น้องหยกดื่มนมจืดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้กลายเป็นนมหวานไปได้ ก่อนอะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้ ถึงแม้จะยังเสียดายก็ตาม เขาต้องหยุดตัวเองไว้ก่อน ไม่อยากให้คนตรงน่ากลัวเขาไปมากกว่าที่เป็นอยู่

   น้องหยกของเขาหายใจหอบราวกับไปวิ่งระยะไกลมา เขารั้งร่างโปร่งเข้ามากอดไว้แนบอก ลูบปลอบที่แผ่นหลังเบาๆ เขาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของน้องหยก มันเต้นเป็นจังหวะเดียวกับของเขา

   “น้องหยกยังไม่ตอบพี่เลยนะครับว่า ใช่ไหม?” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดหายใจเป็นปกติแล้ว

   “ยังจะถามอีก” น้องหยกตอบทั้งที่ไม่ยอมเงยหน้าสบตาเขา

   “ตั้งแต่เมื่อไรครับ”

   “วันที่เจอพี่เสือแถวหน้าร้านพี่กันต์...” ร้านใครนะ? “ก็วันที่นาย เอ๊ยพี่เสือลากผมขึ้นรถมาด้วยไง” เป็นไปได้ยังไงกัน มันจะเป็นวันเดียวกันกับที่ฝันถึงน้องหยกเป็นครั้งแรกอย่างนั้นเหรอ? “พี่เสือคงจำไม่ได้หรอก ก็ที่นี่มันมีแต่เรื่องแบบเมื่อกี้อย่างเดียวนี่” นี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง ที่เขาฝันว่าได้กอด จูบ และทำอะไร ๆ ที่มากกว่านี้มาหลายคืน ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะฝันแบบเดียวกับเขา วันเดียวกับเขา หรืออาจจะเวลาเดียวกันด้วยซ้ำ จิตใจเราสื่อถึงกันขนาดนี้เลยเหรอ? หรือที่น้องหยกดูเหมือนจะไม่กลัวเขาในตอนนี้ เพราะคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ หึ!! เด็กน้อย แล้วถ้าเขาอยากจะทำอะไรที่มากกว่านั้นล่ะ

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2018 21:38:41 โดย Amo »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 29-09-17 {{:::13:::}}
«ตอบ #49 เมื่อ29-09-2017 11:31:41 »

 :hao7:จะทำอะไรหนอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หยก 29-09-17 {{:::13:::}}
« ตอบ #49 เมื่อ: 29-09-2017 11:31:41 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: หยก 29-09-17 {{:::13:::}}
«ตอบ #50 เมื่อ30-09-2017 16:06:32 »

อย่าเชียวนะเสือ ขืนทำล่ะก็ไม่ได้น้องไปนอนกอดตลอดชีวิตแน่

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: หยก 29-09-17 {{:::13:::}}
«ตอบ #51 เมื่อ30-09-2017 21:15:27 »

สนุก!! เขียนได้ลื่นไหล พล็อตเรื่องแปลก ไม่จำเจ ภาษาที่ใช้ดี แต่มีคำผิดประปราย (ทะมัดทะแมง, รุนหลัง ฯ) อ่านแล้วให้อารมณ์เหมือนนวนิยายขายดีเลยทีเดียว รีบมาต่อเร็วๆ นะ รออ่ะ

แต่มีเรื่องติดใจ ขอถามถึงเรื่องเรียนกับอายุของหยกกะตั๋นอีกทีได้ไหมคะ คือมีตอนนึงบอกว่า หยกทำงานร้านพี่กันต์ตั้งกะปีสาม ทำมาสามปีแล้ว ถ้าปีหนึ่ง=อายุ18 ปัจจุบันก็=23 จบมาแล้ว 2 ปี ดังนั้น ตั๋นอายุ22 เรียนปีห้า ใช่ไหมคะ?? เราเข้าใจถูกใช่ไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 21:42:19 โดย pktherabbit »

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 29-09-17 {{:::13:::}}
«ตอบ #52 เมื่อ30-09-2017 22:56:11 »

สนุก!! เขียนได้ลื่นไหล พล็อตเรื่องแปลก ไม่จำเจ ภาษาที่ใช้ดี แต่มีคำผิดประปราย (ทะมัดทะแมง, รุนหลัง ฯ) อ่านแล้วให้อารมณ์เหมือนนวนิยายขายดีเลยทีเดียว รีบมาต่อเร็วๆ นะ รออ่ะ

แต่มีเรื่องติดใจ ขอถามถึงเรื่องเรียนกับอายุของหยกกะตั๋นอีกทีได้ไหมคะ คือมีตอนนึงบอกว่า หยกทำงานร้านพี่กันต์ตั้งกะปีสาม ทำมาสามปีแล้ว ถ้าปีหนึ่ง=อายุ18 ปัจจุบันก็=23 จบมาแล้ว 2 ปี ดังนั้น ตั๋นอายุ22 เรียนปีห้า ใช่ไหมคะ?? เราเข้าใจถูกใช่ไหม

ก่อนอื่น เราต้องขอบคุณมาก ๆ สำหรับคำชม, คำวิจารณ์นะคะ :pig4: :pig4:

บอกตามตรงเลยว่า เราแอบตกใจกับคำวิจารณ์เล็กน้อย ตรงที่เปรียบเทียบเรื่องของเรา กับนวนิยายขายดี :o8: :o8:

ดีใจมาก ๆ ค่ะ (แต่ก็แอบเกร็งนะ เวลาจะเขียนตอนต่อไปอ่ะ)

เรื่องคำผิด ขอน้อมรับ และจะตรวจทานให้ละเอียดอีกครั้งก่อนอัพนะคะ

ส่วนเรื่องอายุตัวละคร คุณ pktherabbit เข้าใจไม่ผิดค่ะ

หยกอายุ 23 ทำงานระหว่างเรียน 2 ปี (ปี 3-4) จบมาปีเดียว (รวมทำงานร้านพี่กันต์ 3 ปีค่ะ)

ตั๋นอายุ 22 เรียน 4 ปี

 :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 23:06:17 โดย Amo »

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 30-09-17 {{:::14:::}}
«ตอบ #53 เมื่อ30-09-2017 23:24:14 »

14

   
   หลิวลู่ยังคงนั่งอยู่ในบ้านของเหล่าฝู่ หลังจากเดินไปส่งพยัคฆ์และนายน้อยขึ้นรถ ตอนที่เขาเข้ามาในบ้านเด็กของเหล่าฝู่รายงานว่าลตายังคงจอดรถเฝ้าเขาอยู่ที่ซอยถัดไป

   “อาหลิว ทำไมลื้อถอดเมฆาขาวของนายน้อยออก ของสำคัญขนาดนั้น”

   “ถ้าไม่ถอดออก คุณเสือจะเข้าใกล้นายน้อยไม่ได้เลย”

   “ทำไม”

   “คุณเสืออี...มีความรู้สึกที่ออกจะรุนแรง ทุกครั้งที่เข้าใกล้คุณหนูทุกคน...พวกอีจะสัมผัสความรู้สึกคุณเสือได้”

   “อ่อ อั๊วเข้าใจแล้ว นาน ๆ จะเจอคนอย่างนี้สักที”

   “เหล่าฝู่ อั๊วก็มาอยู่บ้านสกุลฝู่ได้ไม่กี่ปี...ก่อนที่จะเกิดเรื่อง อั๊วกับคุณหนูใหญ่ก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหยกเมฆาขาวทั้งสามชิ้นมากนัก เหล่าฝู่เป็นคนเก่าคนแก่ พอจะบอกเล่าให้อั๊วฟังหน่อยได้ไหม?”

   “ได้สิ ไหน ๆ ก็มีเวลา ให้อั๊วเล่าทั้งคืนยังได้”

   “ไม่ถึงกับต้องเล่านิทานนะเหล่าฝู่ อั๊วไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว”

   “ฮ่าๆ ๆ เอาๆ ๆ หยกเมฆาขาวมันก็เป็นเพียงแค่หยกสีขาวธรรมดานี่แหละ ถ้ามันไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ได้มีสายเลือดของสกุลฝู่ แล้วอีกอย่างหยกมันเลือกคนที่ครอบครอง ตอนที่คุณหนูหงส์เกิด นายหญิงได้หยดเลือกคุณหนูลงบนเนื้อหยกเมฆาขาว เลือดมันซึมหายไปราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น มันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง อั๊วเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็ตอนนั้น”

   “ครั้งแรก? แล้วคราวของอาหลินละ?” หลิวลู่ถามเหลาฝู่อย่างสงสัย

   “ลื้อคงสงสัย อั๊วเลี้ยงนายหญิงมาทำไมถึงไม่เคยเห็นพิธีน่าอัศจรรย์นี้มาก่อนละสิ ฮ่าๆ อั๊วว่าลื้อเดาไม่ผิดหรอก หยกเมฆาขาวไม่เลือกนายหญิง เลือดที่หยดลงไป มันก็แค่ทิ้งรอยคราบไว้ ไม่ซึมเข้าไปในเนื้อหยกเหมือนของคุณหนูทั้งสาม”

   “แล้วอาหลินสอนการสัมผัสจิตกับคุณหนูใหญ่ได้ยังไง ถ้าอีทำไม่ได้”

   “อีกก็อาศัยหลักการที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษน่ะแหละ”

   “เฮ้อ...นี่สินะที่ทำให้อาหลินกับเฮียของอั๊วต้องจบชีวิตลง”

   “ถ้าไม่มีคนแพร่งพรายเรื่องสัมผัสพิเศษของนายหญิง ก็ไม่มีคนสงสัยหรอก”

   “อืม เล่าต่อเถอะเหล่าฝู่”

   “คนที่ได้ครอบครองหยกเมฆาขาว ก็อย่างที่ลื้อพอรู้มาอย่างนั้นแหละ ว่ามันจะช่วยให้คนๆ สามารถสัมผัสจิตของคนรอบข้างได้ หรือแท้จะสื่อสารให้อีกฝ่ายรู้ก็ยังได้ มันเหนือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สกุลฝู่รอดพ้นจากกลโกงต่าง ๆ มาหลายชั่วอายุคนแล้ว”

   “แล้วมีไหม ที่จะมีคนที่ไม่ใช่คนในสกุลฝู่ สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้”

   “ก็อาจจะมี แต่ในชั่วอายุอั๊ว อั๊วยังไม่เคยเจอ นอกจากสกุลฝู่กับเหมิ๋น”

   “เหมิ๋น?”

   “อืม เมฆาขาวไม่ได้มีเพียง 3 ชิ้นอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจหรอกนะ มันมีทั้งหมด 6 ชิ้น เข้าคู่กัน 3 ชิ้นอยู่กับฝู่ อีก 3 ชิ้นอยู่กับเหมิ๋น”

   “แล้วที่เฮียสั่งเสียอั๊วไว้ ที่ให้ไปหาสกุลเหมิ๋นนี่มันหมายความว่ายังไงกัน”

   “อั๊วก็ไม่รู้ความตั้งใจของอีหรอก ฝู่กับเหมิ๋นไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว เรื่องของเมฆาขาวรู้กับเฉพาะทายาท แล้วก็พ่อบ้านอย่างอั๊วเท่านั้น และเมื่อเฮียของลื้อแต่งเข้าสกุลฝู่ อีจะรู้เรื่องเมฆาขาวก็เป็นเรื่องธรรมดา”

   “ตอนที่เฮียอั๊วให้เมฆาขาวอีก 2 ชิ้นที่เหลือมา อั๊วรู้แค่ว่าเป็นของนายน้อยกับคุณหนูเล็ก เรื่องราวของมันอั๊วมารู้อีกที ก็จากคุณหนูใหญ่”

   “อืม ตอนนั้น อีเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แค่ 5-6 ขวบ แต่ต้องมารับรู้ความระส่ำระสายของครอบครัว ถึงทุกคนไม่อยากให้อีรู้ แต่ก็ปิดบังอีไม่ได้”

   “คุณหนูใหญ่เพิ่งมาบอกอั๊วก็หลังจากหลบมาอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว”

   “อืม คนนอกน่ะไม่มีใครรู้เรื่องความวิเศษของเมฆาขาวหรอก”

   “แล้วทำไมถึงมีคนอยากแย่งชิงมันจากอาซ้อกับเฮียอั๊วล่ะ”

   “ข่าวลือไง ข่าวลือมักจะเกินจริงเสมอ ยิ่งประกอบอิทธิพลของสกุลฝู่ที่รุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคน มันยิ่งทำให้ข่าวลือน่าเชื่อถือ”

   “ข่าวลืออะไร”

   “มันมีข่าวลือออกมาว่า ใครได้ครอบครองเมฆาขาว จะสามารถดลใจให้ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู ยอมสยบให้ผู้ที่เป็นเจ้าของมัน”

   “แล้วคนสกุลเหมิ๋นอยู่ที่ไหนกัน”

   “เท่าที่อั๊วพอรู้มา เห็นว่าย้ายไปอยู่ที่เกาลูน (九龍) ”

   “แล้วที่คุณหนูใหญ่ให้อั๊วตามหา คนที่จะครอบครองเมฆาขาวทั้ง 3 ชิ้นนี้ล่ะ? ใช่คนสกุลเหมิ๋นไหม”

   “เท่าที่อั๊วพอรู้มา เหมิ๋นกับฝู่มีเลือดที่หยกเมฆาขาวยอมรับ ดังนั้นพวกเหมิ๋นคงมีความสามารถไม่ต่างกัน แต่คนที่จะครอบครองเมฆาขาวทั้ง 3 ชิ้น ต้องดูจากวัน เดือน ปีที่เกิด คนคนนั้นจะมาล้างเลือดในเมฆาขาว”

   “หมายความว่ายังไง อั๊วไม่เข้าใจ”

   “อั๋วเองก็ไม่รู้ ว่ามันหมายถึงอะไร ได้ยินคนเก่าคนแก่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า เมฆาขาวซึมซับเลือดของคนในสกุลฝู่มาหลายชั่วอายุคน ไม่เคยได้รับการชำระล้างเลยสักครั้ง”

   “หมายความว่า คนนี้จะมาชำระล้างเมฆาขาวอย่างนั้นเหรอ แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เหล่าฝู่ส่ายหน้า อย่างจนคำตอบ

   “กงฝู่ รถคันนั้นไปแล้ว” เด็กในร้านวิ่งลงมาบอก

   “อือ ต่อไปนี้ลื้อคงรับลูกค้าไม่หวาดไม่ไหวแล้วล่ะ อย่าลืมที่อั๊วกำชับนะ ถ้ามีคนมาถามถึงพวกอี” เหล่าฝู่หยอกเย้าเด็กหนุ่ม แต่ไม่วายกำชับเรื่องที่หลิวลู่เข้ามา

   “อือ ผมจะจำไว้”

   “งั้นอั๊วไปก่อนนะเหล่าฝู่”

   “อั๊วว่า ลื้อออกทางหลังร้านเหมือนนายน้อยกับอาเสือเถอะ ว่าแต่ลื้อแน่ใจนะว่าอาเสืออี”

   “ใช่อั๊วตรวจสอบแล้ว แต่อั๊วไม่รู้ว่าอีจะชำระล้างอะไรนั่นได้ไหม ยังไง และอั๊วก็ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่รู้รึเปล่า”

   “อืม ระวังตัวด้วย”

   “ลื้อก็เช่นกัน”

.........................................................................

   ลตามองดูเด็กในร้านปิดประตูม้วนหน้าร้านลง เธอจึงเฝ้าสังเกตอยู่ราวชั่วโมง เห็นไฟในตึกเริ่มทยอยปิดลงทีละห้อง รออีกสักพักจนแน่ใจ ว่าเด็กที่เธอเฝ้ามองนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะกลับออกมาแน่ ๆ เธอจึงสตาร์ทรถและขับมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เจ้าสัวเซียง

   หลังจากที่เธอตามวรากรไปพบท่านครรลองที่ค่ายมวยคราวในวันนั้น เธอก็ได้พบกับหลิวลู่ วรากรเองก็มีทีท่าจะจำได้ แต่เพราะอยู่ต่อหน้าลูกค้ารายใหม่ เธอจึงเห็นเขายังสงวนท่าทีอยู่ โชคดีที่เธอเป็นคนนอกจึงเลี่ยงออกจากวงสนทนาน่าเบื่อนั่น โดยอ้างว่าอยากเดินดูรอบ ๆ ได้โดยไม่มีใครสงสัย และวันนั้นเธอก็จองคอร์สเรียนมวยที่นี่ เพื่อคอยจับตาดูหลิวลู่

   หลิวลู่ดูเหมือนจะไหวตัวทัน เพราะนอกจากวันนั้นแล้วเธอก็ไม่เคยเจอหลิวลู่ที่ค่ายมวยอีกเลย แม้แต่พยัคฆ์ก็ยังต้องมาเฝ้าดูด้วยตัวเอง แสดงว่าวรากรก็ให้คนตามหลิวลู่อยู่เช่นกัน และคงจะไม่ได้อะไรเช่นเดียวกับเธอ

   รถของเธอมาจอดอยู่หน้ารั้วคฤหาสน์หลังงามย่านชานเมือง บีบแตรสักพักประตูก็เปิดออก เธอขับรถเข้าไปจอดเทียบที่ด้านในตัวบ้าน เด็กรับใช้ยื่นรออยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าอยู่แล้ว

   “เจ้าสัวให้เชิญคุณไปที่ห้องทำงานค่ะ” เด็กรับใช้บอกอย่างสุภาพ

   “อืม มีใครอยู่บ้างล่ะ?”

   “คุณนายกลับไปนอนบ้านโน้นค่ะ ส่วนคุณเกรียงยังไม่กลับค่ะ”

   เธอรู้มาว่าระหว่างเจ้าสัวเซียงมีเรื่องระหองระแหงกับเมียมานานแล้ว แต่ด้วยหน้าตาทางสังคมของทั้งสองคน ทำให้ต้องทนอยู่ด้วยกันต่อไป ลูกชายคนเดียวก็สำมะเลเทเมา เอาแต่ผลาญเงินไปวัน ๆ ยังดีที่เจ้าสัวจ่ายเงินให้เธอครบและตรงเวลาเสมอ ทั้งที่เธอพอจะระแคะระคายคายมาบ้างว่าเจ้าสัวเป็นหนี้บ่อนอยู่ก้อนใหญ่ไม่ใช่น้อย

   “ลื้อมาทำอะไรที่นี่ อั๊วลื้อบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา” เจ้าสัวเซียงตวาดใส่เธอทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้องทำงาน

   “หึ!! แล้วไอ้หยกสีขาวลวดลายก้อนเมฆนี่มันสำคัญพอไหมล่ะ” เธอตอบเสียงแข็งไม่พอใจ

   “ลื้อหมายความว่ายังไง ลื้อเจอหยกนั่นแล้วเหรอ?”

   “มันอยู่บนคอเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ค่ายมวยนั่น”

   “แล้วรู้ไหมว่าอีอยู่ไหน?”

   “มันก็อยู่แถว ๆ ค่ายมวยนั่นแหละ”

   “แล้วไอ้วรากรล่ะ”

   “เจ้าสัวให้มันตามคน ไม่ได้ให้ตามของด้วยอย่างฉันนี่ แล้วนี่เจ้าสัวจะเอายังไง”

   “ตามของ ไม่ต้องสนคน”

.........................................................................

   “วันที่เจอพี่เสือแถวหน้าร้านพี่กันต์...” นายแมวหง่าวท่าทางจะนึกไม่ออก “ก็วันที่นาย เอ๊ยพี่เสือลากผมขึ้นรถมาด้วยไง” ผมเกือบหลุดเรียกแมวหง่าวอีกแล้ว “พี่เสือคงจำไม่ได้หรอก ก็ที่นี่มันมีแต่เรื่องแบบเมื่อกี้อย่างเดียวนี่”

   ผมพูดยังไม่ทันขาดคำไอ้แมวหง่าวก็อุ้มผมตัวลอย พาเดินเข้ามายังห้องนอน ผมตกใจพยายามดิ้น แต่คนที่อุ้มกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ดิ้นไปดิ้นมาจนรู้สึกว่าแผ่นหลังผมสัมผัสกับเตียงนุ่ม ตกใจจะขยับตัวหนี ร่างนั้นผละออกไปปิดไฟ ก่อนขึ้นมาบนเตียงอีกฝั่งแล้วนอนลงข้างๆ ผม

   “ไม่ได้มีแต่เรื่องแบบนั้นอย่างเดียวสักหน่อย” ไม่พูดเปล่า มือไอ้แมวนั้นรั้งผมเข้าไปกอด ผมใช้มือยันอกเขาไว้

   “อื้ม...ไม่เอาผมอึดอัด”

   “หยก เรียกแทนตัวเองว่าหยกไม่ได้เหรอครับ?” บังคับให้เรียกว่าพี่เสือแล้ว นี่ก็จะบังคับอีกหรือไง

   “ก็...เรายังไม่สนิทกัน”

   “ถ้าอย่างนั้นก็มาทำให้สนิทกันก่อนก็ได้” นายแมวหง่าวยันข้อศอกขึ้น แล้วก้มหน้าลงมางับจมูกผมอย่างไม่ทันตั้งตัวเลย

   “ทะ...ทำอะไรน่ะ?” ผมตกใจจนขยับตัวหนี แต่ติดลำแขนใหญ่ที่รั้งเอวผมอยู่

   “ทำให้หยกกับพี่สนิทกันไง”

   “ไม่เอา” ไอ้แมวหง่าวจะทำอะไร จินตนาการผมเริ่มเตลิดแล้วครับ

   “ทำไมล่ะครับ น้องหยกกลัวพี่เหรอ?” ผมจะตอบยังไงดีล่ะ ถ้าเป็นที่นี่ผมไม่กลัวนะ แต่ถ้าตอนตื่น...ผมกลัวเขาครับ

   “...”

   “ไม่เห็นต้องคิดเยอะเลย อยากตอบอะไรก็ตอบ ที่นี่มีแค่เราสองคนไม่ใช่เหรอครับ”

   “ก็...” มันไม่รู้จะเริ่มยังไงนี่ครับ

   “คิดคำตอบเพื่อเอารางวัลเหรอครับ คิดนานจัง”

   “บางครั้งก็กลัว บางครั้งก็ไม่กลัว”

   “งั้นเอาตอนที่ไม่กลัวก่อน ตอนไหน?”

   “ตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะกลัวนะ”

   “สรุปว่าตอนนี้กลัวหรือไม่กลัวกันแน่ครับ” ไอ้แมวมันยิ้มครับ จะยิ้มทำไม?

   “...”

   “ถ้าพี่สัญญาว่าจะไม่ลวนลามเรา จะยังกลัวอีกไหม” ถ้าทำได้จริงอย่างที่พูดจะกลัวทำไม ผมเลยส่ายหน้า “แล้วตอนที่กลัวละครับ ตอนไหน?”

   “ทุกตอนเลย”

   “พี่ไม่รู้ว่าทุกตอนของหยกคือตอนไหนนี่ บอกได้ไหมครับ”

   “บอกไปแล้วจะรู้เหรอ?”

   “ไม่บอกแล้วพี่จะรู้เหรอ?” ไอ้แมวมันย้อนผม

   “ที่โรงแรม ที่หน้าร้านพี่กันต์ ตอนอยู่บนรถ ที่โรงพยาบาลก็ด้วย”

   “ทำไมถึงกลัวพี่ล่ะครับ หรือพี่ไปทำอะไรเรา?”

   “เปล่า ไม่ได้ทำอะไร?”

   “อ่าว!! แล้วทำไมถึงกลัวล่ะ?” ถ้าผมเล่าเรื่องเซ้นส์ในฝัน มันก็จะอยู่แต่ในนี้ใช่ไหมครับ เป็นไงเป็นกัน ขี้เกียจมานั่งเล่น 20 คำถามแล้ว

   “ผม...มีสัมผัสพิเศษ มันจะรับรู้ความรู้สึกของคนที่คิดถึงเราอยู่ได้น่ะ แล้วความรู้สึกของพี่เสือ...เหมือนอยากจะกินผม”

   “กินหยก?”

   “บางครั้งก็อยากจะขังไว้อะไรทำนองนี้ มันรุนแรงจนผมตั้งตัวไม่ติด มันน่ากลัวนี่” พอได้พูดถึงความรู้สึกเหล่านั้น ผมก็ขนลุกขึ้นมา

   “พี่รักษาให้ไหมครับ?” อยู่ๆ ไอ้แมวมันก็ถามขึ้นมา

   “ได้จริงเหรอครับ ยังไง?”

   “แต่เราไม่สนิทกันนี่” ก็จริงครับ ผมยังไม่เคยคุยกับนายแมวหง่าวเลย อ่อ ตอนนี้ไม่นับนะครับ พอตื่นขึ้นมาที่คุย ๆ อยู่นี่มันก็หายไปแล้ว แต่ผมก็อยากรู้นะ เผื่อมันจะใช้ได้ผลจริง ๆ

   “แล้วต้องทำยังไงถึงจะสนิทกัน”

   “พี่อ่ะ สนิทกับน้องหยกแล้วครับ มีแต่น้องหยกน่ะสิไม่ยอมสนิทกับพี่” หมายความว่ายังไง?

   “ก็ได้ หยกสนิทด้วยก็ได้” ผมโดนแมวหง่าวย้อนอีกแล้วครับ

   “ก่อนอื่นพี่ต้องอธิบายให้น้องหยกเข้าใจก่อน ว่าความรู้โดนกินน่ะมันไม่ได้น่ากลัวอะไร”

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2018 11:15:09 โดย Amo »

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: หยก 02-10-17 {{:::15:::}}
«ตอบ #54 เมื่อ02-10-2017 22:02:52 »

ลุ้นต่อๆๆ เฉลยปมทีละนิด  :ling3: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 02-10-17 {{:::15:::}}
«ตอบ #55 เมื่อ02-10-2017 22:07:27 »

15

   พยัคฆ์แปลกใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่เขานอนโอบอยู่นี่มีสัมผัสพิเศษ แล้วการอธิบายความรู้สึกออกมาได้อย่างไร้เดียงสานั่นอีก ความรู้สึกที่ต้องการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคนตรงหน้า หยกกลับตีความไปว่าจะโดนกินบ้างล่ะ โดนขังบ้างล่ะ

   “จะโดนกินนะ ไม่น่ากลัว พี่เสือรู้ได้ยังไง เคยโดนกินหรือไง”

   “แล้วตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ”

   “อยู่ที่นี่ไม่รู้สึกอะไรเลย” หมายความว่ายังไง หรือที่น้องหยกแยกไม่ออกว่านี่เป็นความจริงหรือความฝัน เพราะเขาใช้สัมผัสพิเศษเป็นตัววัด

   “พี่คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้เหรอ?” น้องหยกส่ายหน้ายืนยัน อะไรที่ทำให้ความสามารถพิเศษนั้นหายไป

   “น้องหยกรู้ตัวว่ามีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนครับ”

   “ตั้งแต่จำความได้แล้วล่ะครับ” หรือเป็นเพราะชาสมุนไพรนั่น ที่กงฝู่ให้หยกดื่ม แต่เขาคิดว่าทำให้หยกชินกับเขาน่าจะดีกว่าพึ่งชาพวกนั้น

   “หยกกลัวว่าพี่จะกินหยก...แบบไหนครับ” น้องหยกส่ายหน้า “ถ้าเป็นคนด้วยกัน..” พยัคฆ์เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คนตรงหน้า “กิน...แบบนี้” พูดจบเขาก็ประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากนุ่ม

   “อื้มม...” หยกเหมือนจะตกใจ เกร็งตัวเล็กน้อย ก่อนถอนจูบขึ้นมา “เดี๋ยวพี่ทำให้หยกชินเองนะครับ” เขาพูดพร้อมไล้ริมฝีปากไปขบเบา ๆ ที่ติ่งหู กระซิบแผ่วเบา “หยกจะได้ไม่กลัวพี่อีก”

   เขารู้สึกถึงอาการขนลุกของคนข้าง ๆ เขายันกายขึ้นไปคร่อมร่างโปร่งแล้วประกบจูบลงอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เนิ่นนานกว่าครั้งที่ผ่านมา เขาค่อยเริ่มอย่างเชื่องช้า ให้คนใต้ร่างค่อย ๆ ปรับตัว

   “อื้มม...”

   เสียงครางประท้วงเล็กน้อย ทำให้เขาขบเม้มริมฝีปากเล็กนั้น ไล้ลิ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนรุกล้ำเข้าไปภายใน ลิ้นเล็ก ๆ นั่นขยับหนีลิ้นของเขา จนเขาต้องดูดลิ้นน้อย ๆ นั่นไว้มือข้างหนึ่งสอดไปยังท้ายทอยเผื่อขยับศีรษะเล็กให้รับจูบเขาได้อย่างเต็มที่ มือน้อย ๆ ของคนใต้ร่างพยายามยันหน้าอกเขาออก แต่ก็แค่ยัน เขาจึงไม่สนใจ มือที่ว่างอีกค่อยปลดกระดุมเสื้อนอนผ้าแพรไปทีละเม็ดอย่างใจเย็นเขาละจากริมฝีปากนุ่มลงมายังแก้มนวลสีระเรื่อ

   “พี่กำลังจะกินน้องหยกแล้วนะครับ” เขากระซิบเสียงแผ่วก่อนไล้ริมฝีปากไปยังซอกคอ ไหปลาร้า แล้วมาหยุดอยู่ตรงยอดอก

   “อ่ะ! ...อ้า...”

   เสียงหวานหลุดออกมาจากริมฝีปากเล็ก เมื่อเม็ดทับทิมเล็กน่ารักถูกเขาดูดกลืนเขาไปในปาก อีกข้างก็ไม่น้อยหน้ากัน เขาส่งนิ้วไปไล้วนเบาๆ จนร่างโปร่งแอ่นกายขึ้นมารับสัมผัสนั้น

   “อ่า...อาห์....”

   เสียงใสครางแผ่วเบาเป็นระยะตามแรงสัมผัสที่เขามอบให้พยัคฆ์ยันกายขึ้น เพื่อให้คนตรงหน้าได้พักหายใจ เขาทรงตัวด้วยลำแขนของตัวเองมองคนใต้ร่างนิ่ง น้องหยกหน้าแดงใบหน้าชื้นเหงื่อ ดวงตาหวานเยิ้มที่มองมาที่เขา ตัวแดงไปหมด ยอดอกทั้งสองข้างบนร่างขาว ๆ ที่เปียกชื้นเพราะฝีมือเขานั่นอีก เขามองภาพตรงหน้าที่แสนจะเย้ายวนเกินกว่าจะหักห้ามใจได้ เขาค่อยๆ โน้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากเล็กนั้นอีกครั้ง

   “อ๊ะ...อื้มม....”

   มือหนึ่งก็ลวงลงไปใต้กางเกงนอน น้องหยกสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเขาลูบไล้แก่นกายอย่างเบามือ เมื่อส่วนนั้นพร้อม เขาก็ย้ายริมฝีปากไปครอบครองหยกน้อยแทน เขากำลังกินน้องหยกจริง ๆ

   “มะ...มะ...ไม่...ตรงนั้น....อื้มม....อาห์...”

   น้องหยกครางออกมาไม่เป็นภาษา ร่างกระตุกเกร็งตามแรงสัมผัสของเขา มือน้อยจิกผ้าปูที่นอนแน่น จนแทบยับคามือ พยัคฆ์จับขาทั้งสองข้างของคนตรงหน้าให้อ้าออก เพื่อที่เขาจะได้ดูดกินได้อย่างถนัดถนี่ ไม่นานนักร่างโปร่งก็กระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมา เขาดูดกลืนมันจนหมด และทำความสะอาดน้ำหวานที่เล็ดลอดออกมาด้วยลิ้นของเขาจนสะอาดน้องหยกนอนหอบหายใจแรง เขายันกายขึ้นไปกอดปลอบ

   “พี่กินเราแบบนี้ กลัวพี่ไหมครับ”

   เขาถามพร้อมกับก้มลงจูบบริเวณหน้าผากมน น้องหยกมองเขาตาปรือ เขากอดน้องหยกอยู่นาน จนกระทั่งน้องหยกหลับลงไปในที่สุดพยัคฆ์ลุกไปห้องน้ำและกลับพร้อมกลับผ้าขนหนูชุบน้ำในมือ เขาบรรจงเช็ดใบหน้า ลำคอ ลำตัวที่ชื้นเหงื่อ เมื่อทำความสะอาดและจัดการเสื้อผ้าให้กับร่างที่หลับใหลเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าห้องน้ำไปจัดการกับตัวเองบ้าง เพราะเจ้าเสือน้อยของเขาเองก็งอแงอยากให้เขาปลดปล่อยมันเช่นกัน

.........................................................................

   ผมลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกได้ถึงอะไรหนัก ๆ ที่ทับอยู่บนร่างของผม พอมองไปก็เห็นไอ้แมวหง่าวมันนอนกอดผมอยู่ นี่ผมยังหลับอยู่เหรอ? ไม่น่าจะใช่ ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง มันต่างกับครั้งก่อนๆ มาก แล้วเมื่อคืนนี้ ก่อนที่ผมจะหลับไป...ไอ้แมวนั่น...

   “อืม...ตื่นแล้วเหรอครับ”

   ไอ้แมวหง่าวถามทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่ ผมพยายามยันตัวลุกขึ้น ก็โดนแขนใหญ่นั่นรั้งผมเข้าไปกอด แล้วเขาก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม

   “อรุณสวัสดิ์ครับ” ไอ้แมวพูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ลืมตาสักนิด

   “ปะ...ปล่อย” อยู่ ๆ ผมก็เสียงสั่น คนที่นอนข้าง ๆ ลืมตาขึ้นมาทันทีเลยครับ

   “น้องหยก...กลัวพี่รึเปล่าครับ?” เสียงที่ถามอ่อนโยนมากครับ

   “เปล่าครับ”

   “แล้วทำไมเสียงถึงสั่นล่ะ ไม่โกหกพี่นะครับ กลัวก็บอกว่ากลัว”

   “หยก...แค่...สับสน”

   “เรื่องอะไรครับ”

   “หยก...” ผมพูดไม่ออก ผมสับสนไปหมด ผมสัมผัสอะไรจากคนตรงหน้าไม่ได้ ยังไงๆ ผมว่านี่ไม่น่าจะใช่ความฝัน เพราะเมื่อคืนนี้...มันเหมือนจริงมาก แต่ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับผม

   “โอ๋...ไม่เป็นไรนะครับ” ไอ้แมวนั่นกอดผมไว้แน่น มือหนึ่งก็ลูบหลังปลอบผม “น้องหยกสัมผัสอะไรได้บ้างรึยังครับ”

   “ไม่มีเลย” ผมตอบเสียงเครือ ผมร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไร หรือว่าอยู่ ๆ เซ้นส์ที่ผมมีมาตั้งแต่เกิดมันจะหายไปเสียดื้อ ๆ

   “หยกไม่ต้องสับสนนะครับ ฤทธิ์ของชาที่กงฝู่ให้ดื่มอาจจะยังไม่หมด เมื่อคืนนี้หยกไม่ได้ฝันไปหรอกนะครับ” ผมดันตัวเองออกจากไอ้แมวหง่าว มันรู้?

   “นายรู้เรื่องตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ?” จากที่กลัวๆ อยู่กลับเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมาแทน ผมโดนหลอกอย่างนั้นเหรอ ที่สำคัญผมโดนมันทำ... ฮึ้ย!!!

   “ไม่เอาครับไม่โกรธนะ ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้พี่จะรู้เหรอว่าเราเป็นอะไร ทำไมถึงเอาแต่หนีพี่ กลัวพี่”

   “นะ...” ผมโดนนายแมวหง่าวจูบอีกแล้วครับ เหมือนเขาสามารถดูดเอาความโกรธออกจากตัวผมไป เหลือไว้แค่สัมผัสนุ่มนวล จนผมใจสั่นไปหมด มันอธิบายไม่ถูก แต่มันรู้สึกดียังไงไม่รู้

   “หายโกรธนะครับ” ผมพยักหน้าไม่กล้าสบตาหรอกครับ อายครับ ก็ทั้งเมื่อคืน ทั้งเมื่อกี้อีก ผมปล่อยให้เขาทำอะไร ๆ ตามใจชอบได้ยังไง ทั้งเขาและผมก็เป็นผู้ชายทั้งคู่นะ “สัญญาได้ไหมครับ ถ้าสัมผัสพิเศษของหยกกลับมาแล้ว หยกจะไม่กลัว ไม่หนีพี่อีก”

   “หยก...ไม่รู้” ผมไม่แน่ใจครับ มันยังไม่ได้เกิดขึ้น เลยไม่อยากจะสัญญาอะไร

   “ถ้าหยกรู้สึกว่ากำลังจะถูกพี่กิน ก็ให้นึกถึงวิธีกินของพี่เมื่อคืนนี้นะครับ”

   “บ้า!!” พูดมาได้ ผมอายจะแย่แล้ว

   “ถ้ายังไม่ชิน พี่กินน้องหยกอีกรอบก็ได้นะครับ”

   “ไม่เอานะ” ผมรีบเอามือยันอกของไอ้แมวนั่นไว้ แมวหง่าวสมชื่ออย่างที่โบตั๋นตั้งให้เชียว หื่นซะไม่มี

   “ไม่ก็ไม่ครับ ไปอาบเถอะครับ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรทานตอนเช้า ก่อนจะพาไปหาคุณหงส์”

   “ทำไมต้องพาไปหาเจ๊หงส์ หยกกลับบ้านเองก็ได้นะ”

   “พี่สัญญากับนายชาติไว้แล้ว ว่าจะพาหยกไปส่ง”

   “นายชาติ?” ใครกัน ผมไม่รู้จักคนชื่อนี้สักหน่อย

   “ก็หยกเป็นหลานนายชาติไม่ใช่เหรอ”

   “เจ็กลู่น่ะเหรอครับ”

   “ก็คงใช่ ถ้าน้องหยกเรียกเขาอย่างนั้น”

   “พี่เสือครับ...”

   “ว่าไงครับ” แค่เรียกไอ้แมวนั่นจะหอมแก้มผมทำไม

   “แล้ว...ที่จะโดนพี่เสือขัง...มันหมายความว่ายังไงครับ”

   “อืม...พี่ก็ไม่แน่ใจนะ แต่พี่ว่ามันคงเป็นเพราะพี่หึงน้องหยกน่ะครับ” ไอ้แมวมันพูดพร้อมส่งสายตาวิบวับมาให้

.........................................................................

   พยัคฆ์พาหยกมายังโรงพยาบาลที่หงส์พักฟื้นอยู่ เขาส่งหยกที่หน้าห้องโบตั๋นเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปจัดการเรื่องการย้ายห้องพัก เขาขอย้ายหงส์โดยเปลี่ยนจากห้องผู้ป่วยรวมมาเป็นห้องพิเศษ ซึ่งต้องย้ายไปอีกตึกหนึ่ง เมื่อเขาจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็กลับไปยังห้องพักของหงส์ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าห้องไปก็ได้ยินคำทักทายจากโบตั๋นทันที

   “นายมาที่นี่อีกทำไม เจ่เจ้ไม่ให้คุณเจอหยกไม่ใช่เหรอ?”

   “ที่คุณมานี่ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรด่วนรึเปล่า?” หงส์ถามเขาบ้าง

   “เอ่อ...พี่เสือเขาเป็นคนมาส่งหยกที่นี่น่ะครับ”

   “พี่เสือ!! หยกไปรู้จักมักจี่กับนายนี่ตั้งแต่เมื่อไร?”

   “เมื่อวานนี้...” พยัคฆ์เห็นน้องหยกของเขาแก้มแดงขึ้นสีลามไปถึงหูอีกครั้ง ทั้งโบตั๋น ทั้งหงส์หันขวับไปมองหยกทันที โบตั๋นจับไหล่ของหยกหมุนซ้าย หมุนขาว สำรวจตามใบหน้า จนไปถึงซอกคอ จนเขาต้องอมยิ้ม ดีนะที่เขาไม่ได้ทำรอยอะไรไว้

   “มีตรงไหนบุบสลายไหมเนี๊ยะ” โบตั๋นบ่นกับหยกก่อนหันมาแว้ดใส่เขา “นายทำอะไรพี่ชายฉัน”

   “ก็แค่ทำความรู้จัก สร้างคุ้นเคยกันเท่านั้น”

   “สร้างความคุ้นเคยยังไงกัน หยกถึงได้...แล้วที่เมื่อคืนหยกไม่ได้กลับบ้าน คงไม่ได้...”

   “ตั๋น...พอแล้ว แค่นี้หยกก็อายจะแย่แล้ว” หงส์ที่อยู่บนเตียงปราม “คุณพยัคฆ์ คุณคงรู้เรื่องสัมผัสพิเศษของพวกเราแล้วสินะคะ”

   “ครับ หยกเล่าให้ฟังคร่าวๆ”

   “หยก ไม่กลัวนายนี่แล้วหรือ” โบตั๋นถามหยก หยกส่ายหน้าเล็กน้อย เขาดีใจที่เห็นหยกไม่กลัวเขา

   “คงเป็นเพราะชาสมุนไพรที่หยกดื่มไปเมื่อคืนนี้ มันอาจจะยังไม่หมดฤทธิ์มั้งครับ”

   “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ นอกซะจาก...” เขาเห็นหงส์หยุดคำพูดไว้แค่นั้น แล้วหันไปมองโบตั๋น โบตั๋นเองเข้าไปสำรวจที่คอของหยกทันที หรือเพราะสร้อยคอที่นายชาติถอดให้เขาเก็บเอาไว้? “คุณทำแบบนี้ทำไม” หงส์ถามผมหลังจากแน่ใจแล้วว่าสร้อยคอไม่อยู่

   “ผมแค่ทำตามที่นายชาติ ไม่สิ เจ็กลู่บอก”

   ครืด เสียงเปิดประตูดังขึ้นมา พยาบาลหลายคนเดินเข้ามาที่เตียงของหงส์เพื่อเตรียมโยกย้าย “เดี๋ยวย้ายห้องตอนนี้เลยนะคะคุณหงส์ ห้องทางโน้นเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนญาติๆ จะไปรอที่ห้องก่อนหรือจะรอตามไปพร้อมกันดีค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น

   “เดี๋ยวพวกเรารอแล้วตามไปพร้อมกันดีกว่าครับ” พยัคฆ์ตอบพยาบาลก่อนเดินเข้าไปจูงมือหยก “เราออกไปรอด้านนอกกันก่อนนะครับ ส่วนเรื่องอื่น ๆ คงต้องรอเจ็กลู่มาอธิบาย” เขาพูดประโยคสุดท้ายกับหงส์ก่อนเดินออกมาจากห้อง

.........................................................................

   โบตั๋นเดินออกจากห้อง ตามหลังหยกและนายแมวหง่าวนั่น เมื่อเดินถึงตัวทั้งสองเธอก็เข้าไปแทรกระหว่างกลางทันที ก่อนจะแยกทั้งสองออกจากกัน

   “นายห้ามอยู่ใกล้พี่ชายฉันจนกว่าฉันจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หยกตามตั๋นมานี่” เธอพาหยกเดินเลี่ยงออกจากนายแมวหง่าวนั่นทันที

   “เฮียขอโทษนะ ที่ทำให้ตั๋นเป็นห่วง”

   “เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้ว แต่ตั๋นอยากรู้ ว่าหยกสัมผัสความรู้สึกของไอ้แมวนั่นไม่ได้แล้วจริง ๆ เหรอ”

   “อืม ของคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ด้วย”

   “หมายความว่าไง ทั้งของเจ่เจ้ กับตั๋นก็ไม่ได้ด้วยเหรอ?”

   “อืม”

   “แล้วเมฆาขาวของหยกไปไหน?” หยกยกมือคลำที่ลำคอโดยอัตโนมัติ ก่อนส่ายหน้า

   “เฮียจำได้ว่า ตอนที่ออกจากค่ายมวยมันยังอยู่”

   “แล้วเมื่อคืนหยก...ไปอยู่กับไอ้แมวนั่นได้ยังไง” โบตั๋นเห็นหยกหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอถามจบ

   “ไม่รู้สิ เฮียตื่นขึ้นมาก็อยู่กับเขาแล้ว”

   “แล้วก่อนหน้าที่หยกจะหลับล่ะ?”

   “ตอนนั้นเฮียนั่งอยู่กับเจ็กลู่ แล้วก็กงฝู่เพื่อนของเจ็กน่ะ”

   “มันเกิดอะไรขึ้นกับหยก อยู่ๆ เซ้นส์ของหยกมันจะหายไปได้ยังไง แล้วเมฆาขาวของหยกอยู่ไหน?”

   “เฮียจำอะไรนอกจากนี้ไม่ได้จริงๆ คงต้องรอให้เจ็กลู่เป็นคนมาอธิบายให้พวกเราฟังอย่างที่พี่เสือว่านั่นแหละ”

   “พี่เสือ เรียกซะสนิทเชียวนะ ตกลงนายนั่น...กับหยก...ไปถึงขั้นไหนกันแน่ห่ะ!!” โบตั๋นเห็นหยกหน้าแดงอีกครั้งก็ได้แต่ตวัดสายตาไม่พอใจส่งไปให้ไอ้แมวหง่าวนั้นแทน

   
.........................................................................

   หลิวลู่และวรากรเดินเข้ามาในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลที่พยัคฆ์จัดการย้ายให้เมื่อเช้า เขาเห็นหงส์นั่งพิงหัวเตียงอยู่บนเตียงคนไข้ โบตั๋นนั่งอยู่ข้าง ๆ หยกบนโซฟายาวทำท่าทำทางแยกเขี้ยวใส่พยัคฆ์ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวถัดไป เสียงเปิดประตูเรียกให้คนในห้องหันมามองทางพวกเขา

   “อากร อามาได้ยังไงครับ” พยัคฆ์ถามพร้อมทั้งลุกจากโซฟาก้าวมาหาพวกเรา หลิวลู่เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงที่หงส์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่

   “เจ็ก...เขาคง” หลิวลู่พยักหน้าเล็กน้อย หงส์ก็ยิ้มส่งมาให้เขา

   “เจ็กกกกก....เจ็กๆ ๆ นายแมวหง่าวนั่นมันบอกว่าที่มันทำกับหยกเพราะเจ็กสั่ง” โบตั๋นเข้ามาเกาะแขนเขาทันที

   “นี่ ๆ ๆ คุณโบตั๋นครับ พูดให้ดี ๆ นะครับ อย่าเพิ่งเหมาสิครับ เดี๋ยวน้องหยกก็เข้าใจผมผิดกันพอดี”

   “เข้าใจผิดยังไง นายเป็นคนบอกพวกฉันเองว่านายทำที่เจ็กลู่สั่ง”

   “โบตั๋น...เรามีแขกนะ” หงส์ปราบพร้อมทั้งมองไปที่วรากร

   “แววตาแบบนี้ แสดงว่าจำอาได้ใช่ไหม” วรากรพูดพร้อมอ้อมไปที่เตียงอีกฝั่ง หงส์พยักหน้ายิ้มให้ “โตเป็นสาวแล้วนะเรา” วรากรยกมือขึ้นลูบศีรษะหงส์เล็กน้อยก่อนยิ้มพอใจเช่นกัน

   “เจ็กลู่...นั่นใครคะ เจ่เจ้รู้จักเขาด้วยเหรอ?” โบตั๋นเขย่าแขนเขา เขามองไล่ไปละคน เริ่มที่พยัคฆ์ที่เดินไปนั่งข้าง ๆ หยก ก่อนมองไปที่หงส์ และโบตั๋นที่เกาะแขนเขาอยู่

   “พวกลื้อคงต้องฟังเรื่องที่อั๊วจะเล่ากันนานหน่อยล่ะ ไปนั่งกันตรงโน้นเถอะ อย่ายืนคุยกันแบบนี้เลย”

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2018 12:29:52 โดย Amo »

ออฟไลน์ Amo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-1
Re: หยก 04-10-17 {{:::16:::}}
«ตอบ #56 เมื่อ04-10-2017 21:46:02 »

16

   ผมได้ยินเรื่องราวมากมายที่ผมไม่เคยรับรู้มาก่อนเกี่ยวกับครอบครัวผมจากเจ็กลู่ ครอบครัวผมเป็นเหมือนแก๊งผู้มีอิทธิพลในเกาะฮ่องกงมาหลายชั่วอายุคน จนมาถึงสมัยพ่อกับแม่ผม ที่มีคนบางกลุ่มเริ่มแข็งข้อแอบค้าอาวุธเถื่อน โดยใช้ชื่อเสียงและเส้นสายของครอบครัวเรา

   ครอบครัวฝู่ค้าขายยาสมุนไพร โสม และรังนกเป็นหลักมาตั้งแต่สมัยสงครามฝิ่น มีเส้นสายอยู่ทั้งในวงการแพทย์และนักการเมือง แต่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายจนกระทั่งมีข่าวลือว่าแม่ผมอ่อนแอ ไม่มีความสามารถพอที่จะบริหารธุรกิจของครอบครัวได้แม้ว่าพ่อของผมจะแต่งงานเข้ามายังตระกูลก็ตาม

   จนกระทั่งผมอายุขวบกว่าๆ พวกที่แอบค้าอาวุธบางกลุ่มถูกทางการจับได้ ซัดทอดมาที่พ่อกับแม่ของพวกผม พ่อให้เจ็กลู่พาพวกเราสามคนหนี ตอนนั้นแม่ยอมให้ตัวเองถูกจับไปสอบสวนแล้ว สุดท้ายแม่ของผมก็เสียชีวิตในห้องขังเนื่องจากเพิ่งคลอดโบตั๋นได้ไม่นาน ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี

   ผมรับรู้ถึงแรงบีบเบา ๆ ตรงฝ่ามือ คนข้างตัวผมกระชับมือผมแน่นขึ้นเหมือนจะบอกว่าเขานั่งอยู่ข้าง ๆ ผมตรงนี้ ผมหันไปสบตาเขาเล็กน้อยเพื่อจะบอกว่าผมไม่เป็นอะไร ถ้าสัมผัสพิเศษของผมกลับมา ผมอาจจะกลัวจนละเลยการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็เป็นได้

   “แล้วป๊าล่ะค่ะเจ็ก ป๊าโดนจับไปไหมคะ?” โบตั๋นเริ่มตั้งคำถาม เป็นคำถามที่ผมเองก็อยากรู้ หลังจากพวกเรานิ่งเงียบกันไปได้สักพักเพื่อทำความเข้าใจกับข้อมูลใหม่

   “ไม่มีใครรู้ อั๊วเองก็พยายามจะสืบหา เท่าที่จะพอทำได้ในตอนนี้”

   “แล้วตอนนี้คนพวกนั้น คนที่ทำให้ม๊าถูกจับ มันยังอยู่ไหม?” ผมถามบ้าง

   “นี่แหละเป็นเหตุผลให้อั๊วฝากให้คุณเสือดูแลลื้อเมื่อคืนนี้ คนพวกนั้นยังตามหาพวกลื้อกันอยู่”

   “แต่ไม่น่าจะมีใครจำหยกได้นะ ตอนนั้นหยกยังเด็กมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนให้ใครได้เห็นเลยด้วยซ้ำ”

   “มันไม่ได้จำคนหรอกอาหงส์มันเห็นเมฆาขาว”

   “นายชาติ ไม่สิ เจ็กลู่กำลังจะบอกผมว่าที่คุณลตาไม่ได้ตามหยก แต่ตามสร้อยคอที่คุณถอดออกมานั่นเหรอครับ”

   “อืม และต่อไปก็เป็นนิทานอีกเรื่องหนึ่งที่พวกลื้อต้องรับรู้ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าอั๊วไม่ใช่คนในตระกูลฝู่ ดังนั้นถ้าขาดตรงไหน อาหงส์ก็เสริมอั๊วแล้วกัน อั๊วเล่าได้เท่าที่อั๊วรู้มา”

   เจ็กลู่เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนในตระกูลฝู่กับหยกเมฆาขาวที่พวกเรามีอยู่คนละชิ้น สัมผัสพิเศษของผมไม่ได้มีมาแต่เกิด แต่เพราะผมพกเมฆาขาวติดตัวตลอดมากกว่า

.........................................................................

   พยัคฆ์วางหยกเมฆาขาวซึ่งชิ้นที่อยู่กับเขาเป็นของหยกลงบนโต๊ะกลาง โบตั๋นวางชิ้นของเธอตามลงไป ก่อนที่ชิ้นสุดท้ายเจ็กลู่จะเป็นคนนำมาวางแทนหงส์ที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง หยกทั้งสามชิ้นเมื่อนำมาวางรวมกัน ถึงแม้จะมีขนาด รูปร่าง ลวดลายที่เหมือนกัน แม้ว่ามันจะเป็นสีขาว แต่ก็ไม่ได้ขาวเหมือนกันสักทีเดียว

   เมฆาขาวของหงส์ สีออกไปทางฟ้าอ่อนๆ

   เมฆาขาวของหยก สีออกขาวน้ำนม

   เมฆาขาวของโบตั๋น สีออกไปทางชมพูจาง ๆ

   “หงส์ก็รู้มาเท่าที่เจ็กเล่านั่นแหละค่ะ ที่มากกว่านั้นก็คงจะเป็นวิธีใช้และควบคุมเมฆาขาว”

   “ตอนนี้ตั๋น...สัมผัสความรู้สึกอะไรไม่ได้เลย มันสงบมาก...อย่างที่ตั๋นไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน” คงเป็นเพราะเธอถอดวางทิ้งไว้บนโต๊ะ

   “ทำไมหงส์ถึงให้น้อง ๆ พกเมฆาขาวติดตัวไว้ตลอดเวลาล่ะ อาว่ามันน่าจะปลอดภัยกว่าถ้าหงส์เอามันเก็บไว้ที่เซฟ หรือฝากไว้กับธนาคาร”

   “หงส์บอกตามตรงนะคะอากร ว่าหงส์ไม่ไว้ใจใครเลย เพราะทุกคนที่อยู่ใกล้ในตอนนั้นคิดแต่จะตีตัวออกห่างหรือไม่ก็หาผลประโยชน์จากพวกเราที่เป็นทายาทตระกูลฝู่ ทุกคนที่เชื่อข่าวลือต่างๆ และต้องการเมฆาขาวกันทั้งนั้น หงส์เลยคิดว่าการที่น้องๆ มีเมฆาขาวติดตัวไว้ ก็จะได้หลีกเลี่ยงและระวังคนที่ไม่หวังดีกับพวกเราได้”

   “เหมือนสมัยสงครามฝิ่นที่บรรพบุรุษคุณใช้มันช่วยตัดสินใจ เลือกขายสินค้าให้กับคนกลุ่มไหน” พยัคฆ์วิเคราะห์

   “ฉันเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” หงส์พยักหน้าน้อยๆ

   “ในตอนนั้นทางเดียวที่หงส์คิดได้ว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดก็คือ การกันทุกคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเราออกไปให้ห่างที่สุด เหลือแค่เราสามคนพี่น้อง หงส์ขอให้เหล่าฝู่หาบ้านให้หลังหนึ่ง หาคนที่จะรับเป็นผู้ปกครองพวกเรา ให้เหล่าฝู่ออกไปเปิดร้านสมุนไพรจีนที่ชานเมือง แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ยอมจากไป” พูดมาถึงตรงนี้หงส์ที่เข้มแข็งมาตลอดกลับน้ำตาคลอ เสียงที่พูดเริ่มสั่น “คนคนนั้นรู้ว่าใบหน้าของเขา...” หงส์สะอื้นมองไปทางเจ็กลู่ “จะทำให้พวกนั้นจำได้”

   หยกและโบตั๋นเดินเข้าไปหงส์ที่ข้างเตียง เจ็กลู่เดินเข้าไปกอด ลูบหลังปลอบ

   “ไม่เป็นไรนะหงส์นะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”

   “แต่ถ้าไม่เพราะหงส์ ไล่เจ็กไปในตอนนั้น เจ็กก็คงไม่ต้องไปศัลยกรรมใบหน้าใหม่ หงส์ขอโทษ”

   ความจริงอีกเรื่องที่พยัคฆ์ได้ยินจากปากหงส์ ทำให้เขา หยก และโบตั๋นตกใจไม่น้อย จนต้องหันไปมองอาของเขา ที่เหมือนจะพอรู้อยู่แล้ว เขาหยิบเมฆาขาวทั้งสามชิ้นมาแล้วเดินไปสมทบกับกลุ่มคนที่ข้างเตียง เดินไปยืนอยู่ทางด้านเดียวกับอาของเขา ก่อนส่งเมฆาขาวคืนทุกคน โบตั๋นหยิบชิ้นของเธอไปเป็นคนแรก

   “อาหยกลื้ออย่าเพิ่งหยิบ ให้คุณเสือเขาออกจากห้องไปก่อน ลื้อคงรู้แล้วนะว่าเพราะอะไร” จากนั้นเจ็กลู่ก็หยิบเมฆาขาวสองชิ้นที่เหลือไป

   “อาว่า ให้ครอบครัวเขาได้คุยกันก่อนเถอะ”

   “หยก...พี่อยากให้เรารู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือหยกจะสัมผัสอะไรได้จากพี่ พี่จะไม่มีทางทำร้ายเรา” เขามองหน้าหยกจริงจังก่อนเดินตามหลังอาของเขาออกจากห้องไป

   “เฮียกร พวกคุณไปรอผมที่สวนของโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวอีกสักพักผมจะตามไป” เจ็กลู่บอกอาของเขา

.........................................................................

   พยัคฆ์และวรากรเดินออกมายังสวนลอยฟ้าของทางโรงพยาบาล ทั้งสองมองหามุมเหมาะที่พอจะคุยกันได้โดยไม่เป็นจุดสนใจจนเกินไป

   “อากร นายชาติหรือเจ็กลู่ เขาเป็นใครกันแน่” พยัคฆ์ตั้งคำถามทันทีที่เขาสองคนได้ที่เหมาะและไม่มีคนไข้เดินมาเพ่นพ่านแถวที่พวกเขานั่งกันอยู่

   “เขาก็คือหลิวลู่”

   “หลิวลู่ คุณหลิวที่พวกเราตามหามาเกือบ 8 ปีนั่นนะครับ” อากรเริ่มตามหาคุณหลิวตั้งแต่เข้ามาดูแลบริษัทฯ แทนพ่อของเขาใหม่ ๆ ก่อนที่เจ้าสัวเซียงจะมาจากพวกเขาซะอีก

   “อืม”

   “อารู้ได้ยังไงว่าเขาคือหลิวลู่ตัวจริง แล้วตั้งแต่เมื่อไร”

   “ถ้าแกรักใครสักคนมากๆ บางทีหน้าตาอาจจะไม่ใช่ส่วนสำคัญ”

   “นายชาติ... อาหลิวเขาเข้ามาทำงานที่บริษัทฯ เราเดือนกว่าๆ แล้ว อาจำเขาได้ตั้งแต่แรกเลยหรอครับ”

   “อาเพิ่งเจอเขาเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาแอบเข้ามาหาอาที่ห้องทำงาน”

   “อาจะบอกว่า ตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานในบริษัทฯ เรา อาไม่เคยเจอเขามาก่อนเลยเหรอครับ”

   “อืม อาเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าคนอย่างอาหลิว ถ้าเขาให้เราเจอ นั่นหมายความว่าเขาอยากให้เจอ แต่ถ้าไม่อยากหาให้ตายยังไงก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร” ใช่...อย่างที่อาเขาว่าจริง ๆ อาของเขาตามหามาเป็นสิบ ๆ ปี บทจะเจอกันก็เดินเข้ามาหากันเสียดื้อ ๆ

   “อาไม่เสียใจเหรอครับ ที่อาหลิวไปศัลยกรรมมา”

   “แค่อารู้ว่าอาหลิวยังมีชีวิตอยู่อาก็ดีใจแล้ว”

   “แล้วหลิวลู่ คนที่อยู่ที่ค่ายมวยนั่นล่ะครับ”

   “จำวันที่อาไปธุระกับคุณวรรณได้ไหม ที่แกโทรมาจิกอานั่นแหละ วันนั้นอาเข้าไปทำทีจะไปใช้บริการ แล้วหาเรื่องตีสนิทกับท่านครรลอง เข้าไปดูเขาเฝ้าลูกชายเรียนมวย ขนาดเจอหลิวลู่คนนั้นตรง ๆ อายังไม่เห็นท่าทีอะไร ไม่ใช่ว่าเขาทำเหมือนไม่รู้จักอานะ แต่หลิวสถานการณ์คนนั้นไม่รู้จักอาจริง ๆ แววตาเขามันบอกอาอย่างนั้น”

   “วันถัดมาอาเลยใช้หลิวลู่คนนั้นเป็นเหยื่อล่อคุณลตา”

   “ใช่ และปลาก็งับเหยื่อเสียด้วย”

   “ว่าแต่ หลิวลู่คนนั้นเป็นใคร แล้วตอนนี้เขาหายไปไหน”

   “อามารู้ทีหลังจากอาหลิว ว่าคนคนนั้นอาหลิวให้ไปทำศัลยกรรมปรับใบหน้าให้คล้ายกับเขา แล้วส่งไปที่ค่ายมวยนั่น หลังจากที่อาหลิวมาพบกับอา เขาก็สั่งให้คนของเขาย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมไปเรียบร้อยแล้ว”

   “อาหลิวคนนี้ ฉลาดจนน่ากลัว นี่ผมไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยเลยนะเนี่ย”

   “จะจีบหลานเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง ก็ทำตัวดีๆ กับเขาไว้แล้วกัน ยังไงเขาก็เป็นอาสะใภ้แกนะ”

   “ผมก็กลุ้มใจอยู่ครับ แต่ไม่ใช่เรื่องอาหลิวหรอกนะ”

   “ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ พ่อแง่แม่งอนไปอย่างนั้นเอง เดี๋ยวสนิท ๆ กันไปก็ดีเอง”

   “ผู้หญิง? อาคิดว่าผมชอบโบตั๋นเหรอครับ?”

   “อ่าว ก็คราวก่อนที่น้องเขาไปถ่ายแบบที่โรงแรม อาเห็นแกจ้องเขาตาไม่กะพริบ”

   “แล้วถ้าผมจะบอกว่าคนที่ผมสนใจ...ไม่ใช่โบตั๋นล่ะครับ”

   “หยก?”

   “ครับ ผมชอบ...หยก”

   “เฮ้อ...อาไม่ว่าอะไรหรอก แต่ขอเตือนแกไว้ แกจะมาทำเป็นหมาหยอกไก่เหมือนคนก่อน ๆ ไม่ได้แล้วนะ ถ้าขืนแกยังทำนิสัยเหมือนเดิมอยู่แกเตรียมรับมือกับอดีตหัวหน้าหน่วยซีลของเกาะฮ่องกงไว้เลย”

   “ใครครับ”

   “หึ!! อาหลิว”

.........................................................................

   ผมรับเมฆาขาวกลับมาสวมเหมือนเดิมแล้วครับ เจ็กลู่บอกให้ผมรออยู่ที่ห้องเจ๊หงส์ก่อน แล้วยังสั่งให้โทรไปลางานกับพี่กันต์ ตอนนี้สถานการณ์ของผมยังไม่น่าไว้ใจ ผู้หญิงคนที่เจอผมเมื่อวาน เจ็กลู่บอกว่าเธอรู้จักเมฆาขาว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนไทยคนไหนรู้จักมัน

   ส่วนโบตั๋นเธอกลับไปทำงานของเธอแล้วหลังจากที่ฟังเรื่องของเจ็กลู่จบ แต่เจ็กลู่ยังไม่วายกำชับให้โบตั๋นระวังตัว เพราะโบตั๋นกับผมหน้าตาคล้ายกันมาก ที่สำคัญโบตันมีเมฆาขาวอีกชิ้นติดตัวเหมือนผม เจ็กลู่รอบคอบมาก ส่งรูปผู้หญิงคนนั้นเข้ามือถือโบตั๋นไว้ ถ้าเจอที่ไหนจะได้หลบเลี่ยงได้ทัน

   เจ็กลู่เสียสละให้กับครอบครัวของเรามาก ทั้งๆ เจ็กจะทิ้งพวกเราไปอยู่กับคนรักก็ได้ แต่เจ็กเลือกที่จะไม่ไปไหน ถึงจะไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา แต่ก็คอยแวะเวียนมาหาเราบ่อยครั้ง จนเราโต ๆ กันแล้ว ระยะเวลาจึงค่อยทิ้งช่วงห่างออกไป

   “หยก”

   “ครับ เจ่เจ้จะเอาอะไร หรือจะเข้าห้องน้ำไหมครับ”

   “ไม่ใช่หรอก หยกกำลังคิดเรื่องเจ็กลู่อยู่ใช่ไหม?”

   “ครับ เจ็กศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าแบบนี้ แล้วถ้าได้กลับไปเจอกับคนรัก...เขาจะรักเจ็กลู่เหมือนเดิมไหม?”

   “อืม...เท่าที่เจ่เจ้สัมผัสได้ เขาก็ยังรักกันอยู่นะ”

   “เจ่เจ้ เคยเจอคนรักของเจ็กลู่เหรอครับ? เขาจำเจ็กลู่ได้เหรอครับ?”

   “เรื่องรายละเอียดว่าจำกันได้ยังไง เจ่เจ้ไม่รู้หรอก แต่เท่าที่เห็นวันนี้...”

   “วันนี้?”

   “อืม พวกเขาก็รักกันดีอยู่นะ และดูเหมือนอากรเองก็จะห่วงเจ็กมากกว่าเมื่อก่อนนี้อีก”

   “อากร? คุณวรากร อาของพี่เสือน่ะเหรอครับ”

   “ใช่จ้า คนนั้นแหละคนรักของเจ็กลู่ เขารักกันมานาน ก่อนโบตั๋นจะเกิดอีกนะ แล้วถ้าเจ่เจ้จำไม่ผิด อากรเคยอุ้มเราด้วย”

   “ที่ไหนครับ ที่นี่ หรือที่ฮ่องกง”

   “ที่ฮ่องกงจ้า”

   “เจ่เจ้ จำอากรได้แต่แรกเลยสินะครับ เขาเองก็คงจำเจ่เจ้ได้ ตอนเข้ามาถึงได้...”

   “ใช่จ้า เจ่เจ้รู้สึกผิดกับอากรมาก ยิ่งรับรู้ถึงความรู้สึกที่อากรมีให้กับเจ็กลู่ ทั้งห่วง และหวงมาตลอด 20 กว่าปี มันไม่เคยน้อยลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้น เจ่เจ้รู้สึกได้ว่า คราวนี้อากรจะไม่ยอมปล่อยเจ็กลู่ของเราไปไหนอีกแล้ว เหมือนกับคุณเสือที่รู้สึกกับหยก”

   “เจ่เจ้รู้อะไร ตอนนั้นหยกไม่ได้สวมเมฆาขาว หยกรับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย บอกหยกหน่อยได้ไหม?”

   “เจ๊บอกได้แค่ว่าคุณเสือเขาเป็นห่วง กังวลเรื่องของหยกมาก ยิ่งเรื่องที่เขารู้มามันยิ่งทำให้เขากลัว”

   “กลัวเรื่องที่หยกกลัวเขาเหรอ?”

   “ไม่ใช่หรอก เขากลัวว่าจะปกป้องหยกไม่ได้”

   “หยก...” ผมสับสนกับคำพูดของเจ่เจ้ ทำไมเขาต้องมาปกป้องผม ถึงผมพอจะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของผมไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไร แต่ผมก็ดูแลตัวเองได้นะ

   “หยก สิ่งที่หยกต้องพยายามฝึกให้มากหลังจากนี้ คือการควบคุมเมฆาขาว ให้มันค่อย ๆ สัมผัสจิตของคนอื่นช้า ๆ เหมือนหยกค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสมัน อย่าให้มันเป็นผ่านเข้ามาหาเราแต่ฝ่ายเดียวเหมือนที่แล้ว ๆ มา”

   “หยกต้องทำยังไง”

   “ตอนนี้หยกสัมผัสได้ถึงจิตของเจ่เจ้ ที่เป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปหาหยกถูกไหม? หยกค่อยหลับตาแล้ว สร้างเกราะให้ตัวเอง จากนั้นใช้จิตของหยกค่อย ๆ ปล่อยมันออกมาสัมผัสเจ่เจ้นะ” ผมหลับตามแล้วค่อยสร้างกำแพงในใจเพื่อปิดกั้นจิตของเจ้ เมื่อผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว ผมนึกถึงเจ่เจ้จิตผมก็ค่อย ๆ ออกไปหาเธอ

   “ดีมาก ลองค่อย ๆ นึกถึงคนที่อยู่ใกล้อย่างพยาบาลคนเมื่อครู่นะ แต่หยกห้ามไปแตะจิตเขานะ ค่อย ๆ ส่งจิตไป แค่พอรับรู้ว่าเขารู้สึกยังไงก็พอ”

   “มันยากเกินไป หยกทำไม่ได้” ผมบอกหลังจากลืมตาขึ้น

   “ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไป ฝึกกับเจ่เจ้ก่อน”

   “ที่เจ่เจ้ให้ผมฝึกนี่ ใช่แบบเดียวกับที่เจ่เจ้สื่อสารกับหยกหรือตั๋นผ่านจิตใช่ไหมครับ”

   “ใช่จ้ะ หยกต้องฝึกฝนให้คล่อง อย่างน้อยแค่ปิดกั้นจิตได้ระดับหนึ่ง ไม่ต้องรับความรู้สึกใครเข้ามาทั้งหมด มันก็เพียงพอที่จะให้หยกสามารถเข้าใกล้คุณเสือได้โดยไม่กลัวอีก และอีกอย่าง ถ้าหยกชำนาญพอ หยกจะสัมผัสจิตได้หลาย ๆ คนพร้อมกัน และระยะไกลขึ้น”

   “ของเจ่เจ้ ถึงขั้นไหนแล้วครับ”

   “ขั้นไหนหรอ? ไม่รูสิ แต่ตอนนี้เจ่เจ้ได้ยินคุณเสือสารภาพกับอากรว่าเขาชอบเรา”

   “ห๊ะ!!”

   “แต่เขายังต้องผ่านด่านของเจ็กลู่ให้ได้ก่อน อากรขู่เขาแบบนั้น”

To Be Continue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2018 22:54:40 โดย Amo »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: หยก 04-10-17 {{:::16:::}}
«ตอบ #57 เมื่อ05-10-2017 11:41:28 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: หยก 04-10-17 {{:::16:::}}
«ตอบ #58 เมื่อ05-10-2017 12:58:40 »

 o13

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: หยก 04-10-17 {{:::16:::}}
«ตอบ #59 เมื่อ05-10-2017 14:13:01 »

ดีจัง พี่เสือเข้าใกล้น้องได้แล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด